TWINS " รัก ลวง หลอก " [Incest][3P][ #43 เราสามคนตลอดไป [END] ](28/10/60)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: TWINS " รัก ลวง หลอก " [Incest][3P][ #43 เราสามคนตลอดไป [END] ](28/10/60)  (อ่าน 51964 ครั้ง)

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ตอนหน้า รถขนอ้อยคว่ำแน ๆ  :hao3:

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
คลางแคลงใจย่อมนำไปสู่ความแตกแยก

ทำไมคนไข้ต้องมีแต่สาว ๆ ล่ะ! ฮึ่ย!

ออฟไลน์ ป่ามป๊ามป่ามปาม

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 482
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
เคียวรักธัชแบบน้อง แต่มาอยู่ด้วยกันเลยเปลี่ยนมารักแบบคนรัก แปลกๆอะ หรือเพราะหน้าเหมือนกันเลยเปลี่ยนง่ายๆ
แล้วรุก×รุก ยังไงก็ต้องมีคนยอมลงละนะ

ออฟไลน์ FeaRes

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 738
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2

ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4

ออฟไลน์ Gloomy Sunday

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 408
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +215/-3
    • Fanpage : Gloomy Sunday Tk.
          TWINS บทที่ 41 ฝาแฝดและความรักของหัวหน้าครอบครัว


          เคียวเซนเซย์


          หลังจากกอดกันกลม ผมเพิ่งสังเกตุว่าเอ่อ ธิชานั้น ใส่แค่เสื้อเชิ๊ตแขนยาวสีขาวของผมเท่านั้น ท่อนล่างนั้นมีแค่กางเกงชั้นในตัวสั้นๆ หมายความว่าไงกันละเนี่ย

          " นี่กำลังยั่วฉันอยู่หรือเปล่า " ผมที่ถามออกไปนั้นทำให้ธัชหัวเราะลั่นเลยทีเดียว

          " อภินันทนาการแด่หัวหน้าครอบครัวของเรา " ธัชทำท่าสะบัดมือเหมือนกำลังนำเสนอสิ้นค้าชิ้นงาม ไปทางธิชา ที่ยังคงหน้าแดงจัดและพยายามดึงชายเสื้อเชิ๊ตลงให้ปิดท่อนล่างตัวเองมากที่สุด ผมแทบไม่ต้องเดาว่าความคิดใคร เจ้าธัชตัวแสบแน่ๆ ลำพังตัวธิชานั้นคงไม่กล้า เด็กคนนี้ขี้อายยิ่งกว่าอะไรกับเรื่องแบบนี้

          ผมอมยิ้มขำ แต่แบบนี้ก็ดีนะ เพราะตัวผมนั้นยังพูดไม่ได้เต็มปากว่าเป็นสามี หรืออะไรทำนองนั้น เพราะว่าผมกับธิชายังไม่ได้เอ่อ สัมผัสกันจริงๆ สักที 

          " เปลี่ยนใจตอนนี้ยังทันไหม " ธิชาดูเหมือนเริ่มจะตื่นกลัวกับสายตาของผม เพราะตอนนี้ผมเริ่มเดินเข้าไปหาอย่างช้าๆ พลางถอดไทและเสื้อเชิ๊ตของตัวเองออกไปด้วย

          " อ..อาบน้ำก่อนก็ได้นะ " ธิชายังคงเดินถอยหลังและหลบสายตาผมไปด้วย น่ารักจริงๆ ผมอยากจะขย้ำซะทีเดียว แต่ก็ต้องอดทนไว้ เพราะลำพังแค่ธัช ธิชาก็ช้ำในแล้ว ถ้าผมซาดิสม์อีกคนก็คงไม่เป็นผลดีเท่าไหร่

          " ธัช มัวทำอะไรล่ะ มาสิ " ผมพยักหน้าเรียกธัชที่ยืนหัวเราะอยู่มุมห้องให้เข้ามา 

          " แต่ว่า...ได้เหรอฮะ "

          " ตกลงกันไว้ว่าไง " ผมยิ้มให้ธัช ซึ่งธัชก็ยิ้มจนตาหยีกลับมา

          " คือ วันนี้ไม่ต้องลุมได้ไหม อ้ากก " ธิชาคงเริ่มสติแตกทนไม่ไหว ถึงได้วิ่งหนีผมและธัชสุดกำลัง เมื่อกี้เหมือนจะยอมอยู่แล้วเชียว ฮ่าๆ  แต่จะไปไหนได้ล่ะ ไม่มีทางรอดเงื้อมือเสือสองตัวไปได้หรอก เจ้าลูกแมวเอ๋ย

          ผมล็อคธิชาที่กำลังจะวิ่งออกจากห้องไว้ได้ จับอุ้มและวางลงกับเตียง ธิชาปิดหน้าตัวเองไว้ คงจะเขินอายแบบสุดๆ

          ผมถอดเสื้อของตัวเองออกจนหมด แต่ยังคงไม่ละสายตาไปจากคนตรงหน้า ที่ยังคงปิดหน้าตัวเองอยู่ พลางเอาเท้ายันหน้าท้องผมเอาไว้ เหมือนกับไม่อยากให้ผมเข้ามาใกล้มากกว่านี้ แต่ผมก็ได้ที จับข้อเท้านั้นไว้ และจูบเบาๆ จากข้อเท้าไล่ไปยันปลายเท้า

          " ฮ่าๆ มันจั๊กจี๋นะ " ธิชาหัวเราะและพยายามดึงเท้าออก แต่ผมก็ยังคงผมจูบเบาๆ ทั่วเรียวขานั้น ไล่ไปจนถึงนิ้วเท้าและฝ่าเท้า  ธิชาที่แรกๆ หัวเราะ ตอนนี้กลับเริ่มส่งเสียงแปลกๆ และบิดเร้าตัวไปมา

          ผมละจากปลายเท้า เริ่มหอมและจูบเลียไปทั่วเรียวขาพลางก้มต่ำลงมาเรื่อยๆ ลงมายังกางเกงชั้นในตัวน้อยของคนเบื้องล่าง ลากจมูกแผ่วเบาไปตามจุดอ่อนไหวที่เริ่มแข็งตัวนูนขึ้นมา และใช้ปากขบเม้มเบาๆ ที่นอกเนื้อผ้านั้น ซึ่งคนเบื้องล่างก็เริ่มจิกผ้าปูที่นอน และหลับตาแน่น 

          ผมเหลือบมองธัชที่ลูบไล้ไปมาบนเสื้อเชิ๊ตตัวบางของธิชา และเลื่อนตัวเข้าไปซ้อนด้านหลัง จับตัวพี่ชายให้พิงทับบนตัวเองอีกที ธัชจูบเลียซอกคอขาวนั้นเบาๆ อย่างรักใคร่ ในขณะที่ผมเลื่อนตัวช้าๆ คร่อมตัวคนเบื้องล่างไว้ ขยับไปยังใบหน้าของธิชาที่ยังไม่ยอมมองผม ยังคงหลับตาแน่นและเกร็งตัว ผมก้มลงประทับริมฝีปากลงบนกลีบปากแดงนั้นช้าๆ กอดจูบลูบไล้ไปมาบีบคลึงสะโพกมนของคนเบื้องล่างไปด้วย

          ผมละริมฝีปากจากธิชาและยื่นหน้าเข้าไปหาธัชที่อยู่ด้านหลัง จูบแทรกเรียวลิ้นพลางลูบเบาๆ ไปตามร่างกายของธิชาไปด้วย พวกเรากอดจูบสัมผัสกันด้วยความรัก ราวกับไม่อยากที่จะแยกจากกัน ผมละจากริมฝีปากธัชและจ้องมองหน้าธิชาที่ยังคงไม่ยอมสบตาผม

          " ธิชา มองฉันสิ " ผมกระซิบแผ่วเบา พลางจูบไซร้ไปตามลำคอเรียวลามไปยังใบหูสีแดงน่ารัก จ้องมองใบหน้าของธิชาที่ค่อยๆ หันหน้ามาช้าๆ และลืมตามองผมด้วยแววตาสั่นระริก ผมเกลี่ยแก้มใสที่เริ่มชื้นเหงื่อ และกดริมฝีปากลงไปแนบชิดกับริมฝีปากแดงสวยที่เผยอรอรับสัมผัสจากผมอีกครั้ง อ้าปากงับสอดแทรกเรียวลิ้นนิ่มสีชมพู มันช่างหอมหวานและเร่าร้อนในเวลาเดียวกัน 

          ผมรู้สึกถึงความร้อนที่พัดโหมพวกเรามากขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่ธัชก็เลื่อนมือลูบไล้ที่ยอดอกผ่านผิวผ้าบาง และเลื่อนมือปลดเปลื้องกระดุมใสที่ปกปิดเรือนร่างที่สวยงามนี้ไว้ ผมจึงก้มลงจูบย้ำๆ และลากลิ้นลงมาโลมเลียไปตามยอดอกที่ชูชันด้วยแรงอารมณ์ของคนเบื้องล่าง  ในขณะที่ธัชก็เชยคางธิชาและงับลงบนริมฝีปากบางนั้นเช่นกัน

