อีกหน่อยมะลิก็จะได้ออกจากป่าดงพงไพร เพื่อให้คุ้นเคยกับสถานที่ใหม่ ๆ หรัญญ์ที่บึ่งรถมาหาแต่เช้าจึงขันอาสาเป็นคนพาเปิดโลกทัศน์ ทำการขออนุญาตหญิงร่างท้วมและให้คำสัญญาเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าจะกลับมาก่อนพลบค่ำ พอรับปากเสร็จสรรพก็เดินนำมาที่รถ
ร่างเล็กดีใจมากที่ได้ขึ้นมานั่งบนเบาะหนังและแสดงความตื่นเต้นผ่านทางสีหน้า ป้าแม่บ้านช่วยปิดประตูให้ในขณะที่เจ้าของยานพาหนะเดินอ้อมมาอีกฝั่งเพื่อเปิดประตูแล้วขึ้นนั่งตำแหน่งพลขับ มือใหญ่หยิบจับทำอะไรด้วยความคล่องแคล่ว สตาร์ทเครื่องยนต์แล้วก็ดึงสายเข็มขัดนิรภัยมาคาดตัวและไม่ลืมคาดเข็มขัดให้เด็กน้อยที่มัวแต่โบกมือให้หญิงร่างท้วมด้วย
“ต้องคาดเข็มขัดนิรภัยทุกครั้งที่ขึ้นรถ เข้าใจไหมครับ”
เริ่มทยอยสอนสั่งดีกว่าประดังทีเดียว การเดินทางครั้งนี้จะไม่ใช่แค่การพาเที่ยวชม แต่จะเริ่มสอนให้รู้จักการเข้าสังคม พบปะผู้คนตลอดจนหาหมอเพื่อตรวจสุขภาพ
มะลิจับสายเข็มขัดนิรภัยไว้แน่นตอนที่รถค่อย ๆ แล่นออกจากตำแหน่งเดิมอย่างนิ่มนวล ต่อมาอาการตื่นตาตื่นใจก็แทนด้วยอาการมวนท้องอยากจะขย้อนของที่กินเข้าไป ผิวหน้าที่ขาวซีดลงอีกเฉดอย่างเห็นได้ชัด เหงื่อแอบซึมระหว่างนั่งตัวเกร็งจัด ก่อนหรัญญ์ที่สังเกตเห็นจะลดระดับความเร็วลง รวมถึงลดกระจกฝั่งร่างเล็กด้วย “รู้สึกดีขึ้นไหม”
สายลมที่แวะเวียนมาอ้อล้อกับดวงหน้าพอจะทำให้คนเมารถรู้สึกปลอดโปล่งและผ่อนคลาย เห็นเหล่าต้นไม้ที่เปรียบเสมือนเพื่อนตายเรียงรายอยู่สองข้างแล้วก็ยิ้มออก ร่างเล็กเท้าคางกับขอบหน้าต่างแล้วเงยมองก้อนเมฆบนท้องฟ้าที่เคลื่อนตามไปด้วยทุกหนทุกแห่ง
มะลิลองยื่นมือออกไปนอกหน้าต่างเพราะอยากรู้ซึ้งถึงอิสระ อิจฉาวายุที่ไปไหนได้ดั่งใจ โดยมีหรัญญ์คอยมองและบังคับพวงมาลัยไปตามทางที่ลดเลี้ยวเคี้ยวคด
เริ่มต้นผจญภัยในป่าคอนกรีตด้วยการที่ผู้ใหญ่พาเด็กน้อยมาซื้อชุดใหม่ ไม่อยากสะดุดตาก็ต้องหัดทำตัวให้กลมกลืน ทั้งคู่ยืนอยู่ในห้องลองชุดกลางห้างดัง โดยร่างเล็กเอาแต่หมุนตัวไปมาหลังจากแปลงโฉมเสร็จเรียบร้อย สีชมพูพาสเทลก็เหมาะกับร่างเล็กไม่น้อยกว่าสีขาว
เพราะพื้นไม่ได้สร้างจากดินแล้วจึงต้องสวมรองเท้า พนักงานฝ่ายขายเอามาให้เลือกหลากหลายแบบและแทบจะเป็นหรัญญ์ที่จัดการให้ทุกอย่าง ร่างเล็กมีหน้าที่แค่นั่งและยื่นเท้าออกมาให้คนตรงหน้าสวมรองเท้าให้ หากพอใจให้พยักเพยิดหน้า ถึงราคาแพงหูฉี่แต่ถ้าเดินเหินสะดวกก็ไม่ขัด เด็กน้อยหยัดกายยืนขึ้นอีกครั้งด้วยรูปลักษณ์ใหม่ แต่เครื่องนุ่งห่มพวกนั้นก็ไม่สามารถบดบังจิตใจที่บริสุทธิ์ มือเล็กรีบลูบชุดให้เรียบ ไม่ปรารถนาให้มันยับ
ว่ากันว่ากองทัพต้องเดินด้วยท้อง พอออกมาจากร้านเครื่องแต่งกายก็ว่าจะหาอะไรง่าย ๆ กิน ชั้นบนสุดอบอวลไปด้วยกลิ่นอาหารทั้งแบบตะวันตกและตะวันออกเรียกน้ำย่อยในท้องให้ร้องโครกครากแต่เมื่อถามว่าอยากกินอะไรร่างเล็กก็ได้แต่เมี่ยงมอง บอกไม่ถูกเพราะไม่รู้จักสักชนิด
ระหว่างที่หรัญญ์รับหน้าที่ตัดสินใจ ร่างเล็กใช้เวลานั้นยืนมองเงาสะท้อนของตัวเองผ่านกระจกร้านอาหาร ยกมือสัมผัสหน้าตัวเองที่เป็นดั่งของต้องสาป ความสวยที่นำภัยมาสู่ตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่า ก่อนจะมีอีกเงาเดินมาซ้อนหลังแล้วยิ้มบาง ๆ ให้ผ่านกระจก ถึงจะไม่มีดาบเอาไว้คอยปกป้อง มีแค่สองมือเปล่าแต่ก็จะทำหน้าที่อารักขาอย่างสุดความสามารถ
“มาเถอะ” หรัญญ์คว้ามือเล็กไปจับ สองมือนั้นต่างกระชับกันเองไปโดยปริยาย
สุดท้ายก็เลือกร้านที่คนไม่แน่นและรอคิวไม่นาน จัดแจงสั่งอาหารแบบไม่เผ็ดให้มะลิ เป็นของอ่อน ๆ และย่อยง่าย แต่พออาหารมาเสิร์ฟแล้วร่างเล็กดูจะไม่พอใจสักเท่าไหร่ จิ้มว่าอยากได้สเต็กเหมือนที่ผู้ใหญ่กิน
ตอนแรกก็ยอมให้ตัดชิ้นเนื้อให้อยู่ดี ๆ หรอก สักพักออกปากว่าอยากทำเองบ้าง พยายามดูที่คนนั่งข้าง ๆ ทำแล้วพยายามหั่นตามอย่างขะมักเขม้นจนชิ้นเนื้อกระเด็นออกจากจาน หรัญญ์นั่งมองแววตามุมานะและท่าทางมุ่งมั่นด้วยสายตาเอ็นดู รู้ว่ามีความตั้งใจแต่ถ้าปล่อยให้หั่นเองจนหมดสงสัยคงไม่ได้ไปไหนต่อพอดี
“มันยากใช่ไหมล่ะ มา เดี๋ยวฉันช่วย”
ร่างเล็กแทบจะยกจานหนี โชคดีที่ไม่เผลอเทอาหารลงพื้นและยังยืนกรานหนักแน่นว่าจะทำเองตามประสาเด็กที่แอบหัวรั้นและดื้อเงียบ “งั้นก็ค่อย ๆ ทำตามฉัน แบบนี้นะ” นัยน์ตากลมมองตามแล้วลองทำอีกครั้งอย่างช้า ๆ จนมีดเชือดชิ้นเนื้อขาดเป็นสองท่อน
ซึ่งชิ้นแรกป้อนให้หรัญญ์ ส่วนชิ้นที่สองเข้าปากตัวเอง “เก่งมากครับ” คนเก่งมัวแต่เขินกับคำชม รู้ตัวอีกทีก็ทำซอสเลอะขากางเกงสามส่วนแล้ว ร่างเล็กเบะปากตั้งท่าจะร้องไห้ขณะผู้ใหญ่รีบปลอบว่ามันซักออก มะลิน้ำตานองเพราะของขวัญชิ้นแรกเปื้อน
กว่าห้านาทีที่ใช้ปลอบคนร้องไห้เป็นเผาเต่า ก่อนความเศร้าสร้อยจะอันตรธานหายไป นัยน์ตาลุกวาวเมื่อเดินเข้าร้านของเล่น รางวัลสำหรับการเป็นเด็กดีทำให้ร่างเล็กมีโอกาสเลือกของที่ต้องการ ระหว่างปล่อยให้เดินดูเอง หรัญญ์ได้พบกับเพื่อนเก่าที่เดินเข้ามาทักทายและถามว่ามากับใคร หนุ่มใหญ่ปากไวว่ามากับหลานและหลานที่ว่าก็เดินเข้ามาใกล้จนทันได้ยิน
ร่างเล็กเดินกลับมาพร้อมของที่อยากได้และส่งตุ๊กตาหมีให้ผู้ใหญ่นำไปจ่ายเงิน มะลิเงียบตลอดทางที่เดินตามการจูงมือ แม้แต่ตอนตรวจสุขภาพ ใครสั่งให้ทำอะไรก็ทำ
“สุขภาพน้องแข็งแรงดีนะคะ แต่น้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์ไปสักหน่อย”
ร่างเล็กนั่งห้อยขาอยู่บนเตียงระหว่างผู้ใหญ่พูดคุยกัน แล้วถึงค่อยมีนางพยาบาลพาเดินออกมาขณะหรัญญ์แยกไปรับยาบำรุงร่างกาย ระหว่างพาเดินกลับมาที่รถก็ไม่ได้แสดงท่าทางอารยะขัดขืนแต่อย่างใด เมื่อกี้หนุ่มใหญ่ยุ่งวุ่นวายกับอะไรต่อมิอะไรจนไม่มีเวลาสังเกตความผิดปกติ มาเห็นก็ตอนมะลิขึ้นนั่งบนรถแล้วกอดหมีเอาไว้นิ่ง ๆ
“ฉันทำอะไรผิดไปหรือเปล่า” พอเข้ามาในรถก็รีบถามไถ่ขณะพลิกแขนเล็กข้างที่มีพลาสเตอร์ปิดไว้เพื่อดูเบา ๆ “ไหนเล่าให้ฉันฟังสิว่ามันเป็นยังไง” คิดว่าร่างเล็กอาจจะไม่พิสมัยโรงพยาบาลอย่างที่ใครหลาย ๆ คนก็ไม่ชอบ บางทีอาจจะกลัวเข็มแต่พยายามเก็บอาการ
“เจ็บ” แล้ววลีสั้น ๆ ก็ทำเอาผู้ชายอกสามศอกออกอาการร้อนรน
“ตรงนี้เหรอ” ก็ยังเชื่อว่าเป็นเพราะเข็มที่ทำให้ร่างเล็กเจ็บปวด จนเห็นส่ายหน้าก็เริ่มลังเลว่าเพราะอะไรกันแน่ “งั้นเจ็บตรงไหนรีบบอกฉัน” โชคดีว่ายังอยู่ในเขตโรงพยาบาล เป็นอะไรร้ายแรงก็ทันการรักษา “เดี๋ยวฉันพากลับเข้าไปหาหมอ” ตั้งท่าจะเปิดประตู พอดีกับที่หูได้ยินเสียงบางอย่างทุบกับบางอย่าง
“เจ็บ ๆ ” ร่างเล็กพูดคำเดิมซ้ำ ๆ ระหว่างกำมือทุบกับอกด้านข้างซ้ายของตัวเอง
“พอแล้วมะลิ อย่าทำแบบนี้” หรัญญ์ดึงตัวเองกลับเข้ามาในรถเพื่อห้ามปราบ ยึดกำปั้นเล็กไว้สุดกำลังขณะมะลิเริ่มหลั่งน้ำตาและพร่ำแต่คำว่าเจ็บ “เพราะฉันเหรอ เพราะฉันใช่ไหม” เห็นร่างเล็กทำร้ายร่างกายตัวเองแล้วใจมันจะขาด จู่ ๆ คำว่าหลานมันก็ผุดขึ้นมาในหัวจนค่อย ๆ รู้ตัวว่าทำอะไรลงไป “เพราะฉันสินะ” รีบรั้งร่างที่สั่นเทิ้มมากอดอย่างแนบแน่น กระชับวงแขนตอนคนร้องไห้สะอึกสะอื้นกอดตอบยอมโดยไม่มีเงื่อนไข
ความรักไม่เคยเลือกนายเหมือนมะเร็งที่ไม่เคยเลือกคน
ต่อให้พิกลพิการก็เสี่ยงจะเป็นโรครักด้วยกันทั้งนั้น แถมผ่านมาศตวรรษก็ยังไม่มีใครสกัดยาต้านเชื้อได้สำเร็จ โรคเกี่ยวกับหัวใจแน่นอนว่าเป็นแล้วไม่มีหาย แถมปล่อยไว้ก็มีแต่จะลุกลาม เพิ่มระดับความรุนแรงขึ้นไปเรื่อย ๆ จนเกินเยียวยา
ไม่รู้เหมือนกันว่าเด็กน้อยถลำลึกถึงขั้นไหน แต่ก็ร้ายแรงพอให้เกิดอาการน้อยเนื้อต่ำใจและอ่อนไหวง่ายกว่าเดิม หลานคืออะไรไม่รู้จัก แต่ท่าทางของผู้ใหญ่ที่พูดเหมือนไม่สลักสำคัญนั่นแหละที่ทำให้ร่างเล็กเสียใจและนำมาสู่การร้องห่มร้องไห้อย่างน่าเวทนา
เด็กน้อยเกิดมาพร้อมความคิดที่ว่าตัวเองด้อยค่ากว่าคนทั่วไปและย่อมอยากได้ความเอาใจใส่มากกว่าคนปกติ แล้วก็ยังมีอะไรอีกมายที่หรัญญ์ต้องเรียนรู้ รักที่จะอยู่กับเด็กที่ขึ้นชื่อว่าพิเศษแล้วจะให้ดูแลแบบธรรมดาได้อย่างไร
หรัญญ์จัดการลงโทษตัวเองด้วยการตีตามร่างกาย ทำร้ายตัวเองบ้างท่ามกลางการห้ามทั้งน้ำตา เด็กน้อยพยายามหยุดผู้ใหญ่และรวบมือกร้านทั้งสองข้างไว้จนได้ มะลิกลายเป็นฝ่ายปลอบใจเสียเอง ลักจำเห็นอีกคนเคยทำ ลองประทับริมฝีปากบนหลังมือใหญ่
“เธอเจ็บหน้าอกไหมเวลาเห็นฉันตีร่างกายตัวเอง”
ร่างเล็กเช็ดแก้มลวก ๆ แล้วพยักหน้าเป็นคำตอบว่าไม่ชอบเลย “ฉันเองก็เจ็บหน้าอกตรงนี้เหมือนกันตอนที่เห็นเธอตีตัวเอง” อธิบายให้ฟังโดยอ้างอิงจากเหตุการณ์เมื่อกี้ ในเมื่อต่างคนต่างเจ็บปวดก็ไม่มีเหตุผลที่จะต้องทำซ้ำ “งั้นต่อไปนี้เราจะไม่ตีตัวเองกันเนอะ”
“ไม่ทำแล้ว” มะลิรับปากเสียงอ่อยแล้วค่อยโผเข้ากอดหรัญญ์อีกที
แล้วหลังปรับความเข้าใจกันก็เป็นหรัญญ์ที่ยังรู้สึกแย่และไม่อยากให้ร่างเล็กห่างกายสักวินาที อยากให้นั่งตักแต่ติดที่ว่าขับรถไม่ถนัด แถมผิดกฎบัญญัติการจราจรอีกด้วย แต่ก็ได้กระจกหน้าช่วยทำให้เห็นอีกคนอยู่ในสายตาตลอด มะลิย้ายไปนั่งที่เบาะหลังเพื่อรื้อขนมต่าง ๆ ออกมากิน แต่ได้ยินเสียงเปิดถุงไม่ทันไร ละสายตาแป๊บเดียวความเงียบก็เข้ามาครอบงำ
ร่างเล็กหลับคาขนม บรรทมไปพร้อมกับกอดตุ๊กตาหมี
สารถีมองผ่านกระจกหน้าแล้วอมยิ้มริมฝีปากเป็นโค้ง ก่อนจะตกใจกับไฟหน้าที่แยงตาดีว่าหักหลบรถเข้าเลนตัวเองได้ทันระหว่างรถอีกคนขับสวนเลนไปอย่างรวดเร็ว วอกแวกจนเกือบเกิดอุบัติเหตุ ใจเต้นแรงเมื่อสัมผัสได้ถึงสัญญาณเตือน หรัญญ์มีลางสังหรณ์ที่แม่นยำ
ไม่มีไฟตลอดสองข้างทางที่ขับผ่าน จนถึงตัวบ้านก็อยู่ในความมืดสนิทอย่างผิดวิสัยและเมื่อจอดรถดับเครื่องยนต์ก็มีไฟสูงจากรถอีกคันสาดใส่อย่างจังพลางยกแขนขึ้นบังตาอัตโนมัติ
หรัญญ์พยายามเพ่งมองฝ่าลำแสงที่ทำเอาแสบตาขณะมะลิงัวเงียลุกขึ้นมานั่ง ก่อนเสียงทุ้มต่ำจะพยายามบอกให้ร่างเล็กนอนลงไปเมื่อเห็นว่าเป็นใครที่เดินอาด ๆ เข้ามา รีบติดเครื่องยนต์ครั้งใหม่แต่ทว่าก็ไม่ทันกวินทร์ที่เดินมาเปิดประตูด้านหลังแล้วกระชากแขนเด็กน้อยลงจากรถท่ามกลางการขัดขืน
หรัญญ์รีบลงจากรถมายืนจังก้า เอาตัวเข้าขวางการฉุดกระชากลากถู เผชิญหน้ากับเหตุการณ์เดจาวูที่เลวร้ายกว่าตอนถูกป้าแม่บ้านจับได้นัก “เรื่องนี้ฉันอธิบายได้!” หวังจะดึงร่างเล็กที่พยายามยื่นมือให้จับกลับมาก่อนจะชะงักไปเพราะปลายกระบอกปืนที่ดันชิดหน้าผาก โดนจ่อปืนครั้งแรกแทบลืมหายใจ เหตุการณ์ชุลมุนกลับเข้าสู่ความสงบได้ด้วยอาวุธสีดำ
“กลับไปซะ” กวินทร์ลั่นวาจาเย็นเยียบ มันราบเรียบชวนให้สงสัยว่าคิดจะทำอะไรต่อไป
“แต่…!”
“กลับ-ไป-ซะ” ปลายกระบอกปืนเปลี่ยนทิศทางจากหน้าผากเป็นขมับเด็กน้อย
หรัญญ์ยอมล้าถอยในทันทีที่เห็นสหายใช้ร่างเล็กเป็นตัวประกันขณะพาเดินเข้าบ้านอย่างช้า ๆ ก่อนจะปิดประตูตอกหน้าคนที่ไล่แล้วไม่ยอมไป มือใหญ่รีบหมุนลูกบิดที่มันล็อกจากด้านใน ระดมทุบบานประตูไม้พลางร้องเรียกชื่อมะลิที่ไม่ทราบชะตากรรม
ถ้าไม่มีคำว่ารักค้ำคอบางทีกวินทร์อาจจะทำมากกว่าแค่จ่อปืนขู่ มะลิคว้าหัวบันไดไว้ไม่ยอมขึ้นข้างบน จนคนเริ่มมีน้ำโหจับอุ้มพาดบ่าพาเดินขึ้นชั้นสามอย่างทุลักทุเล ร่างเล็กดีดแข็งดีดขาใช้กำปั้นระดมทุบแผ่นหลังที่หนาจนไม่สะทกสะท้านอย่างต่อเนื่อง
เด็กน้อยกรีดร้องสุดเสียงแล้วเรียกชื่อที่กวินทร์ไม่อยากได้ยินตลอดเวลา จนกระทั่งถูกโยนลงเตียงจนรู้สึกจุก นอนหายใจรวยรินอยู่นานกว่าจะลุกขึ้นมานั่งร้องไห้เป็นรอบที่สามของวัน
หลานนั่งมองคุณอาที่ยืนนัยน์ตาแดงก่ำพยายามสงบสติอารมณ์ กวินทร์สบตาร่างเล็กตอบด้วยแววตาผิดหวังและเตรียมจะหันหลังเดินออกไปจากห้องอย่างผู้แพ้ แต่สุดท้ายก็ย้อนกลับเข้ามาเพราะขัดหูขัดตากับเสื้อผ้าที่ตนไม่ได้เป็นคนซื้อให้ใส่
มือหนาตรงเข้ามาฉีกผ้าบนตัวให้ขาดระหว่างร่างเล็กแสดงอาการต่อต้าน เอามือยันอกอีกฝ่ายที่ดันทุรังและไม่ยอมลามือง่าย ๆ เช่นกัน ใช้กำลังเพื่อจบปัญหา เผลอตบหน้าเด็กน้อยด้วยความโกรธาและทำเสื้อผ้าราคาแพงขาดวิ่นหลุดติดมือไปเป็นชิ้น ๆ
กวินทร์ทำตัวเป็นผู้ร้ายและขายความเป็นคนให้กับบทบาทนั้นจนถอนตัวไม่ขึ้น คุณอาที่เคยใจดีโยนเศษผ้าลงพื้นก่อนจะถอดรองเท้าคู่เล็กออกแล้วปาไปโดนฝาผนังห้องอย่างแรง
“อย่าบังคับให้อาต้องทำร้ายเธอนะ” มะลิหลุบตาลงต่ำยามโดนคาดโทษและรอให้ปีศาจไปพ้น ๆ จากห้อง เมื่อได้ยินเสียงล็อกกลอนจากด้านนอกค่อยก้าวลงจากเตียงแล้วคุกเข่ากับพื้นเพื่อโกยเศษผ้า รวมถึงคลานเข้าหารองเท้าแล้วเอามากอดด้วยความรัก
เด็กน้อยนั่งร้องไห้และใจสลายกับเสื้อผ้าที่กลายเป็นซาก
ทั้งที่อีกคนอุตส่าห์ซื้อให้แต่กลับปกป้องพวกมันไม่ได้เลยสักนิด แค่จินตนาการถึงความฝันที่อาจไม่มีวันได้เกิดขึ้นจริงก็ยิ่งเศร้าสลด ตัวหดเหลือนิดเดียวยามล้มลงนอนบนพื้นไม้แนบร่างกายกับความสากระหว่างปล่อยให้น้ำตาไหล
ห่างไกลสิ่งที่พยายามไขว่คว้าเข้าไปทุกขณะ
คำว่าอีกหน่อยคงไม่เหมาะกับสถานการณ์ คงอีกนานกว่าจะหลุดพ้น
---------------------------------------
✘ ✘ ✘ มาอัพตอน4แล้วค่ะ ส่วนบนกับส่วนล่างต่างกันลิบลับเลย ;-; อยากให้เอาใจช่วยหนูมะลิกับพี่หรัญญ์กันเยอะๆนะคะ
ตุ๊กติ๊กตามอ่านเม้นและในทวิตเตอร์ตลอดนะ ขอบคุณมากค่ะสำหรับความเอ็นดูที่มีให้กัน
แล้วก็สามารถติดตามข่าวสารได้ที่เพจเลยค่ะ --->
9crimes - นายคราม FANPAGE