ตอนที่ 1
กล้าหาญ
‘พี่ เอ๊ย มึงชื่อไร’
‘พี่อ่ะถูกแล้ว’
‘ไม่เอา จะเรียกมึง’
‘ไอ้เหี้ย กวนตีนกูแล้วมั้ยล่ะ’
‘ก็มึงตัวเล็กกว่ากูเยอะอ่ะ เรียกพี่ก็กระดากปากแย่เลยดิ’
‘ไอ้สัดนี่ มึงตาย!’
‘โอ๊ะๆ จะเตะอ่ะ ขาถึงเหรอ’
‘-วยเอ๊ยยยยยยยยย’
‘ตลกชื่ออะไรเนี่ย’
‘กูไม่บอก’
‘เดี๋ยวกูไปหาถามคนแถวนี้เอาก็ได้’
‘...’
‘กูจะบอกด้วยว่าคนที่เป็นนักเลงประจำโรงเรียนหมดฝีมือ ต้องให้เด็กมอห้าหน้าใหม่มาช่วยจากการเกือบโดนเป็นศูนย์รวมตีน’
‘ชื่อกล้าหาญ!’
‘น่ารัก’
‘ชื่อกูน่ารักตรงไหนวะ ออกจะโคตรแมน พูดใหม่เดี๋ยวนี้เลยนะ’
‘ชื่ออ่ะไม่น่ารักหรอก มึงอ่ะน่ารัก’
‘กูไม่คุยกับมึงแล้ว’
‘...’
‘แล้วอย่าไปบอกใครนะว่ากูพลาดท่าให้โรงเรียนคู่อริอ่ะ’
‘ไม่บอกหรอก แต่ขออะไรมาแลกเปลี่ยนหน่อย’
‘นมเปรี้ยวได้มั้ย’
‘ทำไมต้องนมเปรี้ยว’
‘เพราะกูชอบ’
‘ได้เหรอแบบนี้’
‘ได้สิวะ’
‘กูชื่อนายท่านนะ’
‘ไม่ได้ถามมึงเลยเหอะ’
‘กูบอกเพราะอยากให้มึงรู้จัก’
ลานอเนกประสงค์ คณะเศรษฐศาสตร์
“มันเป็นไรวะ”
“ไม่รู้ดิ”
“หรือแม่งเดินผ่านวิศวฯ แล้วโดนรุมโทรมมา”
“จริงดิ”
“...”
“แล้วทำไมพวกนั้นไม่เรียกกูไปดูวะ”
ผมแจกนิ้วกลางใส่ไอ้เซียนกับไอ้สัดตงด้วยความรัก (ประชด) เห็นว่ากูสติหลุดแบบนี้กูก็ได้ยินสิ่งที่พวกมึงพูดนะเว้ย
หลังจากกลับมาจากร้านอาหารป้าปอย ผมก็นำข้าวไปให้ไอ้เชี่ยเอ้จัดการต่อ จากนั้นก็มานั่งหมดอาลัยตายอยากเหมือนคนที่แบกความทุกข์เอาไว้บนบ่า ใบหน้าของนายท่านยังคงวนๆ เวียนๆ ในหัวผมทั้งๆ ที่มันไม่ได้ทำสีหน้าแบบเดิมกับผม แต่มันก็ไม่ยอมหายไปจากหัวผมสักที
แต่ก่อนมันมองผมด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเจ้าชู้และก็เอ่อ...ความรัก...มั้งนะ แต่เมื่อตะกี้แม่งมองผมเหมือนผมเป็นแมลงที่สมควรฆ่าแล้วเหยียบซ้ำ มันมีเหตุผลครับที่จะมองผมแบบนั้น เพราะผมเคยทำผิดกับมันมา เป็นความผิดที่เรียกได้ว่าสร้างแผลใจที่ใหญ่มากให้กับมันเลยทีเดียว
มันเคยขอผมคบเป็นแฟน แล้วผมปฏิเสธมัน...
