+..▪..+"แสง.สุด.ท้าย"+..▪..+|ตอนที่ 15.3| อัพ 28-4-18> P.4 _*|จบแล้ว|*
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: +..▪..+"แสง.สุด.ท้าย"+..▪..+|ตอนที่ 15.3| อัพ 28-4-18> P.4 _*|จบแล้ว|*  (อ่าน 25490 ครั้ง)

ออฟไลน์ หมอตัวเปียก

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1875
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-3
ยังมองหาทางไม่เจอเลย

ออฟไลน์ 0%

  • 0percent.
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 69
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
เอ๋ เเล้วตกลงมันยังไงหล่ะเนี่ย

ออฟไลน์ rinyriny

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-1
บทที่ 3 ฤดูแห่งความเหงา






      ทำไม...พอเข้าช่วงหน้าหนาวทีไร หัวใจมันถึงว้าเหว่และเหงากว่าเดิม



      อิสระนิยามว่ามันเป็น ฤดูแห่งความเหงา เพราะมันไม่ได้หนาวกายเพียงอย่างเดียว แต่มันยังหนาวเหน็บเย็นเยียบไปถึงขั้วหัวใจอีกด้วย



      อิสระไม่ได้เพิ่งมาเหงาแค่ฤดูหนาว เขาเหงาทุกฤดู เพียงแต่เขาห้ามความเหงามันไม่ได้สักที



      แต่อิสระแค่ไม่เข้าใจ เมื่อความเหงาผสมกับความหนาวเมื่อไหร่ ร่างกายเขายิ่งต้องการความอบอุ่นจากใครสักคน



"เราจะหวังอะไรล่ะ ไม่มีใครมาเสี่ยงชีวิตกับคนไม่มีค่าอย่างเราหรอก"




     ตัดพ้อแล้วก้มหน้ามองพื้น มันเป็นปกติที่เขาคุยคนเดียวอย่างนี้ แน่ละ...การอยู่ห้องเพียงลำพัง คุยกับตัวเองก็เป็นเพื่อนที่เข้าใจได้ดีที่สุดแล้ว



      อยู่คนเดียวในหน้าหนาว ก็ยิ่งเหงา และมันทำให้เขานึกถึงใครบางคน



     ...อิสระคิดถึงพี่จิณณ์...



      คนที่อิสระไว้ใจยกให้เป็นเพื่อนที่ดีอีกคน หลังจากได้ใกล้ชิด พูดคุยวันนั้น แม้มันจะเป็นแค่วันเดียว แต่มันมีค่าสำหรับอิสระมากๆ

 

     แต่แล้วพี่จิณณ์ก็เงียบหายไป ไม่มีการส่งข่าวมาแต่อย่างใด  พี่จิณณ์ไม่ผิดหรอกที่จะไม่ติดต่อกลับมา ก็อย่างว่า ใครจะมายอมเสี่ยงชีวิตช่วยคนที่ไม่ได้สนิทสนมกันเป็นปีๆ



      พร่ำบอกตัวเองให้เลิกหวัง แต่ลึกๆแล้วหัวใจก็ยังคงหวังอยู่เสมอ



      หนึ่งเดือนแล้วที่พี่จิณณ์หายไป ซึ่งเป็นหนึ่งเดือนที่อิสระทรมานที่สุดในรอบปีนี้





       อิสระโดนคุณอิทธิพลสั่งให้ช่วยชายถึงสวรรค์ของความใคร่  ในตอนแรกเขาบ่ายเบี่ยง แต่เพราะโดนทำร้าย อิสระจำต้องทนทำไป แถมโดนสั่งให้ปฏิบัติทุกวัน จนอิสระจะทนไม่ไหว



        คุณอิทธิพลคงถูกใจใครเข้าแน่ๆ ถึงให้อิสระเป็นตัวแทนระบายอารมณ์เช่นนี้


        อิสระรู้ว่า การที่เขาโดนกระทำ ส่วนใหญ่ทุกคนสงสารแต่ทำอะไรไม่ได้เพราะไม่กล้า แต่เมื่อเร็วๆนี้ ความอดทนของกรณ์คงเริ่มละลาย เขาถึงขอร้องคุณอิทธิพลให้อิสระหยุดทำออรัลเซ็กส์ให้ชาย ในจังหวะเข้าด้ายเข้าเข็ม

 

         อิสระรู้ผลลัพธ์ดี เพียงแต่ไม่คิดว่ากรณ์จะกล้าค้านคุณอิทธิพล วันนั้น กรณ์โดนคุณอิทธิพลกระทืบเกือบตาย ยังดีที่ชายห้ามโดยการเอาตัวไปบังกรณ์ไว้ ไม่อย่างนั้น คุณอิทธิพลคงไม่หยุด เพราะคุณอิทธิพลยังมีความเกรงใจชายมากกว่ากรณ์


        การทำออรัลเซ็ส์ เพื่อตอบสนองความใคร่และความชอบใจของใครบางคน ทำให้อิสระเสียใจอย่างหนัก เพราะตั้งใจไว้ว่าจะทำให้คนที่รักเท่านั้น พอเจอแบบนี้ อิสระจำใจ กล้ำกลืนฝืนทน เพียงคำๆเดียว...



      "รางวัล"



      คำหนึ่งคำที่ทำให้อิสระมีความหวังตลอดว่าจะได้มันอย่างที่ใครคนหนึ่งให้สัจจะ

     

      และแล้วรางวัลก็มาถึง...



      เมื่อวันนี้ กรณ์เข้ามาในห้องบอกว่าคุณอิทธิพลให้อิสระลงไปหาที่สนามหญ้าหน้าบ้าน



      เหมือนตัวลอยขึ้นบนอากาศ เขาดีใจจนพูดไม่ออก อิสระยิ้มกว้าง ก่อนจะถามไถ่กรณ์ด้วยความห่วงใยที่มนุษย์คนหนึ่งมีให้กัน



      หลังจากที่กรณ์โดนซ้อม เขาหายหน้าไป จนมาวันนี้ที่อิสระเพิ่งเห็นร่างสูงใหญ่ยืนหลังป้าแก้ว ด้วยสภาพหน้าตาดูไม่ได้ รอยช้ำม่วงเขียวเป็นวงใหญ่ ตาบวมปิดหนึ่งข้าง ซึ่งอิสระไม่อยากจะคิดว่าใต้ร่มผ้านั้นจะมีรอยช้ำอีกมากมายแค่ไหน?

"พี่กรณ์ไหวไหม?"



     ยังไม่ทันได้คำตอบ อิสระเห็นชายปรี่มากระชากต้นแขนกรณ์แล้วพูดขึ้นเสียงดังอย่างไม่สนว่าป้าแก้วและอิสระจะได้ยินหรือเปล่า?



"ทำไมมึงดื้อ กูอุตส่าห์ช่วยพูดกับท่าน ให้มึงนอนพัก"




"เสือก!"



"ไอ้กรณ์ มึงไม่แคร์ความรู้สึกกู ไม่เป็นไร แต่ช่วยแคร์ร่างกายมึงด้วย" ชายทำหน้าถมึงทึงใส่กรณ์


    จบประโยคนั้น ทุกคนต่างชะงักได้แต่ยืนเงียบกริบ กรณ์ไม่อยากทะเลาะต่อหน้าคนอื่น จึงยอมแพ้ชายในครั้งนี้และเดินผ่านไปอย่างไม่ใยดี



     อิสระไม่สนปัญหาของคนสองคน เพราะตอนนี้ เขาสนตัวเองที่จะได้ออกไปจากห้องสี่เหลี่ยมอุดอู้ห้องนี้มากกว่า

 

     อิสระใจเต้นแรงจนต้องรีบสูดลมหายใจระงับอาการตื่นเต้น


      ป้าแก้วยิ้มเหมือนดีใจแทนและจับมือคุณอิสระพาเดินออกจากห้องไปโดยมีชายขนาบข้าง


     ทุกการย่างก้าว อิสระตื่นเต้นตลอด เขาอดยิ้มไม่ได้ เมื่อเดินลงมาถึงประตูไม้บานใหญ่ อิสระเลี้ยวขวาพ้นทางปูน ก็เจอะส่วนสนามหญ้า มุมร่มรื่นที่เหมาะแก่การพักผ่อน เขาเดินไปหาคุณอิทธิพลที่นั่งชมวิวอยู่ตรงซุ้มไม้



"เป็นไงกับรางวัล" เอ่ยขึ้นทันทีที่หางตาเห็นเงาดำคืบคลานเข้ามา


"ขอบคุณครับ"
อิสระยกมือไหว้ขอบคุณ ก่อนจะขออนุญาตเดินออกนอกลานซุ้มไม้


     อิสระไม่ได้ใส่รองเท้าเดินออกมา เขาอยากให้เท้าเปลือยเปล่าได้สัมผัสยอดหญ้า เย็นๆทุกครั้งที่เหยียบย่ำ


     คนอื่นอาจมองว่า อิสระเป็นบ้าที่แค่เหยียบผืนหญ้าก็น้ำตาไหล แต่สำหรับอิสระมันคือความสุขของจริงๆ


     ความสุขที่ได้เห็นสิ่งมีชีวิตนอกเหนือจากตัวเองที่ทุกทีจะเห็นแต่ฝาผนังทึบๆ



     เขากวาดสายตามองรอบๆบ้านช้าๆพลันยิ้มมุมปาก


     ดวงตาพร่าเลือนด้วยหยาดน้ำตา เขารีบยกมมือมาเช็ดไวๆ แต่อิสระไม่รู้ว่าคุณอิทธิพลมายืนชิดตัวเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้อีกทีก็ตอนที่คุณอิทธิพลบีบไหล่อิสระอย่างแรง



"ช่วงนี้ ฉันอารมณ์ดี ถ้าไม่ขัดคำสั่ง ก็จะได้ออกมาเห็นวิวแบบนี้อีกเรื่อยๆ"




"ครับ"



      คุณอิทธิพลโอบไหล่อิสระกึ่งบังคับ ให้เด็กหนุ่มเดินกลับไปซุ้มไม้ด้วยกัน จากนั้น เขาเอ่ยขึ้น


"ดื่มเป็นเพื่อนฉันหน่อยสิ"



     บอกด้วยรอยยิ้มเย็นพลางยื่นแก้วทรงเตี้ยที่บรรจุสุรา อิสระไม่รู้สึกอยาก เพราะเขาเคยดื่มมันก็นานมาแล้ว หลังจากเลี้ยงวันเกิดเมื่อหลายปีก่อนถูกคุมขัง


      ทำหน้าลังเลครู่หนึ่ง แต่เพราะเผลอเห็นสายตาทำนองว่าอย่าหือหรือตุกติก อิสระจึงยื่นมือไปรับแก้วนั้น แต่...


เพล้ง!



    คุณอิทธิพลจงใจปล่อยแก้วให้หล่นกระทบพื้นไม้



    ทุกคนมองแก้วที่แตกเป็นเศษเล็ก เศษน้อยกระจายอยู่ทั่วบริเวณ



"ดื่มสิ"



"ผมจะดื่มได้ไงครับ มันหกหมดแล้ว"



"เลียที่พื้นสิ"



    ป้าแก้ว อิสระและชายต่างหันไปที่คนๆเดียวกันที่ยืนยิ้มเยาะอยู่


"ค...คุณท่านคะ ป้าว่า..."



"ป้าแก้วรู้ใช่ไหมว่าไม่ควรก้าวก่าย"



   ป้าแก้วก้มหน้า ปากสั่น เมื่อเห็นแววตาวาวโรจน์ดุจปีศาจ


    ดวงตาสั่นระริก จ้องมองคนใจอำมหิต ที่ทำกับเขาเหมือนหมู เหมือนหมา


     สูดลมหายใจเต็มปอด ก่อนจะผ่อนลมหายใจยาว อิสระค่อยๆย่อตัวลงนั่งคุกเข่า วางสองมือลงบนพื้นไม้ และก้มหน้า แลบลิ้นออกมาเลียเหล้าที่หกเต็มพื้น น้ำตาไหลเป็นทาง


     ชาติที่แล้ว เขาทำเวรกรรมอะไรหรือ ทำไมถึงเจอเรื่องบัดซบเช่นนี้..



     เป็นภาพที่ไม่มีใครอยากมอง ป้าแก้วและชายต่างเบือนหน้าหนีไปอีกทาง

     มีเพียงแค่...คนใจโหดเหี้ยมที่ย่อตัวลงนั่งข้างเด็กหนุ่มพร้อมยกยิ้ม

"ดีมาก เชื่อฟังฉันดีมาก เป็นเด็กดีอย่างนี้สิ ฉันจะพาออกมาจากห้องบ่อยๆ" ว่าจบก็ลูบหัวอิสระ ก่อนจะกดหัวให้หน้าแนบลงกับพื้นจนเศษแก้วชิ้นเล็กบาดผิวแก้มอิสระจนเด็กหนุ่มสบถในลำคอ


     จังหวะนั้น...

     

"นายท่านๆ มีคนมาขอพบนายท่านครับ" คนสวนวิ่งมาบอกอย่างหอบเหนื่อย


"ใคร? มันไม่รู้หรือไงว่านี่มันกี่โมงกี่ยามแล้ว?" เหลือบมองนาฬิกาข้อมือเพื่อดูเวลาว่านี่ก็สองทุ่มครึ่งแล้ว ใครกันช่างกล้ามาหาในเวลาส่วนตัวเช่นนี้


"...เอ่อ..ผะ...ผมบอกไปแล้วครับแต่เขาจะยืนยันเข้ามา"




"มันชื่ออะไร"




"เขาว่าเขาชื่อคุณจิณณ์ครับ ท่าน"


    สิ้นประโยคนั้น อิทธพลชะงักกึก จากใบหน้าดุดันแปรเปลี่ยนเป็นเรียบเฉย เขาลุุกขึ้นยืนเต็มความสูงพลันเหลือมองคนที่นั่งก้มหน้าติดพื้น


"ห้ามลุกขึ้นมา ฉันจะไปรับแขกก่อน ไอ้ชายเฝ้ามันไว้"


"ครับท่าน"



    พ้นซุ้มไม้ไม่ไกล อิทธิพลเดินไปหาแขกด้วยรอยยิ้มเต็มใบหน้า


****1.1****



ขอบคุณทุกคนที่มาติดตามเรื่องนี้นะคะเพราะมันจะเป็นความรักท่ามกลางความหม่นๆๆค่ะ
.
หากใครชอบอ่านนิยายแบบจบแล้วเรามี
เรื่อง   ||*...สวัสดี▪นายพล▪ คนธรรมดา...*||

และ ..*ขอผมได้รัก*..
ลองอ่านกันได้นะคะ

ขอบคุณค่า
:mew1: :mew1:




« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 31-10-2017 22:53:29 โดย rinyriny »

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ 0%

  • 0percent.
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 69
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
เเงสั้นมากตัวเองง

ออฟไลน์ rinyriny

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-1
บทที่ 3 ฤดูแห่งความเหงา(2)





      แค่เห็นหน้า จิณณ์รีบยกมือไหว้อย่างนอบน้อม



"ผมขอโทษนะครับที่มารบกวนคุณอิทธิพล ผมมีเรื่องจะปรึกษา เกี่ยวกับคุณพ่อและเรื่องธุรกิจครับ" รีบดักคอก่อนโดนด่าและขอใช้พ่อมาอ้างการเข้าบ้านหลังนี้



      อันที่จริง ตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมา จิณณ์เดินทางไปทำงานกับพ่อ ผนวกกับคิดหาหนทางตลอด นอนคิด นั่งคิดแทบตายก็ไม่รู้จะใช้เหตุผลไหนมาเจอ จนมีปากเสียงกับพ่อครั้งหนึ่ง มันจึงจุดประกายให้เขายกเหตุผลนี้มาพบหน้า



      ผิดคาด จิณณ์ได้ยินเพียงเสียงหัวเราะหึหึในลำคอ



"คุณดื่มมาก่อนแล้วหรือ?"


"ครับ"




"ถ้างั้นไปคุยกันที่ห้องเดิมก็ได้ ฉันอยากหาคนดื่มด้วยพอดี"




     จิณณ์พยักหน้ารับพลางลอบถอนหายใจโล่งอกที่คุณอิทธิพลไม่หงุดหงิด เอาเรื่อง แม้ตอนแรกเขาจะฉายแววไม่พอใจก็ตาม



     ทั้งสองเดินเข้าในตัวบ้าน แต่ระหว่างทาง จิณณ์เหลือบเห็นป้าแก้ว ลูกน้องคุณอิทธิพลและคนที่นั่งฟุบหน้าอยู่ที่พื้นในส่วนซุ้มไม้ แม้มันจะไกลตาไปหน่อย แต่จิณณ์จำรูปร่างได้แน่นอนว่านั่น คือ อิสระ



      ทำไมอิสระ อยู่ข้างนอกได้ล่ะ


     นั่นยิ่งทำให้จิณณ์ครุ่นคิดอย่างหนัก อยากถามแต่ก็กลัวดูมีพิรุธ เขาทำได้แค่เดินผ่าน



     ถึงห้องเดิมที่จิณณ์เคยมา เขานั่งลงบนโซฟาฝั่งตรงข้ามคุณอิทธิพล ไม่นานนัก แม่บ้านสาวคุ้นตาก็เดินเข้ามาในห้องเพื่อรับคำสั่ง



      ถ้าเข้าห้องนี้เมื่อไหร่ คนที่มาคอยบริการมักจะเป็นแม่บ้านสาว ไม่ใช่ป้าแก้วแต่เขาจะทำอย่างไรล่ะ ให้ป้าแก้วมาห้องนี้ได้


      เขาอยากเจอป้าแก้ว เพื่อขอเบอร์ติดต่ออีกครั้ง หลังจากวันนั้นที่เขาออกมาจากห้องได้ ต่างฝ่าย ต่างไม่ได้แลกเบอร์กันไว้ เนื่องจากจิณณ์แบตหมดเกลี้ยง ส่วนป้าแก้วก็ลืมพกโทรศัพท์มา ทำให้เสียโอกาสไป คราวนี้ จิณณ์จะไม่พลาดซ้ำสอง



"ไหนเล่ามาซิ"



     ผู้มีอายุเอ่ยขึ้น พร้อมยื่นแก้วไปตรงกลางราวกับบอกสัญญาณ จิณณ์ไม่อยากเสียมารยาท จึงยื่นไปชนจนเสียงแก้วกระทบกับดั่งเสียงระฆังของการเริ่มสนทนา



     บัดนี้ ชายต่างวัยนั่งคุยและปรับทุกข์กัน จิณณ์ใส่สีตีไข่ บ้างก็มีความจริง บ้างก็แต่งเรื่องขึ้นมา สร้างเรื่องให้ดูน่าสนใจและน่าเชื่อถือ



"ฉันเข้าใจนะ คุณเจริญเองก็อยากให้ลูกสานต่อธุรกิจ คนเจนวายอย่างคุณก็อยากมีความฝันเป็นของตัวเองล่ะสิ"



"ใช่ครับ"


"หาจุดที่เชื่อมโยงถึงกันสิ ใส่ความฝันของคุณผสมกับธุรกิจของพ่อ ลองจับทางดู"


"เป็นไอเดียที่ดีมากเลยครับ แต่ผมต้องนึกก่อนว่าสิ่งที่ผมอยากทำมันจะมาเกี่ยวข้องกับธุรกิจของพ่อผมยังไงได้บ้าง ขอบคุณมากๆนะครับ" ตอบและยกซดหมดในแก้วเดียว



     จากนั้น ทั้งคู่ก็เริ่มเปลี่ยนเรื่องคุยไม่ให้เครียดไป กินเวลามาราวชั่วโมงกว่าที่ทั้งสองพูดไปพลางดื่มไปในบรรยากาศสีเทา



"จะขับรถกลับไหวเหรอ? นอนที่นี่ไหม?"


