*-*-*-*-*-*-INTERNAL LOVE-*-*-*-*-*-* #แฟนหมอแมน (Mpreg)เปิดพรี 2/12/61 p86
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: *-*-*-*-*-*-INTERNAL LOVE-*-*-*-*-*-* #แฟนหมอแมน (Mpreg)เปิดพรี 2/12/61 p86  (อ่าน 633444 ครั้ง)

ออฟไลน์ WednesdayApril

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 15
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ขอบคุนะค้า ที่พาเบบี๋น้อยกลับมาให้เรา
 
รักคนเขียน รักหมอแมน รักแฟนหมอแมนที่สุดเลยยยยย

ออฟไลน์ WednesdayApril

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 15
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ดูจากทรงแล้ว พ่อแม่ของหมอเพลิงไม่น่าใช่คนใจร้ายนะคะ
 ท่านอาจจะตกใจและงงมากๆ

แต่หมอแมนน่ารักขนาดนี้ แถมมีเบบี๋ และทำให้หมอเพลิงเป็นผู้เป็นคนได้อีก
ท่านต้องยอมรับหมอแมนแน่ๆเลย

ไม่เอา อย่าทำคุณแม่เครียดนะ จะไม่ดีกับลูกในท้อง
ให้คนอ่านเครียดไปคนเดียวก็พอคร่าาาา :katai1:

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ Daryneisfine

  • Read to improve national statistics
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 23
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
กว่าเบบี๋จะเกิด คูมแม่ต้องเจออะไรมากมายยมากกก
ยังไม่ได้หยุดเลย ท้องเก้าเดือนเหมือนเก้าปีเลย
สนุกมากๆเลยค่ะ พอพ่อเพลิงคนดีหลงรักน้องคือน่ารักมากๆ
ติดมาก อ่านรวดเดียวมาถึงตอนนี้เลย
ปมเรื่องหมอหลินคือพีค อ่านแรกๆระแวงหลังมาก
เป็น mpreg ที่สนุกมากๆๆๆ เรื่องนึงเลยค่ะ

ออฟไลน์ ootou

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 2
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
สนุกมากครับอ่านรวดเดียวเลย มาต่อเร็วๆนะครับใจจะขาด  :z3:

ออฟไลน์ SoN

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2965
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +123/-15

ออฟไลน์ VaLyn_TM

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 13
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
คุณพ่อคุณแม่คะ ได้โปรดเข้าใจง่ายๆด้วยเถอะค่ะ อย่าโวยวายขัดขวางทำอะไรเลยนะ เดี๋ยวหลานหายไปไม่รู้ด้วย TT^TT

ออฟไลน์ จุ๊บจิ๊บจ๊ะจ๋า

  • I LOVE MY SMILE
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1892
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +103/-4
คิดถึงน้องแมนสะใภ้ใหม่แล้วววววววว

ออฟไลน์ Cloudnine

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 730
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0

ออฟไลน์ joborcusier

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 194
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
พ่อกับแม่เพลิงดูทรงแล้วต้องหลงหลานมากแน่ๆ //พยายามเบื่องประเด็นไม่ดราม่า  :z2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ็Hollyk

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +535/-22
    • FanPage Melenalike//Hollyk
Internal Love

ตอนที่ 34

Anywhere with you feels like,

Paris in the rain.



 

 

 

 

 

            “ผมไม่ได้พูดเล่นครับแม่  เมืองแมนตั้งท้องลูกของผมจริงๆ”  เพลิงกัลป์กระซิบ  ถือวิสาสะดึงเสื้อคลุมตัวโคร่งที่คนข้างๆใส่อยู่ขึ้นสูง  อวดหน้าท้องกลมนูนให้ประจักษ์แก่สายตา  “หลานของพ่อกับแม่ครับ”

            “อะไรกันนี่”  แม่ของเขาพึมพำ จ้องเขม็งไปที่ท้องของรูมเมทลูกชาย  “หนู..หนูไม่ได้เป็นผู้ชายหรอลูก   หรือหนูเป็นทอม?  แม่งงไปหมดแล้ว”  คุณเพตราถอยหลังไปนั่งบนเก้าอี้  รู้สึกวิงเวียนเหมือนจะเป็นลม

            “เมืองแมนเป็นผู้ชายครับ  แต่ว่าเขามีมดลูกและสามารถตั้งท้องได้”  ชายหนุ่มพูดต่อ  เหลือบมองทางบิดาที่ดูรับฟังได้มากกว่า  “จนตอนนี้ก็ยังไม่รู้ว่าทำไมแมนถึงท้องได้   อาจารย์สูติที่ดูแลเราอยู่ก็ยังไม่รู้”

            “มันจะเป็นไปได้ยังไง  ผู้ชายท้องได้?  คุณคะ...ลูกเรากำลังลูกเล่นอะไรหรือเปล่า”  หญิงวัยกลางคนหันไปถามที่พึ่งหนึ่งเดียวของเธอที่กำลังขมวดคิ้วมุ่น  ตกอยู่ในความสับสนงุนงงเช่นกัน   “เพลิง  พูดความจริงมานะลูก  ผู้ชายจะไปท้องได้ยังไง  ถ้าพ่อหนู...เอ๊ย  แม่หนูคนนี้เขาเป็นผู้หญิงก็ยังว่าไปอย่าง”

            “โธ่  คุณแม่  จนถึงขั้นนี้แล้ว  หรือว่าจะต้องให้เมืองแมนถกกางเกงให้ดูหรอครับ  ถึงจะเชื่อว่าเขาเป็นผู้ชายท้องได้จริงๆ”  เพลิงกัลป์ครางออกมา

            ขณะที่เมืองแมนรู้สึกเกินขีดที่จะรับได้ไปแล้ว   แค่คำพูดของมารดาอีกฝ่ายก็ทำให้เขาปวดใจไม่พอ  มาเจอสายตาเหลือเชื่อปนพิศวง  จ้องเขาราวกับเขาเป็นตัวประหลาดหรือมนุษย์ต่างดาวมาจากนอกโลกเข้าไปอีก  เมืองแมนก็บอกตัวเองว่าเขาจะไม่ทนยืนอยู่เป็นเป้าสายตาตรงนี้อีกแน่นอน

            ชายหนุ่มดึงชายเสื้อลงอย่างแรงแล้วหมุนตัวกลับ   เขาไม่สามารถกลับเข้าไปในห้องพักได้เพราะเพลิงกัลป์ยืนขวางอยู่  เมืองแมนเลยเลือกเดินดุ่มๆออกจากห้องมาแทน  ได้ยินเสียงเรียกจากข้างหลังแต่เขาก็ไม่ได้หันกลับไปมอง

            “แมน  เดี๋ยวก่อน  เมืองแมน....กลับมาก่อนสิ”  เสียงฝีเท้าวิ่งตามหลังมา  ไม่กี่ก้าว...มือแข็งๆก็คว้าข้อมือของเขาเอาไว้ได้

            ...เหมือนทุกที  เขาไม่เคยเดินหนีอีกคนพ้นเลย

            “ปล่อย!”

            “จะไปไหน  ขาสั้นแค่นี้นึกว่าจะหนีพ้นหรือไง”

            “เออ!  ไม่พ้นหรอก  บอกให้ปล่อยไง”  เมืองแมนสะบัดมือทว่ามือของอีกฝ่ายราวกับคีมเหล็ก  จับข้อมือของเขาเอาไว้แน่นหนาไม่มีทางบิดหนี  “กลับไปคุยกับพ่อแม่ตัวเองสิ  กูจะกลับบ้าน”

            “จะกลับยังไง  เดินกลับเหรอ”

            “เดินไหวก็เดิน  ไม่ไหวก็คลานเอา”  ตอบออกไปแล้วเมืองแมนก็อดรู้สึกไม่ได้ว่ามันเป็นคำตอบที่สักแต่ตอบตามอารมณ์อย่างเดียว  ให้ตายสิ....นี่เขาเป็นพวกเจ้าอารมณ์ขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่  “ปล่อยได้แล้ว  จะกลับ”  แน่ะ....ยังไม่หยุดอีก  โทษเพราะท้องแล้วกันนะ  “กูจะกลับบ้าน  ฮือ”  คราวนี้น้ำตาร้อนๆไหลพรากออกมาชนิดที่เจ้าของก็ไม่ทันตั้งตัว

            เมืองแมนยกแขนเสื้อขึ้นเช็ดน้ำตาแรงๆอย่างโกรธๆ  โกรธตัวเองนี่ล่ะ...เวลานี้จะมาร้องไห้ทำไมเนี่ยเมืองแมน  มึงต้องหันหลังกลับ แล้วโบกรถไปท่ารถแบบแมนๆสิ  โธ่เว้ย...กลั้นน้ำตาไม่ได้เลย...

            เพลิงกัลป์มองคนตัวเล็กกว่าที่กำลังปล่อยโฮใส่เขาอย่างตกใจก่อนจะเปลี่ยนเป็นเอ็นดู  เห็นเจ้าตัวพยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้เต็มที่  ขมวดคิ้วนิ่วหน้าสูดน้ำมูกฟืดฟาด  เช็ดขี้มูกขี้ตากับแขนเสื้อป้อยๆจนเปียกไปหมด  กระนั้นก็ยังหลุดเสียงสะอื้นฮือๆออกมาอยู่ดี  เขารอจนเสียงสะอื้นเริ่มเบาลงแล้วถึงได้ดึงตัวคนขี้แยเข้ามากอดเอาไว้

            “ร้องไห้อีกแล้ว  ไม่สมเป็นมึงเลยนะคุณเมืองแมน...แมนฉิบหาย”   เขากระซิบข้างหู  เหลือบมองหน้าแฟลตนิดหนึ่งเห็นยังไม่มีเพื่อนแพทย์คนไหนเดินผ่านมา

            “น้ำตามันไหลเอง”  คนตอบพูดเสียงอู้อี้เพราะแอบเช็ดน้ำตากับอกเสื้อของเขาอยู่   “ปล่อยนะ  จะกลับบ้าน”  เจ้าตัวยังย้ำคำเดิม

            “แมนกลับบ้านแล้วเพลิงจะทำยังไงล่ะ  มีหวังได้โดนแม่ยายตีหัวแตก  ทำลูกเขาร้องไห้”

            “กลัวด้วยหรือไง”

            “กลัวสิ  แค่เห็นแมนร้องไห้ก็ใจจะขาดตามแล้ว”  เพลิงกัลป์ตอบตามตรง  “อย่าร้องไห้เลยนะ  เพลิงขอโทษ  คราวนี้เพลิงผิดเองที่คิดไม่รอบคอบ  เดี๋ยวเพลิงจะกลับไปคุยกับพ่อแม่เอง  แมนไม่ต้องห่วงนะ”  ชายหนุ่มคลายวงแขนออก       เมืองแมนเงยหน้าขึ้น

            “จะไปคุยกับพ่อแม่ว่าอะไร”

            “อยากรู้ก็ต้องไปด้วยกัน”  เพลิงกัลป์พูด  พอเห็นอีกฝ่ายนิ่งไปก็รีบเสริม  “หรือไม่ก็รออยู่ที่นี่  ตรงนี้...อย่าเพิ่งหนีไปไหน”   คนฟังเม้มปากครุ่นคิด  “รอได้หรือเปล่า”

            “รอไม่ได้”  เมืองแมนตอบสั้นๆ  แต่ทำเอาอีกฝ่ายหน้าเสีย     

            “...........”

            “จะไปด้วย”  มือเล็กเอื้อมมากุมมือของเขาเอาไว้แทน  เพลิงกัลป์แทบไม่เชื่อหูตัวเอง  หันไปมองหน้าอีกฝ่ายอย่างประหลาดใจ

            “พูดจริงหรือ”

            “จริง”  เมืองแมนพยักหน้า

            เพลิงกัลป์พิศดูสีหน้าจริงจังของอีกฝ่ายครู่หนึ่งแล้วก็อมยิ้ม  รู้สึกได้ว่ามือที่กุมมือของเขาอยู่นั้นเย็นเฉียบแถมยังเหงื่อออกจนชื้นไปหมด  เขาเลยบีบมือข้างนั้นเบาๆ  พอจะเดาได้ว่าอีกฝ่ายกำลังรู้สึกอย่างไร  เพราะตอนที่เขาไปเจอแม่ของเมืองแมนครั้งแรกก็มือเย็นแบบนี้เช่นกัน 

            จูงมืออีกฝ่ายเดินกลับมาที่แฟลต  เมืองแมนไม่พูดอะไรเลยสักคำ  เอาแต่ก้มหน้ามองพื้นราวกับกลัวสะดุดก้อนหินสักก้อน  ชายหนุ่มเปิดประตูเข้าไปในห้องพัก  เจอพ่อกับแม่นั่งเคียงคู่กันอยู่บนเก้าอี้ที่โต๊ะกินข้าวก่อนแล้ว  แม่ของเขายังหน้าซีดอยู่  ตรงข้ามกับพ่อที่หน้าแดงก่ำ

            “ไปตามถึงไหนน่ะ”  พ่อของเขาเป็นคนพูดขึ้นก่อน

            “ไม่ไกลหรอกครับ  หน้าแฟลตนี่เอง”  ลูกชายตอบ  เลื่อนเก้าอี้ตัวสุดท้ายในห้องให้คนรักนั่ง  ส่วนตัวเองยืนเกาะพนักเก้าอี้เอาไว้  “พ่อกับแม่...โอเคมั้ยครับ”

            “แม่แกเป็นลมไปแล้วรอบนึง  ฉันนึกว่าจะต้องโทรเรียกรถพยาบาลแล้ว”  พ่อตอบกลับมาแล้วลุกขึ้นยืน  “เอาไว้เราค่อยคุยเรื่องนี้กันอีกทีนะ  วันนี้พ่อกับแม่คงต้องกลับก่อน”  พ่อพูดโดยที่ไม่เหลือบมองหน้าเมืองแมนเลยด้วยซ้ำ

            “พรุ่งนี้ค่อยว่ากันนะจ้ะ”  แม่พูดขึ้นบ้าง  ชะโงกเข้ามาหอมแก้มลูกชายนิดหนึ่งแล้วก็ลุกขึ้นเดินตามหลังพ่อออกไปจากห้องพักเงียบๆ  ไม่มีรอยยิ้มอยู่ในแววตาคู่นั้นเลย

            เมืองแมนหน้าชา  รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นอากาศธาตุที่ไร้ตัวตน  เขาไม่เคยเจอความเย็นชาแบบนี้มาก่อน   ไม่ได้เตรียมใจว่าจะเจอด้วย  ชายหนุ่มนั่งตัวแข็ง  มือไม้เย็นเฉียบ...รู้สึกใจหวิวๆเหมือนจะเป็นลม

            “แมน  ไหวหรือเปล่า  นอนลงไหม  หน้าซีดมากเลย”  เพลิงกัลป์พูดอย่างร้อนใจ  ตัวเขาเองก็ไม่คิดว่าพ่อกับแม่จะทำแบบนี้เช่นกัน  “เดี๋ยวกูพยุงไปนอนในห้อง”  เขาก้มลงประคองคนรักเดินเข้าไปในห้องนอน  เมืองแมนน้ำตาไหลออกมาเป็นทาง  คราวนี้ไม่มีแม้แต่เสียงสะอื้นเลยด้วยซ้ำ

            “ออกไปเถอะ...อยากอยู่คนเดียว”

            “ไม่ได้  เพลิงปล่อยให้แมนอยู่คนเดียวไม่ได้หรอก”  เขาบีบมือข้างนั้นแน่นๆ  “แมนอย่าเพิ่งคิดมากนะ  พ่อกับแม่คงยังไม่ทันตั้งตัวน่ะ  ให้เวลาพวกท่านหน่อยนะ”

            “แล้วต้องรอไปถึงเมื่อไหร่ล่ะ”  คนพูดน้ำตานองหน้า  เพลิงกัลป์หัวใจปวดหนึบ....คำพูดของอีกฝ่ายทำให้เขาฉุกคิดขึ้นมาได้ฉับพลัน  ชายหนุ่มถอนหายใจยาว  ก่อนหน้านี้เขามีพ่อกับแม่เป็นคนสำคัญที่หนึ่งก็จริง  แต่ตอนนี้เขายังมีอีกสองคนที่มีความสำคัญในชีวิตไม่แพ้กันเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย  ถ้าขืนยังปล่อยให้เรื่องราวดำเนินต่อไปเรื่อยๆแบบนี้  เห็นทีคงจะจบไม่สวยแน่

            “ไม่นานหรอก  รับรอง”  เขาพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

            ทั้งกอดทั้งปลอบอยู่เป็นชั่วโมงกว่าคนท้องจะร้องไห้จนเหนื่อยแล้วผล็อยหลับไปเอง  ชายหนุ่มลุกขึ้นจากพื้นข้างเตียงที่คุกเข่าอยู่เป็นเวลานาน  สะบัดขาไล่เหน็บชาและบิดเอี้ยวตัวอย่างเมื่อยขบ  หันมองคนบนเตียงจนแน่ใจว่าหลับสนิทดีแล้วถึงได้กลับออกมาจากห้องนอน

