เช้าตรู่ของวันเสาร์ ท้องฟ้ายังสลัวๆ มีลมเย็นพัดมาเป็นระยะๆ หากโชคดีที่ฝนไม่ตก ไม่อย่างนั้นเหล่านักศึกษาและอาจารย์ที่จะเข้าร่วมวิ่งมาราธอนคงต้องเปียกปอนเป็นลูกนกตกน้ำกันหมดแน่ๆ
รวินท์ใส่เสื้อยืดกับกางเกงขาสั้นแค่เข่าซึ่งเป็นชุดที่เขาใส่นอนมานั่งรอเด็กหนุ่มอยู่ที่หน้าร้าน อีกฝ่ายมาตรงเวลาเผง พอนาฬิกาบอกเวลาหกโมงรถมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์ก็มาจอดเอี๊ยดที่ด้านหน้าคลินิกพอดี
“พี่วินจ๋า~”
ทันตแพทย์หนุ่มอดอมยิ้มกับท่าทางออดอ้อนของอีกฝ่ายไม่ได้ “ขนลุกเว้ย”
“แหม ผมอุตส่าห์ทำตัวน่ารัก เอ้านี่พี่ เสื้องานมาราธอน ส่วนกางเกงวอร์มของผมเอง เก่านิดหน่อย แต่ใส่ๆ ไปเหอะ”
“เออ รอแป๊บ”
รวินท์รีบวิ่งกลับเข้าไปเปลี่ยนเสื้อหลังร้าน เขาโยนเสื้อผ้าตัวเองไว้ที่ตีนบันได จากนั้นก็รีบวิ่งกลับออกมา
หากเนื่องจากภูพิงค์เป็นคนขายาวมาก พอรวินท์ใส่กางเกงของเขา ชายขาจึงลงมากองอยู่บนข้อเท้าเล็กน้อย เด็กหนุ่มเห็นดังนั้นก็รีบก้าวลงจากมอเตอร์ไซค์ เขาย่อตัวลงนั่งบนเข่าแล้วพับขากางเกงให้อีกฝ่าย
ทันตแพทย์หนุ่มก้มลงมองคนอ่อนวัยกว่าค่อยๆ พับขากางเกงให้เขาทั้งสองข้าง มีการวัดดูให้เท่ากันด้วยเสร็จสรรพ “บริการดีโคตร”
“ก็จะพาพี่ไปใช้แรงงาน ก็ต้องเอาใจกันหน่อย ไปกันเหอะพี่ ขึ้นมอไซค์มามะ” ภูพิงค์ลุกขึ้น หันไปหยิบหมวกกันน็อกโยนให้ ก่อนจะก้าวขึ้นไปบนมอเตอร์ไซค์แล้วติดเครื่องรอ
หลังจากรวินท์ขึ้นไปนั่งแล้ว เด็กหนุ่มก็พาบึ่งมอเตอร์ไซค์เข้าไปยังจุดเริ่มต้นการวิ่งมาราธอนที่ลานเกียร์ข้างหน้าตึกวิศวกรรมศาสตร์
ที่ในลานมีผู้คนมากมาย ส่วนใหญ่จะใส่เสื้อของงานมาราธอนกัน มีป้ายโฆษณาจากสปอนเซอร์เรียงเป็นแถบ มีเวทีเล็กๆ จัดไว้สำหรับพิธีกรในงาน เสียงดนตรีดังกระหึ่มไปทั่วบริเวณ
แต่เสียงดนตรีที่ว่าดังแล้วก็ยังเบาไปเมื่อเทียบกับเสียงวี้ดว้ายเซ็งแซ่เมื่อสองหนุ่มที่ไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวขี่มอเตอร์ไซค์เข้ามาจอดและถอดหมวกกันน็อกออก
“คนเยอะมากเลยแฮะ” ทันตแพทย์หนุ่มเปรย
ส่วนภูพิงค์กำลังเหงื่อตก เขาก็สงสัยอยู่แล้วเชียวว่าทำไมไอ้พวกสโมฯ บอกให้เขาเอามอเตอร์ไซค์มาจอดตรงที่ใกล้ๆ เวที ไอ้ตอนแรกก็คิดว่าเพราะสะดวกดี แต่ดูแล้วไม่น่าจะใช่
สัส ถ้าจะทำแบบนี้ไม่ให้เขาขี่มอเตอร์ไซค์ไปจอดบนเวทีแม่งเลยล่ะ!
“พี่วิน ไปเตรียมตัววิ่งก่อน” เด็กหนุ่มเอื้อมมือไปคว้าแขนคนที่มัวแต่หันมองไปรอบๆ อย่างงงๆ เนื่องจากรวินท์เข้ามาที่คณะวิศวกรรมศาสตร์แห่งนี้เป็นครั้งแรก แถมวันนี้มีงาน คนมหาศาลอีกต่างหาก
“อื้อหือ งานใหญ่เหมือนกันนะเนี่ย มีงานติดกันสองเสาร์ แล้วเสาร์หน้าจะมีคนมามั้ยอ่ะ”
“โห แทงใจดำดังฉึกเลยพี่ พวกผมก็กลัวอยู่นี่แหละ แต่ก็ต้องทำไง เพื่อช่วยโรงเรียนน้อง”
“พี่วิน พี่วินค้า~”
“ครับ” เจ้าของชื่อเรียกหันขวับ แต่พอเขาหันไปเท่านั้น เสียงกรีดร้องก็ดังสนั่นกลบเสียงเพลงในงาน พวกสาวๆ กำลังจะกรูกันเข้ามารุมล้อมในไม่ช้า หากภูพิงค์ไวกว่า
เด็กหนุ่มรีบคว้าตัวรวินท์ไว้ ก่อนที่อีกฝ่ายจะโดนสาวๆ ฉุดไป เขาต้องลำบากออกตามหาอีก “เดี๋ยวๆ ให้พี่วินไปวิ่งก่อน เสร็จงานค่อยมารุมนะ”
รวินท์หันขวับไปทางเด็กหนุ่ม “เสร็จงานแล้วผมก็ยังต้องไปทำงานต่อนะเว้ย”
“เออ น่า เอาชีวิตจากตรงนี้ให้รอดก่อนเหอะพี่ แล้วค่อยคิดเรื่องงาน”
“นี่คุณพาผมมาวิ่งหรือพามาให้รุมประชาทัณฑ์กันแน่วะ”
สองหนุ่มเถียงกันไป โดยที่แขนของคนอ่อนวัยกว่าโอบเอวรวินท์ไว้ รอบๆ ตัวพวกเขาเริ่มมีคนเข้ามามุงเยอะขึ้น เสียงชัตเตอร์ดังรัวยิ่งกว่าปืนกล ทว่าโชคดีที่พี่ๆ ชาวสโมฯ มาช่วยพาตัวสองหนุ่มไปยังจุดรวมตัวได้ ก่อนที่ภูพิงค์จะโดนเหยียบตายด้วยความหมั่นไส้ปนอิจฉา
จากนั้นสมาชิกสโมฯ ก็มารวมตัวกันเพื่อขอบคุณทันตแพทย์หนุ่ม พวกเขาพร้อมใจกันยกมือไหว้ แต่ที่จริงแล้วเพราะอยากเห็นตัวจริงใกล้ๆ มากกว่า
“ขอบคุณพี่หมอมากคร้าบ”
“ไม่เป็นไรๆ นิดหน่อยเองครับ”
“เดี๋ยวไอ้พิงค์กับพวกผมนี่จะวิ่งไปพร้อมๆ พี่หมอนะ พอวิ่งกลับมาแล้วเดี๋ยวขึ้นเวทีไปให้สัมฯ นิดนึงนะครับ”
“จะสัมฯ ว่าอะไรบ้างครับ บอกให้ผมเตรียมตัวหน่อย”
ภูพิงค์ขยับเข้ามากระซิบ “สัมฯ เกี่ยวกับงานอาทิตย์หน้าน่ะพี่ เดี๋ยวผมบอกรายละเอียดให้อีกทีตอนวิ่งนะ”
“อ่อๆ โอเค”
“อีกสักพักประธานจะขึ้นไปเปิดงานบนเวที ระหว่างนี้ก็วอร์มอัปไปก่อน โอเคนะครับพี่”
“อือๆ ได้ครับ”
“ก่อนเริ่มงานขอถ่ายรูปหน่อยนะครับพี่หมอ เอ้า ไอ้พิงค์ ขยับเข้าไปยืนชิดๆ” ตากล้องสโมฯ วิ่งถือกล้องเข้ามาขวาง
เด็กหนุ่มยิ้มแหยๆ ไอ้ห่าพี่ต่าย นี่แม่ง จงใจเกินไปมะ สมาชิกสโมฯ ยืนอยู่เป็นสิบ เสือกให้พี่วินถ่ายกับเขาสองคน
“โอบไหล่หน่อยๆ”
ขณะที่ภูพิงค์กำลังด่าในใจ ทันตแพทย์หนุ่มกลับเป็นคนยกแขนขึ้นโอบอีกฝ่ายแทนซะอย่างนั้น ตามด้วยรอยยิ้มเพื่อการค้าอย่างที่เคยชิน
หลังจากถ่ายรูปกันเสร็จ บนเวทีก็เริ่มต้นด้วยการนำวอร์มร่างกาย จากนั้นประธานก็ก้าวขึ้นไปกล่าวเปิดงาน แล้วการวิ่งมาราธอนก็เริ่มต้นขึ้น
ช่วงแรกๆ ของการวิ่ง รวินท์ก็วิ่งตามกลุ่มไปช้าๆ ฟังภูพิงค์บอกบทสำหรับการสัมภาษณ์บนเวทีที่จะมีขึ้นหลังจากวิ่งเสร็จไปพลางๆ หากวิ่งไปได้ครึ่งทางก็เริ่มหอบ
“ทำไมเหนื่อยไวจังวะพี่ อายุเท่าไหร่กันแน่เนี่ย”
“ผมไม่ได้ฝึกวิ่งขึ้นดอยมาเหมือนคุณนะเว้ย”
“สองโลนี่จะไหวป่ะเนี่ย”
“ถ้าไม่ไหวจะให้ขี่หลังมั้ยล่ะ”
“เอางี้ดิ ถ้าจับผมทันให้ขี่คอเลย” พูดจบเด็กหนุ่มก็สปีดออกไป
“เฮ้ย! ไอ้ขี้โกง!” รวินท์เร่งสปีดตามไปแบบไม่เจียมสังขาร ทว่าวิ่งไปได้ไม่นานก็หยุดหอบแฮ่กๆ ภูพิงค์จึงชะลอความเร็วลง
“โห ลุงเอ๊ย! ที่จริงโกงอายุมาใช่มะ!”
“ลุงพ่องส์” ทันตแพทย์หนุ่มวิ่งต่อ พลางยกขาไล่เตะคนช่างกวนประสาทที่วิ่งอยู่ใกล้ๆ กันไปด้วย
กว่าจะไปถึงจุดที่กำหนดไว้ รวินท์ก็เหงื่อโซมกาย เขาได้หยุดพักชั่วครู่ ก่อนตัวเขา ภูพิงค์ และกลุ่มสมาชิกสโมฯ บางส่วนจะวกกลับไปยังจุดเริ่มต้น ปล่อยให้สมาชิกที่เหลือกับคนอื่นๆ วิ่งกันต่อไป ส่วนพวกเขาจะกลับไปโฆษณางานไนต์กันต่อ
เมื่อพวกเขาวิ่งกลับเข้ามาถึงในงาน เสียงฮือฮาก็ดังขึ้นอีกครั้ง ภูพิงค์พาทันตแพทย์หนุ่มไปยืนหอบหมดสภาพอยู่ที่ข้างเวที เตรียมขึ้นไปให้สัมภาษณ์ต่อ
“พี่หายเหนื่อยไวๆ หน่อยดิ”
“คนนะเว้ย ไม่ได้เปิดปิดสวิตช์ได้”
เด็กหนุ่มหันไปหยิบแผ่นพับมาช่วยพัดให้ “เอายาดมมั้ยลุง”
“เรียกแบบไม่ดูหน้าตัวเองเลยว่ะ กระดากปากบ้างมั้ยถามจริง”
ภูพิงค์หัวเราะ “เหนื่อยจะตายยังมีอารมณ์เถียงอีกเนอะ คนเรา” นัยน์ตาจับจ้องใบหน้าที่มีเม็ดเหงื่อผุดพราย ริมฝีปากที่เผยอหอบเปลี่ยนเป็นสีแดงเข้ม ผมยุ่งและเปียกชื้น หมดมาดคุณหมอสุดหล่อไปเลย
“พี่หมอพร้อมยังครับ” หนึ่งในสตาฟฟ์ก้าวเข้ามาถาม “ขึ้นไปรอข้างบนเลยพี่”
ทว่าเมื่อก้าวขึ้นบันไดไป พอหันกลับมาก็เห็นว่าคนอ่อนวัยกว่ายังยืนอยู่ที่เดิม “เฮ้ย เดี๋ยวๆ สัมฯ ผมคนเดียวเหรอ”
เด็กหนุ่มยิ้มกว้างพร้อมกับโบกมือให้ “ผมรออยู่ข้างเวทีเนี่ยพี่ สู้ๆ นะ” จากนั้นก็พยักหน้าหงึกหงักส่งสัญญาณกับสตาฟฟ์ที่ข้างบนเวที
“พี่หมอออกไปได้แล้วครับ” สตาฟฟ์คนเดิมผลักทันตแพทย์หนุ่มออกไปเบาๆ
โชคดีที่รวินท์เคยมีประสบการณ์ต่อหน้าคนมากมายมาก่อน เขาจึงไม่ได้ประหม่าอะไรมาก อีกอย่าง ไหนๆ ก็รับปากกับพิงค์มาแล้วด้วย เขาก็คงต้องช่วยให้เต็มที่
พิธีกรบนเวทีมีสองคน เป็นคู่ชายหญิง พวกเขายืนประกบทันตแพทย์หนุ่มไว้คนละข้าง
“แนะนำตัวหน่อยครับพี่หมอ”
“สวัสดีครับ รวินท์ กิจโสภณ เป็นทันตแพทย์ครับ”
“พี่หมอบอกหน่อยสิคะ ว่าเป็นไงมาไงถึงมาวิ่งมาราธอนกับพวกเราได้คะเนี่ย”
รวินท์ยิ้มละมุน พลางชี้ไปที่ข้างเวที “พิงค์ชวนมาครับ” เรียกเสียงหวีดร้องได้ดังก้อง
“งานนี้ต้องขอบคุณไอ้คุณพิงค์นะครับเนี่ย สาวๆ เลยมากันเต็มงานเลย แต่ไหนๆ พี่หมอก็อยู่กับพวกเราที่ตรงนี้แล้ว ขอถามคำถามที่หลายๆ คนอยากรู้สักหน่อยนะครับ”
“คะ...ครับ”
“พี่หมอยังโสดหรือเปล่า”
คราวนี้ทั้งภูพิงค์และรวินท์ชะงักกึก เพราะคำถามนี้ไม่มีตอนเตี๊ยมกันนี่หว่า!
“เฮ้ย! อย่าถามนอก...!” เด็กหนุ่มโวยวาย หากถูกไอ้ซันเพื่อนรักเอามือปิดปากไว้เสียก่อน “อื้อๆ!”
“เอ่อ... จะว่าโสดก็ได้ ไม่โสดก็ได้ แล้วแต่จะคิดก็แล้วกันนะครับ” ทันตแพทย์หนุ่มยิ้มเจื่อนๆ
“อ้าว พี่หมอตอบแบบนี้ หมายความว่ายังไงน้อ~ งั้นถามใหม่นะคะ สเป็กของพี่หมอเป็นแบบไหน ชอบผู้หญิงแบบไหนค้า”
“ชอบคนใจดีน่ารักครับ”
“บรรยายหน้าตาตามสเป็กหน่อยสิคะ”
“เอ่อ แบ๊วๆ ตาคมๆ โตๆ มั้งครับ”
“แล้ว... งานไนต์เสาร์หน้า พี่หมอจะมามั้ยเอ่ย มีสาวๆ หน้าตาแบ๊วๆ ใจดีน่ารักๆ เพียบเลยน้า”
รวินท์ถอนหายใจอย่างโล่งอก เพราะเขาไม่ค่อยอยากพูดเรื่องส่วนตัวสักเท่าไหร่ ดีที่ไม่โดนถามอะไรมาก ในที่สุดก็วกกลับมาเข้าเรื่องสักที “มาสิครับ นัดกับพิงค์ไว้แล้ว” ทันตแพทย์หนุ่มกวาดสายตามองไปยังกลุ่มคนที่ยืนล้อมเวทีกันอยู่ “เสาร์หน้าเจอกันนะครับ”
เสียงตอบรับดังลั่น ขณะเดียวกันพิธีกรก็พูดขึ้นแทรก “เสาร์หน้ามีเซอร์ไพรส์ใช่มั้ยคะพี่หมอ”
“ฮะ!?” อะไรอีกวะ!
รวินท์กับภูพิงค์หันไปสบสายตากันอีกรอบ
“ถ้าพิงค์เป็นพิธีกรงานไนต์เสาร์หน้า พี่หมอจะมาเป็นพิธีกรคู่กับพิงค์ได้มั้ยค้า~”
โอ้โห พวกกูนี่แหละเซอร์ไพรส์!
“เอี๋ยวอ่อน อูออกออนไอ๋เอี้ยอ้าอะเองอิ๊อีออน!” (เดี๋ยวก่อน กูบอกตอนไหนเนี่ยว่าจะเป็นพิธีกร) เด็กหนุ่มโวยผ่านฝ่ามือเค็มๆ ที่ปิดปากตัวเองไว้ “ไอ้อัน อ่อยอู๊” (ไอ้ซัน ปล่อยกู๊)
“เอ่อ ขอผมคิดดูก่อนแล้วกัน”
“ได้ครับ พี่หมอคิดไวๆ นะครับ เอาล่ะ ตอนนี้เรามาดู VTR จุดประสงค์ของงานไนต์กันสักนิดดีกว่า เชิญพี่หมอถอยมาทางนี้นิดนึงครับ จะได้เห็นชัดๆ”
หลังจากคลิปถูกฉายขึ้นบนจอ VTR พร้อมกับเพลงบรรเลงสุดเศร้า เสียงอื้ออึงของผู้คนในบริเวณนั้นก็เบาบางลง ภาพของบ้านเรือนที่ถูกดินโคลนทำลาย ผู้คนมากมายไม่มีเสื้อผ้า อาหารและยา ทุกครั้งที่ฝนตกลงมาก็ได้แต่นั่งรอเวลาอย่างสิ้นหวัง เด็กๆ ที่ตัวเปียกโชกตั้งแต่ศีรษะจรดเท้านั่งกอดกันที่หน้ากองไฟเพื่อความอบอุ่น ในชามข้าวมีเพียงข้าวต้มใสๆ คนสูงวัยยืนน้ำตาคลอเบ้า มองบ้านที่ถูกดินโคลนทำลายไปเสียครึ่งหลัง ภาพเหล่านั้นทำให้หลายคนรู้สึกเหมือนมีอะไรจุกอยู่ในลำคอ รวมทั้งรวินท์ด้วย
เมื่อฉายจบในส่วนของเรื่องเล่าบนดอย ก็เป็นการโฆษณาและบอกเล่ารายละเอียดของงานไนต์ การแสดงบนเวทีและสินค้าจากสปอนเซอร์ที่จะนำมาขายทั้งหลาย
แน่นอนว่าต้องเปิดเพลงดอกไม้จะบานคลอไปด้วย
“ตั๋วเข้างานใบละสามสิบบาท วันนี้ซื้อได้ที่โต๊ะข้างเวทีทางนั้นนะคะ ส่วนวันอื่นๆ มาซื้อได้ที่ใต้ตึกคณะวิศวะด้านหน้าสุดค่ะ เงินกำไรทั้งหมดจะนำไปซื้อเสื้อผ้า อาหารและยาให้กับน้องๆ และครอบครัวบนดอยของเราค่ะ”
“เอาล่ะ กลับมาที่พี่หมอของเรากันครับ อาทิตย์หน้าเจอกันนะครับพี่ วันนี้ขอบคุณมากครับ”
รวินท์ยิ้มบาง ถ้าหากเขาปฏิเสธก็คงเป็นคนโคตรใจร้าย เขาหันไปมองภูพิงค์ซึ่งก็กำลังมองมาทางเขาเช่นกัน ก่อนจะพยักหน้า “ครับ แล้วเจอกัน”
พอหลุดจากเวทีออกมาได้ เด็กหนุ่มก็รีบขอโทษขอโพยอีกฝ่ายเป็นการใหญ่ “พี่วิน ผมไม่รู้จริงๆ ว่าเขาเตี๊ยมอะไรกันไว้ ขอโทษนะครับ”
“เออๆ ไม่เป็นไรหรอกน่ะ ผมแค่ตกใจนิดหน่อย”
“แล้ว... อาทิตย์หน้า...”
“ก็สัญญาว่าจะมาแล้วนี่”
“คือผมยังไม่รู้เลยว่าต้องเป็นพิธีกรด้วย ไอ้พวกนั้นมันพูดเองเออเองชัดๆ”
“เอาเถอะ มันก็ไม่ได้เหนือบ่ากว่าแรงอะไร”
“ผมขอโทษจริงๆ นะพี่”
“ไม่ต้องขอโทษแล้ว ไปเหอะ พาผมกลับคลินิกก่อน เดี๋ยวไปทำงานไม่ทัน” รวินท์เดินนำไปยังรถมอเตอร์ไซค์ที่จอดอยู่
“งั้นเดี๋ยวตอนเย็นผมมารับพี่ไปกินข้าวนะ ถือว่าผมขอโทษก็แล้วกัน”
“ดีๆ ทั้งเย็นวันนี้แล้วก็พรุ่งนี้ด้วยนะเว้ย”
“คร้าบ~ เอาให้คุ้มเลยคร้าบเพ่~”
ในระหว่างที่ยืนเถียงกันอยู่ในลานจอดรถมอเตอร์ไซค์ก็มีสาวๆ กลุ่มใหญ่ก้าวเข้ามาหา พร้อมกับนำขนมและของขวัญเล็กๆ น้อยๆ ติดมือมาด้วย พวกเธอเรียกทันตแพทย์หนุ่มด้วยเสียงสอง แบบที่เรียกว่าบีบให้แบ๊วกันสุดๆ “พี่วินค้า รับขนมหน่อยน้า”
เจ้าของชื่อเรียกหันไปมอง ใจหนึ่งที่เห็นแก่กินก็อยากจะรับให้หมด แต่อีกใจ อยู่ต่อหน้าพิงค์แบบนี้ เดี๋ยวเขาจะโดนมองว่าใจง่ายขี้อ่อยอีก
ส่วนภูพิงค์ก้าวขึ้นมอเตอร์ไซค์ไปสตาร์ตรถรอแล้ว เขากะว่าถ้าคราวนี้รวินท์โดนรุมเพราะความขี้อ่อย เขาจะปล่อยอีกฝ่ายทิ้งไว้ตรงนี้นี่แหละ
รวินท์หันมองซ้ายขวา ก่อนจะบอกกับสาวๆ ที่มารอ “ขอโทษนะ ผมรับของใครไม่ได้หรอก เขาไม่ชอบ” แล้วชี้ไปที่เด็กหนุ่มบนมอเตอร์ไซค์เสร็จสรรพ เรียกเสียงหวีดร้องดังแว่วมาเป็นระลอกๆ
“ว้าย พี่พิงค์ขี้หวงอ้ะ หวงมากก็เอาไปกินด้วยกันสิค้า~”
“ขอบคุณทุกคนมากนะครับ แต่ผมต้องขอโทษจริงๆ คราวหน้ามาเจอกันเฉยๆ ก็พอนะ เสาร์หน้าทุกคนจะมาอยู่แล้วใช่มั้ย”
“ค่า~” สาวๆ ตอบรับอย่างพร้อมเพรียง แล้วพวกเธอก็หวีดร้องอีกครั้งเมื่อรวินท์ขึ้นนั่งซ้อนท้ายเด็กหนุ่ม หวีดครางหงุงหงิงกันจนกระทั่งสองหนุ่มขี่มอเตอร์ไซค์ออกไปลับสายตา
*TBC*/เปิดเพลงดอกไม้จะบานกล่อมทุกคน
พี่วินดูท่าจะหนีไปไม่พ้นคณะวิดวะแร้ววววว สงสัยต้องได้แฟนคณะนี้แหงๆ
บอกเลยว่าตอนงานไนท์ฟินแน่ๆ รอติดตามกันนะค้า
ขอบคุณคนอ่านทุกคนมากค่า รักน้า เยิฟๆ 