เหตุผลในตอนนั้นมีอยู่อย่างมากมาย ทั้งบอกมันได้และก็บอกไม่ได้ เหตุผลที่มันรู้ก็คือผมคบกับมันไม่ได้ เพราะตอนนั้นผมไม่อยากเป็นเกย์ ผมมีเพื่อนรุมล้อมมากมายแถมยังคิดว่าผมเป็นมนุษย์ที่สมควรเอาเป็นแบบอย่าง ด้วยการที่ผมเป็นไอดอลของเด็กวัยรุ่นหลายๆ คน จะให้ผมเปิดตัวมาคบกับผู้ชายได้ยังไง
อีกเหตุผลหนึ่งก็คือผมเป็นเกย์ไม่ได้ บ้านผมมีแต่ผมคนเดียวเท่านั้นที่เป็นผู้ชาย นอกนั้นเป็นผู้หญิงกันหมด ผมมีพี่สาวสามคน ก่อนจากไปพ่อได้ฝากฝังกับผมตอนที่ยังเด็กว่าผมต้องดูแลพวกพี่ๆ กับแม่ให้ดีเพราะผมเป็นผู้ชายคนเดียวของบ้าน คำๆ นั้นของพ่อทำให้ผมยึดเป็นคติในการใช้ชีวิตเรื่อยมา
การที่ผมจะปกป้องพี่สาวของตัวเองได้ ผมจะให้คนอื่นรู้ว่าผมเป็นเกย์ไม่ได้
และพี่สาวผมแม่งก็เสือกสวยทุกคนอีก รู้สึกอยากจะตายให้หนอนแดกจริงๆ
มันรู้เหตุผลของผมแค่นี้...พอลองอธิบายให้ไอ้นายท่านฟังมันก็อาละวาดหนักมากก่อนจะนอนซมและก็เศร้าอยู่นานหลายเดือน ผมรู้เรื่องนี้ก่อนที่จะโดนมันกับเพื่อนของมันซึ่งก็คือทิมกับนุกบล็อกผม...หลังจากนั้นผมก็ไม่รู้ข่าวคราวอะไรจากมันอีก ไปตามรุ่นน้องรุ่นเดียวกับมันที่โรงเรียนก็ไม่มีใครยอมบอก
ทุกคนพากันโกรธผมที่ผมเทสุดหล่อของรุ่น...เนื่องจากที่ผ่านมาทุกคนรู้ดีว่านายท่านมันชอบรุ่นพี่อย่างผมมากมายเพียงใด
ความรู้สึกของผมมีเพียงผมกับเพื่อนเท่านั้นที่รู้ ผมไม่เคยบอกนายท่านว่าผมคิดยังไงกับมัน มันคงรู้ได้ด้วยตัวเองจากสายตาและการกระทำของผม แต่พอมันมาขอคบกับผม...ผมกลับตัดขาดมันอย่างไร้เยื่อใย นั่นย่อมทำให้มันคิดได้ว่าผมให้ความหวังมันจากนั้นก็เทมันซะงั้น
จริงๆ แล้วผมชอบมันจะตาย
ยิ่งได้กลับมาเห็นหน้าอีกครั้ง...ผมก็ยิ่งรู้สึกโหยหา
ไม่รู้ว่าทำไมมันถึงมาอยู่มหา’ลัยนี่ในช่วงเวลาใกล้เปิดเทอมนี้ หรือว่า...มันจะสอบเข้าที่นี่!
“แม่งคงโดนเอาจนฟ้าเหลืองอ่ะ ดูดิ ถึงกับตาลอย”
งานจัญไรแบบนี้มีแต่ไอ้ห่าเซียนเท่านั้น “ไปไกลๆ กู” ผมผลักใบหน้าขาวจั๊วะของมันออกไปให้พ้นสายตา
“พวกวิศวฯ เอาก็ไม่เรียกกูไปดู” ตงพึมพำ แม่งยังไม่ล้มเลิกความคิดนี้อีกเหรอ
“ไอ้สัดตง...อย่ามาหยาบคายสวนทางกับใบหน้าผู้ดีๆ ของมึง” หรือเพราะมันมาคบผมกับไอ้เซียนวะ มันถึงเถื่อนดิบสวนทางกับใบหน้าหล่อหรูดูแพงของมัน
“กูขอไปดูด้วยคนได้มั้ย” หมูหันเอ่ยลอยๆ ด้วยใบหน้าเอ๋อๆ ถ้าความหวังสุดท้ายของกลุ่มยังเป็นซะขนาดนี้ ผมคิดว่ากลุ่มเราคงกลายเป็นกลุ่มกเฬวรากไปแล้วล่ะ
“ทำไมพวกมึงชอบพูดจาแบบนี้กับกูจัง ก็บอกแล้วไงว่ากูน่ะแมน แมนมาก!”
“แมนที่สุดในบ้านไม่สมควรเอามาอวดอ้างนะเว้ย”
“ไอ้เหี้ยเซียน”
“คนแมนอะไรคิดถึงผู้ชายด้วยกัน”
ผมชะงักกึก ปกติแล้วไอ้เซียนมันจะล้อผมเรื่องนายท่านซึ่งเป็นผู้ชายในอดีตของผมอย่างเป็นกิจวัตร แต่สำหรับวันนี้มันแปลกออกไป แทนที่ผมจะตอบโต้แล้วก็ด่า ผมกลับเงียบเพราะรู้สึกสะเทือนใจ
กูเพิ่งไปเจอมันมาเนี่ยสาด
“นั่นไง กูว่าแล้วว่ามันผิดปกติจริงๆ” เซียนถึงกับเดินไปรอบๆ ผม “ถ้าไม่ใช่วิศวฯ รุมเอาแล้วตกลงมึงเป็นอะไรวะกล้า”
ผมมองหน้าเซียนกับตงผู้ที่รู้เรื่องไอ้นายท่านเป็นอย่างดี ส่วนหมูหันที่เพิ่งมารู้จักตอนเรียนมหา’ลัยนี้มันรู้เรื่องนายท่านนิดหน่อย แต่มันก็พอรู้ว่าผมมีความรู้สึกยังไงกับนายท่าน
สรุปก็คือพวกแม่งรู้กันหมดครับว่าใจผมเป็นยังไง
“กูว่ากูรู้นะ” หมูหันพูดด้วยสีหน้าเอ๋อตามเคย “กูเพิ่งไปเช็กทวิตเตอร์มา ตอนนี้กำลังเป็นที่ฮือฮา”
“อะไรวะ”
“ทายาทสามค่ายยักษ์ใหญ่ของวงการบันเทิงไทยมาเรียนคณะนิเทศฯ ที่มอเรา”
“หา!”
