Internal Love
ตอนที่ 22
Love is the triumph of imagination over intelligence.
“บ้านคุณกี้น่าสบายดีนะครับ”
เพลิงกัลป์พูดยิ้มๆ กวาดตาสำรวจภายในบ้านของอีกฝ่าย เป็นบ้านที่ตกแต่งได้น่ารักจุ๋มจิ๋มทีเดียว หญิงสาวยิ้มรับเดินนำพวกเขาเข้าไปยังห้องรับแขก
“คุณหมอนั่งพักให้หายเหนื่อยก่อนนะคะ เดี๋ยวกี้ไปหาน้ำมาให้ จะได้แก้ร้อน” เธอกลับออกไปจากห้อง ชายหนุ่มทั้งสองคนมองหน้ากัน แล้วเปลี่ยนเป็นสำรวจห้องแทน
เมืองแมนตรงไปดูกรอบรูปที่วางเรียงรายอยู่บนหลังตู้เป็นอันดับแรก เขาคาดหวังว่าจะได้เห็นภาพหญิงสาวร่างบางนามว่าหลินปรากฎอยู่ในภาพสักใบในบ้านแห่งนี้ ทว่าครึ่งหนึ่งเป็นภาพครอบครัวสามคนประกอบด้วยกี้และหญิงชายวัยกลางคน ส่วนอีกครึ่งเป็นภาพเดี่ยวของกี้ตั้งแต่สมัยนุ่งผ้าอ้อมไปยันชุดนักศึกษา
“ไม่มีรูปหมอหลินเลยแฮะ” เมืองแมนพึมพำ
“ตรงนี้ก็ไม่มี เกียรติบัตรพวกนี้มีแต่ชื่อกิรณาทั้งนั้น น่าจะเป็นชื่อของคุณกี้นะ” เพลิงกัลป์พูดขึ้นบ้าง
“ดูอะไรกันอยู่คะคุณหมอ” เจ้าของบ้านกลับมาพร้อมกับน้ำส้มคั้นเย็นเฉียบสองแก้ว เธอเข้ามาดูเกียรติบัตรที่วางโชว์อยู่บ้าง “อ๋อ...ของกี้เองค่ะ สมัยก่อนกี้บ้าเล่นกีฬา ตอนหลังมาบ้าทำอาหาร เลยมีแต่ใบประกาศที่ไปแข่งมา”
“คุณกี้เก่งจังเลยนะครับ คุณพ่อคุณแม่น่าจะภูมิใจมาก”
“ไม่หรอกค่ะ กี้เรียนไม่เก่ง ไม่เหมือนพวกคุณหมอหรอก” เธอพูดยิ้มๆคล้ายจะเย้า “ถ้าเรื่องเรียนนี่กี้ยอมแพ้เลย มันไม่เข้าหัวจริงๆ”
“คนเราเก่งกันคนละด้านนี่ครับ ไม่จำเป็นต้องเก่งแบบเดียวกัน”
“แต่สังคมไทยก็ยังเชิดชูเด็กเรียนเก่งอยู่ดีนั่นแหละค่ะ ...เชิญคุณหมอนั่งก่อนนะคะ จิบน้ำก่อนให้ชื่นใจ” เธอเปลี่ยนเรื่อง ผายมือไปทางโซฟารับแขกที่อยู่กลางห้อง แขกทั้งสองเลยจำต้องละจากกรอบรูปพวกนั้นชั่วคราว
“แล้วคุณแม่ของคุณล่ะครับ” เพลิงกัลป์ถามขึ้น
“ท่านนอนหลับอยู่ค่ะ เดี๋ยวรอให้ตื่นก่อนค่อยพาขึ้นไปนะคะ” เธอถอนหายใจเบาๆ “ช่วงนี้แม่ไม่ค่อยแข็งแรงเลยค่ะ ป่วยออดๆแอดๆ เมื่อยเนื้อเมื่อยตัวตลอด ขนาดนวดให้ประจำก็ยังไม่หาย”
“คนแก่ก็แบบนี้แหละครับ” เมืองแมนหลุดปากออกไป ดวงตากลมโตของกี้ตวัดมองคล้ายไม่ชอบใจ
“ค่ะ กี้ก็ว่างั้น ดีใจที่คุณหมอเพลิงมาเยี่ยมนะคะ”
“แล้วพี่สาวของคุณกี้ล่ะครับ” จู่ๆเพลิงกัลป์ก็ถามทะลุกลางป้องขึ้นมาเสียเฉยๆ เจ้าของบ้านอึ้งไปครู่ก่อนจะตอบยิ้มๆเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“พี่สาวกี้เสียชีวิตไปแล้วไงคะ เหมือนจะเคยบอกไปแล้ว”
“อยากเห็นหน้าพี่สาวคุณจัง อยากรู้ว่าจะสวยเหมือนคุณกี้มั้ย” คำพูดของเพลิงกัลป์ทำเอาเจ้าของบ้านยิ้มเขิน หลบตาคุณหมอหนุ่ม “คุณไม่มีรูปหรืออะไรบ้างเหรอครับ
“เคยมีค่ะ แต่คุณพ่อให้เผาทิ้งหมด”
“อ้าว” คนฟังแทบอ้าปากค้าง “เผา...ทำไมล่ะครับ”
“คือ” ท่าทางคนพูดลำบากใจ ทำให้เมืองแมนพูดขึ้นตามประสาคนขี้เกรงใจ
“ถ้าพูดยากก็ไม่เป็นไรนะครับ”
เพลิงกัลป์เหลือบมองอย่างดุๆ แทนความหมายว่าไม่ต้องพูด เดี๋ยวจัดการเอง..
“ไม่หรอกค่ะ ไม่ใช่ความลับอะไร พี่สาวกี้เป็นหมอเหมือนพวกคุณนั่นแหละ แต่ว่าเค้ามี ..เอ่อ...ปัญหานิดหน่อย คิดไม่ตกก็เลยฆ่าตัวตายไปตั้งแต่เพิ่งเริ่มทำงานได้ไม่นาน” หญิงสาวพูดเรียบๆ
“โอ...เสียใจด้วยนะครับ ครอบครัวคงเสียใจมาก” เพลิงกัลป์พูดด้วยท่าทางเห็นอกเห็นใจ “คุณกี้สนิทกับพี่สาวมากไหมครับ”
“ก็พอสมควรค่ะ แต่ก่อนเราคุยกันได้ทุกเรื่องจนกระทั่ง...คือ กี้กับพี่สาวไม่ได้เป็นพี่น้องแท้ๆคลานตามกันมาหรอกนะคะ” เธอพูดคล้ายจะเปลี่ยนเรื่อง “พี่หลินเป็นลูกติดของพ่อกี้ค่ะ พ่อมาแต่งงานใหม่กับแม่แล้วพาพี่หลินมาอยู่ด้วยตั้งแต่อายุสามขวบ”
แขกลอบสบตากันแวบหนึ่ง
“แปลว่าคุณหลินกำพร้าแม่หรอครับ”
“แม่เค้าก็ยังอยู่นะคะ แต่งงานไปกับฝรั่ง เห็นว่าย้ายไปอยู่พังงาหรืออะไรนี่แหละค่ะ ไม่ได้ส่งข่าวกันนานมากแล้ว กี้เคยเห็นหน้าแม่พี่หลินแค่ครั้งเดียวเองคือวันรับปริญญา”
“คุณพ่อคุณโกรธคุณหลินเพราะเธอฆ่าตัวตายเหรอครับ ถึงได้เผารูปถ่ายคุณหลินทิ้งหมด”
เจ้าของบ้านอึ้งไปครู่
“ก็...ทำนองนั้นค่ะ พ่อเสียใจเพราะคาดหวังกับพี่หลินเอาไว้มาก ไม่นึกว่าพี่หลินจะหน้ามืดตามัวไปกับ...เรื่องอื่น เลยพลอยทำให้บ้านเรากลายเป็นขี้ปากชาวบ้านอยู่หลายปี” กี้เหลือบมองนาฬิกา “คุณแม่น่าจะตื่นแล้วล่ะค่ะ ขึ้นไปเยี่ยมท่านกันมั้ยคะ บนบ้านนี่เอง”
“ดีเลยครับ” เพลิงกัลป์ลุกขึ้นยืนอย่างกระตือรือร้นจนคนข้างๆได้แต่มองอย่างงงๆ เมืองแมนเดินตามหลังหนุ่มสาวทั้งสองไปขึ้นบันไดไปยังชั้นสองของบ้าน
“บันไดชันนะ ก้าวระวังด้วย” เพลิงกัลป์หันมาบอกเขา
เมืองแมนไม่ตอบ เดินเกาะราวบันไดตามขึ้นไปช้าๆ จนถึงชั้นสองของบ้าน มีห้องนอนสองห้องคั่นด้วยโถงบันไดตรงกลาง หญิงสาวเดินนำพวกเขาไปยังห้องทางขวามือ เธอยกมือขึ้นเคาะประตูห้องแทนสัญญาณก่อนจะเปิดเข้าไปด้านใน
หญิงวัยกลางคนรูปร่างท้วมคนหนึ่งกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนตั่งไม้ปูทับด้วยผ้านวมนิ่มๆ มีพัดลมจ่ออยู่สองตัว ตรงหน้าเธอเป็นโต๊ะเล็กๆเต็มไปด้วยข้าวของกระจุกกระจิกและของกินเรียงราย เธอหันมารับไหว้นายแพทย์ทั้งสองแล้วยิ้มกว้าง
“คุณหมอมากันแล้ว ฉันกำลังรออยู่เลย เห็นน้องกี้พูดอยู่หลายวันแล้วว่าจะชวนคุณหมอมา ขอเดาก่อนนะ...รูปหล่อแบบนี้ต้องเป็นคุณหมอเพลิงกัลป์แน่ๆ ใช่ไหม”
“ครับ สวัสดีครับคุณน้า”
“เรียกคุณแม่ก็ได้จ้ะ เป็นเพื่อนน้องกี้ไม่ใช่เหรอ ถ้าอย่างนั้นคนนี้ก็คือคุณหมอเมืองแมนใช่ไหมจ้ะ ...หน้าตาน่ารักน่าเอ็นดูจริงๆ นี่ถ้าแม่ไปเจอข้างนอกต้องนึกว่ายังเรียนไม่จบแน่ๆ”
“สวัสดีครับคุณแม่” เมืองแมนพึมพำ กระอักกระอ่วนเล็กน้อยไม่แน่ใจว่าควรจะใช้สรรพนามแทนอีกฝ่ายตามที่ฝ่ายนั้นบอกหรือเปล่า
“นั่งก่อนจ้ะๆ น้องกี้วันนี้ทำอะไรเลี้ยงคุณหมอล่ะ อุตส่าห์มากัน....ไอ้ฉันก็ลุกเดินเหินไม่ค่อยคล่อง เจ็บเข่าน่ะไม่ใช่อะไร ว่าจะไปหาหมอที่โรงพยาบาลหลายทีแล้วแต่ก็ไม่สะดวก วันนี้คุณหมอมาฉันดีใจจัง”
“แม่ล่ะก็ เว้นช่องให้คุณหมอเขาพูดบ้างสิคะ งั้นคุยกันไปก่อนนะคะ เดี๋ยวกี้ขอตัวไปเตรียมอาหารเย็นก่อน เชิญคุณหมออยู่ทานข้าวกันก่อนนะคะ กี้จะทำสุดฝีมือเลย”
“ขอบคุณมากครับ”
พอลับหลังหญิงสาว ผู้สูงวัยก็ปรารภขึ้นยิ้มๆ
“น้องกี้นี่มีฝีมือด้านการทำอาหารนะ คิดว่าคุณหมอน่าจะเคยไปชิมที่ร้านแล้วกระมัง”
“เคยแล้วครับ รสชาติดีมากทีเดียว” เมืองแมนเป็นคนตอบ
“คนนี้เขาเก่งงานบ้านงานเรือน เข้าครัวทำอาหารหรืองานฝีมืออะไรเขาก็ทำได้หมด ดีตรงขยันขันแข็งไม่เกียจคร้าน ที่สำคัญคือเชื่อฟังผู้ใหญ่” เธอพูดเสียงเรียบเรื่อย “เสียอย่างเดียวคือเรื่องผู้ชงผู้ชาย แม่คนนี้ไม่สนใจอะไรกับเขาเลย เพื่อนฝูงก็แต่งงานแต่งการ มีลูกมีเต้ากันไปหมดแล้ว นี่ก็ยังเอาแต่ทำงาน”
“คงยังไม่เจอคนที่ถูกใจมั้งครับ” เพลิงกัลป์ออกความเห็น
“ก็คงยังงั้น โอ๊ย...ที่ถ้าเป็นสมัยก่อนนะ ถูกจับแต่งงานไปแล้ว พ่อแม่ดูให้ใครเหมาะสมกับลูกเราก็จัดการปลูกฝัง ไอ้ฉันก็ไม่ชอบบังคับใคร ถือว่าปลูกเรือนตามใจผู้อยู่ แต่ก็นะ....ลูกสาวคนเดียว ไอ้เราก็ป่วยกระเสาะกระแสะ จะตายวันตายพรุ่งก็ยังไม่รู้ มันก็อดเป็นห่วงไม่ได้”
“คุณกี้เก่งออกครับ” เมืองแมนพูดยิ้มๆ
“เก่งอย่างไรมันก็ต้องมีคู่คิดคู่ครองจะได้คอยช่วยเหลือกัน อย่างว่าแหละมันคงเห็นตัวอย่างคู่ฉันไม่ได้ราบรื่นเท่าที่ควร อาจจะเข็ดล่ะมั้ง” เธอเปลี่ยนท่าเป็นนั่งห้อยขาแทน พลางขยับเลื่อนโถใส่ขนมผิงมาให้พวกเขา “ขนมน่ะ กินรองท้องเล่นไปก่อนนะพ่อ....เห้อ พูดแล้วก็กลุ้มใจ ไอ้พ่อเขาน่ะก็ไปมีเมียน้อย สุดท้ายหลงเมียน้อยจนโงหัวไม่ขึ้น ฉันเลยให้ย้ายออกไปอยู่ด้วยกันเสียเลย จบเรื่องจบราวไป”
“โห คุณน้า เอ๊ย...คุณแม่ ใจดีจังครับ”
“กว่าจะทำใจได้ก็หลายปีลูกเอ๊ย ตอนนี้ก็เฉยๆแล้ว จะทำอะไรก็ตามใจ มันปลงเสียแล้ว ติดอย่างเดียวคือเรื่องลูกสาวเนี่ยล่ะ พวกคุณหมอคงไม่เข้าใจกระมัง หัวอกพ่อแม่ก็อยากให้สิ่งที่ดีที่สุดแก่ลูกอยู่แล้ว อะไรทำได้ก็ต้องทำเพื่อลูก ไม่เชื่อลองไปถามคุณพ่อคุณแม่ของคุณหมอดูก็ได้ว่าเป็นอย่างนั้นไหม ฉันรับประกันได้เลยกว่าจะส่งลูกเรียนจบมาเป็นหมอสักคนเนี่ย แทบจะขายบ้านขายรถ ทุ่มเทกันแค่ไหน”
เธอพักดื่มน้ำนิดหนึ่งแล้วก็พูดต่อ
“ที่ฉันรู้เพราะอะไรรู้มั้ย ก็เพราะบ้านฉันก็เคยส่งหมอเรียนคนหนึ่งเหมือนกัน โอ๊ย วุ่นวายทุ่มเทกันไปตั้งเท่าไหร่ สุดท้ายเป็นไงล่ะ...หึ ไม่ได้อะไรกลับมานอกจากความขายขี้หน้า” หางเสียงของเธอเปลี่ยนไป “พูดแล้วก็ยังเจ็บใจ เรียนหมอนี่นอกจากวิชาความรู้ไว้รักษาคนแล้วเขาไม่สอนวิชาเอาตัวรอดบ้างเลยหรือหนู”
“คงแล้วแต่คนมั้งครับ” เพลิงกัลป์พูดยิ้มๆ ถามเหมือนไม่รู้เรื่อง “แล้วคุณหมอคนนั้นอยู่ไหนแล้วเหรอครับ”
“วุ้ย..ตายไปแล้วล่ะ ก่อนตายก็ทำเรื่องงามหน้าเอาไว้ให้ญาติพี่น้องเดือดร้อนมากมาย เรื่องมันหลายปีแล้วล่ะตั้งแต่พวกคุณหมอยังไม่ได้เอนทรานซ์เลยมั้ง ลูกติดสามีฉันเองเนี่ยแหละ เรียนจบมาดีๆ นึกว่าจะได้พึ่ง จะได้มาช่วยกันทำงานส่งน้องเรียนสูงๆแบบตัวเองบ้าง ปรากฏว่ามาประจำอยู่ที่โรงพยาบาลที่นี่ได้ไม่เท่าไหร่ก็ท้องป่องขึ้นมา”
“จริงหรอครับ”
“จริงสิ เขาลือกันให้ทั่ว พ่อเขาเรียกกลับบ้านมาเค้นถามความจริงอยู่ตั้งหลายวันถึงยอมรับ”
“แล้วท้องกับใครเหรอครับ เขาไม่รับผิดชอบเหรอ”
“จะใครเสียอีก ก็ท้องกับแฟนเขานั่นแหละ ผู้ชายมันก็เพิ่งจบเหมือนๆคุณหมอเนี่ยแหละ มันไม่รับ แหม...พูดแล้วเจ็บใจ ทำไมลูกเรามันโง่ให้เขาหลอก ขนาดเป็นหมอด้วยกันนะยังทำกันได้ขนาดนี้”
“เขาไม่รับผิดชอบเลยเหรอครับ”
“ใช่ ขนาดมาบ้านนี้มันยังไม่ยอมมาเลยคิดดู อย่างว่าแหละคงไม่กล้ามา กลัวจะโดนพ่อเค้าเอาปืนยิงตาย พ่อเขาเสียใจมาก ผิดหวังกับลูกสาว คนเขาก็ลือกันใหญ่โตสุดท้ายคงเครียดจัดนั่นแหละถึงได้ฆ่าตัวตาย”
“แล้วแฟนเขาล่ะครับ ป่านนี้ลอยนวลไปอยู่ที่ไหนแล้ว” เพลิงกัลป์ถาม
“อ้าว...เห็นว่าไปเรียนต่อแล้วกลับมาทำงานที่โรงพยาบาลแล้วนี่ไง ชื่ออะไรฉันก็จำไม่ได้ เอ...ชื่ออะไรนะ วันก่อนเขาเพิ่งทำคลอดให้ไอ้แดงลูกยายสุขไปน่ะ...ชื่ออะไรนะ”
“เป็นหมอสูติหรอครับ”
“เห็นว่างั้นนะ ไอ้ฉันก็ไม่เคยไปเห็นหน้าค่าตาเขาซะด้วย แต่น้องกี้มาเล่าว่าหล่อเชียวล่ะ ฉันก็ได้แต่เตือนให้ระวังตัวไว้ พวกหน้าตาดีนี่ล่ะอันตราย จริงไหมคุณหมอเพลิง” ประโยคท้ายเธอวกมาถามเพลิงกัลป์หน้าตาเฉย
ชายหนุ่มหัวเราะเจื่อนๆ
“เห็นหน้าฉันก็รู้ ใครเจ้าชู้ไม่เจ้าชู้ อย่างคุณหมอนี่ก็คงไม่ธรรมดาล่ะสิ มีแฟนหรือยัง”
“มีแล้วครับ” เพลิงกัลป์ตอบสั้นๆ ขณะที่เมืองแมนเผลอเม้มปาก
“ดีแล้วๆ แล้วพ่อหนุ่มน้อยนี่ล่ะ มีแฟนยังจ้ะ”
“ยังไม่มีครับ” เมืองแมนตอบกลับไป รู้สึกได้ว่าคนข้างๆขยับตัวยุกยิกทันที
“หมอผู้ชายน่ะไม่น่าเป็นห่วงหรอก มีแต่คนเขาอยากได้” เธอพูดยิ้มๆ “แต่ก็ต้องระวัง เลือกคนที่ดี เหมาะสมกับเรา....” เธอเทศนามาอีกหลายประโยคก่อนจะเปลี่ยนเรื่องเป็นถามไถ่การทำงานของพวกเขาแทน
เมืองแมนขยับตัวเป็นรอบที่สี่ เก้าอี้ไม้กับพนักพิงแข็งๆทำให้เขาเมื่อยหลังเต็มที เพลิงกัลป์กับแม่ของกิรณาก็คุยกันถูกคอเหลือเกิน เขาแทบจะถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกตอนที่หญิงสาวขึ้นบันไดมาเคาะเรียกที่หน้าห้อง
“อาหารเย็นพร้อมแล้วนะคะ ทานข้าวกันค่ะ”
“หนูเข้ามาช่วยพาแม่ลงไปกินข้าวข้างล่างหน่อยลูก แม่อยากร่วมโต๊ะด้วย”
“ได้ค่ะคุณแม่”
กี้เข้ามาในห้องช่วยพยุงร่างท้วมสมบูรณ์ของมารดาตนเองให้ลุกขึ้นยืน เพลิงกัลป์ปราดเข้ามาช่วยจับแขนอีกข้างหนึ่งเอาไว้ คุณวลีพรทิ้งน้ำหนักลงมาทางฝั่งของชายหนุ่มเต็มที่จนเมืองแมนอดเป็นห่วงรูมเมทไม่ได้ ขยับจะเข้ามาช่วยแทนกี้
“แมน มึงช่วยไปเอากระเป๋าตังค์ในรถให้กูหน่อย กูลืมเอาไว้ในรถ” เพลิงกัลป์ส่งกุญแจรถให้เขาแล้วพยักหน้าให้เดินลงบันไดไปก่อน เมืองแมนรับมาถือไว้งงๆแต่ก็ยอมเดินลงมาชั้นล่างเพื่อออกไปหยิบกระเป๋าสตางค์ให้อีกฝ่าย งมหาอยู่ในรถครู่หนึ่งไม่เห็นร่องรอยของกระเป๋าสตางค์ที่ว่าก็เลยเดินกลับเข้ามาในบ้าน เจอทุกคนนั่งประจำที่โต๊ะอาหารรออยู่ก่อนแล้ว
“หาไม่เจอ วางลืมตรงไหน”
“กูลืมไปว่าหยิบมาแล้ว” ฝ่ายนั้นตอบหน้าตาย ทำเอาเมืองแมนจุ๊ปาก เลื่อนเก้าอี้ลงนั่งข้างๆ
อาหารวางเต็มโต๊ะไปหมดทำเอาคนท้องน้ำลายสอ ยิ่งคนในท้องยิ่งแล้วใหญ่ เริ่มถีบท้องเขาโครมครามแทนการประท้วงว่าเลยเวลาอาหารเย็นมาเกือบชั่วโมงแล้ว
“เติมข้าวอีกมั้ยคะคุณหมอ” หญิงสาวถามยิ้มๆ ส่งโถข้าวมาให้เมืองแมน
“ขอบคุณครับ” ชายหนุ่มรับมาเติมข้าวรอบที่สาม
“เห็นตัวเล็กๆกินจุเหมือนกันนะ” ผู้อาวุโสสุดในโต๊ะพูดขึ้นบ้าง “ชอบแกงส้มเหรอหนู เห็นตักบ่อย ลองชิมน้ำพริกปลาร้าดูสิ ไม่เหม็นหรอก”
“เขาแพ้ปลาร้าครับ” เพลิงกัลป์กลับเป็นฝ่ายพูดขึ้นมาก่อน เลื่อนถ้วยน้ำพริกออกห่างมือของคนนั่งข้างๆ “กินแล้วเดี๋ยวผื่นขึ้น แย่เลย”
“อ้าวเหรอจ้ะ”
เมืองแมนมองน้ำพริกข้นคลั่กกลิ่นหอมชวนรับประทานตาปรอย รู้อยู่หรอกว่าไม่ควรกินให้เสี่ยงท้องเสีย แต่อาหารเพิ่งปรุงสดๆร้อนๆ ไม่น่าจะทำให้ท้องเสียได้เลย....ดวงตาคมเข้มมองตอบกลับมาอย่างเข้มงวด แถมยังขมวดคิ้วใส่อีก ชายหนุ่มเลยถอนหายใจเฮือก เอื้อมมือไปตักไข่เจียวเข้าปากแทน
“หมอเพลิงเติมข้าวอีกมั้ยคะ”
“พอแล้วครับ กับข้าวอร่อยมากสมเป็นฝีมือแม่ครัวใหญ่” ชายหนุ่มพูดยิ้มๆ “บางเมนูเหมือนจะไม่มีที่ร้านนะครับ”
“บางอย่างหาวัตถุดิบยากค่ะ เลยไม่เอาขึ้นเมนูที่ร้าน” กี้ตอบ
ตบท้ายด้วยของหวานและผลไม้ เมืองแมนอิ่มจนรู้สึกว่าพุงอาจจะระเบิดออกมาได้ถ้าคนข้างในถีบแรงเกินไป ชายหนุ่มนั่งสะดุ้งเป็นระยะเพราะกระเทือนที่หน้าท้องแต่ก็ต้องเก็บอาการเอาไว้ แสร้งทำเป็นเอี้ยวตัวไปมาแทน
“คงต้องขอตัวลากลับก่อนนะครับ วันนี้ขอบคุณมากเลย อาหารอร่อยมาก” เพลิงกัลป์เป็นคนพูด “ส่วนยาโรคเข่าเสื่อมของคุณน้าเดี๋ยวผมฝากคุณกี้เอามาให้นะครับ”
“ได้ค่ะ ขอบคุณมากนะจ๊ะคุณหมอ ไว้มาอีกนะ”