          ผมยังคงดูดเลียเม้มจนติ่งไตสีแดงนั้นและขบกันกัดเบาๆ จนทำให้ร่างบางสั่นน้อยๆ ไปทั้งตัว ในขณะเดียวกันสองมือของผมนั้นก็กำลังรูดกางเกงชั้นในตัวน้อยของคนเบื้องล่างลงช้าๆ สลับกับลูบไล้เบาๆ ไปตามต้นขาและบีบเฟ้นสะโพกมนนั่นอย่างมันส์มือ 

          " ด.เดี๋ยวก่อน ไม่เอานะ ตรงนั้นมัน " ธิชาผละออกจากริมฝีปากธัช และเริ่มดิ้นขัดขืนผมที่ยกสะโพกของคนเบื้องล่างขึ้น เล็กน้อยและจรดปลายลิ้นลงบนช่องทางสีชมพูนั้นพลางกระหวัดเลียเบาๆ จนคนเบื้องล่างถึงกับร้องครางออกมาอย่างลืมตัว

          " อ๊ะ อย่า มัน อ.อื้ออ " คนเบื้องล่างบิดตัวไปมา และร้องครางจนตัวสั่น ซึ่งก็ถูกธัชปิดปากอีกครั้งด้วยรสจูบที่ร้อนแรง ผมใช้มือที่ว่างกอบกุมส่วนอ่อนไหวที่บัดนี้หยาดเยิ้ม และรูดขึ้นรูดลงปรนเปรอคนเบื้องล่างจนแทบขาดใจ

          " อ๊ะ..อื้อ.ออื้อ " พอได้ยินอย่างนั้น ผมยิ่งเร่งจังหวะยิ่งขึ้นทำให้คนเบื้องล่างยิ่งบิดเร้า หอบหายใจและจิกดึงผ้าปูจนยับเยิน และสุดท้ายก็

          " อ๊ะ อ๊าา ~ " คนเบื้องล่างผละริมฝีปากออกจากธัชอีกครั้ง ร้องครางและปลดเปลื่องหยาดน้ำสีขาวออกมาจนเลอะเต็มหน้าท้อง พลางหายใจหอบ

          " นี่แค่เริ่มเองนะ " ผมพูดพลางยิ้มกวน

          " สอนผมมั่งนะ " ธัชพูดพลางยกนิ้วยักคิ้วให้ผม

          " อ.ไอ้พวกบ้า " ธิชาทำท่าจะถีบผมออกอีกแล้ว แต่ก็ไม่เป็นผล ผมปลดเข็มขัดตัวเองออก พลางมองหน้าคนที่กำลังเริ่มจะขยับตัวหนีผมอีกแล้ว ผมดึงข้อเท้านั้นไว้ และลากกลับมาหาผม จนก้นน้อยๆ นั่นแนบชิดกับชั้นในสีเข้มของผม

          " ข.ขอพักก่อนไม่ได้เหรอ " ธิชาใช้เข่าดันกล้ามท้องผมไว้ แต่ก็ไม่อาจต้านทานผมได้ ผมยกขาข้างนึงของธิชาขึ้น และพาดบ่าไว้ และโน้มตัวไปข้างหน้าเล็กน้อย ในขณะที่ธัชก็ยังคงแค่ถอดเสื้อผ้าของตัวเองออก และยังคงซ้อนหลังธิชาไว้ พลางลูบไล้ยอดอกสีชมพู จนธิชาเริ่มตัวสั่นอีกครั้ง

          " ด..เดี๋ยวก่อน อย่าเพิ่ง " ธิชายื่นมือมาดันหน้าท้องแกร่งของผมไว้ แต่ก็ไม่อาจต้านทานผมที่จรดแก่นกายเข้ากับช่องทางอ่อนนุ่ม และค่อยๆ สอดแก่นกายเข้าไปช้าๆ พลางกอดจูบเรียบขาบนบ่าเพื่อสะกดอารมณ์

          " อ้าา~ "  ธิชาร้องครางนิ่วหน้า หลับตาแน่น และดันอกผมเบาๆ เหมือนจะบอกว่าให้ผมทำช้าๆ ผมขบกรามแน่น และยังคงดันเข้าไปต่อเรื่อยๆ จนกระทั่งลึกที่สุด พลางหอบหายใจน้อยๆ 

          " พี่ครับ อย่าเกร็งสิครับ " ธัชถามเสียงเบาพลางจูบซับเหงื่อธิชาและเลื่อนตัวออกมานั่งชันเข่าข้างๆ แก้มนั้น

          " ไหวนะ ไม่ไหวไม่ต้องทำให้ผมก็ได้ " ผมมองธิชาที่สั่นหัวน้อยๆ แก้มแดงระเรื่อชื้นเหงื่อและเริ่มใช้ปากครอบครองส่วนแข็งขืนของน้องชายด้วยอีกทาง 

          ผมมองช่องทางเล็กๆ สีสวยที่กลืนกินท่อนกายของผมไว้ พลางขยับเอวน้อยๆ ให้สัมผัสเสียดสีกันมากขึ้น ผมครางในลำคออย่างพึงพอใจ สมองตื้อไปด้วยความเสียวซ่าน ผมชันเข่าและเริ่มขยับเอวมากขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่คนเบื้องล่างเริ่มอ้าปากหอบหายใจ พลางดูดเลียท่อนกายร้อนตรงหน้าไปด้วย

          ยิ่งผมเร่งจังหวะมากขึ้นเท่าไหร่ ช่องทางอ่อนนุ่มก็ยิ่งบีบรัดผมมากขึ้นเท่านั้น ความอบอุ่นภายในทำเอาผมร้อนลุ่มจนแทบคลั่ง จากที่กอดจูบเรียวขา ผมเริ่มกัดเบาๆ พลางกระแทกกายเข้าออกมากขึ้น เสียงร่างกายที่กระทบกันนั้นดังเป็นจังหวะ และเริ่มรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ 

          " อ.อื้อ.อ๊ะ " ร่างกายท่อนล่างของผมยังคงกระแทกกระทั้นเข้าออกอย่างหนักหน่วงและถี่กระชั้น รับรู้ถึงช่องทางภายในที่ตอดรัดและบีบแน่นจนแทบขาดใจ

          ธิชาร้องครางเสียงอู้อี้ในลำคอ มือข้างหนึ่งจิกลงที่ผ้าปูจนแทบขาด แขนอีกข้างจับเอวธัชไว้ และปากสีแดงนั้นยังคงทำหน้าที่ของตัวเองเป็นอย่างดี จนธัชร้องครางเบาๆ ด้วยความพึงพอใจ ตอนนี้ร่างกายของคนเบื้องล่างบิดเร้าตอดรัดแก่นกายของผมอย่างไม่ยอมแพ้ ส่วนธัชนั้นเริ่มขยับเอวเร็วขึ้นและลูบที่แก้มสีแดงของพี่ชายไปมาพลางหายใจหอบ ซึ่งในขณะที่ผมนั้นก็ไม่สามารถกระแทกท่อนกายช้าลงได้แม้เพียงเสี้ยววินาที 

          " อึกก อืม " ในช่วงเวลาสุดท้าย ผมแนบกระชับยึดเรียวขาและกดแท่งกายให้ลึกยิ่งขึ้น และกระหน่ำเอวเข้าออกอย่างแรงหลายครั้ง ก่อนที่จะปลดปล่อยหยาดน้ำรักเข้าไปยังช่องทางด้านในที่แสนอบอุ่น พร้อมๆ กับที่ทั้งสองคนก็ปลดปล่อยออกมาเช่นกัน

          " ฉันรักพวกเธอ " ผมพูดพลางยื่นหน้าเข้าไปหอมแก้มธิชาและธัชเบาๆ ด้วยรอยยิ้ม

          " ผมก็รักคุณครับ " ทั้งสองคนพูดช้าๆ และยื่นหน้ากลับมาหอมแก้มผมคนละข้างเช่นกัน 

          พวกเรานอนเงยหน้ามองเพดานที่ส่องสว่างสีนวลๆ พลางหายใจหอบด้วยความอ่อนล้า

          " เอาล่ะ วันนี้อยากไปหาอะไรกินข้างนอกกันไหม " ผมพูดและยิ้มอย่างใจดี พลางหันมองแก้มสีแดงของคนทั้งสองที่ยังคงหลับตาอยู่

          " ไปครับ!! " แต่พอได้ยินดังนั้น ทั้งสองคนก็รีบหันมาตาลุกวาวด้วยความตื่นเต้น

          " เก่งจัง ลุกขึ้นไหมนั่น ฮ่าๆ "

          ผมมองดูธัชที่เริ่มหยอกล้อพี่ชายด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ซึ่งธิชานั้นยังไม่สามารถขยับตัวได้ จึงได้แต่ยื่นแขนไปหาน้องแต่ก็ตีน้องไม่ถึง  ผมยิ้มให้กับภาพตรงหน้า ต่อไปนี้พวกเราก็จะได้ยิ้มแย้ม อยู่ด้วยกันแบบนี้ไปอีกนานเท่านาน


