พิมพ์หน้านี้ - ———— เหมายัน ———— (ปัจฉิมบท) ๑๘.๑๐.๖๐

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: กระเหี้ยนกระหือรือ ที่ 04-09-2017 16:52:57

หัวข้อ: ———— เหมายัน ———— (ปัจฉิมบท) ๑๘.๑๐.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: กระเหี้ยนกระหือรือ ที่ 04-09-2017 16:52:57

***************************************************************************************
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0)

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0)

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ


3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ


8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com (http://www.thaiboyslove.com)  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป


12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง

....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail


16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

***************************************************************************************




ต้น ‘มะลิ’ งอกงามท่ามกลางความมืดมิดมาอย่างยาวนาน
ก่อนจะได้พบกับแสงแรกของวันที่ชื่อ ‘หรัญญ์’ ในรอบสิบสามปี



เหมายัน
โดย กระเหี้ยนกระหือรือ (นามปากกาใหม่ 9crimes)


เวลากลางวันช่างยาวนาน แต่ที่รัก เวลากลางคืนนั้นยาวนานยิ่งกว่า




สารบัญ – เหมายัน
ปฐมบท (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61731.msg3700735#msg3700735)
๐๒ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61731.msg3701868#msg3701868)
๐๓ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61731.msg3703624#msg3703624)
๐๔ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61731.msg3705946#msg3705946)
๐๕ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61731.msg3709015#msg3709015)
๐๖ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61731.msg3711915#msg3711915)
๐๗ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61731.msg3714012#msg3714012)
๐๘ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61731.msg3716793#msg3716793)
๐๙ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61731.msg3721778#msg3721778)
ปัจฉิมบท (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61731.msg3721861#msg3721861)



ติดตามข่าวสาร
9crimes - นายคราม FANPAGE  (https://www.facebook.com/pg/9crimess/posts/?ref=page_internal)

หัวข้อ: Re: ———— เหมายัน ————
เริ่มหัวข้อโดย: กระเหี้ยนกระหือรือ ที่ 04-09-2017 16:59:08







แด่เด็กน้อยพิกลพิการ 
แด่สัตว์เดรัจฉานในคราบผู้ใหญ่








หัวข้อ: Re: ———— เหมายัน ————
เริ่มหัวข้อโดย: ป่ามป๊ามป่ามปาม ที่ 04-09-2017 17:06:29
 :pig2:
หัวข้อ: Re: ———— เหมายัน ————
เริ่มหัวข้อโดย: กระเหี้ยนกระหือรือ ที่ 06-09-2017 23:32:15

ดั่งเสียงฟ้าฟาดในฤดูวัสสานะ

ราวกับหน้าฝนมาเยือนเร็วกว่าทุกปี เสียงก้องกังวานเสมือนฟ้าพิโรธนั้นทำเอาเหล่าสัตว์กลางคืนตื่นตระหนก บ้างหนีเข้าโพรง บ้างขุดลงดินและปิดบ้านไม่ต้อนรับแขก   

ลมกรรโชกแรงกระพือกลิ่นไหม้จากปลายกระบอกสีดำขลับให้ยิ่งลอยฟุ้งในอากาศ

ขนาดพระจันทร์ยังตกใจเสียงกัมปนาทและรีบหลบฉากเข้าในกลีบเมฆจนเกิดปรากฏการณ์คืนเดือนดับ แม้แต่ดาวประจำเมืองที่เคยเรืองรองต่างก็กรีดร้องด้วยความหวาดกลัวเมื่อเสียงเหนี่ยวไกนัดที่สองดังทั่วทั้งผืนป่า   

น่านฟ้ามืดมนแต่ไม่เท่าจิตใจคนคลั่ง 

สองเท้าเปล่าต่างขนาดย่ำกับหน้าดินอุ้มน้ำจนปรากฏรอยยุบ ประทับตราไว้บนความนุ่มนวลก่อนจะชวนกันเพิ่มความเร็วของฝีเท้าเมื่อบางอย่างเริ่มกระชั้นชิดเข้ามา

ฝ่ายวิ่งนำกระชับมือคนวิ่งตามระหว่างพาวิ่งไปข้างหน้าอย่างไม่คิดชีวิต ทั้งคู่สับขาผ่านพันธุ์ไม้นานาชนิด แต่ ณ เวลานี้ไม่มีกระจิตกระใจจะแวะชมเชยดั่งเช่นวันก่อน ๆ

มีเพียงสัญชาติญาณของการเอาตัวรอดที่ขับเคลื่อนกายหยาบกับสติที่ใกล้แตกเต็มทน

แต่ถึงจะอยู่ในสภาวะกดดันอย่างหนัก ที่ปรึกษาผู้เคยประสบกับเหตุการณ์บีบคั้นมาบ้างก็พยายามประคับประคองสถานการณ์ให้ตลอดรอดฝั่ง คอยใช้ท่อนแขนแหวกทาง ปัดกิ่งไม้หลบไปด้านข้างจนเกิดช่องว่างให้พอเอาตัวรอด ดันร่างเล็กกว่าไปก่อนแล้วค่อยตัดสินใจหาที่ซ่อนฉับพลัน รีบฉุดข้อมือเล็กให้มาหลบหลังต้นไม้และกกกอดร่างที่สั่นงันงกไว้จนจมอก

ทั้งคู่เหงื่อแตกซก หยดน้ำตกจากขมับ เสื้อผ้าอับชื้นไปด้วยคราบไคลแล้วมันก็ยากจะกำหนดลมหายใจให้กลับมาสม่ำเสมอหลังจากที่เจอไล่ล่าจนต้องวิ่งมาราธอนมาค่อนชั่วโมง

อดัมกับอีฟกำลังตกที่นั่งลำบาก อกสั่นขวัญแขวนเมื่อรับรู้ได้ถึงการมาของพระเจ้าผู้สร้าง แม้จะมีจำนวนคนมากกว่า แต่ลำพังจะไปสู้อะไรกับนักล่าอาวุธครบมือ

ท่ามกลางความเงียบสงัด เท้าหนึ่งจงใจเหยียบลงบนใบไม้แห้งเพื่อหวังแกล้งให้เหยื่อกลัวแทบฉี่ราด ตามด้วยการยิงปืนขึ้นฟ้าอีกหนึ่งนัดจนเกิดเสียงสนั่นหวั่นไหว ไม่เสียดายกระสุนหากมันจะทำให้ใครก็ตามที่มุดหัวอยู่แต่ในรูยอมเปิดเผยตำแหน่งที่ตั้ง

ร่างหนายืนปักหลักอยู่ที่เดิมเพื่อตรวจสอบให้แน่ใจ นัยน์ตาขวางกลอกมองซ้ายมองขวาระหว่างกำด้ามปืนไว้มั่นพร้อมลั่นไกทุกเวลา จนเมื่อตระหนักได้ว่าเป้าหมายอาจจะไม่ได้แฝงตัวอยู่แถวนี้อย่างที่คาดการณ์ไว้จึงหันหลังให้กับต้นไม้ต้นใหญ่ตรงหน้า

เส้นผมบังตาจนไม่ทันเห็นชายกระโปรงยาว 

นายพรานเดินหน้าออกตามล่าราชสีห์กับกระต่ายขาวที่หายไป






ปฐมบท






“ลมอะไรหอบแกมาวะไอ้เสือ”

“แค่เบื่อ ๆ น่ะ”

“เลยถ่อสังขารมาถึงบ้านนอก…?”

“ก็ไม่เชิง ความจริงแกก็รู้เหตุผลที่ฉันมาดีอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ”

“บอกตามตรงนะว่าฉันยังไม่ได้คิดเรื่องนั้น”

“แต่บริษัทจำเป็นต้องมีผู้สืบทอด”

“คนพวกนั้นก็เลยส่งที่ปรึกษาผู้เก่งกาจอย่างแกมาเกลี่ยกล่อมฉันสินะ”

หรัญญ์ลอบถอนหายใจเหนื่อยหน่ายกับความเป็นเด็กไม่รู้จักโตของกวินทร์เพื่อนรักวัยสามสิบกว่าที่ละทิ้งสมบัติพัสถานมากมายของครอบครัวไว้ในเมืองกรุงแล้วมุ่งหน้ามาอาศัยในป่าดงพงไพรโดยให้เหตุผลว่าเบื่อความวุ่นวายและขยะแขยงความหน้าไหว้หลังหลอกของผู้คน

จะไม่มีใครสนใจเลยสักนิดหากชีวิตของคนอีกนับพันไม่ได้กำลังขึ้นอยู่กับผู้ชายที่นั่งฝั่งตรงข้าม บริษัทใหญ่ยักษ์จะเดินหน้าลำบากหากขาดผู้นำที่ถูกวางตัวไว้แล้วตั้งแต่ถือกำเนิด

ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าตัวเองเกิดมาบนกองเงินกองทองและมีหน้าที่ต้องรับผิดชอบ แทนที่จะยอมเห็นแก่ส่วนร่วมมากกว่า กลับกลายเป็นว่าเลือกความสุขส่วนตัว ระหกระเหินเดินทางมาไกลเพื่ออยู่กับต้นไม้ใบหญ้าที่ไม่ได้ให้อะไรมากไปกว่าออกซิเจนบริสุทธิ์และมันก็ไม่ได้ทำให้มนุษย์อีกหลายชีวิตมีกินมีใช้   

“ลูกสาวแกเป็นยังไงบ้างวะ”

“อย่ามาเปลี่ยนเรื่อง”   

“ใจคอแกจะไม่คุยเรื่องอื่นกับฉันเลยหรือไง”

จนปัญญาจะต่อล้อต่อเถียง ทำได้เพียงไหลไปกับบทสนทนาหัวข้อใหม่  “ก็สบายดี”

“เป็นสาวแล้วล่ะสิท่า”

“เด็กสมัยนี้โตไวจะตาย”  เผลอแป๊บเดียวลูกสาววัยสิบห้าปีก็รู้จักแต่งหน้าทาปากสีฉูดฉาดอย่างไม่กลัวว่าจะถูกใครนินทาว่าดูแก่เกินวัย

เด็กในเมืองเติบโตแบบก้าวกระโดดและใช้ชีวิตโลดโผนโจนทะยานในป่าคอนกรีต ทุกสิ่งมีชีวิตที่เกิดใหม่วิวัฒน์ตามยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด แทนที่จะวิ่งหรือขี่ม้าไล่ตามให้ทันเหมือนแต่ก่อน คนเราหันมาผ่อนรถและใช้โหมดขับอัตโนมัติกันหมดแล้ว

หรัญญ์ยกแก้วกาแฟจิบไปพลางระหว่างกวาดสายตามองบริเวณบ้านโดยรอบที่ห้อมล้อมไปด้วยธรรมชาติ อากาศตรงชานระเบียงเย็นสบายจนหนุ่มใหญ่ค่อย ๆ ปล่อยใจไปกับสายลม ทรงผมที่เซตมาอย่างดีขยับเอื่อย ๆ เป็นจังหวะเดียวกับใบไม้ไหว   

“แล้วไม่คิดจะหาเมียใหม่บ้างเหรอวะ” 

“จะมีใครอยากแต่งงานกับพ่อหม้ายบ้างล่ะ”  สถานะใหม่เอี่ยมอ่องได้มาครอบครองเมื่อประมาณสองสามเดือนเศษ เหตุเพราะภรรยาที่อยู่กินด้วยกันมาร่วมนับสิบปีขอหย่า ซึ่งเหตุผลที่ใช้อ้างในคราแรกคือหมดใจ หลังเซ็นใบหย่าให้ถึงได้ยอมรับสารภาพว่ากำลังคบหากับชายอื่น

ชายอีกคนที่ควรจะสะอึกสะอื้นด้วยความเสียใจ จึงทำแค่ยืนไว้อาลัยให้กับความโง่เขลาของตัวเอง มารู้ทีหลังอีกว่าเสียเมียให้กับคนที่เด็กกว่า หนุ่มกว่า สดกว่าแล้วมันน่าเจ็บใจไม่น้อย พลอยทำให้ติดใจสงสัยว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาขณะร่วมรักเธอกำลังนึกถึงใครกันแน่ 

“แต่ในกรณีของแกฉันว่ามีเยอะอยู่นะ” 

คำว่า ‘พ่อหม้าย’ ไม่ได้ทำให้เสน่ห์ลดลงแต่กลับช่วยส่งเสริมให้ยิ่งเนื้อหอม ความจริงข่าวการหย่าร้างเป็นสิ่งที่ผู้หญิงหลายคนรอฟังมาตลอด รอว่าเมื่อไหร่ความสัมพันธ์ของคู่รักที่แต่งงานกันตั้งแต่ตอนเรียนมหาลัยจะสั่นคลอนอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน

งานถ่ายแบบชุกพอ ๆ กับที่ถูกสาวเล็กสาวใหญ่หมายปอง บรรดาตากล้องจีบลงปกนิตยสารธุรกิจ ผู้หญิงหลายคนเข้ามาในชีวิตเพราะอยากเป็นทองแผ่นเดียวกัน

ด้วยความที่หล่อเหลาเอาการระดับงานปั้นฝีมือจิตกรชั้นเอก ตัวสูงใหญ่ไหล่กว้างดั่งมหาสมุทร สุขุมและภูมิฐาน อาชีพการงานก็มั่นคงราวหินผา แทบไม่มีใครสนใจประวัติที่ว่าเคยแต่งงานมาก่อน แค่อยากนอนทอดร่างให้เปล่าเพื่อทดสอบความชำนาญทางการเพศหลังได้ยินเสียงลือเสียงเล่าอ้างผ่านปากต่อปากว่าเด็ดนักเด็ดหนา 

แถมปัญหาเรื่องลูกติดก็หมดห่วง มีข้อความโชว์หลาในหน้าข่าวสังคมว่าอดีตภรรยาหวงลูกถึงขั้นหอบไปอยู่ด้วย ช่วยลดปัญหาจุกจิกให้กับแม่เลี้ยงในอนาคตไปได้เยอะ 

“มีตาก็หัดใช้มองซะบ้างสิวะ มีแต่ผู้หญิงจ้องจะงาบแกกันทั้งนั้น”

“แต่ฉันไม่สนใจว่ะ”  หรัญญ์ยักไหล่ไม่ยี่ราขณะนั่งไขว่ห้าง ท่าทางทะนงตนขับให้ดูน่าหมั่นไส้ ใครคนอื่นมาเห็นเข้าคงเผลอกลอกตาบนแต่เผอิญว่าอีกคนเป็นถึงสหาย กวินทร์ชินกับนิสัยใจคอเกินกว่าจะเก็บมาถือสา ยักไหล่มาก็ยักไหล่กลับก่อนจะรำพึงรำพันน้ำเสียงเนือย ๆ   

“อยากได้คนไหนก็แค่หิ้วขึ้นห้อง ชีวิตที่ไม่ต้องมีข้อผูกมัดคงมีความสุขกว่าเป็นไหน ๆ สินะ ฉันล่ะอิจฉาแกจริง ๆ”

“ก็หาผู้หญิงดี ๆ สักคนมาอยู่ด้วยกันซะสิ”  คนมีประสบการณ์แนะนำ

ถ้าให้พูดกันตามเนื้อผ้า กวินทร์ก็ไม่จัดว่าหน้าตาขี้ริ้วขี้เหร่เลยสักนิด การันตีด้วยเลขตัวเดียวจากการจัดลำดับทายาทหนุ่มสุดฮอตของนิตยสารชื่อดัง ถ้าตัดความรักสันโดษออกไปนิด เพิ่มความเป็นมิตรเข้ามาสักหน่อย ก็คงจะมีผู้หญิงไม่น้อยอยากเข้าหา ผู้ชายผิวแทนกำลังมาแรงเห็นคนอื่นว่าอย่างนั้น ชาติตระกูลก็เพียบพร้อม มีก็แต่เจ้าตัวนั่นแหละที่ไม่ยอมเปิดใจ

แล้วจะมาโอดครวญหาสวรรค์วิมานอะไรในเมื่อตัวเองกำลังปิดกั้นโอกาสตัวเอง   

“ไหนว่าแกชอบเด็ก หาเมียมาทำลูกให้สักคนตอนนี้ก็ยังไม่สายนะ”   

หรัญญ์เอ่ยระหว่างขยับเปลี่ยนท่านั่ง แล้วหางตาก็เหลือบเห็นใครบางคนที่ด้านล่างกำลังเขย่งปลายเท้าเปล่าเดินบนยอดหญ้าระหว่างกำชายกระโปรงที่ยกขึ้นสูงถึงต้นขาไว้ ก่อนคนที่ดูอ่อนวัยกว่ามากจะยักย้ายร่างกายเชื่องช้าเสมือนดอกหญ้าต้องลม
 
ผมเส้นดุจแพรไหมปลิวไสวยามร่ายรำท่ามกลางขุนเขา 

ความผุดผ่องของผิวพรรณที่โผล่พ้นผ้าขาวทำเอานัยน์ตาดำด้านไม่อาจละสายตา สรีระบอบบางช่างชวนมอง ความพลิ้วไหวของสะโพกตรึงใจเสือป่าผู้กระหายเนื้อสดได้อยู่หมัด จนชั่ววูบหนึ่งเกิดแรงพิศวาสกับคนที่กะขนาดตัวจากสายตาแล้วก็เข้าใจว่ายังเป็นเด็ก

สัตว์ร้ายที่หลับใหลภายในเป้ากางเกงกำลังถูกเขย่าให้ตื่น

เมื่อขาดอย่างนึงไปก็จะได้อีกอย่างนึงมาแทน ความรู้สึกไวนับเป็นพรสวรรค์ที่มีมาตั้งแต่เกิด จากที่เริงระบำจึงเปลี่ยนเป็นเดินกางแขนและเลิกเอาแต่หลับตาแหงนหน้าสู้แสงตะวัน ได้ฤกษ์ลืมตาอวดสีเลนส์พร้อมกับเห็นว่ามีผู้ชายแปลกหน้านั่งมองลงมาจากชานระเบียงชั้นสอง

แถมจดจ้องด้วยสายตายากจะพรรณนา ซับซ้อนกว่าเขาวงกตก็ไม่ปาน

เพราะหรัญญ์อยู่สูงกว่าจึงมองดวงหน้าจิ้มลิ้มได้ถนัดถนี่ กลีบปากสีเชอรี่ชวนให้อยากชิมความเปรี้ยวอมหวาน แล้วความกำหนัดก็ถูกปลุก สัญชาตญาณดิบลุกฮือแค่เพราะมือเล็กถกชายกระโปรงขึ้นสูงกว่าเดิมและเริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้ง ร่างเล็กสร้างจังหวะขึ้นเอง เต้นตามบทเพลงใบ้เพื่อทำการแสดงต้อนรับอาคันตุกะที่มองตามความอ่อนเยาว์ตาไม่กะพริบ

ก่อนจะรีบออกปากถามเพื่อนด้วยความสนใจ

ยอมละสายตาออกชั่วคราว  “เด็กนั่นใคร”

“เด็ก…?”  กวินทร์ย่นหัวคิ้วด้วยความฉงน  “ไหน”  รีบหันใบหน้ามองตามแต่กลับพบเพียงความว่างเปล่า ไม่เห็นจะมีเด็กสักคนอย่างที่เพื่อนสนิทกล่าวถึง  “แกตาฝาดแล้วละมั้ง”

ถึงความว่างเปล่าจะเข้ามาแทนที่ที่ร่างเล็กเคยอยู่ แต่หรัญญ์ก็เชื่อว่าหูตาตัวเองไม่ได้ฝ้าฝางขนาดเห็นอะไรเป็นตุเป็นตะอยู่ตั้งนานสองนาน 

“ฉันเห็นจริง ๆ เด็กผู้หญิงผมสอยสั้นประมาณนี้”

“แต่ฉันอยู่ที่นี่คนเดียวจำไม่ได้เหรอเพื่อน…?”

ความจริงที่ต่างรู้กันดีทำให้หรัญญ์กลายเป็นผู้ชายที่ชอบฝันกลางวันไปโดยปริยาย ประเด็นเห็นเด็กผู้หญิงปริศนาเป็นอันตกไป แต่ก็ไม่วายถูกเพื่อนล้อว่าสงสัยจะเห็นนางไม้ ให้ระวังตอนกลางคืนจะโดนลวงไปฆ่าในป่า เสียงทุ้มต่ำตอบกลับติดตลกแค่ว่าจะระวังตัวไว้

หลังจากคุยกับสหายอีกไม่กี่ประโยค เจ้าของร่างสูงใหญ่ที่รู้สึกค้างคาใจก็ขอตัวลงมายังด้านล่าง อ้างว่าอยากเดินเล่นสักหน่อย ทำเป็นยืนมองซ้ายมองขวาแล้วค่อยนั่งยอง ๆ จ้องที่พื้นดินซึ่งปรากฏรอยเท้าของมนุษย์ไม่ผิดแน่

“ไอ้เสือ ฉันโทรบอกให้ป้าแม่บ้านเข้ามาจัดห้องให้แล้วนะ”

เสียงตะโกนจากชั้นสองเรียกให้คนรีบลุกขึ้นยืนหันมองและพยักหน้าเป็นอันรับรู้

ตอนแรกการค้างคืนไม่ได้อยู่ในกำหนดการที่หรัญญ์วางไว้ แต่เมื่อความอยากรู้อยากเห็นเป็นใหญ่กว่าอะไรทั้งหมด ปกติเป็นคนสงสัยอะไรต้องได้คำตอบจึงยอมเสียงานเสียการหนึ่งวัน ค่อยกลับในเช้าถัดไปเพื่อแลกกับการที่อาจจะไม่หรือได้เจอกับเด็กผู้หญิงที่วิ่งหนีไปในตอนเที่ยงวันและฝากไว้เพียงรอยเท้าให้ดูต่างหน้า   

คุณพ่อโทรหาลูกสาวเพื่อเล่าความเป็นไปในหนึ่งวันให้ฟังนิดหน่อยแล้วค่อยบอกฝันดีปิดท้าย หรัญญ์ที่สวมใส่ชุดนอนสหายปิดไฟสีส้มและล้มตัวลงนอนบนเตียงห้าฟุตที่พอเหยียดขายาวก็สุดขอบเตียงพอดี เข้านอนไวแต่เวลาผ่านไปนับชั่วโมงก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะง่วง จนเวลาร่วงเลยเข้าสู่วันใหม่ก็ยังตาค้าง คงเพราะแปลกที่แปลกทางตกกลางคืนจึงนอนไม่หลับ

ทำแค่ขยับตัวไปมาจนผ้าเสียดสีกันและเกิดเสียงสวบสาบ พยายามข่มตาขณะหัวหนุนหมอนนอนตะแคง เปลี่ยนท่าเป็นพลิกตัวนอนหงายเอามือก่ายหน้าผาก หลังจากลองนับแกะแล้วไม่ได้ผล คนตาแจ้งจึงนอนฟังเสียงแมลงร้องในยามค่ำคืน แต่ จู่ ๆ ก็ลืมตาขึ้นกะทันหันทันทีที่ได้ยินเสียงย่างก้าวท่ามกลางความเงียบสงัด

สำหรับบ้านไม้ไม่ว่าจะทำอะไรก็ดูจะส่งเสียงดังไปเสียหมด แล้วคนนอนอยู่ในห้องรับรองก็คล้ายจะได้ยินเสียงฝีเท้าเดินวนไปวนมาอยู่หน้าห้องตัวเองและพานคิดไปถึงเด็กหญิงปริศนามากกว่าจะคิดว่าเป็นวิญญาณหรือพวกเหนือธรรมชาติอะไรทำนองนั้น 

หรัญญ์ไม่ใช่คนขวัญอ่อน แต่ก่อนจะเปิดประตูออก หนุ่มใหญ่เสียเวลากับการทำตัวย่องเบาไปไม่น้อย กลัวว่าการบุ่มบ่ามจะทำให้คนอีกด้านของประตูตกใจจนเตลิดหนีไป แต่เมื่อลองเปิดประตูจริง ๆ กลับไม่พบแม้แต่มวลสารใด ๆ ไม่มีแต่เงาดำ 

เกือบเชื่อว่าโดนสิ่งลี้ลับหลอกหลอนเข้าให้อย่างที่เพื่อนกล่าวไว้ ถ้าเผอิญไม่ตาไวเห็นชายกระโปรงลากยาวละไปตามขั้นบันไดวนอย่างรีบร้อนและตอนถึงขั้นบันไดล่างสุด ร่างเล็กกลับหยุดยืนเฉยแล้วเงยหน้ามองชั่วครู่ ส่วนหนุ่มใหญ่ที่ยืนอยู่บนบันไดขั้นสูงสุดกำลังลังเลว่าจะเอาอย่างไร แต่พอเห็นอีกคนออกเดินครั้งใหม่ ใจก็สั่งให้ก้าวเท้าตามสลับกับวิ่งเป็นระยะ

เมื่อก่อนเคยภูมิใจกับช่วงขายาวของตัวเองแต่มาวันนี้กลับวิ่งตามเด็กไม่ทันเสียอย่างนั้น สงสัยเป็นอิทธิฤทธิ์ของนางไม้ที่ชำนาญการเดินป่ากว่าภูตผีตนไหน ปล่อยให้คนไม่สันทัดกับพื้นที่ไล่ตามไม่หยุดหย่อนและกว่าจะรู้ตัวอีกทีว่าอยู่กลางป่าก็ตอนฝ่าเท้าสัมผัสได้ถึงความชื้นของไอดิน หรัญญ์หยุดชะงักเมื่อแผ่นหลังเล็กกลืนหายไปกับความมืดมิด มีแค่ตัวเองที่ยืนโดดเด่นเป็นสง่า ประหนึ่งเป็นต้นไม้เล็ก ๆ ที่อยู่ท่ามกลางต้นไม้ขนาดสูงใหญ่กว่าหลายเท่า

ชายผู้หลงทางยืนต้านลมหนาวเพียงลำพัง ก่อนแรงลมจะทำให้พวกใบไม้พากันสั่นและโหยหวนราวกับกำลังต้อนรับการมาเยือนของแขกคนสำคัญ พระจันทร์ดันกลุ่มเมฆออกห่างตัวจนแสงสาดไปทั่วอาณาบริเวณและทำให้นัยน์ตาดำด้านเห็นชายกระโปรงยาวโบกสะบัดออกมาจากหลังต้นไม้ต้นหนึ่ง รวมถึงเห็นเสี้ยวหน้าด้านข้างที่โผล่ออกมามองอย่างระแวดระวัง 

นัยน์ตาสีบรั่นดีมองสำรวจคนแปลกหน้าตั้งแต่หัวจรดเท้า     

“เดี๋ยวก่อนสิ”  จังหวะที่ทำท่าจะเดินเข้าใกล้ ร่างเล็กกลับตระหนกแล้วรีบย้ายไปหลบหลังต้นไม้อีกต้น เป็นผลให้หรัญญ์ชักหงุดหงิด คิดเอาเองว่ากำลังโดนเด็กปั่นหัวเล่น  “นี่ฉันไม่สนุกด้วยนะ”  ประกาศกร้าวเสียงดัง แถมชักสีหน้าดุ ให้รู้กันไปเลยว่าอารมณ์กำลังเดือด   

แล้วมันก็ได้ผล ร่างเล็กยอมเคลื่อนตัวออกจากหลังต้นไม้ แต่ไม่ใช่แค่เดินออกมาธรรมดา ๆ มือเล็กค่อย ๆ ปลดชุดตัวยาวลงจากบ่าแคบ เลิกเล่นซ่อนแอบแล้วเปิดเผยตัวตนจนเห็นทรวดทรงองเอวนาฬิกาทราย     

"เดี๋ยว..."






มีต่อด้านล่าง
หัวข้อ: Re: ———— เหมายัน ————
เริ่มหัวข้อโดย: กระเหี้ยนกระหือรือ ที่ 06-09-2017 23:36:41
“เดี๋ยว…”

เปล่งเสียงห้ามไม่เต็มปากเพราะกำลังงุนงง ตกลงร่างเล็กเป็นเด็กผู้ชายที่สวมใส่เสื้อผ้าผู้หญิงหรอกเหรอ คนประจักษ์แจ้งยืนนิ่งอึ้งไปเพราะได้เห็นอวัยวะเพศเช่นเดียวกับที่ตัวเองมี ต่างกันก็แค่ที่เรื่องของขนาดเท่านั้น  “เธอ…”

หรัญญ์อึกอัก นึกไม่ออกว่าตัวเองอยากจะพูดอะไรต่อ ยิ่งพอสองขาขาวก้าวข้ามชุดที่หล่นลงแทบเท้าและเดินตัวเปล่าเข้ามาหาโดยมีแสงจันทร์ฉายไฟตามมาติด ๆ ก็อดจินตนาการในเชิงอกุศลด้วยไม่ได้ ยอมรับว่าเป็นผู้ชายชอบของสวย ๆ งาม ๆ และเคยร่วมหลับนอนกับคนอายุน้อยกว่ามาบ้างหลังโดนเมียทิ้ง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นทุกคนล้วนเป็นแม่พันธุ์ที่มีเต้านม

แต่เดิมไม่ได้มีรสนิยมชายรักชาย ไม่ได้พิสมัยเพศเดียวกัน

นั่นคงเพราะยังไม่เคยได้พบเจอกับความงดงามที่แท้จริง ยิ่งได้กลิ่นหอมจาง ๆ โชยมาอาการไม่ต่างจากคนมึนเมา หูอือตาลายคล้ายจะมีอาการประสาทหลอนร่วมด้วย เจอความสวยของเห็ดป่าก็อยากจะลองเด็ดมากินโดยไม่ชะล้าใจว่ามีพิษหรือเปล่า หรัญญ์ไม่แน่ใจนักว่ามันคือกลิ่นขนมปังหรือดอกไม้ แต่ที่พูดได้เต็มปากเลยคือตนกำลังมีอารมณ์กับเด็กคราวลูก

ร่างเล็กที่สูงพ้นช่วงไหล่แค่นิดเดียวยกมือลูบไล้สัดส่วนอย่างสำรวจ ถือวิสาสะตรวจความแน่นของกล้ามหน้าท้องด้วยการเอาฝ่ามือทาบ จับต้องร่างกายตรงหน้าด้วยความสนอกสนใจราวกับว่าหรัญญ์เป็นสิ่งแปลกใหม่ที่เพิ่งค้นพบ ลองเอาหูแนบอกหนาเพื่อฟังเสียงจังหวะหัวใจเต้นแล้วเอนตัวซบ โน้มตัวสวมกอดตอนที่คนอายุมากกว่าสองรอบไม่ตำหนิอะไร

ทุกการกระทำแสนอันตรายอยู่ในสายตาผู้ใหญ่ตลอด มือกร้านยังแนบอยู่ที่ตะเข็บกางเกงนอนในยามที่เด็กน้อยคลอเคลียพวงแก้มกับอกซ้ายเพื่อแสวงหาไออุ่น ทั้งที่เลยช่วงวัยว้าวุ่นมาหลายปีดีดัก แต่ก็ยังไม่วายหวั่นไหวกะอีแค่เพราะแก้วตาใสแจ๋วช้อนมอง 

หรัญญ์ตัดสินใจยกมือแตะหัวไหล่มนแล้วดันคนตัวเล็กกว่าออกห่าง ตั้งใจจะถามถึงชื่อเสียงเรียงนามและอยากรู้ว่าทำไมถึงกล้าเปลือยกายต่อหน้าคนไม่รู้จักมักจี่แบบนี้ แต่อีกใจกลับบอกว่าให้ช่างพิธีรีตองวุ่นวายไปซะ อุตส่าห์เจอของดีกลางป่า ถ้าปล่อยให้เหยื่อหลุดมือไปก็ไม่สมควรเรียกตัวเองว่าราชสีห์ 

ช่างความถูกต้องแล้วลองพินิจพิจารณา

สุดท้ายแรงตัณหาก็ชนะคำว่าศีลธรรมด้วยคะแนนที่ขาดลอย   

เรื่องราวลงเอยที่ชายอายุมากปล่อยให้เด็กที่เพิ่งเคยเจอหน้าย่างกายเข้ามาในความคิด

ค่อย ๆ ยอมรับจิตใจที่วิปลาสของตัวเอง เริ่มเข้าอกเข้าใจพวกกามวิตถารที่ชอบมีเซ็กซ์กับเด็กรุ่นราวคราวหลานมากขึ้นตามลำดับ ต่อให้บำเพ็ญเพียรภาวนามานานดั่งเช่นพระสงฆ์องค์เจ้า ก็ไม่มีอะไรรับรองว่าจะไม่ตบะแตกเพราะเรื่องคาวโลกีย์เข้าสักวัน
 
ก่อนจิตใจของหนุ่มใหญ่จะถูกความไวไฟของคนอายุน้อยกว่าเล่นงาน มัวแต่ยืนชั่งใจจนเปิดโอกาสให้เด็กแก่แดดแก่ลมลูบใบหน้าคมสันพลางเขย่งปลายเท้าจนความสูงเพิ่มขึ้นหลายเซนฯ เพื่อสัมผัสความหนาที่ห้อยย้อยลงมาอย่างเป็นใจ 

ริมฝีปากที่อวบเอื้อความสะดวกให้กับเด็กน้อยจนพลอยได้งับกลีบปากล่าง กระต่ายขาสั้นดันอยากกินแอปเปิลที่อยู่สูงเพราะเชื่อว่าเป็นลูกที่หวานที่สุดจึงเหยียดขาสุดความยาว แต่นานเข้าเป้าหมายก็ยิ่งเคลื่อนออกห่าง หารู้ไม่ว่ากำลังถูกผู้ใหญ่กลั่นแกล้ง ทีแรกยอมอ่อนข้อให้แต่แล้วก็เงยใบหน้าขึ้นทีละนิดจนร่างเล็กหมดสิทธิ์ไล่ตาม ต้องหดตัวกลับอย่างเก่าและยืนก้มหน้ามองปลายเท้าด้วยความเศร้าสร้อย

สำหรับหรัญญ์แล้วมีเด็กเข้ามาในชีวิตให้เอ็นดูไม่บ่อยนัก ยิ่งถ้าเป็นเด็กที่ทำให้เกิดความปรารถนาอันแรงกล้ายิ่งยังไม่เคยมี นัยน์ตาดำด้านหลุบมองสองมือเล็กที่กำชายเสื้อตนไว้เงียบ ๆ ระหว่างรับรู้ได้ถึงการบีบตัวของแก่นกาย

อวัยวะเพศเกิดการขยับขยาย ดุนดันกางเกงชั้นในราวกับมีใครกำลังเติมลมให้กับลูกโป่งแฟนซี ความหน่วงถ่วงสมองให้จดจ่อแต่กับเรื่องใต้สะดื้อจนผลีผลามทำเรื่องต้องห้าม

บังคับให้ร่างเล็กเชิดคางด้วยการสอดสองมือเข้ากุมแก้มเนียนแล้วบดเบียดกลีบปากกับอวัยวะอย่างเดียวกันจนมันผิดรูปผิดร่าง การจูบอย่างลึกซึ้งนำพาเกลียวลิ้นมาพบกันครึ่งทาง เพื่อนใหม่ทำความรู้จักกันและพัฒนาความสัมพันธ์ไปเป็นคนรู้ใจภายในเวลาไม่กี่วินาทีถัดมา สนิทสนมจนกล้าที่จะกระทำการจาบจวงอย่างหื่นกระหาย

ความมืดไม่ได้ช่วยอำพรางท่าทางตะกละตะกลามของผู้ใหญ่ในขณะที่เด็กน้อยเองก็พยายามจูบตอบอย่างเก้ ๆ กัง ๆ ความสว่างพอทำให้เห็นผิวที่ซับสีจาง รู้จักอายแต่ก็ไม่ได้ขัดขืน ยืดคอสุดความยาวเพื่อถ่ายทอดบทเรียนที่เคยถูกสอนจากในคราวก่อน ๆ อย่างไม่ประสา

แต่แล้วความรุนแรงที่ถาโถมเข้าใส่ก็ทำร่างเล็กเกินจะต้านทานไหว ห่อไหล่หายใจหอบ จากสมยอมเริ่มบ่ายเบี่ยง เอียงหน้าหลบอย่างเอาแต่ใจ แสดงนิสัยแบบ ‘เด็กพิเศษ’ ที่ใครเห็นคงไม่ชอบนัก แต่สำหรับนักล่าไม่ว่าเหยื่อจะมาในรูปแบบไหนก็รู้วิธีจัดการอย่างแยบยล   

หรัญญ์หิวโหยจนหน้ามืดตาลาย ไฟราคะโชติช่วงชัชวาลถึงเอาน้ำมาราดก็ยากจะดับ จมูกโด่งซุกไซ้กรอบหน้าไล่ลงต่ำถึงลำคอระหง ป้ายน้ำลายสกปรกบนผิวละเอียด ซ้ำยังชักชวนเด็กทำเรื่องน่าเกลียด อย่างการให้จับความเป็นชายที่ซ่อนเร้นอยู่ใต้ร่มผ้า

ยามที่ฝ่ามือเล็กสัมผัสของลับ ฝ่ามือกร้านเองก็ลูบคลำตามความนวลเนียนไปพลาง ๆ อย่างหลงใหล ช่วงแขนยาวกลายเป็นไม้เลื้อยพันรอบเอวคอด โอบกอดแล้วยกร่างเล็กขึ้นมายืนบนเท้าด้วยท่อนแขนเดียวอย่างง่ายดาย

ทำลายระยะห่าง ล่นระยะทางแสนไกลให้ใกล้แค่คืบ   

หรัญญ์ยอมให้ร่างเล็กนวดคลึงของสงวนแลกกับการลวนลามที่อุกอาจ เสียงหอบหายใจเริ่มดังชัดขึ้นระหว่างขยำผิวกายลื่นเล่น ฝ่ามือเค้นก้นงอนราวกับมันเป็นก้อนดินน้ำมัน การล่วงเกินแสนหนักหน่วงนำมาซึ่งเสียงเล็กเสียงน้อย ทยอยครวญครางเป็นระยะ จนผู้ใหญ่ได้รู้ว่าเด็กชายมีกล่องเสียงที่ไพเราะแค่ไหน เกิดติดใจอยากได้ยินเสียงที่ดังกว่าเดิมจึงเพิ่มแรงบด ทำผิวหมดจดเป็นรอยปื้น     

กลางดึกมีเสียงของหนักตกลงบนพื้นดินถึงสองครั้ง

เสียงแรกเป็นของร่างเล็กที่ล้มลงนอนหงาย อ้าขาไม่อายฟ้าอายดิน

ส่วนอีกเสียงที่ได้ยินเป็นของหนุ่มใหญ่ที่ทรุดกายลงกว้างหว่างขาขาวโพลน

มือกร้านรีบถอดอาภรณ์ท่อนล่างเพื่อปลดปล่อยเจ้าโลกให้เป็นอิสระจากความอึดอัดก่อนจะพบว่าขนาดของตัวเองนั้นกำลังจะกลายเป็นปัญหาในอนาคตอันใกล้ คิดเผื่อไปถึงตอนทำรัก เห็นแววตาใสซื่อของร่างเล็กที่กำลังนอนมองมาแล้วก็เกิดความละอาย

เหมือนจะได้สติกลับคืนมาแต่ว่ามันบางเบายิ่งกว่าเปลวไฟบนก้านไม้ขีดเสียอีก   

ยิ่งถ้าไม่รีบถอยห่างออกจากสิ่งเร้า กิเลสตัณหาก็พร้อมจะเข้ายึดครองร่างทุกเมื่อและเพื่อรักษาความสดใสของเด็กคนหนึ่งไว้ หรัญญ์เกิดคิดกลับตัวกลับใจก่อนจะได้ไปนอนเล่นในคุกข้อหาพรากผู้เยาว์และปล่อยให้ร่างเล็กที่เข้าใจอะไรได้ช้านอนคอยเก้อ

เด็กชายหยัดกายลุกขึ้นมานั่งทับขาทั้งใบหน้าฉงน ยกนิ้วแตะหว่างคิ้วที่ยับย่นแผ่วเบา แล้วไล่ปลายนิ้วกับสันจมูกโด่งลงผ่านปาก จนถึงคางเรื่อยมายังกลางหว่างอก

ก่อนมือหนึ่งจะฉกฉวยอวัยวะสืบพันธุ์ของคนอื่นอย่างไม่มีอาการแตกตื่นใด ๆ แค่นั่งมองมือตัวเองขยับสาวตามความยาวด้วยแววตาอยากรู้อยากเห็น จนมีน้ำกระเซ็นโดนหลังมือเล็กน้อยก็หัวเราะชอบใจ ยกมือมาเช็ดเหงื่อบนใบหน้า ปัดปอยผมที่เกะกะตาออกและมองหน้าหรัญญ์เหมือนจะขออนุญาต   

มือหนึ่งเลิกชายเสื้อยืดรัดรูปขึ้นก่อนจะยื่นปลายลิ้นแตะกับตุ่มไตสีเข้ม ห่อลิ้นยามลิ้มรสชาติความเค็มปะแล่ม ๆ ร่างเล็กแย้มยิ้มหยอดย้อยระหว่างแทะเล็มความมนกลมทีละนิดทีละหน่อยแล้วค่อยลองดูดเล่นจนเกิดเป็นความเพลิดเพลิน

เด็กน้อยสนุกสนาน โดยหารู้ไม่ว่ากำลังทำให้ชายอีกคนเป็นทุกข์จากความสุขของการถูกปรนเปรอ ต้องอดทดอดกลั้นกับความต้องการที่ตีตื้นขึ้นมา ความปรารถนามันเหมือนกรดไหลย้อน มันทำเอาแสบร้อนไปทั้งทรวง 

“อยากให้ฉันทำแบบนี้ใช่ไหม…”  จู่ ๆ เสียงทุ้มต่ำก็เอ่ยถามถึงความสมัครใจและถือวิสาสะสัมผัสหน้าอกบาง ทั้งยังออกแรงบีบเนินนมแตกพานและลอบสังเกตอาการที่ชะงักไปราวกับโดนไฟช็อต หรัญญ์เพิ่มน้ำหนักมือเพื่อกระตุ้นให้ร่างเล็กที่เอาแต่ก้มหน้าพูดด้วย 

“ตกลงชอบแบบนี้หรือเปล่า”

แต่เด็กน้อยทำแค่พยักหน้าแบบกล้า ๆ กลัว ๆ ผงกหัวน้อย ๆ แทนการตอบว่าชอบ 

“หล่อ…” 

คำแรกที่เสียงหวานเลือกเปล่งออกมาพานทำให้คนได้ยินประหลาดใจและหลุดหัวเราะ 

“เหตุผลแค่เพราะฉันหล่อหรอกเหรอ”

“หล่อ”  ร่างเล็กย้ำคำเดิมอีกรอบเมื่อเข้าใจว่าคนฟังกำลังชอบใจ

มองรอยยิ้มกว้างด้วยนัยน์ตาสุกสกาวและยกมือขึ้นกุมใบหน้าสมสัดส่วนราวกับต้องมนตร์สะกด เลือกจรดริมฝีปากกับปลายคางก่อนถอยออกมานั่งหน้าแดงก่ำ เขินอายคล้ายคนกำลังมีความรักและยอมเอนตัวลงนอนราบอีกครั้งขณะมีเงาดำขนาดใหญ่พาดผ่านร่างกาย

“ฉันมีดีกว่าหล่อนะรู้ไหม” 

แล้วชายที่เคยกลัวต้องโทษก็ตัดสินใจฝ่าฝืนกฎหมาย หรัญญ์ถอดเสื้อยืดทันทีที่อยากจะแสดงให้ร่างเล็กเห็นว่าตัวเองไม่ได้โดดเด่นแค่เรื่องหน้าตา ลีลารักก็ไม่เป็นสองรองใคร

สายตาเจ้าเล่ห์ไล่มองร่างผุดผ่องที่หมองไปเล็กน้อยเพราะเศษดินสกปรก แล้วก้มลงจูบแถวกกหูขาว แทนที่จะเลือกจู่โจมอย่างรวดเร็วเช่นในคราวแรกกลับให้เวลาร่างเล็กได้คุ้นเคยกับความรู้สึกแปลกใหม่ แค่ลดริมฝีปากลงงับตามผิวกาย พ่นลมหายใจเย็นชืดใส่อย่างตั้งใจจนร่างเล็กเริ่มนอนหลังไม่ติดพื้น เผลอแอ่นหน้าอกขึ้นทุกครั้งที่รู้สึกใจหายวาบ 

หรัญญ์จูบละทาง ตั้งแต่กลางหว่างอกลงต่ำสู่บริเวณท้องน้อยที่ยุบตามจังหวะการหายใจที่ผิดปกติ ถึงจะมีประสบการณ์บนโลกมนุษย์ไม่เท่ากับอีกคนและบ่อยครั้งสับสนกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ร่างเล็กก็พอรู้อยู่บ้างว่าต้องทำอย่างไรความทรมานพวกนี้ถึงจะอันตรธานหายไป

ยามที่ของสงวนถูกโพรงปากร้อนชื้นครอบครอง ดวงตาหยาดเยิ้มนอนมองผืนฟ้าที่วันนี้ไม่มีดาวสักดวงด้วยใจที่เต้นระส่ำ กำมือไว้กับอกขณะที่รู้สึกเหมือนมีนกนับพันตัวบินว่อนในท้อง

หรัญญ์ลอบมองสีหน้าเคลิบเคลิ้มจากหว่างขาแคบ ระหว่างช่วยรีดน้ำออกจากความบวมเป่งก็รับรู้ได้ถึงน้ำหนักมือบนศีรษะ เด็กน้อยคล้อยตามการเล้าโลมจนได้และนอนบิดเร้าไปมา เผยอปากและมีเสียงครางแวว ๆ ลอดมาตามกลีบปากที่แยกจากกัน
 
แต่เผลอแป๊บเดียวช่องว่างก็ถูกอุด ลิ้นใหญ่ดุนปากที่บวมเจ่อจนเปื่อยยุ่ย ตอนที่ลมพัดผุยผงของเศษดินให้ปลิวว่อน สองกายล่อนจ้อนกอดกันไว้เพื่อผ่านความเลอะเทอะไปด้วยกัน   
 
“อ๊ะ…”

นิ้วที่ไม่ประสงค์ออกนามรุกล้ำเขตหวงห้ามอย่างค่อยเป็นค่อยไป

สอดใส่นิ้วแรกแล้วแหวกซอกหลืบให้กับนิ้วที่สองและสามตามลำดับจนเป็นเหตุให้ร่างเล็กผวา ทำท่าจะดิ้นแต่ติดที่ว่าผู้ใหญ่มีวิธีจัดการ หรัญญ์เอ่ยคำขอโทษอย่างอ่อนโยนและคำสั้น ๆ ก็มีอิทธิพลพอจะทำให้คนหวาดกลัวตกอยู่ในโอวาท

ที่ต่อต้านก็เพราะไม่เคยผ่านมือใครมาก่อน ไม่เคยมาถึงขั้นตอนนี้เลยสักครั้ง

เพิ่งจะได้รู้จักกับความปวดร้าวไปทั้งโคนขาเป็นหนแรก เด็กน้อยรู้สึกเหมือนร่างกายกำลังถูกแยกส่วนเป็นสอง ส่วนผู้ใหญ่ค้นพบว่าภายในช่องทางสีหวานไม่มีพื้นที่ว่างให้ดุ้นยักษ์พอดิ้นรนและโดนผนังอุ่นร้อนรุมตอดอย่างบ้าคลั่ง สิ่งแปลกปลอมถูกความหนาแน่นห้อมล้อมจนต้องชะงักไว้กลางทาง พักยกเช็ดหน้าให้กับคนนอนน้ำตาไหล  “ชู่ว…”

“เจ็บ”  ร่างเล็กฟ้องทั้งน้ำตาแล้วโน้มคอหรัญญ์มากอด 

“งั้นเราพอแค่นี้กันดีไหม”  ชายผู้พ่ายแพ้ให้แก่น้ำตารีบถามและสัมผัสได้ว่าอีกคนกลิ้งคางไปมากับบ่าจนไม่รู้คำตอบแน่ชัดว่าตกลงเลือกอะไร  “นี่ ขอฉันมองหน้าหน่อย”

วงแขนเล็กยอมปล่อยคนที่กอดให้เป็นอิสระ  “ตกลงทำหรือไม่ทำ”  หรัญญ์เปลี่ยนคำถามใหม่ ลดความซับซ้อนลงให้มากที่สุดเพื่อตัวคนตอบเอง เพราะใช่ว่าจับความเป็นเด็กพิเศษของอีกคนไม่ได้ เด็กชายผู้พิกลพิการทางสติปัญญากำลังจะทำให้ชายสติดีเป็นบ้าในที่สุด

จะให้หยุดหรือทำอะไรต่อก็ไม่เลือกพูดออกมาสักคำ หรัญญ์จึงตัดสินใจลงมือทำอะไรโดยพลการ ดันแก่นกายฝ่าความคับแคบอีกครั้งท่ามกลางเสียงโอดครวญแผ่วเบา ร่างเล็กกรีดร้องคลอไปกับการเขยื้อนเข้าออกอย่างเนิบนาบ จิกเล็บมือกับหน้าดิน จิกเล็บตีนกับหญ้าขณะที่ความใหญ่โตถดถอยออกเพียงช่วงสั้น ๆ แล้วดันกลับเข้ามาใหม่รวดเดียว

ร่างเล็กนอนถ่างขาอยู่กึ่งกลางระหว่างความเสียวซ่านกับความทรมานจับใจ

น้ำตาไหลรินหยดแล้วหยดเล่าจนทำให้หรัญญ์รู้สึกว่ากำลังเข้าข่ายขืนใจไปทุกขณะ แต่จะว่าเห็นแก่ตัวก็ได้ หลังจากทำให้เด็กคนหนึ่งมีมลทินก็ยังพูดอะไรสิ้นคิดอย่างพวกชอบเอาเปรียบออกมา เสียงทุ้มต่ำกระซิบข้างใบหูเล็กว่าอดทดเอาหน่อย ช่วงแรกอาจจะเจ็บปวดรวดร้าวแล้วเดี๋ยวอาการจะทุเลาลงในไม่ช้า 

ริมฝีปากหนาพรมจูบซับตามหน้าผากที่เริ่มมีเหงื่อซึมประปราย ส่วนหนึ่งก็เผื่อเบี่ยงเบนความสนใจ ซึ่งมันก็ได้ผลลัพธ์ดีเกินคาด เด็กน้อยหลงกลอุบายของปีศาจแฝงฝันจนหยาดน้ำตาค่อย ๆ เหือดแห้ง ระหว่างหลับตาแลกเปลี่ยนรสชาติ พรหมจรรย์ก็ถูกคร่าอย่างไม่ปรานี

พอลองขยับบ่อย ๆ อะไรต่อมิอะไรก็เริ่มลงล็อก เกิดสภาพคล่องเอื้อต่อการเคลื่อนไหวเข้าออกจนสามารถเพิ่มความเร็วได้ แก่นกายทลายทำนบความฝืนเคืองจนสิ้นซาก ซ้ำยังกระทบกระทั่งกับผนังอ่อนนุ่มอย่างต่อเนื่องและหนักหน่วงขึ้นในทุก ๆ วินาทีที่สติถูกมีดบั่นทอน

ภาพร่างอ้อนแอ้นนอนตัวแดงไปด้วยแรงอารมณ์ทำคนมองแทบคลั่งและยากจะยั้งใจไม่ให้กระทำรุนแรง ท่อนแขนหนารีบช้อนใต้ข้อพับขาที่แหวกออกแล้วล็อกมือเหนือสะโพกผาย บังคับให้ร่างเล็กเขยื้อนกายเข้ามารับแรงกระแทกอย่างพอเหมาะพอเจาะและเพราะว่ามีความอดทนต่ำกว่า ไม่แปลกที่เด็กจะรีบปลดปล่อย แผ่นหลังเปื้อนดินกระตุกลอยขึ้นจากพื้นพอดีกับมีมือหนึ่งยื่นมาขยำเต้านม จมูกโด่งลดลงดมกลิ่นสาบสางและอ้าปากงับเนินนูนเต็มคำ 

หรัญญ์ฉุดร่างเล็กขึ้นมานั่งบนหน้าขาแล้วละเลงลิ้นกับตุ่มไตที่แอ่นให้ดูดอย่างลืมตัว ช่วงแขนสั้นโอบรอบหัวผู้ใหญ่ขณะปล่อยร่างกายไปตามกลไกที่ถูกวางระบบไว้จนไม่ต่างอะไรกับโสเภณีผู้ร่านรัก ยังไร้เดียงสาเช่นเก่า เพิ่มเติมด้วยเสน่ห์อันแพรวพราวที่เกิดขึ้นรวดเร็วราวกับเสกได้

ดอกไม้บานสะพรั่งเพราะได้ทั้งดินได้ทั้งน้ำรินรดอยู่ตลอดเวลา   

น้ำแรกแตกคาช่องทางลับนำพาความฉ่ำเยิ้มมาสู่ซอกขา     
 
หรัญญ์ถอนแก่นกายออกในไม่กี่วินาทีถัดมาแล้วช่วยร่างเล็กจัดแจงท่วงท่าใหม่ ๆ กลับไปเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่ขึ้นขย่มกันในฤดูผสมพันธุ์ มือกร้านช่วยปัดเศษดินตามผิวกายละเอียดออกให้แบบขอไปทีเพราะไม่มีเวลามากนัก จิตใจกำลังฮึกเหิมเกินกว่าจะมานั่งทำอะไรอย่างประณีต ก่อนอวัยวะเพศที่จ่อประชิดหว่างขาขาวจะมุดหายเข้ากลีบเมฆ

เร่งเครื่องไม่นานน้ำมันก็หล่อเลี้ยงไปทั่วยานพาหนะ ทั้งที่รู้เรื่องกฎหมายการจราจรดีแต่กลับขับขี่ด้วยความเร็วเกินกว่ากำหนด เหมือนรถที่เบรกแตกลงทางลาดชั้น รีบจับต้นขาเล็กไว้มั่น รั้งให้หยัดอยู่กับที่เดิมเมื่อแรงกระแทกกระทั้นเริ่มทำให้ร่างเล็กกระเถิบห่างออกไป 

เด็กน้อยยันหน้าผากไว้กับต้นไม้ตอนร่างกายสั่นสะเทือนเกินควบคุม ฝ่ามือเล็กบุ๋มไปกับดินบ่งบอกว่าการร่วมประเวณีเริ่มกินเวลาเข้าไปเรื่อย ๆ จนเมื่อยไปทั้งแขน

หมาบ้านแหงนคอหอนเสียงดังลั่นป่าทั้งที่ไม่ใช่คืนวันพระจันทร์เพ็ญ ยิ่งใกล้เสร็จสมอารมณ์หมายเท่าไหร่ยิ่งได้ยินคำพูดไม่เป็นภาษายากจะถอดความ เสียงคำรามทุ้มต่ำในลำคอผสานกับเสียงหวานที่ขับขานเป็นบทเพลงไพเราะ นัยน์ตาเยิ้มเงยมองใบไม้เหนือหัวด้วยความสงสัยว่ามันขยับอยู่ใช่หรือเปล่าหรือเป็นร่างกายตัวเองที่ถูกเขย่าจนเห็นอะไรเคลื่อนไหวไปเสียหมด

น้ำสองหลั่งรดบนแก้มก้นซ้ายแล้วไหลลงแนวดิ่งทิ้งตัวอย่างเชื่องช้า ส่วนคนคึกคะนองสองยกเข้าไปแล้วก็ยังใจสู้ ผู้ใหญ่มักมากขอต่อรอบสุดท้าย ไม่รอให้ร่างเล็กได้พักหายใจหายคอ แต่ก็ยังพอมีความเมตตานึกถึงใจเด็กที่เล็กเกินกว่าจะจินตนาการภาพท่าทางสัปดนเองออก   
 
นัยน์ตาสีบรั่นดีมองเสี้ยวหน้าด้านข้างของชายที่พรากความบริสุทธิ์ไปในขณะถูกจัดให้ยกแขนโอบรอบต้นไม้ ก่อนสองริมฝีปากที่อยู่ใกล้กันเป็นไม่ได้ เหมือนน้ำมันกับไฟจะแนบสนิทเป็นเนื้อเดียว หรัญญ์ยันฝ่ามือหนึ่งกับต้นไม้ตอนเล่นน้ำลายเป็นเด็ก ยอมให้ลิ้นเล็กเลียปากระหว่างดันเจ้าโลกเข้าในหว่างก้นและการเดินทางสุดรัญจวนใจก็เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง 

ความต้องการไม่ได้เกิดแล้วดับไปเหมือนร่างกายมนุษย์

จะหยุดได้ก็ต่อเมื่อไม่ต้องการ

ร่างเล็กหันกลับไปซบหน้ากับต้นไม้พลางโอบกอดมันไว้แน่นแทนหมอนข้างระหว่างหลับตาลงเพื่อที่จะฝันถึงวันหนึ่งในฤดูร้อน นอนแก้ผ้าริมทะเลสาบ วิ่งลงไปเล่นน้ำแล้วกลับขึ้นบกที่โสโครกไปด้วยเรื่องราวอันโสมม ก่อนความสุขนั้นจะทำให้ละเมอเผลอร้องระงมขึ้นมา   

หรัญญ์เองก็หลับตาดื่มด่ำกับบรรยากาศแสนหวาน ฟาดมือกับก้นงอนเป็นครั้งคราวขณะเคลื่อนสะโพกสอบ เสือกแก่นกายเข้าออกไม่ออมแรงจนผิวบริเวณรอบช่องแคบแดงระเรื่อเจือความบอบช้ำอย่างหนัก 

เสียงลมหายใจกระชั้นชิดดังถี่ขึ้นจนแม้แต่ตัวเองยังได้ยินเสียงของตัวเองชัดเจน

เสียงกัดฟันกรอดเด่นชัดอยู่ในโสตประสาท

ขนาดเสียงเหงื่อหยดลงบนดินยังดังกังวานอย่างไม่น่าเชื่อ

แล้วเมื่อค่อย ๆ ลืมตาท้องฟ้าก็ถูกบดบังด้วยเพดานไม้ ตอนนั้นเองที่หนุ่มใหญ่หายเคลิบเคลิ้มกับความสุขแล้วลุกพรวดพราดขึ้นมานั่งอย่างตกใจ รีบควานมือหาอีกร่างที่เมื่อคืนจำได้ว่าอุ้มมานอนตรงนี้ พอดีกับที่มีเสียงเคาะประตูห้องจากด้านนอกเบา ๆ แต่เจ้าของนัยน์ตาดำด้านทำเพียงนั่งมองความว่างเปล่าพลางเสยผมเผ้าที่ยุ่งอย่างลวก ๆ

แล้วก็มีเศษดินร่วงกร้าวลงมาจากฝ่ามือใหญ่

ถ้าหากไม่มีเศษดินติดตามตัวกับเสื้อผ้ามาก็คงจะนึกว่าเรื่องทุกอย่างเป็นเพียงความฝันของคนช่างเพ้อ คราบดินที่แห้งกรังเต็มสองฝ่าเท้าช่วยยืนยันได้อีกแรงว่าเหตุการณ์ทั้งหมดในป่านั้นเป็นความจริง ลองเอามือทาบกับผ้าปูที่นอนก็ยังสัมผัสได้ถึงไอร้อนของอีกคน 

‘ตื่นได้แล้วไอ้เสือ’ 

หรัญญ์กลับคืนสู่ปัจจุบันได้เพราะสหายพยายามเรียกจนคอแห้ง

“ฉันตื่นแล้ว ขออาบน้ำก่อนแล้วเดี๋ยวตามลงไป”