“จริงดิ”
เซียนกับตงหันขวับมาที่ผม ไอ้พวกนี้ไม่สนใจหรอกครับว่าจะมีลูกค่ายไหนมาเรียนที่นี่ แต่มันสนใจก็เพราะหนึ่งในนั้นต้องมีนายท่านแน่นอนไม่ต้องสืบ
แม่มันเป็นเจ้าของค่ายทำละครครับ
เฮ้ยยย ถ้าเป็นอย่างงั้นผมก็ดีใจดิ หมูหัน มึงอย่าให้กูตั้งความหวังลมๆ แล้งๆ นะ
“ไหน” ผมร้องขอดูหลักฐานทันที หมูหันส่งโทรศัพท์ของมันมาให้ผมดู เซียนกับตงรีบยื่นหน้าเข้ามาดูกันใหญ่
แกกกกกก ทำไมยิ่งโตยิ่งงานดี หน่องนายท่าน หน่องทิม และก็หน่องนุกนิกที่คณะนิเทศฯ มอเราเองจ้า ใต้ทวิตเป็นรูปสี่รูปซึ่งเป็นเซ็ตเดียวกันหมด เด็กสามคนกำลังนั่งอยู่ในแถวของปีหนึ่งเพื่อฟังรุ่นพี่พูด ชุดที่นายท่านมันใส่ก็คือชุดที่ผมเห็นมันที่หน้าตู้แช่อาม่าวันนี้นี่แหละ
เหี้ยยย มันมาเรียนที่นี่จริงๆ ด้วย!
“เหยดเข้ หนึ่งหมื่นสี่พันรีทวิต บ้าไปแล้ว” ตงพึมพำ
“เจ้าชายแห่งวงการบันเทิงคนต่อไป” เซียนยิ้มกริ่ม มองมาที่ผมอย่างมีความหมาย “มันมาเรียนที่นี่แปลว่าอะไรแปลว่ามึงมีโอกาสที่จะได้ง้อมันหรือเปล่านะ เอ๊ะๆๆ”
คนบ้าอะไรถามเองตอบเอง
“ไม่รู้” ผมยังไม่คืนโทรศัพท์ให้หมูหัน เพราะผมอยากส่องรูปอื่นๆ ของนายท่านต่อ
นายท่านเจ้าขา ไพร่อยู่นี่เจ้าค่ะ
แบบนี้ไม่อยากดูละครแล้วค่ะ อยากดูลูกคนทำละครค่ะ
หน้าแบบนี้ทำไมไม่ยอมไปเป็นพระเอกให้แม่นะ งงใจ “โอ้โห ลูกชายเจ้าของค่าย แม่งดังกว่าดาราที่มาเรียนอีกนะ” ตงมองเด็กสามคนนั้นตาวาว “ไม่อยากเชื่อว่าหนึ่งในนั้นจะเคยมาตามจีบมึงตื๊อมึง เหลือเชื่อเลย”
รู้สึกเหมือนโดนกัดยังไงไม่รู้...กูมันไม่ดีตรงไหน แค่กูเตี้ยไปหน่อยเฉยๆ!
“แล้วตกลงมึงจะเอาไงเรื่องนายท่าน” เซียนที่ปลื้มนายท่านมาตั้งแต่สมัยมัธยมเอ่ยปากถาม “จะง้อหรือจะปล่อยมันไป”
“น้องมันอุตส่าห์มาเรียนที่นี่ทั้งทีนะ” หมูหันทำสีหน้ากระตือรือร้น
“ไอ้สัด มันผ่านมาสองปีแล้วนะ ตอนนี้อาจจะมีเมียมีลูกไปแล้วมั้ง”
โป๊ก ไอ้ตงเขกกะโหลกคนที่เป้านิ่งของอย่างผม “คิดได้ยังไง”
“ไม่รู้โว้ย” ผมถอนหายใจ “กูเจอมันมาแล้ว สายตาที่มันมองกูอย่างกับกูไปฆ่าแม่มันมา”
สิ้นเสียงบ่นอุบของผม พวกเพื่อนนี่แทบจะรุมทึ้งผมเลยทีเดียว
“เมื่อไหร่ ไหนเล่า!” ตงร้อง
“มึงเพ้อถึงไอ้นายท่านให้พวกกูฟังมาสองปี พอเจอตัวจริงกลับไม่เล่าให้พวกกูฟังเลยเนี่ยนะ” ไอ้เซียนเองก็เสียงดังไม่แพ้กัน
“มึงหักหลังพวกกู มึงหักหลังพวกกู” แม้กระทั่งไอ้หมูหันก็ยังเป็นไปกับเขาด้วย
ต่อมความเสือกของพวกมันเริ่มทำงาน แต่ผมนั้นไม่อยากแม้แต่ที่จะเล่า ยิ่งเมื่อนึกถึงสายตาเย็นชารวมไปถึงคำพูดที่โคตรจะห่างเหิน ผมก็เจ็บจี๊ดในใจแล้ว
แต่ในเมื่อเพื่อนมันรู้เรื่องราวของผมมากมาย ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะปิดบังพวกมัน
ทันทีที่เล่าจบ พวกมันก็...
