[3]
วันแข่งเทควันโดรอบชิงชนะเลิศมาถึงแล้ว ผมไม่เคยเห็นพิชญ์มันตื่นเต้นแม้จะเป็นนัดสำคัญหรือแมทช์ใหญ่ขนาดไหน ทำตัวสบายๆ อย่างตอนนี้ก็ยังแต่งตัวไม่เรียบร้อย นั่งดูละครย้อนหลังกับพวกในชมรมที่สุมหัวกันอยู่ในมุมห้องพัก จนโค้ชเดินเข้ามาไล่มัน
"พิชญ์ อีกสิบนาทีโว้ย!"
"แป๊บหนึ่งดิ เริงมันจะคลอดลูกแล้วเห็นไหมเนี่ย"
"อีกสิบนาทีจะชิงเหรียญทอง มึงเสือกติดเพลิงบุญเนี่ยนะ อีพิชญ์ อีเวร"
"แข่งเสร็จค่อยมาดู ไปแต่งตัว"
โค้ชแทบจะเข้ามากระชากหัวมันออกไปจากตรงนี้ เพื่อไปเตรียมตัว ผมเหลือบตามองข้อเท้าข้างขวาของมันที่ยังไม่หายดี เห็นมันพลิกข้อเท้าตัวเองสองสามครั้งตอนลุกขึ้นเลยเดินเข้าไปถาม
"เจ็บอยู่เหรอ"
"แค่คิดว่าจะได้เตะปากแฟนเก่าเธอ ก็หายเจ็บละ"
"พิชญ์"
มันยักไหล่หน้าตาเฉยแล้วหยิบเสื้อขึ้นสวม ก่อนโค้ชมาตามออกไปอีกที ผมเก็บเสื้อของมันที่ถอดทิ้งเอาไว้ยัดใส่กระเป๋า แล้วเดินตามออกไปด้วย พ้นประตูออกมาก็เห็นคนหนึ่งที่ยืนรออยู่ ไม่ใช่พิชญ์แต่เป็นพี่วิน ผมเผลอชะงักไปนิดหนึ่งแล้วฝืนยิ้มนิดๆ เป็นการทักทาย
"จิงบล็อกไลน์พี่เหรอ"
เขาถามตรงประเด็นด้วยใบหน้านิ่ง ดูกำลังจะไม่พอใจเท่าไร ผมเพิ่งตัดขาดทุกช่องทางการติดต่อกับพี่วินไป ไม่ใช่เพราะพิชญ์สั่งให้ทำ แต่มันคือการตัดสินใจของผมเอง แค่คิดว่าการเลิกคุยกับเขา มันเป็นเรื่องที่ควรทำอยู่แล้ว
"เราอย่าเจอกันอีกเลยพี่วิน"
"ไหนบอกว่าเป็นเพื่อนกันได้ไง"
ผมไม่รู้จะตอบกลับไปยังไงให้เขารู้ตัวว่าสิ่งที่เขากำลังทำอยู่ หรือทำมาตลอดมันไม่เรียกว่าเพื่อนสักนิดเลย ยิ่งฝืนทำแบบนี้มันก็เหมือนเราตัดกันไม่ขาด
พี่วินยังคงมีใบหน้าเรียบเฉยแล้วก้าวเท้าเข้ามาหาผม
"ทำไม...จิงกลัวใจตัวเองเหรอ"
"เปล่า"
"คิดถึงเรื่องของเราเหรอ"
"ไม่"
"แน่ใจ?"
ผมเงยหน้าขึ้นเถียงอย่างมั่นใจ
"แน่ใจ! ผมกับพี่จบกันไปนานแล้วนะ พี่เป็นคนบอกเลิกผม พี่แอบคบกับคนอื่น พี่จำไม่ได้เหรอ ทำไมผมต้องกลับไปหาคนนิสัยไม่ดีอย่างพี่ด้วย"
"แต่คนนิสัยไม่ดีอย่างพี่ ก็ทำให้จิงได้ทุกอย่างที่จิงขอนะ"
"..."
"อย่างคืนนั้นไง"
"..."
"เราจบกันไปแล้ว จิงก็คบกับคนอื่นไปแล้ว แต่จิงก็กลับมาหาพี่แล้วเราก็มีความสุขกัน จิงจำไม่ได้เหรอ พี่คิดถึงคนนิสัยดีอย่างจิงนะ"
"..."
"คิดถึงเรื่องคืนนั้นด้วย คิดถึงแทบใจจะขาด"
"พี่วิน!"
"ทำไมล่ะ พี่หรือมันที่ทำให้ดีกว่า"
"เราคุยกันแล้วว่าจะไม่พูดถึงเรื่องนี้ไง แล้วคืนนั้น...ผมก็ไม่ได้ขอ"
"แต่ก็ไม่ขัดขืน"
ผมกำหมัดแน่นมองหน้าคาตรงข้ามที่พูดออกมาได้หน้าตาเฉย ผมยอมรับว่าครั้งนั้นผมพลาด แล้วก็เป็นความผิดบาปที่ติดอยู่ในใจผมมาตลอด พิชญ์ไม่เคยรู้เรื่องนี้ หวังว่าเขาจะไม่มีวันรู้
"จิง"
แต่ความลับไม่มีในโลก...
ทั้งผมและพี่วินหันหน้ามองพิชญ์ที่เดินเข้ามา ใบหน้าเรียบเฉย แต่ผมรู้ดีว่านั่นคือหน้าของคนที่กำลังโกรธจนอาจจะอาละวาดขึ้นมาตรงนี้ก็ได้ พี่วินพูดขึ้นแทรกความเงียบด้วยประโยคง่ายๆ แต่ทำลายความอดกลั้นของอีกฝ่ายจนหมดเกลี้ยง
"ไว้เจอกันอีกนะครับ คนดี"
"พิชญ์!"
ผมคว้าแขนพิชญ์เอาไว้ก่อนพี่วินจะเดินออกไป หมัดที่กำแน่นเหมือนจะกำปั้นจะแหลก ความโกรธประทุออกมาจากสายตาแข็งกร้าว ผมทำได้แต่ยื้อหมัดนั่นเอาไว้สุดแรง ไม่กล้าพูดอะไรออกไปแล้วปล่อยให้ความเงียบค่อยๆ สงบสติอารมณ์ของพิชญ์ลง เสียงถอนหายใจยาวพ่นออกมาพร้อมกับพิชญ์ที่หลับตาลงเรียกสติ แล้วหันขวับมาหาผม คำพูดติดขัดของพิชญ์บ่งบอกว่าความโกรธยังหลงเหลืออยู่ในอารมณ์นั้น
"ที่...มันพูด"
"..."
"ที่มันพูดคืออะไร!"
"..."
"เรื่องนี้แหละที่มันบอกกับเราที่ร้านเหล้า แต่เราหวังว่ามันจะไม่ใช่เรื่องจริง"
"พิชญ์"
มันไม่มีข้อแก้ตัวที่จะพูดออกไปตอนนี้ ทำได้เพียงเอ่ยชื่ออีกฝ่ายออกมาแล้วกำมือเอาไว้แน่น ผมรู้ตัวว่าผิดแต่ก็ไม่อยากให้ความผิดพลาดแค่ครั้งเดียวระเบิดความสำพันธ์ของเราไปตอนนี้
"พูดมาว่ามันไม่จริง"
"..."
"พูดดิ!"
"แค่ครั้งเดียวพิชญ์!"
"..."
"แค่ครั้งเดียว..."
"แล้วครั้งเดียวไม่ผิดเหรอ"
"ผิด เราผิดเอง เราขอโทษ...เราผิดไปแล้ว"
"ไอ้พิชญ์ ได้เวลาแล้ว"
เสียงโค้ชที่เดินเข้ามาเรียกทำให้พิชญ์เดินออกไปจากผมทันที ไม่มีคำพูดใด ไม่แม้แต่จะหันมองหน้าตอนที่ผมเรียก อย่างที่บอกว่าความไว้ใจมันเปราะบาง แล้วผมก็ยิ่งทำให้มันพังยับ
ถึงเวลาการแข่งขันผมเข้ามานั่งกับกลุ่มเพื่อนที่รอเชียร์อยู่แล้ว กรรมการส่งสัญญาณเมื่อเริ่มการแข่งขัน พี่วินยื่นมือออกมาเพื่อทักทายตามมารยาทแต่พิชญ์นิ่งเฉยจนกรรมการหันมอง มันเลยปัดปลายนิ้วผ่านมือพี่วินไปอย่างไม่เต็มใจ เมื่อเริ่มแข่งพิชญ์ก็จู่โจมเข้าหาพี่วินอย่างรวดเร็ว เดาว่าด้วยความโกรธ ปกติแล้วเทคนิคของพิชญ์ไม่ใช่การรุกเข้าใส่คู่ต่อสู่ พิชญ์ไม่ค่อยเตะเป้าสูง หลีกเลี่ยงการเตะหน้าแม้ว่ามันจะได้คะแนนเยอะกว่า รอจังหวะสองแล้วค่อยสวนกลับอย่างแม่นยำคือการเล่นของพิชญ์ที่เคยเห็นมา แต่ตอนนี้ไม่ใช่แบบนั้นเลย เขากำลังรุกเข้าหาคู่ต่อสู้เป็นบ้าเป็นบอ เตะแต่ส่วนหัว และเพราะช่วงขาที่ยาวและความไว เห็นชัดๆ ว่าพิชญ์เหนือกว่าพี่วิน แต่ถ้าทำไปเพราะความโมโหแบบนั้นน่าเป็นห่วง ในจังหวะที่พิชญ์หมุนตัวเตะพี่วิน จนล้มไป เหมือนเขาหลุดออกจากการควบคุมตัวเองด้วยการพุ่งเข้าไปซ้ำ ซึ่งเป็นการผิดกติกา
"พิชญ์!"
ทั้งผมและเพื่อน รวมถึงโค้ชที่ขอบสนามลุกพรวดขึ้น ยากจะยับยั้งความโกรธของคนในสนาม แม้จะถูกตัดคะแนนจากการกระทำนั้นแต่การต่อสู้หลังจากนั้นก็เห็นกันชัดๆ ว่าพิชญ์ควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้เลย
"ไอ้พิชญ์มันเป็นอะไรวะ"
"เดี๋ยวก็โดนปรับแพ้หรอก ไอ้บ้าเอ๊ย"
หมดสองนาทีสำหรับยกแรก ผมไม่ได้ยินว่าโค้ชพูดอะไรตอนพิชญ์เดินออกไปนอกสนาม แต่สีหน้าไม่ดีทั้งคนพูดและคนฟัง มันไม่ได้โฟกัสอยู่กับการแข่งขัน แต่ต้องการเอาชนะพี่วินด้วยความโกรธเท่านั้น
เป็นอย่างนั้นจนถึงยกสุดท้าย พี่วินแพ้ย่อยยับด้วยคะแนนที่ทิ้งห่าง แข่งเสร็จพิชญ์แทบไม่รอจะฟังอะไรแล้วเดินออกนอกสนามไป ผมรีบวิ่งลงจากบันไดแสตนด์ลงไปหามัน
"พิชญ์!"
"ไอ้พิชญ์!"
คนที่พิชญ์หันหน้าไปหาไม่ใช่ผมแต่เป็นพี่วินที่ตามมาด้วย พิชญ์ตรงเข้าหาพี่วิน ยกขาถีบอกเขาจนเซแล้วซ้ำด้วยการกระโดดเตะปลายคาง พริบตาเดียวที่ผมเข้าไปห้ามไม่ทัน พี่วินทรุดหมอบลงกับพื้นก่อนพิชญ์ตรงเข้ามากระชากแขนผม ผลักเข้าห้องพักนักกีฬาแล้วคว้าหน้าขึ้นไปจูบ อีกมือจับเสื้อผมแทบจะฉีกมันออก ด้วยความรุนแรงผมจึงยกมือผลักเขาออกไป
"พิชญ์!"
"ทำไม!"
"ทำบ้าอะไร"
"ทำไมจะทำไม่ได้!"
"ถ้าจะทำเพราะโกรธ หยุดเลย!"
"ก็คิดว่าง่าย"
"พิชญ์"
"ที่ไหนกับใครก็ได้อยู่แล้วนี่"
"พิชญ์ พอได้แล้ว เออเราแม่งร่านเองอ่ะ แต่ฟังกันหน่อยได้ไหม!"
"ไอ้พิชญ์!"
ทั้งผมและมันหันไปมองประตูที่เปิดเข้ามาโดยโค้ช ดูจากสีหน้าแล้วคงกำลังเดือดไม่แพ้กัน
"เรื่องส่วนตัวมึงเอาไว้เคลียร์กันทีหลัง ไอ้พิชญ์มึงมากับกู"
"..."
"เดี๋ยวนี้!"
พิชญ์ถูกโค้ชลากตัวออกไป ผมตามออกไปด้วยแต่เห็นหน้าผมตอนนี้มีแต่จะทำให้มันโมโหมากกว่าเดิมเลยยืนมองอยู่ไกลๆ ทั้งที่จริงอยากเข้าไปอยู่ใกล้ๆ ใกล้จนกว่าพิชญ์จะได้ยินเสียงขอโทษที่พร่ำดังไม่หยุดอยู่ในใจในตอนนี้
...
การแข่งขันกีฬาจบไปแล้ว การกระทำรุนแรงของพิชญ์ไม่ได้มีความผิดเพราะถือเป็นเรื่องนอกสนามหลังจบการแข่งขันแล้ว แต่มหาลัยก็ไม่มองข้ามความผิดจึงคาดโทษด้วยการติดทัณฑ์บน พ่วงด้วยบทลงโทษจากโค้ชที่สั่งให้มันเป็นคนทำความสะอาดยิมคนเดียวไปจนจบเทอม แม้การแข่งขันจะจบไปแล้ว แต่เราก็ต้องซ้อมกันอยู่เพื่อเตรียมตัวแข่งในงานอื่นที่กำลังจะมาถึง หลังเลิกเรียนผมเข้าห้องพักไปเปลี่ยนชุดแล้วออกมาเพื่อนที่วอร์มร่างกายกันอยู่ แต่พิชญ์ไม่อยู่ตรงนั้น
"ตี๋ มาช้าจังวะ สังคมรอมึงอยู่คนเดียวเนี่ย"
"พิชญ์อ่ะ"
พวกเพื่อนหันหน้ามองกัน ถูกผมถามทุกวันจนเบื่อ เพราะสิ่งแรกที่ทำหลังเข้ามาที่นี่ก็คือถามหาคนบางคนที่ยังงอนไม่เลิก จนถึงตอนนี้พิชญ์ก็ยังไม่พูดกับผม ไม่กลับหอแล้วใช้เวลาอยู่ที่ชมรมแทบจะตลอดเวลา ผมจนปัญญาจะง้อเพราะแม้แต่หน้าก็ยังไม่มอง แต่ก็ยังหาทางเข้าหาอยู่เรื่อยๆ ไปจนกว่ามันจะใจอ่อน
ผมตรงไปที่ห้องซ้อมอีกส่วนของยิม เสียงเท้าเปล่ากระทบกระสอบทรายเป็นเสียงเดียวที่ดังอยู่จึงมั่นใจว่าพิชญ์อยู่ในนั้น ไม่ทันที่จะก้าวเข้าไปถึงตัว มันก็หันมามองก่อน
"ถ้าไม่อยากให้เราเปลี่ยนจากกระสอบทรายเป็นหน้าเธอ ไปไกลๆ เลย"
ผมอดไม่ได้ที่จะทำหน้าตาบูดบึ้งใส่แล้ววางขวดสปอนเซอร์ที่ตั้งใจเอามาฝาก วางไว้หน้าประตูก่อนก้าวเท้าออกมา แต่เปลี่ยนใจเดินกลับเข้าไปหาอีกที
"เตะเราดิ"
เฮ้ย! ผมผงะแล้วถอยหลังมานิดหนึ่งตอนพิชญ์มันหันมาทำท่าจะเตะเข้าจริงๆ
"พิชญ์ ฟังเราหน่อยได้ไหม"
"พูดดิ"
"ป้าบ!"
พูดกับผมคำหนึ่งขณะหันไปเตะกระสอบทรายอีกที ผมลังเลที่จะพูดต่อเพราะแอบหวั่นใจนิดๆ แต่เอาวะ หน้าแหกก็ยอมอ่ะ
"เราผิดไปแล้วพิชญ์ เราขอโทษ เรา..."
"ป้าบ!"
คำพูดผมกลืนหายเพราะสะดุ้งกับเสียงเท้ากระทบกระสอบทรายนั่น ก่อนรวบสติแล้วพูดออกไปรวดเดียว
"วันนั้นเราเมามากเว้ย วันที่เราทะเลาะกันจำได้ไหม เราไม่ได้ตั้งใจอ่ะ!"
"เธอได้ขัดขืนมันหรือเปล่า"
"..."
"เธอบอกมันว่าอย่าหรือเปล่า"
"เปล่า"
"งั้นแปลว่าเธอยอม"
"เราคิดว่าเป็นเธออ่ะ เราพลาดเว้ย ขอโทษได้ไหมวะ!"
พิชญ์ไม่ตอบอะไรแล้วหันกลับไปเตะเข้ากระสอบทรายอย่างบ้าคลั่ง
"เราขอโทษ โกรธให้พอ แต่เราไม่เลิกง้อหรอก"
"..."
"เพราะเราแม่งโคตรรักเธอเลยโว้ย!"
ผมตรงเข้าไปถีบพิชญ์ทีหนึ่งแล้วดึงหน้าเข้ามาจูบปาก ก่อนรีบวิ่งหนีออกมาก่อนโดนเตะ ก่อนมาหยุดอยู่หน้าห้องซ้อม ที่มีเพื่อนคนหนึ่งยืนอยู่ตรงนั้นพอดี
"ไงล่ะตี๋ ยังง้อผัวไม่สำเร็จอีกเหรอ"
"อือ ใจร้ายกับกูมากเลย"
"เอาน่า ให้เวลามันหน่อย แล้วนี่มึงว่างอยู่ใช่ไหม"
ผมพยักหน้ารับ เพื่อนเลยยื่นกล่องหลอดไฟสองอันส่งให้ผม
"ไปเปลี่ยนหลอดไฟในห้องน้ำซะ จะได้ไม่ฟุ้งซ่าน"
"อันนี้คือหลอกใช้งานกูหรือเปล่า"
"อุ้ย ตี๋ฉลาด" มันว่าพลางยกมือบีบแก้มผมก่อนเดินออกไป ทิ้งเอาไว้กับหลอดไฟสองหลอดในมือ ผมพ่นลมหายใจยาวๆ แล้วเดินไปห้องน้ำ แหงนมองหลอดไฟบนเพดานที่ขาดไปสองหลอด ใครใช้ให้คนเตี้ยๆ อย่างกูมาเปลี่ยนหลอดไฟบนเพดานวะ ผมเดินไปหาเก้าอี้ลากเข้ามาในห้องน้ำ ทั้งเขย่งและเอื้อมสุดแขนก็ยังไม่ถึงเพดาน ใช้ความพยายามอยู่พักหนึ่ง ก็ถอดหลอดเก่าออกมาได้ ใช้มือหนึ่งถือเอาไว้ แล้วจัดการยัดหลอดใหม่เข้าไป หมุนไปจนแน่ใจว่ามันเข้าไปสุดแล้ว หลอดแรกผ่านไปไม่มีปัญหา แต่พอหลอดที่สองไม่เป็นอย่างที่คิด หลอดมันแน่นจนถอดไม่ออก ผมออกแรงอีกนิดเพื่อหมุนหลอดไฟนั่น
"กึง!"
"เฮ้ย!"
หลอดไฟหลุดพรวดออกมาจากขั้ว รวมถึงเท้าผมที่หลุดออกจากเก้าอี้ มือไม้แกว่งหาที่ยึดเหนี่ยวแต่ไม่มีอะไรให้จับ หลอดไฟในมือร่วงลงพื้นจังหวะเดียวกับร่างผม
"เพล้ง!"
"โครม!"
"เชี่ยเอ๊ย..."
หลุดสบถออกมาดังลั่น กำลังลุกขึ้นยืนแต่หันไปเห็นคนที่วิ่งมาหน้าประตูห้องน้ำ เลยทิ้งตัวลงนั่งที่เดิม พิชญ์ดูตกใจนิดหนึ่งตอนเห็นสภาพผม หลุดเก๊กหน้าตึงแล้วรีบก้าวเท้าเข้ามาหา
"เป็นอะไรไหม"
"อือ...เจ็บ"
พิชญ์คุกเข่าลงนั่ง ดึงตัวผมให้ห่างจากเศษหลอดไฟที่แตกละเอียดอยู่อีกทาง
"เจ็บตรงไหน"
ผมยื่นมือไปจับมือพิชญ์แล้วทาบลงบนอกซ้ายของตัวเอง
"ตรงนี้"
"..."
"ตอนเธอไม่คุยด้วย เจ็บเหมือนจะขาดใจตาย"
"ตายไปเลยดิ" พิชญ์ว่าแล้วลุกหนีออกจากห้องน้ำไป
"ฮือ! จะตายจริงๆ แล้วนะเว้ย! ไอ้อสรพิษ!"
ผมคำรามลั่นห้องน้ำแล้วลุกพรวดวิ่งไปเตะตัดขามันจนล้ม กระโดดขึ้นคร่อมร่าง ยกขาล็อกคอมันไว้ในท่ามวยปล้ำ ขี้งอนนักฆ่าให้ตายแม่งหมดเรื่อง!
"จิงปล่อย!"
"เรารักเธอเว้ย!"
"ปล่อย!"
"ไม่ปล่อยจนกว่าจะหายโกรธ ไม่ปล่อยโว้ย!"
"จิงจิง!"
พิชญ์ลั่นชื่อผมลั่นแล้วพลิกตัวกลับ เป็นฝ่ายใช้ท่อนแขนล็อกคอผมอย่างง่ายดาย ผมพยายามดิ้นให้หลุดแต่ก็ยากเกินจะเอาชนะตัวโตๆ ของมันได้
"พิชญ์! เราจะตายจริงๆ นะเว้ย!"
"ตายให้ดูหน่อยดิ!"
"พิชญ์!"
"หรืออยากโดนเตะสลบแบบไอ้วิน!"
"พิชญ์ ไม่เอา ฮือ! กลัวแล้ว!"
"บอกมาว่าเรากับมันใครเก่งกว่า!"
"พิชญ์เก่ง!"
"เรากับมันเธอเลือกใคร!"
"เลือกพิชญ์!"
"พูดสิว่าเธอรักใคร!"
"รักพิชญ์!"
ผมได้ยินเสียงหัวเราะในลำคออย่างดูพอใจ ก่อนพิชญ์จะปล่อยผมออก ไม่ทันจะหายใจได้เต็มปอดมันก็ดึงผมเข้าไปหา กระซิบเบาๆ ที่ข้างหู
"แล้วถ้าเป็นเรื่องนั้นล่ะ ใครเจ๋งกว่า หืม?"
ผมกลืนน้ำลายลงคอนิดหนึ่ง แล้วตอบกลับด้วยความมั่นใจ
"พิชญ์"
"แน่ใจ?"
"ใครจะรู้ดีเท่าเราอ่ะ"
มุมปากของอีกฝ่ายยกขึ้นยิ้ม ไม่พูดอะไรให้มากความ กระชากแขนผมเข้าห้องพักนักกีฬาอีกครั้ง เกมการแข่งขันระหว่างผมกับเขาเริ่มต้นอีกครั้งในที่แห่งนี้ ซึ่งผมก็เริ่มจะชอบที่นี่ซะแล้ว เอาเข้าจริงตื่นเต้นกว่าที่บ้าน ท้าทายกว่าในห้องนอน ระทึกใจกว่าบนเตียง พิชญ์เอาชนะพี่วินในทุกเรื่อง ไม่ได้พูดเพื่อเอาใจให้หายงอน แต่ยืนยันได้ว่าคนที่เจ๋งกว่าคือพิชญ์...ยังไงก็พิชญ์ คนที่ร้ายกาจดั่งอสรพิษ หนึ่งเดียวคนนี้
-HAPPY-
คิดถึงทุกคนนะเลยเอาเรื่องสั้นมาฝากกัน เป็นเรื่องสั้นวันไนท์มิราเคิล คือแต่งคืนเดียวจบ 555555 เอาจริงช่วงนี้เหงา เลยหาโอกาสแวะเวียนมาหากัน
เคยคิดเอาไว้นานแล้วว่าอยากแต่งนิยายที่ตัวละครเป็นนักกีฬา แล้วช่วงที่ผ่านมาแถวบ้านเรามีงานแข่งขันกีฬาของวิทยาลัยพละ ที่ทำงานเราอยู่ใกล้สนามกีฬา เลยเห็นหนุ่มๆ นักกีฬาบ่อยๆ เดินมาเป็นคู่ก็คิดดีไม่ได้เลยเราอ่ะ เลยเกิดมาเป็นเรื่องสั้นด้วยความใจบาปของตัวเองแท้ๆ
ปกติแล้วเราจะหลีกเลี่ยงการเขียนฉาก NC มาโดยตลอดเลยเพราะรู้ว่าตัวเองไม่ถนัด แก้ปัญหาด้วยการตัดเข้าโคมไฟให้คนอ่านหงุดหงิดเล่นไปงั้นแหละ 55555 ก็เลยเกิดความคิดที่จะลองก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเองดู ว่าจะทำได้ไหม พอลองเขียนมันก็พีคนะ พีคนาศมากค่ะ พังชิบหายวายป่วง เออออ แม่-งไม่รอด 555555 แต่ถ้ามีโอกาสเขียนในเรื่องหน้าๆ ก็อยากจะพยายามให้มากกว่านี้ จะเมกเลิฟให้เมกเซนท์ สมจริงสมจังกว่านี้หน่อย อันนี้รู้สึกเอะอะเกินไปนะ อยู่ดีๆ ก็ปุบปับ 55555 เอาเป็นว่าอ่านขำๆ แล้วกันเนอะ หวังว่าทุกคนจะชอบนะคะ
ถ้ามีโอกาสจะแต่งเรื่องสั้นวันไนท์มิราเคิลมาอีกนะคะ ไว้เจอกันเรื่องหน้าค่ะ เลิฟยูออลล~~~~