ตะโกนกลับเพื่อทำให้เพื่อนหายเป็นกังวล รอจนเสียงเดินเงียบไปถึงได้ลุกจากเตียง หรัญญ์เดินถอดเสื้อเข้ามาในห้องน้ำและหันหลังกลับเพื่อเหลือบมองรอยข่วนสดใหม่ผ่านเงาในกระจก มันเป็นอีกหนึ่งหลักฐานที่ร่างเล็กฝากไว้ในยกถัดมาและดูท่าคงต้องใช้เวลาอีกหลายวันกว่าจะจาง แต่ถ้าให้เลือกระหว่างตื่นมาเจอร่องรอยที่เกิดจากการร่วมรักกับมีอีกคนนอนอยู่ข้าง ๆ หนุ่มใหญ่ที่เพิ่งเดินตัวเปียกออกมาสวมชุดใหม่ขอเลือกอย่างหลัง

หรัญญ์ก้าวลงบันไดวนมายังด้านล่างอย่างรีบร้อน แต่ดันเจอเพื่อนกวักมือเรียกจากในห้องทานอาหารเสียก่อน ความตั้งใจที่จะออกไปตามหาร่างเล็กจึงต้องมีอันพับเก็บใส่กระเป๋า

ช่วงขายาวเปลี่ยนทิศทาง ย่างเข้าใกล้โต๊ะทานข้าวทุกขณะ แต่ว่ากว่าจะไปถึงก็ต้องผ่านตู้โชว์ของมากมาย ทั้งที่เมื่อวานเดินผ่านไปแล้วตั้งหลายรอบ เพิ่งจะมาสะดุดตากับกรอบรูปบานเล็กอันหนึ่งที่วางอยู่กึ่งกลางระหว่างภาพทิวทัศน์

หรัญญ์เดินถอยหลังกลับมาที่ตู้กระจกแล้วถือวิสาสะเปิดตู้เพื่อหยิบกรอบรูปบานนั้นมาดูใกล้ ๆ และได้เห็นใบหน้าแสนคุ้นตาในรูปแบบของกระดาษ เด็กชายทำสีหน้าเรียบเฉยขณะในมือกำก้านดอกไม้ไว้ ราวกับตากล้องตามเดินถ่ายแล้วอาศัยจังหวะหันกลับมามอง ภาพจึงออกมาแนวกำลังเผลอ

“ดูอะไรอยู่วะ”  กวินทร์เข้ามาได้จังหวะ นั่งรอกินข้าวจนแสบท้องและเมื่อเพื่อนยังไม่มีท่าจะเดินไปหาสักทีจึงลองเดินมาดู เหมือนรู้ว่าคนยืนนิ่งไปกำลังต้องการใครสักคนที่พอจะอธิบายและสามารถให้คำตอบกับเรื่องนี้ได้

“นี่รูปใคร”

หรัญญ์ถามแล้วมองตามมือที่ฉวยกรอบรูปไปดู พอเห็นหัวแม่โป้งของกวินทร์ลูบใบหน้าเล็กผ่านแผ่นกระจกบาง ๆ ด้วยความทะนุถนอมแล้วยิ่งสงสัย ผิดกลับเพื่อนที่มีสีหน้าสลดลงอย่างเห็นได้ชัด แววตานั้นแสดงออกถึงความห่วงหาอาลัย ก่อนจะอ้าปากเฉลยทั้งชื่อและความจริงที่แสนน่าใจหายให้ฟัง น็อกผู้ชายร่างยักษ์ให้ยืนมึนงงคล้ายโดนชกไปหลายหมัด   

มะลิน่ะ”  หัวแม่โป้งยังคงลูบอยู่อย่างนั้น  “หลานชาย เสียไปเมื่อสองปีก่อน







---------------------------------------
ชอบไม่ชอบเม้นบอกกันได้นะคะ  :hao5:
แล้วก็สามารถติดตามข่าวสารได้ที่เพจเลยค่ะ ---> 9crimes - นายคราม FANPAGE  (https://www.facebook.com/pg/9crimess/posts/?ref=page_internal)

หัวข้อ: Re: ———— เหมายัน ———— (ปฐมบท) ๐๖.๐๙.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: Jthida ที่ 06-09-2017 23:59:12
ตายละค่ะ อะไรยังไงคะ
หัวข้อ: Re: ———— เหมายัน ———— (ปฐมบท) ๐๖.๐๙.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: __puppy ที่ 07-09-2017 00:38:33
 :impress2: เจิมๆๆๆๆๆ ก่อน เดี่ยวอ่านน
หัวข้อ: Re: ———— เหมายัน ———— (ปฐมบท) ๐๖.๐๙.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 07-09-2017 22:51:42
ยังไงกันหนอ
หัวข้อ: Re: ———— เหมายัน ———— (ปฐมบท) ๐๖.๐๙.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: catka12 ที่ 08-09-2017 04:29:56
At first  :haun4: ... then,   o22  o22  o22 .... so,........
All in all....  o13
หัวข้อ: Re: ———— เหมายัน ———— (ปฐมบท) ๐๖.๐๙.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 08-09-2017 08:08:03
 :pig4:  :pig4:
หัวข้อ: Re: ———— เหมายัน ———— (ปฐมบท) ๐๖.๐๙.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: darinsaya ที่ 08-09-2017 16:20:15
 :o8: :ling1: :o8: เอาแล้วไง
หัวข้อ: Re: ———— เหมายัน ———— (ปฐมบท) ๐๖.๐๙.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: กระเหี้ยนกระหือรือ ที่ 09-09-2017 18:30:56

๐๒




หรัญญ์ถูกคำบอกเล่าของเพื่อนหลอกหลอนตลอดเจ็ดสิบสองชั่วโมงที่ผ่านมา ขนาดอาบน้ำสระผม พรมหัวจนเปียกโชกแต่ประโยคเหล่านั้นก็ไม่มีทีท่าว่าจะไหลไปตามน้ำ พอ ๆ กับที่ภาพของเด็ก ‘มะลิ’ ยังติดตาและได้กลิ่นกายหอมหวนติดอยู่ที่ปลายจมูก ฟุ้งซ่านทั้งยามหลับยามตื่น เด็กตัวเล็ก ๆ มีอำนาจมากพอที่จะยึดพื้นที่ความคิดจนไม่เป็นอันทำอะไร
   
ตัวนั่งประจำที่โต๊ะทำงาน แต่ใจนั้นลอยไปไกลแสนไกล

กาแฟที่เลขาสาวชงมาให้กลายเป็นหมัน มันเย็นชืดเกินกว่าใครจะกล้ากระเดือกลงคอ นิ้วกร้านทำแค่เคาะกับโต๊ะกระจกระหว่างคิดไม่ตกว่าจะจัดการกับความข้องใจที่กลายเป็นส่วนเดียวกับเลือดในร่างกายนี้อย่างไร

สาบานได้ว่าไม่มีเจตนาจะปรักปำสหายว่าพูดปดมดเท็จ แต่เพราะตัวเองก็ไม่ได้แค่เห็นแต่มือยังต้อง ได้สัมผัสเนื้อหนังมังสาของเด็กชายที่ถูกระบุว่าตายไปแล้วเองกับมือ

แล้วเท่าที่รู้มาวิญญาณก็เป็นแค่มวลสาร เบาบางเหมือนอากาศ ถ้าอย่างนั้นจะอธิบายความหนักบนหน้าตักตอนร่างเล็กนั่งทับอย่างไร จะมีอาจารย์คณะไสยศาสตร์คนไหนอธิบายให้เข้าใจได้บ้าง แถมคืนนั้นก็ไม่ได้แตะเหล้าสักหยด จะโทษว่าเป็นเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ก็ไม่ได้

พี้ยาจนหลอนยิ่งไม่ใช่ใหญ่และมั่นใจว่าไม่ได้เผลอกินอะไรมั่วซั้วก่อนนอนแน่นอน   

สุดท้ายกำปั้นหนาก็ทุบกับโต๊ะกระจกอย่างแรงเมื่อทนแบกรับความสงสัยอีกต่อไปไม่ไหว พอกันทีกับความกระวนกระวายที่เป็นฝ่ายเผชิญเพียงลำพัง ในเมื่อการนั่งอยู่เฉย ๆ ไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นมา มือใหญ่จึงคว้าข้าวของแค่ที่จำเป็นเสร็จก็ระเห็จออกจากห้องทำงาน ตอนแรกเดินผ่านหน้าโต๊ะเลขาไป ก่อนจะเดินถอยหลังกลับมาใหม่เพื่อเอ่ยถามในเรื่องที่ตัวเองใคร่รู้

“ท่านประธานเข้ามาหรือยัง”

“ประชุมกับฝ่ายจัดซื้ออยู่ค่ะ” 

นัยน์ตาดำด้านหันไปทางตำแหน่งของห้องประชุมหลักซึ่งบุรอบข้างด้วยกระจกใสจนสามารถเห็นใบหน้าของกวินทร์ที่นั่งวางหมาดท่านประธานได้ถนัด หลังจากที่ไปหาวันนั้น เช้าวันมาต่อมาสหายก็ยอมตกลงรับงานผู้บริหารอย่างไม่อิดออด จนหรัญญ์ยังอดแปลกใจไม่ได้

แต่แทนที่จะมามัวสงสัยให้เสียเวลา ถ้าผลลัพธ์เป็นไปตามเป้าหมายก็คือจบกัน

หลายพันชีวิตรอดตายถือเป็นความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ของที่ปรึกษาเลยก็ว่าได้เชียวล่ะ     

“ช่วงบ่ายฉันจะไม่เข้ามาแล้ว ถ้าใครถามว่าไปไหนให้บอกว่าไปทำธุระส่วนตัว”
กลัวมีคนมาถามหาจึงวางเส้นเรื่องให้เลขาพูดตามเสร็จสรรพ

คนโดดงานขับยานพาหนะคู่ใจออกจากลานจอดรถของตึกสูงระฟ้า บังคับพวงมาลัยไปตามเส้นทางที่เริ่มร้างตึกรามบ้านช่องทุกขณะ เป็นระยะหลายสิบกิโลกว่าจะถึงที่หมาย

จากถนนเส้นใหญ่กลายเป็นแคบแทบพอดีกับคันรถ ต้นไม้บริเวณสองข้างทางให้ความรู้สึกเหมือนกำลังบีบเข้ามา ป่าเขียวชอุ่มทำให้รู้สึกอึดอัด กลุ่มเมฆไล่ตามหลังมาดูท่าอีกไม่นานไอน้ำคงกลั่นเป็นห่าฝน 

หรัญญ์ขับรถมาตามทางราบที่เลียบไปกับแม่น้ำสายเล็ก ๆ ก่อนจะสังเกตเห็นบางอย่างผ่านกระจกข้าง เหลือบเห็นแผ่นหลังที่ทำเอาใจเต้นแรง ใครบางคนนั่งแกว่งเท้าอยู่ตรงท่าน้ำและมองปราดเดียวก็จำได้แม่นยำ จนตัดสินใจจอดรถมันกลางทางทั้งที่อีกร้อยเมตรกว่า ๆ ก็จะถึงตัวบ้าน หนุ่มใหญ่ทำอะไรรวดเร็วทันใจเหมือนกลับไปเป็นวัยรุ่นใจร้อนอีกครั้ง

พร้อมเข้าสู่ชั่วโมงล่าท้าความจริงอย่างไม่มีความเกรงกลัวใด ๆ ทั้งสิ้น ค่อย ๆ เดินเข้าใกล้เด็กชายที่กำลังปาหินลงน้ำ แต่ยิ่งระวังฝีเท้ามากเท่าไหร่ยิ่งกลายเป็นทำเสียงอึกทึกครึกโครม ดันเหยียบกิ่งไม้แห้งจนมันหักและร่างเล็กก็หันขวับกลับมามองด้วยสีหน้าตกใจ

“ฉันเอง ฉันไง จำได้ไหม”  รีบออกตัวก่อนยืนหน้าสลอนให้มองชัด ๆ 

พูดกระตุ้นความทรงจำหลังจากที่กลับไปไม่ทันล่ำลา หวังว่าจะยังไม่ลืมหน้าชายโฉดที่เคยปล้นสะดมน้ำหวานไปและกลับมาให้ดอกไม้เห็นหน้าอีกทีในสามวันให้หลัง

ร่างเล็กเอียงหน้ามอง ต้องใช้เวลาพอสมควรกว่าจะพยักหน้าแทนการตอบว่าจำได้ ก่อนใบหน้าจะปรากฏสัญลักษณ์ของความเขินอาย เหมือนมีนักวาดสะบัดสีแดงใส่โหนกแก้มอย่างไรอย่างนั้น เจ้าของนามว่ามะลิรีบหยัดกายลุกขึ้นยืน ตั้งท่าจะเดินไปทางอื่นทั้งที่ยังอมยิ้ม 

“เดี๋ยวสิ จะไปไหนน่ะ”  ปากถามขาก็ขยับตามอัตโนมัติ

หรัญญ์ถอดสูทตัวนอกออกเพราะอากาศที่ร้อนอบอ้าว แล้วรีบเคลื่อนเท้าตามเด็กชายให้ทันและดันพลาดจับมือเล็กที่แกว่งอยู่ข้างลำตัวไปอย่างน่าเสียดาย

แต่หนุ่มใหญ่ก็ไม่ล้มเลิกความตั้งใจง่าย ๆ แค่อยากสัมผัสให้แน่ใจว่าผิวกายยังตัวอุ่นเฉกเช่นมนุษย์ หาใช่วิญญาณอาฆาตที่ยังไม่ยอมไปผุดไปเกิดเสียที

จด ๆ จ้อง ๆ มองมือที่ลูบไล้ใบไม้ละสองข้างทางตาไม่กะพริบในขณะร่างเล็กยังเดินหน้าต่อไปอย่างไม่รีบร้อน กินลมชมวิวและสูดอากาศบริสุทธิ์จนชุ่มปอด เด็กน้อยกำลังสอนให้ผู้ใหญ่รู้จักใจเย็นเมื่อเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ

ซึ่งหรัญญ์ก็เดินช้าลงอย่างเห็นได้ชัด

จากปกติที่เดินเร็วเป็นกิจวัตร ต้องเร่งรีบเพราะเดี๋ยวไม่ทันตารางงานที่แน่นขนัดพอ ๆ กับปมเนกไท คนมีภาระต้องรับผิดชอบแทบจะลืมไปแล้วว่าเดินเล่นจริง ๆ จัง ๆ ครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ อาจเป็นช่วงมัธยมปลายไม่ก็มหาลัยฯ แต่รวม ๆ แล้วมันก็หลายปีที่ขายวิญญาณให้กับโรงงานอุตสาหกรรม ทำตามสูตรและไม่เคยหลุดกรอบจารีตประเพณี คลุกคลีกับสารเคมีจนผิวหนังชินไปเองและไม่เคยเล็งเห็นความงดงามที่ปราศจากสิ่งปรุงแต่ง

มะลิพาอีกคนเดินตัดผ่านใจกลางป่า ก่อนจะแวะเด็ดบางอย่างออกจากต้น
ผลของมันขนาดเท่าลูกปัด นอกจากจะกินเองยังหันกลับมายื่นให้ผู้ใหญ่

“ให้ฉัน…? มันกินได้เหรอ”  กลัวสิ่งแปลกปลอมแต่ก็ยอมกินเมื่อร่างเล็กเป็นฝ่ายป้อนให้ ฟันคมลองเคี้ยวจนรสชาติแปลกใหม่เคลือบไปบนเกลียวลิ้น  “หวานดีแฮะ”

ร่างเล็กที่ยืนรอดูปฏิกิริยายกยิ้มกว้างพลางพยักเพยิดหน้าเห็นด้วย แล้วค่อยชวนหรัญญ์ออกวิ่ง เรียกว่ากึ่งลากกึ่งจูงดีกว่า ฝ่ายที่ถูกกุมข้อแขนรีบประกบมือกับหลังมือเล็กไว้ขณะก้าวเดินผ่านต้นไม้ที่บดบังทัศนียภาพจนมาพบกับลำธารที่น้ำใสสะอาดขนาดเห็นตัวปลา

มะลิกระโดดลงน้ำที่มีความสูงเท่าเข่าและเดินฝ่ากระแสน้ำอย่างชำนาญในระหว่างที่คนมาด้วยกันรีบถอดรองเท้าหนังออกแล้ววางมันกองไว้กับเสื้อสูทสีดำ ทั้งคู่ข้ามไปยังอีกฝั่งโดยสวัสดิ์ภาพแล้วเดินย้อนไปทางต้นน้ำที่เห็นอยู่ไม่ไกล 

“ไม่ยักรู้ว่าที่แบบนี้ …ด้วย” 

พึมพำไม่ทันขาดตอน เผลอกลืนน้ำลายลงคอเพราะเห็นคนที่วิ่งล่วงหน้าไปก่อนถอดชุดจนเนื้อตัวล่อนจ้อน แสงแดดสะท้อนกับผิวกระเบื้องเคลือบจนเกือบทำคนจ้องตาบอด 

หรัญญ์ตัดสินใจถอดเข็มขัด ถัดมาด้วยการปลดตะขอกางเกงอย่างรีบร้อนระหว่างมองร่างเล็กไม่คลาดสายตา แก้ผ้าแก้ผ่อนตอนบ่ายกว่าอย่างไม่อายเจ้าป่าเจ้าเขาแล้วเดินเท้าเปล่าลุยลงน้ำที่เพิ่มระดับความสูงขึ้นเรื่อย ๆ จนเสมออก

อุณหภูมิที่เย็นของน้ำทำให้สมองโล่งจนคิดอะไรดี ๆ ออก 

นัยน์ตาดำด้านมองเป้าหมายที่ดำผุดดำว่ายแล้วค่อยมุดตัวลงใต้น้ำอย่างเงียบเชียบ 

ตอนนั้นเองที่มะลิหันกลับมากวาดสายตาแล้วเจอเพียงความว่างเปล่า หันหัวไปทางไหนก็ไร้เงาร่างสูงใหญ่จนใบหน้าเริ่มถอดสี ถึงจะมีพัฒนาการหลาย ๆ ด้านช้ากว่าเด็กรุ่นเดียวกันหลายเท่า แต่ก็เข้าใจคำว่าหวาดกลัวอย่างถ่องแท้

นอกจากในท้องแม่ก็ไม่มีที่ไหนแล้วที่ปลอดภัย

แต่ในระหว่างที่กำลังรู้สึกเคว้งคว้าง จู่ ๆ ก็มีพรายหนุ่มรูปงามโผล่พรวดขึ้นมาจากน้ำและพยายามล่อหลอกด้วยความเจ้าเล่ห์ โปรยเสน่ห์อันร้ายกาจผ่านแววตาเจ้าชู้ เสยผมไปด้านหลังขณะอมยิ้มอย่างอารมณ์ดี แต่ดูเหมือนว่าจะมีแค่คนเล่นพิเรนทร์ที่สนุก

ผิดกับคนถูกแกล้งที่ขวัญหนีดีฟ่อจนน้ำตาคลอเบ้า มะลิตกอยู่ในอาการซึมเศร้าและน้ำตาไหลราวกับสั่งได้ ร่างเล็กอยากหลบไปอยู่คนเดียวไม่ขอข้องเกี่ยวกับคนขี้แกล้งสักพัก แต่ก็ยังช้ากว่าช่วงแขนยาวที่ตวัดรัดเอวคอดในน้ำและรั้งกลับเข้าหาตัวจนหน้าท้องแบนราบเบียดเสียดกับลอนกล้ามจำนวนมาตรฐาน   

“ฉันขอโทษ”  เอ่ยอย่างลนลานพานรู้สึกผิดมหันต์ 

หรัญญ์พยายามโน้มใบหน้าที่เบือนหนีให้หันกลับมา ปลอบประโลมด้วยสัมผัสท่ามกลางการขัดขืนเล็กน้อย ฝ่ามือใหญ่กุมพวงแก้มร้อนฉ่าไว้เพื่อคอยรองรับน้ำตาแห่งความเสียใจ ให้ร่างเล็กยืมมือเป็นที่พักพิงอิงแอบ เอาแก้มซบแล้วหลับตาร้องไห้เงียบ ๆ   

‘หลานชาย เสียไปเมื่อสองปีก่อน’

คำพูดของเพื่อนเตือนความจำได้ถูกเวลา
จังหวะเดียวกับที่หรัญญ์ประจักษ์แล้วว่าร่างเล็กนั้นมีตัวตนจริง ๆ

หยดน้ำที่กลิ้งบนความขาวเนียนถูกเช็ดออกไปด้วยปลายนิ้วโป้ง กร้านนิ้วยาวเกลี่ยผิวหมดจด ขจัดสิ่งที่บดบังสายตาออกไปไม่มีเหลือก็เพื่อจะยลโฉม  “ผีทุกตนจะสวยเหมือนเธอไหม”  ถามด้วยความสงสัยระหว่างมะลิช้อนนัยน์ตาแดงก่ำมองอย่างเว้าวอน  “ถ้าบอกว่าเป็นนางฟ้าฉันยังจะเชื่อมากกว่า”  ละเมอพูดคนเดียวตอนที่นิ้วเกี่ยวกับมุมปากบาง

ร่างเล็กงับปลายหัวแม่โป้งอย่างแผ่วเบา
เอาฟันขูด ใช้ปากรูดตามความยาวราวกับหิว ดูดนิ้วหนุ่มใหญ่เล่นเหมือนเด็กแรกเกิด 

“เธอเป็นใครกันแน่นะ”  เกือบจะหลงไปกับสิ่งยั่วยุ แต่ก่อนสงครามอารมณ์จะอุบัติ ร่างเล็กกลับหยุดมันด้วยการสวมกอดแล้วอ้อนเสียงเครือว่า  “หนาว…”

ทั้งสองคนจับมือกันเดินเข้าฝั่งและเป็นมะลิถูกอุ้มขึ้นบกก่อน
ส่วนหรัญญ์ยังลอยคอในน้ำ กำลังจะปีนขึ้นตามแต่กลับมีเหตุให้ต้องชะงัก หลังจากสบสายตาเข้ากับรอยช้ำบริเวณข้อเท้าขาว เรื่องน่าสงสัยก็เพิ่มเข้ามาอีกหนึ่ง ก่อนจะเป็นร่างเล็กที่ชักขากลับ ทะลึ่งพรวดลุกขึ้นยืนแล้ววิ่งหนีทั้งสภาพชีเปลือย

เดือดร้อนให้ผู้ใหญ่ช่างสังเกตต้องรีบขึ้นจากน้ำและตามเก็บชุดให้ทั้งที่ตัวเองก็ยังใส่เสื้อผ้าไม่เรียบร้อย เสื้อค่อยใส่ระหว่างทาง สวมแต่กางเกงไปก่อน หรัญญ์เดินอาด ๆ จนตามทันและกอดรัดฟัดเหวี่ยงเพียงเพื่อให้มะลิใส่เสื้อผ้าก่อนจะเป็นปอดบวมตายหรือมีไข้ถามหา

ผู้ใหญ่เดินนำบ้างและส่งมือให้ร่างเล็กจับยามต้องข้ามลำธารเพื่อกลับไปทางเก่า สละรองเท้าให้สวม ถึงจะหลวมแต่คนได้ใส่ก็ยังชอบใจ ส่วนตัวเองยอมเดินเท้าเปล่าไปตลอดทาง   

ร่างเล็กขอเสื้อสูทตัวโคล่งไปใส่ สยายเสื้อเป็นปีกแล้วออกวิ่งเป็นวงกลมวนรอบตัวคนอายุมากกว่า เดี๋ยวก็ล้มหรอกบอกไม่ทันขาดคำ เกือบหน้าคะมำดีที่รับตัวไว้ได้และเพื่อตอบแทนแก่ความมีน้ำใจจึงให้เลือกทำได้หนึ่งอย่าง แน่นอนว่าหนุ่มใหญ่ไม่ลังเลที่จูบอย่างมูมมามจัดให้ตามประสงค์ ส่วนการถลกชายกระโปรงขึ้นนั้นเป็นคำบัญชาจากสัญชาตญาณดิบล้วน ๆ






มีต่อด้านล่าง

หัวข้อ: Re: ———— เหมายัน ———— (ปฐมบท) ๐๖.๐๙.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: กระเหี้ยนกระหือรือ ที่ 09-09-2017 18:40:58
ว่ากันว่าช่วงเวลาแห่งความสุขมักผ่านไปไวเสมอ พอเจอกับตัวถึงเข้าใจ 

แต่มันก็ไม่ได้เร็วจนถึงขนาดไล่เก็บความอิ่มเอมใจไม่ทัน หรัญญ์เก็บได้กระบุงใหญ่และมีกำลังวังชาแบกข้ามภูเขาได้เป็นลูก ๆ จิตใจกระโดดโลดเต้นเหมือนถูกล็อตตารี่รางวัลที่หนึ่ง รู้สึกเหมือนได้ย้อนวันวานกลับไปในช่วงแตกเนื้อหนุ่ม กระชุ่มกระชวยขึ้นมากหลังจากที่สองสามเดือนก่อนเอาแต่ใช้ชีวิตแบบผ่อนส่งไปวัน ๆ 

ชายผู้ให้คำสัตย์สาบานว่าจะมีเมียเดียวจวบจวนสิ้นอายุขัยยอมรับว่าแอบเข็ดขยาดกับความรักและตั้งใจจะครองโสดไปจนวันตาย เคยเหน็บแหนมอดีตภรรยาว่าหาสามีใหม่ได้เร็วดีนะ แต่กลายเป็นว่าตัวเองก็ไม่ต่างกันและอาจจะหลงเด็กมากกว่า เรียกได้ว่าเข้าขั้นหัวปักหัวปำ

ตามติดยิ่งกว่าเงาตามตัวเพราะกลัวจะซนจนเลือดตกยางออก 

พนักงานบริษัทผันตัวเป็นพี่เลี้ยงเด็ก พาร่างเล็กมาล้างหน้าล้างตาที่ท่าน้ำแถวบ้านและอนุญาตให้เอาขาจุ่มน้ำได้ มะลินั่งแกว่งขาสบายใจเฉิบตอนอีกคนกวักน้ำขึ้นมาลูบตามแขนตามขา ที่มีคราบดินติดตามร่างกายก็เพราะว่าหกคะล้ม ตอนจับกบเพราะรีบวิ่งหนีมันก็น่าสงสารอยู่หรอก แต่ผู้ใหญ่ก็อาศัยช่วงนั้นแอบมองข้างใต้ร่มผ้าจนเห็นไปถึงไหนต่อไหน   

ดวงตาสุกสกาวเห็นดอกไม้ลอยมากับกระแสน้ำกำลังจะผ่านเลยไปจึงชี้จะเอา หรัญญ์ที่แขนยาวแต่ไม่มากพอให้คว้าจึงหย่อนตัวลงน้ำไวเท่าความคิด เดินลุยทั้งกางเกงเพื่อหยิบสิ่งที่ร่างเล็กปรารถนามาให้ มือน้อยรับดอกไม้ไว้ด้วยความยินดีก่อนจะยกขึ้นดมฟุดฟิด

ได้กลิ่นทีก็ยิ้มกว้าง อ้าปากงับทำท่าจะแทะกลีบสีอ่อนจนหรัญญ์ต้องรีบห้ามว่าไม่ได้ มันไม่ใช่อาหาร โดยหารู้ไม่ว่าเมื่อวานร่างเล็กแอบกินไปแล้วตอนอยู่ตามลำพังและมีวีรกรรมอีกมากมายที่ไม่ควรเอาเป็นเยี่ยงอย่าง เช่นการทำให้ผู้ชายอีกคนตกหลุมรักอย่างถอนตัวไม่ขึ้น

“ชอบเหรอ”  หรัญญ์ที่เห็นว่าไหน ๆ ก็เปียกแล้วเลยยืนในน้ำมันซะเลยเอ่ยปากถามเด็กชายตรงหน้าที่ไม่ได้ยึดแค่ท่าน้ำไว้คนเดียวแต่ยังยึดหัวใจที่เคยแห้งเหี่ยวไว้ได้ซะอยู่หมัด

หางตาเหลือบเห็นอีกดอกลอยอยู่ไม่ไกลจึงเก็บขึ้นมาทัดข้างใบหูขาวและที่ทำไม่ใช่เพื่อพยายามเอาใจ แค่รู้สึกว่าดอกไม้เป็นสัญลักษณ์ของความงดงามที่จับต้องได้และไม่มีอะไรเหมาะกับร่างเล็กกว่านี้อีกแล้วก็เท่านั้น

“สวย”  มะลิยกมือคลำดอกไม้ที่กกหูแล้วชมตัวเองหน้าตาเฉย ตามด้วยการเอ่ยเสียงอ่อนเสียงหวานหันนิ้วชี้เข้าหาคนยืนต้านกระแสน้ำเอื่อย ๆ  “หล่อ”

“ฮ่า ๆ”  เดินทางมาไกลได้หัวเราะแค่สักครั้งสองครั้งก็ยังถือว่าคุ้มกับค่าน้ำมันและถือโอกาสแนะนำตัวอย่างเป็นทางการ  “ฉันชื่อหรัญญ์”  ช้าไปหน่อยแต่อย่างน้อยก็บอก ไม่อยากให้ร่างเล็กมองว่าไม่จริงใจและแน่นอนว่าในอนาคตจะบอกมากกว่านี้

หวังว่าอีกคนก็จะทำเหมือนกัน อาจต้องใช้เวลาแต่ก็จะรอ 

“ไหนลองเรียกฉันว่าหรัญญ์ซิ”

“หล่อ”

“ไม่ ฉันชื่อหรัญญ์”

“หล่อ”  จีบปากจีบคอตะเบ็งเสียงสู้ 

“หล่อก็หล่อ”  ผู้ใหญ่ยอมแพ้ ดีกว่าต้องวิ่งหายาแก้อักเสบให้เด็กกิน  “เห็นแบบนี้ฉันก็อายเป็นนะ”  หน้าบางเพราะคำชม แต่อมยิ้มเขินไม่ทันไรก็หลุดขำอีกหนเมื่อร่างเล็กเอาดอกไม้ที่เหลือทัดหูคืนและออกปากชมเปราะว่า  “สวย”

พูดกลับไปกลับมาจนหนุ่มใหญ่อยากรู้ว่าจริง ๆ แล้วในสายตาร่างเล็กตัวเองดูเป็นยังไง

“ตกลงฉันสวยหรือหล่อ เลือกมาสักอย่างสิ …มะลิ”

เจ้าของชื่อชะงักไปเผยนัยน์ตาเลิ่กลั่ก หนึ่งในสิ่งที่รู้ก็คือชื่อของตัวเองแต่ร่างเล็กส่ายหน้าปฏิเสธ เหมือนไม่ชอบมันและไม่ต้องการให้อีกคนเอ่ยถึงชื่อนั้นอีกเด็ดขาด มีอาการลนลานและตื่นตระหนกจนหรัญญ์รีบกอดปลอบและกล่าวประโยคเดิมซ้ำ ๆ พูดว่าไม่เป็นไรนับครั้งไม่ถ้วน  “ไม่อยากเลือก”  เสียงหวานพึมพำกับอก ท่าทางซึมลงถนัดตา

“ไม่เป็นไร”  ไม่อยากเลือกก็ไม่ต้องเลือก กะอีแค่สวยหรือหล่อมันไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายที่จะต้องมาบังคับให้ตอบกันอยู่แล้ว ความรู้สึกผิดสะท้านอยู่ในอกซ้ายของชายวัยสามสิบกว่า คนทำให้บรรยากาศกร่อยก็หน้าเดิม ๆ แต่ข้อดีของมันก็คือการเริ่มจับทางได้ว่าควรระวังคำพูด   

สุดท้ายแล้วมะลิอาจปฏิเสธการเลือกในครั้งนี้ได้ แต่ยังไงซะวันหนึ่งที่ต้องเลือกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็จะมาถึงอยู่ดี 
“เอาดอกไม้อีกไหม ให้ฉันทำอะไรไถ่โทษดี” 

มือใหญ่ดันไหล่แคบออกห่างตัว ใช้หัวโขกเบา ๆ เอาหน้าผากดันหน้าผาก เล่นด้วยเพราะอยากให้อีกฝ่ายอารมณ์ดีกลับมามีชีวิตชีวา อุตส่าห์จุมพิตหน้าผากเสียงดังหวังว่าร่างเล็กจะให้ความสนใจแต่ก็ไม่ จูบตามไรผมก็แล้ว หอมตามแนวขมับลามลงแก้มอย่างไว ๆ กลีบปากหนาแนบกับปลายจมูกมน กดจูบริมฝีปากแดงก่ำแค่ภายนอก รวมถึงคาง ซอกคอ ไห้ปลาร้า หอมหัวไหล่ผ่านผ้าอย่างอ้อยอิ่ง ดูสิว่าจะนั่งนิ่งได้อีกนานแค่ไหน 

ไม่รู้ว่าการบุกรุกร่างกายถูกบัญญัติว่าเป็นการละเล่นไปตั้งแต่เมื่อไหร่ อาจเป็นเพียงความคิดของชายชอบฉวยโอกาสที่สรรหาเหตุผลมาอ้างเพื่อหักลบกลบความจริงที่ว่าตัวเองฝักใฝ่ในราคะและปรารถนาจะกระทำชำเราเด็กน้อยตั้งแต่อยู่ในป่าแล้วก็เป็นได้ 

แววตาร้ายกาจหลุบมองกำปั้นเล็กที่แสดงออกถึงความเกร็งจัด หรัญญ์นวดจนสองมือนั้นยอมคลายออก มะลินั่งมองการแสดงมายากลชิดติดขอบเวที เหมือนมีไฟเผากายทั้งที่ไม่เห็นแม้แต่เขม่าควัน ชายเบื้องหน้าบันดาลให้มวนท้องทั้งที่ไม่มีไม้กายสิทธิ์

มีเพียงริมฝีปากที่ตามติดผิวกายไปทุกหนทุกแห่ง ประกบปากกับท้องแขนทุกระยะ เคลื่อนมาจูบหน้าท้องแบนราบที่มีชุดเป็นกำบัง ก้มหน้างับตามผ้าที่ปกคลุมขาเล็กทั้งสองข้างอย่างเชื่องช้าและหยุดการกระทำน่าหวาดเสียวไว้ที่หัวเข่าซึ่งปรากฏปื้นแดง ก่อนจะจูบร่องรอยจากการหกล้มแผ่วเบาแต่เข่านั้นแอบกระตุกนิดหน่อยเพราะความเจ็บที่ยังไม่หายไป

ใช้ปลายฟันกัดชายกระโปรงแล้วเลิกขึ้นเหนือหัวเข่าเข้าไปถึงโคนขา ลิ้นร้อนไล่เลียผิวละเอียดย้อนไปย้อนมาจนเด็กน้อยใจคอไม่ดี หายใจถี่ขึ้นทุกขณะ เผยอปากแต่ไม่กว้างมากเท่าขาที่ถูกจับแยกออก ผู้ใหญ่มุดหัวเข้าใต้กระโปรงเพื่อครอบครองพวงสวรรค์ขนาดกะทัดรัดด้วยปาก ทำอะไรประเจิดประเจ้ออย่างไม่กลัวใครจะเดินมาเจอฉากอัศจรรย์เข้า

ระหว่างเล้าโลมก็แอบงัดจรวดตัวเองออกมาขัดให้มันวาว สาวด้วยมือจนแก่นกายแข็งทื่อเป็นท่อนไม้ที่ถ้าฟาดตามร่างกายคงทำให้สะดุ้งไม่น้อย หนุ่มใหญ่ยอมวางมือจากของกระจุ๋มกระจิ๋ม โผล่หน้าออกจากกระโปรงแล้วยกมือเช็ดริมฝีปากที่เลอะคราบใสๆ

เจ้าของร่างกายกำยำล่ำสันไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่ายืดตัวตรงแล้วตามด้วยการปลดกางเกงลง เป็นร่างเล็กที่กางขาออกอย่างรู้งาน เปิดสัญญาณไฟเขียวด้วยการโกยชายผ้าขึ้นและยอมให้คนยืนในน้ำลำเลียงท่อนไม้ผ่านเส้นทางลับแลได้สะดวก 
 
การล่วงเกินครั้งแรกอาจอ้างได้ว่ารู้เท่าไม่ถึงการณ์ ครั้งที่สองศาลก็อาจจะยังพอรับฟังเหตุผล แต่ถ้ามีหนที่สามเมื่อไหร่นั่นหมายถึงโทษประหารโดยไม่จำเป็นต้องรอลงอาญา 
 
เพราะการเสพสังวาสกับเด็กอายุต่ำกว่าสิบห้าถือเป็นการกระทำนอกรีดและเป็นเรื่องที่คนในสังคมส่วนใหญ่พยายามปกปิดในขณะคนที่ส่วนน้อยมองว่าผิดมหันต์และหากดึงดันจะแสดงพฤติกรรมลบลู่กฎหมายก็ต้องเตรียมใจถูกตรวนในสักวัน

หรัญญ์ยอมรับโดยดุษฎีหากจะมีการลงโทษ คิดว่าความรู้สึกคงไม่ต่างกันเท่าไหร่เพราะยังไงทุกวันนี้ก็โดนล่ามด้วยโซ่ที่เรียกว่าจริยธรรมจนชิน มีความผิดอีกสักกระทงคงไม่ใช่ปัญหาใหญ่ ปัญหาหนักอกหนักใจในตอนนี้คือจะควบคุมผีร้ายในใจอย่างไรต่างหาก 

กลายเป็นตัวเองที่ถูกตามใจ แม้จะรุนแรงด้วยแค่ไหนมะลิก็ไม่ปริปากบ่นสักคำ ทำแค่คล้องแขนกับคอแกร่ง ตัวโยนเพราะแรงกระแทกที่แบ่งช่วงเป็นช้าสลับเร็ว สองขาที่ห้อยต่องแต่งยกขึ้นเกี่ยวเอวสอบเป็นลูกลิง เอนตัวพิงตอนนั่งหมิ่นเหม่บนท่าน้ำ ไม่ค่อยถนัดแต่ก็พอทำเนา ก่อนจะตัดสินใจอุ้มเข้าเอวแล้วขยับช่วงล่าง ได้ทดสอบทั้งพละกำลังขาและแขนไปด้วย ท่านี้ช่วยกระชับความสัมพันธ์ให้ยิ่งแน่นแฟ้น แน่นขนัดจนเด็กน้อยหวีดร้องไม่ขาดปาก

ดอกไม้ร่วงล่นจากใบหู เมื่อยึดผมไม่อยู่ก็ต้องจำจากลา ไหลสะเทินไปกับสายน้ำ

ร่างเล็กมองตามด้วยสายตาอาลัยอาวรณ์ก่อนจะฝังหน้ากับบ่ากว้างด้วยความกระดากอาย หายใจกระท่อนกระแท่นระหว่างอีกคนแหงนหน้าซูดปาก กำลังเข้าสู่ช่วงกลางถ้ารักษาจังหวะสม่ำเสมอไว้ได้อีกไม่นานคงพิชิตเส้นชัย

รางวัลสำหรับผู้ชนะคือน้ำดื่มแก้กระหาย หลังจากได้เสียเป็นผัวเมียกันทั้งยืน หรัญญ์ก็ปล่อยร่างเล็กลงสู่พื้นราบ ให้นอนแผ่กับท่าน้ำแล้วจับสองขาขาวตั้งฉาก เหมือนสุตินารีแพทย์กำลังทำคลอดสอดนิ้วเพื่อวัดระยะห่างของหัวเด็กโดยมีร่างเล็กคอยส่งเสียงครางบอกทางให้กับหมอที่เริ่มคลำมั่วซั่ว แล้วมุดหัวเข้าใต้กระโปรงอีกครั้งและเลียตามโคนขาด้านในเสียงดัง

สร้างความขัดเขินให้กับมะลิที่นอนไม่เป็นสุข แถมยังถูกพลิกร่างเหมือนปลาหมึกย่างบนเตาถ่าน ร่างเล็กนอนคว่ำบนไม้กระดานแล้วค่อย ๆ คลานถอยหลัง หย่อนขาลงน้ำแต่ไม่ถึงกับยืนเหยียบพื้น ทั้งที่น้ำเท่าหัวเข่าแต่จู่ ๆ ก็มีคลื่นยักษ์ซัดเข้าอย่างจังจนกระเทือนทั้งร่าง

เพราะเอวสอบที่เคลื่อนไหวไม่บั้นยะบั้น ร่างเล็กถึงได้ตกอยู่ในสภาพสั่นเป็นเจ้าเข้าและต้องรีบเอามือเท้ากับขอบไม้ จิตใจร้อนรนเหมือนคนที่กำลังตกนรกมกไหม้ อเวจีสีชมพูเปิดประตูต้อนรับทั้งคู่ทุกเวลาและให้ความรู้สึกคล้ายกับว่ากำลังเดินอยู่บนสรวงสวรรค์ 

หรัญญ์ยัดแก่นกายที่หลุดกลับเข้าไปใหม่แล้วดันเข้าข้างในสุดแรง แกล้งเว้นจังหวะ ทำช้าลงระหว่างที่ก้นงอนกระดกรับอัตโนมัติ หน้าขากับแก้มก้นบดเบียดส่อเสียดกันไปมา ขยับเขยื้อนด้วยจังหวะจะโคนที่เริ่มพร้อมเพรียงและส่อสำเนียงถูกอกถูกใจเป็นพัก ๆ
 
เจ้าโลกถูกชักออกจากช่องทางคับแคบอย่างไว ก่อนจะพลิกร่างกายเล็กนอนหงายและให้กระเทิบขึ้นไปนอนดี ๆ มือใหญ่ประคองแก่นกายป้วนเปี้ยนส่วนปลายอยู่แถวทางเข้าสีแดงก่ำและเสียงทุ้มต่ำก็คำรามเสียงดังเมื่อสอดใส่แล้วผนังร้อนต้อนรับด้วยการตอดอย่างแรง

มะลินอนมองสีหน้าทรมานนั้นด้วยความสนอกสนใจ เด็กน้อยรู้จักที่จะชายตามอง แต่ก็ต้องรีบหลับตาเพราะแสงแดดอันเจิดจ้า ใต้ดวงตะวันมนุษย์สมสู่กันเยี่ยงสัตว์เดรัจฉาน

ร่างเล็กเอนตัวรับแรงกระแทกกระทั้นที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นเสมือนเป็นโอกาสสุดท้ายในชีวิตแสนสั้น หรัญญ์กดฝ่ามือกับโคนขาขาวในช่วงโค้งสุดท้ายระหว่างเคลื่อนสะโพกไม่ยั้งจนกระทั่งเกิดขีดสุด รับรู้ได้ถึงสิ่งที่พุ่งกระฉูดออกไป แค่อึดใจเดียวความเสียวก็ช็อตไปทั้งร่างจนได้กลิ่นไหม้จากผิว

ต่างฝ่ายต่างหน้านิ่วคิ้วขมวดเมื่อจรวดติดล็อกไม่มีสารคัดหลั่งได้กระเด็นออกมาข้างนอกสักหยด ต้องรอจนกว่าอาการดูดจะทุเลา ผู้ใหญ่ใช้เวลานั้นทิ้งตัวราวกับอยู่บนเตียงนอน ล้มทับคนที่อ่อนเพลียพอกัน ทั้งยังรู้สึกอึดอัดด้วย แต่ท่าทางออดอ้อนนอนเกลือกแก้มกับอกแคบไปมาก็พอจะช่วยบรรเทาอาการครั้นเนื้อครั้นตัวไปได้มาก

ร่างเล็กหันมาหัวเราะเพราะรู้สึกจั๊กจี้แทน   

‘คุณหนูมะลิคะ…คุณหนู’ 

เสียงตามสายลมทำให้ฉากที่ควรจะจบด้วยความโรแมนติกกลายเป็นยิ่งกว่าละครแอคชั่น ตอนที่ป้าแม่บ้านค่อย ๆ เดินผ่านท่าน้ำไปทั้งคู่ก็อาศัยใต้ไม้กระดานเป็นที่ซ่อน

มะลิหัวเราะคิกคักที่หญิงอายุห้าสิบตอนปลายจับไม่ได้ไล่ไม่ทันแล้วค่อยหันตัวที่นั่งแช่ในน้ำไปมากกว่าครึ่งกลับมาหาหรัญญ์ที่กอดซ้อนหลังไว้

‘แล้วรถใครมาจอดตรงนี้ล่ะเนี่ย’     
   
ผู้ใหญ่ยักคิ้วหลิ่วตาให้เด็กน้อยที่ลอยคอในน้ำและกำลังเล่นเป่าฟอง

‘คุณหนูคะได้เวลาทานข้าวเย็นแล้วนะ’

แสงตะวันลอดมาตามร่องไม้ตอนที่ฝ่ายอายุเยอะกว่าร่วมเล่นเป่าปาก สร้างฟองได้มหาศาลจนร่างเล็กตื่นตาตื่นใจ เอามือไล่ตะครุบฟองอากาศเป็นพัลวัน แต่ก่อนที่เสียงร้องว้าวจะกลายเป็นปัญหา ราชสีห์ที่วันนี้ยอมลดตัวลงน้ำก็ได้คาบริมฝีปากบางมากินได้ทันท่วงที

ปล่อยให้หญิงร่างท้วมที่หันกลับมามองแล้วพบเพียงความว่างเปล่าเข้าใจว่าตัวเองหูฝาด ป้าแม่บ้านส่งเสียงเรียกคุณหนูต่อไป กลัวจะไปล้มหัวร้างข้างแตกที่ไหนจึงภาวนาให้กลับมาอย่างปลอดภัย ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ปกป้องจากสัตว์ร้าย …ซึ่งก็สายไปเสียแล้ว










---------------------------------------
✘ ✘ ✘  มาอัพตอน2แล้วค่ะ ชื่อเรื่องอ่านว่า เห-มา-ยัน ไม่ใช่ เหมา-ยันนะ >< หวังว่าจะชอบและติดตามเรื่องราวไปจนจบนะคะ
ตอนนี้ยังไม่มีแท็กในทวิตอย่างเป็นทางการเลยค่ะ ตุ๊กติ๊กกำลังคิดๆอยู่ เหมายันเฉยๆก็มีคนใช้ไปแล้ว ถ้าใครมีความคิดดีๆสามารถเสนอได้นะคะ ◕‿◕。
แล้วก็สามารถติดตามข่าวสารได้ที่เพจเลยค่ะ ---> 9crimes - นายคราม FANPAGE  (https://www.facebook.com/pg/9crimess/posts/?ref=page_internal)

หัวข้อ: Re: ———— เหมายัน ———— (๐๒) ๐๙.๐๙.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: Kirimanjaro ที่ 09-09-2017 20:08:45
อื้อหืออออออออ

สำนวนสวิงสวายมากกก   ส่วนฉากนั้นก็  ดีสุด ๆ    จนคนอ่านแทบจะอยากกินเด็กตาม 555+
หัวข้อ: Re: ———— เหมายัน ———— (๐๒) ๐๙.๐๙.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 09-09-2017 20:24:48
มีแม่บ้านมาตามเสียด้วย แต่ทำไมบอกว่าหลานตายแล้ว ตกลงยังไงหนอ
หัวข้อ: Re: ———— เหมายัน ———— (๐๒) ๐๙.๐๙.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: manami1155 ที่ 10-09-2017 23:05:16
คือจะบอกว่าคนเขียนเก่งมากกกก
ใช้คำเปรียบเทียบสำบัดสำนวนได้ดีมากกกกก
แถมยังผูกปมได้ดี น่าติดตามมากๆค่ะ

พี่หรัญญ์กินเด็กขนาดนี้
ระวังไอคุกๆนะพี่ 5565

ว่าแต่หนูมะลินี้สรุปยังงัย ตายไม่ตาย
แล้วถ้าตายจะมาเล่นจ้ำจี้กับพี่หรัญ์ได้งัย
คนอ่านงงมากค่ะ

มาต่อตอนต่อไปเร็วๆนะคะ
อยากอ่านต่อแล้วค่า
หัวข้อ: Re: ———— เหมายัน ———— (๐๒) ๐๙.๐๙.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: FeaRes ที่ 10-09-2017 23:10:42
น่าสนใจมากกกกก
 :mew1:
หัวข้อ: Re: ———— เหมายัน ———— (๐๒) ๐๙.๐๙.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 10-09-2017 23:28:58
โหยยยยย เราชอบภาษามากเลยค่ะะะะ อ่านแล้วแบบร้องหูยร้องโหยตลอด ชอบการเปรียบเปรยอ่านแล้วอินเหมือนเราเป็นคนบาปที่รังแกน้องเองเลย สรุปว่าน้องตายแล้ว แล้วแม่บ้านนี่คนหรือผีคะ เอ๊ะ ยังไง ติดตามตอนต่อไปนะคะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ———— เหมายัน ———— (๐๒) ๐๙.๐๙.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: Raccool ที่ 11-09-2017 00:03:41
ติดตามค่ะะะ
สำนวนสลวยเหลือเกินนนนน
ระหว่างนี้จะแจ้งตำรวจไปพลาง ฮือออ คุกๆๆๆๆๆ  :hao7: :hao6:
หัวข้อ: Re: ———— เหมายัน ———— (๐๒) ๐๙.๐๙.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: valenpinkpink ที่ 11-09-2017 11:27:43
รอติดตามนะคะ เนื้อเรื่องน่าสนใจมาก :impress2:
หัวข้อ: Re: ———— เหมายัน ———— (๐๒) ๐๙.๐๙.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: mpp ที่ 12-09-2017 12:43:53
เป็นฉากรักดิบเถื่อนแต่อ่านแล้วไม่รู้สึกว่ามันหยาบโลน
สำนวนดีมากเลยค่ะ บรรยายละเอียดแต่ไม่น่าเบื่อชวนง่วงเลยสักนิด
ปมเรื่องที่ค่อยทอดตัวลงมาก็มีเสน่ห์มากเลย วางโครงเรื่องได้ดี

คราวนี้มีแม่บ้านโผล่มาด้วยอีกคน ฟีลจะคล้ายๆ เรือนมยุราหรือเปล่านา
แบบตายไปแล้วแต่ยังมีมิติทับซ้อนที่คล้ายกับว่ายังมีชีวิตอยู่
ฮ่ลลลลล รอติดตามใจจดใจจ่อค่ะ ^^
หัวข้อ: Re: ———— เหมายัน ———— (๐๒) ๐๙.๐๙.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: กระเหี้ยนกระหือรือ ที่ 12-09-2017 23:47:39

๐๓




เดิมทีอัธยาศัยก็ไม่ได้ดีเด่อะไร แต่หลายวันมานี้ที่ปรึกษาเจ้าของฉายาเสือยิ้มยากกลับยิ้มกว้างผิดหูผิดตา แถมเลิกเย็นชาหันมาพยักหน้ารับเวลามีพนักงานหยุดทำความเคารพ ตลอดทางที่เคยอบอวลไปด้วยไอน้ำแข็งโดนแสงแดดละลายจนลูกน้องรับรู้ได้ถึงไออุ่น แทบจะจัดงานเลี้ยงฉลองที่เจ้านายดูเป็นมนุษย์เหมือนกับคนอื่นเขา   

ช่วงขายาวก้าวผ่านโต๊ะเลขาไม่ทันพ้น หญิงสาวรีบทักว่ามีคนส่งเอกสารมาให้ตั้งแต่เช้า

“เจ้านายคะ มีเอกสารถึงเจ้านายค่ะ”

“ขอบใจมาก”

หรัญญ์ที่รู้ดีว่าข้างในซองสีน้ำตาลเป็นเอกสารอะไรรับมันมาไว้ในมือระหว่างยิ้มน้อย ๆ แล้วค่อยเดินเข้าห้องทำงานอย่างรักษามาด แต่แค่บานประตูปิดไม่ทันไรก็รีบจัดการวางสัมภาระพวกกระเป๋าไว้บนโต๊ะกระจกและยกซองขึ้นมาเปิดผนึก ดึงปึกกระดาษข้างในขึ้นมาดูให้แน่ใจว่าใช่เอกสารเดียวกับที่ต้องการ 

“เดี๋ยวนี้ชอบหายหน้าหายตานะเพื่อน” 

น้ำเสียงคุ้นหูเอ่ยทักตั้งแต่เปิดประตูเข้ามาขณะที่หรัญญ์หลุบตาลงต่ำ มือยัดเอกสารกลับเข้าในซองอย่างใจเย็น กระทำการซ่อนด้วยความสงบ วางมันลงแล้วเอาแฟ้มกลบเกลื่อน ก่อนจะหันหลังกลับมายิ้มแย้มให้กับคนที่เรียกว่าเพื่อนรัก   

“สงสัยต้องหางานให้ที่ปรึกษาทำเพิ่มแล้วล่ะมั้ง”

“ท่านประธานมาหาผมถึงนี้มีอะไรหรือเปล่าครับ”

“ทำเป็นทางการขึ้นมาเชียวนะ”  ตั้งแต่มารับตำแหน่งสำคัญก็แทบไม่มีเวลาปฏิสัมพันธ์กับสหาย อยู่บริษัทเดียวกันแท้ ๆ แต่จะหาเวลาเจอกันนั้นเป็นเรื่องยาก อยากนั่งจิบน้ำชาด้วยจะแย่ แต่เลขาก็เอาแต่บอกว่าวันนี้ต้องทำอะไร ไปไหน กว่าจะได้พักก็หมดเวลาไปอีกหนึ่งวัน

เกือบอาทิตย์แล้วที่ไม่ได้กลับบ้าน คิดถึงคนทางนั้นใจแทบขาด 

“ก็ว่าจะมาชวนไปกินข้าวกลางวัน”

“เสียใจ ฉันมีนัดแล้ว”

“กับใครวะ”  กวินทร์ถามอย่างกระตือรือร้น   
 
“ไม่ใช่กงการของท่านประธานครับ”

“อะไรกันวะ แค่นี้ต้องมีความลับกับฉันด้วย”  กวินทร์ตัดพ้อ

ส่วนหรัญญ์แทบอยากจะสวนกลับว่านายเองก็มีความลับกับฉันเหมือนกันนี่ ยังไม่ได้คิดบัญชีเรื่องที่โกหกว่าหลานตายและทำให้หลงเชื่อไปอยู่หลายวันว่าตัวเองลอบมีความสัมพันธ์กับผี แต่ที่ยังสงวนท่าทางก็เพราะยังไม่ต้องการให้เรื่องของตัวเองกับเด็กชายมะลิแดงขึ้นมาก่อนเวลาอันควร จะไม่ยอมชวดรางวัลนักแสดงดีเด่นให้กับมือสมัครเล่นอย่างสหายแน่นอน ละครเรื่องนี้พระเอกจะตีหน้าซื่อ ทำเป็นไขสือต่อไป

“จะว่าไปช่วงนี้แกหน้าตาดูแจ่มใสขึ้นนะ หรือว่าแอบไปชอบลูกสาวบ้านไหนเข้า”

กวินทร์มีทักษะการเดาที่เยี่ยมยอด จนหรัญญ์ยังแอบกลัวใจ   

“ไม่คิดว่าฉันอาจจะกำลังมีความสุขกับการทำงานบ้างเหรอ”

“โกหกขอให้นกเขาไม่ขัน” 

ถ้านกเขาใช้การขึ้นมาไม่ได้จริง ๆ คงแย่ คนโกหกหน้าตายจึงทำแค่แสยะมุมปาก ไม่ปฏิเสธแต่ก็ไม่ยอมรับ นั่นยิ่งทำให้คู่สนทนาสงสัยและมั่นใจกับข้อสันนิษฐานของตัวเองมากกว่าเดิมจนนำไปสู่การซักไซ้ไล่เรียงด้วยน้ำเสียงสอดรู้สอดเห็น  “เป็นใคร ฉันรู้จักไหม”

ยิ่งถามลงรายละเอียดมากเท่าไหร่ ยิ่งรับรู้ได้ว่าอีกฝ่ายไม่อยากจะตอบ จนท่านประธานอยากจะใช้อำนาจสั่งให้ลูกจ้างพูดออกมาเดี๋ยวนั้น ติดที่เผด็จการไม่มากพอ ไม่อยากจะชวนทะเลาะตั้งแต่หัววันด้วย ป่วยการจะเซ้าซี้  “ไม่อยากบอกก็ไม่ต้องบอก แต่ถ้าแต่งงานใหม่อีกรอบคราวนี้ฉันขอเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวนะ”  พูดเสร็จก็ตบบ่าสองสามที อยู่นานกว่านี้ก็ดูจะเป็นการรบกวน เป้าหมายมีแค่การชวนไปทานข้าวด้วยกันแต่ในเมื่ออีกคนมีนัดแล้วก็เข้าใจ

ปิดท้ายว่าไม่ต้องคิดมากแล้วกวินทร์ก็เดินออกจากห้องไป

โดยมีนัยน์ตาดำด้านมองตามไล่หลังอย่างเฉยชา หรัญญ์รอจนกระทั่งไม่เห็นเงาหัวของเจ้านายแล้วค่อยอพยพตัวเองออกจากห้องบ้างทั้งที่มีเอกสารให้อ่านอีกเป็นกอง เข้ามาอย่างช้าออกไปอย่างไว ก้าวเดินผ่านสายตาใครต่อใครรวมถึงสายตาเหยี่ยวของกวินทร์ที่หยุดยืนคุยงานกับลูกน้องหน้าห้องพอดิบพอดี 

ที่ที่คนเมืองจะไปก็ไม่ใช่ที่ไหนไกล ขับรถจนชินกับระยะทาง คิดว่ามันใกล้เหมือนไปกลับระหว่างห้องนอนกับห้องน้ำ บังคับพวงมาลัยด้วยความไม่ประมาทและระหว่างทางไม่ลืมแวะซื้อเค้กขนมที่เป็นขวัญใจของเด็ก เลือกเองกับมือแล้วถือถุงด้วยความทะนุถนอมกลับมาที่รถ

สี่ล้อผ่านการบดปูนแล้วหยุดบนหน้าดิน หรัญญ์เลือกจะจอดรถห่างจากตัวบ้าน ทำอะไรรัดกุมขึ้นแล้วเดินเท้าเข้ามาอย่างเงียบ ๆ แน่นอนว่าไม่เผลอเหยียบกิ่งไม้อีกแล้ว เรียนรู้การเดินเยี่ยงแมวเก้าชีวิต เปิดแล้วปิดประตูบ้านเข้ามาด้านในที่มืดสนิท ก็เล่นปิดผ้าม่านทุกบานแสงมันจะลอดเข้ามาได้อย่างไร แถมบรรยากาศก็ให้ความรู้สึกแตกต่างจากวันแรกที่มาลิบลับ

มือข้างที่ว่างคลำหาสวิตซ์ไฟ ออกแรงกดเมื่อคิดว่าใช่จนในบริเวณสว่างโล่

หรัญญ์โผล่หน้าไปก่อนตัวเพราะกลัวมีอะไรผิดพลาดจะได้หลบป้าแม่บ้านทัน รายนั้นถึงจะไม่ได้ประจำอยู่ที่บ้านแต่ก็ต้องมาหุงหาอาหารให้กับคุณหนูสามมื้อและมีหน้าที่ถือกุญแจบ้าน ล็อกบานประตูเป็นเวลา

ขายาวสับผ่านตู้กระจกที่มีกรอบรูปมะลิอยู่ในนั้นไป ก้าวขึ้นบันไดสู่ชั้นสอง ไม่รู้หรอกว่าห้องไหนเป็นห้องไหน อาศัยสุ่มเอา แต่ถ้าตัดห้องที่เคยพักกับห้องที่จำได้ลาง ๆ ว่าเป็นของกวินทร์ออกไปก็เดาไม่ยาก ต้องเปิดถูกสักบานแต่กลายเป็นว่าเดินวนมันอยู่รอบชั้น

บ้านไม้กลายเป็นเขาวงกตไปเสียได้ ก่อนจะตัดสินใจก้าวขึ้นบนไดสู่ชั้นสามและพบกับบานประตูเดียวที่ปิดอยู่  “มะลิ…”  ลองเรียกและเมื่อไม่มีเสียงใดขานรับกลับมาจึงถือวิสาสะหมุนลูกบิดและได้ยินเสียงเคลื่อนไหว พอเห็นว่าเป็นใครที่เดินเข้ามาร่างเล็กที่กำลังนอนวาดรูประบายสีอยู่บนพื้นก็รีบลุกขึ้นยืนยิ้มตายี่ ก่อนจะวิ่งปรี่มากอดเอวสอบ 

“ดูสิฉันมีอะไรมาฝาก”  คนถือของพะรุงพะรังเอ่ยแล้วชูถุงร้านขนมชื่อดังขึ้นนิด ๆ 

“เค้ก!”

เด็กน้อยกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ  “ขอได้ไหม ๆ”  แบมือทั้งสองข้างเพราะอยากถือเอง แล้วหลังจากที่ได้ถือตามปรารถนาก็เดินตัวเกร็งกลับไปกลางห้อง วางกล่องกับพื้นแล้วแกะอย่างรีบร้อน ร่างเล็กใช้นิ้วต่างช้อน จิ้มครีมขาวเอาเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อย

คนไม่ค่อยชอบน้ำตาลเท่าไหร่ให้เวลาเด็กน้อยได้ละเลียดกับความหวานอย่างเต็มที่ ร่างสูงใหญ่ย่างกรายเข้ามาในห้องใต้หลังคาและเจอปัญหาหัวเกือบชนเพดาน ระหว่างยิ้มให้ร่างเล็กก็ไล่สายตามองสภาพห้องที่ค่อนข้างสะอาดสะอ้าน คงได้รับการกวาดถูเป็นประจำ มือกร้านลูบคลำข้าวของที่ห้องนอนตัวอย่างพึ่งจะมีแล้วหันหน้าไปทางผนังอีกด้านที่มีภาพวาดแปะอยู่มากมาย ลายเส้นยึกยือมาจากฝีมือนักวาดฝึกหัด 

หรัญญ์เดินข้ามสีเทียนที่กลิ้งเกลื่อนเต็มพื้น

“ชอบวาดรูปเหรอเรา”

มองดูทีละภาพก่อนจะสะดุดกับรูป ๆ หนึ่งซึ่งมีลักษณะคล้ายกับเจ้าโลกของผู้ชายกับอีกภาพที่ดูคับคล้ายคับคลาว่าจะวาดจำลองมาจากห้องที่ตนยืนอยู่ มีมนุษย์กางปลาแขนขาครบ ผมสามเส้นกับอวัยวะเพศใหญ่ที่ผิดสัดส่วน

ภาพพวกนี้ทั้งชวนให้ฉงนและสังเวชใจในเวลาเดียวกัน เคยได้อ่านผ่านตามาบ้างว่าเด็กที่โดนทารุณกรรมมักระบายความเจ็บปวดผ่านภาพวาด ขีดเขียนเพื่อเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้น

หรัญญ์ยืนจ้องอยู่เนิ่นนานขณะลองจินตนาการว่าร่างเล็กต้องผ่านอะไรมาบ้าง 

“ใครสอนวาดภาพพวกนี้เหรอ”   

มะลิโคลงหัวไปมา ศิลปะพวกนั้นถูกส่งผ่านมาทางจิตใต้สำนึกที่เปรียบเสมือนกล่องสมบัติ ซึ่งด้านในนั้นบรรจุความลับดำมืดเอาไว้มหาศาล ร่างเล็กบันทึกความทรงจำผ่านการมองเห็น การได้ยิน สัมผัสและลิ้มรส ความโหดร้ายกลายเป็นเพื่อนแท้ตั้งแต่ตัดสายสะดือ   

หรัญญ์เดินมานั่งที่เตียงขนาดสามฟุตแล้วเรียกให้ร่างเล็กขึ้นมานั่งข้าง ๆ ด้วยการตบเตียง ไม่ต้องทำซ้ำสองเด็กน้อยก็ผละออกจากกล่องเค้กมาหย่อนก้นบนพื้นที่ว่าง พยายามใช้มือเช็ดปาก แล้วคนที่กลัวว่าจะเลอะมากกว่าเดิมก็ใช้หลังมือช่วยเช็ดให้อีกที
   
“กวินทร์ …ทำอะไรเธอหรือเปล่า”  เริ่มต้นซักประวัติเหมือนหมอที่ถามอาการว่าวันนี้คนไข้เป็นอะไรมา สอบถามด้วยท่าทีอ่อนโยนทั้งที่อยากรู้เหตุผลใจแทบขาด ทำไมกวินทร์ต้องถึงขั้นปั้นน้ำเป็นตัวมาหลอกกันด้วย  “เธออยู่ที่นี่กับกวินทร์ใช่ไหม” 

“อากวินทร์”  เสียงหวานทวนชื่อบุคคลที่สามซ้ำราวกับจะถามว่าใช่กวินทร์คนเดียวกันไหม

“ใช่ อากวินทร์”

สิ้นคำยืนยันมะลิก็เดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าแล้วหยิบชุดยาวมาทาบกับตัว 

“เขาซื้อให้เธอเหรอ”

ร่างเล็กพยักหน้างึกงัก  “ทั้งหมดนั่น…?”  หรัญญ์อดรู้สึกแปลกใจไม่ได้เมื่อเห็นชุดกระโปรงยาวขาวล้วนแขวนเป็นระเบียบเรียบร้อยอยู่ในตู้ไม้ขนาดกลางเป็นสิบ ๆ ตัว  “ไม่ยักรู้ว่าหมอนั่นคลั่งสีขาว”

“หมา กวินทร์เป็นหมา”

“หมา…?”

เด็กน้อยทำอะไรปุบปับ เดินเข้ามาเลียหน้าเลียปากผู้ใหญ่  “เดี๋ยวสิ”  ฝ่ายตั้งรับไม่ทันเผลอดันตัวฝ่ายจู่โจมออก มองลึกเข้าไปในแก้วตาสุกใสก่อนจะฉุกคิดอะไรที่ค่อนข้างลามกออก สมองลองชั่งใจถึงความเป็นไปได้ กลืนน้ำลายอึกใหญ่แล้วลองแทนชื่อสหายด้วยสัตว์สี่ขา 

“หมา… ชอบเลียหน้าเธอแบบนี้เหรอ”

มะลิไม่ตอบและเปลี่ยนไปทำท่าคลานรอบห้อง เห่าบ็อกบ็อกบ็อก   

“ฉันไม่เข้าใจ”  ถูกดึงเข้าสู่ช่วงเกมทายคำและจับใจความจากภาษากายไม่ได้สักที

จนเมื่อร่างเล็กให้คำใบ้ว่า  “ขี่”  วลีสั้น ๆ บวกกับท่าคลาน

หรัญญ์จึงเดา  “เขาให้เธอขี่หลัง…? ทำไม” 

ร่างเล็กส่ายหน้าเป็นพัลวัน เลิกคลานแล้วหยัดการขึ้นยืนเต็มตัว  “น่ากลัว”  กิริยาหวาดหวั่นผันเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม มะลิเดินมาหาคนนั่งบนเตียงด้วยท่าทางแปลก ๆ

“หมายถึง…”

“ชู่ว”  เอานิ้วแตะริมฝีปากหนาเพื่อให้หยุดส่งเสียงก่อนดัดสำเนียงให้ทุ้มและนุ่มลึก  “เด็กดี อยู่เฉย ๆ”  เอ่ยวาจาเหมือนตัวเองเป็นผู้ใหญ่และใช้มือลูบหัวคนอายุมากกว่าด้วยความเอ็นดู หรัญญ์รู้สึกว่าร่างเล็กกำลังลอกเลียนแบบพฤติกรรมใครสักคนและสวมบทบาทนั้นได้อย่างสมจริง มะลิขึ้นคร่อมคนที่นั่งนิ่งไปแล้วไล้ปลายจมูกกับกรอบหน้าสมสัดส่วน   
 
“เขาทำร้ายเธอหรือเปล่า หมายถึงตีเธอ”  ไม่แน่ใจว่าร่างเล็กรู้ความหมายของคำว่าตีหรือเปล่า แล้วก็ไม่ได้เบาใจลงเลยแม้ว่าดวงหน้าขาวจะส่ายไปมาปฏิเสธว่าไม่เคยถูกตี 

“งั้นฉันขอดูรอยที่ข้อเท้าหน่อย” 

มะลิถอยกรูดไปนั่งยอง ๆ ตรงปลายเตียงแล้วเอากระโปรงคลุมเท้า 

“แค่ดูเท่านั้น”  หรัญญ์พยายามโน้มน้าวด้วยรอยยิ้มบาง ๆ

จนร่างเล็กพอจะวางใจ ยื่นเท้าให้ดูช้า ๆ

เมื่อพ้นชายกระโปรงถึงได้เห็นว่าข้อเท้ามีทั้งรอยช้ำเก่าและใหม่ ถ้าปล่อยไว้ไม่รักษาดูท่าจะเป็นแผลเป็น  “ยังเจ็บอยู่หรือเปล่า”
ส่ายหน้าแล้วก็พยักหน้า  “งั้นเดี๋ยวฉันไปหายามาทาให้” 

“อย่าไป” 

“ฉันแค่จะลงไปเอายา”  ปากว่าตาก้มลงมองมือเล็กที่คว้าชายแขนเสื้อตัวเองไว้และกำไม่ปล่อย  “ฉันไม่ได้จะไปไหนสักหน่อย”
“ไปด้วยได้ไหม”  ทั้งแววตาและน้ำเสียงนั้นอ้อนวอนเกินกว่าจะแค่ขอลงไปเอายาด้วย

เหมือนเห็นเด็กน้อยเรียกให้ช่วยจากในดวงตาสีน้ำตาล เด็กคนนั้นมีสีหน้าโศกเศร้า นั่งกอดเข่าอยู่เพียงลำพังท่ามกลางความเวิ้งว้างของหลุมดำ 

หรัญญ์ไม่ได้ตกปากรับคำใด ๆ แค่ให้เด็กน้อยขี่หลังลงไปเอายาด้วยแล้วกลับขึ้นมาช่วยกันทายาที่ข้อเท้า ไม่นานมะลิก็หาววอด แต่แทนที่จะนอนกลางวันบนเตียงตามปกติวันนี้มีเบาะกิตติมศักดิ์มาให้นอนทับ ร่างเล็กหลับปุ๋ยบนตัวหนุ่มใหญ่ที่กำลังนอนมองออกไปนอกหน้าต่างระหว่างใช้ความคิดอย่างหนัก แค่กำลังคิดหาทางออกอย่างสันติวิธี แต่คิดไปคิดมาแล้วการลักพาตัวเด็กคนหนึ่งไปดูจะง่ายกว่าการคุยกับผู้ปกครองที่มีสิทธิ์โดยชอบธรรมนัก






มีต่อด้านล่าง

หัวข้อ: Re: ———— เหมายัน ———— (๐๒) ๐๙.๐๙.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: กระเหี้ยนกระหือรือ ที่ 13-09-2017 00:01:02
กว่าซองเอกสารสีน้ำตาลจะถูกเปิดออกอีกครั้งก็ย่ำค่ำเข้าไปแล้ว 

เพราะหนุ่มใหญ่มัวแต่ใช้เวลาก่อนหน้านั้นไปกับการอาบน้ำดับความหงุดหงิดที่ตัวเองทำอะไรไม่ได้มากนอกจากต้องทิ้งเด็กน้อยไว้ในบ้านกลางป่าอีกคืน คนจากมาจำภาพสีหน้าเศร้าหมองได้ติดตา ร่างเล็กไม่แม้แต่จะโบกมือลาในตอนที่เอ่ยว่าแล้วพรุ่งนี้ฉันจะมาหาใหม่     

หรัญญ์คิดว่าพฤติกรรมตัวเองคล้ายคลึงกับเสี่ยบ้ากามที่กลับไปหาอีหนูคนเดิมเพื่อเติมเต็มความกระหาย แต่จุดที่แตกต่างกันคือไม่ได้หวังฟันแล้วก็แยกย้ายกลับบ้าน ยังจำทุกคำที่ลั่นวาจาได้ดี รับปากว่าจะช่วยออกมาจากนักค้าทาสเพียงแต่แค่ยังไม่ใช่วันนี้ก็เท่านั้น

มันดูเป็นคำพูดขายฝันของผู้ชายปากหวานก็จริง แต่สิ่งหนึ่งที่จะเกิดขึ้นแน่คือการรับผิดชอบต่อสิ่งที่กระทำลงไป คิดถึงการแต่งงานครั้งใหม่กับเด็กผู้ชาย ซึ่งใครมาได้ยินเข้าคงคิดว่าเตรียมการจะประชดเมียเก่าเป็นแน่ แต่เปล่าเลย ก็แค่คนที่เคยถูกกาลเวลาหักหลัง เสียเวลาพิสูจน์ตั้งสิบกว่าปีถึงค่อยได้คำตอบว่าคบสั้นคบนานก็ไม่มีความหมาย คนจะไปก็หมดใจเสียดื้อ ๆ 

อายุที่เพิ่มมากขึ้นทุกวันทำให้ตระหนักว่าไม่ควรรออีกต่อไป แต่กำลังคิดให้ออกว่าควรจะให้อะไรเป็นสินสอดในเมื่อคนอย่างกวินทร์มีเงินทองมากพอให้นอนกอดไปจนตายแล้ว ไหนจะเรื่องความสัมพันธ์ของสองอาหลานที่แสนคลุมเครือ ต้องคิดหาทางปรองดองพร้อมกับต้องหาความกระจ่างในเรื่องนี้ไปพร้อม ๆ กัน

ใครจะไปรู้บางทีตนอาจจะตกอยู่ในสถานะมือที่สามแล้วก็เป็นได้

หรัญญ์ใช้มือลูบหน้าลูบตาที่เหนื่อยล้าสะสมจากการเทียวขับรถก่อนจะหยิบกระดาษสีขาวขึ้นมาอ่าน ในหนึ่งหน้าเอสี่อัดแน่นไปด้วยตัวหนังสือขนาดมาตรฐาน บรรยายประวัติตั้งแต่รุ่นคุณทวดของกวินทร์เรียงเป็นพารากราฟ แต่สิ่งที่ทำให้นัยน์ตาดำด้านสนใจหาใช่ยศถาบรรดาศักดิ์หรือความเป็นเลิศทางปัญญาที่ถ่ายทอดผ่านทางพันธุกรรม คำจำกัดความของตระกูลเก่าแก่ที่ว่าเป็นตระกูลต้องสาปทำให้ข้อความยาวเหยียดยิ่งดูน่าสนใจ 

หลังจากที่รุ่นแรกและสองทยอยล้มหายตายจากไปตามกาลเวลา ลูกหลานก็ต้องประสบกับชะตากรรมประหลาดและขึ้นชื่อเรื่องอายุสั้นจนเป็นที่โจษจันในแวดวงสังคม รุ่นสามจบชีวิตด้วยโรคร้ายเสียส่วนใหญ่ ส่วนรุ่นสี่สิ้นใจเพราะอุบัติเหตุไปซะครึ่ง

กวินทร์มีพี่ชายหนึ่ง พี่สาวสองและน้องชายอีกคนรวมเป็นห้า พี่ชายคนโตประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ พี่สาวคนแรกพบเนื้อร้ายในสมอง น้องชายคนสุดท้องก็เพราะความประมาทในการขับขี่อีกเช่นกัน มีเพียงพี่สาวคนที่สองที่ถูกระบุวันมรณะ แต่สาเหตุการตายไม่ได้รับการกล่าวถึง กวินทร์เป็นทายาทหนึ่งเดียวที่รอดพ้นจากความตายในช่วงยังหนุ่มยังแน่น

แล้วสุสานก็แทบจะเป็นบ้านหลังที่สอง ต้องยืนมองป้ายสลักชื่อคนที่รักครั้งแล้วครั้งเล่า คราวล่าสุดก็เมื่อต้นปี คนเป็นพ่อถูกจารึกว่ามีอายุยืนยาวที่สุดในประวัติศาสตร์ครอบครัว คนตายช้าพอจะทำให้เรื่องราวคำสาปร้ายซาลง กลายเป็นเพียงคำพูดติดตลกในวงสนทนาไป     

หรัญญ์เองก็เป็นหนึ่งในผู้ร่วมไว้อาลัยที่โยนดอกไม้ลงหลุมของบิดาสหาย จำได้ว่าวันนั้นมีกลุ่มเมฆลอยตัวเหนือพิธีฝังศพ ลมหอบฝุ่นมาแล้วตามด้วยหยดน้ำห่าใหญ่ นอกจากจะไปร่วมงานแล้วยังเป็นคนสุดท้ายที่ยืนตากฝนเคียงข้างกวินทร์ที่ปิดปากเงียบไม่ยอมพูดจากับใครและถือโอกาสร้องไห้ท่ามกลางสายฝนโดยที่แขกเหรื่อคนอื่นไม่ทันสังเกตเห็น

กวินทร์ไม่เคยเล่าความเป็นมาของวงศาคณาญาติให้ฟังเหมือนอย่างที่ตนก็ไม่เคยบอกว่าตัวเองเป็นเด็กกำพร้ามาก่อนแล้วค่อยถูกอุปถัมภ์อีกทอด แน่นอนว่าการเป็นมนุษย์นั้นประกอบขึ้นด้วยหลายด้าน เรามีด้านหน้าที่สวยสดงดงามและอยากให้คนที่พบเห็นจดจำแบบนั้น ต่างจากด้านหลังที่อาจมีบาดแผลฉกรรจ์จากของมีคมหรือเป็นปมด้อยที่อายเกินกว่าจะเอื้อนเอ่ยถึง

เสียงฟ้าผ่าในปัจจุบันดังกึกก้องเหมือนในวันงานที่สุสาน หรัญญ์เงยหน้าจากกระดาษแล้วหันมองไปนอกหน้าต่าง เทพแห่งสายฟ้ากำลังสำแดงอิทธิฤทธิ์จนสะเทือนถึงแผ่นดินเบื้องล่าง ซ้ำยังปัสสาวะรดจนหลาย ๆ พื้นที่ในเมืองกรุงเริ่มทยอยชุ่มฉ่ำ 
 
น่านฟ้าสีดำกำมะหยี่มีรอยแยก

แล้วแสงเดียวกันนั้นก็สาดใส่ห้องใต้หลังคา

เด็กน้อยลุกขึ้นมานั่งแล้วมองประตูที่เปิดกว้าง แสงสว่างทำให้เห็นเงาของอสูรกายร่างสูงใหญ่ที่ค่อย ๆ ย่ำเท้าเข้ามาภายในห้องนอนด้วยสภาพล่อนจ้อน

ร่างเล็กล้มตัวลงนอนตามเดิม เขยิบไปด้านข้างและตะแคงตัวเข้าหาผนัง

ก่อนคนตัวเปล่าเล่าเปลือยจะลงนอนบนที่ว่าง หันด้านข้างแล้วสวมกอดร่างกายเล็ก ๆ ไว้ด้วยความเสน่หา ฝ่ามือกร้านบีบนวดต้นขาขาวนวล เลิกกระโปรงยาวขึ้นถึงอกแล้วลูบคลำทรวดทรงองค์เอวที่แสนคิดถึงหลังจากต้องใช้วิธีนึกอยู่หลายวันขณะที่เจ้าของร่างกายไม่แสดงอาการต่อต้านใด ๆ

ระหว่างที่ใช้ปลายลิ้นไล่เลียหลังใบหูขาว อีกมือก็สาวเจ้าโลกที่ต้องใช้เวลากว่าจะแข็งตัว กว่าจะเลิกหดหัวก็ผ่านไปหลายนาทีเหมือนกัน แล้วปัญหาต่อมาก็คือหลั่งไว แก่นกายถูไถกับร่องก้นกลมกลึงไม่ทันไรก็แหวะน้ำลายเป็นดวง งวงช้างขนาดใหญ่ที่เพิ่งพ่นน้ำไปอ่อนปวกเปียกลงทันตา เหมือนถูกหักหน้ากลางสังเวียนรักแต่ก็ยังแสร้งยิ้มว่าไม่เป็นไร

ลองดูใหม่อีกครั้งหลังจากที่ลองมาเป็นร้อย ๆ รอบ ไม่ยอมหมดหวังง่าย ๆ

เพื่อที่จะทำให้อวัยวะเพศกลับมาผงาดต้องไหว้วานร่างเล็กให้ช่วยเหมือนทุกที

แก่นกายโตเต็มที่ในอุณหภูมิมือที่เหมาะสม แต่ต้องลมหน่อยก็ทำท่าจะโค่น

โอนเอียงจวนจะล้มแหล่ไม่ล้มแหล่ แค่ถูกับโคนขาเล็กสี่ห้าครั้งก็ปล่อยสารคัดหลั่งปริมาณน้อยมากกว่าผู้ชายปกติทั่วไป ก็จะให้เท่ากันได้อย่างไรในเมื่อถูกวินิจฉัยว่าเป็นพวกหย่อนสมรรถภาพทางเพศ ไม่ตายก็เหมือนตาย เป็นคำสาปร้ายที่สืบทอดผ่านทางดีเอ็นเอ   










กวินทร์เปิดประตูห้องนอนออกมาเจอป้าแม่บ้านในตอนเช้าพอดี

เจ้าของร่างหนาแวะทักทายหญิงวัยกลางคนและขอค้นผ้าในตะกร้าที่เตรียมจะนำไปซัก หยิบชุดกระโปรงของร่างเล็กที่หลายตัวเลอะดินเลอะโคลนขึ้นมาดูอย่างพินิจพิจารณา พอสมใจอยากแล้วก็ปล่อยป้าแม่บ้านไป เพียงพูดแค่มีงานอะไรก็ไปทำเถอะครับ
   
ก่อนจะหมุนกลับเข้าในห้องแล้วออกมาใหม่พร้อมของฝากจากในเมืองและแน่นอนว่าล้วนเป็นอะไรที่มะลิชอบ อยากจะขุนร่างกายที่ซูบผอมลงไปให้กลับมาดูอิ่มเอิบอีกครั้ง 

“พักนี้เธอออกไปข้างนอกบ่อยเกินไปแล้วนะ” 

ร่างเล็กที่ยืนเกาะขอบหน้าต่างหันกลับมามองข้าวของที่อยู่ในมือแทนที่จะเป็นหน้าคนเปิดประตูเข้ามา  “รู้ไหมว่าข้างนอกมันอันตราย เกิดโดนงูกัดขึ้นมาใครจะช่วย”  คนที่ขับรถฝ่าสายฝนมาตั้งแต่เมื่อคืนวางขนมหลากหลายประเภทไว้ที่โต๊ะเขียนหนังสือ แล้วค่อยเอาที่ชุดที่ซื้อมาให้ใหม่ออกมาจากถุงแบรนด์ชั้นนำ  “ถอดชุดเก่าออกสิ”   

กวินทร์พูดกับร่างเล็กที่ว่าง่ายตลอด

มะลิถอดชุดตามคำสั่ง ก่อนคนที่มีศักดิ์เป็นอาแท้ ๆ จะเดินเข้ามาใกล้เพื่อช่วยสวมชุดใหม่ทางหัว  “หันหลังครับ”  คุณอาช่วยรูดซิปที่ขนานไปกับแก่นกระดูกสันหลังของหลานอย่างเชื่องช้า  “อาซื้อขนมที่เธอชอบมาเยอะแยะเลยนะ”  แล้วค่อยเอาเชือกคาดเอวมามัดเป็นโบขนาดใหญ่และหมุนร่างกายเล็กให้หันกลับหน้ามาเพื่อจะสำรวจความเรียบร้อย

“ไหน ขออาหอมให้ชื่นใจหน่อย”  เด็กน้อยเงยหน้าให้หอมดังฟอดใหญ่  “ไม่เจอกันอาทิตย์เดียว เธอดูสวยขึ้นมากเลยรู้ไหม”  แล้วการสวมใส่ชุดขาวยาวลากดินก็ยังชวนให้เร้าใจเหมือนวันวาน เป็นความสำเร็จเดียวหลังจากที่หมอแนะนำว่าควรหาอะไรกระตุ้นความกำหนัด     

คนเป็นหลานหันหน้าเข้าหาหน้าต่างเมื่อคุณอาเอ่ยปากให้หมุนตัวอีกครั้ง แววตาที่ช่างเลื่อนลอยมองไปไกลแสนไกลขณะวางมือไว้บนกรอบไม้แผ่วเบา เจ้าหญิงบนหอคอยกำลังรออัศวินขี่ม้าขาวมาช่วยปลดปล่อยจากที่คุมขัง

ขณะที่กวินทร์เข้ากอดทางด้านหลังจนบางอย่างโดนก้นงอน

“มะลิ…”  เอ่ยเสียงกระเส่าระหว่างเอาเป้ากางเกงถูไถกับสะโพกที่โก่งให้เล็กน้อย

ค่อย ๆ เสียดสีขณะยกมือขึ้นลูบหัวเด็กดีที่วันนี้ดูเหี่ยวเฉาพิกล ผิดกับคนหมกมุ่นในกามที่มีอารมณ์ตั้งแต่หัววัน บากบั่นและมานะแม้ว่ารู้อยู่แล้วว่าผลจะเป็นอย่างไร 

‘โกหกขอให้นกเขาไม่ขัน’ 

เพราะโกหกใครต่อใครมาเนิ่นนาน สิ่งที่ควรจะขันเลยตายด้านสนิท   













---------------------------------------
✘ ✘ ✘  มาอัพตอน3แล้วค่ะ ย้ำอีกครั้งว่าชื่อเรื่องอ่านว่า เห-มา-ยัน ไม่ใช่ เหมา-ยันนะ5555555
ขอบคุณสำหรับความเอ็นดูและเม้นด้วยค่ะ รู้สึกมีกำลังใจเพิ่มขึ้นเป็นกองเลย ตุ๊กติ๊กขอฝากเนื้อฝากตัวอีกครั้งนะคะ  ◕‿◕。
แล้วก็สามารถติดตามข่าวสารได้ที่เพจเลยค่ะ ---> 9crimes - นายคราม FANPAGE  (https://www.facebook.com/pg/9crimess/posts/?ref=page_internal)

หัวข้อ: Re: ———— เหมายัน ———— (๐๓) ๑๓.๐๙.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: manami1155 ที่ 13-09-2017 06:23:09
อ่านจบแล้วได้แต่ร้องเฮ้ยยยยย
สรุปมะลิไม่ได้ตาย แต่โดนอาล่วงละเมิดทางเพศ
โอ้ยยยยยย สงสารจังเลยค่ะ
น้องตัวแค่นี้ อาฌรคจิตไปอีก
ตัวเองนกเขาไม่ขันเอง จะให้ทำงัย
พี่หรัญญ์รีบช่วยมะลิออกมาเร็วๆ
หัวข้อ: Re: ———— เหมายัน ———— (๐๓) ๑๓.๐๙.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 13-09-2017 15:39:26
ไม่คิดว่าจะมาทางนี้เลยค่ะ โหดร้ายกว่าน้ิงเป็นผีอีก อ่านแล้วแบบแหวะๆ ทำแบบนี้กับเด็กได้ยังไง ฮืออ
หัวข้อ: Re: ———— เหมายัน ———— (๐๓) ๑๓.๐๙.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: wunwanoo ที่ 13-09-2017 16:13:26
นี่นึกว่ากวินทร์ปกติสุดในเรื่องสักอีก....
หัวข้อ: Re: ———— เหมายัน ———— (๐๓) ๑๓.๐๙.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: valenpinkpink ที่ 13-09-2017 17:20:12
โอ้ยยยยคุณอานี่เอง น้องมะลิลูกกก :m15:
หัวข้อ: Re: ———— เหมายัน ———— (๐๓) ๑๓.๐๙.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: oki ที่ 13-09-2017 19:28:12
เขียนเก่งมากอ่า เราอ่านแล้วทั้งหลอนและเศร้าในเวลาเดียวกันเลย
หัวข้อ: Re: ———— เหมายัน ———— (๐๓) ๑๓.๐๙.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 13-09-2017 19:44:35
สงสารน้องมะลิ
หัวข้อ: Re: ———— เหมายัน ———— (๐๓) ๑๓.๐๙.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: YADA ที่ 13-09-2017 21:26:09
หดหู่มากกกก
หัวข้อ: Re: ———— เหมายัน ———— (๐๓) ๑๓.๐๙.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: manami1155 ที่ 16-09-2017 05:51:30
คิดถึงมะลิแล่วค่ะ
หัวข้อ: Re: ———— เหมายัน ———— (๐๓) ๑๓.๐๙.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: กระเหี้ยนกระหือรือ ที่ 17-09-2017 17:33:53
๐๔




ทุกวันนี้เลขาสาวมีหน้าที่รายงานตารางงานของท่านประธานให้เจ้านายตัวเองฟัง เธอก็ไม่เข้าใจว่าเจ้านายจะอยากรู้ไปทำไม แต่เมื่อไหร่ที่บอกว่าท่านประธานมีประชุม คนได้ยินจะแอบยิ้มกรุ้มกริ่มแล้วรีบหยิบเสื้อสูทออกไป เพราะหรัญญ์รู้ดีว่าการประชุมแต่ละครั้งมันกินเวลานานแค่ไหนและดูดพลังชีวิตไปตั้งเท่าไหร่ แล้วคนอย่างกวินทร์ก็ต้องเลือกพักผ่อนที่คอนโดในเมืองแทนการขับรถกลับบ้านกลางป่าให้เสี่ยงอุบัติเหตุ 

ข้อดีของการเป็นเพื่อนมานานคือรู้เท่าทัน

ข้อเสียคือทำให้ประมาทเลินเล่อและคิดว่าเพื่อนจะเหมือนเดิมเสมอไป

สิ่งเดียวที่ไม่เกิดความเปลี่ยนแปลงก็คือความตายและมันมาตรงเวลาเสมอ

วันนี้เจอกันยังนับเป็นสหาย แต่ถ้าความลับรั่วไหลถึงหูก็จะกลายเป็นศัตรูในบัดดล

อนาคตขึ้นอยู่กับการกระทำในปัจจุบัน หากวันหนึ่งนายพรานรู้เรื่องเข้าว่าเจ้ากระต่ายน้อยที่เฝ้าฟูมฟักถูกเสือคราบไปรับประทาน ขวานที่เก็บไว้ในลิ้นชักคงได้นำออกมาใช้โดยไม่มีความลังเลใด ๆ และถ้าจะให้เล่าความเป็นมาแบบพอสังเขปล่ะก็…

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว นายพรานช่วยสัตว์ตัวน้อยไว้จากสัตว์ประเสริฐที่หมายจะเอาชีวิต ด้วยความที่ถูกชะตาจึงอาสาเป็นผู้ดูแลและทำหน้าที่นั้นได้อย่างดีไม่มีขาดตกบกพร่อง เพื่อป้องกันภัยคุกคามการล่ามไม่ให้เพ่นพ่านไปไหนก็เป็นอีกหนทางหนึ่งและถึงเจ้ากระต่ายที่ไม่เคยได้ลิ้มรสชาติน้ำนมจะไม่ชอบ แต่ก็ต้องยอมรับว่าทำให้ปลอดภัยจวบจนวันนี้ 

ก็แค่นายพรานใจเสาะที่กลัวว่าของรักของหวงจะถูกทำร้ายจึงจัดฉากการตายอย่างแยบยลและรอดพ้นจากปากเหยี่ยวปากกามาได้ ก่อนเรื่องราวจะกลับตาลปัตรเมื่อไปหาหมอด้วยอาการน้องชายไม่แข็งแรงแทงอะไรก็ไม่เข้าและได้รับข่าวร้ายว่าเป็นกามตายด้าน 

นายพรานผู้หมดหวังหันไปทางไหนก็มืดมน จนกระทั่งหันมาด้านข้างเห็นเจ้ากระต่ายน้อยกำลังวิ่งไล่จับผีเสื้อ เมื่อนั้นช่วงกลางวันจึงแสนสั้น แต่ช่วงกลางคืนยาวนานชั่วกัปชั่วกัลป์

นิทานเรื่องนี้จะน่าเบื่อเกินไปหากมีแค่ตัวละครหน้าเก่า ๆ คนบนฟ้าจึงบันดาลให้เจ้าป่าผู้น่าเกรงขามยอมสิริโรราบให้กับเจ้ากระต่ายน้อยเพียงแค่แรกเห็น ถึงจะขึ้นชื่อว่าเป็นสัตว์ตระกูลนักล่าแต่เวลาถอดเขี้ยวเล็บแล้วก็ไม่ต่างอะไรกับจากแมวตัวใหญ่
บังเกิดรักต่างสายพันธุ์และยามใช้เวลาร่วมกันก็มักจะลืมเรื่องนายพรานไปซะสนิท

ลักลอบไปมาหาสู่ร่วมอาทิตย์ ลักกินขโมยกินและถวิลหาแค่กันและกัน

ตัดขาดจากโลกภายนอก เสมือนถูกม่านหมอกบดบัง

ตอนอวสานของนิทานสอนใจยังไม่สมบูรณ์ ก็สุดแล้วแต่สวรรค์จะเมตตา

เท่านี้ก็นับว่าปรานีปราศรัยที่ยังให้ดื่มด่ำกับความสุขจนแทบกระอัก มัวเมาในรัก

ขึ้นหลังเสือว่าลงยาก ขึ้นนั่งตักเสือลงยากยิ่งกว่า

ในหนึ่งวันมีช่วยกันวาดรูประบายสี กินขนมที่ซื้อมาจนอิ่มหนำแล้วตามด้วยอาหารคาว

ที่จริงแล้วเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ ไม่ใช่หนึ่งในเป้าหมายการมาของหรัญญ์วันนี้ ลึก ๆ ก็ยังหดหู่กับรูปภาพบนผนังไม่เสื่อมคลาย กลัวว่าตัวเองจะกลายเป็นคนที่ตอกย้ำซ้ำเติมบาดแผลในใจของเด็กน้อยเข้าไปอีก แต่ยิ่งระวังร่างเล็กเหมือนยิ่งแกล้ง มะลิร่ายล้อมรอบตัวอยู่ตลอด เดี๋ยวกอดเดี๋ยวซบ เล่นผมเล่นหน้าผู้ใหญ่ วอนหาเรื่องให้ตัวเองลำบากอย่างไม่รู้จักเข็ดหลาบ

ยังไม่นับตอนพยายามเรียกร้องความสนใจด้วยการเปลื้องผ้า

นี่ถ้าเป็นพ่อแม่ หรัญญ์คงจับมาตีก้นโทษฐานไม่รักนวลสงวนตัว

แต่ความจริงเป็นผัวสันดานหื่นกาม ดาบจึงกลับเข้าฝักอย่างรวดเร็ว

สะโพกสอบเคลื่อนอย่างหนักหน่วงน่าห่วงว่าจะเอวจะเคล็ดในสักวัน คนปฏิญาณว่าจะไม่ทำการล่วงเกินใด ๆ ตระบัดสัตย์ท่ามกลางบรรยากาศที่ชวนระลึกถึงครั้งแรก แสงส่องลงมา ณ ลานกว้างขณะทำกิจกรรมเข้าจังหวะ นอนกลางดินกินกันกลางทรายและมีต้นไม้ห้อมล้อม   

หรัญญ์ล้มตัวลงนอนหงายช้า ๆ แล้วสอดแขนไว้ใต้ศีรษะ  “อยากลองดูไหม…”
ให้อิสรเสรีแทนการจ้ำจี้จ้ำชัย เพราะไม่มีใครอยากทำในสิ่งที่โดนบังคับทั้งนั้น มะลิก็เหมือนกัน แต่พออีกคนมอบโอกาสให้ปฏิบัติตามใจชอบก็เลิ่กลั่ก   

ร่างเล็กนั่งหนีบขาระหว่างครอบครองน้องชายไว้มิดด้าม ทั้งที่ไม่ใช่เรื่องควรใจเย็นแต่ตรงกันข้าม คนนอนมองทำแค่กระตุ้นด้วยการกระทุ้งจนคนบนร่างสะดุ้งน้อย ๆ แล้วร่างเล็กจึงค่อย ๆ เริ่มคลำหาทางไป ลองขยับบั้นท้ายทีละนิดและเอี้ยวหน้ามองแก่นกายถูกกลืนกินอย่างช้า ๆ 

“ฉันน้อยใจนะ จะมองแค่มันไม่สนใจหน้าฉันเลยหรือไง”

มะลิรีบหันใบหน้ากลับมาและเร่งจังหวะด้วยความตกใจ พานให้หรัญญ์หลุดครางอย่างทรมาน จากเด็กท้ายห้องขึ้นมาเป็นที่หนึ่งของระดับชั้น เรียนรู้การผ่อนหนังผ่อนเบาได้ไวขนาดที่อาจารย์ผู้สอนยังต้องยกนิ้วให้ ภูมิใจในตัวลูกศิษย์ที่กำลังขึ้นครูจนชมไม่ขาดปาก

เบื้องหน้าคือนักรบอายุน้อยที่สุดในรอบทศวรรษ หลังจากผ่านการฝึกฝนจนเจนสนามก็ยากจะห้ามปรามตัวเอง ฝ่ามือเล็กนาบกับกล้ามหน้าท้องตอนที่บดกล่องดวงใจของอีกฝ่ายให้แหลกละเอียด ผิวกายเสียดสีจนเกิดความร้อน ร่อนสะโพกกระดกก้นลอยวนกลางอากาศ ควงสว่านด้วยความเมามัน หลงระเริงและเหลิงกับอำนาจของการเป็นผู้บังคับบัญชา 

ร่างเล็กกระถดก้นโดนจุดยุทธศาสตร์อย่างแรงจนสองขาที่แยกออกสั่น ก่อนความเสียวซ่านจะฆ่าทั้งคู่ให้ตายอย่างช้า ๆ หากปล่อยไว้นานกว่านี้คงได้มีการสิ้นใจคาอก คงตลกไม่น้อยถ้ามีข่าวหนุ่มใหญ่หัวใจวายตายขณะทำการบ้านกับเมียเด็กเล็ดรอดออกไป

หรัญญ์ไม่อยากตายอย่างอเนจอนาถ จึงต้องทำรัฐประหารรวบอำนาจเบ็ดเสร็จตอนอีกฝ่ายเผลอ เจอกระแทกสวนอย่างจังร่างเล็กถึงกับโอนเอน รีบจับท่อนแขนยาวทั้งสองข้างไว้ในขณะที่มือกร้านเองก็จับเอวคอด ก้นงอนกระเด็นกระดอนไปมาเพราะแรงกระทุ้งที่แม่นยำ พลาดหนึ่งเข้าเป้าไปสามและหลังจากนั้นก็ไม่มีคำว่าแฉลบออกอีกเลย

บัดนี้ทั้งคู่เอื้อนเอ่ยภาษาเดียวกัน ผูกสัมพันธ์ต่อหน้าเทพารักษ์สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่อาศัยอยู่ตามต้นไม้ใหญ่ หาได้ต้องการหยามเกียรติ อยากเรียนเชิญมาเป็นสักขีพยานว่าเราจะเป็นของกันและกันตราบนิรันดร ตลอดเวลาจวบจบสิ้นอายุขัย

หรัญญ์พลิกตัวรับร่างเล็กที่พลัดตกจากร่างไว้ได้ทันก่อนหัวจะกระแทกดิน ใช้มือรองใต้หัวทุยและสบสายตาลึกซึ้ง หวานเชื่อมยิ่งกว่าน้ำผึ้งเดือนห้าเล่นทำเอาหน้าแก้มใสแดง 

มะลิขวยเขิน เดินออกมาไกลจนยากจะย้อนกลับไปหาวัยไร้เดียงสา หนทางเดียวคือเดินหน้าเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว แม้จะกลัวกับอนาคตแต่เพราะมีอีกคนอยู่ด้วยใกล้ ๆ จึงอุ่นใจ รักของคนอื่นเป็นยังไงไม่รู้หรอก แต่ของร่างเล็กมันช่างร้อนแรง ยอมให้แสงแดดแผดเผาดีกว่าหนาวตายอย่างเดียวดายในความมืดมิด

สองร่างกกกอดกันไม่ห่างอย่างผัวเมียช่วงข้าวใหม่ปลามัน

ตวัดลิ้นหยอกล้อพอเป็นกระษัยแล้วจัดการเรื่องที่คั่งค้างให้เสร็จสมอารมณ์หมาย

ปฏิบัติกิจกามอย่างโจ่งครึ่ม เย้ยฟ้าท้าดินได้ยินถึงสวรรค์

หรัญญ์ใช้แรงเฮือกสุดท้ายปราบแก่นกายของตัวเองจนหมดฤทธิ์ ก่อนจะชักออกมาหลั่งรดลงดินแล้วล้มตัวลงนอนหงายหายใจทางปาก กะบังลมหดคลายทำงานกันให้วุ่น 

ส่วนคนข้าง ๆ กำลังหลับตา หอบหายใจจนหน้าอกกระเพื่อมระหว่างพยายามกลืนน้ำลายหลังจากที่ใช้เสียงไปมากจนคอแหบแห้ง ปวดแข้งปวดขาไปหมดและไม่พ้นถูกอุ้มกลับอีกตามเคย ร่างเล็กหนุนหัวเกยกับท่อนแขนหนา กว่าจะลืมตาก็ตอนได้ยินอีกคนพึมพำ 

“สวยจัง”  นัยน์ตาดำด้านสะท้อนรูปท้องฟ้าที่มีสีฟ้าจริง ๆ สมดั่งชื่อ  “แต่น้อยกว่าเธอนะ”  ไม่วายหยอดคำหวาน หันมาจูบกระหม่อมบางอย่างแรงแล้วค่อยหันตะแคงข้างเข้าหาเด็กน้อยที่กำลังนอนนับก้อนเมฆอยู่ในใจ  “เธออยากไปจากที่นี่หรือเปล่า”
นับเลขไม่ถึงสิบก็มีอันต้องชะงัก มะลิมีอาการคิดหนักอย่างสังเกตได้   

“บอกฉัน” 

ร่างเล็กนิ่งเงียบไปเกือบนาที พอคิดดีแล้วเลยถามคืน  “เอาต้นไม้ไปด้วยได้ไหม”

อยากจะเตือนว่าอย่าทำตัวน่าเอ็นดูให้มันมากเพราะนอกจากจะทำให้ยิ่งตกหลุมรักแล้วยังชวนให้มันเขี้ยวด้วย  “ดูเหมือนเธอจะชอบต้นไม้มากกว่าฉันอีกนะ”  พูดติดตลกแต่ถ้าเป็นเรื่องจริงขึ้นมาคงไม่ขำ ความหึงหวงมันไม่เข้าใครออกใคร แล้วถ้าลองได้หึงก็อาจจะถึงขั้นจ้างคนมาตัดต้นไม้ให้เตียน ซึ่งร่างเล็กก็เหมือนจะสัมผัสความอิจฉาริษยานั้นได้เลยเงยคางเพื่อหอมหน้าผากผู้ใหญ่ ให้อีกฝ่ายเป็นที่หนึ่ง ส่วนต้นไม้เป็นที่สอง นอนจ้องจนฝ่ายถูกจ้องหลุดยิ้ม   
 
“เราเอาต้นไม้พวกนี้ไปด้วยไม่ได้หรอกนะ แต่ฉันสัญญาว่าจะปลุกให้ใหม่เท่าที่เธอต้องการ”  มะลิฟังข้อเสนอแล้วลองคิดตาม แค่สามวินาทีก็พยักหน้าตกลง ก่อนหรัญญ์จะทำให้เด็กอ่อนต่อโลกรู้ว่าไม่มีอะไรได้มาฟรี ๆ ขอจูบปากมัดจำ ทำสัญญาด้วยการแลกน้ำลายแทนการเขียนเป็นลายลักษณ์อักษร  “นับจากวันนี้ฉันคงต้องเริ่มกวานซื้อที่ดินแล้วล่ะ”   

ปกติเดินออกจากป่าใช้เวลาสิบ สิบห้านาทีก็ถึงบ้านแล้ว

แต่ทั้งคู่ใช้เวลานานกว่านั้น ห้านาทีแรกหมดไปกับการนอนช่วยกันนับก้อนเมฆ ห้านาทีหลังร่างเล็กลุกขึ้นมาแต่งตัวอย่างอิดออดและอ้อนจะไปเล่นน้ำที่ลำธาร ติดที่เวลามันล่วงเลยเข้าบ่ายสามกว่า เส้นตายของทั้งคู่คือห้าโมงเย็นต้องกลับบ้านก่อนที่จะมีใครมาเห็นเข้า

ดังนั้นจึงเหลือเวลาราว ๆ สองชั่วโมงและถึงจะไม่ยอมให้ลงน้ำ แต่ก็ยอมเป็นคู่เต้นรำด้วยความเต็มใจ จำลองลานกว้างเป็นฟลอร์ในงานเลี้ยงเลือกคู่ครอง หรัญญ์โค้งศีรษะแล้วยกแขนให้คล้อง มะลิหลุบตามองอย่างอาย ๆ แล้วยกกระโปรงถอนสายบัว

ใครจะไปนึกล่ะว่าคนหัวสมัยใหม่จะยอมทำอะไรพิลึกพิลั่น เนื่องจากเพิ่งสำเหนียกได้ว่าบางทีที่ภรรยาปันใจส่วนหนึ่งเพราะตัวเองให้งานเป็นนายเหนือหัว เป็นผัวที่แย่และไม่รู้จักโอนอ่อนผ่อนตาม ถามใครเอาก็ได้ว่าก่อนหน้านี้เคร่งเครียดกับชีวิตแค่ไหน หลังจากได้รับบทเรียนแล้วก็จะไม่กลับไปทำซ้ำสองอีกเป็นอันขาด 

ทั้งคู่ก้าวออกมาด้านหน้าก่อนจะเริ่มเต้นรำอย่างงก ๆ เงิ่น ๆ เดินหน้าถอยหลังไม่มีจังหวะตายตัวแล้วหัวเราะให้กันและกัน ร่างเล็กสดใสกลายเป็นคนละคน ต่างจากวันก่อนลิบลับ ยิ้มร่าเมื่อหรัญญ์จับหมุน ยกตัวขึ้นแล้วเหวี่ยงไปรอบ ๆ ชอบจนไม่รู้จะชอบยังไง ขอให้อีกคนทำใหม่หลายต่อหลายครั้งจนแขนล้ากันไปข้าง

ร่างเล็กอยากปีนต้นไม้โดยไม่ดูสังขาร แต่หนุ่มใหญ่ไม่อนุญาตให้ทำการใด ๆ ที่เสี่ยงแข้งขาหัก มะลิชักสีหน้าอย่างแง่งอน พี่เลี้ยงเด็กจึงต้องอธิบายว่าตอนตกลงมามันไม่คุ้มกันอย่างไร โชคดีได้ลูกนกช่วยไว้ มันตกลงมาจากต้นไม้พร้อมรัง ตอนแรกเด็กน้อยก็รบเร้าว่าจะเอากลับไปเลี้ยงที่บ้าน แต่เสียงทุ้มต่ำไม่ทันได้คัดค้าน ก็คืนรังนกให้หรัญญ์อย่างเศร้าสร้อย

เจ้านกน้อยควรจะได้อยู่กับแม่ของมัน ไม่ควรมีชะตากรรมที่น่าสงสารเหมือนตัวเอง

คนตัวสูงใหญ่ให้ร่างเล็กยืนรอระหว่างปีนต้นไม้เอารังนกวางไว้บนที่ที่แม่นกจะมองเห็น เสร็จแล้วก็กระโดดลงพื้น ขณะยกมือขึ้นปัดก็ลอบสังเกตอาการเซื่องซึมไปพลาง ๆ ท้ายที่สุดก็ลดตัวลงนั่งยอง ๆ ทุบช่วงไหล่บอกเป็นนัยว่าให้ขึ้นขี่หลัง 

ระหว่างทางที่แบกกลับก็ชวนคุยตลอด เล่าถึงความศิวิไลซ์ที่ในไม่ช้าเด็กน้อยจะได้ไปเห็นด้วยตาตัวเอง ร่างเล็กได้ฟังถึงกับตั้งตารอคอยด้วยใจหวัง อยากจะนั่งรถเล่นเดี๋ยวนี้เลยแต่ก็รู้ว่ามันไม่ง่าย จะทำอะไร ๆ ก็ต้องขออนุญาตอากวินทร์ก่อน มะลิเข้าใจกฎระเบียบดี

ขณะฟังและเกลือกแก้มกับไหล่กว้างอย่างงัวเงียไปด้วย ก็เผอิญเหลือบเห็นผลไม้สีสันสะดุดตา กำปั้นน้อยทุบบ่าอีกคนเป็นสัญญาณบอกว่าจะลง ไม่ทันเหยียบดินเต็มฝ่าเท้าก็รีบเดินเข้าหาพุ่มไม้ ส่วนหรัญญ์ที่รู้อยู่แล้วว่ายังไงร่างเล็กก็ต้องเด็ดมาป้อน อาศัยตอนหันหน้ากลับมาแล้วขโมยเอาจากปากด้วยปากอย่างหน้าด้าน ๆ  “แบบนี้หวานกว่าตั้งเยอะ” 

ร่างเล็กหน้าแดงแข่งกับลูกมะเขือเทศสุก  “อายเหรอ”  พอถูกแซ็วเลยเดินหนี

“รอฉันด้วยสิ”  ทำเป็นเอ่ยขึ้นมาลอย ๆ ทำให้คนฟังยิ่งไม่อยู่คอยและรีบโกยกระโปรงแล้วออกวิ่งผ่านกิ่งไม้น้อยใหญ่  “ไหนว่าปวดขาไง อย่าหนีสิ!”  ขายาวสับตามอย่างรวดเร็ว ตะโกนเย้ว ๆ อย่างอาจหาญแล้วสวมจิตวิญญาณนักล่าวิ่งคูณสี่ร้อยเมตร

ร่างเล็กที่หันกลับมาเห็นอีกคนห่างไปไม่กี่ช่วงศอกจึงออกกำลังขาเพิ่มขึ้น จนภาพพื้นหลังตัดสลับไปมาพานให้ตาลาย จับกระโปรงระหว่างลัดเลาะไปตามทางที่คดเคี้ยว เลี้ยวพ้นโค้งข้างหน้าก็จะเจอทางราดปูน แต่เพราะชุดที่กรุยกรายสุดท้ายเลยโดนตะครุบ

“จับได้แล้ว!”  เด็กน้อยโดนอุ้มจนตัวลอย ระหว่างเตะขาไปมาเพื่อให้ปล่อยก็ยิ้มกว้างแทบสำลักน้ำลายตัวเองเพราะหัวเราะมากไป มัวแต่หยอกล้อคลอเคลียกันอย่างสนุกสนานจนไม่ทันเห็นบุคคลที่สาม ในขณะที่จับกันเองได้ ทั้งคู่ก็ถูกจับได้เหมือนกัน

ป้าแม่บ้านทำตะกร้าผ้าล่นเมื่อเห็นว่าคุณหนูกำลังอยู่กับคนอื่น

หรัญญ์เองก็ค่อย ๆ ปล่อยร่างเล็กลงพื้น แล้วโอบไหล่มะลิที่ยืนกอดเอวไว้ 

ฝันดีแค่ไหน สุดท้ายก็ต้องตื่นจากฝัน

บรรยากาศในห้องรับแขกแสนจะอึมครึ้ม ทั้งที่มีปากเป็นอาวุธสำคัญแต่ที่ปรึกษาหนุ่มดันลืมมันไว้ที่ไหนสักแห่ง กดดันกว่าตอนไปสู่ขอเมียคนแรกหลายเท่าและรู้ดีว่าการทำเช่นนี้อาจทำให้เข้าใจเจตนาผิดคิดว่ากำลังดูแคลน แต่ลึก ๆ ก็หวังว่าแผนติดสินบนจะได้ผล

มือใหญ่หยิบเงินสดออกจากกระเป๋าสตางค์และเลื่อนธนบัตรหลายใบไปข้างหน้าจนอยู่ในรัศมีการมองเห็นของคนนั่งฝั่งตรงข้าม 
หญิงร่างท้วมหลุบตามองต่ำและทำแค่ดันแบงค์พันคืน  “เก็บเงินของคุณไปเถอะค่ะ”  เสียงนั้นสงบจนคาดเดาอารมณ์ไม่ถูก ก่อนเธอจะหันไปมองคุณหนูที่ยืนเกาะขอบประตูเพื่อแอบดูผู้ใหญ่คุยกัน ร่างเล็กไม่เข้าใจสถานการณ์ แต่พอป้าแม่บ้านยิ้มให้ก็ยิ้มตอบ
 
“ฉันจะไม่บอกคุณชายตราบใดที่คุณยังทำให้คุณหนูยิ้มอย่างมีความสุข”   

เธอยื่นข้อเสนอเด็ดขาด เพื่อแลกกับการเห็นคุณหนูกลับมามีรอยยิ้มอีกครั้งเธอยอมเอาหน้าที่การงานเป็นเดิมพัน หญิงร่างท้วมตัดสินใจจะเป็นคนตาบอดนับตั้งแต่ตอนได้ยินเสียงหัวเราะลั่นป่า เธออยู่มานานเกินไปและเห็นอะไรมามากทั้งที่อยากแล้วก็ไม่อยาก

สิ่งสุดท้ายที่หวังก่อนตายก็คือคุณหนูได้รับอิสรภาพ ก่อนหน้านี้แม้จะไม่เต็มใจแต่เธอก็ยอมทำหลายอย่างเพื่อเงิน ยอมปิดหูปิดตารับค่าปิดปากที่มีมากเข้าก็ไม่รู้จะเอาไปเก็บไว้ไหน ก่อนจะเริ่มเลิกเลื่อมใสในอาชีพแม่บ้านและหมดศรัทธาในตัวเองมาหลายปีที่ปล่อยให้เด็กคนหนึ่งต้องเผชิญกับความโหดร้ายตามลำพัง

หากรู้ล่วงหน้าสักนิดว่ามีอัศวินเตรียมพิชิตหอคอยเพื่อช่วยองค์หญิงน้อย เธอก็คงจะไม่ปากพร่อยบอกเรื่องรถที่เห็นในวันก่อนให้กับคุณชายฟัง   






มีต่อด้านล่าง

หัวข้อ: Re: ———— เหมายัน ———— (๐๔) ๑๗.๐๙.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: กระเหี้ยนกระหือรือ ที่ 17-09-2017 17:41:53

อีกหน่อยมะลิก็จะได้ออกจากป่าดงพงไพร เพื่อให้คุ้นเคยกับสถานที่ใหม่ ๆ หรัญญ์ที่บึ่งรถมาหาแต่เช้าจึงขันอาสาเป็นคนพาเปิดโลกทัศน์ ทำการขออนุญาตหญิงร่างท้วมและให้คำสัญญาเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าจะกลับมาก่อนพลบค่ำ พอรับปากเสร็จสรรพก็เดินนำมาที่รถ   

ร่างเล็กดีใจมากที่ได้ขึ้นมานั่งบนเบาะหนังและแสดงความตื่นเต้นผ่านทางสีหน้า ป้าแม่บ้านช่วยปิดประตูให้ในขณะที่เจ้าของยานพาหนะเดินอ้อมมาอีกฝั่งเพื่อเปิดประตูแล้วขึ้นนั่งตำแหน่งพลขับ มือใหญ่หยิบจับทำอะไรด้วยความคล่องแคล่ว สตาร์ทเครื่องยนต์แล้วก็ดึงสายเข็มขัดนิรภัยมาคาดตัวและไม่ลืมคาดเข็มขัดให้เด็กน้อยที่มัวแต่โบกมือให้หญิงร่างท้วมด้วย

“ต้องคาดเข็มขัดนิรภัยทุกครั้งที่ขึ้นรถ เข้าใจไหมครับ”

เริ่มทยอยสอนสั่งดีกว่าประดังทีเดียว การเดินทางครั้งนี้จะไม่ใช่แค่การพาเที่ยวชม แต่จะเริ่มสอนให้รู้จักการเข้าสังคม พบปะผู้คนตลอดจนหาหมอเพื่อตรวจสุขภาพ 

มะลิจับสายเข็มขัดนิรภัยไว้แน่นตอนที่รถค่อย ๆ แล่นออกจากตำแหน่งเดิมอย่างนิ่มนวล ต่อมาอาการตื่นตาตื่นใจก็แทนด้วยอาการมวนท้องอยากจะขย้อนของที่กินเข้าไป ผิวหน้าที่ขาวซีดลงอีกเฉดอย่างเห็นได้ชัด เหงื่อแอบซึมระหว่างนั่งตัวเกร็งจัด ก่อนหรัญญ์ที่สังเกตเห็นจะลดระดับความเร็วลง รวมถึงลดกระจกฝั่งร่างเล็กด้วย  “รู้สึกดีขึ้นไหม” 

สายลมที่แวะเวียนมาอ้อล้อกับดวงหน้าพอจะทำให้คนเมารถรู้สึกปลอดโปล่งและผ่อนคลาย เห็นเหล่าต้นไม้ที่เปรียบเสมือนเพื่อนตายเรียงรายอยู่สองข้างแล้วก็ยิ้มออก ร่างเล็กเท้าคางกับขอบหน้าต่างแล้วเงยมองก้อนเมฆบนท้องฟ้าที่เคลื่อนตามไปด้วยทุกหนทุกแห่ง

มะลิลองยื่นมือออกไปนอกหน้าต่างเพราะอยากรู้ซึ้งถึงอิสระ อิจฉาวายุที่ไปไหนได้ดั่งใจ โดยมีหรัญญ์คอยมองและบังคับพวงมาลัยไปตามทางที่ลดเลี้ยวเคี้ยวคด

เริ่มต้นผจญภัยในป่าคอนกรีตด้วยการที่ผู้ใหญ่พาเด็กน้อยมาซื้อชุดใหม่ ไม่อยากสะดุดตาก็ต้องหัดทำตัวให้กลมกลืน ทั้งคู่ยืนอยู่ในห้องลองชุดกลางห้างดัง โดยร่างเล็กเอาแต่หมุนตัวไปมาหลังจากแปลงโฉมเสร็จเรียบร้อย สีชมพูพาสเทลก็เหมาะกับร่างเล็กไม่น้อยกว่าสีขาว

เพราะพื้นไม่ได้สร้างจากดินแล้วจึงต้องสวมรองเท้า พนักงานฝ่ายขายเอามาให้เลือกหลากหลายแบบและแทบจะเป็นหรัญญ์ที่จัดการให้ทุกอย่าง ร่างเล็กมีหน้าที่แค่นั่งและยื่นเท้าออกมาให้คนตรงหน้าสวมรองเท้าให้ หากพอใจให้พยักเพยิดหน้า ถึงราคาแพงหูฉี่แต่ถ้าเดินเหินสะดวกก็ไม่ขัด เด็กน้อยหยัดกายยืนขึ้นอีกครั้งด้วยรูปลักษณ์ใหม่ แต่เครื่องนุ่งห่มพวกนั้นก็ไม่สามารถบดบังจิตใจที่บริสุทธิ์ มือเล็กรีบลูบชุดให้เรียบ ไม่ปรารถนาให้มันยับ   

ว่ากันว่ากองทัพต้องเดินด้วยท้อง พอออกมาจากร้านเครื่องแต่งกายก็ว่าจะหาอะไรง่าย ๆ กิน ชั้นบนสุดอบอวลไปด้วยกลิ่นอาหารทั้งแบบตะวันตกและตะวันออกเรียกน้ำย่อยในท้องให้ร้องโครกครากแต่เมื่อถามว่าอยากกินอะไรร่างเล็กก็ได้แต่เมี่ยงมอง บอกไม่ถูกเพราะไม่รู้จักสักชนิด

ระหว่างที่หรัญญ์รับหน้าที่ตัดสินใจ ร่างเล็กใช้เวลานั้นยืนมองเงาสะท้อนของตัวเองผ่านกระจกร้านอาหาร ยกมือสัมผัสหน้าตัวเองที่เป็นดั่งของต้องสาป ความสวยที่นำภัยมาสู่ตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่า ก่อนจะมีอีกเงาเดินมาซ้อนหลังแล้วยิ้มบาง ๆ ให้ผ่านกระจก ถึงจะไม่มีดาบเอาไว้คอยปกป้อง มีแค่สองมือเปล่าแต่ก็จะทำหน้าที่อารักขาอย่างสุดความสามารถ
 
“มาเถอะ”  หรัญญ์คว้ามือเล็กไปจับ สองมือนั้นต่างกระชับกันเองไปโดยปริยาย   

สุดท้ายก็เลือกร้านที่คนไม่แน่นและรอคิวไม่นาน จัดแจงสั่งอาหารแบบไม่เผ็ดให้มะลิ เป็นของอ่อน ๆ และย่อยง่าย แต่พออาหารมาเสิร์ฟแล้วร่างเล็กดูจะไม่พอใจสักเท่าไหร่ จิ้มว่าอยากได้สเต็กเหมือนที่ผู้ใหญ่กิน

ตอนแรกก็ยอมให้ตัดชิ้นเนื้อให้อยู่ดี ๆ หรอก สักพักออกปากว่าอยากทำเองบ้าง พยายามดูที่คนนั่งข้าง ๆ ทำแล้วพยายามหั่นตามอย่างขะมักเขม้นจนชิ้นเนื้อกระเด็นออกจากจาน  หรัญญ์นั่งมองแววตามุมานะและท่าทางมุ่งมั่นด้วยสายตาเอ็นดู รู้ว่ามีความตั้งใจแต่ถ้าปล่อยให้หั่นเองจนหมดสงสัยคงไม่ได้ไปไหนต่อพอดี 

“มันยากใช่ไหมล่ะ มา เดี๋ยวฉันช่วย”

ร่างเล็กแทบจะยกจานหนี โชคดีที่ไม่เผลอเทอาหารลงพื้นและยังยืนกรานหนักแน่นว่าจะทำเองตามประสาเด็กที่แอบหัวรั้นและดื้อเงียบ  “งั้นก็ค่อย ๆ ทำตามฉัน แบบนี้นะ”  นัยน์ตากลมมองตามแล้วลองทำอีกครั้งอย่างช้า ๆ จนมีดเชือดชิ้นเนื้อขาดเป็นสองท่อน

ซึ่งชิ้นแรกป้อนให้หรัญญ์ ส่วนชิ้นที่สองเข้าปากตัวเอง  “เก่งมากครับ”  คนเก่งมัวแต่เขินกับคำชม รู้ตัวอีกทีก็ทำซอสเลอะขากางเกงสามส่วนแล้ว ร่างเล็กเบะปากตั้งท่าจะร้องไห้ขณะผู้ใหญ่รีบปลอบว่ามันซักออก มะลิน้ำตานองเพราะของขวัญชิ้นแรกเปื้อน

กว่าห้านาทีที่ใช้ปลอบคนร้องไห้เป็นเผาเต่า ก่อนความเศร้าสร้อยจะอันตรธานหายไป นัยน์ตาลุกวาวเมื่อเดินเข้าร้านของเล่น รางวัลสำหรับการเป็นเด็กดีทำให้ร่างเล็กมีโอกาสเลือกของที่ต้องการ ระหว่างปล่อยให้เดินดูเอง หรัญญ์ได้พบกับเพื่อนเก่าที่เดินเข้ามาทักทายและถามว่ามากับใคร หนุ่มใหญ่ปากไวว่ามากับหลานและหลานที่ว่าก็เดินเข้ามาใกล้จนทันได้ยิน

ร่างเล็กเดินกลับมาพร้อมของที่อยากได้และส่งตุ๊กตาหมีให้ผู้ใหญ่นำไปจ่ายเงิน มะลิเงียบตลอดทางที่เดินตามการจูงมือ แม้แต่ตอนตรวจสุขภาพ ใครสั่งให้ทำอะไรก็ทำ

“สุขภาพน้องแข็งแรงดีนะคะ แต่น้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์ไปสักหน่อย”

ร่างเล็กนั่งห้อยขาอยู่บนเตียงระหว่างผู้ใหญ่พูดคุยกัน แล้วถึงค่อยมีนางพยาบาลพาเดินออกมาขณะหรัญญ์แยกไปรับยาบำรุงร่างกาย ระหว่างพาเดินกลับมาที่รถก็ไม่ได้แสดงท่าทางอารยะขัดขืนแต่อย่างใด เมื่อกี้หนุ่มใหญ่ยุ่งวุ่นวายกับอะไรต่อมิอะไรจนไม่มีเวลาสังเกตความผิดปกติ มาเห็นก็ตอนมะลิขึ้นนั่งบนรถแล้วกอดหมีเอาไว้นิ่ง ๆ

“ฉันทำอะไรผิดไปหรือเปล่า”  พอเข้ามาในรถก็รีบถามไถ่ขณะพลิกแขนเล็กข้างที่มีพลาสเตอร์ปิดไว้เพื่อดูเบา ๆ  “ไหนเล่าให้ฉันฟังสิว่ามันเป็นยังไง”  คิดว่าร่างเล็กอาจจะไม่พิสมัยโรงพยาบาลอย่างที่ใครหลาย ๆ คนก็ไม่ชอบ บางทีอาจจะกลัวเข็มแต่พยายามเก็บอาการ

“เจ็บ”  แล้ววลีสั้น ๆ ก็ทำเอาผู้ชายอกสามศอกออกอาการร้อนรน 

“ตรงนี้เหรอ”  ก็ยังเชื่อว่าเป็นเพราะเข็มที่ทำให้ร่างเล็กเจ็บปวด จนเห็นส่ายหน้าก็เริ่มลังเลว่าเพราะอะไรกันแน่  “งั้นเจ็บตรงไหนรีบบอกฉัน”  โชคดีว่ายังอยู่ในเขตโรงพยาบาล เป็นอะไรร้ายแรงก็ทันการรักษา  “เดี๋ยวฉันพากลับเข้าไปหาหมอ”  ตั้งท่าจะเปิดประตู พอดีกับที่หูได้ยินเสียงบางอย่างทุบกับบางอย่าง

“เจ็บ ๆ ”  ร่างเล็กพูดคำเดิมซ้ำ ๆ ระหว่างกำมือทุบกับอกด้านข้างซ้ายของตัวเอง

“พอแล้วมะลิ อย่าทำแบบนี้”  หรัญญ์ดึงตัวเองกลับเข้ามาในรถเพื่อห้ามปราบ ยึดกำปั้นเล็กไว้สุดกำลังขณะมะลิเริ่มหลั่งน้ำตาและพร่ำแต่คำว่าเจ็บ  “เพราะฉันเหรอ เพราะฉันใช่ไหม”  เห็นร่างเล็กทำร้ายร่างกายตัวเองแล้วใจมันจะขาด จู่ ๆ คำว่าหลานมันก็ผุดขึ้นมาในหัวจนค่อย ๆ รู้ตัวว่าทำอะไรลงไป  “เพราะฉันสินะ”  รีบรั้งร่างที่สั่นเทิ้มมากอดอย่างแนบแน่น กระชับวงแขนตอนคนร้องไห้สะอึกสะอื้นกอดตอบยอมโดยไม่มีเงื่อนไข

ความรักไม่เคยเลือกนายเหมือนมะเร็งที่ไม่เคยเลือกคน

ต่อให้พิกลพิการก็เสี่ยงจะเป็นโรครักด้วยกันทั้งนั้น แถมผ่านมาศตวรรษก็ยังไม่มีใครสกัดยาต้านเชื้อได้สำเร็จ โรคเกี่ยวกับหัวใจแน่นอนว่าเป็นแล้วไม่มีหาย แถมปล่อยไว้ก็มีแต่จะลุกลาม เพิ่มระดับความรุนแรงขึ้นไปเรื่อย ๆ จนเกินเยียวยา

ไม่รู้เหมือนกันว่าเด็กน้อยถลำลึกถึงขั้นไหน แต่ก็ร้ายแรงพอให้เกิดอาการน้อยเนื้อต่ำใจและอ่อนไหวง่ายกว่าเดิม หลานคืออะไรไม่รู้จัก แต่ท่าทางของผู้ใหญ่ที่พูดเหมือนไม่สลักสำคัญนั่นแหละที่ทำให้ร่างเล็กเสียใจและนำมาสู่การร้องห่มร้องไห้อย่างน่าเวทนา

เด็กน้อยเกิดมาพร้อมความคิดที่ว่าตัวเองด้อยค่ากว่าคนทั่วไปและย่อมอยากได้ความเอาใจใส่มากกว่าคนปกติ แล้วก็ยังมีอะไรอีกมายที่หรัญญ์ต้องเรียนรู้ รักที่จะอยู่กับเด็กที่ขึ้นชื่อว่าพิเศษแล้วจะให้ดูแลแบบธรรมดาได้อย่างไร

หรัญญ์จัดการลงโทษตัวเองด้วยการตีตามร่างกาย ทำร้ายตัวเองบ้างท่ามกลางการห้ามทั้งน้ำตา เด็กน้อยพยายามหยุดผู้ใหญ่และรวบมือกร้านทั้งสองข้างไว้จนได้ มะลิกลายเป็นฝ่ายปลอบใจเสียเอง ลักจำเห็นอีกคนเคยทำ ลองประทับริมฝีปากบนหลังมือใหญ่   

“เธอเจ็บหน้าอกไหมเวลาเห็นฉันตีร่างกายตัวเอง”

ร่างเล็กเช็ดแก้มลวก ๆ แล้วพยักหน้าเป็นคำตอบว่าไม่ชอบเลย  “ฉันเองก็เจ็บหน้าอกตรงนี้เหมือนกันตอนที่เห็นเธอตีตัวเอง”  อธิบายให้ฟังโดยอ้างอิงจากเหตุการณ์เมื่อกี้ ในเมื่อต่างคนต่างเจ็บปวดก็ไม่มีเหตุผลที่จะต้องทำซ้ำ  “งั้นต่อไปนี้เราจะไม่ตีตัวเองกันเนอะ”

“ไม่ทำแล้ว”  มะลิรับปากเสียงอ่อยแล้วค่อยโผเข้ากอดหรัญญ์อีกที

แล้วหลังปรับความเข้าใจกันก็เป็นหรัญญ์ที่ยังรู้สึกแย่และไม่อยากให้ร่างเล็กห่างกายสักวินาที อยากให้นั่งตักแต่ติดที่ว่าขับรถไม่ถนัด แถมผิดกฎบัญญัติการจราจรอีกด้วย แต่ก็ได้กระจกหน้าช่วยทำให้เห็นอีกคนอยู่ในสายตาตลอด มะลิย้ายไปนั่งที่เบาะหลังเพื่อรื้อขนมต่าง ๆ ออกมากิน แต่ได้ยินเสียงเปิดถุงไม่ทันไร ละสายตาแป๊บเดียวความเงียบก็เข้ามาครอบงำ

ร่างเล็กหลับคาขนม บรรทมไปพร้อมกับกอดตุ๊กตาหมี

สารถีมองผ่านกระจกหน้าแล้วอมยิ้มริมฝีปากเป็นโค้ง ก่อนจะตกใจกับไฟหน้าที่แยงตาดีว่าหักหลบรถเข้าเลนตัวเองได้ทันระหว่างรถอีกคนขับสวนเลนไปอย่างรวดเร็ว วอกแวกจนเกือบเกิดอุบัติเหตุ ใจเต้นแรงเมื่อสัมผัสได้ถึงสัญญาณเตือน หรัญญ์มีลางสังหรณ์ที่แม่นยำ

ไม่มีไฟตลอดสองข้างทางที่ขับผ่าน จนถึงตัวบ้านก็อยู่ในความมืดสนิทอย่างผิดวิสัยและเมื่อจอดรถดับเครื่องยนต์ก็มีไฟสูงจากรถอีกคันสาดใส่อย่างจังพลางยกแขนขึ้นบังตาอัตโนมัติ

หรัญญ์พยายามเพ่งมองฝ่าลำแสงที่ทำเอาแสบตาขณะมะลิงัวเงียลุกขึ้นมานั่ง ก่อนเสียงทุ้มต่ำจะพยายามบอกให้ร่างเล็กนอนลงไปเมื่อเห็นว่าเป็นใครที่เดินอาด ๆ เข้ามา รีบติดเครื่องยนต์ครั้งใหม่แต่ทว่าก็ไม่ทันกวินทร์ที่เดินมาเปิดประตูด้านหลังแล้วกระชากแขนเด็กน้อยลงจากรถท่ามกลางการขัดขืน 

หรัญญ์รีบลงจากรถมายืนจังก้า เอาตัวเข้าขวางการฉุดกระชากลากถู เผชิญหน้ากับเหตุการณ์เดจาวูที่เลวร้ายกว่าตอนถูกป้าแม่บ้านจับได้นัก  “เรื่องนี้ฉันอธิบายได้!”  หวังจะดึงร่างเล็กที่พยายามยื่นมือให้จับกลับมาก่อนจะชะงักไปเพราะปลายกระบอกปืนที่ดันชิดหน้าผาก โดนจ่อปืนครั้งแรกแทบลืมหายใจ เหตุการณ์ชุลมุนกลับเข้าสู่ความสงบได้ด้วยอาวุธสีดำ

“กลับไปซะ”  กวินทร์ลั่นวาจาเย็นเยียบ มันราบเรียบชวนให้สงสัยว่าคิดจะทำอะไรต่อไป

“แต่…!”

“กลับ-ไป-ซะ”  ปลายกระบอกปืนเปลี่ยนทิศทางจากหน้าผากเป็นขมับเด็กน้อย   

หรัญญ์ยอมล้าถอยในทันทีที่เห็นสหายใช้ร่างเล็กเป็นตัวประกันขณะพาเดินเข้าบ้านอย่างช้า ๆ ก่อนจะปิดประตูตอกหน้าคนที่ไล่แล้วไม่ยอมไป มือใหญ่รีบหมุนลูกบิดที่มันล็อกจากด้านใน ระดมทุบบานประตูไม้พลางร้องเรียกชื่อมะลิที่ไม่ทราบชะตากรรม

ถ้าไม่มีคำว่ารักค้ำคอบางทีกวินทร์อาจจะทำมากกว่าแค่จ่อปืนขู่ มะลิคว้าหัวบันไดไว้ไม่ยอมขึ้นข้างบน จนคนเริ่มมีน้ำโหจับอุ้มพาดบ่าพาเดินขึ้นชั้นสามอย่างทุลักทุเล ร่างเล็กดีดแข็งดีดขาใช้กำปั้นระดมทุบแผ่นหลังที่หนาจนไม่สะทกสะท้านอย่างต่อเนื่อง
 
เด็กน้อยกรีดร้องสุดเสียงแล้วเรียกชื่อที่กวินทร์ไม่อยากได้ยินตลอดเวลา จนกระทั่งถูกโยนลงเตียงจนรู้สึกจุก นอนหายใจรวยรินอยู่นานกว่าจะลุกขึ้นมานั่งร้องไห้เป็นรอบที่สามของวัน

หลานนั่งมองคุณอาที่ยืนนัยน์ตาแดงก่ำพยายามสงบสติอารมณ์ กวินทร์สบตาร่างเล็กตอบด้วยแววตาผิดหวังและเตรียมจะหันหลังเดินออกไปจากห้องอย่างผู้แพ้ แต่สุดท้ายก็ย้อนกลับเข้ามาเพราะขัดหูขัดตากับเสื้อผ้าที่ตนไม่ได้เป็นคนซื้อให้ใส่   

มือหนาตรงเข้ามาฉีกผ้าบนตัวให้ขาดระหว่างร่างเล็กแสดงอาการต่อต้าน เอามือยันอกอีกฝ่ายที่ดันทุรังและไม่ยอมลามือง่าย ๆ เช่นกัน ใช้กำลังเพื่อจบปัญหา เผลอตบหน้าเด็กน้อยด้วยความโกรธาและทำเสื้อผ้าราคาแพงขาดวิ่นหลุดติดมือไปเป็นชิ้น ๆ

กวินทร์ทำตัวเป็นผู้ร้ายและขายความเป็นคนให้กับบทบาทนั้นจนถอนตัวไม่ขึ้น คุณอาที่เคยใจดีโยนเศษผ้าลงพื้นก่อนจะถอดรองเท้าคู่เล็กออกแล้วปาไปโดนฝาผนังห้องอย่างแรง

“อย่าบังคับให้อาต้องทำร้ายเธอนะ”  มะลิหลุบตาลงต่ำยามโดนคาดโทษและรอให้ปีศาจไปพ้น ๆ จากห้อง เมื่อได้ยินเสียงล็อกกลอนจากด้านนอกค่อยก้าวลงจากเตียงแล้วคุกเข่ากับพื้นเพื่อโกยเศษผ้า รวมถึงคลานเข้าหารองเท้าแล้วเอามากอดด้วยความรัก 

เด็กน้อยนั่งร้องไห้และใจสลายกับเสื้อผ้าที่กลายเป็นซาก

ทั้งที่อีกคนอุตส่าห์ซื้อให้แต่กลับปกป้องพวกมันไม่ได้เลยสักนิด แค่จินตนาการถึงความฝันที่อาจไม่มีวันได้เกิดขึ้นจริงก็ยิ่งเศร้าสลด ตัวหดเหลือนิดเดียวยามล้มลงนอนบนพื้นไม้แนบร่างกายกับความสากระหว่างปล่อยให้น้ำตาไหล

ห่างไกลสิ่งที่พยายามไขว่คว้าเข้าไปทุกขณะ

คำว่าอีกหน่อยคงไม่เหมาะกับสถานการณ์ คงอีกนานกว่าจะหลุดพ้น 













---------------------------------------
✘ ✘ ✘  มาอัพตอน4แล้วค่ะ ส่วนบนกับส่วนล่างต่างกันลิบลับเลย ;-; อยากให้เอาใจช่วยหนูมะลิกับพี่หรัญญ์กันเยอะๆนะคะ
ตุ๊กติ๊กตามอ่านเม้นและในทวิตเตอร์ตลอดนะ ขอบคุณมากค่ะสำหรับความเอ็นดูที่มีให้กัน 
แล้วก็สามารถติดตามข่าวสารได้ที่เพจเลยค่ะ ---> 9crimes - นายคราม FANPAGE  (https://www.facebook.com/pg/9crimess/posts/?ref=page_internal)
หัวข้อ: Re: ———— เหมายัน ———— (๐๔) ๑๗.๐๙.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: suck_love ที่ 17-09-2017 18:30:10
สงสารน้องจัง  :katai1:
ช่วยน้องออกมาให้ได้นะคะ
หัวข้อ: Re: ———— เหมายัน ———— (๐๔) ๑๗.๐๙.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: valenpinkpink ที่ 17-09-2017 19:05:11
จะร้องไห้ :mew4: ทำไมคุณอาทำแบบนี้!
หัวข้อ: Re: ———— เหมายัน ———— (๐๔) ๑๗.๐๙.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: Raccool ที่ 17-09-2017 21:54:25
โอ๊ยใจจจจ มะลิลูกกกก  :sad4:
หัวข้อ: Re: ———— เหมายัน ———— (๐๔) ๑๗.๐๙.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: manami1155 ที่ 17-09-2017 23:21:29
กรี๊ดดดดดดดด
อาโรคจิต อาใจร้าย
มาทำกับมะลิแบบนี้ได้งัย
หัวร้อนมากกกกกกกกก
สงสารน้องงงง

พี่หรัญญ์ต้องรีบแล้วนะ
อย่าช้า ห้ามช้าไปกว่านี้แล้ว
หัวข้อ: Re: ———— เหมายัน ———— (๐๔) ๑๗.๐๙.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: cheezett ที่ 18-09-2017 12:46:41
สงสารมะลิ ไอ้คุณอาโรคจิตน่ากลัวน่าขยะแขยงมาก  :m31:
หัวข้อ: Re: ———— เหมายัน ———— (๐๔) ๑๗.๐๙.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 18-09-2017 13:14:54
จะร้องไห้ สงสารมะลิ  :katai1:
หัวข้อ: Re: ———— เหมายัน ———— (๐๔) ๑๗.๐๙.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 18-09-2017 21:56:37
ตามมมม
หัวข้อ: Re: ———— เหมายัน ———— (๐๔) ๑๗.๐๙.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: nokkkey ที่ 20-09-2017 04:03:55
ชอบความเอาใจใส่ที่หรัญญ์ทำกับน้องมาก
ไอ่คุณอานิเวรแท้ ลุ้นให้ทั้งสองปลอดภัยค่ะ  :mew6:
หัวข้อ: Re: ———— เหมายัน ———— (๐๔) ๑๗.๐๙.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 21-09-2017 13:56:08
สะเทือนใจแรงมาก!!!!
หัวข้อ: Re: ———— เหมายัน ———— (๐๔) ๑๗.๐๙.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: singalone ที่ 22-09-2017 01:22:54
โหยยยยยยยยยย พล็อตเรื่องแบบนี้ ไม่เคยอ่านมาก่อนเลย น่าติดตามมากๆเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: ———— เหมายัน ———— (๐๔) ๑๗.๐๙.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: กระเหี้ยนกระหือรือ ที่ 23-09-2017 23:09:38
๐๕



หรัญญ์ใจร้อนขนาดที่ว่านรกยังเย็นกว่าเสียอีก

ยอมอดตาหลับขับตานอนเพื่อที่จะรีบมาบริษัทในตอนเช้า เตรียมตัวมาเข้าพบท่านประธานแต่ก็ต้องมีอันฝันสลายเมื่อได้รับข่าวร้ายว่ากวินทร์ลางานโดยไม่มีกำหนดและการยกเลิกนัดลูกค้าปุบปับก็ทำคนทั้งแผนกวุ่นวายตั้งแต่ช่วงสาย 

แล้วการทิ้งงานกลางครันก็ไม่ใช่สาเหตุที่ทำให้ที่ปรึกษาบุกมาถึงบ้าน หรัญญ์ไม่ได้มาเกลี่ยกล่อมในฐานะตัวแทนบริษัทแต่มาไกล่เกลี่ยในนามของคนที่เป็นห่วงว่ามะลิจะเป็นอันตราย กังวลใจจนเก็บอาการไม่อยู่ ไม่รู้ว่าป่านนี้จะเป็นอย่างไรบ้างจนนั่งแทบไม่ติด 

“จะมาตามฉันกลับไปทำงานเหรอ”  กวินทร์ยกถ้วยชาขึ้นจิบอย่างใจเย็น เป็นคนละคนกับเมื่อวานที่แสดงพฤติกรรมก้าวร้าว ผิดกับวันนี้ที่อนุญาตให้สหายเข้าบ้านและพามานั่งคุยที่บริเวณชานระเบียงชั้นสอง  “มองหาอะไรอยู่”  เจ้าของบ้านแสร้งถามด้วยความสงสัยแต่คนเป็นแขกไม่มีเวลามานั่งเล่นสงครามประสาทด้วยจึงถามกลับตรง ๆ  “มะลิอยู่ไหน”

“ในหลุมไงถามได้”  สวนกลับทันควันและทำเอาหรัญญ์หน้าเสียชั่ววินาที ตีความไปไกลจนเพื่อนต้องรีบดึงให้กลับมาสู่ปัจจุบัน  “แกลืมไปแล้วเหรอว่าหลานฉันตายไปแล้ว”

กวินทร์เอ่ยคำลวงที่ต่างรู้กันดีว่าไม่เป็นความจริงอีกครั้งและหวังอย่างยิ่งว่าคนฉลาดจะอ่านเกมออก หรัญญ์มองปราดเดียวก็รู้แล้วว่าอีกคนต้องการอะไร แต่จะให้ทำเหมือนอุปาทานไปเองนั่นก็ไม่ใช่ความต้องการของตนเหมือนกัน  “ฉันแค่อยากรู้ว่าเขาสบายดี”

“เขาสบายดีจนกระทั่งมีแกเข้ามาในชีวิตนั่นแหละ…”  เหน็บแหนมอย่างตรงไปตรงมา ทำเอาสหายที่คิดจะมาคุยด้วยอย่างเป็นมิตรลืมเรื่องอาวุธที่อีกคนมีไว้ในครอบครองและนำมาสู่การประลองฝีปาก  “จริงเหรอ มะลิพูดแบบนั้นเองใช่ไหมหรือเป็นแกที่พยายามคิดแทน” 

“ฉันไม่อยากให้เราแตกคอกันเพราะเรื่องไม่เป็นเรื่องนะเพื่อน”

“เรื่องไม่เป็นเรื่อง…?  ชีวิตคน ๆ หนึ่งคือเรื่องไม่เป็นเรื่องสำหรับแกเหรอวะ”  ป่วยการจะคุยกัน เมื่อเล็งเห็นว่าเรื่องราวจะบานปลายหรัญญ์จึงตัดเข้าประเด็น  “ฉันขอเจอมะลิหน่อย”  ลุกขึ้นยืนอย่างไวแต่ไม่ทันเดิน สหายก็เอาตัวเข้าขวาง ซ้ำยังกระชากคอเสื้อไว้   

“เห็นแก่ความเป็นเพื่อนของเรา ฉันจะไม่เอาความกับแกในทุก ๆ เรื่องก่อนนี้ ฉันจะคิดซะว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น”  กระซิบกระซาบพอให้ได้ยินกันแค่สองคนและการพูดออกมาอย่างง่ายดายก็ทำให้คนฟังอดสมเพชไม่ได้  “แกคงอยู่กับการหลอกตัวเองจนชินสินะ”

“แต่ฉันไม่ชินกับการถูกหักหลังเลยว่ะ”  กวินทร์สบตาคนทรยศที่มีสีหน้าสลดลงเล็กน้อย

หรัญญ์ยอมรับทุกข้อกล่าวหา จะดุด่าว่ากล่าวอะไรก็เฉย แต่ขอคัดค้านเพียงอย่างเดียวคือการให้เดินออกไปจากเรื่องนี้เฉย ๆ  “ฉันทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นไม่ได้”

“ต้องได้สิพวก แกจะมาสนใจอะไรกับเด็กบ้านป่าคนเดียว”   

“ฉันรักมะลิ”   

กวินทร์ส่ายหน้าไม่เชื่อ เมื่อคิดถึงความเป็นไปได้แล้วก็ยิ่งส่ายหัว  “ยังเร็วไปที่จะสรุปว่าเป็นความรัก อย่างมากก็แค่หลง”

“ฉันโตพอจะแยกออกว่าอะไรคือความรักอะไรคือความหลง…”

“จะบอกว่าจริงจังงั้นสิ”  ย้อนด้วยน้ำเสียงดูแคลนทั้งที่ ๆ กำลังหวั่นใจกับสายตามุ่งมั่นและท่าทางยืนกรานหนักแน่นของคนตรงหน้า นอกจากรักคงมีเบื้องลึกเบื้องหลังที่ยังไม่ได้เอ่ยถึง พอจะนึกเหตุผลที่ทำให้อีกคนเดือดเนื้อร้อนใจกับเรื่องนี้ออก แต่ก็อาจจะจริงอย่างที่เพื่อนบอก ตนชอบหลอกตัวเองจนเป็นนิสัย มันจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นตราบใดที่ใจคิดว่าไม่มีอะไร

“ฉันจะพูดกับแกตรง ๆ เลยก็แล้วกัน”  หรัญญ์คิดว่าความชัดเจนอาจเป็นทางออกของปัญหา ในขณะที่กวินทร์เห็นท่าไม่ดีเลยเตรียมจะเดินหนีไป  “ฉันไม่อยากฟัง” 

เพราะบางครั้งสิ่งที่เรียกว่าความจริงก็เจ็บปวดกว่าคำโกหก ผู้คนที่กลัวจะตกเป็นเหยื่อของความเจ็บปวดจึงต่างหันหลังให้กับมัน

“เราสองคนมีอะไรกันแล้ว”  ประโยคบอกเล่าเข้าใจง่ายดังขึ้นในความเงียบงัน แปลกที่อีกคนแค่ลั่นวาจาแต่อีกคนกลับเหมือนถูกตบหน้าหันและซ้ำด้วยการกระทืบแทบจมดิน กวินทร์เหมือนถูกสต๊าฟสาปให้เป็นหิน ได้ยินชัดเต็มสองรูหูและรู้สึกเหมือนโดนหยามจนเผลอกำหมัด

คิดถึงภาพหลานนอนใต้ร่างคนอื่นแล้วก็ยืนโกรธจนตัวสั่น  “แล้วไง…”

“แล้วไงน่ะเหรอ ฉันก็ต้องรับผิดชอบ”

“มะลิไม่ต้องการความรับผิดชอบจากแก!”  เกลียดนักพวกอ้างความรับผิดชอบ ยังปักใจเชื่อว่าการมีอะไรกันไม่ได้อยู่บนพื้นฐานของการสมยอมพร้อมใจ แต่เป็นการกดขี่ข่มเหง แรงเด็กน้อยหรือจะสู้ผู้ใหญ่กลัดมัน  “ฉันจะไม่ปล่อยให้หลานได้เจอกับคนที่ข่มขืนเขาอีก!”

“ผิดแล้วเพื่อน เราตกเป็นของกันและกันด้วยความเต็มใจ”  หรัญญ์จะทำถ้าการซัดให้หมอบด้วยคำพูดจะช่วยกระตุ้นให้อีกฝ่ายยอมรับกับเรื่องที่เกิดขึ้นได้และจะทำยิ่งกว่านี้อีกถ้าอีกคนไม่ยอมหลีกทางให้เจอกับร่างเล็กดี ๆ

“แกจะมาเอาอะไรกับเด็กปัญญาอ่อนคนนึง”  เพราะรู้เช่นเห็นชาติเข้าใจสันดานอย่างถ่องแท้จึงข้องใจกับความรู้สึกที่เพื่อนมีให้กับหลาน  “มะลิไม่มีทางทันเกมคนหัวหมออย่างแก อ่อ คงเห็นว่าหลานฉันหัวช้าสินะ” 

เสียมารยาทด้วยการชี้หน้าไม่พอ ยังต่อว่าต่อขานกลั่นคำพูดมาจากใจหาใช่แค่พลั้งปากเพราะอารมณ์ชั่ววูบ  “ทำไม เงินแกมีไม่มากพอจะซื้อผู้หญิงกินแล้วหรือไง ถึงต้องถ่อมาที่นี่เพื่อกินฟรี ..ฉันมีเงินให้แกนะ แล้วแกจะเอาไปซื้อใครมาเอาด้วยก็เชิญ” 

ธาตุแท้ของสหายทำเอาหรัญญ์หน่าย เหมือนทะเลาะกับเด็กผู้ชายที่พอไม่ได้ดั่งใจก็เอะอะโวยวายและใช้เงินพ่อแม่แก้ปัญหา มันคือข้อเสียของการเกิดมาบนกองเงินกองทองสินะ เอาแต่ใจและเมื่อถึงจุด ๆ หนึ่งก็จะไม่เห็นหัวใครหน้าไหนทั้งนั้น ต่อต้านแม้กระทั่งความจริง 

“แกจะคิดยังไงก็ช่างแต่ฉันพูดความจริงไปหมดแล้ว”

“ฉันจะไม่ยอมให้หลานกลายเป็นตัวตลกของใครหรือของเล่นของใคร”  ประกาศจุดยืนชัดเจนและถ้าใครคิดล้ำเส้นจะไม่เอามันไว้  “ฉันจะไม่ยอมให้ไอ้อีหน้าไหนมาหัวเราะเยาะหลานฉัน ดูถูกหรือมาเอาเปรียบหลานฉัน โดยเฉพาะคนเห็นแก่ตัวอย่างแก”

หรัญญ์ยอมให้ชี้หน้ามานานถึงคราวปัดออกบอกว่าชักไม่ชอบใจ

กวินทร์มองคนที่ต้องการงัดข้อด้วยตั้งแต่หัวจรดเท้าและไม่ว่าจะพูดเอาสนุกหรือเพราะอะไรแต่ผลลัพธ์คือทำคงฟังชักหงุดหงิดและโมโหได้เหมือนกัน  “เมียคนเดียวยังรักษาไว้ไม่ได้ เหอะ แล้วยังจะสะเออะมารับผิดชอบชีวิตคนอื่น”

“คนเดียวที่กำลังดูถูกมะลิก็คือแก แกคิดเองเออเองทุกอย่าง ทำไมแกไม่ลองถามมะลิดูเลยล่ะ ถามว่าเวลาเขาอยู่กับฉัน เขามีความสุขมากแค่ไหน ให้เด็กได้เลือกกว่าอยากอยู่กับใคร ไม่ใช่บงการชีวิตเขาเพราะความกลัวของแก”

“ถ้างั้นแกจะบอกกับลูกสาวแกว่ายังไง”  เลิกคิ้วด้วยความยียวนกวนประสาท  “มานี่สิลูก มาทำความรู้จักแม่เลี้ยงของลูกเอาไว้ เขาอายุน้อยกว่าลูกอีกนะ แถมเป็นผู้ชายเสียด้วย แบบนี้น่ะเหรอ…? ไหนจะหน้าตาทางสังคมของแก ภาพพจน์ของแกที่ต้องรักษา”

“ฉันไม่สน”

“สนหน่อยก็ดีนะเพื่อน เพราะแกไม่ได้อยู่บนโลกนี้ตามลำพัง”

ใจจริงอยากจะต่อยปากสักที แต่คำว่าเจรจาอย่างสันติมันค้ำคอ  “ฉันขอล่ะ”

“ขออะไร มันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก”  บอกเสร็จก็หมุนตัวกลับหลังหัน

“ฉันเห็นรูปที่ผนังห้องของมะลิ…”  คำพูดของหรัญญ์ตรึงขากวินทร์ให้หยุดอยู่กับที่ โชคดีหันหลังให้ อีกฝ่ายจึงไม่เห็นนัยน์ตาที่กำลังสั่นระริก  “รูปภาพพวกนั้นคงพอจะบอกอะไรกับนักสังคมสงเคราะห์ได้บ้าง”  เมื่อใช้ไม้อ่อนไม่ได้ผล คนไม่มีทางเลือกก็ต้องเปลี่ยนมาใช้ไม้แข็ง ฟาดแรง ๆ ลงไปจนฝ่ายที่ดูเหมือนจะเหนือกว่ามาตลอดแทบเข่าอ่อน  “นายคงไม่อยากให้คนนอกเข้ามายุ่มย่ามด้วยสักเท่าไหร่ใช่ไหม แหงสิ อุตส่าห์ซ่อนไว้ถึงในป่า มะลิคงเป็นสาเหตุที่ทำให้ก่อนหน้านี้แกไม่ยอมรับตำแหน่งสินะ เป็นฉันก็คงจะไม่อยากไปไหนเหมือนกัน” 

“อย่ามาขู่ฉันนะ”  กวินทร์หันกลับมาและเดินเข้าประชิดตัว 

หรัญญ์สัมผัสได้ถึงความหวาดกลัวในน้ำเสียงเกรี้ยวกราดและถือโอกาสกดดันอย่างผู้ชนะ  “เลือกเอาว่าจะให้ฉันเจอมะลิหรือให้ฉันโทรเรียกนักสังคมสงเคราะห์มาที่นี่”

“แกจะไม่ทำ” 

“อย่าประมาทคนที่กำลังจนตรอกเชียวล่ะ”

“งั้นแกก็อย่าประมาทคนที่มีปืนเหมือนกันล่ะ” 

ดวงตาสองคู่สบกันอย่างไม่มีใครยอมใคร แววตาเจือไปด้วยความอาฆาตมาดร้ายหมายจะเอาชีวิตของกันและกัน กวินทร์กัดฟันกรอดตอนที่หรัญญ์เดินกระแทกไหล่ผ่านไป เจ็บใจที่ปราชัยในศึกน้ำลายแล้วยังต้องมายืนไขแม่กุญแจให้กับศัตรูหัวใจอย่างจำยอมอีก   

“มะลิ!”  เรียกร่างเล็กเสียงดังตั้งแต่ผลักประตูให้เปิดกว้าง

ถลามาทรุดตัวลงนั่งตรงหน้าเด็กน้อยที่กำลังร้องห่มร้องไห้และนั่งกระตุกโซ่ที่ข้อเท้าไปด้วยอย่างอับจนหนทาง ตอนแรกมะลิได้ยินเสียงทะเลาะวิวาทดังลอดขึ้นมาทางหน้าต่าง อยากลงไปหาติดที่ว่าถูกพันธนาการไว้ มีเรื่องอยากฟ้องมากมายแต่พอได้เจอหน้ากลับพูดไม่ออก มองด้วยสายตาเหมือนฝัน หรัญญ์จึงทำให้ทุกอย่างสมจริงขึ้นมาด้วยการกอด

“เจ็บตรงไหนหรือเปล่า”  มุมปากที่ปรากฏรอยช้ำเล่าเรื่องราวของมันได้ดี ไม่จำเป็นต้องอธิบายก็รู้ว่าเป็นฝีมือใคร หรัญญ์หันมองกวินทร์ที่ยืนกอดอกอยู่หน้าห้องอย่างโกรธเคือง

นัยน์ตาแดงก่ำเรืองรองไปด้วยความเคียดแค้น ไฟร้อนสุมอกแช่งชักหักกระดูกให้ตกนรกหมกไหม้ ขอให้เวรกรรมไล่ตามทันและโดนมัจจุราชสำเร็จโทษอย่างแสนสาหัส 

หรัญญ์ลดใบหน้าเสมอใบหูเล็ก กระซิบให้ได้ยินกันเอง  “อดทนอีกนิดนะ แล้วเราจะหนีไปด้วยกันในที่ที่ไกลแสนไกล”  ร่างเล็กถอยตัวออกห่างเล็กน้อย แล้วค่อยพยักหน้าเบาๆ

ก่อนจะต่างฝ่ายต่างโผเข้ากอดกันอีกหน ริมฝีปากหนาจรดลงบนหน้าผากมนหลายต่อหลายครั้ง ร่างเล็กอิงแอบแนบชิดชายอื่นต่อหน้าธาตุอากาศอย่างกวินทร์ที่แทบล้มทั้งยืน คุณอาเจ็บปวดที่หลานรักดูมีใจให้กับคนนอกครอบครัวและยอมให้ถูกเนื้อต้องตัวโดยไม่จำเป็นต้องเอ่ยปาก กำลังอิจฉาตาร้อนคิดถึงตอนกอดร่างเล็กแต่เด็กน้อยไม่เคยมีปฏิกิริยาตอบสนองใด ๆ   

“เอากุญแจมา”  ถือเป็นคำสั่งมากกว่าร้องขอ หรัญญ์เอ่ยขึ้นมาก็เพราะยิ่งกอดยิ่งสัมผัสได้ถึงความร้อนฉ่าบนผิวกาย ดูท่าไข้จะถามหาร่างเล็ก  “ฉันบอกให้เอากุญแจมา!”

“เหมือนแกจะลืมอะไรไปอย่างนะไอ้หรัญญ์ ฉันเป็นเจ้านายของบ้านหลังนี้ รวมถึงที่ที่แกทำงานอยู่ด้วย ให้เจอก็ถือว่าบุญแค่ไหนแล้ว” 

“ฉันจะพามะลิไปหาหมอ”

“จะไม่มีใครได้ออกจากบ้านตราบใดที่ฉันยังไม่อนุญาต”

“แกบ้าไปแล้วเหรอ!”  หรัญญ์ฉีกมาดนิ่ง ๆ ไม่เหลือชิ้นดี ลุกขึ้นยืนแล้วปรี่เข้ากระชากคอเสื้อกวินทร์ที่ระบายยิ้มร้าย  “บางทีฉันอาจจะบ้าไปแล้วจริง ๆ ก็ได้”  ค่อย ๆ แกะมือที่รั้งคอเสื้อออกระหว่างบอกกติกาการเข้าเยี่ยมของวันนี้  “ฉันให้เวลาแกถึงบ่าย ล่ำลากันซะก่อนที่จะไม่ได้เจอกันอีกตลอดชีวิต”  ให้โอกาสพลอดรักกันจนหนำใจ เผื่อสหายจะสำนึกบุญคุณแล้วยอมยุติความสัมพันธ์ที่หัวเด็ดตีนขาดตนก็ไม่มีวันยอมรับ

กวินทร์รีบเดินลงไปด้านล่างสวนทางกับป้าแม่บ้านที่เตรียมทั้งยาและผ้ากับอ่างใส่น้ำขึ้นมาบนชั้นสาม เธออาสาเช็ดตัวให้คุณหนูที่หลับไปเพราะฤทธิ์ยาขณะนอนหนุนตักแกร่ง วงแขนยังโอบล้อมรอบเอวสอบ ไม่ยอมแยกจากหนุ่มใหญ่ที่นั่งสางผมลื่นเล่นระหว่างรอให้ตื่น 

“เดิมทีคุณผู้ชายไม่ใช่คนแบบนี้หรอกค่ะ”  หญิงร่างท้วมพูดทำลายบรรยากาศเงียบ ๆ 

หรัญญ์เหลือบมองเล็กน้อยแล้วยิ้มสมเพชกับตัวเอง  “ที่ผ่านมาผมแทบจะไม่รู้จักตัวตนจริง ๆ ของกวินทร์ด้วยซ้ำ”  นึกถึงคำพูดของอีกคนก่อนหน้านี้แล้วก็สะท้อนใจและไม่อยากจะเชื่อหู เหมือนเพิ่งได้รู้จักเพื่อนใหม่ทั้งที่ก็เป็นเพื่อนกันมาหลายปี

“คุณจะไม่แจ้งให้ใครมาที่นี่ใช่ไหมคะ… ขอโทษค่ะ พอดีป้าแอบได้ยิน”

“ถ้าทำแบบนั้นผมคงกลายเป็นคนที่ดูโง่มาก ว่าไหมครับ”  หากทำอย่างนั้นก็เท่ากับว่าตัดช่องทางของตัวเองไปด้วย แทนที่จะช่วยกลับทำให้เรื่องราวยิ่งเลวร้ายกว่าเดิม  “ผมไม่มีทางปล่อยให้ใครพามะลิไปแน่”  มองเด็กน้อยหลับปุยด้วยสายตาเอ็นดูก่อนจะถามถึงความเป็นอยู่กับป้าแม่บ้าน  “วันนี้เขาได้กินอะไรบ้างหรือเปล่าครับ” 

“ไม่ค่ะ ไม่ยอมทานอะไรเลยตั้งแต่เช้า”

“เด็กโง่”  บีบแก้มยุ้ยแก้ขัด ถ้าตื่นเมื่อไหร่คงต้องมีการลงโทษที่อดอาหารกันบ้าง     

“ถ้าคุณหนูตื่นแล้วคุณช่วยกล่อมให้แกทานอะไรสักหน่อยจะได้ไหมคะ ตอนนี้คุณคงเป็นคนเดียวที่คุณหนูเชื่อฟัง” 

หรัญญ์พยักหน้าแล้วตอบครับในลำคอ 

“ป้าพอจะเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ผมฟังได้ไหม”  ไหน ๆ ก็สบโอกาสแล้วเลยอยากจะฟัง   

หญิงร่างท้วมที่เช็ดตัวเสร็จคุณหนูพอดีไม่ได้ปฏิเสธหรือตอบตกลง ทำทีจะยกอ่างน้ำออกไปจากห้องแต่ก็ต้องวางมือจากงานและรีบวิ่งไปตามคุณผู้ชายให้มาช่วยปลดล็อกโซ่ตรวนโดยด่วนเมื่อเห็นคุณหนูลุกขึ้นมานั่งอาเจียนอย่างรุนแรง

มะลิมีอาการไข้ขึ้นจนต้องนำส่งโรงพยาบาล รถสองคันขับออกจากบ้านป่าหลังจากยื้อแย่งกันไปมาว่าจะให้ร่างเล็กขึ้นรถคันไหน หรัญญ์เป็นฝ่ายกุมชัยชนะอีกครั้งในศึกชิงนาง รีบช้อนร่างที่หนุนตักป้าแม่บ้านออกจากรถและเป็นคนที่ยืนอยู่ข้างเตียงผู้ป่วยไม่ไปไหน

แม้แต่ตอนโยกย้ายห้องออกจากห้องตรวจมาห้องพักก็ไม่เคยจะห่าง ถึงคำวินิจฉัยของหมอพอจะทำให้วางใจได้ในระดับนึงแต่ก็ยังอยากมองให้แน่ใจว่าเด็กน้อยจะไม่มีอาการอะไรตามมาหลังจากที่กินยาตามสั่ง

“กลับไปได้แล้ว”  กวินทร์ที่ห่วงร่างเล็กไม่แพ้กันออกปากไล่ในที่สุด อุตส่าห์ทนนั่งมองท่าทางห่วงใยออกนอกหน้าอยู่ตั้งนาน แอบหัวเสียเพราะทั้งที่ที่ตรงนั้นควรจะเป็นของตนแท้ ๆ   
 
“คืนนี้ฉันจะอยู่เฝ้ามะลิ” 

คนพูดพยายามมองข้ามความขัดแย้งไปก่อน เอาไว้ค่อยทะเลาะกันตอนอื่น

“งั้นก็กลับไปเปลี่ยนชุดก่อนไป สภาพดูไม่จืด”  กวินทร์ลุกขึ้นยืนจากโซฟาและเดินอ้อมมาอีกฝั่งของของเตียงเหล็ก บรรจงห่มผ้าให้เด็กน้อยอย่างแผ่วเบาท่ามกลางการเฝ้ามองไม่คลาดสายตา หรัญญ์แสดงสีหน้าไม่ไว้ใจอย่างชัดเจน  “ที่นี่โรงพยาบาลเชียวนะ ป้าแม่บ้านก็อยู่ ฉันทำอะไรไม่ได้หรอก”  บอกเสียงเรียบนิ่งระหว่างไล้ปลายนิ้วเกลี่ยกับซีกแก้มด้านซ้ายของมะลิที่ยังไม่ได้สติ กวินทร์ไม่ได้รบเร้าแต่ปล่อยให้อีกคนคิดเอาเองว่าจะทำอย่างไรต่อไปดี

หรัญญ์เพิ่งมีเวลาสำรวจตัวเองถึงได้เห็นว่ากางเกงเลอะคราบอ้วกที่ใกล้แห้งกังและจะให้ร่างเล็กตื่นขึ้นมาเจอทั้ง ๆ สภาพนี้คงไม่ดีเท่าไหร่ กลิ่นไม่พึ่งประสงค์ก็เป็นอีกเหตุผลที่ทำให้ตัดสินใจควักนามบัตรออกจากกระเป๋าสตางค์และเดินเข้าหาหญิงร่างท้วม
 
“ป้า…”

“นิ่มค่ะ”

“ป้านิ่มครับ ผมฝากมะลิด้วยนะ ถ้ามีอะไรด่วนรีบโทรหาผม” 

หญิงวัยไม้ใกล้ฝั่งรับช่องทางการติดต่อจากมือหรัญญ์ แต่ก่อนอีกคนจะผละออกไปเธอพยายามส่งสัญญาณบอกเป็นนัย ๆ ว่าไม่อยากให้เชื่อคำพูดคุณผู้ชาย รู้สึกใจคอไม่ดี

“แล้วผมจะรีบกลับมาครับ”  วางมือทับหลังมือที่เหี่ยวย่นแล้วลูบให้คลายกังวล   

หรัญญ์หันกลับมาหอมแก้มคนที่ยังสลบไสลไม่รู้สึกตัวก่อนจะช้อนนัยน์ตามองกวินทร์เล็กน้อยแล้วค่อยเดินห่างออกจากเตียง ไกลพอจะไม่ได้ยินเสียงด่าไล่หลังว่าโง่   






มีต่อด้านล่าง

หัวข้อ: Re: ———— เหมายัน ———— (๐๕) ๒๓.๐๙.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: กระเหี้ยนกระหือรือ ที่ 23-09-2017 23:17:58
หลังจากที่หรัญญ์กลับไปตามคำแนะนำ

กวินทร์ก็ทำตัวลึกลับ หายหน้าหายตาไปจากห้องพักฟื้นเช่นกัน ปล่อยให้หลานอยู่กับแม่บ้านสองคนจนผ่านไปสักสิบนาทีกว่าถึงได้กลับเข้ามาในห้องพร้อมกระป๋องเบียร์ในมือ

ร่างหนาถือของมึนเมามานั่งที่โซฟาและไม่พูดไม่จากับใครเอาแต่ดื่มย้อมใจเงียบ ๆ จนแทบเกลี้ยงกระป๋องระหว่างจ้องดวงหน้าของร่างเล็กที่นอนบนเตียงไปด้วย ว่ากันว่าฤทธิ์ของแอลกอฮอล์จะช่วยให้ใจกล้าขึ้น บ้างก็ว่าเหมือนปลุกสัญชาตญาณดิบให้ตื่นเต็มตา แต่ลำพังกระป๋องเดียวหรือจะลบล้างสติปัญญาของคน ๆ นึงไปได้ ก็แค่ดื่มแก้กระหาย พอหมดประโยชน์ก็กลายเป็นแค่ขยะ กระป๋องอลูมิเนียมถูกเหยียบจนแบนแทนที่จะถูกโยนลงถัง   


“ป้ากลับไปก่อน”  กวินทร์ออกคำสั่งเหมือนทุกครั้ง แตกต่างก็ตรงที่คนฟังไม่ทำตามตั้งแต่ออกปากครั้งแรก หญิงร่างท้วมพยายามแย้งอย่างหวั่น ๆ  “แต่คุณหนู…”


“ดูเหมือนผมจะกลายเป็นหมาหัวเน่าแล้วสินะ ใคร ๆ ก็เห่อแต่ไอ้หรัญญ์มัน”  ตัดพ้อด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ ยิ้มให้ตัวเองอย่างเย้ยหยัน  “น่าจะเป็นไอ้หรัญญ์มากกว่าที่ได้รับตำแหน่งท่านประธาน”  ทั้งฉลาด ใจเย็น มีไหวพริบปฏิภาณ ทำงานเก่งอีกต่างหาก แถมปากก็หวาน ถ้าเปลี่ยนประธานบริษัทคนใหม่พนักงานในแผนกคงจะดีใจจนเนื้อเต้น 

“ให้ป้าอยู่ช่วยอีกแรงดีกว่านะคะ เผื่อคุณหนูตื่นขึ้นมาแล้วหิวอะไรป้าจะได้ช่วยหา”

“กลับไปเถอะครับ ผมดูแลมะลิเอง”  คำไหนคำนั้น ตวัดมองตาขวาง กดดันจนป้าแม่บ้านต้องวางมีดปอกผลไม้ เธอกำลังเตรียมปอกแอปเปิลไว้ให้คุณหนูกินรองท้องหลังฟื้น

“ให้ป้าอยู่…”

กวินทร์ลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็วและเดินตรงไปเปิดประตูห้อง บอกเป็นนัยว่ามาทางไหนให้กลับออกไปทางนั้น  “เงินที่ผมเคยให้ป้าคงพอค่าแท็กซี่นะครับ”

ได้หนึ่งแถมหนึ่ง แสดงถึงความห่วงใยแต่ก็ได้ทวงบุญคุณไปในตัว 

ต่อว่ามาตรง ๆ ยังดีเสียกว่า หญิงร่างท้วมจำต้องก้มหน้าเดินออกจากห้อง พอจะหันมองคุณหนูก็ถูกประตูปิดใส่หน้า เธอจึงรีบควานหานามบัตรในกระเป๋าเสื้อและเมื่อเจอตู้โทรศัพท์สาธารณะเมื่อไหร่สัญญาว่าจะโทรหาความช่วยเหลือโดยด่วน   
   
กวินทร์มองแม่บ้านเดินจากไปด้วยท่าทางร้อนรนผ่านช่องประตูที่เปิดแง้ม ๆ ก่อนจะปิดมันให้สนิทอีกครั้งและเดินออกห่างจากตรงนั้น กลับเข้ามาด้านในที่เงียบสงัดขนาดได้ยินเสียงเครื่องปรับอากาศ คุณอายืนอยู่ข้างเตียงที่หลานจับจ้องไว้เพื่อเฝ้ามองการเคลื่อนไหวใกล้ตื่นเต็มที ท่าทางบิดขี้เกียจเล็กน้อยทำให้คิดถึงวันเก่า ๆ

เห็นร่างเล็กมาตั้งแต่ตีนเท่าฝาหอย จำวันที่คอยยืนดูพันธนาการจากตู้อบได้แม่นยำ เด็กน้อยร้องอ้อแอ้หานมและนอนอมยิ้มให้กับน้องชายแม่ที่ขอเข้ามาดูแลชิดขอบกระบะเด็ก เรียนรู้การอาบน้ำเด็กเล็กจากพยาบาล ทำแทนพ่อแท้ ๆ ผู้ขลาดเขลาจนหลานเข้าใจว่านี่แหละพ่อ

เพราะรู้สึกถูกชะตาเป็นพิเศษ วันนึงจึงถามว่า  ‘อยากไปอยู่กับอาไหมครับ’

เด็กเดือนเดียวทำได้แค่กะพริบตา เลยทึกทักเอาว่าตกลงจากการที่มือเล็กกำรอบนิ้วชี้ไว้

กลายเป็นข้อผูกมัด 

“บอกฉันว่าเธอจะเลือกฉัน…” 

ต้องการคำยืนยันในปัจจุบันอีกรอบ กวินทร์ยกมือเล็กขึ้นมาหอมด้วยความรักหลายครั้ง สักพักก็เริ่มลามปาม คำพูดของหรัญญ์ที่ว่าเรามีอะไรกันแล้วถือเป็นเชื้อเพลิงชั้นดี ทั้งที่ตีตราจองเค้กก้อนนี้ไว้ก่อนใคร ตั้งใจจะเก็บไว้กินคนเดียวเก็บเกี่ยวรสชาติด้วยการตักชิมทีละนิดแต่กับถูกคนใกล้ชิดตัดหน้า ละเลงครีมขาวให้ย่อยยับยากจะกลับมาเรียบเนียนเหมือนเดิม

มะลิเริ่มขยับตัวมากขึ้นเกือบตื่นแล้วเมื่อถูกรบกวนอย่างหนัก ร่างเล็กรู้สึกระคายเคืองบริเวณหน้าเหมือนกับว่ามีอะไรบาดผิวอยู่ตลอด จนอดรนทนนอนต่อไปไม่ไหว ค่อย ๆ ลืมตามองหลอดไฟบนเพดาน อยู่ในอาการสะลึมสะลือเพราะหลับไปหลายชั่วโมงติดก่อนจะรับรู้ได้ถึงความผิดปกติที่มาพร้อมความหยาบโลน     

เพราะสัจจะไม่เคยมีในหมู่โจร พูดอะไรกับอีกคนไว้ก็ลืมหมด ต้นตอความน่ารำคาญมาจากไรหนวดของกวินทร์ที่ปีนขึ้นมาบนเตียงไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ด้วยอารามตกใจร่างเล็กจึงผลักไสทุบไหล่หนาและเบี่ยงหน้าหนีริมฝีปากที่ป้วนเปี้ยนแถวคางเพราะอยากปล้นจูบ

“อาไง อากวินทร์ของเธอเอง…”  เห็นร่างเล็กต่อต้านไม่หยุดคุณอาเลยตัดสินใจเอาน้ำเย็นเข้าลูบยกเลิกแผนการจูบไปก่อน มะลิเพิ่งตื่นคงจะตกใจ ไหนจะสถานที่แปลกตาจึงให้เวลาสำรวจตรวจความเรียบร้อยรอบห้อง ปล่อยให้มองซ้ายมองขวาด้วยแววตาสับสน

“ฉันพาเธอมาโรงพยาบาล”  จงใจตัดชื่อหรัญญ์ออก ไม่บอกความจริงทั้งหมดเพราะจะเก็บความดีความชอบไว้คนเดียว กวินทร์รั้งดวงหน้าที่เหลียวซ้ายแลขวาเหมือนจะหาบุคคลที่สามให้กลับมามองตรงและส่งสัญญาณทางสายตาว่าถึงเวลาตอบแทนค่าน้ำเกลือแล้ว         

แก้วตากลมสั่นระริกท่ามกลางบรรยากาศอึดอัด ร่างเล็กกลั้นหายใจเมื่อคนนั่งคร่อมขาไล่กระตุกเชือกบนเสื้อผู้ป่วยที่เน้นถอดง่ายใส่สบาย ซึ่งในสถานการณ์แบบนี้ไม่นับว่าเป็นข้อดีเลยสักนิด เด็กน้อยมีท่าทีอิดออดอย่างเห็นได้ชัดถึงขั้นดันมือที่กำลังแหวกสาบเสื้อออกเบา ๆ พลางหลบสายตา ทว่ากวินทร์ก็ไม่ยอมลดละเพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกและครั้งเดียวที่มะลิพยายามปฏิเสธ จะเรียกว่าเล่นตัวก็แรงไป แต่ทุกครั้งคุณอาก็จัดการหลานจอมงอแงได้ตลอด 

หวังจะได้รับความร่วมมือเช่นแต่ก่อน คิดว่าร่างเล็กจะใจอ่อนกับความนุ่มนวล แต่แทนที่จะรู้สึกผ่อนคลายตอนถูกนวดหน้าอกกลับนั่งน้ำตาตกทีละหยดสองหยด ไม่ได้เจ็บที่โดนบีบเค้นตามร่างกาย แต่เสียใจที่ไม่กล้าพอจะปัดป้อง ได้แต่มองตัวเองถูกลวนลามอย่างทุกครั้ง

อยากลองสู้เพื่อตัวเอง จู่ ๆ เด็กน้อยก็มีความคิดที่จะปราบเหล่าร้ายด้วยมือเปล่า เข้าปะทะด้วยการผลักอย่างแรง ดีดแข้งดีดขาไปมาจนสร้างความรำคาญให้กับกวินทร์ หงุดหงิดอยู่เป็นทุนอุตส่าห์หาอะไรดื่มให้ใจเย็น แต่พอร่างเล็กมาเป็นแบบนี้ความรู้สึกที่พยายามกด ๆ ไว้มันก็ประทุ ไม่ต้องการมันแล้วความสมัครจงสมัครใจ ไม่ต้องการความเมตตายอมอยู่เฉยให้เพราะว่าสงสาร ต่อต้านก็ดีเหมือนกัน เผื่อความตื่นเต้นเร้าใจจะทำให้นกเขาขันสักที

“อยากให้อารุนแรงด้วยแบบนี้ตั้งแต่แรกทำไมไม่บอก”

ยิ่งผลักออกก็ยิ่งเข้าหาจนเจอข่วนเข้าที่หน้าไปหลายหน

ร่างเล็กพยายามยื้อแยงกางเกงกับคนที่มีพละกำลังเหนือกว่าสรีระก็ต่างกัน ฝ่าเท้าเล็กยันเข้าที่กลางอกแกร่งแลกมากับการพลาดท่าเสียทีครั้งใหญ่ เปิดทางให้มือกร้านดึงอาภรณ์ออกจากขารวดเดียวก่อนจะเขวี้ยงมันไปไกล ๆ จนมือเล็กไขว่คว้าได้แค่อากาศ 

กวินทร์รูดซิปกางเกงตัวเองลงและเตรียมจะงัดเจ้าโลกออกมาเผชิญกับอากาศเย็น ลึก ๆ แล้วมะลิก็หวังว่าจะมีใครเข้ามาช่วยระงับเหตุการณ์บานปลาย แต่ถ้าให้รออีกนิดคงไม่ทันการ ร่างเล็กจึงหันไปทางโต๊ะข้างหัวเตียงเพื่อคว้ามีดปอกผลไม้และใช้มันชี้หน้าคนบ้าดีเดือด 

“เธอเคยว่านอนสอนง่ายกว่านี้นะมะลิ”  แทบไม่อยากจะเชื่อสายตาแม้ว่าร่างเล็กจะยังกำด้ามมีดอยู่ก็ตาม  “หรัญญ์มันสอนให้เธอดื้อกับฉันใช่ไหม”  เดิมทีเด็กในความดูแลก็ไม่ได้มีนิสัยก้าวร้าว เห็นได้ชัดว่าต้องถูกเป่าหูมา  “มันบอกอะไรกับเธออีก มันสัญญาว่าจะซื้ออะไรให้สินะ บอกฉันสิ แล้วฉันจะหามาให้เธอมากกว่ามันเป็นสองเท่า”  กวินทร์ยื่นข้อเสนอ 

เจอไม้นี้เข้าไปยังไงเด็กน้อยก็ต้องหวั่นไหว  “…เรารักกันไม่ใช่เหรอ”

มะลิน้ำตาคลอเบ้าและหลบตาราวกับไม่อยากจะมองหน้าคนใจร้าย ค่อย ๆ ส่ายหัวจนผมสะบัดปฏิเสธว่ามันไม่ใช่ความรักหากแต่เป็นความเวทนาที่เราต่างมีให้กัน   

“เธอรักฉันเหมือนที่ฉันรักเธอมาตลอด”  คุณอาพูดเสียงอ่อนเสียงหวานจนหลานตามอารมณ์ไม่ทัน  “ฉันไม่โกรธที่เธอไม่รู้ แต่นี่ไม่ใช่วิธีตอบแทนต่อผู้มีพระคุณ ฉันเลี้ยงเธอมาไม่ใช่เพื่อให้เอามีดมาชี้หน้าฉัน”  พูดช้า ๆ ชัด ๆ แล้วคว้าหมับกำรอบมือที่ถือด้ามมีดไว้อย่างแรง

มะลิตกใจนึกว่าจะแย่งอาวุธไปจากมือแต่ก็เปล่า  “เอาสิ แทงฉันเลย”  อยากรู้เหมือนกันว่าจะไปได้สักกี่น้ำ คิดจะปีกกล้าขาแข็งก็ต้องมีความกล้า  “ฉันบอกให้แทง!”  ตะคอกเสียงดังจนร่างเล็กยิ่งน้ำหูน้ำตาไหลใบหน้าแดงก่ำ ทั้งกลัวทั้งสับสนจะหาคนช่วยก็ไม่เจอแม้แต่เงา เพียงกอดของมีคมไว้กับอกเพราะอย่างน้อยก็ยังรู้สึกได้ว่าถูกมันปกป้อง 

“เด็กดี”  ถึงร่างเล็กจะทำตัวไม่น่ารักไปบ้างแต่กวินทร์ก็ยังเอ็นดูและพร้อมจะให้อภัย

ให้โอกาสกลับตัว ยกมือลูบหัวเมื่อเด็กน้อยมีท่าทีสงบลง กวินทร์เขยิบเข้าใกล้อย่างไม่เกรงกลัวมีดปอกผลไม้ แล้วซุกไซ้ปลายจมูกกับข้างแก้มเนียนเบียดริมฝีปากกับผิวร้อนดั่งไฟ จะถอนไข้ก็ต้องทำให้เหงื่อออก แล้วคุณอาก็มองไม่เห็นว่าจะมีกิจกรรมไหนเหมาะกว่านี้อีกแล้ว

มะลิหลับตาลงอย่างยอมรับชะตากรรม สัมผัสได้ถึงความหยุ่นที่ดูดดุนตามกรอบหน้าและในไม่ช้าก็จะจบที่ริมฝีปาก ลมหายใจที่ใกล้เข้ามาทำเอาร่างเล็กหดคอห่อไหล่ คงเป็นอีกครั้งที่รู้สึกทรมานจนไม่อาจกลั้นน้ำตาขณะปลอบใจตัวเองว่าแล้วมันจะผ่านไป
แค่คิดน่ะมันง่ายแต่ไม่ใช่กับตอนปฏิบัติ ไม่สามารถหลอกตัวเองได้ว่าชายที่กำลังจูบตนเป็นคนเดียวกับที่อยากให้อยู่ตรงนี้ที่สุด มือที่กำด้ามอาวุธไว้แน่นเริ่มมีความเคลื่อนไหว ความกดดันสั่นประสาทบีบคั้นร่างเล็กให้ตัดสินใจเด็ดขาดปาดปลายมีดเข้าที่แขนหนา

คุณอาผงะตัวออกในทันทีที่ความรู้สึกเจ็บแปลบแล่นพล่านทั่วร่าง พอยกแขนดูเห็นรอยเลือดยาวเป็นทางก็เตรียมง้างมือขึ้น หวังจะตบให้ฟื้นจากไข้ แต่โชคร้ายมีนางพยาบาลที่เดินผ่านมาแล้วได้ยินเสียงดังเปิดประตูเข้ามาเสียก่อน มะลิจึงรอดตายอย่างหวุดหวิด ส่วนกวินทร์รีบร้อนลงจากเตียงและกุมแขนที่เลือดอาบเดินสวนกับหญิงสาวออกไปโดยไม่มีคำอธิบาย   

นางฟ้าในคราบพี่สาวชุดขาวหันมองตามด้วยความงุนงงก่อนจะวิ่งเข้าหาเด็กน้อยที่ปล่อยมีดตกจากมือสั่น ๆ เห็นหยดเลือดเป็นดวงบนเตียงแล้วยิ่งขวัญเสียและโผเข้ากอดนางพยาบาลที่อ้าแขนรับด้วยความเต็มใจพร้อม ๆ กับกดกริ๊งเรียกให้คนในด้านนอกเข้ามาช่วย

มีการเปลี่ยนผ้าปูเตียงครั้งใหญ่ รวมถึงฉีดยาคลายเครียดให้กับร่างเล็ก โทรตามผู้ปกครองของเด็กและให้นางพยาบาลที่เข้าเวรสลับสับเปลี่ยนกันมาเฝ้า เพราะถึงจะสงบได้ด้วยฤทธิ์ยาแต่ก็ยังนอนผวาเป็นช่วง ๆ บวกกับห่วงว่าผู้ชายคนเมื่อกี้จะกลับมาทำร้ายอะไรอีก

กำลังรอให้คนทิ้งนามบัตรไว้บอกว่าถ้ามีอะไรให้โทรหาได้ตลอดมาจะได้ปรึกษาเรื่องแจ้งตำรวจ พี่สาวชุดขาวอยู่ซับน้ำตาให้กับเด็กน้อยผู้น่าสงสาร จัดผ้าห่มปัดผมที่ปรกหน้า 

จนกระทั่งมีเพื่อนพยาบาลมาตามให้ออกไปทำอะไรสักอย่าง ตอนแรกก็ลังเลไม่อยากทิ้งร่างเล็กไว้คนเดียวแต่เมื่อคนมาตามตอกย้ำว่าแค่เดี๋ยวเดียวเองก็เลยยอมออกไปพร้อมกัน

มะลินอนฝันร้ายภายใต้ความเงียบเหงาไม่นานก็มีคนดันบานประตูห้องพักเข้ามาด้านในและสาวเท้าเข้าใกล้เตียงเหล็ก ทันทีที่ถึงก็ดึงสายน้ำเกลือจากหลังมือเล็กออก มองไปทางประตูแล้วก็รีบช้อนร่างเล็ก ๆ ขึ้นพาดบ่าพาเดินออกจากห้อง ...ย่องเบาเยี่ยงแมวขโมย













---------------------------------------
✘ ✘ ✘  มาอัพตอน5แล้วค่ะ ช้าไปหน่อยต้องขออภัยด้วยนะคะ แต่ก็มาแบบยาวๆเลย อ่านกันให้เหนื่อยไปข้าง อี้_อี้ ชอบไม่ชอบเม้นบอกได้กันน้า ทางทวิตก็ตามอ่านอยู่ *3* ขอบคุณสำหรับความเอ็นดูอีกครั้งค่ะ
แล้วก็สามารถติดตามข่าวสารได้ที่เพจเลยค่ะ ---> 9crimes - นายคราม FANPAGE  (https://www.facebook.com/pg/9crimess/posts/?ref=page_internal)
หัวข้อ: Re: ———— เหมายัน ———— (๐๕) ๒๓.๐๙.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: cheezett ที่ 24-09-2017 00:37:12
สงสารมะลิ  :sad4: :o12:
หัวข้อ: Re: ———— เหมายัน ———— (๐๕) ๒๓.๐๙.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 24-09-2017 10:38:54
คงไม่ได้ลงเอยกันง่าย ๆ แน่

ปล. มี ชานยอล โผล่มาหลายที่เลยค่ะ
หัวข้อ: Re: ———— เหมายัน ———— (๐๕) ๒๓.๐๙.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 24-09-2017 11:30:36
 :ling3:
หัวข้อ: Re: ———— เหมายัน ———— (๐๕) ๒๓.๐๙.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: Raccool ที่ 24-09-2017 23:51:56
กรี๊ดดด อย่าขโมยมะลิ!!  :sad4: :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: ———— เหมายัน ———— (๐๕) ๒๓.๐๙.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 25-09-2017 00:43:53
TT
หรัญญ์แน่เลย กวินทร์ไม่น่าจะมีแรงยกได้ น่าจะล้างแผลอยู่ไรงี้
หัวข้อ: Re: ———— เหมายัน ———— (๐๕) ๒๓.๐๙.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: manami1155 ที่ 25-09-2017 01:04:19
ใครขโมยมะลิปายยยนย
ขอให้เปนพี่หรัญญ์ด้วยเถอะ
อยากให้เปนอาใจร้ายเลย
สาธุๆๆๆ

บรรยากาศเวลาอ่านเรื่องนี้
มันสีเทาๆหม่นๆยังงัยไม่รู้ค่ะ
รอวันที่อ่านแล้วรู้สึกท้องฟ้าแจ่มใสอยู่นะคะ
หัวข้อ: Re: ———— เหมายัน ———— (๐๕) ๒๓.๐๙.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: nokkkey ที่ 28-09-2017 02:01:41
โอ้ยตาย วังวนน้อง อย่าให้น้องเป็นอะไรเลยยยยยย คุณหรัญญ์รีบมาช่วยมะลิทีเถอะะะ :sad4:
หัวข้อ: Re: ———— เหมายัน ———— (๐๕) ๒๓.๐๙.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: กระเหี้ยนกระหือรือ ที่ 29-09-2017 15:28:37
๐๖



ท่านประธานเรียกประชุมแต่เช้า

คำสั่งเร่งด่วนทำหัวหน้าแผนกหลายคนร้อน ๆ หนาว ๆ คิดไว้ว่าต้องมีงานเข้าเจ้านายคงไม่พอใจอะไรสักอย่างเลยเรียกมาด่ารายบุคคลและลงโทษถึงขั้นไล่ออก ลูกจ้างนั่งตัวเกร็งในห้องแอบเหลือบตามองกันเลิ่กลั่กอยากจะสะกิดถามว่ามีเรื่องอะไรใจแทบขาด ครั่นจะให้ถามท่านประธานเองก็กลัวหัวจะกุด สุดท้ายจึงปล่อยให้เป็นเรื่องของเวลา คิดว่าถ้านายเหนือหัวพร้อมเมื่อไหร่คงพูดเอง อีกอย่างก็เพราะเกรงกลัวบารมีจากท่าทางเงียบเป็นเป่าสาก

กวินทร์นั่งหมุนปากกาในมือไปมาและมองตามด้วยสายตาเหม่อลอย

ปล่อยให้ผู้น้อยจมอยู่กับความวิตกกังวล แอบเหงื่อตกทั้งที่อากาศเย็นเหมือนอยู่ขั้วโลกเหนือและสะดุ้งกันเป็นแถบ ๆ เมื่อปากกาสั่งทำตกกระทบกับโต๊ะ ไม่มีใครกล้าโงหัวขึ้นมามองความผิดพลาดนั้น แทบจะท่องคาถาดำดินหรือกัดลิ้นให้สิ้นใจตายในหน้าที่ให้มันรู้แล้วรู้รอด

ยกเว้นก็แต่หรัญญ์ที่ฝึกปรือจนมีภูมิคุ้มกันกับบรรยากาศชวนกระอักกระอ่วนและกล้านั่งจ้องท่านประธานที่นัดประชุมด่วนเพื่อมาโชว์ทักษะการควงปากกา สงครามจิตวิทยาหาได้ทำให้กลัวหัวหด อำนาจที่สามารถชี้เป็นขี้ตายใครก็ได้ด้วยการจรดปลายปากกาก็ยังไม่ถือว่าเป็นเรื่องล้าสมัย แต่ทำแล้วจะเป็นผลดีหรือผลร้ายต่อตัวเองไหมนั่นก็ไม่มีอะไรมาการันตี

หากมีความสามารถแล้วอยากอวดก็ชวนพวกที่ว่างมานั่งดูเถอะ ถ้าอยากได้คำชมแน่นอนว่าคนทั้งห้องต้องปรบมือให้ ไม่ว่าจะทำอะไรหลายคนก็พร้อมสรรเสริญเยิ่นยอ แต่มันถึงขนาดต้องถ่อมาบริษัทแต่เช้าเพื่อเข้าประชุมกับความเงียบเหรอ ตอนแรกก็นึกว่าจะเป็นเรื่องคอขาดบาดตายเช่นเรื่องของหายอยากได้คืน แต่เป็นแบบนี้แล้วพลอยทำให้คนอื่นเสียเวลาชัด ๆ

หรัญญ์ตัดสินใจลุกจากที่นั่งแต่ยังไม่ทันก้าวขาซ้ายเจ้านายก็ยอมปริปาก 
   
“นั่งลง”  กวินทร์เอ่ยเสียงดังกังวานขณะมองแค่เงาสะท้อนของตัวเองในปากกาเท่านั้น 

“ไม่มีความจำเป็นที่ฉันจะต้องอยู่ที่นี่” 

“ฉันสั่งให้นั่งลง” 

นอกจากจะละโมบในกามาแล้วยังหลงใหลในอำนาจ ใช้มันข่มคนใต้บังคับบัญชาต่อหน้าธารกำนันที่นั่งกันหน้าสลอนและแน่นอนว่าถ้าหรัญญ์ไม่กลับมานั่งก็จะสั่งสอนให้หลาบจำด้วยวิธีต่าง ๆ นานา ดัดกระดูกสันหลังให้รู้จักงอพอที่จะแสดงท่าทำเคารพได้อย่างถูกต้อง 

“งั้นฉันลาออก”  ไม่ใช่กวินทร์คนเดียวที่มองเห็นช่องทางทรมานทาส หรัญญ์ที่เห็นอย่างเดียวกันจึงตัดปัญหาชิงลาออกเสียเนิ่น ๆ ดีกว่าอยู่ให้คนเกินเยียวยาโขกสับ รองเท้าหนังเดินถอยหลังสองสามก้าวแล้วโค้งทำความเคารพราชันย์และนี่คือการให้เกียรติเป็นครั้งสุดท้าย

อดีตที่ปรึกษาเดินออกมาด้วยอาการโล่งใจ กะว่าจะกลับไปที่ห้องทำงานเพื่อเก็บข้าวของน้อยชิ้น เขียดเขียนจดหมายลาออกให้เป็นลายลักษณ์อักษรก่อนจะลาขาดกับที่นี่ถาวร ความหมายเดียวกับคำว่าตลอดไป 

คอนโดคือจุดหมายปลายทางเดียวในตอนนี้และยังไม่มีสถานที่อื่นในใจ คงต้องใช้เวลาไตร่ตรองอีกนิดเรื่องความปลอดภัยและมิดชิด เพราะขนาดตนยังชิงมาได้กวินทร์ก็มีสิทธิ์ตามกฎหมายที่จะทวงคืนกลับไปเช่นกันและโทษของการลักพาตัวเด็กคนหนึ่งก็น่าจะหนักเอาการอยู่ อาจต้องลองซื้อหนังสือคู่มือกฎหมายมาอ่านเพื่อตั้งรับกับปัญหาที่จะตามมาอีกบานตะไท

แต่ระหว่างเดินคิดว่าจะซื้ออะไรติดไม้ติดมือกลับไปที่พักดี สงสัยเมื่อกี้ก้าวเท้าแรกออกมาด้วยเท้าขวา โบราณว่าไว้ว่าขวาร้ายซ้ายดี ผลของการทำให้เจ้านายขายขี้หน้าก็คือถูกชกเข้าที่หน้าอย่างจังจนเสียหลักถอยหลังไปหลายก้าว   
 
กวินทร์เดินอาด ๆ ตามออกมาก่อนจะคว้าไหล่และต่อยเข้าที่ใบหน้า อาศัยตอนอีกคนไม่ทันตั้งตัวกะจะรัวหมัดใส่ให้ยักษ์ล้มตึง แต่ก็โดนสวนกลับหนึ่งหมัดเพราะหรัญญ์ชอบความยุติธรรม ก่อนจะมีพนักงานชายแห่เข้ามาช่วยกันจับท่านประธานที่กำลังคุ้มคลั่งเยี่ยงหมาบ้า

“แกเป็นคนเอามะลิไปใช่ไหม! ไอ้คนทรยศ! ไอ้เพื่อนสารเลว!”
ระเบิดเวลาพอเวลาหมดไม่จำเป็นต้องให้คนกดปุ่มมันก็ระเบิดเองโดยอัตโนมัติ

ตอนแรกก็กลัวว่าจะเป็นการประจานถ้าถามเรื่องหลานกลางห้องประชุมเลยซุ่มกักเก็บความคลางแคลงใจไว้ แต่เพราะอีกฝ่ายไม่ให้ความยำเกรง ซ้ำยังขอลาออกเองอีกต่างหากนั่นทำให้ข้อสันนิษฐานยิ่งหนักแน่นขึ้น เมื่อคืนหวนกลับไปหาหลานและถูกตัดหน้าอีกหน แล้วคน ๆ นั้นก็จะเป็นใครได้ถ้าไม่ใช่ไอ้แมวขโมยที่มีสันดานชอบลักกินขโมยกินมาตั้งแต่ต้น   
 
หรัญญ์โดนปรักปรำโดยไม่มีหลักฐานและจะฟ้องกวินทร์ข้อหาหมิ่นประมาทก็ย่อมได้ แต่ที่อดีตสหายทำคือแค่ยืดอกรับข้อกล่าวหา กวนบาทาด้วยการไม่ปฏิเสธ ยอมเป็นไอ้สารเลวที่รู้ตัวดีว่าทำอะไรลงไปดีกว่าพวกคิดไม่ได้ว่าตัวเองเคยทำเลวอะไรไว้บ้าง
 
“ถ้าจับไว้ไม่อยู่ก็ใช้วิธีล่ามโซ่เอานะ ท่านประธานเขาชอบ”

หันไปบอกเคล็ดลับกับพวกที่พยายามช่วยกันห้ามก่อนจะกลับหลังหันเดินออกมาจากตรงนั้นพร้อมรอยยิ้มมุมปาก สลัดเรื่องราวหนักใจทิ้งไประหว่างทางทุกย่างก้าวและกลับมานั่งส่องกระจกมองโหนกแก้มตัวเองในเงาสะท้อน ไม่เคยถูกต่อยมาก่อนเลยไม่รู้ว่าจะเจ็บขนาดนี้

สักพักก็มีสายเข้าคนอีกฟากฝั่งรีบถามข่าวคร่าวก็รายงานไปตามจริง หญิงร่างท้วมห่วงคุณหนูไม่แพ้ใคร เผลอ ๆ อาจจะมากมายเทียบเท่ากับความเป็นห่วงใยของคนเป็นแม่ด้วยซ้ำ ถึงขั้นซื้อโทรศัพท์เอาไว้ติดต่อยามฉุกเฉิน  ‘คุณหนูเป็นอย่างไรบ้างคะ’ 

“ตื่นมากินยาแล้วก็เพิ่งหลับไปอีกรอบครับ คงอีกพักใหญ่ ๆ กว่าจะตื่น” 

นัยน์ตาดำด้านมองเข้าไปในห้องนอนที่ตอนนี้มีคนกำลังใช้บริการ มีเด็กน้อยกำลังยึดหมอนข้างเป็นตัวประกัน ฝันหวานว่าได้กอดจอมโจรปล้นใจที่ลักพาตัวมาไว้ในรังรัก   

‘คุณพอมีเวลาไหมคะ…’

หรัญญ์กลับให้ความสนใจกับคนในสายอีกครั้ง ระหว่างเอาโทรศัพท์แนบหูก็เดินมาจัดของเข้าตู้เย็น  “ผมลาออกแล้ว หลังจากนี้คงมีเวลาว่างเยอะเลย ป้ามีอะไรหรือเปล่าครับ”

‘ยังอยากฟังเรื่องราวที่เกิดขึ้นอยู่ไหมคะ…’

มือที่หยิบของสดออกจากถุงพลาสติกหยุดนิ่งชั่วครู่  “เล่ามาเถอะครับ เพราะผมจำเป็นต้องรู้เรื่องของกวินทร์ให้ได้มากที่สุด”  หากคิดจะยุติความบาดหมางด้วยกฎหมาย   
 
‘เรื่องมันนานมาแล้วค่ะ …แต่ดิฉันก็ยังจำรายละเอียดได้แม่นยำอย่างกับเพิ่มเกิดขึ้นเมื่อวาน แปลกดีนะคะที่พ่อของคุณชายมีทายาทถึงห้าคน แต่ผลผลิตเหล่านั้นก็ต้องมีอันเป็นไปแทบทุกราย ล้มหายตายจากไปทีละคนสองคน’ 

“ผมได้ยินมาว่าตระกูลของกวินทร์เป็นตระกูลต้องสาป”

‘ดิฉันมาทีหลังและรับใช้คุณพ่อคุณแม่ของคุณชายตั้งแต่ยังสาว ๆ ก็เคยได้ยินเรื่องเล่าปากต่อปากของรุ่นคุณทวดรุ่นคุณปู่มาบ้างจากคนอื่น ดิฉันไม่รู้ตื้นลึกหนาบางนักหรอกค่ะ แต่ถ้าเป็นเรื่องของครอบครัวคุณชายแล้วล่ะก็ ...มันคือบาปกรรมที่พวกเขาต้องร่วมกันรับผิดชอบค่ะ’






มีต่อด้านล่าง

หัวข้อ: Re: ———— เหมายัน ———— (๐๖) ๒๙.๐๙.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: กระเหี้ยนกระหือรือ ที่ 29-09-2017 15:46:31
“ผมไม่เข้าใจ…”

‘คนร้ายกว่าผีคุณเคยได้ยินคำนี้ไหมคะ’

“ครับ”

‘เมื่อก่อนดิฉันก็นึกว่ามันเป็นประโยคที่ไม่มีความหมายอะไร จนได้สัมผัสด้วยตัวเองว่าคนเป็นน่ากลัวกว่าคนตายหลายร้อยเท่า คุณหนูมะลิมีศักดิ์เป็นหลานแท้ ๆ ของคุณชายจริงค่ะ …แล้วก็เป็นทายาทระหว่างสายเลือดของคนในตระกูล’

มือใหญ่หยุดจัดขวดนมในชั้นวางแทบทันทีที่ตีความประโยคหลังออก 

‘คุณหนูมะลิเป็นลูกของพี่สาวกับพี่ชายของคุณชายค่ะ’  เสียงปลายสายสั่นแต่ไม่ใช่เพราะการพูดถึงคนตาย แต่เพราะสะเทือนใจที่คนเป็นต้องมาชดใช้ในบาปที่ไม่ได้ก่อ  ‘น่าขันที่บางทีฟ้าก็ชอบกลั่นแกล้งให้เรารักคนที่ไม่ควรรัก’

“ผมก็ว่าอย่างนั้น”  หรัญญ์เอ่ยแผ่วเบาเข้าใจเป็นอย่างดี

‘ใคร ๆ ก็รู้ว่าความรักฉันชู้สาวระหว่างคนในครอบครัวถือเป็นบาปมหันต์ แต่บาปมันก็หอมหวานเกินกว่าจะห้ามใจ คนเรายอมทำผิดใหญ่หลวงเพื่อแลกกับความสุขแค่ประเดี๋ยวประด๋าว ความรักของวัยหนุ่มสาวก็เป็นดั่งสงคราม ง่ายที่จะเริ่มแต่ยากที่จะหยุด ลุกลามเหมือนไฟลามทุ่ง ต่อให้เอาน้ำมาราดเขม่าควันก็ยังลอยคลุ้งจนคนสังเกตเห็นอยู่ดีจริงไหมคะ’

ดั่งเช่นตนที่พยายามปกปิดแต่มันก็ยากจะกลบกลิ่นคาว 

‘ทั้งคู่อยากเก็บความสัมพันธ์ต้องห้ามไว้เป็นความลับ ลักลอบเจอกันในช่วงกลางค่ำกลางคืนและแยกจากกันก่อนที่คนในบ้านจะตื่นมาเห็นเข้า แต่จู่ ๆ เช้าวันหนึ่งคุณแม่ของคุณหนูก็มีอาการเหม็นอาหารและโอ้กอ้าก อาเจียนท่ามกลางญาติพี่น้อง ดิฉันยังจำความชุลมุนในห้องทานอาหารได้ คนใช้หญิงอีกคนต้องรีบโทรตามหมอประจำตระกูลมาโดยเร็วก่อนหมอจะตรวจพบอาการตั้งครรภ์ได้สองอาทิตย์กว่าในตัวหญิงสาวที่ไม่ทันจะออกเรือน …เธอท้องกับใครเป็นปริศนาที่ท้ายยังไงก็คงไม่ถูก ลูกสาวคนที่สองต้องอยู่กับสถานะท้องไม่มีพ่อเพราะไม่ยอมปริปากเล่าความจริง แล้วสิ่งเลวร้ายที่ตามมาก็คือการถูกกร่นด่าสาดเสียเทเสีย ชิงสุกก่อนหาม คงไม่พ้นเสียตัวให้กับคนไม่รู้จักหัวนอนปลายเท้า เป็นลูกสาวคนมีตระกูลเสียเปล่าแต่กลับใฝ่ต่ำ จะจับใส่ตะกร้าล้างน้ำก็คงยาก ผู้ชายที่ไหนบ้างอยากได้เมียที่มีลูกติด …คนเราใจดำอำมหิตได้มากกว่าที่คิดอีกนะคะ ดิฉันจำได้ว่าตอนที่แม่ของคุณหนูตั้งครรภ์นายหญิงถึงขั้นผสมยาขับเลือดลงในอาหารหวังจะกำจัดก้อนเนื้อแห่งความอัปยศ อับอายเกินกว่าจะเห็นลูกสาวเดินท้องป่องไปมาและนั่นก็เป็นสาเหตุที่ทำให้คนเป็นพ่อเด็กทนไม่ไหว ลูกชายคนโตประกาศกร้าวอย่างห้าวหาญว่าเด็กคนนั้นคือลูกของผมและตามด้วยการถูกตบฉานใหญ่ นอกจากนายใหญ่จะไม่เชื่อแล้วยังคิดว่าพี่น้องพยายามช่วยกับปกปิดอีกต่างหาก มันคงยากที่จะเชื่อจริง ๆ นายใหญ่กับคุณผู้หญิงกินไม่ได้นอนไม่หลับจมอยู่กับความคิดจะทำเยี่ยงไรไม่ให้ตระกูลหม่นหมองไปมากกว่านี้ ก่อนจะมีคำสั่งให้พี่ชายคนโตตีตัวออกห่างจากบรรดาน้อง ๆ ถ้าอยากครองตำแหน่งอันดับหนึ่งก็พึ่งระวังกิริยาท่าทาง ไม่อยากถูกตัดจากกองมรดกก็ต้องไม่เซ็นตกลงรับเป็นพ่อเด็ก …แล้วคนเราก็เลือกที่จะเห็นแก่ตัว คงกลัวจะไม่มีเงินทองใช้ในบั้นปลายชีวิตเลยยอมหมั่นหมายกับหญิงอีกตระกูลและเลิกพูดเรื่องความรับผิดชอบในตัวแม่และเด็ก’

“แล้วพี่น้องที่เหลือ ๆ ล่ะครับ ไม่มีใครคิดจะทำอะไรเลยเหรอ”

‘ลำพังเป็นแค่ลูก อย่างมากก็ช่วยพูดแก้ต่างให้ได้แค่ครั้งสองครั้งค่ะ เพราะทุกคนต่างก็กลัวกับอนาคตถ้าหมดบารมีพ่อแม่แล้วจะไปพึ่งพิงใครจริงไหมล่ะคะ ตอนนั้นดิฉันยังกลัวเลยว่าถ้าเหล่าคุณหนูลูกขึ้นต่อต้านบ้านจะยังเป็นสถานที่สำหรับครอบครัวอยู่ไหม’

“แล้วแม่ของมะลิล่ะครับ ใครดูแลเธอ”

‘ก็คนเดียวกับที่นำคุณหนูมาเลี้ยงนั่นแหละค่ะ เมื่อก่อนคุณชายกวินทร์เป็นคนน่ารักนะคะ มีจิตใจที่โอบอ้อมอารี แกชอบแอบซื้ออาหารบำรุงมาให้พี่สาวบ่อย ๆ แล้วก็คอยเป็นกำลังใจให้อยู่ห่าง ๆ ยังรักพี่สาวที่ทรมานกับการแพ้ท้องแล้วยังเสียใจที่ต้องเสียคนรักไปอีก คุณชายไม่ได้นับถือเงินว่าเป็นพระเจ้าเลยยอมขัดคำสั่งของพ่อแม่เป็นครั้งคราว แถมเดินทางไปต่างประเทศพร้อมกับพี่สาวที่เตรียมคลอดแบบลับ ๆ อยู่เป็นเพื่อนจนกระทั่งความอัปยศที่พวกเขาเรียกออกมาลืมตาดูโลก แต่ก็ยังไม่วายมีเรื่องตลกร้ายยิ่งกว่า…’

“อะไรเหรอครับ”  หรัญญ์ถามด้วยความอยากรู้ เลิกให้เวลากับตู้เย็นแล้วเบนเข็มเข้ามาในห้องนอน หย่อนตัวนั่งริมเตียง ลูบผมคนหลับอุตุเล่นระหว่างฟังเสียงสั่นเครือเอ่ยอีกครั้ง   

‘คุณแม่ของคุณหนูสิ้นใจหลังคลอดค่ะ แม่ตายเพื่อให้เจ้าได้เกิดมา เด็กคนหนึ่งกลายเป็นฆาตกรโดยไม่รู้อิโหน่อิเหน่ มันไม่ยุติธรรมกับชีวิต ๆ นึงเลยสักนิด คุณหนูมีความผิดติดตัว เกิดเพราะสายเลือดเดียวกันของคนในครอบครัวก็ยังว่าแย่นี่ยังถูกกล่าวหาว่าฆ่าแม่โดยเจตนา ไหนจะคำครหาอีกนับไม่ถ้วน คุณหนูควรจะมีชีวิตที่สุขสบายไม่ใช่ถูกส่งกลับมาตกระกำลำบากอยู่กับคนที่แม้แต่หางตาก็ยังไม่อยากจะเหลือบมอง คุณหนูบกพร่องทางสมองแต่จิตใจก็ยังปกติดีไม่เหมือนพวกผู้ใหญ่ที่ใจพิการและพาลโทษว่าเป็นเพราะเด็กคน ๆ เดียวที่ทำลายชื่อเสียงของวงษ์ตระกูล คุณพ่อของคุณชายต้องซ่อนคุณหนูไว้ในส่วนที่มืดที่สุดของบ้านเพื่อป้องกันความลับรั่วไหล เมื่อหมดใบบุญแม่ก็ไม่มีใครออกโรงปกป้องคุณหนูอีก’

“แล้วกวินทร์ล่ะครับ เขาตามดูแลพี่สาวแล้วก็น่าจะตามดูแลหลานด้วย” 

‘นายใหญ่คงรู้มั้งคะว่าคุณชายเป็นคนหัวดื้อแล้วก็พร้อมจะขัดคำสั่งเพื่อให้ได้เข้าใกล้หลาน ท่านเลยจัดการให้คุณชายเรียนต่อที่เมืองนอกตั้งแต่นั้น ไม่ต้องกลับมาพร้อมหลาน’

“แล้วพ่อมะลิไม่ทำอะไรเลยเหรอครับ เขาน่าจะทำอะไรบ้างสิในฐานะพ่อ”

‘พ่อของคุณหนูตรอมใจเรื่องที่แม่ของคุณหนูตายแล้วก็ละอายเกินกว่าจะเข้าใกล้ลูกด้วยซ้ำค่ะ โทษตัวเองต่าง ๆ นานา จนกระทั่งหาทางดับทุกข์ด้วยน้ำเมาและเช้าวันหนึ่งก็มีตำรวจโทรมาที่คฤหาสน์แจ้งว่าพ่อของคุณประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์จนเสียชีวิตคาที่ บางทีนี่อาจจะเป็นจุดจบของคนขี้ขลาดก็ได้ค่ะ แล้วเวรกรรมก็ตามจองล้างจองผลาญชีวิตแต่ละคนจนครบในฐานะผู้สมรู่ร่วมคิด ทั้งเห็นทั้งได้ยินแต่ทำเหมือนไม่มีอะไร  …ว่ากันว่าที่คุณหนูเกิดมาผิดปกติก็เพราะฟ้าดินลงโทษ เป็นผลพวงมาจากการที่พี่น้องร่วมหลับนอนกันเอง เด็กที่ควรจะสมบูรณ์เลยไม่สบประกอบ ซ้ำร้ายยังไม่ได้รับการยอมรับ ถูกเลี้ยงแบบตามมีตามเกิด อดบ้างอิ่มบ้างแต่ก็ยังดวงแข็งน่าดู อยู่เป็นหนามยอกอกลงโทษพวกผู้ใหญ่ใจทรามด้วยความน่ารัก เป็นความบริสุทธิ์เดียวในบ้านหลังใหญ่’

“มะลิคงร้องไห้ทุกวันเลยสินะครับ” 

‘ตรงกันข้ามเลยค่ะ ดิฉันไม่เคยเห็นคุณหนูร้องไห้งอแงเลยสักครั้ง บอกให้นั่งก็นั่ง สั่งให้นอนก็นอน แล้วก็เป็นเด็กที่อ่อนโยนมากด้วย’ 

“แล้วนานไหมครับกว่ากวินทร์จะกลับมา”

‘เจ็ดปีกว่าค่ะ พอดีว่าปีนั้นนายหญิงสิ้นใจ ก่อนหน้านั้นลูกสาวลูกชายก็ทยอยกันล่วงลับ นายใหญ่ที่ใจไม่ค่อยดีเลยเรียกคุณชายกลับมาอยู่ด้วยกันค่ะ’

“แล้วเขากลับมาจัดการเรื่องมะลิยังไงเหรอครับ”

‘ตอนนั้นอำนาจเด็ดขาดก็ยังอยู่ที่คุณพ่อคุณชายค่ะ แต่บรรยากาศในบ้านก็ต่างจากเดิมลิบลับ ดิฉันเห็นภาพสองอาหลานเล่นกันบ่อยจนชินตา ดูแลแทนในฐานะพ่อ ป้อนข้าวป้อนน้ำ พาเข้านอนบางคืนกอดกันจนหลับไปเลยก็มี คุณหนูมีชีวิตชีวาขึ้นส่วนหนึ่งก็เพราะคุณชายค่ะ’

“ผมไม่แปลกใจเลยที่เขาหวงมะลิขนาดนี้”

‘แต่เขาก็ไม่ได้ดีไปกว่าใครสักเท่าไหร่หรอกค่ะ…’

“มันเกี่ยวกับรูปภาพบนผนังในห้องมะลิด้วยใช่ไหมครับ”

‘ดิฉันรับใช้ตระกูลนี้มานาน ผ่านร้อนผ่านหนาวมาก็มากแต่ก็ยังไม่เคยพบเจอเรื่องอะไรแบบนี้เลยสักครั้ง ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่คุณชายมองคุณหนูไม่เหมือนเดิม ยิ่งคุณหนูเติบโตก็ยิ่งสวยสระ เหมือนตุ๊กตากระเบื้องเคลือบที่ดูคงทนแต่ความจริงเปราะบางและแตกหักง่าย วันหนึ่งคุณหนูเดินมาหาดิฉันอย่างอาย ๆ แก้มแดงก่ำเป็นสีเดียวกับลูกมะเขือเทศ ดิฉันจึงถามว่าเป็นอะไรมาคะ คุณหนูมีอาการเขินอายกว่าเก่าก่อนจะทำมือให้ดิฉันก้มหน้าจนพอที่ขาเล็กจะเขย่งถึง คุณหนูหอมแก้มดิฉันหลังจากที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องคุณชาย แล้วจะให้คิดว่าอย่างไรล่ะคะ แถมหลัง ๆ มาคุณชายก็ทำตัวตามติดคุณหนูยิ่งกว่าอะไรดี แอบพาไปในที่ลับตาคน แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถรอดพ้นสายตานายใหญ่ไปได้ เพราะลูกยังไงก็คือลูกพอทำอะไรไม่ถูกก็ต้องตักเตือน แต่ดูเหมือนจะเป็นดุด่าเสียมากกว่า อย่าทำให้ตระกูลฉันมีราคี อย่าให้เกิดเรื่องบัดสีในบ้านเป็นหนที่สอง พ่อลูกจ้องตากันอย่างไม่มีใครยอมลดละแล้วก็มีปัญหาระหองระแหงกันตั้งแต่นั้นมา นับ ๆ แล้วก็ร่วมสี่ปีที่พ่อลูกขุ่นข้องหมองใจกันก่อนจะเกิดการจัดฉากการตาย’

“จัดฉากการตาย…?”

‘ใช่ค่ะ คุณชายขอให้ดิฉันช่วยอีกแรงมีหน้าดูแลคุณหนูมะลิตอนพาไปซ่อน แล้วดิฉันก็เพิ่งมารู้แผนการตอนหลังจากการเล่า ก็แค่เอาเถ้ากระดูกของใครไม่รู้มาสมอ้างเป็นหลักฐานการตายบวกกับแต่งเติมเรื่องราวเข้าไปว่าเด็กไม่สมประกอบเผลอเล่นไฟจนไหม้ร่างตัวเอง คุณชายเอาเถ้ากระดูกที่พอรวบรวมได้มาให้นายใหญ่ดูชัด ๆ ประกอบกับการแสดงเสียใจมีน้ำตาไหลให้พอดูสมจริง ตอนนั้นดิฉันเห็นด้วยเพราะคิดว่ายิ่งห่างจากคนใจร้ายมากเท่าไหร่ก็ยิ่งปลอดภัยเท่านั้น หลานตายไปทั้งคนอนาคตตระกูลก็ยิ่งสั้นแต่แทนที่จะเศร้าดันหัวเราะราวกับมีเรื่องน่ายินดี ไม่มีการตรวจดีเอ็นเอให้เสียเวลา บอกแค่ว่าตาย ๆ ไปซะก็ดีแล้วก็ไม่มาแม้แต่ตอนทำพิธีศพแบบปลอม ๆ ในสุสาน’

ได้ยินมาถึงตรงนี้แล้วหรัญญ์ถึงกับปั้นหน้าไม่ถูก สับสนว่าจะต้องรู้สึกอย่างไรเพราะในฐานะคนฟังมันช่างชวนบีบหัวใจ ตลกร้ายอย่างที่ว่า เปรียบดั่งละครโศกที่เต็มไปด้วยเรื่องราวโศกนาฏกรรมและไม่ได้มอบความจรรโลงให้เลยแม้แต่สักนิดเดียว

‘คุณอาจสงสัยว่าในขณะที่พี่น้องตายไป ทำไมคุณชายยังอยู่มาจวบจนปัจจุบัน คุณชายของดิฉันตายไปนานแล้วค่ะ เหลือไว้ก็แต่ร่างไร้วิญญาณมีซาตานร้ายควบคุมอีกที ดิฉันไม่เคยเฉลียวใจและเชื่อหมดใจว่าคุณชายเป็นคนเดียวที่รักคุณหนูจริง ๆ บนโลกใบนี้ แล้วกาลเวลาก็พิสูจน์ว่าเราทุกคนไม่ได้ดีเด่ไปกว่าใคร ตอนแรกดิฉันแค่คิดว่าคุณชายป่วยพบหมอเดี๋ยวก็หาย แต่โรคร้ายนั้นมันก็คร่าความเป็นคนจนหมดสิ้น ดิฉันเองก็มีส่วนผิดที่ไม่รู้จักห้ามปราม รับแต่เงินเป็นค่าปิดปาก กว่าจะสังเกตได้ว่าคุณหนูไม่ร่าเริงเหมือนเก่ามันก็สายไปแล้ว ดิฉันไม่รู้จะอธิบายเรื่องราวที่เกิดขึ้นในห้องใต้หลังคาอย่างไรเพราะส่วนใหญ่จะถูกสั่งให้ทำงานบ้านอยู่แต่ชั้นล่าง ดิฉันมักจะอาศัยช่วงระหว่างทำความสะอาดห้องของคุณหนูตรวจดูความเรียบร้อย บ้างก็พบคราบแห้งกรังบนผ้าปูที่นอน บ้างก็เลอะตามชุดตอนก่อนนำพาไปซัก อยากจะคิดว่าไม่ใช่แต่อะไรจะชัดเจนกว่าหลักฐานที่มีอยู่ในมือ เคยรวบรวมความกล้าเพื่อที่จะถามแต่ท้ายที่สุดก็ทำได้แค่ก้มหน้า ปิดหูปิดตาตัวเองซะถ้าไม่อยากเดือดร้อน ดิฉันทอดทิ้งคุณหนู’ 

“เรื่องมันผ่านมาแล้วครับ โทษตัวเองไปก็คงไม่มีประโยชน์ ผมขอโทษนะครับที่ต้องพูดแบบนี้แต่เราไม่มีเวลามาคร่ำครวญกับอดีตอีกแล้ว”  ยอมรับว่าโกธรคนทั้งคู่ หญิงร่างท้วมผิดจริงฐานรู้เห็นเป็นใจในขณะที่มีกวินทร์คอยบงการ แต่ก็อย่างที่พูดนั่นแหละ เรื่องมันผ่านมาแล้ว รื้อฟื้นไปก็ไม่ได้ทำให้ความเศร้าเปลี่ยนเป็นความสุข อดีตเลวร้ายถูกลบล้างด้วย ยางลบไม่ได้แต่จะคงอยู่เป็นอนุสรณ์ในใจ ไม่ใช่เพื่อให้รำลึกด้วยความคิดถึงแต่วันใดวันหนึ่งมันจะมีประโยชน์ เป็นบทเรียนที่ใช้ประกอบการตัดสินใจ  “ป้ายังมีโอกาสแก้ตัวนะครับ ช่วยผมทำให้ปัจจุบันและอนาคตของมะลิมีแต่ความสุข ป้าพอจะช่วยผมได้ไหมครับ” 

หรัญญ์ยิ้มบาง ๆ ให้กับร่างเล็กที่ปรือตาขึ้นตื่นจากนิทราหันหน้าตะแคงข้างมายิ้มให้อย่างน่ารัก ต่างจากเมื่อหลายชั่วก่อนที่ตื่นมาบนเตียงนอนแปลกตาและร้องไห้หาคนช่วยเพราะด้วยความที่นึกว่าตัวเองกำลังตกอยู่ในอันตราย จนเมื่อได้เห็นว่าใครวิ่งเข้ามาในห้องนั่นแหละถึงได้เลิกงอแงแล้วเปลี่ยนเป็นดีใจแทบลืมไข้ ติดที่ตัวยังร้อนไม่อย่างนั้นก็คงนึกว่าหายแล้ว

“ไง”  ทักทายเด็กน้อยด้วยเสียงทุ้มต่ำหลังวางสายโทรศัพท์เรียบร้อย มองมะลิที่ค่อย ๆ เขยิบตัวมาใกล้เอาใบหน้าซุกท่อนแขนตัวเองด้วยสายตาเอ็นดู  “หิวไหมครับ”

เสียงท้องร้องน่าจะเป็นคำตอบได้ ร่างเล็กยิ้มเขิน ๆ ในขณะนอนเอามือลูบหน้าท้อง

“มาเถอะ”  เจ้าของห้องพาแขกกิตติมศักดิ์ออกมาข้างนอกและแนะนำให้รู้จักกับข้าวของเครื่องใช้ สามารถหยิบจับอะไรก็ได้ให้ถือซะว่าที่นี่เป็นบ้านของตัวเองก็แล้วกัน

หรัญญ์ยืนทำอาหารง่าย ๆ ให้ทาน ระหว่างพัดอะไรสักอย่างในกระทะก็สัมผัสได้ถึงแรงประทะจากด้านหลัง ร่างเล็กวิ่งมาสวมกอดเพื่อเป็นการให้กำลังใจหลังแอบไปยืนเอาหน้าแนบกระจกมองโลกภายนอกที่เต็มไปด้วยความวุ่นวายอยู่นาน

“อ้อนจะเอาอะไรน่ะเรา”

ร่างเล็กส่ายหน้าว่าเปล่าไม่มีเป้าหมายในการเข้าหาสักหน่อย เด็กน้อยมองค้อนก่อนจะผละตัวออก เปลี่ยนเป็นเดินสำรวจห้องที่กว้างขวางและแอบจับของบางอย่างด้วยความซน แล้วมือนั้นก็ปัดโดนกรอบรูปจนตกพื้น มะลิยืนมองรอยร้าวบนกระจกด้วยความตกใจ

ส่วนพ่อครัวชั่วคราวก็รีบพักเตาและเดินเข้ามาดูเหตุการณ์ หรัญญ์กันร่างเล็กออกจากบริเวณเพราะไม่รู้ว่าเศษกระจกเล็ก ๆ กระเด็นไปทางไหนบ้าง ไม่จำเป็นต้องบอกซ้ำสองพอเห็นของมีคมแล้วก็ถอยห่างไปเป็นวา ความทรงจำเมื่อคืนย้อนกลับมาเป็นฉาก ๆ บวกกับเห็นรูปที่มือใหญ่ดึงออกมาจากใต้ซากกระจกแล้วยิ่งตัวสั่น  “กลัว…”

“ก็แค่รูปตกแตกเองน่า ไม่มีอะไรน่ากลั… มะลิ…?”

หรัญญ์วางมือจากงานเก็บกวาดเมื่อหันมาเห็นอาการไม่สู้ดีของร่างเล็กเท่าไหร่

แล้วลดสายตามองตามถึงได้เห็นว่าดวงตาตื่นกลัวกำลังมองคนในรูปถ่าย รูปวัยมหาลัยที่ถ่ายคู่กับเพื่อนรักกอดคอกันยิ้มกว้างให้กับกล้อง เพื่อความสบายใจของผู้อยู่การเก็บลงกล่องก็ดูจะเป็นทางออกที่ดี มือใหญ่ไล่เก็บทุกรูปที่มีกวินทร์ระหว่างที่ร่างเล็กนั่งกินข้าวผัดอย่างมูมมาม ปล่อยให้เลอะเทอะเพราะเดี๋ยวก็จะพาอาบน้ำทีเดียว แต่ไม่ลืมตะโกนบอกว่าให้เคี้ยวละเอียด ๆ แล้วถ้าเนียนไม่กินผักระวังจะถูกตีก้น

ที่นี่ไม่มีลำธารแต่อ่างอาบน้ำก็น่าจะพอทดแทนกันได้อยู่ ร่างเล็กชอบฟองสบู่เป็นอย่างมากหันหน้าหันหลังไม่รู้จะกวาดฟองเข้าหาตัวจากทางไหนก่อนดีขณะเครื่องตีฟองส่วนตัวสลัดคราบพ่อครัวมาเป็นคนใช้ ถลกแขนเสื้อถึงข้อศอกพลางออกปากว่าอีกห้านาทีให้หลังต้องขึ้นจากน้ำเพราะเดี๋ยวไข้กลับ แต่ท้ายที่สุดก็ตามใจให้เวลาเกือบสิบนาทีช่วยขัดสีฉวีวรรณจนร่างกายสะอาดสะอ้านและเพราะหาซื้อใหม่ให้ไม่ทันเลยแบ่งปันเสื้อผ้าตัวเองให้ร่างเล็ก

เด็กน้อยเหมือนเอาชุดคุณพ่อมาใส่ ความยาวกางเกงนอนไม่พอดีเสื้อก็กินพื้นที่เศษสามส่วนสี่ของร่างกาย มีอะไรให้ใส่ก็ยังดีกว่าหนาวตายด้วยสภาพล่อนจ้อน ห้องนอนที่เคยเงียบเหงาเคล้าไปด้วยเสียงหัวเราะเพราะร่างเล็กตลกนิทานที่หรัญญ์พยายามด้นสดจนเกือบจบ

มะลิสลบเหมือดคาอกหนาเพราะฤทธิ์ยาแก้ไข้มื้อสุดท้ายที่กินเข้าไป นอนหายใจเข้าออกสม่ำเสมอ เจอร่างเล็กหลับใส่คนนอนร่วมเตียงก็ได้แต่ยิ้มกว้าง จริง ๆ แล้วตัวเองก็อยากจะพักผ่อนเหมือนกัน นัยน์ตาดำด้านจ้องเพดานห้องนอนมองขณะสมองยังทำงาน
 
‘ดิฉันไม่เคยเฉลียวใจและเชื่อหมดใจว่าคุณชายเป็นคนเดียวที่รักคุณหนูจริง ๆ บนโลกใบนี้’

“อยากรู้จังว่าอะไรคือเหตุผลที่ทำให้นายทรยศความรักของตัวเอง ไอ้กวินทร์”
ทำอะไรสิ้นคิดกับหลานตัวเองเพราะสาเหตุอันใด
ระหว่างนอนคิดว่าทำไม

คนอีกฟากก็เพิ่งวางสายโทรศัพท์ …คำพูดสุดท้ายกับปลายสายมีใจความว่าเด็กให้จับเป็น ส่วนผู้ใหญ่ให้จับตายแล้วเอาศพมันมาให้ฉัน













---------------------------------------
✘ ✘ ✘  มาอัพตอน6แล้วค่ะ ช้าอีกแล้วต้องขออภัยด้วยนะคะ พาร์ทย้อนความหลังจะยังมีอีกนะคะ รับรองงานนี้ซึม :hao5:
สำหรับคนที่อาจจะสงสัยว่าเอ๊ะ จะจบดีไหมหรือแบดเอน สบายใจได้ค่ะ จบแบบแฮปปี้เอนดิ้งแน่นอนค่ะ (จบดีในแบบของตุ๊กติ๊กนะคะ)5555555555555555 เนื้อหาเดินทางมาเกินครึ่งแล้วค่ะ อีกไม่นานเรื่องราวน่าสงสารของหนูมะลิก็จบลงแล้ว เป็นกำลังใจให้น้องด้วยนะคะ บอกเล่าความรู้สึกผ่านทางคอมเม้นหรือทางทวิตเตอร์ก็ดี ตุ๊กติ๊กตามอ่านอยู่นะคะ ขอบคุณสำหรับความเอ็นดูอีกครั้งค่ะ
แล้วก็สามารถติดตามข่าวสารได้ที่เพจเลยค่ะ ---> 9crimes - นายคราม FANPAGE  (https://www.facebook.com/pg/9crimess/posts/?ref=page_internal)
หัวข้อ: Re: ———— เหมายัน ———— (๐๖) ๒๙.๐๙.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 29-09-2017 16:15:58
ถึงขนาดต้องสั่งฆ่ากันเลยเหรอ
หัวข้อ: Re: ———— เหมายัน ———— (๐๖) ๒๙.๐๙.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 29-09-2017 17:58:58
 :hao5:
หัวข้อ: Re: ———— เหมายัน ———— (๐๖) ๒๙.๐๙.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: __puppy ที่ 29-09-2017 21:50:22
 :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: ———— เหมายัน ———— (๐๖) ๒๙.๐๙.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: manami1155 ที่ 29-09-2017 23:24:14
จากเพื่อนรักกลายเปนเพื่อนแค้นซะแล้ว
กวินน่าจะสำนึกได้ละนะ ว่าสิ่งที่ตัวเองทำมันผิด
เด็กคนนึงต้องมามีตราบาป จิตใจบอบช้ำ
แถมคนที่กนะทำยังเปนคนในครอบครัวอีก

นี่มาครึ่งทางแล้วเหรอคะ
ยังไม่อยากให้จบเลยค่า
หัวข้อ: Re: ———— เหมายัน ———— (๐๖) ๒๙.๐๙.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: valenpinkpink ที่ 30-09-2017 01:55:26
ชีวิตน้องมะลิแบบ... โอ้ยยยลูก อยากดึงน้องมากอด :o12:
หัวข้อ: Re: ———— เหมายัน ———— (๐๖) ๒๙.๐๙.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: wargroup ที่ 02-10-2017 06:43:30
สนุกมาก ชอบมาก พล็อตแปลกใหม่ ดาร์คเข้มข้น แหวกแนว สวนกระแสมาเลย
แถมมีภาษาเฉพาะตัวที่โลดโผน สวิงสวาย ชวนอ่าน ชวนติดตามมากค่ะ กดเป็ดกดบวกให้หมดแม็กฯ

และป้า "เยมี" ก็โผล่มาด้วย >>> “ป้าเยมียังมีโอกาสแก้ตัวนะครับ ช่วยผมทำให้ปัจจุบันและอนาคตของมะลิมีแต่ความสุข ป้าพอจะช่วยผมได้ไหมครับ”
หัวข้อ: Re: ———— เหมายัน ———— (๐๖) ๒๙.๐๙.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: didididia ที่ 03-10-2017 00:10:19
โหดร้ายเกินไปแล้วถึงกับสั่งเก็บเลยหรอ :katai1: :a5:
หัวข้อ: Re: ———— เหมายัน ———— (๐๖) ๒๙.๐๙.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 03-10-2017 17:31:35
ฉากในโรงพยาบาลนี่พะอืดพะอมมากค่ะ คลื่นไส้
 ขยะแขยง ถ้ากวินทร์คิดกับน้องด้วยความบริสุทธิ์คงน่ารัก เป็นคู่อาหลานที่น่ารัก แต่นี่แบบอะไรทำให้เป็นได้ขนาดนี้ กับเด็กที่ไม่ประสีประสา จะร้องไห้ เขียนดีจนอยากไถข้ามฉากอาหลานค่ะ อินมากจนอ่านเกือบไม่ได้  :katai1:
หัวข้อ: Re: ———— เหมายัน ———— (๐๖) ๒๙.๐๙.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: กระเหี้ยนกระหือรือ ที่ 03-10-2017 18:09:41
๐๗



หากถามถึงจุดเริ่มต้น ก็คงโทษปัจจัยหลาย ๆ อย่าง

ตั้งแต่การเกิดในครอบครัวที่เพียบพร้อมย่อมแลกมาด้วยกฎระเบียบที่เคร่งครัด ทุกวันต้องท่องประวัติของวงศาคณาญาติแล้วจำให้ขึ้นใจ ในฐานะลูกหลานตระกูลเก่าแก่แค่คิดว่าจะเดินออกนอกลู่นอกทางยังแทบเป็นไปไม่ได้ ยังมีข้อห้ามอีกหลายอย่างที่จำกัดสิทธิเสรีภาพ

โชคดีที่กวินทร์เป็นทายาทลำดับที่สี่จึงไม่ถูกตีกรอบชัดเจนมากเท่าพี่ชายและพี่สาว ยังหลงเหลือวัยเยาว์ที่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะอยู่บ้าง แม้จะเลือนรางแต่ก็ยังพอจินตนาการความรู้สึกนั้นได้อยู่ ชีวิตคุณหนูในคฤหาสน์อาจจะไม่ได้ทุกข์ตลอดเวลาแต่ว่าก็สุขได้ไม่นานนัก ทุกอย่างมีเวลากำจัดของมัน วันเวลาผ่านไปจากเด็กน้อยก็กลายเป็นเด็กชาย มุ่งสู่วัยหัวเลี้ยวหัวต่อ เรียนจบมอปลายแล้วสอบเข้ามหาลัยในคณะที่พ่อแม่ใฝ่ฝันเพราะคิดว่านั่นคือการทดแทนบุญคุณ หารู้ไหมว่าความหวังดีไม่ได้หล่อหลอมให้เป็นมนุษย์แต่เป็นหุ่นยนต์แทน

ช่วงเรียนมหาลัยน่าจะเป็นช่วงเวลาเดียวที่ได้เป็นตัวของตัวเองที่สุด พูดในแง่ของการแยกออกมาอยู่หอพักตามลำพัง ตอนนั้นเองถึงได้รู้จักชีวิตที่ไม่ต้องสมบูรณ์แบบตลอดเวลา ถอดเสื้อผ้าระเกะระกะบนพื้น จะตื่นมากินข้าวเวลาไหนก็ย่อมได้โดยที่ไม่ต้องกลัวว่าจะถูกใครดุด่า ไม่ต้องรักษาภาพพจน์สะอาดสะอ้านตั้งแต่หัวจรดเท้า เข้าเรียนเมื่ออยาก อ้างว่าติดธุระบ้างเพื่อเที่ยวเตร่ แต่ก็ไม่ถึงขั้นสำมะเลเทเมาเพราะยังมีเงาของวงษ์ตระกูลตามติดไปด้วยทุกที่

จะคิดจะทำอะไรให้นึกถึงศักดิ์ศรีและหน้าตาของพ่อแม่ไว้บ้าง ประโยคนี้นอกจากจะช่วยเตือนความจำยังทำให้แต่ละก้าวเดินของลูกเหมือนถูกหินถ่วงไว้ที่ขา หนักเท้าราวกับเป็นคนคุกที่อยู่นอกลูกกรง แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังท่องโลกที่ไร้กฎเกณฑ์จนหนำใจ หลังจบมหาลัยก็เตรียมเข้าทำงานในเครือบริษัทพ่อ แต่ระหว่างรอรับตำแหน่งใหญ่ก็ดันมีเรื่องใหญ่กว่าเกิดขึ้น

ตื่นมาพร้อมกับข่าวชวนตกใจ พี่สาวตั้งครรภ์ได้สองสัปดาห์กับชายหนุ่มนิรนาม ขนาดแอบถามเป็นการส่วนตัวก็ยังไม่ยอมเล่า จะให้ลองเดาก็ยิ่งยากเข้าไปใหญ่ ออกไปอยู่นอกบ้านตั้งหลายปีจำทางกลับบ้านก็ดีแค่ไหนแล้ว น้องชายที่ถือคติคนล้มอย่าข้าม แถมอีกเก้าเดือนข้างหน้าพี่สาวก็จะคลอดเด็กน้อยตาดำ ๆ ออกมา จึงใช้เงินที่เก็บสะสมไว้ไปกับการซื้ออาหารบำรุงครรภ์ ดูแลแม่และเด็กช่วงระหว่างมีสงครามกลางบ้านและเป็นสารถีพาพี่สาวไปโรงพยาบาลเมื่อมีอาการตกเลือดหลังกินของผิดสำแดงที่มารดาเป็นคนประเคนให้เข้าไป

เพิ่งมารู้ทีหลังว่าพี่สาวถูกหลอกให้กินยาขับลูกจนเกือบแท้ง เลือดสีแดงฉานเปรอะเปื้อนตามเสื้อผ้า กลิ่นคาวคละคลุ้งตอนพาพี่สาวเข้าห้องฉุกเฉินก่อนจะเดินวนไปวนมาเป็นหนูติดจั่น รออยู่หน้าห้องนานสองนานกว่าพี่สาวจะออกมาพร้อมเตียงผู้ป่วยด้วยสภาพอิดโรย

แม้จะเจ็บปวดจนน้ำตาไหลแต่ก็ไม่เคยคร่ำครวญหาความยุติธรรมหรือเรียกร้องความรับผิดชอบจากใคร ในยามอ่อนแอสัญชาตญาณความเป็นแม่บอกแค่ว่าต้องเข้มแข็งเพื่อลูกที่ยังอยู่ในท้อง พี่สาวแค่เรียกน้องชายมายืนข้างเตียง ๆ และเฉลยปริศนาด้วยน้ำเสียงเบาหวิว

พ่อของลูกก็คือพี่ชายคนโต… คนฟังทั้งรู้สึกโมโห สับสนระคนเคียดแค้น เผลอกำหมัดแน่นโดยไม่รู้ตัว ‘ถ้าพี่เป็นอะไรไปฝากลูกพี่ด้วยนะ’  สั่งเสียซะตั้งแต่เนิ่น ๆ หากเกิดเหตุไม่คาดฝันก็ยังมั่นใจว่าจะมีคนรับช่วงดูแลต่อ น้องชายเชื่อว่าที่พี่สาวพูดแบบนี้คงเพราะไม่หวังพึ่งพ่อเด็กที่เกรงกลัวบิดามารดา ขี้ขลาดตาขาว ฝากชีวิตไว้กับเหล้าเมามายจนดูน่าสมเพช

เห็นแก่คำขอของพี่สาวที่บอกว่าอย่าไปเอาเรื่องเอาราวกับคนแบบพรรค์นั้นเลยถึงได้ทำเฉยเวลาเดินเจอในบ้าน ทั้งที่อยากจะตั๊นหน้าสักหมัดสองหมัด แต่เพื่อความสบายใจของพี่ที่จะส่งผลถึงหลานจึงทำเหมือนพี่ชายเป็นธาตุอากาศผ่านมาแล้วก็ผ่านไป

ยามมีคำสั่งลงมาว่าคนท้องต้องไปออกลูกให้ไกลหูไกลตานักข่าว คนเป็นน้องก็ขันอาสาไปดูแลด้วยราวกับเป็นพ่อเด็กเสียเอง ไม่แปลกที่ใครจะเล็งเห็นถึงความห่วงใย เล่นใส่ใจอย่างออกนอกหน้าจึงถูกจับตามองเป็นพิเศษ ผู้เป็นบิดาที่เห็นความวุ่นว่ายส่อแววมาแต่ไกลเลือกตัดไฟแต่ต้นลม ข่มความเสียใจที่ลูกสาวตายหลังให้กำเนิดบุตรก่อนจะยุติการเดินทางกลับมาบ้านของลูกชาย ให้ส่งเด็กมากับศพแม่มันเท่านั้น ส่วนลูกชายต้องอยู่เรียนต่อเอกและโทด้านบริหาร

ลูกชายรู้ดีว่าเป็นการกลั่นแกล้ง แล้วก็เล่นแรงมาก ถ้าหากไม่ทำตามก็อย่าหวังว่าจะได้กลับมา ในต่างประเทศเงินทองก็ใช้ว่าจะหาง่าย จริงอยู่ว่าล้างจ่ายไม่กี่ใบก็ได้ค่าตั๋วเครื่องบิน แล้วค่ากินค่าอยู่ล่ะ ไหนจะค่าที่พักในประเทศที่ค่าครองชีพสูงเสียดฟ้า จึงจำต้องก้มหน้ารับกรรมแล้วเก็บงำความคิดถึงหลานไว้ ตัดใจและเชื่อว่าไม่อีกนานเราจะพบกัน

กลางวันฝันเปลี่ยนเป็นกลางคืน ตื่นขึ้นมาตอนเช้าเป็นพัน ๆ รอบบิดาก็ยังใจแข็งไม่ยอมเรียกตัวกลับ จนเมื่อความตายมาเยือนคนในตระกูลหลายครั้ง ในความโศกเศร้าก็ยังแฝงไปด้วยความดีใจเล็ก ๆ ไม่รู้ว่าจากเด็กทารกจะตัวโตมากขึ้นแค่ไหน มัวแต่ตื่นเต้นดีใจ นั่งจินตนาการจนไม่ได้หลับได้นอนตลอดการเดินทางกลับด้วยเครื่องบิน

คุณอาหอบความคิดถึงมาหาหลานที่เห็นหน้ากันวันแรกแล้วมีอาการขัดเขินอยู่บ้าง ห่างหายไปตั้งเจ็ดปี ตอนเป็นทารกก็ได้คลุกคลีกันแค่อาทิตย์กว่าเรียกว่าต้องทำความรู้จักกันใหม่ แต่ภายในเวลาไม่นานความสัมพันธ์ของสองอาหลานก็คืบหน้าอย่างก้าวกระโดดเพราะกวินทร์เป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่ยอมรับข้อบกพร่องทางด้านสติปัญหาของเด็กน้อยได้ แล้วก็ไม่ได้ล้อเลียนหรือทำท่ารังเกียจเดียดฉันท์ ยึดตามคำมั่นที่ได้ให้ไว้กับพี่สาว เข้าใจว่าเป็นเพราะยาขับเลือดในคราวนั้น หลานถึงหัวช้ากว่าเด็กทั่วไปในขณะที่ร่างกายเจริญเติบโตตามปกติ เสียก็แต่ที่ตัวเล็ก

แต่เด็กน้อยก็ได้รับความสวยและสะโอดสะองจากแม่มานึกว่าผลิตจากโรงงานเดียวกัน เมล็ดพันธุ์งอกงามท่ามกลางสภาพอาการที่ไม่เป็นใจและใช้สรรพนามว่า ‘เด็กนั่น’ มาตลอด

ก่อนคุณอาจะตั้งชื่อให้ใหม่ว่า ‘มะลิ ’ เป็นดอกไม้ที่แทนสัญลักษณ์ความบริสุทธิ์ ผุดผ่อง และอ่อนโยน มะลิยังแทนความหมายว่าเธอคือคนที่ฉันสุดรักสุดบูชา ซึ่งในตอนแรกเด็กน้อยก็รักและหวงแหนชื่อตัวเองที่เปรียบดังของขวัญระหว่างที่ความผูกพันยิ่งงอกเงยและไม่มีใครเอะใจเลยว่าสุดท้ายแล้วดอกมะลิจะช้ำกลีบบางจะถูกขยำด้วยน้ำมือของคนที่ประคมประหงม

สองอาหลานอยู่ด้วยกันแทบจะทุกเวลา

กระทั่งตอนก่อนจะนอนหลานก็จะอ้อนให้เล่านิทานจนหลับไปด้วยกันเลย คุณอาเคยเสี่ยงชีวิตช่วยหลานจนตัวเองบาดเจ็บเล็กน้อย คอยคุ้มครองภัย ยุงไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอม ไม่ยอมให้เป็นอันตราย แล้ววันหนึ่งก็กลับทำร้ายเสียเองอย่างเลือดเย็น 

ตอนแรกมีเหตุให้ต้องพลัดพรากจำต้องห่างกันสักระยะเพราะภาระหน้าที่ที่จู่ ๆ ก็ได้มาด้วยความไม่เต็มใจ พี่สาวอีกคนสิ้นใจกะทันหันและแน่นอนว่าถ้าบิดาตายอีกคนอำนาจในบริษัทจะถ่ายโอนให้ใครถ้าไม่ใช่กวินทร์ที่ไม่คิดไม่ฝันว่าจะต้องมาแบกรับความกดดันจำมหาศาล รวมถึงไม่เคยคิดเรื่องการมีภรรยาหรือการเป็นช้างเท้าหน้าให้ใคร

กลับกันก็ไม่ได้ต้องการช้างเท้าหลังที่มาจากคลุมถุงชน เพราะมันหมดยุคของการจับคู่ไปนานแล้ว แต่งกับคนที่ไม่ได้รักยังไงก็ส่อแววว่าชีวิตครอบครัวจะล่ม แต่ระบบเผด็จการจะไม่มีวันหมดไปตราบใดที่นายใหญ่ยังมีชีวิต หากคิดต่อต้านก็ถือเป็นกบฏ โอดครวญไปก็เท่านั้น ประกาศิตถือเป็นเด็ดขาด เรื่องหาคู่ครองเดี๋ยวจัดการให้เองไม่ต้องเป็นห่วง

เรื่องผู้หญิงที่พ่อจะหามาให้ทำเอากังวลใจไปล่วงหน้า ไม่ใช่เพราะอ่อนหัดเรื่องบนเตียงแค่เพียงรู้สึกว่ายังไม่พร้อมก็เท่านั้น ใช่ว่าไม่เคยมีสัมพันธ์สวาทกับสาวฝรั่งตาน้ำข้าวแต่เรื่องราวหลังจากนั้นถือว่าจบไม่สวยสักเท่าไหร่ ไม่ใกล้เคียงคำว่าดีเลยสักนิด

คุณอานั่งกลุ้มใจขนาดที่หลานยังรู้สึกได้ ร่างเล็กเดินเข้าโอบช่วงไหล่หนาแทนการถามว่าเป็นอะไรและความห่วงใยนั่นแหละที่เป็นต้นกำเนิดของภัยร้ายที่เคลือบคลานมาใกล้แค่ปลายจมูก ถูกเนื้อต้องตัวกันมาก็มากแต่ไม่เคยเลยสักครั้งที่จะหวั่นไหวในเชิงชู้สาว แต่คราวนี้มันต่างกันลิบลับ เคยสัมผัสแต่แก้มไม่ใช่ริมฝีปาก ขณะปลายจมูกชนกันโดยบังเอิญก็เกิดความคิดไม่ซื่อขึ้นมา ทั้งสีแดงก่ำที่ล่อตาล่อใจทั้งผิวปากที่ดูนุ่ม น่าจะเป็นการจุ๊บมากกว่าจูบอย่างดูดดื่ม หลังจากเข้าใจว่าตัวเองลืมตัวแล้วก็รีบกลับลำทำเนียนด้วยการหอมแก้มดังฟอด 

นับแต่นั้นก็สวมกอดเด็กน้อยด้วยความรู้สึกสับสน หลายหนรู้สึกไม่เป็นตัวเองเท่าไหร่ 

ในขณะที่นายใหญ่ของบ้านก็เริ่มคลำหาความไม่ชอบมาพากลในคฤหาสน์เจอเข้า ลูกชายได้กับลูกสาวก็ถือว่าบัดสีเกินทน ถ้าลูกชายอีกคนหลงใหลได้ปลื้มผลผลิตจากความอัปยศขึ้นมาล่ะก็คนเป็นพ่อคงแทบบ้า ฝันที่จะมีคนสืบทายาทตระกูลคงสลาย คงขายขี้หน้าน่าดูถ้าชาวบ้านชาวช่องเขารู้ว่าลูกบ้านนี้เป็นพวกวิกลจริตจิตวิปลาสรักหลานที่เป็นเด็กผู้ชาย

เพราะกลัวเรื่องราวจะบานปลายจึงจำเป็นต้องเรียกเลือดเนื้อเชื้อไขมาว่ากล่าวตักเตือนด้วยถ้อยคำหยามน้ำใจและบ่อยไปที่กลายเป็นดุด่าเสียงดังเหมือนคฤหาสน์ทั้งหลังจะถล่มลงมา ศึกปะทะฝีปากระหว่างพ่อลูกมีให้ได้ยินไม่ขาดหู เพื่อเฟ้นหาผู้ชนะศึกน้ำลายจึงกินเวลาเป็นปี ๆ โดยที่ต่างฝ่ายต่างก็ไม่อยากเป็นคนพ่ายแพ้ สองพ่อลูกต่างกันมาก แต่มีอย่างหนึ่งที่ถอดแบบกันมาเลยก็คือชอบเอาชนะ ไม่ยอมลดราวาศอกจนกว่าจะได้ในสิ่งที่หมายปองมา   

โทษอีกอย่างของการมีมากกว่าคนอื่นคือเป็นพวกจมไม่ลงและคิดว่าโลกหมุนรอบตัวเอง

เด็กพิการคนเดียวทำให้เกิดความขัดแย้งจนพ่อกับลูกเกือบถึงขั้นจะแตกหักเป็นสอง ขนาดยกเรื่องกองมรดกมาข่มขู่คิดว่าจะเอาลูกชายอยู่เหมือนคราวก่อนแต่ก็เปล่า รอยร้าวยิ่งขยายเป็นวงกว้าง จัดการอะไรไม่ได้สักอย่างทั้งที่มีอำนาจเป็นกอบเป็นกำ






มีต่อด้านล่าง

หัวข้อ: Re: ———— เหมายัน ———— (๐๗) ๐๓.๑๐.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: กระเหี้ยนกระหือรือ ที่ 03-10-2017 18:31:05

ส่วนคนเป็นลูกชายก็เบื่อสายตาจับผิดจะแย่ เพราะบิดาเอาแต่พูดอยู่อย่างนั้นความคิดที่ว่าฉันคิดเกินเลยกับหลานเลยวนเวียนไม่ไปไหน ฝังลึกอยู่ในใจ ส่งผลร้ายกลายเป็นยิ่งห้ามยิ่งยุ เมื่อก่อนตอนเล่นกันก็ไม่ได้รู้สึกประหลาด แต่หลังเกิดข้อพิพาทแค่หลานนั่งตักยังเกร็งทั้งตัว

บังเกิดภาพเลวร้ายในหัวเกินกว่าจะสาธยายรายละเอียด เกลียดตัวเองที่จินตนาการถึงฉากอย่างว่าพอ ๆ กับที่ชอบเวลาบั้นท้ายกลมกลึงบดคลึงเป้ากางเกง เด็กน้อยไม่ค่อยระวังตอนนั่งตัก ทั้งยังเป็นประเภทไม่อยู่เฉยเลยถดก้นโดนของสงวนโดยไม่ได้ตั้งใจ
 
แต่เดิมคุณอาก็ไม่ใช่คนมักมาก แต่พักหลังก็ต้องยอมรับว่าคิดถึงเรื่องบนเตียงบ่อย ๆ โดยมีใบหน้าเด็กน้อยแวบเข้ามาในสมอง เคยถึงขั้นลองซื้อบริการอย่างถูกกฎหมายแต่กลับไปไม่ถึงปลายทาง จ่ายเงินจ้างผู้หญิงมาช่วยบำบัดความใคร่แต่นอกจากจะไม่ช่วยให้หายอยากก็ยังพบปัญหาที่เลือกจะมองข้าม

หากให้ความสนใจเสียตั้งแต่ตอนนั้นสมรรถภาพทางเพศคงไม่หย่อน   

แต่ก่อนที่จะไปหาหมอแล้วรับทราบผลวินิจฉัยร้ายแรง คุณอาก็ไม่ได้จ่ายเงินแพง ๆ ไปกับงานขายเรือนร่างอีก แต่หันมาช่วยตัวเองด้วยมือเปล่า น้องชายมีตัวอย่างเป็นพี่ชายพี่สาว เข้าใจดีว่าการจินตนาการถึงคนในครอบครัวเช่นหลานระหว่างปฏิบัติกิจมันผิด แต่ตราบใดที่ยังเป็นแค่ความคิดก็ไม่น่าจะมีใครเดือดร้อนหรือเสียหาย

แต่ในระหว่างเสพสมกับหลานชายทางความคิดก็ยังมีเรื่องหงุดหงิดกวนใจอยู่ทกเมื่อเชื่อวัน เพราะบิดาจ้องแต่จะหาทางกันหลานออกไปจากชีวิตคิดถึงแต่การทำลายที่ไม่เลือกวิธีปฏิบัติขอแค่ผลเป็นไปตามที่คาดหวังก็พอ เพราะถูกบีบคั้นอย่างหนักจึงหาทางออกอย่างชาญฉลาด จัดฉากการตายอย่างแยบยล คนเป็นพ่อคงไม่นึกว่าลูกชายจะคัดลอกความร้ายกาจของตนไป สุดท้ายความบาดหมางก็จบลงด้วยคำโกหกและการหลอกลวง

ลูกชายที่ห่วงเรื่องการพิสูจน์หลักฐานถึงขั้นน้ำตาไหลเช็ดหยดน้ำออกจากใบหน้าเมื่อรู้ว่าบิดาไม่คิดจะหาความจริง แล้วค่อยทิ้งเถ้ากระดูกที่แฝงดีเอ็นเอคนอื่นลงถังขยะระหว่างทางที่พาหลานกับแม่บ้านที่ทำเรื่องลาออกจากคฤหาสน์ด้วยเหตุผลลูกป่วยต้องกลับไปดูแลเข้าป่า

นอกจากจะทำสัญญาซื้อบ้านกลางป่าไว้อย่างลับ ๆ ก่อนออกเดินทางออกจากคฤหาสน์ลูกชายก็ได้ให้คำมั่นสัญญากับบิดาไว้ถ้าต้องการคนสืบทอดตำแหน่งประธานเมื่อไหร่ก็ให้โทรบอกแล้วกัน ส่วนระหว่างนี้ต้องการเวลาทำใจ อ้างว่าอยากใช้ชีวิตตามลำพังไม่อยากอยู่ในสถานที่ที่อบอวลไปด้วยความทรงจำของหลาน

ถึงบ้านกลางป่าจะหลังใหญ่โตโออ่าแต่ท้ายที่สุดแล้วป้าแม่บ้านก็ไม่ได้รับอนุญาตให้อยู่ด้วย คนมีอำนาจมากสุดตอบแทนน้ำใจที่ช่วยเหลือด้วยการสร้างบ้านหลังเล็ก ๆ ให้และห่างออกไปสามกิโลกว่า ซึ่งหญิงร่างท่วมก็ไม่กล้าขัดเพราะถือว่าลงเรือลำเดียวกันแล้ว ก้มหน้าก้มตาทำหน้าที่ของตนแลกกับเงินที่จะทำให้มีกินไปจนวันตาย ก็แค่เปลี่ยนเจ้านายใหม่

เจ้านายที่ภายนอกดูปกติดี แต่เป็นสภาพร่างกายที่ผิดแปลกไป ก็ยังอาศัยการมโนประกอบกิจกาม จำลองภาพว่าได้ร่วมหลับนอนกับหลานและยังไม่ต้องการความสมจริงใด ๆ เพราะลำพังแค่ได้ใกล้ชิด เป็นคนแรกที่เด็กน้อยคิดถึงในทั้งยามทุกข์ยามสุขก็ดีใจเกินพอ คงไม่กล้าขอสิ่งใดจากหลานที่แต่ละวันหมดไปกับเดินสำรวจป่าเขา 

มะลิดูเข้ากันกับธรรมชาติ เบ่งบานความสดใสแข็งกับดอกไม้นานาพันธุ์และงดงามกันคนละแบบ มีความแสบซนปนอยู่ในความอ่อนหวาน เจื้อยแจ้วเจรจาก่อนที่จะพูดน้อยลงยามที่ความมืดปกคลุมผืนป่าไว้ มาเยือนโดยไม่ส่งสัญญาณเตือนใด ๆ และแผ่อำนาจไพศาล

วันนั้นคุณอากลับมาจากในเมืองด้วยท่าทางหมองเศร้า ถือข้าวของพะรุงพะรังเข้าบ้านโดยไม่พูดอะไร ไม่แม้แต่จะทักทายหลานที่วิ่งตามเข้ามาในบ้านเพราะอยากทานเค้กที่เหลือในตู้เย็น แต่พอเห็นถุงมากมายที่อีกคนเอาวางไว้ก็ได้โอกาสรื้อของด้านในอย่างสนุกสนาน

ก่อนจะเจอตวาดเสียงดัง คุณอาที่กำลังอารมณ์แปรปรวนเพราะผลตรวจจากทางโรงพยาบาลพาลหงุดหงิดใส่เด็กน้อยที่ถอยกรูดไปยืนที่มุมห้องและมองด้วยแววตาตกใจ   

คุณอาที่เหมือนจะรู้ตัวว่าทำพลาดไปก็ได้แต่ข่มความงุ่นง่าน เดินเข้าหาหลานเพราะกะจะขอโทษ แต่อีกคนดันเตรียมจะเดินหนีเดือดร้อนให้ต้องรีบปรี่เข้าหาแล้วคว้าแขนอย่างแรงตามด้วยการแยกเขี้ยวใส่ อยากโดนตีใช่ไหมถึงได้ทำตัวดื้อกับอา เขย่าตัวเพื่อจะเอาคำตอบให้ได้ ทำเด็กตกอกตกใจจนร้องไห้โห ผู้ใหญ่ที่เห็นเลยยิ่งโมโหและอารมณ์เสีย

เพิ่งรู้ว่าโอกาสมีเมียเป็นตัวเป็นตนเหลือไม่มากแล้วยังต้องมาสู้รบปรบมือกับเด็กที่พูดจาไม่รู้เรื่องอีก คุณอาเชื่อคำหมอที่ว่าควรหลีกเลี่ยงการใช้ความรุนแรงกับเด็กพิเศษมาตลอด ดังนั้นก่อนที่จะผลักให้กระเด็นพอเห็นน้ำตาคลอเบ้าเลยยอมปล่อย เด็กน้อยจึงผลักอกคุณอาแล้ววิ่งขึ้นบันได หลบอยู่แต่ในห้องใต้หลังคา

ส่วนคุณอาคว้าอะไรได้ก็เขวี้ยงเหวี่ยงออกจากตัวหมดจนเกิดเสียงดังโครมครามและห้องครัวพังราบเป็นนาบกอง จริงหรือไม่ที่ว่าศักดิ์ศรีของลูกผู้ชายถ้าไม่อยู่ที่บ่าก็อยู่ที่ปลายองคชาติ เป็นเรื่องของขนาดที่เอาไว้พูดโอ้อวด แล้วถ้าวันหนึ่งจู่ ๆ ผลตรวจบอกว่าน้องชายอ่อนแอ กว่าจะเอาไปแหย่กับอะไรคงต้องผ่านการกรรมวิธีปลุกใจทั้งหลายแลเสียก่อน

ตอนฟังหมอแทบเข่าทรุด แถมถ้าเอาไปพูดกับใครก็มีแต่จะโดยหัวเราะเยาะ นึกเปรียบเทียบกับพ่อที่มีกำลังวังชาและน้ำยามากพอจะผลิตลูกได้ตั้งห้าคน ผิดกับตนแค่ทำให้มันพ่นน้ำตามปกติยังลำบาก สงสัยถูกเวรกรรมเช็กบิลตามใบสั่ง อยากแอบคิดไม่ซื่อกับหลานดีนักก็เสวยสุขทางความคิดไปตลอดชีวิตอย่างเดียวก็แล้วกัน ส่วนภาคปฏิบัติหมดสิทธิ์

ชะตาฟ้าลิขิตให้ความสัมพันธ์ผิดบาปนี้ไม่มีหนทางไป แต่แทนที่จะกลับตัวกลับใจ ขจัดความคิดเลยเถิดออกไปจากหัวก็มัวแต่หมกมุ่นกับวิธีรักษา หมั่นปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญถึงการบำบัด อาจจะไม่ต้องทำให้สภาพกลับมาแข็งแรงเต็มร้อยแค่ไม่ห้อยย้อยน่าเกลียดก็พอ

เพราะสูญเสียความมั่นใจในตัวเองไปมากจึงเป็นที่มาของความรักสันโดษ กลัวคนติฉินนินทา ชี้หน้าด่าว่านกเขาไม่ขันหรือแม้แต่ยิ้มให้อย่างเย้ยหยัน ทั้งที่ความจริงแล้วคนพวกนั้นยังไม่ทันได้รู้เรื่องราวน่าอดสูสักคน ก็แค่ตีตนไปก่อนไข้ คิดในแง่ร้ายไปก่อน รู้สึกเหมือนถูกทุกคนทอดทิ้งในขณะความจริงเป็นคนหันหลังให้กับทุกคนเอง

เหลือก็แค่เด็กน้อยที่เป็นครอบครัวเดียวกัน ลึก ๆ แล้วก็เป็นคนขาดความอบอุ่น เพราะพ่อแม่มีลูกมากความรักจึงแจกจ่ายให้ไม่ทั่วถึงสักเท่าไหร่ ความตายพรากญาติพี่น้องไปพาลให้ยิ่งรู้สึกหงอยเหงาและโดดเดี่ยว ถือพึ่งทางใจเดียวจงตกเป็นของเด็กขี้งอนที่คอยเอาแต่หลบตา

คุณอาต้องตามง้อด้วยขนม ลูกอมเพียงไม่กี่เม็ดก็ซื้อใจหลานจนกลับมามีปฏิสัมพันธ์กันเหมือนเดิม แต่ที่เริ่มไม่เหมือนเก่าก็คือวิธีเข้าหาที่มักผลโดนเนื้อโดนตัวอย่างจงใจ เด็กน้อยได้รับของขวัญเป็นชุดสีขาวยาวลากพื้นในเช้าของวันที่ตื่นนอนอย่างงง ๆ

ชุดกระโปรงในร่างเด็กผู้ชาย แค่คิดภาพตามก็เป็นอะไรที่ขัดแย้งกัน แต่สำหรับมะลิดันเป็นอะไรที่ลงตัวอย่างมากสร้างความประทับใจให้กับคนมองที่ลองเชื่อคำพูดหมอแล้วก็ไม่ผิดหวัง สุดท้ายก็หาทางกระตุ้นตัวเองได้สำเร็จ

หลานกลายเป็นวัตถุทางเพศที่เห็นแล้วจะเกิดความกำหนัด   

วันดีคืนดีคุณอาก็เปลี่ยนไปในทางตรงกันข้ามและความดีที่สั่งสมมาก็ค่อย ๆ ร่อยหรอ ไม่รู้ว่าเพราะอะไรดลใจถึงได้คิดทำเรื่องต่ำทรามกับหลาน สูญเสียสติสัมปชัญญะก่อนจะหันหน้าพึ่งปีศาจในใจ ถวายวิญญาณเป็นทาสผู้ซื่อสัตย์และทำตามบัญชาที่เห็นว่าสมควร

คุณอาชวนหลานเล่นอะไรพิเรนทร์ ๆ เช่นให้ขึ้นมาขย่มบนตัวกลัวจะกระเทือนไม่ถูกจุดก็ต้องช่วยจัดท่าทางนั่งให้พอดีเป้าหรือบางทีก็พากันเข้าอาบน้ำและสลับกันถูสบู่ตามร่างกาย

มือกร้านแทบจะคลำทุกซอกทุกมุมเมื่อได้จังหวะ ชโลมบั้นท้ายงอนแทบจะชอนไชเข้าในซอกลืบเร้นลับทำเอาเด็กน้อยหวาดเสียวหายใจไม่ทั่วท้อง พอถึงช่วงต้องผลัดเปลี่ยนกันบ้าง ก็ยังถือว่าได้ประโยชน์ ฝ่ามือเล็กลูบตามผิวกายถูสบู่ให้จรดปลายอวัยวะเพศโดยไม่มีใครสังเกตเห็นถึงความจัญไรนั้น แม้แต่คนที่กำลังเผชิญกับสถานการณ์โดยตรงอย่างเด็กน้อยก็ยังหลงกลไปกับลมปาก

มีครั้งหนึ่งคุณอาบอกให้นั่งเฉย ๆ เอ่ยเสร็จแล้วก็จับหลานเปลื้องผ้า ก่อนจะถอยห่างออกไปหลายก้าวแล้วงัดเจ้าโลกออกมาสาว เล่าความสุขสมผ่านเสียงที่รอดจากริมฝีปากระหว่างจ้องมองเด็กน้อยที่นั่งนิ่งตามสัญญา มีแค่นัยน์ตากลมที่ล่อกแล่กไปมา ไม่เข้าใจว่าคนตรงหน้ายืนทำอะไร

หลายครั้งเด็กน้อยต้องทนนั่งหนาวเป็นชั่วโมง ๆ เพื่อแลกกับของหวาน

สองสามวันแรกก็ยังพอตื่นเต้นกับการเล่นแบบผู้ใหญ่ แต่สี่ห้าวันให้หลังก็เกิดเบื่อเมื่อไม่อยากนั่งต่อก็ลุก การทำอะไรตามใจนำมาสู่การถูกบังคับด้วยการล่ามโซ่ก็มี คุณอาต้องสรรหาวิธีแปลกใหม่ให้หลานมีส่วนร่วมด้วย ช่วยกันก็น่าจะสนุกมุ่งสู่จุดสุดยอดได้ไว ให้หลานลองสัมผัสของลับของตัวเอง จับมือเล็กประคองแก่นกายแล้วสอนให้เคลื่อนไหวมืออย่างเชื่องช้าและบังคับมือให้เร่งจังหวะขึ้นตามแรงอารมณ์ที่ทวีคูณกว่าตอนทำเองหลายเท่า

คุณอาไม่ได้สอนหลานแค่ให้ช่วยเหลาน้องชาย แต่สอนให้รู้จักการจูบอย่างลึกซึ้งถึงแก่น แม้นจะไม่อยากร่ำเรียนเท่าไหร่แต่การพยายามปฏิเสธก็ดูจะเป็นไปได้ยาก สอนจนปากเปียกปากแฉะและล้มเหลวนับครั้งไม่ถ้วน มากพอ ๆ กับตอนเด็กน้อยบ้วนน้ำลายทิ้งหลังจากสิ่งที่เรียกว่าลิ้นรุกล้ำเข้ามาในปากอย่างหยาบคาย แสดงออกถึงความไม่พร้อม ไม่ชอบอย่างมาก

ตอนกลางคืนก็ต้องหลับ ๆ ตื่น ๆ เพราะถูกรบกวน ฝีมือการนวดของคุณอาถือว่าเก่งใช้ได้ เล่นเอาความเมื่อยตามกายหายเป็นปลิดทิ้ง หลานนอนนิ่งให้ซุกไซ้ ปลายจมูกซุกแถวท้ายทอยแล้วค่อยย้ายตำแหน่ง แข้งขายาวเริ่มพันเกี่ยวกับเรียวขาเล็ก ให้เด็กน้อยนอนตะแคงข้างหวังจะปั้นของสงวนให้แข็งแต่มันก็มีไม่แรงจะโงหัวขึ้นทั้งที่ผ่านการปลุกให้ตื่นมาแล้ว

ไม่ใช่ทุกครั้งที่จะบรรลุเป้าหมาย อย่างมากก็ได้แค่ถูไถแก้ขัดและยิ่งเข้าใกล้เด็กน้อยมากเท่าไหร่อวัยวะสืบพันธุ์ยิ่งฟ่อ สุดท้ายก็ลวนลามได้แค่พอหอมปากหอมคอเท่านั้น แต่การล่วงละเมิดทางเพศในรูปแบบต่าง ๆ ก็เรื้อรังและกินเวลามาอย่างยาวนานนับปี แถมไม่มีทีท่าจะยุติ

มีแต่จะยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น คนเป็นหลานอยากจะคืนชื่อ ‘มะลิ ’ กลับไปให้คุณอา แล้วก็ไม่อยากจะฟังเสียงกระซิบเรียกชื่อข้างหูอีกแล้ว การกระทำหยาบช้าได้พรากแววตาสดใสไปแล้วก็ไม่ใช่ว่าจะกลับมาง่าย ๆ หากสิ่งที่ทำอยู่คือการชดใช้ให้กับผู้มีพระคุณก็ถือว่าอดทนสุดความสามารถแล้ว ถึงจะพูดว่าทำทุกอย่างเพราะรักแต่ก็เป็นความรักที่ยากจะทำความเข้าใจ 

คนเป็นอาเองก็รู้ดีว่ายึดไว้ได้แค่กาย ส่วนหัวใจเด็กน้อยปิดประตูใส่นับตั้งแต่วันที่ทำให้โลกใบแคบมืดมนสลัดดินโคลนใส่ผ้าขาวจนแปดเปื้อน สงสัยชีวิตที่แสนรันทดยังสะเทือนใจไม่พอเลยต่อเติมเรื่องราวให้ยิ่งน่าหดหู่ โหดร้ายยิ่งกว่าตอนกำลังดูละครน้ำเน่า

สิ่งสุดท้ายที่ควรจะกล่าวโทษก็คือตัวเองที่ไม่รู้จักยับยั้งชั่งใจ 

เลยต้องมานอนร้องไห้กอดชุดที่เด็กน้อยเคยใส่ไว้บนเตียงเพียงลำพัง













---------------------------------------
✘ ✘ ✘  มาอัพตอน7แล้วค่ะ อ่านจบแล้วก็อาจจะมีช็อกกันไปบ้าง อยากให้ทำใจกันดีๆนะคะ แล้วก็อยากให้เป็นกำลังใจให้น้องด้วย อีกสามตอนก็จะจบแล้ว เอาใจช่วยกันไปเนอะ รู้สึกยังไงอยากสามารถระบายความอัดอั้นผ่านคอมเม้นหรือทางทวิตเตอร์ได้เลยนะคะ ตุ๊กติ๊กตามอ่านอยู่น้า ขอบคุณสำหรับความเอ็นดูอีกครั้งค่ะ
ปล. ตุ๊กติ๊กทำแบบสำรวจเรื่องการรวมเล่มมาให้ทำค่า เผื่อใครอยากเก็บเล่มไว้ https://goo.gl/forms/7mtN6uUfeoQaS2ii2
แล้วก็สามารถติดตามข่าวสารได้ที่เพจเลยค่ะ ---> 9crimes - นายคราม FANPAGE  (https://www.facebook.com/pg/9crimess/posts/?ref=page_internal)
หัวข้อ: Re: ———— เหมายัน ———— (๐๗) ๐๓.๑๐.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 03-10-2017 21:58:07
กอดไปตลอดชีวิตนั่นล่ะค่ะชุดนั่น เอาไปกอดต่อในคุกด้วยนะคะ สงสารเด็กไม่รู้เรื่องรู้ราว เฮ้ออ  :katai1:
หัวข้อ: Re: ———— เหมายัน ———— (๐๗) ๐๓.๑๐.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 03-10-2017 22:49:28
โอย มืดมน มืดมนสุด ๆ
หัวข้อ: Re: ———— เหมายัน ———— (๐๗) ๐๓.๑๐.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 03-10-2017 23:56:25
พระเอกขโมยตัวมะลิไปจนได้สิท่า
หัวข้อ: Re: ———— เหมายัน ———— (๐๗) ๐๓.๑๐.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: manami1155 ที่ 04-10-2017 00:31:29
เสียใจอย่างเดียวมันไม่พอนะอาชั่ว
ต้องสำนึกผิด แล้วยอมปล่อยมะลิสักที
จะคิดว่ามะลิตายจากไปจริงๆก้ได้
อย่าไปตามหาน้อง ตามราวีหรัญญ์อีกเลย

เรื่องรวมเล่มนี้เชียร์เลยค่า
งานดีๆแบบนี้ควรค่าแก่การมีในครอบครอง
จะรวมกับสนพ.หรือรวมเองก้จะตามซื้อค่า
หัวข้อ: Re: ———— เหมายัน ———— (๐๗) ๐๓.๑๐.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: กระเหี้ยนกระหือรือ ที่ 08-10-2017 23:30:50
๐๘



เมื่อคืนมัวแต่นั่งวางแผนชีวิต กว่าจะล้มตัวนอนก็ตอนพระอาทิตย์เกือบขึ้น

หรัญญ์ตื่นอีกทีในช่วงสายของวันเมื่อรับรู้ได้ถึงแรงสั่นสะเทือน พอถึงเวลานาฬิกาปลุกส่วนตัวก็ทำงานอย่างขยันขันแข็ง มะลิกระโดดบนเตียงเสี่ยงจะแข้งขาหักแล้วค่อยทิ้งตัวทับร่างคนกำลังบิดขี้เกียจที่ร้องเพราะจุก จะลุกก็ลำบากเพราะร่างเล็กได้รวบกอดไว้หมดแล้ว

“ทีหลังปลุกกันดี ๆ ก็ได้นี่นา”  บ่นกระปอดกระแปดด้วยน้ำเสียงไม่จริงจังขณะนอนนิ่ง ๆ ให้ร่างเล็กกอดหอม ชอบให้คลอเคลียจนติดเป็นนิสัย วันใดไม่ได้โดนตัวกันคงลงแดงตาย

“หนูอาบน้ำแล้ว”  แทนตัวอย่างน่ารักน่าชัง นอนเกยคางกับอกหนา นอนเล่นหน้าเล่นตาที่แสดงออกถึงความเหนื่อยล้าขณะขยับริมฝีปากบาง ๆ เพื่อรายงานความเป็นเด็กดี 

“แล้วกินอะไรหรือยัง”  ระหว่างที่ถามมือกร้านก็จับปอยผมที่แอบยาวทัดหูให้ ปากก็ไล่งับปลายนิ้วเรียวที่วนเวียนแถวหน้า แอบสบายใจที่ร่างเล็กเริ่มช่วยเหลือตัวเองได้ในระดับหนึ่ง   

“กินแล้ว~”

“เสียงอ่อนเสียงหวานเชียวนะ” 

“ไปเล่นกับหนู”

“ฉันเพิ่งตื่นก็จะชวนเล่นเลยเหรอ ขออาบน้ำก่อนสิ หิวแล้วด้วยเนี่ย”

ยามใดที่ผู้ใหญ่เอ่ยปากว่าหิว มะลิก็วิ่งฉิวมาที่ครัว ก่อนจะเปิดตู้เย็นออกเพื่อมองหาขวดนมรสชาติใดก็ได้และเข้าสู่กระบวนการเตรียมอาหารเช้าอย่างง่าย ๆ เสน่ห์ปลายจวักอยู่ที่การผสม เอานมเทใส่ถ้วยเกือบท่วม แล้วค่อยเดินไปย้ายบันไดเอนกประสงค์ เลื่อนมาให้ตรงกับเคาน์เตอร์เก็บของ เหยียบขึ้นบันไดสองสามขั้นเพื่อเอากล่องซีเรียลที่อยู่บนตู้ด้านบน สวมบทบาทแม่บ้าน ปรนนิบัติพัดวีสามีอายุมากที่กำลังยืนพิงกรอบประตูห้องนอน 

หรัญญ์ยืนกอดอกที่เปลือยเปล่าสวมแค่กางเกงนอนตัวยาวเท่านั้นระหว่างมองภรรยาตัวน้อยด้วยสายตาเอ็นดูแฝงความเจ้าชู้ ตอนแรกก็ว่าจะอยู่เฉย ๆ ไปสักพัก แต่พอเห็นมือเล็กพยายามประคองถ้วยซีเรียลมาหาด้วยความทุลักทุเล เกรงว่าจะมีการเทกระจาดกันกลางทางจึงเดินมารับถ้วยจากร่างเล็กด้วยตัวเอง   

“ไหน วันนี้ทำอะไรให้กินครับ”  ปรับน้ำเสียงให้ดูตื่นเต้นกว่าปกติ รู้ดีว่าในมือคืออะไรแต่ก็ยังทำเป็นไขสือไปอย่างนั้น เพราะมันเป็นเมนูอาหารเดียวที่เด็กสิบกว่าขวบสามารถทำได้

กลัวจะเสียน้ำใจอีกฝ่ายอุตส่าห์ทำให้อย่างกระตือรือร้น ถึงจะแทบสัมผัสรสชาติจริง ๆ ของซีเรียสไม่ได้ แต่หรัญญ์ก็ยังตักช้อนคำใหญ่เข้าปาก ยังไม่ทันเคี้ยวก็ชมเปราะ  “อร่อยจัง”

มะลิยิ้มกว้างแล้วดันถ้วยเข้าหาคนปากหวานอีก เป็นเหตุให้หนุ่มใหญ่ฉีกยิ้มแก่น ๆ ในท้องนี่แน่นไปด้วยนม คิดถึงตอนนั่งอมข้าวแล้วมีแม่นั่งเฝ้าอยู่ไม่ห่าง ร่างเล็กนั่งรอใจจดใจจ่อจนหรัญญ์เผลอหัวเราะกับชะตากรรม แทบจะงับช้อนทั้งน้ำตาดูท่าคงอิ่มยาวไปถึงมื้อค่ำ

หรัญญ์เปิดรายการเด็กให้ร่างเล็กดูระหว่างอยู่คนเดียว แล้วค่อยเดินเข้าห้องน้ำชำระล้างร่างกายจนสดชื่น พันผ้าขนหนูผืนเดียวออกมาเจอกับภาพมะลิยืนกางผ้าอีกผืนรอรับหลังอาบน้ำเสร็จ เห็นอีกคนชอบทำให้เลยเอาเยี่ยงอย่างและถ้าใครมาเห็นก็คงไม่มีทางปฏิเสธความตั้งใจอันดี คนที่มีผ้าขนหนูติดกายแล้วจึงย่อตัวลงเพื่อให้ร่างเล็กคลุมผ้ากับช่วงหัวแทน

“ขอบคุณครับ”  เอ่ยพลางอมยิ้มตอนที่ร่างเล็กใช้ปลายผ้าเช็ดแก้มให้อย่างแผ่วเบา 

“ขอบคุณครับ”  เด็กน้อยว่าตาม ย้ำอีกครั้งจนคนฟังสัมผัสได้ว่าพูดมาจากใจ

ต่างฝ่ายต่างยิ้มให้กันอย่างมีความหมาย แล้วยื่นริมฝีปากแตะกันราวกับนัดแนะเอาไว้ จุ๊บแรกในรอบวันรับประกันได้เลยว่ามันจะไม่หยุดอยู่แค่ทีเดียว เดี๋ยวครั้งที่สองที่สามก็ตามมา 

มะลิอยากมีส่วนร่วมในทุกกิจกรรม ออกตามล่าหาของภายในห้องแต่งตัว รื้อค้นไปทั่วจนข้าวของกระจัดกระจาย เปิดลิ้นชักพอเจอชั้นในชายก็รีบวิ่งเอามาให้หรัญญ์ที่กำลังใส่เสื้อผ้าสบาย ๆ สวมชั้นในแล้วเรียบร้อยแต่ก็ยังรับชั้นในอีกตัวมา คิดแค่ว่าเดี๋ยวค่อยแอบเอากลับไปใส่ลิ้นชัก แต่พอมองเลยไปด้านหลังก็ถึงกับกุมขมับกับความรกรุงรังทั้งหลาย

“พอเลยคุณแม่บ้านตัวน้อย” 

ห้ามไม่เต็มเสียงแล้วใครจะฟัง ร่างเล็กสะบัดก้นใส่เป็นฝ่ายเดินนำออกมาจากห้องแต่งตัวแล้วก้าวขึ้นเตียงก่อนจะกวักมือเรียกคนหัวเปียกให้มาหา หรัญญ์เลิกคิ้วเป็นการถามว่ามีอะไร แล้วก็ได้รับการเฉลยในวินาทีถัดมา มือเล็กขยุ้มผมเส้นหนาผ่านผ้าขนหนูขณะยืนอยู่บนพื้นที่ต่างระดับ ทำการเช็ดผมที่เปียกโชกและช่วยจัดทรงผมยุ่งเหยิงให้เข้าที่เข้าทาง   

เสี่ยใหญ่ประทับใจกับการบริการถึงขนาดเอ่ยปาก  “สงสัยวันนี้ต้องแจกรางวัลกันหน่อยแล้วล่ะ”
อีหนูทำตาโตพอได้ยินคำว่ารางวัล เอียงหน้ามองเพราะต้องการคำยืนยันอีกรอบ 

หรัญญ์จึงฉวยโอกาสหอมแก้มนิ่มแล้วหมุนตัวเข้าหา อยากมองหน้ามากกว่ามองผนังห้อง ระหว่างยืนเฉยให้เช็ดหัวก็ยกแขนคล้องเอวคอดไว้ อาศัยช่วงว่าง ๆ สังเกตเนื้อหนังที่ดูอิ่มเอิบขึ้นภายในวันสองวัน อาหารสามมื้อก็มีส่วน แต่หลัก ๆ ก็ล้วนมาจากการมีกำลังใจที่ดี

พอเปลี่ยนที่เปลี่ยนทางย้ายจากห้องทึบ ๆ มาอยู่ในที่ที่แสงส่องเข้าถึงดอกไม้จึงเบ่งบาน 

หรัญญ์เงยมองดวงหน้าจิ้มลิ่มมีรอยยิ้มติดอยู่ที่ปากด้วยความสงสัย เหตุใดถึงหลงรักเด็กคนนี้ที่ไม่สมประกอบ พยายามหาคำตอบอยู่หลายวันแต่ก็คว้าน้ำเหลว

โจทย์คณิตศาสตร์ที่ว่ายากยังแพ้ตรรกะของความรัก ไม่มีโรงเรียนไหนเปิดสอนหลักสูตรนี้และมันเป็นสถานการณ์ที่ต้องเผชิญเองถึงจะเข้าใจ คนภายนอกอาจมองด้วยสายตาข้องใจและจะรู้ว่าบางครั้งความรักมันก็ไม่มีเหตุผลเมื่อกลายเป็นคนที่ตกหลุมรักเสียเอง 

เด็กที่ขาด ๆ เกิน ๆ กับหนุ่มใหญ่ที่มองเผิน ๆ แล้วดูสมบูรณ์แบบไปซะทุกอย่างทั้งที่ความจริงไม่เป็นเช่นนั้น เราอาจจะกำลังโหยหาแค่ใครสักคนที่อยู่ด้วยแล้วสบายใจเหมือนได้กลับบ้าน เหมือนรถที่ขับผ่านเส้นทางคดเคี้ยวมาค่อนชีวิตกินเวลาหลายสิบปี วันหนึ่งก็แค่ต้องการที่พักเครื่องยนต์กับใครสักคนที่เข้ามาซ่อมความพังและช่วยดูแลรถอย่างทะนุถนอม   

“เธอรักฉันไหม แล้วรักเพราะอะไร”  เกิดสงสัยแต่ไม่วายมีข้อแม้  “ห้ามตอบว่าเพราะหล่อนะ”  เล่นพูดดักทำเอาร่างเล็กไม่มีทางไป รอฟังอย่างตั้งใจให้เวลาคิดอย่างถี่ถ้วน แต่มะลิก็ยังยืนนิ่ง  “ไม่จริงน่าฉันน่าจะมีดีอย่างอื่นบ้างสิ อย่างเช่นใจดี เป็นคนอบอุ่น อ่อนโยน…”

“ปกป้องหนู” 

“ไม่ว่าใครก็ต้องอยากปกป้องเธอเหมือนกันกับฉัน”

ร่างเล็กส่ายหน้าปฏิเสธว่ามันไม่จริงอย่างที่พูดหรอก มีคนเดินเข้าออกในชีวิตตั้งหลายคน แต่คนที่คิดจะยื่นมือเข้ามาช่วยเยียวยาสภาพจิตใจที่บอบช้ำจริง ๆ แทบไม่มี

ยังจำความรู้สึกในวันที่สบตากันครั้งแรกได้แม่นยำ ตอนนั้นในใจร่ำร้องว่าให้ลองขอความช่วยเหลือจากคนแปลกหน้าดูสักครั้งและพ่วงไปสู่เหตุการณ์กลางป่าที่หยาบโลดทว่างดงามเกินบรรยาย ความวาบหวามยังคงสถิตอยู่ในใจไม่มีอำนาจใดลบล้าง 
เพราะการเลือกทำตามสัญชาตญาณผันตัวเป็นเด็กแก่แดดในครั้งนั้นถึงมีวันนี้

แม้ความสัมพันธ์จะเริ่มจากการเข้าใจผิดเด็กน้อยคิดว่าถ้าทำแบบนั้นแล้วเชื่อว่าอีกฝ่ายจะมีความสุข นึกได้แค่ว่าถ้าคุณอายังชอบทุกคนก็น่าจะชอบเหมือนกัน ใช้ความสวยอย่างที่คุณอาพร่ำบอกมัดใจ ใช้เรือนร่างต่อเติมความหวังลม ๆ แล้ง ๆ

มันจะกลายเป็นแค่การแลกเปลี่ยนเพื่อผลประโยชน์หากอีกคนไม่แสดงออกถึงความจริงใจ เพราะการแสดงออกถึงความเป็นห่วงเป็นใยที่ชัดเจนเห็นได้ด้วยตา จากที่ควรจะสูญเสียแค่ร่างกาย ก็ยกก้อนเนื้อในอกซ้ายถวายใส่พานให้คนตรงหน้าไปด้วยเสียอย่างนั้น 

แถมยังเกิดความปรารถนากับคนที่ใช่ อ่อนไหวง่ายคงเพราะถูกปลุกฝังด้วยเรื่องอย่างว่าจนกลายเป็นส่วนเดียวกับจิตใต้สำนึก ถึงอีกคนจะไม่ได้แสดงท่าทีรังเกียจเดียดฉันท์ แต่ก็ยังรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นของมือสองที่ผ่านการใช้งานมาแล้ว แค่คิดในแววตาก็เจือไปด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ ฉายชัดถึงความรู้สึกด้อยค่า

หรัญญ์ที่เห็นท่าทางเซื่องซึมจึงแกล้งหอมหน้าผากแรง ๆ จนแทบหงายหลัง ก่อนจะเหน็บร่างเล็กเข้าข้างเอวแล้วพาออกมาข้างนอก ทั้งคู่จับจองโซฟานั่งอัดกันเป็นปลากระป๋องกองอยู่ที่ฝั่งซ้ายแค่ฝั่งเดียว ร่างเล็กนั่งบนตักหนาเอาขาเกี่ยวสะโพกสอบขณะเอนตัวซบกับช่วงอก ตาก็มองจอสี่เหลี่ยมที่ปรากฏตัวการ์ตูนตลก ๆ ไปด้วย

ในขณะที่หรัญญ์ต้องหน้านิ่วคิ้วขมวดกับตัวหนังสือยืดยาวในอุปกรณ์ไฮเทคขนาดพกพา ปกติจะมีเลขาสาวคอยทำให้ พอได้มานั่งจองตัวเครื่องบินเองก็ไม่ง่ายแต่ก็ไม่เกินความสามารถ คิดดีและละเอียดถี่ถ้วนแล้วว่าควรจะหอบอีกคนไปอยู่ต่างแดน สลัดความหลังที่ฝังแน่นออกไปและเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่ไร้การควบคุม

อาจจะย้ายไปในประเทศที่กฎหมายรองรับความรักระหว่างชายกับชาย รอให้เด็กน้อยบรรลุนิติภาวะ แล้วค่อยขอแต่งงานก็ยังไม่สาย ตนอาจชราไปบ้างแต่ก็น่าจะยังเตะปี๊บดังอยู่

เหมือนรู้ว่ามีคนคิดถึงเรื่องตัวเองในใจบวกกับไม่พิสมัยการ์ตูนหุ่นยนต์ มะลิเลยหันมาออเซาะคนที่ง่วนอยู่กับการกดยืนยันการจอง แล้วค่อยเหลือบเห็นดวงตาใสแจ้วที่เงยจ้องจากหว่างอก หรัญญ์ตัดสินใจโยกย้ายอุปกรณ์ไฮเทคออกห่างตัวจากตัวทันทีเพราะไม่มีอะไรสำคัญกว่าความรู้สึกของร่างเล็กอีกแล้ว 






มีต่อด้านล่าง

หัวข้อ: Re: ———— เหมายัน ———— (๐๘) ๐๘.๑๐.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: กระเหี้ยนกระหือรือ ที่ 08-10-2017 23:36:57
“เบื่อแล้วเหรอ” 

ก็สมควรจะเบื่ออยู่หรอกเพราะไม่ได้ออกไปไหนเลยตั้งแต่ถูกขโมยตัวมาจากโรงพยาบาล หรัญญ์เองก็อยากพาไปเปิดหูเปิดตา มีอีกหลายสถานที่ที่อยากแนะนำ แต่ก็กลัวเรื่องความปลอดภัย จากกันได้ไม่ด้วยดีเท่าไหร่ ดังนั้นอีกคนอาจทำมากกว่าต่อยก็ได้ใครจะไปรู้ 

“งั้นทำอะไรแก้เบื่อกันดี ปลุกต้นไม้…?”  ร่างเล็กชี้ให้ดูกระถางพลาสติกที่วางตรงบริเวณระเบียงเรียงเป็นตับเพื่อจะบอกว่าเราทำกันไปหมดแล้ว  “วาดรูประบายสีล่ะ”  ถามเหมือนไม่เข็ดกับวีรกรรมที่ร่างเล็กสร้างไว้ เมื่อวานหลังจากช่วยกันปลุกต้นไม้ก็ได้ผนังห้องใหม่ลายพร้อยเป็นของแถม  “งั้นอ่านหนังสือ…? อ๋า ไม่ชอบสินะ”

เห็นท่าเบะปากแล้วตีความเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้ 

“เล่นกัน”

“เล่นอะไรล่ะ”  สงสัยตั้งแต่เมื่อเช้าแล้วว่าที่ชวนเล่นน่ะคือเล่นอะไร

แล้วก็ได้คำตอบว่าคือการเล่นน้ำลาย ร่างเล็กไขข้อข้องใจจากปากถึงปาก ก็ยังเก้ ๆ กัง ๆ อย่างวันแรกไม่เปลี่ยน ริอาจจูบคนชำนาญกว่าอย่างกล้าหาญโดยไม่กลัวโดนสมประมาทเลยแม้แต่น้อย   

“แบบนี้มันไม่ใช่การเล่นสักหน่อย”  หรัญญ์ถอยใบหน้าออกแล้วเอี้ยวใบหน้าหลบการจู่โจมครั้งที่สองประหนึ่งเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าต้องเล่นตัว  “เรามาตกลงกันก่อน ห้ามไปเล่นแบบนี้กับใครเด็ดขาด เข้าใจไหม”     

“เข้าใจ”

“แล้ว…?”

“อยากเล่นด้วย”

“ฮ่า ๆ ร้ายนะเราน่ะ”  ถ้าตีความแบบเข้าข้างตัวเองสุด ๆ ไอ้คำว่าเล่นด้วยก็น่าครอบคลุมถึงการมีเพศสัมพันธ์ แต่ในสถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้เกรงว่าจะไม่ใช่ช่วงเวลาที่เหมาะนัก แอบคิดว่ามันเป็นวิธีแก้เบื่อที่ดีมากทีเดียว อย่าได้คิดว่าตนกำลังทำตัวเป็นพ่อพระเชียว ความจริงก็รู้สึกอย่างเดียวกันกับร่างเล็ก กางเกงคับขึ้นทันตาแต่ก็ยังสงวนท่าที   

“ฉันไม่ใช่คนดีหรอกนะ ไม่เฉียดคำนั้นด้วยซ้ำ ฉันยอมรับว่าฉันคิดเกินเลยกับเธอตลอด ไม่ว่าจะตอนไหน ๆ ก็ตาม”  ตัดเข้าสู่ช่วงจับเข่าคุย ระบายความอัดอั้นตันใจของหนุ่มวัยเลขสามที่พยายามแล้วพยายามอีกที่จะเป็นสุภาพบุรุษ ซึ่งพูดกันตามตรงว่ามันก็ช่างยากเย็นแสนเข็ญ ดูแต่ตามืออย่าต้อง มองได้แต่ต้องข่มใจไว้ทั้งที่ก็เคยได้สัมผัส ทรมานสิ้นดี   

“ใช่ ฉันต้องการเธอ ไม่เคยต้องอะไรมากเท่านี้อีกแล้ว”  ก้านนิ้วยาวเขี่ยปลายจมูกมนที่ย่นใส่เพราะจั๊กจี้  “ฉันอาจจะไม่ได้แตกต่างจากใคร ๆ ก็แค่คนเห็นแก่ได้ที่พยายามเอาเปรียบเธอ ตักตวงผลประโยชน์จากเธอเหมือนอย่างที่กวินทร์เคยทำ บางทีเธออาจจะแค่กำลังเปลี่ยนที่คุมขังใหม่ ย้ายมาอยู่กับคนใจร้ายอีกคนที่จะไม่มีทางปล่อยมือจากเธอเด็ดขาด รู้อย่างนี้แล้วเธอยังอยากจะอยู่กับฉันไหม อยู่ทรมานใจฉัน คนบาปหนาที่แม้แต่นรกก็คงไม่ต้อนรับแล้ว”

มะลิเงียบไปแต่ไม่ใช่เพราะว่ากำลังลังเลในคำพูดของผู้ใหญ่ แค่ใช้เวลาเรียบเรียงคำศัพท์จากคลังคำในสมองแล้วออกเสียงดังฟังชัด  “…เราจะอยู่ด้วยกัน”  ประโยคสั้น ๆ แต่กินใจนานชั่วชีวิต

หรัญญ์ถึงขั้นมีแรงฮึดสู้เพิ่มขึ้นเป็นกอง สัญญาว่ามันจะไม่ใช่แค่ความฝันของเด็กน้อยเท่านั้น แต่มันจะกลายเป็นเรื่องจริงและแน่นอนยิ่งกว่าอะไรทั้งหมดทั้งมวล

ก่อนฝ่ามือกร้านที่ยกขึ้นลูบหัวกลมจะเคลื่อนไหวแบบทิ้งจังหวะ ช้าลงและช้าคง คงไว้ซึ่งสัมผัสเบาบางระหว่างที่นั่งพิจารณาถึงคำเชิญชวนของมะลิอีกครั้ง 

ไม่แน่ใจว่ายังต้องการเล่นอยู่ไหมจึงส่งสายตาถาม นัยน์ตากลมเองก็จ้องกลับตรง ๆ แววตาเต็มไปด้วยความแน่วแน่ที่น่ากลัว มือกร้านลองรั้งท้ายทอยขาวเบา ๆ เมื่อไม่พบปฏิกิริยาต่อต้านจึงเคลื่อนใบหน้าตัวเองเข้าหา จุดชนวนสงครามที่มีปากเป็นอาวุธ
สองริมฝีปากเกิดการปะทะกันอย่างรุนแรง บดเบียดเหมือนกะจะให้แหลกละเอียดกันไปข้าง น้ำลายสองสายไหลมาบรรจบกันอย่างรวดเร็วหลังมีการแทรกลิ้นผ่านรอยแยก

ทั้งยังแสดงออกถึงความใจร้อน ช่วยกันถอดเสื้อผ้าฉุดกระชากแทบขาดวิ่นภายในเวลาไม่กี่วินาที ไม่มัวลีลาท่ามากยักแย่ยักยันเหมือนพวกด้อยประสบการณ์ ตัดขั้นตอนบางอย่างที่เปลืองพลังงานออกแล้วเปลี่ยนห้องรับแขกให้กลายเป็นเวทีแสดงหนังสด ปราศจากบทประพันธ์ขาดผู้กำกับ แต่พระนางก็ยังเข้าขากันและแสดงออกมาได้อย่างเป็นธรรมชาติ 

กลิ่นไหม้จากการเสียดสีกันของร่างกายเปลือยเปล่าลอยตลบอบอวลในอากาศ

เหงื่อไหลไคลย้อยเพราะบทรักเร่าร้อน แก่นกายแทบสุกเมื่อถูกผนังอ่อนนุ่มรุมล้อม ความอบอุ่นเหมือนจะหลอมท่อนเนื้อให้ละลายคาความคับแคบ แค่พักยกแป๊บเดียวยังถูกดูดให้ติดหนึบ บีบบังคับให้ต้องเริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้งอย่างเนิบนาบ เน้นย้ำด้วยจังหวะที่หนักแน่น 

คู่ผัวตัวเมียอิงแอบแนบชิดกันบนโซฟาขนาดกลางที่เหมาะสำหรับนั่งมากกว่านอน
ตอนซื้อมาก็คิดว่าราคาแพงไปสำหรับแค่ใช้นั่งพักผ่อนหย่อนใจ แต่พอลองเอามาใช้สอยในด้านอื่นแล้วค่อยรู้สึกคุ้มค่า ประโยชน์ของโซฟาอยู่ที่การมีพื้นที่อย่างจำกัดเหมาะแก่การใช้กระชับสัมพันธไมตรีอันนี้ระหว่างคนสองคน จนนำมาสู่การปลดปล่อยอย่างทะลักทลาย   

คราแรกผ่านไปยังไม่สาแก่ใจ ต้องชดเชยให้สมกับที่ห่างหายไปหลายวัน

ระหว่างที่ขาดการเชื่อมต่อชั่วคราว ร่างเล็กที่เคยนอนคว่ำก็พลิกตัวกลับด้านอย่างระมัดระวัง ร่างกายอยู่ในช่วงเสี่ยงต่อการแตกหักง่าย ก่อนจะยกขาซ้ายพาดพนักพิงโซฟาตามคำแนะนำและยกขาขวาพาดข้อพับแขนหนา อ้าขารับอวัยวะเพศที่เห็นหัวไม่ทันไรก็ชอนไชกลับรูในชั่วพริบตา สะโพกสอบเริ่มซอยค่อยสลับแรง ขยันกระแทกกระทั้นทำเอาร่างเล็กเสียวซ่านถึงขนาดนอนจิกเบาะ จีบปากจีบคอครวญคราง กรีดร้องเสียงใสไล่โน้ตสูงอย่างไพเราะ

“มองหน้าฉัน”  หรัญญ์ขอร้องด้วยน้ำเสียงแตกพร่า สีหน้านั้นเต็มไปด้วยความเคร่งเครียดที่แสนจะดูมีเสน่ห์และน่าหลงใหล   
มะลิที่นอนมองอยู่ใต้ร่างแก้มขึ้นซับสีจาง วางฝ่ามือนาบกับกล้ามอกที่ร้อนดั่งไฟ

สองนัยน์ตาสั่นไหวสะท้อนภาพที่ไม่เหมาะสมด้านพฤติกรรม ความรุนแรง เพศและการใช้ภาษา รายการต่อไปนี้เหมาะสำหรับผู้ชมที่มีอายุสิบแปดปีเป็นต้นไป ผู้ชมที่มีอายุน้อยกว่าสิบแปดปีควรได้รับคำแนะนำ

นอกจอฉายหนังอย่างว่าผิดกับในจอโทรทัศน์ที่กำลังฉายการ์ตูนสุดแสนสดใส

หรัญญ์ผ่อนจังหวะลงในช่วงสุดท้ายเพราะอยากให้ร่างเล็กซึมซับกับความละมุนละไมที่หาได้ยาก กระซิบบอกรักข้างหูไม่ขาด หมั่นเติมความหวานด้วยการจุมพิตตามกรอบหน้า 

มะลิเลื่อนแขนโอบรอบแผ่นหลังกว้างอัตโนมัติ กอดรัดหยัดยืนไปด้วยกันในยามที่ความทรมานและความกระสันบีบคั้นร่างกายจนต้องระบายออกสักทาง ร่างเล็กเผยอปากงับปลายคางสากในระหว่างที่กลีบปากหนาบดจูบกับหน้าผากมน พากับข้ามพ้นช่วงเวลาวิกฤตอีกนิดเดียวก็จะเป็นไทจากความต้องการ แล้วแรงอัดฉีดก็ทำเอาสะดุ้งและกระตุกไปพร้อม ๆ กัน

ต่างฝ่ายต่างใจสั่น หอบหายใจกระเพื่อมยันร่างกายเมื่อกี้คิดว่าจะตายแล้วซะอีก

ก่อนทั้งคู่จะฉีกยิ้มให้กันบาง ๆ ระหว่างหัวโล่งไม่มีความคิดวุ่นวายหลงเหลืออยู่ ไม่รู้จะทำอะไรต่อก็สบตากันไปพลาง ๆ รู้สึกเหงาปากพอเห็นอีกริมฝีปากก็ว่างอยู่เหมือนกันเลยประกบจูบเสียแนบแน่นและแสนอ่อยอิง ทิ้งช่วงเพื่อหยอกล้อให้พอกระชุ่มกระชวยหัวใจ บดบี้ปลายจมูกด้วยปลายจมูก กลิ่นความรักลอยฟุ้งก่อนเสียงจ๊วบจ๊าบจะดังต่อเนื่องในความสงบ

ลมจากเครื่องปรับอากาศไม่อาจทำให้สองร่างเปลือยเปล่าหนาวได้เพราะใช้เนื้อห่มเนื้อ ภายในห้องรับแขกตกอยู่ในความเงียบงันเมื่อสองคนที่ยึดครองโซฟาหลับไปทั้ง ๆ ที่โป๊ 

นาฬิกาดิจิตอลโชว์ตัวเลขที่เปลี่ยนไปจากนาทีเป็นชั่วโมง ทุกอย่างยังคงอยู่กับที่ไม่มีการเคลื่อนไหว จนพระอาทิตย์เกือบตกดินหรัญญ์ที่กะว่าจะแค่นอนเล่นถึงได้ฤกษ์ขยับเขยื้อน เคลื่อนไหวเพียงนิดก็เหมือนสะกิดให้มะลิตื่นไปด้วย ร่างเล็กลุกขึ้นนั่งหาววอดแต่พอได้ยินว่าเดี๋ยวเราจะออกไปข้างนอกกันก็หายง่วงเป็นปลิดทิ้ง แถมวิ่งนำผู้ใหญ่ไปล้างเนื้อล้างตัวในห้องน้ำโดยไม่ต้องบอกซ้ำสอง

ข้อแม้เดียวของการออกมาซุปเปอร์มาเก็ตก็คือห้ามอยู่ห่างจากฉันเด็ดขาด

ตอนแรกก็พยักหน้ารับเป็นอันเข้าใจ แต่พอเอาเข้าจริงก็วิ่งวุ่นไปทั่วแผนกของสด โผล่ล็อกนั้นทีล็อกนี้ทีจนคนที่พามาชักปวดหัว  “ฉันบอกไว้ว่ายังไง อย่าอยู่ห่างจากฉันไม่ใช่เหรอ”

ขอร้องดี ๆ แต่น่าเสียดายที่มะลิไม่สน จนหรัญญ์ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร เลยอาศัยว่าคอยมองอยู่ตลอด เห็นว่าไม่ไปไกลหูไกลตามากนักจึงอะลุ่มอล่วยให้ แต่ยามใดที่ต้องการความเห็นก็จะกวักมือเรียกให้เดินมาหา ชอบไม่ชอบอะไรก็ต้องให้ร่างเล็กเลือกเอง
 
ของหวานกับช็อกโกแลตดูจะเป็นของคู่กันกับเด็กไปแล้ว มือเล็กหยิบมันทุกอย่างที่ขวางหน้า คว้าอะไรได้คว้าแล้วหย่อนใส่รถเข็นทำเป็นไม่มองหน้าคนจ่ายเงินและเดินนำต่อ นับแล้วไม่ต่ำกว่าสิบยี่ห้อที่กองรวมกับในรถเข็น คนเข็นรถตามห่าง ๆ เกือบจะหยิบขนมบางส่วนกลับเข้าชั้นวาง แต่ร่างเล็กก็หันมามองอย่างรู้ทัน หรัญญ์จึงต้องรีบแบมือเพื่อบอกว่าไม่มีอะไร

แล้วเมื่อเอาเก็บเข้าที่ไม่ได้ก็หันมาใส่ใจกับฉลากสินค้ายืนอ่านว่ามันมีประโยชน์ตรงไหน ในขณะที่มะลิเดินห่างออกมาเพื่อสอดส่องหาขนมที่ชอบก่อนจะสะดุดตาเข้ากับเยลลี่พี่หมี ปรี่จะเข้ามาหยิบด้วยความไวแต่ก็มีมือที่ใหญ่กว่าอีกมือหยิบตัดหน้า

ร่างเล็กเผลอผงะถอยหลังเมื่อช้อนนัยน์ตามองเจ้าของมือที่มีหน้าตาน่ากลัวทั่วคางเต็มไปด้วยหนวดเครา มือใหญ่ยื่นถุงขนมให้เหมือนจะสื่อว่าให้เอาไปสิและมีการส่งยิ้มกว้างให้ หนูน้อยรีบส่ายหน้าแล้ววิ่งกลับไปหลบด้านหลังคนอ่านฉลากที่แอบงุนงงว่าเป็นอะไร

ความหวาดหวั่นเล็ก ๆ ทำให้เด็กน้อยอยู่ในโอวาทจนหรัญญ์ยังแปลกใจ ถ้าไม่เกาะแขนก็จะเปลี่ยนไปจับรถเข็นและเดินตามอย่างว่าง่าย มะลิหายซนไปมากขณะเหลือบมองด้านขวาก็เห็นว่าผู้ชายคนเดิมกำลังยืนเลือกของใช้ส่วนตัวอยู่ ไม่รู้ว่าระแวงไปหรือเปล่า แต่ผู้ชายคนนั้นก็ยังทำตัวเป็นเงาตามติด แม้แต่ตอนกำลังคิดเงินก็เดินวนเวียนอยู่ในบริเวณใกล้ ๆ 

ในลานจอดรถที่ปลอดคน หรัญญ์มัวแต่ขนถุงมากมายใส่ท้ายรถจนเสร็จ ถึงค่อยสังเกตเห็นอาการยืนนิ่งไม่ไหวติงของร่างเล็ก  “มองอะไรอยู่”

“เขา”

“ใคร”  มองตามปลายนิ้วชี้แล้วก็ไม่เห็นจะมีอะไรนอกจากเสาปูน  “ขึ้นรถเถอะ” 

หรัญญ์พาร่างเล็กเดินอ้อมหลังรถมาด้านข้าง จัดการเปิดประตูแล้วรอให้ผู้โดยสารขึ้นนั่งเรียบร้อยแล้วค่อยโน้มตัวเข้ามาคาดเข็มขัดนิรภัยให้ แต่จู่ ๆ ภาพผู้ชายเคราเฟิ้มก็ปรากฏในเงาสะท้อน มะลิมองเห็นท่อนไม้ที่เงื้อขึ้นสูงจากกระจกข้าง นัยน์ตาเบิกโพลงเมื่อมันฟาดลงที่แผ่นหลังกว้าง ไม่รอให้เป้าหมายตั้งหลักก็ฟาดอีกครั้งที่ศีรษะอย่างแรง

หรัญญ์ทรุดลงกับพื้นด้วยความมึนงง ภาพเบื้องหน้านั้นโคลงเคลงราวกับอยู่บนเรือ แต่เมื่อเห็นว่ามีคนพยายามจะอุ้มร่างเล็กไปจากเบาะก็แข็งใจหยัดกายลุกขึ้นยืนและยื่นมือยื้อตัวมะลิที่กรีดร้องเสียงหลง พยายามดิ้นให้หลุดจากวงแขนคนน่ากลัวสู้จนตัวเกือบตาย

แถมสุดท้ายก็เสียแรงเปล่า ร่างเล็กถูกโยนราวกับตุ๊กตาแล้วก็มีผู้ชายอีกคนคว้าไว้ได้ก่อนจะถูกจับยัดใส่รถที่ขับมาจอดขนาบข้าง เสียงปิดประตูดังปังทำเอาหรัญญ์ร้อนรน แต่กว่าจะไปถึงรถได้ก็ต้องผ่านผู้ชายร่างใหญ่อีกสามคนที่ยืนปิดทาง 

รถคันสีดำขับออกไปอย่างไวทิ้งไว้แค่ควันเทาจาง ๆ

คนถูกตีหัวซ้ำจำได้ลาง ๆ ว่ายันหน้าอกใครไปสักคนก่อนจะโดนฟาดด้วยไม้จนล้มหงายหลัง ทั้งยังสัมผัสได้ถึงความเย็นจากปลายกระบอกปืนที่ยื่นมาจ่อคาง แต่ยังไม่ทันลั่นไกคนทำงานเป็นขบวนการก็สลายตัวจากที่เกิดเหตุเพราะมีพลเมืองดีเห็นและตะโกนเรียกรปภ

หรัญญ์รอดพ้นจากคราวเคราะห์ได้อย่างหวุดหวิด แต่วิญญาณก็ใกล้หลุดจากร่างเต็มที มีคนเข้ามาช่วยไว้ถามไถ่อาการแต่คนบาดเจ็บก็ทำแค่ส่ายหน้า พยายามบอกว่าให้ไปช่วยร่างเล็กก่อนซึ่งตอนนั้นก็ไม่มีใครสนใจจะฟัง จนกระทั่งสลบไปขังตัวเองอยู่ในโลกที่มืดมน 













---------------------------------------
✘ ✘ ✘  อีก2ตอนก็จบแล้ววววววววว ลุ้นจังเลย มาช่วยกันภาวนาให้ทั้งคู่ปลอดภัยนะคะ ขอบคุณสำหรับความเอ็นดูอีกครั้งด้วยค่ะ
ปล. ตุ๊กติ๊กทำแบบสำรวจเรื่องการรวมเล่มมาให้ทำค่า เผื่อใครอยากเก็บเล่มไว้ https://goo.gl/forms/7mtN6uUfeoQaS2ii2
แล้วก็สามารถติดตามข่าวสารได้ที่เพจเลยค่ะ ---> 9crimes - นายคราม FANPAGE  (https://www.facebook.com/pg/9crimess/posts/?ref=page_internal)
หัวข้อ: Re: ———— เหมายัน ———— (๐๘) ๐๘.๑๐.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: valenpinkpink ที่ 09-10-2017 00:47:36
คุณหรัญญ์อย่าเป็นอะไรนะ ไปช่วยน้องให้ได้  :katai1: :o12:
หัวข้อ: Re: ———— เหมายัน ———— (๐๘) ๐๘.๑๐.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 09-10-2017 01:08:43
คุณอาจ้างมารึเปล่าเนี่ย?
อยากเห็นมะลิที่สดใสสมวัย ใช้ชีวิตแบบไม่ต้องหวาดระแวงคุณอาจังเลยค่ะ  :ling3:
หัวข้อ: Re: ———— เหมายัน ———— (๐๘) ๐๘.๑๐.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: didididia ที่ 09-10-2017 01:13:42
กลัวใจคุณอาจังเลย อย่าทำร้ายมะลิเลยนะให้มะลิมีความสุขเถอะ :katai1:
หัวข้อ: Re: ———— เหมายัน ———— (๐๘) ๐๘.๑๐.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 09-10-2017 01:36:06
อ่านไปกลัวไป ลุ้นทุกตัวอักษรว่าจะเกิดเหตุร้ายเหตุด่วนอะไรกับมะลิหรือเปล่า .... สุดท้ายก็ไม่รอด :ling3:
หัวข้อ: Re: ———— เหมายัน ———— (๐๘) ๐๘.๑๐.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: manami1155 ที่ 09-10-2017 09:10:16
ตอนต้นๆนี้ดีใจมากกก
เหนมะลิช่างพูด สดใส ร่าเริงขึ้นมาก
เหมือนเห็นลูกชายตัวน้อยๆ มีพัฒนาการดีขึ้น

แต่พอท้ายๆของพาสนี้มันอะไรกันคะ
อิอาชั่วมันมาจับมะลิไปอีกแล้วใช่ม้ายยยย
แถมยังทำร้ายพี่หรัญญ์อีก ฮืออออออ
พี่หรัญญ์รีบฟื้นตัวแล้วไปช่วยน้องเร็วๆ
พี่คือความหวังเดียวของใะลินะตอนนี้

ปล.ชอบเวลามะลิแทนตัวเองว่าหนู
กับตอนพี่หรัญญ์พูดถึงมะลิว่าภรรยาตัวน้อยจังเลยค่ะ
อ่านแล้วมันกร้าวใจดี


หัวข้อ: Re: ———— เหมายัน ———— (๐๘) ๐๘.๑๐.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: popeyez ที่ 13-10-2017 16:20:08
คุณอาอย่าทำน้อง  เลี้ยงมากับมือร้ายเองกับมือ  เศร้า
หัวข้อ: Re: ———— เหมายัน ———— (๐๘) ๐๘.๑๐.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: nokkkey ที่ 16-10-2017 12:56:04
เกลียดอามะลิ ใช้ตัณหาแทนความคิดแท้ๆเลย อย่าทำอะไรมะลินะ ฮึ่ยยย :katai1:
หัวข้อ: Re: ———— เหมายัน ———— (๐๘) ๐๘.๑๐.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: Chacha ที่ 16-10-2017 17:48:45
มะลิลูก สงสารน้อง   :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ———— เหมายัน ———— (๐๘) ๐๘.๑๐.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: กระเหี้ยนกระหือรือ ที่ 17-10-2017 22:30:05
๐๙



ผู้บาดเจ็บจากการโดนตีเข้าที่ร่างกายด้วยของแข็งอย่างแรงถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลและนอนสูดกลิ่นน้ำยาฆ่าเชื้อที่ฉุนพอ ๆ กับกลิ่นน้ำหอมผ่านจมูกจนชุ่มปอด 

หลังจากที่นอนเฉยเป็นท่อนไม้ไม่กระดิกตัวไปมาอยู่หลายชั่วโมงก็ส่งสัญญาณแห่งการฟื้นสติ เริ่มมีความเคลื่อนไหวปลายนิ้วขยับเขยื้อนเชื่องช้า บวกกับเปลือกตาที่ยกสูงขึ้น

หรัญญ์ตื่นจากนิทราที่บรรจุไปด้วยความว่างเปล่าและเงียบเหงา รู้สึกร่างกายเบาหวิวในยามที่สมองยังไม่ประมวลผล จนกระทั่งลองขยับร่างกายถึงได้ลิ้มรสชาติของความเจ็บปวดแสนสาหัสอย่างแท้จริง ความร้าวรานวิ่งพล่านจนประสาทการรับรู้ตื่นเต็มตัว
นัยน์ตาดำด้านกวาดมองทั่วบริเวณสังเกตได้ไม่ยากว่าตัวเองนอนหยอดน้ำข้าวต้มอยู่ที่ไหน  “มะลิ…”  เรียกหาเสมือนยังจำไม่ได้ว่าร่างเล็กถูกช่วงชิงไป แต่ความจริงแล้วจำได้ทุกรายละเอียดของเหตุการณ์และพึงใจให้มันเป็นเพียงฝันร้ายที่พอตื่นก็สลายไปตลอดกาล   

หรัญญ์ลุกพรวดพราดขึ้นมานั่งและผลจากการทำอะไรผลีผลามในยามที่สภาพร่างกายไม่สมบูรณ์ก็จำต้องแอบหยุดชะงักไปชั่วคราวเพราะอาการวิงเวียนศีรษะ ร่างกายจำเป็นต้องได้รับการรักษา แต่คนบาดเจ็บมองว่าเป็นการจะทำให้รั้งแต่เสียเวลาเปล่า ๆ

เมื่อฝ่าเท้าหยิบพื้นก็รีบกระชากเข็มน้ำเกลือออกแล้วยืนขึ้นอย่างรีบร้อน เตรียมทำการหลบหนีออกจากโรงพยาบาลขัดนโยบายเรื่องความปลอดภัยในสวัสดิ์ภาพของตัวเอง   

ไม่มีเวลามานั่งโอดครวญหรือร้องไห้ฟูมฟาย ในสถานการณ์แบบนี้ยิ่งต้องเข้มแข็งให้มากกว่าเดิม เมื่อตนเป็นคนเริ่มความยุ่งเหยิงนี้เองก็ต้องเป็นคนจบทุกอย่างเองเช่นกัน

ป่านนี้เด็กน้อยคงกำลังรอให้ไปช่วยและไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรก็ยินยอม   

“นี่คุณจะไปไหนคะ คุณยังไปไหนไม่ได้นะคะ!” 

ยังไม่ทันลากสังขารพ้นประตูห้องพัก ออกมาก็เจอกับนางพยาบาลที่เตรียมเอายามาให้ก่อนจะแสดงท่าทีตกอกตกใจและรีบห้ามคนบุ่มบ่ามไว้โดยเร็ว แต่แรงหญิงหรือจะสู้แรงชาย ปกติก็ให้เกียตริเพศแม่มาตลอดแต่ตอนนี้ต้องการให้หลบไป ผลักหญิงสาวให้พ้นทางและถ้าใครคิดจะเข้ามาขวางอีกก็คงได้เห็นดีกัน มีแต่ยมบาลเท่านั้นที่จะหยุดความร้อนใจนี้ได้

แต่หลังจากวิ่งฝ่าความวุ่นวายมาตามทางเดินก็เกิดนึกถึงปัจจัยห้า  “มือถือ มือถือ”  คลำตามร่างกายที่ยังสวมใส่ชุดคนไข้ก่อนจะตัดใจวิ่งกลับไปที่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์เพื่อถามหาของใช้ส่วนตัว วิ่งกระหืดหระหอบไปทั่วชั้นจนได้เครื่องมือสื่อสารกลับคืนมา

แล้วพอกดดูหน้าจอถึงได้เห็นว่ามีสายที่ไม่ได้รับเกือบร้อยกว่าสาย รายชื่อที่โชว์หลาคือป้านิ่ม ดูเหมือนจะไม่ได้มีแค่คนทางนี้ที่รับรู้ถึงเหตุการณ์ลักพาตัวในลานจอดรถ

หรัญญ์กดโทรกลับ คนอีกฟากก็รับสายเหมือนรออยู่แล้ว  “ป้าครับ!”

‘คุณหนูอยู่ที่นี่ค่ะคุณ! คุณหนูอยู่ที่นี่’

“ที่ไหนครับ!”

‘ที่บ้านค่ะ คุณชายพาคุณหนูกลับมาที่บ้าน’

“งั้นเดี๋ยวผมจะรีบไป!”

‘แต่ป้าว่าอย่าเพิ่งมาดีกว่านะคะ เราควรจะรอให้ค่ำก่อน’

“รอ…?”  ฟังไม่ถนัดจนต้องทวนซ้ำสอง  “รอเนี่ยนะครับ ป้าจะให้ผมรอได้ยังไงในเมื่อมะลิกำลังอยู่กับคนที่อันตรายที่สุด ผมกำลังจะเป็นบ้าแล้วนะป้า!”  สุดจะอดกลั้นจนน้ำตาไหลเองอัตโนมัติ แล้วรีบเช็ดออกด้วยความไว  “มะลิกำลังต้องการผม ผมจะปล่อยให้เขารอไม่ได้”  หรัญญ์หันใบหน้าที่แดงก่ำเข้าผนังเอาหน้าผากโขกเบา ๆ ด้วยความเจ็บใจ

กรนด่าตัวเองที่ไม่เอาไหน ปล่อยให้เด็กน้อยตกระกำลำบากตามลำพังครั้งแล้วครั้งเล่า เท่ากับว่าไม่ต่างอะไรกับการรับปากส่ง ๆ พูดได้แต่สะกดคำว่าปกป้องไม่เป็น

‘ใจเย็น ๆ นะคะคุณ ดิฉันจะพยายามหาโอกาสเข้าไปดูแลคุณหนูให้ได้ค่ะ’

ควรเป็นตนต่างหากที่ได้ทำหน้าที่ดูแล แต่เพราะความสะเพร่าเรื่องราวที่กำลังจะดีเลยดิ่งลงเหวลึกลงไปหลายสิบเมตร มองด้วยตาเปล่าก็ยังรู้เลยว่าคราวนี้มันไม่ง่ายที่จะปีนขึ้นจากหลุมโดยปราศจากบาดแผล แย่หน่อยก็อาจถึงขั้นพิการ หรือไม่ก็ตายอย่างอนาถอยู่ที่ก้นหลุม  “ถ้าป้าได้เจอมะลิฝากบอกเขาด้วยนะครับว่าผมรักเขา อีกไม่นานเราก็จะได้เจอกันแล้ว”

คนในสายตกปากรับคำด้วยความเต็มใจแล้วตัดสายไป ทิ้งให้หรัญญ์อยู่กับความวูบโหวง ลดตัวลงนั่งกับพื้นอย่างหมดสภาพ นั่งกุมขมับและแอบซ่อนน้ำตาลูกผู้ชายไว้ด้วยการก้มหน้า อ่อนแอซะให้พอแล้วเมื่ออยู่ต่อหน้าร่างเล็กอีกครั้งต้องกลับมาแข็งแกร่งดังหินผา 












ด้านหญิงร่างท้วมหลังจากที่วางสายโทรศัพท์ก็แอบกระทำการใช้กุญแจสำรองไขเข้ามาในบ้าน ก่อนจะถูกทำให้ประหลาดใจกลับ เธอเข้ามาแบบไม่ได้เตรียมใจกับการต้อนรับใด ๆ จึงเผลอแสดงสีหน้ากระอักกระอ่วนตอนเจอคุณชายนั่งไขว่ห้าง กระดกเหล้าเข้าปากตรงโซฟา

“มาทำอะไร ผมไม่ได้เรียกป้ามาสักหน่อย”  ใบหน้าคมคายนั้นเรียบเฉยไม่ได้บ่งบอกเลยว่าแปลกใจที่เห็นหญิงวัยกลางคนแอบทำอะไรลับ ๆ ล่อ ๆ

“พอดีว่าป้าจำไม่ได้ว่าปิดไฟห้องครัวหรือยังน่ะค่ะ ป้าเลยจะมาตรวจดูความเรียบร้อยสักหน่อย”  อ้างเหตุผลข้าง ๆ คู ๆ ดูไม่เป็นมืออาชีพในด้านการมุสา 

ทำเอากวินทร์หลุดหัวเราะให้ลำคอ  “ไม่ใช่ว่าไอ้หรัญญ์ส่งมาหรอกเหรอ”

หญิงร่างท้วมหลบสายตาทันควันเมื่อคนฉลาดเป็นกรดหันมาจ้องหน้าและถึงจะสอบตกวิชาการแสดง แต่ก็ยังแสร้งทำเป็นเหมือนว่าไม่มีอะไร  “คุณชายทานอะไรมาหรือยังคะ”  สวมบทแม่บ้านเพราะมันเป็นงานถนัด ส่วนคุณชายก็ยกแก้วเหล้าให้ดูเพื่อบอกว่ากำลังทานอยู่  “แล้วคุณหนู…”

“คุณหนูของป้าก็อยู่กับไอ้เพื่อนทรยศของผมไง ป่านนี้มันคงหาอะไรให้กินจนอิ่มหนำสำราญไปแล้วมั้ง”  ระหว่างพูดก็รินเหล้าเพิ่ม แต่เดิมเหลือก้นแก้ว ปัจจุบันแทบล้น       

หญิงวัยกลางคนไม่หลงกลง่าย ๆ ไม่หลงเชื่อคำพูดโป้ปดพวกนั้นและยังยืนอยู่ในอาการสำรวม  “ให้ป้าหาอะไรขึ้นไปให้คุณหนูทานสักหน่อยเถอะนะคะ”

กวินทร์แสยะยิ้มร้าย สงสัยอยู่ด้วยกันมานานจึงรู้เช่นเห็นชาติกันดี  “เกลียดจริงพวกรู้ทัน”  วางขวดเหล้ากระแทกกับโต๊ะแก้วจนเกิดเสียงกังวาน  “อดข้าวสักวันสองวันคงไม่ตายหรอก”

“แต่คุณหนูเป็นหลานแท้ ๆ ของคุณชายนะคะ”

ตั้งแต่เปลี่ยนไปเลียแข็งเลียขาเจ้านายคนใหม่ หญิงวัยกลางคนก็ดูจะปีกกล้าขาแข็งขึ้น จนกวินทร์อดสงสัยไม่ได้ว่าอดีตสหายเลี้ยงด้วยเงินหรืออะไร ใช่ใช้ดุ้นตรงหว่างขาหรือเปล่า ไม่ใช่ว่ามีรสนิยมชมชอบหันมาบริโภคหญิงแก่คราวแม่ที่ใกล้ลงโลงหรอกนะ  “ขอบคุณนะครับที่ช่วยเตือน ผมเกือบลืมไปแล้วนะเนี่ยว่ามะลิเป็นหลาน”  เอนหลังพิงโซฟาอย่างสบาย ๆ กระเดือกน้ำเมาไปพลาง ๆ ยากจะคาดเดาอารมณ์นัยน์ตากลมไม่ปรากฏความรู้สึกอะไร 

“ผมเกือบลืมไปแล้วว่าพี่ฝากให้ช่วยดูแลมะลิดี ๆ ก่อนที่จะตาย แล้วผมดูแลหลานไม่ดีตรงไหนเหรอป้า หลานที่น่ารักถึงได้พยายามจะหนีผมไป ไปกับคนที่เพิ่งเจอกันได้ไม่นาน”

“คงเพราะคนที่เราไว้ใจดันกลายเป็นคนที่ร้ายที่สุดมั้งคะ”  ตอบอย่างมีเหตุผลและความตรงไปตรงมาก็ทำเอาคนฟังสลดลง เธอรู้สึกสงสารและเห็นใจเช่นกัน แต่การพูดอ้อมโลกก็คงไม่ได้ช่วยทำให้คนที่กำลังหลงทางกลับมาเดินในทางที่ถูกที่ควร  “ปัญหาไม่ได้ขึ้นอยู่กับเวลาแต่ขึ้นอยู่กับคน จำได้ไหมคะว่าเมื่อก่อนคุณหนูตามติดคุณชายไปด้วยทุกที่ รักและเทิดทูนคุณชายมากแค่ไหน แล้วใครกันที่ผลักไสแกออกมาด้วยวิธีที่คงไม่มีคนรักกันที่ไหนเขาทำกัน”

“ผมผิดมากเหรอป้า”

“ค่ะ” 

คำตอบที่ได้ยินไม่ผิดจากที่คาดนัก ซึ่งฟังแล้วก็เจ็บปวดดี พอมีคนช่วยย้ำถึงความสารเลวของตนก็อดจะยิ้มสมเพชให้กับตัวเองไม่ได้ ความรู้สึกขมขื่นในใจเป็นเศษเสี้ยวหนึ่งในบทลงโทษและการชดใช้หลังจากที่กระทำความผิดนับครั้งไม่ถ้วนลงไป
รู้ตัวเมื่อสาย แทนที่จะหยุดความเลวร้ายไม่ให้ลุกลามแต่กลับเลือกจะไปตายเอาดาบหน้า กวินทร์แค่กำลังคิดหาวิธีอยู่กับมันให้ชินก็เท่านั้น  “อย่าลืมว่าป้าเองก็มีความผิดเหมือนกัน แต่ผมไม่โทษป้าหรอก แล้วผมก็จะไม่โทษตัวเองด้วยที่ทำให้ทุกอย่างกลายเป็นแบบนี้”

“โธ่ คุณชาย”  คำพูดแค่เพียงประโยคสองประโยคไม่สามารถเปลี่ยนแปลงใจใครได้ในทันที โดยเฉพาะกับคนหัวแข็งที่หวังใช้ของมึนเมาดับทุกข์ ลุกไปหยิบเหล้าอีกขวดจากในตู้มานั่งเปิดแล้วดื่มต่อท่ามกลางสายตาท้อใจ  “คุณชายยังสามารถแก้ไขให้มันถูกต้องได้นะคะ”

“ผมถอยหลังไม่ได้แล้วป้า”  กวินทร์พูดได้อย่างเป็นธรรมชาติ ไม่ได้ใส่ใจกับคำพูดที่ไล่เรียงมาทั้งหมด ต่างคนต่างเปลื้องน้ำลายไปเปล่าประโยชน์  “หวังว่าป้าจะเข้าใจผมนะ อโหสิกรรมให้ผมด้วย”  คุณชายยิ้มให้อย่างอ่อนโยนทั้งที่นัยน์ตาปรากฏแต่ความกระด้าง ราวกับเตือนว่าให้ระวังเป็นครั้งสุดท้าย โทษทัณฑ์จากการคิดคดทรยศมันร้ายแรง เดี๋ยวจะหาว่าไม่แจ้งกันก่อน ขณะที่หญิงแก่ที่ดวงใกล้ถึงฆาตก็พอรับรู้ถึงชะตากรรม เตรียมทำใจแต่เนิ่น ๆ     
         
การเจรจาเป็นผล สุดท้ายหญิงร่างท้วมก็ได้เดินขึ้นบันไดมาด้านบนพร้อมถาดอาหาร ได้รับอนุญาตเป็นกรณีพิเศษเพราะเห็นว่าเป็นคนเก่าคนแก่ของตระกูลและเมื่อก้าวเข้ามาในห้องก็รีบมองสำรวจทั่วร่างกายและใบหน้าของเด็กชายในชุดสีขาวที่เอาแต่นั่งร้องไห้จนตาบวม

มะลิไม่มีตรงไหนที่บุบสลาย ยกเว้นก็แต่สภาพจิตใจที่ยับเยินและจำเป็นต้องได้รับการเยียวยาโดยด่วน ทั้งถูกลักพาตัวกลัวจนไม่รู้จะกลัวยังไง อยู่บนรถกับชายแปลกหน้านานสองนานแล้วกลับมาเผชิญกับฝันร้ายที่หนีให้ตายก็ไม่พ้นจนชักเริ่มถอดใจ เหนื่อยเกินกว่าจะต่อต้านจึงยอมให้จับแปลงโฉมห่มชุดตัวยาว รวมถึงไม่มีข้าวปลาตกถึงท้องตั้งแต่เมื่อเย็นวาน   
   
“กินอะไรสักหน่อยนะคะจะได้มีแรง”  คนเป็นห่วงตัดสินใจนั่งลงเป็นเพื่อนแล้วค่อยเลื่อนถาดอาหารไปตรงหน้า ไม่เชิงคะยั้นคะยอแต่ก็พยายามย้ำให้ตระหนักถึงสุขภาพพอสมควร 

ร่างเล็กที่นั่งกอดเข่าเฝ้ามุมห้องหลุบตามองของโปรดแค่ชั่วครู่

ส่วนป้าแม่บ้านก็แอบมองไปทางประตูที่เปิดกว้าง เห็นความว่างเปล่าปลอดจากเงาใครถึงได้ยอมคายความลับ เอ่ยกระซิบกระซาบระหว่างช่วยเช็ดน้ำตาออกจากพวงแก้มที่เปียกปอน

“คุณหรัญญ์ฝากให้ป้ามาช่วยดูแลคุณหนูแทนค่ะ เขายังบอกป้าด้วยนะคะว่าเขารักคุณหนู แล้วเดี๋ยวอีกไม่นานก็จะมาหาแล้วนะคะ ระหว่างที่รอคุณหนูก็ต้องกินข้าวให้หมด ป้าจะได้บอกคุณเขาว่าคุณหนูเป็นเด็กดีมากแค่ไหน ดีไหมคะ”

พอได้ยินชื่อบุคคลสามถึงเริ่มมีปฏิกิริยาเป็นบวก ฟื้นคืนชีพจากอาการหมดอาลัยตายอยากรีบจับมือที่เหี่ยวย่นไว้แล้วเขย่าอย่างแรง  “จะมาจริง ๆ เหรอ หนูไม่ถูกทิ้งใช่ไหม”  น้ำตาแห่งความเสียใจกลายเป็นตื้นตัน ยิ่งหญิงร่างท้วมพยักหน้ายืนยัน ความฝันครั้งใหม่ก็เริ่มก่อตัว

“คุณเขาไม่ทอดทิ้งคุณหนูหรอกค่ะ คุณหนูของป้าออกจะน่ารักซะขนาดนี้”  ยกมือลูบใบหน้าที่เกลี้ยงเกลาและจ้องดวงหน้าเล็กราวกับอยากจะเก็บรายละเอียด เขียนภาพวาดลงในใจ สลักไว้เป็นความทรงจำที่งดงาม   

มะลิทำท่าจะเอื้อมมือจับช้อนก่อนจะมีคนอาสาป้อนให้เพราะอยากรับใช้เป็นหนสุดท้าย  “มาค่ะ ให้ป้าป้อนดีกว่า”  ทำดีชดเชยที่เคยบกพร่องในหน้าที่ ซึ่งก็คงจะไม่มีโอกาสไหนเหมาะเท่าตอนนี้อีกแล้ว แววตาเอ็นดูสะท้อนภาพคุณหนูที่เคี้ยวข้าวจนแก้มยุ้ย
 
ร่างเล็กกินข้าวคำน้ำตามและอ้าปากรับช้อนกระเบื้องด้วยความหิวโซ แม้แต่ข้าวคำโตก็ไม่หวั่นและหญิงร่างท้วมเองก็ต้องเพิ่มความเร็วเพราะกลัวจะตักไม่ทันต่อความต้องการ

หลังป้อนข้าวจนหมดจาน ก็เสิร์ฟต่อด้วยของหวานเป็นนิทานที่พอจำได้คร่าว ๆ เล่าไปก็นึกไปขณะให้หัวกลมนอนหนุนตัก ช่วยสางผมลื่นด้วยหวีดูแลอย่างดีเหมือนแม่ที่ให้กำเนิดมา ร้องเพลงกล่อมนอนจนร่างเล็กเพลียหลับคาตัก เธอใช้เวลาทุกวินาทีอย่างคุ้มค่าและภาวนาให้ค่ำไว ๆ งานสำคัญอีกอย่างในชีวิตคือการส่งร่างเล็กให้ถึงฝั่ง หลังจากนั้นก็แล้วแต่เวรแต่กรรม

ทำอะไรไว้ย่อมได้รับผลตอบแทนแบบนั้น… ระหว่างนั่งปลงยิ้มให้กับโลกใบนี้อย่างอ่อนโยน เสียงเครื่องยนต์ก็ลอยมากระทบกับโสตประสาทหู อะไรก็ดูจะช่างเป็นใจไปเสียหมดจนหลงดีใจ รีบโทรรายงานความเคลื่อนไหวบอกว่าคุณชายขับรถออกไปข้างนอก ย้ำคนปลายสายว่าต้องรีบแล้วนะคะ เวลาเรามีจำกัด

พอตัดสัญญาณการสื่อสาน รถคันหนึ่งก็ทะยานออกจากลานจอดรถของคอนโดและใช้ความเร็วต่อกิโลเมตรเกินร้อยแปดสิบจนรถคันหลังที่ขับตามยังอยากจะตะโกนถามว่าจะรีบไปตายหรือไง ซึ่งบางทีก็อาจจะใช่ หรัญญ์อาจจะกำลังวิ่งเข้าหาความตายจริง ๆ อย่างที่ว่า

บุ่มบ่ามทำอะไรโดยไม่สนว่าจะเป็นกับดัก แค่นึกถึงหน้าร่างเล็กก็เหยียบคันเร่งหนักกว่าเดิม เปลี่ยนถนนเป็นสนามแข่งรถโดยมีเวลาเป็นคู่แข่ง ขับแซงรถทุกคัน ปาดซ้ายปาดขวา ตัดหน้ารถคนอื่นอย่างกระชั้นชิด แล้วก็ได้ยินคำสรรเสริญดังไล่หลังตลอดทาง

โชคดีว่าพอออกจากตัวเมืองแล้วถนนโล่งไม่อย่างนั้นก็คงถูกด่าถึงบุพการี ท้องฟ้ายามเย็นอาบด้วยสีส้มอมแดง พระอาทิตย์กำลังจะตกดินใกล้สิ้นแสงเข้าไปทุกขณะ แต่เพราะได้ไฟหน้ารถช่วยไว้จึงถึงจุดหมายปลายทางอย่างปลอดภัยและจอดรถไว้ใกล้ ๆ กับตัวบ้าน

หรัญญ์ถือวิสาสะบุกเข้ามาด้านในและใช้ส่งเสียงเรียก จนได้ยินเสียงกรุกกรักจากบนบันได หญิงวัยกลางคนพาเด็กน้อยวิ่งลงมาคอยดูไม่ให้สะดุดล้มถึงจะช่วยมัดปมที่กระโปรงยาวแล้วแต่ก็ยังไม่หายห่วง ก่อนจะส่งช่วงต่อให้คนที่ยืนรอตรงขั้นบันไดสุดท้ายดูแล

มะลิถูกพาออกจากบ้านขณะที่ด้านหลังมีหญิงร่างท้วมกึ่งเดินกึ่งวิ่งตามมา แค่อยากเห็นด้วยตาว่าทั้งคู่ขึ้นรถอย่างปลอดภัยและโบกมือลาเป็นครั้งสุดท้ายที่หน้าบ้าน แต่ก่อนที่จะจากกันถาวร เป็นร่างเล็กที่ปล่อยมือจากหรัญญ์แล้ววิ่งมาสวมกอดหญิงวัยกลางคนที่ขอบตาร้อนผ่าวและไม่ปฏิเสธที่จะกอดตอบ 

“ป้าขอโทษกับเรื่องที่ผ่านมาด้วยนะคะคุณหนู แล้วก็ดูแลตัวเองด้วยนะคะ หลังจากนี้ป้าคงไม่ได้อยู่รับใช้คุณหนูอีกแล้ว”  พูดเป็นลางอย่างกับว่าจะไปที่ไหนไกล ๆ

“แล้วเดี๋ยวผมจะติดต่อกลับมานะครับ”  หรัญญ์ให้คำมั่น

ด้านหญิงร่างท้วมก็พยักหน้ารับ  “ฝากคุณหนูด้วยนะคะ”   

จำใจต้องปล่อยเด็กน้อยออกจากอ้อมกอด มะลิน้ำตาคลอเบ้าเศร้าโศกไม่รู้ว่าครั้งที่เท่าไหร่ของวันโดยมีหรัญญ์ยืนประคองเอวไว้ด้วยวงแขน สองมือยังยื่นจับกันแน่นไม่ปล่อยเพราะต่างฝ่ายต่างอาลัยอาวรณ์ซึ่งกันและกัน จนไม่ทันเห็นภัยมืดยืนถือปืนซ้อนอยู่ด้านหลัง

ปัง!     

เสียงที่ดังยิ่งกว่าประทัดหยุดทุกคนให้ชะงักงันและหันมองต้นกำเนิดเสียงเป็นตาเดียว ยกเว้นก็แต่หญิงร่างท้วมที่ก้มลงมองมือที่เพิ่งเอื้อมไปแตะด้านหลัง ปราศจากความเจ็บปวด รู้สึกขอบคุณที่ความตายทำงานอย่างรวดเร็ว ไม่ปล่อยให้ทรมานอย่างน่าอเนจอนาถ 

หญิงวัยกลางคนล้มลงแทบผ้าเช็ดเท้า หมดหน้าที่เฝ้าบ้าน ตัดขาดจากโลกมนุษย์ต่อหน้าต่อตาคนที่เหลือ เมื่อไม่มีคนบังทั้งหรัญญ์และมะลิจึงได้เห็นโฉมหน้ามัจจุราชชัดๆ 

กวินทร์เดินมาด้านหน้า ยกขาข้ามศพที่ขวางทางและยืนในจุดที่แสงสว่างพอส่องถึง

“หมดคนรู้มากไปหนึ่ง …เหลืออีกหนึ่ง”  ดวงตาไร้แววจ้องเขม็งเล็งเป้าไปที่หรัญญ์ แววตาแสดงออกถึงเจตจำนงที่ชัดเจน หญิงแก่ที่เล่นเกมไม่เป็นเป็นเพียงหมากตัวหนึ่งในกระดาน ส่วนหลานก็เป็นแค่เหยื่อล่อเพื่อจะให้เสือออกจากถ้ำและลวงมาจำกัดให้สูญพันธ์ 

ความลับจะเป็นความลับไปชั่วนิรันดร์ก็ต่อเมื่อคนที่ล่วงรู้ความลับตายสนิท 

แล้วอดีตสหายก็อยู่ในรายชื่อพวกนั้น

หรัญญ์ที่ถูกหมายหัวได้สติก่อนใครและรีบดึงแขนร่างเล็กที่ยังช็อกให้เดินตาม อีกสามสี่ก้าวก็จวนจะถึงประตูรถยนต์ แต่แล้วกวินทร์ก็ยิงเข้าที่กระจกหน้ารถจนกระจกใสบานใหญ่เกิดการร้าวและร่วงกราวเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย พลอยทำให้มะลิตกใจยกมือขึ้นปิดใบหู 

เสียงปืนอีกนัดเป็นสัญญาณเริ่มเข้าสู่เกมล่าท้าความตาย หนุ่มใหญ่ตัดสินใจพาร่างเล็กออกวิ่งดีกว่ายืนเป็นเป้านิ่งให้ใครกราดยิง ฝืนป่ากลายเป็นช่องทางเอาตัวรอดเดียวในยามคับขัน อาศัยความเขียวครึ้มช่วยพรางตา การชำนาญทางมากกว่าน่าจะพอทำให้เป็นต่อ

ส่วนกวินทร์ยืนรออย่างใจเย็น เห็นคนสองคนพากันวิ่งเข้าป่าอย่างทุลักทุเลแล้วก็ขำ ก่อนจะหันมาสำรวจจำนวนกระสุน เมื่อพร่องไปสองก็เติมอีกสองแล้วค่อยออกเดินอย่างเชื่องช้า ให้เวลาพวกเนรคุณได้คิดหาทางหนีทีไล่ แสดงความมีน้ำใจในฐานะที่เล่นนอกกติกาใช้อาวุธอยู่ฝ่ายเดียว ตอนแรกทำแค่เดินตามอีกสองคนที่หอบหิ้วกันไปไกลและเหลียวหลังกลับมามองอย่างไว ๆ เท่านั้น จนกระทั่งไม่เห็นชุดสีขาวที่โดดเด่นเป็นสง่าในความมืดมิดจึงเพิ่มความเร็วในการก้าว จากจ้ำอ้าวเปลี่ยนเป็นวิ่งเต็มกำลัง ตั้งหน้าตั้งตารอคอยเวลาเอาคืนแทบไม่ไหว     






มีต่อด้านล่าง

หัวข้อ: Re: ———— เหมายัน ———— (๐๙) ๑๗.๑๐.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: กระเหี้ยนกระหือรือ ที่ 17-10-2017 22:39:13
ดั่งเสียงฟ้าฟาดในฤดูวัสสานะ

ราวกับหน้าฝนมาเยือนเร็วกว่าทุกปี เสียงก้องกังวานเสมือนฟ้าพิโรธนั้นทำเอาเหล่าสัตว์กลางคืนตื่นตระหนก บ้างหนีเข้าโพรง บ้างขุดลงดินและปิดบ้านไม่ต้อนรับแขก   

ลมกรรโชกแรงกระพือกลิ่นไหม้จากปลายกระบอกสีดำขลับให้ยิ่งลอยฟุ้งในอากาศ

ขนาดพระจันทร์ยังตกใจเสียงกัมปนาทและรีบหลบฉากเข้าในกลีบเมฆจนเกิดปรากฏการณ์คืนเดือนดับ แม้แต่ดาวประจำเมืองที่เคยเรืองรองต่างก็กรีดร้องด้วยความหวาดกลัวเมื่อเสียงเหนี่ยวไกนัดที่สองดังทั่วทั้งผืนป่า   

น่านฟ้ามืดมนแต่ไม่เท่าจิตใจคนคลั่ง 

สองเท้าเปล่าต่างขนาดย่ำกับหน้าดินอุ้มน้ำจนปรากฏรอยยุบ ประทับตราไว้บนความนุ่มนวลก่อนจะชวนกันเพิ่มความเร็วของฝีเท้าเมื่อบางอย่างเริ่มกระชั้นชิดเข้ามา

ฝ่ายวิ่งนำกระชับมือคนวิ่งตามระหว่างพาวิ่งไปข้างหน้าอย่างไม่คิดชีวิต ทั้งคู่สับขาผ่านพันธุ์ไม้นานาชนิด แต่ ณ เวลานี้ไม่มีกระจิตกระใจจะแวะชมเชยดั่งเช่นวันก่อน ๆ

มีเพียงสัญชาติญาณของการเอาตัวรอดที่ขับเคลื่อนกายหยาบกับสติที่ใกล้แตกเต็มทน

แต่ถึงจะอยู่ในสภาวะกดดันอย่างหนัก ที่ปรึกษาผู้เคยประสบกับเหตุการณ์บีบคั้นมาบ้างก็พยายามประคับประคองสถานการณ์ให้ตลอดรอดฝั่ง คอยใช้ท่อนแขนแหวกทาง ปัดกิ่งไม้หลบไปด้านข้างจนเกิดช่องว่างให้พอเอาตัวรอด ดันร่างเล็กกว่าไปก่อนแล้วค่อยตัดสินใจหาที่ซ่อนฉับพลัน รีบฉุดข้อมือเล็กให้มาหลบหลังต้นไม้และกกกอดร่างที่สั่นงันงกไว้จนจมอก

ทั้งคู่เหงื่อแตกซก หยดน้ำตกจากขมับ เสื้อผ้าอับชื้นไปด้วยคราบไคลแล้วมันก็ยากจะกำหนดลมหายใจให้กลับมาสม่ำเสมอหลังจากที่เจอไล่ล่าจนต้องวิ่งมาราธอนมาค่อนชั่วโมง

อดัมกับอีฟกำลังตกที่นั่งลำบาก อกสั่นขวัญแขวนเมื่อรับรู้ได้ถึงการมาของพระเจ้าผู้สร้าง แม้จะมีจำนวนคนมากกว่า แต่ลำพังจะไปสู้อะไรกับนักล่าอาวุธครบมือ

ท่ามกลางความเงียบสงัด เท้าหนึ่งจงใจเหยียบลงบนใบไม้แห้งเพื่อหวังแกล้งให้เหยื่อกลัวแทบฉี่ราด ตามด้วยการยิงปืนขึ้นฟ้าอีกหนึ่งนัดจนเกิดเสียงสนั่นหวั่นไหว ไม่เสียดายกระสุนหากมันจะทำให้ใครก็ตามที่มุดหัวอยู่แต่ในรูยอมเปิดเผยตำแหน่งที่ตั้ง

ร่างหนายืนปักหลักอยู่ที่เดิมเพื่อตรวจสอบให้แน่ใจ นัยน์ตาขวางกลอกมองซ้ายมองขวาระหว่างกำด้ามปืนไว้มั่นพร้อมลั่นไกทุกเวลา จนเมื่อตระหนักได้ว่าเป้าหมายอาจจะไม่ได้แฝงตัวอยู่แถวนี้อย่างที่คาดการณ์ไว้จึงหันหลังให้กับต้นไม้ต้นใหญ่ตรงหน้า
เส้นผมบังตาจนไม่ทันเห็นชายกระโปรงยาว 

นายพรานเดินหน้าออกตามล่าราชสีห์กับกระต่ายขาวที่หายไป

หรัญญ์ที่แอบเห็นอดีตสหายวิ่งไปอีกทางได้โอกาสถามความรู้สึกร่างเล็ก  “ไหวไหม”  มะลิพยักหน้าว่าไหว ไม่อยากกลายเป็นภาระทั้งที่สีหน้ากำลังซีดเผือด มือไม้เย็นเฉียบขณะสั่นระริกฉายความเมื่อยล้า คนที่แข็งแรงกว่าในทางกายภาพจึงหันหลังกลับ รอรับร่างเล็ก ๆ ขึ้นขี่หลังแล้วพาออกจากจุดเดิมที่กวินทร์อาจจะวกกลับมาใหม่เมื่อไหร่ก็ได้

การแบกรับน้ำหนักที่เพิ่มมากขึ้นทำให้การก้าวขาช้าลงแต่ยังก็มั่นคงและหนักแน่นไม่เปลี่ยน ณ ช่วงเวลาที่ความอันตรายเดินมาเคาะประตูบ้าน การมีกันและกันช่วยบรรเทาความหวาดกลัว ทั้งยังสร้างความอุ่นใจ ไม่มีอะไรวิเศษกว่าการแค่หันไปเจออีกคนอยู่ข้าง ๆ โลกที่มืดมัวก็ยังพอมีแสงสว่างเรืองรอง

ร่างเล็กโน้มตัวแนบกับแผ่นหลังกว้างยิ่งกว่าเดิมในขณะที่คนเริ่มส่อเคล้าความเหนื่อยจุมพิตบริเวณแขนที่พันรอบลำคอไว้กันหงายหลัง คางมนเกยกับช่วงบ่าเอียงหน้าส่งยิ้มให้ ถือเป็นกำลังใจที่ยากจะหาสิ่งใดมาเทียบเคียงได้

ส่วนอีกคนก็ยิ้มรับและรู้สึกเจ็บแปลบกะทันหันที่บริเวณแขนขวา หลุดออกจากภวังค์เพราะเสียงดังจากปืน พร้อมทั้งสูญเสียการทรงตัวจนล้มลงแม้แต่คนบนหลังก็ตกสู่พื้นเหมือนกัน หรัญญ์ที่มีอาการบาดเจ็บรีบหันมองแต่ก็ได้เห็นปลายกระบอกปืนแทน

นัยน์ตาดำด้านไล่สายตาขึ้นข้างบนถึงได้เห็นคนตัวเล็กกำลังถูกล็อกคอจากด้านหลัง ไม่ใช่ฝีมือคนไกลแต่เป็นอาแท้ ๆ น้องแม่ที่ยังไม่ยอมปล่อยวาง กวินทร์ยืนจ้องจะเอาชีวิตขณะที่หรัญญ์เอื้อมมือกุมแขนข้างที่เลือดกำลังไหลและค่อย ๆ หยัดกายลุกยืนโดยมีปืนเลื่อนขึ้นตาม

“สภาพดูไม่ได้เลยนะเพื่อนรัก”  กวินทร์ทักทายเสียงระรื่นและขยับปลายกระบอกปืนเป็นสัญลักษณ์ว่าให้ถอยหลังไปหน่อย  “ถอยหลังไป”  สงสัยหูจะตึงถึงต้องให้เอ่ยปากซ้ำสอง 

หรัญญ์ยอมถอยออกไม่กี่ก้าว ยืนดูลาดเลาก่อนเอ่ยปาก  “ปล่อยมะลิซะ”

“แกมีสิทธิ์อะไรมาสั่งฉัน ฉันจะทำอะไรก็ได้ในเมื่อมะลิเป็นสมบัติของฉัน”

“ไม่ มะลิเป็นหลานของแกต่างหาก หลานที่แกบอกว่ารักนักรักหนาไงล่ะ แล้วลองแหกตาดูตอนนี้สิ ดูให้ชัด ๆ ว่าแกกำลังทำให้คนที่แกรักเสียขวัญมากแค่ไหน”  ไม่ว่าใครก็ต้องเห็นน้ำสีใสที่ไหลอาบสองแก้มขาว ไหลเป็นทางยาวแล้วตกกระทบกับท่อนแขนหนาที่รัดบริเวณลำคอ แต่เพราะกวินทร์ในตอนนี้เห็นผิดเป็นชอบ ตาบอดสนิทรวมถึงจิตใจบิดเบี้ยว เคี่ยวเข็ญให้ตายก็ไม่พร้อมจะเผื่อแผ่ความเห็นอกเห็นใจให้ใครทั้งสิ้น

“อยากจะพล่ามอะไรก็เชิญ ไหน ๆ วันนี้ก็เป็นโอกาสสุดท้ายของแกแล้วหนิ”

“แกบอกว่าฉันเห็นแก่ตัว แล้วดูสิ่งที่แกทำไม่เรียกว่าเห็นแก่ตัวเลยอย่างนั้นสิ กักขังชีวิต ๆ นึงไว้กลางป่า อ้างว่าปกป้องจากคนอย่างพวกฉัน ทั้งที่แกเองก็ไม่ได้ต่างจากพวกฉันเลย”

“ฉันแตกต่าง!”  สวนกลับทันควัน ความดันทางอารมณ์พุ่งขึ้นสูงหลังถูกเอาไปเปรียบเทียบกับพวกที่รังเกียจ ใบหน้าคมคายเคร่งเครียดทันตาตามประสาคนต่อต้านสังคม  “ฉันมีเหตุผลของฉัน!”

“งั้นก็บอกเหตุผลของแกมาสิวะ!”

เอาเข้าจริงกวินทร์ก็ไม่มีความกล้าและกระดากปากที่จะพูดถึงเหตุผลต้นกำเนิดโศกนาฏกรรมอันโหดร้าย ได้แต่สบถถ้อยคำหยาบคายระบายความหงุดหงิด ใช้ด้ามปืนเคาะกะโหลกตัวเองระหว่างคิดไม่ออกสมองมันตื้อ  “แกไม่เข้าใจ…”

“แล้วแกจะหวังให้ใครเข้าใจได้ยังไงในเมื่อแกไม่ยอมพูดหรือยอมบอกอะไรเลยสักนิด”

กวินทร์มีอาการกระวนกระวายและเริ่มควบคุมตัวเองลำบากอย่างกับพวกใกล้เสียสติ หรือบางทีคงแค่สับสนเพราะไม่เคยลองอธิบายให้ใครสักคนเข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเองและเกรงกลัวกับผลตอบรับไปล่วงหน้า  “ฉัน… ฉันมีอาการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ”  พึมพำเสียงเบาไม่อยากให้ใครจะได้ยินเข้า  “แต่ฉันกำลังรักษา!”  รีบพูดขึ้นอย่างกับกลัวคนอื่นพูดตัดหน้า

หรัญญ์ไม่ได้ตกใจกลับกันคือสมเพช ความจริงจากปากถือเป็นจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญที่ทำให้ปะติดปะต่อเรื่องราวทั้งหมดเข้าด้วยกันสำเร็จ จนปมที่เคยขมวดได้รับการคลี่คลายและคำสารภาพก็แทบทำให้หมดศรัทธาในความเป็นคนของอดีตสหายที่โยนความผิดให้โชคชะตามากกว่าการกระทำของตัวเอง  “แกรักษาด้วยการใช้หลานตัวเองเป็นเครื่องมือน่ะเหรอ”

“คนสมบูรณ์แบบอย่างแกจะไปรู้อะไร” 

กวินทร์ใช้น้ำเสียงเหน็บแหนบแกมประชดประชัน หันปลายกระบอกชี้หน้า   

“ฉันรู้ว่าแกทำอะไรกับมะลิ”

“ไม่ แกไม่รู้หรอก”  จู่ ๆ ก็คิดวิธีสั่งสอนพวกอวดรู้ว่าอย่าได้ลองดีขึ้นมาได้ ผ่านการสาธิตโดยใช้นักแสดงรุ่นเด็กที่เคยมีประสบการณ์ถูกล่วงละเมิดทางเพศโดยตรง ชายกระโปรงถูกเลิกขึ้นถึงโคนขาก่อนฝ่ามือกร้านจะบีบนวดผิวลื่นอย่างมันมือ ปราบเด็กดื้อที่ยังพยศด้วยการบดขยี้ตามร่างกาย จับส่วนไหนได้เป็นเฟ้นฟอดปราศจากความอ่อนโยน

ไม่เว้นแม้แต่บริเวณหน้าอกจนร่างเล็กร้องเสียงหลงด้วยความเจ็บปวดรวดร้าว ขอบตาแพรวพราวไปด้วยหยดน้ำ พยายามเบี่ยงตัวหลบมือสากที่ลูบไล้หน้าท้องและกระดากอายเกินกว่าจะมองหน้าคนที่รัก ผิดกับกวินทร์ที่ยังสาแก่ใจใช้วงแขนเดียวในการพลิกร่างขาวนวลแล้วมือนั้นก็ป้วนเปี้ยนแถวสะโพก เลิกชายกระโปรงถึงกลางหลังเพราะอยากให้คนที่ทำได้แค่ยืนดูอกแตกตาย รวมถึงขยำบั้นท้ายเนียนโชว์เรียกความโมโหจากหรัญญ์ได้เป็นอย่างดี 

“ร่างกายนี้สินะที่ทำให้แกติดใจ”  หมุนตัวร่างเล็กด้วยความรวดเร็วอีกครั้งและยังล็อกคอพอให้ไม่สามารถเบือนหน้าหนีแล้วขโมยหอมแก้มที่มอมแมมเพราะน้ำตา

หรัญญ์ทำท่าจะเดินเข้าใส่ คิดจะใช้แค่กำปั้นเป็นอาวุธ แต่ก็ต้องหยุดเคลื่อนไหวพร้อมกับกักเก็บความกรุ่นโกรธเอาไว้เมื่อกวินทร์หันปลายกระบอกปืนจ่อขมับตัวประกันที่ยืนสั่นอย่างน่าเวทนา  “ถ้าโกรธเกลียดฉันมากก็มาลงที่ฉัน มะลิไม่เกี่ยว”

“พระเอกจังเลยนะ”  ฟังแล้วเกิดอาการคลื่นไส้อยากจะอาเจียน กวินทร์เกลียดที่อีกฝ่ายยังสวมบทเป็นคนดีในขณะที่ตนนั้นดูชั่วร้ายจนไม่อาจให้อภัย ยิ่งทำให้เห็นความแตกต่างราวฟ้ากับเหว เพราะคนเลวย่อมไม่ได้รับการรักตอบจึงพยายามทวงสิทธิ์อันโดยมิชอบผ่านการกระทำป่าเถื่อน  “ฉันจัดการกับแกแน่แต่ต้องเป็นหลังจากที่ฉันเอามะลิเสร็จแล้ว”

ประกาศกร้าวพร้อมทั้งฉีกชุดสีขาวแยกเป็นสองท่ามกลางการปัดป้องที่แสนตื่นตระหนก ร่างเล็กขัดขืนยืนกรานหนักแน่นว่ารังเกียจเดียจฉันท์ ทำตัวน่าขัดใจร้องไห้สะอึกสะอื้นจนน่ารำคาญในขณะที่คนใจคอโหดเหี้ยมดึงดันจะบังคับขืนใจ แต่ก่อนจะบรรลุเป้าหมายกลับไหวตัวทัน รีบใช้ปลายปืนดันคางมนถ้าอดีตสหายยังคิดจะเดินเข้ามาใกล้อีกหนเดียวเกรงว่าคงจะมีการเหนียวไกกันเกิดขึ้น

คนสามคนยืนมองหน้ากันไปมา มะลิที่กำลังแหงนหน้าเพราะถูกจิกผมสบตาที่แดงก่ำแอบชุ่มน้ำของหรัญญ์แล้วส่ายหน้าบอกว่าไม่เป็นไร เด็กตัวเล็กหอบจิตใจที่แข็งแกร่งเอาไว้ จนผู้ใหญ่รู้สึกละอายใจที่ไม่ได้ทุ่มสุดกำลังเพื่อปกป้องคนรักอย่างแท้จริง

จากคนที่เคยหยิ่งในศักดิ์ศรีบัดนี้เหลือเพียงผู้ชายที่ทำได้ทุกอย่างเพื่อแลกกับชีวิตและอิสรภาพของคนรัก  “ฉันขอร้องล่ะจะให้ฉันทำอะไรก็ได้ แต่อย่าทำอะไรมะลิอีก แค่นี้แกยังทำลายชีวิตหลานตัวเองไม่พออีกหรือไง ต้องทำกันถึงขนาดไหนมันถึงจะสาแก่ใจแก”

“ลองคุกเข่าดูสิเผื่อฉันจะเห็นใจ”  ในเมื่อขอมาก็เลยลองยื่นขอเสนอให้ เห็นจองหองดีนักอยากรู้จังว่าถ้าถูกสั่งให้คลานมากราบจะทำสีหน้าอย่างไร  “เห็นเท้าฉันไหมเพื่อน”

“อย่า”  ร่างเล็กห้ามเสียงสั่น ยิ่งพอเห็นหรัญญ์ทำท่าจะเดินเข่าเข้ามาใกล้ก็ยิ่งดิ้นรนให้หลุดพ้นจากการเกาะกุมที่เริ่มหละหลวมก่อนจะรีบทรุดลงกราบกรานอย่างไม่ห่วงศักดิ์ศรี ลดตัวลงไหว้แทบเท้าเจ้าชีวิต  “หนูขอโทษ…”  เด็กน้อยพนมมือขอความเมตตาทั้งสภาพน่าสงสาร

“หนูขอโทษ”  มะลิพร่ำคำเดิมซ้ำ ๆ จนกวินทร์ยืนน้ำลายท่วมปาก สะเทือนใจอย่างแรงจนกระทั่งแสร้งทำเป็นไม่รู้สึกรู้สาไม่ไหว เหมือนมีปลายหอกปักเข้าที่อกซ้ายอย่างจัง ภาพความหลังที่ตัวเองทำระยำตำบอนกับหลานไว้ลอยมาเป็นฉาก ๆ   

เด็กคนหนึ่งถูกทำร้ายจนบอบช้ำแต่กลับต้องมานั่งยกมือไหว้ขอโทษคนที่ทำร้ายงก ๆ แล้วค่อยคลานกลับเข้าสู่อ้อมอกและกางแขนปกป้องคนที่รัก ทำเอาคนมองตามหลั่งน้ำตา 

ขอโทษที่เป็นสาเหตุของความบาดหมาง ขอโทษที่รักใครได้แค่คนเดียว

กวินทร์เหลียวหันหลังกลับไปเช็ดน้ำตาที่ไหลผิดเวล่ำเวลาและยืนสงบสติอารมณ์ด้วยท่าทีอ่อนลงอย่างสัมผัสได้ ไม่ได้ออกอาละวาดแม้จะถูกปฏิเสธความรักอย่างไร้เยื่อใย

ส่วนหรัญญ์กับมะลิก็ต่างฝ่ายต่างประคองกันลุกขึ้นแล้วยืนกอดกันกลม มือเล็กเอื้อมแตะแขนเสื้อที่อมน้ำสีแดงไว้จนชุ่ม ลูบแขนที่บาดเจ็บจากการถูกยิงอย่างทะนุถนอม

สถานการณ์บานปลายกระเตื้องขึ้นในทิศทางที่ดี หนทางแห่งสันติรอคอยทุกคนอยู่ไม่ไกล อาจจะเป็นตอนจบที่สุดท้ายแล้วไม่ต้องเสียใครไปสักคนเลยก็ได้ ขึ้นอยู่กับว่าคนยืนหนังให้จะยอมรับความพ่ายแพ้ได้มากน้อยแค่ไหน โดยที่อีกสองคนที่เหลือก็พร้อมจะให้อภัยและให้โอกาสกลับตัว เพราะรู้ดีว่าไม่มีใครดีสุดขั้วชั่วสุดขีด หากกวินทร์ต้องการก็แค่เอ่ยปากมา

ซึ่งความจริงแล้วตัวกวินทร์เองก็ยังไม่รู้เลยว่าจะเอาอย่างไร เพียงทำแค่ยืนร้องไห้ออกเสียงเพื่อระบายความอัดอั้น กัดฟันจนแทบแหลก ทนแบกรับความเสียใจและน้ำหนักตัวเองแทบไม่อยู่ รู้สึกไร้กำลังทั้งแขนและขา อยากจะตาย ๆ ไปซะ 

แต่พอลองทบทวนอีกทีนั่นก็ไม่ใช่สิ่งที่คาดหวังมาตลอด สุดท้ายแล้วคนอ่อนแอจึงไม่ต่างอะไรกับเตาปฏิกรณ์ขนาดพกพาที่กำลังรอเวลาหลอมใหม่และในไม่ช้าก็จะเดือดอีกรอบ

กวินทร์ยืนเหยียดหลังตรงยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาลวก ๆ ยืนสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เหมือนต้องการจะถ่วงเวลา เงยมองท้องฟ้านัยน์ตาเหม่อลอย แต่ก็ยังรับรู้ได้ถึงความเคลื่อนไหว แม้ไม่ได้มองแต่ก็พอจินตนาการถึงกิริยาของทั้งสองคนด้านหลังออกและเห็นภาพชัดเจน

ก็คงจะพะเน้าพะนอคลอเคลียกันด้วยความเป็นห่วงเป็นใย ถามไถ่ทุกข์สุขเสียงอ่อนเสียงหวานและความอิจฉาก็เป็นบ่อเกิดของความรู้สึกเหมือนถูกกีดกัน เป็นส่วนเกินที่โดนคัดออก สองยังไงก็ต้องดีกว่าสาม ความรู้สึกราวกับหมาหัวเน่ากลายเป็นแรงผลักดันที่ทำให้เลือกตัดสินใจผิดพลาด หันกลับมาพร้อมกดลั่นไก  “มึง!” 

หรัญญ์รีบผลักมะลิออกห่างจากวิถีกระสุน แม้จะเก่งบุ๋นมากกว่าบู๊แต่ก็เลือกสู้ไม่ถอย หลังจากปัดปืนออกจากมืออดีตสหายก็ต่อยเข้าที่ใบหน้า เสียงหมัดกระทบกรามยังไม่ดังเท่าเสียงที่คำรามอย่างเจ็บปวด กวินทร์รีบป้วนน้ำลายปนเลือดทิ้งกับพื้นและเลิกยืนเฉย แล้วก็ลงเอยที่การแลกหมัดต่อหมัด ซัดกันไปคนละทีสองทีโดยมีรอยช้ำบนหน้าเป็นตัวบอกคะแนน

ซึ่งเท่าที่นับได้หรัญญ์เป็นฝ่ายมีคะแนนนำและกวินทร์ก็พยายามจี้ตามมาติด ๆ ต่างคนต่างงัดทักษะการต่อสู้แบบประชิดมาใช้และไม่ว่าใครก็ต้องมีตอนที่เพลี่ยงพล้ำ สภาพทั้งคู่ถึงได้ดูเละเทะและสะบักสะบอม มอมแมมไปด้วยคราบดินและเลือดสด ๆ เพราะไอ้ความที่ไม่มีใครยอมใคร ปากแผลบนใบหน้าถึงได้เปิด เกิดเป็นความน่าสยดสยอง ชวนให้คนยืนมองอยู่นอกสังเวียนมวยใจคอไม่ดี 

งานต่อยตีอาจจะไม่ใช่แนวที่ถนัดแต่ถ้างานกวนประสาทสำหรับกวินทร์เรียกว่าอัจฉริยะ ตอนที่อดีตเพื่อนคว้าคอเสื้อเพื่อจะชกก็ชิงลงมือพ่นเลือดใส่หน้าแล้วตามด้วยการหัวเราะสะใจ

สุดท้ายพ่อพระก็มีน้ำโหเหมือนกับคนอื่นเขา กวินทร์ยอมเป็นเป้าให้ซ้อมเพื่อแลกกับการเห็นสีหน้าอาฆาตมาดร้าย ยิ้มชอบใจตอนหรัญญ์ตะบันหน้าอีกครั้งอย่างใส่อารมณ์

“สุดท้ายแกกับฉันก็เลวไม่ต่างกันจริงด้วย เพราะอย่างนี้เราถึงเป็นเพื่อนกันได้สินะ”

ยวนยุเพราะรู้ว่าอีกฝ่ายจะดิ้นตาม จับจุดได้อย่างแม่นยำ แต่ผ่านไปสักพักก็เริ่มขำไม่ออก กวินทร์โดนต่อยจนลงไปนอนกองพื้นก่อนคนยืนค้ำหัวจะขึ้นคร่อมแล้วประเคนหมัดไม่ยอมหยุด หรัญญ์น็อตหลุดจนกลายเป็นคนที่ทำอะไรสุดโต่ง คนคิ้วบากปากแตกยกตนเป็นศาลเตี้ยเพื่อพิพากษาคนกระทำผิด ลืมตัวถึงขั้นเกือบปลิดชีวิตที่อีกนิดเดียวก็จะไปเที่ยวนรกแต่ยังคงยิ้มออกได้อย่างหน้าชื่นตาบาน ทั้งที่เจ็บขนาดนอนสำลักเลือดตัวเองก็ส่งสายตาท้าทาย

หรัญญ์อยู่ในท่าง้างหมัดตอนกวินทร์ส่งยิ้มเย้ยหยันให้จนเห็นว่ามีเลือดออกตามไรฟัน กลิ่นคาวแผ่สะพัด ความสังเวชใจเข้ามาแทนที่อารมณ์โกรธในทันที คนที่ไม่มีเจตนาจะทำให้อีกฝ่ายถึงแก่ความตายหอบหายใจไหล่เขยื้อนเนื่องจากก่อนหน้านี้ใช้พลังงานมากไป พอได้หยุดพัก สติสตางค์จึงค่อย ๆ กลับคืนร่าง ใช้แขนเช็ดเลือดที่กำลังไหลเข้าตาออกเพื่อทำให้วิสัยทัศน์ในการมองเห็นกลับมาชัดเจนและเป็นฝ่ายล่าถอย

“เสียอย่างเดียวที่แกมันเป็นพวกใจอ่อน”  กวินทร์พูดขึ้นมาลอย ๆ พลอยให้ติดใจสงสัย

สำหรับหรัญญ์ที่ยังหลงเหลือสามัญสำนึกคงไม่เคยคิดถึงคำว่าฆ่าล้างโคตร แต่กับอีกคนที่ต้องการให้อีกฝ่ายถูกดินกลบหน้า ได้แอบชำเลืองหางตามองกระบอกปืนที่ตกอยู่ไม่ไกล

ทั้งที่แทบเอาตัวเองไม่รอดใกล้ได้นอนกอดโลงเข้าไปทุกทีแต่ก็ยังไม่เลิกล้มความคิดที่ชั่วช้า ยังคงหมายปองตามจองล้างจองผลาญจนกว่าจะหมดลมหายใจ ในระหว่างที่หรัญญ์เบี่ยงตัวออกด้านข้างเผลอหันหลังให้ กวินทร์ใช้ช่วงนั้นปฏิบัติการเหยียดแขนอย่างเงียบเชียบและเตรียมยกแขนจะใช้อาวุธที่กำไว้แน่นกำจัดศัตรู แต่อยู่ ๆ ปืนก็ตกจากมือที่แบออกและแน่นิ่งไป คนที่เกือบถูกลอบทำร้ายรีบหันมองเพราะได้ยินเหมือนเสียงของหนักกระทบกับของแข็ง

มะลิกำลังใช้หินทุบบริเวณศีรษะและใบหน้าของกวินทร์อย่างแรงจนเป็นเหตุให้สิ้นใจคาที่ ไม่มีโอกาสได้ล่ำลาหรือว่าร้องสักแอ๊ะเดียวและร่างเล็กก็ยังคงใช้หินทุบอยู่อย่างนั้นด้วยความเกรียวกราด จนยากจะพิสูจน์รูปพรรณสัณฐานของผู้ตายได้เนื่องจากใบหน้าเกิดความสูญเสียกว่าเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ ใครมาเห็นเข้าคงทานข้าวไม่ลง 

ร่างเล็กยกก้อนหินเหนือหัวก่อนจะทุ่มลงอีกครั้งและอีกครั้งจนเกิดเสียงดังสะท้อน เลือดกระเซ็นโดนหน้าฆาตกรวัยเยาว์ที่ปล่อยให้ความเคียดแค้นเข้าครอบงำและไม่ฟังเสียงห้ามปราบใด ๆ หรัญญ์ที่พยายามยื้อแย่งก้อนหินไปก็ไม่สามารถต้านทานแรงอาฆาตพยาบาท     

จนต้องหันมาใช้ไม้อ่อน สวมกอดแล้วเรียกชื่อให้ได้สติ 

“มะลิ... นี่ฉันเอง”  เรียกร้องความสนใจจากเด็กน้อยที่ถือก้อนหินไม่ปล่อย ยังคอยใช้น้ำเสียงอ่อนโยนเรียกหวังเพียงมะลิจะได้ยินและหันกลับมา

ขอบคุณปาฏิหาริย์ที่ทำให้เสียงของหรัญญ์ส่งไปถึงจิตวิญญาณที่ใกล้ดับสูญ ร่างเล็กหยุดเคลื่อนไหวนัยน์ตานั้นยังว่างเปล่าขณะมองมือที่ทำท่าแบออกราวกับจะขอก้อนหินคืน มือเล็กค่อย ๆ ลดลงจากที่สูงแล้วยื่นให้คนที่ขออย่างเชื่องช้า ก่อนน้ำตาจะรินไหลมองคราบเลือดในมือด้วยอาการสั่นเทา หลังจากที่โยนหินทิ้งไปหรัญญ์จึงเอามือที่เปื้อนมาเช็ดกับเสื้อตัวเอง

ร่างเล็กโผเข้ากอดผู้ใหญ่ที่เต็มใจจะเป็นเสาหลัก หรัญญ์มองซากศพของอดีตเพื่อนด้วยความรู้สึกหลากหลาย แล้วกลับมาสนใจคนเป็นที่น่าเป็นห่วงเป็นคนตายมากนัก รีบลูบแผ่นหลังของมะลิที่ร้องไห้จนสำลัก นั่งเช็ดหน้าเช็ดตาให้มองหาบาดแผลตามร่างกายที่เด็กน้อยอาจจะได้มาโดยไม่รู้ตัว หอมหัวกลมและจับผมทัดหูให้  “ไม่เป็นไร มันจบแล้ว”

มือใหญ่รีบรั้งดวงหน้าที่ทำท่าจะหันไปมองร่างไร้วิญญาณให้กลับมามองหน้าตัวเอง  “ฉันเอง ฉันเป็นคนทำไม่ใช่เธอ”  ออกรับแทนอย่างใจดีและไม่มีทีท่าว่าจะขับไล่ไสส่ง

กลับกันคือกอดร่างเล็กจนจมอก ยกยอปอปั้นว่าเก่งมากที่อดทน

คืนเดือนมืดกำลังจะผ่านพ้นไปแล้ว 













---------------------------------------
✘ ✘ ✘  อัพตอน9แล้ว เดี๋ยวตอน10จะมาในอีกชั่วโมงกว่าๆนะคะ พอดีว่าเหตุการณ์มันต่อกันเลยจะอัพวันนี้ทีเดียวเลย จะจบแล้วแอบใจหายมากเลย แล้วก็ต้องขอบคุณสำหรับความเอ็นดูนะคะ ตอนนี้ตุ๊กติ๊กสั่งทำปกเหมายันไปแล้ว ส่วนเรื่องการเปิดจองอาจจะแจ้งในเพจอีกที แล้วก็หลังจากลงตอนที่10(ตอนจบ)จะมีให้เล่นเกมชิงหนังสือด้วยนะคะ อ่านตอนนี้แล้วรู้สึกยังไงคอมเม้นทิ้งไว้หรือเขียนถึงเหมายันในทวิตได้เลยค่ะ ตุ๊กติ๊กตามอ่านอยู่
ปล. ยังสามารถทำแบบสอบถามรวมเล่มได้ค่า  https://goo.gl/forms/7mtN6uUfeoQaS2ii2
แล้วก็สามารถติดตามข่าวสารได้ที่เพจเลยค่ะ ---> 9crimes - นายคราม FANPAGE  (https://www.facebook.com/pg/9crimess/posts/?ref=page_internal)
หัวข้อ: Re: ———— เหมายัน ———— (๐๙) ๑๗.๑๐.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 17-10-2017 22:50:40
ดูท่าจะยอมรับโทษทางกฏหมายแทนมะลิหรือเปล่า แต่ที่จริงมะลิยังเด็กแถมเป็นคนได้รับผลกระทบจากการกระทำของผู้ใหญ่ทำให้เป็นแบบนี้การพิจารณาโทษน่าจะแตกต่างจากโทษของคนธรรมดา หรือเปล่า
ถ้าถูกจับแล้วมะลิจะไปอยู่กับใคร
รอตอนจบค่ะ
หัวข้อ: Re: ———— เหมายัน ———— (๐๙) ๑๗.๑๐.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: manami1155 ที่ 17-10-2017 23:17:20
ฮือออออิ
เปนตอนที่อ่านแล้วเครียดมากก
หายใจไม่ทั่วท้องเลยค่ะ
ตั้งแต่ตอนวิ่งหนี ตอนถูกยิ่ง ตอยต่อนกัน
จนมาถึงตอนมะลิทุบ ฮืออออออ
เครียดสุดๆ

สงสารป้านิ่มด้วย
หมดป้าไปคนแล้วใครจะช่วยดูมะลิ

พี่หรัญญ์มารับสมอ้างแทนมะลิแบบนี้
ถ้าโดนจับติดคุกไปจริงน้องจะอยุ่ยังงัย

รอตอนต่อไปอย่างใจจดใจจ่อ
ขอให้ฟ้ามีตา เหนแก่ที่เดกน้อยๆถูกกระทำด้วยเถอะ
หัวข้อ: Re: ———— เหมายัน ———— (๐๙) ๑๗.๑๐.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: กระเหี้ยนกระหือรือ ที่ 18-10-2017 00:48:02
ปัจฉิมบท



ปลายจอบปักลงดินหลายต่อหลายครั้งจนเกิดหลุมกว้างมากพอจะหย่อนร่างไร้วิญญาณแรกลงไปแล้วตามด้วยการไถดินกลบ หรัญญ์เริ่มขุดหลุมเพื่อศพที่สองด้วยตัวเองและเหลือบมองเด็กน้อยที่นั่งคอยห่างออกไปด้วยความเป็นห่วงอยู่เป็นระยะ ๆ

มะลิยังอยู่ในห่วงอารมณ์เศร้าสลด ดีว่าได้ดอกไม้สีสดในมือช่วยเอาไว้บ้าง ร่างเล็กเก็บได้จากข้างทางเมื่อครั้งเดินตามผู้ใหญ่กลับไปที่บ้านเพื่อนำร่างหญิงวัยกลางคนมาประกอบพิธีทางศาสนา เรียกให้หรูหราไปอย่างนั้น เพราะความจริงก็มีแค่การฝังลงดินอย่างเรียบง่ายพร้อมกับการสวมภาวนาขอให้ผู้ตายทั้งสองไปสู่สุคติ อย่าได้มีเรื่องติดค้างในใจ ไปสู่ภพภูมิที่ดี

ขาเล็กยืดขึ้นลุกยืนอย่างช้า ๆ แล้วก้าวเข้ามาใกล้อีกคนที่เพิ่งขนย้ายร่างอดีตสหายลงหลุมและนั่งยอง ๆ มองด้วยความรู้สึกใจหายเพราะสายสัมพันธ์ของเพื่อนขึ้นชื่อเรื่องความเหนียวแน่นตัดยังไงก็ไม่ขาด ก่อนหรัญญ์จะแหงนหน้ามองเด็กน้อยที่ค่อย ๆ คุกเข่ากับพื้นแล้วยื่นดอกไม้วางเหนือร่างกวินทร์และช่วยผลักดินลงหลุมทีละนิดทีละหน่อย

หรัญญ์ปล่อยให้มะลิได้ทำเพราะเชื่อว่าสายใยแห่งครอบครัวคงตัดขาดได้ลำบากยิ่งกว่า แล้วค่อยเข้าช่วยอีกแรงแต่งเติมกองดินที่พะเนินสูงกว่าปกติให้เรียบร้อย

ก่อนจะจากไปไม่มีวันกลับมาเหยียบที่นี่หนุ่มใหญ่ขออโหสิกรรมกับคนตายในใจในขณะที่ร่างเล็กก้มลงจุมพิตดินแผ่วเบาและนั่งเฝ้าหลุมศพเป็นพักจนฟ้าใกล้สาง   

หรัญญ์เงยหน้ามองท้องฟ้าที่เริ่มปรากฏแสงสว่างอยู่ร่ำไร แล้วตัดสินใจชวนร่างเล็กออกเดินทาง ไปให้ห่างจากความหลังฝังอดีตอันแสนขมขื่นไว้ที่นี่ เลือกหนีแม้ว่าฝันร้ายอาจจะตามไปหลอกหลอนในอนาคต เลือกที่จะกลายเป็นบุคคลสาบสูญเพื่อยุติความวุ่นวาย

เลือกที่จะไม่ใช้ชื่อหรัญญ์อีกและจะพาเด็กน้อยโบยบินไปอีกซีกโลก 

เลือกหนีโทษทัณฑ์ทางกฎหมายแม้รู้ว่าสุดท้ายแล้วอาจจะหนีไม่พ้น

“ไปเถอะ”  ส่งมือให้จับ ยืนรอร่างเล็กซับน้ำตาไม่บ่นสักคำ 

มะลิเดินตามจากชักนำกระชับมือใหญ่ไว้มั่นและแอบหันกลับหลังมามองกองดินอย่างอาลัยรัก

พื้นที่ตรงนั้นรกร้างว่างเปล่า เงียบเหงาสุดจะบรรยาย ร่างเล็กยกมือโบกไปมาล่ำลาอีกครั้ง ก่อนเงาที่เดินเคียงข้างกันจะค่อย ๆ จางหายไปจากป่า โดยมีพระอาทิตย์ไต่ระดับขึ้นสู่น่านฟ้าเป็นฉากหลัง ที่สุดแล้ว …ยามเช้าก็มาถึงสักที








แด่อิสรภาพที่แลกมาด้วยน้ำตา
แด่ชัยชนะที่แลกมาด้วยชีวิต






จบบริบูรณ์














---------------------------------------
✘ ✘ ✘  มีแต่คนกลัวว่าพี่หรัญญ์จะติดคุก ไม่หรอก คนแต่งทำใจไม่ได้ ถ้าแต่งให้จบแบบนั้นคนแต่งต้องตายแน่ๆ ต้องบอกว่าจบอย่างเป็นทางการแล้วนะคะ รู้สึกเหมือนเป็นป้านิ่มที่เพิ่งส่งน้องถึงฝั่งซะเอง ตุ๊กติ๊กไม่มีอะไรจะพูดมากนักเพราะเชื่อว่าได้บอกทุกอย่างไปในนิยายหมดแล้ว ตอนนี้มีแค่ความใจหายกับความว่างเปล่าค่ะ อ่อ ความเศร้าด้วย
ไม่รู้ว่าผลงานชิ้นนี้พอจะเรียกว่าเป็นวรรณกรรมได้ไหม จะเป็นที่จำจดของคนอ่านหรือเปล่า แต่ตุ๊กติ๊กก็ทุ่มเทเท่าที่จะไหว แล้วก็รู้สึกว่ามันสวยงามในความทรงจำมากๆเลยแหละ แล้วตัวตุ๊กติ๊กเองก็คงจะจดจำไปอีกนานเลย
ขอบคุณทุกๆคนมากนะคะที่ติดตามอ่านตั้งแต่ต้นจนจบ ขอบคุณทุกคอมเม้น ทุกคะแนนโหวต ทุกการกดติดตาม หรือแม้แต่การทวิตถึงในทวิตเตอร์ ทุกอย่างทำให้ตุ๊กติ๊กมีกำลังใจมาจนถึงวันนี้ มีแรงเขียนมากมายขนาดนี้
ขอบคุณอีกครั้งนะคะ แล้วก็หวังว่าจะติดตามผลงานกันไปเรื่อยๆเนอะ
แล้วก็เดี๋ยวมีเล่นเกมชิงหนังสือกัน แจก4รางวัล กติกาง่ายๆติดตามได้ที่เพจเลย
ใครอยากแสดงความคิดเห็นจะติดแท็ก #เหมายัน หรือคอมเม้นไว้ได้เลยนะคะ ตุ๊กติ๊กตามอ่านแล้วเอาไปพัฒนาในอนาคตค่ะ ลาก่อนในเรื่องนี้แล้วเจอกันใหม่ในเรื่องหน้าค่า
ปล. ยังสามารถทำแบบสอบถามรวมเล่มได้ค่า  https://goo.gl/forms/7mtN6uUfeoQaS2ii2
แล้วก็สามารถติดตามข่าวสารได้ที่เพจเลยค่ะ ---> 9crimes - นายคราม FANPAGE  (https://www.facebook.com/pg/9crimess/posts/?ref=page_internal)
หัวข้อ: Re: ———— เหมายัน ———— (ปัจฉิมบท) ๑๘.๑๐.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: manami1155 ที่ 18-10-2017 01:00:42
ขอให้พบเจอแต่สิ่งดีๆนะพี่หรัญญ์มะลิ
คนทางนี้จะเอาใจช่วยอยู่น้า

เปนตอนจบที่ดีกว่าที่คาดไว้มากเลยค่ะ
หวังว่าในตอนพิเศษจะได้เหนชีวิตใหม่ที่สดใสของทั้งสองคนบ้างนะคะ

ขอบคุณนักเขียนมากกกกกกก
เรื่องนี้เรายกให้เปนเรื่องในดวงใจเลยค่ะ
ทั้งภาษา ทั้งพล็อตเรื่อง เสียดายที่จบไวไปนิด
ยังงัยก้จะรออ่านตอนพิเศษ แล้วก้อุดหนุนเล่มนะคะ
แล้วพบกันใหม่ในเรื่องหน้าด้วยจ้า
หัวข้อ: Re: ———— เหมายัน ———— (ปัจฉิมบท) ๑๘.๑๐.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: graciej ที่ 18-10-2017 01:27:25
เป็นนิยายที่ดำเนินเรื่องอย่างรวดเร็วและจบแบบไม่ทันตั้งตัว หน่วงมากแต่ก็เป็นข้อดีที่ดำเนินเรื่องเร็วทำให้หน่วงไม่นาน
รอติดตามตอนพิเศษนะคะ
หัวข้อ: Re: ———— เหมายัน ———— (ปัจฉิมบท) ๑๘.๑๐.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 18-10-2017 01:41:54
จบดีกว่าที่คิดไว้อีกค่ะ ขอให้มะลิได้มีความสุขสักที  :L2:
ปล.ตรงทอล์คยังเป็นชื่อพี่ชานกับป้าเยมีอยู่นะคะ
หัวข้อ: Re: ———— เหมายัน ———— (ปัจฉิมบท) ๑๘.๑๐.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: popeyez ที่ 18-10-2017 09:35:19
สงสารทุกคน แต่ในที่สุดมันก็คือวงวานของเวรกรรม
หัวข้อ: Re: ———— เหมายัน ———— (ปัจฉิมบท) ๑๘.๑๐.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 18-10-2017 10:08:07
ขอบคุณค่ะ อย่างน้อยมะลิกับหรัญญ์ก็ได้อยู่ด้วยกัน
ปล. อยากอ่านตอนพิเศษหลังจากเขาหนีไปอยู่ด้วยกัน ตัดอารมณ์หม่นสักหน่อยจะดีมากค่ะ 
หัวข้อ: Re: ———— เหมายัน ———— (ปัจฉิมบท) ๑๘.๑๐.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 18-10-2017 12:02:07
ขอให้อยู่รอดปลอดภัย หลีกฐานจากอดีตอย่าได้ตามทันเลย
หัวข้อ: Re: ———— เหมายัน ———— (ปัจฉิมบท) ๑๘.๑๐.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: Raccool ที่ 18-10-2017 16:12:42
สารภาพว่าอ่านดองไว้ตั้งแต่ตอนที่5เพราะกลัวตอนจบค่ะ555
แต่พอจบแล้วเลยมาตามอ่านรวดเดียว
เป็นเรื่องที่ดีตั้งแต่รากถึงปลาย ตั้งแต่ภาษา สำนวน การเปรียบเปรย ไปจนถึงเส้นเรื่อง
เป็นเรื่องที่แต่ละตอนต้องมีประโยคทำให้เราจุกจนน้ำตาคลอ
อ่านไปน้ำตาคลอไปทุกตอนเลยจนกระทั่งตอนจบ
ดีจนไม่รู้จะบรรยายยังไง ทุกประโยคสละสลวยจนตื้นตัน
นึกทึ่งในความงามของภาษา ตระหนักถึงคุณค่าของตัวอักษรมากขึ้น
ชอบในการเปรียบเปรยของเรื่องนี้มากค่ะ เราอ่านแล้วร้องโอ๊ยในใจไปตลอดทางเลย
เป็นอย่างนั้นเลยจริงๆ ค่ะ :hao5:
ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆนะคะ
หัวข้อ: Re: ———— เหมายัน ———— (ปัจฉิมบท) ๑๘.๑๐.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: fahsai ที่ 18-10-2017 23:00:37
ขอให้น้องมะลิ พบกับความสุขที่แท้จริงสักที
หัวข้อ: Re: ———— เหมายัน ———— (ปัจฉิมบท) ๑๘.๑๐.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: kachettt ที่ 20-10-2017 13:25:41
สนุกมากเลย
หัวข้อ: Re: ———— เหมายัน ———— (ปัจฉิมบท) ๑๘.๑๐.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: กาลครั้งหนึ่ง. ที่ 20-10-2017 21:35:49
ขอสารภาพว่าแวบแรกอ่านว่าเหมา ยันค่ะ 5555 น่าอายจริงๆ เรื่องนี้สุดยอดมากๆสำหรับการใช้ภาษา
ทึ่งมากกับบทบรรยายเห็นภาพและรู้สึกตามได้เลย โดยเฉพาะคำโปรยตอนแรกอ่านแล้วแบบว้าว ทรงพลังมากๆ
ขอบคุณคนแต่งมากๆที่รังสรรค์ผลงานีๆ อวยหนัก  :กอด1: นิยายดีๆมักถูกมองข้าม เป็นกำลังใจให้จ้า
มะลิน้องน่ารักดีค่ะ ไม่น่าเชื่อว่าจะเจอเรื่องโหดร้าย คนอ่านก็เกือบคุกนะคะ  :hao7:
ขอติดตามผลงานอื่นๆต่อค่ะ
หัวข้อ: Re: ———— เหมายัน ———— (ปัจฉิมบท) ๑๘.๑๐.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: didididia ที่ 21-10-2017 15:41:03
ขอบคุณสำหรับนิยายดีดีนะคะ ชอบมากจริงๆ :pig4:

หัวข้อ: Re: ———— เหมายัน ———— (ปัจฉิมบท) ๑๘.๑๐.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: charapin ที่ 22-10-2017 23:57:28
ใจจะขาดมากกกกกกกกค่ะ คืออ่านไปก็ลุ้นไปมาก พล็อตดีอ่ะ เราชอบมากเลย o13   ปกติรักต้องห้ามก็จะไม่บีบมากขนาดนี้  :monkeysad: 
แต่นี่คือแบบลุ้นอ่ะ มันไม่ยาวยืดเยื้อดีด้วย

 ฉากหินทุบหัว อ่านแล้วแบบโคตรโหด  :mew5:แต่เราว่ามันให้ความรู้สึกเหมือนฉากหนึ่งในหนังอ่ะ แบบก็ต้องการช่วยคนรักอ่ะ และความแค้นทั้งหมดมันอัดแนนจนระเบิดแล้ว

 และที่ชอบมากคือฉากเลิฟซีน  :m25: :m25: 555555 คือ มันอ่านแล้วรู้สึกอีโรติกอ่ะ แล้วก็เขินไปพร้อมๆกันด้วย

แต่สรุปแล้วคือ ชอบค่ะ ชอบทั้งหมดเลย o13
หัวข้อ: Re: ———— เหมายัน ———— (ปัจฉิมบท) ๑๘.๑๐.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: express_men ที่ 24-10-2017 02:15:49
มีความเป็นเอกลักษณ์ด้านภาษา โดยเฉพาะอุปมาโวหารที่ลื่นไหลเห็นภาพลักษณ์อย่างละมุน บ้างก็รุนแรง ตามบาทบทที่ปรากฎ ขอชื่นชมเนื้อเรื่อง การร้อยเรียง และภาษาครับ
หัวข้อ: Re: ———— เหมายัน ———— (ปัจฉิมบท) ๑๘.๑๐.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: ▲TEACHCHY▼ ที่ 24-10-2017 14:53:01
ในที่สุดเราก็อ่านจบค่ะ เย้
เพราะอ่านรีวิวมาก่อนเลยทำให้อ่านจบ1ตอนทีหายใจเข้าที
แอบกลัวนิดๆแต่ความอยากอ่านมากก็ชนะ555

ปฉิมบท เหมือนที่หริญบอกวันข้างหน้าอาจจะหนีโทษไม่พ้น
แต่ปัจจุบันคือช่วยประคองชีวิตน้อยๆที่น่าสงสารนี้ก่อน
เป็นเรื่องที่เราไม่อยากคาดเดาตอนจบเลย
แต่คนเขียนบอกว่าคิดว่ามันดีในแบบคนเขียน
พออ่านจบก็รู้สึกว่ามันดีจริงๆ

ฉากncไม่ได้บรรยายแบบสละสลวยชวนฝันแต่มันเหมาะมากเลย
จริงๆดีทั้งเรื่องเลยชอบการเปรียบเทียบที่บางทีมีความจิกกัด
ไม่เคยอ่านงานแบบนี้แต่ประทับใจมากเลย
ขอส่งกำลังใจเล็กๆ
หัวข้อ: Re: ———— เหมายัน ———— (ปัจฉิมบท) ๑๘.๑๐.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: Mayniemo ที่ 26-10-2017 15:47:21
เข้ามาอ่านเพราะชื่อเรื่องแปลกดี ตอนแรกอ่านเหมา ยัน ค่ะ5555
จบแบบหน่วงๆสำหรับเราแต่คงเป็นอย่างงี้แหละ
สงสารป้าแม่บ้านโถ่  :z3:
หัวข้อ: Re: ———— เหมายัน ———— (ปัจฉิมบท) ๑๘.๑๐.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: mxb ที่ 26-10-2017 19:54:51
ตามมาตั้งแต่ยังเป็นชานแบค จนกลายมาเป็นน้องมะลิกับพี่หรัญญ์
ตั้งแต่ต้นจนจบมีครบทุกรสเลย สนุกมากก
ชอบเวลาน้องอ้อนพี่จังเลย กลิ่นไอความรักอบอวลไปหมด
อยากเห็นน้องหนูขี้อ้อนกับสามีเขาตอนโตจังเลยย
รอรวมเล่มนะคะ เห็นรูปน้าปกแล้วอยากขังน้องมะลิไว้กับตัวเองเลย :hao7: /ถือค้อนเตรียมทุบกระปุกหมู
หัวข้อ: Re: ———— เหมายัน ———— (ปัจฉิมบท) ๑๘.๑๐.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: Fufufeel ที่ 27-10-2017 22:57:13
เราตามมาจากรีวิวในทวิต อ่านไปแล้วชอบมากเลยค่ะ ติดใจภาษาเรื่องนี้มากเลย ภาษาส๊วยสวย เราขอให้ทั้งคู่มีชีวิตที่ดีน้า มะลิเจอเรื่องร้ายๆมาเยอะแล้ว อยากให้น้องมีความสุขบ้าง เราเอ็นดูน้องมาเลย ฮือออ แทนตัวเองเป็นแม่5 :katai2-1:555 ขอบคุณนักเขียนที่แต่งเนื้อเรื่องดีๆมาให้อ่านกันนะคะ :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ———— เหมายัน ———— (ปัจฉิมบท) ๑๘.๑๐.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: psyche ที่ 27-10-2017 23:23:57
อ่านไปก็ฮึบๆ ต้องอ่านให้จบ หน่วง สงสาร  ภาษา บรรยายดีมากค่ะ
แต่จริงๆ เราว่าถ้าสู้ด้วยกฏหมาย พระ นาย รอดนะ ไม่ต้องหนีเลย
มะลิ จะมีชีวิต ไม่ต้องหลบๆ ซ่อนๆ  แต่จบแบบไหนเราก็ชอบค่ะ 555
หัวข้อ: Re: ———— เหมายัน ———— (ปัจฉิมบท) ๑๘.๑๐.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: chaoyui ที่ 01-11-2017 00:47:26
ใช้ภาษาบรรยายได้ดีมากเลยค่ะ คำสละสลวยมากเลย

แต่คิดไม่ถึงว่ามะลิจะเป็นคนที่จบเรื่องทั้งหมดด้วยมือของตัวเอง คงเป็นตราบาปอยู่ในใจไปตลอด ได้แต่หวังให้ทั้งคู่ใช้ชีวิตด้วยกันอย่างมีความสุขไปนานแสนนาน
หัวข้อ: Re: ———— เหมายัน ———— (ปัจฉิมบท) ๑๘.๑๐.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: dreammed46 ที่ 03-11-2017 17:44:27
ฮือออออออออ จบแล้วแล้ว อยากให้มีตอนพิเศษตอนที่น้องมะลิโตแล้วจังค่ะ เป็นนิยายที่ภาษาสวยมากกกกกกกกกกกกกกกก
สู้ๆนะคะ เป็นกำลังใจให้สำหรับเรื่องต่อๆไปค่ะ
หัวข้อ: Re: ———— เหมายัน ———— (ปัจฉิมบท) ๑๘.๑๐.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: ANIKI. ที่ 03-11-2017 21:48:43
เป็นเรื่องที่เดาตอนจบไม่ได้เลยค่ะ นั่งหน้านิ่วคิเวขมวดลุ้นตามตัวเอกไปด้วย สะท้อนความผิดบาปออกมาได้ดีมากๆเลยค่ะ ชอบมากกก ขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆนะคะ
หัวข้อ: Re: ———— เหมายัน ———— (ปัจฉิมบท) ๑๘.๑๐.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: sang som ที่ 07-11-2017 23:32:26
โอยยย ดีงามมาก ชอบ ยังกับเข้าไปอยู่ในเหตุการณ์ ภาษาสวย บรรยายดี
หัวข้อ: Re: ———— เหมายัน ———— (ปัจฉิมบท) ๑๘.๑๐.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: adoralula ที่ 17-11-2017 04:08:00
อ่านรวดเดียวจบเลยค่ะ
ชอบภาษามากๆ สละสลวยมาก เป็นอีกเรื่องที่อยากละเลียดอ่านทุกตัวอักษรพร้อมๆ ไปกับการเสพดราม่าเลย
แหะๆ
จบสวยงามในแบบที่ควรจะเป็นแล้วค่ะ
สงสารป้านิ่ม แต่ทุกคนก็มีส่วนรับในผลกรรมที่ก่อ
เอาใจช่วยมะลิกับหรัญต่อไป
ขอบคุณที่แต่งนิยายดีๆ เรื่องนี้ขึ้นมาค่ะ
 :mew3:
หัวข้อ: Re: ———— เหมายัน ———— (ปัจฉิมบท) ๑๘.๑๐.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: Timber ที่ 18-11-2017 19:07:34
 :jul1:
หัวข้อ: Re: ———— เหมายัน ———— (ปัจฉิมบท) ๑๘.๑๐.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: mint_852 ที่ 25-11-2017 19:12:29
แต่งดีมากเลยค่ะ
หม่นๆ เศร้าๆ อึมครึมมาก
หน่วงตั้งแต่เปิดยันจบ
จบแบบแฮปปี้ไหมก็ไม่เท่าไหร่
แต่สนุกมากเลยค่ะ
นำเสนอการกระทำของตัวละครได้ดีมาก
หัวข้อ: Re: ———— เหมายัน ———— (ปัจฉิมบท) ๑๘.๑๐.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: Jessiebier ที่ 02-12-2017 16:33:49
ชอบเรื่องนี้มากๆ รักมะลิที่สุด :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ———— เหมายัน ———— (ปัจฉิมบท) ๑๘.๑๐.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: choijesang ที่ 02-12-2017 19:02:31
อ่านรวดเดียวจบ ภาษาสวยงามมาก รอตอนพิเศษนะคะ
หัวข้อ: Re: ———— เหมายัน ———— (ปัจฉิมบท) ๑๘.๑๐.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: สาว801 ที่ 02-12-2017 22:51:05
เราชอบภาษาของนักเขียนนะคะ ขอบคุณมากค่าาาา :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ———— เหมายัน ———— (ปัจฉิมบท) ๑๘.๑๐.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 02-12-2017 23:08:05
ดีใจมาก  ตัดสินใจอ่าน สนุกดี เศร้าๆ จบแบบเศร้าๆ ภาษาสละสลวย บรรยายบทรักได้อิ่มใจ สงสารวินทร์ สงสารมะลิ สุดท้ายก็สิ้นตระกูล เพราะมะลิมีชีวิตแต่ไร้ตัวตน หรัญญ์เป็นตัวแปรสำคัญของเรื่อง แต่ทำไมรู้สึกเฉยๆ ว่างเปล่า ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: ———— เหมายัน ———— (ปัจฉิมบท) ๑๘.๑๐.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: pukpra ที่ 03-12-2017 00:49:56
เพิ่งได้อ่านเรื่องนี้จบ ภาษาดี เรื่องชวนติดตามมากค่ะ ชอบมากๆ เลย
หัวข้อ: Re: ———— เหมายัน ———— (ปัจฉิมบท) ๑๘.๑๐.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: Bb nale ที่ 07-12-2017 23:16:30
ถือว่าตัดจบได้ดีเลย เพราะถ้าต่อๆไปอีกอาจมีการถูกจับและอื่นๆเพราะว่ากวินทร์ก็ไม่ใช่คนไก่กาที่ไหนเป็นถึงประธาน เรื่องนี้สำนวนดีมากและแสดงถึงโศกนาฏกรรมในครอบครัวที่ผิดพลาดไม่เป็นอย่างแท้จริงเมื่อมีอะไรพลาดขึ้นมาก็มีผลกระทบไปสู่คนรุ่นต่อไปซึ่งไม่ได้ทำอะไรผิดเลย ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะ ถ้าคุณถามว่านี่นับเป็นวรรณกรรมหรือไม่ เราตอบจากใจเลยว่าใช่แน่นอน
หัวข้อ: Re: ———— เหมายัน ———— (ปัจฉิมบท) ๑๘.๑๐.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: DarkCat_BK ที่ 09-12-2017 17:03:00
ชอบมากค่ะ ภาษาดี ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆนะคะ :pig4:
หัวข้อ: Re: ———— เหมายัน ———— (ปัจฉิมบท) ๑๘.๑๐.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: jomyingg ที่ 30-12-2017 10:19:31
โอ๊ยสงสารน้องงงง ฮือออ
แต่เราก็คิดนะว่าการทำกวินทร์กับหรัญญ์ทำก็ดูจะไม่ค่อยต่างกันเท่าไหร่อะ
หัวข้อ: Re: ———— เหมายัน ———— (ปัจฉิมบท) ๑๘.๑๐.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: jomyingg ที่ 30-12-2017 15:18:45
อ่านจบแล้วค่ะ ชอบมากๆ
ชอบการบรรยายที่สุดเลยค่ะ เล่นคำ เปรียบเปรยเก่งมากเลย
ตอนจบดีกว่าที่คิดค่ะ555 นึกว่าหรัญญ์จะติดคุกซะแล้ว แต่แอบเป็นห่วงจิตใจของมะลิมากเลย ตอนที่น้องลงมือทำแบบนั้นมันน่ากลัวมาก น้องก็เหมือนเด็กเล็กๆคนนึง แล้วทำเรื่องน่ากลัวแบบนั้นฮืออออ แต่จริงๆเราไม่อยากให้กวินทร์เป็นแบบนี้เลยค่ะ รู้สึกสงสารมากๆ อยากให้เค้ากลับตัวกลับใจได้แล้วอยู่ทนทุกข์กับความผิดของตัวเองมากกว่า
สุดท้ายนี้ก็ขอบคุณนะคะ ที่แต่งนิยายดีๆแบบนี้มาให้อ่าน เลิฟฟ  :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ———— เหมายัน ———— (ปัจฉิมบท) ๑๘.๑๐.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: Raina ที่ 30-12-2017 21:05:49
จริงๆหรัญญ์ก็ไม่ได้ดีกว่ากวินทร์นะ ทั้งสองคนกระทำทางเพศกับผู้เยาว์ ต่างกันแค่มะลิเลือกหรัญญ์ เลยทำให้หรัญญ์ดูเป็นพระเอก

สำนวนการเขียนน่าติดตามมากค่ะ อ่านไปลุ้นไป
หัวข้อ: Re: ———— เหมายัน ———— (ปัจฉิมบท) ๑๘.๑๐.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: Cloudnine ที่ 31-12-2017 09:53:28
สนุกมากๆๆๆๆๆค่ะ ตอนไม่เยอะ ไม่ยืดเยื้อ กระชับ ภาษาดี
อยากได้ตอนพิเศษอีกนิด อยากรู้ว่าทั้งคู่ไปเริ่มต้นใหม่ยังไง

ขอบคุณสำหรับนิยายนะคะ
 :กอด1: :pig4: o13
หัวข้อ: Re: ———— เหมายัน ———— (ปัจฉิมบท) ๑๘.๑๐.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: เจ้าอ้วงงง ที่ 07-01-2018 15:58:24
ว้าวววววววววววววววววววววววววววววว เราชอบมาก
หัวข้อ: Re: ———— เหมายัน ———— (ปัจฉิมบท) ๑๘.๑๐.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: R.michi ที่ 09-01-2018 04:10:45
เธอเขียนดีมากๆๆๆๆๆๆๆๆ ขื่นขมเลย
หัวข้อ: Re: ———— เหมายัน ———— (ปัจฉิมบท) ๑๘.๑๐.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: JanJanIsHappy ที่ 21-01-2018 01:33:58
เปิดหน้านิยายไว้นานมากแล้ว แอบเลื่อนผ่านๆอยู่หลายรอบ จนวันนี้ทำใจอ่านได้ซักที นิยายเรื่องนี้ประทับใจเรามาก โทนสีหม่นจนหายใจลำบาก ความมืดดำของจิตใจคน ทุกอย่างมันลงตัวไปหมด
หัวข้อ: Re: ———— เหมายัน ———— (ปัจฉิมบท) ๑๘.๑๐.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: vy0Cik ที่ 04-03-2018 20:17:43
เป็นนิยายที่ตามมาอ่านเพราะเป็นแนวโชตะ บาปๆกามๆตามความต้องการ5555 แต่พอเริ่มเฉลยปมแล้วหดหู่เลยค่ะ ทำไมเด็กคนหนึ่งต้องมาเจออะไรแบบนี้ด้วย น้องน่าสงสารมากเลย แค่คนในครอบครัวไม่ยอมรับว่าแย่แล้ว เจอคนที่ตัวเองรักและไว้ใจทรยศความรู้สึก ทำลายความบริสุทธิ์ของน้อง ฮึ่ม!! //อินค่ะอิน
ภาษาดีมากเลยค่ะ อ่านแล้วไม่รู้สึกขัดเลย สนุกมากและภาษาสวยมาก  o13
หัวข้อ: Re: ———— เหมายัน ———— (ปัจฉิมบท) ๑๘.๑๐.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: por_pla4u ที่ 06-04-2018 14:15:20
ภาษาสวยจังเลยค่ะ อ่านแล้วเพลินเชียว ขอบคุณที่เขียนจบไว้แค่นี้ เพราะถ้าเขียนต่อแล้วคุณพระเอกของเราต้องติดคุกคงทำใจไม่ได้จริงๆ ถ้าเป็นแบบนั้นแล้วน้องจะอยู่ยังไง  :hao5:
หัวข้อ: Re: ———— เหมายัน ———— (ปัจฉิมบท) ๑๘.๑๐.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 24-06-2018 10:12:46
สำนวนดีมากๆเลยค่ะ​ มีแนวทางเป็นของตนเอง​ มันดีมาก​ จบดี​ เล่าเรื่อง​ดี​ ตามมาจากเรื่องลั่นดาล​ ไม่ผิดหวังจริงๆ​
หัวข้อ: Re: ———— เหมายัน ———— (ปฐมบท) ๐๖.๐๙.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 28-06-2018 02:53:22
 :hao5: กวินทร์โกหก?
หัวข้อ: Re: ———— เหมายัน ———— (ปฐมบท) ๐๖.๐๙.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 28-06-2018 02:58:53
เกิดอะไรขึ้นกับมะลิ แล้วตอนบทนำใครตามล่าใคร แง้ ลุ้น
หัวข้อ: Re: ———— เหมายัน ———— (๐๒) ๐๙.๐๙.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 28-06-2018 03:20:29
โอย ดีนะที่กวินทร์นกขันแต่ไม่นาน ไม่งั้นไม่อยากนึกถึง

สงสารน้อง สงสารมะลิ ฮือ ใจนึงก็กลัวกวินทร์จะจับได้

ว่าเพื่อนรู้เรื่องอะไรบ้างแล้ว  :เฮ้อ: แบบหดหู่อธิบายไม่ถูกเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: ———— เหมายัน ———— (๐๓) ๑๓.๐๙.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 28-06-2018 03:38:19
โอ้ยตายแล้วฮืออ  :ling3: สงสารน้อง  :monkeysad:

หัวข้อ: Re: ———— เหมายัน ———— (๐๔) ๑๗.๐๙.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 28-06-2018 03:54:03
 :katai1: ตอนกวินทร์ไล่หรัญญ์ไปเปลี่ยนเสื้อผ้า เราอยากวิ่ง

เข้าไปในนิยายตะโกนบอกหรัญญ์ว่าอย่าเชื่อมันจังเลยค่ะ

อัดอั้นตันใจมาก  :sad4: ใครมาเอามะลิไปหรัญญ์ใช่ไหม
หัวข้อ: Re: ———— เหมายัน ———— (๐๕) ๒๓.๐๙.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 28-06-2018 04:16:02
 :a5: พีคมากเรื่องพ่อแม่มะลิ จะว่าไปกวินทร์ก็ดีมานิดที่เลี้ยงดู

มะลิ แต่จะดีกว่านี้ถ้าไม่ใช่เลี้ยงแล้วมาทำแบบนี้ 

o22 อ่านเจอสามบรรทัดสุดท้าย.. ม่ายนะ!
หัวข้อ: Re: ———— เหมายัน ———— (๐๖) ๒๙.๐๙.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 28-06-2018 04:33:12
 :katai1: สรุปเรื่องมันเป็นแบบนี้เพราะใครกันแน่ โอยยย

หัวข้อ: Re: ———— เหมายัน ———— (๐๗) ๐๓.๑๐.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 28-06-2018 04:45:15
 :hao5:  น้องงงงงงงง ถูกจับตัวไปจนได้
หัวข้อ: Re: ———— เหมายัน ———— (๐๘) ๐๘.๑๐.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 28-06-2018 05:03:04
 o22 โอ้ ฉากมะลิเอาหินทุบหัวนี่มัน.....  :undecided: :sad3:
หัวข้อ: Re: ———— เหมายัน ———— (๐๙) ๑๗.๑๐.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 28-06-2018 05:11:56

แด่อิสรภาพที่แลกมาด้วยน้ำตา
แด่ชัยชนะที่แลกมาด้วยชีวิต


ทำไมเราอ่านตรงนี้แล้วมันน้ำตาคลอพาลจะร้องไห้เฉย

เป็นคำที่ดูมืดมน ดูหนักหนามากอ่ะ  :sad4: 

รู้แค่ว่ามันเศร้ามาก ฮือ แม้จะจบแบบนี้แต่เราก็เดาไปแล้วล่ะนะ

กับคำทิ้งท้ายของหรัญญ์เรื่องติดคุก โอ่ย สงสารน้อง

ถึงจะจบแบบนี้ใจเราก็เดาไปแล้ว มันเจ็บปวดไปหมด

ผู้แต่งแต่งดีมากเด้อ ภาษาสละสลวยมาก ทำเราเจ็บปวดไปด้วย

ยังไม่ถึงกับเหมือนเป็นตัวเอง แต่สัมผัสมันได้  :hao5:

พิมพ์ไปเช็ดน้ำตาไป ขอบคุณมากนะคะ ขอบคุณจริงๆ
หัวข้อ: Re: ———— เหมายัน ———— (ปัจฉิมบท) ๑๘.๑๐.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: Psycho ที่ 28-06-2018 16:40:31
สงสารมะลิ
หัวข้อ: Re: ———— เหมายัน ———— (ปัจฉิมบท) ๑๘.๑๐.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: Shin b ที่ 28-06-2018 23:56:50
มีครบทุกรส สนุกมาก อ่านรวดเดียวจบเลย  :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ———— เหมายัน ———— (ปัจฉิมบท) ๑๘.๑๐.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: wildride ที่ 05-07-2018 18:49:05
  :pig4:
writer บรรยายเรื่องยาวได้ดีทีเดียว
อ่านไปแล้วเห็นภาพราวกับดูหนังเงียบไปด้วย
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ———— เหมายัน ———— (ปัจฉิมบท) ๑๘.๑๐.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: sunsatoh ที่ 05-07-2018 21:33:31
สนุกมากค่ะ
หัวข้อ: Re: ———— เหมายัน ———— (ปัจฉิมบท) ๑๘.๑๐.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 28-07-2018 15:54:21
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ———— เหมายัน ———— (ปัจฉิมบท) ๑๘.๑๐.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: Pawana ที่ 29-09-2018 21:15:05
หนาวชา. จนเหน็บ   จุดเยือกแข็ง. สมกับ. เห มา ยัน ที่สุด.  รักมะลิ. รักเรื่องนี้เลย. 
หัวข้อ: Re: ———— เหมายัน ———— (ปัจฉิมบท) ๑๘.๑๐.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: mellowshroom ที่ 01-11-2018 09:11:11
เฮ้อออ สงสารอ่ะ ทำใจแข็งอ่านจนจบ  :กอด1:

คนเขียนเก่งมา ภาษาสวยจนข้ามจุดดราม่าไปได้

เนื้อเรื่องดี ปมดี จุดจบจุดคลายปมดีมากก ชอบงานเขียนแบบนี้

สนุกมากๆเลย รัก  o13
หัวข้อ: Re: ———— เหมายัน ———— (ปัจฉิมบท) ๑๘.๑๐.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: mareeyah ที่ 09-11-2018 00:12:02
ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆค่ะ :pig4: :pig4: :pig4: :กอด1: :mew6: :mew6:
หัวข้อ: Re: ———— เหมายัน ———— (ปัจฉิมบท) ๑๘.๑๐.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: Ti0590 ที่ 30-11-2018 01:13:49
ชอบสำนวนมากๆค่ััะ เขียนดีมากๆ
หัวข้อ: Re: ———— เหมายัน ———— (ปัจฉิมบท) ๑๘.๑๐.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 20-01-2019 20:50:04
สุดยอดดดดดด
หัวข้อ: Re: ———— เหมายัน ———— (ปัจฉิมบท) ๑๘.๑๐.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: KYLM_s ที่ 26-05-2019 03:19:42
มะลิลูกกกกโอ้ยหนูหน้าสงสารจังเลยลูกไม่คิดว่ากวินท์จะเป็นคนแบบนี้ฮืออน้องงง ขมวดคิ้วแบบหนักมาก
หัวข้อ: Re: ———— เหมายัน ———— (ปัจฉิมบท) ๑๘.๑๐.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: phai ที่ 28-05-2019 21:13:28
ดีมากกก
หัวข้อ: Re: ———— เหมายัน ———— (ปัจฉิมบท) ๑๘.๑๐.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: เพลิงพิษ ธิดาซาตาน ที่ 17-08-2019 19:26:25
ตามมาจากลั่นดาลจ้ะ ไม่คิดเลยว่าผู้แต่ง จะแต่งได้ดีขนาดนี้ เราไม่ค่อยได้อ่านสำนวนแบบนี้เท่าไหร่นัก มันช่างเป็นเอกลักษณ์ของนักเขียนมากๆ ยังยืนยันคำเดิมนะคะ ว่าผลงานของคุณอย่างกะพระเจ้ารังสรรค์มา ไม่ได้อวยเกินไปนะระแต่เรารู้สึกอย่างนั้นจริงๆ ไม่รู้เกิดอีกกี่ชาติจะได้อ่านนิยายสำนวนแบบนี้พล็อตเรื่องแบบนี้การบรรยายแบบนี้อีก คุณนักเขียนมีนิยายเรื่องอื่นอีกไหมคะอยากตามไปเสพอีก ขอบคุณสำหรับนิยายนะคะ  ขอให้คุณเจอแต่ความสุขและประสบความสำเร็จในชีวิตนะคะ :3123: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: ———— เหมายัน ———— (ปัจฉิมบท) ๑๘.๑๐.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 16-10-2020 17:53:22
เขียนเก่งทุกเรื่อง สุดๆ
หัวข้อ: Re: ———— เหมายัน ———— (ปัจฉิมบท) ๑๘.๑๐.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 17-06-2021 22:35:41
สงสารหนูมะลิเรื่องนี้