“สวัสฯ มีน้องหิวน้ำ!” ยังไม่ทันที่เราจะได้ถกประเด็นอะไรกัน เสียงไอ้เชี่ยเอ้ ควีนออฟอีโคโนมิกก็ร้องสั่งแทรกขึ้นมาเสียก่อน จากที่ชุมนุมกันอย่างกับเป็นสมัชชาคนจน ตอนนี้ต้องแตกฮือแล้วรีบไปแจกน้ำน้องก่อนที่น้องจะคอแห้งตายไปซะก่อน
ระหว่างที่แจกน้ำน้องอยู่นั้น ไอ้เชี่ยเซียนแม่งก็ยังวนมาพูดถึงเรื่องของผมจนได้
“น้องมันคงโกรธมึงมากอ่ะ” ก่อนจะพูดอะไรมึงช่วยดูหน้าเด็กปีหนึ่งตาดำๆ ที่มองมึงกับกูอย่างสงสัยหน่อยได้มั้ย “แต่จะไม่ให้โกรธได้ไงไหว คนบ้าอะไรบอกว่าอยากแมน ทั้งๆ ที่ทำตัวอ่อนแอให้เขาตามจีบอยู่ตั้งเกือบปี”
“กูไม่ได้อ่อนแอซะหน่อย” เชี่ยเซียนแม่งชอบสะกิดต่อมความ (อยาก) แมนของผมเหลือเกิน
“สมัยนั้นเชี่ยนายท่านตามมึงอย่างกับเป็นบอดี้การ์ด ไม่มีใครคิดว่ามึงเป็นนักเลงหัวโจกแล้วตั้งแต่ที่นายท่านมาจีบ”
“จะอะไรก็ช่างเถอะ” ผมรู้สึกเซ็งมาก “มันเปลี่ยนไปแล้ว”
“ใจเย็นดิ เรายังไม่รู้ความจริง”
“ดูการกระทำกับสีหน้าเมื่อตะกี้ก็รู้แล้วมั้ยวะ”
“มึงเพิ่งเจอแค่ครั้งเดียวเองไอ้เหี้ย แค่นี้ก็ยอมแพ้แล้วเหรอวะ” เซียนร้องลั่นจนน้องผู้หญิงแถวนั้นสะดุ้ง นี่ถ้าน้องมันตั้งใจฟังดีๆ คงเอาเรื่องราวของผมไปทำอัตชีวประวัติขายได้เลย เชี่ยเซียนแม่งพูดเรื่องผมแบบที่ไม่สนใจคนอื่นจริงๆ “นึกถึงตอนที่มันตามตื๊อมึงดิ กูจำได้เลยนะว่ากว่ามึงจะให้เบอร์มันก็เล่นเอามันเหนื่อยแทบตายเลยนี่”
“...”
“สงสัยคงคิดว่าตัวเองสวยมากสิท่า”
“ไอ้ห่าเซียน” เท้างามๆ ของผมเตรียมยันตูดไอ้เซียนให้ล้มหัวทิ่ม คำพูดคำจาของมันแม่งทำเอาผมเสียความเป็นชายหมด
“เชื่อกู มึงอย่าเพิ่งยอมแพ้” เซียนเรียกหมูหันให้เอาน้ำแพ็คต่อไปส่งมาให้มัน “ถ้ามึงอยากยอมแพ้ ให้มึงนึกถึงตอนที่ไอ้เชี่ยท่านมันมาจีบมึง”
ผมชะงักเมื่อได้ยินคำพูดนั้นของเซียน
“ตอนนั้นแม้แต่คำว่าเหนื่อยก็ยังไม่เคยออกมาจากปากของมันเลย”
ฝ่ายสวัสดิการจัดการอาหารตอนกลางวันเรียบร้อย ทีนี้ก็เหลือจัดหาอาหารตอนเย็น
แทนที่ผมจะมุ่งตรงไปที่ร้านอาหารป้าปอย ร้านประจำของนักศึกษาคณะเศรษฐศาสตร์ (แม่งอยู่ไกลคณะมากนะครับ แต่ก็ชอบทานร้านนี้กันหมด ใครงงก็มายืนรวมกับผมได้) ผมกับเดอะแก๊งกลับมาที่คณะนิเทศศาสตร์แทน บอกเลยว่าคณะนี้เป็นหน้าเป็นตาให้มหา’ลัยอย่างมาก เพราะมีรุ่นพี่จบไปเป็นคนในวงการบันเทิงอย่างมากมายทั้งเบื้องหน้าและก็เบื้องหลัง เรียกได้ว่าเป็นชนชั้นสูงของมอกันเลยทีเดียวเชียว
ไม่แปลกใจที่จะยังมีคนคึกคักอยู่ใต้ตึก เพราะนอกจากจะมีการรับน้องปีหนึ่งที่เพิ่งเข้ามาใหม่แล้ว ยังมีแขกที่เป็นแฟนคลับเข้ามาดูหน้าและก็ถ่ายรูปน้องๆ เหล่านั้นอีกด้วย ผมได้ข่าวว่ามีดาราวัยรุ่นหลายคนมาเรียนเยอะแยะ อีกทั้งยังเยอะกว่าทุกปี ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะลูกชายประธานค่ายยักษ์ใหญ่สามค่ายพร้อมใจจูงมือกันมาเรียนที่นี่หรือเปล่า ถึงได้เกิดปรากฎการณ์ที่ว่ามีดารามาเรียนมอผมเยอะมากมายขนาดนี้
การสร้างคอนเนกชั่นเอาไว้ก็เป็นเรื่องดี ถ้าได้รู้จักมักจี่กับไอ้สามคนนี้เอาไว้บอกเลยว่าอนาคตในวงการรุ่งแน่
จะว่าไปกูก็อยากมีคอนเนกชั่นบ้าง
...เพราะกูไม่มีคนรู้จักอยู่ที่คณะนิเทศศาสตร์นี้เลย ไอ้เหี้ยเอ๊ยยยยยยย ยืนงงกันเป็นไก่ตาแตกกันหมดทั้งเพื่อนและก็ผม
“นี่เรามายืนกันพร้อมป้ายชื่อปีสองคณะเสดสาดเนี่ยนะ” ไอ้เซียนรีบถอดป้ายชื่อออก “ไม่โอเคว่ะ เราแม่งต้องเนียนให้มากกว่านี้หน่อย”