เพราะผมจะไม่มีวันปล่อยคนที่ผมรักทั้งสองคนไปจากผมแน่นอน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-05-2018 18:17:44 โดย Gloomy Sunday »

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11

ออฟไลน์ ป่ามป๊ามป่ามปาม

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 482
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0

ออฟไลน์ ซีเนียร์

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
ร้อนแรงระดับละลายหินได้

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ในที่สุดรถขนอ้อยก็คว่ำจนได้  :hao6:

ออฟไลน์ Gloomy Sunday

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 408
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +215/-3
    • Fanpage : Gloomy Sunday Tk.
          TWINS บทที่ 42 ฝาแฝดและช่วงเวลาแห่งความสุข


          เวลาเคลื่อนผ่านไปไม่นาน แต่ผมรู้สึกราวกับว่า พวกเราสามคนอยู่ด้วยกันและรักกันมานานแล้ว ทุกๆ วันมันช่างสวยงาม สว่างไสว ทุกค่ำคืนนั้นก็แสนอบอุ่นละมุนหัวใจ  ผมนั่งมองแสงอาทิตย์ที่ส่องผ่านเข้ามาจากใต้ร่มผ้าใบคันใหญ่ สายลม เสียงคลื่น และเสียงนกนางนวลผสมกับเสียงหัวเราะอันเริงร่าของน้องชายตัวดีของผม ที่กำลังวิ่งเล่นอยู่กับผู้ใหญ่หัวใจเด็กอีกคน ต่างคนต่างไม่ยอมแพ้ที่จะแย่งเปลือกหอยสวยๆ เพื่อเอามาให้ผม เพียงเพราะผมบอกว่าผมชอบมัน ฮ่าๆ 

          " ฮือ แพ้แล้ววว " ผมหัวเราะชอบใจเพราะธัชนั้นหลังจากถูกเคียวซังจับโยนลงน้ำ ก็คลานขึ้นมาหาผมด้วยใบหน้าสีแดงระเรื่อเพราะไอร้อนจากแดด

          " กินน้ำหน่อยไหม " ผมยื่นแก้วให้น้องที่ยิ้มตาหยีมองผมพลางดูดน้ำเสียงดัง

          " เคียวซังไปไหนแล้วนะ " ผมถามขึ้นเพราะว่าผมมองหาเคียวซังไม่เจอ

          " ดำน้ำเก็บเปลือกหอยอยู่ฮะ " ธัชบอกผมพลางมองออกไปเช่นกัน แต่ผมก็ยังไม่เห็นเคียวซังอยู่ดี สักพักได้แล้วนะ

          " ธัช " ผมจับหลังคอน้องที่นั่งลงบนผืนทรายข้างๆ ผม พลางสบตาธัชด้วยสีหน้าที่เริ่มเป็นกังวล และธัชก็เหมือนจะรู้สึกได้ว่าผมคิดอะไร ธัชรีบวิ่งออกไป และกระโจนลงน้ำเสียงดัง

          ผมที่วิ่งตามมา แต่ก็ถูกธัชที่โผล่หัวขึ้นมาทำท่าห้ามผมไว้ไม่ให้ผมลงไปในน้ำ แต่ผมไม่ฟัง ผมมือสั่น น้ำตาไหลออกมา และเดินย่ำลงน้ำต่อไป 

          " พี่ธิช " ธัชรีบเปลี่ยนเป้าหมายมาจับผมไว้และกอดผมเอาไว้แน่น ทั้งๆ ที่ตัวเองก็สีหน้าไม่ดีเช่นกัน

          " ธัช ธิชา ทำอะไรกัน " ผมกับน้องที่ยืนตัวสั่นอยู่ในน้ำหันไปมองตามเสียงเรียกของคนที่เราตามหา ผมกับน้องรีบวิ่งเข้าไปหาเคียวซังที่กำลังถอดแว่นดำน้ำออกและทำหน้างงสุดๆ 

          " เป็นอะไรกันร้องไห้ทำไม " ผมกอดเคียวซังไว้แน่นธัชก็เช่นกัน

          " หายไปไหน " ธัชถามเสียงสั่น ทำให้เคียวซังกอดพวกเราไว้แน่น แต่ใบหน้านั้นกำลังยิ้มกว้าง

          " คือขอโทษนะ แต่ฉันดำน้ำอึดมาก ขอโทษที่ทำให้ตกใจ " เคียวซังลูบแขนพวกเราเบาๆ และหัวเราะขำ 

          ผมโล่งใจและกำมือแน่น แต่นี่เป็นสิ่งที่พิสูจน์ได้ว่าผมกับน้องนั้นไม่อาจกลับไปใช้ชีวิต โดยที่ไม่มีคนคนนี้ได้อีกแล้ว เคียวซังนั้นได้กลายมาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของพวกเรา แค่คิดว่าสักวัน ถ้าผมจะต้องเสียคนใดคนหนึ่งในสองคนนี้ไป ผมก็ไม่อาจกลั้นน้ำตาไว้ได้ พวกเราได้ผ่านช่วงเวลาอันแสนเลวร้ายมาหลายรูปแบบ ต้องอยู่แบบอดๆ อยากๆ นอนข้างกองขยะ ถูกขาย ถูกทุบตี ผมไม่อยากมีชีวิตแบบนั้นอีกแล้ว ผมไม่อยากให้ธัชเจ็บปวดอีกแล้ว ได้โปรดเถอะครับ อย่าทิ้งพวกเราไป พวกเรามีแค่คุณเท่านั้น 

          " ฉันรักพวกเธอ ฉันไม่มีวันไปไหน ฉันสัญญา " เคียวซังนั่งคุกเข่าลงกับผืนทรายและจับมือเราสองพี่น้องไว้ ดึงเข้าไปและจูบเบาๆ ผมเช็ดน้ำตาและตีไหล่ไอ้คนที่ทำให้ขวัญเสียนี่สักทีด้วยความโล่งอก

          ตกค่ำผมมองดูธัช ที่กำลังหลับไหลไปด้วยความเหนื่อยอ่อนพวกเราเป็นเพียงเด็กหนุ่มอายุ 18 ปีเท่านั้น ช่วงเวลาที่ผ่านมาเป็นเหมือนดั่งฝันร้ายที่แสนยาวนาน ผมยึดติดกับคำว่าพี่ชายมากเกินไป ทั้งๆ ที่พวกเราอายุห่างกันเพียง 5 นาทีเท่านั้น ที่ผ่านมาคงเป็นเพราะผมปกป้องธัชมากเกินไป มันจึงส่งผลเสียและทำร้ายธัช แต่จากนี้ไปผมจะตามใจน้องบ้าง ผมจะถามว่าธัชนั้นอยากทำอะไร ผมจะสอนธัชให้ธัชทำทุกอย่างด้วยตัวเอง ผมจะปล่อยให้น้องเป็นอิสระ อิสระที่จะทำอะไรก็ได้ ขอแค่อยู่ข้างๆ ผมตลอดไป ผมขอแค่โอกาสนั้น โอกาสที่จะให้ผมได้แก้ไข ได้รักน้องในแบบที่ควรจะเป็น ผมจะบอกธัชอีกครั้ง และจะบอกทุกๆวัน ว่าผมรักธัช ในแบบที่ผู้ชายคนนึง จะรักผู้ชายอีกคนนึงได้ ผมจะเป็นทั้งพี่ชายและคนรักของธัช และผมจะทำให้ดีที่สุดเท่าที่ผมจะทำได้

          ผมดีใจที่ธัชนั้นเริ่มเป็นตัวของตัวเองมากขึ้น และอาการดีขึ้นมาก ธัชที่เมื่อก่อนชอบเก็บทุกสิ่งทุกอย่างไว้ในใจและก้มหน้าก้มตาตามใจผมทุกอย่าง ตอนนี้เริ่มดื้อและทำตามใจตัวเองแล้ว และผมก็รับฟังและตามใจน้องมากขึ้น นั่นเป็นสิ่งที่ผมคิดว่าดีกับธัชแล้ว และถึงแม้ว่าวันหนึ่งผมอาจจะทำอะไรผิดพลาดไป ผมก็ไม่ต้องกลัวอีกแล้ว เพราะว่าผมมีคนที่คอยแนะนำผม ถึงสิ่งที่ควรทำ สิ่งที่ถูกต้อง ดูแลพวกเราด้วยความรัก ความทุ่มเท ด้วยชีวิต ขอบคุณนะครับ  ผมบอกขอบคุณคนที่นอนหนุนตักอีกข้างนึงของผม 

          " อิจฉา สุดๆ ไปเลย " ผมมองคนที่เดินมานั่งข้างๆ แคร่ของผม ซึ่งเป็นที่นั่งกว้างๆ ทำให้ทั้งสองคนนอนหนุนตักผมได้สบายๆ

          " อย่าแซวกันสิครับ พี่เชน " ผมยิ้มให้พี่เชน เพื่อนสนิทและคนขับรถส่วนตัวของครอบครัวผม พี่เชนมักจะมาขับรถให้เสมอด้วยความเป็นห่วง เพราะเคียวซังนั้นมีนิสัยชอบซิ่งครับ น่าตีเนอะ

          " เรียนจบเราอยากทำอะไรเหรอ " พี่เชนถามด้วยเสียงอ่อนโยน 

          " ผมยังไม่รู้เลยครับ ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะมีโอกาสขนาดนั้น " ผมยิ้มอ่อนๆ กลับไปให้พี่เชน

          " พี่นับถือเคียวสุดๆ เลยนะ ไม่เคยแบมือขอเงินที่บ้านเลยสักบาท ทั้งๆ ที่ตอนเรียนเอกน่ะ เงินเก็บทั้งหมดนี่เกลี้ยงเลยล่ะ " ผมขมวดคิ้วน้อยๆ เคียวซังคนนี้เนี่ยนะ

          " ตอนเรียนเคียวซังคงใช้เงินเก่งมากใช่ไหมครับ " ผมมองพี่เชนที่ส่ายหน้าน้อยๆ เป็นคำตอบ

          " ตอนที่อยู่ญี่ปุ่น เคยได้ยินข้าวลือนี้ไหม ว่าหนุ่มน้อยที่งดงามที่สุดในย่านโสเภณีน่ะ ถูกจองตัวทุกคืนโดยเศรษฐีหนุ่มคนเดียวเป็นเวลาเกือบปีเชียวนะ และหนุ่มน้อยคนนั้นน่ะค่าตัวแพงที่สุดเป็นประวัติการเลย " ผมน้ำตาไหลออกมาอีกครั้งหลังได้ฟังเช่นนั้น 

          " ผมอยากตอบแทนเคียวซังบ้างจังครับ แต่พวกผมไม่มีอะไรเลย " ผมพูดเบาๆ ด้วยความเสียใจ

          " ธิชกับธัชมีอยู่แล้ว และตอนนี้ก็กำลังมอบให้เคียวอยู่ เคียวไม่เคยยิ้มไม่เคยมีความสุขเลยมานานแล้ว ขอบใจพวกเรามากนะ พี่ขอให้ธิชและธัชอยู่ข้างๆ เคียวตลอดไป ทำเพื่อเคียวได้ไหม " 

          " ครับ " ผมมองหน้าธัชที่ลืมตาและตอบประสานเสียงกับผม ธัชลุกขึ้นมา ผมและน้องจ้องมองใบหน้าเคียวซังที่กำลังหลับไหลด้วยรอยยิ้มน้อยๆ หลับฝันดีนะ ที่รักของพวกเรา


          หลังจากกลับมาจากทะเล พวกเราก็กลับมาตั้งใจเรียนเช่นเคย จากที่ผมและธัชไม่ค่อยอยากเข้าเรียนเท่าไหร่ ตอนนี้มันไม่ใช่อีกแล้ว เพราะอาจารย์หนุ่มสุดหล่อแห่งมหา'ลัย ผู้ซึ่งใครได้เห็นหน้า ก็แทบจะละลายกองลงไปแทบเท้าแล้วนั้น เป็นผู้สอนผมและน้อง และยังเป็นคนรักของพวกเราด้วย พูดแล้วเขิน นี่มันสุดยอดไปเลยครับ 

          " เซนเซย์ครับ ผมมีคำถาม " ผมและธัชยกมือขึ้นทุกๆ สิบนาทีในห้องเรียนเพื่อถามคำถามกวนประสาททุกครั้ง

          " เซนเซย์ มีแฟนหรือยังครับ จีบได้เปล่า " ฮ่าๆ เสียงวี๊ดว๊ายหัวเราะดั่งสนั่นห้อง การได้ส่งสายตา การได้แซวคนหล่อเวลาสอน มันช่างสนุกสนานเสียจริง  แต่สุดท้ายก็จบด้วยการที่ผมนั้นโดนลงโทษอย่างสาสมที่ดันไปแกล้งเสือร้ายตัวนี้ซะได้ แถมไอ้เสือเล็กอีกคนก็ร่วมวงด้วยเสมอ แบบนี้ได้ไง มันไม่ยุติธรรมอ้าา ทำไมผมโดนคนเดี๊ยววว


          " คืนนี้ไม่เอาแล้วนะ " ผมที่พอได้เวลานอนกลับไม่เคยได้นอน กำลังพยายามกอดประตูขัดขืนไว้สุดฤทธิ์

          " ไม่ใส่เข้าไปก็ได้ แต่ว่า.. " ธัชพูดพลางแกะผมออกจากประตู และกดผมให้นั่งลงแหมะที่พื้น ผมเงยหน้ามองไอ้เสือร้ายทั้งสองที่กำลังลูบหัวผมเบาๆ ด้วยแววตาวิบวับและหื่นกระหาย ฮือ แบบนี้ก็ไม่เอาได้ม๊ายย

          ผมที่กว่าจะได้นอน เพราะต้องไปสระผมล้างหน้าใหม่อีกรอบ ปล่อยตรงไหนก็ไม่ปล่อยนะ ไอ้พวกซาดิสม์ หึ่ยย ปากเปื่อยแล้วมั้งเรา นี่มันแกล้งกันชัดๆ 

          Rrrr Rrrr

          ผมที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องน้ำนั้น ก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์บ้านที่ตั้งอยู่กลางโถงรับแขก ผมมองไปที่ห้องนอนที่เป็นกระจกสามารถมองเห็นได้ของผม และก็เห็นว่าเคียวซังกับธัชนั้นกำลังเอาหมอนฟาดกันอย่างเมามันส์ งั้นผมรับเองก็ได้มั้ง คงจะเป็นคนไข้ของเคียวซังนั่นแหละ

          " เอ่อ ฮัลโหลครับ " ผมกรอกเสียงลงไปทันทีที่รับสาย

          " เคียวเฮไม่อยู่เหรอ เธอเป็นใคร " เสียงของผู้ชายวัยกลางคนที่ฟังดูดุดันทำให้ผมหัวใจเต้นระส่ำ ถ้าผมเดาไม่ผิดละก็ คงเป็นคุณพ่อของเคียวซังแน่ๆ


สงสัย ผมกับน้องอาจจะงานงอกซะแล้ว
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-05-2018 18:19:35 โดย Gloomy Sunday »

ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4
เรารู้สึกรูปประโยคบางช่วงช่วงอย่างว่าอ่านแล้วดูขัดๆ คนเขียนไม่ถนัดหรือเปล่าคะ


แล้วก็ร่วมหอกันครบคน

ออฟไลน์ Gloomy Sunday

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 408
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +215/-3
    • Fanpage : Gloomy Sunday Tk.
เรารู้สึกรูปประโยคบางช่วงช่วงอย่างว่าอ่านแล้วดูขัดๆ คนเขียนไม่ถนัดหรือเปล่าคะ


แล้วก็ร่วมหอกันครบคน

ไม่ถนัดและตอนแต่งไม่ค่อยมีสมาธินิดนึงค่ะ ยิ่งตอนที่ 41 ยิ่งชัดเจน แต่จะมีการเกลาใหม่ มันต้องเข้าถึงนิดนึงด้วยหรือเราหื่นไม่พอ ขออภัยด้วยนะคะ 555+

ออฟไลน์ ป่ามป๊ามป่ามปาม

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 482
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3

ออฟไลน์ jimmyjimmy

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1962
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-17
สงสารธิชาระบมทุกวัน555

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ผู้เฒ่าที่เผือกโทรมา เป็นไผ่ฟะ  :m16:

ออฟไลน์ TachibanaRain

  • มาโกโตะเทนชิ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-3
หื่นกันทุกคนจริงๆ แต่หลังจากมาอยู่กันสามคนเรารู้สึกแปลกๆกับนิสัยฝาแฝด บางบทบรรยายที่กล่าวถึงลักษณะนิสัยและการกระทำของฝาแฝดมันทำให้เราคิดว่าพวกเขาเป็นเด็กเล็กๆแบบอายุไม่เกินสิบห้า ดูเป็นเด็กน้อยมากจนอ่านๆไปก็นึกว่าแนวโชตะค่อนนะเนี่ย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Gloomy Sunday

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 408
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +215/-3
    • Fanpage : Gloomy Sunday Tk.
          TWINS บทที่ 43 เราสามคนตลอดไป


          ผมยังคงยืนอึกอักอยู่ที่เดิม ไม่กล้าพูดอะไรออกไป ผมไม่น่ารับสายเลยให้ตาย แบบนี้เคียวซังจะเป็นไรไหมนะ

          " เอ่อ.. " แต่ผมที่อ้ำอึ้งๆ อยู่สักพัก ก็ถูกเคียวซังแย่งโทรศัพท์ออกไปจากมืออย่างรวดเร็ว

          " ครับคุณพ่อ " เคียวซังที่กำลังพูดกับคุณพ่อนั้น สายตาก็ยังคงจ้องมองผมตลอดเวลา และก้มลงจุ๊ฟผม และทำมือให้ผมเดินไปหาธัชในห้อง หนอย ฟังด้วยไม่ได้เหรอ ชิ

          ผมทำหน้างอนและเดินสะบัดบ๊อปออกมาจากตรงนั้น เดินไปหาธัช และพุ่งเข้าใส่ธัชที่กำลังเขย่งตัวเอื้อมมือพยายามสอยดาวบนเพดานอยู่

          " ฮ่าๆ อะไรของพี่เนี่ย " ผมจี๋เอวน้องเป็นของแถมจนธัชหัวเราะดิ้นไปดิ้นมา ผมชอบเล่นกับน้องแบบนี้ ถึงจะโตแล้วแต่พวกเราก็ยังเด็กเสมอในสายตากันและกัน และคงเป็นสายตาเคียวซังด้วย

          " งานเข้าแน่เลยอ่ะ " ผมกอดธัชที่ขำจนหอบหายใจเหนื่อย

          " มีอะไรเหรอครับ "

          " คุณพ่อเคียวซังโทรมา แล้วพี่เอ่อ ไปรับสายเข้าน่ะสิ " 

          " ดีสิครับ ผมอยากไปไหว้คุณพ่อเคียวซัง " ธัชพูดอย่างตื่นเต้น

          ผมบีบจมูกน้องชายผู้ซึ่งมองโลกในแง่ดีเกินไป 

          " อาจโดนดุก็ได้ " ผมทำหน้าหงอย 

          " ถ้าเคียวซังอยู่ด้วยผมก็ไม่กลัวครับ "  ธัชพูดพลางยิ้มแป้น

          " นั่นสินะ " ผมยิ้มให้น้อง และจุ๊ฟปากเบาๆ อย่างหมั่นเขี้ยว 


          และวันรุ่งขึ้นนั้นก็เป็นไปอย่างที่คาด หลังเลิกเรียนเคียวซังพาผมและน้องกลับไปที่บ้านใหญ่ ที่ซึ่งคุณพ่อของเคียวซังนั้นอาศัยอยู่ แต่จะว่าไป แล้วคุณแม่ล่ะ

          " แล้วคุณแม่ของเคียวซังละครับ " ผมถามออกไปด้วยความสงสัย เคียวซังยิ้มเศร้าๆ ขณะที่กำลังขับรถอยู่

          " ท่านเสียหลังจากคานะจากไป " ผมคิดในใจว่าผมไม่ควรถามออกไปเลย

          " ผมเสียใจด้วยนะครับ " ผมและน้องพูดพร้อมกัน 

          " ถ้าเสียใจจริงๆ ก็ห้ามทิ้งฉันนะ " เคียวซังพูดและส่งยิ้มให้ผมกับน้อง

          " ไม่มีวันหรอกครับ " ผมประสานเสียงกับน้องอีกครั้ง และส่งยิ้มให้กัน

          ไม่นานพวกเราก็มาถึงบ้านหลังใหญ่ที่ตกแต่งแบบญี่ปุ่นโบราณ และผมชอบมาก มันสวยจริงๆ ผมชอบระเบียงยาวๆ ที่เหมือนทางเดิน และสวนทรายที่จัดไว้อย่างปราณีตสวยงาม

          ชายชราที่เหมือนเป็นผู้ดูแล มองผมและน้องแปลกๆ และทำมือเชิญให้เราเข้าไป ผมมองหน้าน้องและจับมือน้องไหว พลางเดินตามเคียวซังที่เดินนำหน้าเราไป วันนี้เคียวซังใส่สูทสีดำสวมทับ ดูเป็นทางการและหล่อเหลาสุดๆ เลยทีเดียว ส่วนผมและน้องแค่ใส่ชุดนักศึกษาเท่านั้น ไม่ได้ใส่ช็อปมาครับเพราะผมว่ามันดูไม่ค่อยเรียบร้อย

          " สวัสดีครับคุณพ่อ " ผมมองเคียวซังที่ก้มหัวให้ผู้ชายที่กำลังยืนอยู่ที่สระเลี้ยงปลาคาร์ฟตัวโตๆ สวยๆ กำลังแหวกว่ายแย่งอาหารที่ถูกโยนให้ คุณพ่อของเคียวซังนั้นดูหล่อเหลาและดูเหมือนพวกมาเฟีย คาบไปป์ไว้ที่ปากและพ่นควันจนผมแสบตาไปหมด

          " เป็นไง ได้ข่าวว่าเลี้ยงเด็ก "

          ผมกระชับมือน้องแน่นขึ้นเพราะคุณพ่อเคียวซัง กำลังหันมามองผมกับน้องและพ่นควันใส่ ช่างเหมือนกันไม่มีผิดพ่อกับลูกเนี่ย และทุกคำพูดของคุณพ่อเคียวซังนั้น พูดด้วยภาษาญี่ปุ่นครับ ซึ่งผมกับน้องเข้าใจทั้งหมด

          " เอ่อ สวัสดีครับ ผมธิชา น้องของผมธัชชา ผมเป็น.. "

          " ทั้งสองคนเป็นแฟนของผมครับ " ผมที่ยังคงพูดไม่จบก็ถูกเคียวซังแย่งพูดทันที ผมตาโตมองเคียวซังที่พูดออกไปแบบนั้น ผมคิดว่าเคียวซังจะบอกคุณพ่อว่าพวกเราเป็นลูกบุญธรรมซะอีก

          ผมกลืนน้ำลายพลางก้มมองพื้น ไม่กล้าสู้หน้าคุณพ่อของเคียวซังที่บัดนี้หักไปป์ที่สูบอยู่แตกคามือ ก็แหง๋สิ ลูกชายคนเดียวแต่กลับพาผู้ชายเข้าบ้านและที่เด็ดกว่านั้นคือ ผู้ชายสองคน

          " แกว่าไงนะ ห๊า " ผมกับน้องสะดุ้งสุดตัว และเริ่มกุมมือกันไว้แน่นกว่าเดิมด้วยความหวาดหวั่น แต่เคียวซังนั้นกลับแค่ก้มหัวค้างไว้เหมือนเดิมด้วยสีหน้าเรียบเฉย

          " แก ไปเอานั่นมา " คุณพ่อของเคียวซังพูดเสียงดังกับคนรับใช้ ทำให้ผมกับน้องเริ่มตัวสั่นและเดินไปเกาะแขนทั้งสองข้างของเคียวซัง เพราะกลัวว่าเคียวซังจะถูกตีหรือถูกทำโทษ แต่เคียวซังแค่จับมือพวกเราเอาไว้และยิ้มน้อยๆ อย่างอ่อนโยน

          ไม่นานคนรับใช้ก็เดินมาอย่างรีบร้อนพลางยื่นโทรศัพท์มือถือให้คุณพ่อของเคียวซัง ผมมองเหตุการข้างหน้าแบบงงๆ นี่คุณพ่อจะโทรให้ใครมาจัดการพวกเรางั้นเหรอ

          " เอ้อ ลูกชายพาสะใภ้มาบ้าน ฉลองๆ ฮ่าๆๆๆ " ผมถึงกับแคะหูพลางเงี่ยหูฟังอีกครั้งด้วยความฉงน นี่ผมฟังผิดไปใช่ไหม

          " เอ้อ สองคนเลยนะ เจ๋งใช่ไหม ร้ายกว่าพ่อมันเยอะ " เคียวซังหันมายิ้มขำมองผมกับน้อง หนอยยย นี่รู้อยู่แล้วใช่ไหม ทำไมไม่บอกว่าคุณพ่อเป็นคนแบบนี้ตั้งแต่ทีแรก นี่กลัวจนฉี่จะราดอยู่แล้ว ผมกัดปากและฟาดที่หลังเคียวซังอย่างหมั่นไส้ ไอ้คนขี้แกล้ง

          หลังจากนั้นคุณพ่อเคียวซังก็เข้ามากอดผมและน้องพลางถามนั่นถามนี่ชวนคุยอย่างออกรส พอผมเล่าเรื่องอดีตให้ฟัง คุณพ่อของเคียวซังถึงกับร้องไห้ร้องห่มสงสารพวกผมใจจะขาด และยังโทรหาลุงของเคียวซังและต่อว่าเรื่องธัชอีกด้วย ซึ่งผมเลยต้องรีบแย่งโทรศัพท์เพราะกลัวว่าเดี๋ยวจะทะเลาะกันตายซะก่อน แต่คุณพ่อก็ยังหัวเราะขำและบอกว่าผมนั้นเป็นเด็กเข้มแข็งมาก อยากฝากตัวเข้าแก๊งของคุณลุง ซึ่งผมส่ายหัวจนคอแทบหัก ผมไม่อยากเป็นยากุซ่าคร๊าบ 

          งานฉลองยังคงดำเนินต่อไป ในห้องโถงที่เอาไว้ใช้รับรองแขกของตระกูล มีผู้คนมากมายที่น่าจะเป็นเพื่อนของคุณพ่อมาร่วมยินดีและดื่มกินกันอย่างสนุกสนาน ผมที่กินมากจนรู้สึกปวดฉี่จึงขอตัวออกมา และบอกไม่ให้น้องและเคียวซังออกมาเป็นเพื่อน เพราะอยากให้อยู่กับแขกที่มามากกว่า

          แต่ผมที่เดินออกมาหาห้องน้ำก็ต้องมึนมาก เพราะที่นี่กว้างใหญ่เหลือเกิน กว่าจะหาห้องน้ำเจอเรียกว่าเหงื่อตกเลยทีเดียว และพอผมออกมาจากห้องน้ำ ผมก็ต้องชะงักเกร็งอีกครั้ง เพราะว่าคุณพ่อของเคียวซังก็เดินสวนมาพอดี ผมรีบก้มตัวต่ำและทำท่าจะรีบเดินไปทันที

          " เอ่อ ไอ้หนูเอ้ย " ผมรีบเบรกและหันกลับมามองคุณพ่อเคียวซังและก้มหัวอย่างนอบน้อม

          " สนุกไหมเราน่ะ มีอะไรถามได้เลยนะ ฮ่าๆ "

          ผมมองคุณพ่อเคียวซังที่กำลังหัวเราะเสียงดัง และผมก็นึกขึ้นได้ว่า ผมมีเรื่องที่สงสัยมาตลอด ผมอยากจะลองถามดู

          " ผมขอถามข้อนึงครับ " ผมพูดและก้มหัวลง

          " ว่ามาเลย พ่อบอกได้ทุกเรื่อง " คุณพ่อเคียวซังลูบหัวผมอย่างใจดี

          " ทำไมถึงไม่อยากให้เคียวซังเป็นหมอเหรอครับ " คุณพ่อเคียวซังหุบยิ้มลงและเปลี่ยนเป็นยิ้มเศร้าๆ แทน

          " เรารู้หรือเปล่าว่าเคียวเฮเรียนหมอเพราะอะไร " 

          " ผมไม่ค่อยแน่ใจครับ " ผมพูดเสียงเบาๆ แบบไม่มั่นใจ

          " จริงๆ แล้วพ่อก็แค่ไม่อยากให้เคียวเฮยึดติดกับอดีตเก่าๆ เท่านั้น เด็กคนนั้นโทษตัวเองอย่างหนักที่ไม่สามารถทำอะไรได้ในอดีต และคิดว่ามันคือหน้าที่ความรับผิดชอบ แบกรับอะไรที่ไม่ใช่ความผิดของตัวเองเลย พ่ออยากให้เขาปล่อยวาง อยากให้เขายิ้มได้จริงๆ สักที ช่วยเคียวเฮด้วยนะ เคียวเฮเป็นคนดี ช่วยดูแลเขาด้วย " 

          แบบนี้เองสินะ เคียวซังก็ต้องทนทุกข์ไม่ต่างจากผมกับน้องเช่นกัน แต่ต่อไปนี้มันจะไม่มีอีกแล้ว ผมจะทำให้คนที่ผมรักทั้งสองคน ยิ้มแย้มอยู่ข้างๆ ผม ตลอดไป

          " ขอบคุณครับ พวกเราสัญญาว่าจะอยู่ข้างๆ เคียวซังครับ "  ผมมองน้องที่พูดและเดินเข้ามาจับมือผมไว้ พวกเรายิ้มกว้างให้คุณพ่อของเคียวซัง

          " ฮ่าๆๆ ดีมาก " ผมและน้องมองดูคุณพ่อของเคียวซังที่หัวเราะอร่อยเหลือเกิน เป็นคนอารมณ์ดีจังเลยนะ

          " งั้นผมกับน้องขอตัวก่อนนะครับ " ถึงจะดูใจดีแค่ไหน แต่ผมกับน้องก็ไม่ค่อยชินกับพวกผู้ใหญ่นัก ผมจับมือน้องและตั้งท่าจะเดินหนีไปอีกครั้ง ฟู่วว คงไม่มีอะไรแล้วมั้ง

          " เดี๋ยวก่อน " ผมกับบ้องสะดุ้งน้อยๆ และหันกลับไปหาคุณพ่อของเคียวซังที่เอ่อ อะไรฟะนั่น

          " เด็กๆ ลองใส่นี่ดูไหม เคียวเฮน่าจะชอบนะ ฮ่าๆๆๆ " คุณพ่อเคียวซังชูถุงน่องลายตาข่ายขึ้นมาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ความน่าเคารพของตาแก่นี่เริ่มหายไป เคียวซังครับ ผมต่อยพ่อพี่ได้ไหม ฮึ่มมม


          ตกค่ำ พวกเราตัดสินใจที่จะพักค้างคืนที่นี่ เพราะคุณพ่อของเคียวซังนั้นชอบพวกเราเหลือเกิน พอจะบอกลาเพื่อกลับคอนโดก็ทำท่าน้อยใจใหญ่ ตาแก่มารยาเอ้ย

          ผมกับน้องลงแช่ออนเซ็นที่ถูกจัดแต่งแบบธรรมชาติ นี่มันบ้านหรือโรงแรม 5 ดาวฟะเนี่ย ผมมองเคียวซังที่นุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเล็กไว้ที่เอว และเดินตามเข้ามา 

          " อุ่นกำลังดีใช่ไหม " เคียวซังถอดผ้าและเดินลงมานั่งข้างๆ ผมกับน้อง ทั้งๆ ที่เห็นกันจนชิน ผมก็ยังไม่เลิกเขินสักทีสิน่า

          " หน้าแดงอีกแล้ว น่ารักจัง " ธัชรวบตัวผมเข้ามากอดไว้และหอมแก้มผมเสียงดัง 

          " เดี๋ยวเถอะ เดี๋ยวมีใครเห็นจะทำยังไง " 

          " ไม่เป็นไรหรอก จะทำมากกว่านี้ยังได้เลย " เคียวซังพูดพลางทำหน้านิ่งๆ แต่มือกลับกำลังกอดเอวผมในใต้น้ำ โอ้ย หยุดหื่นกันสักวันได้ไหมเนี่ย

          " ไม่เอาหรอกครับ กลางแจ้งแบบนี้ถ้าเสียงหลุดไปก็แย่สิ " ผมงึมงัมเบาๆ พลางขยับตัวหนีทั้งสองคนนี้ไปด้วย ทั้งสองคนหัวเราะเบาๆ และไม่ได้ตามผมมา ค่อยยังชั่วหน่อย

          ผมมองคนสองคนที่กำลังคุยกันและหัวเราะเบาๆ อย่างมีความสุข คืนนี้พระจันทร์​สวยมาก มันสะท้อนกับผืนน้ำและสั่นไหวเบาๆ ตามคลื่น

          " เคียวซังผมอยากสักบ้างจัง " ผมมองธัชที่กำลังลูบแผ่นหลังเคียวซังตรงที่มีรอยสักขนาดใหญ่ และมันเท่มากครับ

          " ไม่ได้หรอก เพราะว่าถ้าธัชสักธิชาก็ต้องสักด้วย ฉันไม่อยากให้ตัวพวกเธอมีรอย " เคียวซังพูดพลางลูบหัวธัชน้อยๆ

          ผมมองแผ่นหลังกว้างที่มีรอยสักนั้นด้วยความรู้สึกแปลกๆ บ้าเอ้ย อย่านะเฟ้ย

          แต่สุดท้าย ผมเลื่อนตัวไปช้าๆ เข้าไปหาคนทั้งสองด้วยใบหน้าแดงระเรื่อ

          " คือว่า..ทำกันไหม "  ผมพูดเบาๆ และดึงคอทั้งสองคนเข้ามาจูบแลกลิ้นสลับกันไป

          สุดท้ายแล้ว กว่าพวกเราจะได้นอน ก็ตัวเปื่อยและเกือบเช้าพอดี 


          ในตอนเช้าที่แสนเหนื่อยล้า ผมลืมตาตื่นขึ้นมาและพบว่ามีแค่ธัชที่นอนขดตัวกอดผมอยู่ ผมยกแขนธัชออกเบาๆ และฟัดแก้มน้องอีกสักพักด้วยความหมั่นเขี้ยว พลางลุกขึ้นบิดขี้เกียจ และเดินไปตามระเบียงเพื่อเข้าห้องน้ำ

          ผมเดินไปตามระเบียงที่ทอดยาวพลางมองเหล่าพ่อบ้านแม่บ้านในชุดแบบญี่ปุ่นที่กำลังจัดสวนและทำงานบ้าน ที่นี่อากาศดีจริงๆ เพราะมีต้นไม้ปลูกตกแต่งอยู่ทั่ว ผมเดินชมธรรมชาติและรู้สึกว่าชุดยูกาตะบนตัวผมนั้นมันหลุดลุ่ยเล็กน้อย ผมหยุดเดินและจัดการชุดของตัวเอง ผมไม่ได้ใส่อะไรแบบนี้มานานแล้วทำเอาเสียเวลาไปมากพอดูเลยทีเดียว

          แต่ผมที่กำลังยุงกับชุดอยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงแว่วๆ ออกมาจากห้องๆ หนึ่งใกล้ๆ ซึ่งผมจำได้ดีว่าเป็นเสียงใคร เคียวซังนั้นกำลังคุยกับคุณพ่อ ด้วยน้ำเสียงที่เคร่งเครียด

          " ผมกลัว แต่ก็คงต้องทำ เพื่อสองคนนั้น " เสียงเคียวซังฟังดูเป็นกังวล และอ่อนแรง

          " มันเป็นสิ่งที่ดีแล้วเคียวเฮ ลูกทำถูกต้องแล้ว "

          " พ่อจะเตรียมเครื่องบินให้ ไปญี่ปุ่นก็ระวังตัวด้วย แวะไปหาคุณลุงด้วยนะ "

          ผมขมวดคิ้วแอบฟัง และมองเห็นเคียวซังที่ทำท่าจะลุกขึ้น ผมรีบวิ่งเบาๆ กลับมาที่ห้องด้วยหัวใจที่สั่นไหว ญี่ปุ่นเหรอ ทำไมกัน ผมไม่อยากไป ผมนั่งลงที่ฟูกนอนและจับมือธัชไว้ ทำให้ธัชลืมตาตื่นขึ้นด้วยใบหน้างัวเงีย

          " พี่มีอะไรหรือเปล่าครับ " ธัชคงสังเกตได้ว่าผมเงียบไปแปลกๆ จึงถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง

          " ธัช ธัชอยากกลับไปที่ญี่ปุ่นหรือเปล่า " ธัชตาโตและขมวดคิ้วด้วยแววตาสั่นระริก เหมือนกันเลยนะ พวกเราน่ะ 

          " พี่ครับ ทำไมเหรอ ทำไมถึงถามละครับ " ธัชดูไม่สบายใจและจับมือผมไว้

          ผมไม่คิดหรอกว่าเคียวซังจะทิ้งพวกเรา เพราะผมเชื่อมั่นในเคียวซังมากกว่าสิ่งไหน แต่ที่ผมไม่อยากไป ก็เพราะว่าที่นั่น มันเป็นสถานที่แห่งความปวดร้าวของพวกเรา เป็นที่ที่ทำให้ผมกับน้อง รู้สึกเหมือนตกนรกทั้งเป็น มันเป็นเมืองแห่งฝันร้ายสำหรับพวกเรา


          " ไปญี่ปุ่นกับฉันนะ "  เคียวซังพูดขึ้นตอนมื้ออาหารเช้าของวันนั้น ซึ่งผมและน้องรู้อยู่แล้ว

          " ผมไม่อยากไป " ผมมองธัชที่ปฏิเสธ และผมก็คิดว่านี่น่ะปกติแล้วล่ะ

          " มีเหตุผลอะไรมากกว่านี้หรือเปล่าครับ " ผมถามเคียวซังด้วยสีหน้าหมองเศร้า

          " พวกเธอไม่เชื่อใจฉันเหรอ " ผมและน้องส่ายหน้าช้าๆ

          " เคยสัญญากันแล้วไม่ใช่เหรอ ฉันไม่มีวันทอดทิ้งพวกเธอ หรอกนะ " ผมเข้าใจครับ แต่ว่ามันก็ยากอยู่ดี

          สุดท้ายผมและน้องก็ตัดสินใจที่จะไป จะต้องกลัวอะไรอีก ในเมื่อคนที่พาพวกเราไปก็คือคนที่พวกเรารักที่สุด ผมจับมือธัชไว้แน่นตลอดการเดินทาง เคียวซังมองดูและพูดคุยกับธัชตลอดเวลา เพราะว่าธัชนั้นเริ่มดูแปลกๆ ผมสงสารน้อง ธัชนั่นมีอาการเกร็งและตื่นกลัว ผมเข้าใจน้องดีว่าน้องรู้สึกอย่างไร

          ผมกับน้องถูกจับแต่งกายด้วยชุดสูทสีดำที่ดูเป็นทางการ และเคียวซังก็ยังคงไม่ยอมบอกผม ว่ากำลังจะพาพวกเราไปที่ไหน เพื่ออะไร จนในที่สุด เครื่องบินส่วนตัวก็ร่อนลงจอดในลานของสนามบินที่กว้างใหญ่ ผมมองออกไปนอกหน้าต่างด้วยความหม่นหมอง ตอนนี้อากาศของที่นี่คงหนาวจัด เพราะเป็นช่วงปลายปี

          ผมกระชับมือธัชแน่นขึ้นและมืออีกข้างหนึ่งของธัชก็ถูกเคียวซังจับไว้และโอบไหล่ธัชตลอดเวลา 

          " ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ขอบอกอีกครั้งว่าฉันรักพวกเธอ ฉันดีใจที่ได้เจอพวกเธอ " เคียวซังพูดและก้มลงจูบเบาๆ ที่หน้าผากของเราสองคนและยิ้มอย่างมีความสุข พวกเรายิ้มตามน้อยๆ และเดินตามเคียวซังที่เดินนำหน้าเราไป

          ผมและน้องเดินลงตามขั้นบันได และมองดูเคียวซังที่กำลังจับมือกับชายและหญิงคู่หนึ่งที่แต่งตัวภูมิฐานและผู้หญิงคนนั้นกำลังมองมาทางผมกับน้องและร้องไห้อย่างหนัก

          " ธิชา ธัชชา " ผมกับน้องตกใจมาก เพราะว่าผู้ชายและผู้หญิงคู่นั้นอยู่ดีๆ ก็วิ่งเข้ามาหาพวกเราและกอดพวกเราเอาไว้แน่น พลางร้องไห้เหมือนกับได้พบเจอคนที่พวกเขาคิดถึงสุดหัวใจ

          ผมมองดูคนทั้งสองที่เรียกชื่อผมด้วยคิ้วที่ขมวดมุ่นอย่างไม่เข้าใจ เคียวซังจะยกพวกผมให้เขาเหรอ แต่เคียวซังเป็นผู้อุปการะผมนี่นา ผมน้ำตาไหลมองเคียวซังที่ยืนมองผมกับน้องอยู่ห่างๆ และเดินเข้ามาหาพวกเราช้าๆ

          " ทักทายคุณพ่อคุณแม่สิ พวกท่านมารอตั้งแต่เมื่อคืนเลยนะ " ผมมองคนสองคนนี้อีกครั้งด้วยสีหน้าตกใจ นี่เป็นความจริงงั้นเหรอ พวกท่านคือผู้ให้กำเนิดพวกเรา ผมไม่ได้ฝั้นไปใช่ไหม

          จากนั้น ผมก็ได้รู้ว่าทั้งสองคนคือพ่อแม่ของผมจริงๆ ท่านเล่าให้ฟังว่าตอนพวกเราเกิด พวกเรานั้นได้ถูกลักพาตัวไปโดยแพทย์คนหนึ่ง ซึ่งพวกท่านก็ออกตามหาพวกผมอย่างไม่ลดละตลอดเวลายาวนาน จนในที่สุดก็ตามจับแพทย์คนนั้นได้ แต่แพทย์คนนั้นก็โกหกว่าพวกเรานั้นได้ถูกฆ่าตายไปแล้ว และมีหลักฐานเป็นโครงกระดูกเด็กแฝดคู่หนึ่งซึ่งทำกันเป็นกระบวนการและมีความชำนาญ

          พวกท่านที่เสียใจมากก็ได้ย้ายไปอยู่ที่เมืองอื่น เพื่อลืมเรื่องราวของพวกเรา แต่แล้วเมื่อเร็วๆ นี้ก็มีผู้สืบหา และตามตัวพวกท่านจนเจอ พวกท่านจึงรีบมาหาพวกเราที่นี่ ซึ่งนั่นก็ไม่ใช่ใครอื่น เคียวซัง และคุณลุงที่มีอิทธิพลของที่นี่นั่นเอง 

          ผมนั้นจะว่าดีใจก็ดีใจ แต่ว่าพวกเราที่ไม่เคยถูกเลี้ยงดูโดยทั้งสองคนนั้น เลยจำเป็นต้องขอเวลาที่พวกเราจะต้องปรับตัว คุณพ่อของผมนั้นคือท่านฑูตชาวไทยที่ประจำอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่น และคุณแม่ชาวญี่ปุ่นที่มีใบหน้างดงาม พวกเรานั้นทั้งผิวพรรณและหน้าตาออกไปทางคุณแม่กันหมด และคุณพ่อก็ยังดูไม่แก่มากและมีใบหน้าหล่อเหลาเช่นกัน

          ผมมองดูเคียวซังที่ส่งยิ้มเศร้าๆ ให้พวกเรา นี่ใช่ไหมครับที่เคียวซังบอกว่ากลัว คุณกลัวพวกเราจะต้องห่างกันใช่ไหม

          " คุณพ่อคุณแม่ครับ พวกเรารักเคียวซังครับ " ผมพูดออกไปด้วยความหนักแน่น ผมอาจจะทำให้พวกท่านผิดหวัง แต่ว่าพวกเราน่ะ ไม่อาจแยกจากกันได้ ขอบคุณที่ทำให้พวกผมเกิดมา ทำให้พวกเราได้พบกับเคียวซัง

          " ใช้ชีวิตในแบบของลูกเถอะ แค่ได้รู้ว่าพวกลูกยังมีชีวิตอยู่ พวกเราก็ไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว "  ผมกราบลาคุณพ่อและคุณแม่ และบอกท่านว่าพวกผมมีชีวิตตอนนี้เป็นอย่างไร พวกเรามีความสุขมากแค่ไหน และสัญญากับพวกท่านว่าพวกเราจะมาหาพวกท่านบ่อยๆ และพวกท่านเองก็บอกว่าจะไปเยี่ยมพวกเราที่ประเทศไทยบ่อยๆ ด้วยเช่นกัน


          และในช่วงบ่ายวันนั้น ผมก็ได้มายืนอยู่ที่โบสถ์เล็กๆ เป็นที่ที่ดีที่สุดที่ผมและน้องได้ใช้ชีวิตอยู่ในประเทศญี่ปุ่นนี้ และเป็นที่ที่ผมและน้องต้องแยกจากกันเป็นครั้งแรก มันจึงเป็นสถานที่แห่งความทรงจำที่เป็นเหมือนศูนย์รวมความรู้สึกของพวกเรา ที่ไม่ว่าเมื่อไหร่ ผมก็อยากจะกลับมาที่นี่อีกสักครั้ง 

          แต่ว่าทั้งสองคนหายไปไหนกันนะ เพราะว่าตอนเดินทางมาที่นี่ พวกเรานั้นได้นั่งรถยนต์ส่วนตัวมาซึ่งเคียวซังนั้นเป็นผู้ขับ และผมก็หลับมาตลอดทางด้วยความเหนื่อยอ่อน และตื่นขึ้นมา ก็พบว่าผมนั้นถูกทิ้งไว้บนรถโดยลำพัง หนอย อย่าให้เจอนะน่าดู

          " ธิช " ผมหันมองตามเสียงเรียกและก็ต้องยิ้มหน้าบาน เพราะว่าซิสเตอร์ที่คอยดูแลผมนั้น กำลังเดินมาอ้าแขนออกกว้างสวมกอดผมเอาไว้แน่น พลางร้องไห้ออกมาอย่างหนัก ผมกอดซิสเตอร์ไว้และร้องไห้ออกมาเช่นกัน 

          " ขอบคุณที่ดูแลผมกับน้องเสมอมานะครับ " ผมพูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้มถึงแม้ว่าน้ำตาจะไหลออกมา

          " ดีใจจริงๆ ที่เธอทั้งสองคนได้มีชีวิตที่ดี " ซิสเตอร์พูดพลางซับน้ำตาไปด้วย

          " ไปกันเถอะ พวกเขากำลังรออยู่ " ผมขมวดคิ้วน้อยๆ แต่ก็เดินไปกับซิสเตอร์ที่กำลังควงแขนผมเอาไว้ ผมมองไปตามทางเดิน มองไปตามต้นไม้ต้นใหญ่ ทุ่งหญ้า ทุกๆ อย่างนั้นทำให้ผมรู้สึกสงบชื่นใจ ถึงจะผ่านมานานหลายปีแล้ว แต่ที่นี่ก็ไม่ได้เปลี่ยนไปมากนัก 

          จนในที่สุดผมและซิสเตอร์ก็มายืนอยู่ที่หน้าโบสถ์เล็กๆ ที่พวกเราเอาไว้ใช้ทำพิธีสำคัญๆ เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ และทำให้ผมยิ้มทุกครั้งที่ได้เข้ามา ซิสเตอร์ได้เปิดประตูบานใหญ่ออก และผละออกจากแขนของผม ไปยืนอยู่ที่ข้างๆ ประตูนั่น พลางส่งยิ้มให้ผมและปาดน้ำตาที่ไหลออกมา

          ผมมองไปข้างหน้า และก็ต้องฉีกยิ้มกว้างสุดๆ เพราะว่าเบื้องหน้าของผมนั้น คือชายสองคนที่ผมรักที่สุดในชีวิต กำลังยืนอยู่ด้วยใบหน้าที่ยิ้มกว้างเช่นกัน ผมขยับชุดสูทและเดินเข้าไปช้าๆ เข้าไปหาคนทั้งสองที่กำลังมองผมด้วยแววตาแห่งความรัก บนเสื้อสูทของทั้งสองคนนั้นมีดอกไม้ช่อเล็กๆ ติดไว้ ซึ่งเป็นฝีมือของพวกเด็กๆ ที่นั่งกันอยู่ที่เก้าอี้ เป็นเหมือนพยานรักของพวกเรา

          เด็กตัวน้อยๆ คนหนึ่ง เดินเข้ามาจับมือผม และพยายามจะติดดอกไม้ให้ผมเช่นกัน ผมจึงนั่่งย่อตัวลงและให้หนูน้อยคนนั้นติดดอกไม้ให้ผมด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน เมื่อติดดอกไม้เรียบร้อยแล้ว ผมจึงเดินเข้าไปหาสองคนนั่นอีกครั้ง ในมือของทั้งสองมีแหวนสองวงวางอยู่ และมีเด็กชายตัวเล็กๆ วิ่งถือกล่องใส่แหวนที่มีแหวนสองวงอยู่บนนั้นมาหาผมเช่นกัน 

          " ขอบคุณนะครับ ทั้งสองคน " ผมพูดด้วยรอยยิ้มที่ผมไม่สามารถหุบมันลงได้เลย มันเป็นวันที่วิเศษที่สุดในชีวิตของผม ชีวิตของพวกเรา

          " ขอบคุณนะครับพี่ เคียวซัง " ธัชพูดขึ้นมาเช่นกันและมองผมกับเคียวซังด้วยรอยยิ้มที่แสนสดใส

          " ขอบคุณพวกเธอเช่นกันนะ " เคียวซังพูดและยิ้มอย่างอ่อนโยน พลางสวมแหวนให้ผมและน้อง ซึ่งธัชนั้นก็ทำตามเช่นกัน สวมให้ผมและเคียวซัง และสุดท้ายก็คือผม ที่สวมให้ธัช และเคียวซัง เท่ากับว่าพวกเรานั้นมีแหวนคนละสองวงนั่นเอง

          " ต่อไปนี้ก็ฝากตัวด้วยนะครับ " พวกเราสามคนพูดและก้มลงโค้งคำนับพร้อมกันจนหัวโขกกันเองเสียงดัง อะไรจะใจตรงกันขนาดนี้ ฮ่าๆ

          พวกเราสามคนกอดกันพลางหัวเราะด้วยกันอย่างมีความสุข ท่ามกลางเสียงปรบมือของเด็กๆ ที่วิ่งโปรยดอกไม้กันอย่างร่าเริง 


ต่อจากนี้ มันก็จะมีเพียงแค่เรา รักกัน สามคนตลอดไป



THE END

















**********************************************************************************

*** ขอบคุณทุกคนที่ติดตามอ่านมาจนถึงบทสุดท้ายนะคะ ทุกคอมเม้นนั้นมีความหมายและเป็นกำลังใจให้ไรท์ค่ะ อาจมีจุดบกพร่องหรือไม่ได้ดั่งใจบ้างต้องขออภัยผู้อ่านทุกท่านนะคะ ในตัวรูปเล่มนั้นมีแน่นอนค่ะ คอยติดตามได้ที่หน้าแฟนเพจ Gloomy Sunday Tk. นะคะ ขอบพระคุณมากๆ เลยจ้า ***
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-05-2018 18:23:38 โดย Gloomy Sunday »

ออฟไลน์ jimmyjimmy

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1962
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-17
แต่งงานในโบสถ์ครอบครัวสุขสันต์แล้วนะ

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
ได้มีความสุขจริง ๆ ซะทีเนอะ

ออฟไลน์ AkaneSama

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 37
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ในที่สุดก็ Happy ending ลุ้นตลอดว่าจะมีอะไรมาขัดไหม  :katai1: สู้ต่อไปนะคนแต่ง :mew1:

ออฟไลน์ PaePT

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 54
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
สะเทือนใจตอนแยกกัน กับตอนเจอกันในกรงมาก ๆ

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
 :กอด1: :L2: :3123: ฉลองงานแต่งโลด  :n1: :mc4: :bye2: :bye2:

ออฟไลน์ บีเวอร์

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 392
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1

ออฟไลน์ wanirahot

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 467
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1

ออฟไลน์ ป่ามป๊ามป่ามปาม

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 482
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
ตอนท้ายๆดูรวบๆนะคะ
พอรักกันแล้วก็ไม่มีประเด็นอะไรที่น่าเล่นแล้ว
ชอบตอนก่อนจะรักกันมากๆค่ะ
ขอบคุณที่เขียนนิยายเรื่องนี้ขึ้นมานะคะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด