พิมพ์หน้านี้ - +..▪..+"แสง.สุด.ท้าย"+..▪..+|ตอนที่ 15.3| อัพ 28-4-18> P.4 _*|จบแล้ว|*

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: rinyriny ที่ 09-09-2017 22:35:26

หัวข้อ: +..▪..+"แสง.สุด.ท้าย"+..▪..+|ตอนที่ 15.3| อัพ 28-4-18> P.4 _*|จบแล้ว|*
เริ่มหัวข้อโดย: rinyriny ที่ 09-09-2017 22:35:26
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะ ครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรัก ชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้าม แจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะ ปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของ แต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้าม จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิด เดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม

6.การ พูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอม ให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้าม ลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อ ขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ด นิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยาย ที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง

16.นิยาย เรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วน หรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมด ออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้าม แจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

18.ใคร จะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17

เวปไซต์ แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่าง ประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม



*************************************
หัวข้อ: Re: +..▪..+"แสง.สุด.ท้าย"+..▪..+ ||บทนำ|| อัพ- 9-09-17
เริ่มหัวข้อโดย: rinyriny ที่ 09-09-2017 22:56:10
บทนำ





"เชิญชั้นสองห้องสุดท้ายเลยครับ"



   
    คุณอิทธิพล อัศวกรกรรณ์ ผู้เป็นเจ้าของบ้านหรือจะเรียกว่าคฤหาสน์ก็คงจะเหมาะสมมากกว่ากำลังเอ่ยเชิญพันธมิตรที่กำลังคิดวางแผนทำธุรกิจร่วมกันเดินขึ้นไปยังห้องพิเศษ



    คุณเจริญ ตระติมันตรา มาพร้อมลูกชายอย่าง จิณณ์ ตระติมันตราเพื่อให้เรียนรู้งานไปด้วย เพราะ ตั้งแต่ที่จิณณ์เรียนจบ ลูกชายคนนี้ก็ไม่เคยคิดจะเข้ามาสานต่อธุรกิจครอบครัวเลยสักนิด



     จิณณ์ในวัยสามสิบสองปี เป็นผู้ชายรูปหล่อ จมูกโด่ง ตาคม ไม่ว่าเขาจะถูกจับวางไปอยู่สถานที่จรจัดหรือแม้แต่ให้สวมใส่ชุดราคาถูกแสนถูกแค่ไหนเขายังคงดูดี แผ่รังสีแห่งความมีออร่า ดั่งบุรุษรูปงามในยุคสมัยโรมันได้อย่างไม่น่าเชื่อ



    อิทธิพลผายมือให้สองพ่อลูกนั่งโซฟาราคาแพงที่นำเข้าจากยุโรป


    แม้หัวข้อในการสนทนาวันนี้ คือ การนั่งเจรจาทางธุรกิจ แต่อิทธิพลย้ำบ่อยครั้งว่าให้ทำตัวตามสบาย เพราะทันทีที่ทั้งสามนั่งลง อิทธิพลเอ่ยเรียกแม่บ้านหน้าตาสะสวยให้เตรียมเครื่องดื่มมา เพราะภายในห้อง ณ มุมหนึ่งมีบาร์หินอ่อนที่เบื้องหลังมีชั้นวางบรั่นดีหลากหลายยี่ห้อ



    เปิดเรื่องคุยกันเบาๆ ในขณะที่รอแม่บ้านรินบรั่นดีลงแก้วทรงเตี้ย




"ดื่มหน่อยนะครับ จะได้ไม่เกร็งกันเกินไป"



     เสิร์ฟวางตรงหน้าทุกคน อิทธิพลก็เอ่ยเสียงเย็นแต่ใบหน้าค่อยๆคลี่ยิ้มให้สองพ่อลูกผ่อนคลายขึ้น



       ทั้งสามยกแก้วขึ้นจิบ และวางมันลงบนโต๊ะกระจกใสดังเดิม


      อิทธิพลเข้าเรื่องที่สนใจกับคุณเจริญ โดยจิณณ์นั่งเงียบๆอยู่ข้างบิดา



      เมื่อน้ำสีอำพันที่บรรจุอยู่ในแก้วของใครพร่องลง แม่บ้านก็หยิบไปเติมจนเต็มอีกครั้ง




      จิณณ์ดื่มเป็นแก้วที่สอง หวังย้อมใจให้หายเบื่อกับสิ่งที่เขาได้ฟังอยู่บ้าง




     อึดอัดไม่น้อยเลยกับการมองเห็นผู้ใหญ่สองคนคุยงานที่เบื้องหนาปรากฏด้วยรอยยิ้มการค้า แต่ข้างในใครจะรู้ว่าสิ่งที่ต้องการก็คงหนีไม่พ้นว่าจะทำอย่างไรให้ตัวเองได้ผลประโยชน์มากที่สุด   

 

     เขาไม่อยากมาทางนี้เลยด้วยซ้ำ แต่เพราะบ่ายเบี่ยงมาตลอด จนเมื่อปลายปีที่แล้วที่มารดาของจิณณ์เสียไป เขาถึงตามใจบิดาที่ร้องขอมาหลายปี เพราะไม่อยากให้พ่อที่อายุมากขึ้นทุกทีๆ เครียดไปกันใหญ่





"พ่อครับ ผมขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อนนะครับ" กระซิบบอกเป็นจังหวะเดียวกับที่คุณอิทธิพลปลีกตัวไปคุยโทรศัพท์พอดี



   เจริญพยักหน้ารับ จิณณ์ลุกเดินไปถามแม่บ้านสาวสวยถึงทางไปห้องน้ำ



   ขายาวพาตัวเองออกมาจากห้องแห่งการค้า ก็ถอนหายใจยาว



   ช่างน่าเบื่อจริงๆ!


   จิณณ์ล้วงกระเป๋ากางเกงหยิบโทรศัทพ์กรอกเบอร์โทรหาเพื่อน



   จิณณ์หนีบโทรศัพท์แนบหู ขณะที่สองมือล้วงในกระเป๋ากางเกงควานหาบุหรี่และไฟแช็คไปด้วย



    ปึ่ก!



    สบถเสียงดังเมื่อจังหวะที่ปลายสายรับโทรศัพท์ เจ้าตัวก็ทำมันรวงหล่นลงสู่พื้นและลื่นไถลไปหยุดตรงหน้าประตูห้องบานหนึ่งพอดิบพอดี



    จิณณ์เร่งฝีเท้าและก้มเก็บโทรศัพท์ ทันใดนั้นเอง...




กึกกึก!


   หันขวับ มองเสียงเหมือนคนกระชากลูกบิดประตู จากด้านใน



"ช่วยผมด้วย"



     โคลงศรีษะฉงนกับเสียงแผ่วเบาตามหลังที่ฟังไม่ได้ศัพท์ จิณณ์คิดว่าคงหูฝาด เขาส่ายหน้าเบาๆลุกขึ้นและเดินผ่านไปอย่างไม่สนใจ


    ราวสิบห้านาที ที่จิณณ์ก้าวยาวๆกลับมาทางเดิมเพื่อไปห้องส่วนตัวสุดทางเดิน แต่สิ่งที่ทำให้ชะงัก เมื่อตาเหลือบเห็นว่ามีฝาครอบลูกบิดและคล้องด้วยแม่กุญแจอีกชั้นอย่างแน่นหนาราวกับว่ามันเป็นห้องปิดตาย ไร้คนอาศัย



    และเสียงที่จิณณ์ได้ยินจากด้านในล่ะ?
 

    ทำหน้าฉงนแต่ก็ยังเร่งฝีเท้าเข้าห้อง เพื่อกลับมานั่งตามเดิม แต่ตอนนี้สมองกลับยังไม่หยุดคิดเรื่องที่เพิ่งเจอมาก่อนหน้า



     นั่งฟังผู้ใหญ่สองคนคุยกันไปอีกชั่วโมงกว่าๆ ถึงได้เวลาเดินออกมาจากห้อง โดยคุณอิทธิพลก็เดินมาส่งแขกกลับบ้าน



   ความสงสัยใคร่รู้ยังไม่จางหาย จิณณ์อยากรู้ว่าสิ่งที่ได้ยินนั้นเขาหูฝาดไปเองหรือเปล่า?



     ถ้าอย่างนั้นมันก็ต้องพิสูจน์



    จิณณ์ทำทียกโทรศัพท์ขึ้นมาแนบหู



"พ่อเดินไปก่อนนะครับ ผมขอคุยงานสักครู่"



    เจ้าของบ้านและคุณเจริญที่ได้ยินพร้อมกันต่างพยักหน้ารับและเดินคุยงานกันไป


     ในระหว่างนั้น...



      จิณณ์หันซ้ายแลขวาดูว่าใครยังอยู่แถวนี้หรือไม่? เมื่อแน่ใจแล้วว่าทางสะดวก จิณณ์เดินชิดประตูแนบหูลงไป ก่อนจะใช้ปลายนิ้วเคาะบนประตูไม้สักสองสามครั้ง และพูดขึ้น




"มีใครอยู่ในนั้นหรือเปล่าครับ?"



    หลายนาทีที่ไม่มีเสียงตอบกลับมา



"สงสังเราคงนอนน้อย"
บ่นพึมพำ ที่แท้คงเป็นเพราะตัวเองจริงๆที่เบลอหรือไม่สติก็คงเลอะเลือน



    ถอยห่างออกจากประตูและหมุนตัวเดินเลี่ยงไปยังบันได แต่...จังหวะนั้น...



ฟึ่บ!



    เขาหยุดเท้า ก้มมองกระดาษสีขาวแผ่นเท่าฝ่ามือที่อยู่ตรงพื้น


    กระดาษแผ่นนั้นมันออกมาจากช่องว่างตรงขอบประตูล่าง


    นั่งยองๆลงหยิบกระดาษขึ้นมาอ่าน



    เบิกตากว้างทันใด เมื่อเห็นข้อความในกระดาษ แต่สิ่งที่ทำให้ตกใจยิ่งกว่าจนเม็ดเหงื่อผุดซึมทั่วใบหน้าและใจเต้นแรงกว่าเดิมเมื่อตัวอักษรที่เห็นตรงหน้าถูกเขียนขึ้นมาด้วยเลือด


"ช่วยผมด้วย - ห้ามบอกใคร"




..............................

ฝากเนื้อ ฝากตัวด้วยค่ากับนิยายเรื่องใหม่
.
และมีนิยายเรื่องอื่นๆด้วยนะคะ ตามลิงค์ด้านล่างเลยค่ะ ขอบคุณมากมายค่ะ
.
.
 ||*...สวัสดี▪นายพล▪ คนธรรมดา...*||

http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=60981.0#top (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=60981.0#top)

ขอบคุณคุณ graciej
สำหรับการช่วยดูคำผิดค่า ^^
หัวข้อ: Re: "แสง.สุด.ท้าย" ||บทนำ|| อัพ- 9-09-17
เริ่มหัวข้อโดย: graciej ที่ 10-09-2017 01:19:28
รอติดตามเรื่องใหม่ค่ะ :L1:

มีพิมพ์ผิดนะคะ มีชื่อ ฌอณ โผล่มาค่ะ ^^
หัวข้อ: Re: +..."แสง.สุด.ท้าย"...+ ||บทนำ|| อัพ- 9-09-17
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 23-09-2017 20:48:06
แวะมาปูเสื่อรอ
หัวข้อ: Re: +..."แสง.สุด.ท้าย"...+ ||บทนำ|| อัพ- 9-09-17
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 23-09-2017 22:18:13
 :katai2-1: :mc4: :katai2-1:

 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: +..."แสง.สุด.ท้าย"...+ ||บทนำ|| อัพ- 9-09-17
เริ่มหัวข้อโดย: 0% ที่ 25-09-2017 10:03:59
รอจ้า
หัวข้อ: Re: +..."แสง.สุด.ท้าย"...+ ||บทนำ|| อัพ- 9-09-17
เริ่มหัวข้อโดย: magic-moon ที่ 26-09-2017 12:11:01
รอร้อรอ น่าสนุก
หัวข้อ: Re: +..."แสง.สุด.ท้าย"...+ ||บทนำ|| อัพ- 9-09-17
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 26-09-2017 22:24:44
นี่คงไม่ใช่เรื่องสยองขวัญ หรือโรคจิตใช่มั้ยไรท์  :serius2:
หัวข้อ: Re: +..."แสง.สุด.ท้าย"...+ ||บทนำ|| อัพ- 9-09-17
เริ่มหัวข้อโดย: หมอตัวเปียก ที่ 26-09-2017 22:55:55
แลดูน่าสนุก
หัวข้อ: Re: +..▪..+"แสง.สุด.ท้าย"+..▪..+ ||ตอนที่ 1|| อัพ- 28-09-17
เริ่มหัวข้อโดย: rinyriny ที่ 28-09-2017 21:18:56
บทที่ 1 อิสระ





      คุณคิดว่า อิสระ หมายถึงอะไร?



      การทำอะไรได้ตามความคิด ตามใจปรารถนาของตัวเอง ใช้ชีวิตอย่างเสรีภาพโดยไม่มีใครบังคับหรือบงการ หรืออันที่จริงมันก็คงมีอีกหลายความหมายตามแต่ใครจะตีความออกมาได้



     แต่ความหมายเหล่านั้น คงผิดกับ "อิสระ" ตอนนี้ ที่กลับไม่ได้ใช้ชีวิตอย่างชื่อที่ถูกเรียกขานสักนิดเดียว...



"คุณอิทธิพลให้เอาข้าวมาให้ค่ะ เป็นของโปรดของคุณอิสด้วยนะคะ"
หญิงวัยห้าสิบตอนปลายบอกเด็กหนุ่มที่คุ้นเคยกันดี



"ขอบคุณครับ ป้าแก้ว"



       เอ่ยเสียงจริงใจกลับไป เพราะตั้งแต่ที่แม่ของอิสระเสียชีวิตได้ราวหกปีก่อน ก็มีป้าแก้วนี่ล่ะที่อิสระสัมผัสได้ว่ามีความรักให้เขาอย่างแท้จริง



     ...อิสระไร้อิสระ...ตั้งแต่เรียนจบมัธยมศึกษาตอนปลาย เขายังไม่ทันได้เรียนต่อระดับมหาวิทยาลัยก็เกิดปัญหาให้เขาต้องโดนกักขังหน่วงเหนี่ยวอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมว่างเปล่า ไม่มีเฟอร์นิเจอร์สักชิ้นมาตกแต่ง หรือแม้แต่หมอน ผ้าห่มก็ไม่มีให้คลุมร่างกายไปจนถึงเครื่องมือสื่อสารก็โดนยึดไปหมด จะมีแค่เพียงเครื่องปรับอากาศที่ยังพอให้ความเย็นแก่ร่างกายก็เท่านั้น



       ช่วงที่โดนขังใหม่ๆ อิสระมีความคิดอยากฆ่าตัวตายแทบทุกวัน เขาทำตัวกบฎไม่ยอมกินข้าว อดจนร่างกายซูบผอม บ้างก็ชกกำแพงจนข้อนิ้วหัก บ้างก็ข่วนแขน-ขาตัวเอง ฝังเล็บลงตามร่างกาย และบางคราวที่เครียดจัดก็ทึ้งหัวตัวเองเหมือนคนบ้า

   


      แต่ที่แย่ยิ่งไปกว่า คือ เมื่อคุณอิทธิพลรู้ข่าวว่าอิสระทำร้ายตัวเองมากเท่าไหร่ เขาจะส่งคนมาทำร้ายหรือไม่ก็ลงมือเองและหนักกว่าเป็นสองเท่า ทั้ง เตะ ต่อย ที่โหดสุดก็คงจะเป็นใช้เทียนลน และจี้ตามตัวจนถึงตอนนี้ก็ยังหลงเหลือรอยแผลเป็นเต็มร่าง



      ตลอดระยะเวลาสี่ปีที่อิสระทนทุกข์ทรมานและนี่เป็นเพียงส่วนน้อยที่เขาโดนกระทำ ยังมีอีกหลายอย่างที่อิสระไม่อยากจำ หลายต่อหลายครั้งที่เจอหน้ากัน อิสระเคยตั้งคำถามกับคุณอิทธิพลเหมือนกัน



     

"ทำไม คุณพ...คุณอิทธิพล ไม่ฆ่าผมให้ตายครับ ทำแบบนี้เพื่ออะไร"



      ทุกครั้งที่ถาม ก็มักจะได้คำตอบไม่แตกต่างจากเดิม



"หึๆ แกรู้อะไรไหม? ถ้าแกตายไปมันก็เจ็บแค่ครั้งเดียว สู้ให้ฉันทรมานแบบนี้แหละสะใจกว่า"

   


      คิดในใจมาตลอดว่าอิสระไปทำอะไรให้ถึงมีจิตใจเลวทรามและโหดเหี้ยมกับเขาเพียงนี้...


      อิสระท้อถอยจนสภาพจิตใจย่ำแย่ หลังจากทรุดโทรมมาเป็นปีๆ อิสระเริ่มตั้งสติ เฝ้าทบทวนตัวเองและคิดได้ว่า



      เขาไม่ควรคิดทำร้ายตัวเองหรืออยากตายอีกต่อไป เพราะคนที่สมควรตายควรเป็นคนที่ทำกับอิสระแบบนี้มากกว่า



      ทุกวันอิสระยืนมองหน้าต่างผ่านกรงเหล็กแน่นหนา เพื่อดูข้างนอกว่ามีอะไรเปลี่ยนไปบ้างหรือเปล่า? ทุกครั้งที่สายตาทอดมองไปไกลแสนไกล อิสระมองด้วยความหวังว่าสักวัน เขาจะเดินพ้นรั้วประตูบ้านหลังใหญ่แห่งนี้ออกไปได้

     

      การอยู่ในห้องโดยไม่สามารถออกไปชื่นชมวิวหรือมีปฏิสัมพันธ์กับใคร ทำให้เพื่อนคุยของอิสระ จึงมีเพียงป้าแก้วที่แวะเวียนเอาอาหารมาให้ทุกเช้า กลางวัน เย็น เขาจึงมีเวลาคุยกับป้าแก้วได้บ้าง อย่างน้อยห้านาทีก็มีค่าสำหรับอิสระแล้ว



       ความผูกพันของทั้งสองคนก่อตัวขึ้น ทำให้ป้าแก้วและอิสระ ต่างก็รักและไว้ใจกันและกัน



       เวลาได้เจอะกัน ป้าแก้วชอบบ่นให้ฟังบ่อยๆว่าอยากช่วยเหลืออิสระ แต่นึกหนทางไม่ออก เพราะลำพังตัวป้าแก้วเองก็เป็นแค่ลูกจ้างคนหนึ่งที่ทำมาหากินเลี้ยงตัวเองและหลานที่โดนลูกสาวทอดทิ้งไว้ให้..



      อิสระเข้าใจป้าแก้วและรู้สึกดีที่ยังมีคนห่วงใยเขาเสมอ



      ความหวังดีของป้าแก้วนี่เองที่ทำให้หวนไปนึกถึงใครบางคนอย่างไม่เข้าใจว่าทำไมเขาช่างโหดร้าย ก็แค่สิ่งที่อิสระทำลงไปนั้น ในมุมมองเขามันไม่ใช่เรื่องผิดด้วยซ้ำ ทำไมคุณอิทธิพลถึงมองว่ามันเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย จนถึงกับขนาดต้องมากักขังกันอย่างนี้



"ป้าแก้วคิดว่าผู้ชายคนนั้นจะเป็นคนดีและไม่เอาเรื่องนี้ไปบอกคุณอิทธิพลใช่ไหมครับ?"
ออกจากความคิดในอดีตหันมาอยู่กับปัจจุบันด้วยการถามป้าแก้วถึงเรื่องผู้ชายคนนั้น



       เพราะตอนนี้ผ่านไปสองวันแล้วที่อิสระใจกล้ายื่นกระดาษแผ่นนั้นลอดช่องประตูไป  เพียงเพราะป้าแก้วเข้ามาบอกอิสระว่ามีแขกแปลกหน้ามา และยุให้อิสระลองขอความช่วยเหลือจากคนๆนั้น แต่ทว่า ทุกอย่างยังเงียบเชียบ ไม่มีความเคลื่อนไหว



"ป้าแก้วมั่นใจว่าเขาจะไม่บอกค่ะ และป้าแก้วเชื่อว่าเขาต้องมาช่วยคุณอิส เพราะวันนั้น ป้าจับอาการได้นะ ตอนที่เขาลาคุณอิทธิพล สีหน้าเขาดูมีความกังวลถ้าเขาจะไม่สนใจจริงๆ เขาไม่เห็นต้องทำกิริยาแบบนั้น"



"จริงหรือครับ ป้าแก้ว"



"จริงค่ะ ถ้าป้าแก้วเห็นเขามาหาคุณอิทธิพลอีก ป้าแก้วจะพยายามชวนเขาคุยสร้างความสนิทสนมไว้นะคะ"



"ขอบคุณครับป้าแก้ว"



"ป้าแก้วไปก่อนนะ ยังไง คุณอิสของป้าต้องออกไปได้แน่ๆ"




"ครับ ผมก็หวังอย่างนั้นเหมือนกัน"



      เมื่อป้าแก้วลับตาไป อิสระนั่งถอนหายใจอยู่มุมห้อง เขานึกย้อนไปถึงวันที่เขายื่นกระดาษแผ่นนั้น นึกถึงเสียงคนที่เอ่ยถามว่ามีใครอยู่ไหม? เพียงแค่นั้น มันก็ทำให้เขามีความหวังได้อย่างไม่น่าเชื่อ...



      อิสระไม่รู้หรอกว่าผู้ชายคนนั้นจะกลับมาช่วยไหม? แต่สำหรับคนที่ความหวังริบหรี่เช่นนี้ เขาก็ขอหวังหน่อยแล้วกัน...



   



.............





     ผ่านไปแล้วสองวัน แต่จิณณ์ยังคงครุ่นคิดถึงเรื่องวันที่ไปบ้านคุณอิทธิพลอยู่เลย



      แม้จะพยายามปัดไล่ความคิด พยายามไม่สนใจเพราะเห็นว่าไม่ใช่เรื่องของตัวเอง แต่ทำไมมันยังกลับมาวนเวียนอยู่ในสมองด้วยก็ไม่รู้



      หรือเป็นเพราะลึกๆแล้วเขาเองก็มีความอยากรู้ว่าเพราะอะไรถึงมีคนโดนขังอยู่ในห้องนั้น



     จิณณ์ไม่ได้บอกเรื่องนี้กับใคร แม้แต่พ่อของเขาเอง



      สมองคิดไป สายตาก็จดจ้องมองกระดาษที่เขียนด้วยเลือด ที่เขายังคงเก็บรักษามาจนถึงตอนนี้



      คิดแล้วคิดอีก จนสมองจะระเบิดว่าเหตุการณ์นี้ เขาสมควรปล่อยผ่านหรือควรเข้าไปช่วยเหลือดี



      ทนความคิดตัวเองไม่ไหว ถ้าไม่ไปให้หายข้องใจ จิณณ์คงเป็นบ้าตาย





       ร่างสูงลุกพรวดจากห้องของตัวเองไปหาพ่อที่ห้องทำงาน



      เคาะประตูเรียกและเปิดประตูเข้าไป



"พ่อครับ พ่อจะไปบ้านคุณอิทธิพลอีกไหมครับ?"




"ถามทำไม?"



"พอดีผมมีเรื่องงานอยากปรึกษานิดหน่อย"



"เราไปคนเดียวได้ไหมล่ะ"




"ได้ครับ ถ้างั้นพ่อช่วยพูดให้หน่อยได้ไหมครับว่าผมจะเข้าไป"



"อืม ดูก่อนนะว่าวันนี้ คุณอิทธิพลอยู่บ้านหรือเปล่า?"



"ครับ"



      จิณณ์ยืนรอพ่อคุยโทรศัพท์กับปลายสาย ถือว่าโชคเข้าข้างที่จิณณ์ได้ข่าวดีว่าคุณอิทธิพลอยู่บ้านวันนี้พอดี

 

       หลังจากที่เห็นบาร์เหล้าวันนั้น จิณณ์คิดว่าคุณอิทธิพลน่าจะเป็นพวกมีรสนิยมชอบดื่ม ก่อนไปหา จิณณ์แวะซื้อไวน์แดงเป็นของกำนัลเล็กๆน้อยๆ



       พิถีพิถันเลือกไวน์เรียบร้อย เขามุ่งหน้ามาถึงคฤหาสน์หลังโต จิณณ์เข้ามายังตัวบ้านพร้อมคนงานที่เดินตามประกบมา





"สวัสดี คุณจิณณ์"


"สวัสดีครับ คุณอิทธิพล พอดีพ่อให้ผมนำของเล็กๆน้อยๆมาฝากครับ"
จิณณ์ยกมือไหว้พร้อมยื่นถุงให้



"ไม่เห็นต้องลำบากเลย"


"ไม่ลำบากเลยครับ เพราะคุณพ่อบอกว่าเป็นการขอบคุณล่วงหน้าที่คุณอิทธิพลสนใจจะร่วมลงทุนในธุรกิจของเราครับ"



       จิณณ์พูดนอบน้อม เพราะธุรกิจที่ว่าคือการร่วมลงทุนสร้างคอมมูนิตี้มอล์สำหรับการทำแหล่งช็อปปิ้ง กิน เที่ยวย่านชานเมือง เนื่องจากตอนนี้ ที่ดินของบิดาเป็นทางผ่านรถไฟฟ้าที่เขากำลังก่อสร้างบริเวณนั้นพอดี

 

 "รีบไหม นั่งดื่มด้วยกันก่อนสิ"


      รู้ว่าคุณอิทธิพลอาจชวนเป็นพิธี แต่ก็นั่นแหละ...จิณณ์รีบรับคำ เพราะพอจะสังเกตได้บ้างว่าคุณอิทธิพลน่าจะเป็นนักดื่มตัวยง การมีเพื่อนดื่มย่อมดีกว่าการนั่งดื่มคนเดียวเป็นไหนๆ




"เราจะไปนั่งดื่มกันที่ห้องนั้นใช่ไหมครับ?"



"ใช่สิ ฉันมีห้องเดียวที่มีไว้สำหรับพักผ่อน สนใจผู้หญิงด้วยไหม?"



"หา อะไรนะครับ"



     จิณณ์ถามซ้ำ



"หึๆ อย่าทำเป็นไม่รู้หน่อยเลย สุราเคล้านารี ไม่เคยได้ยินหรือ? ถ้าคุณจิณณ์สนใจ ฉันเดลิเวอร์รี่มาให้ได้ ระดับวีไอพีเชียวนะ"



     ชายหนุ่มยืนนิ่งเงียบ เพราะเดานิสัยคุณอิทธิพลไม่ออก เขาถือว่าเป็นคนอ่านยากพอสมควร จิณณ์จึงได้แต่ส่งยิ้มการค้า



"คุณอิทธิพลพูดซะน่าสนใจเชียว แต่ขอไว้คราวหน้านะครับ วันนี้ผมอยากดื่มเฉยๆมากกว่า"



"ได้ ถ้างั้นก็ไปกันเลย"



      ทั้งสองเดินไปด้วยกัน โดยจิณณ์เดินตามหลังนิดหน่อย ขณะที่ต้องผ่านห้องที่จิณณ์จำได้ขึ้นใจ คุณอิทธิพลดูตกใจไม่น้อยที่พาจิณณ์ขึ้นมาในจังหวะที่แม่บ้านเดินถือถาดเปล่าออกมาจากห้องนั้นพอดี



     คุณอิทธิพลดูเร่งฝีเท้าผิดปกติ ในระหว่างที่ผู้หญิงคนนั้นกำลังงับประตู ยังพอเหลือช่องว่างเล็กๆให้จิณณ์ได้ส่อง เขาสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อวินาทีที่มองลอดเข้าไป จิณณ์เห็นเด็กหนุ่มนั่งอยู่ที่พื้นสบสายตากับเขาพอดี



      ร่างกายไม่ได้ผ่ายผอมหรือมีโซ่ตรวนล่ามขาอย่างที่จินตนาการเอาไว้ มีเพียงใบหน้าที่ดูเศร้าหมอง ทรุดโทรม ผิดกับสายตาที่ฉายชัดออกมาอย่างคนมีความหวัง



      แค่เห็น จิณณ์กลับใจเต้นแรงกว่าเดิม จู่ๆ จิณณ์ก็รู้สึกอยากช่วยเด็กหนุ่มคนนั้นขึ้นมา



        ขายาวยังคงเดินตามเจ้าของบ้านทั้งๆที่ในใจเต็มไปด้วยความสงสัยว่าเด็กหนุ่มในห้องลึกลับนั้น มีความสำคัญอย่างไรกับคุณอิทธิพลกันแน่....




****1.1****


ต้องขอโทษถ้าใครที่แวะมาแล้วคิดว่าจะเป็นวัยใส วัยหวานละมุนตลอดทั้งเรื่อง  มันก็จะมีความหวาน โรแมนติกแหละค่ะ เพียงแต่มันก็คละเคล้าความหม่นหน่อยๆ

ขอสนองนี้ดตัวเองเนื่องจากอยากเขียนแนวนี้มานานแล้ว ถ้าใครชอบหรือมีสไตล์ที่ตรงกันยินดีต้อนรับสู่ นิยายเรื่องนี้ค่ะ จุ๊บๆ...

**ตามที่มีนักอ่านถามมา มันไม่เชิงโรคจิตโหดร้ายขนาดนั้นนะคะ แค่ผิวๆๆ ^^ 555**
หัวข้อ: Re: +..."แสง.สุด.ท้าย"...+ ||ตอนที่ 1|| อัพ- 28-09-17
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 28-09-2017 22:02:19
มาลุ้นว่าจะเอาออกมาได้ไหม
หัวข้อ: Re: +..."แสง.สุด.ท้าย"...+ ||ตอนที่ 1|| อัพ- 28-09-17
เริ่มหัวข้อโดย: เพียงเพื่อน ที่ 28-09-2017 22:15:21
ส่วนตัวยังไม่เคยอ่านพล้อตแบบนี้ น่าสนใจมากๆค่ะ *-*
หัวข้อ: Re: +..."แสง.สุด.ท้าย"...+ ||ตอนที่ 1|| อัพ- 28-09-17
เริ่มหัวข้อโดย: Malinda ที่ 28-09-2017 22:25:36
สนุกดีคะ เอาใจช่วทั้งอิสระ และนักเขียนนะคะ
หัวข้อ: Re: +..."แสง.สุด.ท้าย"...+ ||ตอนที่ 1|| อัพ- 28-09-17
เริ่มหัวข้อโดย: หมอตัวเปียก ที่ 28-09-2017 22:58:10
น่าติดตามมากอะ มากจนทำให้ช่วงนี้ที่นิยายเริ่มเอื่อย ๆ สำหรับผมกลายมามีพล็อตที่น่าสนใจเพิ่มขึ้นมาเลย
หัวข้อ: Re: +..."แสง.สุด.ท้าย"...+ ||ตอนที่ 1|| อัพ- 28-09-17
เริ่มหัวข้อโดย: JellyKei ที่ 28-09-2017 23:15:36
คุณอิทธิพลทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร แก้แค้นอะไรรึเปล่า? แต่โหดร้ายมากเลย ขอให้โดนช่วยออกไปได้นะ
รอตอนต่อไปอย่างใจจดใจจ่อค่ะ ตื่นเต้นไปกับทุกตุวอักษรเลย ฮือ
หัวข้อ: Re: +..."แสง.สุด.ท้าย"...+ ||ตอนที่ 1|| อัพ- 28-09-17
เริ่มหัวข้อโดย: cheezett ที่ 28-09-2017 23:32:37
ติดตามๆน่าสนุกดีค่ะ หวังว่าคงไม่หม่นจนเกินไป555
หัวข้อ: Re: +..."แสง.สุด.ท้าย"...+ ||ตอนที่ 1|| อัพ- 28-09-17
เริ่มหัวข้อโดย: 0% ที่ 01-10-2017 13:10:24
ติดตามจ้า  :katai4:
หัวข้อ: Re: +..▪..+"แสง.สุด.ท้าย"+..▪..+ ||ตอนที่ 1.2|| อัพ- 3-10-17
เริ่มหัวข้อโดย: rinyriny ที่ 03-10-2017 21:12:50
บทที่ 1 อิสระ (2)




        จิณณ์นั่งไม่ติด เขาเข้าห้องนั้นเพียงห้านาทีเท่านั้น ก็ทำเนียนขอคุณอิทธิพลไปเข้าห้องน้ำและรีบเดินหาผู้หญิงคนนั้นหวังจะตามให้ทันและอยากถามด้วยความอยากรู้ ระหว่างเดินลงบันได้เจอแม่บ้านสาวสวยอีกคน จิณณ์ถามอย่างระวังตัวและไม่ให้มีพิรุธ



        ยังไม่ทันได้คำตอบ จิณณ์เห็นหลังไวๆกับคุณป้าที่เดินไปทางหน้าบ้าน จิณณ์รีบปรี่ไปหา



หมับ!



"ว้าย!..ตาเถรตก" ป้าแก้วตกใจที่จู่ๆก็มีคนจับต้นแขนและรั้งไว้จนป้าแก้วหยุดเท้าหันขวับ



"ผมขอโทษครับที่ทำให้คุณป้าตกใจ"



"มีอะไรหรือเปล่าคะคุณ"




     จิณณ์เงียบไปครู่หนึ่งก่อนถาม เขามองสายตาคุณป้าคาดว่า น่าจะเป็นคนดี



"ผมอยากถามอะไรบางอย่าง แต่คุณป้าอย่าบอกคุณอิทธิพลได้ไหมครับ?"



"เรื่องอะไรคะ"



"ห้องที่คุณป้าเข้าไป ผมเห็นมีผู้ชายอยู่ในนั้น เขาเป็นอะไรกับคุณอิทธิพล และทำไมต้องล็อคจากด้านนอก มันเหมือนขังเขาไว้เลยครับ"



"คุณช่วยคุณอิสด้วยนะคะ ช่วยเขาด้วย ป้าขอร้อง ป้าแก้วไปก่อนนะคะ" ตอบไม่ตรงคำถาม แถมพูดล่กๆและรีบเดินหนีห่าง จิณณ์ยืนมองอย่างงงๆจนกระทั่งคุณป้าคนนั้นลับตาไป สายตาของร่างสูงก็ปะทะกับการ์ดร่างใหญ่สองคนที่เดินมุ่งหน้ามาทางนี้



     เขาหมุนตัวรีบเดินไปยังห้องประชุมที่มีคุณอิทธิพลรออยู่ แต่ยังมิวายงึมงำคนเดียว



"เขาชื่ออิสหรือ?"




      เอ่ยชื่อเด็กคนนั้น พลางครุ่นคิดถึงถ้อยคำขอร้องจากคุณป้าที่อ้อนวอนจากใจ



       แววตา น้ำเสียงจากที่จิณณ์ได้เห็นและได้ยินมันตีความหมายได้เลยว่า เด็กหนุ่มคนนั้น คงไม่มีความสุขแน่ๆ



      ถ้าจะพูดกันตามตรง เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องของจิณณ์ แถมเขาไม่มีส่วนได้ส่วนเสียอะไรทั้งนั้น แต่เพราะลึกๆจิณณ์ก็ยังมีจิตสำนึกของการเป็นคนดี การเห็นภาพเด็กหนุ่มนั่งหงออยู่ที่พื้น สายตามองมาเต็มเปี่ยมด้วยความหวัง มันก็ทำให้จิณณ์อยากช่วยเหลืออย่างสุดความสามารถ



       แต่แล้วเขาจะช่วยยังไงดี ในเมื่อวันนี้เขามีข้ออ้างในการมาที่นี่ได้ แต่ถ้าคราวต่อไปจะยกเหตุผลอะไรมาอ้างได้อีก




      เดินไป-คิดไปจนถึงหน้าห้อง เปิดประตูเข้าไปก็เห็นคุณอิทธิพลจ้องมองด้วยสายตาเย็นยะเยือก



"บ้านฉันก็ไม่ได้ใหญ่โตขนาดจะหลงจนหาห้องน้ำไม่เจอรึเปล่าครับ คุณจิณณ์"



"เอ่อะ"
จิณณ์ยืนหน้าเสียกับเสียงดุๆ และไม่คิดว่าคุณอิทธิพลจะแขวะเพียงแค่เขาหายไปนานแบบนี้


"ฉันล้อเล่น ทำไมหน้าซีดเลยล่ะ"




"ผมขอโทษครับที่เสียมารยาทปล่อยให้ผู้ใหญ่รอนาน"



"ไม่เป็นไร ฉันก็แค่อำน่ะ ตามสบายเถอะ"




      เริ่มบทสนทนาที่คละเคล้าด้วยเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์พอกินไปสักพัก ต่างฝ่ายต่างละลายพฤติกรรมและเริ่มผ่อนคลายกันมากขึ้น และโชคดีที่ดูเหมือนว่าคุณอิทธิพลเริ่มถูกคอ และถูกอกถูกใจจิณณ์หลังจากที่ได้สนทนาทั้งเรื่องธุรกิจและเรื่องทั่วไปด้วย



      กว่าชั่วโมงที่พูดคุยกัน คุณอิทธิพลก็เอ่ยขึ้น




"อื้ม วันเกิดผมจะจัดที่บ้าน คุณมาด้วยสิ"




     ไม่อยากเชื่อว่า ที่จิณณ์กำลังคิดหาโอกาส จะมีจังหวะเข้ามาได้พอดิบพอดีขนาดนี้ จิณณ์ไม่รีรอรีบรับคำ



"ครับ"



"ชวนคุณเจริญมาด้วยนะ"




"ได้เลยครับ"




"อืม ถ้างั้นเดี๋ยวผมขอตัวไปเข้าห้องน้ำสักครู่"



"ครับผม"




      เมื่อคุณอิทธิพลออกจากห้องไปแล้ว จิณณ์เริ่มมึนเล็กน้อย แต่ก็พอตั้งสติได้เขาคว้ากระดาษและปากกาในกระเป๋ามาเขียนข้อความเพื่อที่จะส่งให้กับเด็กหนุ่มที่ถูกขัง



       เขียนเสร็จรีบเดินไปยังห้องลึกลับที่อยู่ไม่ไกลกัน จิณณ์รีบสอดกระดาษใต้ช่องประตูด้านล่าง



"ทำอะไรน่ะ"



   เฮือก!!



   จิณณ์ผงะ หน้าเหวอ เขารีบลุกขึ้นยืน เม็ดเหงื่อผุดซึมทั่วใบหน้า มือเย็นเฉียบแต่กลับเต็มไปด้วยเหงื่อชุ่มมือ



    เขากลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก จากนั้นเขาก็พยายามพูดให้ไหลลื่น



"ในห้องไม่มีสัญญาณ ผมเลยออกมาคุยโทรศัพท์ข้างนอกและจดข้อมูล แต่กระดาษดันหล่นลอดเข้าไปในห้องนี่พอดีครับ"



     บอกไปแต่ในใจลึกๆก็กลัวว่าคุณอิทธิพลจะจับได้ เพราะสายตาที่มองมายอมรับเลยว่าน่ากลัว


"อืม สำคัญมากไหมล่ะ ผมจะได้ให้คนมาเปิดประตูเข้าไปหยิบกระดาษให้"




     เหลือบมองใต้ช่องนั้น เม้มปากครุ่นคิดนิดหนึ่ง ก่อนตอบ



"ไม่เป็นไรครับ เกรงใจ เดี๋ยวผมโทรถามเขาอีกทีดีกว่าครับ"



"ตามใจคุณแล้วกัน" ว่าจบอิทธิพลพยักหน้ารับและไม่มีทีท่าเอะใจอะไร เขาเดินผ่านหน้าจิณณ์ไปด้วยอาการนิ่งๆ



     จิณณ์เป่าปากโล่งใจที่ปลอดภัยและไม่โดนฆ่าตายไปเสียก่อน



     นี่จิณณ์กำลังเล่นกับไฟอยู่หรือเปล่า? แล้วตกลงว่าสิ่งที่ทำนั้นเขาคิดถูกแล้วใช่ไหม? ไม่เป็นไรอย่างน้อยวันนี้ก็ผ่านพ้นไปได้ด้วยดีอีกหนึ่งวัน จิณณ์รีบเดินตามหลังผู้ใหญ่เข้าห้องไปอีกครั้ง



     ในระหว่างที่เสียงด้านนอกเงียบลงแล้ว ด้านในห้องขัง อิสระเหลือบเห็นกระดาษสีขาวแผ่นเล็กวางอยู่ตรงพื้นห้องใกล้ประตู เขาเดินเข่าไปหยิบกระดาษแผ่นนั้นมาอ่าน



     คนที่ถูกลิดรอนสิทธิเสรีภาพ คนที่ไม่มีโอกาสได้ใช้ชีวิตเหมือนคนทั่วไป


      เพียงเห็นข้อความที่คนอื่นอาจมองว่าธรรมดา แต่สำหรับอิสระแล้ว มันช่างมีคุณค่าเหมือนแสงสว่างสาดส่องลงมายังคนที่หมดหวังอยู่ในมุมมืด


     อิสระอ่านจบพร้อมรอยยิ้มและน้ำตาที่ค่อยๆไหลอาบแก้ม



"คุณจะไม่หลอกผมใช่ไหมครับ?"


     มือเรียวกำกระดาษแนบอก กระดาษที่มีข้อความทรงคุณค่าต่อจิตใจ


     ข้อความที่ระบุว่า...

'ผมสัญญา ผมจะมาช่วยคุณ'


.........................................


ดีใจมากๆๆที่มีคนชอบพล็อตเรื่องแบบนี้นะคะ ขอบคุณค่า


หัวข้อ: Re: +..."แสง.สุด.ท้าย"...+ ||ตอนที่ 1.2|| อัพ- 3-10-17
เริ่มหัวข้อโดย: JellyKei ที่ 03-10-2017 22:07:15
คุณอิทธิพลจะแอบสงสัยมั้ยนะ กลัวใจ :serius2:
คุณจิณณ์จะช่วยยังไงล่ะเนี่ย ดูยากอยู่นา รอตอนต่อไปค่า :pig4:
หัวข้อ: Re: +..."แสง.สุด.ท้าย"...+ ||ตอนที่ 1.2|| อัพ- 3-10-17
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 05-10-2017 20:56:31
 :hao7:


 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: +..."แสง.สุด.ท้าย"...+ ||ตอนที่ 1.2|| อัพ- 3-10-17
เริ่มหัวข้อโดย: หมอตัวเปียก ที่ 05-10-2017 22:12:42
กลัวจะโดนจับได้
หัวข้อ: Re: +..."แสง.สุด.ท้าย"...+ ||ตอนที่ 1.2|| อัพ- 3-10-17
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 06-10-2017 10:12:05
ติดตามจ้า  :L2:
หัวข้อ: Re: +..."แสง.สุด.ท้าย"...+ ||ตอนที่ 1.2|| อัพ- 3-10-17
เริ่มหัวข้อโดย: 0% ที่ 06-10-2017 10:45:17
มาต่อเร็วๆได้ม้าย ลุ้นมาก
หัวข้อ: Re: +..▪..+"แสง.สุด.ท้าย"+..▪..+||ตอนที่ 2|| อัพ- 10-10-17
เริ่มหัวข้อโดย: rinyriny ที่ 10-10-2017 22:09:48
บทที่ 2 ใกล้กว่าเดิม

   



แกร๊ก!



      เสียงเปิดประตูห้องอิสระดังขึ้น เขาที่นั่งกอดเข่า หลังพิงกำแพง มองออกไปนอกหน้าต่างก็เบนสายตาไปที่ประตูด้วยรอยยิ้มระรื่น ทว่า กลับหุบลงในไม่กี่วินาที เมื่อเห็นว่าเป็นคุณอิทธิพลพร้อมลูกน้องคนสนิทเดินเข้ามาพร้อมเก้าอี้



      เป็นเวลาหลายสัปดาห์แล้วที่คุณอิทธิพลไม่ได้เข้ามาห้องนี้เลย วันนี้เกิดอะไรขึ้น




"ไงล่ะ คิดถึงฉันไหม?" เดินมาใกล้ ย่อตัวลง จับปลายคางอิสระและยิ้มเยาะ


"ครับ!" ไม่ได้ตอบ สำหรับเขามันคือการขานรับมากกว่า



"อ่อ!...ใช่สิ เห็นแขกของฉันบอกว่าทำกระดาษหลุดมือ ปลิวหล่นเข้ามาในนี้นายเห็นมันบ้างรึเปล่า?" ถามและลุกขึ้นยืนก้าวถอยหลังไปนั่งเก้าอี้ที่คนของเขาเตรียมมาให้



     อิสระชะงัก ส่งสายตาหลุกหลิก แต่สักพักก็กลับมาด้วยใบหน้าปกติ



"ไม่นี่ครับ?"


"เอ้! แขกของฉันโกหกหรือ?"



     อิสระรีบเปลี่ยนเรื่อง



"คุณอิทธิพลเข้ามาทำไมครับ?"


"ก็...วันนี้ ฉันอยากดู?"



"ดูอะไรครับ?" อิสระเอียงคอมองอย่างสงสัย



"ดูนายออรัลเซ็กส์ให้ไอ้ชาย"




      อิสระเบิกตากว้างอย่างตกใจ มันนานมากแล้วที่คุณอิทธิพลเคยบังคับ ขู่เข็ญเขาเรื่องนี้ เพราะโดยปกติ คุณอิทธิพลเกลียดขี้หน้าเขาอย่างกับอะไรดี การทำร้ายร่างกายอย่างป่าเถื่อน ราวกับเขาไม่ใช่มนุษย์ คุณอิทธิพลดูน่าจะชอบใจมากกว่า


     แต่อิสระพอจะจับทางได้ เมื่อใดก็ตามที่คุณอิทธิพลให้เขาทำแบบนี้ มีไม่กี่อย่าง คุณอิทธิพลกำลังสนใจใครบางคนอยู่





      คราวนี้ คุณอิทธิพลชอบใครอีก...



"คราวนี้ ผ...ผมขอไม่...นะครับ"



      หนก่อนที่อิสระยอม เพราะตอนนั้น เขาร่างกายและจิตใจบอบบาง แต่พอตอนนี้ สภาพจิตใจเข้มแข็ง เขาอยากปฏิเสธในสิ่งที่เขาไม่อยากทำบ้าง เพราะเรื่องละเอียดอ่อนแบบนี้ อิสระอยากทำให้เฉพาะคนที่เขารักเท่านั้น



"กล้าปฏิเสธฉันหรือ?"



"ค...คือ"



"นี่!...ฉันอารมณ์ดีอยู่นะ อย่าทำให้อารมณ์เสีย ช่วยไอ้ชายมันเดี๋ยวนี้!!"




       คุณอิทธิพลตวาดและไล่ให้ 'ชาย' ลูกน้องคนสนิทที่มีรูปร่างสูงใหญ่ สมชายชาตรี มีใบหน้าคม คร้าม หล่อเหลา แฝงความเจ้าเล่ห์หรือเจ้าชู้ เดินไปยืนตรงหน้าอิสระที่นั่งอยู่ที่พื้น


"ไอ้ชาย ถอดกางเกงซะ"  สิ้นคำสั่ง ชายพลันเหลือบมอง 'กรณ์' ลูกน้องคนสนิทของคุณอิทธิพลอีกคน ที่ดูทรงแข็งแรงพอกัน ซึ่งมีฉายาว่า 'หน้าตี๋ หน้าตาย' ก่อนจะละสายตาหันมองคนออกคำสั่งพร้อมพยักหน้า



      ชายดึงกางเกงแสลคลงไปกองที่ข้อเท้า เหลือเพียงอันเดอร์แวร์ปกปิดของสงวนไว้

     

       อิสระไม่อยากทำแบบนี้ เขานั่งนิ่งก้มหน้าหนีของสงวนที่อยู่ระดับเหนือศรีษะ



"ลูบ"


      อิทธิพลเริ่มหงุดหงิดจนต้องสั่งลูกน้องอีกคน


"ไอ้กรณ์ จับมือมันมาลูบของไอ้ชายซิ เห็นไหมว่าของมันตั้งแล้ว"



     กรณ์ใจกระตุก  แววตาวูบไหวไปครู่หนึ่งก่อนจะยอมทำตามคำสั่ง ดึงมืออิสระให้มาจับแก่นกายของชาย



     อิสระขืนแรงมือพยายามสะบัดออกแต่ไม่เป็นผล มือของเขาสัมผัสแก่นกายที่ตุงเด่นจนเห็นได้ชัด



     อิสระน้ำตาคลอ เขาเกลียดการบังคับขู่เข็ญ จนกระทั่ง เสียงคำสั่งดังขึ้นอีกครั้ง ให้กรณ์จับมืออิสระดึงอันเดอร์แวร์ของชายให้พ้นตา และแล้วแก่นกายที่แข็งราวกับแท่งเหล็กก็โผล่ให้เห็นเป็นประจักษ์แก่สายตาทุกคน ณ เวลานี้



    จังหวะนั้น อิสระชักมือกลับ เขยิบตัวหนี แต่เมื่อใดที่เจ้าตัวคิดต่อต้าน เขาจะโดนลงโทษทันที



 ผลั่ก!



    อิทธิพลใช้เท้าถีบเข้าที่หัวไหล่อิสระ เมื่อเห็นอีกฝ่ายขัดขืน



"ไอ้กรณ์ไปเอาเทียนไข-ไฟแช็คมา"



"ครับ" รับคำและปล่อยมืออิสระ เดินออกไปจากห้อง



"พูดดีๆไม่ชอบ ชอบให้ใช้กำลังใช่ไหม?"



"ท...ท่านครับ"



    ชายเริ่มจะไม่สนุกแล้วสิ ที่ตัวเองต้องมายืนเปลือยต่อหน้าใครหลายคน



"มึงหยุดพูด ไอ้ชาย!"




      ไม่นาน กรณ์กลับมาพร้อมของที่นายต้องการ



      กรณ์ล็อคแขนคุณอิสระไม่ให้ดิ้นหนี อิทธิพลใช้เทียนไขจุดไฟ ก่อนจะปล่อยให้น้ำตาเทียนหยดใส่ตามแขน ขาและหลังจนทั่วร่างกายอิสระ



      เด็กหนุ่มร้องโหยหวนอย่างทรมาน สุดท้ายเขานึกได้ว่า จะตายไม่ได้ ในเมื่อรอบนี้ เขามีความหวังจากการรอดกว่าทุกครั้ง อิสระตะโกนร้องขอบอกให้พอและจะยอมทำตามความต้องการ



     อิทธิพลยิ้มชอบใจ ก่อนจะเป่าเทียนไขให้ไฟมอดลง กลับไปหย่อนก้นนั่งไขว่ห้าง กอดอกที่เก้าอี้ มองคนสองคนที่กำลังจะเล่นหนังสดให้ดู



     อิสระน้ำตาไหลในขณะที่มือค่อยๆรูดรั้งแก่นกายของชายช้าๆ เสี้ยววินาทีนั้น ชายเหล่มองกรณ์ก่อนจะยิ้มร้าย และใช้มือตัวเองวางทาบบนมืออิสระเพื่อขยับให้มันเร็วขึ้น



     ผ่านไปไม่นาน อิทธิพลออกคำสั่งอีกครั้งด้วยการบังคับให้อิสระทำออรัลเซ็กส์ได้แล้ว



       อิสระกล้าๆ กลัวๆ จนเขาโดนชายกดศรีษะให้ไปใกล้ลูกชายของเขา



       พออิสระลงมือทำมัน ชายถึงกับสูดปาก แหงนหน้าขึ้นหลับตาและเผลอหลุดเสียงครางเบาๆอย่างเสียวกระสัน



"ผมขอออกไปรอข้างนอกนะครับ"
กรณ์ก้มลงกระซิบบอกนาย



"ทำไม? ชัดขนาดนี้ ดีกว่าดูหนังโป๋อีก หรือว่าจริงๆแล้ว นายทนดูไม่ได้หรือ? ฮึ!"


      กรณ์ชะงัก


"เปล่าครับ ผมขอออกไปนะครับ"



    ยืนยันคำเดิม และเดินดุ่มๆไม่สนใจออกไปรอข้างนอก  ส่วนอิทธิพลหัวเราะในลำคอ ส่ายหน้า ก่อนจะหันกลับมามองชายและอิสระที่กำลังแสดงฉากถึงพริกถึงขิง



     ไม่นานนัก อิสระสามารถช่วยชายให้ถึงฝั่งฝัน ชายรีบสวมกางเกงจนเสร็จเรียบร้อย และเดินไปรอด้านนอก ปล่อยให้อิทธิพลอยู่บกับอิสระตามลำพัง



      คนอายุมากกว่าก้าวไปหาเด็กหนุ่มที่ยกมือเช็ดน้ำสีขาวขุ่นที่ไหลเยิ้มจนเลอะขอบปาก



     ย่อตัวลงนั่ง ตบแก้มอิสระเบาๆแล้วเอ่ยขึ้น



"วันนี้ ฉันชอบนะ ถ้าทำตัวดีแบบนี้บ่อยๆ ฉันจะมีรางวัลให้"



     อิสระไม่ตอบ ได้แต่มองคนอายุมากลุกขึ้นยืนเต็มความสูง แล้วหมุนตัวเดินออกไป



     ฟากอิทธิพลเมื่อได้ในสิ่งที่ต้องการ เขาเดินยิ้มอารมณ์ดีและบอกกรณ์ให้ไปตามป้าแก้วมา ในขณะที่เจ้านายเดินทิ้งห่างไปหลายก้าว



      ชายกระชากไหล่กรณ์ให้หันมา



"ตอนอยู่ในห้อง มึงทำหน้าไม่พอใจทำไม?"



"เปล่า?" กรณ์ตอบ



"อยากใช่ไหม? กูทำให้ได้นะ"



"ไม่ใช่เรื่องของมึง" กรณ์สะบัดไหล่หนีแล้วเดินว่องไวอย่างไม่สนคนที่ตั้งใจเล่นสงครามประสาท


"หึๆ ไอ้กรณ์อย่าคิดว่ากูไม่รู้" หัวเราะคนเดียวและตั้งใจเดินตามไปป่วนใครบางคนให้ปวดหัวเล่น



      ถัดมา ด้านในห้องขัง ไม่เหลือใคร อิสระปล่อยโฮทันที



      ทุกอย่างเกือบจะดีอยู่แล้วเชียว...ทำไมมันกลับมาเป็นแบบนี้อีกแล้ว อิสระปาดน้ำตาและพยายามล้วงคออ้วก เขาขยะแขยงและเกลียดตัวเองที่ต้องออรัล เซ็กส์ให้คนที่เขาไม่รัก



     แต่จังหวะนั้น...



"คุณอิส" ป้าแก้ววางกล่องปฐมพยาบาล และถลาไปหาอิสระ



"ฮือๆ ป้าแก้ว ผมไม่ไหวแล้วครับ ผมอยากให้เขาคนนั้นมาช่วยผมแล้ว"



"โถ...คุณอิสของป้า" ป้าแก้วกอดเด็กหนุ่มที่มีแผลพุพองจากน้ำตาเทียน เธอน้ำตารื้นจนต้องรีบซับ



"ป้าแก้ว เห็นคุณอิสเป็นแบบนี้ไม่ไหวแล้วค่ะ คราวนี้ ป้าแก้วจะช่วยเต็มที่ คุณอิสไม่ต้องกังวลค่ะ"



"ครับ ขอบคุณนะครับ"



"ใจเย็นๆนะคะ ไม่นานจะถึงวันเกิดคุณอิทธิพล พ่อหนุ่มคนนั้นต้องมาช่วยคุณอิสของป้าแน่ๆ" ป้าแก้วตอบอย่างมั่นใจ ก่อนจะผละจากการกอดอิสระที่เอ็นดูเหมือนลูกในไส้ และค่อยๆบรรจงทำแผลในขณะที่น้ำตาคลอเบ้า




 
****1.1****
:m15: :monkeysad: :monkeysad: :m15: :sad11: :m15: :monkeysad: :sad11:
หัวข้อ: Re: +..."แสง.สุด.ท้าย"...+ ||ตอนที่ 2|| อัพ- 10-10-17
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 10-10-2017 22:47:43
  :m16: :3125: :m16:


 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: +..."แสง.สุด.ท้าย"...+ ||ตอนที่ 2|| อัพ- 10-10-17
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 10-10-2017 23:11:36
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: +..▪..+"แสง.สุด.ท้าย"+..▪..+||ตอนที่ 2.2|| อัพ- 12-10-17
เริ่มหัวข้อโดย: rinyriny ที่ 12-10-2017 23:48:09
บทที่ 2 ใกล้กว่าเดิม(2)



...............





    และแล้ววันเกิดคุณอิทธิพลก็มาถึง...



     หลังจาก ผ่านพ้นราวหนึ่งเดือน แขกเหรื่อมาตามคำเชื้อเชิญพร้อมของขวัญติดมือไม่มีขาด



      มีหนึ่งคนที่มีจุดมุ่งหมายต่างจากการมาอวยพรทั่วไป ได้แต่สอดส่องหาป้าคนนั้นว่าอยู่ไหน จนกระทั่ง จิณณ์เจอะป้ากำลังยืนสั่งเด็กให้เสิร์ฟเครื่องดื่ม เขาปลีกตัวจากพ่อและปรี่ไปหา



"ป้าครับ"



"คุณ..!"



"น้องคนนั้นเป็นไงบ้างครับ?" จิณณ์ถามด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา



"แย่ค่ะ จะเป็นไปได้ไหม? ถ้าคุณจะพาออกไปวันนี้"



     จิณณ์พยักหน้าน้อยๆ เพราะจุดประสงค์ที่มาก็อยากช่วยอยู่แล้ว จิณณ์ถามป้าแก้วเพิ่มเติมถึงการเข้า-ออกของบ้านหลังนี้ที่นอกเหนือจากด้านหน้า



     เมื่อได้คำตอบว่ายังมีทางออกอื่นๆอีก เขาตกลงกันได้เรียบร้อย จึงเดินออกจากบ้านไปขยับรถให้อยู่ใกล้ทางออกนั้นที่สุด



     เป็นจังหวะดีที่ผู้คนมางานวันเกิดกันคับคั่ง ทำให้จิณณ์เล็ดรอดสายตาจากการ์ดของคุณอิทธิพลได้ เขาเดินออกไปเปลี่ยนตำแหน่งจอดรถเสร็จสรรพก็เดินกลับเข้ามายังส่วนห้องโถงของการจัดงาน กวาดสายตามองว่ามีใครมองจิณณ์ผิดปกติหรือไม่ ปรากฎว่าไม่  ทุกคนยังสังสรรค์ท่ามกลางบรรยากาศอันน่าสนุกสนาน แถมเสียงดังระงมจากการจับกลุ่มคุยสนทนากันเป็นส่วนมาก

     

     หลังจากนั้น จิณณ์เดินไปหาป้าแก้วตามนัด คือ ละแวกห้องน้ำ



     เจอะหน้ากัน ทั้งสองรีบดิ่งไปยังห้องลึกลับ แต่ก็พยายามมองซ้าย มองขวาไปด้วย...



     จิณณ์เริ่มเหงื่อแตก เพราะเอาเข้าจริงๆ นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตเลยที่ใจกล้า บ้าบิ่นทำอะไรแบบนี้ นับว่าเป็นการเสี่ยงตายมากสำหรับความคิดของเขา

 

     ไขกุญแจเสร็จ พอประตูเปิดกว้าง สภาพที่จิณณ์เห็นเต็มสองตาคือ ภาพชายหนุ่มนั่งพิงกำแพง หลับตา ร่างกายมีแผลเต็มตัวจนดูไม่ได้





    จิณณ์ดึงสติกลับเมื่อเสียงป้าแก้วดังขึ้น



"คุณอิสคะ ป้าพาคนที่ช่วยคุณอิสมาได้แล้วนะคะ"



     อิสระลืมตามองผู้มาใหม่และยกมือไหว้



"สวัสดีครับ ขอบคุณนะครับที่คิดจะช่วยผม"



      จิณณ์ยิ้มและก้าวไปข้างหน้าเพื่อให้ใกล้ตัวอิสระสักหน่อย ส่วนป้าแก้วขอตัวออกไปดูลาดเลา จิณณ์ไม่อยากให้เสียเวลา ย่อตัวลง ดึงมืออิสระให้ลุกขึ้น แต่เขากลับโดนผลักอย่างแรง



"คุณเป็นอะไร?" จิณณ์ถาม อิสระชะงัก



     เขาไม่คุ้นชินที่คนแปลกหน้าโดนตัวอาจเพราะยังกลัวๆอยู่



"ข...ขอโทษครับ"



   จิณณ์เอียงคอมอง จนได้คำตอบในใจว่าอิสระน่าจะยังหวาดกลัวอยู่?



   จิณณ์เลือกที่จะไม่แตะตัว...ได้แต่บอกให้อิสระลุกตาม...ขณะที่ สองคนกำลังเดินออกจากห้อง...



ปัง!



   ป้าแก้วงับประตู พอจิณณ์จะเปิดก็เหมือนมีคนจับไว้ ในจังหวะนั้น จิณณ์หยุดเท้า และกลั้นหายใจโดยอัตโนมัติ เมื่อได้ยินเสียงแว่วๆของคนคุยกันด้านนอก เขาจึงแนบหูไปที่บานประตู



"ทำอะไรน่ะ ป้าแก้ว"


"ป้าลืมน่ะสิว่าเอาชุดจานข้าวออกไปหรือยัง วันนี้ งานวันเกิดคุณท่าน ป้าเลยยุ่งจนจำไม่ได้"



"อ่อ...เออ...แล้วป้าแก้วเห็นมีคนขึ้นมาไหม? เมื่อกี้ผมเห็นเงาแวบๆน่ะ"



    สิ้นคำนั้น จิณณ์ใจเต้นแรงจนแทบทะลุออกจากอก



"ก็ป้าเองไง เอ้! อย่ามาพูดให้ป้ากลัว นายกรณ์"



"อยู่มาตั้งนาน มากลัวอะไรกับคำพูดผม"



"ไปๆ รีบลงไปข้างล่างๆได้แล้ว" ป้าแก้วบ่ายเบี่ยง


"ป้าแก้วลงไปก่อนเถอะ คุณอิทธิพลเพิ่งไล่ผมให้มาเฝ้าคุณอิสระนะ เขาบอกเห็นเหมือนมีคนเดินขึ้นมา"



    ด้านนอกเงียบลง จนจิณณ์ถึงกับหลุดสบถในบำคอ



   ฉิบหายแล้วไง!!



   เพียงได้ยินประโยคหลัง เขาชักหวั่นๆ เมื่อการที่เขาคิดว่าจะรอดสายตากลับไม่เป็นอย่างที่คิด



    ประเด็นสำคัญ ไม่ใช่แค่พาอิสระออกไปไม่ได้เท่านั้น แต่เขายังโดนขังอยู่ในนี้ด้วย แล้วถ้าเขาหายไปในงานแบบนี้นานๆ จะมีใครสงสัยไหม?



    ทันใดนั้น เขารีบส่งข้อความโกหกพ่ออ้างว่ามีธุระด่วนเลยขอออกจากงานเลี้ยงไปก่อน



    ในขณะที่จิณณ์จัดการเรื่องของตัวเองได้ ทางฝั่งอิสระกลับทรุดตัวลงกับพื้นอย่างคนหมดแรง



     และแล้ววันนี้ก็ยังไม่ใช่วันของเขาอีกจนได้ อิสระต้องใช้เวลาอีกเมื่อไหร่ถึงจะหนีนรกนี้ไปให้พ้นๆ



     อิสระถอนหายใจ และฟุบหน้าลงกอดเข่า



"คุณอย่าเพิ่งท้อ คุณต้องออกไปได้แน่ๆ"



"ผ..ม..."



"คุณครับ"



   เอื้อมมือไปแตะหัวไหล่เบาๆ อิสระสะดุ้ง เงยหน้ามองด้วยแววตาของคนหมดหวัง



"คุณโอเคนะ"




   อิสระส่ายศรีษะ


"ผ...ม ขอโทษครับ ที่ทำให้คุณต้องมาติดอยู่ในนี้ด้วย"




   จิณณ์ฝืนยิ้ม ทั้งๆที่ใจก็ไม่อยากยิ้มนักหรอก เขาก็ยังกลัวอยู่



    จากนั้น ต่างฝ่าย ต่างเงียบกินเวลากว่าสิบห้านาที เพราะทั้งสองยังคงเครียดกับเรื่องนี้พอสมควร




     แต่เมื่อรู้ว่ายิ่งเงียบยิ่งเครียดกว่าเดิม แถมดูจะเปล่าประโยชน์อีกด้วย จากที่เดินไปมาในห้องเล็กๆ จิณณ์หย่อนกายลงนั่งข้างๆอิสระ


     ไหนๆก็ติดอยู่ในนี้แล้ว เขาคงทำอะไรไม่ได้อยู่ดี จิณณ์จึงหาเรื่องชวนอิสระคุย



"ผมอยากรู้เรื่องคุณมากกว่านี้ คุณชื่ออะไรครับ?" ถามเพื่อต้องการรู้จักตัวตนอิสระมากขึ้น



"อิส-อิสระครับ"


"ชีวิตคุณคงตลกร้ายไปหน่อยนะ ชื่ออิสระ แต่โดนกักขังแบบนี้ ผมชื่อจิณณ์"




       อิสระแค่นยิ้ม ก่อนตอบ


"ครับ คุณจิณณ์"

   
"ขอถามหน่อย? ว่าคุณเป็นอะไรกับคุณอิทธิพล"



     อิสระเงียบไม่ตอบ จนจิณณ์คิดว่าเขาคงไม่พร้อมจะตอบเรื่องนี้



"ไม่สะดวกตอบ ไม่เป็นไรนะครับ ผมเข้าใจ"



"คุณรู้ไหม ? ผมเคยทำแบบนี้ กับแขกที่มาหาคุณอิทธิพลครั้งหนึ่ง แต่เขาคนนั้นเอาไปฟ้อง วันนั้น ผมโดนซ้อมเกือบตาย"



"จริงหรือ? แล้วทำไมคุณถึงทำแบบนี้อีกล่ะ ไม่กลัวผมจะฟ้องบ้างหรือ?"


"ไม่ครับ ป้าแก้วมาบอกผมก่อนว่าคุณน่าจะเป็นคนดี ให้ลองดู"



    ประโยคธรรมดา แต่จิณณ์กลับรู้สึกดี นี่สินะที่ ว่ากันว่าการเป็นผู้ให้ และได้ช่วยเหลือผู้อื่นมันสร้างคุณค่าต่อจิตใจเราได้ดีจริงๆ



"คุณอายุเท่าไหร่แล้ว?"


"ยี่สิบสอง"



"คุณล่ะ"




   จิณณ์ยิ้มแห้งก่อนตอบ


"เรื่องอายุผมคุณอย่าสนใจเลย มันก็แค่ตัวเลข?"



    คนที่ดูเครียดในตอนแรกกลับหลุดยิ้มจนจิณณ์เผลอยิ้มตาม


"แสดงว่าคุณแก่กว่า"


"ก็ไม่เท่าไหร่หรอกน่า ผมว่าเราควรเปลี่ยนเรื่องนะ"



     ท่ามกลางความทุกข์ ก็ยังมีสิ่งเล็กๆที่สร้างรอยยิ้มได้เหมือนกัน อิสระไม่คิดว่าการได้เปิดบทสนทนาคุยกับคนนี้แล้วทำให้เขารู้สึกว่าสบายใจ



     อิสระยิ้มขำ แต่ไม่รู้จะคุยเรื่องอะไรต่อ จึงเงียบเสียงลง


    จังหวะที่ทั้งสองต่างเงียบไปขณะหนึ่ง จิณณ์ไล่สายตามองตามตัวอิสระ ก่อนจะเอื้อมมือไปแตะแผลเหล่านั้นอย่างแผ่วเบา อิสระกำลังจะสะบัด เพียงแค่เห็นสายตาอีกฝ่าย และน้ำเสียงที่ฉายชัดถึงความเป็นห่วงจริงใจจริงจัง อิสระกลับปล่อยให้เขาแตะต้องตัวไปอย่างนั้น


"เจ็บไหม?"


     อิสระละสายตาจากใบหน้าหล่อคม ก้มมองมืออุ่นๆที่แตะแผลเขาอยู่


"ชินแล้วครับ"


"ทำไม? คุณโดนมานานแล้วหรือ?"



    อิสระพยักหน้า


"นานแค่ไหน?"


"ตั้งแต่โดนขังก็สี่ปีได้มั้งครับ"



"ห๊ะ!! นานขนาดนั้นเลยหรือ? ผมนึกว่าคุณแค่โดนขัง ไม่ได้โดนทำร้ายร่างกายซะอีก คุณเล่าให้ฟังได้ไหม" อิสระยิ้มเยาะชีวิตตัวเอง


"เรื่องของผมมันน่าสมเพชครับ ผมกลัวคุณฟังแล้วจะหดหู่ใจไปเปล่าๆ"


      จิณณ์ถอนหายใจก่อนจะเลื่อนมือตัวเองไปวางทาบบนมือเด็กหนุ่ม

"ทนอีกนิดนะ อิสระ พี่จะพาเราออกไป"



    อิสระเงยหน้ามองคนที่เปลี่ยนสรรพนาม เพื่อแสดงถึงความสนิทสนม



    จากคำพูดกระดาก กระด้างที่ได้ยินอยู่บ่อยๆ พอได้ยินเสียงนุ่ม รื่นหู น่าฟังมันทำให้หัวใจของอิสระรู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก



      ทำไมผู้ชายคนนี้กลับมีจิตเมตตา ยื่นมือเข้ามาช่วยเขา ทั้งๆที่เขาไม่ได้อะไรจากเรื่องนี้เลยสักนิด แถมอิสระเองก็คงไม่มีอะไรให้เขาหลอก ทั้ง ทรัพย์สินเงินทอง หรือสภาพร่างกายก็ไม่ได้ดูดี มีแต่แผลเป็นจนเหมือนตุ๊กแกที่ใครเห็นคงรังเกียจน่าดู


      อิสระยิ้มน้ำตาคลอเบ้า เพราะไม่คิดว่าจะมีคนดีๆแบบนี้อยู่



"ไม่เอาสิ เข็มแข็งนะครับ"  บอกและใช้ปลายนิ้วเกลี่ยรอบดวงตาอิสระ จิณณ์เอ็นดูเด็กคนนี้ การได้เห็นชีวิตของอิสระทำให้รู้เลยว่า บนโลกใบนี้ ยังมีคนที่แย่กว่าเราอีกมาก

 

   จิณณ์สงสารและเห็นใจอิสระที่ไม่มีทางเลือก ต้องถูกคุมขัง โดยไม่สามารถไปไหนได้ จะไปเที่ยวเล่น ช็อปปิ้ง กินอาหารอร่อยๆ ก็คงไม่มีโอกาส กลับกัน จิณณ์สามารถใช้ชีวิตอิสระและได้ทำตามใจชอบ



    จิณณ์ย้อนกลับมามองตัวเองว่าเขาโชคดีแค่ไหน...ที่ไม่ได้เป็นอย่างอิสระ




   จิณณ์สัญญากับตัวเองแล้วว่า ไม่ว่าจะร้ายดียังไง เขาจะพาอิสระออกไปให้ได้



   สองชั่วโมงผ่านไปที่ทั้งสองยังคงคุยกันไปเรื่อยๆ จนเวลานี้ ก็เริ่มจะคุ้นเคยและสนิทสนมมากขึ้น



"ถ้าป้าแก้วพาพี่จิณณ์ออกไปไม่ได้ และต้องติดอยู่ในนี้เป็นสัปดาห์ พี่จิณณ์จะทำยังไงครับ"



"พี่ก็อยู่เป็นเพื่อนอิสไง อิสจะได้ไม่เหงา ไม่ต้องอยู่คนเดียวเหมือนแต่ก่อน"


    อิสระขำ ที่พี่จิณณ์ทำให้เรื่องเครียดกลายเป็นเรื่องตลกได้อย่างไม่น่าเชื่อ


"พี่จิณณ์อยู่แต่ในนี้ มันไม่มีอะไรน่าสนุกหรอกนะครับ น่าเบื่อจะตาย"


    จิณณ์แนบหน้าลงบนหัวเข่า เอียงคอมองอิสระก่อนจะคลี่ยิ้มน้อยๆ


"ถ้ามีอิสระอยู่ พี่ว่ามันคงไม่น่าเบื่อหรอกมั้ง"



   สิ้นคำ อิสระสบตามองคนตอบ เขาเห็นรอยยิ้มละมุนและสายตาอบอุ่น จนอิสระต้องรีบก้มหน้างุด



    กี่ปีแล้วนะที่อิสระไม่เคยได้รับรู้ถึงความห่วงใยอย่างจริงใจแบบนี้



    พี่จิณณ์กำลังทำให้อิสระรู้สึกว่าเขาได้รับการปกป้อง



     หัวใจสีหม่นของอิสระกำลังคลายกลายเป็นสีสดใสจากคำพูดของเขา



"พี่จิณณ์เป็นคนดีจังนะครับ"



     อยู่ดีๆ จิณณ์ก็พูดขึ้นมาโดยไม่ได้เกี่ยวข้องกับคำตอบก่อนหน้า แต่ที่ทำให้อิสระชะงักงัน คือ จิณณ์ดึงมืออิสระไปกุมไว้แน่น


"ถ้าอิสจะออกจากที่นี่ไปได้ ก็ต้องเข้มแข็งไว้นะ ส่วนพี่จะช่วยสุดความสามารถ"


     บอกอิสระจริงจัง เพราะจากเหตุการณ์วันนี้ มันไม่ง่ายอย่างที่คิดเลย เขามองเห็นโอกาสก็จริง แต่สิ่งที่จิณณ์ต้องไตร่ตรองให้ถี่ถ้วน คือ ควรวางแผนให้รอบคอบกว่านี้ 





"ครับผม เอ่อ..พี่จิณณ์ครับ ผมง่วงขอนอนก่อนได้ไหม?"



    เขาก้มมองนาฬิกาข้อมือนี่เพิ่งห้าทุ่มเอง ทำไมอิสระนอนไวจังสงสัยคงเคยชินกับการนอนเวลานี้ เพราะอย่างว่าการอยู่ในห้องว่างเปล่า การนอนหลับคงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด



"ได้ครับ"



    พออิสระหลับ จิณณ์คว้าโทรศัพท์มือถือมาดูก็พบว่ามีแบตเตอรี่เหลือไม่ถึงยี่สิบเปอร์เซ็นต์ สงสัยเขาคงต้องงีบตามอิสระเสียแล้ว แต่ก่อนหลับ จิณณ์มองคนที่หลับตาพริ้มด้วยรอยยิ้มจริงใจ การได้พุดคุยกับอิสระทำให้รู้ว่าเด็กคนนี้มีความคิด ความอ่านที่ดี มีความฝันเหมือนคนทั่วไปและเป็นเด็กธรรมดาที่ไม่มีพิษ มีภัย จิณณ์เอื้อมมือไปแตะใบหน้าที่เคลือบความโศกเศร้าไว้



    จิณณ์ขยับตัวไปใกล้กว่าเดิม ก้มลงหวังจะกระซิบบอก แต่เพราะกะจังหวะผิด จมูกโด่งจึงเฉียดผิวแก้มเด็กหนุ่ม...จนเขาเองก็เผลอชะงัก จากนั้นก็เอ่ยถ้อยคำ



"ยินดีที่ได้รู้จัก ฝันดีนะครับ"










    ยามเช้าวันใหม่...



    แสงสว่างสาดส่องผ่านผ้าม่านเนื้อบาง อิสระลืมตาขึ้นมาก็เห็นแสงแดดอ่อน ณ เวลานี้ เขาคาดการณ์ไว้ว่าคงเจ็ดโมงเช้า เด็กหนุ่มลุกพรวดจากพื้น กวาดสายตาจนทั่วก็ไม่มีพี่จิณณ์อยู่ในห้องนี้แล้ว



    ป้าแก้วคงพาพี่จิณณ์ออกไปได้



    อิสระรู้สึกแปลกกับตัวเอง เขาใจโหวงๆ ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ เขาก็อยู่คนเดียวในห้องว่างเปล่าแบบนี้ได้ แต่พอรู้ว่าใครคนหนึ่งออกไป ทำไมมันช่างอ้างว้างอย่างบอกไม่ถูก     



    อิสระใช้สองมือโอบกอดตัวเองแนบแน่น ทำไมเวลาแห่งความสุขของเขามันผ่านไปเร็วขนาดนี้ ไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้า เขายังยิ้มหัวเราะกับคนข้างๆอยู่เลย แต่ ณ นาทีนี้ ห้องได้ถูกปกคลุมด้วยความเงียบเหงา เดียวดายอีกครั้ง...


...............................
หัวข้อ: Re: +..▪..+"แสง.สุด.ท้าย"+..▪..+||ตอนที่ 2.2|| อัพ- 12-10-17
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 13-10-2017 01:38:26
 :เฮ้อ: :hao7: :เฮ้อ:

 :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: +..▪..+"แสง.สุด.ท้าย"+..▪..+||ตอนที่ 2.2|| อัพ- 12-10-17
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 13-10-2017 01:48:20
 :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: +..▪..+"แสง.สุด.ท้าย"+..▪..+||ตอนที่ 2.2|| อัพ- 12-10-17
เริ่มหัวข้อโดย: JellyKei ที่ 14-10-2017 23:49:28
กรณ์ถึงขั้นขึ้นกูมึงกับคุณอิทธิพลได้นี่แสดงว่าไม่ได้เป็นแค่ลูกน้องคนสนิทธรรมดาใช่มั้ย?
คุณอิทธิพลนี่ก็จิตเกิน สงสารอิสระมาก แล้วคราวหน้าจิณณ์จะหาทางมาช่วยยังไงล่ะเนี่ย :z3:
หัวข้อ: Re: +..▪..+"แสง.สุด.ท้าย"+..▪..+||ตอนที่ 2.2|| อัพ- 12-10-17
เริ่มหัวข้อโดย: หมอตัวเปียก ที่ 16-10-2017 14:34:22
ยังมองหาทางไม่เจอเลย
หัวข้อ: Re: +..▪..+"แสง.สุด.ท้าย"+..▪..+||ตอนที่ 2.2|| อัพ- 12-10-17
เริ่มหัวข้อโดย: 0% ที่ 31-10-2017 16:57:22
เอ๋ เเล้วตกลงมันยังไงหล่ะเนี่ย
หัวข้อ: Re: +..▪..+"แสง.สุด.ท้าย"+..▪..+||ตอนที่ 3|| อัพ- 31-10-17
เริ่มหัวข้อโดย: rinyriny ที่ 31-10-2017 21:33:45
บทที่ 3 ฤดูแห่งความเหงา






      ทำไม...พอเข้าช่วงหน้าหนาวทีไร หัวใจมันถึงว้าเหว่และเหงากว่าเดิม



      อิสระนิยามว่ามันเป็น ฤดูแห่งความเหงา เพราะมันไม่ได้หนาวกายเพียงอย่างเดียว แต่มันยังหนาวเหน็บเย็นเยียบไปถึงขั้วหัวใจอีกด้วย



      อิสระไม่ได้เพิ่งมาเหงาแค่ฤดูหนาว เขาเหงาทุกฤดู เพียงแต่เขาห้ามความเหงามันไม่ได้สักที



      แต่อิสระแค่ไม่เข้าใจ เมื่อความเหงาผสมกับความหนาวเมื่อไหร่ ร่างกายเขายิ่งต้องการความอบอุ่นจากใครสักคน



"เราจะหวังอะไรล่ะ ไม่มีใครมาเสี่ยงชีวิตกับคนไม่มีค่าอย่างเราหรอก"




     ตัดพ้อแล้วก้มหน้ามองพื้น มันเป็นปกติที่เขาคุยคนเดียวอย่างนี้ แน่ละ...การอยู่ห้องเพียงลำพัง คุยกับตัวเองก็เป็นเพื่อนที่เข้าใจได้ดีที่สุดแล้ว



      อยู่คนเดียวในหน้าหนาว ก็ยิ่งเหงา และมันทำให้เขานึกถึงใครบางคน



     ...อิสระคิดถึงพี่จิณณ์...



      คนที่อิสระไว้ใจยกให้เป็นเพื่อนที่ดีอีกคน หลังจากได้ใกล้ชิด พูดคุยวันนั้น แม้มันจะเป็นแค่วันเดียว แต่มันมีค่าสำหรับอิสระมากๆ

 

     แต่แล้วพี่จิณณ์ก็เงียบหายไป ไม่มีการส่งข่าวมาแต่อย่างใด  พี่จิณณ์ไม่ผิดหรอกที่จะไม่ติดต่อกลับมา ก็อย่างว่า ใครจะมายอมเสี่ยงชีวิตช่วยคนที่ไม่ได้สนิทสนมกันเป็นปีๆ



      พร่ำบอกตัวเองให้เลิกหวัง แต่ลึกๆแล้วหัวใจก็ยังคงหวังอยู่เสมอ



      หนึ่งเดือนแล้วที่พี่จิณณ์หายไป ซึ่งเป็นหนึ่งเดือนที่อิสระทรมานที่สุดในรอบปีนี้





       อิสระโดนคุณอิทธิพลสั่งให้ช่วยชายถึงสวรรค์ของความใคร่  ในตอนแรกเขาบ่ายเบี่ยง แต่เพราะโดนทำร้าย อิสระจำต้องทนทำไป แถมโดนสั่งให้ปฏิบัติทุกวัน จนอิสระจะทนไม่ไหว



        คุณอิทธิพลคงถูกใจใครเข้าแน่ๆ ถึงให้อิสระเป็นตัวแทนระบายอารมณ์เช่นนี้


        อิสระรู้ว่า การที่เขาโดนกระทำ ส่วนใหญ่ทุกคนสงสารแต่ทำอะไรไม่ได้เพราะไม่กล้า แต่เมื่อเร็วๆนี้ ความอดทนของกรณ์คงเริ่มละลาย เขาถึงขอร้องคุณอิทธิพลให้อิสระหยุดทำออรัลเซ็กส์ให้ชาย ในจังหวะเข้าด้ายเข้าเข็ม

 

         อิสระรู้ผลลัพธ์ดี เพียงแต่ไม่คิดว่ากรณ์จะกล้าค้านคุณอิทธิพล วันนั้น กรณ์โดนคุณอิทธิพลกระทืบเกือบตาย ยังดีที่ชายห้ามโดยการเอาตัวไปบังกรณ์ไว้ ไม่อย่างนั้น คุณอิทธิพลคงไม่หยุด เพราะคุณอิทธิพลยังมีความเกรงใจชายมากกว่ากรณ์


        การทำออรัลเซ็ส์ เพื่อตอบสนองความใคร่และความชอบใจของใครบางคน ทำให้อิสระเสียใจอย่างหนัก เพราะตั้งใจไว้ว่าจะทำให้คนที่รักเท่านั้น พอเจอแบบนี้ อิสระจำใจ กล้ำกลืนฝืนทน เพียงคำๆเดียว...



      "รางวัล"



      คำหนึ่งคำที่ทำให้อิสระมีความหวังตลอดว่าจะได้มันอย่างที่ใครคนหนึ่งให้สัจจะ

     

      และแล้วรางวัลก็มาถึง...



      เมื่อวันนี้ กรณ์เข้ามาในห้องบอกว่าคุณอิทธิพลให้อิสระลงไปหาที่สนามหญ้าหน้าบ้าน



      เหมือนตัวลอยขึ้นบนอากาศ เขาดีใจจนพูดไม่ออก อิสระยิ้มกว้าง ก่อนจะถามไถ่กรณ์ด้วยความห่วงใยที่มนุษย์คนหนึ่งมีให้กัน



      หลังจากที่กรณ์โดนซ้อม เขาหายหน้าไป จนมาวันนี้ที่อิสระเพิ่งเห็นร่างสูงใหญ่ยืนหลังป้าแก้ว ด้วยสภาพหน้าตาดูไม่ได้ รอยช้ำม่วงเขียวเป็นวงใหญ่ ตาบวมปิดหนึ่งข้าง ซึ่งอิสระไม่อยากจะคิดว่าใต้ร่มผ้านั้นจะมีรอยช้ำอีกมากมายแค่ไหน?

"พี่กรณ์ไหวไหม?"



     ยังไม่ทันได้คำตอบ อิสระเห็นชายปรี่มากระชากต้นแขนกรณ์แล้วพูดขึ้นเสียงดังอย่างไม่สนว่าป้าแก้วและอิสระจะได้ยินหรือเปล่า?



"ทำไมมึงดื้อ กูอุตส่าห์ช่วยพูดกับท่าน ให้มึงนอนพัก"




"เสือก!"



"ไอ้กรณ์ มึงไม่แคร์ความรู้สึกกู ไม่เป็นไร แต่ช่วยแคร์ร่างกายมึงด้วย" ชายทำหน้าถมึงทึงใส่กรณ์


    จบประโยคนั้น ทุกคนต่างชะงักได้แต่ยืนเงียบกริบ กรณ์ไม่อยากทะเลาะต่อหน้าคนอื่น จึงยอมแพ้ชายในครั้งนี้และเดินผ่านไปอย่างไม่ใยดี



     อิสระไม่สนปัญหาของคนสองคน เพราะตอนนี้ เขาสนตัวเองที่จะได้ออกไปจากห้องสี่เหลี่ยมอุดอู้ห้องนี้มากกว่า

 

     อิสระใจเต้นแรงจนต้องรีบสูดลมหายใจระงับอาการตื่นเต้น


      ป้าแก้วยิ้มเหมือนดีใจแทนและจับมือคุณอิสระพาเดินออกจากห้องไปโดยมีชายขนาบข้าง


     ทุกการย่างก้าว อิสระตื่นเต้นตลอด เขาอดยิ้มไม่ได้ เมื่อเดินลงมาถึงประตูไม้บานใหญ่ อิสระเลี้ยวขวาพ้นทางปูน ก็เจอะส่วนสนามหญ้า มุมร่มรื่นที่เหมาะแก่การพักผ่อน เขาเดินไปหาคุณอิทธิพลที่นั่งชมวิวอยู่ตรงซุ้มไม้



"เป็นไงกับรางวัล" เอ่ยขึ้นทันทีที่หางตาเห็นเงาดำคืบคลานเข้ามา


"ขอบคุณครับ"
อิสระยกมือไหว้ขอบคุณ ก่อนจะขออนุญาตเดินออกนอกลานซุ้มไม้


     อิสระไม่ได้ใส่รองเท้าเดินออกมา เขาอยากให้เท้าเปลือยเปล่าได้สัมผัสยอดหญ้า เย็นๆทุกครั้งที่เหยียบย่ำ


     คนอื่นอาจมองว่า อิสระเป็นบ้าที่แค่เหยียบผืนหญ้าก็น้ำตาไหล แต่สำหรับอิสระมันคือความสุขของจริงๆ


     ความสุขที่ได้เห็นสิ่งมีชีวิตนอกเหนือจากตัวเองที่ทุกทีจะเห็นแต่ฝาผนังทึบๆ



     เขากวาดสายตามองรอบๆบ้านช้าๆพลันยิ้มมุมปาก


     ดวงตาพร่าเลือนด้วยหยาดน้ำตา เขารีบยกมมือมาเช็ดไวๆ แต่อิสระไม่รู้ว่าคุณอิทธิพลมายืนชิดตัวเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้อีกทีก็ตอนที่คุณอิทธิพลบีบไหล่อิสระอย่างแรง



"ช่วงนี้ ฉันอารมณ์ดี ถ้าไม่ขัดคำสั่ง ก็จะได้ออกมาเห็นวิวแบบนี้อีกเรื่อยๆ"




"ครับ"



      คุณอิทธิพลโอบไหล่อิสระกึ่งบังคับ ให้เด็กหนุ่มเดินกลับไปซุ้มไม้ด้วยกัน จากนั้น เขาเอ่ยขึ้น


"ดื่มเป็นเพื่อนฉันหน่อยสิ"



     บอกด้วยรอยยิ้มเย็นพลางยื่นแก้วทรงเตี้ยที่บรรจุสุรา อิสระไม่รู้สึกอยาก เพราะเขาเคยดื่มมันก็นานมาแล้ว หลังจากเลี้ยงวันเกิดเมื่อหลายปีก่อนถูกคุมขัง


      ทำหน้าลังเลครู่หนึ่ง แต่เพราะเผลอเห็นสายตาทำนองว่าอย่าหือหรือตุกติก อิสระจึงยื่นมือไปรับแก้วนั้น แต่...


เพล้ง!



    คุณอิทธิพลจงใจปล่อยแก้วให้หล่นกระทบพื้นไม้



    ทุกคนมองแก้วที่แตกเป็นเศษเล็ก เศษน้อยกระจายอยู่ทั่วบริเวณ



"ดื่มสิ"



"ผมจะดื่มได้ไงครับ มันหกหมดแล้ว"



"เลียที่พื้นสิ"



    ป้าแก้ว อิสระและชายต่างหันไปที่คนๆเดียวกันที่ยืนยิ้มเยาะอยู่


"ค...คุณท่านคะ ป้าว่า..."



"ป้าแก้วรู้ใช่ไหมว่าไม่ควรก้าวก่าย"



   ป้าแก้วก้มหน้า ปากสั่น เมื่อเห็นแววตาวาวโรจน์ดุจปีศาจ


    ดวงตาสั่นระริก จ้องมองคนใจอำมหิต ที่ทำกับเขาเหมือนหมู เหมือนหมา


     สูดลมหายใจเต็มปอด ก่อนจะผ่อนลมหายใจยาว อิสระค่อยๆย่อตัวลงนั่งคุกเข่า วางสองมือลงบนพื้นไม้ และก้มหน้า แลบลิ้นออกมาเลียเหล้าที่หกเต็มพื้น น้ำตาไหลเป็นทาง


     ชาติที่แล้ว เขาทำเวรกรรมอะไรหรือ ทำไมถึงเจอเรื่องบัดซบเช่นนี้..



     เป็นภาพที่ไม่มีใครอยากมอง ป้าแก้วและชายต่างเบือนหน้าหนีไปอีกทาง

     มีเพียงแค่...คนใจโหดเหี้ยมที่ย่อตัวลงนั่งข้างเด็กหนุ่มพร้อมยกยิ้ม

"ดีมาก เชื่อฟังฉันดีมาก เป็นเด็กดีอย่างนี้สิ ฉันจะพาออกมาจากห้องบ่อยๆ" ว่าจบก็ลูบหัวอิสระ ก่อนจะกดหัวให้หน้าแนบลงกับพื้นจนเศษแก้วชิ้นเล็กบาดผิวแก้มอิสระจนเด็กหนุ่มสบถในลำคอ


     จังหวะนั้น...

     

"นายท่านๆ มีคนมาขอพบนายท่านครับ" คนสวนวิ่งมาบอกอย่างหอบเหนื่อย


"ใคร? มันไม่รู้หรือไงว่านี่มันกี่โมงกี่ยามแล้ว?" เหลือบมองนาฬิกาข้อมือเพื่อดูเวลาว่านี่ก็สองทุ่มครึ่งแล้ว ใครกันช่างกล้ามาหาในเวลาส่วนตัวเช่นนี้


"...เอ่อ..ผะ...ผมบอกไปแล้วครับแต่เขาจะยืนยันเข้ามา"




"มันชื่ออะไร"




"เขาว่าเขาชื่อคุณจิณณ์ครับ ท่าน"


    สิ้นประโยคนั้น อิทธพลชะงักกึก จากใบหน้าดุดันแปรเปลี่ยนเป็นเรียบเฉย เขาลุุกขึ้นยืนเต็มความสูงพลันเหลือมองคนที่นั่งก้มหน้าติดพื้น


"ห้ามลุกขึ้นมา ฉันจะไปรับแขกก่อน ไอ้ชายเฝ้ามันไว้"


"ครับท่าน"



    พ้นซุ้มไม้ไม่ไกล อิทธิพลเดินไปหาแขกด้วยรอยยิ้มเต็มใบหน้า


****1.1****



ขอบคุณทุกคนที่มาติดตามเรื่องนี้นะคะเพราะมันจะเป็นความรักท่ามกลางความหม่นๆๆค่ะ
.
หากใครชอบอ่านนิยายแบบจบแล้วเรามี
เรื่อง   ||*...สวัสดี▪นายพล▪ คนธรรมดา...*||

และ ..*ขอผมได้รัก*..
ลองอ่านกันได้นะคะ

ขอบคุณค่า :mew1: :mew1:




หัวข้อ: Re: +..▪..+"แสง.สุด.ท้าย"+..▪..+||ตอนที่ 3|| อัพ- 31-10-17 > P.2
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 31-10-2017 22:12:03
 :m16: :3125: :m16:

 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: +..▪..+"แสง.สุด.ท้าย"+..▪..+||ตอนที่ 3|| อัพ- 31-10-17 > P.2
เริ่มหัวข้อโดย: 0% ที่ 03-11-2017 15:42:46
เเงสั้นมากตัวเองง
หัวข้อ: Re: +..▪..+"แสง.สุด.ท้าย"+..▪..+||ตอนที่ 3.2|| อัพ- 3-11-17 > P.2
เริ่มหัวข้อโดย: rinyriny ที่ 03-11-2017 22:19:30
บทที่ 3 ฤดูแห่งความเหงา(2)





      แค่เห็นหน้า จิณณ์รีบยกมือไหว้อย่างนอบน้อม



"ผมขอโทษนะครับที่มารบกวนคุณอิทธิพล ผมมีเรื่องจะปรึกษา เกี่ยวกับคุณพ่อและเรื่องธุรกิจครับ" รีบดักคอก่อนโดนด่าและขอใช้พ่อมาอ้างการเข้าบ้านหลังนี้



      อันที่จริง ตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมา จิณณ์เดินทางไปทำงานกับพ่อ ผนวกกับคิดหาหนทางตลอด นอนคิด นั่งคิดแทบตายก็ไม่รู้จะใช้เหตุผลไหนมาเจอ จนมีปากเสียงกับพ่อครั้งหนึ่ง มันจึงจุดประกายให้เขายกเหตุผลนี้มาพบหน้า



      ผิดคาด จิณณ์ได้ยินเพียงเสียงหัวเราะหึหึในลำคอ



"คุณดื่มมาก่อนแล้วหรือ?"


"ครับ"




"ถ้างั้นไปคุยกันที่ห้องเดิมก็ได้ ฉันอยากหาคนดื่มด้วยพอดี"




     จิณณ์พยักหน้ารับพลางลอบถอนหายใจโล่งอกที่คุณอิทธิพลไม่หงุดหงิด เอาเรื่อง แม้ตอนแรกเขาจะฉายแววไม่พอใจก็ตาม



     ทั้งสองเดินเข้าในตัวบ้าน แต่ระหว่างทาง จิณณ์เหลือบเห็นป้าแก้ว ลูกน้องคุณอิทธิพลและคนที่นั่งฟุบหน้าอยู่ที่พื้นในส่วนซุ้มไม้ แม้มันจะไกลตาไปหน่อย แต่จิณณ์จำรูปร่างได้แน่นอนว่านั่น คือ อิสระ



      ทำไมอิสระ อยู่ข้างนอกได้ล่ะ


     นั่นยิ่งทำให้จิณณ์ครุ่นคิดอย่างหนัก อยากถามแต่ก็กลัวดูมีพิรุธ เขาทำได้แค่เดินผ่าน



     ถึงห้องเดิมที่จิณณ์เคยมา เขานั่งลงบนโซฟาฝั่งตรงข้ามคุณอิทธิพล ไม่นานนัก แม่บ้านสาวคุ้นตาก็เดินเข้ามาในห้องเพื่อรับคำสั่ง



      ถ้าเข้าห้องนี้เมื่อไหร่ คนที่มาคอยบริการมักจะเป็นแม่บ้านสาว ไม่ใช่ป้าแก้วแต่เขาจะทำอย่างไรล่ะ ให้ป้าแก้วมาห้องนี้ได้


      เขาอยากเจอป้าแก้ว เพื่อขอเบอร์ติดต่ออีกครั้ง หลังจากวันนั้นที่เขาออกมาจากห้องได้ ต่างฝ่าย ต่างไม่ได้แลกเบอร์กันไว้ เนื่องจากจิณณ์แบตหมดเกลี้ยง ส่วนป้าแก้วก็ลืมพกโทรศัพท์มา ทำให้เสียโอกาสไป คราวนี้ จิณณ์จะไม่พลาดซ้ำสอง



"ไหนเล่ามาซิ"



     ผู้มีอายุเอ่ยขึ้น พร้อมยื่นแก้วไปตรงกลางราวกับบอกสัญญาณ จิณณ์ไม่อยากเสียมารยาท จึงยื่นไปชนจนเสียงแก้วกระทบกับดั่งเสียงระฆังของการเริ่มสนทนา



     บัดนี้ ชายต่างวัยนั่งคุยและปรับทุกข์กัน จิณณ์ใส่สีตีไข่ บ้างก็มีความจริง บ้างก็แต่งเรื่องขึ้นมา สร้างเรื่องให้ดูน่าสนใจและน่าเชื่อถือ



"ฉันเข้าใจนะ คุณเจริญเองก็อยากให้ลูกสานต่อธุรกิจ คนเจนวายอย่างคุณก็อยากมีความฝันเป็นของตัวเองล่ะสิ"



"ใช่ครับ"


"หาจุดที่เชื่อมโยงถึงกันสิ ใส่ความฝันของคุณผสมกับธุรกิจของพ่อ ลองจับทางดู"


"เป็นไอเดียที่ดีมากเลยครับ แต่ผมต้องนึกก่อนว่าสิ่งที่ผมอยากทำมันจะมาเกี่ยวข้องกับธุรกิจของพ่อผมยังไงได้บ้าง ขอบคุณมากๆนะครับ" ตอบและยกซดหมดในแก้วเดียว



     จากนั้น ทั้งคู่ก็เริ่มเปลี่ยนเรื่องคุยไม่ให้เครียดไป กินเวลามาราวชั่วโมงกว่าที่ทั้งสองพูดไปพลางดื่มไปในบรรยากาศสีเทา



"จะขับรถกลับไหวเหรอ? นอนที่นี่ไหม?"


"หาาา...อะไรนะครับ?"
  ถามเพราะไม่อยากเชื่อ มันยิ่งกว่าที่เขาคาดหวังไว้ในตอนแรกซะอีก ถ้าการได้นอนที่บ้านหลังนี้ จิณณ์จะมีโอกาสแวบเจออิสระได้



"ผมเกรงใจครับ" แสร้งตอบ


"ไม่เป็นไร ฉันมีห้องรับรองตั้งหลายห้อง หรือถ้าอยากส่วนตัวจะนอนบ้านเล็กยังได้"



"ไม่ดีกว่าครับ แล้วแต่คุณอิทธิพลจะเลือกให้เลยครับ"


"ถ้างั้นขึ้นไปชั้นสาม ห้องติดบันได เดี๋ยวเรียกป้าแก้วไปเปิดห้องให้แล้วกัน ถ้างั้นพักเถอะ พรุ่งนี้ค่อยคุยก็ได้"


"ขอบคุณครับ"


     จบการพูดคุย  คุณอิทธิพลเรียกแม่บ้านสาวให้ไปตามป้าแก้ว ไม่นานนัก หญิงวัยกลางคนเดินเข้ามาและพยายามปกปิดรอยยิ้มที่เห็นคุณจิณณ์ และพาขึ้นไปยังห้องรับรองที่เตรียมไว้


"ป้านึกว่าจะไม่ได้เจอคุณอีก" พออยู่กันสองคน ป้าแก้วก็เอ่ยเสียงดีใจ



"ขอโทษครับ คือผมงานยุ่งแล้วก็นึกหาเหตุผลในการมาที่นี่ด้วยครับ"



"ขอบคุณนะคะที่คิดช่วยเหลืออยู่ คุณรู้ไหมว่า คุณอิสรอคุณมาตลอด"


    แม้จะมึน แต่คำๆนั้น ทำเขาชะงักเมื่อได้ยิน คำที่บอกว่า อิสระรอยังคงก้องอยู่ในหัว


    จิณณ์เดินไปนั่งพักที่เตียงก่อน สักพักป้าแก้วเสิร์ฟน้ำอุ่นให้จิณณ์ได้ดื่ม เขานั่งคุยกับป้าแก้วเพิ่มเติมว่าวันนี้ อยากเข้าไปหาอิสระ

     
     ป้าแก้วบอกว่ารอเวลาก่อนกลัวว่าคุณอิทธิพลจะยังไม่หลับ ระหว่างนี้ จิณณ์นึกขึ้นได้ว่า เห็นอิสระที่ลานซุ้มไม้ จึงถามและได้คำตอบว่า มันคือ รางวัล



     นิ่งไปนิด อิสระทำอีท่าไหนกัน ถึงได้รางวัลเป็นการออกมาจากห้องได้



     จนกระทั่ง ผ่านไปสามสิบนาที ป้าแก้วตัดสินใจพาคุณจิณณ์ไปหาอิสระ





     ยืนอยู่หน้าห้อง ก่อนประตูจะถูกเปิดกว้าง จิณณ์หยุดเท้าไปครู่หนึ่ง และเร่งฝีเท้าไปหาคนนอนคุ้ดคู้อยู่ที่พื้น



     เขาทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ มองใบหน้าที่เพิ่งมีแผลสดใหม่ตรงแก้ม



     จิณณ์กำมือแน่น เขารู้สึกโกรธแทนอิสระ ตอนแรกที่จิณณ์ฟังป้าแก้วเล่า เขาไม่เห็นภาพเลยรู้สึกเฉยๆก็แค่คิดว่าทำไมคุณอิทธพลโหดร้าย



      แต่พอได้มาเห็นกับตา คำว่าโหดร้ายยังน้อยไป หรือจะใช้ค่าว่าชั่วช้า ก็คงไม่พอด้วยซ้ำ



      จิณณ์ชักเกลียดคุณอิทธิพลซะแล้วสิ ทำอย่างไรดีที่เขาจะพาอิสระออกไปในเร็วๆนี้ เพราะจิณณ์ก็ไม่อยากมาเจอะหน้าคนโรคจิตที่ทำกับอิสระดั่งทาสรับใช้



      จิณณ์เขย่าไหล่อิสระราวกับปลุก



     เขย่าอยู่สองสามครั้ง อิสระลืมตาและรีบหยัดกายขึ้นมามองคนตรงหน้า



    ประโยคต่อมา ทำให้จิณณ์รู้สึกเศร้าจับใจ


"ผมนึกว่าพี่จิณณ์จะไม่กลับมาที่นี่อีกแล้ว"



     ชะงักก่อนตอบ นี่ อิสระรอเขาอย่างที่ป้าแก้วว่าจริงๆด้วย



"งานยุ่งนิดหน่อยน่ะ และคิดหาทางพาอิสออกไปด้วย"



"พี่จะพาผมออกไปแล้วใช่ไหม?"
แววตาเป็นประกาย อิสระดูดีใจจนจิณณ์ไม่กล้าเอ่ยปากบอกเลยว่ายังไม่ใช่


"เอ่อ...อิสใจเย็นๆนะครับ พี่มาหาลู่ทางให้ปลอดภัยที่สุด"



"พี่จิณณ์ กินเหล้ามาหรอครับ?" อิสระได้กลิ่นเหล้าคลุ้ง จนเอ่ยถาม


"ครับ อิสไม่ชอบหรือ?"




     อิสระส่ายหน้าและเม้มปากแน่น เขาไม่กล้าสบตา เพราะแววตาตอนที่พี่จิณณ์เมาและมองมาที่อิสระ มันเหมือนคนชอบกัน ซึ่งอิสระยังไม่อยากคิดไปเอง


     จิณณ์ยื่นมือไปแตะรอบๆแผลที่แก้มเด็กหนุ่มอย่างเบามือ เพราะกลัวอิสระจะเจ็บและแสบ ปลายนิ้วลูบไล้วนช้าๆ


"พี่ไม่เข้าใจ ทำไมเขาทำร้ายอิสขนาดนี้"



     อิสระไม่ได้ตอบพี่จิณณ์ แต่กลับร้องไห้ เพียงเพราะพี่จิณณ์มาสัมผัส


      ไม่คิดว่า การที่เขาเพิ่งนึกถึงพี่จิณณ์วันนี้ มันทำให้เขาได้เจอตัวเป็นๆอยู่ตรงหน้า โดยเฉพาะไออุ่นจากมือพี่จิณณ์ส่งผ่านมาหาอิสระ เขาสัมผัสได้ว่า ตัวเองมีความสุขและหายเหงาได้ชั่วขณะอย่างน่ามหัศจรรย์


"พี่ทำอิสเจ็บหรือ? พี่ขอโทษนะที่โดนแผล พี่แค่..."



"เปล่าครับ คือ ผม...คือ.."



     จิณณ์โคลงศรีษะเฝ้ามองอิสระว่าจะพูดอะไรต่อ



"ที่ร้องไม่ใช่เพราะเจ็บ แต่เพราะพี่จิณณ์ทำให้ผมรู้สึกดีและ....หายเหงาเลยครับ..." ประโยคเบาหวิวจนจิณณ์เกือบไม่รู้ว่าอิสระพูดอะไร ถ้าเขาไม่ตั้งใจฟัง



     จิณณ์นั่งอึ้ง ทุกคำพูดที่อิสระเอ่ยออกมา เขาคงเจ็บปวดและอัดอั้นตั้นใจพอสมควร พอเจอคนที่ถูกชะตาเข้าสักหน่อย อิสระก็แสดงความอ่อนแอออกมาให้เห็นทันที


     จิณณ์ไม่อยากให้บรรยากาศดูหม่นหมองไปกว่านี้ เขาเลยเกลี่ยน้ำตาพร้อมกับเปลี่ยนเรื่องถามเด็กหนุ่ม



"พี่เห็นป้าแก้วบอกว่า อิสทำตัวดี คุณอิทธิพลเลยให้รางวัล พาอิสออกจากห้อง"




    อิสระอายเกินกว่าที่จะบอกว่าเขาต้องทำออรัลเซ็กส์เพื่อแลกกับรางวัลนั้น มันไม่ใช่ทำตัวดีอะไรอย่างที่พี่จิณณ์คิดหรอก


"ใช่ครับ"



"ถ้างั้นทำตัวดีๆนะ ยิ่งอิสออกจากห้องได้บ่อยๆ มันอาจจะพอมีช่องโหว่ พาอิสหนีได้บ้าง"



"ครับ"




"พี่อยู่นานกว่านี้ไม่ได้นะ คงต้องไปแล้ว"





    อิสระพยักหน้ารับอย่างหงอยๆ เพียงเห็นพี่จิณณ์ทำท่าจะลุกขึ้นยืน อิสระนึกใจหาย จึงรั้งด้วยเสียงสุดท้าย


"ผมยังรออย่างมีความหวังได้ใช่ไหมครับ? พี่จิณณ์"
  เสียงสั่นๆเอื้อนเอ่ยออกมา จนจิณณ์ชะงัก เขามองอิสระด้วยแววตาสงสาร


    ทันใดนั้น จิณณ์เอื้อมมือไปลูบหน้าอิสระ ก่อนที่สองมือจะเลื่อนลงมาจับมือเด็กหนุ่มบีบกระชับแน่น



"ครับ...พี่สัญญา อย่าเพิ่งหมดหวังในตัวพี่นะ"  จิณณ์ยังคงจับมืออิสระ ใช้ปลายนิ้ววนไล้หลังมือข้าๆ และมองหน้าเด็กหนุ่มด้วยสายตามุ่งมั่นเพื่อให้อิสระมั่นใจในตัวเขา



      ปล่อยมืออิสระ เพื่อรีบกลับไปห้องตัวเอง



      อิสระจำใจต้องปล่อยมือคู่นั้น และทำได้แค่นั่งมองแผ่นหลัง ค่อยๆเลือนหายไปจากลานสายตา



     กลับมาอยู่กับความเงียบเหงาตามลำพัง อิสระนั่งลูบแก้มตัวเองเพื่อสัมผัสความอุ่นที่ทิ้งร่องรอยไว้จางๆ



     อิสระรู้สึกได้ถึงความรัก ความอบอุ่น ความรู้สึกที่เขาเคยได้รับตอนคบกับแฟน ก่อนจะถูกตัดขาดจากโลกภายนอก อิสระ

 
     อิสระหน้าเศร้าลง เขาเกลียดความรู้สึกตัวเองตอนนี้

    เด็กหนุ่มแหงนหน้ามองเพดานเอนกายพิงผนังและพึมพำแผ่วเบา


"ทำไมเราถึงใจง่ายแบบนี้"




...........................


สงสารอิสระ...แล้วจะกล้าบอกพี่จิณณ์ไหมนั่น
:katai1: :hao5:
หัวข้อ: Re: +..▪..+"แสง.สุด.ท้าย"+..▪..+||ตอนที่ 3.2|| อัพ- 3-11-17 > P.2
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 04-11-2017 00:22:20
 :mew6:

 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: +..▪..+"แสง.สุด.ท้าย"+..▪..+||ตอนที่ 3.2|| อัพ- 3-11-17 > P.2
เริ่มหัวข้อโดย: 0% ที่ 05-11-2017 15:35:54
อยากรู้เเล้วว่าจะออกไปได้ยังไงสงสารน้องอิสมาก
หัวข้อ: Re: +..▪..+"แสง.สุด.ท้าย"+..▪..+||ตอนที่ 4 || อัพ 6-11-17 > P.2
เริ่มหัวข้อโดย: rinyriny ที่ 06-11-2017 18:45:56


บทที่ 4 หนี






"คุณป้าทำอร่อยมากเลยครับ"



      จิณณ์เอ่ยปากชม หลังจากได้ชิมอาหารทุกอย่างที่วางอยู่บนโต๊ะ ทั้งน้ำพริกปลาทู แกงส้มชะอมไข่ ไข่เจียวกุ้งสับ มันอร่อยกลมกล่อมจนจิณณ์ฟาดเรียบ ไม่มีเหลือ



"ขอบคุณค่ะ" ป้าแก้วรับคำ



      หลังจากที่จิณณ์นอนค้างเมื่อคืน คุณอิทธิพลก็ชวนให้จิณณ์อยู่กินข้าวด้วยกันก่อน โดยทั้งโต๊ะอาหารก็มีเพียงแค่จิณณ์กับคุณอิทธิพลเท่านั้น ที่เหลือก็มีเพียงแม่บ้านยืนอยู่ห่างๆ



       ระหว่างมื้ออาหาร อิทธิพลเปรยขึ้นมาลอยๆว่าอยากไปหาบิดาของจิณณ์ที่บ้าน จิณณ์ชะงักไปนิดเพราะเมื่อคืนโม้ไว้เยอะ กลัวว่าคุณอิทธิพลจะเอาไปฟ้อง แต่คงเพราะสีหน้าจิณณ์ดูออกว่าไม่สบายใจ คุณอิทธิพลจึงพูดขึ้นมาว่า ไม่เอาเรื่องที่จิณณ์มาปรึกษาไปพูดแน่นอน





       จัดการอาหารเสร็จเรียบร้อย อิทธิพลขอตัวเข้าไปคุยโทรศัพท์เกี่ยวกับธุระสำคัญ ช่วงนี้ จิณณ์จึงไปรอข้างนอก เพื่อหาโอกาสดูลู่ทางพาอิสระหนีด้วย





      จิณณ์ เดินผ่านลานซุ้มไม้เพื่อเดินไปยังข้างบ้านที่มีทางเดินไม่กว้างมากนัก เป็นแค่ช่องว่างระหว่างรั้วบ้านกับตัวบ้าน แต่มันสามารถทะลุผ่านไปยังประตูเล็กที่มีไว้ออกไปจ่ายตลาดหรือซื้อของได้ จิณณ์หยุดเงยหน้ามองหน้าต่างห้องของอิสระว่าจากห้องอิสระมาตรงจุดนี้ ต้องเดินไกลแค่ไหน



"สำรวจบ้านหรือครับ?"



      สะดุ้งเฮือกด้วยความตกใจ เพราะไม่คิดว่าจะมีคนตามรอยมา อย่างนี้ เขาก็สังเกตเห็นทุกการกระทำของจิณณ์หมดเลยสินะ



      หันมองชายร่างใหญ่ที่ยืนสูบบุหรี่ อัดเข้าเต็มปอดฟอดใหญ่ ก่อนจะดีดก้นบุหรี่ทิ้งไป

     

      ตอนจิณณ์กินข้าวในบ้าน ไม่เห็นลูกน้องของคุณอิทธิพลคนนี้



     ยืนเพ่งมองหน้าดีๆ ตอนเขาเดินใกล้เข้ามา ถึงรู้ว่ามีแต่รอยช้ำทั่วใบหน้า โอ้โห! ไปฟัดกับใครมาล่ะเนี่ย..



      ยอบรับว่ากลัวสายตาดุดันคู่นั้น แต่จิณณ์คิดว่า ถ้าพาอิสระหนี เขาควรทำตัวเป็นมิตรกับทุกคนในบ้าน ซึ่งรวมไปถึงลูกน้องคนสนิทคนนี้



"เอ่อใช่ครับ บ้านคุณอิทธิพลร่มรื่นดี ผมชอบ ผิดกับบ้านผมเลย ขอโทษนะครับ หน้าคุณทำไมมีแต่รอยช้ำ"




"ไม่ใช่เรื่องของคุณ!!"



     จิณณ์สะอึก เขาพยายามชวนคุยด้วยดีๆ พอโดนตอกหน้ากลับ จิณณ์ยอมรับว่าชักยากกว่าที่คิดไว้



     แต่ก็หน้าด้าน ดึงดัน จิณณ์ยกยิ้มเป็นมิตรกลบความกลัว และเดินไปเผชิญหน้าให้ใกล้ขึ้น



"ขอโทษที่ยุ่งเรื่องส่วนตัวของคุณ ผมก็แค่เป็นห่วง"



       จิณณ์แอบเห็นสายตาอ่อนไหวในวูบหนึ่ง



"ผมมั่นใจว่าผมแข็งแรงกว่าคุณ ไม่ต้องห่วง"



      แม้จะเป็นคำพูดไม่แยแส แต่น้ำเสียงดูอ่อนลง แถมพ่วงด้วยรอยยิ้มขบขันทำนองว่า มึงควรดูแลตัวเองก่อนที่จะห่วงคนอื่น



     จิณณ์มั่นใจในความรู้สึกจองเขาว่า คนนี้ คงมีจิตใจเมตตา อารี กว่าคุณอิทธิพลแน่ๆ



    ทันใดนั้น...



     หมับ!



"คุณชื่ออะไรครับ?" จิณณ์จับข้อแขนอีกฝ่าย แต่กรณ์รู้ว่าคนนี้มาดี จึงตั้งสติได้ทันก่อนสวนหมัด แต่กรณ์ไม่คิดว่าจะมีคนไวกว่า



ผัวะ!



"เฮ้ย!" กรณ์อุทานขึ้น เมื่อเห็นชายไม่รู้มาจากไหน พุ่งใส่ จนคนโดนต่อยเซถอยหลัง



"มึงเป็นเหี้ยอะไรวะ เขาเป็นแขกของนาย"
กรณ์ยืนบังจิณณ์ที่ยกมือกุมแก้มตัวเองอยู่



     จิณณ์ไม่ได้กลัวจนปอดแหก แต่ถ้าดูจากคู่กรณี ขืนสู้กลับ เขานั่นแหละได้ปอดแหกของแท้



      ชายเงียบไม่ตอบเพราะพยายามระงับความโกรธอยู่



"ยังไม่หายดี มึงออกมานอกห้องทำไม"



"แล้วไง มึงไม่ใช่เจ้าชีวิตกู อย่าเสือก!"



     กรณ์เสียงแข็งใส่ชาย ก่อนจะหันไปบอกจิณณ์



"ผมขอโทษแทนมันด้วยครับ ผมชื่อ กรณ์ เดี๋ยวผมพาคุณเข้าบ้านไปบอกนายก่อนว่าไอ้ชายมันทำร้ายคุณ"



"ไม่ต้องครับ คือ..ผมโอเค" ยืนมึนๆ ก่อนตอบ ยังดีที่จิณณ์มีสติ เหลือบเห็นว่ามีคนพุ่งเข้ามา จึงหลบทัน เลยโดนต่อยแบบไม่เต็มหมัดนัก


"กูพาไปเอง" ชายเอ่ย



"มึงมั่นใจว่าจะไม่ทำร้ายเขาอีก" กรณ์แย้ง



"มั่นใจ" ชายพยักหน้าเพราะเขาระงับอารมณ์โมโหลงได้แล้ว แต่กรณ์ยังไม่เชื่อใจจึงพาไปเอง จังหวะที่กรณ์เดินผ่าน ไม่วายแอบแขวะ



"ไม่พอใจใครก็อย่าพาลไปทั่ว เกิดเป็นคนทั้งที หัดใช้สติควบคุมอารมณ์บ้าง ถ้าทำไม่ได้คงไม่ต่างอะไรจากสัตว์"



     ไม่ทันไร ชายกระชากไหล่กรณ์แล้วเหวี่ยงหมัดทันที กรณ์รู้ดีว่าคนหมาบ้าอย่างชายต้องมาไม้นี้ เขาเอี้ยวตัวหลบได้ทัน และชกกลับ จนชายหน้าหัน



"หึๆ มึงนี่มัน" มองคนที่เพิ่งด่าไม่ทันไร ชายก็ยังคงระงับอารมณ์ไม่ได้



    ส่ายหน้ากับความหุนหันพลันแล่น กรณ์หมุนตัวพาแขกเจ้านายเข้าบ้าน เพื่อให้ป้าแก้วช่วยทำแผล



    เดินห่างคนอารมณ์ร้อนไม่กี่ก้าว กรณ์ชะงักเท้า ใจเต้นแรงกว่าเดิมเมื่อได้ยินเสียงของคนไม่พอใจ แฝงความตัดพ้อ



"ที่กูเป็นแบบนี้ก็เพราะมึงไง ไอ้เหี้ย..."



      กรณ์ยืนนิ่ง ก่อนจะก้าวเดินไปต่อ โดยไม่หันมามองคนที่ยืนเสียใจอยู่ข้างหลัง



      อารมณ์คุกร่นดั่งไฟในนรก แปรเปลี่ยนเป็นอารมณ์เหมือนคนที่โดนทิ้งขว้างกลางหุบเขา ภายในไม่กี่วินาที



      มองแผ่นหลังคนใจแข็ง ด้วยนัยน์ตาเศร้า ชายเปล่งเสียงออกมาอย่างขาดห้วง



"กูเข้าใจผิดไปเองสินะ มึงไม่เคยรักกูเลยใช่ไหมวะ? ไอ้กรณ์"





................


       ตอนนี้ อิทธิพลอยู่ที่บ้านคุณเจริญแล้ว ในตอนแรก ตั้งใจจะมาคุยเรื่องธุรกิจกันสักหน่อย แต่กลายเป็นว่าการมาครั้งนี้ ต้องมาขอโทษเป็นการส่วนตัวด้วยที่ลูกน้องของเขาดันทำร้ายร่างกายลูกชายของคุณเจริญจนหน้าเขียว



       อิทธิพลลำบากใจไม่น้อย เพราะชายดันเป็นคนที่อิทธิพลรักเหมือนญาติสนิท พอรู้ว่ามันทำร้ายร่างกาย บทลงโทษมีเพียงตบหน้ามันไปที และให้มันอยู่เฝ้าบ้าน โดยให้กรณ์มาแทนที่ในวันนี้



      เมื่ออิทธิพลขอโทษจบ จิณณ์แยกตัวออกมา เพราะผู้ใหญ่จะคุยธุระสำคัญกันต่อ



      จิณณ์ตั้งใจมาหาคนยืนตีหน้าเคร่งอยู่หน้าบ้าน เขาพยายามสังเกตว่าการจะทำหน้าที่นี่ต้องนิ่ง วางมาดขรึมตลอดเวลาเลยหรือ?



"คุณมายืนจ้องผมทำไม?"



"คุณจะไม่นั่งหน่อยหรือ?"



"ไม่เป็นไรครับ"



"ผมถามหน่อยสิ คุณทำงานแบบนี้ คุณมีแฟนไหม?"



    กรณ์หันไปจ้องตาวาว



"ถ้าคุณถามอีกคำถามเดียว คุณจะโดนต่อยเหมือนตอนเช้านะ"



     มองคนตาขวางใส่ ก็ยังใจกล้าส่งยิ้ม ไม่เกรงกลัว



     แม้ร่างกายภายนอก กรณ์จะดูน่ากลัว ตัวใหญ่ แต่ลึกๆแล้ว จิณณ์ว่าเขาก็ต้องมีความรู้สึกที่อ่อนไหวกันบ้างแหละ



"ผมเดาว่าคุณคงโสด ขนาดทำงานแบบผม ยังไม่มีแฟนเลย ถ้าทำงานอย่างคุณ..คง.."



"คุณต้องการอะไร พูดมาตรงๆเลยดีกว่า"
แทรกทันที


"ก็แค่อยากรู้จักตัวตนคุณให้มากขึ้น"



"ผมไม่ต้องการมีคนรู้จักหรือเพื่อนเพิ่ม ขอบคุณ ผมขอตัว..."



   อะไรไม่รู้ดลใจ ให้จิณณ์กล้าต่อ ปากต่อคำ



"ผมมั่นใจว่า ตอนนี้ คุณมีคนที่ชอบและใกล้ตัวคุณด้วยใช่ไหม?"



   กรณ์ชะงัก ก่อนจะหันไปประชิดตัวจิณณ์ ก้มลงกระซิบเสียงเข้ม



"คุณคงเคยได้ยินข่าวมาก็มากว่าส่วนใหญ่คนที่ชอบยุ่งเรื่องคนอื่น มักตายไม่ค่อยดีเท่าไหร่"



     กรณ์ว่าจบ เดินหนีไปรอคุณอิทธิพลที่อื่น ส่วนจิณณ์ถอยหายใจโล่งอกที่ไม่โดนชกอีกรอบ

    เขาคงหมดหนทางจริงๆที่จะสร้างสัมพันธ์กับคนกลุ่มนี้ คงมีป้าแก้วเท่านั้นที่จะช่วยจิณณ์พาอิสระออกมาได้



    เวลาผ่านไปชั่วโมงกว่าๆจนได้เวลาที่อิทธิพลเดินทางกลับ  เจริญและจิณณ์เดินมาส่งที่รถ ร่ำลาและยืนมองรถยุโรปสีดำแล่นฉิวออกไปจนสุดสายตา



    เจริญหันมาบอกลูกชาย



"อาทิตย์หน้า พ่อกับคุณอิทธิพลจะไปต่างประเทศ จิณณ์ไปด้วยนะ"



     ชะงักไปนิดแต่รีบตอบ



"พ่อไปเถอะครับ ผมไม่น่าสะดวกจำได้ว่า ต้องไปคุยงานกับไอ้ฮูมนิดหน่อยครับ"



    พ่อถอนหายใจยาว



"ตามใจ" พ่อส่ายหน้าระอาและเดินหายไป


      เหลือเพียงจิณณ์ที่ยังยืนยิ้มกว้าง และความคิดที่ติดอยู่ในหัว คือ โอกาสทองมาถึงแล้ว..


 
****1.1****

หัวข้อ: Re: +..▪..+"แสง.สุด.ท้าย"+..▪..+||ตอนที่ 4 || อัพ 6-11-17 > P.2
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 06-11-2017 19:36:17
 :hao7:

 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: +..▪..+"แสง.สุด.ท้าย"+..▪..+||ตอนที่ 4 || อัพ 6-11-17 > P.2
เริ่มหัวข้อโดย: sang som ที่ 06-11-2017 21:50:01
โอกาส มาถึงแล้ว อย่าพลาดนะๆๆ
หัวข้อ: Re: +..▪..+"แสง.สุด.ท้าย"+..▪..+||ตอนที่ 4.2 || อัพ 11-11-17 > P.2
เริ่มหัวข้อโดย: rinyriny ที่ 11-11-2017 22:54:43
 บทที่ 4 หนี(2)






       โอกาสทองได้มาถึง เมื่อช่วงนี้เป็นช่วงที่อิทธิพลเดินทางไปต่างประเทศ...



       คนที่ติดตามไปด้วยมีเพียงชาย ส่วนกรณ์อยู่เฝ้าบ้าน เพราะตั้งแต่วันที่เขาปกป้องอิสระคราวก่อน นอกจากจะโดนซ้อมเกือบตาย คุณอิทธิพลยังเมินเฉย เย็นชาใส่ตลอดเวลา แต่กรณ์ไม่สนใจ เพราะเริ่มจะหมดความอดทนในการทำงานร่วมกับคุณอิทธิพลเหมือนกัน ถ้าไม่ใช่เพราะคุณอิทธิพลเคยมีบุญคุณช่วยเหลือตอนโดนอริรุมกระทืบมาก่อน กรณ์คงไม่ฝืนทนมากว่าสิบปี



       เพราะยิ่งอยู่ เขารู้สึกว่าคุณอิทธิพลไม่ใช่คนดีเท่าไหร่ มิหนำซ้ำ ความเป็นคนของกรณ์เริ่มเหือดหายลงไปทุกวัน ทุกวัน เมื่อต้องคลุกคลีกับคนที่ไม่มีหัวใจเช่นนี้

   

     ผ่านไปสามวันแล้วที่คุณอิทธิพลเดินทางไปต่างประเทศ ตั้งแต่ที่กรณ์อยู่ตรวจตรา ก็ไม่พบสิ่งผิดปกติใดๆ จึงออกไปทำธุระข้างนอก



     ในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน จิณณ์รับสายจากป้าแก้วว่าทางสะดวก จิณณ์ที่นั่งรอในรถมาได้สองชั่วโมงกว่ารีบเปิดประตูลงจากรถ ดิ่งไปหาจุดนัดพบตรงประตูเล็ก



     แม้คุณอิทธิพลจะไม่อยู่บ้านก็จริง แต่การพาอิสระหนีไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะกรณ์เดินตรวจตราตลอดเวลา ส่วนแม่บ้านสาว อย่าง มณ และคนสวนอย่างลุงแช่มก็เดินขวักไขว่ในบ้านตลอด



     เพิ่งจะมีวันนี้ ที่โชคเป็นใจ มณและลุงแช่ม ขอป้าแก้วไปเที่ยวห้าง ส่วนกรณ์ก็ไม่อยู่ จิณณ์ที่คอยเทียวไป เทียวมา เฝ้าดูอยู่นอกบ้านสามวัน ก็ได้โอกาสเหมาะเจาะสักที

     

     ยืนเหลียวซ้าย แลขวา อยู่ตรงประตูเล็ก ไม่กี่นาทีต่อมา ป้าแก้วเปิดประตูให้จิณณ์เข้ามา เขาเหลือบเห็นเด็กหนุ่มยืนยิ้มอย่างมีความหวัง



"คุณจิณณ์รีบพาไปเถอะค่ะ"



     พยักหน้าและรับตัวอิสระพาลอดประตูเล็ก แต่วินาทีนั้น...



หมับ!



    ก่อนที่ขายาวจะก้าวข้ามประตูเล็ก จิณณ์โดนล็อกคอจากด้านหลัง ถูกกระชากร่างเขาเข้าหาลำตัวของคนกระทำ พร้อมกับปลายกระบอกปืน จ่อตรงขมับ



"มึงคิดจะทำอะไร?"



      กรณ์ลืมของ จึงขับรถกลับมา และนึกไม่ถึงว่าจะเห็นเหตุการณ์นี้ โดยมีป้าแก้ว ร่วมอยู่ด้วย



"พี่กรณ์ ผมกลับเข้าไปเหมือนเดิมก็ได้ครับ แต่ได้โปรดอย่าบอกคุณอิทธิพลนะครับ" อิสระทรุดตัวลงฮวบเอ่ยซ้ำๆ อิสระไม่อยากให้ใครมีปัญหาเพราะเขา ดังนั้น เขายินดีจะกลับเข้าคุกนั้นก็ได้





"กรณ์ ปล่อยให้อิสระได้ไปเถอะ ป้าขอ"



     กรณ์เบือนหน้าหนี เมื่อเห็นว่า ป้าแก้วก็ยกมือไหว้ท่วมหัวขอร้อง อ้อนวอนจนเขาละอายใจ



      กรณ์ผลักคนที่อยู่ในการจับกุมออก แต่ยังยกปืนขึ้นขู่



     เพียงเห็นหน้าตัวการ กรณ์ชะงักเมื่อคนที่พาอิสระหนีเป็นแขกคุณอิทธิพล


"คุณ..จิณณ์"
  กรณ์อึ้งไม่น้อย



"ผมจะพาอิสระไปจากที่นี่" ในเมื่อเห็นหน้ากันแล้ว จิณณ์ก็ไม่มีอะไรปิดบังและยอมรับอย่างไม่กลัว



     กรณ์ไม่สนคำตอบนั้น เขากลับย่อตัวลงเพื่อดึงคุณอิสระให้ลุกขึ้นยืน

   

"ลุกขึ้นเถอะครับ คุณอิส อย่าทำแบบนี้เลย"



      มาถึงขนาดนี้แล้ว จิณณ์ไม่มีวันจะให้อิสระกลับไปอยู่คุกแบบนั้นแน่ๆ



     จิณณ์ยืนมองอิสระที่โดนอีกฝ่ายประคองร่างอยู่ เขาตัดสินใจผลักและเหวี่ยงหมัดเข้าที่ซีกแก้มของกรณ์ ก่อนจะกระชากร่างอิสระดึงไปอยู่ด้านหลังของเขา



"ผมขอ"



    กรณ์จ้องจิณณ์ด้วยแววตาวาวโรจน์ที่โดนชก ก่อนจะพุ่งเข้าต่อยหน้าจิณณ์อีกหมัด


ผัวะ!



    ก่อนที่เรื่องจะบานปลายไปใหญ่ อิสระแทรก



"พี่กรณ์ฮือ อิสระขอเถอะครับ...ให้ผมทำอะไรก็ได้" อิสระเอ่ยด้วยความกลัวจนตัวสั่นและน้ำตาไหลอาบแก้ม



"ปล่อยอิสระให้มีอนาคตที่ดีกว่านี้เถอะ" จิณณ์เสริม  เขาพูดทั้งๆที่สัมผัสได้ถึงกลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งในปาก คนอะไรหมัดหนักชะมัด...



"แล้วผมบอกหรือยัง? ว่าจะไม่ปล่อย?"



"ก...กรณ์"
ป้าแก้วอุทานขึ้นมา เธอซาบซึ้งใจที่สุดท้าย กรณ์ยังมีมนุษยธรรมพอที่จะไม่ใจร้ายไส้ระกำไปมากกว่านี้


"คุณรีบหนีไปซะ"



   จิณณ์อึ้งไปนิดที่อยู่ดีๆกรณ์ก็เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ จิณณ์ขอบคุณและรีบพาอิสระหนีโดยมีป้าแก้วและกรณ์ยืนดูลาดเลาห่างๆ



"เรื่องนี้ ผมจัดการเอง ป้าแก้วอย่าหลุดพูดอะไรนะครับ"



"ขอบคุณมากนะ กรณ์"



      ป้าแก้วยกมือซับน้ำตา ถ้าไม่ได้กรณ์มาช่วยเสริมอีกแรง การพาอิสระออกไปอาจยุ่งยากกว่านี้



     ในขณะเดียวกัน แม้อิสระจะขึ้นรถได้แล้ว แต่เขายังดูลนลานผิดปกติ จิณณ์รีบสตาร์ทเครื่องยนต์ เมื่อรถพ้นรั้วบ้านได้ไกลแล้ว จิณณ์บอกด้วยเสียงนุ่มนวล


"อิสไม่ต้องกังวลนะครับ"


"ผมรอดแล้วใช่ไหมครับพี่จิณณ์?" ย้ำเสียงสั่น เพราะยังคิดว่าตัวเองฝัน



"ครับ"  ตอบสั้นๆ แต่วินาทีนั้น อิสระยกมือปิดหน้าปิดตาปล่อยโฮกว่าเดิม


"อิสเป็นอะไรครับ" จิณณ์ถาม



"ผะ...ผมไม่คิดว่า ผมจะออกมาได้จริงๆฮือๆ ผะ...ผมขอบคุณนะครับ พี่จิณณ์"  แววตาที่ฉายชัดถึงความสุขพร้อมคำขอบคุณจากก้นบึ้งของหัวใจ ทำให้จิณณ์เผลอยิ้มตาม



     เพิ่งเข้าใจว่าการได้ช่วยใครสักคนให้มีชีวิตก้าวต่อไป มันภูมิใจจริงๆ



     การทำเพื่อผู้อื่นบ้าง มันได้สร้างคุณค่าให้จิณณ์รู้สึกดีขึ้นได้ จนจิณณ์ลืมความกลัวก่อนหน้าเป็นปลิดทิ้ง



     เขาเหลือบมองรอยยิ้มดีใจจนออกนอกหน้าของอีกฝ่าย



"วันนี้พักกับพี่ก่อนนะ ว่าแต่..อิสระมีที่อยู่ของพ่อแม่หรือญาติๆคนอื่นๆอีกไหม?"
จิณณ์ถามซื่อๆด้วยความไม่รู้ แต่อิสระชะงัก



     เด็กหนุ่มเห็นความดีที่พี่จิณณ์ช่วยเหลือและคิดว่าคนนี้ไว้ใจได้ จึงยอมบอก



"แม่ผมตายแล้วครับ ส่วนญาติก็มีพี่สาวแม่คนเดียวครับ แต่ผมไม่รู้จะทำยังไงไม่มีเบอร์ติดต่อไว้ด้วย"



"แล้วพ่อล่ะ"


      เงียบอยู่นาน แต่สุดท้ายก็เผยความจริงออกมา
     

"คุณอิทธิพลนั่นแหละครับ พ่อผม"


"ห้ะ!" ดังลั่นรถจนต้องหันมาหาคนตอบคำนั้น


    เคยคิดว่า คุณอิทธิพลคงเป็นคนสนิทห่างๆ หรือไม่ก็เป็นญาติ แต่ไม่คิดว่า


"พ่อเลี้ยงหรือ?" ถามเพื่อความแน่ใจ


"พ่อแท้ๆครับ"


"หืม...พ่อ...ทำกับลูกแบบนี้?" น้ำเสียงสงสัยถูกเปล่งออกไปอย่างไม่เข้าใจ ใครจะเข้าใจและเชื่อได้ง่ายๆล่ะ ว่าพ่อแท้ๆจะทำกับลูกได้อย่างทารุณเช่นนี้


"ครับ"


"เอ่อ....แล้ว ทำไมเขาขังอิสระแบบนั้น"



      อิสระเงียบ จากนั้น น้ำตาก็พรั่งพรูออกมา จนจิณณ์หยุดซัก เมื่อเห็นอิสระร้องไห้อย่างเงียบๆแล้วเบนหน้าหนีไปทางหน้าต่าง เขาจึงปล่อยผ่าน และตั้งใจขับรถให้ถึงห้องเร็วๆ



     สำหรับเขาสิ่งที่ได้ยิน...ก็ช็อคพอแล้วสำหรับวันนี้...









"อิสใส่เสื้อผ้าพี่ก่อนนะ" บอกและยื่นชุดเสื้อผ้าให้เด็กหนุ่มไว้สวมใส่สำหรับคืนนี้



"ครับ"



    ตั้งแต่มาถึง อิสระมองรอบห้องเขาด้วยความตื่นตา ตื่นใจตลอด พอเข้ามายังห้องนอนที่มีทุกอย่างครบครัน อิสระยังดูสนใจอยู่ไม่น้อย



    จิณณ์แอมยิ้มกับความเก้ๆกังๆของเด็ก


"...อิส พรุ่งนี้ไปเดินซื้อของที่ห้างกัน"



"พี่จิณณ์ไปเถอะครับ" อิสระตอบทันที เนื่องจากเขาไม่ได้เดินห้างสรรพสินค้ามานานกว่าสี่ปีแล้ว


"เอาน่า ไปด้วยกัน"


    จิณณ์เห็นอิสระเงียบนานเกินไป เขาจึงเดินไปประชิดตัวเด็กหนุ่ม ขยี้ผมอย่างเอ็นดู


"ไปนะ"


"กะ...ก็ได้ครับ"


"โอเค พักก่อน พรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่"



"พี่จิณณ์จะไปไหนครับ?"


"เดี๋ยวพี่นอนโซฟาหน้าทีวีก็ได้"



"ผมเกรงใจครับ คือ เป็นผมเองก็ได้ที่นอนตรงนั้น"



"ไม่เป็นไร พี่โอเค พี่ไม่อยากให้อิสนอนลำบากน่ะ"



"พี่จิณณ์อย่าลืมสิครับว่า ลำบากกว่านี้ ผมก็เจอมาแล้ว"


"แน่ใจนะ"

"ครับ"



"ตามใจ"


"เอ่อ...พี่จิณณ์ครับ"



"ครับ?"


    ปลายนิ้วชี้เด็กหนุ่มแตะลงบนแผลมุมปากของจิณณ์



"ผมทำแผลให้ไหมครับ?"



    จิณณ์หัวเราะ ส่ายหน้าเล็กน้อย


"ไม่เป็นไร เรื่องจิ๊บจ๊อยแค่นี้พี่ทำเองได้ ขอบคุณนะครับ อิสน่ะไปพักเถอะ"



     อิสระพยักหน้าและเดินออกจากห้องนอนไปนั่งรอที่โซฟา เพื่อให้จิณณ์เตรียมขนผ้าห่มและหมอนนุ่มนิ่มมาให้อิสระได้พัก พร้อมสู้กับวันแรกของการใช้ชีวิตออกจากห้องขัง...อีกครั้ง....


.........................................
หัวข้อ: Re: +..▪..+"แสง.สุด.ท้าย"+..▪..+||ตอนที่ 4.2 || อัพ 11-11-17 > P.2
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 12-11-2017 00:04:02
 :katai2-1::mc4: :mc4: :mc4: :katai2-1:

 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: +..▪..+"แสง.สุด.ท้าย"+..▪..+||ตอนที่ 4.2 || อัพ 11-11-17 > P.2
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 12-11-2017 21:03:53
หนีออกมาได้แล้วน้องอิสจะหมดทุกข์อีกนานมะ ไอ้โรคจิตต้องตามมาทำร้ายอีกแน่ๆ แล้วกรณ์กับป้าแก้วจะโดนอะไรมั๊ยเนี้ย
หัวข้อ: Re: +..▪..+"แสง.สุด.ท้าย"+..▪..+||ตอนที่ 4.2 || อัพ 11-11-17 > P.2
เริ่มหัวข้อโดย: 0% ที่ 14-11-2017 03:15:08
ตอนอ่านเราลุ้นมากใจเต้นตุกๆเลย ออกมาได้เเล้วเเล้วจะโดนจับเข้าไปใหม่ไหมเนี่ย
หัวข้อ: Re: +..▪..+"แสง.สุด.ท้าย"+..▪..+||ตอนที่ 5 || อัพ 15-11-17 > P.2
เริ่มหัวข้อโดย: rinyriny ที่ 15-11-2017 18:21:04

บทที่ 5 กลัว






   

"อิสอยู่กับพี่ไม่ต้องกลัวนะ"





       มองเด็กหนุ่มที่ดูกลัวและประหม่าพอสมควร เมื่อมีคนเดินสวนไปมา จิณณ์เหลือบมองเด็กหนุ่มออกอาการผวา จู่ๆอิสระดึงมือจิณณ์ไปจับไว้แน่น



      จิณณ์สงสารอิสระ เขาคงไม่คุ้นชินกับการที่ต้องมาเจอผู้คนอีกครั้งแน่ๆ ก็ดูทำหน้าเข้าสิ จะร้องไห้ตลอด...แล้วอย่างนี้จิณณ์จะปล่อยไปได้อย่างไร


      จิณณ์นึกภาพไม่ออกว่า ถ้าอิสระต้องออกมาแบบนี้คนเดียว อิสระจะทำได้ไหม?


"อิสไหวหรือเปล่า? จะกลับบ้านไหม?"


      อิสระมีสีหน้าไม่สู้ดีนัก แต่เพราะไม่อยากให้พี่จิณณ์คิดว่าเขาเป็นภาระ



"ไม่เป็นไรครับ ผมเดินต่อได้"



"แน่ใจนะ"


      อิสระพยักหน้ารับ



"เข้าร้านเสื้อผ้ากันดีกว่า" จิณณ์พาเด็กหนุ่มเดินไป


      ตลอดทางอิสระเกาะแขนจิณณ์แน่น ซึ่งจิณณ์เองก็ปล่อยไปอย่างนั้น เพราะเขาสัมผัสได้ว่าอิสระหวาดกลัวอยู่ไม่น้อย


        เดินเข้าโซนเสื้อผ้าผู้ชาย จิณณ์เป็นฝ่ายเลือกเสื้อยืด เสื้อเชิ้ตให้และคว้าสื้อผ้าที่หยิบมาทั้งหมดยื่นให้อิสระ



"ห้องลองอยู่ทางนั้น ไปลองสิ" ชี้นิ้วบอก แต่แล้วอิสระก็ยืนเก้ๆกังๆ



"พี่จิณณ์ ไปรอผมหน้าห้องลองได้ไหมครับ?"



       จิณณ์มองหน้าอิสระนิ่งๆ


"ก็ได้"



       อิสระเข้าไปยังห้องลอง เมื่อได้สวมใส่เสื้อผ้าแต่ละตัว เขาชอบทุกอย่างที่พี่จิณณ์เลือกให้ ราวกับรู้ใจ เพียงแต่เขาเองที่ตัวผอมแห้งเกินกว่าจะใส่ให้มันดูดีได้




"เป็นไงบ้างอิส พี่เข้าไปดูได้ไหม?" ยืนรออยู่นานจึงถาม



      อิสระแหวกม่าน เพื่อให้พี่จิณณ์เข้าไป



     คนอายุมากกว่าไล่ตามองตั้งแต่หัวจรดเท้า


"ก็ดูดีนะ แต่พี่ว่า..." ยืนลูบปลายคางอย่างครุ่นคิด ทันใดนั้น จิณณ์ก้าวไปข้างหน้า ใช้สองมือลูบข้างลำตัวเด็กหนุ่ม ก่อนจะวัดรอบเอวคล้ายโอบ ทำให้อิสระชะงักไปเล็กน้อย



"สงสัยพี่คงต้องขุนให้อ้วนกว่านี้แล้วล่ะ อิสผอมเกินไป"




     เหลือบมองใบหน้าที่มีสีแดงจัด ลามไปถึงหู  จิณณ์เลิกคิ้วมองอย่างสงสัยก่อนจะปล่อยมือออก



"โอเค ถ้าตัวไหนชอบก็บอกละกัน เดี๋ยวพี่รอข้างนอกนะครับ"



     อิสระพยักหน้า     

     สรุปแล้วอิสระตัดสินใจเอาเสื้อผ้าทั้งหมด แต่พอจ่ายเงิน อิสระตาโต หน้าซีดเผือก


    จิณณ์อาสาเป็นฝ่ายถือถุงให้อิสระ ขณะที่ทั้งสองออกจากร้านมาได้ไกล อิสระเริ่มรู้สึกผิด เพราะพี่จิณณ์ไม่ใช่ญาติหรือผู้มีเลือดเนื้อ เชื้อไขร่วมกัน เป็นแค่คนหวังดีคนหนึ่งที่พาหนี แต่ต้องมาลำบากลำบนช่วยทุกอย่างประหนึ่งเป็นลูกในไส้



"พี่จิณณ์ ผมขอโทษ ผมไม่คิดว่าชุดทั้งหมดนั้น มันจะเกือบหมื่น ผมเกรงใจ ถ้าผมเจอป้าเมื่อไหร่ ผมจะรีบนำเงินมาใช้นะครับ"




"ไปรบกวนเงินคนอื่นทำไม อิสก็ทำงานหาเงินแล้วมาคืนพี่สิ" จิณณ์บอกอย่างยิ้มๆ


"ได้ครับๆ ถ้างั้น ผมจะทำงานเพื่อหาเงินมาคืนพี่จิณณ์นะครับ"

"สิ้นเดือนนี้เลยนะ"


"แต่สิ้นเดือนที่พี่จิณณ์บอกมันก็แค่ไม่กี่วันแล้ว ผม..จะหาทันได้ไงครับ"


    จิณณ์กลั้นขำ ที่เห็นอิสระหน้าซึมลง


"พี่ล้อเล่น พวกนี้พี่ซื้อให้หมดเลย ไม่ต้องเอาเงินมาคืนหรอก"

"ผมคิดว่าผมรบกวนพี่จิณณ์มากไป"



"เอาความจริงก็รบกวนแหละ"


!!!



      ยืนอึ้งและน้ำตารื้นขึ้นมา จิณณ์รีบแทรกเพราะเป็นห่วงความรู้สึกอิสระ


"ฟังให้จบก่อน แต่พี่เต็มใจ เลิกคิดมากน่า"



"ขอบคุณนะครับพี่จิณณ์"
  จิณณ์ยิ้มก่อนจะพาไปที่อื่นต่อ



    อาจเป็นเพราะอยู่ในช่วงโปรโมชั่น ลด แลก แจกแถมของห้างสรรพสินค้า ผู้คนถึงเยอะเป็นพิเศษ อิสระเริ่มปวดหัว มองไปทางไหนก็ลายตา เหงื่อเริ่มผุดซึมบนใบหน้า เขาไม่กล้าสบตาใคร และอยากไปให้พ้นๆจากที่นี่



     อิสระเกร็งและกลัวตลอดการเดิน เมื่อผู้คนที่ผ่านไป ผ่านมาใช้สายตามองเขาเหมือนสัตว์ประหลาด พอจิณณ์พาเข้าร้านอาหารได้ อิสระถึงรู้สึกโล่ง แม้ว่าคนจะเยอะ แต่ก็ไม่มากกว่าด้านนอก




"อยากกินอะไรสั่งเลยนะ"



     จิณณ์บอกระหว่างอยู่ในร้านสุกี้



"ขอบคุณครับ"  อิสระยิ้มพยักหน้า แล้วดูเมนูที่ปรากฏบนจอแท็บเล็ตที่จิณณ์คอยเป็นฝ่ายเลื่อนสไลด์ให้ดูเมนูช้าๆ



     สั่งครบถ้วนตามใจต้องการ ก็นั่งรอเมนูอาหารมา เมื่อมาครบทั้งหมด จิณณ์ทยอยใส่ผัก เนื้อสัตว์ลงหม้อต้ม



     อาจเป็นเพราะหิว ตลอดมื้ออาหารจึงไม่มีใครพูดอะไร มีเพียงแค่จิณณ์คอยบริการคีบเนื้อสัตว์ ลูกชิ้น และเป็ดย่างให้อิสระได้กินตลอด



"พี่จิณณ์กินบ้างเถอะครับ คีบให้ผมจนล้นถ้วยแล้ว"



"ก็พี่อยากให้เราอ้วน"



"ถ้าผมอ้วนขึ้น ผมจะได้อะไรหรือครับ"



    จิณณ์หลุดขำ


"จะได้ดูดี มีน้ำมีนวลขึ้นไงครับ ถามแบบนี้ อิสอยากได้อะไรหรือครับ? บอกพี่ซิ"



    อิสระยิ้ม ถ้าบอกว่าเขาอยากได้อ้อมกอดอันอบอุ่นจากพี่จิณณ์ จะได้ไหม?



"เปล่าครับ ผมไม่อยากได้อะไรหรอกครับ"



    จิณณ์ยิ้มละมุน และเชื่อฟังอิสระโดยหันมากินเองบ้าง


     ชั่วโมงกว่าๆ ที่ทั้งสองจัดการอาหารเสร็จ จิณณ์พาอิสระออกมานอกร้าน แต่เป็นจังหวะที่มีสายโทรศัพท์เข้าพอดี จิณณ์จึงบอกให้อิสระรออยู่แถวหน้าห้องน้ำก่อน



    เขาเดินปลีกตัวไปคุยโทรศัพท์ที่เงียบเสียงและห่างไกลผู้คนสักหน่อย



     ราวสิบห้านาที ที่จิณณ์คุยโทรศัพท์เสร็จเรียบร้อย เขาเดินมุ่งไปยังลานจอดรถ โดยลืมไปว่าเขาไม่ได้มาคนเดียวเหมือนทุกที



      พอนึกได้ จิณณ์รีบเร่งกลับไปหาอิสระทันที เพราะลืมเสียสนิทว่าเด็กหนุ่มไม่มีเครื่องมือสื่อสารในการติดต่อ



        รีบเร่ง ก้าวยาวๆ จนเห็นเด็กหนุ่มที่ยังรออยู่ที่เดิม



ฟึ่บ!

     ทันใดนั้น อิสระจับมือจิณณ์และซบหน้าลงบนอก



"ผ...ผมนึกว่าพี่จิณณ์จะทิ้งผมแล้ว"



    ตอนที่ต้องยืนรอคนเดียว อิสระปั่นป่วนในช่องท้อง และยืนด้วยใจโหวง เหวง เมื่อไม่มีวี่แววพี่จิณณ์จะกลับมา ด้วยระยะเวลามันนานจน อิสระ กลัว ว่าพี่จิณณ์จะทิ้ง หนีหายไป



    อิสระไม่รู้จะเดินไปไหน จึงยืนรอพี่จิณณ์อยู่ที่เดิม พอเห็นว่าพี่จิณณ์กลับมา น้ำตาก็พาลเอ่อล้นดวงตา


     ฟากจิณณ์ชะงักด้วยความรู้สึกผิด เพราะอิสระร้องไห้และตัวสั่นอย่างเห็นได้ชัด


     ชินตา และเห็นเป็นปกติในการมาเดินห้างสรรพสินค้าแล้วผู้คนพลุกพล่าน แต่สำหรับอิสระมันไม่ใช่อย่างนั้น



"พี่ไม่ทิ้งอิสหรอก พี่แค่คุยโทรศัพท์เพลินไปหน่อย พี่ขอโทษ ปะ...กลับบ้านกัน"




    กดสายตาลงต่ำมองเด็กหนุ่มที่ตาแดง และมีเม็ดเหงื่อผุดซึมทั่วใบหน้า


    จิณณ์ยิ้มกว้างและเช็ดน้ำตาเด็กหนุ่มให้ ส่วนอิสระก็เริ่มอายเมื่อเห็นสายตาหลายคู่มองมา เขาปาดน้ำตาลวกๆ ก้มหน้างุด และเดินตามพี่จิณณ์ไปลานจอดรถเพื่อกลับบ้าน


     เข้ามายังห้องของชายหนุ่มได้ไม่กี่นาที จิณณ์วางข้าวของที่พื้นแล้วยกมือบิดขี้เกียจนิดหน่อย เพราะเมื่อยล้าพอสมควร



    ส่วนวันนี้ นอกจากอิสระจะได้เสื้อผ้าตัวใหม่ เขายังได้โทรศัพท์มือถืออีกหนึ่งเครื่องจากการเห็นใจ เผื่อไว้อิสระจะได้ติดต่อใครในภายหลัง 



    จิณณ์ปล่อยให้อิสระได้พัก แต่ก่อนจะแยกย้าย



"ผมขอบคุณพี่จิณณ์มากๆเลยครับ สำหรับวันนี้ ที่พาผมออกไปข้างนอก"


"ครับ"




     จิณณ์ยิ้มให้อิสระ ก่อนจะเดินเข้าห้องนอนไปด้วยความเหนื่อยล้า











...................... 





"ขอบใจมากนะไอ้ฮูม"



"เออ...ไม่เป็นไรน่า"



      หลังจากวันที่ทราบคำเตือนของกรณ์ที่ฝากฝังมาบอกป้าแก้วว่า จิณณ์และอิสระควรหาที่กบดานที่อื่น ซึ่งไม่ใช่ที่พักของตัวเองเพื่อความปลอดภัย ทำให้วันนี้จิณณ์ต้องมาขอความช่วยเหลือจากเพื่อนคนนี้ ที่ทำอาชีพเสริม นอกจากการดูแลร้านทองของครอบครัว ด้วยการซื้อคอนโดให้คนอื่นเช่า ซึ่งเป็นการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์อย่างหนึ่ง ที่ "ฮูม" เพื่อนของจิณณ์ชอบมาก


      ฮูมยอมลดราคาค่าเช่าลงครึ่งหนึ่งเพราะเห็นแก่ความเป็นเพื่อนกัน



      ห้องที่จิณณ์เช่า มีแปลนห้องคล้ายห้องพักของเจ้าตัวที่อาศัยอยู่ เพียงพื้นที่เล็กกว่า ทั้งส่วนนั่งเล่นและมุมทำอาหาร แต่การตกแต่งโดยรวมถือว่าเรียบ เท่ น่าอยู่ใช้ได้



      ในตอนแรก จิณณ์ตั้งใจให้อิสระอยู่คนเดียว แต่ดูจากรูปการณ์แล้ว คงไม่พ้นที่จิณณ์ก็ต้องมาอยู่ด้วย



      เมื่อเจรจากันลงตัว ฮูมไม่ได้ให้เพื่อนทำสัญญา เพราะเห็นว่าคนกันเอง ไม่นาน เพื่อนของจิณณ์ได้ขอตัวกลับก่อน


     เรื่องราวของอิสระ ฮูมไม่ได้รู้มากนัก รู้เพียงว่า จิณณ์ช่วยเหลือเด็กคนนี้ เพราะเป็นลูกของเพื่อนพ่อที่โดนทำร้ายร่างกายมาจากคนใกล้ชิด จึงช่วยหาที่อยู่อาศัยให้


     และตามประสาคนนอกที่ไม่รู้เรื่องเชิงลึก จึงเตือนเพื่อนด้วยความห่วงใย โดยเขาพูดทิ้งท้ายไว้ให้จิณณ์คิด


"จะช่วยใคร ควรช่วยเท่าที่ร่างกายไหว คิดให้ดี..ไอ้จิณณ์  กูว่าตอนนี้มึงไม่ได้แค่ช่วยว่ะ มึงกำลังแบกปัญหาเขาเลยแหละ"



    นั่งมองอยู่นาน เพราะตั้งแต่เพื่อนพี่จิณณ์กลับไป อิสระเห็นว่าพี่จิณณ์ดูหน้าเครียด จนไม่อยากคิดไปเองเลยว่า ที่พี่จิณณ์กำลังวิตกกังวลอยู่นั้น เรื่องเขาเองล้วนๆ 


    อิสระกลัวว่า เขากำลังสร้างภาระให้พี่จิณณ์เพิ่มอีกหรือเปล่า?

"พี่จิณณ์ คิดอะไรอยู่ครับ?"



****1.1****

ต่างคน ก็ต่างความคิด


#แสงสุดท้าย #อิสระ #จิณณ์
หัวข้อ: Re: +..▪..+"แสง.สุด.ท้าย"+..▪..+||ตอนที่ 5.2 || อัพ 16-11-17 > P.2
เริ่มหัวข้อโดย: rinyriny ที่ 16-11-2017 19:54:36




บทที่ 5 กลัว(2)




"เปล่าครับ หน้าพี่เหมือนคนกำลังคิดอยู่หรือ?"



"ใช่ครับ อ้อ...ว่าแต่พี่จิณณ์หิวหรือยังครับ?" อิสระไม่อยากให้บรรยากาศดูตึงเครียดกันไปใหญ่ จึงชวนพี่จิณณ์คุยเรื่องอื่น



"ก็นิดๆนะ"


"ตอนนี้ ผมทำอาหารได้แล้วนะ พี่จิณณ์จะลองชิมฝีมือผมไหม?"




      เป็นเวลาหลายวันที่จิณณ์ได้สอนอิสระให้เรียนรู้โลกโซเชียล จิณณ์ใช้เวลาสอนไม่นาน เพราะอิสระแค่เรียนรู้เพิ่มนิดหน่อยจากที่ห่างหายไปสี่ปี แต่พอได้กลับมายุ่งกับเทคโนโลยีและโลกออนไลน์ อิสระไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ เขาสัมผัสได้ถึงความวุ่นวาย ปวดตา และเป็นอะไรที่เขาไม่อยากเล่นมากๆ



      อิสระจึงมุ่งไปในเรื่องของการดูวีดิโอทำขนมและอาหารมากกว่า จะมีบ้างบางเวลาที่อิสระโทรหาป้าแก้ว หลังจากพี่จิณณ์ได้เคยให้เบอร์ไว้



"อะไรกัน พี่ออกไปดูงานแค่ไม่กี่วัน เราทำเป็นแล้ว?"



"ครับ"



"เก่งมาก เอาสิพี่อยากชิมเหมือนกัน"



"ขอบคุณครับ แต่ผมไม่มีวัตถุดิบ"



"เอาเงินพี่ไปซื้อสิ" จิณณ์ทำท่าจะควักเงิน แต่อิสระก็รีบขัดขึ้นเสียก่อน



"แต่ผมไม่กล้าลงไปคนเดียวครับ" จิณณ์ชะงักไปนิด ก่อนจะส่งยิ้มให้



"โอเคๆ พี่ว่าจะหาซื้ออะไรเข้าห้องเหมือนกันพอดี"



     สักพักใหญ่ๆ ที่ทั้งสองเดินเข้าห้องมาจากการช็อปวัตถุดิบอาหาร และข้าวของ เครื่องใช้เพิ่มเติม ยังดีหน่อยที่มาพักอาศัยห้องนี้ จิณณ์ไม่ต้องเตรียมอะไรมาก เขาแค่ขนเสื้อผ้ามาก็อยู่ได้แล้ว



     ฟากอิสระเข้าห้องครัวด้วยความตื่นเต้นที่จะได้ทำอาหารให้พี่จิณณ์เป็นครั้งแรก มือสั่นจนต้องสงบสติอารมณ์ชั่วขณะหนึ่ง ถึงจะลงมือทำได้



     ในขณะเดียวกัน จิณณ์เองรีบโทรบอกพ่อก่อน ว่าช่วงนี้อาจไม่กลับบ้านสักระยะ รวมถึงถามไถ่เรื่องที่พ่อไปต่างประเทศมาด้วย จากการคุยยังไม่เห็นความผิดปกติ จึงอุ่นใจขึ้นมาเล็กน้อย



     ใช้เวลาพอสมควร อิสระถือจานสปาเก็ตตี้ คาโบนาร่าเสิร์ฟให้พี่จิณณ์ถึงที่

   

     ยิ้มและทรุดกายลงนั่งข้างๆพี่จิณณ์
     

"พี่จิณณ์ครับ อร่อยไม่อร่อย บอกตามความจริงนะ"


"แล้วของอิสล่ะ"



"เดี๋ยวผมค่อยไปตักครับ ผมจะรอคำวิจารณ์จากพี่จิณณ์ก่อน"




     หัวเราะเบาๆ ก่อนจะรับจานมาถือ เขาใช้ส้อมม้วนเส้นสปาเก็ตตี้ สูดเข้าปาก พลันเหลือบมองเด็กหนุ่มที่มองมาด้วยสายตาเต็มไปด้วยความหวังล้วนๆ



     อิสระลุ้นอย่างใจจด ใจจ่อ เพื่อรอคำตอบแต่ก็หลุดขำที่เห็นครีมซอสเลอะขอบปากคนตัวโต เขาเอื้อมมือไปหยิบกระดาษทิชชูเพื่อเช็ดขอบปากพี่จิณณ์


"พี่จิณณ์กินเหมือนเด็กเลยครับ"



      จิณณ์แอบชะงัก เมื่อรับรู้ได้ว่าตัวเองทำไมใจเต้นแรงกว่าทุกที จิณณ์หันไปมองด้วยตาหวานเชื่อม จนอิสระหลบสายตา



"ผมขอโทษครับ แค่จะเช็ดให้"


     จิณณ์ยิ้มรับพยักหน้า



"อร่อยดีนะอิส"




"ขอบคุณนะครับ" อิสระตอบแต่หลบตา



"อิสจะโกรธพี่ไหม? ถ้าพี่จะถามเรื่องส่วนตัว"



"ได้ครับ"



"อิสชอบผู้ชายหรือ?" จิณณ์ถามเพราะสงสัยมาตลอด ว่าทุกครั้งที่ใกล้ชิดอิสระ เด็กหนุ่มมักจะหน้าแดง และออกอาการเหมือนคนเขินอาย


      อิสระทำหน้าตกใจ


"พี่จิณณ์รังเกียจหรอครับ?"



"เปล่า แต่ตั้งแต่อิสมาอยู่ด้วยกัน พี่รู้เรื่องของอิสน้อยมาก อิสเล่าให้พี่ฟังบ้างได้ไหม?"



    อิสระพยักหน้าก่อนเล่า


"ได้ครับ ผมชอบผู้ชายและผมเดาว่า นี่น่าจะเป็นสาเหตุที่คุณอิทธิพลขังผม เพราะตั้งแต่ที่คุณอิทธิพลรู้ว่าผมมีแฟนเป็นผู้ชาย และเคยเห็นเดินด้วยกัน จากนั้น เขาก็ทำร้ายร่างกาย ต่อยผม เตะผม ทำเหมือนผมเป็นกระสอบทราย ทั้งๆที่ผมคือลูกชายของเขา"



"ประหลาด?" จิณณ์อุทานขึ้นมา เพราะในหัวนึกถึงการกระทำของคุณอิทธิพล แต่อิสระที่ได้ยินกลับไม่คิดเช่นนั้น


"พี่จิณณ์รังเกียจผมหรอครับ?"



"ไม่ได้รังเกียจครับ เราถามพี่สองรอบแล้ว กังวลอะไรหรือเปล่า?"



"ก็นิดหนึ่งครับ เพราะโดยปกติ คนชอบเพศเดียวกันมักไม่เป็นที่ยอมรับเท่าไหร่"



     จิณณ์เงียบ เขาคงต้องพยายามทำความเข้าใจอิสระให้มากกว่านี้ เพราะดูเหมือนว่า อิสระเป็นคนคิดมากหรือไม่ก็อาจเป็นเพราะเคยถูกขังมานานจนกลายเป็นว่า จะทำอะไรก็กลัวคนจะไม่รัก หรือกลัวที่จะโดนทอดทิ้งอีก


"โอเคๆ พี่ขอโทษ พี่จะไม่ถามอีกแล้วกัน อิสไปตักของอิสเถอะ ส่วนของพี่คงน่าจะมีเบิ้ลนะ"
ไม่ได้พูดเอาใจ แต่จิณณ์ว่ามันก็อร่อยจริงๆ



      ได้ยินคำตอบพี่จิณณ์มันทำให้อิสระใจฟูฟ่อง คำชมธรรมดาแต่ออกจากปากคนที่เราชอบนี่มันเป็นพลังใจชั้นดีได้อย่างไม่น่าเชื่อ


      ก่อนที่อิสระจะลุกไปตักอาหารของตัวเอง


"พี่จิณณ์เป็นคนจิตใจดีจัง ผมมีความสุขนะครับเวลาได้อยู่กับพี่"




       จิณณ์ละสายตาจากจานสปาเก็ตตี้ เงยหน้ามองคนซื่อด้วยรอยยิ้มเขิน



"พี่ดีใจนะครับที่อิสรู้สึกอย่างนั้น อิสไม่ต้องกลัวนะ พี่ไม่ทิ้งอิสกลางทางหรอก ถ้าหาญาติไม่เจอก็อยู่กับพี่นี่แหละ"


"ขอบคุณครับพี่จิณณ์"



     อิสระดีใจที่อย่างน้อยการออกมาเผชิญโลกกว้างครั้งนี้ เขายังมีคนที่ไว้ใจได้อย่างพี่จิณณ์อยู่ข้างๆ...



.................



     สองวันถัดมา...ทั้งๆที่บอกไว้แล้วว่าจะขอหายหน้าไปสักระยะ แต่พ่อของเขาก็ยังโทรเรียกตัวให้กลับมากินข้าวด้วยกันเพียงบอกว่ามีเรื่องด่วน



     เวลายามเย็น จิณณ์หย่อนกายลงนั่งฝั่งตรงข้ามบิดาที่ตรงหน้ามีอาหารมากมายที่รองรับจิณณ์อย่างเพียบพร้อม



    มองหน้าพ่อตัวเองอยู่นานก็เริ่มสัมผัสถึงเค้าลางไม่ดี เพราะคุณเจริญยังคงหน้านิ่ว คิ้วขมวดไม่หาย



     จากที่นั่งนิ่งเฉยมาได้หลายนาที จิณณ์ทนไม่ไหวที่เห็นพ่อเงียบ จึงเป็นฝ่ายถามก่อน



"พ่อมีเรื่องอะไรครับ ถึงกับต้องตามตัวผมมา"



"จะมาคุยเรื่องคุณอิทธิพล"


"ว่าไงครับพ่อ" เขาถามตามปกติ แต่ลึกๆเริ่มใจไม่ดีเท่าไหร่



"ช่วงนี้ อยู่ให้ห่างๆคุณอิทธิพลหน่อยแล้วกัน เห็นว่าแต่ก่อนชอบไปบ้านเค้าคนเดียว"

"ทำไมล่ะครับ?"


"พ่อก็ไม่รู้เรื่องราวมันเป็นมายังไง แต่มีคนวงในบอกพ่อว่า คุณอิทธิพลน่ะขังเด็กไว้ และบังเอิญว่าไอ้เจ้าเด็กคนนั้นมันหนีไปได้ ลูกน้องคุณอิทธิพลที่อยู่ในเหตุการณ์วันนั้น ก็เลยรับกรรมไป"


"รับกรรม ยังไงครับ?"


"ได้ยินมาว่า...โดนยิงตาย..."



"ห๊ะ!...อะไรนะครับพ่อ!"


     กรณ์ตายแล้วอย่างนั้นหรือ?...ไม่จริงใช่ไหม?


"ทำไมตกใจขนาดนั้น"


"อ่อ...ไม่มีอะไร ขอโทษครับ"



     ดูเหมือนว่าอาหารหลากหลายเมนูที่วางอยู่จะกลายเป็นของประกอบฉากไปเสียแล้ว เมื่อทั้งสองกลับไม่มีใครคิดแตะต้อง ตั้งแต่เรื่องราวเข้มข้นนี้ผุดขึ้นมาท่ามกลางมื้ออาหาร


"ว่ากันว่าลูกน้องคนนี้ ทำงานให้คุณอิทธิพลนานมากนะ การตายของเขาสร้างความประหลาดใจให้คนที่รู้ข่าวมามากพอสมควร"



    จิณณ์ใจเต้นตึกตักราวกับรัวกลองยาว เขาเริ่มใจสั่น วิตกหวาดหวั่น กลัวว่า เรื่องราวจะถูกสาวมาถึงตัวเขา



"แล้วธุรกิจที่พ่อคิดจะทำร่วมกับคุณอิทธิพลล่ะครับ"
ไม่รู้ว่าสีหน้าจิณณ์มีพิรุธออกไปหรือเปล่า แต่น้ำเสียงของจิณณ์ยังคงราบเรียบทำทีว่าเขาไม่ได้สนใจมันเท่าไหร่



"ก็คงทำอยู่"


"อ่อ...พ่อครับ ถ้างั้นไม่มีอะไรแล้ว คืนนี้ ผมขอไปบ้านฮูมมันหน่อยแล้วกัน" ตอบโกหกไป



"อืม...ช่วงนี้ ถ้ามีอะไรที่ต้องเกี่ยวกับคุณอิทธิพลบอกนะ พ่อเป็นห่วง"


"ได้ครับพ่อ"



    นั่งรับประทานอาหารกับพ่อไปอย่างไม่รู้รส และใช้เวลาไม่นาน จิณณ์ก็ออกจากบ้าน ตลอดทางขับรถกลับห้อง จิณณ์ติดต่อป้าแก้วไม่ได้เลย เขาเริ่มเป็นห่วงว่าป้าแก้วจะเป็นอะไรไปด้วยไหม?



     ว้าวุ่นใจไม่หยุด จนถึงห้อง พอเปิดประตู พลันเหลือบเห็นอิสระออกอาการดีใจเป็นพิเศษเมื่อเห็นเขา เพราะเมื่อวานจิณณ์ไปนอนค้างบ้านฮูม เสร็จแล้วก็ไปหาพ่อ ก่อนจะกลับมาที่นี่...อิสระถึงต้องอยู่คนเดียว



"พี่จิณณ์เป็นไงบ้างครับ พอพี่โทรมาบอกว่าจะกลับผมเลยทำอาหารรอไว้"



"น่ารักจัง"
จิณณ์ฝืนชมทั้งๆที่ในใจนี่ตรงกันข้าม


    เครียดจนสมองจะระเบิด


    แต่ถึงอย่างไร จิณณ์ยังไม่อยากให้อิสระรู้เรื่องนี้ เขาต้องได้รับการยืนยันจากคนในบ้านนั้นก่อนว่าเป็นเรื่องจริงแค่ไหน หรือว่าแค่ข่าวลือก็ไม่อาจทราบได้


    แม้ลึกๆจิณณ์ก็รู้แหละ ว่ามันเป็นเรื่องจริง แต่เขาอยากติดต่อป้าแก้วให้ได้ก่อน


"พี่จิณณ์มากินก่อนนะครับ"




      จิณณ์กลับมาเหนื่อยๆ พอเห็นแบบนี้ก็รู้สึกดีขึ้นมาบ้าง



      เขานั่งลงตรงโต๊ะอาหารที่มีข้าวไข่เจียว ต้มจืดวุ้นเส้น หมูสับ



      ตัก ซดน้ำแกงร้อนๆ จนคล่องคอ จิณณ์ก็พูดขึ้น



"อิสอยู่คนเดียวก่อนได้ไหม?"



"พี่จิณณ์จะไปไหนหรอครับ"


"คืนนี้ พี่จะออกไปดื่มกับเพื่อนสักหน่อย"



"ครับ" อิสระซึมลง เขานึกว่าจะได้อยู่กับพี่จิณณ์ตลอดเวลา เพราะแค่เมื่อวานที่ไม่ได้อยู่ด้วยกัน อิสระก็หงอยลงอย่างเห็นได้ชัด


     การได้มีใครสักคนเข้ามาในชีวิต พอรู้ว่าเขาเหินห่าง มันก็ไม่ดีต่อใจสักเท่าไหร่

     หากอิสระต้องอยู่คนเดียวอีก ก็ไม่ต่างอะไรจากการย้ายที่คุมขังอยู่ดี มีแค่ที่ที่อำนวยความสะดวกมากขึ้น แต่คนที่อิสระชอบกลับไกลห่าง

    หรือเป็นเพราะอิสระมีใจให้พี่จิณณ์ เขาถึงคาดหวังว่าอีกฝ่ายต้องเป็นไปดั่งที่ใจอิสระต้องการ




      เมื่อจิณณ์กินเสร็จ ร่ำลาอิสระก็ออกไปหาเพื่อน เพื่อปรับทุกข์


"มึงเงียบมาจะชั่วโมงแล้วนะ แดกคนเดียวเลยไหม?"


"ขอโทษที กูแค่คิดอะไรนิดหน่อย"




"ไม่หน่อยแล้วมั้ง ถ้าจะนานขนาดนี้" ฮูมบอก พร้อมกระดกเบียร์นำเข้าแก้วใหญ่เป็นแก้วที่สาม



     ตอนเพื่อนโทรด้วยน้ำเสียงติดกังวล ฮูมก็รีบแล่นมาหา แต่กลายเป็นว่าตั้งแต่นั่งมา เพื่อนเอาแต่นั่งเงียบเป็นเป่าสาก



"กูแค่คิดว่า ที่กูทำมันถูกใช่ไหม?"


"เรื่องอะไรล่ะ"


"เรื่องที่กูช่วยน้องเขา"



"ก็ถูกแหละ แต่มึงใจดีเกินไป มึงควรปล่อยให้น้องได้ลองใช้ชีวิตเองบ้าง มึงไม่ใช่มูลนิธิหรือสถานสังคมสงเคราะห์นะเว้ย...ไอ้จิณณ์" จิณณ์สบตาเพื่อนและครุ่นคิดไปด้วย


     มันก็จริงอย่างที่เพื่อนว่า นั่นสิ...เขาช่วยแค่นี้ก็พอ แค่นี้ก็เกินกำลังคนธรรมดาอย่างเขาแล้ว เขาไม่ควรเอาตัวเองไปเสี่ยงเกินไป ในเมื่อจิณณ์เองก็ยังมีพ่อที่คอยห่วงใยเขาอยู่เหมือนกัน

       
"ขอบใจมึง กูควรต้องคิดให้มากขึ้นแล้วล่ะ"



     จากนั้น จิณณ์กลับเลือกทางออกของปัญหาเรื่องนี้ ด้วยการดื่มหนักกว่าเดิม จนเมื่อจิณณ์ถึงห้องในเวลาตีสาม เขาเดินโซซัด โซเซ มองอะไรก็เบลอไปหมด เขาคลำ ควานหาสวิตช์ไฟตรงผนัง


     จนกระทั่งเจอ เขาเปิดไฟก็เห็นร่างใครไม่รู้นอนที่โซฟาโผล่หัวขึ้นมามองเขาเช่นเดียวกัน


"พี่จิณณ์เมาหรอครับ" เสียงแหบแห้งเอ่ยถามขึ้นด้วยอาการงัวเงีย

      จิณณ์ไม่ตอบแต่กลับเดินไปตามต้นเสียงและทิ้งร่างทับอิสระ ทำเหมือนกับว่ามันเป็นโซฟาว่างเปล่า ไร้ร่างคนนอนอยู่...


................................


ก็เข้าใจเนอะว่านิยายนี้อาจไม่เป็นที่ต้องการของตลาดเท่าไหร่  แต่ก็จะเขียนให้จบ เพราะอยากเขียนแนวนี้   

.

ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ


#แสงสุดท้าย #อิสระ #จิณณ์
หัวข้อ: Re: +..▪..+"แสง.สุด.ท้าย"+..▪..+||ตอนที่ 5.2 || อัพ 16-11-17 > P.2
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 16-11-2017 21:33:45
 o13 งานดีน่าอ่านมากครับ...สู้ๆ...


 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: +..▪..+"แสง.สุด.ท้าย"+..▪..+||ตอนที่ 5.2 || อัพ 16-11-17 > P.2
เริ่มหัวข้อโดย: 0% ที่ 19-11-2017 18:04:21
จิณณ์จะทำอะไรน้องไหมนั่น สู้ๆจ้าตามอ่านอยู่  :mew1:
หัวข้อ: Re: +..▪..+"แสง.สุด.ท้าย"+..▪..+||ตอนที่ 6 || อัพ 20-11-17 > P.2
เริ่มหัวข้อโดย: rinyriny ที่ 20-11-2017 19:34:37
บทที่ 6 เรื่องของกรณ์





"พี่จิณณ์ครับ ผมหนัก"


    อิสระพยายามดันอกพี่จิณณ์ให้ลุกขึ้น ดูเหมือนว่าวันนี้พี่จิณณ์เมามากกว่าทุกครั้งที่อิสระเคยเห็น


   จิณณ์ส่งเสียงครางในลำคอ เขาไม่ยอมลุกแต่สิ่งไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อจิณณ์เริ่มซุกซนด้วยการใช้ปากพรมจูบทั่วใบหน้า


   เด็กหนุ่มใจเต้นแรงและวาบหวาม เพราะไม่คิดว่าพี่จิณณ์จะทำแบบนี้ อิสระรู้สึกร้อนวูบวาบจนต้องเรียกสติตัวเองให้กลับมาเพื่อยับยั้งอีกฝ่ายให้หยุดกระทำ



"อ้ะ...พี่จิณณ์ครับ...หยุด..."



    ไม่สนว่าอีกฝ่ายจะพูดอะไร ทันใดนั้น มือหนาจับล็อคปลายคางอิสระราวกับเป็นคำสั่งว่าหยุดพูดและควรเปิดปาก อิสระเงอะๆงะๆ ไม่กล้า แต่ต้องทำตามเมื่อแรงบีบที่ปลายคางมันมากขึ้นเรื่อยๆ และแล้วปลายลิ้นขมปร่าจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก็ส่งเข้ามาทักทายเรียวลิ้นอุ่นอีกฝ่ายได้สำเร็จ...



    เร่าร้อนและดุดันเกินบรรยาย จากตอนแรก อิสระต่อต้าน แต่ไม่นานกลับโอนอ่อน เพราะรสของความตื่นเต้นเร้าใจที่มาจากพี่จิณณ์ ตอบโต้จนมิอาจห้ามความรู้สึกตัวเองได้



    ใจง่ายไปไหมเรา?...



    อิสระสติกระเจิด กระเจิง เผลอใจไหลตามอารมณ์ ยกสองมือโอบรอบคอพี่จิณณ์แน่น


    จูบดูดดื่มครั้งนี้ จิณณ์เป็นฝ่ายไล่รุก เชี่ยวชาญจนเด็กหนุ่มหลงจูบนี้เสียแล้ว ร่างอิสระตอนนี้เหมือนไร้กระดูก เขาอ่อนยวบลงทันตา และยอมตามเกมส์พี่จิณณ์อย่างไม่ถอยหนี


   เสียงจูบจาบจ้วงดังขึ้นเป็นระยะๆ ยิ่งให้อารมณ์แห่งกามารมณ์พุ่งพล่าน จิณณ์ผละออก เพื่อเคลื่อนริมฝีปากมากดจูบใต้ใบหู จากนั้นก็ลากไล้ไล่ลงมายังซอกคออิสระ จนเด็กหนุ่มเผลอหลุดครางเสียงหลง


   อิสระไม่ได้รู้สึกซาบซ่านแบบนี้มาสี่ปีแล้ว



   ความรู้สึกที่เขาได้จากคนรัก...


    อิสระใจเต้นแรงขึ้น แรงขึ้น ทันทีที่พี่จิณณ์ใช้มือเลิกเสื้อขึ้น จิณณ์โน้มใบหน้าลงต่ำ ปลายลิ้นพร้อมโลมเลียผิวกาย แต่อิสระอายและยังไม่พร้อม เขาดันอกแกร่งออกห่าง


"พะ...พอก่อนครับพี่จิณณ์"



     ใบหน้าหล่อแดงจัดและเหงื่อเม็ดใหญ่ผุดพราว หรี่ตามอง จากนั้น จิณณ์ยังไม่วายส่งยิ้มละมุนพร้อมแววตาหวานฉ่ำ เลื่อนริมฝีปากไปขบเม้มใบหู ก่อนจะกลับมาเล่นริมฝีปากเด็กหนุ่มใช้ฟันคมขบกัดปากอย่างหยอกเย้า ปิดท้ายด้วยการจุมพิตบนริมฝีปากเบาๆ


จุ๊บ!..



"พี่ไม่อยากฝืนครับ ฝันดีนะ เด็กน้อย"



    จิณณ์ลูบปอยผมที่ชื้นเหงื่อของเด็กหนุ่มพลันลุกขึ้นยืนทันที แต่เพราะเมา ร่างสูงยืนโอนเอนและหงายล้มลงนั่งบนโซฟาเหมือนเดิม จนอิสระต้องเป็นฝ่ายประคองร่างคนตัวใหญ่ไปส่งที่ห้อง และเดินกลับออกมา ยอมรับว่ายังไม่กล้าพอจะอาบน้ำให้ และเชื่อว่าพี่จิณณ์คงพอมีแรงไหวล่ะมั้ง...











................


     ยามสายของวันถัดมา อิสระตื่นมาทำอาหารให้พี่จิณณ์ได้กิน หวังใจว่า ถ้าพี่จิณณ์ได้กินอาหารร้อนๆอาจจะช่วยให้คล่องคอและสมองปลอดโปร่งได้


    ขณะที่ ด้านนอกมีคนขะมักเขม้นทำอาหารอย่างตั้งใจ ภายในห้องนอนมีคนปรือตามามองเพดานด้วยอาการหนักหัว สองมือกุมขมับ จากนั้นก็ใช้นิ้วโป้งนวดวนเบาๆ ก่อนจะหยัดกายลุกขึ้นนั่งเรียกสติสักพัก ถึงเดินออกมาจากห้องนอน เพื่อจะไปห้องน้ำ แต่ขณะนั้น กลิ่นหอมฉุยของอาหารเตะจมูกจนต้องเปลี่ยนเส้นทางเดินตามกลิ่นนั้น


"พี่จิณณ์ตื่นแล้วหรือครับ?"
อิสระถามทันทีที่เห็นพี่จิณณ์เดินมายืนข้างๆ



"พี่มาที่นี่ได้ไง?"



    เป็นคำถามที่ทำให้อิสระชะงัก ก่อนจะหยุดทำไข่น้ำสักพักหนึ่งและหันไปถามเพื่อความแน่ใจ...



"พี่จิณณ์จำไม่ได้จริงๆหรือครับ?"


    จิณณ์ส่ายหน้า และบอกเพิ่มเติม


"พี่ขอโทษนะ ถ้าเกิดว่าเมื่อคืน ทำให้อิสระต้องลำบาก แต่พี่จำไม่ได้จริงๆ"



      ยืนเม้มปากเงียบ เหมือนน้อยใจ พี่จิณณ์จำอะไรไม่ได้ แม้กระทั่งเรื่องที่เราจูบกันจริงหรือ?



     พยายามปลอบใจตัวเองว่าไม่เป็นไรหรอกนะ ถ้าพี่จิณณ์จำไม่ได้จริงๆ อิสระขอเก็บไว้ในใจก็พอ



     อย่างน้อย เรื่องราวเมื่อคืน ทำให้อิสระรู้สึกกลับไปเป็นเด็กวัยสิบสี่สิบห้าอีกครั้ง


     เด็กหนุ่มยิ้มฝืนๆ...


"ผมไม่ได้ลำบากเลยครับ"



"ชัวร์นะ?"


"ครับ อย่าสนใจเรื่องเมื่อคืนเลย ตอนนี้ ผมทำกับข้าวให้พี่จิณณ์อยู่ ไปอาบน้ำ จะได้มากินนะครับ เผื่อจะสดชื่น"



"หืม...ขอบคุณนะ พี่รู้สึกปวดๆหัวอยู่เหมือนกัน ถ้ากินคงดีขึ้น"



      อิสระส่งยิ้มให้ พอพี่จิณณ์ผลุบหายเข้าห้องน้ำไป เรื่องนั้นยังอยู่ในหัว ด้วยความรู้สึกเสียใจ ถ้าพี่จิณณ์จำได้สักหน่อย อิสระก็อยากบอกไปนะว่าเจ้าตัวรู้สึกอย่างไร...



     ผ่านไปสักพักใหญ่ๆที่จิณณ์อาบน้ำแต่งตัวเสร็จ เดินออกมาก็เห็นว่ากับข้าว กับปลาถูกวางตรงโต๊ะเรียบร้อย



     จิณณ์หย่อนก้นนั่งบนเก้าอี้เหลือบมองอิสระ



"อิสกินรึยัง?"


"ยังครับ รอกินพร้อมพี่จิณณ์"


"นึกว่ากินแล้ว"




"ทำไมครับ?"


"จะให้ป้อนน่ะสิ"




"พี่ไม่มีมือหรอครับ?" อิสระถามซื่อๆ แต่จิณณ์กลับสะอึก


"ปวดหัวเลยไม่มีแรง"


     อิสระหลุดขำกับคำตอบ


"ผมป้อนก็ได้ครับ..เพราะผมไม่ค่อยหิวเท่าไหร่ กินทีหลังก็ได้"


"พี่ล้อเล่น อิสกินเถอะ แต่เปลี่ยนมานั่งกินข้างๆพี่ได้ไหม?"


     อิสระเอียงคอมองคนอายุมากกว่า ทำไมวันนี้ พี่จิณณ์ดูพูดจาแปลกๆ แต่อิสระก็ยอมตามใจเดินไปนั่งข้างกายพี่จิณณ์ และกินข้าวไปพร้อมๆกัน


     กินไปไม่กี่คำ อิสระสังหรณ์ใจเหมือนพี่จิณณ์อยากพูดอะไร เพราะในระหว่างที่พี่จิณณ์กินไป ก็พลางเหลือบมองอิสระไปแทบจะตลอด


     อิสระเองเริ่มอึดอัดจนต้องเป็นฝ่ายถามขึ้นมา


"พี่จิณณ์มีอะไรอยากบอกผมหรือเปล่าครับ?"


"อิสครับ กรณ์ตายแล้วนะ"
จิณณ์ไม่อยากปล่อยให้เวลาเนิ่นนานไปกว่านี้ เขาตัดสินใจบอกไปให้อิสระรู้เลยดีกว่า


"อะ...อะไรนะครับ"



     อิสระอึ้งและช็อก...จนมือไม้อ่อน ช้อนที่ถืออยู่เกือบหล่นลงชาม...


"กรณ์ตายแล้วจริงๆครับ"



     ส่วนจิณณ์ที่กล้ายืนยันออกไป เพราะได้รับคำตอบแน่ชัดจากป้าแก้วตอนเธอโทรกลับมาด้วยเบอร์โทรศัพท์ที่เปลี่ยนใหม่ว่ากรณ์ตายแล้วจริงๆ...เพียงแต่จิณณ์ไม่ยอมเปิดเผยความจริงว่ากรณ์ตายด้วยสาเหตุใด เพราะเขากลัวว่าอิสระจะพร่ำโทษว่าตัวเองเป็นต้นเหตุ ถ้าอิสระหายเครียดแล้วมีเวลาอันสมควรกว่านี้ จิณณ์จะบอกความจริงในภายหลัง


"บ่ายนี้ เราไปทำบุญให้กรณ์กันนะ"


"ได้ครับพี่จิณณ์" เสียงสั่นเครือเปล่งออกไป ทั้งๆที่รู้สึกใจหาย อิสระกินไปอีกไม่กี่คำก็บอกว่าอิ่ม อันที่จริง มันอิ่มเพราะได้ยินเรื่องนี้...


     รับประทานอาหารกันเสร็จ ทั้งสองก็เดินทางมาถึงวัด ทำบุญสังฆทาน ปล่อยนก ปล่อยปลารวมถึงทำบุญโลงศพ เพื่อแผ่เมตตาและอุทิศส่วนกุศลไปยังผู้ล่วงลับ


     จิณณ์ยืนมองเด็กหนุ่มที่ซึมลงกว่าเดิม เรื่องน่าเศร้าแบบนี้ ไม่มีใครอยากได้ยินมัน


     จนถึงนาทีนี้ ทั้งสองยังไม่อยากเชื่อว่ากรณ์ตายแล้วจริงๆ แม้ว่าจิณณ์และอิสระไม่ได้สนิทสนมเป็นการส่วนตัว แต่เพราะกรณ์มีบุญคุณช่วยให้อิสระได้หนีออกมา ทั้งสองจึงเสียใจและมันจะเป็นสิ่งที่ทั้งคู่ไม่มีวันลืมการช่วยเหลือของกรณ์ครั้งนี้


    ยืนสงบสติอารมณ์ รวมถึงจัดการตามสิ่งที่ต้องการเสร็จเรียบร้อย จิณณ์และอิสระไม่ได้ไปไหนต่อ เขามุ่งหน้ากลับห้อง เนื่องจากจิณณ์ยังรู้สึกเพลียๆอยู่



     เมื่อถึงห้องแล้ว อิสระมองใบหน้าพี่จิณณ์ที่ดูซีดเซียวกว่าตอนอยู่บนรถ เขายกมือแตะหน้าผากและลำคออีกฝ่าย



"พี่จิณณ์ไม่สบายรึเปล่าครับ"


"บอกไม่ถูกเหมือนกัน มันเหมือนจะร้อนๆหนาวๆน่ะ"



"ไปหาหมอไหมครับ"

"ขอพี่หลับสักงีบก่อนแล้วกัน ถ้าไม่ไหวพี่จะไปหาหมอนะ"

"ครับ"




   ส่งพี่จิณณ์ถึงเตียง อิสระก็เดินออกมาจากห้องนอน จนเวลาผ่านไปหลายชั่วโมง อิสระทำนู้น นี่ นั่นจนเบื่อ จึงลองเดินไปดูอาการพี่จิณณ์อีกรอบ ก็พบว่าพี่จิณณ์ตัวร้อนกว่าตอนแรก


    เดินค้นทั่วห้องเพื่อหากล่องยา ปรากฎว่าไม่มียาลดไข้เลยสักแผง  เขาตัดสินใจปลุกพี่จิณณ์เพื่อไปหาหมอ

 

"พี่จิณณ์ครับ ตื่นไปหาหมอนะครับ"


    เรียกอยู่นานกว่าพี่จิณณ์จะตอบ

"อิส ขอพี่นอนก่อนนะ"


"พี่จิณณ์ไม่สบายนะครับ" อิสระเขย่าแขนพี่จิณณ์ให้ตื่น แต่อีกฝ่ายดื้อดึงจะนอน จิณณ์ดึงผ้าห่มมาคลุมถึงศรีษะ เหมือนเลี่ยง


"พี่จิณณ์ ลุกก่อน ไปหาหมอเถอะ...เดี๋ยวป่วยหนักกว่าเดิมนะครับ" อิสระกระชากผ้าห่มออกแต่คนตัวโตกลับจับมือที่เขาดึงผ้าห่มแน่น และกระตุกจนอิสระเซลงนั่ง



"ขออีกสิบนาทีนะครับ อิสมานอนข้างพี่เลยก็ได้ ถ้าเกินเวลา อิสจะได้ปลุก" คนตัวสั่นเทาเอ่ยเสียงแหบแห้ง


    ฟากอิสระลอบถอนหายใจ ทำไมพอพี่จิณณ์ป่วยแล้วดื้อจัง


    เด็กหนุ่มส่ายหน้าน้อยๆ ก่อนจะล้มตัวลงนอนตะแคง วินาทีนั้น จู่ๆจิณณ์รั้งร่างอิสระเข้าหาตัว กอดกระชับแน่นจนแผ่นหลังอิสระแนบไปกับแผงอกแกร่งของอีกฝ่าย



     พี่จิณณ์กอดอิสระทั้งๆที่ไม่พูดอะไร อิสระใจเต้นแรงเกินจนกลัวพี่จิณณ์จับได้ เขาควรร้องห้ามหรือปล่อยไปอย่างนี้ดี



     ไม่นานนัก อิสระก็เลือกได้แล้วว่า  เขาจะปล่อยให้พี่จิณณ์กอด เวลานี้ ทั้งสองนอนกอดกันภายใต้ผ้าห่มผืนเดียว



     อิสระยินยอมให้ไอร้อนของอีกฝ่ายไหลผ่านจากกายหนึ่งไปสู่อีกกายหนึ่ง



     ไม่เป็นไรหรอก ถ้านอนกอดกันแบบนี้ จะติดไข้ อิสระก็ยอม



    ส่วนสิบนาทีที่พี่จิณณ์บอกก่อนหน้าว่าให้ปลุก อิสระจะทำเป็นไม่ได้ยินคำบอกกล่าวนั้นก็แล้วกัน





 
****1.1****
หัวข้อ: Re: +..▪..+"แสง.สุด.ท้าย"+..▪..+||ตอนที่ 6 || อัพ 20-11-17 > P.2
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 20-11-2017 20:59:25
 :z1:


 :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: +..▪..+"แสง.สุด.ท้าย"+..▪..+||ตอนที่ 6.2 || อัพ 21-11-17 > P.2
เริ่มหัวข้อโดย: rinyriny ที่ 21-11-2017 23:41:20
บทที่ 6 เรื่องของกรณ์ (2)





     ในเวลาโพล้เพล้ มีชายหนุ่มคนหนึ่งนั่งดื่มเบียร์ริมระเบียงราวกับหวังว่ามันจะลืมเรื่องเครียดได้


     เรื่องเครียดที่ว่า 'เรื่องของกรณ์' ที่ชายพยายามสลัดไล่ออกไปจากสมองเท่าไหร่แต่ก็ทำไม่ได้สักที...


    นาทีนี้ ชายเหมือนคนบ้า บ้างก็ยิ้ม บ้างก็เศร้าสลับไปมาเพียงเพราะนึกถึงกรณ์

    ตลอดเวลาชายมีเรื่องไม่สบายใจ หรือมีปัญหา กรณ์มักอยู่เคียงข้าง คอยช่วยแก้ปัญหาให้ผ่านไปได้ทุกครั้ง กรณ์เป็นผู้ใหญ่ มีเหตุ มีผลมากกว่าชายที่ใช้อารมณ์และเลือดร้อนมากกว่า


     ชายมีความสุขทุกครั้งที่ได้อยู่ใกล้ผู้ชายคนนี้



"โอ้ยเจ็บนะ...ไอ้กรณ์ เบามือหน่อยสิวะ!"

"สมน้ำหน้า เสือกห้าวไปมีเรื่องดีนัก"



    คนไร้ความรู้สึกบ่นแต่ก็นั่งทำแผลให้ เนื่องจากเรื่องของเรื่อง ชายดันกร่างไปหาเรื่องคนอื่นเพียงเพราะเดินชนชายและไม่ยอมขอโทษในร้านเหล้า


    ดีเท่าไหร่แล้วที่เจ้าของร้านมาเห็นเสียก่อน ไม่อย่างนั้น ชายอาจโดนยิงตายไปนานแล้วที่ชอบอารมณ์ร้อนพาลคนอื่นไปทั่ว


     ถ้ากรณ์อยู่ในเหตุการณ์ก็คงไม่ช่วย เผลอๆอาจย้ำรอยด้วยซ้ำ ข้อหาอวดเก่งไม่เข้าเรื่อง...


"สมน้ำหน้า แต่ก็ทำแผลให้กู เป็นห่วงกูมากล่ะสิ"


     กรณ์ชะงัก ก่อนจะกดน้ำหนักมากกว่าเดิมจนชายสบถด้วยคำหยาบคาย


"ไอ้เหี้ย กูเจ็บนะ"

"โดนขนาดนี้ ยังปากดี"



"พูดแทงใจดำล่ะซี้"


     ส่งยิ้มกรุ้มกริ่ม แต่กรณ์ไม่ขำด้วย กรณ์วางสำลีที่ถืออยู่ในมือ แล้วลุกเดินหนีไปหน้าตาเฉย...ปล่อยให้ชายนั่งงง...เพราะกรณ์ไม่แก้ต่าง แต่กลับตัดบทง่ายๆด้วยการลุกหายไปเลย...






 ...............



"มึงให้กูทำไมวะ?" ชายเลิกคิ้วขึ้นมองหน้ากรณ์สลับกับมองกล่องดาร์ก ช็อกโกแลตที่เขาถืออยู่ในมือ
 

     เรื่องราวนี้เกิดขึ้นตอนที่ทั้งสองนั่งอยู่ล็อบบี้ ในระหว่างที่รอคุณอิทธิพลคุยงาน ณ โรงแรมแห่งหนึ่ง


"สุขสันต์วันเกิด" ชายนึกไม่ถึงว่ากรณ์จะซื้อให้ เหนือความคาดหมาย คือ กรณ์จำวันเกิดชายได้เสมอ เพียงแค่ก่อนหน้า จะแค่มีคำอวยพรธรรมดาเฉยๆ แต่รอบนี้ได้ของเพิ่มเติมและเป็นของที่ชายชอบกินยามเครียดเสียด้วย


"มึงจำของโปรดกูได้ด้วยหรือ?"

"เปล่า กูแค่อยากซื้อ"



    เสียใจนิดหน่อยกับคำที่ได้ยิน โดยไม่ผ่านการคิดสักนิด

   ชายมองคนตอบหน้าตายแล้วนึกหมั่นไส้อยากเตะปากจริงๆ ทำไมต้องคีฟลุกส์ นิ่ง ขรึมซะขนาดนั้นวะ ไม่เข้าใจ

    เมื่อกรณ์ตอบมาอย่างนั้น ชายจะทำอะไรได้นอกจาก...


"เออ...ขอบใจ อย่างน้อยก็พิเศษกว่าทุกปี ไหนๆวันนี้ก็วันเกิดกู ไปกินเบียร์กับกูหน่อยสิ"

"อืม"

"ขอบใจนะ มึง"



     หลังจากสะสางธุระสำคัญของเจ้านายได้จนหมดสิ้น กรณ์ตามใจชายด้วยการไปนั่งผับสไตล์อังกฤษที่ชายชอบนั่งดื่มเป็นประจำ

     สั่งกับแกล้ม พร้อมเบียร์ชื่อดังจากเบลเยี่ยม

    ขณะที่ดื่มได้สักพัก...


"ไอ้กรณ์ กูถูกใจฝรั่งโต๊ะนั้นว่ะ มันมองกูอยู่นานแล้ว"


    กรณ์ชะงักไปนิด ก่อนจะวางแก้วเบียร์แล้วเหลียวมอง กลุ่มฝรั่งผู้หญิงที่นั่งโต๊ะอยู่ข้างหลังเขา


"มาบอกกูทำไม"

"มึงนั่งคนเดียวก่อนนะ กูขอเข้าไปคุยซักหน่อย"


"ก็ไปสิ" กรณ์ตอบหน้าตาย

"ว่าจะต่อที่โรงแรม วันนี้วันเกิดกู อวยพรให้กูด้วยแล้วกัน"


     พูดลอยๆขึ้นมาพร้อมตบบ่ากรณ์พลางยิ้มเจ้าเล่ห์ แต่วูบหนึ่งในสายตาอีกฝ่ายที่ชายจับสังเกตได้คือ...กรณ์ไม่พอใจ...


     แต่ชายจะทำอะไรได้ ในเมื่อกรณ์ไม่เคยง้างปากบอกความรู้สึก ชายก็เดาไม่ออกเหมือนกัน


      ดังนั้น ชายขอใช้ชีวิตให้คุ้มค่า และแล้วในวันเกิดของชายคำอวยพรก็เป็นไปตามสมปรารถนา


      จากนั้น พักหลังๆมา ชายไม่ได้คิดไปเอง เขารู้สึกว่า การที่ชายแสดงออกกับใครในเชิงชู้สาว กรณ์มักแสดงออกถึงความไม่พอใจหรือเรียกง่ายๆว่าหึง แต่พอชายถามไปโต้งๆว่า กรณ์ชอบเขาหรือเปล่า? กรณ์ไม่เคยตอบมันเลยสักครั้ง


    แล้ววันที่กรณ์เปลี่ยนไปก็มาถึง เขาทำตัวเย็นชา ห่างเหินชายมากขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่ที่คุณอิทธิพลใช้อิสระออรัลเซ็กส์ให้ชาย


    ชายเคยถามเหตุผลว่ากรณ์เป็นอะไรทำไมเย็นชา มีหนหนึ่งที่ชายได้ยินเหมือนกรณ์จะหลุดพูด


"เพราะกู...ชอ..."


     ยิ่งตอกย้ำในความคิด ชายมั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์ว่ากรณ์ชอบเขาแน่นอน แต่ทำไมกรณ์ถึงไม่พูดมันออกมา?


     หลังจากนั้น ชายอยากให้กรณ์แสดงออกว่าหึงบ้าง จึงตั้งใจประชด เล่นด้วยกับอิสระ ชายพยายามมีอารมณ์ร่วม แต่ไม่เลย กรณ์ยังคงเก็บงำความรู้สึกที่มีต่อเขา จนชายเองที่เป็นฝ่ายหงุดหงิดแทน


   กำแพงในหัวใจของกรณ์ช่างสูงเกินไป สูงจนชายปีนข้ามให้ตายอย่างไรก็ไม่ถึงหัวใจดวงนั้นได้จริงๆ...


    เวลาผ่านไป ชายเริ่มเหนื่อยกับสิ่งที่พยายามคาดคั้น เรียกร้อง แต่กรณ์ไม่เคยตอบสนองสิ่งใดกลับมาเลย


    เมื่อความอดทนใกล้จะสิ้นสุดลง ชายทนไม่ไหว คิดว่าถึงเวลาที่เขาจะเป็นฝ่ายบอกความรู้สึกเองว่าชายก็ชอบกรณ์เหมือนกัน เผื่อกรณ์จะยอมเปิดใจและตอบกลับมาบ้าง


    ซึ่งวันที่ชายตั้งใจจะบอก คือ วันเกิดกรณ์ แต่มันช้าไปเสียแล้ว เมื่อเสียงหนึ่งได้หยุดทุกอย่าง ก่อนวันเกิดของกรณ์เพียงสามวัน


ปัง..


"ไอ้กรณ์..." เสียงตกใจดังลั่นบ้าน เมื่อชายเห็นกรณ์โดนยิงกลางหน้าผากกระสุนทะลุศรีษะด้านหลัง
   

     กรณ์ล้มทั้งยืน...ชายมองเลือดสีแดงสดไหลออกมาจากปากแผลและกระจายเต็มพื้น


   ไม่กี่วินาที ทุกอย่างมืดบอดเหมือนภาพตัดไปอัตโนมัติ

    เขาเห็นกรณ์ตายต่อหน้า ต่อตา

   ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ตาเบิกโพลงกับสิ่งที่เห็น ป้าแก้วเป็นลม ทรุดฮวบลงกับพื้น ส่วนชายยืนกำหมัดแน่น พยายามซ่อนน้ำตาไม่ให้ไหลในตอนนี้ และรีบไปพยุงร่างป้าแก้วไว้ในอ้อมกอด


    เหลือบมองคนที่ยืนถือปืนด้วยแววตาวาวโรจน์


'ไอ้เหี้ย!...มึงแม่งไม่ใช่คน มึงแม่งสัตว์เดรัจฉานดีๆนี่เอง'


   เป็นครั้งแรกที่ชายคิดแบบนี้กับคนเป็นเจ้านาย

   ทำไมต้องทำกับกรณ์อย่างนี้

   ทำไมไม่ให้โอกาสกรณ์สักครั้ง...ทำไมวะ ทำไม?


   ชายเบือนหน้าหนีไม่อยากมองกรณ์ที่กลายเป็นศพนอนจมกองเลือดปนมันสมอง

   ชายไม่อยากเห็นคนที่เขารักอยู่ในสภาพแบบนี้เลยจริงๆ


    หายใจเร็ว ถี่ และดังขึ้นเรื่อยๆ เวลานี้ชายเปรียบเหมือนกระทิงดุที่พร้อมไล่ขวิดทุกอย่างที่ขวางหน้า 


   เขาพยายามควบคุมอารมณ์ เพราะความเลือดร้อนของชาย สามารถชักปืนออกมาฆ่าไอ้อิทธิพลได้ไม่ถึงนาที


    แต่จู่ๆ รอยยิ้มของกรณ์ครั้งสุดท้าย แวบเข้ามาพร้อมกับประโยคที่กรณ์เคยพูดก่อนหน้าราวกับเตือนสติ


"ไม่พอใจใครก็อย่าพาลไปทั่ว เกิดเป็นคนทั้งที หัดใช้สติควบคุมอารมณ์บ้าง ถ้าทำไม่ได้คงไม่ต่างอะไรจากสัตว์"


     ใช่...ชายเพิ่งด่าไอ้อิทธิพลไป ถ้าเขาทำก็ไม่ต่างจากที่มันทำกับกรณ์

     'กูทำเพื่อมึงนะไอ้กรณ์'


      ชายใจเย็นลงและคิดว่า ไอ้อิทธิพลสมควรตายแบบทรมาน เพียงแต่ยังไม่ใช่ตอนนี้


      ซึ่งชายให้คำมั่นสัญญาว่าเขานี่แหละจะเป็นคนจบเรื่องนี้เอง...


     ส่วนสาเหตุที่กรณ์ต้องตายเพราะต้องการปกป้องป้าแก้ว หลังจากที่คุณอิทธิพลรู้เรื่องว่าอิสระหนีไปได้ โดยทั้งสองต่างพูดไปในทางเดียวกันว่าไม่รู้ว่าเป็นใคร


    แต่อิทธิพลไม่เชื่อว่า ทั้งสองจะไม่รู้คนพาหนี จึงคาดคั้นเอาคำตอบให้ได้ว่าใครหน้าไหนช่างกล้ารวมหัวช่วยอิสระ ให้มันหลุดรอดไปได้


    ชายได้แต่ยืนมองกรณ์และป้าแก้วนิ่ง โดยยังเชื่อว่า ทั้งสองคงไม่รู้เรื่องจริงๆ



     หันมาดูมุมมองของกรณ์ก่อนตาย เพียงเพราะเขาอยากเป็นคนดีบ้าง กรณ์มองป้าแก้วตัวสั่นงกๆ แล้วเอ่ยเสียงเบาหวิวว่าเป็นตนเอง

     ทันใดนั้น กรณ์เหลือบเห็นคุณอิทธิพลควักปืนออกมาจากซองที่เหน็บอยู่ข้างเอว เขาเดินตัดหน้าป้าแก้วแล้วรีบแทรกบอกว่าเป็นเขาเองที่วางแผนทุกอย่าง


   'ป้าแก้ว เป็นคนดี กูนี่แหละ ทำเรื่องเหี้ยๆมาพอแล้ว  ถึงเวลาสักที ที่เขาควรทำสิ่งดีๆเพื่อคนอื่นบ้าง' 

    กรณ์คิดเช่นนั้น และกรณ์เชื่อแน่นอนว่าคุณอิทธิพลเป็นคนไม่ลังเลในการตัดสินใจ

    สิ้นคำตอบ กรณ์รู้ดีว่าจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากนี้


  'กูขอโทษ...กูบอกมึงไม่ทันแล้วว่ะ...ชาย'


     กรณ์ทำได้แค่คิดในใจ เขาสบตามองชายที่อีกฝ่ายจ้องมองอยู่เหมือนกัน กรณ์ส่งยิ้มกว้างที่สุดเท่าที่เคยส่งยิ้มให้ชาย

     เพราะกรณ์รู้ดีว่านี่มันเป็นรอยยิ้มครั้งสุดท้าย...

     และรอยยิ้มนี้ กรณ์เชื่อว่า เมื่อถึงวันหนึ่ง ชายจะรู้คำตอบเอง...




      ตัดมายังภาพปัจจุบัน คนที่นั่งดื่มเบียร์ริมระเบียงยังกินไปเรื่อยๆ เหมือนไม่มีวันจบสิ้น ในมือถือแก้วเบียร์ ส่วนอีกมือของชายตอนนี้คือกระเป๋าสตางค์ของกรณ์ที่ชายกอดมันไว้แนบแน่นบนอก...


      ในแววตาเหม่อลอยคู่นั้น มีหยาดน้ำตาที่ไหล โดยไร้เสียงสะอื้น แม้แต่งานศพของกรณ์ยังไม่มีการจัดขึ้นมา เพราะคุณอิทธิพลจ้างคนกลุ่มหนึ่งที่ไว้ใจได้โยนศพกรณ์ทิ้งลงแม่น้ำ เพื่ออำพรางคดี


       ชายทำอะไรไม่ได้นอกเสียจาก ได้แต่นั่งนึกถึงอดีต เพราะความจริงที่ปรากฏอยู่ตรงหน้ามันเป็นสิ่งที่เขาไม่ต้องการ


      ความจริงที่รู้ว่าไม่มีกรณ์อยู่ข้างกายอีกต่อไปแล้ว...


     การจากไปของกรณ์นำมาซึ่งความรู้สึกผิดชอบชั่วดี ให้ชายตระหนักมันอย่างจริงจัง


    ตอนนี้ ชายดีใจที่อิสระหนีไปได้ และหลังจากนี้ เขาเองจะคอยเป็นหู เป็นตาและช่วยไม่ให้คุณอิทธิพลล่วงรู้ถึงแหล่งที่พักอาศัยของอิสระได้ อย่างน้อยเขาก็อยากทำมันเพื่อกรณ์



     เพราะชายเชื่อว่า ที่กรณ์สละชีวิตตัวเองก็คงคิดแบบนี้เหมือนกัน


    นับตั้งแต่กรณ์ตายไปราวห้าวัน ชายยังไม่ได้เปิดกระเป๋าสตางต์ จนวันนี้ความคิดถึง ทำให้ชายอยากรู้ว่ากรณ์เก็บอะไรไว้บ้าง...


    'มึงจะเก็บเรื่องราวของกูบ้างไหมวะ ไอ้กรณ์'

    ชายยังมีความหวังลมๆแล้งๆว่าคนปากหนัก ทำตัวไร้หัวใจแบบนั้น คงมีมุมโรแมนติกบ้างไม่มากก็น้อย...


    ชายเปิดกระเป๋า ค้นทุกซอก ทุกมุม โดยในกระเป๋าไม่มีรูปภาพคนสำคัญที่พกติดไว้แต่อย่างใด มีเพียงของแข็งบางอย่างที่ชายล้วงเข้าไปยังช่องใส่นามบัตร  เขารีบหยิบมันออกมาก็พบว่ามันคือแหวนเงินเกลี้ยง...


     เอียงคอมองด้วยความฉงนใจ ชายหมุนแหวนเล่นไป-มาอย่างสงสัย เพราะไม่เคยเห็นกรณ์สวมใส่มัน 


     ทันใดนั้น...สายตาพลันเหลือบเห็นอะไรบางอย่าง ขมวดคิ้ว พลางจ้องแล้ว จ้องอีก เพ่งมองให้แน่ชัดเพราะยังไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง


     และแล้ว ชายก็ได้คำตอบ เขาปล่อยโฮอย่างไม่เหลือมาดความเป็นชาย


"ทำไมวะไอ้กรณ์...ทำไมมึงถึงไม่บอกกู...กูขอให้มึงฟื้นขึ้นมาได้ไหม? กูอยากอยู่กับมึง อยากกอดมึง กูใจจะขาดอยู่แล้ว"


     น้ำตารินไหลดั่งสายเลือด เขาสะอื้นร่ำไห้อย่างหนัก ทั้งๆที่ในมือยังกำแหวนไว้แน่น


     ชายเลือกสวมแหวนเข้าสู่นิ้วตัวเอง และจุมพิตบนแหวนนั้นเบาๆ เขาไม่เคยได้ยินกรณ์พูดถึงเรื่องแหวนนี้เลย


     ชายไม่มีวันถอดมันเด็ดขาด เพราะมันเป็นแหวนของคนที่ชายรักในวันที่สายไป

     แหวนที่แทนคำตอบ ครั้งที่ชายเคยถามกรณ์เมื่อในอดีตว่า มึงชอบกูหรือเปล่า?

     คำตอบ มันอยู่บนแหวนที่สลักไว้...

    Chai & Korn
   



 
........................................


    เป็นช่วงที่เขียนแล้วเศร้าไป หน่วงไป สงสารกรณ์จับใจ

.
ขอบคุณค่าสำหรับการแวะเวียนเข้ามาอ่าน
หัวข้อ: Re: +..▪..+"แสง.สุด.ท้าย"+..▪..+||ตอนที่ 6.2 || อัพ 21-11-17 > P.2
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 22-11-2017 00:53:15
 :sad11:  :fire:


 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: +..▪..+"แสง.สุด.ท้าย"+..▪..+||ตอนที่ 6.2 || อัพ 21-11-17 > P.2
เริ่มหัวข้อโดย: 0% ที่ 25-11-2017 05:52:44
ก็ไม่นึกว่ากรณ์จะต้องมาตายจริงๆ สงสารมากมันดูหดหู่ไปหมดเลย
หัวข้อ: Re: +..▪..+"แสง.สุด.ท้าย"+..▪..+||ตอนที่ 6.2 || อัพ 21-11-17 > P.2
เริ่มหัวข้อโดย: มะเขือม่วง ที่ 25-11-2017 07:04:25
 :hao5:
หัวข้อ: Re: +..▪..+"แสง.สุด.ท้าย"+..▪..+||ตอนที่ 7 || อัพ 25-11-17 > P.2
เริ่มหัวข้อโดย: rinyriny ที่ 25-11-2017 20:35:14

บทที่ 7 ภาระ



      จากวันที่พี่จิณณ์ไม่สบายวันนั้นจนบัดนี้ก็เป็นสัปดาห์แล้วที่อิสระนอนคนเดียว เนื่องจากพี่จิณณ์อ้างว่าติดงาน


     ความรู้สึกเหมือนอยู่ตัวคนเดียว เขารู้สึกเหงาจับใจ มองไปทางไหนก็ดูจะว่างเปล่า

    เด็กหนุ่มนั่งมองกระปุกเงินที่วางอยู่ข้างทีวี ใกล้กันมีคีย์การ์ดและกุญแจห้อง เขาถอนหายใจเพราะยามนี้ ของในตู้เย็นหมดไม่มีเหลือ แม้แต่ของแห้งเองก็ตาม


     เวลาล่วงเลยไปจนหนึ่งทุ่ม ที่อิสระยังไม่ได้กินข้าว มีเพียงน้ำเปล่าที่ตกถึงท้อง เรื่องของเรื่อง คือ อิสระไม่กล้าลงไปซื้อของคนเดียว

    ตั้งแต่ออกมาจากการคุมขัง อิสระออกไปเผชิญโลกกว้างแค่สองครั้งเท่านั้น ครั้งแรก คือ ตอนที่พี่จิณณ์พาไปห้างสรรพสินค้า ครั้งที่สอง คือ พาไปทำบุญที่วัด


     อิสระนั่งชันเข่าด้วยความคิดว่าจะเอาไงต่อดี ในเมื่ออิสระลองโทรหาพี่จิณณ์ตั้งแต่เมื่อวานก็ติดต่อไม่ได้ จนกระทั่งวันนี้ พี่จิณณ์ก็ไม่มีวี่แววคิดจะติดต่อกลับมาด้วย

    ถึงเวลาที่ต้องพึ่งตัวเองแล้วสินะ อิสระต้องดิ้นรนหาทางแก้จะมารอพี่จิณณ์อย่างเดียวก็คงไม่ได้กินข้าวพอดี

    จำใจคว้าเงิน คียการ์ด กุญแจ เพื่อลงไปด้านล่าง

 ตึ้ง!

    ประตูลิฟต์เปิดออกกว้าง เด็กหนุ่มสอบถามพนักงานรปภ. ที่ยืนอยู่ใกล้ๆ เมื่อได้คำตอบอิสระก็เดินไปตามทางที่เขาแนะนำ

    ออกสู่ถนนใหญ่ เลี้ยวขวาเดินบนฟุตปาธประมาณแปดร้อยเมตร อิสระเหลือบเห็นร้านสะดวกซื้อติดกับร้านอาหารตามสั่งที่ดูร้านใหญ่โต สะอาดสะอ้านน่ากิน ก็รู้สึกโหยขึ้นมา จึงโฉบแวะกินข้าวก่อนซื้อของ


     ไม่ถึงสิบห้านาทีข้าวผัดกระเพราะไข่เจียวหายวับไปกับตา เขาฟาดเรียบไม่มีเหลือ พออิ่มท้อง ก็เติมพลังให้อิสระมีแรงขึ้น


    จ่ายเงินเสร็จ เดินเข้าร้านสะดวกซื้อ หยิบตะกร้าเตรียมซื้อของ

    อิสระยิ้มดีใจที่เขากล้าทำอะไรด้วยตัวคนเดียวได้แล้ว

    เด็กหนุ่มอ้อยอิ่ง ดูของอย่างเพลิดเพลินเพราะร้านสะดวกซื้อแห่งนี้ค่อนข้างใหญ่โต มีทั้งมุม เครื่องดื่ม เบเกอรี่ พร้อมที่นั่งติดกระจกใสเป็นแนวยาวไว้อำนวยความสะดวกสบาย ทำให้อิสระค่อนข้างตื่นตา


   ขณะที่เด็กหนุ่มย่อตัวลงนั่ง หยิบขนมใส่ตระกร้าอยู่หลายถุง  เขาได้ยินเสียงคนพูดเข้าหู



"แกๆ อย่าไปใกล้ เค้าเป็นโรคอะไรหรือเปล่าก็ไม่รู้ ดูสิ..แก..."




     เงี่ยหูฟังจนจบก็หันไปมอง สองสาวผิวขาวเนียนละเอียดยืนพูดด้วยท่าทีรังเกียจ อิสระอายจนต้องก้มหน้าก้มตาลุกขึ้นยืน

    ขณะที่เดินหนีไปโซนอื่น ยังไม่วายได้ยินเสียงพูดไล่ตามหลัง



"กล้าออกมาได้ยังไง จะแพร่เชื้อโรครึเปล่าก็ไม่รู้"

   
    จากอารมณ์ดีในตอนแรกเปลี่ยนเป็นหงุดหงิดใจ อิสระรีบยัดของใส่ตระกร้าอย่างเร็วไว ครบทุกอย่างตามใจก็เดินไปวางของลงบนเคาน์เตอร์เพื่อเตรียมจ่ายเงิน


     เหลือบมองพนักงานที่มองเขาด้วยสายตาอ่านไม่ออก ก็เริ่มน้ำตาคลอ ก่อนจะก้มมองแขนตัวเองที่มีรอยแผลเป็นจากหยดน้ำตาเทียน ทั้งๆที่สองแขนมีรอยไม่มากเท่าไหร่ ผู้คนที่พบเห็นยังแสดงท่าทีรังเกียจ และถ้าได้เห็นในร่มผ้าของอิสระ จะไม่ยิ่งกว่านี้เลยหรือ?


    คิดเรื่องนี้ ก็หวนไปนึกถึงใบหน้าคนคนหนึ่ง จนน้ำตาเอ่อดวงตาขึ้นมา


    ...พี่จิณณ์...ไม่เคยรังเกียจอิสระ มิหนำซ้ำยังโดนตัวเป็นเรื่องปกติแถมจูบกันมาแล้ว


"คุณลูกค้าคะ คุณลูกค้าคะ ทั้งหมดหกร้อยสี่สิบสามบาทค่ะ"

"ขอโทษครับ"



    ชั่วแวบหนึ่งที่สายตาเหลือบเห็นพนักงานหลุดหัวเราะตอนร้องเรียก ยิ่งทำให้อิสระคิดมากกับการแสดงออกแบบนั้น


    อิสระรีบยื่นแบงค์พันให้พนักงานพลางนึกถึงพี่จิณณ์อยากให้กลับมาหากันไวๆ

     จ่ายเงินเสร็จ รับเงินทอนเรียบร้อย อิสระแบกสองถุงใหญ่เดินกลับไปยังคอนโด


     ทำไมการออกมาใช้ชีวิตข้างนอกอีกครั้ง ถึงได้ยากอย่างนี้ ทั้งๆที่เขาก็เคยผ่านมาก่อน


    สี่ปีที่อยู่แต่ในห้อง ไร้อิสรภาพ มันกลับบีดรัดให้อิสระรู้สึกกลัวสังคมไปแล้ว ทุกครั้งที่สายตาคนมองมา อิสระจะคิดว่าทุกคนคงรังเกียจ
   


ปรี้น ปรี้น!


"โอ้ย! เดินขวางทาง ไม่เห็นรถรึไงวะ"



    อิสระมองวัยรุ่นที่โวยวายใส่อย่างไม่พอใจ เขาเดินบนฟุตปาธตามปกติ คนที่ผิดต้องเป็นคนขี่มอเตอร์ไซค์ที่ขึ้นมาบนทางเท้าไม่ใช่หรือ?

     อิสระมองคนหยุดรถ ชูนิ้วกลางใส่ ก่อนจะบิดเร่งมอเตอร์ไซค์หนีหายไป

    เขามองถุงพลาสติกที่บรรจุของด้วยความเสียดาย เพราะเมื่อกี้มอเตอร์ไซค์ตั้งใจเฉี่ยวให้อิสระหลบแล้วล้มลงกับพื้น


     อิสระปัดแขน ปัดเสื้อผ้าที่เลอะ และตามไปหยิบของที่กระจายออกมาจากถุงตอนล้ม เขาต้องจัดเรียงของใหม่ เพราะมีขวดซอสแตกจนหกเลอะเทอะ  อิสระต้องนั่งแยกของไปรวมไว้ในถุงเดียวกันและหอบหิ้วถุงแนบอกเดินช้าๆ ขึ้นห้อง


     ก้าวขายาวๆพาตัวเองขึ้นห้องด้วยน้ำตานองหน้า


     เป็นความจริงที่เราต้องยอมรับสินะ ว่าโลกมันก็โหดร้ายอย่างนี้อยู่แล้ว อยู่ที่ว่าเราจะยอมรับและเข้าใจกับสิ่งเหล่านี้ได้หรือเปล่า?

      กว่าจะถึงห้อง ก็ทุลัก ทุเลพอสมควร อิสระวางของลงที่พื้นใกล้โซฟา ถึงเพิ่งเห็นว่าตรงหัวเข่ามีเลือดซึมออกมาด้วย ในตอนแรกอิสระนึกว่าแค่ถลอกเพราะตอนที่เดินก็รู้สึกแสบๆ ตึงๆอยู่เหมือนกัน


     อิสระรีบไปที่อ่างล้างมือวักน้ำเปล่าล้างแผลไปก่อน

     ไม่นานนักที่อิสระได้ยินเสียงดังจากด้านนอก


เพล้ง!


       อิสระรีบวิ่งออกไปดู เพราะไม่ได้ยินเสียงประตูเลยไม่รู้ว่าพี่จิณณ์กลับมาแล้ว


      อิสระเห็นพี่จิณณ์ยกถุงขึ้นมาในสภาพข้างถุงพลาสติกฉีกขาดเป็นทางยาว

      มองน้ำอัดลมหกเต็มพื้น พลันเหลือบมองคนหน้าแดงก่ำในสภาพที่กลิ่นเหล้าหึ่ง

      นี่เพิ่งแค่สามทุ่ม ทำไมพี่จิณณ์เมามาแล้ว
 


"พี่จิณณ์"

"ทำไมอิสมาวางตรงนี้"
ตวัดสายตาไปมองถุงที่ถืออย่างไม่พอใจ


"ผมไปซื้อของเข้าห้องและเพิ่งขึ้นมาครับ เลยวางไว้ตรงนั้นก่อน เพราะผมมาล้าง...แผ...ล" ยังไม่ทันได้บอกเหตุผลก็โดนขัดขึ้น


"มันเกะกะ ทำไมไม่วางที่อื่น"


    อิสสระเงียบ

    ...ดูเหมือนจะเป็นวันซวยของอิสระ ที่ทำอะไรก็ดูขัดหู ขัดตาไปซะหมด



"ขอโทษครับ"




"ไปหยิบผ้ามาให้พี่หน่อยซิ เลอะหมดเลย ทีหลังอย่ามาวางตรงนี้นะ ดูซิเสียเวลาทำงาน ทำการ"



"พี่จิณณ์ไม่ต้องทำก็ได้ครับ เดี๋ยวผมเช็ดเอง"


"ไม่ต้อง! ก็บอกให้ไปเอาผ้ามาไง เร็วๆสิ"



      อิสระสะดุ้งตอนพี่จิณณ์ตะคอกใส่ เขารีบหาผ้าผืนเล็กชุบน้ำมาให้

      ในระหว่างที่เช็ดพื้น พี่จิณณ์ก็บ่นไม่หยุด



"มาอยู่บ้านคนอื่นแล้ว อย่าทำตัวให้เป็นภาระเข้าใจหรือเปล่า? พี่เหนื่อยนะอิส เจองานก็เครียดมากพอแล้ว ยังมาเจอเรื่องนี้อีก"


     อิสระชะงัก ยืนตัวสั่น ปากสั่น ใจเสีย มองคนที่นั่งทำความสะอาดอยู่ที่พื้น และเผลอร้องไห้จนหลุดสะอื้น

    เงยหน้ามองคนที่เพิ่งร้องไห้ก็ยิ่งเพิ่มความหงุดหงิดใจยิ่งขึ้น



"นี่พี่จะว่าอะไรไม่ได้เลยรึไง เอะอะก็ร้องไห้ๆน่ะ ห้ะ..."



"ผมขอโทษครับ ถ้าผมทำให้พี่ลำบากมากขนาดนั้น ผมไม่อยู่ที่นี่ก็ได้นะครับ"
ก้มหน้า พูดเสียงเบาหวิวอย่างน้อยใจ


"หึๆ ไม่อยู่ที่นี่จะไปอยู่ไหนได้ พี่เห็นเวลาอิสจะไปไหนคนเดียวยังไม่กล้าเลย อิสโตแล้วนะครับ ไม่ใช่เด็กๆ ควรทำอะไรให้เป็นมากกว่านี้"


    จิณณ์ถอนหายใจเหนื่อยหน่าย ก่อนจะยันกายลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ลุกขึ้นไปซักผ้าให้สะอาดและกลับมาเช็ดต่อ


    โดนตอกหน้าจนอิสระยืนอึ้งทำอะไรไม่ถูก สุดท้ายแล้วเขาคงเป็นภาระอย่างที่พี่จิณณ์ว่าจริงๆ คงไม่มีใครอยากดูแลคนที่เอาแต่กลัวไปเสียทุกอย่างจะทำอะไรแต่ละทีต้องพึ่งคนอื่นเสมอ


     ยืนอยู่ในความคิด จนต้องสะดุ้งเมื่อพี่จิณณ์เดินมากระแทกไหล่



"ถ้าไม่ทำอะไรก็ไปอาบน้ำเถอะอิส อย่ามายืนขวาง"

"ค...ครับ..."


 

   อิสระเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำ


    สายน้ำไหลเอื่อยชะโลมร่างอันเปลือยเปล่า อิสระได้แต่นึกท้อใจ หนีออกมาได้ก็ยังไม่มีใครเอาอยู่ดี หรือเขาควรกลับไปหาคุณอิทธิพลนั่นแหละถูกต้องแล้ว



    ร้องไห้ดั่งคนพ่ายแพ้ให้กับโชคชะตา

    ใช่...อิสระยังไม่เข็มแข็งพอที่จะกลับมาใช้ชีวิตเหมือนคนปกติอีกครั้ง

    ดังนั้น เขาควรกลับไปตายรังที่เดิมก่อนคงดีกว่าและหาทางใหม่


"เราไม่มีสิทธิ์ไปว่าพี่จิณณ์ แค่เขาพาออกมา จ่ายค่ากิน ค่าที่อยู่อาศัยได้มาเกือบเดือนมันก็ทำให้รู้ว่าพี่เขาช่วยมากพอแล้ว พอเถอะ... โลกของความเป็นจริงมันก็เป็นแบบนี้"

 





.................



    ยามสายของวันถัดมา แสงแดดแยงตาจากการลืมปิดม่านมูลี่เมื่อคืน

    จิณณ์ตื่นลืมตาและรีบเด้งตัวขึ้นมา เหลือบมองนาฬิกาตรงผนัง  เมื่อนึกขึ้นได้ว่าเขานัดฮูมไว้

     ขายาวพาตัวเองมาถึงห้องน้ำเพื่อรีบไปจัดการธุระ สายตากวาดมองรอบห้อง ก็ไม่เห็นอิสระนอนที่โซฟา ด้วยความคิดว่าอิสระคงลงไปซื้อของจึงไม่เอะใจแล้วรีบอาบน้ำ


   แต่งตัวเสร็จแล้วเดินออกมาจากห้องนอนก็ยังไม่เห็นอิสระขึ้นมาสักที จึงลองโทรหา ปรากฎว่าเสียงเรียกเข้าของเครื่องมือสื่อสาร กลับแผดเสียงร้องดังอยู่ในห้อง
 

"ไปไหนนะ"


    ใจไม่ดี...เพราะเมื่อคืนก็จำได้บ้างว่าทะเลาะกับอิสระ

    ช่วงนี้ จิณณ์มีเรื่องเครียดหลายอย่าง  ทั้งเรื่องงาน รวมไปถึงเรื่องของอิสระเองที่จิณณ์เพิ่งคุยกับป้าแก้วไม่กี่วันมานี้ ได้ความคืบหน้ามาว่าตอนนี้ คุณอิทธิพลส่งสายสืบตามหาอิสระแล้ว


     และแน่นอนว่า เมื่อได้ยินคำตอบ จิณณ์เครียดหนักกว่าเดิม


      เขาไม่ใช่พระเอกขี่ม้าขาว...

      เขาไม่ใช่คนดีร้อยเปอร์เซ็นต์...

     เขาเป็นแค่มนุษย์ธรรมดาคนหนึ่งที่แค่อยากเป็นคนดี อยากช่วยเหลือผู้อื่นก็เท่านั้น แต่ถ้าเมื่อสิ่งที่เขาช่วยเหลือมันเริ่มทำให้ตัวเองลำบาก จิณณ์ก็ควรถึงเวลาปล่อยไป





     ยอมรับว่ากลัวตัวเองจะเป็นอันตรายและพลอยติดร่างแห จึงหนีไปสงบสติอารมณ์ที่บ้านฮูม เพียงเพราะยังหาทางออกให้กับเรื่องนี้ไม่ได้จริงๆ


     รู้สึกผิดนิดหน่อย แต่จะว่าไปก็ช่างมันเถอะ...ในเมื่อจิณณ์ช่วยเหลือสุดความสามารถแล้วจริงๆ

     เขามองรอบห้องอีกครั้ง ก่อนจะยักไหล่ทำเป็นไม่แคร์ เมื่อไม่เห็นอิสระอยู่ในห้อง


"ก็ดีเหมือนกัน"



    ถ้าอิสระไปจริงๆได้ก็ดี เขาจะได้โล่งใจ...อีกอย่าง จิณณ์จะได้คืนห้องให้เพื่อนแล้วกลับไปอยู่ห้องของตัวเองสักที


     หลังจากจิณณ์นัดคุยงานกับเพื่อน เรื่องการรวมหุ้นเปิดร้านอาหารไทยซึ่งตั้งอยู่บนคอมมูนิตี้มอลล์ ทั้งสองคุยส่วนของงานต่างๆทั้ง การว่าจ้างพนักงาน ระบบสั่งอาหารในร้าน และจิปาถะ


    จัดการธุระเสร็จก็ทุ่มกว่าๆ ถึงห้อง ร่างสูงเปิดประตูออกกว้าง  ควานกดเปิดสวิตช์ไฟจนสว่างโร่ ทว่า กลับไม่มีร่างใครนั่งรอเขาเหมือนทุกที...


    เงียบ...จนใจหาย...


    ทำไม พอรู้ว่าอิสระยังไม่ถึงห้องกลับนึกร้อนใจด้วยความเป็นห่วง อิสระไม่เคยออกไปไหนข้างนอกคนเดียว แล้วตอนนี้ อิสระจะอยู่ที่ไหน จะเป็นอย่างไร?


    ยังไม่ยอมเข้าห้องนอน แต่นั่งรออิสระอยู่ที่โซฟา โดยมองในแง่ดีว่าอิสระคงเดินเล่นอยู่แถวนี้ คงไม่หนีไปจริงๆหรอกมั้ง?


    ทว่า เวลาผ่านไปไม่ถึงสิบนาทีด้วยซ้ำ จิณณ์กลับนั่งไม่ติด อยู่ไม่สุข เมื่อก้มมองนาฬิกาข้อมือมันก็ดึกเกินไป
 

    มันไม่ควรเป็นแบบนี้ เขาควรรู้สึกดีไม่ใช่หรือ? หากน้องจะไม่อยู่แล้วจริงๆ เขาจะได้ไม่มีภาระเพิ่มขึ้นด้วย
 
 
    หรือควรจะช่างมัน...


    ยกอีกความคิดมากลบเกลื่อนความเป็นห่วง เพื่อให้ตัวเองเลิกสนใจ ก่อนจะลุกไปหยิบผ้าเช็ดตัวเพื่อไปอาบน้ำเตรียมนอน เนื่องจากวันนี้ เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว...



****1.1****

ก็อย่างว่า ญาติสนิท มิตรสหายก็ไม่ใช่ จิณณ์ก็คงเหนื่อยที่จะต้องตามประกบดูแลทุกอย่าง
.
แต่พี่จิณณ์ก็คงจะลืมอะไรไปบางอย่างอะเนอะ :m15: :m15: :m15:
.
ขอบคุณจ้าาาาาาา
หัวข้อ: Re: +..▪..+"แสง.สุด.ท้าย"+..▪..+||ตอนที่ 7 || อัพ 25-11-17 > P.2
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 25-11-2017 22:05:17
 :mew1:
หัวข้อ: Re: +..▪..+"แสง.สุด.ท้าย"+..▪..+||ตอนที่ 7 || อัพ 25-11-17 > P.2
เริ่มหัวข้อโดย: Bb nale ที่ 26-11-2017 13:25:29
น่าติดตามมาก เสียดายชีวิตกรณ์จริงๆถ้าอิสจะกลับไป แต่คนไม่รู้ว่าจะอยู่ข้างนอกยังไงอย่างอิสแล้วจิณณ์ก็เหมือนไม่ต้องการแล้วอีก ก็คงไม่รู้จะทำยังไงได้ รอบตอนต่อไปนะคนเขียน
หัวข้อ: Re: +..▪..+"แสง.สุด.ท้าย"+..▪..+||ตอนที่ 7 || อัพ 25-11-17 > P.2
เริ่มหัวข้อโดย: Mod40 ที่ 26-11-2017 16:03:08
เข้ามาปักไว้ก่อน พึ่งอ่านตอนที่1  :katai5:
หัวข้อ: Re: +..▪..+"แสง.สุด.ท้าย"+..▪..+||ตอนที่ 7.2 || อัพ 27-11-17 > P.2
เริ่มหัวข้อโดย: rinyriny ที่ 27-11-2017 23:58:55
 บทที่ 7 ภาระ(2)





    นอนไม่หลับ...



     ปากบอกว่าไม่สนใจ แต่หัวใจกลับสวนทาง ทรยศสิ่งที่ตั้งใจปฏิเสธไปแล้วว่าไม่ช่วยเหลือ


     จิณณ์กระสับกระส่าย นอนพลิกไป พลิกมาบนเตียงทั้งคืน เพราะเขากดข่มความห่วงไม่ได้จริงๆ


     ผ่านไปแค่วันเดียวก็เล่นเอาจิณณ์ไม่เป็นอันนอน เขารู้สึกว่าตัวเองไม่มีความรับผิดชอบที่ดูแลชีวิตคนๆหนึ่งไม่ถึงฝั่ง ทิ้งอิสระไว้กลางทาง เปรียบหมือนเขาจับเด็กสามขวบโยนทิ้งลงแม่น้ำให้ว่ายกลับฝั่งเองอย่างไรอย่างนั้น...


     จิณณ์สรุปได้แล้วว่าที่ผ่านมา ที่เคยสับสน โลเลเพียงเพราะเอาคำพูดคนอื่นมาใส่ใจ พอตั้งสติ คุยกับตัวเอง เขารู้แล้วว่าไม่เคยมองว่าอิสระเป็นภาระ แต่ที่พูดไปวันนั้น มันเป็นแค่อารมณ์ชั่ววูบ
   

"เราแม่งเลวได้ขนาดนี้เลยหรือวะ?"
บ่นตัวเองอยู่บนเตียง เหลือบมองนาฬิกาก็เป็นเวลาแปดโมงเช้า

 
      จิณณ์รีบจัดการตัวเอง เพื่อเตรียมออกไปตระเวนหาอิสระที่คิดว่าคงหนีไปได้ไม่ไกลมากนัก...


     ทุกตรอกซอกซอยที่สามารถลัดเลาะผ่านคอนโดนี้ จิณณ์ขับหาจนทั่ว แต่กลับไม่พบอิสระเลย ครั้นจะโทรแจ้งตำรวจก็ไม่สมควร ไม่อย่างนั้นเรื่องราวอาจถึงหูคุณอิทธิพลได้


     ตั้งแต่เช้าจวบจนบ่ายค่ำ จิณณ์อับจนหนทาง เขาจอดรถข้างทาง ก่อนจะโทรหาป้าแก้ว


    ไม่กี่วินาทีที่ปลายสายขานรับด้วยเสียงราบเรียบ


"ป้าแก้วครับ อิสไปที่บ้านนั้นไหมครับ?"


[ทำไมคุณถามแบบนั้นคะ?] จิณณ์ชะงัก เมื่อถูกถามย้อนกลับด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนกกว่าเดิม

 
   จิณณ์ควรยอมรับกับสิ่งที่ทำลงไป


"ผมทะเลาะกับน้องเขาครับ แล้ว..."


[อย่าบอกนะคะว่าคุณทิ้งคุณอิสไปแล้ว]


"ผมขอโทษครับ คือ ผม..."


[ป้าขอโทษนะคะ ที่ป้าฝากความหวังไว้กับคุณ แค่นี้คุณก็มีบุญคุณกับคุณอิสมากพอแล้ว ที่เหลือคงเป็นชะตากรรมที่คุณอิสต้องเผชิญเอง เฮ้อ...คุณอิสของป้า... ไม่เป็นไรนะคะคุณ...จากนี้ป้าจะเป็นคนตามหาคุณอิสเองค่ะ]


        ประโยคที่เอ่ยออกมา เหมือนเสาเข็มที่ตอกเขาให้จมดินกว่าเดิม

       ...รู้สึกผิดจนไม่น่าให้อภัย...

       เขาไม่น่าเอาความเครียดที่สั่งสมมาตลอดหลายวัน ไปพาลลงกับอิสระเลย

       ถ้าวันนั้นจิณณ์พูดจาดีๆ เรื่องคงไม่บานปลายอย่างนี้


"เป็นหน้าที่ที่ผมต้องรับผิดชอบ ผมจะรีบหาน้องให้เจอ ป้าแก้วไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ"


    จิณณ์รีบวางสาย และลองเริ่มตระเวนหาอิสระอีกอีกครั้ง


    เหนื่อย...


    ตลอดทั้งวัน จิณณ์ตระเวนหาจนทั่ว แต่ไม่พบอิสระเลย



     จิณณ์ถึงห้องด้วยความเหนื่อยล้า เขาถอนหายใจยาว และนั่งกุมขมับบนโซฟาตัวเดียวกันกับที่อิสระนอนอยู่เป็นประจำ


     ไม่มี...เสียงเจื้อยแจ้วเหมือนเด็กที่คอยร้องเรียกและกระชากผ้าห่มเพื่อปลุกเขาทุกเช้า


    ไม่มี...คนทำกับข้าวให้กิน แม้ความเป็นจริงมันจะไม่ได้อร่อยมากมาย แต่อย่างน้อยก็ทำให้เขาอิ่มได้ทุกมื้อ


   
    เขาเครียดจนปวดหัวตุ๊บๆ และร่างกายหมดเรี่ยวแรงจนต้องเติมพลังด้วยการพักผ่อนอีกสักคืน และหวังว่ามันจะทำให้สมองแล่น และหาทางออกได้ดีกว่านี้...







......................
 


    แม้จะหลับไม่เต็มตื่น แต่ก็ยังดีกว่าไม่ได้พัก วันนี้ จิณณ์ลองเปลี่ยนเส้นทางการตามหาไปย่านที่พักของคุณอิทธิพล เผื่ออิสระอาจจะกลับไปที่เดิม โดยโทรสอบถามป้าแก้วเพิ่มเติมด้วยว่าเห็นอิสระบ้างไหม


    ปรากฎว่า ป้าแก้วปฏิเสธ ลึกๆ จิณณ์โล่งใจที่ไม่เจอ นั่นหมายความว่า อิสระไม่คิดกลับไปอยู่ในที่ย่ำแย่แบบนั้น แต่เขาก็ไม่รู้จะไปหาอิสระได้ที่ไหนแล้ว


     นึกไม่ออกว่าควรจะตามหาอิสระที่แห่งหนใด จู่ๆ จิณณ์ก็นึกขึ้นได้ว่าตอนทะเลาะ อิสระเคยบอกเรื่องซื้อของ ถ้าอย่างนั้นอิสระจะซื้อได้คงไม่พ้นร้านสะดวกซื้อที่อยู่ละแวกที่พัก เขาลืมนึกไปได้อย่างไร


     จิณณ์รีบมุ่งหน้ากลับที่พัก ตั้งใจจะไปลองถามพนักงานดู เผื่อจะพอคุ้นหน้าคุ้นตาอิสระบ้าง


     ไม่นานก็ถึงที่หมาย เขาชะลอรถหาที่จอดริมถนนและรีบลงจากรถเพื่อไปร้านสะดวกซื้อ

     ในระหว่างที่ต้องผ่านร้านอาหารตามสั่ง เขาได้ยินเสียงโวยวายดังลั่นจนอดหันไปมองไม่ได้


"โอ้ย...ให้มาทำงานก็ทำอะไรชักช้า จะทันกินไหมวะ"


 
      จิณณ์เพ่งมองเด็กที่โดนดุ ยกแขนเสื้อขึ้นเช็ดน้ำตาอย่างน่าสงสาร


"ยังจะมาร้องไห้อีก ลูกค้าเต็มร้านแล้ว รีบไปเสิร์ฟสิวะ จานก็ยังล้างไม่เสร็จ โอ้ยเวรกรรมอะไรของกูวะเนี่ยที่เลือกมึงมา" เห็นเจ้าของร้าน กระชากแขนและเหวี่ยงร่างเด็กหนุ่ม


    ทันใดนั้น...
 
 

"อิส" จิณณ์รีบวิ่งเข้าไปในร้าน ดันอิสระไปอยู่ข้างหลังเขา


"ขอโทษนะครับ เกิดอะไรขึ้นครับ"


"มึงเป็นใครวะ กูกำลังด่าลูกน้องอยู่"



"ผมเป็นพี่ชายเขาและจะมารับตัวกลับ"


"เป็นพี่ชายประสาอะไรวะ เลี้ยงน้องได้ห่วยแตกทำอะไรก็ไม่เป็น"


      เหลียวมองอิสระที่ก้มหน้าซุกหลัง ดูตื่นกลัวอย่างเห็นได้ชัด จิณณ์กุมมือเล็กชื้นเหงื่อบีบกระชับแน่นราวกับบอกว่าเขาอยู่ตรงนี้


"ผมขอโทษครับ ถ้างั้น ผมขอพาตัวน้องกลับเลยนะครับ" จิณณ์ยังคงพูดจาดี โค้งหัวนอบน้อม และกำลังจะเดินปลีกตัวออกไป แต่ทันใดนั้น...


"ไม่ได้ ทำงี้ได้ไงวะ ลูกค้ากำลังเยอะ แล้วใครจะทำงานต่อล่ะวะ"
 

 
    จิณณ์กวาดตามองลูกค้าในร้านที่นั่งเต็มทุกโต๊ะและส่วนใหญ่ก็มองมาเพราะเป็นจุดนำสายตาของร้าน


    จิณณ์ปล่อยมืออิสระ เพื่อล้วงกระเป๋าสตางค์ควักธนบัตรสีเทาจำนวนห้าใบยื่นให้เจ้าของร้านอาหาร


"ค่าเสียเวลาหาพนักงานใหม่ครับ"

"น้อยไป มันไม่พอกับค่าเสียเวลาหรอกเว้ย"



    และจังหวะนั้นเอง...


"เฮ้ย! ทนมองอยู่นานแล้ว ได้เงินตั้งขนาดนั้นจะเอาขนาดไหนวะ อย่าโลภหน่อยเลยว่ะ และเลิกด่าลูกน้องได้แล้ว สมัยนี้เขาเลิกทาสกันแล้วเว้ย"



    จิณณ์ต้องขอบคุณพี่ผู้ชายคนนั้นที่ใจกล้า ยืนต่อว่าเจ้าของร้านเพื่อช่วยปกป้องจิณณ์และอิสระ เพราะพอมีผู้นำสักคน ผู้ตามก็มาเป็นพรวน ทุกคนลุกฮืออย่างไม่พอใจ ทั้งยังส่งเสียงเซ็งแซ่ที่เห็นพ่อค้าคนนี้ปฏิบัติกับอิสระเยี่ยงทาส และยังละโมบ โลภมากอีกด้วย


   จิณณ์ยกมือขอบคุณลูกค้าในร้านทุกคนก่อนจะเหลือบมองพ่อค้าหน้าซีดเผือก เขาปล่อยพ่อค้าให้แก้สถานการณ์เอาเอง และรีบดึงมืออิสระออกมานอกร้าน

 
    เดินพ้นร้านไม่ไกล จิณณ์หันไปจับไหล่สองข้างให้อิสระหันมาสบตากัน


"อิส ทำไมมาทำงานแบบนี้ล่ะครับ"


"แล้วผมเลือกอะไรได้หรอครับ ที่ผ่านมา ผมต้องนอนที่ป้ายรถเมล์บ้างก็นอนสะพานลอย จนทนไม่ไหว บากหน้ามาขอเขาทำงานที่นี่"
มองเด็กหนุ่มที่ยืนระบายความในใจไป ปาดน้ำตาไป


     สิ่งที่อิสระพูดยิ่งทำให้จิณณ์รู้สึกแย่กับตัวเอง พอได้อยู่กับน้องสองต่อสอง จ้องมองหน้าดีๆ จิณณ์ตกใจรีบประชิดตัวยกมือลูบแก้มแดงๆของอิสระอย่างเบามือ


"อิสโดนเขาทำร้ายด้วยหรือ? พี่ขอโทษนะครับ คือ พี่..."


"พี่จิณณ์ไม่ต้องขอโทษผมหรอกครับ ผมต่างหากที่ควรขอบคุณพี่จิณณ์ด้วยซ้ำที่ก่อนหน้านี้ช่วยเหลือผมมาตลอด ผมไม่อยากเป็นภาระใคร ปล่อยผมเถอะครับ" อิสระไม่อยากหยิ่งหรอก แต่ภาพวันนั้นยังจำติดตา จนอิสระไม่กล้ากลับไปสู้หน้าใช้ชีวิตกับคนที่เพิ่งว่าเขาแรงๆแบบนั้นได้


หมับ!

    แค่อิสระหมุนตัว จิณณ์ยึดข้อมืออิสระไว้ทันที


"น้องอิส อย่าหนีพี่อีกเลยนะ"

"ไม่ได้หรอกครับ ผมไม่อยากเป็นภาระแล้วจริงๆ"


    อิสระสะบัดมือพี่จิณณ์ออก เขาไม่ควรทำตัวอ่อนแอและต้องยืนด้วยลำแข้งของตัวเองเพื่อต่อไปในภายภาคหน้าจะได้เป็นคนที่เข้มแข็งมากขึ้น


   ทันใดนั้น...


"อิสไม่อยากอยู่กับพี่ เกลียดพี่มากขนาดนั้นเลยหรือครับ?"



    อิสระหยุดเท้า คนอย่างเขาน่ะเหรอ? คนที่ไม่มีอะไรติดตัวสักอย่าง ทั้งทรัพย์สมบัติ หรือแม้กระทั่งเรือนร่างก็ยังไม่น่าดูสักนิด

    คนอย่างเขานี่นะเหรอ? จะเกลียดใครได้ มีแต่คนอื่นสิที่เกลียดและรังเกียจเขา

   พี่จิณณ์ไม่รู้เลยหรือไงว่าอิสระเกลียดตัวเองต่างหาก

   เกลียดที่ชอบพี่จิณณ์มากเกินไปด้วยซ้ำ



"ผมไม่เคยคิดจะเกลียดพี่จิณณ์เลยครับ"


"ถ้าไม่เกลียด ก็กลับไปใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันนะครับ คุยกันให้เข้าใจ เปิดอกคุยว่ามีอะไรที่อิสระไม่ชอบบ้าง และพี่ไม่ชอบอะไรบ้าง เรื่องวันนั้น ยกโทษให้พี่นะครับ พี่เครียดไปหน่อยเลยพูดจาแรงๆไปแบบนั้น"


"พี่แน่ใจหรือครับว่าจะให้ผมกลับไป? ผมมันช่วยอะไรพี่ไม่ได้ด้วยซ้ำ"


"ช่วยได้สิ ทำกับข้าวให้พี่กินไง อิสเป็นคนหัวไวมากนะ พี่เชื่อว่าถ้าอิสเรียนรู้เพิ่มเติม อิสจะทำกับข้าวให้พี่ได้หลายเมนูเลย หรือคิดซะว่า พี่จ้างอิสมาทำกับข้าวให้พี่ก็ได้ และถ้าอิสคิดว่าทำอะไรได้อีกก็บอกมาเลย"


    อิสระยืนเงียบ ใจหวิว เขาเป็นฝ่ายผิดเองที่เอาแต่รอพึ่งคนอื่น แต่พี่จิณณ์ยังมา ง้อขอโทษราวกับว่า พี่จิณณ์ผิดมหันต์


    อิสระไม่ลังเลที่จะพยักหน้าแทนคำตอบ ทันใดนั้น จิณณ์ดึงร่างอิสระไปกอด ลูบหัว อย่างไม่สนว่าใครจะมอง


"พี่ขอโทษ อย่าโกรธพี่นะ"

"ผมไม่เคยแม้แต่จะคิด"

"ถ้างั้นชีวิตของอิสต่อจากนี้...ให้พี่เป็นคนรับผิดชอบนะ"



      น้ำเสียงนุ่มนวล ชวนฝันพูดออกมาถึงกับทำให้อิสระลบล้างความรู้สึกแรกที่พี่จิณณ์เคยว่าอิสระเป็นปลิดทิ้ง



      อิสระเผลอมองตาอีกฝ่ายก็เห็นชัดถึงความมุ่งมั่น จริงจัง จริงใจ จนรีบหลุบสายตาลงต่ำ เพราะใจสั่น เจ้าตัวรีบพยักหน้าอย่างใจอ่อน


     จากนั้น ทั้งสองก็เดินขึ้นห้องเพื่อไปปรับความเข้าใจว่าถ้าอยู่ด้วยกัน ควรต้องใช้ชีวิตกันอย่างไรหลังจากนี้...




..................................


ก็นะที่ผ่านมา ...พี่จิณณ์สับสนและเครียดหลายเรื่องมารวมกันเลยพาลไปหน่อยค่ะ พอน้องไม่อยู่ก็ใจหวิวไง แบบเฮ้ย! รู้สึกเหมือนขาดอะไรไปบางอย่าง...ก็ต้องตามล่าหาสมบัติกันหน่อยล่ะ...
.
.
เย้! สมหวังเขาอยู่ด้วยกันแล้ว ตอนหน้าก็จบแฮปปี้เอนดิ้งแล้วค่าาา...(5555) ล้อเล่นนนน
.
. เดี๋ยวสิ มันยังไม่หวานพอเลยเนอะ เอาให้มดขึ้นสักหน่อยแล้วกัน . แล้วค่อยดราม่าต่อ อุ้บสสสส์!!!...
.
ขอบคุณผู้อ่านที่น่าร้ากก... เจอกัน. :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: +..▪..+"แสง.สุด.ท้าย"+..▪..+||ตอนที่ 7.2 || อัพ 27-11-17 > P.2
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 28-11-2017 00:22:47
ตามมม
ไม่อยากให้มีดราม่าเลยอะ
ฮือออ ขอหวานๆเถอะ
หม่นพอแล้ว แค่เรื่องของน้องอิส
หัวข้อ: Re: +..▪..+"แสง.สุด.ท้าย"+..▪..+||ตอนที่ 8 || อัพ 6-12-17 > P.3
เริ่มหัวข้อโดย: rinyriny ที่ 06-12-2017 20:35:58


บทที่ 8 พี่ชาย?



      ดูเหมือนว่าเหตุการณ์ทุกอย่างกำลังไปได้สวย...หลังจากที่จิณณ์ตามอิสระกลับมา ทั้งสองปรับความเข้าใจให้ตรงกัน เพื่อจะได้ไม่มีปัญหาในภายหลัง
       


"อื้ม...อิสเคยบอกพี่ว่า อยากดูหนังนี่ อยากดูเรื่องอะไรเป็นพิเศษไหม? วันนี้พี่ว่างจะได้นั่งดูหนังด้วยกัน"


      จิณณ์นึกขึ้นได้ว่า ตอนมาอยู่ด้วยกันใหม่ๆ อิสระเคยพูดลอยๆว่าตั้งแต่โดนจับอยู่แต่ในห้อง เขาไม่ได้ดูหนังเลย ทั้งๆที่ก่อนหน้านั้น อิสระโปรดปรานการดูหนังมาก นั่นจึงทำให้จิณณ์ถามในจังหวะที่อิสระยืนล้างจาน หลังจาก ทั้งสองเพิ่งจัดการอาหารเสร็จ ฟากอิสระหันไปยิ้มก่อนตอบ


"ผมก็ไม่รู้หรอกครับว่าที่ผ่านมา มันมีหนังอะไรน่าดูบ้าง พี่จิณณ์แนะนำแล้วกันครับ"


      จิณณ์พยักหน้า ยืนกอดอกพิงสะโพกบนเคาน์เตอร์อ่างล้างจาน รอเด็กหนุ่มล้างจานจนเสร็จ ก่อนจะเดินไปนั่งบนโซฟาตัวเดียวกัน จิณณ์เลือกหนังแนวแรงบันดาลใจ เพราะเห็นว่าอย่างน้อย ช่วงที่ผ่านมา เด็กหนุ่มดูเครียด ถ้าได้ดูหนังสร้างกำลังใจสักหน่อยก็คงดี


     ทั้งคู่นั่งดูหนังอย่างตั้งใจ จนกระทั่งหนังดำเนินไปได้กลางเรื่อง


หมับ!


    อิสระหันขวับ มองคนที่ดึงแขนเขาไปกอดทำเป็นหมอนข้าง มิหนำซ้ำยังไถลตัวลงกึ่งนั่งกึ่งนอน เอนหัวมาพิงไหล่


    ยิ่งใกล้ชิด ก็ยิ่งรู้สึกไม่ดีต่อใจสักเท่าไหร่ เพราะใจเต้นแรงเกินไป


"ทำไม? พี่พิงไม่ได้เหรอ?"


    นั่งตัวแข็งทื่อ เมื่อเห็นสายตาจ้องมองอย่างมีคำถามพร้อมรอยยิ้มมุมปาก อิสระขนลุกซู่ รีบเบนสายตาจ้องหน้าจอทีวีเหมือนเดิม ก่อนตอบ


"ดะ...ได้ครับ"


    ได้คำตอบ จิณณ์ยิ้มและเอนหัวพิงไหล่อย่างสบายใจ แถมรัดแขนอิสระที่กอดไว้แน่นกว่าเก่า


     อิสระนั่งนิ่ง เพื่อซ่อนความรู้สึกที่อายและประหม่า มิหนำซ้ำ ตอนนี้ สติกระเจิดกระเจิงจนดูหนังไม่รู้เรื่องแล้ว

     เวลาผ่านไปสิบนาที เสียงประตูหน้าห้องก็ดังขัดขึ้นให้ทั้งสองหันไปมองพร้อมกัน


"อิสไปเปิดประตูให้พี่หน่อยสิ"

"ครับ"


   อิสระผละจากพี่จิณณ์และลุกขึ้นเดินไปเปิดประตู
       

    เพียงประตูเปิดออกกว้าง เด็กหนุ่มตาโตกับตุ๊กตาหมีที่นั่งหน้ามึนมองมาทางเขา ก่อนจะวกสายตามาหาพนักงานรปภ.คนเดียวกับที่อิสระเคยถามคราวก่อนว่าร้านสะดวกซื้ออยู่ไหน?


"คุณอิสระหรือเปล่าครับ?"

"ค...ครับ"

"มีคนฝากมาให้"


"คนที่ส่งมาให้ เขาชื่ออะไรครับ?"

"ไม่ได้บอกครับ"


"หรอครับ...ขอบคุณครับ"



     อิสระยืนมองอย่างประหลาดใจว่าใครส่งเจ้าตุ๊กตาหมีสีน้ำตาลตัวใหญ่ยักษ์นี้มา    สะดุดตาตรงเสื้อน้องหมีมีเขียนว่า Happy new year



    นี่มันก็เลยวันปีใหม่มาได้หลายวันแล้ว...ทำไมยังมีคนส่งของขวัญมาให้อีก

     ยืนมองให้พนักงานรปภ.เดินไปก่อน จึงค่อยเปิดการ์ดมาอ่าน



'สวัสดีปีใหม่ ขอให้เป็นเด็กที่น่ารักแบบนี้ตลอดไปนะครับ'


    ในขณะที่อิสระกำลังอ่านอยู่นั้น คนตัวโตก้มลงกระซิบข้างหูด้วยประโยคเดียวกัน อิสระเขินจัดและหันไปจนปลายจมูกเฉียดกัน อิสระผละออก


"พี่จิณณ์แอบดูหรือครับ?"


"หนุ่มที่ไหนแอบส่งมา?"
ละสายตาจากการ์ดและไม่ยอมตอบคำถามเด็กหนุ่ม

 
"จะมีได้ยังไงครับ นี่...พี่จิณณ์ให้ผมหรอครับ"

"ในการ์ด มีระบุชื่อพี่หรือ?"


"ไม่มีครับ"

"ถ้างั้น จะใช่ของพี่ได้ยังไง ฮึ?"


    อิสระทำปากพองลม ก้มหน้าตอบ

"ก็ผมไม่มีใครนอกจากพี่นี่ครับ"


     จิณณ์สะดุดกึกตรงประโยคหลัง เขาอมยิ้มส่ายหน้าเมื่อเห็นคนทำตัวน่าสงสารจนแกล้งไม่ลง ที่ผ่านมาอิสระคงจะรู้สึกหดหู่น่าดู แซวนิดแซวหน่อยก็ดูจริงจังไปซะหมด


"โห...แกล้งไม่สนุกเลย อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ...ใช่...พี่เป็นคนซื้อให้เอง"

"พี่ซื้อให้ผมทำไมครับ?"


     จิณณ์ยิ้มมองหน้าเด็กหนุ่ม เขาเงียบเพราะหวนคิดว่าที่ผ่านมา เขาทำงานไม่ลืมหู ลืมตา รวมถึงเป็นช่วงที่มีปัญหากันทั้งสองฝ่าย จึงไม่มีโอกาสได้อยู่ด้วยกันในวันปีใหม่ กว่าจะรู้ก็ข้ามปีมาแล้ว



"อยากขอโทษสำหรับที่ผ่านมา เรามีปัญหาจนไม่ได้เคาท์ดาวน์ปีใหม่ด้วยกันเลย"

"ขอบคุณพี่จิณณ์ครับ แต่มันไม่ใช่เรื่องใหญ่เลย ผมนอนเคาท์ดาวน์คนเดียวข้ามปีจนไม่รู้สึกว่ามันน่าตื่นเต้นแล้วครับ"

   
      ที่ผ่านมา อิสระคงเหงาและทรมานมามาก เขาสงสารอิสระทุกที เวลาที่เด็กหนุ่มพูดถึงช่วงที่โดนขัง


"โอเคๆ เอาเป็นว่าที่ผ่านมาก็ช่างมัน จากนี้ อิสอยากทำอะไร อยากได้อะไร บอกนะ"


"ไม่เป็นไรครับ ผมเกรงใจ"

"ไม่ต้องเกรงใจ คิดซะว่าเราเป็นคนในครอบครัวเดียวกัน อิสจะได้ไม่ต้องคิดมาก ถือซะว่า พี่เป็นพี่ชายอิสแล้วกันนะครับ โอเคไหม?"
จิณณ์ก้มหัวลงมา เขยิบเข้าไปใกล้ ประสานสายตากับอิสระแล้ววางมือหนาบนหัวทุย



    อิสระนิ่งไปนิด เพราะผิดหวังที่ได้ยินคำว่าพี่ชายออกมาจากปากคนตรงหน้า ลึกๆแล้วอิสระหวังที่จะได้ยินคำอื่นมากกว่า


     การที่พี่จิณณ์ตอบแบบนี้ เหมือนเขาถูกจำกัดสถานะไปเรียบร้อยแล้ว


"พี่ชายหรือครับ?"


"อื้ม...พี่ไม่อยากให้อิสมองว่าตัวเองเป็นคนอื่น จากนี้ อิสเป็นน้องพี่ เป็นครอบครัวเดียวกัน จะได้ไม่ต้องคิดมากว่าตัวเองเป็นแค่คนแปลกหน้า รู้ไหมครับ?"



"พี่ชายก็พี่ชายครับ"
อิสระซึมลง



"แล้วจะไม่ให้เจ้าหมีมันเข้ามาในห้องก่อนเหรอ มันจะน้อยใจนะ ปล่อยมันไว้แบบนั้น"

"ครับ"



    จากนั้นทั้งสองช่วยกันลากตุ๊กตาความสูงเกือบสองเมตรเข้ามาวางพิงหลังโซฟา และนั่งพักบนขอบพนักพิงให้หายเหนื่อย

 
    จิณณ์ยิ้มก่อนจะวางมือบนไหล่อิสระ บีบกระชับเบาๆ


"เผื่อพี่งานยุ่ง ก็ให้เจ้าหมีมันเป็นตัวแทนพี่เวลาพี่ไม่อยู่ห้องนะ อิสจะได้ไม่เหงา"

"ครับ"

"อิสอยากตั้งชื่อให้มันไหม?"




      อิสระมองเสื้อที่หมีใส่ก็เอ่ยชื่อมาด้วยรอยยิ้มบางเบา


 "นิวเยียร์แล้วกันครับ"   



      จิณณ์พยักหน้ารับ ในระหว่างนั้น  จิณณ์ควักเครื่องมือสื่อสารและกดอะไรสักอย่างบนหน้าจอโทรศัพท์ ก่อนจะยกขึ้นเหนือหัวและเรียกอิสระ


"ถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึกกันเถอะ"


"ไม่ถ่ายได้ไหมครับ"



    หันขวับ ขมวดคิ้วมองเด็กหนุ่มที่ทำหน้าเหมือนคนกินยาขม


"อิสไม่ชอบถ่ายรูปเหรอ?"

"เปล่าครับ ผมแค่คิดว่า ผมไม่ได้ดูดีพอที่จะถ่าย"

   
    จิณณ์มองเด็กหนุ่มที่ตอกย้ำตัวเอง ทั้งๆที่ความเป็นจริงแล้วมันไม่ใช่อย่างนั้น อิสระน่ารักจะตาย เป็นผู้ชายที่ปากนิด จมูกหน่อย เหมือนตุ๊กตาเด็กผู้ชาย มิหนำซ้ำยังแก้มแดงน่าหยิก ใครเห็นก็คงคิดว่า ดูน่ามองด้วยซ้ำ


     จิณณ์มั่นใจว่าก่อนหน้า อิสระไม่ใช่คนคิดมากแบบนี้ แต่เพราะช่วงเวลาสี่ปีที่เลวร้ายนั่นแหละมันเกาะกินจิตใจให้อิสระกลายเป็นคนกลัวและไม่มั่นใจตัวเองไปซะอย่างนั้น


    อาจต้องหาเวลาพาอิสระไปพบจิตแพทย์ เผื่อจะช่วยให้เด็กหนุ่มมีสภาพจิตใจที่ดีขึ้น แต่ก่อนจะคิดถึงเรื่องอนาคต เวลานี้ จิณณ์เองนั่นแหละที่ต้องเป็นคนช่วยอิสระให้มีจิตใจที่ดีขึ้นก่อน


ฟึ่บ!...


    ทันใดนั้น จิณณ์พาดแขน โอบไหล่อิสระให้ชิดกัน



"แต่สำหรับพี่ อิสน่ารักนะ ถ่ายรูปกันเถอะ"


      มองรอยยิ้มจริงใจ ก็เผลอขบริมฝีปาก อิสระยอมถ่ายภาพตามที่พี่จิณณ์ขอ


      คนอายุมากกว่า กดถ่ายอยู่หลายภาพ ก่อนจะลดมือลง นั่งดูรูปที่ตัวเองเพิ่งถ่ายไป

      อิสระแอบมองคนข้างกายที่นั่งดูรูปในโทรศัพท์มือถือพร้อมหลุดยิ้มออกมา


      นั่งมองพี่จิณณ์ในมุมเผลอๆ ก็ให้ความรู้สึกดีไปอีกแบบ รอยยิ้มกว้างที่ผุดบนใบหน้าหล่อเข้ม ยิ่งเพิ่มเสน่ห์ให้พี่จิณณ์ดูน่าสนใจมากขึ้น




"อิสน่ารักนะเนี่ย ดูสิ"

     รีบละสายตาจากใบหน้าหล่อ ลดรอยยิ้มลงและกดสายตามองรูปที่ปรากฏบนหน้าจอโทรศัพท์มือถือที่พี่จิณณ์ยื่นมาให้ดู 

    ในภาพมีเขา พี่จิณณ์ และเจ้าหมีตัวยักษ์อยู่ตรงกลาง

    ยิ่งดูรูปตัวเองก็ยิ่งรู้ว่าไม่ใช่...


    หลักฐานทนโท่ขนาดนี้ ยังจะกล้าเอาอะไรไปสู้

    เวลานี้ อิสระเป็นแค่คนธรรมดาที่ไม่ได้ดูดีอะไร...

    เป็นคนไม่มีเงินติดตัวสักบาท...

    แถมยังเป็นคนพึ่งตัวเองไม่ได้...

    ดูยังไงก็ไม่เหมาะสมกับพี่จิณณ์เลยสักนิด


    หากอิสระยังชอบพี่จิณณ์ต่อไป คำตอบที่ได้รับ ไม่พ้นความผิดหวังแน่ๆ

   ก็มันจะเป็นไปได้อย่างไร ในเมื่อพี่จิณณ์มีพร้อมทุกอย่าง

    การที่คนตัวโตยื่นสถานะมาให้ว่าเป็นแค่พี่ชาย เท่านี้ก็ดีพอแล้ว...


    อิสระคิดได้แล้วว่า เขาควรหยุดชอบตอนนี้ก่อนจะถลำลึกไปกันใหญ่


"พี่จิณณ์ไม่ต้องโกหกผมหรอก  ผมรู้ว่าตัวเองเป็นยังไง"



"ทำไมอิสพูดแบบนั้น?"


     
     อิสระยกแขนทั้งสองข้างเพื่อโชว์ให้พี่จิณณ์ดูถึงรอยแผลเป็นที่ยังไม่จางหาย



"วันที่ผมออกไปข้างนอก มีแต่คนรังเกียจผม แล้วพี่จิณณ์พูดมาแบบนั้น ผมรู้ว่ามันไม่ใช่"


ฟึ่บ!


    พูดจบไม่ถึงห้าวินาที จิณณ์ไม่พูดอะไร แต่กลับดึงตัวอิสระไปกอดกระชับแน่น


     มือหนาลูบหลัง ลูบไหล่ ก่อนเลื่อนมือไปลูบผมอย่างเอ็นดู จิณณ์ไม่อยากให้อิสระคิดแบบนี้แล้ว ตั้งแต่นั่งคุยมา อิสระก่นด่าตัวเองอยู่หลายครั้ง จนไม่อยากให้อิสระฝังหัวกับความคิดลบๆแบบนั้น เพราะสำหรับจิณณ์ไม่เคยรังเกียจอิสระสักนิด


     จิณณ์ไม่อยากให้อิสระเครียดหรือเป็นปมด้อยไปกว่านี้


"คนอื่นจะมองยังไงก็ช่าง แต่พี่ไม่เคยโกหก สำหรับพี่ อิสน่ารักเสมอ"



    ไม่ใช่แค่คำพูดที่ทำให้อิสระอบอุ่นจนหัวใจพองโต แต่การกระทำของพี่จิณณ์นั่นต่างหากที่ยิ่งเพิ่มความรักจนอิสระดีใจที่ยังมีคนใส่ใจเขาจริงๆ


     เป็นแค่พี่ชาย แต่ได้กำลังใจท่วมท้นขนาดนี้ อิสระยอมเป็นแค่น้องชายก็ได้...


     อิสระไม่พูดอะไรต่อ เพียงแค่กอดตอบไปเท่านั้น...



 
****1.1****


ได้แค่นี้ก็พอแล้วเนอะ อิสระ :กอด1:
.
ขอบคุณจ้าาาาาาา
หัวข้อ: Re: +..▪..+"แสง.สุด.ท้าย"+..▪..+||ตอนที่ 8 || อัพ 6-12-17 > P.3
เริ่มหัวข้อโดย: Duangjai ที่ 06-12-2017 22:48:00
รูปถ่ายจะเป็นหลักฐานทำให้ความลับแตกไหมนะ

เอาใจช่วยน้องอิสระนะ

ให้ได้เจอป้าที่จะแก้สถานการณ์ได้

...

 :ling3:  :ling3:  :ling3:  :ling3:  :ling3:

...

หัวข้อ: Re: +..▪..+"แสง.สุด.ท้าย"+..▪..+||ตอนที่ 8 || อัพ 6-12-17 > P.3
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 07-12-2017 00:00:13
โหหหห น้อง น้องน้องไปหาหมอเร็วๆนะ
หัวข้อ: Re: +..▪..+"แสง.สุด.ท้าย"+..▪..+||ตอนที่ 8 || อัพ 6-12-17 > P.3
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 07-12-2017 00:40:58


 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: +..▪..+"แสง.สุด.ท้าย"+..▪..+||ตอนที่ 8.2 || อัพ 14-12-17 > P.3
เริ่มหัวข้อโดย: rinyriny ที่ 14-12-2017 00:15:14


บทที่ 8 พี่ชาย?(2)



     หลังจากจิณณ์เห็นว่าอิสระคิดมากเรื่องรูปร่างตัวเอง เขาตั้งใจพาไปเข้าคอร์สทำผิว จนกระทั่งวันหนึ่ง
จิณณ์มัดมือชกเด็กหนุ่ม จับไปยืนอยู่หน้าร้านแล้วแท้ๆ แต่เด็กหนุ่มกลับค้าน ปฏิเสธหัวชนฝา แถมยังจะพาลโกรธกันอีกเพียงเพราะเหลือบเห็นราคาหน้าร้านว่าแพงหูฉี่ อิสระไม่อยากรบกวนพี่จิณณ์ให้รู้สึกแย่ไปมากกว่านี้ เนื่องจากกลัวว่าอีกฝ่ายจะด่าว่าเป็นภาระอีก


     เมื่อเด็กหนุ่มไม่โอเค จิณณ์เลยทำได้แค่ซื้อพวกครีมทาผิว ทาหน้ามาให้



      ผลของการเคลียร์ทุกปัญหา ดูเหมือนว่า จิณณ์ใส่ใจอิสระมากขึ้น จึงทำให้ทุกวันนี้ที่อิสระพักอยู่กับพี่จิณณ์รู้สึกอยากมีส่วนร่วมและตอบแทนกลับไปบ้าง จึงใช้แรงกายด้วยการทำอาหาร และทำงานบ้านทุกชนิดอย่างเต็มที่ ถึงแม้พี่จิณณ์จะออกไปดูงานข้างนอกทุกวัน แต่พอปรับความเข้าใจกัน อิสระก็เริ่มเข้าใจและไม่งอแงเท่าแต่ก่อน

 
       กลับมายังปัจจุบัน ขณะที่อิสระยืนดูดฝุ่นยามสาย เสียงดนตรีเมโลดี้ของเครื่องมือสื่อสารดังขึ้น หยุดชะงัก วกสายตาไปยังโต๊ะกลางตรงโซฟา


       เร่งฝีเท้าและก้มหยิบโทรศัพท์


"สวัสดีครับ"


[อิส พี่ลืมกระเป๋าสตางค์ไว้บนห้อง...อีกสิบห้านาที อิสเอาลงมาให้พี่หน่อยได้ไหม?]

"ได้ครับ"


     บอกจุดวางกระเป๋าสตางค์ก่อนวางสาย อิสระเดินดุ่มๆไปเอาของมาเก็บไว้กับตัวเอง เมื่อเจอแล้ว อิสระแอบเปิดกระเป๋าสตางค์พี่จิณณ์ดูด้วยความอยากรู้


"หา! อีกสองวัน?"


     เพราะไม่เคยถามจึงไม่เคยรู้มาก่อน


    วันเกิดพี่จิณณ์ใกล้ถึงแล้ว... อิสระยังนึกไม่ออกว่าจะซื้ออะไร แต่อย่างน้อย อิสระต้องหาของขวัญให้พี่จิณณ์แน่ๆ...


     วางสายได้ไม่นาน จิณณ์ก็มาถึง อิสระรีบเอากระเป๋าสตางค์พี่จิณณ์ลงไปให้


    เสร็จเรียบร้อย เดินขึ้นห้องด้วยอาการของคนคิดไม่ตกกับของขวัญ ในเมื่อเงินติดตัวก็มีเพียงเงินในกระปุกที่พี่จิณณ์ทิ้งไว้ให้ซื้อของกินเท่านั้น


    อิสระไม่อยากพึ่งเงินพี่จิณณ์โดยไม่จำเป็น จึงคิดว่าควรทำอะไรที่ใช้เงินให้น้อยที่สุด...


   ตัดสินใจคว้าของสำคัญออกจากห้อง เพื่อเรียกแท็กซี่ไปห้างสรรพสินค้า


    ถ้าไม่ใช่พี่จิณณ์ อิสระก็คงไม่ทำแบบนี้ที่ต้องรวบรวมความกล้าในการออกมาข้างนอกเพียงลำพัง


"เรื่องแค่นี้ เราต้องทำได้สิ"


    ถึงที่หมาย...อิสระสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด เป่าปากเบาๆ...เดินไปจุดประชาสัมพันธ์ถามหาร้านที่ต้องการซื้อของ


     หลายชั่วโมงที่อิสระเดินหาของตามที่ตั้งใจไว้ได้เกือบครบจนมาหยุดที่สุดท้าย ที่โซนซูเปอร์มาร์เก็ต


     เด็กหนุ่มเดินเลือกของอย่างอารมณ์ดี เขาอยากให้พี่จิณณ์เห็นถึงความตั้งใจจึงมุ่งมั่นในการทำของขวัญวันเกิดของพี่จิณณ์ให้ดีที่สุด


    จนกระทั่งได้ของครบทุกอย่าง อิสระแบกถุงเดินออกจากห้างสรรพสินค้าเพื่อเตรียมเรียกรถแท็กซี่ ถึงประตูด้านหน้าของห้างแล้ว...


หมับ!


"สวัสดีครับ คุณอิส"


    อิสระหันขวับ

เฮือก!


"พี่ชาย"



    อิสระสะดุ้งสุดตัว สะบัดมืออย่างไวและวิ่งไม่คิดชีวิต พ้นห้างมาไม่ไกล อิสระหันหลังไปก็ยังเห็นพี่ชายวิ่งไล่ตามไม่หยุด
 
     

ปึก!


    วินาทีนั้น อิสระสะดุดอิฐตัวหนอนที่กระเดิดขึ้นมาจากทางเท้า


"โอ้ย!"



     ข้าวของที่ซื้อมากระจัดกระจาย ใจเต้นแรงกว่าเก่าพร้อมเหงื่อเม็ดใหญ่ผุดขึ้นทั่วใบหน้า เมื่อเห็นคนตัวสูงใหญ่วิ่งใกล้เข้ามา

     อิสระพยายามจะลุกขึ้นแต่เจ็บหน้าขาและหัวเข่าที่กระแทกกับพื้นเกิดแผลถลอกเป็นทางยาว


     เด็กหนุ่มฝืนสังขาร ลากตัวเองไปเก็บของที่หล่นจนครบ และรีบลุกขึ้นหวังจะวิ่งหนี แต่ไม่ทันชายที่ยึดข้อมืออิสระไว้ได้เรียบร้อย


"พี่ชาย ปล่อยผมนะ ผมไม่กลับ..." อิสระพูดดักคอ น้ำตาไหลออกมาเพราะความเจ็บและความกลัวว่าอิสระภาพของเขาจะหมดลง


"คุณอิส เป็นอะไรมากไหมครับ?"


"ไม่ อย่ามายุ่ง" แค่พี่ชายโดนตัว อิสระก็ผวาและหวาดระแวง เพราะหวนไปนึกถึงคราวที่อิสระเคยทำออรัลเซ็กส์ให้


"ผมขอโทษครับ สำหรับที่ผ่านมา แต่ผมมาดี และผมสัญญาว่าจะไม่เอาเรื่องการเจอกันไปบอกคุณอิทธิพลด้วยครับ"
 
"ผมไม่เชื่อ"


     ตะโกนใส่หน้าอีกฝ่าย มิวายนิ่วหน้าด้วยความเจ็บและปวด



"อย่าเพิ่งทะเลาะกันเลย ผมว่าไปหาหมอก่อนเถอะ"



    ขมริมฝีปากแน่น สบตามองพี่ชายที่บอกด้วยรอยยิ้ม สุดท้ายอิสระต้องยอมฟังอย่างเสียไม่ได้



    ใช้เวลานานพอสมควรที่ทั้งสองออกจากคลีนิค ซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลจากที่เกิดเหตุ ชายช่วยประคองอิสระ ตอนนี้ เด็กหนุ่มผ่อนคลายลง หลังจากได้รู้เรื่องราวส่วนตัวของพี่ชาย อิสระจึงไว้ใจพี่ชายมากขึ้น


     ราวสี่สิบนาทีที่ชายขับรถมาส่งอิสระ และพยุงร่างที่บางกว่าเขาเข้าส่วนในอาคารแล้ว



"ขอบคุณครับพี่ชาย" เด็กหนุ่มบอกเสียงแผ่ว ขณะที่ยังเดินกะเผลกพร้อมสองมือหอบหิ้ว ข้าวของพะรุง พะรัง


"ให้ผมไปส่งคุณอิสที่ห้องดีกว่า คุณอิสเดินไหวเหรอ?"

"ไม่เป็นไรครับ ผมไปได้"

"ตามใจครับ ส่วนเรื่องเจอคุณอิสไม่ต้องกังวล ผมสัญญา...ว่า..."



ฟึ่บ!


   จิณณ์กระชากแขนอิสระอย่างแรง แทรกกลางระหว่างทั้งคู่


    เพียงแค่เห็นลูกน้องของคุณอิทธิพลอยู่ที่นี่...จิณณ์ใจคอไม่ดีเท่าไหร่


"โอ้ย!"


     ไม่รู้ว่าอิสระเจ็บ พอได้ยินเสียงสบถเท่านั้นแหละ จิณณ์หันขวับ กดสายตาลงต่ำ แล้วเห็นผ้าพันแผลเต็มขา

     จิณณ์ทรุดตัวลงฮวบ ใช้มือหนาแตะผ้าก๊อตที่ปิดแผลไว้อยู่


"คุณทำอะไรอิส?" เงยหน้าตวาดลูกน้องคุณอิทธิพลเสียงดัง


"พะ...พี่จิณณ์ครับ...ผมล้ม...เองครับ"


    ยังไม่ทันถามอิสระต่อ


"ทำไมคุณอยู่กับคุณอิส คุณเป็นคนพาคุณอิสหนีใช่ไหม?" ชายขัดขึ้นอย่างสงสัย เพราะตกใจที่เห็นแขกของคุณอิทธิพลอยู่ตรงนี้ ซึ่งไม่ต่างกับจิณณ์ที่สงสัยในตอนแรกเหมือนกัน


"ไม่ใช่เรื่องของคุณ แต่ผมไม่มีทางให้อิสกลับไปแน่ๆ"

 
    ยืนบอกเสียงเข้มอย่างไม่กลัว เพราะสิ่งที่กลัวยิ่งกว่า คือ กลัวว่าอิสระจะหนีไปอีก


    สาเหตุที่จิณณ์ยืนอยู่ตรงนี้ ทั้งๆที่ไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้า จิณณ์เพิ่งวกรถกลับมาเอากระเป๋าสตางค์นั้น เป็นเพราะตอนโทรหาอิสระ ได้ยินเสียงคนคุยกันแต่ฟังไม่ค่อยได้ศัพท์รวมถึงเสียงตะกุกตะกักตลอดเวลา จิณณ์รู้สึกไม่ดีจึงกดวางแล้วโทรย้ำอีกครั้งกลับติดต่อไม่ได้


    กระวนกระวายใจจนต้องบึ่งรถกลับมา ขึ้นไปหาบนห้องจนทั่วแล้วไม่เจอ พอลงมาถึงเห็นอิสระยืนอยู่กับลูกน้องคุณอิทธิพลแล้ว


     ฟากอิสระหน้าซีดเผือกเพราะในตอนแรก อิสระโกหกพี่ชายว่า พักอาศัยอยู่กับเพื่อน สาเหตุเพราะไม่อยากให้พี่จิณณ์ตกเป็นอันตราย


   แต่ไม่คิดว่า...


"พี่จิณณ์ครับ ผมว่า เราขึ้นห้องกันก่อนเถอะ..."


     อิสระอ้อนวอนพี่จิณณ์ ในขณะเดียวกันก็หันไปบอกพี่ชาย


"พี่ชาย ผมขอล่ะ พี่กลับไปก่อน และขอร้องอย่าบอกคุณอิทธิพลนะครับ"


     ชายขมวดคิ้วมองหน้าสองคนสลับกัน แต่เพราะไม่อยากให้อิสระไม่สบายใจจึงตอบรับไปก่อน


"ครับ"


     ชายขอตัวกลับ และหันหลังเดินออกไปจากตัวอาคาร


     มองจนลับสายตา จิณณ์วกสายตากลับมาหาคนข้างๆ


"อิสไปเจอเขาได้ยังไง? รู้ไหมพี่เป็นห่วงมากแค่ไหน?"


"บังเอิญเจอน่ะครับ และไม่ต้องห่วง ทุกอย่างโอเคครับ พี่จิณณ์" อิสระว่าจบรีบซ่อนถุงไว้ข้างหลัง


"จะไม่ให้ห่วงได้ยังไง ดูสิได้แผลมาด้วย"

"ผมซุ่มซ่ามเอง และผมก็ไม่เจ็บเลยด้วย"

"มั่นใจนะอิส"


"ครับ"

"ทีหลังจะออกไปไหน โทรบอกพี่ด้วยนะครับ พี่เป็นห่วง เดี๋ยวพี่ขึ้นไปส่งอิสระแล้วจะรีบกลับมานะ"

"พี่จิณณ์ต้องไปไหนอีกหรอครับ?"

"ไปดูงานครับ งานพี่ยังไม่เสร็จ"
อิสระใจเต้นแรง

   
     แค่ติดต่อไม่ได้ พี่จิณณ์ถึงกับยอมทิ้งงานเพื่อมาหาอิสระเลยหรือ?


     หลังจากทั้งสองเงียบไปอึดใจ จิณณ์รวบเอวอิสระมาโอบประคองพาไปถึงห้อง อิสระอาย ใจสั่น แต่ก็ยอมปล่อยให้พี่จิณณ์ดูแลดีกว่าเจ็บตัวกว่านี้

   
     เมื่อทั้งสองเดินหายไปจากลานสายตา ร่างกำยำที่ยืนหลบอยู่มุมตึก แอบครุ่นคิดถึงการกระทำอีกฝ่าย ก่อนพึมพำออกมา...



"คุณชอบคุณอิสระ?"










...........





   ยามเช้าวันถัดมา...


   พี่จิณณ์แปะโพสต์อิทไว้ที่หน้าประตูห้องนอนว่าต้องกลับไปหาพ่อ อิสระจึงพอมีเวลาอยู่บ้าง...


    หลังจากที่อิสระทำของเล็กๆน้อยๆให้เป็นของขวัญวันเกิดเรียบร้อย  เขานั่งรอเวลาที่พี่จิณณ์กลับมาอย่างใจจดใจจ่อ
 
 
    ผ่านไปสักพักใหญ่ๆ อิสระได้ยินเสียงก็อกแกกประตู หันไปมอง ยกยิ้มมุมปาก ลุกขึ้นไปหาคนที่อิสระเฝ้ารอ


    จิณณ์เอียงคอมองอย่างสงสัยที่วันนี้ เด็กหนุ่มมีท่าทีแปลกๆ



"เหนื่อยไหมครับ? พี่จิณณ์"


    อิสระไม่เคยถามจิณณ์มาก่อน


"หืม...ทำอะไรผิดมาหรือเปล่า? อิส"

"ทำไมล่ะครับ พี่จิณณ์"

"ก็อิสระใส่ใจพี่แปลกๆ"


    อิสระอึกๆอักๆ เพราะไม่รู้ตัวว่าเขาเผลอปฏิบัติกับพี่จิณณ์แตกต่างกว่าทุกที


"ผมแค่อยากดูหนังกับพี่จิณณ์นี่ครับ"


   นิ่งไปนิด ก่อนจะระบายรอยยิ้มละมุน จิณณ์ไม่เคยเห็นมุมที่อิสระออดอ้อนมาก่อน...



"เอาสิ พี่ก็อยากพักผ่อนเหมือนกัน"



    อิสระยิ้มกว้าง ปล่อยพี่จิณณ์เดินไปเลือกหนังและนั่งรอที่โซฟาก่อน ส่วนอิสระอ้างว่าจะเดินไปปิดไฟเพื่อสร้างบรรยากาศ


    หลายนาทีผ่านไป....เสียงคนร้องเพลงอวยพรวันเกิดดังลอยมาพร้อมแสงไฟสลัวๆจากเทียนวันเกิด


    จิณณ์ประหลาดใจมากว่าอิสระรู้ได้อย่างไรว่าวันนี้เป็นวันเกิดเขา


    รอยยิ้มหวานชวนมองของเด็กหนุ่ม ทำให้จิณณ์ชะงักไปนิด

   
    เป็นเซอร์ไพร์สที่จิณณ์ชอบสุดๆ


    อิสระทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ ในขณะที่จิณณ์มองวุ้นสีแดงกุหลาบที่อยู่ในพิมพ์รูปหัวใจจนอดยิ้มไม่ได้


"สุขสันต์วันเกิดครับพี่จิณณ์ อธิษฐานสิครับ"


     จิณณ์เป่าเทียนวันเกิดและอธิษฐานเสร็จเรียบร้อย



"อิสรู้ได้ยังไง"

"พอดีตอนพี่จิณณ์ให้ผมเอากระะเป๋าสตางค์ลงไป ผมแอบดูบัตรประชาชนพี่จิณณ์ครับ"
บอกและมองตาละห้อยอย่างสำนึกผิด


"ร้ายนะ"


    อิสระยิ้มขำ


"พี่จิณณ์อธิษฐานอะไรหรอครับ?"

"ไม่บอกเรื่องของผู้ใหญ่"


"เชื่อครับว่าผู้ใหญ่ดูจากในบัตรประชาชนแล้วพี่อิสอายุมากกว่าอิสตั้งสิบ..."  อิสระแซว

"หยุดเลยนะอิส"


    อิสระหลุดขำ ไม่ใช่แค่ผู้หญิงเท่านั้นหรอกมั้ง ที่รับไม่ได้ในเรื่องการถามอายุ ดูผู้ชายคนนี้สิถึงกับหน้าบูดแถมเปลี่ยนเรื่องทันควัน อิสระจึงว่าต่อ


"มันอาจเป็นของที่ไม่ได้มีราคาแพงเท่าไหร่ พี่จิณณ์โอเคใช่ไหมครับ"

"โอเคมากเลยแหละ...พี่ชอบนะครับ"



   อิสระเอ่ยขอบคุณที่ชอบ ก่อนจะยื่นการ์ดอวยพรวันเกิดสีแดงแบบป๊อปอัพที่อิสระทำเองกับมือ


     เมื่อจิณณ์เปิดการ์ด กระดาษรูปหัวใจก็กระเด้งออกมา พร้อมข้อความที่เขียนด้วยปากกาหมึกซึมสีดำด้วยลายมือของเด็กหนุ่มว่า



ถึงพี่จิณณ์

สุขสันต์วันเกิดนะครับ จากนี้ ขอให้พี่จิณณ์พบเจอแต่สิ่งที่ดีงามทุกด้านในชีวิต และขอบคุณที่ช่วยเหลือผมทุกอย่างนะครับ

ด้วยรักและขอบคุณ
อิสระ



     มองการ์ดที่มีคุณค่าทางใจ ก็นึกปลื้มใจที่อิสระทำให้สุดฝีมือ จิณณ์เดาได้ในทันทีว่าที่เมื่อวานอิสระออกไปข้างนอก เพราะตั้งใจทำของขวัญให้เขาแน่ๆ


    ทำไม อิสระน่ารักจัง...


    ทั้งสองยังอยู่ท่ามกลางความมืด เพราะหลังจากเซอร์ไพรส์วันเกิด อิสระก็ยังไม่ได้ลุกไปเปิดไฟ


     จู่ๆ จิณณ์จับถ้วยวุ้นที่อิสระถือดึงออกไปวางที่โต๊ะกลาง พร้อมวางการ์ดเอาไว้ ทันใดนั้น จิณณ์โน้มตัวไปใกล้อิสระ จนริมฝีปากแตะติ่งหู จิณณ์ลากริมฝีปากช้าๆเลื่อนลงมาที่ซอกคอ อิสระขนลุกซู่ที่โดนสัมผัส



"ขอบคุณนะครับ อิสระ"


     จิณณ์ผละและยกยิ้มมุมปาก แต่อิสระไม่กล้ามองหน้า เพราะมันรู้สึกวาบหวิวกว่าทุกที


"อิสครับ วันเกิดพี่ พี่มีสิทธิ์ขออะไรก็ได้ใช่ไหม?"

"ดะ...ได้ครับ แต่ต้องขอในสิ่งที่ผมหามาได้ด้วยนะ พี่จิณณ์"


"ได้แน่ๆ"

"พี่จิณณ์อยากได้อะไรครับ"

"...จูบ"


!!!

   อิสระชะงัก ตาค้าง จนจิณณ์รีบแก้สถานการณ์


"พี่ล้อเล่นครับ"


    อิสระถอนหายใจยาว ใบหน้าหล่อคืบคลานเข้ามาใกล้จนลมหายใจอุ่นๆเป่ารดใบหน้า อิสระจะผละออกแต่พี่จิณณ์กลับล็อกไหล่เขาสองข้าง



"จากนี้ พี่จะให้อิสเข้ามานอนกับพี่ในห้อง นอนบนเตียงกับพี่น่าจะสบายกว่าโซฟา"


"เอ่อ...ไม่เป็นไรครับ ผมนอนโซฟาดีแล้ว มันก็ไม่ได้ลำบากอะไรด้วยครับ"

   
     อิสระปฏิเสธ เพราะถ้าได้นอนใกล้ชิดกันแบบนั้น อิสระจะทำใจเลิกชอบพี่จิณณ์ไม่ได้แน่ๆ


     จิณณ์ยิ้มพร้อมสบตาจนอิสระแทบใจละลาย


"พี่ไม่ได้ให้อิสระตัดสินใจ เพราะสิ่งที่พี่พูดมันคือ การบอกว่าพี่ตัดสินใจให้แล้ว"

 

    แม้จะเป็นการมัดมือชก แต่ทำไมอิสระถึงกลับรู้สึกดีที่จะยินยอม


    เด็กหนุ่มเผลอสบตาอีกฝ่ายแล้วรีบก้มหน้างุด อิสระยังไม่ทันอ้าปากขอทางเลือก จิณณ์ก็บอกออกมาด้วยประโยคที่อิสระหวั่นไหว


"ถึงเวลาที่อิสควรมีคนนอนด้วยข้างๆนะ"





................................

เป็นความรักที่มันจะแทรกซึมทีละหน่อย (55555)
.
ขอบคุณจ้าาาาาาา
หัวข้อ: Re: +..▪..+"แสง.สุด.ท้าย"+..▪..+||ตอนที่ 9 || อัพ 4-1-18> P.3
เริ่มหัวข้อโดย: rinyriny ที่ 04-01-2018 21:22:46
บทที่ 9 แฟน


 


    หลังจากโดนคำสั่งแบบนั้น มีหรือ? ที่อิสระจะกล้าหือกับเจ้าของห้อง จึงไม่น่าแปลกใจหากยามเช้า จะยังเห็นอิสระนอนเคียงข้างจิณณ์อยู่ คนอายุมากกว่านอนตะแคงข้าง ท้าวศรีษะมองเด็กหนุ่มอย่างอารมณ์ดี


      มือที่ว่างหวังยื่นไปแตะริมฝีปากอีกฝ่าย แต่จู่ๆ จิณณ์ชะงัก ดึงมือกลับ ก่อนจะเปลี่ยนจากปลายนิ้วเป็นริมฝีปากของตนเองที่ประทับลงบนกลีบปากนั้น


       จุมพิตแผ่วเบาไม่นานก็ผละออก  จิณณ์ยังคงอมยิ้ม มองเด็กหนุ่มที่นอนหลับใหลด้วยความรู้สึกถึงความเปลี่ยนไปของตัวเอง ยิ่งอยู่ใกล้อิสระมากเท่าไหร่ จิณณ์ยิ่งอยากสัมผัสมากขึ้นเท่านั้น


       ราวกับว่ามันไม่เคยพอ การใกล้ชิดกันบนเตียงนอนนุ่ม ทั้งผิวกายที่โดนกันอย่างไม่ตั้งใจ ทำให้ยากจะหักห้ามใจที่จะไม่ทำอะไรได้เลยจริงๆ จิณณ์เลื่อนใบหน้าเข้าไปใกล้ กดริมฝีปากลงบนหน้าผากอิสระ แต่ไม่คิดว่า วินาทีนั้น จะเป็นจังหวะเดียวกับที่อิสระลืมตาตื่นขึ้นมา



"พี่จิณณ์ทำอะไรครับ?"


    จิณณ์ชะงัก ผละใบหน้าหล่อออกห่าง หยัดกายขึ้นนั่ง ละล่ำละลักบอก


"พี่จะปลุกเราน่ะสิ ตื่นแล้วหรือ?"

"ปลุกหรือครับ? แต่เมื่อกี้ ผมรู้สึกได้ว่าพี่จู..."

"อิสฝันล่ะสิ ถ้าตื่นแล้วก็ดี พี่อยากพาอิสไปพบจิตแพทย์ ไปลองปรึกษาเรื่องที่อิสกังวลๆอยู่น่ะ"



    เปลี่ยนเรื่องกระทันหันแบบนี้ ใครจะกล้าดึงดันถามเรื่องเดิมต่อ อิสระทำได้แค่ฟังหัวข้อใหม่ที่เอ่ยจากปากคนพี่


    อันที่จริง ก่อนหน้านี้ พี่จิณณ์เคยเปรยๆมาหลายรอบเหมือนกัน สำหรับการปรึกษาจิตแพทย์กับเรื่องที่อิสระยังมีความตื่นกลัวหรือไม่กล้าเข้าสังคม แต่อิสระคิดว่าตัวเองยังไม่พร้อม เพราะเขาไม่อยากให้ใครมองว่าเขาเป็นคนโรคจิต


"ผมไม่อยากไปครับ"


"อิสยังไม่พร้อมหรือ?"


"ใช่ครับ"



      จิณณ์ไม่อยากให้อิสระจมอยู่กับความคิดแง่ลบอีก  เขาอยากดึงความเป็นตัวตนของอิสระก่อนที่โดนขังสี่ปีกลับมา เพราะเขาเชื่อว่า เด็กหนุ่มตอนนั้นคงสดใส ร่าเริงกว่านี้


"ไม่ลองดูสักครั้งเหรอ พี่อยากเห็นอิสสดใส อยากเห็นอิสมีชีวิตที่ดีขึ้น"
ส่งยิ้มละมุน พร้อมลูบผมอิสระไปด้วย เด็กหนุ่มก้มหน้า ไม่อยากมองตาที่แฝงความจริงใจล้นเปี่ยม

   
     ยืนกรานมาได้ตั้งนาน สองนาน เพียงเจอการกระทำที่แสดงถึงความใส่ใจ ห่วงใย อบอุ่นแบบนี้ อิสระก็ไม่เคยแข็งข้อต่อได้สักที


"ผมไปก็ได้ครับ"


     จิณณ์ยิ้มดีใจทันที และจากนั้นทั้งสองรีบจัดการธุระส่วนตัวเพื่อมุ่งหน้าไปยังโรงพยาบาล



    ถึงที่หมาย อิสระกรอกข้อมูลเพื่อทำประวัติสำหรับผู้ป่วยใหม่  เสร็จเรียบร้อย ทั้งสองเดินขึ้นไปชั้นสอง เลี้ยวขวาไปยังแผนกจิตเวช ตรงดิ่งไปยังจุดประชาสัมพันธ์ที่มีพยาบาลยืนกันหนาแน่น



    มาโรงพยาบาลก็ออกจะบ่อย แต่ยอมรับว่านี้เป็นครั้งแรกที่ได้มายังแผนกนี้ จิณณ์กวาดตามองทุกคนที่นั่งกันเต็มพื้นที่ ภายนอกทุกคนดูเป็นคนธรรมดาและปกติเสียจนถ้าเห็นบนท้องถนนก็คงไม่คิดว่าทุกคนต่างมีปมและปัญหา จนถึงกับต้องมาหาที่พึ่งพิงทางจิตใจกันมากขนาดนี้


    ก็ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดไว้ในตอนแรก จิณณ์วกกลับมามองคนข้างกายตัวเองที่ตั้งแต่เดินเข้ามาถึงแผนก อิสระก้มหน้าตลอด


"อิสเป็นอะไรหรือเปล่า?"


    อิสระส่ายหน้า แต่ลึกๆนั่นเพราะความอายและกลัวว่าตนเองจะเป็นบุคคลน่ารังเกียจในสายตาคนอื่น


     จิณณ์ไม่ถามต่อ แค่พาอิสระไปยื่นประวัติ วัดความดันและชั่งน้ำหนัก รอไม่นาน พยาบาลก็เรียกไปซักถามประวัติเบื้องต้น เมื่อจัดการเรียบร้อย ทั้งสองยืนรอเรียกตามคิวเพื่อพบจิตแพทย์


    ลอบมองเด็กหนุ่มที่ประหม่าจนไม่เป็นตัวของตัวเอง จิณณ์จับมือเติมกำลังใจและโน้มหน้ากระซิบ


"อย่ากังวลนะครับ แค่เล่าให้หมอฟังกับสิ่งที่อิสเจอมา และไม่ต้องกลัว พี่จะไม่ไปไหน จะรออิสอยู่ตรงนี้"

"ผม...อยากกลับบ้าน พี่จิณณ์ ผมไม่อยากอยู่แล้ว ผมอายครับ" ยิ่งอยู่ในะระยะประชิด ก็เห็นเม็ดเหงื่อผุดซึมทั่วใบหน้าเด็กหนุ่มชัดเต็มสองตา มิหนำซ้ำ มือที่จิณณ์กุมไว้มั่นก็ชื้นเหงื่อ จนสังเกตได้


"ไม่ต้องอายนะอิส ดูคนรอบตัวอิสสิ ไม่มีใครสนใจอิสหรอก เพราะทุกคนก็มีปัญหาเหมือนกัน สิ่งที่พวกเขาสนใจคือ เขาแค่ต้องการใครสักคนรับฟังเรื่องราวของเขามากกว่า"


"แล้วคนที่รับฟังเรื่องราวของผม เป็นพี่จิณณ์ไม่ได้หรอครับ?"



    อึ้งไปครู่ใหญ่กับคำตัดพ้อ จิณณ์ตัดสินใจลากอิสระไปปรับความเข้าใจกันที่ห้องน้ำด้านนอก


    จิณณ์จับไหล่สองข้างเด็กหนุ่ม จ้องมองเข้าไปยังนัยน์ตาคนที่ดูออกว่าน้อยใจ


"อิสครับ ไม่ใช่ว่าพี่ไม่อยากฟังเรื่องของอิสนะ พี่รับฟังได้ทุกเรื่อง แต่พี่แค่ไม่มั่นใจว่าจะเป็นผู้ฟังที่ดีพอหรือเปล่า พี่เลยอยากให้อิสลองคุยกับคนที่เชี่ยวชาญก่อน ถ้าหมอมีคำแนะนำอะไร อิสค่อยมาบอกพี่ แล้วพี่จะช่วยดูแลอิสหลังจากนั้นเอง โอเคไหม? พี่ขอแค่ครั้งนี้ครั้งเดียวนะ"


    ขบริมฝีปากเข้าหากันแน่นและหลบตา ก่อนจะพยักหน้าอย่างจำนน


"น่ารักจัง"



    หลังจากเปิดใจคุยกัน ทั้งสองเดินกลับมาที่เดิม

   
"อิสเล่าปัญหาให้หมอฟังทุกอย่างนะ หมอจะได้แก้ปัญหาให้ถูกจุด ตัวอิสจะได้ดีขึ้นด้วย"



"ทำไมพี่จิณณ์ดีกับผมจังครับ"
อิสระถาม จิณณ์นิ่ง ส่งยิ้ม แต่ยังไม่ทันตอบ พยาบาลขานชื่ออิสระพอดี


    สามสิบนาทีผ่านไปที่จิณณ์นั่งรออิสระเข้าไปคุยกับจิตแพทย์ในห้องอย่างใจเย็น สักพักใหญ่ๆ อิสระเดินออกมาจากห้องของจิตแพทย์ด้วยตาบ่วมตุ่ย


   จิณณ์ลุกพรวด


"อิสเป็นอะไร?"

"เปล่าครับ พี่จิณณ์"
ตาบวม แดง แต่ยิ้มได้ก็แสดงว่าคงไม่มีอะไรจริงๆ จากนั้น อิสระเดินเรื่องตามขั้นตอน รับยาเรียบร้อย ทั้งสองออกเดินทางจากโรงพยาบาลเพื่อกินข้าว


    ขึ้นรถมาไม่ทันไร อิสระเล่าทุกอย่างตั้งแต่ต้นจนจบ จิณณ์ลอบมองเป็นระยะๆ ก็เห็นใบหน้าเด็กหนุ่มดูโล่งใจ และเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ดวงตาที่เคยเคลือบความกลัว ความผวาไว้ ค่อยดูสดใสมากขึ้น


"เดือนหน้า ผมต้องมาหาหมอตามนัด พี่จิณณ์มากับผมนะครับ"
อิสระยื่นมือมาเกาะแขนเหมือนอ้อน จิณณ์กดสายตามองที่มือเด็กหนุ่ม ก่อนจะวกสายตากลับไปมองถนนข้างหน้า


"ได้สิ"

"ขอบคุณครับ พี่จิณณ์"
พูดจบ อิสระเอาหน้ามาถูไถ คลอเคลียแขนจิณณ์เหมือนลูกแมวขี้อ้อน แม้อิสระจะผละออกไปนานแล้ว แต่สิ่งที่ยังคงเหลือไว้กับตัวจิณณ์ คือ อาการใจสั่นและเต้นแรงไม่หาย

 
     บึ่งรถมาถึงห้างสรรพสินค้าได้ ก็รีบเข้าร้านอาหาร เพื่อหาของกินประทังความหิว แม้จิณณ์จะคุยกับอิสระตามปกติ แต่ในใจยังคงนึกถึงการกระทำก่อนหน้า เพราะอิสระไม่เคยทำตัวออดอ้อน น่ารักแบบนั้น


    กินไปคุยไป จนจัดการอาหารกันเสร็จ จิณณ์ตั้งใจพาอิสระเดินช็อปปิ้งซื้อของเพื่อเป็นรางวัลของคนที่เชื่อฟังคำขอ แต่ก่อนจะเดินเล่น จิณณ์แวะร้านกาแฟสุดหรูเติมพลังสักหน่อย


     สั่งเมนูเครื่องดื่มที่หน้าเคาน์เตอร์เสร็จ จิณณ์และอิสระกำลังเดินหาที่นั่ง แต่วินาทีนั้น มีคนพุ่งมากอดคออิสระจากด้านหลัง จนจิณณ์ที่เดินข้างๆยังตกใจหันขวับไปมอง

     
"มัตถ์" อิสระร้องอุทาน

   
"มัตถ์โคตรคิดถึงอิสเลย"
 


    น้ำตารื้นด้วยความตื้นตันใจเพราะไม่คิดว่าจะได้เจอมัตถ์อีกครั้งหลังจากที่ไม่ได้เจอกันนานกว่าสี่ปี


"อิสคิดถึงมัตถ์เหมือนกัน"


    อิสระรีบหันไปแนะนำมัตต์ให้พี่จิณณ์ได้รู้จักชื่อเสียงเรียงนามกันก่อน เสร็จแล้วอิสระส่งสายตาอ้อนว้อนคนพี่


"พี่จิณณ์ ให้มัตถ์นั่งด้วยคนนะครับ"


    จิณณ์มองหน้าคนมาใหม่


"ได้สิ"


   ตลอดเวลาที่มีมัตถ์มานั่งร่วมวง อิสระดูยิ้มแย้มเป็นพิเศษ แววตาเต็มไปด้วยความสุขและตื่นเต้น จนจิณณ์รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นส่วนเกิน


    จิณณ์มองทั้งสองที่คุยเรื่องย้อนวัย ดูๆแล้วคงสนิทสนมกันพอสมควร พอมีจังหวะได้แทรก จิณณ์ก็ไม่รีรอ


"แล้วนี่เป็นเพื่อนกันตั้งแต่สมัยไหน?"

"ผมไม่ใช่เพื่อนอิสครับ ผมเป็นแฟนอิส"


   จิณณ์ชะงักงัน ก่อนจะถามย้ำกับอิสระเพื่อความแน่ใจ


"อิสเป็นแฟนกับมัตถ์มาก่อนหรือ?"

"ครับพี่จิณณ์ คนนี้แหละครับที่ผมเคยเล่าให้ฟัง"


     ทำไมจิณณ์ต้องเจ็บหัวใจขึ้นมาด้วยล่ะ?


     แล้วทำไมอยู่ดีๆ ก็เกิดไม่อยากจะนั่งตรงนี้ขึ้นมาเสียอย่างนั้น



"พี่จิณณ์ครับ ถ้าวันนี้ ผมขอไปนอนบ้านมัตถ์ได้ไหมครับ?"


"ไม่ได้!"
จิณณ์ตะคอกอิสระ จนเด็กหนุ่มทั้งสองสะดุ้ง



    ทำไม จิณณ์ต้องหงุดหงิดและอารมณ์เสียใส่ ในเมื่อเขาไม่ได้เป็นอะไรกับอิสระสักหน่อย

     และถ้าอิสระมีคนดูแลคนใหม่ มันก็ดีต่อตัวจิณณ์ที่ไม่ต้องลำบากอีกแล้วไม่ใช่หรือ?


"เอ่อ...พี่ขอโทษครับ อิสไปเถอะ"

"ขอบคุณนะครับ อิสไปนอนบ้านมัตถ์นะ"
ตอบขอบคุณพี่จิณณ์ อิสระหันไปบอกแฟนของตัวเองที่ไม่ได้เจอมาแสนนาน





 
****1.1****


สวัสดีปีใหม่ 2561
นะคะ
ขอให้มีแต่เรื่องที่ชวนยิ้ม ชวนแฮปปี้ตลอดปีเลย
.
.
ขอบคุณจ้าาาาาาา
หัวข้อ: Re: +..▪..+"แสง.สุด.ท้าย"+..▪..+||ตอนที่ 9 || อัพ 4-1-18> P.3
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 04-01-2018 22:21:27
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: +..▪..+"แสง.สุด.ท้าย"+..▪..+||ตอนที่ 9 || อัพ 4-1-18> P.3
เริ่มหัวข้อโดย: FeaRes ที่ 04-01-2018 23:01:59
อ้าว แฟนน้องอิสเหรอ?!!!
แล้วจะยังไงละนี่....
หัวข้อ: Re: +..▪..+"แสง.สุด.ท้าย"+..▪..+||ตอนที่ 9.2 || อัพ 13-1-18> P.3
เริ่มหัวข้อโดย: rinyriny ที่ 13-01-2018 20:25:30
บทที่ 9 แฟน(2)





     จิณณ์นั่งมองอิสระที่ดูมีความสุขทั้งแววตาและรอยยิ้ม จนอดคิดไม่ได้ว่าทำไมตอนอยู่กับเขา ถึงดูไม่มีความสุขเท่านี้...


     ในขณะที่มัวแต่มองอิสระ จึงไม่สังเกตว่ามีบางคนจ้องมองการกระทำจิณณ์อยู่เช่นกัน มัตถ์เห็นพี่จิณณ์จ้องมองไม่วางตา ไม่ว่าจะคุยหรือทำอะไรก็ตาม ดูเหมือนว่าจะอยู่ในสายตาของคนๆนี้ตลอด มัตถ์รู้สึกเกร็ง จึงกระซิบกระซาบกับอิสระ สักพักทั้งสองจึงขอปลีกตัว


      ขณะที่อิสระเดินนำหน้าไปกับมัตถ์ จิณณ์กระตุกแขนอิสระให้หันมาสนใจคนที่เดินตามหลังต้อยๆ


"อิสจะไปนอนบ้านมัตถ์ ไม่กลับไปเอาเสื้อผ้าที่ห้องก่อนเหรอ?"

"คงไม่ครับ เดี๋ยวผมใช้เสื้อผ้าของมัตถ์ก็ได้ครับ"


    ชะงักก่อนตอบ


"ตามใจแล้วกัน"

"ถ้างั้น ผมไปก่อนนะครับ พี่จิณณ์"

 
    พยักหน้าและส่งยิ้มบางเบาให้เด็กหนุ่ม ก่อนจะหยุดเดิน แล้วปล่อยให้เด็กทั้งสองแยกย้ายไปตามทาง




 

     เหมือนได้กลับไปใช้ชีวิตตามใจชอบอีกครั้ง อาจเป็นเพราะมัตถ์ คือ คนคุ้นเคย ที่อิสระไว้ใจ  ทุกอย่างที่อิสระแสดงออกมาจึงดูผ่อนคลายมากขึ้น มัตถ์พาอิสระเดินเล่นทั่วห้างสรรพสินค้า ได้ดูหนัง เล่นเกมส์ตู้ กินข้าวเย็นด้วยกันจนอิ่มหนำ จบกิจกรรมสร้างความสุข ทั้งสองก็พาตัวเองมาถึงคอนโดของมัตถ์ที่อิสระก็เพิ่งรู้เดี๋ยวนี้ว่า มัตถ์ไม่ได้พักอาศัยที่บ้านกับพ่อแม่แล้ว


     งับประตูห้องไม่ทันไร มัตถ์ดันร่างอิสระติดผนัง รั้งต้นคอตะโบมจูบหนักหน่วงราวกับกระหายสัมผัสของกันและกันเป็นอย่างมาก


    เนิ่นนานพอสมควร กว่าทั้งสองจะผละออก มือหนาถลกเสื้ออิสระขึ้น มัตถ์ย่อตัว หวังจะใช้ลิ้นโลมเลียลานนม แต่มัตถ์เบิกตาโตเมื่อเห็นผิวกายที่เคยนวลเนียนละเอียด เต็มไปด้วยแผลเป็นหลายแห่ง

   
     มัตถ์หยุด กลับมายืนตัวตรงและดึงเสื้ออิสระลงมาดังเดิม


"เกิดอะไรขึ้นน่ะอิส"

"มัตถ์อย่ารู้เลย"



      ตอบอย่างไม่กล้าสบตา แม้จะเจอคนคุ้นเคยที่มีอะไรก็บอกกันทุกเรื่อง แต่อิสระก็ไม่กล้าบอกความจริงอยู่ดี

      มัตถ์เห็นอิสระทำหน้ายุ่งยากใจ เขาเป็นห่วงจึงดึงอิสระมากอด


"มัตถ์ไม่รู้ก็ได้ แต่อิสรู้ไหม? ว่าตอนที่อิสหายไปไม่ร่ำลากันสักคำ มัตถ์ทรมานมากนะ มัตถ์ตามไปหาอิสที่บ้าน พ่ออิสก็บอกว่าอิสตายแล้ว ตอนนั้นมัตถ์ไม่เข้าใจนะทั้งๆที่บอกว่าอิสตาย แต่บ้านอิสไม่ยอมให้เพื่อนสักคนไปงานศพเลย ตลอดเวลาที่ผ่านมา มัตถ์ร้องไห้จะเป็นจะตายอิสรู้ไหมว่ามัตถ์รักอิสขนาดไหน พอวันนี้ที่มัตถ์เห็นอิสไกลๆ มัตถ์วิ่งไปหาเพราะดีใจนะ"


"ขอบคุณนะ" อิสระดีใจที่ยังมีคนรักเขาอยู่ตรงนี้ อิสระกอดกลับ


"แล้วทำไมที่บ้านถึงต้องโกหกว่าอิสตายด้วยล่ะ"


      อิสระชะงัก


"เรื่องมันยาวน่ะ อิสขี้เกียจเล่า เอาเป็นว่ามัตถ์เป็นไงบ้างสี่ปีที่ผ่านมา"


     มัตถ์จูงมืออิสระมานั่งที่โซฟา และเริ่มเล่าอย่างตั้งอก ตั้งใจกับเรื่องราวที่ผ่านมา ทั้งเรื่องการเข้าเรียนมหาวิทยาลัย ได้เจอเพื่อนใหม่ ได้ทำอะไรที่ไม่เคยทำมาก่อน ได้เที่ยวทะเล ภูเขา น้ำตกมากมาย


     ในช่วงระยะเวลาเดียวกัน ชีวิตของมัตถ์ ช่างดูมีความสุข สนุกสนาน ผิดกับอิสระ ที่ต้องจมอยู่กับความมืดมิด น่ากลัวของชีวิตจนเป็นจุดดำฝังใจ


     อิสระนั่งฟังเรื่องเล่ามากมายที่มัตถ์ไม่ได้พูดอย่างเดียว เขายังทำท่าประกอบจนอิสระหัวเราะ ท้องคัด ท้องแข็ง


    ดูเหมือนว่าการไม่ได้เจอกันนาน ทำให้มัตถ์มีเรื่องมากมายที่เล่าได้ไม่รู้เบื่อ แต่เพราะอิสระรู้สึกเพลีย เขาหอมแก้มมัตถ์และพูดทิ้งท้าย


"อิสมีความสุขจัง อิสขอมาอยู่กับมัตถ์ได้ไหม?"


     มัตถ์อึกอัก ทำหน้าหนักใจ จนอิสระจับสังเกตได้จึงตอบแทน


"ถ้าไม่สบายใจอิสไม่อยู่ก็ได้นะ อิสขอโทษ"


"มะ...ไม่เป็นไรอิสมาอยู่ก็ได้ ว่าแต่ตอนนี้ อิสพักกับพี่จิณณ์อยู่ใช่ไหม?"


"ใช่"


"พูดตรงๆนะ มัตถ์หึงเวลาที่พี่จิณณ์ใช้สายตามองอิสน่ะ มันเหมือนนั่งมองคนรักยังไงก็ไม่รู้"


    อิสระใจเต้นแรงกับประโยคที่มัตถ์สันนิษฐาน


"ไม่หรอก พี่จิณณ์เป็นคนดีที่อยากช่วยเหลือคนอื่นเท่านั้นเอง มัตถ์เชื่อเถอะว่าไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น"

"ชมผู้ชายคนอื่นออกนอกหน้าแบบนี้ อิสคิดว่ามัตถ์จะหึงไหม?"

"ฮ่าๆๆ มัตถ์หึงอิสด้วยหรอ"

"ก็ใช่น่ะสิ หึงมากด้วย"


    ว่าจบก็แกล้งอิสระด้วยการพรมจูบทั่วใบหน้า และจักจี้ จนอิสระดิ้นพล่าน


"เลิกเล่นได้แล้ว มัตถ์ อิสเพลีย ขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะ"


     ยอมหยุดตามคำขอ และปล่อยให้อิสระลุกไปอาบน้ำด้วยสีหน้าลำบากใจ








...............



   
      ผ่านไปแล้วสามวัน อิสระมีความสุขมากที่ได้อยู่กับมัตถ์ ตัวตนของอิสระกำลังจะกลับมา เขาเริ่มเหมือนคนเดิมก่อนหน้า ไม่ค่อยกลัวสังคมและกังวลเท่าไหร่ อาจเป็นเพราะในขณะเดียวกัน อิสระกินยาที่จิตแพทย์ให้มาควบคู่ไปด้วย


     สามวันมานี้ มัตถ์พาอิสระไปเที่ยว จนอิสระลืมความเครียดเป็นปลิดทิ้ง อันที่จริงวันนี้ อิสระยังอยากอยู่กับมัตถ์ต่อ ถ้าไม่ติดว่ามัตถ์มีธุระด่วนจึงมาส่งอิสระที่คอนโดของพี่จิณณ์ก่อน


     เดินเข้าห้องมาอย่างอารมณ์ดี แต่เมื่อประตูปิดลง หันหลังกลับมามองสภาพห้องที่สกปรกจนอิสระสีหน้าเปลี่ยนทันที

 
     ทุกก้าวที่อิสระเดินผ่านเต็มไปด้วย กระป๋องเบียร์ กับแกล้มที่หกกระจัดกระจายเต็มพื้น สองเท้าหยุดตรงโซฟา เห็นพี่จิณณ์นอนหมดสภาพ เสื้อเชิ้ตที่หลุดลุ่ยออกจากขอบกางเกงแสล๊คก็นึกแปลกใจ


     เด็กหนุ่มย่อตัวลงข้างโซฟาและปลุกพี่จิณณ์


"พี่จิณณ์ครับ ผมกลับมาแล้วครับ"


    จิณณ์ลืมตา เมื่อปรับสายตาจนชัดเจนและเห็นว่าคนตรงหน้าเป็นใคร เขาดึงร่างอิสระมากอดทันที


"พี่คิดถึงอิส"


    อิสระอึ้งไปนิด คนที่บอกด้วยเสียงหนักแน่น แววตาโหยหาจนอิสระใจสั่น ไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเอง


"เกิดอะไรขึ้นครับพี่จิณณ์ ทำไมห้องรกแบบนี้?"


   ได้กอดเด็กหนุ่มสมใจแล้วก็ผละออก ส่ายหน้าน้อยๆ แต่แล้วก็หยุดชะงักเมื่อสายตาเหลือบเห็นรอยสีแดงกุหลาบที่ปรากฎบนต้นคอเด็กหนุ่มเขาเผลอใช้แรงบีบต้นแขนอิสระแรงราวกับต้องการให้แหลกคามือ


"พี่จิณณ์ ผมเจ็บนะ"

 
     เสียงเด็กหนุ่ม เรียกสติให้สบตาอิสระ ผ่อนแรงมือและถามเสียงแข็ง


"อิสกับมัตถ์ไปทำอะไรกันมา"
     
"ทะ...ทำไมพี่จิณณ์ถามแบบนั้นล่ะครับ"

 
      จิณณ์ไม่คิดว่าการหายไปไม่กี่วัน จะทำให้ทั้งสองสร้างสัมพันธ์ใหม่ได้รวดเร็วขนาดนี้ จิณณ์ประเมินอิสระต่ำไป


"ตอบสิ"

"ผม..."
อิสระพูดไม่ออก


    มองคนหลุบตาลง อ้ำอึ้ง


"อิสห้ามไปหาผู้ชายคนนั้นอีก"


    สบตาคนที่เพิ่งยื่นคำขาดด้วยความไม่เข้าใจ


"แต่มัตถ์เป็นคนเดียวที่เหลืออยู่และผมไว้ใจเขา อีกอย่างมัตถ์เป็นแฟนผม ทำไมผมจะไปหาไม่ได้"

"คนที่ไม่ได้เจอหน้ากันสี่ปี อิสยังคิดว่า เขาจะรอ? ไม่ใช่ว่ามีแฟนไหม่ไปแล้วหรือไง?"

"พี่จิณณ์อย่าว่ามัตถ์อย่างนั้นนะครับ"


    อิสระรู้ตัวว่าโกรธพี่จิณณ์และเริ่มโมโห เขายังไม่อยากเถียงกันในขณะที่ต่างฝ่ายต่างอารมณ์ร้อนใส่กัน อิสระจึงตัดบท


 "ผมขอตัวไปทำความสะอาดห้องก่อนแล้วกันครับ"




    อิสระลุกขึ้นยืน หมุนตัวไปหยิบไม้กวาด ที่โกยผง เพื่อมาเก็บกวาดขยะ


    ทันใดนั้น...


"ถ้าอิสมั่นใจว่าเขายังรักอิสอยู่ ก็ไปเถอะ..ดีเหมือนกัน อิสจะได้ไม่ต้องมาเป็นภาระพี่อีก"


    กลบความเสียใจด้วยการใช้คำพูดแรงไม่รู้ตัว จนลืมไปว่า "ภาระ" มันเป็นคำหนึ่งคำที่อิสระเคยเป็นปมฝังใจ

    และดูเหมือนว่า คำนี้ เปรียบเสมือนคมมีดที่ไปสะกิดแผลเก่าให้กลับมาเจ็บจี๊ดๆอีกครั้ง


    หน้าชา ตาร้อนผ่าว ใจโหวงๆ...อิสระหมุนตัวกลับไปสบตาพี่จิณณ์ กลั้นใจบอก


"ได้ครับและเงินที่พี่จิณณ์เคยให้ผมทั้งหมด ผมจะรีบหามาคืนนะครับ พี่จิณณ์จะได้ไม่ต้องมาว่าผมเป็นภาระอีก"


     ห้องเงียบเชียบจนบรรยากาศน่ากลัวกว่าที่คิด อิสระเป็นฝ่ายละสายตาก่อน หันหลังพร้อมยกมือปาดน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม


    แยกย้ายกันอยู่มุมใครมุมมัน สักพักใหญ่ๆ เสียงจากบานประตูหน้าห้องก็ดังขึ้น จิณณ์เดินไปเปิดประตูก็พบเพื่อนสนิทของเขา



"เบื่อว่ะมึง กินเบียร์กัน"


   เพียงเห็นหน้าเพื่อนมาเปิดประตูก็พุ่งประโยคด้วยความต้องการของตนเอง โดยไม่สนเลยว่าเพื่อนหน้าอมทุกข์แค่ไหน


"เอาสิ"

"มึงเป็นอะไรวะ"
ฮูมถาม เมื่อเพิ่งสังเกตเห็นหน้าเพื่อนไม่ค่อยโอเคสักเท่าไหร่


    จิณณ์ไม่ตอบในสิ่งที่เพื่อนถาม แต่ทว่า


"ขออาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าแปปนึง"


      หลังจากที่จิณณ์เดินเข้าไปห้องนอนอยู่ราวชั่วโมง เขาเดินออกมาพร้อมเสื้อเชิ้ตสีขาวกางเกงยีนส์สีซีดสุดเท่ เพิ่มเสน่ห์ด้วยกลิ่นน้ำหอม กลิ่นใหม่ที่เอาไว้ใช้เพื่อออกล่าเหยื่อ...


"เสร็จแล้ว" บอกเพื่อนเสร็จ ฮูมลุก แต่กลับดึงแขนอิสระมาด้วย


    จิณณ์ขมวดคิ้วมองหน้าเพื่อน


"กูเห็นน้องเค้าทำหน้าเบื่อ คงอารมณ์เดียวกัน ไปกันเยอะๆ ก็สนุกดี"


    จิณณ์ไม่ตอบ แค่เดินนำไปที่ประตูก่อน และจากนั้น ทุกคนก็เดินทางไปยังบาร์ที่อยู่ใจกลางกรุงตามที่ฮูมเสนอมา


    จนกระทั่ง ถึงร้านเรียบ เท่ด้วยการตกแต่งสีดำทั้งร้าน เพิ่มความหรูด้วยวัสดุหินอ่อนที่เป็นส่วนเสริมในการตกแต่ง ตั้งแต่เดินเข้ามาจะเห็นว่าลูกค้าร้านนี้มีทั้งคนไทยและคนฝรั่ง ซึ่งเป็นวัยทำงานเป็นส่วนมาก


     ฮูมเลือกนั่งหน้าบาร์  นั่งปุ๊ป พนักงานก็ยื่นรายการเครื่องดื่มมา จิณณ์และฮูมประเดิมแก้วแรกด้วยเบียร์สัญชาติเบลเยี่ยม ส่วนอิสระเลือกที่จะสั่งน้ำผลไม้


    พูดยังไม่ทันจบ ฮูมบอกแคนเซิลกับพนักงานและสั่งเบียร์ยี่ห้อเดียวกันที่ฮูมสั่งก่อนหน้าให้เด็กหนุ่มแทน

    เมื่อพนักงานเดินหันหลังลับตาไป

   ฮูมบีบไหล่อิสระและยิ้มเยาะ


"มาร้านแบบนี้ ต้องกินเบียร์เข้าใจไหมน้อง"

"แต่ผมไม่ได้ดื่มนานแล้วนะครับ ผม..กลัวว่า..."

"กลัวอะไร มีไอ้จิณณ์ทั้งคน"


    ฮูมว่าจบ ชะโงกหน้ามองเพื่อนที่ไม่มองมาทางฮูมแต่กลับจ้องเด็กหนุ่ม จนฮูมเดาสถานการณ์ตอนนี้ได้ไม่ยากเลยว่าเกิดอะไรขึ้น


    จนกระทั่ง เบียร์สามแก้วมาเสิร์ฟ คนอายุมากกว่า ยกดื่มขึ้นไม่รีรอ เหลืออิสระที่นั่งตรงกลางหันซ้ายแลขวา ก่อนจะก้มมองแก้วตัวเองและยกขึ้นดื่มบ้าง


    รสชาติเข้ม ขมปร่า อิสระหน้าแหยจนฮูมหัวเราะ ดันแก้วตัวเองไปชนกับแก้วของอิสระดังแก๊ง


"ครึ่งแก้ว น้อง"

"ไม่ไหวหรอกครับ"

"ดูพี่"
ฮูมว่าจบ ยกดื่มอึกๆจนระดับน้ำสีเหลืองทองลดเหลือครึ่งแก้วจริงๆ


     เพราะมีปัญหากัน อิสระเลยไม่กล้าขอความช่วยเหลือจากพี่จิณณ์ให้ช่วยห้ามเพื่อนตัวเอง อิสระเริ่มไม่สนุก เขานั่งนิ่งอยู่นาน ก่อนตัดสินใจยกแก้วขึ้นดื่ม ทันใดนั้น ฮูมดันก้นแก้วเบียร์ให้สูงขึ้น อิสระเกือบสำลัก รีบดันแก้วเบียร์ออก จนเบียร์หกเลอะเทอะ ไหลลงคอเป็นทางยาว


    แค่กๆ...


    ตอนนี้ อิสระน้อยใจที่พี่จิณณ์ไม่คิดห้ามเพื่อนหรือช่วยอิสระสักนิดเลย

 
    อิสระต้องเข้าห้องน้ำไปทำความสะอาดเสื้อตัวเองที่เบียร์หกรดเสียก่อน


"ห้องน้ำไปทางไหนครับ?"


    ฮูมชี้นิ้วพร้อมอธิบายทาง


    จัดการธุระตัวเองเสร็จ อิสระเดินกลับโต๊ะโดยต้องผ่านคนกลุ่มใหญ่กว่าสิบคนที่เฮฮาอย่างสนุกสนาน และเสียงหัวเราะดังลั่น


 หมับ!


    อิสระเหวอ ใจตกไปที่ตาตุ่ม เมื่อมีคนกระชากอิสระจนเซไปนั่งตัก จากนั้นก็มีเสียงร้องฮิ้ว แต่มีเสียงคนหนึ่งที่ค้านขัดขึ้น


"เหี้ย! ปล่อยเลย เขาเป็นลูกค้าโต๊ะอื่น เมาแล้วเรื้อนนะมึง!"


 
   มองผู้ชายหน้าตี๋ที่ใบหน้าแดงจัด ปรี่เข้ามาตักเตือนเพื่อน และพยายามช่วยดึงอิสระให้ออกจากเพื่อนที่เมานั่งเอาหน้าซบหลังและกอดเอวอิสระอยู่


    คนต้นเหตุโวยวายไม่ยอมปล่อย จนผู้ชายหน้าตี๋ช่วยแงะ แกะมือ ทั้งยังเรียกเพื่อนคนอื่นๆมาช่วย ไม่นาน อิสระก็ออกจากการกอบกุมของคนเมาได้สำเร็จ



"ขอโทษแทนเพื่อนด้วยนะครับ"


   ส่งยิ้มหวาน ดวงตาหยาดเยิ้ม อิสระยิ้มกลับเป็นมารยาท ทั้งๆที่ในใจยังคงเต้นแรงไม่หายกับเหตุการณ์ที่โดนคนเมาลวนลาม

"ไม่เป็นไรครับ ขอตัวก่อนนะครับ"


    อิสระรีบเดินให้พ้นทาง แต่เหมือนจะไม่พ้นอยู่ดี เพราะหนุ่มหน้าตี๋เดินตามมาข้างๆ


"ผมไปส่ง"


     อิสระไม่อยากต่อความทำได้แค่รีบเดินดุ่มๆ พอถึงหน้าบาร์ก็เห็นพี่ฮูมคุยกับพี่จิณณ์อย่างออกรสชาติ ยิ่งเพิ่มความขุ่นเคืองในใจที่พี่จิณณ์ไม่เป็นห่วง เป็นใยเหมือนทุกที


     ถึงที่แล้ว อิสระขอบคุณคนแปลกหน้า ทำให้จิณณ์และฮูมที่นั่งอยู่หันมาตามเสียง


      และวินาทีนี้ คนที่ดูหน้าเปลี่ยนที่สุด เห็นจะเป็น...


"ใคร?"



    จิณณ์ถาม เมื่อผู้ชายที่เดินมาส่งหันหลังเดินกลับไปแล้ว






......................................

สับสนอลหม่านนนน...^3^
.
.
ขอบคุณจ้าาาาาาา

หัวข้อ: Re: +..▪..+"แสง.สุด.ท้าย"+..▪..+||ตอนที่ 9.2 || อัพ 13-1-18> P.3
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 13-01-2018 23:17:29
 :เฮ้อ:


 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: +..▪..+"แสง.สุด.ท้าย"+..▪..+||ตอนที่ 9.2 || อัพ 13-1-18> P.3
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 14-01-2018 13:00:38
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: +..▪..+"แสง.สุด.ท้าย"+..▪..+||ตอนที่ 10 || อัพ 19-1-18> P.3
เริ่มหัวข้อโดย: rinyriny ที่ 19-01-2018 19:28:13
บทที่ 10 รู้ตัวช้า









"ผมก็ไม่รู้ครับ"

"พี่ถามอิสดีๆนะ"

"ก็ผมไม่รู้จริงๆนี่ครับพี่จิณณ์ ผมไม่ได้ถามชื่อ เขาเป็นลูกค้าที่นั่งด้านในร้านครับ"


    จิณณ์ถามอีก


"แล้วไปรู้จักได้ยังไง"

"เดี๋ยวๆ...ไอจิณณ์ มันใช่เวลาไหมวะ?...นี่มันเวลารีแลกซ์เว้ย ไม่ใช่มานั่งซักถามหน้าเครียดแบบนี้ เอ้าดื่มๆ..."



     ฮูมเบรกความตึงเครียดก่อนที่ทั้งสองจะทะเลาะกันบานปลาย และจากตอนแรกที่อิสระนั่งกลาง กลายเป็นจิณณ์ยึดที่นั่งตัวกลางและให้เด็กหนุ่มนั่งริมขวา นั่นจึงยิ่งทำให้อิสระเหมือนเป็นส่วนเกิน เพราะจิณณ์หันไปคุยกับฮูม โดยเบี่ยงตัวหันหลังให้

     ได้แต่นั่งมองแผ่นหลังคนตัวโตที่ไม่สนใจกัน ยิ่งทำให้รู้สึกว้าเหว่ โดดเดี่ยว

     สองมือกำแก้วเบียร์แน่น พลางครุ่นคิดถึงปัญหาที่ดูจะหนักกว่าเดิม เมื่อเรื่องราวที่ทะเลาะกันที่ห้องผสมกับเรื่องเมื่อสักครู่ด้วยแล้ว มันแย่จนอิสระไม่อยากนั่งตรงนี้


     อิสระไม่น่ามาตามคำชวนของพี่ฮูมเลย...


     พอไม่มีคนคุย อิสระก็กระดกเบียร์แก้วเดิมดื่มราวกับเป็นเพื่อนคู่ใจ ในหัวก็นึกแต่เรื่องพี่จิณณ์คนนี้ คนเดียว

   

     นั่งคิดไม่ตกอยู่คนเดียว จู่ๆ...


"ขอชนแก้วหน่อยสิ"

 
      เอี้ยวตัวมองผู้ชายหน้าตี๋ที่มายืนสะกิดไหล่อีกฝั่ง ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งข้างอิสระ ส่งยิ้มหวานเยิ้ม


    อิสระส่งยิ้มกลับไปเช่นกัน และยกแก้วดื่มตามคำชวน ตั้งใจจะซดให้หมดแก้วด้วยความน้อยใจที่พี่จิณณ์เมินเฉยใส่


     ดื่มเสร็จยกหลังมือเช็ดปาก และถาม


"ผมยังไม่รู้จักชื่อคุณเลยครับ"


"ชื่อ "ทอย" ครับ"


"ผมชื่ออิสนะครับ"

"ดูเราน่าจะเด็กกว่า อายุเท่าไหร่เหรอ?"


"ยี่สิบสามครับ"


"เด็กกว่าจริงด้วย"


    ทั้งสองแนะนำตัวกันเสร็จ อิสระเหลียวมองพี่จิณณ์และพี่ฮูมก็ยังคุยกันราวกับว่าไม่มีอิสระนั่งอยู่ตรงนี้ ดังนั้น มันก็ไม่มีความจำเป็นที่อิสระต้องแนะนำตัวพี่ทอยให้พี่ฮูมและพี่จิณณ์ได้รู้จัก


    เมื่อไม่สนใจ ทำไมต้องแคร์?


     ช่วงเวลาสั้นๆแค่สิบห้านาทีที่ทอยและอิสระได้คุยกันนั้น ทว่า กลับสนิทสนมราวกับเป็นเพื่อนสนิทมาแต่ชาติปางก่อน ทอยหยอกล้อ คุยเล่นจนอิสระหายเบื่อเพราะมีเพื่อนคุย แต่ต้องพักเบรกซะก่อน เมื่ออิสระขอตัวเข้าห้องน้ำ ทอยเลยเดินไปเป็นเพื่อน


      เพียงสองคนนั้น เดินพ้นที่นั่ง ทันใดนั้น...


"เดี๋ยวมา"
จิณณ์บอกเพื่อน ก่อนจะทิ้งระยะและลุกตามไป

   
     ดูเหมือนไม่สนใจ แต่ตลอดเวลาที่ผู้ชายคนนี้เดินเข้ามา จิณณ์แอบฟังตลอด



     ถัดมายังในห้องน้ำ จัดการธุระเสร็จ อิสระออกมาจากห้องน้ำพร้อมพี่ทอย โดยที่ยังมีเรื่องคุยติดพันถึงหนังที่ทั้งสองชอบแนวเดียวกัน


     คุยกันอย่างออกรส แต่ต้องชะงักเมื่อเห็นพี่จิณณ์ยืนรอด้วยรอยยิ้มน่ากลัวตรงเยื้องทางเข้าห้องน้ำ


"พี่จิณณ์มาเข้าห้องน้ำหรอครับ"
อิสระถามตามมารยาทที่บังเอิญมาประจันหน้ากัน



    ยืนมองใบหน้าคมคายที่แดงจัด แววตาฉายชัดถึงความไม่พอใจ แต่อิสระไม่รู้หรอกว่าทำไมพี่จิณณ์ต้องแสดงออกเช่นนั้น เมื่อพี่จิณณ์ยังยืนเงียบไม่ตอบ เด็กหนุ่มก็ไม่สนใจจะรอฟัง เดินผ่านพี่จิณณ์ไปพร้อมพี่ทอย แต่...


หมับ!
 

"พี่มารับอิส"

     
    เพราะแรงมือบีบหนักเข้าที่ต้นแขน ทำให้อิสระนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ เผลอสบตาคนตรงหน้าที่ดูออกว่าโกรธจัด


     อิสระไม่คิดว่าการทะเลาะกันก่อนหน้าจะทำให้พี่จิณณ์อารมณ์เสียถึงตอนนี้ อิสระไม่พูดอะไร ยืนจ้องคนทำหน้าถมึงทึง แววตาเกรี้ยวกราดจนอิสระหันไปบอกพี่ทอย


"พี่ทอยกลับโต๊ะพี่ก่อนก็ได้ครับ"
ไม่อยากให้คนใหม่รับรู้ว่า ตอนนี้ เขาและพี่จิณณ์มีปัญหากัน จึงตัดบทฝืนยิ้มหวานให้ทั้งๆที่ยังเจ็บต้นแขนจากแรงบีบรัดที่พี่จิณณ์ก็ไม่คิดจะปล่อย
   


    ทอยส่งยิ้มพร้อมพยักหน้าเชื่อฟัง แต่ลึกๆก็มีบางอย่างคาใจ ทอยคุยกับตัวเองไปด้วยว่าถ้าไม่กล้าตอนนี้ จะกล้าตอนไหน?... เมื่อทอยยอมรับว่า เจอคนถูกใจเข้าให้แล้ว

 
      ก่อนไป ทอยขยับตัวไปใกล้อิสระ


"พี่ชอบเรา ขอเบอร์โทรหรือไลน์หน่อยสิ" อิสระอึ้งไปนิด เพราะไม่คิดว่า การที่พี่ทอยเข้าหา มาคุย มาเล่นด้วยจะชอบอิสระเชิงรักแแบบคู่รัก



ฟึ่บ!


"แฟนเค้ายืนอยู่ข้างๆ ยังกล้าอีกหรอครับ?"
มีคนบอกชอบอิสระว่าตกใจแล้ว คำพูดพร้อมการกระทำที่เดินมาประชิดตัว โอบเอวอิสระของพี่จิณณ์ทำให้ตกใจยิ่งกว่า


    หันขวับมองพี่จิณณ์ กำลังอ้าปากถามก็มีใครอีกคนแหย่ให้กองไฟปะทุแรงขึ้นไปอีก


"แฟน?..เฮอะ!!...ใช่หรือครับ? ผมเดินไปหาน้องเขา คุยเล่นตั้งนาน ก็ไม่เห็นคุณจะแคร์อะไร" ทอยแค่นยิ้ม


    อิสระเริ่มหน้าซีดที่ทั้งสองต่างสาดอารมณ์แรงใส่กัน


    กลัวเป็นเรื่องใหญ่ อิสระหันไปสบตาพี่จิณณ์ อ้าปากขอร้องว่าพอเถอะ... ทว่า เสียงยังไม่ทันเปล่งออกจากลำคอ


    เสี้ยววินาทีนั้น จิณณ์จับปลายคางอิสระเชิดขึ้นและก้มลงไปประกบปากเพื่อจูบกัน


    ริมฝีปากอุ่นๆทาบทับลงบนริมฝีปากของอิสระอย่างรวดเร็ว ไม่ทันตั้งตัว อิสระเบิกตาโต ตกใจ ขนลุกซู่ทั่วกาย มิวายหัวใจเต้นแรงจนแทบทะลุออกจากอก


    จิณณ์ยังไม่คิดหยุดหรือผละออกแต่กลับขมเม้มริมฝีปากล่าง ก่อนจะใช้เรียวลิ้นเตรียมจู่โจมเข้าไปด้านใน


    ก่อนจะเผลอตัว เผลอใจไปมากกว่านี้ อิสระดึงสติกลับมา ผลักอกพี่จิณณ์ออกห่าง



"ผมขอโทษนะครับพี่ทอย ผมขอตัวครับ"


    ขอโทษคนที่เพิ่งรู้จักกัน แต่กลับไม่ขอโทษคนที่คุ้นเคยกันมานาน เพราะอิสระไม่สนใจอะไรแล้ว เขาเดินดุ่มออกไปนอกร้าน เดินเลี้ยวขวาไปไม่ไกล พาตัวเองขึ้นบันไดสะพานที่เชื่อมไปทางสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส


     ไม่ถึงสองนาที จิณณ์วิ่งมากระชากแขนอิสระไว้ทันท่วงที

     ส่วนเรื่องทอยเป็นหน้าที่ฮูมที่จิณณ์ฝากให้ดักทางเรียบร้อยแล้ว...


"อิส หนีพี่ทำไม?"


    หยุดหันหลังมามองคนที่ทำอะไรตามอำเภอใจ ในสภาพน้ำตาคลอ


"พี่จิณณ์ ผมไม่ใช่ของเล่นนะครับ พี่เลิกเล่นกับความรู้สึกผมสักทีเถอะ"
 

    พอเห็นหยาดใสๆปริ่มดวงตา แถมมองมาอย่างตัดพ้อ จิณณ์รู้สึกวูบหวิวหัวใจแปลกๆ


"พี่ไม่เคยเล่น"


    อิสระเถียงกลับทันที


"ไม่เคยเล่น? แน่ใจหรอครับ ก่อนหน้านี้ พี่เพิ่งบอกผมว่าเป็นภาระอยู่เลย พอตอนนี้พี่ก็ทำมาเล่นละครบอกคนอื่นว่าเป็นแฟนกับผม มันหมายความว่ายังไงล่ะครับ" อิสระเหนื่อยและเดาใจไม่ถูกจริงๆ จึงพูดความรู้สึกทั้งหมดที่มีออกไป เพื่อหวังจะปลดปล่อยให้หัวสมองและหัวใจได้โล่งมากขึ้น


"พี่ขอโทษสำหรับที่ผ่านมา แต่ถ้าเรื่องของวันนี้ พี่ไม่ได้เล่นละคร ทุกอย่างมันเป็นความจริงจากใจ ความจริงคือพี่ชอบอิส อยากเป็นแฟนกับอิส เข้าใจพี่บ้างรึยัง?"


กึก!..

      ยืนอึ้ง ใจเต้นแรงกว่าเก่า...เพราะไม่รู้ว่าคำที่ออกจากปากพี่จิณณ์นาทีนี้ มันคือความจริงหรือเปล่า?


"พี่...จิณณ์เมาหรอครับ?"


"พี่อาจจะเมา แต่พี่รู้ตัวว่าพี่พูดอะไรออกไป"


    อิสระหลุบตาลง เม้มปากอย่างขบคิด 


"ผมขอตัวดีกว่าครับ"


    มันเร็วเกินไปที่คิดจะหาคำตอบให้เรื่องนี้ อิสระหมุนตัว แต่โดนจิณณ์กระตุกมือไว้


"จะไปไหน...อิสนอนกับพี่อยู่แล้ว ถ้าอยากกลับก็กลับด้วยกัน" ว่าจบ จิณณ์ลากอิสระมาริมถนนเพื่อยืนเรียกรถแท็กซี่


    จิณณ์ชะโงกตัวเข้าไปบอกปลายทางแก่แท็กซี่ จากนั้น ดึงมืออิสระให้ขึ้นรถไปด้วยกัน


"แล้วพี่ฮูมล่ะครับ"

"เดี๋ยวพี่จัดการเอง"


   รถเคลื่อนตัวได้ไม่ไกล ต่างฝ่ายต่างไม่พูดไม่จา และหันหน้าออกไปนอกรถ



'จบลงอย่างนี้ ทุกครั้งที่เราไม่พูดกัน...'


    ประโยคจากเพลงดังมาจากคลื่นเพลงไทยสากลที่พี่คนขับแท็กซี่เปิดค้างไว้ แม้เสียงเพลงจะช่วยให้บรรยากาศไม่เงียบเกินไป แต่เพลงที่ดังลอยมา เนื้อหากลับไม่สุขใจเท่าไหร่ ยิ่งทำให้อารมณ์ของคนสองคนดูหม่นเข้าไปอีก


      ฟากอิสระทอดสายตามองเหม่อข้างทางและไม่รู้ตัวว่าตัวเองเผลอยกมือลูบไล้ริมฝีปากตัวเองตั้งแต่เมื่อไหร่ เพียงแค่นึกถึงตอนพี่จิณณ์จูบ ก็สัมผัสถึงความอบอุ่นของใครบางคนติดอยู่จางๆ และใจหวิวอย่างบอกไม่ถูก...


'ก่อนที่มันจะสาย บอกฉันให้เข้าใจ ว่าฉันทำพลาดไป...บอกกับฉันให้รู้อย่าเก็บไว้ข้างใน'

'ก่อนที่มันจะสาย ก่อนจะช่วยกันไม่ได้ บอกฉันให้เข้าใจ...'


.
.
.


'ฉันไม่เคยจะคิดสักนิด ไม่เคยคิดจะทำให้เธอเสียใจ

ฉันไม่เคยจะคิดทำร้าย มีแต่รักให้เธอหมดหัวใจ'


   เพลง 'ก่อนที่มันจะสาย' ของ Groove Riders  คือเพลงที่เล่นอยู่ตอนนี้ 


   ยิ่งพอตั้งใจฟังความหมายของเนื้อเพลง น้ำตาก็พาลจะไหล จนต้องรีบหลับตา เม้มปากแน่น สองมือโอบกอดตัวเองราวกับต้องการความอบอุ่นจากใครมาช่วยเติมเต็มให้ร่างกายและหัวใจที่หนาวเหน็บได้อุ่นขึ้น


    อิสระไม่เข้าใจจริงๆ เวลาที่อิสระวิ่งเข้าหา พี่จิณณ์ดูไม่สนใจ พอถึงเวลาที่ถอยห่าง พี่จิณณ์กลับวิ่งเข้ามาชิดใกล้จนอิสระทำตัวไม่ถูก


   และการเข้าใกล้ของเขาจนถึงกับเอ่ยปากชอบรอบนี้ ทำให้อิสระลำบากใจ เพราะพี่จิณณ์เข้ามาในจังหวะที่อิสระได้เจอมัตถ์แล้ว...


    ถูกที่ แต่ผิดเวลา...

    อิสระควรทำอย่างไรดี...



   ใช้เวลาพอประมาณกว่าจะถึงห้อง...


    ถอดรองเท้าเรียบร้อย อิสระเพิ่งได้ยินเสียงพี่จิณณ์เอ่ย


"อิสไปอาบน้ำก่อนสิ" หันไปมองเสียงละมุนไม่ขึงขังอย่างแปลกใจ หรือว่าพี่จิณณ์คิดได้แล้วเลยอารมณ์เย็นลง  แอบสงสัยแต่ก็ไม่อยากเอาเรื่องเก่าเก็บมาคิดให้วุ่นวายใจ


"ครับ"


     อิสระเดินไปคว้าผ้าเช็ดตัวและเข้าห้องน้ำไป

     สายน้ำจากฝักบัวเรน ชาวเวอร์ไหลลงจากหัวสู่ปลายเท้า ความเย็นของสายน้ำ ช่วยชะโลมความเครียดให้ลดลงได้บ้าง

     เงยหน้ารับน้ำเย็นฉ่ำ สองมือเสยผมที่ปรกหน้า


    ทันใดนั้น...


ฟึ่บ!...


    มืออุ่นๆอ้อมจากด้านหลังมารัดรอบเอวอิสระ เด็กหนุ่มลืมตา รีบหันขวับ ก็ตกใจที่ใบหน้าพี่จิณณ์ใกล้กันมากจนทำให้ใครอีกคนยื่นปากมาจุ๊บกัน

จุ๊บ..


    ผละออกด้วยรอยยิ้มอย่างมีเลศนัย


"พ..พี่จิณณ์ เข้ามาทำไม ผมยังอาบน้ำไม่เสร็จครับ?" จากที่หันแค่หน้า ตอนนี้ อิสระหันไปทั้งตัว และใช้มือผลักอกคนที่กอดอิสระอยู่


"พี่รอไม่ไหว"

"ถ้างั้น พี่อาบก่อนก็ได้ ผมรอข้างนอก"
อิสระรู้สึกไม่ดีเท่าไหร่ เพราะตอนนี้ ทั้งคู่ไร้เสื้อผ้าบังกาย ดังนั้น มันจึงหมายความว่าทั้งสองกำลังยืนเนื้อแนบเนื้อที่ทำให้อิสระใจสั่นและหน้าแดงจัดด้วยความอาย

"อิสไม่อยากอาบน้ำกับพี่หรอครับ?"





 
****1.1****

พี่จิณณ์คะ? พี่มาบอกชอบน้องอะไรป่านนี้คะ? แฮ่...ก็อย่างว่า ตามชื่อตอนอะเนอะ...หุหุ
.
ตอนนี้อยู่ที่น้องอิสแล้วล่ะ ว่าจะเลือกใคร...งืออออ
.
หัวข้อ: Re: +..▪..+"แสง.สุด.ท้าย"+..▪..+||ตอนที่ 10 || อัพ 19-1-18> P.3
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 19-01-2018 23:49:56
 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: +..▪..+"แสง.สุด.ท้าย"+..▪..+||ตอนที่ 10 || อัพ 19-1-18> P.3
เริ่มหัวข้อโดย: FeaRes ที่ 20-01-2018 08:00:45
แฟนอิสจะต้องมีอะไรสักอย่างอะ มีแฟนใหม่แล้วรึอะไรเนี่ย
ตอนอิสะขออยู่ด้วยก็ดูอึกอัก มันต้องมีอะไรร
พี่จิณณ์เวลาอารมณ์ไม่ดีชอบพูดแทงใจน้องตลอดเลยยย //ตี
แต่ก็เชียร์พี่นะ--
หัวข้อ: Re: +..▪..+"แสง.สุด.ท้าย"+..▪..+||ตอนที่ 10.2|| อัพ 22-1-18> P.3
เริ่มหัวข้อโดย: rinyriny ที่ 22-01-2018 20:13:03

บทที่ 10 รู้ตัวช้า(2)



     มองคนถามด้วยสีหน้าปกติราวกับว่าการชวนอาบน้ำด้วยกันเป็นเรื่องธรรมดาเหมือนชวนกินอาหารกลางวันกันอย่างไรอย่างนั้น


"ไม่ครับ"

"อิสรังเกียจพี่เหรอ?"

"ไม่ได้รังเกียจครับ แต่ผมแค่คิดว่าเราไม่ควรอาบน้ำด้วยกัน"



     ตอบไม่เต็มเสียง เพราะอายที่ต้องเปลือยล่อนจ้อนต่อหน้าพี่จิณณ์ทั้งยังมีเรือนร่างที่เต็มไปด้วยแผลไม่น่าดู
   

   เหลือบเห็นพี่จิณณ์กดสายตาลงต่ำแล้วหน้าร้อนผ่าว

   แววตาที่แสดงถึงความต้องการบางอย่างผนวกกับรอยยิ้มยั่ว

   อิสระยกมือปิดของสงวน ส่วนมืออีกข้างที่ว่างก็ปิดรอยแผลเป็นเท่าที่ทำได้


   รีบหลุบตาลง เมื่อเห็นพี่จิณณ์เดินก้าวมาข้างหน้า ดันไหล่อิสระจนแผ่นหลังติดผนัง จากนั้น จิณณ์จูบหน้าผาก จูบแก้ม และเชยคางอิสระเพื่อจูบริมฝีปากอิสระอย่างอ่อนโยน พร้อมกับกระซิบ


"ทำไมถึงคิดว่าไม่ควรล่ะ ในเมื่อพี่จะทำให้อิสมีความสุขนะ"


   คนตัวโตโน้มตัวไปใกล้ ใช้สองมือกอดเอวอิสระหลวมๆ สัมผัสได้ถึงความอบอุ่นต่างจากความเย็นจากสายน้ำที่อิสระได้รับก่อนหน้า


    ใบหน้าหล่อซบลงตรงลาดไหล่ ลมหายใจอุ่นๆเป่ารดจนอิสระเริ่มรู้สึกตัวร้อนแปลกๆฝ่ามือคนตัวโตก็ลูบไล้ทั่วสะโพกเริ่มเลื้อยมายังช่วงต้นขา ยิ่งชิดใกล้แบบเปลือยกายทำให้แก่นกายทั้งสองถูไถกัน จนอิสระต้องหาทางตัดบทเพื่อเอาตัวรอดออกจากห้องน้ำ


"คะ...ความสุขอะไรครับ พี่จิณณ์? ผมว่าพี่จิณณ์เมา เดี๋ยวผมออกไปรอข้างนอกดีกว่า"


     ว่าจบ จิณณ์ทรุดตัวลงนั่งคุกเข่าบนพื้นห้องน้ำ



"พี่จิณณ์ทำอะไรน่ะ ผมไม่ตลกนะครับ"


    มองคนนั่งคุกเข่า จนใบหน้าหล่ออยู่ระดับเดียวกับแก่นกายอิสระ ก็พอจะเดาออกว่าต่อไปจะเกิดอะไรขึ้น

    ไม่ฟังคำ จิณณ์ยืดตัวขึ้นเล็กน้อยพรมจูบเบาๆที่บาดแผลทุกจุดที่อยู่บนตัวอิสระ

 
จุ๊บ... จุ๊บ...จุ๊บ...



    เงยหน้ามองอิสระทั้งแววตาหวานฉ่ำแฝงเสน่ห์เหลือร้าย

    อิสระกดสายตามองพี่จิณณ์ เป็นจังหวะที่อีกฝ่ายไม่ละสายตา จ้องมองราวกับคนหื่นกระหาย

   

"อิสจะได้รู้ไว้ว่าพี่ไม่เคยรังเกียจ"



    ผละออกมาแค่บอกคำ ก่อนจะทำต่อ อิสระไร้เรี่ยวแรงทันทีที่ริมฝีปากอุ่นประทับลงบนผิวกายอีกครั้ง



"พ...พี่จิณณ์...พอเถอะ...ครับ"


      ปากบอกห้าม แต่อารมณ์ลึกๆข้างในเคลิ้มไปกับทุกสัมผัสที่ริมฝีปากอุ่นของใครอีกคนแตะโดนเนื้อหนัง


"ให้พี่ได้ลองก่อน ถ้าอิสรู้สึกไม่ดี พี่จะพอ..."


    มองคนเอ่ยคารมณ์ร้ายกาจ ฉลาดพูดมาพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์


    อิสระกลืนน้ำลาย ใจคอไม่ดีเท่าไหร่ เมื่ออีกฝ่ายว่าจบ เลื่อนมือลงไปจับแท่งร้อนของอิสระรูดรั้งช้าๆ ริมฝีปากก็ลากไล้ และขบเม้มตรงโคนต้นขาด้านใน...


จุ๊บ... จ๊วบ... จ๊วบ...


    ความเสียวซ่านก่อตัวขึ้นมามากขึ้นเรื่อยๆ ทุกขณะที่ริมฝีปากและสัมผัสมือของอีกคนโดนตัว  ยิ่งเห็นสายตาพี่จิณณ์ด้วยแล้ว ยิ่งทำให้อิสระใจสั่นอย่างน่าประหลาด


    หลบสายตาป่าเถื่อนด้วยการหลับตาหนี ศรีษะพิงผนังห้องน้ำ


    ระงับอารมณ์และห้ามใจตัวเองไม่ไหว ปลายเท้าจิกเกร็งทันทีเมื่อพี่จิณณ์ใช้ปากครอบแท่งร้อน ขยับรูดขึ้น - รูดลงตามจังหวะอย่างรู้งาน


    ขาสั่นจนแทบยืนไม่อยู่ เมื่อการขยับปากของคนตัวโตเริ่มเร็วขึ้น จนร่างกายอ่อนระทวย รู้สึกถึงความเสียวกระสัน ซาบซ่านจนเผลอยื่นมือไปขยี้ผมคนข้างล่างอย่างลืมตัว



"อาห์....."


    หลุดร้องเสียงหลง ดังก้องห้องน้ำ อิสระไม่ได้มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งมานานแล้ว ไม่นานนัก เด็กหนุ่มก็ถึงฝั่งฝัน ยังไม่ทันอ้าปากบอก ของเหลวสีขาวขุ่นพุ่งเข้าปากคนที่ยังออรัลเซ็กส์ให้


พรวด!


     จิณณ์ผละออก ยกยิ้มกรุ้มกริ่ม เงยหน้าสบตามองด้วยแววตากึ่งแซว ก่อนจะใช้หลัง
มือปาดของเหลวสีขาวขุ่นที่เลอะขอบปาก


    เห็นสีหน้าพี่จิณณ์ อิสระทรุดตัวลงฮวบ ยกมือปิดหน้าด้วยความอาย และเอ่ยขอโทษพี่จิณณ์ที่บอกไม่ทัน



     ไม่ตอบ แต่ดันไหล่อิสระจนหลังติดผนัง

     ใจเต้นแรงมากกว่าทุกทีเมื่อเห็นรอยยิ้มกรุ่มกริ่มนั้นแฝงความร้ายกาจอย่างบอกไม่ถูก



   พี่จิณณ์ไม่พูดอะไร กลับจู่โจมเข้ามาจูบอิสระอย่างรุนแรง อิสระไม่เคยเห็นมุมเร่าร้อน ป่าเถื่อนของพี่จิณณ์มาก่อน


   เรียวลิ้นสอดเข้าโพรงปากอุ่นๆ ตวัดปลายลิ้น หยอกเย้า เกี่ยวกระหวัด รุก ไล่ เล่นอย่างมีชั้นเชิง จนอิสระสู้ไม่ไหว ได้แค่ทำตามคนเชี่ยวชาญ


   เนิ่นนานพอสมควรที่ทั้งสองจูบดูดดื่ม จิณณ์ผละออกก่อนจะปิดท้ายด้วยการใช้ปากแตะปากกันอย่างแผ่วเบา


"อาบน้ำกันเถอะ"

"พี่จิณณ์...ไม่...อยาก...เอ่อ...เอิ่ม....คือว่า"


   อิสระอายหน้าแดง พูดตะกุกตะกัก  เพราะรู้สึกไม่ดีที่ตัวเองมีความสุขเพียงคนเดียว ส่วนอีกคนยังไม่ถึงฝั่งฝัน


"พี่บอกแล้วไงครับว่าอยากให้อิสมีความสุขมากกว่า"


     แกล้งถามไปอย่างนั้น เพราะเอาเข้าจริง อิสระก็ไม่กล้าทำให้เหมือนกัน


     ดึงมือมาปิดหน้าตัวเองอีกรอบเพราะไม่กล้าสู้หน้า


   นี่มันบ้าไปแล้ว...เรื่องราวมันจบลงแบบนี้ได้ไง ก่อนหน้านี้ ทะเลาะกันจะเป็นจะตาย แต่สุดท้ายกลับกลายเป็นอิสระพลาดท่า เสียทีให้พี่จิณณ์ไปซะได้


     ได้ยินเสียงหลุดขำเบาๆ จากนั้นก็มีมืออุ่นๆมาดึงมืออิสระออกจากหน้าและจุ๊บปากเบาๆ พยุงตัวเขาลุกขึ้นยืนให้อาบน้ำตามคำบอกก่อนหน้า


     ค่อยยังชั่ว ที่พี่จิณณ์ไม่คิดจะทำอะไรเกินเลยไปมากกว่านี้ อิสระอาบน้ำเสร็จก็รีบออกมาก่อนอีกคนที่ยังไม่เรียบร้อย


     แต่งตัวแล้วก็มานั่งคิดหนักอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง ว่าลึกๆแล้ว อิสระมีใจให้ใครมากกว่ากัน?

    มัตถ์? หรือ พี่จิณณ์?


    ยังสับสน หาทางออกไม่ได้ จึงกระโดดขึ้นเตียงเตรียมหลับ อีกอย่าง ก็หนีความจริงกับสิ่งที่พี่จิณณ์เพิ่งทำให้เขาก่อนหน้ายังไงล่ะ

    ถ้าไม่ชิ่งหลับ มีหวังเจอสายตาแทะโลมจนต้องอายอีกรอบแน่ๆ


    ผ่านไปสักพัก ก็ยังข่มตานอนไม่ได้ จนกระทั่ง ความยวบจากเตียงนอนอีกฝั่งที่ยุบตัวจากน้ำหนักตัวของใครอีกคน อิสระทำเนียนเหมือนว่าหลับไปแล้ว


     ไม่วินาทีต่อมา อิสระสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อพี่จิณณ์ดึงตัวเขาไปใกล้และกอดจนแผ่นหลังชิดอกของเจ้าตัว ก่อนจะจุมพิตหลังต้นคออิสระ


"ฝันดีนะ อิส"
   

    ใจเต้นแรง ขนลุกซู่..เพราะหวั่นไหวอย่างหนักกับอาการที่แสดงออกถึงความรักของพี่จิณณ์ซึ่งอิสระเองสัมผัสได้

 
    มันเป็นความรักที่อิสระโหยหา อยากได้จากพี่จิณณ์มาตลอด แต่วันนี้ พี่จิณณ์มาทำให้อิสระในวันที่เขาจำต้องเดินจากไปแล้ว


     หลุดยิ้มออกมาไม่รู้ตัว ไม่น่าเชื่อว่า การได้นอนหลับภายใต้อ้อมกอดของคนที่รัก บนเตียงเดียวกัน มันเติมกำลังใจและความสุขได้มากจริงๆ...






.............




   วันถัดมา อิสระตื่นแต่เช้า เพราะตั้งใจให้มัตถ์มารับเร็วหน่อย หวังจะหลบหน้าใครบางคน



    พลิกตัวตะแคงหันไปมองใบหน้าหล่อที่หลับสนิท ใบหน้าเปื้อนยิ้มดีใจที่อย่างน้อยก่อนจะต้องจากกันไป อิสระก็ได้รู้ความในใจจากพี่จิณณ์


     แม้ว่าจะไม่มีโอกาสได้คบกัน แต่อิสระคิดว่ามันก็เกินพอสำหรับคนธรรมดาอย่างเขาแล้ว 


    ก่อนลุกจากเตียง อิสระขยับตัวไปใกล้พี่จิณณ์จนได้กลิ่นกายเฉพาะตัว


    กลิ่นที่นิยามเป็นรูปธรรมไม่ได้ แต่รู้ว่าอยู่ด้วยรู้สึกอบอุ่นและสบายใจ



    ยื่นปากไปหอมแก้มพี่จิณณ์แผ่วเบา และรีบลุกจากเตียงไปจัดการธุระของตัวเองให้เสร็จทันพี่จิณณ์ตื่นขึ้นมา


    ไม่นานที่อิสระใช้เวลาจัดการทุกอย่างเรียบร้อย อิสระแบกกระเป๋าเสื้อผ้า เตรียมก้าวเดินออกจากห้อง


แกร๊ก..



"อิส"

    หยุดชะงักอยู่หน้าบานประตู แต่ไม่หันหลังไปมอง



"จะหนีไปโดยไม่คิดร่ำลากันหน่อยหรือ?"


    เสียงเศร้าเอ่ยจนรู้สึกผิด อิสระหมุนตัวหันไปมองคนที่ตัดพ้ออย่างน้อยใจ


"ผมขอโทษครับ พี่จิณณ์"


    จิณณ์เร่งฝีเท้าไปประชิดตัวอิสระ ยืนมองคนที่เอาแต่ก้มหน้า ไม่กล้าสบตากัน


"ขอกอดได้ไหม?"


    เงยหน้ามอง คนที่ส่งยิ้มอบอุ่น อิสระจึงพยักหน้าแทนคำตอบ เพราะลึกๆก็อยากกอดกับพี่จิณณ์เหมือนกัน


"หมดหน้าที่พี่แล้วสินะ"


     ไม่มีกิริยาเกรี้ยวกราด บึ้งตึง ขึงขัง ตรงกันข้าม มีแต่ความรักที่อิสระสัมผัสได้.

    ไม่อยากไป...ก็ต้องไป...

     อิสระตอบกลับด้วยการกระชับกอดแน่น


    ส่วนเรื่องเมื่อคืน อิสระไม่ถาม เพราะไม่อยากได้ยินคำตอบที่ชวนเจ็บว่า 'พี่เมาจำอะไรไม่ได้' 


"ขอโทษที่รู้ตัวช้า ว่า...พี่รักอิส...มารู้ตัวอีกทีก็ไม่ทันแล้วใช่ไหม?"



กึก!


   กลั้นหายใจไปครู่หนึ่ง และชะงักกึก


   พี่จิณณ์จำเรื่องเมื่อคืนได้?




"มัตถ์มารอแล้ว ผมลงไปข้างล่างดีกว่าครับ"


    ผละออกอย่างไว เพราะกลัวพี่จิณณ์จับได้ว่าอิสระหวั่นไหวกับสิ่งที่พี่จิณณ์พูดเหมือนกัน


"พี่ขอลงไปส่งด้วยได้ไหม?"

"ครับ"



    จิณณ์และอิสระเดินเข้ามาในกล่องสี่เหลี่ยมคับแคบที่กำลังดิ่งลงไปชั้นล่าง สร้างความอึดอัดใจให้ทั้งสองเพราะไม่มีใครพูดอะไร ความเงียบเชียบชวนกระอักกระอ่วนในหัวใจ ทั้งที่ความเป็นจริง ต่างฝ่ายต่างมีคำพูดเป็นล้านคำที่อยากบอกออกไป


   ถึงชั้นที่หมาย ประตูลิฟต์เปิดออกกว้าง จิณณ์และอิสระเดินออกจากกล่องสี่เหลี่ยม มุ่งไปหามัตถ์ที่นั่งรออยู่ก่อน


   เมื่อมัตถ์เห็นจิณณ์ก็ลุกพรวด และยกมือไหว้สวัสดี


"โอ้โห! พี่จิณณ์ถึงกับลงมาส่งอิสระเลยหรือครับเนี่ย!!"


   อิสระมองค้อน เพราะไม่ขำที่มัตถ์แซวพี่จิณณ์


"อิสจะไปอยู่กับคนอื่นแล้ว คงไม่ได้เจอกันอีก พี่ก็ต้องลงมาส่งสิครับ"


"คนอื่นที่ไหนกันเล่าครับ อิสเป็นแฟนผมนะ ไม่ต้องห่วง ผมดูแลได้ดีพอๆกับพี่อยู่แล้วครับ"

"มัตถ์!!"
อิสระลืมตัวปรามเสียงดัง จนมัตถ์โคลงศรีษะมอง อิสระรีบต่อประโยคอย่างกลัวจับได้


"รีบไปกันเถอะ..."


     ก่อนก้าวเดินไปหามัตถ์ อิสระหันหลังไปหาพี่จิณณ์



"ขอบคุณนะครับพี่จิณณ์ ตลอดเวลาที่ผ่านมา ผมมีความสุขมากที่ได้อยู่กับพี่"


     อิสระน้ำตาคลอ เมื่อเห็นว่าพี่จิณณ์ทำท่าจะยกมือมาเช็ดน้ำตาให้ อิสระรีบใช้ปลายนิ้วเกลี่ยน้ำตาตัวเองอย่างกลัวว่ามัตถ์เห็นแล้วจะน้อยใจ


    ไหนๆก็จะเป็นถ้อยคำส่งท้ายแล้ว จิณณ์จึงฝืนตอบด้วยรอยยิ้ม ทั้งๆที่ซ่อนน้ำตาไว้ลึกสุดใจ เก็บความรู้สึกทุกสิ่งที่มันจะแสดงออกว่าปวดร้าวไว้ข้างใน


"พี่ก็มีความสุขมากเหมือนกันครับ"


    จู่ๆความรู้สึกถึงความว่างเปล่าในหัวใจก็โผล่ขึ้นมา

    ใจหาย...

    เมื่อต้องรู้ว่าอิสระจะต้องไปแล้วจริงๆ..

   
    เด็กหนุ่มยกมือไหว้พี่จิณณ์ ก่อนจะเดินไปหามัตถ์

    เพียงแค่เด็กหนุ่มหมุนตัวไปหาใครอีกคน


    จิณณ์ยื่นมือหวังจะรั้ง แต่เขาตัดสินใจชักมือกลับมาแนบลำตัว
 
    ยืนมองคนที่เพิ่งรู้ตัวว่ารักเดินห่างออกไปเรื่อยๆ

 
"ขอให้มีความสุขนะอิสระ"


    คำอวยพรที่ทำได้แค่พูดในใจ เพราะไม่มีสิทธิ์ในตัวอิสระอีกแล้ว




....................................


"สุขแบบหน่วงๆ"
.
พี่จิณณ์ลุคส์นี้ช่าง..... :o8: :-[ :o8:
เอิ่ม! พอจะทำเรื่องอย่างว่านี้
ปากหวานมาเลยนะ 5555+
.
.
รู้ตัวช้าในเวลาที่ทัน
ยังมีโอกาสสูงกว่ารู้ตัวช้าในเวลาที่สายเกินไป...
.
ทันหรือไม่ทันก็คงต้องถามใจอิสระแล้วล่ะ!...
ให้เวลาน้องสับสนไปก่อน..
.
ขอบคุณคนอ่านที่น่ารัก
หัวข้อ: Re: +..▪..+"แสง.สุด.ท้าย"+..▪..+||ตอนที่ 11|| อัพ 25-1-18> P.3
เริ่มหัวข้อโดย: rinyriny ที่ 25-01-2018 21:55:15

บทที่ 11 จะบอกเธอว่ารัก





      ขึ้นรถมาได้สักพักใหญ่ๆ อิสระก็เอาแต่เงียบ ไม่พูด ไม่จา จนมัตถ์จับอาการได้ถึงความเปลี่ยนไป ไม่เหมือนวันที่เจอกันวันแรกๆ


"เป็นอะไร อิส"

"เปล่า ไม่ได้เป็นอะไร"
เสียงเอื่อยๆตอบกลับไป

"โกหก ตั้งแต่ขึ้นรถมาอิสก็ซึม นั่งเหม่อเหมือนคนโหยหาอะไรบางอย่าง หรือถ้าให้พูดตรงๆ อิสดูอยากกลับไปหาพี่จิณณ์นะ"

"ไม่ใช่อย่างนั้นนะมัตถ์ อิสแค่เพลียน่ะ"
รีบแย้งทันควัน

"ว่าแต่เอ้!!....แค่เห็นว่าอิสจะไป ทำไมพี่จิณณ์ต้องทำหน้าเหมือนหมาโดนทิ้งขนาดนั้น"

"มัตถ์!! พี่จิณณ์เค้าอายุมากกว่าเรานะ พูดจาให้มันดีๆหน่อย"

"หืม?...ดูอิสปกป้องพี่จิณณ์จังเลยนะ"

"มัตถ์จะหาเรื่องทะเลาะอีกนานไหม? อิสปวดหัวแล้วนะ"

"มัตถ์ขอโทษครับ มัตถ์แค่หึงน่ะ อิสหอมแก้มมัตถ์หน่อย แล้วมัตถ์จะไม่ยุ่งแล้ว"



    ละสายตามองจากท้องถนน หันมามองอิสระทั้งน้ำเสียงออดอ้อน

    อิสระมองคนทำหน้าทะเล้นแล้วใจอ่อน จึงขยับ โน้มตัวไปหอมแก้มคนขับรถ


ฟอด!


"ขออีกทีสิ"

"มัตถ์ขับรถอยู่ มันไม่ใช่เวลามาอ้อนเอาอะไรตอนนี้นะ"

"นะครับ อิส...นะครับ"


    อิสระมองค้อน แต่ก็ยอมทำตามหอมแก้มไปอีกครั้ง พอผละออกไม่ทันไร



"ครั้งสุดท้าย" มัตถ์พูดอมยิ้ม ทำแก้มพองลม แต่โดนตัดบทจนหน้าจ๋อยในฉับพลัน

"ไม่เอาแล้วมัตถ์...อิสง่วง ถ้าถึงแล้ว ปลุกอิสด้วยนะ" พูดพร้อมหลับตาเอนศรีษะพิงกระจกอย่างดูออกว่ารำคาญ


   แวบหนึ่ง...มัตถ์หันไปมองอิสระ แล้วลอบถอนหายใจ ที่มัตถ์ทำไปก็เพื่อพิสูจน์อะไรบางอย่างและตัวมัตถ์เองก็รู้คำตอบแล้ว



    หลังจากที่พาอิสระมาอยู่คอนโดตัวเอง สองเท้าก้าวถึงห้องไม่ทันไร มัตถ์ก็ขอปลีกตัวไปหลับสักหน่อย เพราะถ้าอิสระไม่อ้อนวอนให้ไปรับแต่เช้า มัตถ์ก็คงไม่ไปให้แน่ๆ


     พอมัตถ์หายไปนอน ทางฝั่งอิสระก็นั่งเหม่อที่โซฟา  คว้าเครื่องมือสื่อสาร มาจ้องหน้าจอที่ค้างไว้ตรงรายชื่อเบอร์โทรของคนที่เขาเพิ่งลาจากมาเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน


      ทำไม คิดถึงพี่จิณณ์จัง อิสระรู้สึกแปลกๆในหัวใจ แต่แล้วต้องตาโต ตกใจ เมื่อไม่กี่นาทีต่อมา สิ่งที่เขาเห็น คือ การปรากฏเบอร์เดียวกับที่จ้องเมื่อสักครู่โทรเข้ามา


    เครื่องมือสื่อสารสั่นอยู่ในมือ อิสระกำแน่น สูดลมหายใจเข้าลึกเต็มปอด...ก่อนจะเลื่อนสไลค์หน้าจอ



"สวัสดีครับ"


[เป็นไงบ้าง?]


    นั่งชันเข่าอยู่บนโซฟาด้วยอาการใจสั่น แต่ก็แกล้งหยอกเอินกลับไป


"เราเพิ่งแยกกันมาเองนะครับ"


[พี่ขอโทษ......] ปลายสายเงียบไปสักพัก ก่อนจะพูดต่อ


[พี่แค่อยากจะโทรมาถามว่าเรื่องนัดจิตแพทย์ครั้งต่อไป อิสยังอยากให้พี่ไปเป็นเพื่อนอยู่ไหม?]


กึก!


   มือกำโทรศัพท์แน่นกว่าเก่า


   ทำไมประโยคนี้ถึงมีอิทธิพลต่อหัวใจจนรู้สึกปวดหน่วงหนึบอย่างน่าประหลาด


"ผม...คงไปกับ..."


[พี่ขอโทษ พี่ลืมไปว่าจะหวังให้มันเป็นเหมือนเดิมได้ยังไง ในเมื่ออิสก็คงต้องไปกับมัตถ์อยู่แล้วนี่]

"พี่จิณณ์...ครับ คือ..."

[พี่ไม่กวนอิสดีกว่า]

"ไม่กวนครับ พี่จิณณ์" หลุดพูดไป ทั้งๆที่อุตส่าห์บอกตัวเองว่า ต้องทำใจ

[จริงหรืออิส?]

"ครับ"


    ทั้งๆที่บอกว่าไม่กวน แล้วทำไมพี่จิณณ์ถึงเงียบไปนานนักล่ะ


"พี่จิณณ์เป็นอะไรหรือเปล่าครับ?"

[พี่คิดถึงอิส]



   น้ำตาไหลโดยไม่รู้ตัว พี่จิณณ์ไม่ควรเล่นกับความรู้สึกเขาแบบนี้ อิสระอุตส่าห์ออกมาอยู่ข้างนอกแล้ว  ทำไมพี่จิณณ์ถึงพยายามเข้ามาใกล้ วนเวียนไม่ห่าง อิสระสับสนในหัวใจจนไม่รู้จะต้องทำตัวยังไง



    เงียบไม่กล้าพูด กลัวหลุดเสียงสะอื้น และเป็นจิณณ์เองที่พูดต่อด้วยน้ำเสียงติดกังวล


[พี่ขอโทษ... อันที่จริงพี่ไม่ควรทำแบบนี้แล้ว พี่ไม่ควรทำให้อิสลำบากใจ]


"ผมก็ต้องขอโทษเหมือนกันครับ พี่จิณณ์..ผมเองก็ไม่อยากนอกใจมัตถ์ด้วยครับ"



    ไม่รู้ว่าพูดตรงไปไหม? แต่อิสระอยากให้พี่จิณณ์เข้าใจว่าเขาเองก็มีแฟนแล้ว


[นั่นสิ...พี่ดูเลวไปเลย...ถ้างั้นพี่คงต้องวางสายแล้วล่ะ?]

"ขอบคุณครับ พี่จิณณ์"



     มันเป็นสิ่งที่ถูกต้องไม่ใช่หรือ? อิสระต้องการชัดเจนว่า เขามีแฟนแล้ว? ไม่ควรมีใครอีก แต่พอพี่จิณณ์วางสาย อิสระกลับปล่อยโฮรีบฟุบหน้าลงกับเข่าอย่างทรมานหัวใจ


     ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ที่อิสระร้องไห้จนผล็อยหลับไป...






.............
 

   

      ราวห้าโมงเย็น ที่อิสระยังหลับไม่ตื่น มัตถ์ยืนมองคนนอนคุดคู้ตัวงออยู่บนโซฟาก็ได้แต่ส่ายหน้าระอา ก่อนจะสาวเท้าไปหา ก้มตัวลงมองใบหน้าใกล้ๆและอมยิ้ม


ฟอด!


     อิสระปรือตาขึ้นมาอย่างงัวเงีย


"มัตถ์ตื่นแล้วหรอ?" เสียงแหบแห้งถาม

"ใช่...กินข้าวกัน มัตถ์หิ๊ววหิว..." พูดพร้อมลูบท้องตัวเอง
 

     อิสระพยักหน้า ค่อยๆหยัดกายขึ้นมานั่งบนโซฟา และลุกขึ้นยืน กำลังจะก้าวเท้า ก็โดนมือหนาจับไว้


"อิสร้องไห้หรอ? ทำไมตาบวมอย่างนี้"



    อิสระอึกอัก ก่อนตอบ


"เปล่าสักหน่อย อิสขอไปล้างหน้าก่อนนะ"


   ว่าจบเร่งฝีเท้าให้ก้าวพ้นตรงนี้ไวๆ พอจัดการตัวเองเสร็จ อิสระก็เดินไปหามัตถ์ที่นั่งรอที่โซฟา พร้อมจะออกไปหาอะไรกินกัน


    ในระหว่างเดินทาง มีสายเรียกเข้ามายังมือถือของอิสระ เด็กหนุ่มเห็นเป็นป้าแก้วดีใจรีบสไลค์หน้าจอเพื่อพูดคุย


    ยิ้มแป้นแล้นทันทีที่ได้ยินข่าวดี เมื่อป้าแก้วบอกว่า ได้ที่อยู่ของป้านัน พี่สาวของแม่อิสระพร้อมเบอร์ติดต่อ โดยคนที่ไปตามสืบมาให้ก็คือ พี่ชาย อิสระแปลกใจแต่ก็นึกขอบคุณที่พี่ชายช่วยกันขนาดนี้


    แม้จะวางสายแล้ว แต่ก็ยังยิ้มแก้มปริที่ได้ฟังข่าวดี รีบเล่าให้มัตถ์ฟังด้วยความตื่นเต้น ดีใจ และอ้อนให้มัตถ์พาไปส่งที่บ้านป้านันในวันพรุ่งนี้
 

    ถึงที่หมาย ทั้งสองเลือกร้านก๋วยเตี๋ยวต้มยำข้างทางง่ายๆ ซึ่งไม่ไกลจากคอนโดเท่าไหร่ จับจองที่นั่งกันได้ก็สั่งเมนูกับเจ้าของร้าน


    ตั้งแต่ป้าแก้วโทรมาบอกข่าวดี อิสระก็ยิ้มตลอดเวลา จนมัตถ์พลอยยิ้มตามไปด้วย



    ไม่นาน บะหมี่ต้มยำทะเลน้ำข้น และ เส้นเล็กต้มยำทะเลน้ำข้น ที่ทั้งสองสั่งพิเศษถูกวางตรงหน้าของทั้งคู่ ควันร้อนๆ กลิ่นหอมๆของเครื่องปรุงลอยมาจากชามยิ่งชวนน้ำลายสอ เพิ่มความน่ากินไปอีกตรงที่สีสันจัดจ้านของน้ำต้มยำ ปลาหมึกชิ้นโต และกุ้งตัวใหญ่ จัดวางสวยงาม... ไม่รีรอทั้งสองคว้าตะเกียบคีบเส้น สูดเข้าปาก ซดน้ำรสเผ็ดร้อนอย่างไม่กลัวปากพอง


     ต่างฝ่ายต่างกินไม่สนใจกัน จนกระทั่ง สิบห้านาทีต่อมา ก๋วยเตี๋ยวในชามก็หมดเหลือเพียงน้ำติดถ้วย


"อร่อยจัง มัตถ์"

"อิสชอบมัตถ์ก็ดีใจ นี่ร้านโปรดมัตถ์เลย"

"ชอบมาก ขอบคุณนะมัตถ์ที่ดูแลอิสดีขนาดนี้"

"ดูแลดีเท่าพี่จิณณ์รึเปล่าน้าา?"


     อิสระชะงัก เขาอุตส่าห์ ลืมเรื่องพี่จิณณ์ไปได้แล้ว ทำไมมัตถ์ต้องมาพูดถึงบุคคลที่สามด้วย


"เรียกพี่เขามาคิดเงินเถอะ มัตถ์"


     พอเห็นสีหน้าของคนที่มีรอยยิ้มในตอนแรก แปรเปลี่ยนเป็นบึ้งตึง มัตถ์ไม่เล่นต่อ และลุกขึ้นไปจ่ายเงิน


     เสร็จเรียบร้อย อิสระและมัตถ์เดินเล่นที่ตลาดนัดข้างๆกันต่อ หวังจะย่อยอาหารที่เพิ่งกินกันไปเมื่อสักครู่


     เพิ่งบอกว่าอิ่ม แต่ทั้งสองยังซื้อของกินกันได้อีก ทั้งกล้วยทับ, เม็ดขนุน, และน้ำสตรอเบอร์รี่ปั่น


     เดินช็อปปิ้งกันอย่างเพลิดเพลิน เมื่อรู้ว่าของกินเริ่มเต็มไม้ เต็มมือทั้งสองจึงเดินกลับไปที่รถ


      ในขณะนั้น มัตถ์ให้อิสระรอในรถก่อน ส่วนมัตถ์เดินไปซื้อของที่เซเว่น อีเลฟเว่น ตั้งใจจะซื้อเบียร์ไปติดห้องสักสอง-สามกระป๋อง


     สิบห้านาทีผ่านไป มัตถ์สอดตัวเข้ามาในรถ และพูดกับอิสระทันที


"เมื่อกี้ มัตถ์เจอพ่ออิสด้วย"

 
     กึก!


"มัตถ์ออกรถเดี๋ยวนี้!!"
โวยวายและมีท่าทางลุกลี้ ลุกลน


"เดี๋ยวๆใจเย็นสิ ทำไม เกิดอะไรขึ้น?"


"ไปให้พ้นตรงนี้ก่อน แล้วมัตถ์จะเล่าอะไรก็ค่อยเล่า เร็วๆสิมัตถ์..."


"ก็ได้ๆ อิสอย่าดุมัตถ์สิ"


      เมื่อรถเคลื่อนตัวด้วยความเร็ว อิสระคิดว่าปลอดภัยแล้ว จึงถามมัตถ์ทันที


"มัตถ์คุยอะไรกับเขาบ้าง?"

"มัตถ์แกล้งบอกว่าเจออิสที่ห้าง แล้วถามต่อว่า จำได้ว่าพ่ออิสบอกว่าอิสตายแล้ว ทำไมยังเห็นอิสอยู่ได้ เขาบอกว่ามัตถ์ตาฝาดและโบ้ยมาว่ามัตถ์กำลังขุดคุ้ยเรื่องเก่าทำให้เขาเครียดเพราะกลับไปคิดถึงลูกอีกครั้ง"


     ฟังคำคนตลบตะแลง แล้วรู้สึกขยะแขยงอย่างบอกไม่ถูก แต่สิ่งที่อิสระกังวลใจตอนนี้ คงเป็นเรื่องของความห่วงมัตถ์มากกว่า



"มัตถ์ รู้ไหมว่ามัตถ์ไม่ควรไปต่อล้อต่อเถียงกับเขา ดีเท่าไหร่ที่เขาไม่ยกปืนมายิงน่ะห้ะ"

"แหม! มัตถ์ก็รู้หรอกน่า ในเซเว่น คนพลุกพล่านขนาดนั้น มัตถ์เชื่อว่าพ่ออิสไม่กล้าหรอก เป็นพ่อประสาอะไรแช่งให้ลูกตายทั้งๆที่ยังไม่ตาย และยังมาด่ามัตถ์ว่าทำให้เขาคิดถึงลูก...ตลกว่ะ"

"มัตถ์เล่นกับใครไม่เล่น อิสเริ่มเป็นห่วงมัตถ์แล้วนะ"

"เอาน่า มัตถ์พูดไปแล้วนี่ ถ้ามัตถ์เป็นอะไรไปนะ มัตถ์จะมาเข้าฝันอิสคนแรก"

"มัตถ์อย่าพูดแบบนั้น อิสไม่ตลกนะ พอเหอะ อิสไม่อยากเครียด มัตถ์ขับรถไปเถอะ"
ว่าจบก็หันหน้าหนีไปนอกหน้าต่างรถ


     เพราะมัตถ์ยังไม่รู้ความจริงเรื่องที่อิสระโดนขังมานานกว่าสี่ปี  มัตถ์จึงไม่เห็นความชั่วช้า เลวทรามของคุณอิทธิพลว่าร้ายแรงขนาดไหน


      อิสระได้แต่ภาวนาขอให้คุณอิทธิพลปล่อยผ่านเด็กปากดีคนนี้ไปแล้วกัน เพราะถ้าคุณอิทธิพลคิดจะทำอะไรมัตถ์ อิสระมั่นใจว่าเขาทำได้แน่นอน...

 
   
       ถึงห้อง อิสระก็อ้อนมัตถ์ด้วยการชวนดูหนัง เพราะตลอดสี่ปีที่ผ่านมา อิสระพลาดภาพยนตร์ดีๆไปเยอะ และอยากรู้ว่ามีหนังอะไรน่าดูบ้าง มัตถ์ตกลงแต่มีข้อตกลงว่าต้องอาบน้ำก่อน


      จัดการตัวเองเสร็จกันทั้งคู่ ก็มานอนดูหนังรักบนเตียงด้วยกัน ระหว่างนั้น มัตถ์ดื่มเบียร์ไปด้วย


     จนกระทั่ง ผ่านไปไม่ถึงครึ่งเรื่อง มือใครบางคนก็เลื้อยมาแตะผิวอิสระ ใต้ผ้าห่มที่ทั้งสองนอนคลุมตัวอยู่


"มัตถ์ อย่าเพิ่งเล่น อิสจะดูหนัง"


"พักเบรคหน่อยสิ"
ปากว่า มือก็เริ่มเลื่อนไปยังหว่างขาอิสระ



      อิสระมองหน้ามัตถ์ก็รู้ได้ทันทีว่า มัตถ์ต้องการอะไร...

      นิ่งเงียบไปสักพัก ก่อนจะตัดสินใจยื่นหน้าไปหอมแก้มมัตถ์ แต่เปล่าเลยสิ่งที่มัตถ์อยากได้มากกว่านั้น เมื่อมัตถ์ยกมือประคองใบหน้าอิสระ และจูบกัน


      ไม่นานนักที่ทั้งสองผละออก มัตถ์สะบัดผ้าห่มออกจนหล่นลงพื้นข้างเตียง เลื่อนมือลงต่ำลูบไล้หน้าท้อง ล้วงเข้าไปยังกางเกงขาสั้นของอิสระ


"มัตถ์พอก่อน"

"นิดนึงนะ?"

"ไม่!!"


      ตอบเสร็จ กอดอดสะบัดหน้าหนีไปอีกทาง มัตถ์หมั่นไส้ท่าทางจึงแกล้งจี้จุดอ่อน จั้กจี๊ จนอิสระดิ้นพล่านรอบเตียง



      เสียงหัวเราะดังลั่น เพราะโดนแกล้งจนเกือบขาดใจตาย อิสระร้องให้มัตถ์หยุดหลายครั้ง มัตถ์ก็ไม่ยอม จนกระทั่ง...สองมือที่จี้เอวอิสระอยู่ชะงัก ตาค้าง



"อิสมีอะไรกับพี่จิณณ์แล้วใช่ไหม?"

"มะ..มัตถ์ถามแบบนั้นทำไม?"

"อิสตอบมาก่อนว่าใช่ไหม?"

"ไม่ได้มี แต่เอ่อ..คือ เอิ่ม...พี่จิณณ์ช่วยให้อิสเท่านั้น ยังไม่ถึงขั้นนั้น..."


   ไม่เคยโกหก จึงตกใจเมื่อโดนจับได้ และหลุดพูดความจริงจนหมดเปลือก โดยลืมถามไปว่ามัตถ์รู้ได้ยังไง อิสระว่าจบยกมือปิดหน้าทั้งอายและรู้สึกผิดที่นอกใจแฟนตัวเอง


"มัตถ์...อิสขอโทษ อิสไม่ได้คิดจะนอกใจมัตถ์เลยนะ"


   อีกคนนั่งมองคนขอโทษเสียงสั่นรีบดึงมืออิสระออกและยื่นปากไปแตะริมฝีปากอีกฝ่าย


"ไม่ต้องอธิบายแล้ว มัตถ์ไม่โกรธ"

"มัตถ์ไม่โกรธ?"


    มัตถ์ส่ายหน้าและอมยิ้ม


"ไม่โกรธอิส แต่โกรธไอ้พี่จิณณ์ของอิสมาก พูดเลย!!"


     อิสระหน้าแดงจัดเมื่อมัตถ์ใช้คำว่า 'พี่จิณณ์ของอิส'


     หลุบตาลงก่อนถามต่อ



"พี่จิณณ์ไม่ใช่ของอิสนะ มัตถ์"


"หึๆ ใช่ไม่ใช่ไม่รู้...แต่บอกได้เลยพี่จิณณ์แม่งโคตรร้ายกาจเลยว่ะ"


"อะ...อะไรหรอ?"



    อิสระถามเสียงสั่นๆ มัตถ์หัวเราะในลำคอ ก่อนจะแบะต้นขาอิสระและชี้หลักฐานให้ดู อิสระลุกขึ้นนั่ง ชะโงกหน้ามองต้นขาด้านในที่มีรอยจ้ำสีแดงหลายจุด



    หน้าแดงและรู้สึกอาย เพราะไม่คิดว่าพี่จิณณ์จะทำร่องรอยราวกับประทับตราให้รู้ว่าก่อนหน้านี้ใครเคยเป็นเจ้าของ


    อิสระเม้มปากเงียบอย่างยอมจำนานต่อหลักฐาน



"อิสเลวเอง อิสขอโทษนะ"

"เลิกคิดว่าตัวเองผิดได้แล้ว ก็ดี...มัตถ์มีเรื่องจะบอกอิสเหมือนกัน"

"อะไรมัตถ์?"

"อย่าเพิ่งพูดอะไร ฟังมัตถ์ก่อน เรื่องแรก เฮ้อ!...มัตถ์คิดว่า ตอนนี้ อิสไม่ได้ชอบมัตถ์แล้ว
ล่ะ ส่วนเรื่องที่สอง มัตถ์ขอโทษนะ มัตถ์มีแฟนแล้ว"


     อิสระอึ้ง ตาโต และใจโหวงๆขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ แต่ในทางกลับกัน ดันรู้สึกดีที่ได้ยินว่ามัตถ์มีคนอื่นแล้ว



"ตอนที่มัตถ์เห็นอิสที่ร้านกาแฟ ยังคิดว่าตัวเองตาฝาดเลย พอรู้แน่ว่าเป็นอิส...มัตถ์ดีใจมากๆ อยากคุย อยากถามอิสมากมายว่าหายไปไหน เกิดอะไรขึ้น แต่ตอนนั้น มัตถ์ยังไม่กล้าบอกความจริงเพราะมัตถ์ไม่อยากให้อิสเครียด แต่อิสต้องเข้าใจมัตถ์ด้วยนะว่าตอนที่มัตถ์รู้มา คือ อิสตายแล้ว อิสรู้ไหมว่า ตอนนั้น มัตถ์เสียใจมากจริงๆ กว่ามัตถ์จะเริ่มทำใจ คบใครได้อีกคนก็หลังจากนั้น ตั้งสองปี"

"มัตถ์ถึงไม่โกรธที่รู้ว่าอิสกับพี่จิณณ์...เอ่อ..."

"ใช่ เหมือนการมีประเด็นนี้ ทำให้มัตถ์กล้าบอกความจริงกับอิสด้วยแหละ มันช่วยให้มัตถ์โล่งและไม่อึดอัดที่จะพูดออกไป จริงๆแล้ว มัตถ์ก็แอบพิสูจน์อาการอิสด้วยการ ที่มัตถ์แกล้งแขวะพี่จิณณ์ตอนอยู่บนรถ มัตถ์พูดแบบนั้นเพื่อจะดูปฏิกิริยาว่าอิสรู้สึกอย่างไรและก็เป็นไปตามคาด อิสออกตัว เถียงแทน เพราะอิสเข้าข้างพี่จิณณ์มากกว่ามัตถ์ พอมาเรื่องหอมแก้ม ตอนเราคบกัน อิสระจำได้ไหมว่า ทุกทีอิสจะเป็นคนเข้ามาหอมแก้มมัตถ์ก่อนและไม่อิดออดที่มัตถ์จะขอให้หอมหลายรอบ แต่พอคราวนี้มันต่างก็เลยยิ่งชัดเจน"

     อิสระเงียบเพราะสิ่งที่มัตถ์อธิบาย ยิ่งทำให้อิสระเหมือนมองเห็นตัวเองมากขึ้น

     มัตถ์วางมือทาบบนหลังมืออิสระและพูดต่อ


"มัตถ์คิดว่า ตอนแรกที่เราเจอกัน ดูเหมือนรักกัน คงเป็นเพราะเราได้กลับมาเจอคนที่ทำให้เราสบายใจมากกว่า แต่ลึกๆแล้ว มันไม่ใช่ความรักแบบคู่รักอีกแล้ว"

 
     อิสระน้ำตาคลอที่มัตถ์พูดจี้จุด อิสระขอบคุณมัตถ์และยอมเล่าความจริงว่า ก่อนหน้านี้พี่จิณณ์ก็เพิ่งสารภาพความรู้สึกเหมือนกัน


"แต่อิสไม่กล้ากลับไปแล้ว"

"ทำไมล่ะ ในเมื่อพี่จิณณ์ก็รักอิส"


"อิสเพิ่งตัดบทบอกเค้าไปว่าอิสมีมัตถ์แล้วน่ะ"

"โธ่..แค่นี้เอง เดี๋ยวมัตถ์ช่วย ว่าแต่ทิ้งไว้สักวันก่อนนะ ค่อยเคลียร์ มัตถ์อยากเห็นคนบางคนขาดใจตาย"


"ถ้ารู้อย่างนี้แล้ว ทำไมมัตถ์ไม่ให้อิสไปล่ะ"

"หมั่นไส้พี่จิณณ์ นี่มันหยามกันชัดๆเลย มาทิ้งรอยไว้ทั้งๆที่รู้ว่าอิสต้องมาหามัตถ์เนี่ย!"



     อิสระก้มหน้ารับผิด


"ขอโทษนะ มัตถ์"

"ขอโทษทำไม อิสไม่ได้ผิดสักหน่อย อะ...อะ...เชื่อมัตถ์...รออีกนิด เดี๋ยวมัตถ์ไปส่งถึงเตียงเลย"

"มัตถ์!! อย่าแซวนะ แค่นี้อิสก็อายจะแย่อยู่แล้ว"


     อิสระยกมือปิดหน้า จนมัตถ์หัวเราะออกมาดังลั่น


"โอเคครับ มัตถ์ไม่แซวแล้ว แต่อิสจำไว้อย่างหนึ่งนะ ไม่ว่ายังไงก็ตาม มัตถ์ช่วยอิสได้เสมอ เพราะอย่างน้อยเราก็เคยรักกัน"



    เงยหน้ามองมัตถ์ด้วยรอยยิ้ม จากนั้นทั้งสองกอดกันกลม ก่อนที่อิสระจะเล้าหลือให้มัตถ์เล่าเรื่องแฟนของตัวเองให้อิสระได้ฟัง....




****1.1****

มาเอาใจช่วยเด็กหนุ่มประสบการณ์ด้านความรักต่ำ
กันหน่อยเนอะ...
น้องเค้าน่ารักนะ...
.
.
ขอบคุณจ้าาาาาา
หัวข้อ: Re: +..▪..+"แสง.สุด.ท้าย"+..▪..+||ตอนที่ 11|| อัพ 25-1-18> P.3
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 25-01-2018 23:03:08
ระแวงว่าอิทธิพลจะมาเอาตัวน้องกลับไปน่ะสิ
หัวข้อ: Re: +..▪..+"แสง.สุด.ท้าย"+..▪..+||ตอนที่ 11.2|| อัพ 8-2-18> P.3
เริ่มหัวข้อโดย: rinyriny ที่ 08-02-2018 22:03:39
บทที่ 11 จะบอกเธอว่ารัก (2)







     วันถัดมา...



     มัตถ์พาอิสระไปหาป้านันตามที่ให้สัญญา จนกระทั่งถึงบ้านหลังใหญ่โต ทั้งสองยืนกดกริ่งหน้าบ้านสักพักถึงจะมีคนออกมา ซึ่งก็เป็นป้านันนั่นเอง


    ยืนช็อก ตาโต ตกใจมากที่เห็นอิสระตัวเป็นๆอยู่ตรงหน้า...เพราะป้านันก็รู้มาแบบเดียวกับที่มัตถ์รู้ว่าอิสระตายแล้ว ซึ่งเรื่องนี้ เธอเองก็เคยทะเลาะกับอิทธิพลอย่างรุนแรงที่ไม่ได้เข้าไปดูหลานเป็นครั้งสุดท้ายด้วย


     ป้านันจับอิสระพลิกตัวไป-มาอย่างไม่อยากเชื่อสายตา สองมือจับใบหน้าเพื่อพิสูจน์ชัดๆ ก่อนจะโผกอดอิสระด้วยความดีใจ  ฟากอิสระร้องไห้ตื้นตันใจที่ได้เจอญาติที่เหลืออยู่...


    ป้า-หลานกอดกันกลมอยู่นาน ก่อนจะพาเข้าไปนั่งคุยในบ้านต่อ ส่วนมัตถ์ขอเดินเตร็ดเตร่รออยู่ข้างนอก เผื่ออิสระอยากได้ความเป็นส่วนตัว




     นั่งยังไม่ทันไร ป้านันยิงคำถามมากมายจนไม่เว้นช่องว่างให้อิสระได้ตอบ และเพราะเห็นเป็นพี่สาวของแม่ อิสระจึงยอมบอกความจริงว่าที่หายหน้าไปกว่าสี่ปี อิสระไม่ได้ตาย แต่เขาถูกขังอยู่ในบ้าน

 
     หญิงวัยเกษียณดูตกใจไม่น้อย เธอถึงกับตาโต อ้าปากค้างอย่างไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน จนต้องถามย้ำกับอิสระอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ..


      เด็กหนุ่มพยักหน้ายืนยัน จากนั้นป้านันสวมกอดอิสระด้วยความสงสาร เธอโกรธอิทธิพลมาก ที่ทำกับหลานตัวเองขนาดนี้ ยิ่งพออิสระมาบอกแบบนี้ เธอเองก็รู้สึกผิดที่พอตั้งแต่น้องสาวเสียชีวิตไป เธอก็ละเลยหรือไม่สนใจจะถามไถ่อิสระให้มาอยู่ในการดูแลของเธอเลยไม่เคยสักครั้ง


        เมื่ออิสระบอกความจริง ป้านันถามต่อถึงสาเหตุที่ออกมาอยู่ข้างนอกได้


        เพียงแค่คิด อิสระหน้าแดงเมื่อนึกถึงคนที่ช่วยเขาออกมา ผุดรอยยิ้มเขิน ก่อนจะเล่าความจริงให้ฟังทั้งหมด


       ป้านันดีใจที่ได้เห็นอิสระอีกครั้ง และเพื่อชดเชยที่ก่อนหน้า เธอไม่ได้เหลียวแลหลานชาย จึงยินดีให้อิสระมาอยู่ที่นี่ด้วยกันและอยากได้อะไร ป้านันก็จะหามาให้ตามต้องการ อิสระดีใจ ยกมือขอบคุณป้านันที่ยังนึกถึงกัน


        สักพักใหญ่ๆ อิสระกับมัตถ์ขอตัวกลับไปสะสางปัญหาต่างๆ..อย่างน้อย อิสระก็ใจชื้น เพราะตอนนี้มีที่พักพิงแห่งใหม่ ไม่ต้องตะลอนย้ายที่พักบ่อยๆแล้ว


        ร่ำลาเสร็จ มัตถ์และอิสระก็ออกเดินทางกันต่อ...


"รู้นะว่า คิดถึงใครอยู่ มัตถ์ไม่แกล้งก็ได้ เดี๋ยวจะพาไปหาพี่จิณณ์ที่คอนโด เอาไหม?"


        จะไม่ให้ใจอ่อนได้อย่างไร ก็พอขึ้นรถมา อิสระเอาแต่นั่งเหม่อลอย เหงาหงอยไม่ยอมหันมาคุยกับมัตถ์สักนิด


"มัตถ์โกรธไหม? ที่อิสไม่ยอมทำตามที่มัตถ์บอก"

"เรื่องของความรักมันห้ามกันได้ที่ไหนล่ะ?"

"ถ้างั้น มัตถ์พาอิสไปหน่อยน่ะ"

"ได้...แต่ต้องจูบมัตถ์ก่อน แล้วจะพาไป?"

"ไม่! มัตถ์มีแฟนแล้วนะ"
อิสระตอบเสียงแข็ง

"ก่อนหน้านี้ อิสยังจูบมัตถ์ได้เลย"

"ก็ตอนนั้น ยังไม่รู้ว่ามัตถ์มีแฟนนี่"

"อ๊ะๆ...ก็ได้ๆ..."

"ขอบคุณนะ"



      อิสระยิ้มกว้างดีใจที่จะได้ไปเซอร์ไพร์สใครบางคนและบอกความจริงในใจให้ได้รู้







........




     สองชั่วโมงที่ทั้งคู่เดินทางถึงคอนโด อิสระไม่รอมัตถ์ รีบแจ้นเข้าสู่ตัวอาคาร เร่งฝีเท้าไปหน้าลิฟต์อย่างรวดเร็ว


     กดตัวเลขของชั้นที่ต้องการ ลิฟต์ก็เคลื่อนไปสู่ชั้นบน...


    ตึ้ง!


     ประตูลิฟต์เปิดออกกว้าง อิสระก้าวเท้าไวๆไปที่ห้อง


"อิส รอมัตถ์ด้วยดิ"

"มัตถ์ก็เร็วๆหน่อยสิ"


    หันไปบอกแต่ไม่ยอมหยุดเดิน จนกระทั่งสองขา พาตัวเองมาถึงหน้าห้อง อิสระยืนเหงื่อแตก ใจเต้นตูมตาม ก่อนจะเคาะประตูเรียก


ก๊อก ก๊อก ก๊อก!


    ไร้วี่แวว คนมาเปิดประตูให้...


    ยื่นมือกำลังจะเคาะอีกหน แต่ประตูก็ถูกเปิดออกกว้าง


   อิสระชะงัก เมื่อคนที่เขาควรจะได้เห็นคือพี่จิณณ์ แต่คนตรงหน้ากลับไม่ใช่...


"พ...พี่ทอย"

"อะ...อิส"

[/i]
    ราวกับเจอผี ต่างฝ่าย ต่างหน้าซีด เพราะไม่คิดว่าจะได้มาเจอกันในสถานที่แบบนี้...



"ทำไมพี่ทอยมาอยู่ที่นี่ครับ?"



    แผ่วเบาจนแทบหายไปในลำคอ เพราะลึกๆก็กลัวคำตอบที่ได้ยิน


    ทำไมมันถึงเกิดเรื่องแบบนี้ได้ ในเมื่อวันนั้น อิสระยังเห็นพี่จิณณ์กับพี่ทอยไม่ลงรอยกันอยู่เลย  แล้วทำไม? ทำไม? พี่ทอยกับพี่จิณณ์ถึงได้มาอยู่ในห้องเดียวกันแบบนี้


    อิสระน้ำตาคลอเมื่อความคิดที่จินตนาการไปต่างๆนานามันพรั่งพรูไปในแง่ร้าย


    ความรู้สึกที่อยากสารภาพความในใจมันจุกจนพูดไม่ออก อิสระเสียใจ กำลังหันหลังกลับ



"อ้าว!...น้องอิส"


    ชะงักและหันขวับไปมองอีกครั้งอย่างตกใจกว่าเก่า


"พะ...พี่ฮูม"

   
    แวบหนึ่ง อิสระสังเกตเห็นพี่ทอยก้มหน้าทันทีที่พี่ฮูมเดินออกมา อิสระมองพี่ฮูมที่นุ่งเพียงผ้าขนหนูผืนเดียว แขนแข็งแกร่งวางพาดไหล่พี่ทอยทำให้อิสระแปลกใจเล็กน้อย


"มาหาไอ้จิณณ์มันหรอ?"

"คะ...ครับ?"

"มันกลับไปอยู่คอนโดมันแล้วล่ะ"

"ทำไมล่ะครับ?"

"อ้าว!..ถามมาได้ ก็คนโดนทิ้ง ใครจะอยากอยู่ล่ะ อีกอย่างที่มันต้องดิ้นรนมาอยู่ที่นี่ก็เพราะน้อง พอน้องไป มันก็ไม่จำเป็นต้องหลบหรือหนีใครแล้วนี่" อิสระจุกกับคำพูดที่ทั้งตรงและแรง

"แต่ผมเพิ่งจะไม่อยู่แค่วันเดียวเอง ทำไมพี่จิณณ์ย้ายออกเร็วจังล่ะครับ?"


     อิสระใจหายที่รู้ข่าวแบบนี้ จากตอนแรกที่สงสัยในความสัมพันธ์ระหว่างพี่ฮูมกับพี่ทอย เขาลืมไปทันที


"มันมีแค่เสื้อผ้า ข้าวของเฟอร์นิเจอร์ที่นี่ พี่ก็ตกแต่งมาตั้งแต่แรก  ถ้าไม่รักมันก็อย่าเซ้าซี้เลย กลับไปเถอะน้องอิส"

"พี่พูดให้มันดีๆหน่อย แล้วรู้ได้ไงวะ ว่าอิสไม่รักพี่จิณณ์น่ะ ห้ะ..." มัตถ์แก้ตัว และเถียงแทน เพราะรู้สึกว่าเพื่อนพี่จิณณ์คนนี้ปากจัดพอสมควร อิสระยกมือแตะแขนเพื่อนเพื่อปรามๆ

"ก็..."

"ผมรักพี่จิณณ์ครับ พี่ฮูม"

 
   บอกแค่นั้นก็หมุนตัวกลับไปยังทางเดิมที่มา พ้นประตูไม่ไกล อิสระได้ยินเสียงลอยตามมา

   
"ถ้าอยากไปเจอไอ้จิณณ์ ก็ไปหามันที่ร้านอาหารละกัน มันอยู่ที่นั่น"


   อิสระหยุดชะงักเมื่อได้ยินคำตอบ ก่อนจะจับแขนมัตถ์ให้เดินเร็วขึ้น


   ขณะที่เดิน อิสระก็ไหว้วานมัตถ์ให้ช่วยพาไปคอมมูนิตี้มอลล์ที่มีร้านอาหารพี่จิณณ์ตั้งอยู่ที่นั้น


    มัตถ์ไม่มีอิดออดอะไรสักนิด ทำให้อิสระซึ้งในน้ำใจ เอ่ยขอบคุณมัตถ์ซ้ำๆที่วันนี้เป็นสารถี รับส่งไม่มีบ่น ซึ่งมัตถ์เองก็ทำด้วยความเต็มใจเพียงเพราะอยากช่วยอิสระให้สมหวังเหมือนกัน



    ตลอดทั้งวัน ช่างเป็นการเดินทางที่ต้องฝ่าการจราจรรถติดพอสมควร   

    อิสระร้อนใจที่รถไม่ขยับเยื้อน เพราะกลัวว่า ถ้าเดินทางถึงร้านแล้วจะคลาดกับพี่จิณณ์ไปเสียก่อน


     กว่าจะเดินทางถึง ก็ค่ำมืดแล้ว อิสระกวาดตามองหาร้านจนทั่ว ไม่นานสายตาปะทะกับร้านอาหารไทยแห่งหนึ่ง


      เร่งฝีเท้าจนถึงทางเข้าร้านก็มีพนักงานต้อนรับทักทาย อิสระรีบบอกว่ามาหาใคร พนักงานดูตกใจพอสมควร


      พนักงานเชิญอิสระให้นั่งรอสักครู่ก่อน จากนั้นเธอก็ไปตามมาให้

      ราวสิบนาที ที่อิสระได้ยินเสียงคนพูดมาจากทางด้านหลังของเขา


"ขอโทษนะครับ"


     พออิสระหันไปเห็นพี่จิณณ์ ก็ยิ้มกว้างอย่างหุบไม่อยู่ อิสระรีบผุดลุกขึ้นยืนเต็มความสูง


"พี่จิณณ์"


     อิสระรู้ได้อย่างไร ว่าจิณณ์อยู่ที่นี่...

     แม้จะดีใจที่เห็นแต่ลึกๆก็มีความเศร้าใจซ่อนอยู่..


"มาที่นี่ มีอะไรหรือเปล่าครับ?"

"มีครับ"



    อิสระเดินก้าวไปข้างหน้าอีกก้าวเพื่อเข้าใกล้พี่จิณณ์มากกว่าเดิม


"เรื่องนัดพบจิตแพทย์ครั้งหน้า พี่จิณณ์เป็นคนพาผมไปได้ไหมครับ?"


    จิณณ์ยืนนิ่งไปครู่ ก่อนจะผุดรอยยิ้มจาง


"ได้สิ แต่บอกพี่ได้ไหม? ว่าพี่ไปในฐานะอะไร?"


   อิสระเม้มปากแน่นจนเป็นเส้นตรง ตอนอยู่ในรถมีคำพูดในหัวมากมายที่อยากจะบอก อยากสารภาพความรู้สึกทั้งหมดที่มี แต่พอเจอหน้าจังๆ กลับพูดไม่ออกเพราะไม่กล้า


    ข้างในใจเต้นตูมตาม ยืนจับมือตัวเองจนบิดเบี้ยว  เงียบอยู่นานจนตัดสินใจสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด เงยหน้าสบตาพี่จิณณ์อย่างมุ่งมั่น


"คนรักครับ"


     ฟึ่บ!

     ทันใดนั้น... อิสระตกใจเมื่อพี่จิณณ์กระชากแขนอย่างแรงเพื่อเดินออกจากร้าน
 
 
     เดินดุ่มๆโดยที่มือก็ไม่ยอมปล่อยข้อมืออิสระ จนถึงป้ายบอกทางไปห้องน้ำ ทั้งสองเดินเลี้ยวเข้าไปยังตรอกทางเดินแคบๆ และเข้าสู่ตัวห้องน้ำกว้างขวาง จิณณ์ดึงมือให้อิสระเข้าไปในห้องน้ำปิดประตู ใส่กลอน จากนั้นดึงตัวอิสระมากอด


    จิณณ์อยากทำตั้งแต่อยู่ในร้านแล้วทันทีที่ได้ยินคำนั้น แต่เพราะพนักงานอยู่เยอะ จึงต้องรักษาหน้าความเป็นเจ้าของร้านไว้ซะก่อน


    แขนแข็งแกร่งโอบกอดอิสระแน่นจนร่างเล็กกว่าจมอกคนตัวโต


"ที่บอก มันเป็นเรื่องจริงใช่ไหม?"

"จริงครับ ผมรักพี่จิณณ์ ผมรู้ตัวแล้วว่า ผมไม่ได้รักมัตถ์ และมัตถ์เองก็มีแฟนอยู่แล้วด้วย"

"ขอบคุณนะ อิส ขอบคุณ"


"ผมต่างหากที่ต้องขอบคุณพี่จิณณ์ พี่ดีกับผมทุกอย่าง จนผมไม่เคยคิดเลยว่า ในชีวิตจะมีใครทำให้ผมได้มากขนาดนี้ ผมไม่มีอะไรด้วยซ้ำ แต่พี่ก็ยังมารักคนอย่างผม?"


"ก็เพราะไม่มีอะไรไง"



     อิสระชะงัก เมื่อเห็นคนตรงหน้าพูดตรงๆออกมา


"อิสจะได้รู้ว่าพี่ไม่ได้คาดหวังทรัพย์สินเงินทองหรืออะไรจากตัวอิสมากไปกว่า...."


     
     ผละออกจากอ้อมกอด ลูบแก้มอิสระแผ่วเบา ก่อนจะกดจูบบนหน้าผาก ดึงมืออิสระไปวางบนอกข้างซ้ายของเจ้าตัว โดยที่มีมือจิณณ์วางทาบทับไว้

     มืออุ่นๆกำลังจับจังหวะการเต้นของหัวใจได้ชัดเจนว่าเต้นเร็วแค่ไหน


"...หัวใจ..."



    อิสระเขิน หน้าแดง หลบตาคนยิ้มกรุ้มกริ่ม และไม่คิดว่าคนอย่างพี่จิณณ์จะพูดอะไรแบบนี้ได้



"พี่ว่าพี่รีบออกไปเคลียร์งานที่ร้านก่อนดีกว่า"


    ตัดบท เพราะไม่อยากเสียเวลาไปมากกว่านี้ เพราะจิณณ์อยากรีบกลับไปนอนกอดอิสระจะแย่อยู่แล้ว


"ครับ"


   บอกความในใจกันหมดเปลือก ทั้งคู่เดินออกมาจากห้องน้ำห้องเดียวกัน แต่ต้องหน้าร้อนผ่าว เมื่อเห็นคิวคนยืนรอต่อเพียบ


   ทั้งสองก้มหน้าเร่งฝีเท้าเดินออกจากห้องน้ำ พ้นมาไกล มองหน้ากัน แล้วระเบิดหัวเราะพร้อมกันอย่างรู้ความนัย


    ในระหว่างที่รอพี่จิณณ์ อิสระปล่อยให้มัตถ์กลับก่อน พร้อมขอบคุณมัตถ์ที่มาส่งและคอยช่วยเหลือทุกอย่าง


     จนกระทั่ง เวลาผ่านไปชั่วโมงเศษๆ จิณณ์ก็เดินมาหาอิสระที่นั่งรออยู่


"ขอโทษนะที่ให้รอนาน"

"ไม่นานเลยครับ"



     ส่งยิ้มและวางมือบนกลางศรีษะเด็กหนุ่มโยกไป-มา ก่อนจะพากันเดินออกจากร้านเพื่อนเดินทางกลับคอนโด


    ใช้ระยะเวลาพอสมควรก็ถึงห้อง ทั้งสองถอดรองเท้าเสร็จ จิณณ์จับมืออิสระพร้อมบอก


"ไปอาบน้ำกัน"



    หน้าร้อนผ่าวทันทีที่ได้ยิน เพราะพอบอกว่าอาบน้ำก็นึกถึงครั้งก่อนที่พี่จิณณ์ทำออรัลเซ็กส์ให้


"พี่จิณณ์อาบก่อนเถอะครับ ผมรอได้"


   หมุนตัวหันมารั้งเอวอิสระดึงให้ไปประชิดตัว กดหน้าลงต่ำ เคลื่อนไปใกล้จนจมูกชนกัน


"ทำไมล่ะ อิสอายหรอ?"


"เอ่อะ...ก็..."

"พี่อยากทำให้อิสมีความสุขอีกนี่ครับ อิสรู้ไหม? พี่ยังจำหน้าอิสวันนั้นได้อยู่เลย"



   จบคำนั้น อิสระผลักอกห่างออก ก้าวถอยหลัง ยกมือปิดหน้า


"ทะลึ่ง! อย่าพูดให้ผมอายสิครับ"

"อ้าว! ...พี่พูดความจริง ก็หน้าอิสวันนั้้น มัน...แบบว่า..."


"พี่จิณณ์!!"


   จิณณ์กลั้วหัวเราะ ยกมือ ทำท่าแคะหู


"ตะโกนทำไมครับ? พี่ก็อยู่ใกล้ๆแค่นี้เอง ฮึ!.ไปอาบน้ำกันเร็วสิครับ"


   อิสระหน้าแเดง ส่ายหน้ารัว จนจิณณ์ขำกับท่าทางเงอะๆงะและหน้าแดงจัดจนจิณณ์อยากจะจับมาฟัดให้หายอยาก

   ยิ้มและเดินไปหาอิสระ กอดอีกครั้ง หอมแก้มและบอก


"ไม่แกล้งละ พี่อาบน้ำก่อนนะครับ"

"ครับ...อ้อ! เดี๋ยวครับพี่จิณณ์"


    คนอายุมากกว่า ทำหน้าสงสัย เมื่อเห็นอิสระดูทำหน้าเหมือนนึกอะไรขึ้นได้และลนลานแปลกๆ มองท่าทางเด็กหนุ่มที่ดูโทรศัพท์มือถือตัวเอง จากนั้นก็ขมวดคิ้วก่อนจะมาขอเครื่องมือสื่อสารของจิณณ์...


    เขาส่งเครื่องมือสื่อสารไปให้อิสระ


    ยืนกอดอก มองคนมุ่งมั่นกับการหาอะไรบางอย่าง จนอดจะอยากรู้ไม่ได้ พอชะโงกหน้าดู อิสระก็เบี่ยงตัวหนี


    สักพัก อิสระก็ยกยิ้มเขินๆ จากนั้น เสียงเพลงก็แผดเสียงดังขึ้นมาจากโทรศัพท์มือถือ


'และใครจะรู้ รักที่มีอยู่
เก็บในใจมาแสนนาน เก็บมันอยู่จนล้นใจ
ก็เธอนั้นอยู่สูง สูงเกินไป
ไม่มีทางที่หัวใจ มันจะได้พูดไป ให้ฟัง....'


    หรี่ตามองอิสระที่ดูออกอาการชอบอก ชอบใจ


"ผมให้พี่จิณณ์ครับ"
บอกเสร็จก็เดินมาใกล้ ยกโทรศัพท์ไปแนบหูพี่จิณณ์...


    ถึงจังหวะท่อนฮุกของเพลง จะบอกเธอว่ารัก ของ The Parkinson พอดี


...
'จะบอกเธอว่ารักหมดไปทั้งหัวใจ เธอได้ยินไหม?หยุดมันไม่ไหว
ตั้งแต่แรกเจอ
อ่อนแอทุกครั้งแค่เพียงได้เห็นแววตาของเธอ ...'
...
...
'แค่เพียงต้องการให้เธอได้รู้...'


   ยืนฟังคนส่งเพลงแทนความรู้สึกในใจก็อดอมยิ้มไม่ได้ อิสระยิ่งทำให้จิณณ์นักมากขึ้น เพราะเขาสัมผัสได้ถึงความจริงใจและตั้งใจที่อิสระมอบให้


  ช่างเป็นความสุขที่แม้จะดูเรียบง่าย แต่ประเมินค่าไม่ได้
 

  อิสระ คือ ความสุขทั้งทายกายและทางใจของเขา



"ทำไมถึงให้เพลงนี้ครับ" ถามทั้งๆที่เพลงก็ยังดำเนินต่อไปเรื่อยๆ

 "ผมได้ยินตอนมัตถ์เปิดฟังในรถ ผมชอบเนื้อหาครับ มันตรงกับความรู้สึกผมที่ผมมีให้พี่...อื้อ....อี้อิน"


    ไม่ใช่ไม่อยากฟังคำสารภาพ แต่คิดว่าเวลานี้การกระทำสำคัญที่สุด จิณณ์โยนโทรศัพท์ลงบนเตียง ใช้สองมือประคองใบหน้า เคลื่อนริมฝีปากไปประกบจูบริมฝีปากปากอีกฝ่าย ดูดและขบเม้มเบาๆ ที่ริมฝีปากล่าง ก่อนจะสอดเรียวลิ้นกวาดต้อนน้ำหวานอย่างหื่นกระหาย


   เร็วจนไม่ทันตั้งตัว อิสระแทบยืนไม่อยู่ จู่ๆขาก็อ่อนปวกเปียก ไร้เรี่ยวแรง เมื่อได้รับรสจูบที่เริ่มร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ


   ทั้งสองยังจูบกันเนิ่นนาน สักพักใหญ่ๆ จิณณ์ถึงผละออก ก่อนใช้เรียวลิ้นเลียวนริมฝีปากที่บวมเจ่อปิดท้าย


"พี่รักอิสนะ"

"เหมือนกันครับ แต่ผมคิดว่า ผมน่าจะรักพี่จิณณ์มากกว่า"
พอกล้าเผยความรู้สึกในตอนแรกได้ ทีนี้ อิสระก็ชักเอาใหญ่


"ปากหวาน เดี๋ยว พี่ค่อยรวบยอดทีเดียวละกัน เพราะพี่ว่าพี่คงต้องรีบไปอาบน้ำก่อน"
 


    ยีผมอิสระเล่น ก่อนจะผลุบหายเข้าห้องน้ำไปพร้อมผ้าเช็ดตัว


    พอจิณณ์ลับตาไปในลานสายตา อิสระยืนกุมอกข้างซ้ายที่ยังใจเต้นแรงไม่หาย อิสระเดินไปทิ้งตัวลงนอนบนเตียงพร้อมรอยยิ้มที่หุบไม่อยู่


     นอนทั้งๆที่อมยิ้ม ก่อนจะพักสายตาระหว่างรอพี่จิณณ์อาบน้ำ แต่ไม่รู้ตัวเลยว่าวันนี้ที่วิ่งวุ่นไปนู้นนี้ทั้งวัน ทำให้อิสระเพลียจัด จนผล็อยหลับไปด้วยความเหนื่อยที่มาพร้อมความสุขซ่อนอยู่...



................................




หวานกันได้สักที..เย้! 555+

ขอบอกๆ...
ก่อนอื่นแจ้งก่อน อาจมีคนอ่านคิดว่า...ช่วงนี้อาจดูเหมือนแผ่วๆ ไม่หวือหวา เราตั้งใจให้ช่วงนี้มันปูเป็นเรื่องจิณณ์กับอิสระเป็นหลักค่ะ เรื่องดูเหมือนธรรมดาๆๆหน่อย
แต่จากนี้จะเป็นยังไง  ขอให้อดใจรอกันอีกนิด...เพราะจะจบเรื่องแล้วค่ะ...
...
ถ้าคิดเห็นยังไงบอกกันได้เน้อ
...
.
ขอบคุณจ้าาาาาา :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: +..▪..+"แสง.สุด.ท้าย"+..▪..+||ตอนที่ 11.2|| อัพ 8-2-18> P.3
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 09-02-2018 00:39:50
 :man1:

 :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: +..▪..+"แสง.สุด.ท้าย"+..▪..+||ตอนที่ 11.2|| อัพ 8-2-18> P.3
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 21-02-2018 02:01:08
 :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: +..▪..+"แสง.สุด.ท้าย"+..▪..+||ตอนที่ 12|| อัพ 22-2-18> P.3
เริ่มหัวข้อโดย: rinyriny ที่ 22-02-2018 21:29:05


บทที่ 12 ฮันนีมูน


 
   


  "พี่จิณณ์จะพาผมไปไหนครับ?"


    เสียงตกใจดังลั่นรถจนจิณณ์สะดุ้งเฮือก


"เบาๆสิครับ อิส พี่แค่พามาเปลี่ยนบรรยากาศ" 
มองถนนข้างหน้า ก่อนจะชำเลืองมองอิสระพลางยิ้มมุมปาก


     ได้คำตอบ อิสระนั่งเงียบ กวาดตามองรอบตัวเอง และเบี่ยงไปทอดสายตามองออกไปนอกรถอย่างไม่เข้าใจ เพราะเท่าที่จำได้ คือตัวเองนอนเล่นอยู่บนเตียง แต่ทำไม ตอนนี้ ถึงมานั่งในรถที่กำลังมุ่งหน้าไปไหนก็ไม่รู้...

"พี่จิณณ์ผมอยากรู้ว่าเราจะไปไหนกันครับ!"

"เดี๋ยวก็รู้!"
ยังไม่ยอมบอกและยิ้มอย่างมีเลศนัย ทำให้อิสระยิ่งแปลกใจ เนื่องจากไม่คุ้นเส้นทาง รู้เพียงแค่ตอนนี้เพิ่งหกโมงเช้า อิสระพึมพำก่อนจะตัดสินใจตัดบทด้วยการหลับตาลงอีกรอบ

   
    ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง คนที่นอนพักสายตา ต้องตื่นขึ้น เมื่อได้รับลมเย็นๆจากด้านนอกปะทะเข้าใบหน้า เส้นผมปลิวตามแรงลม เมื่อจิณณ์ลดกระจกลงทำให้เด็กหนุ่มสัมผัสถึงอากาศหนาวเย็นพร้อมความสดชื่นของโอโซนธรรมชาติจากสองข้างทางที่เต็มไปด้วยต้นไม้ปกคลุมทอดเป็นทางยาวตลอดแนว

     

      สูดลมหายใจเข้าจนลึกเต็มปอด หลุดยิ้มกว้างพร้อมยื่นมือออกไปนอกตัวรถโดยอัตโนมัติ


      ปรายตามองอิสระ แม้จะเห็นแวบๆก็ยังจับอาการได้ว่าอิสระมีความสุข


"ชอบไหม?"


     อิสระเหลียวมองก็ยิ้มอย่างหุบไม่อยู่


"ชอบมากครับ พี่จิณณ์"


     อิสระไม่ได้มาเห็นความเป็นธรรมชาติที่ชวนให้สบายตาแบบนี้มานานแล้ว พอมาเจออะไรแบบนี้ อิสระก็รู้สึกดีขึ้นมาอย่างน่าประหลาด


     รถยังคงมุ่งหน้าไปตามเส้นทางที่เคี้ยวคด และไม่นานก็ถึงที่หมาย


     ผากล้วยไม้ คือ ป้ายที่อิสระเห็น ซึ่งเป็นสถานที่ที่จิณณ์พาอิสระมาพักผ่อนที่ไม่ไกลจากกรุงเทพมากนัก วนหาที่จอดรถได้ทั้งสองก็ลงจากรถ


     อิสระใจเต้นแรงด้วยความตื่นเต้น และไม่นึกโกรธที่พี่จิณณ์ไม่ยอมบอกในตอนแรก เพราะตอนนี้ อิสระรู้แล้วว่าพี่จิณณ์อยากทำเซอร์ไพร์ส


     จังหวะที่จิณณ์เข้าไปจุดติดต่อ-เช่าเต็นท์ อิสระน้ำตาคลอกับความจริงที่เกิดขึ้นตรงหน้า เพราะอิสระไม่เคยคิดเลยว่าจะมีคนทุ่มเท ใส่ใจเขามากขนาดนี้

    รีบซับน้ำตา เพราะถ้าพี่จิณณ์เห็นก็กลัวเข้าใจผิด


"ไปกันครับ"

 "เราจะกางเต็นท์กันที่นี่หรอครับ?"

"อื้ม!"


    ระหว่างเดินที่ต่างฝ่ายต่างช่วยกันถือของพะรุงพะรัง อิสระแอบเคืองเรื่องไร้สาระ


"ทำไมพี่ไม่บอกผมก่อนว่าเราจะมาเที่ยว ผมใส่ชุดเดิมแบบนี้ แสดงว่าผมยังไม่ได้อาบน้ำใช่ไหมเนี่ย?"

"ใช่ครับ"


"พี่จิณณ์อะ!"


      หน้าแดงเมื่อนึกสภาพตัวเองตอนนอนเมื่อคืน ทำไม อิสระถึงหลับลึกขนาดนี้ ถึงไม่รู้ตัวเลยว่ามีคนพาหนีมาถึงที่นี่


       เด็กหนุ่มเดินก้มหน้าเงียบเพราะแอบเขินมาตลอดทาง จนกระทั่งมาหยุดอยู่ตรงจุดที่ไม่ไกลจากตรงที่จอดรถไว้เท่าไหร่นัก จิณณ์เลือกจุดกางเต็นท์ ที่มีพื้นที่ไม่กว้างมาก หากมีคนมากางเต็นท์ใกล้กัน จำนวนเต็นท์ก็จะน้อยกว่าลานอื่นๆ เพราะจิณณ์อยากสวีทกับอิสระได้อย่างเต็มที่


      ทั้งสองวางข้าวของลงบนพื้นหญ้า ก็ช่วยกันจัดแจง กางเต็นท์อย่างขะมักเขม้น ใช้เวลาไม่นานก็เรียบร้อย จิณณ์แบกกระเป๋าเป๋มุดเข้าเต็นท์เพื่อไปเก็บสัมภาระ


"เข้ามาสิครับอิส"

    อิสระยืนเก้ๆกังๆก่อนจะเดินเข้าไปข้างใน

    จังหวะที่อิสระรูดซิปเต้นท์เสร็จ ไม่ทันไร

หมับ!

     แขนแข็งแกร่งกอดรัดอิสระจากด้านหลังจนร่างอิสระถลาไปกระแทกแผ่นอกจิณณ์


"พี่จิณณ์ผมยังไม่ได้อาบน้ำนะครับ?"
บอกห้ามทันทีที่จิณณ์จูบหลังคอ

"ช่างสิ...พี่ไม่สน อยากกอด อยากหอมจะแย่"

    ใบหน้าที่จิณณ์ไม่เห็นเลยว่าแดงจัดราวกับลูกมะเขือเทศ
 
 
"พี่จิณณ์ ปล่อยก่อนเถอะ ผมเหนียวตัวอยากอาบน้ำครับ" คนโดนกอดร้องห้าม แต่มิวายยิ้มจนแก้มปริ


"ไม่ต้องอาบหรอก ให้พี่กอดก่อนนะ"


    ฟังคนพูดจาออดอ้อน แล้วใจสั่น อิสระจับแขนทั้งสองข้างของพี่จิณณ์ให้คลายอ้อมกอด หมุนตัวไปประจันหน้า


"แต่ถ้าผมอาบน้ำเสร็จ ตัวผมก็จะเย็นๆดี มันไม่น่ากอดกว่าหรอครับ?"

"เข้าใจพูดนะอิส ก็ได้ครับว่าแต่ให้พี่ไปเป็นเพื่อนไหม?"


     พูดไป มือก็ยกมาลูบแก้มอิสระอย่างเอ็นดู

 
     อิสระสัมผัสได้ว่าพอเป็นแฟนกัน พี่จิณณ์ดูแสดงออกว่าใส่ใจกันมากขึ้น


"ไม่เป็นไรครับ ผมไปได้" บอกให้พี่จิณณ์มั่นใจว่าดูแลตัวเองได้ดีจริงๆ

"พี่รอนะ"

     มองคนหน้าเพลีย ก็รู้สึกซึ้งใจที่พี่จิณณ์ให้ความสำคัญกันมากถึงเพียงนี้

    มันไม่มีความจำเป็นอะไรด้วยซ้ำที่พี่จิณณ์ต้องขับรถมาไกลหลายร้อยกิโลเมตร นอกซะจากว่าพี่จิณณ์อยากให้เขามีความสุข

จุ๊บ!


   อิสระยื่นปากไปจุ๊บริมฝีปากพี่จิณณ์เบาๆเป็นของขวัญ และรู้ว่าสิ่งที่อิสระทำยังน้อยกว่าที่พี่จิณณ์ทำให้ทั้งหมดด้วยซ้ำ


"ผมจะรีบมา รอผมนะ"


    คว้าเสื้อผ้าและของใช้ในการอาบน้ำก็ออกไปยังห้องน้ำ


    อากาศหนาวเย็นจนอิสระชักอยากเปลี่ยนใจ แต่ติดตรงที่เมื่อคืนก็ไม่ได้อาบน้ำและไม่ค่อยสบายตัวเท่าไหร่ก็จำใจต้องฝืนทน


     เพียงเปิดฝักบัว สายน้ำที่โดนตัวทำเอาอิสระสบถด้วยความหนาวเย็น ยืนกอดอก ตัวงอเป็นกุ้ง เพราะไม่รู้ว่าน้ำจะเย็นยะเยือกขนาดนี้ ยืนทำใจอยู่นานสองนานกว่าจะให้น้ำโดนตัวได้แต่ละที

      กระทั่ง อาบน้ำแต่งตัวเสร็จ ก็เร่งฝีเท้ากลับไปที่เต้นท์  จังหวะที่เสียงรูดซิบเต็นท์ดังขึ้นทำให้คนที่นอนพัก ลืมตาตื่นและลุกพรวดขึ้นมานั่ง อิสระรู้สึกผิดที่ทำให้พี่จิณณ์ตื่น


"ผมขอโทษครับที่ทำให้พี่จิณณ์ตื่น"

"ว่าจะรอ แต่เพลียน่ะเลยเผลอหลับไปเฉยเลย"


      อยากเอาใจคนที่ยอมขับรถพามาเที่ยวและเปลี่ยนบรรยากาศ เด็กหนุ่มโผเข้าไปกอดพี่จิณณ์และหอมแก้มทั้งสองข้าง


"ดีขึ้นไหมครับ"


      กลิ่นหอมอ่อนๆของครีมอาบน้ำและผิวเนียนๆเย็นๆที่มาถูไถจิณณ์ ทำให้เขารู้สึกดี จิณณ์กอดกลับและฝังจมูกลงซอกคออิสระ จังหวะที่คนตัวโตขบเม้มดึงดูดเนื้อนุ่มนิ่ม มือหนาสอดเข้าใต้เสื้อยืดแขนยาว ลูบไล้หน้าท้อง เคลื่อนไปยังยอดอกถู คลึงวนและบีบเบาๆจนอิสระหลุดเสียงครางตามมาด้วยเสียงร้องห้าม


"พี่จิณณ์ อย่า!"

    ผละออกมาถาม

"ทำไมล่ะครับ?"

"ผม..คือ"
อิสระอายไม่กล้าบอกว่าพอเปลี่ยนที่ เปลี่ยนบรรยากาศ อิสระวูบหวิว และอ่อนไหวง่ายกว่าทุกครั้ง


"พี่จิณณ์เพลียมา ผมนวดให้ดีกว่าครับ"


    เจอข้อเสนอของเด็กหนุ่ม คนหล่อหยุดมือและเลิกคิ้วขึ้นอย่างประหลาดใจ


"อิสนวดเป็น?"

"ก็พอได้ครับ พี่จิณณ์นั่งดีๆ เดี๋ยวผมนวดให้"


     จากตอนแรกที่จิณณ์นั่งหันหน้าหาอิสระ ก็หันหลังให้แฟนได้ปรนนิบัติ

    อิสระนวดและบีบช่วงท้ายทอยไล่ลงมาจนถึงต้นคอโดยลงน้ำหนักกดค้างไว้และปล่อย ทำแบบนี้ซ้ำๆสักพัก อิสระก็เริ่มไล่ลงมานวดบริเวณบ่าทั้งสองข้าง บรรจงใช้ปลายนิ้วค่อยๆลงน้ำหนักกดจากบ่าเข้าหาต้นคอทำไปเรื่อยๆ


"อื้ม!...ดีจังเลย อิส"



     จังหวะที่อิสระพักมือ จู่ๆจิณณ์ทิ้งตัวลงนอน วางหัวลงบนตักของอิสระ

"ปวดหัวจัง"


   พอยิ่งเผยความรู้สึกต่อกัน ดูเหมือนพี่จิณณ์จะยิ่งทำตัวอ้อนขึ้นทุกวันๆ

    อิสระส่ายหน้าน้อยๆกับความเจ้าเล่ห์ ก่อนจะยื่นมือตัวเองค่อยๆนวดคลึงเบาๆเป็นวงกลมบริเวณขมับทั้งสองข้าง ค่อยๆเคลื่อนเข้าไปสู่จุดกึ่งกลางของหน้าผากวนสู่จุดเดิม ก่อนจะไล่ไปยังสันจมูกหว่างคิ้ว ตามด้วยหัวตา



    อิสระยิ้ม มือก็ยังคงนวด ปรนนิบัติให้พี่จิณณ์ยังไม่มีลดละ สักพักเสียงของคนที่เอ่ยปากชมชอบก็หายไปเหลือเพียงเสียงของลมหายใจที่ดังสม่ำเสมอ


     ไม่บ่นสักนิดที่ต้องมานั่งนวด แถมขาเริ่มชาเพราะเหน็บกินขาจากเหตุที่คนตัวโตยังคงนอนหนุนตัก

     เพราะหากเทียบกับสิ่งที่พี่จิณณ์ทำให้ตลอดที่รู้จักกันมา อิสระตอบแทนได้เพียงเล็กน้อยจริงๆ...


"ขอบคุณโชคชะตาที่ทำให้ผมได้เจอพี่จิณณ์นะครับ ผมไม่เคยรักใครมากเท่าพี่เขาเลย พี่จิณณ์ดีกับผมมากจริงๆ...ผมรักพี่ อย่าทิ้งผมนะพี่จิณณ์"


     ถ้าจิณณ์ได้ยิน คงตอบรับทันควันว่าไม่มีทางทิ้งอิสระไปอย่างแน่นอน แต่ประโยคที่เอื้อนเอ่ยออกมา กลับไร้ซึ่งคนฟัง คำพูดลอยๆที่อิสระตั้งใจระบายออกไปเท่านั้น เพราะถึงต่อให้จิณณ์ตื่นขึ้นมา อิสระก็จะไม่พูดเก็บเอาไว้ให้ตัวเองรู้คนเดียวก็พอแล้ว


     สามชั่วโมงผ่านไป จิณณ์ตื่นขึ้นมาก็เห็นคนข้างกายนอนเอาหัวซุกอกเขา

    อมยิ้มดีใจกับความสุขง่ายๆ ความสุขที่แค่มีอิสระนอนเคียงข้าง..


    และไม่รู้เป็นอะไร แค่อิสระนอนใกล้ๆ จิณณ์ก็อยากกอด อยากรัด อยากฟัดอย่างหื่นกระหาย จิณณ์วาดแขนไปโอบอิสระ โน้มตัวไปใกล้เพื่อบรรจงจูบหน้าผาก จูบปลายจมูก และจบด้วยการประทับจูบบนริมฝีปากอีกฝ่าย อิสระที่หลับอยู่ก็ปรือตามามอง


"ตื่นแล้วหรอครับ พี่จิณณ์?"

"ครับ...หิวรึยัง ออกไปหาอะไรกินกันไหม?"


      อิสระพยักหน้า จากนั้นทั้งสองก็ลุกขึ้นนั่งมึนๆ ก่อนจะตั้งสติ ออกจากเต็นท์ไปหาของกินให้อิ่มท้อง


      หลายชั่วโมงที่สองใช้เวลาไปกับการเดินทาง กินข้าว และได้ตั๋วส่องสัตว์ไว้ดูสำหรับคืนนี้มาด้วย


      ทั้งสองกลับมาที่เดิมก็ตกใจ  เพราะไม่น่าเชื่อว่า แค่ไม่กี่ชั่วโมงที่ทั้งสองออกไปหาอะไรกิน จะเห็นความแตกต่างของผู้คนอย่างเห็นได้ชัด อิสระมองรถที่จอดเต็มพื้นที่ ผู้คนเดินขวักไขว่ ซึ่งคนที่มาส่วนใหญ่ก็มีทั้ง คู่รัก ครอบครัว และเพื่อนกลุ่มใหญ่ ได้เห็นรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของกลุ่มคนที่เดินสวนกัน อิสระก็มีความสุขแทน

    นี่สินะ... ความสุขที่ทุกคนต้องการ ช่วงเวลาแห่งการได้ใช้เวลาร่วมกันอย่างมีคุณภาพ

     เดินผ่านผู้คนมากมายมาจนถึงเต็นท์ของตัวเองก็ต้องตกใจ เมื่อตอนนี้ พื้นที่ที่เคยว่างกลับเต็มไปด้วยเต็นท์อัดกันหนาแน่น   ซึ่งเต็นท์ที่ใกล้กันกับอิสระ เป็นกลุ่มวัยรุ่นกลุ่มใหญ่ที่ช่วยกันกางเตนท์ขนาดใหญ่กันอยู่

     เด็กคนหนึ่ง ที่เห็นทั้งสองถอดรองเท้า กำลังจะมุดเข้าเต็นท์ก็ตะโกนขึ้นและทักทายอย่างเป็นมิตร


"สวัสดีครับพี่! ยินดีที่ได้รู้จัก อาจมีเสียงดังกันบ้าง คงไม่ว่ากันนะครับ"

"ครับ!" จิณณ์และอิสระยิ้ม แต่จู่ๆอิสระตกใจ เมื่อพี่จิณณ์บีบมือแน่นเข้าเต็นท์ไป


    เข้ามาได้แล้ว อิสระรีบถาม


"เมื่อกี้ พี่จิณณ์เป็นอะไรครับ?"

"มีคนมองอิส"
อิสระโคลงศรีษะมองด้วยความฉงน อิสระงงเพราะนึกไม่ออกและแทบไม่ได้สังเกตเลยด้วยซ้ำ

"คิดมากไปรึเปล่าครับ ผมไม่เห็นมีใครมองเลย"

"น้องผู้ชายที่ยืนข้างๆคนที่บอกเรื่องเสียงดัง เขามองอิสแล้วอมยิ้ม"

"เฮ้อ! พี่จิณณ์ ปล่อยให้เขามองเถอะครับ ยังไงเขาก็เอาผมไปไม่ได้อยู่ดี เพราะคนที่จะเอาผมได้ก็นั่งอยู่ตรงนี้แล้ว"



    ไม่เคยคิดจะกล้าหรอกที่ต้องเอ่ยคำหวานเลี่ยนแบบนี้ แต่พอแรงจับมือเมื่อสักครู่รวมถึงแววตาดุดันที่แสดงออกว่าหึงหวง คำหวานหูนี่แหละที่จะช่วยคลายอารมณ์บูดได้ดีที่สุด


     อิสระพูดจบ จิณณ์ดันไหล่อิสระให้นอนราบลงกับพื้น และขึ้นคร่อมเด็กหนุ่ม


"พี่จิณณ์จะทำอะไรครับ!" ว่าเสียงตระหนกตกใจ


"ก็อิสเพิ่งบอกพี่ว่าคนที่จะเอาอิสได้ คือ พี่?"

 
    นึกคำพูดตัวเองได้แล้วอยากตบปาก จะบ้าตาย!!...

    ความหมายที่อิสระต้องการจะสื่อ คือ เอาหัวใจอิสระไปได้ แต่พี่จิณณ์ดันไปเข้าใจความหมายที่มันล่อแหลมไปกว่านั้น


"พี่จิณณ์ ตอนนี้เราไม่ได้มีแค่เต็นท์เดียวแล้วนะ"

"ไม่เห็นเป็นอะไรเลย"

"พี่จิณณ์!"

"ก็ได้ๆครับ งั้นพี่ขอนอนกอดอย่างเดียวก็ได้ อิสไม่รำคาญที่พี่กอดใช่ไหม?"

 "ถ้าเป็นพี่จิณณ์ให้กอดไว้ทั้งคืนก็ไม่เคยคิดรำคาญเลยครับ...อื้อ!"



    ก็อยากจะหยุดแค่กอด ไม่อยากเตลิดไปทำอย่างอื่น แต่ดูสิ คำพูด คำจาเด็กหนุ่มที่หวานหยดย้อยแกมยั่วยวนขนาดนี้ จิณณ์จะห้ามใจไหวได้อย่างไร


     จูบดูดดื่ม ลึกซึ้ง จนเหมือนวิญญาณอิสระจะหลุดออกจากร่าง อิสระรู้สึกว่าตัวเองอ่อนยวบและระทวยไปกับเรียวลิ้นที่ช่ำชองกวาดสำรวจทั่วโพรงปาก ก่อนจะมาหยอกเย้า เกี่ยวกระหวัด รัดรึงกับลิ้นของอีกฝ่ายที่ฉาบไปด้วยน้ำหวาน
 

"พี่ครับๆ"


    ทั้งสองผละออกจากกัน ใบหน้าหล่อผุดยิ้มเจ้าเล่ห์ เมื่อเห็นแฟนตัวเองปากเจ่อ หน้าแดงจัด จนอยากฟัดต่อถ้าไม่ติดว่ามีคนเรียก


     เป็นอิสระที่ออกไปรับหน้าก่อนที่จิณณ์จะโผล่หัวออกตามไป



"ผมเอาขนมมาให้ครับ และอยากขอโทษล่วงหน้าด้วยถ้าคืนนี้พวกผมอาจเสียงดัง"

"ขอบคุณครับ"

"พี่อยากจะออกมานั่งเล่นกับพวกผมก่อนไหมครับ"

"ไม่เป็นไรครับ / เอาสิครับ"
หันขวับมองอิสระที่ตอบรับเด็กหนุ่มคนที่ทำให้จิณณ์หัวเสีย


    จิณณ์จำใจต้องออกจากเต็นท์ไป แต่พอออกมาแล้ว จิณณ์กลับเห็นเด็กแปลกหน้าคนเดียว


"เพื่อนน้องหายไปไหนกันหมด"

"มีไปซื้อขนม และมีแยกไปถ่ายรูปด้วยครับ พอดีว่าคืนนี้ พวกผมจะก่อไฟ-ปิ้งย่างกัน พี่ๆสนใจมาร่วมวงไหมครับ"

"ไม่ครับ พี่จะไปส่องสัตว์"
จิณณ์ตอบแทนอิสระ

"ไปรวมกับคนอื่นหรอครับ?" เด็กหนุ่มขี้สงสัยเอ่ยถาม จนจิณณ์เริ่มรำคาญใจ

"เปล่าครับ พี่เหมาทั้งคัน"

"อยากไปด้วยจัง!"


      ชักไม่พอใจที่ยุ่งย่ามเรื่องคนอื่นเกินไป จังหวะที่อิสระหันไปมองเหมือนขออนุญาต ทันใดนั้น...


"เรามาฮันนีมูนกันนะอิส"


    อิสระและเด็กคนนั้น ต่างยืนช็อกและอึ้ง

    สักพักใหญ่ๆ เด็กแปลกหน้าถึงค่อยๆผุดรอยยิ้มยียวน


"โคตรแมนอะพี่ กล้าเปิดเผยดี...ผมชอบ เอาเป็นว่าถ้าพี่สองคนอยากสนุกกับพวกผม ผมรอนะครับ อ่อ...ผมชื่อป้างนะครับ" ยกมือไหว้อย่างเป็นทางการ จากนั้น อิสระก็แนะนำตัวพร้อมพี่จิณณ์


     คุยเป็นพิธี อิสระเห็นพี่จิณณ์ยังหน้ามุ่ย จึงขอตัวป้างเข้าเต็นท์ก่อน


"ผมขอโทษนะครับพี่จิณณ์ ผมแค่อยากลองฝึกเข้าสังคมครับ"

"ไม่เป็นไร พี่ผิดเองที่หวงอิสเกินไป"



****1.1****

 :katai2-1: :z1: :mew1:
หัวข้อ: Re: +..▪..+"แสง.สุด.ท้าย"+..▪..+||ตอนที่ 12|| อัพ 22-2-18> P.3
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 22-02-2018 21:42:35
1.1 ? 

คือยังมีต่อ?

 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: +..▪..+"แสง.สุด.ท้าย"+..▪..+||ตอนที่ 12|| อัพ 22-2-18> P.3
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 23-02-2018 00:08:10
มันจะหวานๆ แต่ยังอึมครึม
หัวข้อ: Re: +..▪..+"แสง.สุด.ท้าย"+..▪..+||ตอนที่ 12|| อัพ 22-2-18> P.3
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 24-02-2018 00:07:28
 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: +..▪..+"แสง.สุด.ท้าย"+..▪..+||ตอนที่ 12.2|| อัพ 25-2-18> P.3
เริ่มหัวข้อโดย: rinyriny ที่ 25-02-2018 19:27:28

บทที่ 12 ฮันนีมูน(2)










     เมื่อทั้งสองปรับความเข้าใจกัน ระหว่างรอเวลาไปดูสัตว์ตามเวลานัดหมาย จิณณ์เลือกจะชวนอิสระถามเรื่องราวเพิ่มเติม เผื่อมีบางเรื่องที่จิณณ์ไม่รู้ เขาจะได้เข้าใจตัวตนคนรักได้มากขึ้น



       จนกระทั่งถึงเวลาในยามค่ำ ทั้งสองเดินไปจุดนัดหมาย มีเจ้าหน้าที่ขานเบอร์ที่ระบุในตั๋ว จิณณ์และอิสระเดินไปยังรถกระบะ ปีนขึ้นไปนั่ง โดยข้างหลังมีเด็กน้อยคอยยืนส่องไฟอยู่


       เมื่อรถเคลื่อนตัว ก็สัมผัสได้ถึงอากาศหนาวเย็นจนอิสระนั่งขดตัว จิณณ์ที่นั่งซ้อนหลังอิสระสังเกตเห็นจึงกางผ้าห่มที่พกมาเพื่อคลุมตัวทั้งสองคน


"หายหนาวไหม?" เหลียวมองคนถามที่ทำสายตากรุ้มกริ่ม พลันเหลือบมองเด็กวัยประถมที่ยืนส่องไฟเหล่มาเป็นระยะๆ


"ก็ดีขึ้นครับ พี่จิณณ์ มีเด็กอยู่ตรงนี้ด้วยนะ"



     บอกห้ามทันทีที่พี่จิณณ์วางคางเกยบ่า เอียงหน้ามอง ก็รู้นะว่าหนาว แต่ไม่ต้องใกล้ชิดกันขนาดนั้นก็ได้


     จิณณ์จ้องมองเด็กน้อยด้วยสายตาดุดัน จนเด็กกลัวรีบหันกลับไป ทันใดนั้น...


    จิณณ์ใช้มือหนึ่งจับท้ายทอย ส่วนมืออีกข้างวางทาบบนใบหน้าอิสระเพื่อจะประกบจูบได้อย่างถนัดถนี่



จุ๊บ จ๊วบ จ๊วบ...


    และไม่ใช่การจูบแบบปากแตะปาก แต่เป็นจูบดูดดื่ม ลึกซึ้ง แต่ไม่นาน จิณณ์ผละออกจากกัน


"เป็นการมาฮันนีมูนที่มีความสุขจัง ได้นั่งรถเปิดประทุน ชมวิวด้วย"


      มองหน้าคนพูดเพ้อเจ้อแล้วหน่ายใจ


"พี่จิณณ์อะบ้าที่สุดเลย คิดจะทำอะไรก็ทำ แล้วมาพูดเป็นตุเป็นตะว่าฮันนีมูนอีก"


"ฮ่าๆๆ...เอาน่า มันคือความสุขของพี่"




       หลุดยิ้มเมื่อพี่จิณณ์เกาจมูกแก้เก้อและดูเขินที่เล่นมุกอะไรไม่เข้าท่า อิสระจึงหันตัวกลับไปมองหาสัตว์ที่เผื่อจะย่างกรายออกมาให้ยลโฉม จากนั้น ทั้งสองนั่งกอดกันภายใต้ผ้าห่มผืนเดียวไปตลอดทาง
 
   
        และแม้ว่าการส่องสัตว์รอบนี้จะผิดหวังนิดหน่อย เพราะไม่เห็นอะไรนอกจากกวาง แต่น่าแปลกที่ทั้งคู่กลับมีความสุขที่ได้นั่งรับลม ตากอากาศในบรรยากาศโรแมนติกสุดๆ

 
       เสร็จภาระกิจ อิสระและจิณณ์เดินส่องไฟฉายกลับมายังที่พักตนเอง กระทั่ง เดินมาใกล้เต็นท์แล้วทั้งสองเห็นวัยรุ่นนั่งก่อกองไฟล้อมวง ปิ้งย่างและนั่งร้องเพลงกันอย่างสนุกสนาน


      จังหวะนั้น อิสระประสานสายตากับป้างที่หันมามองทางเขาพอดี ป้างยักคิ้ว และส่งรอยยิ้มเจ้าชู้แกมทะเล้นในขณะที่เล่นกีตาร์อยู่ ทำให้อิสระเผลอหลุดยิ้มไปโดยไม่คิดอะไร เพียงเพราะรู้สึกว่าป้าง มีความคล้ายมัตถ์ราวกับเป็นพี่น้องกันอย่างไรอย่างนั้น



"อิสครับ!"

"ครับ?"



     เพียงหันไปเห็นหน้าพี่จิณณ์ที่ดูนิ่งกว่าตอนแรก และหรี่ตามองเหมือนจับผิด อิสระรีบแก้ตัวเป็นพัลวัน


"ผมไม่ได้คิดอะไรกับป้างนะ"


     จังหวะนั้น...

     ป้างตะโกนเรียกทั้งสองให้มานั่งร่วมวงด้วยกัน

     อิสระส่ายหน้าปฏิเสธทันทีเพราะกลัวพี่จิณณ์น้อยใจ ขณะเดียวกัน จิณณ์กลับพยักหน้ารับและดันแขนอิสระให้เดินนำไป


    แปลกใจว่าทำไมรอบนี้พี่จิณณ์ตอบรับ แต่อิสระไม่อยากชวนทะเลาะจึงตามใจ
 
     เด็กๆต่างยิ้มแย้มเป็นมิตรและแหวกที่ แหวกทางให้สมาชิกใหม่ได้นั่งรวมวงด้วยกัน

 
     นั่งไม่ทันไร เด็กสาวยื่นแก้วพลาสติกบรรจุเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มาให้ทั้งสอง จิณณ์และอิสระต่างรับมาดื่มเพื่อไม่ให้เสียมารยาท

   
     พอนั่งรวมกลุ่ม ถึงได้รู้ว่าป้างเป็นคนคุยเก่งมาก จึงไม่แปลกใจที่ป้างถึงกล้าชวนพวกเขาคุยทั้งๆที่ไม่รู้จักกันมาก่อน เพราะเด็กหนุ่มมีความเป็นมิตรสูง และช่วงที่ป้างเล่นมุข แซวเพื่อนตัวเองอย่างทะลึ่งตึงตัง ทั้งกลุ่มก็หัวเราะครืน แต่จังหวะที่คนอื่นๆขำก๊ากกัน อิสระเห็นความแตกต่างชัดเจน ก็คือ หญิงสาวในกลุ่มไม่ได้มีอารมณ์ร่วมตาม เอาแต่จ้องพี่จิณณ์อย่างไม่ละสายตา


      เห็นอย่างนั้น จึงทำทีหันไปมองทางพี่จิณณ์อย่างเนียนๆ ก็เห็นพี่จิณณ์มองผู้หญิงคนนั้นกลับเช่นกัน และเป็นพี่จิณณ์เองที่เบนหน้าหนีก่อน...

 
    พี่จิณณ์ก็รู้ว่ามีคนแอบมอง...


    แล้วทำไมใจต้องวูบหวิวขึ้นมาด้วยก็ไม่รู้ อิสระเม้มปากเงียบ พยายามสูดลมหายใจเข้าลึกๆ


    อย่าบอกนะที่อยู่ดีๆอาการอิสระเปลี่ยนไป เพราะหึง

    แม้จะเปลี่ยนบทสนทนา แต่ผู้หญิงคนนั้นก็ตั้งใจมองคนรักของอิสระอย่างให้รู้ว่า...ชอบ...

     
   
    อิสระซดเบียร์หมดแก้ว ก่อนจะสะกิดน้องที่นั่งข้างกันให้รินเบียร์ต่อ จิณณ์ที่เห็นแฟนตัวเองกระดกเบียร์ไปเมื่อสักครู่ถึงกับตกใจ ยกมือแตะแขน


"อิส ไหวหรอ? พอก่อนไหม? เดี๋ยวเมานะ"

"ไม่เป็นไรครับ นานๆที ให้ผมได้ผ่อนคลายบ้าง"

"ตามใจครับ"

 

     เมื่อเวลาผ่านไป อิสระก็อยากดูท่าทีแฟนตัวเองเหมือนกันว่าสนใจหรือเล่นด้วยกับผู้หญิงคนนั้นหรือเปล่า?  อิสระหันไปมองพี่จิณณ์ปรากฏว่า พี่จิณณ์พยายามก้มหน้า บ้างก็มองไปยังทิศทางที่ไม่ใช่ผู้หญิงคนนั้นนั่งอยู่


ฟึ่บ!


   ใบหน้าหล่อขมวดคิ้วเป็นปม เมื่อจู่ๆอิสระดึงมือจิณณ์ไปวางบนตัก เอนหัวซบไหล่จิณณ์ ทำให้ทุกคนที่นั่งอยู่ตรงนี้หันมองเป็นตาเดียว


"หืม!..อิสเมาแล้วใช่ไหม?" แปลกใจที่อิสระกล้าแสดงออกต่อหน้าคนอื่นกลางที่สาธารณะ

"เมา-ไม่เมาแล้วทำไมครับ? พี่จิณณ์ไม่อยากให้อิสทำแบบนี้หรอ?"


   เดี๋ยวก่อนนะ...จิณณ์ถึงกับอึ้ง และงงเป็นไก่ตาแตกที่เห็นอิสระเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ มิหนำซ้ำยังกล้าเล่นหู เล่นตา พูดจาออดอ้อนกว่าทุกที จิณณ์ชักมือกลับและลุกขึ้นยืนเต็มความสูง



"ดีใจที่ได้รู้จักกับพวกน้องๆนะ แต่ต้องขอโทษด้วย พรุ่งนี้พี่ต้องเดินทางกลับแต่เช้า ขอตัวก่อนนะครับ"



   อิสระยังไม่อยากกลับเข้าเต็นท์เลย เพราะอยากแสดงออกถึงความเป็นเจ้าของพี่จิณณ์ให้ผู้หญิงคนนั้นได้รับรู้มากกว่านี้หน่อย แต่พอพี่จิณณ์มัดมือชกลากอิสระให้ไปด้วย อิสระยิ่งเข้าใจผิดคิดว่าพี่จิณณ์ไม่ชอบที่อิสระเปิดเผยว่าทั้งสองคบกันแบบคู่รัก


   เข้าเต็นท์มาได้ อิสระที่ตามมาทีหลัง รูดซิปเต็นท์ หมุนตัวหันไปก็เห็นพี่จิณณ์นั่งขัดสมาธิ-กอดอกจ้องมองอิสระด้วยแววตาเหมือนไม่พอใจ ก็ไม่รู้หรอกว่าโกรธเรื่องอะไร แต่อิสระหาทางง้อด้วยวิธีที่คิดว่าพี่จิณณ์หายโกรธแน่ๆ


     กัดปากอย่างยิ้มๆ ปีนขึ้นไปนั่งคร่อมตัก สองมือโอบรอบคอ กดหน้าลงซบบ่าพี่จิณณ์และค่อยๆใช้ปากหยอกเย้า คลอเคลียซอกคอพี่จิณณ์ จนคนตัวโตหายใจผิดจังหวะ รีบตัดบทถาม


"เมาใช่ไหม? อิสไม่เคยเป็นแบบนี้"

"ทำไมล่ะครับ พี่จิณณ์ไม่ชอบหรอ?"
ถามเสียงยั่ว

"ใช่ครับ...พี่ไม่ชอบ"


    เด็กหนุ่มรีบผละมาจ้องตาคนรัก กระพริบตาปริบๆ ทำหน้าน่าสงสาร ฟากจิณณ์พยายามข่มใจ กลืนน้ำลายอยู่หลายรอบ เมื่อคนนั่งตักขยับตัวไปมาจนแก่นกายเขาเริ่มตื่นตัว


     เหตุที่จิณณ์ไม่ชอบ เพราะเวลาอิสระเมา ใบหน้าของเด็กหนุ่มโคตรยั่วยวนเลย และจิณณ์ก็ไม่อยากให้เด็กชื่อป้างได้เห็น จึงรีบลากอิสระเข้ามาในเต็นท์ แต่พอเข้ามาจิณณ์แทบบ้า เมื่ออิสระกำลังยั่วจนเขาจะตบะแตก


    คิดอยู่ในหัวสมองว่าจะขอน้องดีๆหรือปล้ำซะเลย...เมื่อจิณณ์ทนไม่ไหวแล้ว

    ขณะที่คิดอยู่ ไม่กี่นาทีถัดมาจิณณ์เหวอที่อิสระเป็นฝ่ายโน้มหน้ามาประกบจูบเขาก่อน


     ไม่คิดว่า พอน้องเมา จะเปลี่ยนเป็นคนละคนขนาดนี้ น้องเป็นฝ่ายเริ่มก่อนทุกอย่าง น้องจูบอ้อยอิ่งเหมือนแกล้ง มือก็อยู่ไม่สุข สอดเข้าใต้กางเกงขายาวของจิณณ์หยอกล้อกับแก่นกายของคนตัวโต ลูบไล้ช้าๆจากโคนถึงปลาย

     ในขณะที่มือยังคงลูบคลำของสงวน อิสระถอนริมฝีปากมามองคนรักด้วยสายตาหวานฉ่ำ


"ให้อิสได้ลองบ้างนะ"



     โอ้ย! อิสระจะรู้ไหมว่าการเล่นหู เล่นตา ขยับโยกตัวไปมาบนตักของเขา โดยยังไม่ทำอะไรไปมากกว่านี้ จิณณ์ก็แย่แล้ว


"มั่นใจนะว่าจะทำให้พี่"


     ทำเป็นถามย้ำและวางฟอร์มนิ่งไปอย่างนั้น เพราะกลัวอิสระจะตกใจถ้าเขาแสดงความหื่นกระหายมากเกินไป


"มั่นใจครับ"



    แม้อิสระไม่ช่ำชอง เชี่ยวชาญขนาดรู้งานไปทุกอย่าง แต่ความใสซื่อของอิสระนี่แหละที่ทำให้จิณณ์หลงรักจนโงหัวไม่ขึ้น จังหวะที่ปากเด็กหนุ่มครอบลงจนสุดแก่นกาย ขยับขึ้นลงช้าๆพร้อมหยาดน้ำใสไหลเยิ้มจนชุ่มด้วยแล้ว มันยิ่งกระตุ้นให้จิณณ์เสียวซ่าน วาบหวามจนไม่สนใจว่าเสียงจะดังรอดไปถึงข้างนอกหรือไม่?


"ซี้ดดด...อาห์ อิส...อาห์..."


    ลืมตามามองใบหน้าน้องที่แดงก่ำขยับปากและศรีษะไปตามจังหวะขึ้น-ลงส่งผลให้คนที่โดนกระทำมีอารมณ์มากขึ้น มือหนากดล็อคศรีษะเด็กหนุ่มไว้มั่น แอ่นสะโพก และกระแทกตามจังหวะของตัวเองเร็วขึ้นเรื่อยๆ ไม่กี่นาทีถัดมา จิณณ์ก็ถึงฝั่งฝัน ปลดปล่อยความสุขที่ถึงจุดสูงสุด


แค่ก...แค่ก...แค่ก


     ตั้งใจให้เด็กหนุ่มรับน้ำของความสุขโดยไม่ยอมบอกก่อนว่าจะสำเร็จความใคร่ พอเด็กหนุ่มผละออกมานั่งเช็ดปากตัวเองลวกๆ จังหวะที่อิสระเอามือออก เลียริมฝีปากตัวเองที่เลอะคราบน้ำสีขาวขุ่น ไหนจะใบหน้าแดงจัดที่ลามไปถึงหู จิณณ์อยากฟัดจนทนไม่ไหว กระเถิบตัวไปใกล้ ดันไหล่อิสระนอนราบกับพื้น จิณณ์โน้มตัวลงตามทาบ ทับบนตัวอิสระ ขบเม้มลงบนต้นคอร้อนผ่าว พลางไล้ปลายนิ้วผ่านเนื้อผ้าจนถึงท้องน้อยถึงจะค่อยสอดมือเข้าใต้เสื้อยืด ลากวนไปมาพร้อมเอ่ยเสียงกระซิบ


"อิสทำให้พี่แล้ว พี่ทำให้อิสบ้างนะครับ"


     กัดปาก อมยิ้ม มองพี่จิณณ์อย่างอายๆ จากนั้น อิสระวางข้อศอก ดันกายขึ้นมากึ่งนั่งกึ่งนอน ยกมือลูบใบหน้าคนหล่อและพูดเสียงเล็ก เสียงน้อย...


"อิสอยากได้ของพี่มากกว่า"


กึก!

    ดวงตาเบิกโต อ้าปากค้างเมื่อได้ยินคำพูดตรงไปตรงมาอย่างไม่มีอ้อมค้อม


    ก็ถ้าอิสระจะอนุญาตขนาดนี้...มีหรือจิณณ์จะขัดใจ เพราะมันเป็นสิ่งที่จิณณ์โหยหาเช่นเดียวกัน


"ได้สิครับ ระวังจะติดใจนะ"

   

    ไม่พูดพร่ำทำเพลง จิณณ์บรรจงขมเม้มริมฝีปากช่างพูดนั้นทันทีราวกับว่ามันคือของหวานที่อยากละเลียด เล็ม ลิ้มรสอย่างเชื่องช้า แต่ทว่า อารมณ์ภายในกลับตรงกันข้าม มันร้อนรุ่มจนอ้อยอิ่งไม่ไหว


    ไม่กี่วินาทีถัดมา การจูบละมุนก่อนหน้าแปรเปลี่ยนเป็นจูบดูดดื่ม หนักหน่วง เร่าร้อน จนลูกชายของทั้งสองตื่นตัว ขยายขนาดโตเต็มวัยพร้อมสู้
 

     เพราะเตรียมการมาดีเหมือนรู้ มือหนาควานสะเปะสะปะหากระเป๋าใบเล็กที่วางใกล้หมอน คว้าของสำคัญบีบใส่มือตัวเอง จากนั้น คนเชี่ยวชาญ ยกขาเรียวของเด็กหนุ่มชันเข่า ก่อนจะใช้นิ้วสอดแทรกประตูหลังช้าๆ เมื่อเด็กหนุ่มคลายความเกร็ง จิณณ์เพิ่มนิ้วจากหนึ่งเป็นสอง ขยับเข้าออกซ้ำๆ อิสระสุขซาบซ่าน และเสียวกระสันจนหลุดเสียงร้องครางลั่นเต็นท์


     จิณณ์ยกยิ้มชอบใจที่ทำให้คนรักออกอาการ เล้าโลมอยู่นานจนทุกอย่างเป็นใจแล้ว
กิจกรรมแห่งรักก็เกิดขึ้น


    แหละเป็นครั้งแรกที่ทั้งสองมีเซ็กซ์กัน ทว่า มันไม่ใช่เซ็กซ์แค่กายต้องการเพียงอย่างเดียว แต่เพราะหัวใจก็ถวิลหาด้วย มันจึงเป็นเซ็กซ์ที่เติมเต็มความรักได้อย่างสมบูรณ์แบบ


    ท่วงท่า จังหวะจะโคน การสัมผัสกันเนื้อแนบเนื้อ ไออุ่นจากกาย ไหนจะลมหายใจที่เป่ารดกันยิ่งทวีคูณให้การร่วมรักกันครั้งนี้ แฮปปี้อย่างที่ทั้งสองไม่เคยรู้สึกดีขนาดนี้มาก่อน


     โดยเฉพาะยิ่งได้ร่วมรักกันในสถานที่ที่ไม่คุ้นเคย ยิ่งสร้างความแปลกใหม่ ตื่นเต้นและมันยังไปกระตุ้นอะดรีนาลินทำให้รู้สึกเสียวกระสัน ซาบซ่าน เร้าใจ เร่าร้อนทั้งคู่เป็นอย่างมาก


      จิณณ์คิดว่า คืนนี้ เขาจะต้องทำให้อิสระประทับใจและจดจำไม่ลืมแน่นอน และที่สำคัญ มันไม่มีทางจบแค่รอบเดียวแน่ๆ...
     


 
 


.............



      พักแรมแค่คืนเดียว ดูเหมือนทั้งสองจะรักและเปิดเผยกันมากขึ้น
     
      และแล้ว ก็ถึงเวลาที่ต้องเดินทางกลับกรุงเทพ




      ตั้งแต่นั่งรถกลับมา คนที่ไม่ยอมหันไปทางคนขับ เอาแต่มองออกไปนอกกระจกรถก็มีแต่อิสระที่เขินเมื่อนึกเรื่องเมื่อคืนที่หึงพี่จิณณ์ จนไปอ่อยเขาก่อนและยอมมีสัมพันธ์ลึกซึ้ง พอตอนเช้า พี่จิณณ์เอาแต่ส่งสายตาล้อเลียน แถมแซวเรื่องตอนมีเซ็กซ์กัน ว่าเสียงของอิสระร้องดังจนเล็ดรอดออกไปนอกเต็นท์ เพราะมีคนข้างนอกตะโกนว่ากลับมา ทำให้อิสระยกมือปิดหน้าด้วยความอาย ฟากจิณณ์ระเบิดหัวเราะอย่างหยุดไม่อยู่
   

 "เมื่อคืนพี่มีความสุขมากเลย โดยเฉพาะตอนที่..."
เป็นเรื่องที่แซวได้ยันลูกบวช แม้จะได้นอนแค่สามชั่วโมงก็ต้องเดินทางออกจากเขาใหญ่ แต่สำหรับจิณณ์บอกเลยว่ามีความสุขและคุ้มค่ามากๆ   


"พี่จิณณ์ หยุดพูดนะ!" 
 


      มันเป็นบทเรียนสอนใจเลยว่าอิสระจะไม่เอาความงี่เง่าหึงหวงบ้าบอ มาเป็นประเด็นอีกแล้วก็ยอมรับว่าตัวเองเริ่มก่อน แต่ก็ไม่คิดหรอกว่า ความเมาจะทำให้อิสระกล้ามีเซ็กซ์กันในเต็นท์ ทั้งๆที่รายล้อมไปด้วยเต็นท์คนอื่นๆอีกนับสิบ แหละในช่วงเข้าด้าย-เข้าเข็ม ใครจะอดทนกลั้นอารมณ์ตัวเองไหว จึงมีบ้างที่อิสระเผลอร้องเสียงดังออกไป ไม่แปลก ที่ตื่นขึ้นมาอิสระรีบไล่พี่จิณณ์ให้เก็บข้าวของ เก็บเต็นท์โดยไวที่สุด ก่อนที่คนในเต็นท์รอบข้างจะตื่นกันขึ้นมา



"อิสอายทำไมครับ เราเป็นแฟนกันนะ เรื่องแบบนี้มันปกติ เดี๋ยวครั้งต่อไปก็ชิน"

"ไม่เอาแล้ว ผมไม่เอาด้วยแล้ว..."

"ฮ่าๆ...ถ้าอิสหึงพี่แล้วเป็นแบบนี้ พี่ทำให้อิสหึงบ่อยๆดีกว่า"

       
      ใช่...พี่จิณณ์รู้แล้วว่า การยั่วยวนของอิสระเมื่อคืนเกิดจากการหึง เพราะอิสระหลุดพูดความจริง


"พี่จิณณ์ เมื่อไหร่จะเลิกแซวเนี่ย ผมอายนะครับ"

"โอ๋ๆ...ก็ได้ครับ แล้วสรุปเราจะไปบ้านป้าอิสคืนนี้เลยใช่ไหม?"



       จิณณ์รู้เรื่องที่อิสระเจอญาติตัวเอง เพราะอิสระเล่าให้ฟังตั้งแต่เมื่อวานช่วงขับรถไปกินข้าว


"ใช่ครับ ป้านันอยากเจอพี่จิณณ์"

"เพราะ?"

"เพราะป้านันรู้ว่าพี่จิณณ์เป็นคนช่วยผมไงครับ"

"ป้าอิสเห็นคงตกใจแน่ๆ คนอะไร...นิสัยดีแล้วยังหล่ออีก"
หันขวับมองแฟนตัวเอง ที่กล้าเล่นมุขชมตัวเองอย่างมั่นใจ ดูเหมือนเมื่อคืน จะเป็นจุดเปลี่ยนหลายๆอย่างรวมถึงการแสดงตัวตนของทั้งคู่ก็ชัดมากขึ้นเช่นเดียวกัน



"พี่จิณณ์ไปเอาความมั่นใจนี่มาจากไหนครับ คิดเองใช่ไหม?"
อิสระแกล้งเหน็บ มองคนยิ้มมุมปากก่อนตอบ


"คิดเองไหมไม่รู้ แต่เมื่อคืนก็มีคนหึงพี่ที่มีน้องผู้หญิงแอบมองพี่ จนต้อง..."

"พี่จิณณ์ พอเลยครับ...โอเคๆ ผมไม่เถียงแล้วก็ได้ พี่จิณณ์หล่อมากและนิสัยดีสุดๆ พอใจรึยังครับ"
พอเห็นคนรักประชด จิณณ์หลุดหัวเราะอีกรอบ และหยุดแซวกลับเพราะเหนื่อยจะโต้เถียง


    แต่เอาจริงๆ จิณณ์ก็ชอบช่วงเวลาสบายๆแบบนี้เหมือนกัน ช่วงเวลาที่คุยเล่นกันอย่างไม่ต้องมีเรื่องให้กังวล ว้าวุ่นใจอีก


"พี่รักอิสนะ"


      โคลงศรีษะจ้องมองคนอายุมากกว่าที่อยู่ดีๆก็เปลี่ยนบทมาโรแมนติกไม่บอก ไม่กล่าว



"ผมก็เหมือนกันครับ"

"ถ้าวันนั้น พี่ไม่ไปหาคุณอิทธิพลกับพ่อ พี่ก็คงไม่ได้เจออิสและรักกันแบบนี้เนอะ..."


    นึกเรื่องราวเก่าๆก็อมยิ้ม นั่นสิ ถ้าพี่จิณณ์ไม่มาช่วยอิสระ เขาจะได้รับความรักดีๆแบบนี้ไหมนะ?


"ใช่ครับ ไม่น่าเชื่อเหมือนกัน ถ้าพี่ไม่ช่วยผม เราก็คงไม่มีโอกาสได้เจอได้สานสัมพันธ์กันต่อ ผมอยากรู้วันนั้น ทำไมพี่ถึงตัดสินใจช่วยผมหรอครับ?"

"บอกไม่ถูกเหมือนกัน รู้แค่ว่า ถ้าตอนนั้นพี่ไม่ช่วย พี่จะรู้สึกไม่สบายใจ"

"ทั้งๆที่พี่ไม่รู้จักตัวตนผมมาก่อน พี่ก็ยอมเสี่ยงตายมาช่วย?"
อิสระถามย้ำ

"อาจเป็นเพราะพี่รู้อนาคตมั้งครับว่าพี่จะมีคนรักที่น่ารักแบบนี้ เลยคิดว่าคุ้มที่จะเสี่ยง!"


     ใจเต้นแรงขึ้นมากับประโยคที่หวานเลี่ยน ทว่า จริงใจ


"โถ่ พี่จิณณ์ผมอยากรู้ความจริงนะ"

"จะอยากรู้ไปทำไม ในเมื่อตอนนี้เรารักกันแล้ว มันไม่ดีหรอกหรอ?อย่าคิดให้ปวดหัวเลยอิส"

"แต่ผม..."

"อดีต ก็คือ อดีต ปัจจุบันพี่รักอิส รู้ไว้แค่นี้ก็พอแล้ว"


     คำตอบที่มาพร้อมสายตาละมุน รอยยิ้มอบอุ่น อีกคนจึงทำได้แค่หลบตา และยิ้มกับคำตอบของคนรัก

     นั่นสิ จะนั่งเอาอดีตมาคิดมากไปทำไม ในเมื่อปัจจุบัน ทั้งสองรักกันมันก็ดีเกินพอ


.
.
.

     
     ห้าโมงกว่าๆทั้งสองเดินทางมาถึงบ้านป้านัน
   

     เมื่อทั้งคู่ลงรถมา อิสระแนะนำพี่จิณณ์ให้ป้านันรู้จัก ใบหน้าหญิงวัยกลางคนเปื้อนยิ้มทันทีเมื่อได้รู้จักคนใจดีที่ช่วยเหลือและดูแลอิสระทุกอย่าง นอกจากจะเป็นผู้ชายที่รูปร่างหน้าตาดีแล้ว ยังจิตใจดีอีก



      เธอเอ่ยขอบคุณหลายรอบ แถมชมจิณณ์ไม่ขาดปากว่าทั้งหล่อและนิสัยดี จนอิสระแอบภาคภูมิใจอยู่ไม่น้อยที่ได้คบกับคนจิตใจงดงามเช่นนี้


     หลังจากป้านันเอ่ยว่าเตรียมอาหารมื้อเย็นไว้เรียบร้อยแล้ว เธอเดินเข้าไปก่อน  หลังจากป้านันคล้อยหลังไปไม่นาน จิณณ์ยิ้มกว้าง และโน้มตัวไปกระซิบข้างหูอิสระที่เดินมาข้างๆกัน


"ดีใจไหม? ได้แฟนเพอร์เฟกท์แบบนี้"

     
     พอมีคนชมนิด ชมหน่อยล่ะเอาใหญ่ อิสระกลอกตาเป็นเลขแปดกับคำโอ้อวดของแฟนตัวเอง



"เดี๋ยวนี้กล้าพูดจังเลยนะครับพี่จิณณ์ เบื่อคนหลงตัวเองจัง ผมไปหาพี่ทอยดีกว่า อ้ะ!พี่จิณณ์!"


   อิสระตกใจ ร้องเสียงหลง เมื่อคนรักกระชากเอวเข้าหาตัวและถามเสียงเข้ม


"นี่ไปแลกเบอร์กันตั้งแต่เมื่อไหร่? ทำไมถึงไม่บอกพี่? ห้ะ...อิสเอามือถือมาให้พี่...นี่อิส..."


     ทำหน้านิ่ง อันที่จริงกลั้นขำ ที่แฟนตัวเองทึกทักเอาเองแถมโยนคำถามใส่มาเป็นชุด จนอิสระต้องหยุดเล่น


"ผมล้อเล่นครับพี่จิณณ์ อย่าโกรธผมเลยนะ ผมรักพี่จิณณ์คนเดียวจริงๆครับ รักมากด้วย เอ้! แต่จะว่าไป ผมก็เก่งเหมือนกันนะเนี่ย ทำให้คนมั่นใจว่าเพอร์เฟกท์ เสียศูนย์ได้เหมือนกัน...ฮ่าๆ"

"อิส.."


"ฮ่าๆๆ...ดีใจๆ แกล้งได้สำเร็จแล้ว"


     เห็นหน้าคนรักงอนตุ๊บป่อง อิสระมองซ้าย มองขวาว่ามีใครอยู่นอกบ้านบ้างไหม? เมื่อเห็นว่าปลอดคน อิสระรีบจุ๊บปากพี่จิณณ์ไวๆ แล้ววิ่งเข้าบ้านไปก่อน ปล่อยให้คนพี่ส่ายหน้ากับความทะเล้นของแฟนตัวเอง


"จะน่ารักไปแล้วนะอิส"


      เมื่อทั้งสองหย่อนกายนั่งลง บนโต๊ะอาหารเต็มไปด้วยกับข้าวกับปลาที่ชวนน้ำลายสอ หญิงวัยกลางคนที่ใช้ชีวิตอยู่คนเดียวมานมนาน พอได้เจอหลานและมีสมาชิกใหม่เพิ่มเข้ามา ดูป้านันจะอารมณ์ดีเป็นพิเศษ เธอเป็นฝ่ายชวนคุยก่อน แต่ส่วนใหญ่จะเป็นการชวนคุยกับจิณณ์มากกว่า ที่สำคัญยังยกยอปอปั้นจนอิสระแอบมองค้อนคนที่เอาแต่อมยิ้มอย่างภาคภูมิใจอยู่บ่อยๆ


     คุยได้สักพัก จิณณ์เห็นว่า ป้านันดูชอบอก ชอบใจเขาไม่น้อย พอมีจังหวะ จิณณ์ตัดสินใจพูดความจริง



"ป้านันครับ ผมมีเรื่องจะบอก ผมไม่ใช่แค่คนที่ช่วยน้องออกมาอย่างเดียว ตอนนี้ ผมรักน้องด้วย ผมกับอิส เราคบกันอยู่ครับ"


    อิสระหันขวับ เขย่ามือพี่จิณณ์ใต้โต๊ะราวกับไม่ให้พูดอะไรอีก


    ป้านันนิ่งไปครู่ ก่อนจะผุดรอยยิ้มเอ็นดู


"ป้าก็พอรู้ การกระทำจิณณ์เองก็ดูแสดงออกชัดเจน ถ้างั้นป้าฝากจิณณ์ดูแลอิสด้วยแล้วกันนะ"

"ยินดีครับ ผมจะดูแลอิสให้ดีที่สุดครับ"

"ถ้าเป็นไปได้ ป้าอยากให้อิสมาอยู่กับป้า แต่ถ้าจิณณ์จะย้ายมาอยู่ด้วยป้าก็ไม่ว่าอะไร"



    ทั้งสองมองหน้ากันยิ้มๆ ก่อนจะหันไปยกมือไหว้ขอบคุณป้านันที่ให้ความกรุณาและเอ็นดูแก่ทั้งคู่...


    เวลาผ่านไปจนกระทั่ง ทุกคนหมดเรื่องคุยและจัดการอาหารกันไม่เหลือ ต่างก็แยกย้ายไปพักผ่อน


    วางสัมภาระในห้องนอน ก็สลับกันอาบน้ำ กระทั่งทั้งสองทำธุระส่วนตัวเสร็จ เตรียมหลับพักผ่อน จิณณ์ดึงอิสระมาซุกในอ้อมกอดอบอุ่น จูบกลางกระหม่อม ก่อนบอกราตรีสวัสดิ์ และต่างฝ่ายต่างเข้าสู่ห้วงนิทรา





กึก กึก ครืด ครืด...กรี้ดดดด! ฮืออออออ!



     ไม่ถึงชั่วโมงดี จู่ๆก็มีเสียงเหมือนของแข็งหล่นกระแทกพื้นปนกับเสียงกรีดร้องอันน่าโหยหวนดังขึ้นมา จนจิณณ์สะดุ้งตื่น เด้งตัวลุกขึ้นนั่ง เหลือบมองคนข้างๆที่ยังหลับสนิท


     ใจคอไม่ดี เพราะเสียงที่ได้ยินค่อนข้างน่ากลัว จิณณ์หย่อนเท้าลงพื้น เดินย่องเบาๆไปแนบหูที่บานประตูเพื่อฟังเสียง


"มีอะไรครับพี่จิณณ์" อิสระที่เพิ่งรู้สึกตัว ลืมตาถามเสียงงัวเงีย

"ชู่ววว์" ยกนิ้วชี้แตะปากส่งสัญญาณ ก่อนจะรีบเดินไปหาคนรักหย่อนกายลงนั่งข้างเตียง


"พี่ว่า ขโมยขึ้นบ้าน พี่จะออกไปดู อิสอย่าออกไปนะ"
กระซิบเตือนคนรัก

"ไม่เอา ผมไปด้วย" บอกเสียงแหบแห้ง

"อิสอย่าให้พี่เป็นห่วงสิครับ อยู่ในห้องนี่แหละ"

"ไม่!...ผมอยากไปกับพี่ ไม่ต้องห่วงผมหรอกครับ ผมไม่มีอะไรจะเสียอยู่แล้ว"



     จิณณ์เกือบดุอิสระแล้วที่ดื้อไม่รู้จักเวล่ำเวลา แต่เพราะตั้งสติ ยั้งปากได้ทัน ว่าสิ่งที่อิสระดึงดันจะไปด้วยให้ได้นั้นเพราะน้องก็รักและเป็นห่วงจิณณ์นั่นเอง


"อิสบอกว่าไม่มีอะไรจะเสีย แต่พี่มี...พี่ไม่อยากเสียอิสไป" สัญชาตญาณมันบอกเขาว่าไม่ได้หูฝาด และเชื่อว่าเสียงที่ได้ยิน มีคนบุกขึ้นบ้านแน่นอน จิณณ์จึงไม่อยากให้อิสระออกไปเพราะไม่รู้ว่าข้างนอกนั้นมันอันตรายแค่ไหน


     ชะงักที่พี่จิณณ์บอกเสียงจริงจังอย่างเป็นห่วง แต่อิสระก็เป็นห่วงพี่จิณณ์ไม่น้อยไปกว่ากัน


"แต่ผมเป็นห่วงพี่จิณณ์นี่ครับ"


    รอยยิ้มผุดบนใบหน้าหล่อเหลา เขาใช้ปลายนิ้วลูบไล้กรอบหน้าเด็กหนุ่ม

 จุ๊บ!

    และจิณณ์จุมพิตที่ริมฝีปากเด็กหนุ่ม


"พี่เอาตัวรอดได้ เชื่อพี่นะครับ"


    อิสระไม่ตอบ แต่ยื่นมือไปกุมมือพี่จิณณ์แน่นราวกับไม่อยากให้ไป อิสระใจเต้นตูมตามอย่างกลัวว่าพี่จิณณ์จะตกเป็นอันตราย


     ใบหน้าหล่อแต้มยิ้ม ดึงมืออิสระออกและลุกไปหาอาวุธที่ป้องกันตัวได้ เหลือบเห็นไม้เบสบอลวางพิงอยู่ข้างโต๊ะเครื่องแป้ง เขาพกติดตัวไป ในขณะมือที่ว่างจับลูกบิด ค่อยๆเปิดประตูอย่างเบามือที่สุด...





...................................
.

ขอบคุณทุกการอ่านและคอมเมนท์จ้าาา
  :mew1: :man1: :man1:
หัวข้อ: Re: +..▪..+"แสง.สุด.ท้าย"+..▪..+||ตอนที่ 12.2|| อัพ 25-2-18> P.3
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 25-02-2018 20:25:38
เสียงอะไรน้อ?

 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: +..▪..+"แสง.สุด.ท้าย"+..▪..+||ตอนที่ 12.2|| อัพ 25-2-18> P.3
เริ่มหัวข้อโดย: ygff0429 ที่ 25-02-2018 22:31:11
ตามมมมมมม ทำไมตัดจบได้ค้างขนาดเน้  :fire: :fire: :fire:
หัวข้อ: Re: +..▪..+"แสง.สุด.ท้าย"+..▪..+||ตอนที่ 13|| อัพ 26-2-18> P.3
เริ่มหัวข้อโดย: rinyriny ที่ 26-02-2018 23:04:30


บทที่ 13 ที่พึ่ง









      เดินตัวเกร็งออกมาจากห้องนอน ค่อยๆย่องอย่างระมัดระวัง จนมาหยุดยืนนิ่งพิงผนังตรงทางเดินลงบันได เห็นข้างล่างเปิดไฟสว่างโร่ คนตัวโตรีบหลบ ตั้งสติ ในมือกำไม้เบสบอลแน่น เมื่อได้ยินเสียงคนร้องไห้สะอื้นดังใกล้กว่าที่คิด เป็นไปได้ว่าพวกโจรหยุดอยู่บริเวณที่พักบันได


      จิณณ์ค่อยๆชะโงกหน้าไปอีกครั้ง ใช้ตาข้างเดียวแอบมองก็เห็นคนสี่คนยืนล้อมวงอยู่ แต่วินาทีนีั้น ดวงตาเบิกกว้าง เมื่อเห็นคนที่จิณณ์รู้จักอยู่ในกลุ่มนั้น....


     คุณอิทธิพลและลูกน้องคนสนิทของเขา...


    ใจเต้นตึกตัก ตึกตัก เพราะไม่คาดคิดว่าจะเจอเหตุการณ์นี้ เม็ดเหงื่อผุดซึมขึ้นทั่วใบหน้า มือที่กำไม้เบสบอลเริ่มชื้นเหงื่อขึ้นมา ชะโงกหน้ามองอีกครั้งเพื่อดูสถานการณ์ตรงหน้าว่าต้องทำอย่างไรต่อไป จิณณ์เห็นป้านันนั่งคุกเข่า สภาพหน้าตาไม่น่าดู รอยช้ำปรากฏหลายจุด หน้าผากโน ใต้ดวงตาและโหนกแก้มบวมปูด


     จิณณ์รับไม่ได้เมื่อเห็นสภาพป้านันโดนซ้อม เธอแก่แล้ว ไม่ควรต้องเจออะไรแบบนี้


"มึงกล้ามากเลยนะที่แจ้งตำรวจจับกู หึๆ...แต่ไม่มีใครทำอะไรกูได้หรอก"


"ไอ้ชั่วเอ้ย ฉันขอสาปแช่ง...โอ้ย...
"


ผัวะ...


"หุบปากซะ บอกมา มันอยู่ไหน?"




        เสียงทะเลาะของคนสองคน ทำให้จิณณ์ไม่มีสมาธิในการวางแผน เขาเป่าปาก สูดลมหายใจเข้าลึกเต็มปอดอยู่หลายครั้ง ตั้งสติเท่าที่ทำได้


        ถ้าถามว่าจิณณ์กลัวไหมบอกเลยว่ากลัว แต่สิ่งที่กลัวมากไปกว่า คือ กลัวว่าอิสระจะเป็นอะไร...กลัวว่าคุณอิทธิพลจะพาตัวน้องกลับไปขังที่เดิม


      กดดันพอสมควรที่ต้องหาทางออกในสถานการณ์คับขันเช่นนี้



"พี่จิณณ์ครับ!" สะดุ้งเฮือก รีบออกจากภวังค์ความคิด หันไปหาคนรักที่นั่งคุกเข่าหลบหลังเขา


"อิส พี่บอกไปว่าไง!"

"ผมขอโทษครับพี่จิณณ์ แต่ผมเป็นห่วงพี่ครับ"
ก้มหน้าบอก เพราะพอพี่จิณณ์ดุใส่ อิสระก็เกิดน้ำตารื้นขึ้นมาเสียอย่างนั้น



"พี่ขอโทษครับ"



    จิณณ์ลืมตัวที่ดุ พอเห็นคนรัก ปากสั่น ตาแดง รีบเอ่ยขอโทษ ทันใดนั้น...


"พวกมึงจับอีนั่นขึ้นมาบนนี้ซิ"


      เสียงบ่งบอกว่าใกล้เข้ามา จิณณ์ลุกพรวด จูงมืออิสระรีบวิ่งกลับไปยังห้องนอน


      เข้ามาในห้อง ทั้งสองหลบหลังบานประตูที่เปิดแง้มไว้ด้วยอาการหวาดกลัว ใจเต้นรัวจนกลัวหัวใจวาย


"อิส ฟังพี่นะครับ ห้ามส่งเสียงอะไร คนข้างนอกไม่ใช่โจร แต่เป็นพวกคุณอิทธิพล"


     เมื่อได้ยินคำบอก เด็กหนุ่มตาโตตกใจกลัว ใบหน้าซีดเผือก ปากสั่น ตัวสั่นอย่างเห็นได้ชัด


"พี่จิณณ์ผมไม่กลับไปนะครับ ผมไม่กลับ ไม่เอา" บอกและส่ายหน้ารัว จิณณ์สงสารและเห็นใจคนรักที่ตระหนกตกตื่น ดึงตัวอิสระมากอดปลอบประโลม


"ชู่ว์ววว์ เบาๆครับอิส ใจเย็นๆ พี่ไม่มีทางให้อิสไปโดนทรมานแบบนั้นอีกแน่ๆ"

 
     ลูบหัว ลูบไหล่คนรักอย่างอ่อนโยน จิณณ์ปวดใจขึ้นมาเมื่อร่างเล็กที่ซุกในอ้อมอกเขากำลังร้องไห้


     น้ำตาเปียกชื้นซึมผ่านเนื้อผ้าจนจิณณ์รับรู้ได้...เขาผละเด็กหนุ่มออกจากอก จูบซับน้ำตา พร้อมย้ำว่าให้ใจเย็น จากนั้น จิณณ์มองลอดช่องเล็กๆของประตูที่แง้มไว้เพื่อดู


     ทางฝั่งพวกอิทธิพล ลากป้านันขึ้นมาหยุดอยู่หน้าห้องของเธอที่อยู่ตรงข้ามและเยื้องออกไปจากห้องอิสระไม่ใกล้ ไม่ไกล     


     แอบดูการกระทำของอิทธิพลที่ย่อตัวลง มือหนากระชากผมหญิงวัยกลางคนอย่างแรงเพื่อให้เธอเชิดหน้าขึ้น


"มึงจะบอกไหม? ว่าไอ้อิสมันอยู่ไหน? ถ้ามึงไม่บอก มึงก็เตรียมตายได้เลย"


"ไม่..."


"กูให้โอกาส ไอ้ชาย ค้นบ้านให้ทั่ว"


      ได้ยินคำสั่ง คนในห้องกลั้นหายใจไปครู่หนึ่ง ก่อนที่จิณณ์จะลุกหาที่หลบในห้อง แต่เสียงป้านันแทรกขึ้นทำให้จิณณ์ชะงักเพื่อฟังต่อ


"อิสก็ลูกแกแท้ๆ ทำแบบนี้ได้ไง ความเป็นพ่อยังมีอยู่ไหม? ไอ้สารเลว ไอ้ชาติชั่ว ถ้าฉันพูดความจริงว่าอิสไม่ได้อยู่ที่นี่ แกไม่ฟัง ก็ฆ่าฉันเลยสิ ไอ้จัญไร...ฉันจะได้ไปอยู่กับน้องฉันบนสวรรค์ซักที"

   
      จู่ๆอิทธิพลก็หัวเราะเสียงดังลั่น ก่อนจะใช้เท้าถีบยอดอกหญิงวัยกลางคนจนหงายหลัง จากนั้น อิทธิพลกระชากแขนป้านันให้ลุกขึ้นมานั่ง



"มึงกล้าด่ากูหรออีแก่ กูไม่น่ามีลูก ไม่น่าคบหากับคนอย่างพวกมึง หึๆ...ไม่แปลกที่ไอ้อิสจะติดเชื้อร่านมา"


      ในขณะเดียวกัน ด้านในห้องที่แอบฟังอยู่ต่างอึ้ง และมีหนึ่งคนสะอึกสะอื้น จิณณ์หันไปเห็นอิสระร่ำไห้ก็พอรู้เหตุผล กุมมืออิสระแน่นอย่างสงสารจับใจที่ต้องเจอพ่อเลวและไร้สามัญ สำนึกเช่นนี้


      ตอนนี้ จิณณ์ได้แต่ปลอบประโลมให้อิสระนิ่งไว้ก่อน และหันไปดูเหตุการณ์อีกครั้ง


       อิทธิพลเรียกร้องหามีดจากลูกน้องคนสนิท ชายยื่นมีดพับที่เหน็บไว้ด้านหลังให้แก่เจ้านาย


      หากสายตาคนที่เห็นตอนนี้ คงเข้าใจว่า การหยิบอาวุธขึ้นมาโชว์ คือ แค่เอาไว้ขู่ แต่ไม่มีใครคิดว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้น


     มีดปลายแหลมคมกริบกำลังกรีดเข้าที่ลำคอ คนเลือดเย็นยังไม่คิดหยุด นั่งมองดูแผลที่ตัวเองทำอย่างไม่สะทกสะท้านอะไร เลือดสีแดงข้นไหลทะลักออกมาจากปากแผล สาดกระจายเต็มพื้น และวินาทีนั้น...


   
"ป้าอื้มมม!" จิณณ์ตั้งสติ รีบตะครุบปากอิสระ


"เสียงอะไร ไอ้ชายไปดูซิวะ"


"ครับ"



   เป็นไง เป็นกัน จิณณ์คิดว่าหนีไม่ทัน เขาก้าวถอยห่างจากประตู ดันอิสระไปหลบอยู่ข้างหลัง สองมือยกไม้เบสบอลขึ้นตั้งท่า เตรียมสู้...แม้ในใจจะหวั่นกลัวอยู่ไม่น้อย...


   หลับตา สูดลมหายใจเข้าลึกเต็มปอด เพียงลืมตาขึ้นมา ทั้งชายและจิณณ์ปะทะสายตากัน


ตึก ตึก ตึก...


    ใจเต้นแรง จิณณ์กลืนน้ำลายลงคอ ยืนเหงื่อท่วม


    ต่างฝ่าย ต่างนิ่ง จิณณ์รอดูท่าทีของอีกฝ่าย ที่ดูตกใจแต่ไม่มีทีท่าจะเข้ามาล็อคตัวหรือทำอะไร


   ชายก้าวถอยหลังจะออกไปจากห้องนอน ถึงประตูแล้ว ทันใดนั้น...




"นายครับ!"



    เสียงตะโกนของชาย ทำให้จิณณ์เหวี่ยงไม้เบสบอลเตรียมฟาด แต่ชายกลับส่งสัญญาณมือเป็นท่ายกหูโทรศัพท์ ก่อนจะพูดต่อจากนั้น


"ไม่เจออะไรครับ เสียงที่ได้ยินอาจเป็นหนูก็ได้ครับ"



     จิณณ์ยืนชะงัก เมื่อลูกน้องคนสนิทของอิทธิพลกำลังช่วยเขาทั้งคู่...


     หลังจากที่ชายเดินออกไปพร้อมล็อคประตูห้องให้เบ็ดเสร็จ จิณณ์ถอนหายใจยาว โล่งใจ ที่ทั้งคู่ปลอดภัย แต่ก็สบายใจได้ไม่เต็มร้อย เมื่อป้านันต้องมาสละชีวิตตัวเอง โดยภาพที่ป้านันโดนปาดคอเลือดทะลักก็ยังติดตาอยู่



      หันหลังไปหาคนรัก และโผกอดที่รอดตายจากการผ่านเหตุการณ์ระทึกมาได้


"พี่ขอโทษนะครับที่ไม่สามารถช่วยป้าอิสได้"


"มะ...ไม่ใช่..คะ..ความผิดพี่จิณณ์ครับ"


      ร่ำไห้ สะอึกสะอื้นบอก และกอดพี่จิณณ์แนบแน่นกว่าเก่า


"พะ...พี่จิณณ์ ผมกลัวครับ ผมจะตายไหม?"


"ไม่...อิสต้องไม่ตาย พี่จะไม่ให้อิสตายแน่ๆ"


      ทรมานเป็นบ้า ที่ต้องทนดูคนรักร้องไห้เป็นวรรค เป็นเวรจนพูดไม่เป็นภาษา ช่วงที่ปลอบใจก็จะเผลอน้ำตาไหลตามซะให้ได้ แต่ก็ต้องบอกตัวเองให้เข้มแข็ง เพื่อให้อิสระมั่นใจว่าเขาเป็นที่พึ่งได้


       แม้จะอยู่ในห้องที่ดูเหมือนว่าจะปลอดภัย แต่ทั้งสองก็ยังไม่แน่ใจ เครียดและหวาดกลัวอยู่ทุกนาที กลัวว่าอิทธิพลจะไม่เชื่อชายและพยายามบุกเข้ามา


      ขณะที่ทั้งสองนั่งอยู่ที่พื้นปลายเตียง ก็ยังคงหวาดหวั่นเป็นระยะๆ แต่แม้จะกลัวจนจิตตกแค่ไหนจิณณ์จับมืออิสระไม่ปล่อย เพราะอยากให้น้องเชื่อมั่นในตัวเขา


      ตอนนี้ ทั้งสองไม่มีทางเลยรู้ว่า อิทธิพลจะออกจากบ้านหลังนี้ไปตอนไหนและเมื่อไหร่? จึงได้แต่นั่งเกร็งเพื่อรอเวลาที่เหมาะสมในการลุกไปดู


      สองชั่วโมงผ่านไป จิณณ์ทนไม่ไหว เดินย่องไปยังบานประตู ย่อตัวลงต่ำ แนบหน้าลงกับพื้น มองลอดช่องว่างขอบประตูล่าง ส่องดูก็ไม่เห็นมีใครอยู่ด้านนอกแล้ว เขาลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ตัดสินใจเปิดประตู เดินออกไปก็พบว่าไม่มีใครอยู่จริงๆ แม้แต่กองเลือดที่พื้นก็ถูกทำความสะอาด เช็ดถูจนไม่เหลือไว้ซึ่งร่องรอยของหลักฐาน



"ไปหมดแล้วครับอิส"


    เดินมาบอกคนรัก อิสระกระโจนมากอดราวกับคนขาดที่พึ่ง จิณณ์รู้สึกแย่ที่ตัวเองทำอะไรไม่ได้เลย แม้แต่จะปกป้องญาติคนสุดท้ายของอิสระ
 
   จิณณ์ดันอิสระออกห่าง จูบซับน้ำตาซ้ำๆ และเอ่ยเสียงหนักแน่นว่า...


"คราวนี้พี่ช่วยป้าอิสไม่ได้ แต่พี่สัญญาว่าจะช่วยและปกป้องอิสจนสุดความสามารถ อิสไม่ต้องกลัวนะ"


      อิสระไม่ตอบรับ ได้แต่ยืนสะอึก สะอื้น ยกมือปาดป่ายน้ำตาลวกๆ


"ฮือๆๆๆๆ"



      คิดอยู่ในใจ ทำไมชีวิตอิสระถึงต้องเจออะไรที่เลวร้ายเช่นนี้ มองใบหน้าคนรักแล้วปวดใจไม่จางหาย...


      พอได้รักอิสระเต็มหัวใจแล้ว จิณณ์มั่นใจได้เลยว่าถ้าเกิดได้เจอะเหตุการณ์ระทึกแบบนี้อีกครั้ง...


     จิณณ์พร้อมปกป้องคนรัก แม้จะต้องแลกด้วยชีวิตเขาก็ยอม...




     
   
****1.1****
:m15: :m15: :m15: :m15: :m15: :m15: :m15: :m15: :m15:
หัวข้อ: Re: +..▪..+"แสง.สุด.ท้าย"+..▪..+||ตอนที่ 13|| อัพ 26-2-18> P.3
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 26-02-2018 23:39:59
 :pig4: :pig4: :pig4:

ช่างโหดเหี้ย-จริง ๆ
หัวข้อ: Re: +..▪..+"แสง.สุด.ท้าย"+..▪..+||ตอนที่ 13|| อัพ 26-2-18> P.3
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 27-02-2018 01:12:27
 :m16: :fire: :m16:


 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: +..▪..+"แสง.สุด.ท้าย"+..▪..+||ตอนที่ 13.2|| อัพ 6-3-18> P.4
เริ่มหัวข้อโดย: rinyriny ที่ 06-03-2018 13:45:43
บทที่ 13 ที่พึ่ง (2)




[ระวังตัวด้วยนะคะคุณอิส]

"ครับป้าแก้ว"


     หลังจากที่อิสระและจิณณ์ผ่านเหตุการณ์น่าใจหายมาได้ ยามสายของวันถัดมา บนโซฟาตัวยาว เด็กหนุ่มนั่งคุยโทรศัพท์เรื่องสำคัญกับป้าแก้วที่รีบโทรมาบอกข่าว เมื่อได้รู้จากปากชายเรื่องที่คุณอิทธิพลบุกไปบ้านพี่สาวของแม่อิสระ และน่าเศร้าเมื่อร่างของป้านันถูกโยนทิ้งลงแม่น้ำเพื่ออำพรางคดีในเวลาต่อมา


      ป้าแก้วบอกความจริงทุกอย่างที่ได้รู้มา ว่าตอนนี้ อิทธิพลให้ลูกน้องคนอื่นๆเร่งระดมตามหาอิสระจนทั่ว แหละก่อนหน้าที่อิสระใช้ชีวิตเป็นปกติสุขและรอดมาได้เพราะอิทธิพลมักเรียกใช้ชายให้คอยตามสืบตามหา ชายจึงทราบความเคลื่อนไหวอยู่ตลอด และสามารถกันท่า หาข้ออ้างเพื่อปกป้องอิสระได้เสมอๆ ทั้งๆที่ชายรู้มาตลอดว่าอิสระอยู่ที่ไหน



      แหละดูเหมือนว่าตอนนี้ อิทธิพลที่ไว้ใจชายเสมือนคนในครอบครัว เริ่มระแคระคายสงสัย ชายจึงไม่สามารถปกป้องอิสระได้เหมือนเมื่อก่อน เพราะเขาต้องทำตัวให้อิทธิพลไว้ใจจนตายใจ ชายจึงทำได้แค่ฝากป้าแก้วมาบอกอิสระว่า ช่วงนี้ให้ระวังตัวไว้

 
      อัพเดทความคืบหน้ากับป้าแก้วเสร็จ อิสระนั่งจมจ่อมกับความเครียด


      ลอบมองคนรักที่นั่งร้องไห้แล้วหนักใจ จิณณ์เป็นห่วงจนไม่อยากห่างอิสระไปไกล  เรื่องร้านอาหารจึงขอร้องให้ฮูมหนึ่งในหุ้นส่วนช่วยดูให้ก่อน
       

"พี่จิณณ์ครับ ผมกลัว!" เอียงหน้ามองคนรักในขณะที่นั่งกอดเข่าตัวเองร้องไห้

"อยู่กับพี่ พี่สัญญาว่าจะทำให้อิสปลอดภัย ไม่ต้องกลัวนะครับ"


      บอกพลางลูบผมอิสระเพื่อเป็นกำลังใจ แม้ว่าตอนนี้ ปัญหาจะถาโถมเข้ามาสักเท่าไหร่ แต่ จิณณ์ก็ไม่คิดทิ้งน้อง เขาพร้อมโอบอุ้มอิสระ แม้ตัวเองจะลำบากแค่ไหนก็ยอม


      สักพักจิณณ์นึกอะไรได้ ชวนอิสระให้ออกไปข้างนอก โดยไม่ยอมบอกว่าไปไหน


      อิสระเดินตามไปอย่างไม่มีอิดออด แม้จะเครียดแค่ไหน การได้อยู่ใกล้ๆคนที่รักก็ชวยให้อิสระอุ่นใจมากขึ้น


       เมื่อรถยุโรปแล่นเข้าสู่ตัวบ้าน พุ่งทะยานไปโรงจอด อิสระก็เดาได้ทันที



"พี่จิณณ์พาผมมาบ้านพี่หรอครับ?"
   


"ใช่ครับ"


"มาทำไมครับ พี่จิณณ์"

"มาบอกว่าเราคบกันครับ"

"ไม่เอานะครับ พี่จิณณ์ ผมกลัวว่าพ่อพี่จะรับไม่ได้"

"รับได้-ไม่ได้ ยังไงความจริงก็ต้องเปิดเผยอยู่ดี"
มองคนพูดเอาแต่ใจ แล้วนึกกลัวกับผลลัพธ์ที่ได้ยิน เพราะอิสระไม่เคยเจอพ่อพี่จิณณ์มาก่อน หากพ่อพี่จิณณ์รับไม่ได้ ทั้งสองจะต้องแยกห่างจากกันไหม?


      คิดไปก่อนเหตุการณ์จะมาถึง จนอิสระต้องดึงสติกลับมา เมื่อจิณณ์หอมแก้มเรียกร้องความสนใจ ทั้งสองจึงลงจากรถ


      ฟากจิณณ์ที่นัดหมายกับบิดาก่อนมา ไม่รอช้า เร่งฝีเท้าพาคนรักไปห้องทำงาน ของคุณเจริญ เดินมาสักพักก็มาหยุดตรงหน้าห้อง เคาะประตูก่อนจะเปิดเข้าไปเหลือบเห็นบิดานั่งอ่านหนังสือรออยู่


      เงยหน้ามองลูกชายที่เดินเคียงข้างมาอีกคน ทำให้เจริญสงสัยพลางเลิกคิ้วขึ้นสูง ก่อนจะเชื้อเชิญให้นั่ง
   

      ทั้งสองหย่อนกายลงนั่งตรงข้ามฝั่งเจริญ มองลูกชายตัวดีที่ถามไถ่สารทุกข์สุขดิบ อ้อมค้อมจนต้องยกมือบอกห้ามให้ลูกชายเข้าเรื่องสำคัญ


      จิณณ์ชะงักและนิ่งไปครู่ก่อนเอ่ยความจริงว่าจิณณ์และอิสระรักกัน เจริญเบิกตาโพลงตกใจ แต่ที่ตกใจมากไปกว่าจนเกือบช็อคก็เมื่อจิณณ์แนะนำสถานะอิสระต่อมาว่าเป็นลูกของอิทธิพลด้วย


      ใบหน้าเจริญเปลี่ยนสี เดือดจัด ตบโต๊ะเสียงดังลั่น และลุกขึ้นยืนเต็มความสูง


"แสดงว่าข่าวที่เคยได้ยินว่ามีคนพาเด็กหนี คือ แกหรือ?...จิณณ์"

"ครับพ่อ"
ก้มหน้า ตอบรับ


"รู้บ้างไหม? แกทำอะไรลงไป?"

"รู้ครับ พ่อช่วยผมได้ไหม? ตอนนี้คุณอิทธิพลตามหาน้อง ผมไม่อยากให้น้องกลับไปอยู่ในที่แบบนั้นอีก"

"ไม่! แกควรพาเด็กคนนี้กลับไปหาคุณอิทธิพลซะ"
ยื่นคำขาดโดยไม่คิดไตร่ตรองอะไรให้มากความ เจริญไม่มีวันยอมเสี่ยงกับคนอย่างอิทธิพลแน่ๆ

"พ่อครับ คุณอิทธิพลเขาเลวมากนะ พ่อรู้ไหม? ว่าน้องเขาเจออะไรมาบ้าง สี่ปีที่น้องต้องโดนขังอยู่แต่ในห้องและโดนทำร้ายร่างกายจนเป็นแผลทั่ว"


"หยุด!...แกไม่ต้องมาสั่งสอนพ่อ พ่อไม่สนว่าเด็กคนนี้จะเป็นตายร้ายดียังไง แต่คุณอิทธิพลกับเด็กคนนี้ เขาเป็นพ่อ-ลูกกัน ยังไงก็ควรกลับไปอยู่ด้วยกันอยู่ดี"


"แต่ผมเพิ่งเล่าให้พ่อฟังเองนะครับว่าคุณอิทธิพลมีนิสัยเป็นยังไง?"

"เอาล่ะ...พ่อจะช่วยแก โดยการไม่บอกคุณอิทธิพลว่าลูกเขาอยู่กับแกตอนนี้ กลับไปซะจิณณ์"

     มองหน้าบิดาพูดตัดบทอย่างไร้เยื่อใยก็ได้แต่นั่งนิ่ง รบเร้าไปก็เสียเวลา จิณณ์รู้นิสัยพ่อเขาดี ถ้าช่วยก็จะช่วยเพราะเกิดจากการนึกได้เอง ไม่ต้องให้ใครมาชักจูงหรือหว่านล้อม และวันนี้ ภาระกิจของจิณณ์ได้จบลงแล้ว


"ตอนแรก ผมก็นึกว่าคุณอิทธิพลจะโหดเหี้ยมคนเดียวซะอีก"

"นี่แกกล้าว่าพ่อเชียวหรือ? ห้ะ!... ถ้าเห็นคนนอกดีกว่าก็ออกจากบ้านนี้ไปซะ"

"ครับ แต่ผมจะบอกว่า อิสไม่ใช่คนนอกอย่างที่พ่อเข้าใจ เพราะอิส คือ คนรักของผม เพราะฉะนั้น ผมจะถือว่า อิส คือคนในครอบครัวของผมเหมือนกัน"


      บอกหน้านิ่ง และยกมือไหว้เพื่อร่ำลา เจริญโมโหที่ลูกพูดไม่ไว้หน้า เขาไม่โต้ตอบแต่กลับเบี่ยงหน้าหนี ไม่แม้แต่จะรับไหว้และชายตามองสักนิดเดียว


      ทั้งสองเดินพ้นตัวบ้านมาอย่างเงียบๆ จนกระทั่งขึ้นรถมาได้


"พี่จิณณ์ครับ ผมขอโทษที่เป็นต้นเหตุให้พี่กับพ่อพี่ทะเลาะกัน"


      อิสระคิดมากขึ้นมา เมื่อรู้ว่าตัวเองคือตัวปัญหา


"อย่าคิดมาก ไม่ใช่อิสหรอก พ่อพี่แค่ไม่ยอมรับฟังเท่านั้นเอง  พี่ว่าเราไปหาอะไรกินอร่อยๆแก้เครียดดีกว่าเนอะ แล้วเดี๋ยวค่อยหาทางใหม่" บอกปลอบใจคนรักไม่ให้กังวลแม้ในใจจิณณ์เองก็เครียดไม่น้อย


    จิณณ์โน้มตัวไปจูบปากเด็กหนุ่มและผละมากดจมูกลงบนแก้มขาวทั้งสองข้าง


"ไม่เอาสิครับ ไม่เครียด ยิ่งเครียดยิ่งไม่น่ารักนะ เดี๋ยวพี่พาไปกินบุฟเฟ่ต์ดีกว่า"


     ลูบศรีษะเด็กหนุ่มอย่างเอ็นดู ก่อนจะเคลื่อนรถไปยังจุดหมาย คือ ห้างสรรพสินค้า โดยที่อิสระยังไม่รู้


     เมื่อถึงปลายทางที่ตั้งใจไว้ อิสระชักไม่แน่ใจถึงสถานที่ที่พี่จิณณ์พามา จึงบอกอย่างเป็นกังวล


"พี่จิณณ์ ผมกลัวว่าคุณอิทธิพลจะหาเราเจอ เราไปกินที่อื่นได้ไหมครับ?"

"ถ้าเจอจริงๆพี่ว่าเขาไม่กล้าทำอะไรหรอก เพราะเป็นที่สาธารณะด้วย อิสมีพี่นะ พี่ไม่อยากให้อิสเครียดจนไม่กล้าที่จะทำอะไรเลย"

"ก็ได้ครับ"



    อิสระอุ่นใจ ตัดสินใจลงจากรถ ถึงจะมีความเครียดอยู่บ้าง แต่มันกลับมีความสบายใจซ่อนอยู่ เมื่อตั้งแต่ลงรถมา พี่จิณณ์ดูแลไม่ห่าง วางมือบนไหล่ให้รู้ว่ามีพี่เขาอยู่ใกล้ๆ


     จนกระทั่ง ทั้งสองถึงร้านอาหารบุฟเฟ่ต์ นั่งลงสั่งเมนูที่ต้องการแบบจัดเต็มชุดใหญ่ เมื่อเตาร้อน จิณณ์วางเนื้อหมู และซีฟู้ดลงบนเตา พลิกเนื้อกลับไป-กลับมา ดูแลอิสระถึงใจตลอด พอสุกก็คีบบริการให้ถึงถ้วย เด็กหนุ่มมองหน้าคนเอาใจใส่เป็นพิเศษก็ดูออกว่าพี่จิณณ์ไม่อยากให้อิสระคิดมากกับเรื่องเก่าๆ

     ถ้าหากคนตรงหน้าต้องการเช่นนั้น อิสระก็ขอใช้ชีวิตปัจจุบันให้มีความสุขก็แล้วกัน


     จัดการอาหารกันจนอิ่มพุงกาง เรียกเก็บเงิน และมุ่งหน้าไปร้านกาแฟต่อ

     จิณณ์ให้คนรักไปหาที่นั่ง ส่วนจิณณ์รอรับกาแฟอยู่หน้าเคาน์เตอร์ ขณะที่อิสระนั่งก้มหน้าทำทีเป็นเล่นโทรศัพท์ทั้งๆที่หน้าจอไม่ได้เปิดอะไรดูเลย



"อิสใช่ไหม?"


      สะดุ้งและเงยหน้ามองคนเรียกชื่อก็ตกใจปนดีใจ ใบหน้าเด็กหนุ่มปรากฎรอยยิ้มกว้าง แต่ไม่กี่วินาทีก็หุบยิ้มลง เมื่อนึกได้ว่า คุณธวัชชัย คนที่รักและเอ็นดู ชอบมาหาอิสระที่บ้านบ่อยๆ ตั้งแต่เด็กจนโต คนที่มาทีไรจะถือขนมติดไม้ติดมือตลอด เขาเป็นเพื่อนกับคุณอิทธิพล

    แม้อดีตจะดีแค่ไหน แต่ก็ไม่รู้ว่าปัจจุบันจะยังดีเหมือนเดิมหรือเปล่า?  เด็กหนุ่มจึงไม่ค่อยไว้ใจนัก



       หากเป็นแต่ก่อน อิสระจะชวนคุยอย่างสนิทสนม แต่พอเกิดเรื่อง อิสระกลัวว่าคุณธวัชชัยจะเป็นสายสืบ อิสระหน้าซีด ชะเง้อคอมองพี่จิณณ์ว่าเมื่อไหร่จะเดินกลับมาที่โต๊ะ



"อิสจริงๆด้วย เป็นไงบ้าง ลุงดีใจนะที่ได้เจออิส" คนทักกลับยิ้มกว้าง



      เด็กหนุ่มลนลาน จนธวัชชัยจับอาการที่ผิดสังเกตได้


"อิสเป็นอะไรหรือเปล่า?"

"ผมขอตัวก่อนนะครับ"

"เดี๋ยวสิ ไม่ได้เจอกันตั้งนาน อยู่คุยกับลุงก่อนสิ ลุงอยากรู้ว่า อิสเป็นไงบ้าง"

"เอ่อ...ขอโทษนะครับ คุณคือ..."


      จิณณ์ทักขึ้นและยิ้มอย่างมีมารยาท ก่อนจะนั่งตัวลง ยื่นชาเขียวเย็นให้อิสระ ธวัชชัยหรี่ตามองทั้งคู่อย่างมีข้อสงสัย


"ผมชื่อธวัชชัย เป็นเพื่อนพ่อของอิสระครับ"


     เก็บอาการตกใจไว้ข้างใน และหันไปมองอิสระที่ดูสีหน้าหวาดระแวง


"พอดี ผมกับน้องมีธุระไปต่อน่ะครับ ต้องขอโทษที่ไม่สามารถคุยด้วยได้ ไว้โอกาสหน้านะครับ"



"คุณเป็นใคร?"

"แฟนอิสครับ"


     ทันทีที่ได้ยินคำตอบ ใบหน้าคนใจดี แต้มยิ้มตลอดเวลาแปรเปลี่ยนเป็นหน้าบึ้ง ขึงขัง


      อิสระตัดบท ยกมือไหว้ลาลุงธวัชชัย ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง รีบเร่งเดินออกจากร้านกาแฟ ทันใดนั้น...

 

"อ้าวพี่อิส"


      เสียงคุ้นเคย ทำให้อิสระและจิณณ์หันขวับไปมอง


"ป้าง"

"เฮ้ย! โคตรบังเอิญเลยพี่ พี่อยู่แถวนี้หรอถึงมาเดินห้างนี้" รอยยิ้มสดใสแต้มใบหน้าของเด็กวัยมหาวิทยาลัย ผิดกับสองคนที่มีสีหน้าไม่สู้ดีนัก

"ใช่ครับ พี่ขอตัวก่อนนะป้าง"
รีบตัดบท แต่ก็ไม่ทันธวัชชัยที่เดินตามมาติดๆเหมือนกลัวว่าอิสระจะหลุดมือ

"อิส" ป้างหยุดชะงัก เมื่อเสียงคนที่เรียกอิสระนั้นเป็น....

"พ่อรู้จักพี่อิสด้วยเหรอ?"


     อิสระยืนเหวอเมื่อไม่คิดว่าจะเจอะเรื่องบังเอิญได้อย่างไม่น่าเชื่อ

     เห็นเค้าลางไม่ดี อิสระไม่สนว่าจะทำตัวเป็นเด็กไม่มีมารยาทต่อหน้าธวัชชัยรึเปล่า ทั้งสองไม่พูด ไม่จา เดินหนีไปให้พ้นสายตา


    ป้างยืนหรี่ตามองพ่อที่ทอดสายตาหาคนที่เพิ่งเดินจากไปอย่างอาลัย อาวรณ์ ยังไม่ทันอ้าปากถามบิดาเรื่องที่คาใจ เสียงเครื่องมือสื่อสารของธวัชชัยก็แผดเสียงดัง บิดากดรับสายด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น


"ที่ฉันโทรไป จะบอกว่าฉันเจออิสด้วย ลูกแกกลับมาจากเรียนเมืองนอกแล้วก็ไม่บอก? อ่อ...แล้วรู้หรือยังว่า อิสมีแฟนแล้ว ที่สำคัญ เป็นผู้ชายด้วยนะ"


      รายงานเพื่อนอย่างตรงไปตรงมา โดยไม่รู้เลยว่า มีเรื่องราวเบื้องหลังซับซ้อนมากมายแค่ไหน

      แหละการบ่นกึ่งตัดพ้อกับปลายสายนั้น ธวัชชัยไม่มีทางเห็นว่าใบหน้าของคนที่ได้รู้ความจริง กำลังกำมือแน่นจนเส้นเลือดปูดโปน และมีอารมณ์กรุ่นโกรธถึงขีดสุด


     เมื่อหมดธุระ ธวัชชัยยังมีใบหน้าเครียดขึง แต่เพราะมีลูกชายอยู่ด้วยจึงต้องแสร้งยิ้มออกมามองคนที่ยืนรบเร้าข้างๆ


"พ่อยังไม่บอกผมเลย ทำไมถึงรู้จักพี่อิส"

"พ่อจะบอก ต่อเมื่อป้างบอกพ่อก่อน"
ธวัชชัยย้อนถาม เมื่อลูกตัวแสบอยากรู้ความเป็นมาเป็นไปของอิสระ


      ป้างถอนหายใจนิดหน่อยก่อนจะเล่าเรื่องของเขาเพื่อแลกเปลี่ยนกับเรื่องราวของพ่อ


   



..........................................
หัวข้อ: Re: +..▪..+"แสง.สุด.ท้าย"+..▪..+||ตอนที่ 13.2|| อัพ 6-3-18> P.4
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 06-03-2018 16:15:33
 :pig4: :pig4: :pig4:

โอย...อีรุงตุงนังจริง ๆ
หัวข้อ: Re: +..▪..+"แสง.สุด.ท้าย"+..▪..+||ตอนที่ 14|| อัพ 22-3-18> P.4
เริ่มหัวข้อโดย: rinyriny ที่ 22-03-2018 19:17:24


บทที่ 14 เอาคืน






      ในเวลาบ่ายแก่ๆนี้ ทั้งสามนั่งอยู่ในบ้านชานเมืองที่บิดาพาจิณณ์มากบดานที่นี่

 

“ขอบคุณครับพ่อ”



         จิณณ์ขอบคุณบิดาด้วยความดีใจ หลังจากที่พ่อของเขาใจอ่อน ยอมช่วยเหลือ

         คิดไตร่ตรองก็นึกห่วงลูกตัวเอง ถ้ามีเรื่องจนจิณณ์เป็นอะไรขึ้นมา เจริญก็ไม่อยากมานั่งเสียใจเมื่อสายที่ไม่ได้ช่วยลูกตั้งแต่แรก

         สั่งเสียเรียบร้อย เจริญขอตัวกลับก่อนเนื่องจากมีธุระต่อ

         เมื่อไม่เหลือใครในบ้าน จิณณ์กอดอิสระแน่นจนแก้มแนบแก้มอยู่บนโซฟาตัวยาว

        ลูบเรือนผมเด็กหนุ่มอย่างเอ็นดู ก่อนเอ่ย...



"ไม่เป็นไรนะ มีพี่อยู่ทั้งคน"



       บอกให้กำลังใจ เพราะจิณณ์ดูออกว่าคนรักยังวิตกกังวลอยู่



"เพราะพี่ถึงทำให้ผมมีแรงอยู่ได้ทุกวันนี้ ขอบคุณนะครับพี่จิณณ์"

       เอ่ยขอบคุณ จากนั้น อิสระผละจากกอดมาจุ๊บปากพี่จิณณ์ ไถลตัว เอนกายลงนอนหนุนตักหวังจะได้ความรัก ความอบอุ่น จากการใกล้ชิดแฟน

       อมยิ้มและลูบผมอิสระช้าๆเหมือนกล่อม จนอิสระรู้สึกผ่อนคลายและเคลิ้มไปกับสัมผัสของพี่จิณณ์ อิสระผล็อยหลับไป ส่วนหนึ่งอาจเพราะอ่อนล้าและเพลียสะสมเนื่องจากอิสระนอนไม่หลับมาหลายคืนแล้ว

      จิณณ์ที่กล่อมคนรักอยู่ก็เผลอจะหลับตาม แต่ทว่า เสียงเครื่องมือสื่อสารแผดเสียงดังเสียก่อน จิณณ์สะดุ้ง ยืดสุดตัว คว้าโทรศัพท์ที่อยู่ตรงโต๊ะตัวเล็กข้างโซฟา

        มองหน้าจอ ปรากฎเบอร์โทรที่บันทึกชื่อว่า 'ชาย' จิณณ์รับสาย



"สวัสดีครับ"

[นั่นใช่คุณอิสหรือเปล่าครับ?]

"ไม่ใช่ครับ ผมจิณณ์ครับ"

[ผมชายเองนะครับ พวกคุณอยู่ไหนกัน ผมมีเรื่องสำคัญต้องบอก!]

"ผมจะไว้ใจได้ยังไงครับว่าถ้าผมบอก คุณจะไม่หลุดพูดกับคุณอิทธิพล?" แม้ว่าชายจะเคยโกหกเพื่อช่วยเหลือจิณณ์ที่บ้านป้านันในวันนั้น แต่จิณณ์ยังคงไม่ไว้ใจอยู่ดี

[การที่ผมช่วยคุณวันนั้น มันยังไม่ทำให้คุณเชื่อมั่นได้อีกหรือ? เชื่อผมเถอะ ผมไม่มีทางหักหลังคนที่อย่างน้อยก็เคยสร้างความสุขให้ผม]

"คุณหมายความว่าไงก็พูดตรงๆเลยดีกว่า" ชักหงุดหงิดที่อีกฝ่ายพูดอย่างมีเลศนัย

[ไม่มีอะไรหรอกครับ ว่าแต่บอกผมได้หรือยังว่าพวกคุณอยู่ที่ไหน? คุณไม่อยากรู้หรือว่าทำไมคุณอิทธิพลถึงต้องไล่ล่าตามหาคุณอิสขนาดนั้น]

"ก็บอกมาตอนนี้สิครับ" 



    อีกฝั่งเงียบเสียงลง และ...





"ใครโทรมาครับ พี่จิณณ์"



     คนที่นอนหนุนตัก หยัดกายขึ้นมองหน้า ขยี้ตาอย่างงัวเงีย



"ชายครับ"



     จิณณ์ยื่นโทรศัพท์ให้ คนรักรับโทรศัพท์ไปคุยต่อ จิณณ์มองเด็กหนุ่มหน้าเปลี่ยนเป็นเครียดขึ้นมา ไม่นานนัก คนรักวางสายและหันมาบอกจิณณ์เสียงติดกังวล



"ผมให้พี่ชายมาหาที่นี่นะครับ"

"อิสไม่ควรบอกว่าเราอยู่ไหน"


"แต่ที่เรารอดได้วันนั้นก็เพราะพี่ชายนะครับ"

 

     แค่เรื่องตอนนี้ ก็เครียดมากพอแล้ว ถ้าขืนหาเรื่องมาชวนทะเลาะเพิ่มขึ้นอีก จะพาลให้ชีวิตหมดความสุขกันซะเปล่าๆ จิณณ์พยายามไม่โกรธที่อิสระบอกที่อยู่ใหม่แก่ชาย เขาลูบศรีษะอิสระก่อนกดจูบบนกลางกระหม่อม



"เดี๋ยวพี่โทรสั่งพิซซ่านะ จะได้ไม่ต้องออกไปข้างนอก" จิณณ์ตั้งใจเปลี่ยนเรื่อง

"ครับ แต่รอให้พี่ชายมาแล้วค่อยสั่งก็ได้ครับ"

"ครับ"




       เมื่อหมดธุระคุย ทั้งสองเดินตรวจตรารอบบ้านจนทั่ว เพื่อดูทางหนี ทีไล่ ผ่านไปสี่สิบห้านาที ที่ทั้งสองนั่งคุยกันตรงม้าหินหน้าบ้าน จิณณ์เห็นรถจอดหน้าบ้าน ดับเครื่องยนต์ จึงลุกไปดูและเปิดประตูรั้วให้ เมื่อรู้ว่าเป็นชาย



"สวัสดีครับ"

"ครับ"




      ชายเดินเข้ามาไม่ทันไร อิสระร้อนใจ ปรี่ประชิดตัว ลากเข้าบ้าน จิณณ์ปิดประตูเดินตามหลังไป

       ลอบมองคนนั่งตรงข้ามที่ต่างฝ่าย ต่างทำหน้ากระอักกระอ่วนและลำบากใจ จิณณ์จึงใช้เวลานี้ปลีกตัวไปโทรสั่งอาหารให้มาส่ง

       ถัดมายัง อิสระที่นั่งมองพี่ชายไม่ยอมพูดอะไรสักที

   

"เล่าเลยได้ไหมครับ?" ร้อนใจจนเร่งคนที่เพิ่งมาถึง แม้แต่น้ำเปล่าก็ยังไม่ได้ดื่มสักอึก

“คุณอิทธิพลเป็นเกย์ครับ"

“ห้ะ!!”



เปรี้ยง!..



       อิสระอุทานอย่างตกใจ ไม่ใช่เพราะเสียงฟ้าร้องแต่อย่างใด แต่กลับช็อกและอึ้งตะลึงเรื่องพ่อของตัวเอง ที่พออยากได้ยิน ก็เป็นคำตอบที่เขาคาดไม่ถึงว่าจะเป็นแบบนี้

      ถ้าพ่อเป็นเกย์ แล้วจะมาแต่งงานกับแม่เขาทำไม?



“ไม่จริง!!”

“ถ้าอย่างนั้น ลองฟังเรื่องที่ผมได้ยินก่อนไหมครับ”

“ก็ได้ครับ”



      ในขณะเดียวกัน ด้านนอกของตัวบ้านมีสายฝนโปรยกระหน่ำลงมาในเวลาเย็นๆ ส่วนจิณณ์พอเสร็จธุระ เขาเร่งฝีเท้าเดินมานั่งข้างคนรัก กุมมือกันแน่น

      เพื่อไม่ให้เสียเวลา ชายเริ่มเล่า



     วันหนึ่ง ณ บ้านของคุณอิทธิพล มีชายผู้หนึ่งอ้างตัวว่าเป็นเพื่อนสมัยมหาวิทยาลัย ชื่อ ธวัชชัย มาหาอิทธิพลที่บ้าน ชายโดนไล่ให้มายืนเฝ้าอยู่หน้าห้องทำงานของเจ้านาย แต่เพราะประตูแง้มไว้ เสียงที่พูดคุยกัน จังหวะหนึ่งก็ดังขึ้นมา จนชายเงี่ยหูฟังทันที ตอนที่มีชื่ออิสระเข้าไปเกี่ยวข้อง แต่ฟังไม่ถนัด มาจับใจความอีกทีก็ได้ยินสิ่งที่ควรเป็นความลับระเบิดออกมาจากปาก

      ...อิทธิพล ชอบ ธวัชชัย...

       เรื่องราวมันมีอยู่ว่า อิทธิพลแอบชอบธวัชชัยมาข้างเดียวตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย แต่เพราะในสมัยก่อน การเปิดเผยตัวตนว่าเป็นเกย์ สังคมยังไม่ยอมรับ อิทธิพลจึงทำได้แค่เก็บไว้ และแสดงตัวตนว่าเป็นผู้ชายเต็มร้อย

      เมื่อเรียนจบมหาวิทยาลัยต่างฝ่ายต่างแยกย้ายไปตามเส้นทางของตัวเอง ในช่วงนั้น ธวัชชัยไปเรียนต่อเมืองนอก หลายปีผ่านไป ธวัชชัยกลับมาโดยติดต่ออิทธิพลเป็นคนแรก ทั้งสองนัดเจอกัน แต่สิ่งที่อิทธิพลไม่คาดคิด คือ เพื่อนรักมาพร้อมแฟนที่พบรักกันสมัยที่เรียนอยู่ต่างประเทศ

     กล้ำกลืน ฝืนยิ้ม แสดงความดีใจกับเพื่อน ทั้งๆที่หัวใจแทบแหลกสลาย

      อิทธิพลเสียใจ เข้าร้านเหล้า นั่งดื่มลืมเรื่องเลวร้ายจนเมามายอย่างหนัก และคืนนั้นนั่นเอง เป็นเหตุที่ทำให้อิทธิพลพบกับแม่ของอิสระ และมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกัน อิทธิพลตัดสินใจสานสัมพันธ์ต่อโดยไร้ความรัก เพียงเพราะประชดชีวิตที่ผิดหวังจากธวัชชัย

      คบมาได้สักระยะทั้งสองแต่งงานกัน ซึ่งอิทธิพลรู้ดีว่ามันก็แแค่ฉากบังหน้าเท่านั้น แต่ในวลาต่อมา ทั้งสองดันมีลูกด้วยกันนั่นก็คือ อิสระ 

      ช่วงเวลาที่อิทธิพลมีครอบครัวเต็มรูปแบบ เขาขาดการติดต่อกับธวัชชัยไป จนมีงานการกุศลที่ธวัชชัยและอิทธิพลเจอกันโดยบังเอิญ อิทธิพลตั้งใจหลบหน้า แต่ธวัชชัยกลับวิ่งเข้าหา แสดงอาการดีอก ดีใจออกนอกหน้าก็ใจอ่อนยอมคุยด้วย

       แหละสิ่งที่สนทนากันจนทำให้อิทธิพลดีใจอย่างมีความหวังขึ้นมา เมื่อธวัชชัยบอกเขาว่าได้หย่ากับภรรยาแล้ว เนื่องจากรู้ใจตัวเองแน่ชัดว่า ไม่ได้ชอบผู้หญิง นั่นจึงทำให้ทั้งสองสนิทกลับมาใกล้ชิดและสนมอีกครั้ง

        จุดสำคัญที่ยิ่งทำให้ธวัชชัยและอิทธิพลสนิทมากขึ้นไปอีก เมื่อหลายปีถัดมา แม่ของอิสระเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ ความเป็นพ่อหม้ายของทั้งสองจึงส่งผลให้ต่างฝ่ายต่างเข้าใจกันเป็นพิเศษ

      ชายเล่าจนจบและบอกว่ารู้มาเท่านี้ แต่ชายเดาว่า นี่น่าจะเป็นวาเหตุที่อิทธิพลอยากกำจัดอิสระ เพราะอิสระเป็นลูกที่ไม่ได้เกิดจากความรัก นั่นเอง

      อีกคนที่นั่งฟังแล้วคิดว่าไม่มีน้ำหนักพอที่จะให้ไล่ล่า ก็คือ จิณณ์

      เขาไม่เข้าใจว่า คนที่อิสระรักดั่งพ่อ กลับเกลียดลูกชายตัวเอง เพียงเพราะไม่ได้รักแม่ของอิสระมาตั้งแต่แรก เหตุผลมีแค่นี้จริงๆหรือ.?

       บีบกระชับมือคนรัก เมื่อเห็นอิสระปล่อยโฮออกมา 

       ชายนั่งนิ่งที่ต้องเห็นน้ำตาของลูกเจ้านายตัวเอง แม้มันเป็นเรื่องที่ไม่ควรเอามาบอกก็ตาม

“ขอบคุณนะครับที่มาบอก” จิณณ์กล่าว

“ยินดีครับ ถ้างั้นผมขอตัวกลับก่อนนะครับ"

"ข้างนอกฝนตกอยู่น่ะครับ จะรอให้หยุดก่อนไหม?"
เป็นจิณณ์ที่บอก

"ก็ดีครับ"

      ทุกคนได้แต่เงียบ เพราะไม่รู้ว่าเรื่องราวจากนี้จะไปต่ออย่างไร

      จังหวะที่รอกันอย่างเงียบๆ เสียงบีบแตรจากรถมอเตอร์ไซค์ดังทะลุเสียงฝนตก จิณณ์ลุกไปดู ก็เห็นพนักงานมาส่งพิซซ่า ซาบซึ้งในความพยายามฝ่าฝนมาส่งให้ จิณณ์คว้าเงินค่าอาหารรวมถึงทิปส์ให้แก่พนักงานด้วย

       ไม่ถึงสามนาที...

ปัง!   

       ชาย และอิสระมองหน้ากัน ลุกพรวดวิ่งออกไปดูเห็นจิณณ์นั่งหลบหลังกำแพงข้างประตูรั้ว



"ชายพาอิสหนีไป!!"
ตะโกนลั่นแข่งเสียงฝน

"คุณอิสหนี!"

      ความดื้อรั้นไม่ฟังใคร อิสระสะบัดแขนออกจากชาย วิ่งไปที่หน้าประตู

“พี่จิณณ์ครับ ผมจะไม่หนี ถ้าไม่มีพี่"

     อิสระวิ่งไปปะทะอกแกร่งที่วิ่งมาบรรจบกัน จิณณ์ไม่มีเวลามานั่งก่นด่าแฟนตัวเองที่ดื้อรั้น เขากระชากแขนอิสระพาหนี โดยมีชายคอยระวังหลัง

     ทุกคนวิ่งไปหลังบ้าน เปิดประตูเล็กและหนีออก เลาะไปตามสวนผลไม้ ฝ่าดงกล้วย หนีหัวซุกหัวซุน โดยที่เสียงปืนดังแข่งกับเสียงฝนไม่ขาดสาย

      ทั้งสามวิ่งบนสะพานไม้เล็กที่พาดข้ามไปอีกฝั่ง วินาทีนั้น อิสระลื่นล้มดินโคลนที่เปียกชุ่มจากฝนตก ชายและจิณณ์ต้องหยุดกระทันหันเพื่อดึงอิสระให้ลุกขึ้น แต่ทว่า ไม่ทัน เพราะพวกอิทธิพลตามมาประชิดตัวได้ทันแล้ว

"หยุดเดี๋ยวนี้นะ ไม่งั้นพวกมึงตายแน่!"

     ทุกคนหยุดชะงัก อิทธิพลเร่งฝีเท้า ก้าวยาวๆไปหาลูกน้องคนสนิทใช้ปลายกระบอกปืนตบหน้าชายอย่างแรง

     ชายยกหลังมือมาซับเลือดที่มุมปากและก้มหน้า

“เรื่องของมึงกูจะคิดบัญชีทีหลังนะไอ้ชาย”

     ว่าจบหันขวับไปมองคนที่เกลียดเข้าไส้ จิณณ์รีบดันร่างอิสระให้หลบด้านหลัง

"ฉันก็ไม่คิดนะว่าคนที่พาอิสหนีจะเป็นคุณ"

     จิณณ์ไม่ตอบ



      แม้ว่าเวลานี้ สายฝนซาลงแล้ว แต่บรรยากาศยังคงอึมครึม ขมุกขมัว ทุกคนยืนเนื้อตัวเปียกมะล่อกมะแล่ก



"อิส เดินมาเดี๋ยวนี้"

"ไม่ อิสอย่าไปนะ"
จิณณ์หันไปบอก

"มึงจะมา-ไม่มา อย่าให้กูโมโหนะ ไอ้อิส!!" อิทธิพลตวาด แต่เป็นจิณณ์ที่โพล่งไป

"จะเอาตัวอิสไปให้เจ็บและทรมานอีกทำไม? หยุดทำร้ายคนไม่มีทางสู้สักทีเถอะครับ"

"มึงก็แค่คนอื่น...อย่าเสือก!!"

"ผมไม่ใช่คนอื่น ผมเป็นคนรักของอิส และถ้าคุณจะทำอะไรอิส ข้ามศพผมไปก่อน"

"เฮอะ! ปากดีดีนัก ถ้างั้นก็ได้ กูจัดให้..."

   
ยกปืน ขึ้นลำ เหนี่ยวไกและ...

พลั่ก!

ปัง!

"ม่ายยยยยย!!"



     อิสระผลักจิณณ์ออกเพื่อรับลูกกระสุนแทน จนร่างคนรักล้มลงตรงหน้า อิทธิพลเรียกลูกน้องที่ติดตามมาทั้งสองคนแบกร่างอิสระไปโยนทิ้งลงคลอง จิณณ์ตาโตรีบวิ่งตามไปหวังจะห้าม กลับโดนอิทธิพลชักปืนยิงเข้าแขนขวาหนึ่งนัด

ปัง!

     ร่างสูงล้มลง อิทธิพลจะยิงซ้ำ ชายใช้จังหวะที่อิทธิพลเผลอ ชักปืนยิงกลับไปสองนัดเข้าที่หัวไหล่และต้นแขนของเจ้านายตัวเอง ก่อนจะกระหน่ำยิงสู้กับคนติดตามของอิทธิพลที่ไม่ทันระวังตัว จนทั้งสองถูกยิงเข้าที่ศรีษะและลำตัว

   

     เมื่อไร้คู่ต่อสู้ ชายเดินไปหาอิทธิพลจับปกคอเสื้อกระชากร่างเจ้านายตัวเองให้ลุกขึ้นยืน พร้อมสั่งเสียกับจิณณ์ว่าจะเอาคืน อิทธิพลให้สาสม เพราะชายรอจังหวะที่เหมาะสมแบบนี้มานานแล้ว

      จังหวะปลอดภัย จิณณ์กระโจนลงคลองไปตามหาคนรัก งมหาไม่ถึงสามนาที รีบขึ้นมาจากคลอง เพราะบาดแผลที่โดนยิงมีเลือดทะลักออกมามาก



      จิณณ์นั่งพักริมคลอง ถอดเสื้อออกเพื่อกดปิดปากแผลไว้ ใบหน้าหล่อนิ่วหน้าด้วยความเจ็บและชาดิก

     ในความคิด มีแต่ใบหน้าของอิสระลอยวนพร้อมถ้อยคำเต็มหัว


"พี่รักอิสนะ"

     ไม่กี่วินาทีต่อมา จิณณ์วูบและไม่รู้สึกตัวอะไรอีก

     
    ****1.1****

จะจบแล้วนะคะ มาเป็นกำลังใจให้ทั้งคู่ด้วยน้า
หัวข้อ: Re: +..▪..+"แสง.สุด.ท้าย"+..▪..+||ตอนที่ 14|| อัพ 22-3-18> P.4
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 22-03-2018 21:32:51
 :pig4: :pig4: :pig4:

กะแล้วว่าต้องมีการสะกดรอยตามชายมาแน่ ๆ

ส่วนเหตุผลที่ไล่ล่าจากปากคำของชาย  ยังรู้สึกว่ามันอ่อนไป

หัวข้อ: Re: +..▪..+"แสง.สุด.ท้าย"+..▪..+||ตอนที่ 14.2|| อัพ 27-3-18> P.4
เริ่มหัวข้อโดย: rinyriny ที่ 27-03-2018 20:09:51
บทที่ 14 เอาคืน (2)




      ในเวลาเดียวกัน คนที่เพิ่งลากอิทธิพลขึ้นรถ พร้อมเคลื่อนรถไปข้างหน้าก็ปาดเหงื่อด้วยความเหนื่อย


      ไม่ง่ายเลยที่จะให้เจ้านายตายใจและได้จังหวะเหมาะสมแบบนี้ ยิ่งได้เห็นเจ้านายที่ไม่คิดกลับตัว กลับใจ ยังคงคิดล้างแค้นไม่จบไม่สิ้นกับแค่เด็กธรรมดาหนึ่งคน ยิ่งทำให้ชายเหลืออด ทนไม่ไหว ที่จะต้องหาทางเอาคืน จึงตั้งใจยิงกลับไปในตอนนั้น


"กูเป็นคนชุบเลี้ยงมึงมากับมือ มึงกลับทรยศกูรึ? ไอ้ชาย" เสียงติดๆขัดๆพูดขึ้นอย่างแผ่วเบา



     เหลือบมองกระจกมองหลังอย่างไม่สนใจ และยังคงขับรถต่อไปเรื่อยๆ



 "มึงควรพากูไปโรงพยาบาลนะไอ้ชาย มึงจะปล่อยให้กูตายไม่ได้"



"ทำไมจะไม่ได้ล่ะครับ" ความเลือดเย็นที่ถูกซึมซับมาจากเจ้านาย ทำให้ชายตอบหน้าตาเฉย



"มึง..." อิทธิพลยังไม่ทันได้พูดจบ



"แค่นายเป็นเกย์ทำไมต้องทรมานคุณอิสด้วยล่ะครับ" โพล่งไปโดยเสียงตามหลังคือการหัวเราะในลำคอของอีกฝ่าย



"มึงแอบฟังกู? เฮอะ!...กูไม่จำเป็นต้องบอกมึง"



      มองคนใกล้ตายอวดดีก็ได้แต่ถอนหายใจ ถ้าไม่บอก ชายก็ไม่สนเอาคำตอบ แต่สิ่งที่ชายจะบอกต่อจากนี้ ชายอยากให้เจ้านายรับรู้ความรู้สึกของคนอื่นบ้าง...



"สิ่งที่ทำให้ผมเปลี่ยนไปอยากเป็นคนที่ดีขึ้น คือ วันที่นายยิงไอ้กรณ์  เพราะอะไรรู้ไหมครับ? เพราะผมรักกรณ์ไงครับ นายรู้สึกยังไง ถ้าต้องเห็นคนที่ผมรักตายไปต่อหน้าต่อตาโดยที่ทำอะไรไม่ได้ ผมเจ็บปวดและทรมานเหมือนกันนะครับนาย ทุกวันนี้...ผมคิดถึงมันตลอด...พยายามจะลืมก็ทำไม่ได้สักที"



       แค่นึกถึงกรณ์ เหตุการณ์ที่เคยได้อยู่ร่วมกันก็ผุดขึ้นมาเป็นฉากๆ



      ไม่น่าเชื่อว่า คนที่เคยเลวไม่สนใจใครหน้าไหน กลับคิดได้และพยายามชดใช้ความผิดในอดีตที่เคยก่อ ด้วยการกลับตัวเป็นคนดีที่ชายคิดว่ายังไม่สาย



"คนที่กูรักมันชอบไอ้อิสระ"



     ชายชะงัก เหลือบมองคนอาการร่อแร่โพล่งขึ้นมา



"คุณธวัชชัย?"




"ใช่ มึงคิดว่าไงล่ะ ไอ้ชาย คนที่ได้แต่แอบชอบมายี่สิบกว่าปี ไม่มีโอกาสได้บอก พอจะบอกกลับพบความจริงว่า มันรักลูกกู หลงลูกกูแทบบ้า แล้วกูล่ะ...กูล่ะ...แค่กๆ...ไอ้ชาย ห้ะ!..."



       จบประโยคนั้น ชายเปลี่ยนเลน ชะลอขับเข้าข้างทางเพื่อจอด หันไปมองเจ้านายที่เงียบเสียงลงและหลับตา ซึ่งสิ่งที่เขาเห็น คือ น้ำตาที่ไหลมาจากตาของคนใจดำ อำมหิตคู่นั้น



       ยอมรับว่าตอนแรก ชายอยากเอาคืนคนเลวคนนี้ให้สาสมกับสิ่งที่เขาทำ ด้วยการ ตัดแขน ตัดขา ชำแหละอวัยวะเป็นชิ้นๆ ทิ้งลงแม่น้ำสายกว้างใหญ่ แต่จู่ๆชายเปลี่ยนใจเมื่อวูบหนึ่ง ภาพของกรณ์แวบเข้ามาในหัวพร้อมเสียงกระซิบที่มั่นใจว่าไม่ได้คิดไปเอง ถ้อยคำที่ได้ยินเบาๆและทำให้เขาคิดได้ว่า



      ...ปล่อยอิทธิพลไปซะ...



     ไม่ว่าจะช้าหรือเร็ว ทุกคนต่างต้องชดใช้กรรมที่ตัวเองได้กระทำมาแล้วทั้งสิ้น แม้แต่ตัวอิทธิพลหรือเขาเองก็ตาม



       ชายจะไม่เพิ่มกรรมชั่วให้ตัวเองอีก เพราะการกระทำในปัจจุบันจะส่งผลต่ออนาคต เพียงแค่นี้ชายเองก็มีกรรมชั่วมากพอแล้วที่รอรับผล



     สุดท้าย ชายคิดได้ ตัดสินใจชายแบกร่างเจ้านายโยนทิ้งไว้ข้างทางมีโพรงหญ้าขึ้นสูง ถ้าอิทธิพลมีบุญมากพอ ก็อาจมีคนมาช่วยได้ทัน แต่ถ้าไม่...ก็คงต้องตาย...

 

      ยืนกอดอกมองร่างเจ้านายตัวเองหมดสภาพความเป็นผู้ทรงอำนาจ เนื้อตัวมีแต่เลือดเปรอะเปื้อนตัว



     ไม่น่าเชื่อว่า ความรัก จะมีพลังอำนาจมากพอจะทำให้คนเราเปลี่ยนไปได้อย่างน่าประหลาด

   

      พอสมหวังดั่งใจก็มีความสุขซะจนตัวลอย กลับกัน พอผิดหวังก็โศกเศร้าจมดิ่งจนบางคนก็จบลงที่การฆ่าตัวตาย



      ชายยืนนิ่งถอนหายใจ ก่อนจะละสายตา หมุนตัวเดินกลับไปที่รถ ออกเดินทางไปบ้านอิทธิพล เพื่อเก็บเสื้อผ้าของตัวเองไปพักต่างจังหวัดและคงไม่กลับมาที่กรุงเทพอีก



     



..................





     หลังจากที่จิณณ์พักฟื้นอยู่ที่โรงพยาบาลสองสัปดาห์ต่อมา ชายหนุ่มเดินทางกลับมาพักที่บ้าน



     แม้ว่าจะรอดมาได้ แต่สภาพจิตใจไม่ดีขึ้น เนื่องจาก ไม่มีใครทราบข่าวว่าอิสระหายไปไหน และที่คลองวันนั้น เจ้าหน้าที่กู้ภัยลงไปงมกลับไม่พบร่างใคร ยิ่งทำให้จิณณ์เครียดและกังวลอย่างหนัก





'ไม่มีสัญญาณตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก'



     ขมวดคิ้วมุ่นทุกทีที่ติดต่ออิสระไม่ได้ จิณณ์โทรย้ำแบบนี้หลายวันติดต่อกันประมาณร้อยสายเห็นจะได้



     กำโทรศัพท์มือถือแน่นพลางเงยหน้ามองเพดานด้วยสายตาเหม่อลอยและว่างเปล่า



"เฮ้ย! ไอ้จิณณ์ มึงอย่าเป็นแบบนี้สิวะ มึงรอดตายมาก็ดีเท่าไหร่แล้ว"



     ฮูมถามขณะที่นั่งอยู่ในหลืบของร้านอาหารที่ทั้งสองเป็นหุ้นส่วนร่วมกัน ตั้งแต่ที่จิณณ์มาก็ทำหน้าเหมือนคนหมดอาลัยตายอยาก จนฮูมได้แต่ส่ายหน้าระอา



"กูคิดถึงอิส"



"เอาน่า...แฟนตายก็แค่หาใหม่"



"ไอ้ฮูม...หยุดพูดเดี๋ยวนี้!!"



"เฮ้ย!.ใจเย็นๆสิวะ นี่ฮูมเอง เพื่อนมึงไง จะตะคอกทำไมวะ"



     จิณณ์มองหน้าเพื่อน ก่อนจะเบนหน้าหนีไปทางอื่น             



"กูขอโทษ"



"ถ้าร่างกายและจิตใจมึงไม่ปกติแบบนี้ มึงจะรีบมาดูร้านทำไมวะ ไม่ต้องห่วง กูดูแลได้จริงๆ กลับบ้านไปเถอะ..."



     จิณณ์ไม่ตอบคำกลับทอดสายตาออกไปนอกร้านผ่านกระจกใส ฮูมมองเพื่อนแล้วท่าจะแย่ ตัดสินใจโทรฟ้องบิดาของเพื่อนสนิท เพราะถ้าไม่เล่นไม้นี้ จิณณ์ก็คงดื้อไม่หยุด



     ฟ้องพ่อเพื่อนสำเร็จ ฮูมบอกคนนั่งหน้าเฉาให้รับรู้ ก่อนจะปล่อยให้เพื่อนอยู่ลำพัง



     เข้าสู่โลกส่วนตัว ตัดขาดจากโลกภายนอกอย่างสิ้นเชิง



      ไม่รู้เลยว่าอิสระจะเป็นอย่างไรบ้าง ตั้งแต่วันนั้นที่อิสระหายไป จะเป็นตายร้ายดียังไงก็ไม่มีทางรู้ได้...




        อ้างว้าง...ว่างเปล่า...เหงาจับใจ

   

         ยิ่งจิณณ์อยู่คนเดียว ก็ยิ่งคิดถึงอิสระมากเป็นพิเศษ



         ชายหนุ่มน้ำตาคลอเมื่อคิดถึงคนรัก



         เลื่อนลอย...ไร้เรี่ยวแรง...หมดกำลังใจ



         นาทีนี้ จิณณ์ไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไรสักอย่างมันหมดพลังในการก้าวเดินต่อไป แม้จะทำกิจกรรมทุกอย่างให้เป็นปกติเหมือนแต่ก่อนที่จะมีอิสระเข้ามาในชีวิต จิณณ์ลองแล้ว แต่ก็ทำไม่ได้จริงๆ

   
     เขาไม่อยากเป็นอย่างนี้เลย



    จิณณ์ได้แต่ภาวนาให้อิสระรอดและได้มีโอกาสกลับมารักกันดังเดิม เพราะทุกวันนี้ จิณณ์รับสภาพตัวเองที่ต้องนอนร้องไห้คนเดียวทุกคืนไม่ได้แล้วจริงๆ...











   และแล้ว ก็มาถึงวันที่จิตแพทย์นัดอิสระ...



    ในเวลาเก้าโมงเช้า มีชายหนุ่มรูปงามก้าวยาวๆเดินเข้าโรงพยาบาลขึ้นไปชั้นสองยังแผนกจิตเวช



    ไม่มีความจำเป็นอะไรที่จิณณ์ต้องมาด้วยซ้ำ แต่ที่มา เพราะเขามีความหวัง หวังว่าจะได้เจออิสระที่นี่...



    แม้ว่า มันจะเป็นความหวังลมๆแล้งๆก็ตาม



     จิณณ์ชะเง้อคอมองหาอิสระจนทั่ว เขายืนรอเนียนๆราวกับว่าเป็นญาติคนไข้ รอจนกระทั่งเวลาผ่านไปแล้วชั่วโมงกว่าๆที่จิณณ์ยังไม่เห็นอิสระ ตัดสินใจเดินไปเข้าห้องน้ำ กลับมาที่เดิมก็ยังไม่มีชื่ออิสระหลุดลอดมาให้ได้ยิน



    ปลอบใจตัวเองว่า...เอาน่า...รออีกสักนิดหนึ่งแล้วกัน



     พอแล้วกับสองชั่วโมงที่รอ...จิณณ์คงหมดหวังแล้วจริงๆ...



     นี่มันบ้าไปแล้ว...หวังในสิ่งที่มันเป็นไปไม่ได้



     หวังว่าคนที่หายหน้าหายตาไป ซึ่งก็ไม่รู้ว่าตายรึเปล่า? จะมาที่นี่..



     ทำใจและตั้งท่าจะกลับบ้านแล้ว...ทว่า



"คุณอิสระ อัศวกรกรรณ์ค่ะ"




    ขวับ!



     หันขวับมองตามเสียงของพยาบาล เหลือบเห็นเด็กหนุ่มตัวเป็นๆ ปรี่ไปตรงเคาน์เตอร์จุดที่พยาบาลขานเรียก ส่วนจิณณ์รีบเร่งเดินออกไปดักตรงทางออกของแผนก



"อิส"




     เด็กหนุ่มมองสองมือหนาที่สัมผัสต้นแขนพลันเหลือบมองใบหน้าเจ้าของฝ่ามือที่ผุดรอยยิ้มกว้างอย่างดีใจ



"อิสจริงๆด้วย พี่คิดแล้วว่ายังไงอิสก็ต้องปลอดภัย"

"ขอโทษด้วยนะครับ ผมไม่รู้จักคุณ"




      ชะงัก ยืนตัวแข็ง ทำหน้าไม่เข้าใจ ก่อนที่มีหญิงวัยกลางคนเดินมาขนาบข้างอิสระ แล้วบอกให้อิสระรีบลงไปทำเรื่องจ่ายเงินและรับยา

      จิณณ์ไม่ลดละ เดินตามอิสระด้วยความต้องการอยากรู้ว่าทำไมอิสระถึงตอบเหมือนคนจำกันไม่ได้



      ยืนมองห่างๆ ระหว่างที่อิสระจัดการธุระอยู่ กระทั่งเสร็จเรียบร้อย จังหวะที่อิสระเดินไปนั่งเพื่อรอเจ้าหน้าที่เรียกเพื่อรับยา จิณณ์เดินไปหาอิสระ



"พี่ขอเวลาสักครู่นะครับ"

"อิสรู้จักพ่อหนุ่มคนนี้ด้วยหรอจ้ะ?"
เห็นชายหนุ่มหน้ามนตามเทียวไล้เทียวขื่อจนอดถามไม่ได้

"ไม่รู้จักครับ"



       อิสระตอบหญิงวัยกลางคนแล้วส่ายหน้า จิณณ์ใจตกไปที่ตาตุ่ม นี่มันเรื่องบ้าบออะไร เกิดอะไรขึ้นกับอิสระกันแน่...



"อิส มากับพี่ เดี๋ยวนี้!"



      ไม่สนแล้วว่าใครจะมองยังไง เพราะจิณณ์กลัวว่าจะพลาดโอกาส เขาออกแรงบีบแขนเพื่อบังคับอิสระให้ลุกตาม อิสระพยายามสะบัดแขนออก แต่คนเริ่มมองมาจึงไม่กล้าดึงดันมากเพราะไม่อยากให้เป็นเรื่องใหญ่และอาย อิสระยอมเดินตามคนตัวโตอย่างปฏิเสธไม่ได้



    เมื่อทั้งสองยืนคุยด้านนอกตัวอาคารแล้วนั้น



"ผมมีเวลาคุยกับคุณไม่มากนะครับ"

"อิส จำพี่ไม่ได้จริงๆเหรอ?"

"ไม่ได้ครับ"

"พี่เป็นแฟนของอิสไงครับ เรารักกันมานานแล้วนะ"

"แล้วผมจะเชื่อได้ยังไงว่าสิ่งที่คุณบอก มันคือเรื่องจริง ในเมื่อผมจำอะไรไม่ได้ พอเถอะครับ ผมปวดหัว"



     มองคนตอบตัดบทและหมุนตัวเตรียมเดินหนี



" ถ้าอิสความจำเสื่อมจริงๆ ทำไมวันนี้ อิสถึงจำได้ว่าต้องมาหาหมอตามนัดล่ะครับ?"



 กึก!



     เด็กหนุ่มที่กำลังก้าวเท้าต่อหยุดชะงัก หันหลังกลับมามองคนที่เลิกคิ้วขึ้นสูง จดจ้องมองมาอย่างมีคำถาม



"ไม่มีความจำเป็นที่ผมต้องบอก ผมต้องไปแล้วครับ คุณจิณณ์"



    จังหวะที่เด็กหนุ่มหมุนตัว จิณณ์เร่งฝีเท้าไปรั้งและโอบรัดเอวอิสระ ดึงให้เข้ามาประชิดตัว ก่อนกระซิบข้างหูด้วยถ้อยคำที่ทำให้อิสระตัวชา



"ไหนว่าความจำเสื่อม ?...พี่ยังไม่ได้บอกเลยนะครับว่า พี่ชื่อ 'จิณณ์'..."



............................................
หัวข้อ: Re: +..▪..+"แสง.สุด.ท้าย"+..▪..+||ตอนที่ 14.2|| อัพ 27-3-18> P.4
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 27-03-2018 20:31:03
 :pig4: :pig4: :pig4:

โอเค  เคลียร์กับสาเหตุที่พ่อเกลียดลูก

แต่...กำลังเกิดคำถามต่อไปว่า

ความจำเสื่อมจริงหรือโกหก?
หัวข้อ: Re: +..▪..+"แสง.สุด.ท้าย"+..▪..+||ตอนที่ 15.1 || อัพ 8-4-18> P.4
เริ่มหัวข้อโดย: rinyriny ที่ 08-04-2018 22:41:26
บทที่ 15 ฉันจะมีเธออยู่



     
     



"ปล่อยครับ...ที่นี่มันโรงพยาบาลนะครับ"

"ได้ครับพี่จะปล่อย แต่พี่จะรออิสกลับไปกับพี่นะ"

"อย่าเลยครับ ผมจำอะไรไม่ได้ กลับไปมันก็ไม่เหมือนเดิมอยู่ดี อย่าตามตื้อผมเลยครับ"
อิสระพูดเสียงแข็ง แกะมือจิณณ์ออก เดินเข้าไปรับยา  ปล่อยให้จิณณ์ยืนมองอยู่ห่างๆ


"ทำไมอิสต้องโกหกพี่ด้วย"


       จิณณ์บ่นพึมพำลำพัง เขายังไม่อยากเซ้าซี้ให้อิสระรำคาญ แต่อย่างไรก็ตาม เขาไม่มีทางกลับไปโดยไม่มีอิสระแน่ๆ


      ราวสิบนาที อิสระจัดการธุระส่วนตัวเสร็จก็เดินออกมาพร้อมป้าแต๋ว แต่เด็กหนุ่มชะงักเท้า เมื่อเห็นร่างสูงยืนดักอยู่ตรงประตูทางออกด้านนอก


"คุณควรกลับไปนะครับ"

"อิสไม่ต้องพูดอะไรแล้ว"
  จิณณ์ดุอิสระกลับบ้าง เพราะถ้าไม่ใช่ไม้แข็ง อิสระก็ยังดื้ออยู่อย่างนั้น ร่างสูงวกสายตาไปหาหญิงวัยกลางคนที่ยืนอยู่ข้างๆเด็กหนุ่ม เขายิ้มและเอ่ยอย่างสุภาพ "เอ่อ...คุณป้าครับ พอดีผมเป็นญาติของน้องจะพาน้องกลับไปอยู่กับผมแล้ว เดี๋ยวยังไง ผมไปส่งคุณป้าก่อนนะครับ" จิณณ์มัดมือชก โค้งหัวเล็กน้อย


       ฟากหญิงวัยกลางคนหันไปมองอิสระอย่างมีคำถามว่านี่คือความจริงหรือเปล่า? จิณณ์มองสองคนยืนนิ่งเหมือนคนตัดสินใจไม่ได้ ทันใดนัน จิณณ์เอ่ยขอโทษและจับมือกึ่งบังคับพาอิสระไปที่รถของตัวเอง


     หญิงวัยกลางคนเดินตามและทุบไหล่จิณณ์อยู่หลายครั้ง เพราะไม่เชื่อว่าจิณณ์จะเป็นคนในครอบครัวของอิสระ และคิดว่าเป็นมิจฉาชีพ ก่อนที่เธอจะตะโกนร้องเรียกคนอื่นๆให้หันมามอง จิณณ์รีบหยุดเท้า หันไปหาหญิงวัยกลางคน ควักโทรศัพท์กดเข้าคลังภาพที่มีรูปของทั้งคู่และตัดสินใจเล่าความจริงทั้งหมดให้หล่อนฟัง


      แม้ป้าคนนั้นจะตกใจที่จิณณ์บอกว่าเป็นคนรัก แต่เธอก็ยิ้มดีใจที่อิสระได้เจอครอบครัวที่พลัดพรากกันแล้ว เธอใช้ปลายนิ้วซับขอบตาที่น้ำตาค่อยๆไหล

      กว่าจะเคลียร์กันลงตัวก็เล่นเอาเหนื่อย สุดท้ายทั้งสองยอมขึ้นรถจิณณ์มาเพื่อพาไปส่งที่บ้านจนได้



      จิณณ์ได้รู้ข้อมูลเพิ่มเติมจากปากของหญิงวัยกลางคนว่า วันเกิดเหตุ เธอเป็นคนช่วยอิสระพาไปโรงพยาบาล ซึ่งเกือบจะไม่รอด วันที่เห็นอิสระ เธอสงสารจับใจบวกกับส่วนตัว เธอเองก็ไม่มีลูก จึงตกลงกับสามีว่า ถ้าเด็กคนนี้ ฟื้นขึ้นมาและไม่พบครอบครัวของเด็กคนนี้ เธอจะขอดูแลต่อ สามีก็เห็นด้วย ทำให้หลังจากนั้น เธอกับสามีเฝ้าดูอิสระอย่างเป็นห่วงเป็นใย ตั้งแต่อิสระนอนพักฟื้นที่โรงพยาบาลจนกระทั่งกลับมาอาศัยอยู่ที่บ้าน


      เธอบอกอีกว่า อิสระเป็นเด็กน่ารัก ว่านอนสอนง่าย เธอยอมรับว่า ตอนที่อิสระรู้ตัว เธอเห็นแก่ตัว ปิดเรื่องของอิสระไว้ไม่ให้ใครรู้ และเธอก็ไม่ตามหาญาติของอิสระตามที่สัญญา เพราะลึกๆเธออยากมีลูกมานานแล้ว และการมีเด็กคนนี้เข้ามาในครอบครัวแม้จะเป็นช่วงสั้นๆ แต่มันทำให้เธอและสามีมีความสุขในวัยบั้นปลายของชีวิต

       แต่ตอนนี้ เธอตระหนักดีว่าความสุขของเธอกำลังจะหายไป เพราะอิสระได้เจอครอบครัวตัวจริง แต่เธอก็ไม่อยากรั้งให้อิสระมาอยู่ด้วยกัน เพราะเข้าใจดีว่าการถูกพลัดพราก มันทรมานขนาดไหน?



      จิณณ์ฟังแล้วซาบซึ้งในน้ำใจ พลันเหลือบมองคุณป้านั่งเล่าไป น้ำตาก็ไหลไป แต่ถึงอย่างไร จิณณ์ไม่สามารถปล่อยให้อิสระไปอยู่กับเธอได้ เพราะจิณณ์เองก็ขาดน้องไม่ได้เหมือนกัน


      แม้เรื่องราวที่เล่ามาได้จบลงแล้ว แต่ตลอดทาง อิสระก็ไม่แย้ง ไม่พูด ไม่หือ ไม่อืออะไร และที่สำคัญ อิสระไม่คิดหันมามองจิณณ์เลยสักนิดเดียว


       จนกระทั่ง ขับมาถึงหน้าบ้านคุณป้า เธอกำลังจะลง จิณณ์รีบควักเงินที่มีหมดกระเป๋ายื่นให้หญิงผู้มีจิตใจงดงาม ในตอนแรกป้าแกยืนกรานเสียงแข็งว่าจะไม่รับเงิน แต่จิณณ์คิดว่ามันยังเล็กน้อยไปด้วยซ้ำกับสิ่งที่ป้าดูแลอิสระมาตลอดระยะเวลาที่อิสระรอดชีวิต
 


      ป้าจำใจรับเงินพร้อมขอบคุณจิณณ์ ก่อนจะชะโงกตัวไปหอมแก้มอิสระที่นั่งข้างคนขับคล้ายอำลา พอเธอเดินลงไป อิสระเปิดประตูรถจะลงตาม



หมับ!

     แขนแข็งแกร่งจับต้นแขนเด็กหนุ่มไว้มั่น

"อิสจะไปไหน?"

"ถึงบ้านแล้ว ผมก็ต้องลงสิครับ"

"ไม่ใช่...บ้านของอิส คือ บ้านที่ต้องมีเราสองคน"


     มองอิสระชะงักจนดูออก จิณณ์โน้มตัวและดึงร่างอีกฝ่ายมากอดแน่นๆ กดปลายจมูกฝังลงซอกคออย่างกลัวว่าอิสระจะลงไปจริงๆ

   
     มันเป็นหนทางสุดท้ายที่จิณณ์จะรั้งตัวเด็กหนุ่มไว้ได้ เขาเอ่ยร้องขอสุดชีวิต
     

"ได้โปรด อย่าทิ้งพี่ไปไหนอีกเลยนะครับ"


      ฟากอิสระใจเต้นแรงเกินรับไหวเมื่อได้ยินเสียงนุ่มละมุนพูดเว้าวอน เด็กหนุ่มรีบละล่ำละลักบอก

   
"ตะ..แต่..ผะ...ผมบอกคุณแล้วว่าผมจำอะไรไม่ได้"


     มีเวลาไม่มากที่จิณณ์จะมีโอกาสทำให้อิสระเปลี่ยนใจ เขาต้องทำทุกทางให้อิสระใจอ่อนให้ได้


"โอเคครับ ถ้าอิสจะดึงดันโกหกว่าความจำเสื่อม พี่เชื่อก็ได้ครับ...แต่อิสกลับไปอยู่กับพี่นะ พี่จะไปช่วยรื้อฟื้นความจำให้...อิสไม่สงสารพี่หรอ ทุกวันนี้ พี่ทรมานแทบตายที่ไม่มีอิสอยู่ข้างๆน่ะ...หืมม?"


      อิสระใจสั่น เพราะอีกฝ่ายไม่ได้พูดอย่างเดียวแต่กลับใช้ริมฝีปากขบเม้มสลับดึงดูดหนักๆตรงลำคอ จากนั้นริมฝีปากถูกลากเลื่อนมากดจูบทั่วใบหน้า จนขนอ่อนทั่วกายลุกชูชันขึ้นด้วยความสยิว เด็กหนุ่มปั่นป่วนในท้องและวูบวาบอย่างบอกไม่ถูก


"เอ่อะ...ยะ...อย่านะครับ..คือ..ผะ...ผม อื้อ..."




       อิสระพยายามบังคับเสียงตัวเองให้พูดชัดถ้อยชัดคำแต่มันทำได้ลำบาก เมื่อสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นร้อนเป่ารดต้นคอ อีกทั้ง คนตรงหน้ายังซุกซนสอดมือเข้าใต้เสื้อยืด ลูบไล้หน้าท้องขึ้นมาคลำคลึงและสะกิดตุ่มไตจนแข็งขืน     


      จิณณ์ยกยิ้มเมื่อคนรักบีบต้นแขนเขาแรงขึ้น เขายิ่งได้ใจ ใช้เรียวลิ้นโลมเลียไปตามซอกคอ เลื่อนมาหลังใบหู ก่อนจะเป่าลมรดหูเบาๆ ขบเม้มติ่งหู ตามด้วยกระซิบเสียงหวาน


"พี่กำลังช่วยรื้อฟื้นความจำอยู่นะครับ อิสจำได้บ้างหรือยัง? ฮึ? บอกพี่มาซิ"


      หากเปรียบความรู้สึกของเด็กหนุ่มตอนนี้ คงเหมือนกับน้ำแข็งที่โดนแสงแดดแผดเผาและละลายอย่างช้าๆ


     จังหวะนั้น อิสระผลักออกและยกมือปิดหน้า



"พี่จิณณ์ พอเถอะครับ...ผมยอมแล้ว..โอเคๆ...ผมแกล้งความจำเสื่อมครับ"


       จิณณ์นั่งมองคนรักที่ปิดหน้าเพื่อบังความรู้สึกตัวเอง แต่ใบหูที่แดงจัดนั้นดูเหมือนจะเป็นหลักฐานว่าปิดไม่มิด


        พอผ่านเรื่องราวเฉียดตายมาได้ จิณณ์ก็ไม่อยากเสียเวลาไปกับการทะเลาะ การเอาชนะ เพราะทุกนาทีมีค่า จิณณ์จึงไม่นึกโกรธที่คนรักโกหก แต่นึกอยากกดร่างคนรักให้จมเตียงมากกว่า ก็ดูสิ ใครจะโกรธลง ท่าทางน่ารัก น่ายั่วขนาดนี้
     

"หืม...น่าตีไหม? ทำไมต้องโกหกพี่ครับไหนบอกซิ?"

"กะ...ก็ที่ผ่านมาผมสงสารพี่จิณณ์ที่ต้องมีผมเป็นภาระ ผมอยากให้พี่มีชีวิตที่ดีกว่านี้ และผมไม่อยากให้พี่จิณณ์ต้องมาลำบากเพราะผมอีกแล้ว "


       บอกทั้งๆที่ยังปิดหน้าตัวเอง จิณณ์ดึงมือคนรักออกจากใบหน้าเจ้าตัว ก่อนจะตกใจเมื่อเด็กหนุ่มสารภาพความจริงทั้งน้ำตา จิณณ์ลูบศรีษะคนรักก่อนจะโยกไปมาอย่างเอ็นดู


"โอ๋ๆ!...เด็กดื้อ...พี่บอกสักคำรึยังว่าพี่ลำบาก? ทีหลัง อย่าคิดเองเออเองแบบนี้อีกนะ อิสทำแบบนี้ อิสรู้ไหมครับว่าพี่เจ็บปวดแค่ไหน? ตอนที่อิสบอกว่าจำไม่ได้"


      ตอนแรกนึกว่าพี่จิณณ์จะดุหรือตวาดใส่ ตรงกันข้าม พอบอกความจริงไปพี่จิณณ์กลับอ่อนโยนจนรู้สึกผิดกว่าเดิม


"พี่จิณณ์ครับ ผมขอโทษ ฮือๆ...ผมจะไม่โกหกอีกแล้ว" อิสระพูดขอโทษซ้ำๆพร้อมโผกอดราวกับเด็กน้อยที่หลงทางแล้วเจอทางออก

"ดีมาก...อย่าโกหกพี่อีกนะ และเลิกคิดมากได้แล้ว ถ้าพี่จะทิ้งอิสจริงๆพี่คงทิ้งไปตั้งแต่วันที่คุณอิทธิพลบุกไปบ้านป้านันแล้วล่ะ"

"ครับ"

"กลับไปอยู่บ้านของเรานะครับ เด็กดื้อของพี่"

"ครับพี่จิณณ์ ผมรักพี่นะ"

"พี่ก็รักอิสครับ กลับบ้านไป ต้องให้พี่ทำโทษด้วย...เล่นอะไรก็ไม่รู้ น่าตีจริงๆเลย"

     
     อิสระผละจากกอดพี่จิณณ์ ทำตาละห้อยและรู้สึกผิดไปอีกที่พี่จิณณ์ไม่โกรธที่เขาโกหก


"ครับผม"
 
     อิสระผงกหัวและยอมรับผิดแต่โดยดี ก็ใครจะโกหกต่อไปได้ล่ะ แค่เห็นหน้าคนรัก ได้สัมผัสกอด จูบ ลูบคลำ จากพี่จิณณ์ ก็ไม่อยากห่างพี่จิณณ์ไปไหนอีกแล้ว


     หลังจากที่ใช้เวลาปรับความเข้าใจกันได้ลงตัว จิณณ์เคลื่อนรถพ้นบ้านหญิงวัยกลางคน และบอกอิสระว่าอยากไปไหน กินอะไรให้บอกเขาจะตามใจอิสระทุกอย่าง


     แต่เป็นเพราะอิสระเหนื่อยและเพลีย จึงบอกพี่จิณณ์แค่แวะกินข้าวข้างทางก็พอ เพราะอย่างน้อยอิสระก็อุ่นใจที่มีพี่จิณณ์กลับมาอยู่เคียงข้างอีกครั้ง

     จิณณ์ตามใจอิสระโดยเลือกร้านข้างทางง่ายๆ สักพักใหญ่ๆที่ทั้งสองจัดการอาหารกันเสร็จ ก็ขึ้นรถมุ่งหน้าจะกลับคอนโด ทว่า รถออกตัวไปไม่ไกล จู่ๆ จิณณ์ก็โพล่งขึ้น


"เฮ้ย!...อิส พี่ลืมไป เพิ่งนึกได้ว่าค่ำนี้พี่ต้องไปคุยงานกับพ่อพี่ อิสไปนอนรอพี่ที่ห้องไอ้ฮูมก่อนได้ไหม?"


    อิสระหน้าเปลี่ยนทันที ฟากจิณณ์ลอบมองคนรักทำหน้าเหมือนไม่อยากไป ก็ได้แต่พูดขอร้อง


"น่านะ แป๊ปเดียวนะครับ เด็กดื้อ...เดี๋ยวพี่รีบคุยและรีบกลับมารับนะครับ"


    อิสระไม่อยากทำตัวงี่เง่า ก็เข้าใจล่ะว่าพี่จิณณ์ต้องแบ่งเวลาให้กับงานบ้างเหมือนกัน


"ก็ได้ แต่พี่จิณณ์มาเร็วๆนะครับ ผมคิดถึง"

"หืม...เดี๋ยวนี้ พูดจาออดอ้อนเก่งนะ ถ้างั้นไปหัองไอ้ฮูมรีบพักเลยนะ เพราะพี่ว่า คืนนี้ทั้งคืน อิสคงไม่ได้นอนแน่ๆ"



      พอคนรักว่าอย่างนั้น เด็กหนุ่มหันไปมองพี่จิณณ์เห็นสายตาหื่นๆจ้องกลับมาพร้อมยิ้มเจ้าเล่ห์ อิสระกัดปาก เบี่ยงหน้าหนีหันไปมองข้างทาง แล้วบอกกลับไปว่า...


"ถ้าได้อยู่กับพี่จิณณ์ ผมยอมอดนอนครับ"


     จิณณ์ใจกระตุก และรู้สึกวูบวาบเหมือนมีพลังอะไรบางอย่างวิ่งอยู่ในร่างกายของเขา


     อมยิ้มกับคำพูดคนรัก ดูสิดู...จะไม่ให้หลงรักอิสระได้ยังไง ทำมาเป็นใช้คำพูดคำจาน่ารักน่าเอ็นดู ถ้าไม่ติดไปทำธุระ จิณณ์จะบึ่งขับรถกลับคอนโด ทำตามคำท้าของเด็กหนุ่มไม่ให้หลับไม่ให้นอนเลยคอยดู


"หืม!...ไม่น่าไฟเขียวเล้ยย!..."


    หลุดขำ คำพูดคนรัก


"ฮ่าๆ พี่จิณณ์น่ะ เก็บกดหรือไงครับ?"

"มากกกกก"
มองคนรักลากเสียงยาวแล้วอดขำไม่ได้ อิสระแกล้งกระตุ้นต่อมอยาก เพื่อให้พี่จิณณ์กลับมาไวๆดีกว่า วินาทีนั้น เด็กหนุ่มใช้มือลูบคลำแก่นกายพี่จิณณ์ช้าๆ

"อิส พี่ขับรถอยู่นะ คิดจะแกล้งพี่หรอ? เดี๋ยวโดน!"

"ไม่แกล้งก็ได้ แต่กลับมาไวๆนะครับ ผมรออยู่"


     มองคนรักแกล้งทำหน้าใสซื่อแล้วได้แต่ข่มใจตัวเอง เพราะเริ่มโลเลแล้วสิ ว่าควรไปทำธุระต่อ? หรือควรวกรถกลับคอนโดของตัวเองดี?...




****1.1****


ตอนนี้ตอนจบแล้วจ้า
แต่แบ่งเป็น 3 Part นะคะ

มาอยู่ด้วยกันนะคะ อีกอึดใจเดียวน้าาาา...รอดูกันไปก่อนนะคะ
.
.
.
และเรามีนิยายเรื่องใหม่ค่ะ อมยิ้มๆๆชิลๆๆค่ะ
กดตามกันได้นะคะ
กับ
 ▪▪▪อมยิ้มสื่อรัก▪▪▪

https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66461.0  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66461.0)

ขอบคุณทุกคนเลย น่าร้าก

หัวข้อ: Re: +..▪..+"แสง.สุด.ท้าย"+..▪..+||ตอนที่ 15.1|| อัพ 8-4-18> P.4
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 09-04-2018 00:43:48
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: +..▪..+"แสง.สุด.ท้าย"+..▪..+||ตอนที่ 15.1|| อัพ 8-4-18> P.4
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 09-04-2018 01:11:22
 :L2: :3123: :pig4: :3123: :L2:
หัวข้อ: Re: +..▪..+"แสง.สุด.ท้าย"+..▪..+||ตอนที่ 15.2|| อัพ 10-4-18> P.4
เริ่มหัวข้อโดย: rinyriny ที่ 10-04-2018 22:07:00
บทที่ 15 ฉันจะมีเธออยู่ ||ตอนจบ|| (2)






"น้องหลับเหรอ?"

"เออ สงสัยคงเกลียดกูมากมั้ง พอมึงมาส่งเสร็จ กลับไปปุ๊ป เมียมึงก็เดินออกไปนั่งตรงระเบียงเหมือนหนีหน้ากู...ถ้าไม่ได้ไอ้ทอยไปนั่งคุยเป็นเพื่อนก็คงหนีกลับแล้ว นี่คงไม่มีอะไรทำเลยหนีไปหลับ"


      ฟังเพื่อนเล่าแล้วสงสารอิสระ เด็กหนุ่มคงไม่อยากอยู่กับคนที่ไม่สนิทมากเท่าไหร่


"หึๆ...ก็ชอบพูดจาไม่ดีใส่น้อง ใครเขาจะชอบ ว่าแต่...มึงเหอะ...เจอมึงทีไร ต้องมีทอยพ่วงมาด้วยตลอด ถามจริงๆ มึงจริงจังกับทอยแล้วใช่ไหม?"


   
  จิณณ์ยอมรับว่าเพื่อนของเขา นิสัยดีแต่ยกเว้นอย่างเดียว เรื่องความรัก ที่มักมาก และไม่ค่อยจริงจังกับใคร หลังจากที่จิณณ์ถามก็ได้คำตอบแค่การไหวไหล่ ทำหน้าไม่สนใจ จิณณ์ส่ายหน้าเหนื่อยหน่ายพลันเหลือบมองข้ามไหล่เพื่อน เห็นทอยนอนหลับคุดคู้อยู่บนโซฟาแล้วอดสงสารไม่ได้

   

"ไอ้ฮูม บาป-กรรมมันมีจริงนะ ถ้าไม่ชอบก็ปล่อยเขาไปเถอะ อย่าทำเหมือนทอยเป็นของเล่นเลย"

"กูล่ะหมั่นไส้ ทำมาเป็นคนดี ถ้าคืนนั้น กูไม่เป็นคนกันท่าให้มึง ป่านนี้ เมียมึงโดนไอ้ทอยคาบไปแดกละ"


"ช่วยพูดจาให้เกียรติคนรักกูด้วยครับ เห็นรึยัง? ปากมึงอย่างนี้ใครจะอยากอยู่ด้วย"

"ก็เพราะกูเป็นคนตรงๆ พูดจาขวานผ่าซากแบบนี้ไม่ใช่หรือ? มึงถึงคบกูเป็นเพื่อนน่ะ"

"เออๆ...ไม่คุยด้วยแล้ว กูพาน้องกลับบ้านดีกว่า"


        จิณณ์ก้าวยาวๆ สาวเท้าจะไปหาคนรักแต่ชะงักเพราะโดนฮูมดึงปกคอเสื้อไว้


"หึๆ เหนื่อยไหมล่ะมึง?...วิ่งวุ่นเลยล่ะสิ...กูว่ามึงไปอาบน้ำก่อนแล้วค่อยปลุกน้องดีกว่า"


"เออๆกูไปอาบน้ำก่อนก็ได้ อย่าเพิ่งให้น้องตื่นละ"


        เลือกทำตามคำแนะนำของเพื่อน มุ่งไปห้องน้ำ และพอชำระร่างกายตัวเองจนสะอาดสะอ้านเรียบร้อย ก็ไปปลุกคนรักบนเตียง


จุ๊บ!'


       ริมฝีปากอุ่นๆประทับจูบบนเปลือกตาทั้งสองข้าง ตามด้วยจุมพิตริมฝีปากคนรักเบาๆซ้ำๆ

"อื้ออออออ"

        เด็กหนุ่มส่งเสียงครางพลางบิดแขน ยืดขาสุดตัว และลืมตามอง


"พี่จิณณ์มาแล้วหรอครับ?" ถามเสียงงัวเงีย

"ใช่ ขอโทษที่มาช้านะครับ ปะ...กลับบ้านเรากันเถอะ..."

"แต่ผมขี้เกียจแล้วอะ"

"ไม่ได้นะ อิสอย่าเพิ่งขี้เซาตอนนี้สิครับ อิสจะนอนดูไอ้ฮูมมันพลอดรักกับแฟนมันหรอ? ลุกขึ้นเถอะนะ"


    เด็กหนุ่มมองพี่จิณณ์ที่นั่งริมเตียง ก่อนจะกระตุกแขนสองสามทีให้พี่จิณณ์กระเถิบเข้ามา แล้วอิสระก็ซุกหน้าลงบนตัก เอียงหน้ามองคนรัก


"ก็ผมง่วงแล้วนี่"


     พูดพลางเอาหน้าถูไถไปมา จิณณ์นั่งนิ่งข่มใจเพราะใบหน้าเด็กหนุ่มมันไถลมาถึงจุดยุทธศาสตร์ของเขา และไม่กี่วินาทีต่อมา เสียงกระแอมไอก็ดังขึ้น


"อะแฮ่มๆๆ ถ้าจะขนาดนั้น กลับบ้านเถอะครับ น้อง"

"ไอ้ฮูม เงียบไปเลยว่ะ"



     เบื่อความโผงผางของมันจริงๆ จิณณ์ว่าเพื่อนเสร็จก็หันมาหาอิสระ


"อย่าไปสนใจคำพูดมันนะครับ เพื่อนพี่ปากหมาอย่างนี้แหละ กลับบ้านเรากันนะ พี่อยากนอนกอดอิสจะแย่"

"ก็ได้ครับ" อิสระรู้สึกขี้เกียจจริงๆ แต่พอแอบมองพี่ฮูมที่ทำหน้ารำคาญใส่ ผนวกกับพี่จิณณ์ตื้อ ก็เลยตามใจ ลุกตามไปอย่างว่างงาย


      พอเดินออกจากห้อง ระหว่างเดินไป ทั้งสองหันไปประสานสายตาหวานซึ้งพร้อมส่งยิ้มให้กันโดยมิได้นัดหมาย อาจเป็นเพราะพอทั้งคู่รอดชีวิตจากเหตุการณ์ร้ายมาได้ก็มีความคิดที่เปลี่ยนไป เหมือนได้รีสตาร์ทชีวิตตัวเองใหม่ ใส่ใจกับคนหรือสิ่งที่ควรจะใส่ใจ รวมไปถึงการแสดงออกทางความรักที่ชัดเจนกันมากกว่าเดิม


     ใช้เวลาไม่นานก็ถึงคอนโดของจิณณ์ จิณณ์ต้องปลุกคนรักเมื่อถึงที่หมาย เนื่องจากอิสระหลับมาตลอดทาง


      ทั้งสองถึงหน้าห้องแล้ว ช่วงที่เปิดประตู อิสระปล่อยแขนพี่จิณณ์และเดินตามหลัง พอจิณณ์เปิดไฟ เด็กหนุ่มที่ถอดรองเท้าเสร็จ หันไปเห็นบางอย่างในห้องก็หยุดชะงัก ตาโต


    ลูกโป่งสีฟ้า-สีขาวลอยเต็มเพดาน และลูกโป่งตัวอักษรที่เป็นคำว่า Welcome


    ยิ้มตื้นตันใจ และหันไปถาม


"พี่จิณณ์อย่าบอกนะ....ที่บอกผมว่าติดธุระ?..." จ้องแฟนเขม็ง ส่วนอีกฝ่ายก็ยิ้มพยักหน้า

"ใช่ครับ พี่นึกได้ว่า การกลับมาของอิสคราวนี้ ควรจะพิเศษหน่อย ก็เลยทำให้..."


     อิสระเห็นถึงความตั้งใจคนรัก โผกอดพี่จิณณ์ทันที


"ขอบคุณนะครับพี่จิณณ์ ผมดีใจที่มีพี่เป็นคนรัก มีพี่อยู่ข้างๆ ผมรักพี่นะครับ รักมากด้วย"


   
จิณณ์เริ่มเขินที่เด็กหนุ่มบอกรักไม่หยุด จนต้องเบรกกระทันหัน



"เออ อิสครับพอก่อนเนอะ พี่ว่า เราเข้าไปห้องนอนกันดีกว่า อิสจะได้อาบน้ำ-อาบท่าด้วย"

"ครับผม"


     อิสระตอบรับอย่างว่าง่าย แต่ยังคงตื่นเต้นไม่หายที่เจอเซอร์ไพร์ส อิสระยังคงไม่หุบยิ้ม แต่แล้วพอจิณณ์เปิดประตูห้องนอนออกกว้าง ก็ต้องอึ้งรอบสอง ยกมือปิดปากตัวเองด้วยความตกใจเมื่อเห็นที่พื้นโรยกลีบกุหลาบสีแดงเป็นทางยาวไปจนถึงเตียง


"พี่จิณณ์" หันไปหาคนรักน้ำตาคลออย่างซึ้งใจ

"หืม! ชอบไหมเด็กดื้อ" โยกศรีษะคนรัก ก่อนจะกดจูบกลางกระหม่อม

"อื้อ...ชอบมากๆเลยครับ ชอบทั้งตัวพี่จิณณ์ชอบทั้งสิ่งที่พี่จิณณ์ทำให้ครับ"

"ฮ่าๆ ดีครับ ถ้างั้นอิสไปอาบน้ำได้แล้วครับ จะได้มานอนกัน"

"ครับผม"


     พยักหนัารัว และหายง่วงในทันที อิสระดีใจจริงๆ ดีใจจนไม่รู้จะหาคำพูดไหนมาบอกแทนความในใจได้ อิสระไม่คิดว่าพี่จิณณ์จะทำเซอร์ไพร์สและโรแมนติกได้ขนาดนี้


    อิสระคว้าผ้าขนหนูเดินเข้าห้องน้ำ ใจเต้นแรงเมื่อเห็นกลีบกุหลาบโรยเต็มพื้น มิหนำซ้ำยังได้กลิ่นหอมอ่อนๆจากอโรม่ากลิ่นกุหลาบ เพิ่มความโรแมนติกอีกหลายเท่า


"ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าพี่จะเป็นคนโรแมนติก" พึมพำแต่ก็มิวายอมยิ้มคนเดียวเหมือนคนบ้า


     กระทั่ง เด็กหนุ่มถอดเสื้อผ้าจนร่างกายเปลือยเปล่า เดินไปเปิดฝักบัวให้สายน้ำเย็นๆไหลผ่านร่างกายเพื่อความสดชื่น ตัวเปียกได้ที่ ก็กดสบู่เหลวชะโลมตัว ลูบๆวนๆถูผิวกายตัวเองอย่างละเมียดละไม ทันใดนั้น...

ฟึ่บ!...

    จู่ๆ มีมือหนาสอดมาจากด้านหลังลูบไล้เนื้อครีมจนเป็นฟองฟู่ฟ่อง


"พี่ขออาบน้ำด้วยคนนะครับ"


"เอ่อะ...พี่จิณณ์"


     อาจเป็นเพราะห่างกันมาแสนนาน พอเจอแบบนี้เข้าไป ก็รู้สึกวาบหวามหัวใจขึ้นมาอย่างน่าประหลาด อิสระขนอ่อนลุกตั้งชูชันทั่วร่างกาย เมื่ออีกฝ่ายประทับจูบบนบ่าเปล่าเปลือย แถมสองมือก็ยังหยอกเย้าผิวกาย ลูบ ไล้ ไล่ เล่นอย่างสยิว


"อาาาห์"



    หลุดร้องครางเพราะความลื่นจากเนื้อครีมสบู่เหลว ไหนจะมืออุ่นๆของคนรักที่เล้าโลมเรือนกาย ผนวกกับกลิ่นอโรม่ากุหลาบที่หอมโชยทั่วห้องน้ำ ตบท้ายด้วยอารมณ์แห่งความคิดถึงที่ไม่ได้เจอหน้ากันมานาน จึงเป็นองค์ประกอบที่หลอมรวมกันได้สมบูรณ์แบบ

    อิสระใจกระตุกที่มันกระตุ้นอารมณ์และฮอร์โมนเขาให้พุ่งพล่าน เผลอตัวจับข้อมือพี่จิณณ์ให้เลื่อนลงมาจับแก่นกายของตัวเองที่กำลังเติบโตเต็มที่


    จิณณ์ยกยิ้มชอบใจ เมื่อคนรักตอบสนองกลับ


"ให้พี่ช่วยนะครับ" ความหมายของจิณณ์ คือ ต้องการเป็นฝ่ายช่วยให้คนรักถึงสวรรค์แห่งความใคร่ ทว่า เด็กหนุ่มกลับไม่ต้องการแค่นั้น เมื่ออิสระหันมากระซิบข้างหู


"ได้ครับ แต่พี่ช่วยเอาของพี่เข้ามาในตัวผมทีได้ไหมครับ?"

กึก!


    จิณณ์ใจสั่นและเต้นแรงจนแทบกลัวว่าหัวใจจะวายตาย อิสระจะรู้ไหมว่าการใช้คำพูดท้าทายแบบนี้ มันยิ่งเพิ่มความต้องการให้จิณณ์อยากร่วมรักกับเด็กหนุ่มเป็นอย่างมาก


    จิณณ์ไม่ไหวแล้ว ใช้ริมฝีปากทำงาน เล้าโลมด้วยการจูบไล้หลังคอ

จุ๊บ! จุ๊บ! จุ๊บ!


    จากนั้น เขาจับอิสระให้หันมาหากัน ดันร่างเล็กติดผนัง ในขณะที่สายน้ำยังคงชะโลมไหลผ่านร่างกายของทั้งคู่ จนชะล้างคราบฟองสบู่บนตัวเด็กหนุ่มจนหมดสิ้น


     ร่างสูงซุกไซร้ซอกคอเนียน จากนั้นก็เคลื่อนมาประกบจูบดูดดื่มพลางลูบตัวคนรัก

     ตอนนีั แก่นกายของทั้งสองแข็งแกร่งดั่งเหล็กกล้า จิณณ์เอื้อมมือไปจับแท่งร้อนคนรัก รูดขึ้น รูดลงช้าๆ และเพิ่มจังหวะให้เร็วขึ้น เร็วขึ้น

      เด็กหนุ่มตัวสั่นระริก มองคนยิ้มเจ้าเล่ห์ได้แต่ซบหน้าลงบนลาดไหล่พี่จิณณ์ เผลอฝังเล็บลงบนแผ่นหลังคนตัวโต จิกเท้า และเกร็งตัว บิดไปมาด้วยความเสียวกระสัน

     ฟากจิณณ์พอเพิ่มความเร็ว น้องก็หลุดร้องครางเสียงดัง พอยิ่งได้ยินเสียงครางของน้องใกล้หู ยิ่งเกิดอารมณ์มากขึ้นไปอีกจนแทบรอจะเอาเข้าไปไม่ไหว

      อาจเป็นเพราะมือของคนรักที่ช่วยสร้างความสุขให้อิสระ ใช้เวลาไม่นาน เด็กหนุ่มจึงถึงฝั่งฝัน

     คนอายุมากกว่าจับไหล่อิสระให้พลิกตัวหันหลัง วางมือเด็กหนุ่มทาบบนผนัง ลูบร่องก้นคนรักช้าๆ ก่อนจะใช้นิ้วที่ชุ่มไปด้วยสบู่เหลวแหย่เข้าไปยังช่องทางสวาท


     อิสระสะดุ้งเฮือก รีบจับข้อมือให้พี่จิณณ์หยุดก่อนและถามคนรักอย่างเกร็งๆ


“มะ...มันจะไม่เจ็บใช่ไหมครับ?”

"แรกๆจะเจ็บ...แต่หลังจากนั้น พี่บอกไม่ได้ครับ อิสต้องลองเอง ถึงจะรู้"


      อิสระกัดปาก ก้มหน้า หลับตา เมื่อพี่จิณณ์สอดนิ้วเข้าไปจนสุด และค่อยๆเพิ่มจากหนึ่งนิ้วเป็นสองนิ้ว เด็กหนุ่มเสียวจนเผลอโก่งบั้นท้ายขึ้นเล็กน้อยเตรียมพร้อมรับแก่นกายของคนตัวใหญ่ที่กำลังจะเข้าไปสำรวจโพรงลึกลับ


      ทันใดนั้น จิณณ์ค่อยๆสอดแท่งร้อนพยายามดันเข้าไปช้าๆ เมื่อแท่งร้อนลอดผ่านประตูรักสำเร็จ จิณณ์โยกไปตามจังหวะพอให้ภายในของน้องคุ้นเคยกับแก่นกายของเขาเสียก่อน แล้วค่อยกระแทกกระทั้นในจังหวะที่เร็วขึ้น


"อาาาาาห์"



       หลุดร้องออกมา เมื่อพอได้สัมผัสด้านในของน้องอิสระ จิณณ์รู้สึกเสียวซาบซ่านเป็นอย่างมาก เมื่อช่องทางสวาทของน้องคับแน่น และตอดรัดแก่นกายจนร่างเขาแทบจะระเบิด

    มันส์ ดี โคตร ...จนหาคำมาบรรยายไม่ได้


      เวลานี้ ทั้งสองต่างประสานเสียงครางกันดังกึกก้องทั่วห้องน้ำ



"เจ็บไหมครับ? เด็กดื้อ"

"อ้ะ...อื้อ...จะ...เจ็บครับ...พี่...ตะ แต่...มันส์ อะ... ซี้ดดด!...อาห์"


      ยิ่งจิณณ์กระแทกแรงเท่าไหร่ ดูเหมือนว่าเสียงครางของน้องอิสระก็ดังขึ้นเท่านั้น จิณณ์โน้มตัวไปกอดแนบแน่น พลางลูบไล้ทั่วแผ่นท้อง จูบซอกคอ โลมเลียใบหู พลางกระซิบ


“ดูสิ น่ารักแบบนี้ ใครจะอดใจไหว ฮึ?..."



      อิสระกัดปากสะกดอารมณ์ แต่พี่จิณณ์กลับจับปลายคางอิสระให้หันมารับจูบแบบลึกซึ้ง



     เป็นครั้งแรกที่อิสระได้ลองร่วมรัก เขามีหลายความรู้สึกที่คละเคล้ากัน ทั้งเจ็บ จุก และสนุกในเวลาเดียวกัน

    อิสระเริ่มไร้เรี่ยวแรงที่จะยืน ร่างกายมันอ่อนระทวยเมื่อความสุขที่ได้รับมันมากจนแทบจะล้น
     

     ในขณะเดียวกัน คนพี่ก็มีความสุขไม่ต่างกัน รีบเร่งจังหวะ กระแทกไม่มียั้ง เมื่อรู้ว่าไม่กี่นาทีจากนี้ เขาจะถึงฝั่งฝัน


"อ้ะ....อาาาาห์"


     จิณณ์ตัวเกร็งกระตุก เมื่อได้ปลดปล่อยน้ำสีขาวขุ่นพุ่งทะยานสู่ประตูแห่งรัก


    อิสระเข่าอ่อน ทรุดตัวลงพื้นทันที จิณณ์รีบกอดน้องอิสระไว้แน่น พรมจูบทั่วลาดไหล่และพูดเสียงผะแผ่ว


"ขอบคุณนะครับ"

"ครับพี่จิณณ์"
ตอบแบบหอบเหนื่อย


    อิสระเต็มใจให้ร่างกายนี้เป็นของพี่จิณณ์ เพราะอิสระคิดว่าสิ่งที่ทำให้มันยังน้อยไปด้วยซ้ำ ถ้าเทียบกับสิ่งที่พี่จิณณ์มอบให้อิสระมาตลอด

    นั่นคือ...

   การที่อิสระได้กลับมามีชีวิตที่อิสระอีกครั้ง...





....
....
....   

 
 

     วันถัดมา...

     จิณณ์ลืมตา พลิกตัวตะแคงข้างไปหาคนรัก เขาดีใจที่วันนี้ ได้ตื่นมาแล้วพบอิสระนอนอยู่ข้างๆ จิณณ์โน้มตัวไปจุมพิตที่หน้าผาก ก่อนจะหยัดกายขึ้น ลุกจากเตียงไปล้างหน้าล้างตา ทำกาแฟดื่มตอนสายๆ


      ขณะที่ร่างสูงนั่งอยู่บนโซฟา เขาจิบกาแฟพลางอ่านข่าวรอบโลกจากโทรศัพท์มือถือ ปลายนิ้วไล่เลื่อนฟีดข่าวลงมาเรื่อยๆ ก็ชะงักและหยุดกระทันหันเมื่อสายตามาสะดุดกับลิ้งค์ข่าวที่พาดหัวเรื่องการทารุณเด็ก


      กดคลิกเข้าไปด้านในเว็บไซต์ เนื้อข่าวมีใจความสำคัญประมาณว่า สองสามีภรรยาชาวอเมริกัน ซึ่งเป็นพ่อแม่แท้ๆ จับลูก 13 คนล่ามขังไว้ในบ้าน โดยปล่อยให้อยู่ในสภาพผอมโซ อีกทั้งยังมีร่องรอยการทำร้ายร่างกายจนทั่ว นับว่า เป็นข่าวที่สร้างความตกตะลึงไปทั่วโลก


      จิณณ์ขมวดคิ้วเป็นปมและค่อยๆไล่อ่านจากบรรทัดแรกจนจบบรรทัดสุดท้าย จึงวางเครื่องมือสื่อสารพลางลอบถอนหายใจ การอ่านข่าวสะเทือนใจนี้ ทำให้นึกถึงคนใกล้ตัวอย่างอิสระ เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่ามันจะมีเรื่องราวแบบนี้อยู่จริงๆบนโลก เรื่องที่พ่อ-แม่แท้ๆทำร้ายลูกตัวเอง


        และเพราะจิณณ์ไม่เคยเข้าใจว่าคนที่เจอเหตุการณ์แบบนี้จะรู้สึกยังไง จึงมีบ้างที่แต่ก่อนก็ไม่เข้าใจการกระทำของอิสระ ไม่ว่าจะเป็นการกลัวสังคม การไม่กล้าออกไปไหนคนเดียว แต่หลังจากได้อ่านข่าว ถึงทำให้เข้าใจว่า คนรักของเขาเก่งและแข็งแกร่งเอามากๆ ที่ทุกวันนี้สามารถใช้ชีวิตและปรับตัวได้เหมือนคนปกติอีกครั้ง
   
   
       พอคิดเรื่องของชีวิตน้อง ก็หวนไปนึกถึงคนใจโหดเหี้ยม จะว่าไป...คุณอิทธิพลเป็นอย่างไรบ้างนะ...ตั้งแต่พ้นขีดอันตรายมาก็ลืมตามข่าวของคุณอิทธิพลเลย

   
     จิณณ์ลุกไปหยิบเครื่องมือสื่อสาร กดโทรหาป้าแก้ว เผื่อจะได้ข้อมูลหรือความคืบหน้าของคุณอิทธิพลบ้าง


     เมื่อป้าแก้วรับสาย จิณณ์ถามไถ่สารทุกข์ สุขดิบ ก่อนเข้าเรื่องสำคัญ ซึ่งป้าแก้วเองก็กำลังหาจังหวะโทรไปหาเหมือนกัน เมื่อรู้ว่าที่คุณอิทธิพลโดนยิง มีเรื่องของจิณณ์และอิสระไปเกี่ยวข้องด้วย


     ป้าแก้วหนีมาแอบเล่าในที่ปลอดคน พอเธอเล่ามาประโยคแรก จิณณ์ยอมรับว่าช็อกที่ได้ยินว่า คุณอิทธิพลยังไม่ตาย


     แม้ใจลึกๆของตัวเองก็แอบสาปแช่งให้คุณอิทธิพลตายๆไปซะ ให้สมกับที่เคยทำเลวกับผู้อื่นไว้มาก แต่ทำอย่างไรได้ เมื่อชะตาชีวิตลิขิตแบบนี้ ก็คงทำใจยอมรับ ปล่อยให้เป็นเรื่องของเวรกรรมจัดการแล้วกัน


     จิณณ์ยังคงฟังป้าแก้วเล่าอย่างใจจดใจจ่อ เธอบอกว่ามีวันหนึ่ง เธอแอบได้ยินคุณอิทธิพลคุยโทรศัพท์กับใครก็ไม่รู้ว่าจ่ายเงินก้อนโตเพื่อให้เรื่องการยิงกันนี้เงียบหายไปจากสารระบบ จิณณ์ได้ฟังก็โล่งใจและตีความไปเองว่า คุณอิทธิพลคงไม่คิดกลับมาแก้แค้นอิสระแล้ว เพราะถ้าแก้แค้น ตอนนี้ ก็คงต้องมีสัญญาณอะไรที่จิณณ์ต้องรับรู้ได้บ้าง


    พอคิดวิเคราะห์ความน่าจะเป็นเสร็จ ก็หันกลับมาตั้งใจฟังป้าแก้วต่อ ที่เธอเล่าด้วยน้ำเสียงแปลกใจว่า หลังๆมา คุณอิทธิพลอารมณ์ดีขึ้น เมื่อมีสมาชิกใหม่เข้ามาอยู่อาศัยเพื่อดูแลคุณอิทธิพลอย่างใกล้ชิด ซึ่งก็คือ คุณธวัชชัยนั่นเอง...


    จากที่ได้ฟังมา จิณณ์มั่นใจว่า คุณอิทธิพลคงไม่ตามราวีอิสระอีก แต่หลังจากที่วางสายจากป้าแก้วแล้ว จิณณ์ก็ยังอดสงสัยไม่ได้ว่า...

    ทำไมคุณอิทธิพลถึงอารมณ์ดีขึ้น?

    สรุปแล้ว คุณอิทธิพลและคุณธวัชชัยนั้น มีสถานะเป็นอะไรกันแน่?....





****1.2****



 Part หน้าก็จบแล้วจ้า


มาอยู่ด้วยกันนะคะ อีกอึดใจเดียวน้าาาา
ใครสงสัยอะไร รอดูตอนจบนะเจ้าคะ

.
.
.

ขอบคุณทุกคนเลย น่าร้าก :man1: :man1: :man1:

หัวข้อ: Re: +..▪..+"แสง.สุด.ท้าย"+..▪..+||ตอนที่ 15.2|| อัพ 10-4-18> P.4
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 10-04-2018 22:52:03
 :pig4: :pig4: :pig4:

ร้องเพลงรอเลย

จะดูว่ามันเป็นลมสงบก่อนพายุร้ายหรือจะสงบตลอดไป
หัวข้อ: Re: +..▪..+"แสง.สุด.ท้าย"+..▪..+||ตอนที่ 15.2|| อัพ 10-4-18> P.4
เริ่มหัวข้อโดย: Duangjai ที่ 10-04-2018 23:06:02
..

..มาอยู่ด้วย รออ่านตอนจบ

ให้จบHappy Ending. มีรอยยิ้มตอนท้ายนะ

แต่คนทำบาปไว้ ก้อต้องได้รับบทเรียนด้วยน้าาาา


..

 :katai3:  :katai3:  :katai3:  :katai3:  :katai3:

.
หัวข้อ: Re: +..▪..+"แสง.สุด.ท้าย"+..▪..+||ตอนที่ 15.2|| อัพ 10-4-18> P.4
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 11-04-2018 00:45:30
 :hao7:


:L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: +..▪..+"แสง.สุด.ท้าย"+..▪..+|ตอนที่ 15.3| อัพ 10-4-18> P.4
เริ่มหัวข้อโดย: rinyriny ที่ 28-04-2018 19:37:40
บทที่ 15 ฉันจะมีเธออยู่ ||ตอนจบ|| (3)


ไม่ใช่แค่เพียงแต่การได้รับข่าวว่าคุณอิทธิพลยังไม่ตาย แต่จิณณ์ยังได้คุยกับชายจากการขอเบอร์ติดต่อมาจากป้าแก้ว เพราะตั้งแต่เกิดเรื่องราวคราวก่อน จิณณ์ยังไม่มีโอกาสขอบคุณชายที่ช่วยเหลือ


"คุณชายใช่ไหมครับ?"

[ใคร?]

"ผมจิณณ์นะครับ"

[ป้าแก้วให้เบอร์ผมกับคุณใช่ไหม?] ชายตกใจ เพราะเขาเพิ่งเปลี่ยนเบอร์ติดต่อ และคนที่รู้มีแค่ป้าแก้วคนเดียวเท่านั้น

"ครับ แต่อย่าว่าป้าแก้วเลยนะครับ ผมคะยั้นคะยอขอเบอร์ติดต่อเอง ผมอยากโทรมาขอบคุณ คุณสบายดีไหม?"

[ก็ดีครับ]

"ผมยังไม่มีโอกาสได้ตอบแทนคุณเลย คุณมาเจอผมกับอิสระได้ไหมครับ?"


[ไม่เป็นไรครับ ผมก็แค่อยากช่วย อีกอย่างผมไม่ได้ทำเพื่อคุณคนเดียว ผมทำเพื่อกรณ์ด้วย]


     จิณณ์เงียบเสียง เมื่อสัมผัสได้ถึงรักแท้ที่มาจากหัวใจคนๆหนึ่ง ทั้งๆที่ความรักของชายไม่มีแม้แต่โอกาสจะทำให้กรณ์ได้รับรู้ เพราะอีกฝ่ายได้ตายจากกันไปแล้ว



"ดูคุณจะรักคุณกรณ์มากเลยนะครับ"


    อีกฝ่ายเงียบนาน จนจิณณ์รู้สึกผิดที่ไม่สมควรพูดถึงคนที่ตายไปแล้วให้ชายสะเทือนใจ


"ผมขอโทษนะครับ ที่พูดไป"

[ไม่เป็นไร เบอร์นี้ เบอร์คุณใช่ไหม? ไว้ผมจะโทรกลับไปเอง แค่นี้ก่อน ผมไม่สะดวก]

"ครับ"

   
   
     จิณณ์วางสายและวางโทรศัพท์มือถือไว้ข้างกาย นั่งคิดเรื่องราวต่างๆที่ผ่านเข้ามาในชีวิตแล้วก็นึกขำเหมือนกัน พักหลังๆมานี้ ชีวิตเขาจะเจอะเรื่องราวโลดโผน ท้าทายชีวิตไม่น้อยเลย

    คิดเพลินๆมาสะดุ้ง ตกใจเมื่อจู่ๆ คนรักกดจมูก ซุกไซร้ซอกคอของเขา

    หันไปล็อคต้นคอเด็กดื้อ ดึงมาจุ๊บปาก...


   
"ทำไมเดี๋ยวนี้ขี้อ้อนจังครับ ฮึ?"

"ก็รักนี่ครับ"


      จิณณ์ขมวดคิ้วมองคนรัก ก่อนจะค่อยๆคลายปมคิ้ว คลี่ยิ้ม เมื่อสัมผัสได้ว่าอิสระเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นมาก


"มานั่งนี่มา" จิณณ์ตบเบาะข้างๆ เรียกให้มานั่ง


    อิสระเดินอ้อมจากหลังโซฟา มาหาคนพี่ ทว่า เด็กหนุ่มกลับขึ้นคร่อมนั่งตัก หันหน้าเข้าหาจิณณ์ ยกมือโอบรอบลำคอ
     

"ตื่นแล้วไม่ปลุกผมเลยนะครับ" เสียงแผ่วเบาเอื้อนเอ่ย จิณณ์กระแอมไอให้คนรักรู้ตัวว่าอย่าเล่นอะไรแบบนี้ เมื่อคนรักนั่งขยุกขยิกตัวไปมาจนบั้นท้ายคนรักบดเบียดถูไถไปกับแก่นกายของจิณณ์ราวกับตั้งใจปลุกมันให้ตื่น


"พี่นึกว่าอิสจะเพลียน่ะสิ และอิสครับ อย่าขยับมาก เดี๋ยวจะหาว่าพี่ไม่เตือน!!"


    พูดจบ อิสระก็ไม่นึกหรอกว่า ลูกชายพี่จิณณ์จะไวต่อสัมผัส จนตื่นตัวแข็งขืนนูนออกมาจากกางเกง อิสระกลั้วหัวเราะ


"ฮ่าๆ...พี่จิณณ์ทำไมหื่นจัง"


"ไม่ได้หื่นนะครับ มันเป็นธรรมชาติ อิสมาโดนจุดมันก็ตื่นสิ"


    อิสระหน้าแดงที่พี่จิณณ์พูดออกมาซื่อๆ เด็กหนุ่มกดหน้าลงไปจุ๊บปากพี่จิณณ์ ผละและมาคลอเคลียซอกคอ ก่อนพูดเสียงละมุน


"พี่จิณณ์เป็นเหมือนผมไหม? พอผ่านเรื่องร้ายมา ผมรู้สึกว่าผมรักพี่มากขึ้น และเรื่องที่เคยคิดมากแต่ก่อนก็ลดลงไปด้วย"

"พี่ก็คิดเหมือนกัน แต่ดูสิดู ปากบอกว่ารักกัน แต่ก่อนหน้านี้ ยังจะทิ้งพี่"
จิณณ์ขุดเรื่องอดีตที่อิสระแกล้งความจำเสื่อมมาตัดพ้อ

"ขอโทษนะครับ ผมผิดเองที่คิดแทนพี่จนเกิดเรื่อง"

"ครับ ทีหลังห้ามทำแบบนี้อีกนะ"


       อิสระพยักหน้ารัว ไถลตัวจากตักพี่จิณณ์ลงไปนั่งกองตรงพื้น พนมมือไหว้ ก้มกราบบนตัก จิณณ์ยึดข้อมืออิสระค้างไว้


"อิสทำแบบนี้ทำไม? ลุกขึ้นมานะ"

"ก็พี่จิณณ์ มีพระคุณกับผม"


"มันมากเกินไป"


"ไม่มากเกินไปหรอกครับพี่จิณณ์ พี่ให้ชีวิตใหม่กับผม เป็นเหมือนแสงสุดท้ายของผม พี่จิณณ์ช่วยผมออกมาจากนรกขุมนั้น"

"ถ้าอย่างนั้นอิสก็ช่วยพี่เหมือนกัน ช่วยให้พี่มีคนรักที่น่ารักแบบนี้ จากนี้ มีอะไรก็ปรับความเข้าใจกัน คุยกันและอย่าหนีกันไปอีกนะ เข้าใจไหม.? ลุกขึ้นมานั่งดีๆ"


"ครับพี่จิณณ์"


    จิณณ์ลูบหัวคนรัก กดจูบกลางกระหม่อม อาจเป็นเพราะผ่านนาทีระทึกมา ถึงทำให้จิณณ์ไม่อยากไขว่คว้าอะไรมากไปกว่าการมีคนที่รักเราจริงๆอยู่ข้างกาย...แค่นี้ก็พอ


"อิสอยากไปหามัตถ์ไหม?"

"ทำไมอยู่ดีๆ ก็ถามขึ้นมาล่ะครับ?"

"พี่คิดว่า อิสควรใช้เวลาจากนี้ อยู่กับคนที่อิสรักน่ะ"

"พี่จิณณ์จะไม่หึงผมใช่ไหม?"

"ไม่หรอก คนเราไม่รู้จะตายเมื่อไหร่? พี่อยากให้อิสเจอคนที่อยากเจอน่ะ"


   
    อิสระสบตาคนรักอย่างซาบซึ้งและรู้สึกดีที่พี่จิณณ์เป็นห่วงเป็นใย ใส่ใจความรู้สึกเขามากถึงเพียงนี้


"ทำไมพี่จิณณ์เป็นคนน่ารักขนาดนี้ ขอบคุณนะครับ"




      อิสระหอมแก้มทิ้งท้าย ก่อนจะลุกไปเพื่อเตรียมตัวออกเดินทางหามัตถ์ตามที่คุยกันไว้


      ใช้เวลาสักพักใหญ่ๆ ทั้งคู่ก็มาถึงห้องของมัตถ์ โดยที่อิสระไม่ได้โทรบอกก่อน เนื่องจากโทรศัพท์อิสระพังตั้งแต่ตกน้ำคราวนู้น...


 ก๊อก ก๊อก ก๊อก!


      ไม่นาน ประตูก็เปิดออกกว้าง


"เฮ้ย! อิส"


      มัตถ์โพล่งขึ้นเสียงดังอย่างตกใจ เพราะไม่คิดว่า อิสระจะมาโผล่อยู่หน้าประตู เนื่องจากหลายวันที่ผ่านมา มัตถ์คิดถึงอิสระมากเป็นพิเศษ ครั้นโทรไปหา ก็ติดต่อไม่ได้

     มัตถ์ดึงตัวอิสระไปกอด และเอาแต่พร่ำเพ้อว่าคิดถึงอิสระอยู่อย่างนั้น

     จนกระทั่ง....


"อิสไม่ได้มาคนเดียวนะครับ"


 
       ผละจากกัน เหลือบมองคนที่มายืนชิดข้างตัวอิสระ  มัตถ์แกล้งกลอกตาใส่


"เฮ้อ!...นึกว่าอิสมาคนเดียวซะอีก ว่าจะชวนนอนห้องด้วยกันสักหน่อย สวัสดีครับพี่จิณณ์ พี่สบายดีนะ"

"สบายดีครับ"


"มัตถ์เป็นไงบ้าง?" อิสระถามขณะที่มัตถ์ดึงแขนให้อิสระเข้ามาในห้อง

"เฮ้อ! มัตถ์เลิกกับแฟนแล้วล่ะ แต่จบกันด้วยดี แฟนมัตถ์เขาไปเรียนต่อต่างประเทศน่ะ แล้วเขาบอกว่า เขาอยากโฟกัสกับการเรียน เลยขอหยุดความสัมพันธ์ไว้"


"มัตถ์โอเคนะ"

"เฮ้ย! มัตถ์โอเค ยังไหวอยู่ สบายมาก"


      อิสระมองคนยิ้มกว้าง ร่าเริงเกินเหตุก็ได้แต่สงสาร อิสระเป็นห่วง เอาเข้าจริง จะบอกว่าสบายมากอย่างปากว่าหรือเปล่าก็ไม่รู้ เพราะนัยน์ตาของมัตถ์ก็ยังซ่อนความเศร้าไว้อยู่


       ทั้งสองนั่งลงตรงโซฟา โดยที่จิณณ์และอิสระตกลงกันแล้วว่าจะไม่พูดเรื่องที่ทั้งสองได้ประสบพบเจอมาก่อนหน้านี้
   

"พี่จิณณ์ ขอผมกอดอิสอีกรอบได้ปะ?" เห็นรอบที่แล้ว แยกเขี้ยวใส่ มัตถ์เลยต้องขออนุญาตก่อน เพราะยอมรับว่าคิดถึงอิสระมากจริงๆ บวกกับเป็นห่วงอิสระตอนที่ติดต่อไม่ได้ นึกกลัวว่าอิสระจะเป็นอะไรไป


"แหม...มัตถ์ ไม่ต้องขอก็ได้ จะกอดก็กอดเลย" คราวนี้เป็นอิสระที่ดึงร่างมัตถ์มากอด เพราะอิสระเหลือแค่มัตถ์ คนเดียวที่เป็นเพื่อนและคนที่ไว้ใจที่สุดในตอนนี้


      จิณณ์เบือนหน้าหนี ไม่มอง ไม่ถึงสองนาที จิณณ์กระตุกแขนคนรักให้รู้ตัวว่าหมดเวลา


"พอแล้วครับ"

"หวงจัง!... ทำอย่างกับผมกอดอิส แล้วอิสจะสิงร่างผมได้อย่างนั้นน่ะ ถึงผมจะโสด ผมก็ไม่แย่งอิสหรอกน่า ผมรู้อะไรเป็นอะไร..."


"ฮ่าๆ...มัตถ์อะ อย่าว่าพี่จิณณ์ของอิสนะ พี่จิณณ์เขาไม่มีอะไรหรอก เราก็แค่ผ่านอะไรด้วยกันมามาก...พี่จิณณ์น่ะน่ารักจะตาย เอาใจอิสทุกอย่างดีมากๆเลยด้วย" อิสระพูดจบก็หันไปยิ้มและสบตาคนรัก

"หืม! อิส"

"อะไรหรอ?"
อิสระโคลงศรีษะมอง

"ปกติ ไม่ค่อยเห็นอิสชมแฟนต่อหน้าคนอื่น"


    อิสระอมยิ้ม ดึงมือพี่จิณณ์มาวางบนตักตัวเอง และเอนหัว ซบไหล่


"เพราะอิสรักพี่จิณณ์มากยังไงล่ะ"

"โอ้ย! สาบานว่ามาเยี่ยมมัตถ์เพราะคิดถึง ไม่ได้มาเพราะอวด...ผั......"


    คราวนี้ คนที่หึงหวงก่อนหน้า กลับยิ้มเขิน ลูบหลังคอแก้เก้อ ส่วนอิสระตบปากมัตถ์ทันที



"โอ้ยอิสอ่าา... เจ็บนะ" มัตถ์กุมปากตัวเอง

"สมน้ำหน้า มัตถ์ว่าอิสทำไมล่ะ?"

"เอ้า! มัตถ์พูดจริง ดูสิ หวานใส่กันขนาดนี้ จะมาหาทำไมก็ไม่รู้"


      อิสระเห็นมัตถ์ทำหน้างอน ก็อดขำไม่ได้


"ฮ่าๆ....โอเคๆ ...ถ้างั้น เราไปหาอะไรกินกันเถอะ อิสหิว และอยากฟังเรื่องของมัตถ์ต่อด้วย"

"ก็ดีเหมือนกัน มัตถ์เบื๊อ...เบื่อ..."

"ไปกันทุกคน"

 


     อิสระเร่งให้ทุกคนตื่นตัว ลุกออกจากห้อง ขณะที่เดินตามหลัง อิสระมองสถานการณ์ตรงหน้าด้วยความปลาบปลื้มใจที่ตัวเองได้มีโอกาสสุขอีกครั้ง
   
    ความสุขจากการได้หัวเราะอย่างสนุกสนานและได้อยู่เคียงข้างกับคนที่รัก...



    นับว่าเป็นอีกหนึ่งวันที่อิสระมีความสุขที่สุด หลังจากได้ใช้เวลาคุณภาพอยู่กับมัตถ์และพี่จิณณ์ไปหลายชั่วโมง ตลอดเวลาที่กินข้าว เดินเล่น จะเป็นมัตถ์ที่ชอบแขวะพี่จิณณ์เรื่องหวงอิสระตลอดเวลา จนอิสระนึกขำ ที่ในตอนแรกคนรักของเขาบอกว่าไม่มีทางหึงแน่นอน...

    พอกลับมาบ้าน อิสระไม่อยากให้พี่จิณณ์น้อยใจ เพราะยอมรับว่าตัวเองก็คุยกับมัตถ์เป็นส่วนใหญ่เนื่องจากไม่ได้เจอกันนาน ใกล้เข้านอน เลยเอาใจพี่จิณณ์ด้วยการนวดตัวให้หายเมื่อย

    จากนั้น ต่างฝ่ายต่างก็ทำออรัล เซ็กซ์ ให้กัน พอจบภาระกิจ ก็กอดก่ายกันและนอนหลับปุ๋ย





...............





   หนึ่งสัปดาห์ผ่านไป


   ทั้งสองยังคงหมั่นเติมรักให้กันอยู่เสมอ พอทุกอย่างลงตัว พี่จิณณ์ออกไปทำงานโดยไม่ต้องกังวลกับอิสระอีก และสิ่งที่อิสระทำให้พี่จิณณ์ทุกวันหลังจากที่พี่จิณณ์กลับมาจากงานเหนื่อยๆ ก็คือ การนวดตัว นวดเท้าและทำอาหารเย็นให้


   แหละเมื่อคืนก่อน อิสระแอบได้ยินพี่จิณณ์บ่นว่าอยากกินน้ำพริกกะปิ แต่ไม่มีเวลาซื้อมากินสักที วันนี้ อิสระจึงตั้งใจเซอร์ไพร์สด้วยการทำเมนูที่พี่จิณณ์ชอบโดยที่เขายังไม่รู้


    หลังจากออกไปหาซื้อวัตถุดิบมาได้ เด็กหนุ่มกลัวพี่จิณณ์จะกลับมาเร็ว จึงรีบโขลกกระเทียมอยู่นาน เล่นเอาซะเมื่อยแขนไปพักใหญ่ จากนั้นใส่ส่วนผสมอื่นๆ ทั้งกะปิ พริกขี้หนู น้ำตาลปี๊ป และส่วนผสมอื่นๆตามลำดับ ปรุงรสเพิ่ม โขลก คลุกทุกอย่างเข้ากันเรียบร้อยก็ตักใส่ถ้วยพร้อมเสิร์ฟ จากนั้น อิสระตั้งกระทะให้ร้อน ใส่ปลาทูลงไปทอด เมื่อเห็นสีของปลาทูเหลืองทองกรอบได้ที่ ตักใส่จานเซรามิก เป็นอันเสร็จสิ้น


   อิสระภูมิใจกับหน้าตาอาหาร แม้จะยังไม่เชี่ยวชาญ แต่เพื่อพี่จิณณ์ อิสระมุ่งมั่นเต็มที่


   วางทุกอย่างลงบนโต๊ะอาหาร นำฝาชีมาครอป จังหวะนั้น เสียงโทรศัพท์มือถือเครื่องใหม่ที่พี่จิณณ์เพิ่งซื้อให้ก็แผดเสียงดังขึ้นมา


"สวัสดีครับ"

[คุณอิสสบายดีนะครับ]


"นั่นใครน่ะ"


[ทำไมลืมกันง่ายจัง ก็คนที่ช่วยคุณอิสไงครับ]

"พี่ชาย มีอะไรหรือครับ?"

[อิส ช่วยพี่ด้วย]


     อิสระใจคอไม่ดี เมื่อได้ยินเสียงแทรกขึ้นจากปลายสาย



"พี่จิณณ์อยู่กับพี่ชายหรอ?"

[ใช่ครับ อยากมาหาไหม? ก่อนที่จะไม่ได้เจอกันอีก]

   
    อิสระใจตกไปที่ตาตุ่ม ทำไมพี่ชายถึงพูดแบบนั้นล่ะ อิสระไม่คิดว่าพี่ชายจะหลอกให้ตายใจแล้วมาหักหลังกันแบบนี้


"พี่ชายจะทำอะไร? อย่าทำอะไรพี่จิณณ์นะ"

[ถ้าไม่อยากให้ทำก็รีบมาก่อนที่เขาจะไม่มีชีวิต]


"ได้ๆ ผมจะไปบอกที่อยู่มา"



     หลังจากที่พี่ชายบอกที่อยู่แล้ว อิสระคว้าเงิน กุญแจห้อง คีย์การ์ด ไปทั้งๆสภาพหน้ามันเยิ้มจากการทำอาหารเพิ่งเสร็จ


    เมื่อได้ขึ้นรถแท็กซี่ เด็กหนุ่มนั่งร้องไห้ ภาวนาให้พี่จิณณ์อย่าเป็นอะไร
พอถึงหมู่บ้านที่พี่ชายบอก ไปจนสุดซอย ลงจากรถด้วยใจตุ้มๆต่อมๆ


    ยืนกดกริ่งหน้าบ้าน ก็เห็นพี่ชายเดินมาเปิดประตูรั้วทรงเตี้ย อิสระทรุดตัวลงกับพื้น ยกมือไหว้


"ผมขอล่ะพี่ชายอย่าทำอะไรพี่จิณณ์นะ"

"คุณอิสลุกขึ้นก่อนเถอะครับ"

"ไม่!...จนกว่าพี่จะรับปาก"

"ถ้าไม่ลุกขึ้นผมจะไม่รับปาก"


   อิสระยอมลุกขึ้นยืน เดินตามพี่ชายเข้ามาในบ้านที่ชั้นล่างมืดตึ้บไม่มีการเปิดไฟใดๆ พี่ชายพาอิสระเดินขึ้นบันไดไปยังห้องนอนชั้นสอง ชี้นิ้วพร้อมบอกว่าพี่จิณณ์อยู่ในห้อง

   ชายไม่ยอมเปิดประตู จนกว่าอิสระจะตอบคำถาม


   
"คุณจิณณ์จะรอด ต่อเมื่อคุณต้องมีสิ่งแลกเปลี่ยน!"


"พี่อยากได้อะไร ผมทำให้ทุกอย่างนะครับ ผมจะกราบพี่ตรงนี้ยังได้ อะไรก็ได้ ผมขอร้อง"


     อิสระน้ำตาไหลอาบแก้ม ทรุดฮวบลงกับพื้น เตรียมก้มกราบเท้า ชายร้องห้ามให้หยุด สอดแขนเข้ามาใต้รักแร้ หิ้วปีกอิสระขึ้นมา


"เดี๋ยวก่อนครับที่ว่าได้ทุกอย่างจริงๆใช่ไหมครับ?"


"ได้สิครับ ได้ทุกอย่างจริงๆ ฮือๆๆ"


       ชายไม่พูดอะไรต่อ เปิดประตูห้องนอน อิสระเห็นพี่จิณณ์อยู่หน้าประตูพร้อมยิ้มกว้าง


"ถ้าได้ทุกอย่าง อิสอยู่กับพี่ไปตลอดได้ไหม?"   


     อิสระเบิกตากว้างอย่างตกใจ เมื่อพูดจบ จิณณ์ยื่นกล่องกำมะหยี่สีแดงที่เปิดฝาออกมาใกล้ให้อิสระได้มองเห็นชัดๆ ข้างในเป็นแหวนทองคำขาวจากแบรนด์ดังสัญชาติยุโรป ประดับด้วยเพชรเม็ดจิ๋ว 8 เม็ดรอบวง


"ฮือๆ...พี่จิณณ์ พี่เล่นอะไรผมจะขาดใจตายอยู่แล้ว คนบ้า"



    อิสระทุบอกพี่จิณณ์หลายที ไม่ได้โกรธแต่ตกใจมากกว่า เพราะกลัวว่าพี่จิณณ์จะเป็นอะไรไปจริงๆ

   จิณณ์จับแขนเด็กหนุ่มที่ทุบอยู่รวบไว้ด้วยมือเดียว แล้วใช้มือที่ถือกล่องกำมะหยี่ดันร่างเด็กหนุ่มเข้ามาหาตัวเพื่อกอด


"พี่ก็เล่นเหมือนตอนที่เด็กดื้อแกล้งความจำเสื่อมไง โอ้ๆพี่ขอโทษ...สรุปยังไม่ตอบพี่เลยนะครับ"


"ฮือๆ...รักขนาดนี้ยังจะเอาคำตอบอีกหรอ? พี่จิณณ์บ้า! อุตส่าห์ทำน้ำพริก-ปลาทูไว้ให้"


"ห้ะ!....." จิณณ์ตกใจผละมามองหน้าคนรักที่ตัดพ้อด้วยน้ำตานองหน้า แสดงว่าคนรักของจิณณ์ก็ใส่ใจเขาไม่น้อยไปกว่ากัน

    คราวนี้ จิณณ์รีบดึงร่างอิสระมากอดอีกครั้ง


"โอ๋ๆ เด็กดื้อของพี่...พี่ขอโทษนะ อย่าโกรธพี่นะครับ พี่แค่อยากเซอร์ไพร์ส"

"อะแฮ่มๆๆ...."



     ในขณะที่อิสระกอดพี่จิณณ์อยู่ เขาไม่ได้สนใจสิ่งรอบข้างจนได้ยินเสียงกระแอมไอ ถึงผละมามองข้ามไหล่พี่จิณณ์เห็นมัตถ์ยืนเลิกคิ้วสองข้างขึ้นสูงอย่างทะเล้นๆ และยิ้มกว้าง ถัดไปมีพ่อพี่จิณณ์ ป้าแก้ว พี่ฮูม ยืนอยู่


"ป้าแก้ว มัตถ์? พะ....พี่จิณณ์ครับ นี่ทุกคนรวมหัวกันแกล้งผมหมดเลยหรอ?"

      อิสระกระตุกชายเสื้อพี่จิณณ์ ที่เห็นทุกคนรวมตัวในห้องแห่งนี้


"ใช้คำไม่น่ารักเลย ใช้คำว่า ทุกคนอยากให้อิสมีความสุขมากกว่า ปะ..ไปไหว้พ่อพี่กัน"


"แล้วทำไมต้องเล่นแบบนี้ ผมกลัวจริงๆนะ"

"โอ๋ๆ พี่ขอโทษนะที่เซอร์ไพร์สแรงไปหน่อย"


      อิสระหยิกแขนพี่จิณณ์ด้วยความเคือง ก่อนจะค่อยๆย่อตัวลงนั่งที่พื้น ยกมือไหว้บิดาของคนรักที่นั่งรออยู่ปลายเตียง


      ไม่มีพิธียิ่งใหญ่เว่อร์วัง อลังการ มีเพียงแค่สักขีพยานแห่งรักมายืนยันพร้อมข้อความอวยพรที่มาจากปากคุณเจริญ เรื่องการครองรักของทั้งคู่ให้มีความสุขกับปัจจุบัน อย่ายึดติดกับอดีต และอย่ากังวลอนาคต


       ส่วนการที่จิณณ์ทำเซอร์ไพรส์และใส่ใจกับเรื่องนี้ก็เพื่อต้องการให้อิสระเห็นว่าการใช้ชีวิตของเราสองไม่ใช่แค่การคบกันไปวันๆ แต่มันคือคำมั่นสัญญาต่อกันว่า จิณณ์จะไม่มีวันทิ้งอิสระไปไหน

      จิณณ์ตั้งสัจจะ พูดเสียงดังต่อหน้าผู้ใหญ่ว่าจากนี้ไป เขาจะดูแลอิสระให้ดีที่สุด

      จากนั้น ต่างฝ่ายต่างสวมแหวนให้กันและก้มลงกราบเท้าบิดาของจิณณ์

      เมื่อพิธีง่ายๆได้เสร็จสิ้น ทุกคนทยอยไปร้านอาหารที่ไม่ไกลจากนี้ เนื่องจากจิณณ์จองไว้สำหรับจัดเลี้ยง


      อิสระโกรธไม่ลง เมื่อเห็นถึงความพยายามในการทำเซอร์ไพร์สของคนรัก ที่ต้องไล่โทรติดต่อหาทุกคนเพื่อนัดมารวมตัว ไหนจะต้องจองร้านอาหารอีก
     


     ตอนนี้ ทุกคนถึงร้านอาหาร เดินเข้ามาด้านใน ประดับประดาไปด้วยลูกโป่งที่มีชื่อ Issara & Jinn รวมถึงป้ายผ้าที่แขวนห้องลงมาหลังวงดนตรีโฟล์ค ซอง ก็มีชื่อของทั้งคู่ตัวเบ้อเริ่ม

    อิสระแอบงอนพี่จิณณ์ที่ตัวเองมาในสภาพโทรมดูไม่ได้ แต่พี่จิณณ์ยังปากหวาน บอกว่า เพราะรักที่อิสระเป็นตัวเองเลยไม่สนว่าอิสระต้องมาในมาดดูดีแบบไหน เพราะถึงยังไงจิณณ์ก็รักอยู่วันยังค่ำ


     แม้การจัดงานครั้งนี้ จะมีแขกไม่ถึงสิบคน แต่ก็ดีใจเพราะคนที่อยู่ด้วยกันตรงนี้ล้วนเป็นคนที่มีคุณภาพทั้งสิ้น


     รูปแบบอาหารมีทั้งแบบเสิร์ฟให้ถึงโต๊ะ และเดินไปตักเอง ทำให้ทุกคนต่าง กระจัดกระจายไปหาเมนูโปรดรองท้อง


     ในระหว่างที่อิสระและจิณณ์นั่งคุยกันยังไม่ลุกไปตัก  ป้าแก้วและชายเดินปรี่เข้ามาเพื่อบอกเรื่องสำคัญ โดยชายเป็นฝ่ายเล่าก่อนว่าตั้งแต่วันที่มีเรื่อง ชายเพิ่งมีโอกาสบอกความจริงกับทั้งคู่ว่าที่คุณอิทธิพลเกลียดอิสระ เพราะคุณอิทธิพลชอบคุณธวัชชัย ซึ่งคุณธวัชชัยชอบอิสระ นั่นเลยเป็นชนวนเหตุสำคัญ ซึ่งมันก็สอดคล้องกับสิ่งที่ป้าแก้วจะเล่าความคืบหน้าต่อจากนี้ว่า คุณธวัชชัยได้ย้ายเข้ามาอยู่บ้านคุณอิทธิพลแล้วเช่นกัน ซึ่งทั้งสองเริ่มคบหากันอย่างเปิดเผย โดยที่ลูกของคุณธวัชชัยต้องติดสอยห้อยตามบิดาตัวเองมาด้วย


     ได้ฟังอย่างนี้ก็รู้สึกดี เพราะดูเหมือนว่า คุณอิทธิพลคงไม่ระรานเขาทั้งสองแล้ว


     หลังจากที่เรื่องราวทุกอย่างค่อยๆคลี่คลาย ทุกคนก็ลืมเรื่องในอดีต และรับประทานอาหารกันอย่างมีความสุข

หัวข้อ: Re: +..▪..+"แสง.สุด.ท้าย"+..▪..+||ตอนที่ 15.3|| อัพ 28-4-18> P.4
เริ่มหัวข้อโดย: rinyriny ที่ 28-04-2018 19:41:21
     



................





     สองเดือนผ่านไป....

     อิสระและจิณณ์ยังคงใช้ชีวิตมีความสุขเฉกเช่นทุกวัน และป้าแก้วเพิ่งมาบอกข่าวสำคัญกับจิณณ์และอิสระว่า ชายได้อุปสมบทบวชเป็นพระได้เกือบพรรษาแล้ว ทั้งคู่จึงชวนกันออกเดินทางแต่เช้าไปหาหลวงพี่กันที่วัดป่าแห่งหนึ่งในต่างจังหวัด โดยโทรบอกกล่าวท่านไว้เรียบร้อย


     ในขณะที่ขับรถก็มีแวะกินข้าวข้างทางบ้าง ระหว่างที่ขับรถมาได้หลายร้อยกิโลเมตร จิณณ์ที่สังเกตคนรักมาตลอด ก็แอบถาม


"พี่ว่าช่วงนี่อิสดูสดใสขึ้นนะครับ"

"จริงหรอครับ?"

"อืมใช่...อิสดูมีอ่อรา ใบหน้าดูอิ่มเอิบ ตัวก็ดูจะอวบๆขึ้น นี่ท้องหรือเปล่า?"

"ตลกแล้วพี่จิณณ์ ผมจะท้องได้ไงเล่า!"


     
จิณณ์ขำคนรักที่ทำแก้มพองลม เบือนหน้าหนี ตั้งแต่อยู่ด้วยกันมา เขายังไม่เคยรักอิสระน้อยลงเลย แถมอิสระก็ยังทำตัวให้น่ารักมากขึ้นไปอีก ทั้งออดอ้อน เอาใจใส่ จนจิณณ์ไม่เคยคิดว่าตัวเองขาดอะไรในชีวิตแล้วตอนนี้

    ผู้ชายอบอุ่นละสายตาจากท้องถนนหันไปถามเด็กดื้อ


"อิส อยากมีลูกไหม?"

"พี่จิณณ์อยากมีหรอครับ?"

"ก็อยากนะ อีกอย่างอิสจะได้มีคนที่รักอิสเพิ่มอีกคนไงครับ แต่พี่ต้องถามอิสก่อนว่าชอบเด็กหรือเปล่า?"

"ชอบครับ แต่ผมกลัวจะเลี้ยงได้ไม่ดีน่ะสิ"


     อิสระตอบตามความจริง เพราะพอเขาเจอเรื่องแย่ๆกับตัวเอง ก็เริ่มไม่มั่นใจว่าถ้าอิสระมีลูกจริงๆจะต้องเลี้ยงดูแบบไหน ถึงจะทำให้เด็กเติบโตมาได้อย่างมีความสุข


"พี่ว่าของแบบนี้ต้องใช้เวลา ถ้าอิสคิดดีแล้วเรามาตกลงกันอีกทีก็ได้นะว่าอยากมีลูกแบบไหน? จะอุปถัมภ์เด็กสักคนมาเป็นลูกบุญธรรม หรือจะใช้วิธีอุ้มบุญทำที่ต่างประเทศก็มาคุยกันอีกทีก็ได้ครับ"


      อิสระพยักหน้าพลางน้ำตาคลอ ไม่คิดว่าพี่จิณณ์จะจริงจังกับชีวิตคู่ขนาดนี้ อิสระไม่เสียใจเลยที่ได้พี่จิณณ์มาเป็นแฟน และยังรู้สึกมั่นใจมากขึ้นว่าพี่จิณณ์ไม่มีวันทิ้งเขาไปไหนแน่ๆ

     
      เกือบชั่วโมง กว่าทั้งสองจะถึงที่หมาย จิณณ์ถามถึงพระชายจากชาวบ้านละแวกนั้นพอรู้ว่าท่านอยู่ที่ไหน ทั้งคู่ก็เดินตามทางกันมา จนมาหยุดที่ศาลาร่มไม้  ถอดรองเท้า กำลังเดินขึ้นศาลา ทว่า หยุดชะงัก เมื่อเห็นคุณอิทธิพลนั่งคุยกับพระชายอยู่

     อิสระตัวสั่นเทา จนจิณณ์ต้องจับมือไว้ให้น้องผ่อนคลายลง



"เข้ามาเถอะโยม ไม่มีใครทำอะไรโยมหรอก" พระชายเห็นก็เอ่ยทักด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน



    อิสระหลบหลังพี่จิณณ์เมื่ออิทธิพลหันหลังมามอง  อิสระตาโต เมื่อเห็นบิดามีแววตาเศร้าหมอง ใบหน้าดำคล้ำ ไร้สง่าราศี แถมดูร่างกายก็ทรุดโทรมกว่าแต่ก่อน

     จิณณ์และอิสระค่อยๆทิ้งตัวลงนั่งก้มกราบหลวงพี่ที่รูปโฉมแลดูสง่างาม ใบหน้ามีราศี ผุดผ่อง


      อิสระนั่งหลบหลังพี่จิณณ์  จนอิทธิพลคงดูออก


"ไม่ต้องกลัวฉันขนาดนั้นหรอก"


      หลวงพี่ยิ้มที่เห็นการกระทำของอิสระ

      จังหวะนั้น...


"กระผมหมดธุระแล้ว ขอตัวก่อนนะครับ"


      อิทธิพลคงไม่อยากให้ทั้งสองกลัวกันไปมากกว่านี้ จึงขอตัวกลับปล่อยให้อิสระนั่งตัวสั่นไม่หาย


"กลัวหรือโยม? เขาไม่มีพิษสงอะไรแล้วล่ะ"

"มะ...หมายความว่าไงครับ หลวงพี่"

 
    หลวงพี่ไม่ตอบ แต่ยิ้มจางๆมาให้ จิณณ์บอกคนรักว่าไม่ต้องเครียดและนำของที่ซื้อมาถวายแก่หลวงพี่ แต่เนื่องจากทั้งคู่มาถึงเลยเวลาเพล หลวงพี่ไม่สามารถรับไว้ได้จึงต้องนำของถวายทั้งหมดให้ฆราวาสท่านอื่นแทน ทั้งสองถามไถ่ความรู้สึกหลังการเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์

     พระชายรู้สึกดีที่คิดได้ในวันที่ไม่สายเกินไป และละอายแก่ใจกับความผิดที่ตัวเองก่อในอดีตและคิดว่า การมาบวชครั้งนี้ก็คงชดใช้ไม่หมด แต่ถึงอย่างไรก็ตาม พระชายตั้งใจแล้วว่าจะหยุดกระทำสิ่งที่ไม่ดีทุกสิ่ง หันหลังทางโลก มุ่งหน้าทางธรรม โดยไม่สึกออกไปใช้ชีวิตอย่างปุถุชนอีกแล้ว


      ทั้งสองซาบซึ้งในการเปลี่ยนความคิดของพระชาย แต่คุยได้ไม่นาน พระชายมีกิจไปช่วยหลวงพ่อดูเรื่องการสร้างกุฏิเพิ่มเติม


    จิณณ์และอิสระก้มกราบลา เตรียมกลับบ้าน พระชายลุกขึ้นยืน แต่ก่อนไปท่านพูดทิ้งท้ายให้คิด


"ถ้าทำใจได้ ก็อยากให้ปล่อยวางและอภัยให้กันเถอะนะ...โยม..."


     ทั้งคู่พยักหน้ารับคำ ลุกเดินไปสวมรองเท้า เดินออกจากศาลาเห็นคุณอิทธิพลนั่งอยู่ใต้ต้นโพธิ์


      อิสระนึกว่าคุณอิทธิพลจะกลับไปแล้ว อิสระเกาะแขนพี่จิณณ์แน่นด้วยความกล้าๆกลัวๆ แต่จิณณ์เองเห็นว่าคุณอิทธิพลมีรูปร่างผ่ายผอมอย่างเห็นได้ชัดจึงสอบถามในฐานะที่อย่างน้อยก็คนเคยรู้จักกัน


"คุณอิทธิพลสบายดีใช่ไหมครับ?"

"ก็ไม่ดีเท่าไหร่หรอก แต่พวกเธอคงสบายดีกันสินะ"

"ครับ"



    เป็นจิณณ์ที่ตอบตลอด และอิสระก็ไม่กล้ามองหน้า


"คุณจิณณ์ ขอฉันคุยกับลูกหน่อยได้ไหม?"


      จิณณ์หันไปมองอิสระที่หน้าซีดและหวาดกลัว จิณณ์จับมืออิสระแน่น


"ให้ผมอยู่กับน้องด้วยไม่ได้หรอครับ?"

"ดูจากสภาพฉันแล้ว คิดว่าฉันจะทำอะไรอิสได้อีกหรือ?"


      จิณณ์มองหน้าคนรักและพูดเสียงเบา


"อิสไม่ต้องกลัวนะ เดี๋ยวพี่ยืนรอแถวๆนี้"

"พี่จิณณ์อย่าไปไหนไกลนะครับ"



     จิณณ์ยิ้มกับการกระทำคนรักที่เหมือนเด็กติดแม่ ส่งสายตาอ้อนวอนสุดฤทธิ์


"เด็กดื้อ...พี่พิสูจน์การกระทำให้เห็นไม่รู้ตั้งเท่าไหร่ ยังกลัวพี่ทิ้งอีกหรือไงครับ? ไปคุยกับคุณอิทธิพลไป..เดี๋ยวพี่รอนะ" จิณณ์ยิ้มพลางบีบกระชับมือ ก่อนผละและยืนคอยอยู่ห่างๆ



     อิสระยืนมองคุณอิทธิพลที่แขนทั้งสองข้าง มีรอยแผลเป็นเหมือนกับที่อิสระเคยโดนทรมานเมื่อในอดีต


"ฉันขอโทษนะที่ผ่านมา"


     เด็กหนุ่มเงยหน้ามองบิดาด้วยความประหลาดใจ คนที่เคยมีอำนาจบารมีอย่างคุณอิทธิพลหรอจะยอมขอโทษอิสระ?


"คะ...ครับ?"

"ฉันขอโทษ อิสยกโทษให้ได้ไหม?"


    ดวงตาปริ่มน้ำ เด็กหนุ่มยืนกัดปากตัวเอง สองมือประสานกันแน่น ก็รู้ว่าที่ผ่านมาคุณอิทธิพลทำร้ายอิสระได้อย่างเลือดเย็น เหมือนคนไม่มีหัวใจ แต่มาวันนี้ พอเห็นสภาพคุณ
อิทธิพลแล้ว อิสระสงสารจนจะร้องไห้


"น่าขำไหมเล่า? อายุปูนนี้แล้ว ฉันเพิ่งจะเชื่อเรื่องเวรกรรม อิสนั่งลงก่อนสิ...ฉันมีเรื่องจะเล่าให้ฟัง"


     อิสระยืนโลเล เก้ๆกังๆ แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจยอมก้าวยาวๆทิ้งตัวลงนั่งข้างคุณอิทธิพล


"อิสคงรู้มาบ้างใช่ไหม?เรื่องฉันกับธวัชชัย เพื่อนฉันที่ชอบซื้อขนม ของเล่นให้อิสสมัยเด็กๆน่ะ"


    อิสระพยักหน้ารับ


"มันเหมือนตลกร้ายของชีวิตฉัน ฉันได้คบกับคนที่แอบชอบมานาน เราได้มีโอกาสใช้ชีวิตร่วมกันในบั้นปลายชีวิต ฉันก็หวังว่าขอแค่ต่างฝ่ายต่างได้ดูแลกัน เป็นคู่ชีวิตกัน แต่มันกลับไม่ใช่เลย"



   อิสระมองคนทอดสายตามองไปไหนก็ไม่รู้ คุณอิทธิพลเล่าอย่างคนอ่อนแรง


   ในช่วงที่อิทธิพลรอดตายจากการโดนยิง ธวัชชัยเข้ามาดูแลตลอด ยอมอดหลับ อดนอนเฝ้าดู จนอาการอิทธิพลดีขึ้นตามลำดับ หลังจากที่ร่างกายได้พักฟื้นและรักษาตัวให้ดีขึ้นได้ไม่นาน  นิสัยด้านมืดของธวัชชัยก็เริ่มออก ตอนที่ขออิทธิพลมีเพศสัมพันธ์

    เพราะรักจึงให้...

   ตอนนั้น อิทธิพลไม่ได้คลางแคลงใจอะไร และบอกว่า เราไม่สามารถวิเคราะห์ตัวตนของคนที่เห็นภายนอกได้ถูกต้องร้อยเปอร์เซ็นต์จริงๆ

    ภายนอกของมาดนักธุรกิจอย่างธวัชชัยที่เก่ง มีความสามารถเป็นคุณพ่อเลี้ยงเดี่ยว อบอุ่นใจดี ยิ้มแย้มตลอดเวลา จะมีเบื้องหลังคือความวิปริตทางเพศ

     พ่อของอิสระเว้นช่วงไปนาน เหมือนพยายามกลืนก้อนน้ำตา และตั้งใจเล่าแบบไม่ให้ขาดห้วง
   

     เพราะเห็นว่าอย่างน้อย ธวัชชัยก็ดูแลกันเป็นอย่างดี แต่อิทธิพลไม่รู้เลยว่า การตัดสินใจให้คราวนั้น จะกลายเป็นการเปิดประตูรับความทรมานเข้ามา เมื่อธวัชชัยมีรสนิยมโรคจิต ชอบเซ็กซ์ที่เน้นความซาดิสม์

    ธวัชชัยพึงพอใจและมีความสุขทุกครั้ง หากทุกขณะของการมีเพศสัมพันธ์ เขาจะเห็นคู่นอนของเขาได้รับความเจ็บปวด ธวัชชัยมักมีอุปกรณ์เข้ามาเป็นตัวช่วยในการร่วมสนุกทุกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นโซ่ตรวน แส้ แม้กระทั่งกุญแจมือ และกุญแจล็อคข้อเท้า


    การมีเซ็กซ์ของธวัชชัยไม่เคยซ้ำกัน บางวันใช้เชือกมัดแขนอิทธิพลยึดกับหัวเตียง บางวัน มีใช้กุญแจมือล็อกข้อมือ และล็อกข้อเท้าของอิทธิพล พอหลังจากที่มีเพศสัมพันธ์กันเสร็จ ธวัชชัยจะปล่อยอิทธิพลไว้บนเตียงอย่างนั้น และไม่ยอมปล่อยให้ไปอาบน้ำ


    พิเรนทร์ขึ้นมาหน่อย ก่อนการมีเซ็กซ์ ธวัชชัยใช้เทียนลนตามตัวอิทธิพล หนักที่สุดเห็นจะเป็นการใช้มีดปลายแหลมกรีดตามแขน ขา และลำตัวของคุณอิทธิพล และจะหัวเราะสะใจเวลาได้เห็นเลือดของคู่นอนซึมออกมาจากปากแผล มันทำให้ธวัชชัยมีความสุข สนุก จากการมีเซ็กซ์เพิ่มมากขึ้น


     การที่อิทธิพลถูกทรมานด้วยเครื่องพันธนาการต่างๆ และต้องยอมเป็นทาสธวัชชัย ไม่มีเหตุผลอื่นใด นอกเหนือจากคำว่า...รัก...


     การโดนทารุณกรรมอย่างป่าเถื่อน ทำให้อิทธิพลหวนนึกถึงเวลาที่ตัวเองได้ทำกับอิสระเช่นกัน

     ความคิดที่อยากมีคู่ชีวิตหรือเพื่อนคู่คิดของอิทธิพลถูกเลือนหายไป เมื่อใครอีกคนมีความต้องการที่สวนทาง


   กลายเป็นว่าอิทธิพลเหมือนนายบำเรอความใคร่ให้ธวัชชัยมากกว่า


   อิทธิพลไม่เคยคิดมาก่อนว่าชีวิตจะพลิกผันจากหน้ามือเป็นหลังมือเช่นนี้


   วัยใกล้เกษียณที่ควรมีความสุข ได้พักผ่อนกับคนที่รักอย่างอบอุ่น ได้ใช้ชีวิตเที่ยวต่างประเทศ แต่เวลานี้ กลับตรงกันข้าม


     อาจเป็นเพราะก่อนหน้าที่รอดตายอยู่ในช่วงภูมิคุ้มกันต่ำ บวกกับปัจจัยต่างๆที่ส่งผลต่อความเครียด ทำให้ตอนนี้ ร่างกายผ่ายผอม ทรุดโทรม จิตใจย่ำแย่ และมีโรครุมเร้าเข้ามาอย่างไม่ทันได้เตรียมตัว ทั้ง โรคเบาหวาน และโรคต่อมลูกหมากโต

      ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ อิทธิพลคงเลือกตายตั้งแต่ตอนที่พระชายปล่อยทิ้งไว้ข้างโพรงหญ้าเสียยังดีกว่า...


     แม้เงินยังมีอยู่ในบัญชีและตู้เซฟไว้ให้ใช้จ่ายได้อีกมากมาย แต่กลายเป็นว่า เงินกลับไม่ใช่สิ่งสำคัญของอิทธิพลอีกต่อไป

    ความสุขและการไม่มีโรคภัยต่างหากที่เขาอยากได้...

    แต่คงไม่มีทาง เพราะเวลานี้ กรรมได้ย้อนมาหาผู้ที่เคยกระทำชั่วอย่างเขาแล้ว

     
"เรื่องที่ฉันอยากเล่ามันจบแล้วล่ะ ฉันดีใจที่ได้เจออิสนะ...จากนี้ที่เหลือก็คงรอวันตาย"



    อิสระฟังจบปาดน้ำตาลวกๆ เพราะไม่คิดว่า คุณอิทธิพลจะกล้าบอกเรื่องน่าอาย มันควรเก็บไว้เป็นความลับมากกว่าจะเล่าให้ฟัง


"ไม่ต้องร้องไห้หรอกอิส มันก็สมควรจะเป็นแบบนี้"


   อิสระอยากพูด อยากปลอบใจในฐานะที่เขาเป็นพ่อ แต่ไม่รู้จะใช้คำไหนมาปลอบ มันตื้อในหัว มันจุกในอก อิสระจะเรียบเรียงออกมาเป็นคำพูดยังยากลำบาก

    อิสระไม่เคยอยากให้พ่อเขารับการกระทำเลวร้ายขนาดนี้ ถ้าเป็นไปได้ อิสระอยากให้คุณอิทธิพลกลับตัวแล้วได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขมากกว่า


   เพราะอิสระเจอมาก่อนเลยเข้าใจจึงสงสารคุณอิทธิพลพอสมควร


   อิทธิพลมองอิสระที่ยังร้องไห้ไม่หยุด ผู้เป็นบิดาแตะไหล่ลูกชายแล้วเอ่ยเสียงสั่นเครือ

   คำที่อิทธิพลเคยค้านหัวชนฝา ห้ามอิสระเรียก ในวันนี้ เป็นอิทธิพลเสียเองที่เอ่ยมันออกมา


     
"อิส...ขอ 'พ่อ' กอดลูกหน่อยได้ไหม?"


    อิสระชะงักงัน ก่อนจะพยักหน้ารัวๆ โผกอดบิดาของตัวเองด้วยความเต็มใจ และพูดคำที่ทำให้อิทธิพลน้ำตาไหลเป็นทาง


"พ่อครับ ผมไม่โกรธพ่อแล้ว ผมให้อภัยกับทุกสิ่งที่พ่อทำกับผม จากนี้ ผมขอให้พ่อมีความสุขมากๆนะครับ"


   เป็นคำแรกที่อิสระกล้าเรียกพ่อได้เต็มปาก

   อิสระเชื่อคำที่พระชายบอก และอยากให้อภัยจริงๆถึงได้พูดอย่างนั้น เพราะหลังจากที่เปล่งวาจาออกไป อิสระตัวเบา และรู้สึกดีต่อใจอย่างน่าประหลาด


   ทั้งสองกอดกันไม่นาน อิทธิพลผละและร่ำลากับอิสระ ก่อนจะเดินหนีไปขึ้นรถ ทิ้งให้อิสระนั่งนิ่งคนเดียว จิณณ์ที่มองสถานการณ์ตรงหน้าตลอด จึงเดินไปนั่งแทนที่ และมองหน้าคนรักที่ตาแดงก่ำ


"เด็กดื้อของพี่ โอเคไหมครับ?"

"โอเคครับ ผมรักพี่จิณณ์จริงๆนะ"
อิสระเจอเรื่องที่คุณอิทธิพลเล่ามาแล้ว ยิ่งอยากบอกรักพี่จิณณ์

"พี่ก็รักอิสเหมือนกัน"




      จิณณ์ยิ้มไม่พูดอะไรต่อ เพราะเห็นอิสระยังคงร้องไห้โฮ เลยแค่นั่งเป็นเพื่อนข้างๆ


      ฟากอิสระที่พอได้เห็นชีวิตพ่อตัวเอง กลับรู้สึกว่าตัวเองโชคดีที่มีพี่จิณณ์รักและดูแลเขาเป็นอย่างดี


      อิสระรู้แล้วว่า ไม่ว่าชีวิตจะเจอเรื่องที่ย่ำแย่หรือตกต่ำเพียงใด

     เราจะพบเจอ...แสงสว่างของความรักที่เป็นดั่งแสงสุดท้าย...ซ่อนอยู่ในหัวใจเสมอ เพียงแต่ต้องสังเกตและหามันให้เจอ แล้วมันจะนำทางเราไป...

     แสงสุดท้ายที่ไม่จำเป็นต้องมาจากความรักของคนรอบข้าง แต่บางที แสงสุดท้ายที่ว่า อาจมาจากรักแท้ที่มาจากตัวเราเอง เพื่อเติมพลังให้ใจได้มีแรงและมีกำลังใจพร้อมลุกขึ้นสู้ใหม่ ในทุกขณะการก้าวเดินต่อไปบนถนนของชีวิต....



...........................THE END...........................
...........................THE END...........................
...........................THE END...........................
.
.
.
จบแล้ว
คงคิดถึงเรื่องนี้.
อยากขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ
มันก็น่าจะเป็นเรื่องปกติๆ ธรรมดาๆว่าก็แค่อ่านเอง ทำไมมันถึงสำคัญ?
แต่เชื่อเถอะว่าคนอ่านทุกคนมีความสำคัญกับเรามาก
พอได้มาเขียนดู จะรู้ว่า คนอ่าน คนคอมเมนท์ มีผลต่อจิตใจคนเขียนมากแค่ไหน
แม้คนอ่านอาจไม่รู้ตัวว่ามันส่งผล แต่รับประกันว่ามันมีส่วนสำคัญและมีพลังจริงๆ
อยากขอบคุณที่เข้ามาเติมกำลังใจเรา
ให้มันเพิ่มพูนนะคะ
.
ขอบคุณค่ะ
.
.
มีนิยายเรื่องใหม่ชื่อ อมยิ้มสื่อรัก
ติดตามได้ตามลิงค์ข้างล่างนะคะ


 https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66461.0  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66461.0)
หัวข้อ: Re: +..▪..+"แสง.สุด.ท้าย"+..▪..+||ตอนที่ 15.3|| อัพ 28-4-18> P.4
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 28-04-2018 20:00:26
 :pig4: :pig4: :pig4:

Thanks!
หัวข้อ: Re: +..▪..+"แสง.สุด.ท้าย"+..▪..+|ตอนที่ 15.3| อัพ 28-4-18> P.4 _*|จบแล้ว|*
เริ่มหัวข้อโดย: Duangjai ที่ 29-04-2018 09:02:30


จบตอนสุดท้าย เข้าโหมดธรรมมะเลยนะ

กรรมตามสนอง… ให้อภัยแล้วทุกอย่างจะเป็นสุข

จบแบบนี้ความเกลียดชังในตัวอิทธิพลกลายเป็นความสงสารขึ้นมาทันที

……

 :pig4:  :pig4:  :pig4:  :pig4:  :pig4:





หัวข้อ: Re: +..▪..+"แสง.สุด.ท้าย"+..▪..+|ตอนที่ 15.3| อัพ 28-4-18> P.4 _*|จบแล้ว|*
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 29-04-2018 09:04:01
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: +..▪..+"แสง.สุด.ท้าย"+..▪..+|ตอนที่ 15.3| อัพ 28-4-18> P.4 _*|จบแล้ว|*
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 29-04-2018 11:15:01

ลุ้น​ตลอด​

กว่า​จะ​ลงเอย​กัน​ด้วย​ดี

ขอบคุณ​ที่​แบ่งปัน​ขอรับ​

หัวข้อ: Re: +..▪..+"แสง.สุด.ท้าย"+..▪..+|ตอนที่ 15.3| อัพ 28-4-18> P.4 _*|จบแล้ว|*
เริ่มหัวข้อโดย: บีเวอร์ ที่ 12-05-2018 01:12:24
เรื่องแนวนี้เราชอบบบบ ปมชีวิตนู้นนี่นั่น
เหตุผลของแต่ละปมเข้าใจได้ง่ายค่ะ มีความเชื่อมโยงชัดเจน // แต่แอบลืมคุณป้านะคะ ทำบุญให้แกด้วยรักหลานมากจริง ๆ

เราเข้าใจในการเอาเรื่องกฎแห่งกรรมมาเล่นนะคะ แต่ก็สงสัยในความใหญ่โตของคุณอิทธิพลว่ากฎหมายทำอะไรไม่ได้เลยหรอ เข้าใจว่า มาหาคุณป้าที่บอกว่าแจ้งตำรวจ แต่ไม่ได้เล่าขยายต่อว่าเรื่องเป็นไง ก็งงนิด ๆ ต่ะ แต่ไม่ได้ทำให้เนื้องเปลี่ยนไป

...โวยวายตามภาษาชะนี...
บอกเลยว่าตอนที่จิณณ์เห็นแก่ตัวนั้น  :a5: เราไม่ชอบเลยยยย เราอยากสั่งปลดจากการเป็นพระเอกมากกกกกก  :angry2:
หัวข้อ: Re: +..▪..+"แสง.สุด.ท้าย"+..▪..+|ตอนที่ 15.3| อัพ 28-4-18> P.4 _*|จบแล้ว|*
เริ่มหัวข้อโดย: Nattarat ที่ 09-07-2018 20:03:41
สงสารกรณ์มากๆ ไม่น่าตายเลย
หัวข้อ: Re: +..▪..+"แสง.สุด.ท้าย"+..▪..+|ตอนที่ 15.3| อัพ 28-4-18> P.4 _*|จบแล้ว|*
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 14-07-2018 04:14:53
ดีมากๆเลยค่ะเรื่องนี้อ่านยาวๆรวดเดียวเลย
หัวข้อ: Re: +..▪..+"แสง.สุด.ท้าย"+..▪..+|ตอนที่ 15.3| อัพ 28-4-18> P.4 _*|จบแล้ว|*
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 31-07-2018 10:31:43
 :L2: :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: +..▪..+"แสง.สุด.ท้าย"+..▪..+|ตอนที่ 15.3| อัพ 28-4-18> P.4 _*|จบแล้ว|*
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 22-08-2018 11:23:47
สนุกมากเลยค่ะเรื่องนี้
ชอบมาก อ่านรวดเดียวจบเลย
อ่านแล้ววางไม่ลง สนุก
สงสารชายรักกรณ์ กรณ์ไม่น่าตายเลย
ขอบคุณนิยายดีๆค่ะ
รอติดตามเรื่องต่อๆไปค่ะ
หัวข้อ: Re: +..▪..+"แสง.สุด.ท้าย"+..▪..+|ตอนที่ 15.3| อัพ 28-4-18> P.4 _*|จบแล้ว|*
เริ่มหัวข้อโดย: Keane ที่ 26-11-2018 06:28:29
 :L2:
หัวข้อ: Re: +..▪..+"แสง.สุด.ท้าย"+..▪..+|ตอนที่ 15.3| อัพ 28-4-18> P.4 _*|จบแล้ว|*
เริ่มหัวข้อโดย: sugarcane_aoi ที่ 31-01-2021 14:10:41
อ่านแล้วก็บีบหัวใจจัง ทำไมพ่อถึงทำกับลูกได้ถึงขนาดนี้นะ สุดท้ายก็กรรมตามสนอง กรรมเหมือนที่ทำกับลูก :pig4:
หัวข้อ: Re: +..▪..+"แสง.สุด.ท้าย"+..▪..+|ตอนที่ 15.3| อัพ 28-4-18> P.4 _*|จบแล้ว|*
เริ่มหัวข้อโดย: Freezz ที่ 20-05-2021 00:11:14
โคตรจะบีบหัวใจเลยครับ   สงสารอิส มากๆ
สงสารจิณ  ชาย  กรณ  อิทธิพล  ป้าแก้วว  ทุกคนเศร้า
หัวข้อ: Re: +..▪..+"แสง.สุด.ท้าย"+..▪..+|ตอนที่ 15.3| อัพ 28-4-18> P.4 _*|จบแล้ว|*
เริ่มหัวข้อโดย: Eakkadoor ที่ 01-06-2021 22:49:20
จบดีมากเลยครับ
สนุก ลุ้น แถมได้ข้อคิด
แอบปลูกจิตสำนึกให้ผู้อ่านได้คิดตาม
สนุกๆมากๆ ลุ้นสุดๆ
หน่วงใจเป็นบางช่วง กลัวจบเศร้า
ประทับใจมากเลยครับ
 :mew1: :mew3: :impress2:
หัวข้อ: Re: +..▪..+"แสง.สุด.ท้าย"+..▪..+|ตอนที่ 15.3| อัพ 28-4-18> P.4 _*|จบแล้ว|*
เริ่มหัวข้อโดย: pogpax ที่ 20-06-2021 20:49:22
 o13