“ถามจริง นี่มึงมาสืบเรื่องนายท่าน หรือมึงมาส่องสาว”
“อย่างหลังดิวะ มึงมันสำคัญตรงไหน”
นี่แหละครับเพื่อนแท้...ผมสนิทกับไอ้เซียนที่สุด แต่ก็เกลียดขี้หน้ามันที่สุดเหมือนกัน เราสี่คนจัดการซ่อนป้ายชื่อเรียบร้อย ตอนนี้ก็เลยเนียนทำเป็นคนในคณะนิเทศฯ โดยที่ไม่สนใจว่าแต้มบุญกับหนังหน้าจะเข้าข่ายใกล้ความเป็นนิเทศฯ หรือเปล่า
“แก นายท่านหล่อมากเลยอ่ะ”
“น้องนายท่านคนดีของของพี่”
“ฉันไม่ได้มองคนอื่นเลยอ่ะแก นายท่านวิ้งมาก ออร่าจับมากกกก”
เสียงแฟนคลับพร้อมกล้องอันเบ้อเร่อสองสามคนเดินผ่านหน้าพวกผมไป ผมมองตามไปยังจุดที่พวกเธอเพิ่งจากมา พบว่ากำลังมีเด็กปีหนึ่งคณะนิเทศฯ โขยงใหญ่กำลังแตกกระสานซ่านเซ็นมาจากการชุมนุมเมื่อสักครู่ บอกเลยว่าผมไม่สามารถมองเห็นตัวไอ้นายท่านได้เลยเพราะออร่าของสาวๆ ที่นี่แยงตาของผมไปหมด
“ขาว”
“คาวาอี้สัดๆ”
“แม่ของลูกอาจจะอยู่แถวนี้นี่แหละ”
ตอนนี้ผมตรัสรู้แล้วว่าพวกเพื่อนแม่งไม่ได้มาที่นี่เพราะเรื่องของผมหรอก แม่งมาเพราะงูบนหัวของพวกมันนี่แหละ ผมคิดอย่างหน่ายในใจก่อนที่สายตาของผมจะไปหันไปเจอคนที่ผมกำลังตามหา
อยู่ดีๆ ความป๊อดก็พุ่งทะยานถึงขีดสุด ผมรีบหลบหลังไอ้เซียนคนที่สูงที่สุดในกลุ่มด้วยความไวแสง เมื่อกี้แม้แต่หน้ามันก็ยังเห็นไม่ชัด เพราะผม...ป๊อดดดดดด
“เชี่ยกล้า เป็นเหี้ยไรเนี่ย”
“นายท่านมา”
“มึงมาหามันไม่ใช่เหรอ”
“ไม่ได้มาหา” ผมกระซิบ “แค่มาดูหน้า”
“มาดูหน้าแต่มาหลบหลังเซียนทำไม” หมูหันไม่เข้าใจผม
“กล้ามึงจะบ้าหรือไง แค่มาดูหน้าเฉยๆ ชาติหน้ามั้งคงจะได้เรื่องได้ราว” เซียนยืดตัวขึ้น ทำท่าเหมือนจะเดินเข้าไปประจันหน้า
“ไอ้เหี้ยเซียน!”
“ทำไม กูจะไปทักรุ่นน้องกูมันผิดเหรอ”
“กูไม่ให้ทัก”
“มึงเป็นพ่อกูเหรอถึงได้มาสั่ง”
“กูเป็นผัวมึง”
“ฟายยยยเอ๊ย เตี้ยขนาดนี้ยังมาทำเป็นพูด”
“กูไม่ได้เตี้ยโว้ยยย” เจอคำนี้ทีไรรู้สึกเหมือนโดนด่าพ่อทุกที มีแต่กูที่ด่าตัวเองด้วยคำนี้ได้เท่านั้น มึงจำเอาไว้เลยนะ
“อย่าไปพูดแบบนี้กับใครนะเว้ย กูอายแทน”
“ไม่”
“สัดกล้า”
“-วยไรล่ะเหี้ยเซียน”
การที่ผมบอกว่าผมเป็นผัวมันทำให้ไอ้เซียนล้มเลิกความคิดที่จะไปหานายท่าน เพราะมันหันมาจัดการไล่เตะต่อยผมแทน
ไอ้สัด...มึงคือบังเกอร์ของกูนะ มึงต้องยืนนิ่งๆ ดิ
“พี่กล้า กล้าหาญบอยนี่” เสียงคุ้นหูทำเอาผมกับเพื่อนหยุดทุกการกระทำ คนที่พูดชื่อไอจีต่อท้ายชื่อปกตินี้จะมีสักกี่คนบนโลกใบนี้กัน “สวัสดีครับพี่ ผมทิมไง ทิมอันเดอร์สกอร์จีวาย จำได้มั้ย”
ผมกลืนน้ำลายดังเอื้อกตอนที่ค่อยๆ หันไปมองช้าๆ ไอ้ทิมลูกเจ้าของค่ายละครจีวายกำลังยืนยิ่มแฉ่งส่งออร่ามาให้ผม ข้างๆ ของมันคือนุก ลูกเจ้าของค่ายละครพีวายเจ มันกำลังยิ้มตาหยีส่งมาให้ผมเช่นเดียวกัน
ห่างๆ ออกไปนั่นคือไอ้นายท่าน ลูกเจ้าค่ายละครเอสเอ็น แม่งกำลังทำหน้าบอกบุญไม่รับเหมือนอยากหายไปจากโลกใบนี้
“จำได้ดิ” ผมยิ้มแห้งๆ ตอบกลับไป ผมรู้จักกับทิมและนุกเพราะนายท่านเป็นคนแนะนำให้รู้จัก สองคนนี้ไม่ใช่รุ่นน้องโรงเรียนของผมครับ แต่เป็นเพื่อนสนิทของนายท่านสมัยที่มันเรียนอยู่โรงเรียนนานาชาติ ผมยังไม่เคยถามนายท่านว่ามันย้ายมาโรงเรียนชายล้วนที่มีขนาดเล็กเท่าขี้ตาแมวของผมทำไม
เพราะงั้นทุกวันนี้ก็ยังไม่รู้เหตุผล...
“พี่เรียนอยู่คณะนี้เหรอครับ”
ผมส่ายหน้าดิก ตอนนั้นเป็นจังหวะเดียวกันกับที่ไอ้เซียนกระทุ้งสีข้างผม
ฉิบหาย...กูไม่เนียนเหรอ
“พอดีมาหาเพื่อนที่นี่น่ะ มันบอกให้มาช่วยงานมันหน่อย”
“คณะพี่ไม่ได้มีงานอยู่เหมือนกันเหรอครับ” คราวนี้เป็นทีของทิมที่จะต้องโดนกระทุ้งสีข้างจากนุกบ้าง
“ตกลงมาเรียนที่นี่เหรอ”
“ครับ” ทิมตอบ “โดนบังคับมา”
นุกกระทุ้งสีข้างของทิมอีกรอบ ให้ตายเถอะ มึงจะกระทุ้งทำไมกันนักกันหนา...
“หวังว่าผมจะได้เจอพี่บ่อยๆ นะครับ”
“เอาเบอร์มาดิ เผื่อจะได้ติดต่อ” ขอเบอร์ไอ้ตัวข้างหลังยังไม่ได้ ผมก็ขอเอาเบอร์เพื่อนมันก่อนก็แล้วกัน
“ไปได้แล้ว หิวข้าวสัด” นายท่านเดินมาลากตัวไอ้ทิมกับไอ้นุกเพื่อนมันออกไปให้ห่างผม ก่อนจากมันไม่ลืมที่จะยกมือไหว้รุ่นพี่ของมันอย่างไอ้เซียนกับไอ้ตงด้วย “พี่ หวัดดีครับ”
แล้วกูล่ะ...
มึงไม่ต้องไหว้กูก็ได้ แต่อย่างน้อยก็ช่วยมองหน้ากูนิดนึง
“เอ่อ...หวัดดีนายท่าน” ตงถึงกับยืนตัวแข็งทื่อ มองดูสารร่างสูงๆ ของไอ้นายท่านเดินออกไปกับเพื่อนด้วยความอึ้งกิมกี่
ผมถอนหายใจรัวๆ ใส่ใบหน้าของเพื่อนทีละคน
“กูบอกแล้วว่ากับกูมันเย็นชาระดับสิบ”
“หล่ออ่ะ” หมูหันที่เพิ่งเคยเห็นหน้าของนายท่านถึงกับเอ่ยปากชม “หล่อฉิบหาย หล่อเหี้ยๆ”
“นี่มึงเป็นเกย์ป่ะเนี่ยหมูหัน” เซียนถาม
“กูจะเป็นเพราะหน้าไอ้ท่านเนี่ยแหละ”
“เงียบไปเลยมึงอ่ะ” ทำไมกูรู้สึกไม่พอใจนิดๆ นะ เชี่ยหมูหันมันเป็นผู้ชายซื่อๆ พูดตรงๆ ตามความรู้สึก ที่ผ่านมาเห็นมันสนใจผู้หญิงนมใหญ่ๆ มาโดยตลอด แต่ทำไมพอเจอหน้าไอ้นายท่าน มันถึงได้พูดออกมาแบบนี้วะ
ตัดประเด็นเรื่องนี้ออกไปก่อนเถอะ...(บอกตัวเอง)
“น้องมันสูงห่างจากมึงมากนะกล้า มันมาชอบมึงได้ไงเนี่ย”
“ไม่ด่ากูว่าเตี้ยเลยล่ะ”
“ด่าได้เหรอ ปกติเห็นด่าคำนี้แล้วของขึ้นตลอด”
“...”
“เงียบแบบนี้แสดงว่าด่าได้ใช่ป่ะ”
“ไอ้...” หมูตอนเอ๊ยยยยยย
“เอาล่ะๆ” เซียนห้ามปรามผมกับหมูหัน “กูลองวิเคราะห์เรื่องไอ้นายท่านดูแล้ว...”
“เป็นไงวะ” ขอสาระตรงๆ เน้นๆ ทีเถอะ
“กูว่ามึงไม่มีโอกาสเหลือแล้วล่ะกล้า ทำใจซะนะ”
ฟ้าผ่าเปรี้ยงลงกลางกบาลผมเป็นครั้งที่สองของวัน...
“จริงดิ”
“เออ”
“กูดูสายตามันแล้วนะ แม่งเปลี่ยนไปมาก ไม่เหลือเค้าของคนที่ชอบมึงฉิบหายแบบเมื่อก่อนเลย” ตงเสริม
ให้ตายเถอะ...ผมยอมให้พวกมันรุมล้อรุมแกล้งดีกว่าให้พวกมันมาพร้อมใจกันพูดตรงๆ ใส่ผมแบบนี้นะ
“มันก็ไม่แปลกอ่ะ มึงทำมันเจ็บฉิบหาย แล้วเรื่องมันก็ผ่านมาสองปีแล้ว ยังไงความรู้สึกมันก็ไม่มีวันเหมือนเดิม”
ใจกูรู้สึกสะดุ้งสะเทือนจนแทบยืนไม่อยู่...แต่แล้วความแมนที่อยู่ในสายเลือดก็พุ่งทะยานแทนที่ความป๊อดเพราะคำพูดของเพื่อนไม่กี่ประโยค
“หน็อย เดี๋ยวกูจะไปถามแม่งตรงๆ พวกมึงคอยดู!” พูดจบผมก็รีบเดินไปให้ทันร่างสูงๆ ทั้งสาม แต่ยังไม่ทันที่ผมจะถึงตัวทายาทเจ้าของค่ายพวกนั้น ผมก็โดนสาวๆ จากไหนไม่รู้มาแทรกกลางแล้วก็เบียดผมให้ไปพ้นทางก่อน
หมดกัน...ฉากแมนๆ ที่กูกำลังจะทำให้มันเกิด
“ขอถ่ายรูปหน่อยนะคะนายท่าน”
“นายท่านขา มีไพร่อยากได้รูปนายท่านค่ะ”
“น้องนายท่าน กรี๊ดๆๆๆ”
“น้องนายพลสบายดีอยู่ใช่มั้ยคะ”
ได้แต่ยืนมองหงอยๆ เพราะตอนนี้ความดังของไอ้นายท่านคงดังมากพอๆ กับน้องเจ้านายลูกชายเจ เจตรินไปแล้วมั้ง (ว่าไปนั่น) มันถูกถามถึงน้องของมันที่เรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาในตอนนี้ด้วย ผมไม่เคยเห็นเด็กคนนี้เพราะเรียนอยู่คนละโรงเรียนกัน แต่ที่แน่ๆ ผมจำได้ว่านายท่านเคยบอกผมว่าเป็นเด็กที่แสบมาก จริงๆ มันก็ว่าน้องมันแสบทุกคนนั่นแหละไม่ใช่เฉพาะนายพลหรอก
นี่ผมต้องรู้เรื่องของมันผ่านทางปากของคนอื่นๆ จริงๆ น่ะเหรอ
“ไปตรงนู้นได้มั้ยครับ” นายท่านพูด เสียงของมันดูเหมือนติดจะรำคาญ ผมรู้สึกได้ “ผมให้ถ่ายแค่ห้านาทีนะ”
“ได้เลยค่า”
มันเดินนำกลุ่มแฟนคลับของมันออกไปจากใต้ถุนตึก แทนที่ผมจะได้ถาม ผมกลับได้แต่ยืนมองมันโดนรุมถ่ายรูปอยู่แบบนั้น
เจอมันอีกทีแม่งกลายเป็นดาราไปซะแล้ว แต่ก่อนมันยังเป็นเด็กหน้าตาดีธรรมดาๆ อยู่เลย
“จะได้กินมั้ยเนี่ยข้าวอ่ะ ไอ้นายท่านอันเดอร์สกอร์แอลเคเอช”
ชื่อไอจีนายท่านมันนี่หว่า...ผมเหลือบไปมองคนพูดซึ่งก็คือทิม แม้ผมจะรู้ชื่อไอจีนายท่าน แต่ผมก็ส่องมันไม่ได้เพราะผมโดนบล็อก
เดี๋ยวก่อน...เมื่อก่อนชื่อไอจีมันไม่มีตัวแอลนี่
“มีอะไรกันเหรอ” ผมถาม
“รุ่นพี่ให้พักไปหาอะไรกินยี่สิบนาทีน่ะครับ” ทิมเล่า “ท่านมันมีคุยงานต่อ แต่ดูสิ...มันยังติดถ่ายรูปกับแฟนคลับอยู่เลย”
“งานอะไร” เผือกได้ก็เผือก โอกาสมีต้องรีบคว้าเอาไว้
“รุ่นพี่อยากให้มันเป็นเดือนครับ แต่มันไม่อยากเป็น”
ผมหันขวับไปมองว่าที่เดือนคณะนิเทศฯ ...ไม่มีตรงส่วนไหนเลยที่มันไม่เหมาะ สูงแบบนี้ ขาวแบบนี้ ออร่าแบบนี้ ถ้าได้มันไปเป็นเดือนปีนี้นิเทศฯ ชนะเห็นๆ (จริงๆ แม่งก็ชนะมาหลายปีแล้ว)
ถ้ามันยอมเป็นเดือนนะ...ผมขออนุญาตย้ายจากทีมเสดสาดไปทีมนิเทศฯ ชั่วคราว
“พี่กล้าหาญบอยอยากให้ไอ้นายท่านอันเดอร์สกอร์แอลเคเอชเป็นเดือนมั้ยครับ”
เหนื่อยมั้ยเนี่ยที่พูดอ่ะ กูถามหน่อย
“ถามกูทำไมล่ะ”
“ผมอยากรู้” มันหันไปหาเพื่อนมันอีกคน “ไอ้นุกนิกอันเดอร์สกอร์พีวายเจมันก็อยากรู้”
ไม่มีอารมณ์ตอบเพราะการพล่ามชื่อไอจีของมึงเนี่ยยยยย
“ไม่รู้ เรื่องของมันดิ”
“อ้าว” ทิมถึงกับเซ็งไปเลย “ถามความเห็นแค่นี้ก็หวงคำตอบเนอะ”
“นี่มึงแซะกูเหรอ ไอ้เด็กหัวกล้วย”
“เปล่าสักหน่อย” ทิมหัวเราะ “ฮ่าๆๆ พี่กล้าหาญบอยยังเหมือนเดิมเลยนะครับเนี่ย ด่าแบบไม่เกรงใจใครจริงๆ”
สมัยก่อนทิมกับนุกมันโดนผมด่าไปเยอะ แม้ว่ามันจะเป็นทายาทผู้มีอิทธิพลในวงการบันเทิงผมก็ไม่สน ใครกวนตีนผม ผมด่ากลับหมดอ่ะ
โทรศัพท์ผมแผดเสียงลั่น หน้าจอคือควีนออฟอีโคโนมิก ผู้น่าจะเป็นเจ้าชีวิตผมในตอนนี้ เพิ่งนึกได้ในตอนนั้นนั่นเองว่าตัวผมต้องไปเอาข้าวให้เด็กๆ คณะตัวเอง
“มึงกับเพื่อนอยากแดกอะไรอ่ะ” ผมถาม เริ่มแสดงอาการเร่งรีบให้ทิมกับนุกเห็น
“หา”
“พอดีกูกับเพื่อนกำลังจะไปร้านข้าว...เดี๋ยวแวะเอามาให้”
“ได้เหรอครับ” นุกถึงกับเบิกตาโพลง “เอาอะไรก็ได้ครับ พวกผมกินหมด”
“โอเค” แม่งง่ายดีว่ะ “งั้นรอแป๊บ”
“พี่กล้าหาญบอยใจดีจัง”
“แบบนี้พวกผมมีกำลังใจเรียนจนจบเลยแหละ พูดเลย”
“เว่อร์” ทำไมใครบางคนมันถึงไม่น่ารักเหมือนเพื่อนมันบ้างนะ “เดี๋ยวกูมา”
ผมมองไอ้นายท่านอันเดอร์สกอร์แอลเคเอชเป็นครั้งสุดท้าย (เผลอติดเชื้อไอ้เชี่ยทิมซะงั้น) มันยังคงยืนนิ่งๆ ให้แฟนๆ ของมันถ่ายรูปราวกับมันเป็นหุ่นขี้ผึ้ง แม่งไม่หือไม่อืออะไรกับใครทั้งสิ้น เอาแต่ยืนให้ถ่ายรูปอย่างเดียว
สงสัยแม่สอนมาดีว่าต้องเอาอกเอาใจแฟนคลับ...แต่มันคงทำตามที่แม่สอนแค่ครึ่งหนึ่ง เพราะหน้ามันไม่รับแขกเลยแม้แต่นิดเดียว
“ไปเอาข้าวกัน” ผมบอกเพื่อน “เชี่ยเอ้ตามฉิบหายแล้วเนี่ย”
“เออ” เซียนกับเพื่อนไม่ถามเลยว่าผลเป็นยังไง เพราะมันเห็นทุกอย่างอยู่แล้ว
“เดี๋ยวเย็นนี้กูเลี้ยงข้าว”
“เกิดอะไรขึ้น ทำไมคนขี้งกอย่างมึงถึงได้มาเลี้ยงข้าวพวกกู” ตงถึงกับกระพริบตาใส่ผม
“เพราะว่าข้าวปีสองจะหายไปสามกล่องน่ะสิ”
“หา”
“กูจะเอามาให้เด็กพวกนั้นอ่ะ” ผมอ้อมแอ้มบอก
“โหยยยยย เชี่ยกล้า” โอย หูผม บอกเลยว่าไอ้เซียนกริ้วมากกกก มันให้ความสำคัญกับเรื่องแดกมาเป็นอันดับสอง รองจากเรื่องเสือก “เห็นผู้ชายดีกว่าปากท้องเพื่อน!”
“พวกมึงจะแดกแพงเท่าไหร่กูก็จ่ายหมดอ่ะ กูขอโทษ” ผมยกมือไหว้ประหลกๆ “ไอ้พวกนั้นแม่งต้องแดกข้าวจริงๆ มันมีงานต่อ”
“มีเป็นเดือดเป็นร้อนแทนด้วย น้องคณะตัวเองก็ไม่ใช่” แม้เซียนมันจะโหยหวน แต่มันก็ทำหน้าเข้าใจอยู่ดี “กูคงไม่ต้องถามเซ้าซี้แล้วล่ะมั้งว่ามึงอยากง้อไอ้นายท่านมั้ย ในเมื่อมึงแสดงออกซะขนาดนี้...”
“อีกไม่นานเพื่อนก็คงจะมีผัว” หมูหันรำพึงเหมือนพูดกับตัวเอง “แถมผัวยังหล่อด้วย”
“มันจะยอมดีกันกับกูมั้ยล่ะ...” ตอนอยู่บนรถ ผมเผลอไปมองไอ้นายท่านอีกครั้ง มันยังคงยืนนิ่งๆ อยู่ที่เดิม ไม่มีการมองมาที่ผมทั้งสิ้น
ถ้าอดีตกูเคยทำผิด และตอนนี้กูอยากแก้ตัวฉิบหาย มึงจะให้โอกาสนั้นกับกูสักหน่อยได้มั้ยวะ ไอ้นายท่านอันเดอร์สกอร์แอลเคเอช
“ขอให้มันยังไม่มีลูกไม่มีเมียทีเถอะ สาธุๆๆๆ”
เพื่อนทั้งสามคนของผมพร้อมใจกลอกตามองขึ้นไปบนฟ้า
[มีต่อนะคะ]