Internal Love
ตอนที่ 36
Be my man, I’ll be your man.
I see my future in your eyes.
“วันนี้แม่ทำแกงส้มของโปรดของแมนเอาไว้ ทานเยอะๆนะลูก” มารดาพูดยิ้มๆ เลื่อนชามใส่แกงส้มส่งให้ลูกชาย “เมื่อวานแม่ซื้อนมสดมาเพิ่มด้วย แช่เอาไว้ในตู้เย็น แมนอย่าลืมดื่มก่อนนอนนะ”
“ครับแม่ ขอบคุณมากครับ” เมืองแมนตอบอู้อี้เพราะเคี้ยวข้าวเต็มปาก “เพลิงกินสิ อร่อยดีนะ” เขาเลื่อนต่อไปให้คนรักที่นั่งข้างๆ “หรือจะทานคะน้าผัดกุ้ง จานนี้ก็อร่อยนะ น้องเมย์เป็นคนทำ”
ผู้ชายข้างตัวพึมพำขอบคุณด้วยท่าทางเคร่งขรึมกว่าทุกที เมืองแมนคิดในใจ เขาสังเกตเห็นท่าทางของคนรักมาได้เกือบอาทิตย์แล้ว เพลิงกัลป์ดูเคร่งเครียด นัยน์ตาคมแฝงแววกังวลเอาไว้ตลอดเวลาไม่เว้นแม้แต่ยามที่อยู่ด้วยกันสองต่อสอง
“เป็นอะไรหรือเปล่า อาหารไม่อร่อยเหรอ” เขาถามขึ้นหลังจากสิ้นสุดมื้อเย็นแล้วกลับขึ้นมาอยู่บนห้องด้วยกันสองคน คนฟังละสายตาจากหนังสือในมือขึ้นมองเขาแล้วส่ายหน้า
“อร่อยดีนี่ ไม่ได้เป็นอะไร” ชายหนุ่มตอบกลับมาเหมือนเมื่ือสามวันก่อนที่เขาถาม
“ไม่เชื่อหรอก คิดมากอะไรอยู่… หรือว่า อึดอัดกับที่บ้าน” เมืองแมนเดา พวกเขามาพักที่บ้านของเมืองแมนได้ร่วมสามอาทิตย์แล้ว เวลาผ่านไปเร็วในความรู้สึกของเขา คงเป็นเพราะเขาได้ใช้เวลาอยู่กับมารดาและน้องสาวหลังจากไม่ได้อยู่ด้วยกันแบบนี้นานแล้ว ส่วนเพลิงกัลป์ก็ออกไปรับจ็อบที่โรงพยาบาลเอกชนใกล้บ้านทุกวันรวมถึงบางคืนที่เป็นเวรห้องฉุกเฉิน
“เปล่าๆ บ้านมึงก็อยู่สบายดี ไม่ได้อึดอัดอะไร …มันแค่แบบ…ไม่รู้สิ บอกไม่ถูก ไม่ต้องกังวลหรอกมานอนได้แล้ว” เพลิงกัลป์ตบที่นอนข้างตัว “คืนนี้ตัวเล็กของพ่อจะฟังนิทานเรื่องอะไรดีครับ” ชายหนุ่มเอี้ยวตัวไปเลือกหนังสือนิทานที่วางเรียงเป็นตั้งอยู่บนโต๊ะข้างเตียง “หนูน้อยหมวกแดงมั้ย หรือว่าลูกหมูสามตัว”
เมืองแมนอมยิ้ม ขยับตัวลงนอนเคียงข้าง ยกมือขึ้นลูบท้องกลมนูนแผ่วเบา ลูกน้อยเตะกลับมาสองที
“เรื่องหนูน้อยหมวกแดงดีกว่า ลูกชอบ”
“รู้ได้ไง”
“ก็ตอนฟังคราวก่อน ลูกดิ้นใหญ่เลย” เมืองแมนตอบ “ต้องชอบมากแน่ๆ”
“ลูกอาจจะชอบอะไรหลังจากที่เล่าเสร็จก็ได้นะ” คนพูดยิ้มเจ้าเล่ห์ เหล่ตามองอีกฝ่ายอย่างมีเลศนัย เมืองแมนเพิ่งนึกขึ้นได้ หน้าแดงจัดยกมือขึ้นฟาดแขนคนรักอย่างแรง
“วันนี้ไม่ฟังนิทานแล้ว” เขาพูด
“อ้าว…งั้นก็ข้ามขั้นไปเลยสิ ดีเหมือนกัน” มือใหญ่จับชายเสื้อเลิกขึ้นสูงพ้นหน้าท้องเล่นเอาเจ้าของท้องตกใจ “เอาเลยมั้ย”
“หยุดๆ คราวก่อนยัง..เจ็บๆอยู่เลย” เมืองแมนพูดเสียงเบา อายจนไม่กล้าสบตาอีกฝ่าย
“มีแผลหรือเปล่า เดี๋ยวดูให้”
“ไม่มีแผล ไม่ต้องดูๆ”
อีกฝ่ายไม่ฟัง ดึงเสื้อขึ้นสูงจนพ้นอก เผยให้เห็นแผ่นอกขาวเนียนประดับด้วยยอดทรวงสีเข้ม เพลิงกัลป์ก้มลงไปพิจารณาดูใกล้ๆจนเจ้าของเขิน พยายามเอี้ยวตัวหลบ ติดตรงที่มือใหญ่จับข้อมือล็อคเอาไว้กับที่นอนอย่างรวดเร็ว
“เลิกจ้องได้แล้ว”
“ไม่เห็นมีแผล”
“ไม่มีก็ไม่มี ดึงเสื้อลงได้แล้ว”
“กูว่ามันเริ่มใหญ่ขึ้นนิดนึงแล้วนะ” เพลิงกัลป์พึมพำ ริมฝีปากแนบชิดกับตุ่มไตที่เริ่มขึ้นชัด
“โอ๊ย พอเถอะ เอาเสื้อลงนะ” เมืองแมนโอดครวญ จะดิ้นแรงก็ไม่กล้ากลัวครรภ์กระทบกระเทือน “ไม่เห็นจะใหญ่ขึ้นตรงไหนเลย”
“หมายถึงตรงนี้” คนพูดดึงมือเขาไปแปะเข้าที่กลางลำตัวของตัวเองหน้าตาเฉย อะไรบางอย่างใต้กางเกงนอนเนื้อนิ่มสู้มือจนเมืองแมนสะดุ้ง จะดึงมือออกอีกคนก็ไม่ยอม “ช่วยหน่อยนะ นอนไม่หลับเลย” เพลิงกัลป์พูดเสียงพร่า
“ไปห้องน้ำสิ…อ้ะ” นอกจากไม่ยอมไปห้องน้ำแล้วอีกฝ่ายกลับก้มลงสัมผัสยอดอกของเขาอย่างถนัดถนี่ ปลายลิ้นตวัดขึ้นเคล้าคลึงกับไรฟันสร้างความรู้สึกเสียวซ่านให้แก่เจ้าของจนต้องบิดตัวไปมา “เดี๋ยว โอย…เพลิง” เมืองแมนยกมือขึ้นจับศีรษะที่ปกคลุมด้วยเส้นผมหยักศกนั้น จิกเล็บลงระบายความวาบหวาม “ปละ ปล่อยก่อน”
เพลิงกัลป์ยอมปล่อยเพียงชั่วคราวเท่านั้นก่อนจะก้มลงไปจัดการอีกข้างหนึ่งให้เท่าเทียมกัน ฝ่ามือก็ช่วยบีบคลึงกระตุ้นให้ไม่ขาด ร่างขาวผ่องนวลเนียนลื่นมือไม่ว่าจับตรงไหน อารมณ์ชายหนุ่มพุ่งสูงขึ้นทุกทียากจะควบคุม ตัวตนของเขาปวดร้าวแทบระเบิดยิ่งมีมือของอีกฝ่ายที่แม้จะขยับอย่างเงอะๆงะๆแต่ก็กลับทำให้เขาปวดหน่วงไปทั่วเชิงกราน สัญชาตญาณทำให้เขาดึงกางเกงของเมืองแมนออก
“เพลิง” เมืองแมนอุทาน แต่ฝ่ายนั้นหน้ามืดเสียแล้ว ตัวตนของเมืองแมนปรากฏให้เห็นแสดงว่าเจ้าตัวก็มีอารมณ์ร่วมไม่แพ้กัน เพลิงกัลป์ก้มลงครอบครองสิ่งนั้นอย่างไม่รอช้า ปลายลิ้นขยับอย่างชำนาญ บั้นท้ายกลมกลึงเต็มมือยกสูงแทบไม่ติดที่นอน
เมืองแมนจิกเล็บเข้าที่หัวไหล่ของเขาแน่น ป่านนี้คงเต็มไปด้วยรอยเล็บไปหมดแล้ว เพลิงกัลป์ขยับเร็วขึ้นจนในที่สุดใบหน้าเล็กรูปหัวใจก็เชิดสูง ส่งเสียงระบายความอัดอั้นออกมา
“อย่า..อย่ากลืนลงไปนะ” เจ้าของพูดหอบๆ เอื้อมมือมาจับที่ปลายคางเขียวครึ้มแกมบังคับให้คายออก เพลิงกัลป์ชะโงกเข้าไปจูบที่ริมฝีปากอย่างดูดดื่ม รสชาติแปลกๆที่ปลายลิ้นทำให้เมืองแมนนิ่วหน้าแต่ก็หลีกหนีไปทางไหนไม่ได้ เขายกมือขึ้นทุบที่แผ่นอกกว้างแทนการร้องประท้วง
เพลิงกัลป์ยอมผละออกให้เขาสูดอากาศบริสุทธิ์เข้าปอด ใบหน้าคมเข้มแดงจัดลงมาถึงแผ่นอกแน่นด้วยกล้ามเนื้อ เพลิงกัลป์หายใจหนักๆหลายครั้ง จ้องหน้าเขาแล้วก็ดันตัวลุกขึ้นยืน
“ขอไปห้องน้ำก่อน” เสียงห้าวพึมพำ กำมือแน่น
อารมณ์ของเพลิงกัลป์ยังไม่สงบ เมืองแมนรู้ดีเพราะเขาก็เป็นผู้ชายเช่นกัน อีกฝ่ายพยายามยับยั้งห้ามตัวเองแค่ไหนเขาก็รู้ เพราะอีกฝ่ายไม่อยากให้กระทบกระเทือนต่อลูกในท้อง ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเรื่องนี้หรือเปล่าที่ทำให้คนรักเคร่งเครียดในระยะหลัง
“……………” เมืองแมนเอื้อมมือมาแตะที่ท่อนแขนล่ำสัน อีกฝ่ายก้มลงมองเขาอย่างฉงน เขาเลยลุกขึ้นยืน ยกมือขึ้นคล้องคอร่างสูงเอาไว้ ดึงให้อีกฝ่ายโน้มตัวลงมาหา
“เมืองแมน?”
เมืองแมนประกบริมฝีปากเข้ากับเรียวปากได้รูปสวยจนน่าอิจฉานั้น มือกดที่ไหล่แข็งตึงเป็นเชิงบังคับให้ทรุดตัวลงนอนบนเตียง มือเล็กจับที่ขอบกางเกงของอีกฝ่าย กลั้นใจดึงลงเหมือนกับที่ฝ่ายนั้นทำให้เขาเมื่อครู่นี้ ตัวตนของเพลิงกัลป์ทำให้เขากลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดๆ
“ไม่ต้องหรอก ไม่เป็นไร” เพลิงกัลป์รีบคว้ามือเอาไว้เมื่อเห็นคนรักทำท่าจะก้มลงไปช่วยเขา เมืองแมนปัดมือของเขาออก กระซิบแผ่วเบา
“นอนเฉยๆเถอะ” พูดจบอีกฝ่ายก็แตะริมฝีปากลง เมืองแมนไม่เคยทำให้ใครมาก่อนเขารู้ดี ทว่าท่าทางเก้ๆกังๆนั้นกลับทำให้เพลิงกัลป์แทบคลั่งยิ่งกว่าเดิม เขากำผ้าปูที่นอนแน่นระบายความรู้สึกอยากฟัดร่างนิ่มๆเต็มไม้เต็มมือที่อยู่ใกล้เพียงแค่เอื้อมนั้น เกร็งตัวจนหน้าท้องขึ้นกล้ามเป็นลูกๆ ระวังไม่ให้เผลอขยับตัวตอบจนอีกฝ่ายบาดเจ็บ ได้แต่หลับตาลงจินตนาการถึงตอนที่เขาจะสามารถสัมผัสทุกตารางนิ้วบนร่างกายของอีกฝ่ายได้แม้แต่ส่วนที่ลึกที่สุด
“อา…ใกล้แล้ว” เสียงห้าวคราง เพลิงกัลป์เกร็งไปหมดทุกส่วนจนเมืองแมนอดแปลกใจแกมภูมิใจไม่ได้ สงสัยเทคนิคของเขาจะไม่ธรรมดา อีกฝ่ายถึงได้เกร็งจิกที่นอนแน่นขนาดนี้ ได้ใจรีบขยับริมฝีปากต่อเนื่องจนในที่สุดมือใหญ่ก็จับที่ใบหน้าของเขาแล้วดึงขึ้นมาจูบหนักหน่วง
เพลิงกัลป์หายใจหอบหนักราวกับเพิ่งวิ่งมาหลายกิโลฯ เหงื่อแตกพลั่กทั่วตัวเป็นมันเลื่อม เมืองแมนพลิกตัวลงนอนตะแคง เอื้อมมือไปแตะที่ซีกหน้าคมที่เห็นพลางถามด้วยเสียงเบาที่่สุด
“ชอบ…มั้ย” ไม่ต้องบอกก็คงรู้ว่าหมายถึงอะไร เพราะไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อน เขาก็เลยไม่มั่นใจ ยิ่งอีกฝ่ายเคยผ่านประสบการณ์มามากมายแล้วด้วย จะผิดหวังมั้ย โอเคหรือเปล่า…หรือว่าเพียงแค่นี้อีกฝ่ายจะยังไม่เพียงพอ
เพลิงกัลป์สบตากลมโตแฝงแววคาดหวังแกมไม่มั่นใจคู่นั้น เขาคว้ามือของเมืองแมนมาจูบเเรงๆ ยกมือขึ้นเสยผมหน้าม้าที่ลงมาปรกให้พ้นตา
“ชอบเสียยิ่งกว่าชอบ ไปแอบฝึกมาจากไหนเนี่ย” เขาพูด พอจะเดาได้ว่าที่วันนี้อีกฝ่ายเอาใจเป็นพิเศษเห็นทีคงจะเป็นเพราะเขาดูเครียดกว่าทุกวันล่ะมั้ง
“คนมันเก่งอยู่แล้ว” เมืองแมนยิ้มโอ่
“ขออีกรอบได้มั้ยล่ะ” เขาแกล้งพูด
“…หรือว่ามึงจะอยาก…เอ่อ…ใส่ข้างใน” ตอนแรกก็พูดตะกุกตะกัก พอมาตอนหลังกลับพูดเร็วปรื๋อจนเพลิงกัลป์เกือบฟังไม่ทัน ใบหน้ารูปหัวใจแดงแข่งกับมะเขือเทศในตู้เย็น “คือ แบบนี้มัน…ไม่พอ..ใช่มั้ย”
“ไม่เอาน่า เราคุยกันแล้วไง เรื่องนี้กูรอได้…อีกไม่ถึงสามเดือนเอง” เขายิ้มใส่ตาอีกฝ่ายทว่าคนฟังกลับยังพะว้าพะวัง
“ไม่ๆ คือ…ถ้าอึดอัดมาก แบบ…อยากจะออกไปข้างนอกบ้าน มึงก็รู้…กูก็ไม่ห้ามหรอกนะ กูเข้าใจ” เมืองแมนพูดออกมาในที่สุด
เพลิงกัลป์เงียบไปครู่จนคนพูดใจเสีย ก่อนที่รอยยิ้มจะปรากฏขึ้นในดวงตาคมลามลงมายังริมฝีปาก ชายหนุ่มเปล่งเสียงหัวเราะออกมาดังลั่น
“ฮ่าๆ พูดจริงหรือเปล่า” เขาถามขึงขัง เมืองแมนเม้มปากแน่นแต่ก็พยักหน้ารับ “ถ้ากูออกไปหาเศษหาเลยนอกบ้านจริงๆ จะไม่ร้องไห้ขี้มูกโป่งแน่นะ” เขาถามย้ำ
“อืม” อีกคนตอบแบบไม่สบตาเขา
เพลิงกัลป์จ้องหน้าเมืองแมนนิ่ง ความรู้สึกรักเอ็นดูล้นหัวใจทำให้เขาโอบร่างอีกฝ่ายเข้ามากอด จุมพิตที่หน้าผากนวลเนียนแผ่วเบา
“ถึงไปได้ก็ไม่อยากไป ขี้เกียจเห็นคนน้ำตาเช็ดหัวเข่า”
“ฮึ ไม่มีทาง”
“ไม่ต้องห่วงเรื่องนี้หรอก จริงๆ” เพลิงกัลป์ยืนยัน “เห็นกูเป็นคนมักมากเรื่องนั้นหรือไง”
“หมกมุ่นเลยล่ะ”
“ฮ่าๆ” เมืองแมนแนบใบหน้าลงกับแผ่นอกกว้างที่สั่นเพราะแรงหัวเราะนั้น อดดีใจไม่ได้ที่อีกฝ่ายไม่ได้มีท่าทีอยากจะออกนอกบ้านอย่างที่คิด ถ้าอย่างนั้นเพลิงกัลป์เครียดเรื่องอะไรกันล่ะ
“นี่…มีเรื่ืองอะไรก็คุยกันตรงๆได้ไหม รู้นะว่ามีเรื่ืองอะไรอยู่ในใจ”
“อืม” เพลิงกัลป์ดันตัวอีกฝ่ายออก พูดเสียงจริงจัง “มี แต่ว่ามึงใส่ชุดให้เรียบร้อยก่อน กูไม่มีสมาธิคุย” เพลิงกัลป์พูดหน้าตาเฉย เมืองแมนย่นจมูกดึงกางเกงขึ้นมาสวม ขณะที่คนพูดกลับพลิกตัวนอนหงายอ้าซ่า ร้อนถึงเมืองแมนต้องเอื้อมมือไปดึงผ้าห่มมาคลุมโปะให้ลวกๆ
“ทีตัวเองละนอนแผ่ อุจาดตาจริงๆ”
“อย่างกูเนี่ยเขาเรียกว่าสวรรค์ปั้น” เพลิงกัลป์พูด
“ฟังแล้วคลื่นไส้”
“ยังไม่หายแพ้ท้องอีกเหรอ?”
เมืองแมนต่อยหนักๆที่ต้นแขนไปทีพอให้รู้ว่าเลิกพูดเล่นได้แล้ว อีกฝ่ายลุกขึ้นนั่ง กระแอมออกมาหลายครั้ง
“คือ …เมื่ออาทิตย์ก่อนโรงพยาบาลที่เชียงใหม่เขาโทรหากู บอกว่ามีตำแหน่งว่างให้ไปลงที่นู่น”
“อ้าว” เมืองแมนอุทานแล้วเงียบไป
“กูก็งงเหมือนกัน เพราะล่าสุดกูขอตำแหน่งที่กรุงเทพฯไว้ โทรไปถามเมื่อวานเขาว่ายังไม่มีตำแหน่งว่าง แต่ถ้าที่เชียงใหม่กูไปเริ่มทำงานได้เลย ถ้าทำงานกับเขาครบปีก็จะออกใบเพิ่มพูนทักษะอินเทิร์นหนึ่งให้”
เมืองแมนขมวดคิ้วอย่างครุ่นคิด
“แล้วมึงอยากไปไหม”
“กูอยากอยู่กับมึงและลูก” เพลิงกัลป์ตอบกลับมาทันที “ถ้าไม่มีตำแหน่งลงที่กรุงเทพฯก็คงต้องลาออกเหมือนที่คุยกันไว้เดิม”
“แต่ว่าถ้ามึงอยากจะเรียนออโถ(ศัลยกรรมกระดูก)ต่อ ก็ต้องมีใบเพิ่มพูนทักษะ ถ้าลาออกก่อนใช้ทุนปีแรกครบก็เท่ากับตัดอนาคตเรียนต่อ” เมืองแมนพูดช้าๆ หรี่ตาลงมองหน้าอีกฝ่าย “นี่คือเรื่องที่มึงคิดไม่ตกใช่มั้ย”
“ก็มีส่วน” เพลิงกัลป์ยอมรับ “จริงๆมันหลายเรื่อง อย่างเรื่องรายได้ของแพทย์ทั่วไปน้อยกว่าแพทย์เฉพาะทางนั่นก็เรื่องนึง เรื่องเงินเราไม่ได้เดือดร้อนมากเท่าไหร่ แต่ที่กูไม่ชอบแพทย์ทั่วไปก็เพราะต้องตรวจตั้งแต่สากกะเบือยันเรือรบ กูไม่ได้ชอบตรวจไข้ไอน้ำมูกหรือท้องเสีย ไม่ชอบพวกมาขอแต่ใบรับรองแพทย์ด้วย กูอยากตรวจโรคกระดูกมากกว่า ถ้าเรียนต่อได้น่าจะดี”
“กูเข้าใจ” เมืองแมนพูดแค่นั้น เพราะเขาเองก็จำเป็นต้องลาออกจากระบบมาเพราะดันตั้งท้อง ทั้งที่ก่อนหน้านั้นก็ตั้งความหวังว่าจะเรียนต่อในสาขาเฉพาะทางเหมือนกัน
เพลิงกัลป์ถอนหายใจยาว
“แต่ไม่ต้องกังวลหรอก กูตัดสินใจแล้วว่าจะอยู่กรุงเทพฯ เรื่องเรียนต่ออะไรก็ค่อยว่ากันทีหลัง” ชายหนุ่มพูด เอี้ยวตัวบิดขี้เกียจจนกระดูกลั่นกร้อบ พอเห็นคนรักยังทำหน้าเครียดอยู่ก็ชักรู้สึกเสียใจ ไม่น่าพูดออกไปให้กังวลเลย “จริงๆกูก็ไม่ได้อยากเรียนต่ออะไรขนาดนั้นหรอกแมน ก็บ่นไปอย่างนั้นเอง ตอนนี้เรื่องมึงกับลูกสำคัญที่สุดสำหรับกู เรื่องอื่นช่างมัน …ใช่มั้ยครับลูก ลูกพ่อ..”
ประโยคหลังเขาก้มลงไปพูดกับพุงของเมืองแมนแทน
คืนนัันเมืองแมนนอนไม่หลับ เขารู้ว่าคนตัวใหญ่ที่นอนนิ่งอยู่ข้างๆก็ยังนอนไม่หลับเช่นกัน เรื่องที่เพิ่งได้รับรู้มายังติดอยู่ในใจ เขามองออกว่าอีกฝ่ายอยากเรียนต่อ พอๆกับที่อยากอยู่ด้วยกันกับลูก แล้วเขาควรจะทำอย่างไรดี ย้ายตามกันไปเชียงใหม่งั้นหรือ เขาจะอยู่อย่างไรล่ะ พ่อแม่ของฝ่ายนั้นยังไม่ยอมรับเขาด้วยซ้ำ ไม่ต้องไปเช่าบ้านหรืออยู่บ้านพักอินเทิร์นเหมือนเดิมหรือ ไหนจะเรื่องหมอสูติที่ดูแลกันอีก
เมืองแมนนอนกึ่งหลับกึ่งตื่นไปจนเช้า
……………………
“ทำไมวันนี้หน้าซีดจังลูก” มารดาเป็นคนทักเขาคนแรกในตอนเช้า เมืองแมนยกมือขึ้นลูบหน้าแล้วส่งยิ้มให้
“เมื่อคืนนอนไม่หลับนิดหน่อยครับ”
“เป็นอะไรไป”
เสียงฝีเท้าลงบันไดมาจากชั้นสองของบ้าน เพลิงกัลป์ปรากฏตัวขึ้นที่โต๊ะอาหารในชุดเสื้อกาวน์เตรียมออกไปทำงาน
“พ่อเพลิงกินข้าวกันก่อนสิจ้ะ” คุณจุไรเรียก
“พอดีวันนี้ผมมีออกตรวจประกันสังคมครับ ต้องรีบไปเช้าหน่อยรถติดมาก” ชายหนุ่มตอบ
เมืองแมนเลยหยิบแซนวิชใส่กล่องลุกขึ้นเดินตามหลังคนรักออกไปข้างนอกบ้าน
“กินหน่อย เดี๋ยวไม่มีแรงตรวจนะ” เขาพูด
เพลิงกัลป์หันมายิ้มให้ รับกล่องไปถือเอาไว้ ตาคมเหลือบมองซ้ายขวาพอไม่เห็นเพื่อนบ้านก็ก้มลงหอมแก้มนิ่มเต็มฟอด
“ชื่นใจ มีแรงไปทำงานแล้ว”
เมืองแมนย่นจมูกใส่ รุนหลังอีกฝ่ายให้ขึ้นรถได้แล้ว
“เดี๋ยวสายหรอก ไว้เจอกันตอนเย็น”
“ยิ้มแบบนี้ชักไม่อยากไปทำงานแล้วสิ” เพลิงกัลป์กระซิบ ยื่นมือออกไปลูบท้องกลมๆ พึมพำ “พ่อไปทำงานก่อนนะลูก อย่าดื้ออย่าซนนะ ดูแลแม่เค้าด้วย”
“ไปได้แล้วน่า” เมืองแมนพูด รู้สึกหน้าร้อนๆชอบกล
เขายืนส่งอยู่ที่หน้าประตูบ้านจนรถของคนรักเลี้ยวลับสายตา พอกลับเข้าไปในบ้านก็เกิดเวียนหัวขึ้นมานิดหน่อยจนต้องหยุดนั่งพัก
“เพลิงไปแล้วหรือลูก แมนมาทานข้าวต่อไหม…อ้าว เป็นอะไรไปทำไมไปนั่งที่พื้นล่ะแมน” แม่เข้ามาหาอย่างตกใจ
“ไม่เป็นไรครับ เวียนๆนิดหน่อย สงสัยข้างนอกแดดร้อน”
“เมื่อคืนนอนไม่หลับด้วยนี่นะ ใช่มั้ย” แม่ช่วยพยุงพาเขาไปนอนพักที่โซฟา เมืองแมนยืนยันว่าไม่ต้องไปรพ. กระนั้นมารดาก็ยังกังวลใจอยู่ดี
“แมนเครียดเรื่องอะไรหรือเปล่าลูก ทะเลาะกับเพลิง?”
“เปล่าครับ ไม่มีอะไร”
“แมนอย่ามาหลอกแม่ แม่เลี้ยงเรามากี่ปี แม่ดูออก”
ลูกชายถอนหายใจเฮือก รู้ดีว่าไม่มีทางปิดแม่ได้ เขาเล่าเรื่องของเพลิงกัลป์ให้มารดาฟัง
“…..เพลิงเขาว่าจะอยู่ที่นี่ครับ”
“ก็ดูไม่มีปัญหาอะไรนี่ แล้วพวกลูกเครียดอะไรกันล่ะ”
“แมนรู้ว่าเพลิงอยากเรียนต่อครับ”
“แต่เขาก็เลือกอยู่ที่นี่แล้วไง”
“แมนกลัวว่าเขาจะไม่มีความสุข” เมืองแมนสารภาพ “เพลิงไม่ชอบกรุงเทพฯเท่าไหร่ เท่าที่แมนสังเกตแต่เขาก็ไม่เคยบ่นออกมาหรอกนะครับ เขาอยากอยู่เชียงใหม่มากกว่า”
“ไม่มีใครได้สมใจทุกอย่างหรอกลูก มันก็ได้อย่างเสียอย่างทั้งนั้น ขึ้นกับว่าเราคิดว่าอย่างไหนสำคัญกับเรามากกว่า ก็เลือกอย่างนั้น เราต้องยอมเสียสละความสุขบางอย่างเพื่อแลกกับสิ่งที่สำคัญกว่า”
เมืองแมนก้มหน้าลง
“เพลิงเขาเลือกอยู่ที่นี่กับแมนก็แสดงว่าเรามีความหมายกับเขา ก็เท่านั้นเอง”
“ผมไม่อยากให้เขาเสียโอกาส” เขารู้ว่าใครๆก็ย่อมอยากเติบโตในสายอาชีพที่ตัวเองร่ำเรียนมาทั้งนั้น
“แมนต้องคุยกับเพลิงเอง แล้วเราก็ต้องเคารพการตัดสินใจของเขาด้วย แมนแคร์เพลิงมากถูกมั้ย”
“ครับ” ลูกชายรับเต็มปากเต็มคำ
“เพลิงเขาก็แคร์แมนมากเหมือนกันนั่นแหละ มีอะไรก็พูดกันตรงๆ ชีวิตคู่น่ะขึ้นกับความเข้าใจ ถ้าเข้าใจกัน ไว้ใจกันก็อยู่กันยืด” แม่เริ่มร่ายยาวเรื่องสูตรการใช้ชีวิตคู่อีกแล้ว ระยะหลังๆมานี้แม่ชอบพูดเรื่องนี้บ่อยๆ สลับกับเรื่องการประพฤติปฏิบัติตัวเพื่อเตรียมตัวคลอด บางเรื่องก็เป็นความเชื่อนอกตำราแพทย์ที่เมืองแมนไม่กล้าปฏิเสธ
“แม่...ถ้าสมมตแมนตามเพลิงไปอยู่เชียงใหม่ แม่จะว่ายังไง” เขาโพล่งขัดจังหวะมารดาที่กำลังคุยเพลินๆออกมา คนเป็นแม่อึ้งไปนาน
“แมนอยากไปอยู่ที่นู่นเหรอลูก”
“ก็ถ้าเพลิงอยากไปจริงๆ...”
“แมนจะไปอยู่ยังไง ที่บ้านเพลิงเขาก็ยังไม่เรียบร้อย เชียงใหม่ก็ถิ่นเขา แมนไปอยู่นู่นคนเดียวไม่ไหวหรอกลูก แม่เป็นห่วงตาย แถมแมนก็จะไม่มีความสุขด้วย” มารดาพูดเสียงอ่อน เอื้อมมือมาลูบแขนของเขาไปมา “ใจเย็นๆค่อยๆคิดก่อน แม่รู้ว่าหนูอยากอยู่ด้วยกัน แต่ชีวิตคู่ไม่ได้มีแค่คนสองคนหรอกนะลูก อยู่บ้านเราสบายใจกว่ากันเยอะ”
“แมนรู้ครับ ก็เลยคิดไม่ออกว่าจะทำยังไงดี บางทีเราอาจจะต้อง...” ...แยกกัน เขากลืนคำสุดท้ายเอาไว้ในอก
“อย่าเพิ่งคิดอะไรมากเลยลูก ยังไงตอนนี้หนูก็ยังไปไหนไม่ได้จนกว่าจะคลอดนั่นแหละ”
เมืองแมนถอนหายใจยาวอย่างอัดอั้น ชายหนุ่มนอนพักทั้งวันจนกระทั่งเย็น เพลิงกัลป์โทรมาหาตอนบ่ายนัดว่าจะพาไปทานข้าวเย็นนอกบ้าน เขายังปวดหัวอยู่ตอนที่คนรักกลับมา แต่ก็ฝืนเก็บอาการเอาไว้ ลุกขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวใหม่
“แต่งตัวหล่อๆนะวันนี้”
“ทำไมหรอ” เมืองแมนเลิกคิ้วถาม
อีกฝ่ายยักคิ้วไม่ยอมตอบ