            คว้ากุญแจรถได้ก็ก้าวยาวๆออกมาจากแฟลต  ล้วงโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรหาบิดาอีกครั้ง

            “พ่อครับ  ผมมีเรื่องอยากจะปรึกษา”  พูดไปสั้นๆแค่นั้น  บิดาก็บอกที่อยู่มาให้

            ขับรถตรงดิ่งไปยังโรงแรมใหญ่สุดในตัวจังหวัด  พ่อกับแม่นั่งรอเขาอยู่ก่อนแล้วตอนที่เปิดประตูห้องพักเข้าไปพบ  เพลิงกัลป์ประหม่าไม่น้อย  เขารู้สึกเหมือนตัวเองกลับไปเป็นเด็กม.ปลายที่กำลังขอพ่อเรียนหมอแทนที่จะเรียนคณะฯที่พ่อแม่ต้องการ

            “นั่งก่อนสิ”  พ่อพูดขึ้นทำลายความเงียบ  ขณะที่แม่ยังเมินหน้าหนีไปอีกทาง  “กินอะไรมาหรือยัง”

            “ผมยังไม่หิวครับ”  ลูกชายตอบอย่างสงบ  นิ่งอยู่ครู่หนึ่งก็พูดต่อ  “ความจริงผมอยากจะบอกเรื่องของเมืองแมนนานแล้ว  แต่ก็กลัวว่าพ่อกับแม่จะไม่เชื่อ  เลยกะว่าจะให้มาเห็นด้วยตาตัวเอง  ...ทีนี้  พ่อกับแม่เชื่อหรือยังครับว่าแมนเป็นผู้ชายพิเศษ”

            “..........”

            “ผมรู้ว่าพ่อกับแม่ผิดหวังที่แฟนผมดันไม่ใช่คนที่พ่อแม่คาดหวังอยากให้เป็น  ไม่ใช่แม้แต่ผู้หญิงด้วย  พ่อแม่อาจจะอายคนอื่นเขาเวลาที่เขาถามถึงลูกสะใภ้ของพ่อเลี้ยงไกรสรว่าทำไมถึงเป็นผู้ชาย  อาจจะรับไม่ได้  มันทำใจลำบาก...ผมรู้ครับ  เพราะขนาดตัวผมเองยังทำใจตั้งนานกว่าจะยอมรับว่ารักเขา”  ลูกชายถอนหายใจยาว  “ผมยอมรับว่าเรื่องที่แมนท้องตอนแรกมันเกิดจากความผิดพลาด   รู้ว่ามันเป็นเรื่องพิสดารเกินจะเชื่อ  แต่มันก็เกิดขึ้นแล้ว   และผมก็ดีใจที่มันเกิด   เขาเป็นลูกที่ผมอยากให้เกิด  เฝ้ารอที่จะเห็นหน้า...อีกแค่สามเดือนเอง”

            พ่อกับแม่สบตากันแล้วก็ต่างเบือนหน้าไปคนละทาง

            “พ่อพูดบ่อยๆว่าอยากให้ผมเป็นฝั่งเป็นฝา เลิกทำตัวเสเพลไม่ใช่หรือครับ  ผมเลิกกินเหล้าเลิกบุหรี่เลิกเที่ยวเด็ดขาดก็เพราะเขา   ผมอยากทำตัวเป็นสามี...เป็นพ่อที่ดี  ผมรู้ว่าเมืองแมนอาจจะไม่ใช่ลูกสะใภ้ในฝันของพ่อกับแม่แน่ๆแต่ผมเชื่อว่าถ้าได้ลองรู้จักเขา  ก็จะหลงรักเขาได้ไม่ยาก   เหมือนที่ผมเป็นมาแล้ว”

            “เจ้าหนูคนนั้นมันทำเสน่ห์อะไรใส่แกหรือเปล่า”  พ่อพูดขึ้นเป็นประโยคแรก  “ฉันไม่เคยเห็นแกหน้ามืดตามัวขนาดนี้มาก่อน”

            “ถ้าทำเสน่ห์จริงผมก็ยินดีติดอยู่กับเขาแบบนี้ไปเรื่อยๆครับ”  เพลิงกัลป์ตอบแล้วลุกขึ้นยืน  “ที่ผมมาพูดกับพ่อแม่  เพราะผมอยากบอกความคิดของผมให้พ่อกับแม่ฟัง  ส่วนพ่อกับแม่จะยอมรับเมืองแมนหรือไม่ยังไงนั้น  ผมคงทำอะไรมากกว่านี้ไม่ได้  เพราะผมก็ทำเต็มที่แล้ว  ตอนแรกผมตั้งใจจะพาแมนไปอยู่ด้วยกันที่เชียงใหม่  แต่ตอนนี้...ในเมื่อพ่อแม่รับไม่ได้  ผมคงต้องพาลูกเมียผมไปอยู่ที่อื่น”

            “แล้วไม่ต้องทำงานทำการหรือไง”  แม่ของเขาตวัดเสียง

            “แมนลาออกแล้วครับ  เพราะเขาไม่สบายต้องดูแลลูกในท้องด้วย  ผมเลยให้เขาพัก  ส่วนผมเป็นหมอ...ยังไงอาชีพผมก็ไม่อดตาย  พ่อกับแม่ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกครับ”  ชายหนุ่มยกมือขึ้นไหว้บุพการีทั้งสอง  “ไว้ถ้าแมนคลอด  ผมจะส่งข่าวไปบอกนะครับ”

            พูดจบก็เดินดุ่มๆออกมาจากห้อง  ทิ้งให้พ่อกับแม่อ้าปากค้าง  แว่วเสียงบิดาตะโกนเรียกตามหลังแว่วๆ  แต่เขาก็ไม่ได้หันกลับไปมองอีก

            ชายหนุ่มขับรถออกมาจากโรงแรมแห่งนั้นด้วยความรู้สึกหนักอึ้งในใจ  ถึงจะพูดออกไปเหมือนไม่สนใจว่าพ่อกับแม่จะคิดอย่างไร  แต่แท้จริงแล้ว...ตัวเขาเองก็รู้อยู่ดีว่าเขาแคร์  เขาไม่อยากผิดใจกับพ่อแม่พอๆกับที่ไม่อยากทำให้คนรักผิดหวังเสียใจ

            ช่างเป็นความรู้สึกที่ทรมานเสียจริง

            เขายอมเป็นลูกที่ไม่ได้เรื่องเพื่อจะเป็นพ่อเป็นสามีที่ดี...งั้นหรือ?  ถ้าการเป็นลูกที่ดีเขายังทำไม่ได้  แล้วเขาจะสามารถเป็นพ่อที่ดีกับเค้าได้ยังไง  เพลิงกัลป์รู้ว่าตัวเองทำให้พ่อแม่อับอายขายหน้ามาหลายครั้ง  ผิดหวังก็หลายหน  มาลองนึกๆดูแล้วแทบไม่มีครั้งไหนเลยที่พ่อกับแม่จะได้ภูมิใจในตัวเขานอกจากหน้าตาหล่อเหลาของเขาที่ได้พ่อมาเต็มๆเท่านั้น

            แล้วนี่เขายังมาทำให้แฟนร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรอีก

            ให้มันได้อย่างนี้สิเพลิงกัลป์...

            ........................................................................................

            ข้างบนวอร์ดผู้ป่วยวุ่นวายยุ่งเหยิงราวกับอยู่ในสมรภูมิรบก็ไม่ปาน  เพลิงกัลป์กำลังตะโกนสั่งคุณพยาบาลเสียงดังลั่นวอร์ดอยู่เพราะมีคนไข้หัวใจหยุดเต้น   คุณพยาบาลวิ่งวุ่นหยิบอุปกรณ์เพื่อเข้ามาช่วยเหลือคนไข้

            “หลบก่อนค่ะๆ  ใครไม่เกี่ยว  รอข้างนอกนะคะ  รบกวนญาติรอข้างนอกด้วยค่ะ”  พยาบาลสาวคนหนึ่งพูดเสียงดัง  รูดม่านกั้นเตียงเอาไว้จากสายตา   เธอหันไปบอกชายหญิงวัยกลางคนคู่หนึ่งที่ยืนเก้ๆกังอยู่แถวนั้นให้หลบออกไปข้างนอกอีกครั้ง  “คุณหมอกำลังช่วยคนไข้อยู่นะคะ  รบกวนญาติรอข้างนอกค่ะ”

            “ออกไปรอข้างนอกกันดีกว่าค่ะคุณ”  เพตรากระซิบ  ถอยหลบออกมาจากฉากแสนชุลมุนนั้น  แค่เห็นเธอก็ปวดหัวตุบๆแล้ว  ไม่เคยนึกมาก่อนเลยว่างานของลูกชายจะดูหนักหน่วงขนาดนี้  “เดี๋ยวคนชนเอา”

            สามีเห็นด้วย  ต่างถอยออกมายืนอยู่ข้างนอก  แอบมองผ่านหน้าต่างกระจกใสแทน  ภาพคุณหมอหนุ่มกำลังทำงานอย่างคล่องแคล่วนั้นจับตา  ใบหน้าคมเข้มดูเคร่งเครียดแฝงแววเหน็ดเหนื่อยเอาไว้

            “เห็นแล้วนึกถึงสมัยที่เราพาเพลิงมาโรงเรียนวันแรก  แล้วก็ต้องมาแอบดูลูกผ่านหน้าต่างแบบนี้”  เธอพึมพำ  จับขอบหน้าต่างเย็นๆเอาไว้   “ตอนนั้นเพลิงร้องไห้จ้าเลย  มาดูวันนี้สิ  เผลอแผล็บเดียวโตเป็นหนุ่ม....แต่ทำไมฉันยังรู้สึกเหมือนเค้าเป็นเด็กเล็กๆอยู่เลยก็ไม่รู้”

            “ในสายตาพ่อแม่ ลูกก็ยังเป็นเด็กอยู่วันยันค่ำนั่นแหละ”  สามีตอบกลับมา   

            “ฉันเสียดายจังเลยค่ะคุณ”  เธอปรารภ  “ลูกเราทั้งหล่อทั้งเก่ง  ทำไม๊ทำไม...พวกเราทำกรรมอะไรเอาไว้หนอ  ถึงได้...”   แค่คิดถึงใบหน้าของว่าที่ลูกสะใภ้  เธอก็อยากจะลมจับอีกสักรอบสองรอบ  ไหนจะท้องกลมๆนูนๆนั้นอีก  “เพลิงก็เหลือเกิน  กล้าทำกับพ่อแม่ขนาดนี้คงไม่แคล้วโดนฝ่ายนั้นเป่าหูแน่ๆ”  ถอนหายใจเฮือกใหญ่  สามีก็สะกิดให้เธอขยับตัวหลบให้คุณยายคนหนึ่งที่หิ้วชะลอมมาเต็มมือ

            “คุณหมอแมนอยู่มั้ย  ฉันมาหาหมอแมน”  ยายเฒ่าเคี้ยวน้ำหมากเต็มปากพูดพลางยกมือขึ้นเคาะกระจกเรียกคุณพยาบาล  “ฉันเอามะม่วงมาฝากหมอ  หมอแมนอยู่มั้ย”  ยายพูดซ้ำ

            “คุณหมอไม่อยู่ค่ะยาย”  พยาบาลตอบ

            “จะมาเมื่อไหร่ ฉันจะรอ”

            “บอกไม่ได้ค่ะยาย  หนูก็ไม่รู้เหมือนกันว่าหมอแมนแกจะมามั้ย  ได้ข่าวว่าแกลาออก”

            “อ้าว....จริงรึหนู  ป้าดเสียดายแท้  ทำไมคุณหมอดีๆต้องออกหมด   แล้วฉันจะทำไงล่ะฉันอยากเจอ  นี่มะม่วงในสวนกำลังงาม จำได้ว่าแกชอบกินเลยเก็บมาฝาก   ...งั้นหนูเอาไปกินเถอะ  ยายให้...”

            ยายพูดกับพยาบาลมาอีกหลายคำล้วนเป็นคำสรรเสริญถึงบุคคลที่สามที่ยายไม่ได้พบ  สุดท้ายหญิงชราก็เดินกระย่องกระแย่งจากไป  ไกรสรกับเพตรามองหน้ากันแล้วจึงหันไปถามคุณพยาบาลคนเดิมนั้น

            “หนูจ้ะ  หมอแมนนี่ใช่หมอเมืองแมนมั้ยจ้ะ”

            “ใช่ค่ะ”

            “ทำไมเขาลาออกเสียล่ะ  น่าเสียดายนะ”

            “ใครๆก็เสียดายค่ะ  หมอดีๆพูดจาน่ารักแถมยังรักษาเก่งแบบนี้ใครๆก็อยากให้อยู่ต่อ  แต่ทำไงได้  ระบบโรงพยาบาลรัฐก็แบบนี้ล่ะค่ะ  งานหนักส่วนใหญ่ทนอยู่กันไม่ไหวหรอก  ...แล้วมะม่วงนี่ทำยังไงดีล่ะ  ยายแกเอามาให้ทั้งสวนเลยหรือเปล่าเนี่ย”  ประโยคหลังเธอพึมพำกับตัวเอง

            “คนไข้ชอบเอาของมาฝากแบบนี้บ่อยเหรอหนู”  ไกรสรถามขึ้นบ้าง

            “ถ้าของหมอแมนล่ะก็ใช่ค่ะ  คนไข้รักแกมาก  บางคนกลับบ้านไปเป็นเดือนๆแล้วยังเอาขนมของกินมาฝากแกอยู่เลย  อีกคนที่เนื้อหอมพอกันก็หมอเพลิงค่ะ  คนดีใครๆก็รักนะคะ”

            พวกเขาถามต่ออีกเรื่อยๆจนกระทั่งได้ข้อมูลมากพอจะสรุปได้ว่าเมืองแมนคนนี้เห็นทีคงจะเป็นที่รักของบรรดาคนไข้และพยาบาลไม่น้อยแถมดูเหมือนว่าการตั้งท้องของเจ้าตัวจะยังปิดเป็นความลับอยู่

            เพลิงกัลป์ไม่รู้ว่ามีใครมาแอบดูแอบถามเรื่องอะไรเข้า  ชายหนุ่มวุ่นวายอยู่กับเคสหนักๆที่ทยอยเข้ามาไม่ขาดสายราวกับความเจ็บป่วยเป็นสายน้ำที่ไม่มีวันแห้งเหือด   เผลอนิดเดียวก็สี่โมงเย็นแล้ว  คุณหมอหนุ่มเดินลงจากวอร์ดด้วยความเหนื่อยล้า  ทว่าพอนึกถึงคนที่รออยู่ที่ห้อง  หัวใจก็เต้นแรงขึ้น

            แวะเข้าไปที่ห้องฝ่ายบริหารนิดหนึ่งเพื่อยื่นใบลา  เขาขอใช้สิทธิลาทั้งหมดที่มี  ไม่สนใจด้วยว่าจะได้รับการอนุมัติหรือไม่  จัดการส่งเรื่องขอย้ายจากเชียงใหม่เข้ากรุงเทพฯแทน  รู้อยู่หรอกว่าโอกาสแทบจะเป็นศูนย์  แต่ก็ช่างเถอะ....ถ้าย้ายไม่ได้  ก็คงต้องลาออกแล้วไปทำเอกชนพลางๆก่อน

กลับออกมาเจอเพื่อนๆอินเทิร์นที่เคยทำงานด้วยกันมาตลอดหลายเดือน  เมย์กับแพทเข้าใจความจำเป็นของเขาดี  สองสาวเลยไม่ว่าอะไรสักคำแม้งานจะหนักขึ้นเป็นสองเท่าเพราะขาดเขากับเมืองแมนไป   หวานกับโย่งอาสาจะช่วยอยู่เวรแทนเขาในช่วงที่เขาลาหยุด  ทั้งคู่บอกว่าเป็นของขวัญรับขวัญหลานที่กำลังจะเกิดมาในไม่ช้า

            “ไว้ยังไงส่งข่าวมานะเว้ย  ทั้งมึงแล้วก็แมน  อย่าทำตัวหายเข้ากลีบเมฆนะ  พวกกูเป็นห่วง”  โย่งตบไหล่เขาแรงๆ  “ตกลงไปเชียงใหม่ใช่มั้ย”

            “เปล่า  กูว่าจะย้ายไปกรุงเทพฯ”  เพลิงกัลป์ตอบเรียบๆ  ท่ามกลางสีหน้าประหลาดใจของเพื่อน

            “ก็ดีเหมือนกันแก  เคสแมนน่าจะอยู่ใกล้มืออาจารย์  ดีแล้ว”  หวานสนับสนุน  “มีอะไรให้ช่วยก็บอกมาได้เลยนะ  ไม่ต้องเกรงใจ  ไว้ไปเจอกันที่กรุงเทพฯ”

            “พวกมึงเลยต้องทำงานหนักขึ้นเลย”  เขาพูดอย่างเกรงใจ

            “เห้ย  อย่าคิดมาก  กูดีใจด้วยซ้ำที่พวกมึงออกไป  จะได้ไม่ต้องมาหารเงินค่าเวรพวกกูไง  ได้เงินเยอะขึ้นใครจะไม่ชอบ”  โย่งพูด  แต่เขารู้ดีว่าอีกฝ่ายพูดเพื่อปลอบใจเขา   ปริมาณงานเมื่อเทียบกับเงินที่ได้รับเพิ่มมันแทบไม่คุ้มกันเลย

            “ขอบใจมากเพื่อน”  เขาตอบอย่างซึ้งใจ  ทุกคนช่วยกันรักษาความลับของเขากับเมืองแมนเอาไว้ได้อย่างดีเยี่ยม  แถมยังช่วยติดต่อประสานงานเรื่องที่จำเป็นให้จนทุกอย่างราบรื่น 

            เร่งฝีเท้ากลับไปถึงที่แฟลตตอนเกือบหกโมงเย็น  เขามองเห็นร่างเล็กคุ้นตากำลังเดินเล่นตากลมอยู่ข้างๆแฟลตก่อนแล้ว  เมืองแมนหันมามองเขาแล้วก็โบกมือให้

            “มาแล้วเหรอ”  ฝ่ายนั้นถามยิ้มๆ  ร่องรอยหมองเศร้าค่อยคลายลงไปนับตั้งแต่ที่เขาบอกกับเจ้าตัวเมื่อคืนว่าจะพากลับกรุงเทพฯ

            “มาแล้ว  คิดถึงเหรอ”  เขาถาม  เหลือบมองรอบตัวเห็นไม่มีใครก็ก้มลงไปหอมแก้มใสๆนั้นทีหนึ่งพอให้หายคิดถึง

            “เห้ย  เดี๋ยวคนเห็น”  เมืองแมนหันหน้าหลบ  ดวงตากลมโตมองลอกแลกรอบตัว  พอไม่เห็นใครก็ยิ้มกว้าง  เอียงแก้มอีกข้างหนึ่งมาให้

            คนมองหัวเราะเสียงดัง  เอื้อมมือไปดึงแก้มนิ่มๆนั้นแทนจนเจ้าของย่นหน้า

            “โอ๊ย  เจ็บๆ ปล่อยนะ”

            “ใครใช้ให้ทำแบบนี้หืม?  หรือกลัวไม่พากลับบ้าน”  เขาดักคอ  เห็นอีกคนหน้าแดงก็ยิ่งมั่นใจว่ามาถูกทาง  คงกะจะเอาใจเพื่อหวังผลสินะ  “แค่หอมแก้มแค่นี้  พากลับไม่ถึงบ้านหรอก”

            “ถึงแค่ท่ารถก็ได้  เดี๋ยวหาทางกลับเอง”

            “รู้แล้วครับว่าเก่ง  กลับบ้านเองได้”  เพลิงกัลป์พูดอย่างหมั่นไส้  “เดี๋ยวก็ปล่อยให้เดินกลับเสียเลย  ดีไหม”

            “ม่ายดี”  เมืองแมนตอบลากเสียง  เอื้อมมือไปโอบรอบเอวของอีกฝ่ายเอาไว้  วางคางแหลมๆลงกับแผ่นอกกว้าง  เงยหน้าขึ้นยิ้มใส่ตาคนตัวโต  “พากลับบ้านหน่อยนะ”

            ใบหน้าคมเข้มแดงจัดลามลงมาถึงลำคอ  เพลิงกัลป์กระแอมออกมาหลายทีก่อนจะหันหน้าไปทางอื่น

            “หิวข้าวจังเลย  กินอะไรดีเย็นนี้”

            อาหารเย็นมื้อนั้นจบลงที่ร้านชายสี่บะหมี่เกี๊ยวหน้าโรงพยาบาลเพราะคนท้องร่ำร้องอยากกินหมูป่า  แต่ในเมื่อหามาไม่ได้ก็เลยต้องกินหมูแดงแทนไปก่อน   เพลิงกัลป์เกือบหัวเราะออกมาตอนที่เห็นคนที่นั่งตรงข้ามคีบหมูแดงเข้าปากด้วยสีหน้าจ๋อยๆ  เคี้ยวตุ้ยๆพลางถอนหายใจเฮือกอยู่หลายตลบ

            “เอาน่า  ....มันก็หมูเหมือนกันนั่นแหละ  หรือกินหมูกรอบมั้ย”

            “ไม่กินแล้ว”  เมืองแมนตอบ  จัดการบะหมี่แห้งหมูแดงชามนั้นจนหมดเกลี้ยงตามด้วยเกี๊ยวน้ำอีกชาม

            กว่าจะกลับมาถึงห้องก็เกือบสองทุ่ม  ลมเย็นๆพัดโชยมาจากทางบึงน้ำทำให้บรรยากาศน่านอนกว่าทุกวัน  หนังท้องตึงหนังตาก็เริ่มหย่อน  เมืองแมนก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมตัวเองถึงเอาแต่กินกับนอนอยู่แบบนี้   ไม่ได้ทำตัวเป็นประโยชน์เลย

            ทำไงได้  พอได้เอนหลังลงกับที่นอนแล้วตัวมันก็หนักๆ  ขยับไม่ไหว   ปรือตามองคนรักที่กำลังเดินเข้าเดินออกห้องนอนตัวเองกับห้องนอนของเขาเพื่อเก็บของเตรียมพร้อมเดินทางพรุ่งนี้แล้วก็อยากจะลุกไปช่วยอยู่หรอกนะ  ติดตรงที่ว่า....หนักพุงจังเลย

            “ให้ช่วยมั้ย”  ถามตามมารยาทพอไม่ให้น่าเกลียด  อีกคนก็ดูจะรู้ทัน  เพราะฝ่ายนั้นตอบกลับมาแกมหัวเราะ

            “ง่วงก็นอนเถอะ  ไม่ต้องมาแกล้งถาม”

            “งั้นของีบหน่อยนะ”  ตอบไปแค่นั้น  เขาก็แทบจะหลับไปในทันที



ออฟไลน์ ็Hollyk

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +535/-22
    • FanPage Melenalike//Hollyk







            มารู้สึกตัวตื่นอีกทีก็อีกเกือบสองชั่วโมงต่อมา  ลืมตาขึ้นมองเห็นร่างสูงใหญ่กำลังหิ้วกระเป๋าเสื้อผ้าเดินออกไปจากห้องนอน  เมืองแมนรีบลุกขึ้นเดินตามออกมาด้วย

            “เก็บของใกล้เสร็จแล้วเหรอ”

            “ตื่นแล้วหรอคุณนาย”  อีกฝ่ายตอบกลับมา  หิ้วกระเป๋าเดินดุ่มๆออกไปจากแฟลต  คงเอาของไปเก็บเอาไว้ที่รถก่อนบางส่วน  สักพักเจ้าตัวก็เดินกลับมา  “เข้าไปข้างในสิ  ข้างนอกยุงเยอะออก”

            “วันนี้พระจันทร์เต็มดวงด้วยนะ  สวยดี”  เมืองแมนตอบ  นั่งลงบนระเบียงหน้าห้อง  ชี้มือให้อีกคนดูพระจันทร์ที่ลอยอยู่บนฟ้า  “วันนี้วันพระ”

            “จริงสิ  ลืมบอกไปเลยว่าเดือนหน้าอาจารย์ปราการแกจะลาบวชแล้วนะ”  เพลิงกัลป์ตอบ  ทรุดตัวลงนั่งข้างๆเมืองแมน   ข่าวงานบุญครั้งนี้ถือเป็นงานใหญ่ของโรงพยาบาลทีเดียว  เพราะผอ.จะถือโอกาสนี้ทำบุญโรงพยาบาลและแฟลตที่พักไปด้วย  นัยว่าเป็นการทำบุญให้แพทย์หญิงที่เสียชีวิตไปเมื่อหลายปีก่อน

            “ลาบวชนานเท่าไหร่”

            “ไม่รู้สิ  ไม่เห็นแกบอกกำหนด  ไม่น่าจะนานหรอกมั้ง  แกก็ยังมีห่วงอยู่”  ห่วงในที่นี้ต่างคนต่างรู้กันดีโดยไม่ต้องพูดออกมา  เมืองแมนถอนหายใจยาว  นึกถึงใบหน้าของหมอสูติประจำตัวแล้วก็อดสงสารไม่ได้

            “พี่คริสจะเป็นไงบ้าง”

            “เรื่องตั้งนานแล้ว คงทำใจได้แล้วล่ะ”  เพลิงกัลป์ตอบเรียบๆ  “กลับเข้าไปในห้องเถอะ  เดี๋ยวขนของต่ออีกนิดใกล้เสร็จแล้ว”

            “อยากช่วย”

            “ช่วยเป็นกำลังใจก็พอ”

            เมืองแมนหัวใจเต้นผิดจังหวะไปวูบกับคำพูดพร้อมกับรอยยิ้มนั้น  เขาลุกขึ้นจากที่นั่ง  เดินไปเปิดประตูห้องพักแฟลต

            “คืนนี้นอนด้วยนะ”

            “........”  เหลียวไปด่าแบบไม่ออกเสียงแล้วก็เดินเข้าไปในห้อง    “โอ๊ย!!”  เขาอุทานออกมา  เพราะความซุ่มซ่ามบวกกับเสียงหัวเราะไล่หลังของเพลิงกัลป์เลยทำให้เขาเตะขอบประตูเข้าเต็มๆ   ความเจ็บแล่นปราดจากนิ้วก้อยขึ้นมายังสมอง   เมืองแมนสูดปากถอยหลังกลับมานั่งที่เดิมด้วยความปวด

            “เป็นไงบ้าง  เจ็บมากมั้ย”  อีกฝ่ายขยับเข้ามาถามด้วยความเป็นห่วงแต่ก็ยังไม่วายกลั้นหัวเราะอยู่นั่นเอง  เขากุมเท้าเอาไว้แน่น  มันปวดจนพูดไม่ออกไปชั่วขณะ

            คนในท้องก็ขยับดิ้นไปมาราวกับกำลังขำกลิ้งอยู่เช่นกัน  นึกแล้วมันน่าโมโหนัก

            “หยุดหัวเราะได้แล้ว  เจ็บจะตาย”

            “เดี๋ยวดูซิ  ประตูบิ่นหรือเปล่าเนี่ย”  เพลิงกัลป์พูด  พอเห็นคนเจ็บหน้างอก็เปลี่ยนเสียง  “โอ๋  คนดี  ไม่ร้องนะครับ”

            “ร้องอะไรเล่า”  เมืองแมนชักฉุน  เห็นอีกฝ่ายโอ๋เขาราวกับเป็นเด็กสามขวบไปได้  “ไปไกลๆเลย  ....เล็บฉีกเลยอ่ะ  ฮือ  เจ็บ”  พอเหลือบดูเล็บนิ้วเท้าตัวเองเห็นเล็บฉีกไปครึ่ง  เลือดซึมนิดหน่อยก็ใจเสีย   ขอบตาชักร้อนผ่าวๆแต่ฝืนกลั้นเอาไว้  กลัวว่าขืนปล่อยโฮออกมามีหวังได้ขายขี้หน้าหมด

            รูมเมทของเขาดูอยู่ครู่หนึ่งก็หมุนตัวกลับเข้าไปในห้อง  ทิ้งให้เขานั่งอยู่คนเดียวหน้าตาเฉย  เมืองแมนอ้าปากค้าง  ทำไมไม่สนใจกันบ้างเลยฮึ   เจ็บเท้าก็เจ็บ  โกรธก็โกรธ

            ความโกรธของเขาคงเหมือนควันที่หายไปในพริบตาเมื่อคนตัวใหญ่กลับมาพร้อมกับอุปกรณ์ทำแผลในมือ  เพลิงกัลป์เดินมาทิ้งตัวนั่งข้างๆเขาแล้วคว้าเอาเท้าของเขาขึ้นมาวางบนตัก

            “ไม่ต้องๆ  เดี๋ยวกูทำเอง”  เมืองแมนตกใจ ร้องห้าม

            “อยู่เฉยๆเหอะ”  อีกฝ่ายตอบ  ก้มลงสำรวจเล็บที่ฉีกนั้นแล้วจัดการใช้แอลกอฮอล์ล้างแผลให้อย่างเบามือ  ถึงอย่างนั้นมันก็ยังแสบอยู่ดี  เมืองแมนจะชักเท้าออกทว่าอีกฝ่ายยึดข้อเท้าเอาไว้  “อยู่นิ่งๆ”

            “............”  เมืองแมนรู้สึกหน้าร้อนซู่  จะดึงขาออกก็ไม่ได้  จะปล่อยให้อีกคนทำแผลให้มันก็รู้สึกจั๊กจี้อย่างไรบอกไม่ถูก  ทำแผลที่เท้าแต่กลับไปคันยุบยิบในหัวใจ   มองเห็นความตั้งใจของอีกคนตอนทำแผลให้แล้วก็อดพูดแก้เขินไม่ได้   “ตอนเรียนได้ A ทำแผลหรือเปล่า”

            “มือเบาใช่มั้ย”

            “ก็พอใช้ได้”

            “เล็บยาวแล้วนะ  พอไปเตะมันถึงได้ฉีกเอาไง  เดี๋ยวแถมบริการตัดเล็บให้”  เพลิงกัลป์เอื้อมมือไปหยิบกรรไกรตัดเล็บที่เตรียมมาด้วยขึ้นมาจัดการตัดเล็บเท้าให้เขาด้วยท่าทางสบายๆราวกับเป็นสิ่งที่ทำอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน

            “เห้ย ไม่ต้อง”  เมืองแมนอุทาน

            “อยากทำให้”  อีกฝ่ายตอบสั้นๆ  ก้มหน้าลงตัดเล็บให้เขาอย่างตั้งอกตั้งใจจนเจ้าของเล็บชักจะทำตัวไม่ถูก  เกิดมานอกจากแม่ที่เคยตัดเล็บให้ตอนเด็กๆแล้ว  เขาก็ไม่เคยไปตัดเล็บให้ใครหรือให้ใครตัดเล็บให้เลย  แถมยังเป็นเล็บเท้าอีกตะหาก

            “เล็บนิ้วโป้งเนี่ยต้องตัดตรงๆนะ  อย่าตัดโค้งไม่งั้นมันจะกลายเป็นเล็บขบ”  เพลิงกัลป์พูด  “แต่นิ้วมือตัดโค้งๆได้”

            “เคยตัดเล็บให้...ใคร...บ่อยหรือไง”

            “ไม่เคย...ครั้งแรก”

            เมืองแมนนิ่งไป  ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีกเลยจนกระทั่งอีกฝ่ายตัดเล็บให้ทั้งสองเท้าจนเสร็จเรียบร้อย  หัวใจที่เต้นแรงมาตลอดสิบนาทีก็ค่อยๆผ่อนลง  กระนั้นก็ยังไม่ใช่จังหวะปกติอยู่ดี

            ต่อให้เจอหน้ากันทุกวัน  เขาก็ยังไม่ชินเสียที...บางทีเขาอาจจะรู้สึกกับผู้ชายคนนี้มากกว่าที่คิด

            เพลิงกัลป์รวบเท้าของเขาเอาไว้แล้วกดนวดลงบนฝ่าเท้าเบาแรงสลับกันไป  น้ำหนักมือที่กดวนทำให้เมืองแมนรู้สึกผ่อนคลายลงไม่น้อย

            “ไปฝึกนวดมาเหรอ”

            “แต่ก่อนนวดบ่อย”   อีกคนตอบกลับมายิ้มๆ  พอเห็นคนฟังจุ๊ปากก็รีบเสริม  “นวดให้พ่อแม่งี้”

            “เชื่อตาย  ปีนึงกลับบ้านกี่ครั้ง”

            “ไม่ถึงสองครั้ง”  เพลิงกัลป์ตอบ  หัวเราะแห้งๆ  “กูไม่ใช่ลูกที่ดีหรอกนะแมน   กูไม่เคยทำให้พ่อแม่ภูมิใจ   พวกเค้าปวดหัวกับกูมานานมากแมน   ไม่เหมือนมึงหรอก   มึงเป็นลูกที่ดี   แม่ของมึงก็น่ารัก... เป็นกูก็อยากกลับบ่อยๆ”

            เมืองแมนมองหน้าคนพูดแล้วก็ดึงขาลงจากตัก  ยกมือขึ้นแนบแก้มสากระคายนั้น

            “ไม่มีพ่อแม่คนไหนไม่ภูมิใจในตัวลูกหรอก  ทุกคนก็รักลูกด้วยกันทั้งนั้น”

            “มึงไม่โกรธพ่อกับแม่กูเหรอ  ที่...ไม่ยอมรับมึง”

            “โกรธ  ...แต่หายแล้ว  พอมานึกดูอีกที  พวกท่านจะไม่ยอมรับก็ไม่แปลกอะไร  เราคงทำให้คนทั้งโลกถูกใจเราหมดก็ไม่ได้หรอกนะ  จริงไหม”  เมืองแมนฝืนยิ้มออกมาเพราะรู้ว่าอีกฝ่ายยังกังวลเรื่องบิดามารดาอยู่   เพลิงกัลป์เล่าให้เขาฟังแล้วว่าเจ้าตัวไปพูดอะไรกับพ่อแม่มาบ้าง  ถึงจะรู้สึกดีใจอยู่ในส่วนลึกที่คนรักเห็นความสำคัญของตนเองกับลูกแต่เขาก็อดเป็นห่วง ‘คนกลาง’ ไม่ได้  ที่จะต้องทะเลาะกับพ่อแม่   “ยังมีเวลาอีกมาก  ไว้เราค่อยๆคุยกับพ่อแม่ก็ได้  ไม่เป็นไรหรอก”

            คนฟังค่อยยิ้มออก  เห็นอีกฝ่ายเข้มแข็งแบบนี้เขาก็ค่อยเบาใจ  เรื่องพ่อกับแม่ของเขาเห็นทีคงต้องปล่อยเอาไว้ก่อน  ไว้หลานคลอดแล้วค่อยว่ากัน  ถึงอย่างไรเขาก็ยังมั่นใจอยู่ว่าคนแก่จะต้องรักเอ็นดูหลานแน่นอน

            “ขอบคุณมากนะ”  ...ขอบคุณโชคชะตาฟ้าลิขิต  เจ้าป่าเจ้าเขาหรืออะไรก็ตามที่ทำให้เขาได้มาพบกับคนตรงหน้า

            “ขอบคุณเรื่องอะไร”  เมืองแมนงง

            “ก็ที่พรหมลิขิตบันดาลให้เราได้เจอกันไง”

            คนฟังเบ้ปาก  ทำหน้าเหมือนเลี่ยนเสียเต็มประดา

            “ลิเกจัง”

            “งั้นจะให้พูดว่าอะไร”

            “อะไรที่ไม่เลี่ยน”

            “งั้น...”  เพลิงกัลป์ทำหน้าครุ่นคิด       

            “อืม”  เมืองแมนคิดบ้าง  เหล่มองคนตรงหน้าก็เห็นมองจ้องมาที่เขาอยู่ก่อนแล้ว  เงาสะท้อนของตัวเองปรากฏชัดอยู่ในแก้วตาของอีกฝ่าย  ชายหนุ่มยิ้มออกมาเมื่อนึกออก  ทำหน้าขึงขัง  “ตั้งใจฟังนะ”

            “อะไร”  คนฟังชักตื่นเต้นขึ้นมาบ้าง

            “มึง....มีผักติดฟัน”  ฝ่ายนั้นตอบหน้าตาเฉย

            “อะไรนะ?”  เพลิงกัลป์นึกว่าตัวเองหูฝาด

            “เดี๋ยวเอาออกให้”  เมืองแมนกระซิบ

            ไม่ปล่อยให้อีกคนถามต่อเพราะเขากลัวว่าความกล้าของตัวเองจะหดหายไปเสียก่อน  เมืองแมนประกบริมฝีปากของตัวเองเข้ากับริมฝีปากได้รูปของอีกฝ่ายก่อนจะลงน้ำหนักนิดหนึ่งอย่างกลัวๆกล้าๆ  ฝ่ายนั้นนิ่งงันไปอึดใจเพราะตั้งตัวไม่ทันก่อนจะยกมือข้างหนึ่งขึ้นมารั้งท้ายทอยของเขาเอาไว้รั้งให้เข้ามาแนบชิดมากขึ้นอีก   ริมฝีปากที่ถูกจู่โจมก่อนในตอนแรกเปลี่ยนเป็นฝ่ายรุกไล่แทนด้วยความชำนาญกว่า

            เพลิงกัลป์ใช้ปลายลิ้นเชิญชวนหยอกเย้าให้อีกคนเข้ามาสำรวจไรฟันของเขาบ้างตามที่ได้พูดเอาไว้  อดขำปนเอ็นดูในใจไม่ได้ที่เห็นอีกฝ่ายจูบตอบเขาอย่างเงอะงะ  สุดท้ายก็ถูกเขาไล่ต้อนเอาเสียจนมุม  ได้แต่หอบแฮ่กๆหน้าแดงก่ำลงมาถึงลำคอ  กระดูกไหปลาร้าที่โผล่พ้นคอเสื้อพอมาประกอบกับเสียงหายใจของอีกฝ่ายดูเซ็กซี่แบบไม่ได้ตั้งใจ  ทำเอาเพลิงกัลป์ใจเต้นยิ่งกว่าใครคนไหนที่เคยผ่านมา

            “เข้าห้องกันมั้ย”  เขากระซิบ

            เมืองแมนส่ายหน้าหวือ  รีบดันตัวเขาออก

            “ไปก่อนเลย  จะนั่งเล่น”

            “ยุงเยอะแล้ว”

            “ยุงกัดเฉพาะคนตัวเหม็น”

            “งั้นขอดมคนตัวหอมหน่อยได้มั้ย  อยากรู้ว่าหอมแค่ไหน”

            “ไม่”

            “งั้นปล้ำนะ”   เพลิงกัลป์พูดเสียงเข้ม  ลุกขึ้นช้อนอุ้มอีกฝ่ายลอยติดมือขึ้นมาทั้งตัว  เมืองแมนตกใจยกมือขึ้นทุบไหล่คนอุ้มแรงๆ  “ชู่ว  เสียงดังเดี๋ยวเขาตื่นกันทั้งแฟลตหรอก”

            “ปล่อยลงเลยนะ  ไม่เอา  ไม่เล่น”

            “ใครว่าเล่น  นี่เอาจริง”

            “ปล่อยนะเพลิง”  คนในอ้อมแขนดิ้นอย่างไม่จริงจังนัก  หนึ่งเพราะกลัวตกลงมาจริงๆ  และสองคือในใจก็โอนอ่อนผ่อนตามไปแล้วเสียครึ่ง  เมืองแมนยกมือขึ้นโอบรอบคออีกฝ่ายเอาไว้         

            “ใครใช้ให้จูบก่อนล่ะ  จูบแล้วก็ต้องมารับผิดชอบด้วยสิ”  เพลิงกัลป์ตอบแล้วหัวเราะออกมา

            เสียงหัวเราะของคนทั้งคู่ดังออกมาจนถึงหูของคนสองคนที่จับตามองอยู่เงียบๆ   ชายหญิงวัยกลางคนที่จอดรถอยู่นานแล้ว  ตั้งแต่ตอนที่ทั้งคู่ออกมาคุยกันตรงระเบียงนั่นล่ะ

            “ไม่เคยเห็นลูกมีความสุขขนาดนี้มาก่อนเลย”  คนเป็นแม่ปรารภ   เธอแปลกใจมากที่เห็นลูกชายคนเดียวดูแลใครสักคนได้ขนาดนี้   ถึงจะไม่ได้ยินคำพูดที่คุยกัน แต่เดาจากสีหน้า  เธอก็พอจะรู้ว่าทั้งสองคนรู้สึกอย่างไรต่อกัน

            ก่อนหน้านี้ลูกชายของเธอเป็นคนเจ้าชู้มาก  เธอไม่เคยคิดเลยว่าวันหนึ่งเขาจะหยุดที่ใครสักคน...

            “ลูกเราโตแล้วนะคุณ”  สามีพูดขึ้นบ้าง  เพตราหันไปมองอย่างรู้ทัน

            “แล้วเพื่อนคุณล่ะ”  เธอแกล้งถาม  พอจะเดาได้อยู่ก่อนแล้วว่าเห็นทีสามีคงจะใจอ่อนไปแล้วเกินครึ่ง  ยิ่งเจ้าลูกชายตัวดีเล่นยกเอาหลานมาล่อเสียด้วย

            “คงต้องยอมโดนมันด่าเอาหน่อย”

            “นี่เราก็ต้องไปกรุงเทพฯด้วยสิคะเนี่ย”  เธอพูดอย่างอ่อนใจ

            “คงต้องไปจัดการที่เชียงใหม่ก่อน  ไม่รู้หลวงปู่ท่านจะออกธุดงค์อีกหรือเปล่า”  คุณไกรสรพูด ขมวดคิ้วอย่างครุ่นคิดขณะที่สตาร์ทรถ

            “จะไปขอฤกษ์หรอคะ”  ภรรยาถาม

            “ใช่...แล้วก็ว่าจะขอชื่อหลานด้วย”  เขาตอบเนิบๆ

            ได้ยินเสียงคนข้างๆอุทานแล้วหัวเราะออกมา  หันมามองหน้าเขาอย่างล้อๆ

            “แหม  ไม่ค่อยจะเห่อเลยนะคะคุณปู่   มิน่าล่ะวันนี้ถึงได้พาเราตระเวนเอาๆ ไม่ยอมกลับเชียงใหม่สักที  ที่แท้ก็อยากได้หลาน”

            “คุณก็เหมือนกันนั่นแหละ  ผมเห็นนะว่าแอบไปจดวันเกิดหมอแมนเขามา”

            “ฉันแค่อยากรู้ว่าจะดวงเป็นกาลกิณีกับลูกเราหรือเปล่าก็เท่านั้นแหละค่ะ”

            “แล้วสมมติว่าใช่  แล้วจะยังไง  บังคับให้มันเลิกเหรอ...มันก็บอกอยู่ปาวๆว่าไม่เลิก”   คนเป็นพ่อพูดออกมาแล้วก็อดภูมิใจไม่ได้ที่เห็นลูกชายโตเป็นผู้ใหญ่มากพอที่จะรับผิดชอบตัวเองและคนที่รักได้เสียที   ถึงแม้ว่าว่าที่ลูกสะใภ้ของเขาจะเกินความคาดหมายไปมากก็ตาม   แต่พอมาคิดดูแล้ว....ฝ่ายนั้นก็มีอาชีพการงานมั่นคง  หน้าตาท่าทางก็ใช้ได้หมด  ติดตรงที่เพศสภาพเท่านั้นเอง  ถ้าเขายังติดอยู่กับเรื่องนี้ก็คงใจแคบเต็มทน

ยิ่งรู้ว่าลูกหาทางดิ้นรนย้ายไปกรุงเทพฯเพื่อจะได้อยู่ด้วยกันแล้วด้วย....

            “ฉันก็ไม่อยากทำตัวใจร้ายเหมือนแม่ผัวในละครหรอกค่ะ”   คุณเพตราตอบ   “ว่าแต่เราจะรู้เพศของหลานได้ยังไงล่ะคะ”  เธอวกกลับมายังประเด็นหลักที่กำลังครุ่นคิดอยู่

            “นั่นสิ  ขืนไปถามมันตรงๆ เดี๋ยวมันก็จับได้เสียเท่านั้นว่าอยากรู้”  คนขับคิดอยู่ครู่หนึ่งก็นึกออก  “ก็ขอชื่อทั้งเด็กหญิงเด็กชายเสียเลยเป็นไง”

            “รอบคอบดีค่ะคุณ”  ภรรยาเห็นดีเห็นงาม   

            ....................................................................................

            มาอัพแล้วจร้า

            บอกแล้วว่าไม่ม่านะเอ้อออ  เหนื่อยแล้วกว่าจะมาถึงตอนนี้   สงสาร  กลัวหลานไม่ได้เกิด55555

            ตอนนี้เกิดปัญหาเหมือนคุณปู่คุณย่าเลย  จะตั้งชื่อหลานตัวเล็กของเราว่าอะไรดีคะท่านผู้ชม  ใครมีไอเดียดีๆ เสนอกันเข้ามาได้เลยนะครัชช  555555

            เจอกันตอนหน้า  #แฟนหมอแมน       

           

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ TachibanaRain

  • มาโกโตะเทนชิ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-3
ฮือออ น้ำตาจะไหลในที่สุดอุปสรรคของคู่นี้ก็ใกล้จะหมดแล้วจริงๆสินะ ตอนนี้คุณปู่คุณย่ามีแววเห่อหลานตั้งแต่ยังไม่คลอดเลยนะคะเนี่ย ถ้าเพลิงกับแมนรู้คงดีใจและมีความสุขกันจริงๆสักที ว่าแต่จะตั้งชื่อหลานว่าอะไรดีน้าาาา แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือหลานเพศอะไรอะ ฮ่าๆๆ จำได้ว่าซาวน์ตอนนั้นแล้วเจอนอนไขว่ห้างเลยไม่รู้

ออฟไลน์ sompong

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 355
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
เค้าจะมีมดลูกเหมือนเมืองปมนไหมนาาเค้าแยากท้องบ้างง

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ GentlePan

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 1
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
พ่อชื่อเพลิง แม่ชื่อแมน ให้ชื่อเล่นว่าน้องแพนแล้วกันนะคะ ได้ทั้งผู้หญิงผู้ชาย

ส่วนชื่อจริง มโนว่าหลานเกิดวันอาทิตย์ ไปเสิร์ชชื่อมงคลสำหรับเด็กหญิงเด็กชายมา จริงจังเว่อร์ 55555

ถ้าเป็นผู้ชายให้ชื่อ กันตพิชญ์ อ่านว่า กัน-ตะ-พิด แปลว่า ปราชญ์ผู้เป็นที่รัก

ถ้าเป็นผู้หญิงให้ชื่อ กมลพิชญ์ อ่านว่า กะ-มน-พิด แปลว่า ใจนักปราชญ์

แต่ใจตอนนี้ไปทางหลานชาย อยากให้หลานชื่อ น้องแพน กันตพิชญ์ค่ะ น่าร๊ากกกกกกก

ออฟไลน์ GBlk

  • ขอให้สรรพสัตว์จงมีความสุข
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1431
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-43
ดีใจที่มาม่าไม่เส้นยาว

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19
 :katai2-1:


ยิ่งกว่าถุกหวย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ต้องขอบคุณคุณยายมะม่วงนะที่เข้ามาเบิกตาเบิกหูให้พ่อแม่เพลิงได้คิด  o13

ออฟไลน์ greenapple

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-5
รักคุณปู่คุณย่าที่สุดในโลกเลย ที่เอ็นดูหลาน
สงสารตัวเล็กมากเลย
ผ่านเรื่องราวต่างๆมามากมาย
คุณยายคงดีใจเนอะ
ที่หลานไปอยู่ใกล้ๆ
อยากเห็นหน้าหลานเสียแล้วสิ อุแว้ๆๆๆ

 :mew1: :L2:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11

พ่อชื่อเพลิง แม่ชื่อแมน ให้ชื่อเล่นว่าน้องแพนแล้วกันนะคะ ได้ทั้งผู้หญิงผู้ชาย
............   

คิดชื่อเหมือนกันเลย
เพลิง  แมน  ----->   ก็เป็น  แพน   น้องแพน

พ่อแม่เพลิง ยอมรับแล้ว 
เริ่มหาชื่อหลานแล้ว  ยอดไปเล้ยยยย   :z3: :z3: :z3:
เพลิง  แมน   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2590
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ weedear

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-4
เอ้ยยยดีๆๆๆๆๆๆ
อยากอ่านต่ออีกอ่าาาาาาาาาาาา

ออฟไลน์ ซีเนียร์

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0

ออฟไลน์ winndy

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1129
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-3
หลังจากผ่านอุปสรรคกันมา ในที่สุดก็จะมีความสุขกันแล้ว

ออฟไลน์ Ti0590

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 455
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
ดีใจจังเลยยยยยยย  มาม่าช้างน้อยซอง 5 บาท น้ำตาจะไหลลลล ตอนแรกก็คิดว่าให้แมนย้ายไปอยู่กทม.เถอะ ดีกว่า คนท้องจะได้สบายใจมากกว่าอยู่ั่างที่ แต่พอเป็นแบบนี้ อืมมมม  พ่อกับแม่ของเพลิงก็ไม่ได้เลวร้ายแบบนางร้ายในละครหลังข่าว   เราโอเคคคคค  เราดีใจ   :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

รอนะคะะ

ออฟไลน์ Patsz

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
โล่งอก เรื่องร้ายผ่านไปหมดแล้ว หลังจากนี้จะได้มีแต่ความสุข ยินดีด้วยจ้า

ออฟไลน์ pui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2178
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +177/-3
Happyyyyyyyyyy

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด