บ้านสวน Ep8
*********************************
ปึด ปึด
“สู้ๆนะคะทูนหัว เฮียจะเชียร์อยู่ในร่มนี่ล่ะ”
ผมละมือจากการถอนหญ้ายกมือข้างหนึ่งขึ้นปาดเหงื่อแล้วหันไปทำตาดุใส่งูเจ้าที่ไซส์มินิที่โบกหางมาให้จากใต้ร่มไม้ ข้างๆพี่ภพคือพี่เขียดที่นั่งโบกพัดกระดาษคลายร้อนพอเห็นว่าผมมองอยู่พี่แกก็ยกมือโบกไปมา
“สู้ๆนะคะตัวเอง เค้าจะเชียร์สุดใจขาดดิ้นเลย”
พี่เขียดพูดจบก็หันไปวี๊ดว๊ายกับพี่ภพอย่างถูกอกถูกใจ หนึ่งคนกับหนึ่งงูนั่งเอกเขนกใต้ร่มไม้อย่างสบายใจ ส่วนผมกับพี่ตานีน่ะเหรอ? หึๆ
หลังสู้แดด หน้าสู้หญ้า สองมือดึงกระชากต้นหญ้ากันวนไปสิ!
ตอนนี้บรรดาน้องปีหนึ่ง(นับรวมพี่ตานีด้วย)กำลังช่วยกันถอนหญ้าในแปลงผักอย่างขยันขันแข็งครับ พวกพี่ๆบอกว่าเรามาอยู่บ้านเขาแล้วต้องช่วยงานเขาด้วย ...จ๊ะ!
“โอ้ย! ร้อนเว้ย! ใครมันคนต้นคิดให้มาถอนหญ้าตอนบ่ายสามวะ!”
“แตงอ่อน มึงใจเย็นๆ เดี๋ยวหลังจากนี้ค่อยไปคิดบัญชีกับอีตัวต้นคิดทีหลัง”
พี่ตานีคว้าไหล่แตงอ่อนหมับ เมื่อเห็นว่าสาวถึกอารมณ์ร้อนเตรียมจะเขวี้ยงต้นหญ้าที่มีดินเหนียวติดมากับรากเป็นก้อนใหญ่ใส่หัวใครซักคน แตงอ่อนทำหน้าหงิกแล้วหันไปอ้อนพี่ตานี
“ขุ่นแม่คะ! ดูดิ มือแตงแดงไปหมดแล้วอ่ะ ผิวต้องไหม้แล้วหน้าต้องเป็นฝ้าแน่ๆเลยค่ะ หนูไม่ยอมนะคะขุ่นแม่!”(ออกเสียงข.ไข่เพื่อความวิบัต-)
“ใจเย็นค่ะลูกขา เดี๋ยวเราถอนไปอีกซักนิดแล้วสำออยเป็นลมกันเถอะค่ะ”
“เห็นด้วยอย่างยิ่งค่ะขุ่นแม่ ดูสิคะมีอย่างที่ไหนให้น้องตองที่แสนบอบบางของแตงมาดึงผักถอนหญ้า โหดร้ายมากเลยค่ะ”
ผมเบะปาก หมั่นไส้เหลือเกินครับกับการเล่นแม่ลูกของพี่ตานีกับแตงอ่อน เล่นกันสองคนไม่พอนะครับ โบ้ยมาหาผมด้วย น่ารักกันจริงๆ
สัปดาห์ที่สองกับการอยู่ค่าย...อันที่จริงผมเพิ่งออกจากโรงพยาบาลมาครับ พอมาถึงก็โดนรุมยิงคำถามจนพรุนเหมือนรังผึ้ง แต่ดีว่าได้พี่ชายของพี่เขียดเตี๊ยมคำตอบมาให้ตั้งแต่ตอนที่นอนอยู่ที่โรงพยาบาลแล้วครับ
-ถ้าใครถามว่ามึงไปทำอะไรมา ให้ตอบว่าลุกไปเข้าห้องน้ำแล้วเจองู มึงตกใจเลยวิ่งหนีสะดุดขาตัวเองล้มกลิ้งตกลงไปในน้ำแล้วมึงเสือกทะลึ่งว่ายน้ำไม่เป็นเลยจมน้ำ แม้ว่าจะเป็นการจมโง่ๆให้น้ำที่สูงแค่เข่า ให้อ้างไปว่างมึงตกใจหนักมาก เข้าใจนะ-
เป็นข้อแก้ตัวที่ดูโง่มากจริงๆครับ แต่ก็ต้องขอบคุณมาก เพราะเรื่องโกหก โกเจ็ด โกแปด ของพี่ชายพี่เขียดมันดูน่าเชื่อถือมากในสายตาคนอื่น ผมเลยรอดพ้นคำถามทั้งหลายมาได้แบบงงๆ
พี่เขาน่าจะไปเขียนบทละครไม่ก็นิยายนะ เรียงลำดับเรื่องโง่ๆให้ดูน่าเชื่อถือได้เนี่ย
“น้องตองคะ พี่ว่าเราพอแล้วล่ะ เดี๋ยวไปพักก่อนนะเพิ่งออกจากโรงพยาบาลมาเองนี่นา”
“ขอบคุณครับพี่หลิน”
พี่หลิน รุ่นพี่ปีสามยิ้มให้แล้วพยักหน้าน้อย ผมเลยเดินไปล้างมือที่โอ่งน้ำใกล้ๆแปลงผัก สวนกับพี่กล่ำที่เดินดุ่มๆไปหาพี่หลิน
“หลินๆ เหนื่อยป่าว? เข้าร่มป่ะ”
“พี่กล่ำก็...หลินไม่ได้ทำอะไรซักหน่อย น้องปีหนึ่งเหนื่อยกว่าหลินเยอะ”
พี่หลินตอบเสียงหวาน พี่กล่ำยกยิ้มอย่างชอบอกชอบใจแล้วยกมือลูบหัวหญิงสาว ดูก็รู้ว่าสองคนนี้มีซัมติงกันบางอย่าง ผมรีบหลบหลังโอ่ง ส่วนพี่เขียดกับพี่ภพก็กอดกันแน่น(พี่เขียดกอดแต่พี่ภพรัดแขน)แม้จะอยู่ห่างกันแต่พวกเราก็พร้อมใจมองไปที่พี่ตานีผู้มีเอฟเฟคไฟลุกพรึ่บพรับ
พี่ตานี!!! อย่าปล่อยออร่าอยากฆ่าคนพรึ่บพรับแบบนั้นสิครับ!
**********************
ฉึก...ฉึก...
“ตอง...เฮียจะได้กินปลาไหมอ่ะ”
“กินกุ้งกับผมแล้วกันนะครับ”
ผมบอกแล้วบรรจงแกะกุ้งลวกที่เป็นหนึ่งในเมนูอาหารเย็น พี่ภพตัวน้อยมองปลากะพงนึ่งตาละห้อย ผมก็สงสารแกนะครับ แต่พี่ตานีเล่นแทงส้อมไม่เลิกจนปลาเละชาตินั้น ไม่กล้ายื่นมือไปตักอ่ะ เสียวส้อมปัก
“เฮ้อ...”
“พี่ตานี อย่ามาทำตัวอกหักรักคุดแถวนี้ดิ”
พี่เขียดบ่นงึมงำปลาตักเนื้อปลากะพงนึ่งที่ไปปล้นโต๊ะอื่นเขามา จัดการแกะก้างแล้วบรรจงป้อนให้พี่ภพ พี่มันตีหางปึกๆอย่างดีใจแล้วเขมือบเนื้อปลาลงท้อง ก่อนจะร้องเอาอีกๆ
...โอ้ยยย อย่าทำตัวน่ารักสิครับบบ เดี๋ยวผมก็จับกลืนลงท้องหรอก!
“มึงเป็นโอจิค่อนเหรอวะ” คุณชฎายุทำหน้าแขยงผมที่มองพี่ภพด้วยท่าทางที่บ่งบอกชัดเจนว่าพี่ภพน่ารัก จะจับพี่ภพกลืนลงท้อง ผมตวัดตาค้อนควับแล้วเอ่ยตอบเสียงดังฟังชัด
“ไม่ได้เป็นครับ!” โอจิค่อนคืออะไรยังไม่รู้จักเล๊ยยย
“มึงทำท่าเหมือนจะเขมือบไอ้ภพลงท้องทั้งตัวอ่ะ เอ้าแดกๆ”
เขาว่าแล้วโกย(เปลือก)ปูใส่จานผมแบบมึนๆ แล้วตัวเองก็หันไปแกะปูประเคนป้อนน้องตัวเองต่อ ผมกรอกตามองเพื่อนร่วมโต๊ะแต่ละคน พี่ตานีนี่ไปแล้วครับ สตงสติ หมดไปกับการจิ้มส้อมและเหล่ตามองพี่กล่ำ พี่เขียดก็อ้าปากรับเนื้อปูจากพี่ชายพร้อมทั้งป้อนเนื้อปลาใส่ปากงูจิ๋ว ส่วนคุณชฎายุ(ที่ไม่รู้ว่าทำไมมาสิงอยู่ค่ายนี่ได้) ก็แกะเนื้อปูประเคนใส่ปากน้องตัวเองไม่หยุด(ไม่วายกลั่นแกล้งผมด้วยการเขี่ยเศษเปลือกปูใส่จานผมแบบเนียนๆ)
“ตอง~อ้าม~”
และพี่ภพที่พยายามเอากุ้ง(ที่ผมแกะ)ป้อนใส่ปากผมอย่างหนักหน่วง หางเรียวเล็กรัดกุ้งส่งใส่ปากผม โอ้ยย น่ารัก
“การจะกำจัดศัตรูทางความรักควรจะทำยังไงนะ?” พี่ตานีถามขึ้น
“กูคาดว่านั่นไม่ใช่เรื่องที่ควรทำ” คุณชฎายุเอ่ยขึ้นอย่างแหยงๆ และผมพยักหน้าอย่างเห็นด้วย
“ปล่อยวางเหอะพี่ เดี๋ยวผมพาไปหาผู้หล่อๆ” พี่เขียดว่าพลางตักปลาส่งป้อนพี่ตานี
“ผู้ชายเยอะแยะนะตะเตง เอานาคหนุ่มล่ำๆไหม หล่อถึกและบึกบึน” พี่ภพเสนอก่อนจะเอาหัวไปถูไถที่ข้อมือพี่ตานี พี่ตานีถอนหายใจ อ้าปากรับปลาจากพี่เขียดพร้อมใช้ปลายนิ้วลูบหัวพี่ภพ
“ก็แค่หนึบๆที่หัวจนคิดอะไรไม่ออกน่ะ พอเห็นผู้ชายที่อยากได้โดนคาบไปแล้วมันเลยตื้อเลย” พี่ตานีพูดพลางถอนหายใจ
ผมมองพี่ตานีอย่างเห็นใจ แต่ก็นะ นี่มันรักข้างเดียวนี่นา เพราะงั้นพี่เขาจะนอยด์โดยที่อีกฝ่ายไม่รู้ก็ไม่แปลกล่ะนะ
“ครอบครัวสุขสันต์ตรงนี้ทำอะไรกันอยู่”
เฮือก!!!
หมับ!!!
ขนทั่วร่างของผมลุกชัน คุณภุชคะยกยิ้มสนุกสนานทั้งที่ข้อมือของเขาถูกจับแน่นจนปลายนิ้วขาว คุณชฎายุใช้ร่างกายใหญ่โตของตัวเองบังพี่เขียดเอาไว้ ผมทำหน้าเหรอหรา ไม่รู้ว่าพวกเขามีเรื่องอะไรกัน พี่ภพขู่ฟ่อพร้อมแผ่แม่เบี้ย ผมคว้าพี่แกเก็บแทบไม่ทัน นี่ลืมไปหรือไงว่าเราอยู่ในพื้นที่กินข้าวน่ะ!
“อุ๊ยตาย มีคนขี้หวงอยู่ด้วย เพิ่งเห็นนะเนี่ย~”
“จะไปตายที่ไหนก็ไป” พี่เขียดพูดเสียงเขียว
“พูดแบบนี้เจ็บปวดนะเขียด” คุณภุชคะแสร้งทำหน้าเสียอกเสียใจก่อนจะค่อยๆบิดดึงข้อมือออก ใบหน้ายิ้มแย้มนั้นหันมาหาผม
“พ่อจะไม่อยู่สองสามวันน่ะ ไม่ต้องห่วงหรอก”
ผมทำหน้าสงสัย ใครคือพ่อที่เขาพูดถึงกัน เขามองผมแล้วครางอือยาวๆก่อนจะหันไปหาคุณชฎายุอีกครั้ง
“ตอนที่มันลอกคราบ น่าแดกไปเลยใช่ไหม?”
“กูไม่ได้แดกซี้ซั้ว”
“ยอมรับเถอะ มึงอยากจิกเล็บลงแล้วฉีกมันเป็นชิ้นๆ”
คุณภุชคะยกยิ้มเหลือบตามามองผมนิดนึงแล้วหันหลังเดินจากไป ผมหันไปมองคุณชฎายุเป็นเชิงถาม เขาตอบเบาๆว่ามีอะไร แล้วหันไปแกะปูต่อ พอผมจะหันไปถามสามคน(หนึ่งคน หนึ่งตน และหนึ่งตัว) ที่เหลือ พี่ภพก็เลื้อยขึ้นมาถูหัวที่ปกคลุมด้วยเกล็ดลื่นๆของพี่มันกับแก้มของผม แล้วคะยั้นคะยอให้ผมกินต่อ
...แต่ผมเชื่อว่าพวกเขากำลังปิดบังอะไรผมอยู่
***************************************************
วันนี้ไม่มีทอลก์ แต่มี...
พี่ภพพพพพพพพพ
หัวข้อวันนี้...พี่ภพ ลงมากินข้าว!
ปล.เผื่อภาพไม่ขึ้น
https://www.mx7.com/view2/AaCHVyxQgm10doiJ