"หาาา...อะไรนะครับ?"
  ถามเพราะไม่อยากเชื่อ มันยิ่งกว่าที่เขาคาดหวังไว้ในตอนแรกซะอีก ถ้าการได้นอนที่บ้านหลังนี้ จิณณ์จะมีโอกาสแวบเจออิสระได้



"ผมเกรงใจครับ" แสร้งตอบ


"ไม่เป็นไร ฉันมีห้องรับรองตั้งหลายห้อง หรือถ้าอยากส่วนตัวจะนอนบ้านเล็กยังได้"



"ไม่ดีกว่าครับ แล้วแต่คุณอิทธิพลจะเลือกให้เลยครับ"


"ถ้างั้นขึ้นไปชั้นสาม ห้องติดบันได เดี๋ยวเรียกป้าแก้วไปเปิดห้องให้แล้วกัน ถ้างั้นพักเถอะ พรุ่งนี้ค่อยคุยก็ได้"


"ขอบคุณครับ"


     จบการพูดคุย  คุณอิทธิพลเรียกแม่บ้านสาวให้ไปตามป้าแก้ว ไม่นานนัก หญิงวัยกลางคนเดินเข้ามาและพยายามปกปิดรอยยิ้มที่เห็นคุณจิณณ์ และพาขึ้นไปยังห้องรับรองที่เตรียมไว้


"ป้านึกว่าจะไม่ได้เจอคุณอีก" พออยู่กันสองคน ป้าแก้วก็เอ่ยเสียงดีใจ



"ขอโทษครับ คือผมงานยุ่งแล้วก็นึกหาเหตุผลในการมาที่นี่ด้วยครับ"



"ขอบคุณนะคะที่คิดช่วยเหลืออยู่ คุณรู้ไหมว่า คุณอิสรอคุณมาตลอด"


    แม้จะมึน แต่คำๆนั้น ทำเขาชะงักเมื่อได้ยิน คำที่บอกว่า อิสระรอยังคงก้องอยู่ในหัว


    จิณณ์เดินไปนั่งพักที่เตียงก่อน สักพักป้าแก้วเสิร์ฟน้ำอุ่นให้จิณณ์ได้ดื่ม เขานั่งคุยกับป้าแก้วเพิ่มเติมว่าวันนี้ อยากเข้าไปหาอิสระ

     
     ป้าแก้วบอกว่ารอเวลาก่อนกลัวว่าคุณอิทธิพลจะยังไม่หลับ ระหว่างนี้ จิณณ์นึกขึ้นได้ว่า เห็นอิสระที่ลานซุ้มไม้ จึงถามและได้คำตอบว่า มันคือ รางวัล



     นิ่งไปนิด อิสระทำอีท่าไหนกัน ถึงได้รางวัลเป็นการออกมาจากห้องได้



     จนกระทั่ง ผ่านไปสามสิบนาที ป้าแก้วตัดสินใจพาคุณจิณณ์ไปหาอิสระ





     ยืนอยู่หน้าห้อง ก่อนประตูจะถูกเปิดกว้าง จิณณ์หยุดเท้าไปครู่หนึ่ง และเร่งฝีเท้าไปหาคนนอนคุ้ดคู้อยู่ที่พื้น



     เขาทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ มองใบหน้าที่เพิ่งมีแผลสดใหม่ตรงแก้ม



     จิณณ์กำมือแน่น เขารู้สึกโกรธแทนอิสระ ตอนแรกที่จิณณ์ฟังป้าแก้วเล่า เขาไม่เห็นภาพเลยรู้สึกเฉยๆก็แค่คิดว่าทำไมคุณอิทธพลโหดร้าย



      แต่พอได้มาเห็นกับตา คำว่าโหดร้ายยังน้อยไป หรือจะใช้ค่าว่าชั่วช้า ก็คงไม่พอด้วยซ้ำ



      จิณณ์ชักเกลียดคุณอิทธิพลซะแล้วสิ ทำอย่างไรดีที่เขาจะพาอิสระออกไปในเร็วๆนี้ เพราะจิณณ์ก็ไม่อยากมาเจอะหน้าคนโรคจิตที่ทำกับอิสระดั่งทาสรับใช้



      จิณณ์เขย่าไหล่อิสระราวกับปลุก



     เขย่าอยู่สองสามครั้ง อิสระลืมตาและรีบหยัดกายขึ้นมามองคนตรงหน้า



    ประโยคต่อมา ทำให้จิณณ์รู้สึกเศร้าจับใจ


"ผมนึกว่าพี่จิณณ์จะไม่กลับมาที่นี่อีกแล้ว"



     ชะงักก่อนตอบ นี่ อิสระรอเขาอย่างที่ป้าแก้วว่าจริงๆด้วย



"งานยุ่งนิดหน่อยน่ะ และคิดหาทางพาอิสออกไปด้วย"



"พี่จะพาผมออกไปแล้วใช่ไหม?"
แววตาเป็นประกาย อิสระดูดีใจจนจิณณ์ไม่กล้าเอ่ยปากบอกเลยว่ายังไม่ใช่


"เอ่อ...อิสใจเย็นๆนะครับ พี่มาหาลู่ทางให้ปลอดภัยที่สุด"



"พี่จิณณ์ กินเหล้ามาหรอครับ?" อิสระได้กลิ่นเหล้าคลุ้ง จนเอ่ยถาม


"ครับ อิสไม่ชอบหรือ?"




     อิสระส่ายหน้าและเม้มปากแน่น เขาไม่กล้าสบตา เพราะแววตาตอนที่พี่จิณณ์เมาและมองมาที่อิสระ มันเหมือนคนชอบกัน ซึ่งอิสระยังไม่อยากคิดไปเอง


     จิณณ์ยื่นมือไปแตะรอบๆแผลที่แก้มเด็กหนุ่มอย่างเบามือ เพราะกลัวอิสระจะเจ็บและแสบ ปลายนิ้วลูบไล้วนช้าๆ


"พี่ไม่เข้าใจ ทำไมเขาทำร้ายอิสขนาดนี้"



     อิสระไม่ได้ตอบพี่จิณณ์ แต่กลับร้องไห้ เพียงเพราะพี่จิณณ์มาสัมผัส


      ไม่คิดว่า การที่เขาเพิ่งนึกถึงพี่จิณณ์วันนี้ มันทำให้เขาได้เจอตัวเป็นๆอยู่ตรงหน้า โดยเฉพาะไออุ่นจากมือพี่จิณณ์ส่งผ่านมาหาอิสระ เขาสัมผัสได้ว่า ตัวเองมีความสุขและหายเหงาได้ชั่วขณะอย่างน่ามหัศจรรย์


"พี่ทำอิสเจ็บหรือ? พี่ขอโทษนะที่โดนแผล พี่แค่..."



"เปล่าครับ คือ ผม...คือ.."



     จิณณ์โคลงศรีษะเฝ้ามองอิสระว่าจะพูดอะไรต่อ



"ที่ร้องไม่ใช่เพราะเจ็บ แต่เพราะพี่จิณณ์ทำให้ผมรู้สึกดีและ....หายเหงาเลยครับ..." ประโยคเบาหวิวจนจิณณ์เกือบไม่รู้ว่าอิสระพูดอะไร ถ้าเขาไม่ตั้งใจฟัง



     จิณณ์นั่งอึ้ง ทุกคำพูดที่อิสระเอ่ยออกมา เขาคงเจ็บปวดและอัดอั้นตั้นใจพอสมควร พอเจอคนที่ถูกชะตาเข้าสักหน่อย อิสระก็แสดงความอ่อนแอออกมาให้เห็นทันที


     จิณณ์ไม่อยากให้บรรยากาศดูหม่นหมองไปกว่านี้ เขาเลยเกลี่ยน้ำตาพร้อมกับเปลี่ยนเรื่องถามเด็กหนุ่ม



"พี่เห็นป้าแก้วบอกว่า อิสทำตัวดี คุณอิทธิพลเลยให้รางวัล พาอิสออกจากห้อง"




    อิสระอายเกินกว่าที่จะบอกว่าเขาต้องทำออรัลเซ็กส์เพื่อแลกกับรางวัลนั้น มันไม่ใช่ทำตัวดีอะไรอย่างที่พี่จิณณ์คิดหรอก


"ใช่ครับ"



"ถ้างั้นทำตัวดีๆนะ ยิ่งอิสออกจากห้องได้บ่อยๆ มันอาจจะพอมีช่องโหว่ พาอิสหนีได้บ้าง"



"ครับ"




"พี่อยู่นานกว่านี้ไม่ได้นะ คงต้องไปแล้ว"





    อิสระพยักหน้ารับอย่างหงอยๆ เพียงเห็นพี่จิณณ์ทำท่าจะลุกขึ้นยืน อิสระนึกใจหาย จึงรั้งด้วยเสียงสุดท้าย


"ผมยังรออย่างมีความหวังได้ใช่ไหมครับ? พี่จิณณ์"
  เสียงสั่นๆเอื้อนเอ่ยออกมา จนจิณณ์ชะงัก เขามองอิสระด้วยแววตาสงสาร


    ทันใดนั้น จิณณ์เอื้อมมือไปลูบหน้าอิสระ ก่อนที่สองมือจะเลื่อนลงมาจับมือเด็กหนุ่มบีบกระชับแน่น



"ครับ...พี่สัญญา อย่าเพิ่งหมดหวังในตัวพี่นะ"  จิณณ์ยังคงจับมืออิสระ ใช้ปลายนิ้ววนไล้หลังมือข้าๆ และมองหน้าเด็กหนุ่มด้วยสายตามุ่งมั่นเพื่อให้อิสระมั่นใจในตัวเขา



      ปล่อยมืออิสระ เพื่อรีบกลับไปห้องตัวเอง



      อิสระจำใจต้องปล่อยมือคู่นั้น และทำได้แค่นั่งมองแผ่นหลัง ค่อยๆเลือนหายไปจากลานสายตา



     กลับมาอยู่กับความเงียบเหงาตามลำพัง อิสระนั่งลูบแก้มตัวเองเพื่อสัมผัสความอุ่นที่ทิ้งร่องรอยไว้จางๆ



     อิสระรู้สึกได้ถึงความรัก ความอบอุ่น ความรู้สึกที่เขาเคยได้รับตอนคบกับแฟน ก่อนจะถูกตัดขาดจากโลกภายนอก อิสระ

 
     อิสระหน้าเศร้าลง เขาเกลียดความรู้สึกตัวเองตอนนี้

    เด็กหนุ่มแหงนหน้ามองเพดานเอนกายพิงผนังและพึมพำแผ่วเบา


"ทำไมเราถึงใจง่ายแบบนี้"




...........................


สงสารอิสระ...แล้วจะกล้าบอกพี่จิณณ์ไหมนั่น
:katai1: :hao5:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-11-2017 22:28:28 โดย rinyriny »

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ 0%

  • 0percent.
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 69
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
อยากรู้เเล้วว่าจะออกไปได้ยังไงสงสารน้องอิสมาก

ออฟไลน์ rinyriny

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-1


บทที่ 4 หนี






"คุณป้าทำอร่อยมากเลยครับ"



      จิณณ์เอ่ยปากชม หลังจากได้ชิมอาหารทุกอย่างที่วางอยู่บนโต๊ะ ทั้งน้ำพริกปลาทู แกงส้มชะอมไข่ ไข่เจียวกุ้งสับ มันอร่อยกลมกล่อมจนจิณณ์ฟาดเรียบ ไม่มีเหลือ



"ขอบคุณค่ะ" ป้าแก้วรับคำ



      หลังจากที่จิณณ์นอนค้างเมื่อคืน คุณอิทธิพลก็ชวนให้จิณณ์อยู่กินข้าวด้วยกันก่อน โดยทั้งโต๊ะอาหารก็มีเพียงแค่จิณณ์กับคุณอิทธิพลเท่านั้น ที่เหลือก็มีเพียงแม่บ้านยืนอยู่ห่างๆ



       ระหว่างมื้ออาหาร อิทธิพลเปรยขึ้นมาลอยๆว่าอยากไปหาบิดาของจิณณ์ที่บ้าน จิณณ์ชะงักไปนิดเพราะเมื่อคืนโม้ไว้เยอะ กลัวว่าคุณอิทธิพลจะเอาไปฟ้อง แต่คงเพราะสีหน้าจิณณ์ดูออกว่าไม่สบายใจ คุณอิทธิพลจึงพูดขึ้นมาว่า ไม่เอาเรื่องที่จิณณ์มาปรึกษาไปพูดแน่นอน





       จัดการอาหารเสร็จเรียบร้อย อิทธิพลขอตัวเข้าไปคุยโทรศัพท์เกี่ยวกับธุระสำคัญ ช่วงนี้ จิณณ์จึงไปรอข้างนอก เพื่อหาโอกาสดูลู่ทางพาอิสระหนีด้วย





      จิณณ์ เดินผ่านลานซุ้มไม้เพื่อเดินไปยังข้างบ้านที่มีทางเดินไม่กว้างมากนัก เป็นแค่ช่องว่างระหว่างรั้วบ้านกับตัวบ้าน แต่มันสามารถทะลุผ่านไปยังประตูเล็กที่มีไว้ออกไปจ่ายตลาดหรือซื้อของได้ จิณณ์หยุดเงยหน้ามองหน้าต่างห้องของอิสระว่าจากห้องอิสระมาตรงจุดนี้ ต้องเดินไกลแค่ไหน



"สำรวจบ้านหรือครับ?"



      สะดุ้งเฮือกด้วยความตกใจ เพราะไม่คิดว่าจะมีคนตามรอยมา อย่างนี้ เขาก็สังเกตเห็นทุกการกระทำของจิณณ์หมดเลยสินะ



      หันมองชายร่างใหญ่ที่ยืนสูบบุหรี่ อัดเข้าเต็มปอดฟอดใหญ่ ก่อนจะดีดก้นบุหรี่ทิ้งไป

     

      ตอนจิณณ์กินข้าวในบ้าน ไม่เห็นลูกน้องของคุณอิทธิพลคนนี้



     ยืนเพ่งมองหน้าดีๆ ตอนเขาเดินใกล้เข้ามา ถึงรู้ว่ามีแต่รอยช้ำทั่วใบหน้า โอ้โห! ไปฟัดกับใครมาล่ะเนี่ย..



      ยอบรับว่ากลัวสายตาดุดันคู่นั้น แต่จิณณ์คิดว่า ถ้าพาอิสระหนี เขาควรทำตัวเป็นมิตรกับทุกคนในบ้าน ซึ่งรวมไปถึงลูกน้องคนสนิทคนนี้



"เอ่อใช่ครับ บ้านคุณอิทธิพลร่มรื่นดี ผมชอบ ผิดกับบ้านผมเลย ขอโทษนะครับ หน้าคุณทำไมมีแต่รอยช้ำ"




"ไม่ใช่เรื่องของคุณ!!"



     จิณณ์สะอึก เขาพยายามชวนคุยด้วยดีๆ พอโดนตอกหน้ากลับ จิณณ์ยอมรับว่าชักยากกว่าที่คิดไว้



     แต่ก็หน้าด้าน ดึงดัน จิณณ์ยกยิ้มเป็นมิตรกลบความกลัว และเดินไปเผชิญหน้าให้ใกล้ขึ้น



"ขอโทษที่ยุ่งเรื่องส่วนตัวของคุณ ผมก็แค่เป็นห่วง"



       จิณณ์แอบเห็นสายตาอ่อนไหวในวูบหนึ่ง



"ผมมั่นใจว่าผมแข็งแรงกว่าคุณ ไม่ต้องห่วง"



      แม้จะเป็นคำพูดไม่แยแส แต่น้ำเสียงดูอ่อนลง แถมพ่วงด้วยรอยยิ้มขบขันทำนองว่า มึงควรดูแลตัวเองก่อนที่จะห่วงคนอื่น



     จิณณ์มั่นใจในความรู้สึกจองเขาว่า คนนี้ คงมีจิตใจเมตตา อารี กว่าคุณอิทธิพลแน่ๆ



    ทันใดนั้น...



     หมับ!



"คุณชื่ออะไรครับ?" จิณณ์จับข้อแขนอีกฝ่าย แต่กรณ์รู้ว่าคนนี้มาดี จึงตั้งสติได้ทันก่อนสวนหมัด แต่กรณ์ไม่คิดว่าจะมีคนไวกว่า



ผัวะ!



"เฮ้ย!" กรณ์อุทานขึ้น เมื่อเห็นชายไม่รู้มาจากไหน พุ่งใส่ จนคนโดนต่อยเซถอยหลัง



"มึงเป็นเหี้ยอะไรวะ เขาเป็นแขกของนาย"
กรณ์ยืนบังจิณณ์ที่ยกมือกุมแก้มตัวเองอยู่



     จิณณ์ไม่ได้กลัวจนปอดแหก แต่ถ้าดูจากคู่กรณี ขืนสู้กลับ เขานั่นแหละได้ปอดแหกของแท้



      ชายเงียบไม่ตอบเพราะพยายามระงับความโกรธอยู่



"ยังไม่หายดี มึงออกมานอกห้องทำไม"



"แล้วไง มึงไม่ใช่เจ้าชีวิตกู อย่าเสือก!"



     กรณ์เสียงแข็งใส่ชาย ก่อนจะหันไปบอกจิณณ์



"ผมขอโทษแทนมันด้วยครับ ผมชื่อ กรณ์ เดี๋ยวผมพาคุณเข้าบ้านไปบอกนายก่อนว่าไอ้ชายมันทำร้ายคุณ"



"ไม่ต้องครับ คือ..ผมโอเค" ยืนมึนๆ ก่อนตอบ ยังดีที่จิณณ์มีสติ เหลือบเห็นว่ามีคนพุ่งเข้ามา จึงหลบทัน เลยโดนต่อยแบบไม่เต็มหมัดนัก


"กูพาไปเอง" ชายเอ่ย



"มึงมั่นใจว่าจะไม่ทำร้ายเขาอีก" กรณ์แย้ง



"มั่นใจ" ชายพยักหน้าเพราะเขาระงับอารมณ์โมโหลงได้แล้ว แต่กรณ์ยังไม่เชื่อใจจึงพาไปเอง จังหวะที่กรณ์เดินผ่าน ไม่วายแอบแขวะ



"ไม่พอใจใครก็อย่าพาลไปทั่ว เกิดเป็นคนทั้งที หัดใช้สติควบคุมอารมณ์บ้าง ถ้าทำไม่ได้คงไม่ต่างอะไรจากสัตว์"



     ไม่ทันไร ชายกระชากไหล่กรณ์แล้วเหวี่ยงหมัดทันที กรณ์รู้ดีว่าคนหมาบ้าอย่างชายต้องมาไม้นี้ เขาเอี้ยวตัวหลบได้ทัน และชกกลับ จนชายหน้าหัน



"หึๆ มึงนี่มัน" มองคนที่เพิ่งด่าไม่ทันไร ชายก็ยังคงระงับอารมณ์ไม่ได้



    ส่ายหน้ากับความหุนหันพลันแล่น กรณ์หมุนตัวพาแขกเจ้านายเข้าบ้าน เพื่อให้ป้าแก้วช่วยทำแผล



    เดินห่างคนอารมณ์ร้อนไม่กี่ก้าว กรณ์ชะงักเท้า ใจเต้นแรงกว่าเดิมเมื่อได้ยินเสียงของคนไม่พอใจ แฝงความตัดพ้อ



"ที่กูเป็นแบบนี้ก็เพราะมึงไง ไอ้เหี้ย..."



      กรณ์ยืนนิ่ง ก่อนจะก้าวเดินไปต่อ โดยไม่หันมามองคนที่ยืนเสียใจอยู่ข้างหลัง



      อารมณ์คุกร่นดั่งไฟในนรก แปรเปลี่ยนเป็นอารมณ์เหมือนคนที่โดนทิ้งขว้างกลางหุบเขา ภายในไม่กี่วินาที



      มองแผ่นหลังคนใจแข็ง ด้วยนัยน์ตาเศร้า ชายเปล่งเสียงออกมาอย่างขาดห้วง



"กูเข้าใจผิดไปเองสินะ มึงไม่เคยรักกูเลยใช่ไหมวะ? ไอ้กรณ์"





................


       ตอนนี้ อิทธิพลอยู่ที่บ้านคุณเจริญแล้ว ในตอนแรก ตั้งใจจะมาคุยเรื่องธุรกิจกันสักหน่อย แต่กลายเป็นว่าการมาครั้งนี้ ต้องมาขอโทษเป็นการส่วนตัวด้วยที่ลูกน้องของเขาดันทำร้ายร่างกายลูกชายของคุณเจริญจนหน้าเขียว



       อิทธิพลลำบากใจไม่น้อย เพราะชายดันเป็นคนที่อิทธิพลรักเหมือนญาติสนิท พอรู้ว่ามันทำร้ายร่างกาย บทลงโทษมีเพียงตบหน้ามันไปที และให้มันอยู่เฝ้าบ้าน โดยให้กรณ์มาแทนที่ในวันนี้



      เมื่ออิทธิพลขอโทษจบ จิณณ์แยกตัวออกมา เพราะผู้ใหญ่จะคุยธุระสำคัญกันต่อ



      จิณณ์ตั้งใจมาหาคนยืนตีหน้าเคร่งอยู่หน้าบ้าน เขาพยายามสังเกตว่าการจะทำหน้าที่นี่ต้องนิ่ง วางมาดขรึมตลอดเวลาเลยหรือ?



"คุณมายืนจ้องผมทำไม?"



"คุณจะไม่นั่งหน่อยหรือ?"



"ไม่เป็นไรครับ"



"ผมถามหน่อยสิ คุณทำงานแบบนี้ คุณมีแฟนไหม?"



    กรณ์หันไปจ้องตาวาว



"ถ้าคุณถามอีกคำถามเดียว คุณจะโดนต่อยเหมือนตอนเช้านะ"



     มองคนตาขวางใส่ ก็ยังใจกล้าส่งยิ้ม ไม่เกรงกลัว



     แม้ร่างกายภายนอก กรณ์จะดูน่ากลัว ตัวใหญ่ แต่ลึกๆแล้ว จิณณ์ว่าเขาก็ต้องมีความรู้สึกที่อ่อนไหวกันบ้างแหละ



"ผมเดาว่าคุณคงโสด ขนาดทำงานแบบผม ยังไม่มีแฟนเลย ถ้าทำงานอย่างคุณ..คง.."



"คุณต้องการอะไร พูดมาตรงๆเลยดีกว่า"
แทรกทันที


"ก็แค่อยากรู้จักตัวตนคุณให้มากขึ้น"



"ผมไม่ต้องการมีคนรู้จักหรือเพื่อนเพิ่ม ขอบคุณ ผมขอตัว..."



   อะไรไม่รู้ดลใจ ให้จิณณ์กล้าต่อ ปากต่อคำ



"ผมมั่นใจว่า ตอนนี้ คุณมีคนที่ชอบและใกล้ตัวคุณด้วยใช่ไหม?"



   กรณ์ชะงัก ก่อนจะหันไปประชิดตัวจิณณ์ ก้มลงกระซิบเสียงเข้ม



"คุณคงเคยได้ยินข่าวมาก็มากว่าส่วนใหญ่คนที่ชอบยุ่งเรื่องคนอื่น มักตายไม่ค่อยดีเท่าไหร่"



     กรณ์ว่าจบ เดินหนีไปรอคุณอิทธิพลที่อื่น ส่วนจิณณ์ถอยหายใจโล่งอกที่ไม่โดนชกอีกรอบ

    เขาคงหมดหนทางจริงๆที่จะสร้างสัมพันธ์กับคนกลุ่มนี้ คงมีป้าแก้วเท่านั้นที่จะช่วยจิณณ์พาอิสระออกมาได้



    เวลาผ่านไปชั่วโมงกว่าๆจนได้เวลาที่อิทธิพลเดินทางกลับ  เจริญและจิณณ์เดินมาส่งที่รถ ร่ำลาและยืนมองรถยุโรปสีดำแล่นฉิวออกไปจนสุดสายตา



    เจริญหันมาบอกลูกชาย



"อาทิตย์หน้า พ่อกับคุณอิทธิพลจะไปต่างประเทศ จิณณ์ไปด้วยนะ"



     ชะงักไปนิดแต่รีบตอบ



"พ่อไปเถอะครับ ผมไม่น่าสะดวกจำได้ว่า ต้องไปคุยงานกับไอ้ฮูมนิดหน่อยครับ"



    พ่อถอนหายใจยาว



"ตามใจ" พ่อส่ายหน้าระอาและเดินหายไป


      เหลือเพียงจิณณ์ที่ยังยืนยิ้มกว้าง และความคิดที่ติดอยู่ในหัว คือ โอกาสทองมาถึงแล้ว..


 
****1.1****


ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ sang som

  • เจ็บจิต!!
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1609
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +108/-6
โอกาส มาถึงแล้ว อย่าพลาดนะๆๆ

ออฟไลน์ rinyriny

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-1
 บทที่ 4 หนี(2)






       โอกาสทองได้มาถึง เมื่อช่วงนี้เป็นช่วงที่อิทธิพลเดินทางไปต่างประเทศ...



       คนที่ติดตามไปด้วยมีเพียงชาย ส่วนกรณ์อยู่เฝ้าบ้าน เพราะตั้งแต่วันที่เขาปกป้องอิสระคราวก่อน นอกจากจะโดนซ้อมเกือบตาย คุณอิทธิพลยังเมินเฉย เย็นชาใส่ตลอดเวลา แต่กรณ์ไม่สนใจ เพราะเริ่มจะหมดความอดทนในการทำงานร่วมกับคุณอิทธิพลเหมือนกัน ถ้าไม่ใช่เพราะคุณอิทธิพลเคยมีบุญคุณช่วยเหลือตอนโดนอริรุมกระทืบมาก่อน กรณ์คงไม่ฝืนทนมากว่าสิบปี



       เพราะยิ่งอยู่ เขารู้สึกว่าคุณอิทธิพลไม่ใช่คนดีเท่าไหร่ มิหนำซ้ำ ความเป็นคนของกรณ์เริ่มเหือดหายลงไปทุกวัน ทุกวัน เมื่อต้องคลุกคลีกับคนที่ไม่มีหัวใจเช่นนี้

   

     ผ่านไปสามวันแล้วที่คุณอิทธิพลเดินทางไปต่างประเทศ ตั้งแต่ที่กรณ์อยู่ตรวจตรา ก็ไม่พบสิ่งผิดปกติใดๆ จึงออกไปทำธุระข้างนอก



     ในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน จิณณ์รับสายจากป้าแก้วว่าทางสะดวก จิณณ์ที่นั่งรอในรถมาได้สองชั่วโมงกว่ารีบเปิดประตูลงจากรถ ดิ่งไปหาจุดนัดพบตรงประตูเล็ก



     แม้คุณอิทธิพลจะไม่อยู่บ้านก็จริง แต่การพาอิสระหนีไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะกรณ์เดินตรวจตราตลอดเวลา ส่วนแม่บ้านสาว อย่าง มณ และคนสวนอย่างลุงแช่มก็เดินขวักไขว่ในบ้านตลอด



     เพิ่งจะมีวันนี้ ที่โชคเป็นใจ มณและลุงแช่ม ขอป้าแก้วไปเที่ยวห้าง ส่วนกรณ์ก็ไม่อยู่ จิณณ์ที่คอยเทียวไป เทียวมา เฝ้าดูอยู่นอกบ้านสามวัน ก็ได้โอกาสเหมาะเจาะสักที

     

     ยืนเหลียวซ้าย แลขวา อยู่ตรงประตูเล็ก ไม่กี่นาทีต่อมา ป้าแก้วเปิดประตูให้จิณณ์เข้ามา เขาเหลือบเห็นเด็กหนุ่มยืนยิ้มอย่างมีความหวัง



"คุณจิณณ์รีบพาไปเถอะค่ะ"



     พยักหน้าและรับตัวอิสระพาลอดประตูเล็ก แต่วินาทีนั้น...



หมับ!



    ก่อนที่ขายาวจะก้าวข้ามประตูเล็ก จิณณ์โดนล็อกคอจากด้านหลัง ถูกกระชากร่างเขาเข้าหาลำตัวของคนกระทำ พร้อมกับปลายกระบอกปืน จ่อตรงขมับ



"มึงคิดจะทำอะไร?"



      กรณ์ลืมของ จึงขับรถกลับมา และนึกไม่ถึงว่าจะเห็นเหตุการณ์นี้ โดยมีป้าแก้ว ร่วมอยู่ด้วย



"พี่กรณ์ ผมกลับเข้าไปเหมือนเดิมก็ได้ครับ แต่ได้โปรดอย่าบอกคุณอิทธิพลนะครับ" อิสระทรุดตัวลงฮวบเอ่ยซ้ำๆ อิสระไม่อยากให้ใครมีปัญหาเพราะเขา ดังนั้น เขายินดีจะกลับเข้าคุกนั้นก็ได้





"กรณ์ ปล่อยให้อิสระได้ไปเถอะ ป้าขอ"



     กรณ์เบือนหน้าหนี เมื่อเห็นว่า ป้าแก้วก็ยกมือไหว้ท่วมหัวขอร้อง อ้อนวอนจนเขาละอายใจ



      กรณ์ผลักคนที่อยู่ในการจับกุมออก แต่ยังยกปืนขึ้นขู่



     เพียงเห็นหน้าตัวการ กรณ์ชะงักเมื่อคนที่พาอิสระหนีเป็นแขกคุณอิทธิพล


"คุณ..จิณณ์"
  กรณ์อึ้งไม่น้อย



"ผมจะพาอิสระไปจากที่นี่" ในเมื่อเห็นหน้ากันแล้ว จิณณ์ก็ไม่มีอะไรปิดบังและยอมรับอย่างไม่กลัว



     กรณ์ไม่สนคำตอบนั้น เขากลับย่อตัวลงเพื่อดึงคุณอิสระให้ลุกขึ้นยืน

   

"ลุกขึ้นเถอะครับ คุณอิส อย่าทำแบบนี้เลย"



      มาถึงขนาดนี้แล้ว จิณณ์ไม่มีวันจะให้อิสระกลับไปอยู่คุกแบบนั้นแน่ๆ



     จิณณ์ยืนมองอิสระที่โดนอีกฝ่ายประคองร่างอยู่ เขาตัดสินใจผลักและเหวี่ยงหมัดเข้าที่ซีกแก้มของกรณ์ ก่อนจะกระชากร่างอิสระดึงไปอยู่ด้านหลังของเขา



"ผมขอ"



    กรณ์จ้องจิณณ์ด้วยแววตาวาวโรจน์ที่โดนชก ก่อนจะพุ่งเข้าต่อยหน้าจิณณ์อีกหมัด


ผัวะ!



    ก่อนที่เรื่องจะบานปลายไปใหญ่ อิสระแทรก



"พี่กรณ์ฮือ อิสระขอเถอะครับ...ให้ผมทำอะไรก็ได้" อิสระเอ่ยด้วยความกลัวจนตัวสั่นและน้ำตาไหลอาบแก้ม



"ปล่อยอิสระให้มีอนาคตที่ดีกว่านี้เถอะ" จิณณ์เสริม  เขาพูดทั้งๆที่สัมผัสได้ถึงกลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งในปาก คนอะไรหมัดหนักชะมัด...



"แล้วผมบอกหรือยัง? ว่าจะไม่ปล่อย?"



"ก...กรณ์"
ป้าแก้วอุทานขึ้นมา เธอซาบซึ้งใจที่สุดท้าย กรณ์ยังมีมนุษยธรรมพอที่จะไม่ใจร้ายไส้ระกำไปมากกว่านี้


"คุณรีบหนีไปซะ"



   จิณณ์อึ้งไปนิดที่อยู่ดีๆกรณ์ก็เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ จิณณ์ขอบคุณและรีบพาอิสระหนีโดยมีป้าแก้วและกรณ์ยืนดูลาดเลาห่างๆ



"เรื่องนี้ ผมจัดการเอง ป้าแก้วอย่าหลุดพูดอะไรนะครับ"



"ขอบคุณมากนะ กรณ์"



      ป้าแก้วยกมือซับน้ำตา ถ้าไม่ได้กรณ์มาช่วยเสริมอีกแรง การพาอิสระออกไปอาจยุ่งยากกว่านี้



     ในขณะเดียวกัน แม้อิสระจะขึ้นรถได้แล้ว แต่เขายังดูลนลานผิดปกติ จิณณ์รีบสตาร์ทเครื่องยนต์ เมื่อรถพ้นรั้วบ้านได้ไกลแล้ว จิณณ์บอกด้วยเสียงนุ่มนวล


"อิสไม่ต้องกังวลนะครับ"


"ผมรอดแล้วใช่ไหมครับพี่จิณณ์?" ย้ำเสียงสั่น เพราะยังคิดว่าตัวเองฝัน



"ครับ"  ตอบสั้นๆ แต่วินาทีนั้น อิสระยกมือปิดหน้าปิดตาปล่อยโฮกว่าเดิม


"อิสเป็นอะไรครับ" จิณณ์ถาม



"ผะ...ผมไม่คิดว่า ผมจะออกมาได้จริงๆฮือๆ ผะ...ผมขอบคุณนะครับ พี่จิณณ์"  แววตาที่ฉายชัดถึงความสุขพร้อมคำขอบคุณจากก้นบึ้งของหัวใจ ทำให้จิณณ์เผลอยิ้มตาม



     เพิ่งเข้าใจว่าการได้ช่วยใครสักคนให้มีชีวิตก้าวต่อไป มันภูมิใจจริงๆ



     การทำเพื่อผู้อื่นบ้าง มันได้สร้างคุณค่าให้จิณณ์รู้สึกดีขึ้นได้ จนจิณณ์ลืมความกลัวก่อนหน้าเป็นปลิดทิ้ง



     เขาเหลือบมองรอยยิ้มดีใจจนออกนอกหน้าของอีกฝ่าย



"วันนี้พักกับพี่ก่อนนะ ว่าแต่..อิสระมีที่อยู่ของพ่อแม่หรือญาติๆคนอื่นๆอีกไหม?"
จิณณ์ถามซื่อๆด้วยความไม่รู้ แต่อิสระชะงัก



     เด็กหนุ่มเห็นความดีที่พี่จิณณ์ช่วยเหลือและคิดว่าคนนี้ไว้ใจได้ จึงยอมบอก



"แม่ผมตายแล้วครับ ส่วนญาติก็มีพี่สาวแม่คนเดียวครับ แต่ผมไม่รู้จะทำยังไงไม่มีเบอร์ติดต่อไว้ด้วย"



"แล้วพ่อล่ะ"


      เงียบอยู่นาน แต่สุดท้ายก็เผยความจริงออกมา
     

"คุณอิทธิพลนั่นแหละครับ พ่อผม"


"ห้ะ!" ดังลั่นรถจนต้องหันมาหาคนตอบคำนั้น


    เคยคิดว่า คุณอิทธิพลคงเป็นคนสนิทห่างๆ หรือไม่ก็เป็นญาติ แต่ไม่คิดว่า


"พ่อเลี้ยงหรือ?" ถามเพื่อความแน่ใจ


"พ่อแท้ๆครับ"


"หืม...พ่อ...ทำกับลูกแบบนี้?" น้ำเสียงสงสัยถูกเปล่งออกไปอย่างไม่เข้าใจ ใครจะเข้าใจและเชื่อได้ง่ายๆล่ะ ว่าพ่อแท้ๆจะทำกับลูกได้อย่างทารุณเช่นนี้


"ครับ"


"เอ่อ....แล้ว ทำไมเขาขังอิสระแบบนั้น"



      อิสระเงียบ จากนั้น น้ำตาก็พรั่งพรูออกมา จนจิณณ์หยุดซัก เมื่อเห็นอิสระร้องไห้อย่างเงียบๆแล้วเบนหน้าหนีไปทางหน้าต่าง เขาจึงปล่อยผ่าน และตั้งใจขับรถให้ถึงห้องเร็วๆ



     สำหรับเขาสิ่งที่ได้ยิน...ก็ช็อคพอแล้วสำหรับวันนี้...









"อิสใส่เสื้อผ้าพี่ก่อนนะ" บอกและยื่นชุดเสื้อผ้าให้เด็กหนุ่มไว้สวมใส่สำหรับคืนนี้



"ครับ"



    ตั้งแต่มาถึง อิสระมองรอบห้องเขาด้วยความตื่นตา ตื่นใจตลอด พอเข้ามายังห้องนอนที่มีทุกอย่างครบครัน อิสระยังดูสนใจอยู่ไม่น้อย



    จิณณ์แอมยิ้มกับความเก้ๆกังๆของเด็ก


"...อิส พรุ่งนี้ไปเดินซื้อของที่ห้างกัน"



"พี่จิณณ์ไปเถอะครับ" อิสระตอบทันที เนื่องจากเขาไม่ได้เดินห้างสรรพสินค้ามานานกว่าสี่ปีแล้ว


"เอาน่า ไปด้วยกัน"


    จิณณ์เห็นอิสระเงียบนานเกินไป เขาจึงเดินไปประชิดตัวเด็กหนุ่ม ขยี้ผมอย่างเอ็นดู


"ไปนะ"


"กะ...ก็ได้ครับ"


"โอเค พักก่อน พรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่"



"พี่จิณณ์จะไปไหนครับ?"


"เดี๋ยวพี่นอนโซฟาหน้าทีวีก็ได้"



"ผมเกรงใจครับ คือ เป็นผมเองก็ได้ที่นอนตรงนั้น"



"ไม่เป็นไร พี่โอเค พี่ไม่อยากให้อิสนอนลำบากน่ะ"



"พี่จิณณ์อย่าลืมสิครับว่า ลำบากกว่านี้ ผมก็เจอมาแล้ว"


"แน่ใจนะ"

"ครับ"



"ตามใจ"


"เอ่อ...พี่จิณณ์ครับ"



"ครับ?"


    ปลายนิ้วชี้เด็กหนุ่มแตะลงบนแผลมุมปากของจิณณ์



"ผมทำแผลให้ไหมครับ?"



    จิณณ์หัวเราะ ส่ายหน้าเล็กน้อย


"ไม่เป็นไร เรื่องจิ๊บจ๊อยแค่นี้พี่ทำเองได้ ขอบคุณนะครับ อิสน่ะไปพักเถอะ"



     อิสระพยักหน้าและเดินออกจากห้องนอนไปนั่งรอที่โซฟา เพื่อให้จิณณ์เตรียมขนผ้าห่มและหมอนนุ่มนิ่มมาให้อิสระได้พัก พร้อมสู้กับวันแรกของการใช้ชีวิตออกจากห้องขัง...อีกครั้ง....


.........................................

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-11-2017 10:53:35 โดย ommanymontra »

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2938
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
หนีออกมาได้แล้วน้องอิสจะหมดทุกข์อีกนานมะ ไอ้โรคจิตต้องตามมาทำร้ายอีกแน่ๆ แล้วกรณ์กับป้าแก้วจะโดนอะไรมั๊ยเนี้ย

ออฟไลน์ 0%

  • 0percent.
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 69
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ตอนอ่านเราลุ้นมากใจเต้นตุกๆเลย ออกมาได้เเล้วเเล้วจะโดนจับเข้าไปใหม่ไหมเนี่ย

ออฟไลน์ rinyriny

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-1

บทที่ 5 กลัว






   

"อิสอยู่กับพี่ไม่ต้องกลัวนะ"





       มองเด็กหนุ่มที่ดูกลัวและประหม่าพอสมควร เมื่อมีคนเดินสวนไปมา จิณณ์เหลือบมองเด็กหนุ่มออกอาการผวา จู่ๆอิสระดึงมือจิณณ์ไปจับไว้แน่น



      จิณณ์สงสารอิสระ เขาคงไม่คุ้นชินกับการที่ต้องมาเจอผู้คนอีกครั้งแน่ๆ ก็ดูทำหน้าเข้าสิ จะร้องไห้ตลอด...แล้วอย่างนี้จิณณ์จะปล่อยไปได้อย่างไร


      จิณณ์นึกภาพไม่ออกว่า ถ้าอิสระต้องออกมาแบบนี้คนเดียว อิสระจะทำได้ไหม?


"อิสไหวหรือเปล่า? จะกลับบ้านไหม?"


      อิสระมีสีหน้าไม่สู้ดีนัก แต่เพราะไม่อยากให้พี่จิณณ์คิดว่าเขาเป็นภาระ



"ไม่เป็นไรครับ ผมเดินต่อได้"



"แน่ใจนะ"


      อิสระพยักหน้ารับ



"เข้าร้านเสื้อผ้ากันดีกว่า" จิณณ์พาเด็กหนุ่มเดินไป


      ตลอดทางอิสระเกาะแขนจิณณ์แน่น ซึ่งจิณณ์เองก็ปล่อยไปอย่างนั้น เพราะเขาสัมผัสได้ว่าอิสระหวาดกลัวอยู่ไม่น้อย


        เดินเข้าโซนเสื้อผ้าผู้ชาย จิณณ์เป็นฝ่ายเลือกเสื้อยืด เสื้อเชิ้ตให้และคว้าสื้อผ้าที่หยิบมาทั้งหมดยื่นให้อิสระ



"ห้องลองอยู่ทางนั้น ไปลองสิ" ชี้นิ้วบอก แต่แล้วอิสระก็ยืนเก้ๆกังๆ



"พี่จิณณ์ ไปรอผมหน้าห้องลองได้ไหมครับ?"



       จิณณ์มองหน้าอิสระนิ่งๆ


"ก็ได้"



       อิสระเข้าไปยังห้องลอง เมื่อได้สวมใส่เสื้อผ้าแต่ละตัว เขาชอบทุกอย่างที่พี่จิณณ์เลือกให้ ราวกับรู้ใจ เพียงแต่เขาเองที่ตัวผอมแห้งเกินกว่าจะใส่ให้มันดูดีได้




"เป็นไงบ้างอิส พี่เข้าไปดูได้ไหม?" ยืนรออยู่นานจึงถาม



      อิสระแหวกม่าน เพื่อให้พี่จิณณ์เข้าไป



     คนอายุมากกว่าไล่ตามองตั้งแต่หัวจรดเท้า


"ก็ดูดีนะ แต่พี่ว่า..." ยืนลูบปลายคางอย่างครุ่นคิด ทันใดนั้น จิณณ์ก้าวไปข้างหน้า ใช้สองมือลูบข้างลำตัวเด็กหนุ่ม ก่อนจะวัดรอบเอวคล้ายโอบ ทำให้อิสระชะงักไปเล็กน้อย



"สงสัยพี่คงต้องขุนให้อ้วนกว่านี้แล้วล่ะ อิสผอมเกินไป"




     เหลือบมองใบหน้าที่มีสีแดงจัด ลามไปถึงหู  จิณณ์เลิกคิ้วมองอย่างสงสัยก่อนจะปล่อยมือออก



"โอเค ถ้าตัวไหนชอบก็บอกละกัน เดี๋ยวพี่รอข้างนอกนะครับ"



     อิสระพยักหน้า     

     สรุปแล้วอิสระตัดสินใจเอาเสื้อผ้าทั้งหมด แต่พอจ่ายเงิน อิสระตาโต หน้าซีดเผือก


    จิณณ์อาสาเป็นฝ่ายถือถุงให้อิสระ ขณะที่ทั้งสองออกจากร้านมาได้ไกล อิสระเริ่มรู้สึกผิด เพราะพี่จิณณ์ไม่ใช่ญาติหรือผู้มีเลือดเนื้อ เชื้อไขร่วมกัน เป็นแค่คนหวังดีคนหนึ่งที่พาหนี แต่ต้องมาลำบากลำบนช่วยทุกอย่างประหนึ่งเป็นลูกในไส้



"พี่จิณณ์ ผมขอโทษ ผมไม่คิดว่าชุดทั้งหมดนั้น มันจะเกือบหมื่น ผมเกรงใจ ถ้าผมเจอป้าเมื่อไหร่ ผมจะรีบนำเงินมาใช้นะครับ"




"ไปรบกวนเงินคนอื่นทำไม อิสก็ทำงานหาเงินแล้วมาคืนพี่สิ" จิณณ์บอกอย่างยิ้มๆ


"ได้ครับๆ ถ้างั้น ผมจะทำงานเพื่อหาเงินมาคืนพี่จิณณ์นะครับ"

"สิ้นเดือนนี้เลยนะ"


"แต่สิ้นเดือนที่พี่จิณณ์บอกมันก็แค่ไม่กี่วันแล้ว ผม..จะหาทันได้ไงครับ"


    จิณณ์กลั้นขำ ที่เห็นอิสระหน้าซึมลง


"พี่ล้อเล่น พวกนี้พี่ซื้อให้หมดเลย ไม่ต้องเอาเงินมาคืนหรอก"

"ผมคิดว่าผมรบกวนพี่จิณณ์มากไป"



"เอาความจริงก็รบกวนแหละ"


!!!



      ยืนอึ้งและน้ำตารื้นขึ้นมา จิณณ์รีบแทรกเพราะเป็นห่วงความรู้สึกอิสระ


"ฟังให้จบก่อน แต่พี่เต็มใจ เลิกคิดมากน่า"



"ขอบคุณนะครับพี่จิณณ์"
  จิณณ์ยิ้มก่อนจะพาไปที่อื่นต่อ



    อาจเป็นเพราะอยู่ในช่วงโปรโมชั่น ลด แลก แจกแถมของห้างสรรพสินค้า ผู้คนถึงเยอะเป็นพิเศษ อิสระเริ่มปวดหัว มองไปทางไหนก็ลายตา เหงื่อเริ่มผุดซึมบนใบหน้า เขาไม่กล้าสบตาใคร และอยากไปให้พ้นๆจากที่นี่



     อิสระเกร็งและกลัวตลอดการเดิน เมื่อผู้คนที่ผ่านไป ผ่านมาใช้สายตามองเขาเหมือนสัตว์ประหลาด พอจิณณ์พาเข้าร้านอาหารได้ อิสระถึงรู้สึกโล่ง แม้ว่าคนจะเยอะ แต่ก็ไม่มากกว่าด้านนอก




"อยากกินอะไรสั่งเลยนะ"



     จิณณ์บอกระหว่างอยู่ในร้านสุกี้



"ขอบคุณครับ"  อิสระยิ้มพยักหน้า แล้วดูเมนูที่ปรากฏบนจอแท็บเล็ตที่จิณณ์คอยเป็นฝ่ายเลื่อนสไลด์ให้ดูเมนูช้าๆ



     สั่งครบถ้วนตามใจต้องการ ก็นั่งรอเมนูอาหารมา เมื่อมาครบทั้งหมด จิณณ์ทยอยใส่ผัก เนื้อสัตว์ลงหม้อต้ม



     อาจเป็นเพราะหิว ตลอดมื้ออาหารจึงไม่มีใครพูดอะไร มีเพียงแค่จิณณ์คอยบริการคีบเนื้อสัตว์ ลูกชิ้น และเป็ดย่างให้อิสระได้กินตลอด



"พี่จิณณ์กินบ้างเถอะครับ คีบให้ผมจนล้นถ้วยแล้ว"



"ก็พี่อยากให้เราอ้วน"



"ถ้าผมอ้วนขึ้น ผมจะได้อะไรหรือครับ"



    จิณณ์หลุดขำ


"จะได้ดูดี มีน้ำมีนวลขึ้นไงครับ ถามแบบนี้ อิสอยากได้อะไรหรือครับ? บอกพี่ซิ"



    อิสระยิ้ม ถ้าบอกว่าเขาอยากได้อ้อมกอดอันอบอุ่นจากพี่จิณณ์ จะได้ไหม?



"เปล่าครับ ผมไม่อยากได้อะไรหรอกครับ"



    จิณณ์ยิ้มละมุน และเชื่อฟังอิสระโดยหันมากินเองบ้าง


     ชั่วโมงกว่าๆ ที่ทั้งสองจัดการอาหารเสร็จ จิณณ์พาอิสระออกมานอกร้าน แต่เป็นจังหวะที่มีสายโทรศัพท์เข้าพอดี จิณณ์จึงบอกให้อิสระรออยู่แถวหน้าห้องน้ำก่อน



    เขาเดินปลีกตัวไปคุยโทรศัพท์ที่เงียบเสียงและห่างไกลผู้คนสักหน่อย



     ราวสิบห้านาที ที่จิณณ์คุยโทรศัพท์เสร็จเรียบร้อย เขาเดินมุ่งไปยังลานจอดรถ โดยลืมไปว่าเขาไม่ได้มาคนเดียวเหมือนทุกที



      พอนึกได้ จิณณ์รีบเร่งกลับไปหาอิสระทันที เพราะลืมเสียสนิทว่าเด็กหนุ่มไม่มีเครื่องมือสื่อสารในการติดต่อ



        รีบเร่ง ก้าวยาวๆ จนเห็นเด็กหนุ่มที่ยังรออยู่ที่เดิม



ฟึ่บ!

     ทันใดนั้น อิสระจับมือจิณณ์และซบหน้าลงบนอก



"ผ...ผมนึกว่าพี่จิณณ์จะทิ้งผมแล้ว"



    ตอนที่ต้องยืนรอคนเดียว อิสระปั่นป่วนในช่องท้อง และยืนด้วยใจโหวง เหวง เมื่อไม่มีวี่แววพี่จิณณ์จะกลับมา ด้วยระยะเวลามันนานจน อิสระ กลัว ว่าพี่จิณณ์จะทิ้ง หนีหายไป



    อิสระไม่รู้จะเดินไปไหน จึงยืนรอพี่จิณณ์อยู่ที่เดิม พอเห็นว่าพี่จิณณ์กลับมา น้ำตาก็พาลเอ่อล้นดวงตา


     ฟากจิณณ์ชะงักด้วยความรู้สึกผิด เพราะอิสระร้องไห้และตัวสั่นอย่างเห็นได้ชัด


     ชินตา และเห็นเป็นปกติในการมาเดินห้างสรรพสินค้าแล้วผู้คนพลุกพล่าน แต่สำหรับอิสระมันไม่ใช่อย่างนั้น



"พี่ไม่ทิ้งอิสหรอก พี่แค่คุยโทรศัพท์เพลินไปหน่อย พี่ขอโทษ ปะ...กลับบ้านกัน"




    กดสายตาลงต่ำมองเด็กหนุ่มที่ตาแดง และมีเม็ดเหงื่อผุดซึมทั่วใบหน้า


    จิณณ์ยิ้มกว้างและเช็ดน้ำตาเด็กหนุ่มให้ ส่วนอิสระก็เริ่มอายเมื่อเห็นสายตาหลายคู่มองมา เขาปาดน้ำตาลวกๆ ก้มหน้างุด และเดินตามพี่จิณณ์ไปลานจอดรถเพื่อกลับบ้าน


     เข้ามายังห้องของชายหนุ่มได้ไม่กี่นาที จิณณ์วางข้าวของที่พื้นแล้วยกมือบิดขี้เกียจนิดหน่อย เพราะเมื่อยล้าพอสมควร



    ส่วนวันนี้ นอกจากอิสระจะได้เสื้อผ้าตัวใหม่ เขายังได้โทรศัพท์มือถืออีกหนึ่งเครื่องจากการเห็นใจ เผื่อไว้อิสระจะได้ติดต่อใครในภายหลัง 



    จิณณ์ปล่อยให้อิสระได้พัก แต่ก่อนจะแยกย้าย



"ผมขอบคุณพี่จิณณ์มากๆเลยครับ สำหรับวันนี้ ที่พาผมออกไปข้างนอก"


"ครับ"




     จิณณ์ยิ้มให้อิสระ ก่อนจะเดินเข้าห้องนอนไปด้วยความเหนื่อยล้า











...................... 





"ขอบใจมากนะไอ้ฮูม"



"เออ...ไม่เป็นไรน่า"



      หลังจากวันที่ทราบคำเตือนของกรณ์ที่ฝากฝังมาบอกป้าแก้วว่า จิณณ์และอิสระควรหาที่กบดานที่อื่น ซึ่งไม่ใช่ที่พักของตัวเองเพื่อความปลอดภัย ทำให้วันนี้จิณณ์ต้องมาขอความช่วยเหลือจากเพื่อนคนนี้ ที่ทำอาชีพเสริม นอกจากการดูแลร้านทองของครอบครัว ด้วยการซื้อคอนโดให้คนอื่นเช่า ซึ่งเป็นการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์อย่างหนึ่ง ที่ "ฮูม" เพื่อนของจิณณ์ชอบมาก


      ฮูมยอมลดราคาค่าเช่าลงครึ่งหนึ่งเพราะเห็นแก่ความเป็นเพื่อนกัน



      ห้องที่จิณณ์เช่า มีแปลนห้องคล้ายห้องพักของเจ้าตัวที่อาศัยอยู่ เพียงพื้นที่เล็กกว่า ทั้งส่วนนั่งเล่นและมุมทำอาหาร แต่การตกแต่งโดยรวมถือว่าเรียบ เท่ น่าอยู่ใช้ได้



      ในตอนแรก จิณณ์ตั้งใจให้อิสระอยู่คนเดียว แต่ดูจากรูปการณ์แล้ว คงไม่พ้นที่จิณณ์ก็ต้องมาอยู่ด้วย



      เมื่อเจรจากันลงตัว ฮูมไม่ได้ให้เพื่อนทำสัญญา เพราะเห็นว่าคนกันเอง ไม่นาน เพื่อนของจิณณ์ได้ขอตัวกลับก่อน


     เรื่องราวของอิสระ ฮูมไม่ได้รู้มากนัก รู้เพียงว่า จิณณ์ช่วยเหลือเด็กคนนี้ เพราะเป็นลูกของเพื่อนพ่อที่โดนทำร้ายร่างกายมาจากคนใกล้ชิด จึงช่วยหาที่อยู่อาศัยให้


     และตามประสาคนนอกที่ไม่รู้เรื่องเชิงลึก จึงเตือนเพื่อนด้วยความห่วงใย โดยเขาพูดทิ้งท้ายไว้ให้จิณณ์คิด


"จะช่วยใคร ควรช่วยเท่าที่ร่างกายไหว คิดให้ดี..ไอ้จิณณ์  กูว่าตอนนี้มึงไม่ได้แค่ช่วยว่ะ มึงกำลังแบกปัญหาเขาเลยแหละ"



    นั่งมองอยู่นาน เพราะตั้งแต่เพื่อนพี่จิณณ์กลับไป อิสระเห็นว่าพี่จิณณ์ดูหน้าเครียด จนไม่อยากคิดไปเองเลยว่า ที่พี่จิณณ์กำลังวิตกกังวลอยู่นั้น เรื่องเขาเองล้วนๆ 


    อิสระกลัวว่า เขากำลังสร้างภาระให้พี่จิณณ์เพิ่มอีกหรือเปล่า?

"พี่จิณณ์ คิดอะไรอยู่ครับ?"



****1.1****

ต่างคน ก็ต่างความคิด


#แสงสุดท้าย #อิสระ #จิณณ์
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-11-2017 18:39:02 โดย rinyriny »

ออฟไลน์ rinyriny

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-1




บทที่ 5 กลัว(2)




"เปล่าครับ หน้าพี่เหมือนคนกำลังคิดอยู่หรือ?"



"ใช่ครับ อ้อ...ว่าแต่พี่จิณณ์หิวหรือยังครับ?" อิสระไม่อยากให้บรรยากาศดูตึงเครียดกันไปใหญ่ จึงชวนพี่จิณณ์คุยเรื่องอื่น



"ก็นิดๆนะ"


"ตอนนี้ ผมทำอาหารได้แล้วนะ พี่จิณณ์จะลองชิมฝีมือผมไหม?"




      เป็นเวลาหลายวันที่จิณณ์ได้สอนอิสระให้เรียนรู้โลกโซเชียล จิณณ์ใช้เวลาสอนไม่นาน เพราะอิสระแค่เรียนรู้เพิ่มนิดหน่อยจากที่ห่างหายไปสี่ปี แต่พอได้กลับมายุ่งกับเทคโนโลยีและโลกออนไลน์ อิสระไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ เขาสัมผัสได้ถึงความวุ่นวาย ปวดตา และเป็นอะไรที่เขาไม่อยากเล่นมากๆ



      อิสระจึงมุ่งไปในเรื่องของการดูวีดิโอทำขนมและอาหารมากกว่า จะมีบ้างบางเวลาที่อิสระโทรหาป้าแก้ว หลังจากพี่จิณณ์ได้เคยให้เบอร์ไว้



"อะไรกัน พี่ออกไปดูงานแค่ไม่กี่วัน เราทำเป็นแล้ว?"



"ครับ"



"เก่งมาก เอาสิพี่อยากชิมเหมือนกัน"



"ขอบคุณครับ แต่ผมไม่มีวัตถุดิบ"



"เอาเงินพี่ไปซื้อสิ" จิณณ์ทำท่าจะควักเงิน แต่อิสระก็รีบขัดขึ้นเสียก่อน



"แต่ผมไม่กล้าลงไปคนเดียวครับ" จิณณ์ชะงักไปนิด ก่อนจะส่งยิ้มให้



"โอเคๆ พี่ว่าจะหาซื้ออะไรเข้าห้องเหมือนกันพอดี"



     สักพักใหญ่ๆ ที่ทั้งสองเดินเข้าห้องมาจากการช็อปวัตถุดิบอาหาร และข้าวของ เครื่องใช้เพิ่มเติม ยังดีหน่อยที่มาพักอาศัยห้องนี้ จิณณ์ไม่ต้องเตรียมอะไรมาก เขาแค่ขนเสื้อผ้ามาก็อยู่ได้แล้ว



     ฟากอิสระเข้าห้องครัวด้วยความตื่นเต้นที่จะได้ทำอาหารให้พี่จิณณ์เป็นครั้งแรก มือสั่นจนต้องสงบสติอารมณ์ชั่วขณะหนึ่ง ถึงจะลงมือทำได้



     ในขณะเดียวกัน จิณณ์เองรีบโทรบอกพ่อก่อน ว่าช่วงนี้อาจไม่กลับบ้านสักระยะ รวมถึงถามไถ่เรื่องที่พ่อไปต่างประเทศมาด้วย จากการคุยยังไม่เห็นความผิดปกติ จึงอุ่นใจขึ้นมาเล็กน้อย



     ใช้เวลาพอสมควร อิสระถือจานสปาเก็ตตี้ คาโบนาร่าเสิร์ฟให้พี่จิณณ์ถึงที่

   

     ยิ้มและทรุดกายลงนั่งข้างๆพี่จิณณ์
     

"พี่จิณณ์ครับ อร่อยไม่อร่อย บอกตามความจริงนะ"


"แล้วของอิสล่ะ"



"เดี๋ยวผมค่อยไปตักครับ ผมจะรอคำวิจารณ์จากพี่จิณณ์ก่อน"




     หัวเราะเบาๆ ก่อนจะรับจานมาถือ เขาใช้ส้อมม้วนเส้นสปาเก็ตตี้ สูดเข้าปาก พลันเหลือบมองเด็กหนุ่มที่มองมาด้วยสายตาเต็มไปด้วยความหวังล้วนๆ



     อิสระลุ้นอย่างใจจด ใจจ่อ เพื่อรอคำตอบแต่ก็หลุดขำที่เห็นครีมซอสเลอะขอบปากคนตัวโต เขาเอื้อมมือไปหยิบกระดาษทิชชูเพื่อเช็ดขอบปากพี่จิณณ์


"พี่จิณณ์กินเหมือนเด็กเลยครับ"



      จิณณ์แอบชะงัก เมื่อรับรู้ได้ว่าตัวเองทำไมใจเต้นแรงกว่าทุกที จิณณ์หันไปมองด้วยตาหวานเชื่อม จนอิสระหลบสายตา



"ผมขอโทษครับ แค่จะเช็ดให้"


     จิณณ์ยิ้มรับพยักหน้า



"อร่อยดีนะอิส"




"ขอบคุณนะครับ" อิสระตอบแต่หลบตา



"อิสจะโกรธพี่ไหม? ถ้าพี่จะถามเรื่องส่วนตัว"



"ได้ครับ"



"อิสชอบผู้ชายหรือ?" จิณณ์ถามเพราะสงสัยมาตลอด ว่าทุกครั้งที่ใกล้ชิดอิสระ เด็กหนุ่มมักจะหน้าแดง และออกอาการเหมือนคนเขินอาย


      อิสระทำหน้าตกใจ


"พี่จิณณ์รังเกียจหรอครับ?"



"เปล่า แต่ตั้งแต่อิสมาอยู่ด้วยกัน พี่รู้เรื่องของอิสน้อยมาก อิสเล่าให้พี่ฟังบ้างได้ไหม?"



    อิสระพยักหน้าก่อนเล่า


"ได้ครับ ผมชอบผู้ชายและผมเดาว่า นี่น่าจะเป็นสาเหตุที่คุณอิทธิพลขังผม เพราะตั้งแต่ที่คุณอิทธิพลรู้ว่าผมมีแฟนเป็นผู้ชาย และเคยเห็นเดินด้วยกัน จากนั้น เขาก็ทำร้ายร่างกาย ต่อยผม เตะผม ทำเหมือนผมเป็นกระสอบทราย ทั้งๆที่ผมคือลูกชายของเขา"



"ประหลาด?" จิณณ์อุทานขึ้นมา เพราะในหัวนึกถึงการกระทำของคุณอิทธิพล แต่อิสระที่ได้ยินกลับไม่คิดเช่นนั้น


"พี่จิณณ์รังเกียจผมหรอครับ?"



"ไม่ได้รังเกียจครับ เราถามพี่สองรอบแล้ว กังวลอะไรหรือเปล่า?"



"ก็นิดหนึ่งครับ เพราะโดยปกติ คนชอบเพศเดียวกันมักไม่เป็นที่ยอมรับเท่าไหร่"



     จิณณ์เงียบ เขาคงต้องพยายามทำความเข้าใจอิสระให้มากกว่านี้ เพราะดูเหมือนว่า อิสระเป็นคนคิดมากหรือไม่ก็อาจเป็นเพราะเคยถูกขังมานานจนกลายเป็นว่า จะทำอะไรก็กลัวคนจะไม่รัก หรือกลัวที่จะโดนทอดทิ้งอีก


"โอเคๆ พี่ขอโทษ พี่จะไม่ถามอีกแล้วกัน อิสไปตักของอิสเถอะ ส่วนของพี่คงน่าจะมีเบิ้ลนะ"
ไม่ได้พูดเอาใจ แต่จิณณ์ว่ามันก็อร่อยจริงๆ



      ได้ยินคำตอบพี่จิณณ์มันทำให้อิสระใจฟูฟ่อง คำชมธรรมดาแต่ออกจากปากคนที่เราชอบนี่มันเป็นพลังใจชั้นดีได้อย่างไม่น่าเชื่อ


      ก่อนที่อิสระจะลุกไปตักอาหารของตัวเอง


"พี่จิณณ์เป็นคนจิตใจดีจัง ผมมีความสุขนะครับเวลาได้อยู่กับพี่"




       จิณณ์ละสายตาจากจานสปาเก็ตตี้ เงยหน้ามองคนซื่อด้วยรอยยิ้มเขิน



"พี่ดีใจนะครับที่อิสรู้สึกอย่างนั้น อิสไม่ต้องกลัวนะ พี่ไม่ทิ้งอิสกลางทางหรอก ถ้าหาญาติไม่เจอก็อยู่กับพี่นี่แหละ"


"ขอบคุณครับพี่จิณณ์"



     อิสระดีใจที่อย่างน้อยการออกมาเผชิญโลกกว้างครั้งนี้ เขายังมีคนที่ไว้ใจได้อย่างพี่จิณณ์อยู่ข้างๆ...



.................



     สองวันถัดมา...ทั้งๆที่บอกไว้แล้วว่าจะขอหายหน้าไปสักระยะ แต่พ่อของเขาก็ยังโทรเรียกตัวให้กลับมากินข้าวด้วยกันเพียงบอกว่ามีเรื่องด่วน



     เวลายามเย็น จิณณ์หย่อนกายลงนั่งฝั่งตรงข้ามบิดาที่ตรงหน้ามีอาหารมากมายที่รองรับจิณณ์อย่างเพียบพร้อม



    มองหน้าพ่อตัวเองอยู่นานก็เริ่มสัมผัสถึงเค้าลางไม่ดี เพราะคุณเจริญยังคงหน้านิ่ว คิ้วขมวดไม่หาย



     จากที่นั่งนิ่งเฉยมาได้หลายนาที จิณณ์ทนไม่ไหวที่เห็นพ่อเงียบ จึงเป็นฝ่ายถามก่อน



"พ่อมีเรื่องอะไรครับ ถึงกับต้องตามตัวผมมา"



"จะมาคุยเรื่องคุณอิทธิพล"


"ว่าไงครับพ่อ" เขาถามตามปกติ แต่ลึกๆเริ่มใจไม่ดีเท่าไหร่



"ช่วงนี้ อยู่ให้ห่างๆคุณอิทธิพลหน่อยแล้วกัน เห็นว่าแต่ก่อนชอบไปบ้านเค้าคนเดียว"

"ทำไมล่ะครับ?"


"พ่อก็ไม่รู้เรื่องราวมันเป็นมายังไง แต่มีคนวงในบอกพ่อว่า คุณอิทธิพลน่ะขังเด็กไว้ และบังเอิญว่าไอ้เจ้าเด็กคนนั้นมันหนีไปได้ ลูกน้องคุณอิทธิพลที่อยู่ในเหตุการณ์วันนั้น ก็เลยรับกรรมไป"


"รับกรรม ยังไงครับ?"


"ได้ยินมาว่า...โดนยิงตาย..."



"ห๊ะ!...อะไรนะครับพ่อ!"


     กรณ์ตายแล้วอย่างนั้นหรือ?...ไม่จริงใช่ไหม?


"ทำไมตกใจขนาดนั้น"


"อ่อ...ไม่มีอะไร ขอโทษครับ"



     ดูเหมือนว่าอาหารหลากหลายเมนูที่วางอยู่จะกลายเป็นของประกอบฉากไปเสียแล้ว เมื่อทั้งสองกลับไม่มีใครคิดแตะต้อง ตั้งแต่เรื่องราวเข้มข้นนี้ผุดขึ้นมาท่ามกลางมื้ออาหาร


"ว่ากันว่าลูกน้องคนนี้ ทำงานให้คุณอิทธิพลนานมากนะ การตายของเขาสร้างความประหลาดใจให้คนที่รู้ข่าวมามากพอสมควร"



    จิณณ์ใจเต้นตึกตักราวกับรัวกลองยาว เขาเริ่มใจสั่น วิตกหวาดหวั่น กลัวว่า เรื่องราวจะถูกสาวมาถึงตัวเขา



"แล้วธุรกิจที่พ่อคิดจะทำร่วมกับคุณอิทธิพลล่ะครับ"
ไม่รู้ว่าสีหน้าจิณณ์มีพิรุธออกไปหรือเปล่า แต่น้ำเสียงของจิณณ์ยังคงราบเรียบทำทีว่าเขาไม่ได้สนใจมันเท่าไหร่



"ก็คงทำอยู่"


"อ่อ...พ่อครับ ถ้างั้นไม่มีอะไรแล้ว คืนนี้ ผมขอไปบ้านฮูมมันหน่อยแล้วกัน" ตอบโกหกไป



"อืม...ช่วงนี้ ถ้ามีอะไรที่ต้องเกี่ยวกับคุณอิทธิพลบอกนะ พ่อเป็นห่วง"


"ได้ครับพ่อ"



    นั่งรับประทานอาหารกับพ่อไปอย่างไม่รู้รส และใช้เวลาไม่นาน จิณณ์ก็ออกจากบ้าน ตลอดทางขับรถกลับห้อง จิณณ์ติดต่อป้าแก้วไม่ได้เลย เขาเริ่มเป็นห่วงว่าป้าแก้วจะเป็นอะไรไปด้วยไหม?



     ว้าวุ่นใจไม่หยุด จนถึงห้อง พอเปิดประตู พลันเหลือบเห็นอิสระออกอาการดีใจเป็นพิเศษเมื่อเห็นเขา เพราะเมื่อวานจิณณ์ไปนอนค้างบ้านฮูม เสร็จแล้วก็ไปหาพ่อ ก่อนจะกลับมาที่นี่...อิสระถึงต้องอยู่คนเดียว



"พี่จิณณ์เป็นไงบ้างครับ พอพี่โทรมาบอกว่าจะกลับผมเลยทำอาหารรอไว้"



"น่ารักจัง"
จิณณ์ฝืนชมทั้งๆที่ในใจนี่ตรงกันข้าม


    เครียดจนสมองจะระเบิด


    แต่ถึงอย่างไร จิณณ์ยังไม่อยากให้อิสระรู้เรื่องนี้ เขาต้องได้รับการยืนยันจากคนในบ้านนั้นก่อนว่าเป็นเรื่องจริงแค่ไหน หรือว่าแค่ข่าวลือก็ไม่อาจทราบได้


    แม้ลึกๆจิณณ์ก็รู้แหละ ว่ามันเป็นเรื่องจริง แต่เขาอยากติดต่อป้าแก้วให้ได้ก่อน


"พี่จิณณ์มากินก่อนนะครับ"




      จิณณ์กลับมาเหนื่อยๆ พอเห็นแบบนี้ก็รู้สึกดีขึ้นมาบ้าง



      เขานั่งลงตรงโต๊ะอาหารที่มีข้าวไข่เจียว ต้มจืดวุ้นเส้น หมูสับ



      ตัก ซดน้ำแกงร้อนๆ จนคล่องคอ จิณณ์ก็พูดขึ้น



"อิสอยู่คนเดียวก่อนได้ไหม?"



"พี่จิณณ์จะไปไหนหรอครับ"


"คืนนี้ พี่จะออกไปดื่มกับเพื่อนสักหน่อย"



"ครับ" อิสระซึมลง เขานึกว่าจะได้อยู่กับพี่จิณณ์ตลอดเวลา เพราะแค่เมื่อวานที่ไม่ได้อยู่ด้วยกัน อิสระก็หงอยลงอย่างเห็นได้ชัด


     การได้มีใครสักคนเข้ามาในชีวิต พอรู้ว่าเขาเหินห่าง มันก็ไม่ดีต่อใจสักเท่าไหร่

     หากอิสระต้องอยู่คนเดียวอีก ก็ไม่ต่างอะไรจากการย้ายที่คุมขังอยู่ดี มีแค่ที่ที่อำนวยความสะดวกมากขึ้น แต่คนที่อิสระชอบกลับไกลห่าง

    หรือเป็นเพราะอิสระมีใจให้พี่จิณณ์ เขาถึงคาดหวังว่าอีกฝ่ายต้องเป็นไปดั่งที่ใจอิสระต้องการ




      เมื่อจิณณ์กินเสร็จ ร่ำลาอิสระก็ออกไปหาเพื่อน เพื่อปรับทุกข์


"มึงเงียบมาจะชั่วโมงแล้วนะ แดกคนเดียวเลยไหม?"


"ขอโทษที กูแค่คิดอะไรนิดหน่อย"




"ไม่หน่อยแล้วมั้ง ถ้าจะนานขนาดนี้" ฮูมบอก พร้อมกระดกเบียร์นำเข้าแก้วใหญ่เป็นแก้วที่สาม



     ตอนเพื่อนโทรด้วยน้ำเสียงติดกังวล ฮูมก็รีบแล่นมาหา แต่กลายเป็นว่าตั้งแต่นั่งมา เพื่อนเอาแต่นั่งเงียบเป็นเป่าสาก



"กูแค่คิดว่า ที่กูทำมันถูกใช่ไหม?"


"เรื่องอะไรล่ะ"


"เรื่องที่กูช่วยน้องเขา"



"ก็ถูกแหละ แต่มึงใจดีเกินไป มึงควรปล่อยให้น้องได้ลองใช้ชีวิตเองบ้าง มึงไม่ใช่มูลนิธิหรือสถานสังคมสงเคราะห์นะเว้ย...ไอ้จิณณ์" จิณณ์สบตาเพื่อนและครุ่นคิดไปด้วย


     มันก็จริงอย่างที่เพื่อนว่า นั่นสิ...เขาช่วยแค่นี้ก็พอ แค่นี้ก็เกินกำลังคนธรรมดาอย่างเขาแล้ว เขาไม่ควรเอาตัวเองไปเสี่ยงเกินไป ในเมื่อจิณณ์เองก็ยังมีพ่อที่คอยห่วงใยเขาอยู่เหมือนกัน

       
"ขอบใจมึง กูควรต้องคิดให้มากขึ้นแล้วล่ะ"



     จากนั้น จิณณ์กลับเลือกทางออกของปัญหาเรื่องนี้ ด้วยการดื่มหนักกว่าเดิม จนเมื่อจิณณ์ถึงห้องในเวลาตีสาม เขาเดินโซซัด โซเซ มองอะไรก็เบลอไปหมด เขาคลำ ควานหาสวิตช์ไฟตรงผนัง


     จนกระทั่งเจอ เขาเปิดไฟก็เห็นร่างใครไม่รู้นอนที่โซฟาโผล่หัวขึ้นมามองเขาเช่นเดียวกัน


"พี่จิณณ์เมาหรอครับ" เสียงแหบแห้งเอ่ยถามขึ้นด้วยอาการงัวเงีย

      จิณณ์ไม่ตอบแต่กลับเดินไปตามต้นเสียงและทิ้งร่างทับอิสระ ทำเหมือนกับว่ามันเป็นโซฟาว่างเปล่า ไร้ร่างคนนอนอยู่...


................................


ก็เข้าใจเนอะว่านิยายนี้อาจไม่เป็นที่ต้องการของตลาดเท่าไหร่  แต่ก็จะเขียนให้จบ เพราะอยากเขียนแนวนี้   

.

ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ


#แสงสุดท้าย #อิสระ #จิณณ์

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0
 o13 งานดีน่าอ่านมากครับ...สู้ๆ...


 :L2: :pig4: :L2:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-11-2017 20:44:48 โดย ommanymontra »

ออฟไลน์ 0%

  • 0percent.
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 69
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
จิณณ์จะทำอะไรน้องไหมนั่น สู้ๆจ้าตามอ่านอยู่  :mew1:

ออฟไลน์ rinyriny

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-1
บทที่ 6 เรื่องของกรณ์





"พี่จิณณ์ครับ ผมหนัก"


    อิสระพยายามดันอกพี่จิณณ์ให้ลุกขึ้น ดูเหมือนว่าวันนี้พี่จิณณ์เมามากกว่าทุกครั้งที่อิสระเคยเห็น


   จิณณ์ส่งเสียงครางในลำคอ เขาไม่ยอมลุกแต่สิ่งไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อจิณณ์เริ่มซุกซนด้วยการใช้ปากพรมจูบทั่วใบหน้า


   เด็กหนุ่มใจเต้นแรงและวาบหวาม เพราะไม่คิดว่าพี่จิณณ์จะทำแบบนี้ อิสระรู้สึกร้อนวูบวาบจนต้องเรียกสติตัวเองให้กลับมาเพื่อยับยั้งอีกฝ่ายให้หยุดกระทำ



"อ้ะ...พี่จิณณ์ครับ...หยุด..."



    ไม่สนว่าอีกฝ่ายจะพูดอะไร ทันใดนั้น มือหนาจับล็อคปลายคางอิสระราวกับเป็นคำสั่งว่าหยุดพูดและควรเปิดปาก อิสระเงอะๆงะๆ ไม่กล้า แต่ต้องทำตามเมื่อแรงบีบที่ปลายคางมันมากขึ้นเรื่อยๆ และแล้วปลายลิ้นขมปร่าจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก็ส่งเข้ามาทักทายเรียวลิ้นอุ่นอีกฝ่ายได้สำเร็จ...



    เร่าร้อนและดุดันเกินบรรยาย จากตอนแรก อิสระต่อต้าน แต่ไม่นานกลับโอนอ่อน เพราะรสของความตื่นเต้นเร้าใจที่มาจากพี่จิณณ์ ตอบโต้จนมิอาจห้ามความรู้สึกตัวเองได้



    ใจง่ายไปไหมเรา?...



    อิสระสติกระเจิด กระเจิง เผลอใจไหลตามอารมณ์ ยกสองมือโอบรอบคอพี่จิณณ์แน่น


    จูบดูดดื่มครั้งนี้ จิณณ์เป็นฝ่ายไล่รุก เชี่ยวชาญจนเด็กหนุ่มหลงจูบนี้เสียแล้ว ร่างอิสระตอนนี้เหมือนไร้กระดูก เขาอ่อนยวบลงทันตา และยอมตามเกมส์พี่จิณณ์อย่างไม่ถอยหนี


   เสียงจูบจาบจ้วงดังขึ้นเป็นระยะๆ ยิ่งให้อารมณ์แห่งกามารมณ์พุ่งพล่าน จิณณ์ผละออก เพื่อเคลื่อนริมฝีปากมากดจูบใต้ใบหู จากนั้นก็ลากไล้ไล่ลงมายังซอกคออิสระ จนเด็กหนุ่มเผลอหลุดครางเสียงหลง


   อิสระไม่ได้รู้สึกซาบซ่านแบบนี้มาสี่ปีแล้ว



   ความรู้สึกที่เขาได้จากคนรัก...


    อิสระใจเต้นแรงขึ้น แรงขึ้น ทันทีที่พี่จิณณ์ใช้มือเลิกเสื้อขึ้น จิณณ์โน้มใบหน้าลงต่ำ ปลายลิ้นพร้อมโลมเลียผิวกาย แต่อิสระอายและยังไม่พร้อม เขาดันอกแกร่งออกห่าง


"พะ...พอก่อนครับพี่จิณณ์"



     ใบหน้าหล่อแดงจัดและเหงื่อเม็ดใหญ่ผุดพราว หรี่ตามอง จากนั้น จิณณ์ยังไม่วายส่งยิ้มละมุนพร้อมแววตาหวานฉ่ำ เลื่อนริมฝีปากไปขบเม้มใบหู ก่อนจะกลับมาเล่นริมฝีปากเด็กหนุ่มใช้ฟันคมขบกัดปากอย่างหยอกเย้า ปิดท้ายด้วยการจุมพิตบนริมฝีปากเบาๆ


จุ๊บ!..



"พี่ไม่อยากฝืนครับ ฝันดีนะ เด็กน้อย"



    จิณณ์ลูบปอยผมที่ชื้นเหงื่อของเด็กหนุ่มพลันลุกขึ้นยืนทันที แต่เพราะเมา ร่างสูงยืนโอนเอนและหงายล้มลงนั่งบนโซฟาเหมือนเดิม จนอิสระต้องเป็นฝ่ายประคองร่างคนตัวใหญ่ไปส่งที่ห้อง และเดินกลับออกมา ยอมรับว่ายังไม่กล้าพอจะอาบน้ำให้ และเชื่อว่าพี่จิณณ์คงพอมีแรงไหวล่ะมั้ง...











................


     ยามสายของวันถัดมา อิสระตื่นมาทำอาหารให้พี่จิณณ์ได้กิน หวังใจว่า ถ้าพี่จิณณ์ได้กินอาหารร้อนๆอาจจะช่วยให้คล่องคอและสมองปลอดโปร่งได้


    ขณะที่ ด้านนอกมีคนขะมักเขม้นทำอาหารอย่างตั้งใจ ภายในห้องนอนมีคนปรือตามามองเพดานด้วยอาการหนักหัว สองมือกุมขมับ จากนั้นก็ใช้นิ้วโป้งนวดวนเบาๆ ก่อนจะหยัดกายลุกขึ้นนั่งเรียกสติสักพัก ถึงเดินออกมาจากห้องนอน เพื่อจะไปห้องน้ำ แต่ขณะนั้น กลิ่นหอมฉุยของอาหารเตะจมูกจนต้องเปลี่ยนเส้นทางเดินตามกลิ่นนั้น


"พี่จิณณ์ตื่นแล้วหรือครับ?"
อิสระถามทันทีที่เห็นพี่จิณณ์เดินมายืนข้างๆ



"พี่มาที่นี่ได้ไง?"



    เป็นคำถามที่ทำให้อิสระชะงัก ก่อนจะหยุดทำไข่น้ำสักพักหนึ่งและหันไปถามเพื่อความแน่ใจ...



"พี่จิณณ์จำไม่ได้จริงๆหรือครับ?"


    จิณณ์ส่ายหน้า และบอกเพิ่มเติม


"พี่ขอโทษนะ ถ้าเกิดว่าเมื่อคืน ทำให้อิสระต้องลำบาก แต่พี่จำไม่ได้จริงๆ"



      ยืนเม้มปากเงียบ เหมือนน้อยใจ พี่จิณณ์จำอะไรไม่ได้ แม้กระทั่งเรื่องที่เราจูบกันจริงหรือ?



     พยายามปลอบใจตัวเองว่าไม่เป็นไรหรอกนะ ถ้าพี่จิณณ์จำไม่ได้จริงๆ อิสระขอเก็บไว้ในใจก็พอ



     อย่างน้อย เรื่องราวเมื่อคืน ทำให้อิสระรู้สึกกลับไปเป็นเด็กวัยสิบสี่สิบห้าอีกครั้ง


     เด็กหนุ่มยิ้มฝืนๆ...


"ผมไม่ได้ลำบากเลยครับ"



"ชัวร์นะ?"


"ครับ อย่าสนใจเรื่องเมื่อคืนเลย ตอนนี้ ผมทำกับข้าวให้พี่จิณณ์อยู่ ไปอาบน้ำ จะได้มากินนะครับ เผื่อจะสดชื่น"



"หืม...ขอบคุณนะ พี่รู้สึกปวดๆหัวอยู่เหมือนกัน ถ้ากินคงดีขึ้น"



      อิสระส่งยิ้มให้ พอพี่จิณณ์ผลุบหายเข้าห้องน้ำไป เรื่องนั้นยังอยู่ในหัว ด้วยความรู้สึกเสียใจ ถ้าพี่จิณณ์จำได้สักหน่อย อิสระก็อยากบอกไปนะว่าเจ้าตัวรู้สึกอย่างไร...



     ผ่านไปสักพักใหญ่ๆที่จิณณ์อาบน้ำแต่งตัวเสร็จ เดินออกมาก็เห็นว่ากับข้าว กับปลาถูกวางตรงโต๊ะเรียบร้อย



     จิณณ์หย่อนก้นนั่งบนเก้าอี้เหลือบมองอิสระ



"อิสกินรึยัง?"


"ยังครับ รอกินพร้อมพี่จิณณ์"


"นึกว่ากินแล้ว"




"ทำไมครับ?"


"จะให้ป้อนน่ะสิ"




"พี่ไม่มีมือหรอครับ?" อิสระถามซื่อๆ แต่จิณณ์กลับสะอึก


"ปวดหัวเลยไม่มีแรง"


     อิสระหลุดขำกับคำตอบ


"ผมป้อนก็ได้ครับ..เพราะผมไม่ค่อยหิวเท่าไหร่ กินทีหลังก็ได้"


"พี่ล้อเล่น อิสกินเถอะ แต่เปลี่ยนมานั่งกินข้างๆพี่ได้ไหม?"


     อิสระเอียงคอมองคนอายุมากกว่า ทำไมวันนี้ พี่จิณณ์ดูพูดจาแปลกๆ แต่อิสระก็ยอมตามใจเดินไปนั่งข้างกายพี่จิณณ์ และกินข้าวไปพร้อมๆกัน


     กินไปไม่กี่คำ อิสระสังหรณ์ใจเหมือนพี่จิณณ์อยากพูดอะไร เพราะในระหว่างที่พี่จิณณ์กินไป ก็พลางเหลือบมองอิสระไปแทบจะตลอด


     อิสระเองเริ่มอึดอัดจนต้องเป็นฝ่ายถามขึ้นมา


"พี่จิณณ์มีอะไรอยากบอกผมหรือเปล่าครับ?"


"อิสครับ กรณ์ตายแล้วนะ"
จิณณ์ไม่อยากปล่อยให้เวลาเนิ่นนานไปกว่านี้ เขาตัดสินใจบอกไปให้อิสระรู้เลยดีกว่า


"อะ...อะไรนะครับ"



     อิสระอึ้งและช็อก...จนมือไม้อ่อน ช้อนที่ถืออยู่เกือบหล่นลงชาม...


"กรณ์ตายแล้วจริงๆครับ"



     ส่วนจิณณ์ที่กล้ายืนยันออกไป เพราะได้รับคำตอบแน่ชัดจากป้าแก้วตอนเธอโทรกลับมาด้วยเบอร์โทรศัพท์ที่เปลี่ยนใหม่ว่ากรณ์ตายแล้วจริงๆ...เพียงแต่จิณณ์ไม่ยอมเปิดเผยความจริงว่ากรณ์ตายด้วยสาเหตุใด เพราะเขากลัวว่าอิสระจะพร่ำโทษว่าตัวเองเป็นต้นเหตุ ถ้าอิสระหายเครียดแล้วมีเวลาอันสมควรกว่านี้ จิณณ์จะบอกความจริงในภายหลัง


"บ่ายนี้ เราไปทำบุญให้กรณ์กันนะ"


"ได้ครับพี่จิณณ์" เสียงสั่นเครือเปล่งออกไป ทั้งๆที่รู้สึกใจหาย อิสระกินไปอีกไม่กี่คำก็บอกว่าอิ่ม อันที่จริง มันอิ่มเพราะได้ยินเรื่องนี้...


     รับประทานอาหารกันเสร็จ ทั้งสองก็เดินทางมาถึงวัด ทำบุญสังฆทาน ปล่อยนก ปล่อยปลารวมถึงทำบุญโลงศพ เพื่อแผ่เมตตาและอุทิศส่วนกุศลไปยังผู้ล่วงลับ


     จิณณ์ยืนมองเด็กหนุ่มที่ซึมลงกว่าเดิม เรื่องน่าเศร้าแบบนี้ ไม่มีใครอยากได้ยินมัน


     จนถึงนาทีนี้ ทั้งสองยังไม่อยากเชื่อว่ากรณ์ตายแล้วจริงๆ แม้ว่าจิณณ์และอิสระไม่ได้สนิทสนมเป็นการส่วนตัว แต่เพราะกรณ์มีบุญคุณช่วยให้อิสระได้หนีออกมา ทั้งสองจึงเสียใจและมันจะเป็นสิ่งที่ทั้งคู่ไม่มีวันลืมการช่วยเหลือของกรณ์ครั้งนี้


    ยืนสงบสติอารมณ์ รวมถึงจัดการตามสิ่งที่ต้องการเสร็จเรียบร้อย จิณณ์และอิสระไม่ได้ไปไหนต่อ เขามุ่งหน้ากลับห้อง เนื่องจากจิณณ์ยังรู้สึกเพลียๆอยู่



     เมื่อถึงห้องแล้ว อิสระมองใบหน้าพี่จิณณ์ที่ดูซีดเซียวกว่าตอนอยู่บนรถ เขายกมือแตะหน้าผากและลำคออีกฝ่าย



"พี่จิณณ์ไม่สบายรึเปล่าครับ"


"บอกไม่ถูกเหมือนกัน มันเหมือนจะร้อนๆหนาวๆน่ะ"



"ไปหาหมอไหมครับ"

"ขอพี่หลับสักงีบก่อนแล้วกัน ถ้าไม่ไหวพี่จะไปหาหมอนะ"

"ครับ"




   ส่งพี่จิณณ์ถึงเตียง อิสระก็เดินออกมาจากห้องนอน จนเวลาผ่านไปหลายชั่วโมง อิสระทำนู้น นี่ นั่นจนเบื่อ จึงลองเดินไปดูอาการพี่จิณณ์อีกรอบ ก็พบว่าพี่จิณณ์ตัวร้อนกว่าตอนแรก


    เดินค้นทั่วห้องเพื่อหากล่องยา ปรากฎว่าไม่มียาลดไข้เลยสักแผง  เขาตัดสินใจปลุกพี่จิณณ์เพื่อไปหาหมอ

 

"พี่จิณณ์ครับ ตื่นไปหาหมอนะครับ"


    เรียกอยู่นานกว่าพี่จิณณ์จะตอบ

"อิส ขอพี่นอนก่อนนะ"


"พี่จิณณ์ไม่สบายนะครับ" อิสระเขย่าแขนพี่จิณณ์ให้ตื่น แต่อีกฝ่ายดื้อดึงจะนอน จิณณ์ดึงผ้าห่มมาคลุมถึงศรีษะ เหมือนเลี่ยง


"พี่จิณณ์ ลุกก่อน ไปหาหมอเถอะ...เดี๋ยวป่วยหนักกว่าเดิมนะครับ" อิสระกระชากผ้าห่มออกแต่คนตัวโตกลับจับมือที่เขาดึงผ้าห่มแน่น และกระตุกจนอิสระเซลงนั่ง



"ขออีกสิบนาทีนะครับ อิสมานอนข้างพี่เลยก็ได้ ถ้าเกินเวลา อิสจะได้ปลุก" คนตัวสั่นเทาเอ่ยเสียงแหบแห้ง


    ฟากอิสระลอบถอนหายใจ ทำไมพอพี่จิณณ์ป่วยแล้วดื้อจัง


    เด็กหนุ่มส่ายหน้าน้อยๆ ก่อนจะล้มตัวลงนอนตะแคง วินาทีนั้น จู่ๆจิณณ์รั้งร่างอิสระเข้าหาตัว กอดกระชับแน่นจนแผ่นหลังอิสระแนบไปกับแผงอกแกร่งของอีกฝ่าย



     พี่จิณณ์กอดอิสระทั้งๆที่ไม่พูดอะไร อิสระใจเต้นแรงเกินจนกลัวพี่จิณณ์จับได้ เขาควรร้องห้ามหรือปล่อยไปอย่างนี้ดี



     ไม่นานนัก อิสระก็เลือกได้แล้วว่า  เขาจะปล่อยให้พี่จิณณ์กอด เวลานี้ ทั้งสองนอนกอดกันภายใต้ผ้าห่มผืนเดียว



     อิสระยินยอมให้ไอร้อนของอีกฝ่ายไหลผ่านจากกายหนึ่งไปสู่อีกกายหนึ่ง



     ไม่เป็นไรหรอก ถ้านอนกอดกันแบบนี้ จะติดไข้ อิสระก็ยอม



    ส่วนสิบนาทีที่พี่จิณณ์บอกก่อนหน้าว่าให้ปลุก อิสระจะทำเป็นไม่ได้ยินคำบอกกล่าวนั้นก็แล้วกัน





 
****1.1****
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-11-2017 21:10:49 โดย rinyriny »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ rinyriny

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-1
บทที่ 6 เรื่องของกรณ์ (2)





     ในเวลาโพล้เพล้ มีชายหนุ่มคนหนึ่งนั่งดื่มเบียร์ริมระเบียงราวกับหวังว่ามันจะลืมเรื่องเครียดได้


     เรื่องเครียดที่ว่า 'เรื่องของกรณ์' ที่ชายพยายามสลัดไล่ออกไปจากสมองเท่าไหร่แต่ก็ทำไม่ได้สักที...


    นาทีนี้ ชายเหมือนคนบ้า บ้างก็ยิ้ม บ้างก็เศร้าสลับไปมาเพียงเพราะนึกถึงกรณ์

    ตลอดเวลาชายมีเรื่องไม่สบายใจ หรือมีปัญหา กรณ์มักอยู่เคียงข้าง คอยช่วยแก้ปัญหาให้ผ่านไปได้ทุกครั้ง กรณ์เป็นผู้ใหญ่ มีเหตุ มีผลมากกว่าชายที่ใช้อารมณ์และเลือดร้อนมากกว่า


     ชายมีความสุขทุกครั้งที่ได้อยู่ใกล้ผู้ชายคนนี้



"โอ้ยเจ็บนะ...ไอ้กรณ์ เบามือหน่อยสิวะ!"

"สมน้ำหน้า เสือกห้าวไปมีเรื่องดีนัก"



    คนไร้ความรู้สึกบ่นแต่ก็นั่งทำแผลให้ เนื่องจากเรื่องของเรื่อง ชายดันกร่างไปหาเรื่องคนอื่นเพียงเพราะเดินชนชายและไม่ยอมขอโทษในร้านเหล้า


    ดีเท่าไหร่แล้วที่เจ้าของร้านมาเห็นเสียก่อน ไม่อย่างนั้น ชายอาจโดนยิงตายไปนานแล้วที่ชอบอารมณ์ร้อนพาลคนอื่นไปทั่ว


     ถ้ากรณ์อยู่ในเหตุการณ์ก็คงไม่ช่วย เผลอๆอาจย้ำรอยด้วยซ้ำ ข้อหาอวดเก่งไม่เข้าเรื่อง...


"สมน้ำหน้า แต่ก็ทำแผลให้กู เป็นห่วงกูมากล่ะสิ"


     กรณ์ชะงัก ก่อนจะกดน้ำหนักมากกว่าเดิมจนชายสบถด้วยคำหยาบคาย


"ไอ้เหี้ย กูเจ็บนะ"

"โดนขนาดนี้ ยังปากดี"



"พูดแทงใจดำล่ะซี้"


     ส่งยิ้มกรุ้มกริ่ม แต่กรณ์ไม่ขำด้วย กรณ์วางสำลีที่ถืออยู่ในมือ แล้วลุกเดินหนีไปหน้าตาเฉย...ปล่อยให้ชายนั่งงง...เพราะกรณ์ไม่แก้ต่าง แต่กลับตัดบทง่ายๆด้วยการลุกหายไปเลย...






 ...............



"มึงให้กูทำไมวะ?" ชายเลิกคิ้วขึ้นมองหน้ากรณ์สลับกับมองกล่องดาร์ก ช็อกโกแลตที่เขาถืออยู่ในมือ
 

     เรื่องราวนี้เกิดขึ้นตอนที่ทั้งสองนั่งอยู่ล็อบบี้ ในระหว่างที่รอคุณอิทธิพลคุยงาน ณ โรงแรมแห่งหนึ่ง


"สุขสันต์วันเกิด" ชายนึกไม่ถึงว่ากรณ์จะซื้อให้ เหนือความคาดหมาย คือ กรณ์จำวันเกิดชายได้เสมอ เพียงแค่ก่อนหน้า จะแค่มีคำอวยพรธรรมดาเฉยๆ แต่รอบนี้ได้ของเพิ่มเติมและเป็นของที่ชายชอบกินยามเครียดเสียด้วย


"มึงจำของโปรดกูได้ด้วยหรือ?"

"เปล่า กูแค่อยากซื้อ"



    เสียใจนิดหน่อยกับคำที่ได้ยิน โดยไม่ผ่านการคิดสักนิด

   ชายมองคนตอบหน้าตายแล้วนึกหมั่นไส้อยากเตะปากจริงๆ ทำไมต้องคีฟลุกส์ นิ่ง ขรึมซะขนาดนั้นวะ ไม่เข้าใจ

    เมื่อกรณ์ตอบมาอย่างนั้น ชายจะทำอะไรได้นอกจาก...


"เออ...ขอบใจ อย่างน้อยก็พิเศษกว่าทุกปี ไหนๆวันนี้ก็วันเกิดกู ไปกินเบียร์กับกูหน่อยสิ"

"อืม"

"ขอบใจนะ มึง"



     หลังจากสะสางธุระสำคัญของเจ้านายได้จนหมดสิ้น กรณ์ตามใจชายด้วยการไปนั่งผับสไตล์อังกฤษที่ชายชอบนั่งดื่มเป็นประจำ

     สั่งกับแกล้ม พร้อมเบียร์ชื่อดังจากเบลเยี่ยม

    ขณะที่ดื่มได้สักพัก...


"ไอ้กรณ์ กูถูกใจฝรั่งโต๊ะนั้นว่ะ มันมองกูอยู่นานแล้ว"


    กรณ์ชะงักไปนิด ก่อนจะวางแก้วเบียร์แล้วเหลียวมอง กลุ่มฝรั่งผู้หญิงที่นั่งโต๊ะอยู่ข้างหลังเขา


"มาบอกกูทำไม"

"มึงนั่งคนเดียวก่อนนะ กูขอเข้าไปคุยซักหน่อย"


"ก็ไปสิ" กรณ์ตอบหน้าตาย

"ว่าจะต่อที่โรงแรม วันนี้วันเกิดกู อวยพรให้กูด้วยแล้วกัน"


     พูดลอยๆขึ้นมาพร้อมตบบ่ากรณ์พลางยิ้มเจ้าเล่ห์ แต่วูบหนึ่งในสายตาอีกฝ่ายที่ชายจับสังเกตได้คือ...กรณ์ไม่พอใจ...


     แต่ชายจะทำอะไรได้ ในเมื่อกรณ์ไม่เคยง้างปากบอกความรู้สึก ชายก็เดาไม่ออกเหมือนกัน


      ดังนั้น ชายขอใช้ชีวิตให้คุ้มค่า และแล้วในวันเกิดของชายคำอวยพรก็เป็นไปตามสมปรารถนา


      จากนั้น พักหลังๆมา ชายไม่ได้คิดไปเอง เขารู้สึกว่า การที่ชายแสดงออกกับใครในเชิงชู้สาว กรณ์มักแสดงออกถึงความไม่พอใจหรือเรียกง่ายๆว่าหึง แต่พอชายถามไปโต้งๆว่า กรณ์ชอบเขาหรือเปล่า? กรณ์ไม่เคยตอบมันเลยสักครั้ง


    แล้ววันที่กรณ์เปลี่ยนไปก็มาถึง เขาทำตัวเย็นชา ห่างเหินชายมากขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่ที่คุณอิทธิพลใช้อิสระออรัลเซ็กส์ให้ชาย


    ชายเคยถามเหตุผลว่ากรณ์เป็นอะไรทำไมเย็นชา มีหนหนึ่งที่ชายได้ยินเหมือนกรณ์จะหลุดพูด


"เพราะกู...ชอ..."


     ยิ่งตอกย้ำในความคิด ชายมั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์ว่ากรณ์ชอบเขาแน่นอน แต่ทำไมกรณ์ถึงไม่พูดมันออกมา?


     หลังจากนั้น ชายอยากให้กรณ์แสดงออกว่าหึงบ้าง จึงตั้งใจประชด เล่นด้วยกับอิสระ ชายพยายามมีอารมณ์ร่วม แต่ไม่เลย กรณ์ยังคงเก็บงำความรู้สึกที่มีต่อเขา จนชายเองที่เป็นฝ่ายหงุดหงิดแทน


   กำแพงในหัวใจของกรณ์ช่างสูงเกินไป สูงจนชายปีนข้ามให้ตายอย่างไรก็ไม่ถึงหัวใจดวงนั้นได้จริงๆ...


    เวลาผ่านไป ชายเริ่มเหนื่อยกับสิ่งที่พยายามคาดคั้น เรียกร้อง แต่กรณ์ไม่เคยตอบสนองสิ่งใดกลับมาเลย


    เมื่อความอดทนใกล้จะสิ้นสุดลง ชายทนไม่ไหว คิดว่าถึงเวลาที่เขาจะเป็นฝ่ายบอกความรู้สึกเองว่าชายก็ชอบกรณ์เหมือนกัน เผื่อกรณ์จะยอมเปิดใจและตอบกลับมาบ้าง


    ซึ่งวันที่ชายตั้งใจจะบอก คือ วันเกิดกรณ์ แต่มันช้าไปเสียแล้ว เมื่อเสียงหนึ่งได้หยุดทุกอย่าง ก่อนวันเกิดของกรณ์เพียงสามวัน


ปัง..


"ไอ้กรณ์..." เสียงตกใจดังลั่นบ้าน เมื่อชายเห็นกรณ์โดนยิงกลางหน้าผากกระสุนทะลุศรีษะด้านหลัง
   

     กรณ์ล้มทั้งยืน...ชายมองเลือดสีแดงสดไหลออกมาจากปากแผลและกระจายเต็มพื้น


   ไม่กี่วินาที ทุกอย่างมืดบอดเหมือนภาพตัดไปอัตโนมัติ

    เขาเห็นกรณ์ตายต่อหน้า ต่อตา

   ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ตาเบิกโพลงกับสิ่งที่เห็น ป้าแก้วเป็นลม ทรุดฮวบลงกับพื้น ส่วนชายยืนกำหมัดแน่น พยายามซ่อนน้ำตาไม่ให้ไหลในตอนนี้ และรีบไปพยุงร่างป้าแก้วไว้ในอ้อมกอด


    เหลือบมองคนที่ยืนถือปืนด้วยแววตาวาวโรจน์


'ไอ้เหี้ย!...มึงแม่งไม่ใช่คน มึงแม่งสัตว์เดรัจฉานดีๆนี่เอง'


   เป็นครั้งแรกที่ชายคิดแบบนี้กับคนเป็นเจ้านาย

   ทำไมต้องทำกับกรณ์อย่างนี้

   ทำไมไม่ให้โอกาสกรณ์สักครั้ง...ทำไมวะ ทำไม?


   ชายเบือนหน้าหนีไม่อยากมองกรณ์ที่กลายเป็นศพนอนจมกองเลือดปนมันสมอง

   ชายไม่อยากเห็นคนที่เขารักอยู่ในสภาพแบบนี้เลยจริงๆ


    หายใจเร็ว ถี่ และดังขึ้นเรื่อยๆ เวลานี้ชายเปรียบเหมือนกระทิงดุที่พร้อมไล่ขวิดทุกอย่างที่ขวางหน้า 


   เขาพยายามควบคุมอารมณ์ เพราะความเลือดร้อนของชาย สามารถชักปืนออกมาฆ่าไอ้อิทธิพลได้ไม่ถึงนาที


    แต่จู่ๆ รอยยิ้มของกรณ์ครั้งสุดท้าย แวบเข้ามาพร้อมกับประโยคที่กรณ์เคยพูดก่อนหน้าราวกับเตือนสติ


"ไม่พอใจใครก็อย่าพาลไปทั่ว เกิดเป็นคนทั้งที หัดใช้สติควบคุมอารมณ์บ้าง ถ้าทำไม่ได้คงไม่ต่างอะไรจากสัตว์"


     ใช่...ชายเพิ่งด่าไอ้อิทธิพลไป ถ้าเขาทำก็ไม่ต่างจากที่มันทำกับกรณ์

     'กูทำเพื่อมึงนะไอ้กรณ์'


      ชายใจเย็นลงและคิดว่า ไอ้อิทธิพลสมควรตายแบบทรมาน เพียงแต่ยังไม่ใช่ตอนนี้


      ซึ่งชายให้คำมั่นสัญญาว่าเขานี่แหละจะเป็นคนจบเรื่องนี้เอง...


     ส่วนสาเหตุที่กรณ์ต้องตายเพราะต้องการปกป้องป้าแก้ว หลังจากที่คุณอิทธิพลรู้เรื่องว่าอิสระหนีไปได้ โดยทั้งสองต่างพูดไปในทางเดียวกันว่าไม่รู้ว่าเป็นใคร


    แต่อิทธิพลไม่เชื่อว่า ทั้งสองจะไม่รู้คนพาหนี จึงคาดคั้นเอาคำตอบให้ได้ว่าใครหน้าไหนช่างกล้ารวมหัวช่วยอิสระ ให้มันหลุดรอดไปได้


    ชายได้แต่ยืนมองกรณ์และป้าแก้วนิ่ง โดยยังเชื่อว่า ทั้งสองคงไม่รู้เรื่องจริงๆ



     หันมาดูมุมมองของกรณ์ก่อนตาย เพียงเพราะเขาอยากเป็นคนดีบ้าง กรณ์มองป้าแก้วตัวสั่นงกๆ แล้วเอ่ยเสียงเบาหวิวว่าเป็นตนเอง

     ทันใดนั้น กรณ์เหลือบเห็นคุณอิทธิพลควักปืนออกมาจากซองที่เหน็บอยู่ข้างเอว เขาเดินตัดหน้าป้าแก้วแล้วรีบแทรกบอกว่าเป็นเขาเองที่วางแผนทุกอย่าง


   'ป้าแก้ว เป็นคนดี กูนี่แหละ ทำเรื่องเหี้ยๆมาพอแล้ว  ถึงเวลาสักที ที่เขาควรทำสิ่งดีๆเพื่อคนอื่นบ้าง' 

    กรณ์คิดเช่นนั้น และกรณ์เชื่อแน่นอนว่าคุณอิทธิพลเป็นคนไม่ลังเลในการตัดสินใจ

    สิ้นคำตอบ กรณ์รู้ดีว่าจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากนี้


  'กูขอโทษ...กูบอกมึงไม่ทันแล้วว่ะ...ชาย'


     กรณ์ทำได้แค่คิดในใจ เขาสบตามองชายที่อีกฝ่ายจ้องมองอยู่เหมือนกัน กรณ์ส่งยิ้มกว้างที่สุดเท่าที่เคยส่งยิ้มให้ชาย

     เพราะกรณ์รู้ดีว่านี่มันเป็นรอยยิ้มครั้งสุดท้าย...

     และรอยยิ้มนี้ กรณ์เชื่อว่า เมื่อถึงวันหนึ่ง ชายจะรู้คำตอบเอง...




      ตัดมายังภาพปัจจุบัน คนที่นั่งดื่มเบียร์ริมระเบียงยังกินไปเรื่อยๆ เหมือนไม่มีวันจบสิ้น ในมือถือแก้วเบียร์ ส่วนอีกมือของชายตอนนี้คือกระเป๋าสตางค์ของกรณ์ที่ชายกอดมันไว้แนบแน่นบนอก...


      ในแววตาเหม่อลอยคู่นั้น มีหยาดน้ำตาที่ไหล โดยไร้เสียงสะอื้น แม้แต่งานศพของกรณ์ยังไม่มีการจัดขึ้นมา เพราะคุณอิทธิพลจ้างคนกลุ่มหนึ่งที่ไว้ใจได้โยนศพกรณ์ทิ้งลงแม่น้ำ เพื่ออำพรางคดี


       ชายทำอะไรไม่ได้นอกเสียจาก ได้แต่นั่งนึกถึงอดีต เพราะความจริงที่ปรากฏอยู่ตรงหน้ามันเป็นสิ่งที่เขาไม่ต้องการ


      ความจริงที่รู้ว่าไม่มีกรณ์อยู่ข้างกายอีกต่อไปแล้ว...


     การจากไปของกรณ์นำมาซึ่งความรู้สึกผิดชอบชั่วดี ให้ชายตระหนักมันอย่างจริงจัง


    ตอนนี้ ชายดีใจที่อิสระหนีไปได้ และหลังจากนี้ เขาเองจะคอยเป็นหู เป็นตาและช่วยไม่ให้คุณอิทธิพลล่วงรู้ถึงแหล่งที่พักอาศัยของอิสระได้ อย่างน้อยเขาก็อยากทำมันเพื่อกรณ์



     เพราะชายเชื่อว่า ที่กรณ์สละชีวิตตัวเองก็คงคิดแบบนี้เหมือนกัน


    นับตั้งแต่กรณ์ตายไปราวห้าวัน ชายยังไม่ได้เปิดกระเป๋าสตางต์ จนวันนี้ความคิดถึง ทำให้ชายอยากรู้ว่ากรณ์เก็บอะไรไว้บ้าง...


    'มึงจะเก็บเรื่องราวของกูบ้างไหมวะ ไอ้กรณ์'

    ชายยังมีความหวังลมๆแล้งๆว่าคนปากหนัก ทำตัวไร้หัวใจแบบนั้น คงมีมุมโรแมนติกบ้างไม่มากก็น้อย...


    ชายเปิดกระเป๋า ค้นทุกซอก ทุกมุม โดยในกระเป๋าไม่มีรูปภาพคนสำคัญที่พกติดไว้แต่อย่างใด มีเพียงของแข็งบางอย่างที่ชายล้วงเข้าไปยังช่องใส่นามบัตร  เขารีบหยิบมันออกมาก็พบว่ามันคือแหวนเงินเกลี้ยง...


     เอียงคอมองด้วยความฉงนใจ ชายหมุนแหวนเล่นไป-มาอย่างสงสัย เพราะไม่เคยเห็นกรณ์สวมใส่มัน 


     ทันใดนั้น...สายตาพลันเหลือบเห็นอะไรบางอย่าง ขมวดคิ้ว พลางจ้องแล้ว จ้องอีก เพ่งมองให้แน่ชัดเพราะยังไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง


     และแล้ว ชายก็ได้คำตอบ เขาปล่อยโฮอย่างไม่เหลือมาดความเป็นชาย


"ทำไมวะไอ้กรณ์...ทำไมมึงถึงไม่บอกกู...กูขอให้มึงฟื้นขึ้นมาได้ไหม? กูอยากอยู่กับมึง อยากกอดมึง กูใจจะขาดอยู่แล้ว"


     น้ำตารินไหลดั่งสายเลือด เขาสะอื้นร่ำไห้อย่างหนัก ทั้งๆที่ในมือยังกำแหวนไว้แน่น


     ชายเลือกสวมแหวนเข้าสู่นิ้วตัวเอง และจุมพิตบนแหวนนั้นเบาๆ เขาไม่เคยได้ยินกรณ์พูดถึงเรื่องแหวนนี้เลย


     ชายไม่มีวันถอดมันเด็ดขาด เพราะมันเป็นแหวนของคนที่ชายรักในวันที่สายไป

     แหวนที่แทนคำตอบ ครั้งที่ชายเคยถามกรณ์เมื่อในอดีตว่า มึงชอบกูหรือเปล่า?

     คำตอบ มันอยู่บนแหวนที่สลักไว้...

    Chai & Korn
   



 
........................................


    เป็นช่วงที่เขียนแล้วเศร้าไป หน่วงไป สงสารกรณ์จับใจ

.
ขอบคุณค่าสำหรับการแวะเวียนเข้ามาอ่าน

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ 0%

  • 0percent.
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 69
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ก็ไม่นึกว่ากรณ์จะต้องมาตายจริงๆ สงสารมากมันดูหดหู่ไปหมดเลย

ออฟไลน์ มะเขือม่วง

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 435
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0

ออฟไลน์ rinyriny

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-1

บทที่ 7 ภาระ



      จากวันที่พี่จิณณ์ไม่สบายวันนั้นจนบัดนี้ก็เป็นสัปดาห์แล้วที่อิสระนอนคนเดียว เนื่องจากพี่จิณณ์อ้างว่าติดงาน


     ความรู้สึกเหมือนอยู่ตัวคนเดียว เขารู้สึกเหงาจับใจ มองไปทางไหนก็ดูจะว่างเปล่า

    เด็กหนุ่มนั่งมองกระปุกเงินที่วางอยู่ข้างทีวี ใกล้กันมีคีย์การ์ดและกุญแจห้อง เขาถอนหายใจเพราะยามนี้ ของในตู้เย็นหมดไม่มีเหลือ แม้แต่ของแห้งเองก็ตาม


     เวลาล่วงเลยไปจนหนึ่งทุ่ม ที่อิสระยังไม่ได้กินข้าว มีเพียงน้ำเปล่าที่ตกถึงท้อง เรื่องของเรื่อง คือ อิสระไม่กล้าลงไปซื้อของคนเดียว

    ตั้งแต่ออกมาจากการคุมขัง อิสระออกไปเผชิญโลกกว้างแค่สองครั้งเท่านั้น ครั้งแรก คือ ตอนที่พี่จิณณ์พาไปห้างสรรพสินค้า ครั้งที่สอง คือ พาไปทำบุญที่วัด


     อิสระนั่งชันเข่าด้วยความคิดว่าจะเอาไงต่อดี ในเมื่ออิสระลองโทรหาพี่จิณณ์ตั้งแต่เมื่อวานก็ติดต่อไม่ได้ จนกระทั่งวันนี้ พี่จิณณ์ก็ไม่มีวี่แววคิดจะติดต่อกลับมาด้วย

    ถึงเวลาที่ต้องพึ่งตัวเองแล้วสินะ อิสระต้องดิ้นรนหาทางแก้จะมารอพี่จิณณ์อย่างเดียวก็คงไม่ได้กินข้าวพอดี

    จำใจคว้าเงิน คียการ์ด กุญแจ เพื่อลงไปด้านล่าง

 ตึ้ง!

    ประตูลิฟต์เปิดออกกว้าง เด็กหนุ่มสอบถามพนักงานรปภ. ที่ยืนอยู่ใกล้ๆ เมื่อได้คำตอบอิสระก็เดินไปตามทางที่เขาแนะนำ

    ออกสู่ถนนใหญ่ เลี้ยวขวาเดินบนฟุตปาธประมาณแปดร้อยเมตร อิสระเหลือบเห็นร้านสะดวกซื้อติดกับร้านอาหารตามสั่งที่ดูร้านใหญ่โต สะอาดสะอ้านน่ากิน ก็รู้สึกโหยขึ้นมา จึงโฉบแวะกินข้าวก่อนซื้อของ


     ไม่ถึงสิบห้านาทีข้าวผัดกระเพราะไข่เจียวหายวับไปกับตา เขาฟาดเรียบไม่มีเหลือ พออิ่มท้อง ก็เติมพลังให้อิสระมีแรงขึ้น


    จ่ายเงินเสร็จ เดินเข้าร้านสะดวกซื้อ หยิบตะกร้าเตรียมซื้อของ

    อิสระยิ้มดีใจที่เขากล้าทำอะไรด้วยตัวคนเดียวได้แล้ว

    เด็กหนุ่มอ้อยอิ่ง ดูของอย่างเพลิดเพลินเพราะร้านสะดวกซื้อแห่งนี้ค่อนข้างใหญ่โต มีทั้งมุม เครื่องดื่ม เบเกอรี่ พร้อมที่นั่งติดกระจกใสเป็นแนวยาวไว้อำนวยความสะดวกสบาย ทำให้อิสระค่อนข้างตื่นตา


   ขณะที่เด็กหนุ่มย่อตัวลงนั่ง หยิบขนมใส่ตระกร้าอยู่หลายถุง  เขาได้ยินเสียงคนพูดเข้าหู



"แกๆ อย่าไปใกล้ เค้าเป็นโรคอะไรหรือเปล่าก็ไม่รู้ ดูสิ..แก..."




     เงี่ยหูฟังจนจบก็หันไปมอง สองสาวผิวขาวเนียนละเอียดยืนพูดด้วยท่าทีรังเกียจ อิสระอายจนต้องก้มหน้าก้มตาลุกขึ้นยืน

    ขณะที่เดินหนีไปโซนอื่น ยังไม่วายได้ยินเสียงพูดไล่ตามหลัง



"กล้าออกมาได้ยังไง จะแพร่เชื้อโรครึเปล่าก็ไม่รู้"

   
    จากอารมณ์ดีในตอนแรกเปลี่ยนเป็นหงุดหงิดใจ อิสระรีบยัดของใส่ตระกร้าอย่างเร็วไว ครบทุกอย่างตามใจก็เดินไปวางของลงบนเคาน์เตอร์เพื่อเตรียมจ่ายเงิน


     เหลือบมองพนักงานที่มองเขาด้วยสายตาอ่านไม่ออก ก็เริ่มน้ำตาคลอ ก่อนจะก้มมองแขนตัวเองที่มีรอยแผลเป็นจากหยดน้ำตาเทียน ทั้งๆที่สองแขนมีรอยไม่มากเท่าไหร่ ผู้คนที่พบเห็นยังแสดงท่าทีรังเกียจ และถ้าได้เห็นในร่มผ้าของอิสระ จะไม่ยิ่งกว่านี้เลยหรือ?


    คิดเรื่องนี้ ก็หวนไปนึกถึงใบหน้าคนคนหนึ่ง จนน้ำตาเอ่อดวงตาขึ้นมา


    ...พี่จิณณ์...ไม่เคยรังเกียจอิสระ มิหนำซ้ำยังโดนตัวเป็นเรื่องปกติแถมจูบกันมาแล้ว


"คุณลูกค้าคะ คุณลูกค้าคะ ทั้งหมดหกร้อยสี่สิบสามบาทค่ะ"

"ขอโทษครับ"



    ชั่วแวบหนึ่งที่สายตาเหลือบเห็นพนักงานหลุดหัวเราะตอนร้องเรียก ยิ่งทำให้อิสระคิดมากกับการแสดงออกแบบนั้น


    อิสระรีบยื่นแบงค์พันให้พนักงานพลางนึกถึงพี่จิณณ์อยากให้กลับมาหากันไวๆ

     จ่ายเงินเสร็จ รับเงินทอนเรียบร้อย อิสระแบกสองถุงใหญ่เดินกลับไปยังคอนโด


     ทำไมการออกมาใช้ชีวิตข้างนอกอีกครั้ง ถึงได้ยากอย่างนี้ ทั้งๆที่เขาก็เคยผ่านมาก่อน


    สี่ปีที่อยู่แต่ในห้อง ไร้อิสรภาพ มันกลับบีดรัดให้อิสระรู้สึกกลัวสังคมไปแล้ว ทุกครั้งที่สายตาคนมองมา อิสระจะคิดว่าทุกคนคงรังเกียจ
   


ปรี้น ปรี้น!


"โอ้ย! เดินขวางทาง ไม่เห็นรถรึไงวะ"



    อิสระมองวัยรุ่นที่โวยวายใส่อย่างไม่พอใจ เขาเดินบนฟุตปาธตามปกติ คนที่ผิดต้องเป็นคนขี่มอเตอร์ไซค์ที่ขึ้นมาบนทางเท้าไม่ใช่หรือ?

     อิสระมองคนหยุดรถ ชูนิ้วกลางใส่ ก่อนจะบิดเร่งมอเตอร์ไซค์หนีหายไป

    เขามองถุงพลาสติกที่บรรจุของด้วยความเสียดาย เพราะเมื่อกี้มอเตอร์ไซค์ตั้งใจเฉี่ยวให้อิสระหลบแล้วล้มลงกับพื้น


     อิสระปัดแขน ปัดเสื้อผ้าที่เลอะ และตามไปหยิบของที่กระจายออกมาจากถุงตอนล้ม เขาต้องจัดเรียงของใหม่ เพราะมีขวดซอสแตกจนหกเลอะเทอะ  อิสระต้องนั่งแยกของไปรวมไว้ในถุงเดียวกันและหอบหิ้วถุงแนบอกเดินช้าๆ ขึ้นห้อง


     ก้าวขายาวๆพาตัวเองขึ้นห้องด้วยน้ำตานองหน้า


     เป็นความจริงที่เราต้องยอมรับสินะ ว่าโลกมันก็โหดร้ายอย่างนี้อยู่แล้ว อยู่ที่ว่าเราจะยอมรับและเข้าใจกับสิ่งเหล่านี้ได้หรือเปล่า?

      กว่าจะถึงห้อง ก็ทุลัก ทุเลพอสมควร อิสระวางของลงที่พื้นใกล้โซฟา ถึงเพิ่งเห็นว่าตรงหัวเข่ามีเลือดซึมออกมาด้วย ในตอนแรกอิสระนึกว่าแค่ถลอกเพราะตอนที่เดินก็รู้สึกแสบๆ ตึงๆอยู่เหมือนกัน


     อิสระรีบไปที่อ่างล้างมือวักน้ำเปล่าล้างแผลไปก่อน

     ไม่นานนักที่อิสระได้ยินเสียงดังจากด้านนอก


เพล้ง!


       อิสระรีบวิ่งออกไปดู เพราะไม่ได้ยินเสียงประตูเลยไม่รู้ว่าพี่จิณณ์กลับมาแล้ว


      อิสระเห็นพี่จิณณ์ยกถุงขึ้นมาในสภาพข้างถุงพลาสติกฉีกขาดเป็นทางยาว

      มองน้ำอัดลมหกเต็มพื้น พลันเหลือบมองคนหน้าแดงก่ำในสภาพที่กลิ่นเหล้าหึ่ง

      นี่เพิ่งแค่สามทุ่ม ทำไมพี่จิณณ์เมามาแล้ว
 


"พี่จิณณ์"

"ทำไมอิสมาวางตรงนี้"
ตวัดสายตาไปมองถุงที่ถืออย่างไม่พอใจ


"ผมไปซื้อของเข้าห้องและเพิ่งขึ้นมาครับ เลยวางไว้ตรงนั้นก่อน เพราะผมมาล้าง...แผ...ล" ยังไม่ทันได้บอกเหตุผลก็โดนขัดขึ้น


"มันเกะกะ ทำไมไม่วางที่อื่น"


    อิสสระเงียบ

    ...ดูเหมือนจะเป็นวันซวยของอิสระ ที่ทำอะไรก็ดูขัดหู ขัดตาไปซะหมด



"ขอโทษครับ"




"ไปหยิบผ้ามาให้พี่หน่อยซิ เลอะหมดเลย ทีหลังอย่ามาวางตรงนี้นะ ดูซิเสียเวลาทำงาน ทำการ"



"พี่จิณณ์ไม่ต้องทำก็ได้ครับ เดี๋ยวผมเช็ดเอง"


"ไม่ต้อง! ก็บอกให้ไปเอาผ้ามาไง เร็วๆสิ"



      อิสระสะดุ้งตอนพี่จิณณ์ตะคอกใส่ เขารีบหาผ้าผืนเล็กชุบน้ำมาให้

      ในระหว่างที่เช็ดพื้น พี่จิณณ์ก็บ่นไม่หยุด



"มาอยู่บ้านคนอื่นแล้ว อย่าทำตัวให้เป็นภาระเข้าใจหรือเปล่า? พี่เหนื่อยนะอิส เจองานก็เครียดมากพอแล้ว ยังมาเจอเรื่องนี้อีก"


     อิสระชะงัก ยืนตัวสั่น ปากสั่น ใจเสีย มองคนที่นั่งทำความสะอาดอยู่ที่พื้น และเผลอร้องไห้จนหลุดสะอื้น

    เงยหน้ามองคนที่เพิ่งร้องไห้ก็ยิ่งเพิ่มความหงุดหงิดใจยิ่งขึ้น



"นี่พี่จะว่าอะไรไม่ได้เลยรึไง เอะอะก็ร้องไห้ๆน่ะ ห้ะ..."



"ผมขอโทษครับ ถ้าผมทำให้พี่ลำบากมากขนาดนั้น ผมไม่อยู่ที่นี่ก็ได้นะครับ"
ก้มหน้า พูดเสียงเบาหวิวอย่างน้อยใจ


"หึๆ ไม่อยู่ที่นี่จะไปอยู่ไหนได้ พี่เห็นเวลาอิสจะไปไหนคนเดียวยังไม่กล้าเลย อิสโตแล้วนะครับ ไม่ใช่เด็กๆ ควรทำอะไรให้เป็นมากกว่านี้"


    จิณณ์ถอนหายใจเหนื่อยหน่าย ก่อนจะยันกายลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ลุกขึ้นไปซักผ้าให้สะอาดและกลับมาเช็ดต่อ


    โดนตอกหน้าจนอิสระยืนอึ้งทำอะไรไม่ถูก สุดท้ายแล้วเขาคงเป็นภาระอย่างที่พี่จิณณ์ว่าจริงๆ คงไม่มีใครอยากดูแลคนที่เอาแต่กลัวไปเสียทุกอย่างจะทำอะไรแต่ละทีต้องพึ่งคนอื่นเสมอ


     ยืนอยู่ในความคิด จนต้องสะดุ้งเมื่อพี่จิณณ์เดินมากระแทกไหล่



"ถ้าไม่ทำอะไรก็ไปอาบน้ำเถอะอิส อย่ามายืนขวาง"

"ค...ครับ..."


 

   อิสระเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำ


    สายน้ำไหลเอื่อยชะโลมร่างอันเปลือยเปล่า อิสระได้แต่นึกท้อใจ หนีออกมาได้ก็ยังไม่มีใครเอาอยู่ดี หรือเขาควรกลับไปหาคุณอิทธิพลนั่นแหละถูกต้องแล้ว



    ร้องไห้ดั่งคนพ่ายแพ้ให้กับโชคชะตา

    ใช่...อิสระยังไม่เข็มแข็งพอที่จะกลับมาใช้ชีวิตเหมือนคนปกติอีกครั้ง

    ดังนั้น เขาควรกลับไปตายรังที่เดิมก่อนคงดีกว่าและหาทางใหม่


"เราไม่มีสิทธิ์ไปว่าพี่จิณณ์ แค่เขาพาออกมา จ่ายค่ากิน ค่าที่อยู่อาศัยได้มาเกือบเดือนมันก็ทำให้รู้ว่าพี่เขาช่วยมากพอแล้ว พอเถอะ... โลกของความเป็นจริงมันก็เป็นแบบนี้"

 





.................



    ยามสายของวันถัดมา แสงแดดแยงตาจากการลืมปิดม่านมูลี่เมื่อคืน

    จิณณ์ตื่นลืมตาและรีบเด้งตัวขึ้นมา เหลือบมองนาฬิกาตรงผนัง  เมื่อนึกขึ้นได้ว่าเขานัดฮูมไว้

     ขายาวพาตัวเองมาถึงห้องน้ำเพื่อรีบไปจัดการธุระ สายตากวาดมองรอบห้อง ก็ไม่เห็นอิสระนอนที่โซฟา ด้วยความคิดว่าอิสระคงลงไปซื้อของจึงไม่เอะใจแล้วรีบอาบน้ำ


   แต่งตัวเสร็จแล้วเดินออกมาจากห้องนอนก็ยังไม่เห็นอิสระขึ้นมาสักที จึงลองโทรหา ปรากฎว่าเสียงเรียกเข้าของเครื่องมือสื่อสาร กลับแผดเสียงร้องดังอยู่ในห้อง
 

"ไปไหนนะ"


    ใจไม่ดี...เพราะเมื่อคืนก็จำได้บ้างว่าทะเลาะกับอิสระ

    ช่วงนี้ จิณณ์มีเรื่องเครียดหลายอย่าง  ทั้งเรื่องงาน รวมไปถึงเรื่องของอิสระเองที่จิณณ์เพิ่งคุยกับป้าแก้วไม่กี่วันมานี้ ได้ความคืบหน้ามาว่าตอนนี้ คุณอิทธิพลส่งสายสืบตามหาอิสระแล้ว


     และแน่นอนว่า เมื่อได้ยินคำตอบ จิณณ์เครียดหนักกว่าเดิม


      เขาไม่ใช่พระเอกขี่ม้าขาว...

      เขาไม่ใช่คนดีร้อยเปอร์เซ็นต์...

     เขาเป็นแค่มนุษย์ธรรมดาคนหนึ่งที่แค่อยากเป็นคนดี อยากช่วยเหลือผู้อื่นก็เท่านั้น แต่ถ้าเมื่อสิ่งที่เขาช่วยเหลือมันเริ่มทำให้ตัวเองลำบาก จิณณ์ก็ควรถึงเวลาปล่อยไป





     ยอมรับว่ากลัวตัวเองจะเป็นอันตรายและพลอยติดร่างแห จึงหนีไปสงบสติอารมณ์ที่บ้านฮูม เพียงเพราะยังหาทางออกให้กับเรื่องนี้ไม่ได้จริงๆ


     รู้สึกผิดนิดหน่อย แต่จะว่าไปก็ช่างมันเถอะ...ในเมื่อจิณณ์ช่วยเหลือสุดความสามารถแล้วจริงๆ

     เขามองรอบห้องอีกครั้ง ก่อนจะยักไหล่ทำเป็นไม่แคร์ เมื่อไม่เห็นอิสระอยู่ในห้อง


"ก็ดีเหมือนกัน"



    ถ้าอิสระไปจริงๆได้ก็ดี เขาจะได้โล่งใจ...อีกอย่าง จิณณ์จะได้คืนห้องให้เพื่อนแล้วกลับไปอยู่ห้องของตัวเองสักที


     หลังจากจิณณ์นัดคุยงานกับเพื่อน เรื่องการรวมหุ้นเปิดร้านอาหารไทยซึ่งตั้งอยู่บนคอมมูนิตี้มอลล์ ทั้งสองคุยส่วนของงานต่างๆทั้ง การว่าจ้างพนักงาน ระบบสั่งอาหารในร้าน และจิปาถะ


    จัดการธุระเสร็จก็ทุ่มกว่าๆ ถึงห้อง ร่างสูงเปิดประตูออกกว้าง  ควานกดเปิดสวิตช์ไฟจนสว่างโร่ ทว่า กลับไม่มีร่างใครนั่งรอเขาเหมือนทุกที...


    เงียบ...จนใจหาย...


    ทำไม พอรู้ว่าอิสระยังไม่ถึงห้องกลับนึกร้อนใจด้วยความเป็นห่วง อิสระไม่เคยออกไปไหนข้างนอกคนเดียว แล้วตอนนี้ อิสระจะอยู่ที่ไหน จะเป็นอย่างไร?


    ยังไม่ยอมเข้าห้องนอน แต่นั่งรออิสระอยู่ที่โซฟา โดยมองในแง่ดีว่าอิสระคงเดินเล่นอยู่แถวนี้ คงไม่หนีไปจริงๆหรอกมั้ง?


    ทว่า เวลาผ่านไปไม่ถึงสิบนาทีด้วยซ้ำ จิณณ์กลับนั่งไม่ติด อยู่ไม่สุข เมื่อก้มมองนาฬิกาข้อมือมันก็ดึกเกินไป
 

    มันไม่ควรเป็นแบบนี้ เขาควรรู้สึกดีไม่ใช่หรือ? หากน้องจะไม่อยู่แล้วจริงๆ เขาจะได้ไม่มีภาระเพิ่มขึ้นด้วย
 
 
    หรือควรจะช่างมัน...


    ยกอีกความคิดมากลบเกลื่อนความเป็นห่วง เพื่อให้ตัวเองเลิกสนใจ ก่อนจะลุกไปหยิบผ้าเช็ดตัวเพื่อไปอาบน้ำเตรียมนอน เนื่องจากวันนี้ เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว...



****1.1****

ก็อย่างว่า ญาติสนิท มิตรสหายก็ไม่ใช่ จิณณ์ก็คงเหนื่อยที่จะต้องตามประกบดูแลทุกอย่าง
.
แต่พี่จิณณ์ก็คงจะลืมอะไรไปบางอย่างอะเนอะ :m15: :m15: :m15:
.
ขอบคุณจ้าาาาาาา
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-11-2017 21:44:10 โดย rinyriny »

ออฟไลน์ weedear

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-4

ออฟไลน์ Bb nale

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
น่าติดตามมาก เสียดายชีวิตกรณ์จริงๆถ้าอิสจะกลับไป แต่คนไม่รู้ว่าจะอยู่ข้างนอกยังไงอย่างอิสแล้วจิณณ์ก็เหมือนไม่ต้องการแล้วอีก ก็คงไม่รู้จะทำยังไงได้ รอบตอนต่อไปนะคนเขียน

ออฟไลน์ Mod40

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 55
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
เข้ามาปักไว้ก่อน พึ่งอ่านตอนที่1  :katai5:

ออฟไลน์ rinyriny

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-1
 บทที่ 7 ภาระ(2)





    นอนไม่หลับ...



     ปากบอกว่าไม่สนใจ แต่หัวใจกลับสวนทาง ทรยศสิ่งที่ตั้งใจปฏิเสธไปแล้วว่าไม่ช่วยเหลือ


     จิณณ์กระสับกระส่าย นอนพลิกไป พลิกมาบนเตียงทั้งคืน เพราะเขากดข่มความห่วงไม่ได้จริงๆ


     ผ่านไปแค่วันเดียวก็เล่นเอาจิณณ์ไม่เป็นอันนอน เขารู้สึกว่าตัวเองไม่มีความรับผิดชอบที่ดูแลชีวิตคนๆหนึ่งไม่ถึงฝั่ง ทิ้งอิสระไว้กลางทาง เปรียบหมือนเขาจับเด็กสามขวบโยนทิ้งลงแม่น้ำให้ว่ายกลับฝั่งเองอย่างไรอย่างนั้น...


     จิณณ์สรุปได้แล้วว่าที่ผ่านมา ที่เคยสับสน โลเลเพียงเพราะเอาคำพูดคนอื่นมาใส่ใจ พอตั้งสติ คุยกับตัวเอง เขารู้แล้วว่าไม่เคยมองว่าอิสระเป็นภาระ แต่ที่พูดไปวันนั้น มันเป็นแค่อารมณ์ชั่ววูบ
   

"เราแม่งเลวได้ขนาดนี้เลยหรือวะ?"
บ่นตัวเองอยู่บนเตียง เหลือบมองนาฬิกาก็เป็นเวลาแปดโมงเช้า

 
      จิณณ์รีบจัดการตัวเอง เพื่อเตรียมออกไปตระเวนหาอิสระที่คิดว่าคงหนีไปได้ไม่ไกลมากนัก...


     ทุกตรอกซอกซอยที่สามารถลัดเลาะผ่านคอนโดนี้ จิณณ์ขับหาจนทั่ว แต่กลับไม่พบอิสระเลย ครั้นจะโทรแจ้งตำรวจก็ไม่สมควร ไม่อย่างนั้นเรื่องราวอาจถึงหูคุณอิทธิพลได้


     ตั้งแต่เช้าจวบจนบ่ายค่ำ จิณณ์อับจนหนทาง เขาจอดรถข้างทาง ก่อนจะโทรหาป้าแก้ว


    ไม่กี่วินาทีที่ปลายสายขานรับด้วยเสียงราบเรียบ


"ป้าแก้วครับ อิสไปที่บ้านนั้นไหมครับ?"


[ทำไมคุณถามแบบนั้นคะ?] จิณณ์ชะงัก เมื่อถูกถามย้อนกลับด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนกกว่าเดิม

 
   จิณณ์ควรยอมรับกับสิ่งที่ทำลงไป


"ผมทะเลาะกับน้องเขาครับ แล้ว..."


[อย่าบอกนะคะว่าคุณทิ้งคุณอิสไปแล้ว]


"ผมขอโทษครับ คือ ผม..."


[ป้าขอโทษนะคะ ที่ป้าฝากความหวังไว้กับคุณ แค่นี้คุณก็มีบุญคุณกับคุณอิสมากพอแล้ว ที่เหลือคงเป็นชะตากรรมที่คุณอิสต้องเผชิญเอง เฮ้อ...คุณอิสของป้า... ไม่เป็นไรนะคะคุณ...จากนี้ป้าจะเป็นคนตามหาคุณอิสเองค่ะ]


        ประโยคที่เอ่ยออกมา เหมือนเสาเข็มที่ตอกเขาให้จมดินกว่าเดิม

       ...รู้สึกผิดจนไม่น่าให้อภัย...

       เขาไม่น่าเอาความเครียดที่สั่งสมมาตลอดหลายวัน ไปพาลลงกับอิสระเลย

       ถ้าวันนั้นจิณณ์พูดจาดีๆ เรื่องคงไม่บานปลายอย่างนี้


"เป็นหน้าที่ที่ผมต้องรับผิดชอบ ผมจะรีบหาน้องให้เจอ ป้าแก้วไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ"


    จิณณ์รีบวางสาย และลองเริ่มตระเวนหาอิสระอีกอีกครั้ง


    เหนื่อย...


    ตลอดทั้งวัน จิณณ์ตระเวนหาจนทั่ว แต่ไม่พบอิสระเลย



     จิณณ์ถึงห้องด้วยความเหนื่อยล้า เขาถอนหายใจยาว และนั่งกุมขมับบนโซฟาตัวเดียวกันกับที่อิสระนอนอยู่เป็นประจำ


     ไม่มี...เสียงเจื้อยแจ้วเหมือนเด็กที่คอยร้องเรียกและกระชากผ้าห่มเพื่อปลุกเขาทุกเช้า


    ไม่มี...คนทำกับข้าวให้กิน แม้ความเป็นจริงมันจะไม่ได้อร่อยมากมาย แต่อย่างน้อยก็ทำให้เขาอิ่มได้ทุกมื้อ


   
    เขาเครียดจนปวดหัวตุ๊บๆ และร่างกายหมดเรี่ยวแรงจนต้องเติมพลังด้วยการพักผ่อนอีกสักคืน และหวังว่ามันจะทำให้สมองแล่น และหาทางออกได้ดีกว่านี้...







......................
 


    แม้จะหลับไม่เต็มตื่น แต่ก็ยังดีกว่าไม่ได้พัก วันนี้ จิณณ์ลองเปลี่ยนเส้นทางการตามหาไปย่านที่พักของคุณอิทธิพล เผื่ออิสระอาจจะกลับไปที่เดิม โดยโทรสอบถามป้าแก้วเพิ่มเติมด้วยว่าเห็นอิสระบ้างไหม


    ปรากฎว่า ป้าแก้วปฏิเสธ ลึกๆ จิณณ์โล่งใจที่ไม่เจอ นั่นหมายความว่า อิสระไม่คิดกลับไปอยู่ในที่ย่ำแย่แบบนั้น แต่เขาก็ไม่รู้จะไปหาอิสระได้ที่ไหนแล้ว


     นึกไม่ออกว่าควรจะตามหาอิสระที่แห่งหนใด จู่ๆ จิณณ์ก็นึกขึ้นได้ว่าตอนทะเลาะ อิสระเคยบอกเรื่องซื้อของ ถ้าอย่างนั้นอิสระจะซื้อได้คงไม่พ้นร้านสะดวกซื้อที่อยู่ละแวกที่พัก เขาลืมนึกไปได้อย่างไร


     จิณณ์รีบมุ่งหน้ากลับที่พัก ตั้งใจจะไปลองถามพนักงานดู เผื่อจะพอคุ้นหน้าคุ้นตาอิสระบ้าง


     ไม่นานก็ถึงที่หมาย เขาชะลอรถหาที่จอดริมถนนและรีบลงจากรถเพื่อไปร้านสะดวกซื้อ

     ในระหว่างที่ต้องผ่านร้านอาหารตามสั่ง เขาได้ยินเสียงโวยวายดังลั่นจนอดหันไปมองไม่ได้


"โอ้ย...ให้มาทำงานก็ทำอะไรชักช้า จะทันกินไหมวะ"


 
      จิณณ์เพ่งมองเด็กที่โดนดุ ยกแขนเสื้อขึ้นเช็ดน้ำตาอย่างน่าสงสาร


"ยังจะมาร้องไห้อีก ลูกค้าเต็มร้านแล้ว รีบไปเสิร์ฟสิวะ จานก็ยังล้างไม่เสร็จ โอ้ยเวรกรรมอะไรของกูวะเนี่ยที่เลือกมึงมา" เห็นเจ้าของร้าน กระชากแขนและเหวี่ยงร่างเด็กหนุ่ม


    ทันใดนั้น...
 
 

"อิส" จิณณ์รีบวิ่งเข้าไปในร้าน ดันอิสระไปอยู่ข้างหลังเขา


"ขอโทษนะครับ เกิดอะไรขึ้นครับ"


"มึงเป็นใครวะ กูกำลังด่าลูกน้องอยู่"



"ผมเป็นพี่ชายเขาและจะมารับตัวกลับ"


"เป็นพี่ชายประสาอะไรวะ เลี้ยงน้องได้ห่วยแตกทำอะไรก็ไม่เป็น"


      เหลียวมองอิสระที่ก้มหน้าซุกหลัง ดูตื่นกลัวอย่างเห็นได้ชัด จิณณ์กุมมือเล็กชื้นเหงื่อบีบกระชับแน่นราวกับบอกว่าเขาอยู่ตรงนี้


"ผมขอโทษครับ ถ้างั้น ผมขอพาตัวน้องกลับเลยนะครับ" จิณณ์ยังคงพูดจาดี โค้งหัวนอบน้อม และกำลังจะเดินปลีกตัวออกไป แต่ทันใดนั้น...


"ไม่ได้ ทำงี้ได้ไงวะ ลูกค้ากำลังเยอะ แล้วใครจะทำงานต่อล่ะวะ"
 

 
    จิณณ์กวาดตามองลูกค้าในร้านที่นั่งเต็มทุกโต๊ะและส่วนใหญ่ก็มองมาเพราะเป็นจุดนำสายตาของร้าน


    จิณณ์ปล่อยมืออิสระ เพื่อล้วงกระเป๋าสตางค์ควักธนบัตรสีเทาจำนวนห้าใบยื่นให้เจ้าของร้านอาหาร


"ค่าเสียเวลาหาพนักงานใหม่ครับ"

"น้อยไป มันไม่พอกับค่าเสียเวลาหรอกเว้ย"



    และจังหวะนั้นเอง...


"เฮ้ย! ทนมองอยู่นานแล้ว ได้เงินตั้งขนาดนั้นจะเอาขนาดไหนวะ อย่าโลภหน่อยเลยว่ะ และเลิกด่าลูกน้องได้แล้ว สมัยนี้เขาเลิกทาสกันแล้วเว้ย"



    จิณณ์ต้องขอบคุณพี่ผู้ชายคนนั้นที่ใจกล้า ยืนต่อว่าเจ้าของร้านเพื่อช่วยปกป้องจิณณ์และอิสระ เพราะพอมีผู้นำสักคน ผู้ตามก็มาเป็นพรวน ทุกคนลุกฮืออย่างไม่พอใจ ทั้งยังส่งเสียงเซ็งแซ่ที่เห็นพ่อค้าคนนี้ปฏิบัติกับอิสระเยี่ยงทาส และยังละโมบ โลภมากอีกด้วย


   จิณณ์ยกมือขอบคุณลูกค้าในร้านทุกคนก่อนจะเหลือบมองพ่อค้าหน้าซีดเผือก เขาปล่อยพ่อค้าให้แก้สถานการณ์เอาเอง และรีบดึงมืออิสระออกมานอกร้าน

 
    เดินพ้นร้านไม่ไกล จิณณ์หันไปจับไหล่สองข้างให้อิสระหันมาสบตากัน


"อิส ทำไมมาทำงานแบบนี้ล่ะครับ"


"แล้วผมเลือกอะไรได้หรอครับ ที่ผ่านมา ผมต้องนอนที่ป้ายรถเมล์บ้างก็นอนสะพานลอย จนทนไม่ไหว บากหน้ามาขอเขาทำงานที่นี่"
มองเด็กหนุ่มที่ยืนระบายความในใจไป ปาดน้ำตาไป


     สิ่งที่อิสระพูดยิ่งทำให้จิณณ์รู้สึกแย่กับตัวเอง พอได้อยู่กับน้องสองต่อสอง จ้องมองหน้าดีๆ จิณณ์ตกใจรีบประชิดตัวยกมือลูบแก้มแดงๆของอิสระอย่างเบามือ


"อิสโดนเขาทำร้ายด้วยหรือ? พี่ขอโทษนะครับ คือ พี่..."


"พี่จิณณ์ไม่ต้องขอโทษผมหรอกครับ ผมต่างหากที่ควรขอบคุณพี่จิณณ์ด้วยซ้ำที่ก่อนหน้านี้ช่วยเหลือผมมาตลอด ผมไม่อยากเป็นภาระใคร ปล่อยผมเถอะครับ" อิสระไม่อยากหยิ่งหรอก แต่ภาพวันนั้นยังจำติดตา จนอิสระไม่กล้ากลับไปสู้หน้าใช้ชีวิตกับคนที่เพิ่งว่าเขาแรงๆแบบนั้นได้


หมับ!

    แค่อิสระหมุนตัว จิณณ์ยึดข้อมืออิสระไว้ทันที


"น้องอิส อย่าหนีพี่อีกเลยนะ"

"ไม่ได้หรอกครับ ผมไม่อยากเป็นภาระแล้วจริงๆ"


    อิสระสะบัดมือพี่จิณณ์ออก เขาไม่ควรทำตัวอ่อนแอและต้องยืนด้วยลำแข้งของตัวเองเพื่อต่อไปในภายภาคหน้าจะได้เป็นคนที่เข้มแข็งมากขึ้น


   ทันใดนั้น...


"อิสไม่อยากอยู่กับพี่ เกลียดพี่มากขนาดนั้นเลยหรือครับ?"



    อิสระหยุดเท้า คนอย่างเขาน่ะเหรอ? คนที่ไม่มีอะไรติดตัวสักอย่าง ทั้งทรัพย์สมบัติ หรือแม้กระทั่งเรือนร่างก็ยังไม่น่าดูสักนิด

    คนอย่างเขานี่นะเหรอ? จะเกลียดใครได้ มีแต่คนอื่นสิที่เกลียดและรังเกียจเขา

   พี่จิณณ์ไม่รู้เลยหรือไงว่าอิสระเกลียดตัวเองต่างหาก

   เกลียดที่ชอบพี่จิณณ์มากเกินไปด้วยซ้ำ



"ผมไม่เคยคิดจะเกลียดพี่จิณณ์เลยครับ"


"ถ้าไม่เกลียด ก็กลับไปใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันนะครับ คุยกันให้เข้าใจ เปิดอกคุยว่ามีอะไรที่อิสระไม่ชอบบ้าง และพี่ไม่ชอบอะไรบ้าง เรื่องวันนั้น ยกโทษให้พี่นะครับ พี่เครียดไปหน่อยเลยพูดจาแรงๆไปแบบนั้น"


"พี่แน่ใจหรือครับว่าจะให้ผมกลับไป? ผมมันช่วยอะไรพี่ไม่ได้ด้วยซ้ำ"


"ช่วยได้สิ ทำกับข้าวให้พี่กินไง อิสเป็นคนหัวไวมากนะ พี่เชื่อว่าถ้าอิสเรียนรู้เพิ่มเติม อิสจะทำกับข้าวให้พี่ได้หลายเมนูเลย หรือคิดซะว่า พี่จ้างอิสมาทำกับข้าวให้พี่ก็ได้ และถ้าอิสคิดว่าทำอะไรได้อีกก็บอกมาเลย"


    อิสระยืนเงียบ ใจหวิว เขาเป็นฝ่ายผิดเองที่เอาแต่รอพึ่งคนอื่น แต่พี่จิณณ์ยังมา ง้อขอโทษราวกับว่า พี่จิณณ์ผิดมหันต์


    อิสระไม่ลังเลที่จะพยักหน้าแทนคำตอบ ทันใดนั้น จิณณ์ดึงร่างอิสระไปกอด ลูบหัว อย่างไม่สนว่าใครจะมอง


"พี่ขอโทษ อย่าโกรธพี่นะ"

"ผมไม่เคยแม้แต่จะคิด"

"ถ้างั้นชีวิตของอิสต่อจากนี้...ให้พี่เป็นคนรับผิดชอบนะ"



      น้ำเสียงนุ่มนวล ชวนฝันพูดออกมาถึงกับทำให้อิสระลบล้างความรู้สึกแรกที่พี่จิณณ์เคยว่าอิสระเป็นปลิดทิ้ง



      อิสระเผลอมองตาอีกฝ่ายก็เห็นชัดถึงความมุ่งมั่น จริงจัง จริงใจ จนรีบหลุบสายตาลงต่ำ เพราะใจสั่น เจ้าตัวรีบพยักหน้าอย่างใจอ่อน


     จากนั้น ทั้งสองก็เดินขึ้นห้องเพื่อไปปรับความเข้าใจว่าถ้าอยู่ด้วยกัน ควรต้องใช้ชีวิตกันอย่างไรหลังจากนี้...




..................................


ก็นะที่ผ่านมา ...พี่จิณณ์สับสนและเครียดหลายเรื่องมารวมกันเลยพาลไปหน่อยค่ะ พอน้องไม่อยู่ก็ใจหวิวไง แบบเฮ้ย! รู้สึกเหมือนขาดอะไรไปบางอย่าง...ก็ต้องตามล่าหาสมบัติกันหน่อยล่ะ...
.
.
เย้! สมหวังเขาอยู่ด้วยกันแล้ว ตอนหน้าก็จบแฮปปี้เอนดิ้งแล้วค่าาา...(5555) ล้อเล่นนนน
.
. เดี๋ยวสิ มันยังไม่หวานพอเลยเนอะ เอาให้มดขึ้นสักหน่อยแล้วกัน . แล้วค่อยดราม่าต่อ อุ้บสสสส์!!!...
.
ขอบคุณผู้อ่านที่น่าร้ากก... เจอกัน.
:mew1: :mew1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด