กลรักลวงใจ
ตอนที่ 14 ปิดประตูหัวใจ
@ร้านกาแฟนมสดแห่งหนึ่ง
“ปอมมึงโอเคไหม” เอิ้นมันเอ่ยกับผมขณะที่เราทั้งคู่กำลังนั่งอยู่ในร้านกาแฟนมสดละแวกบ้าน
“กูโคตรเสียใจเลยว่ะ มันจบแล้ว” ผมว่าพลางใช้หลอดกวนนมสดปั่นในแก้วเล่นอย่างไร้อารมณ์
“มึงอย่าคิดมากสิวะลองไปง้อมันดูอีกที มันอาจจะใจอ่อนลงก็ได้นะ”
“มึงคิดว่ามันจะยอมยกโทษให้กูเหรอวะ”
“ไม่ลองก็ไม่รู้ปะวะ เพื่อนกูทำได้อยู่แล้ว” ผมได้แต่พยักหน้ารับคำแนะนำของมัน และในใจตอนนี้ก็คิดว่าจะลองทำตามที่มันบอกดูเผื่อว่าอะไรมันจะดีขึ้น
“เดี๋ยววันจันทร์กูจะลองไปคุยกับมันดูอีกที”
“กูเอาใจช่วย” เอิ้นมันว่าแล้วก็มาตบบ่าผมเบาๆเชิงปลอบใจ
“ขอบใจมึงมากนะ ถ้าไม่มีมึงอยู่เป็นเพื่อน กูคงไม่รู้จะทำยังไงต่อไปดี”
“กูเต็มใจ บอกแล้วไงว่าสาววายอย่างกูยอมทำได้ทุกอย่างเพื่อให้ผู้ชายได้กัน”
“เออ เราต้องสอบเข้าคณะอักษรให้ได้ด้วยกันนะเว้ย เราจะได้ไปเรียนด้วยกันอีก” ผมบอกมัน
“เออ กูจะพยายาม”
พอได้คุยกับไอ้เอิ้นมันก็ทำให้ผมคลายเครียดลงไปเยอะเลย พวกเรานั่งอยู่ในร้านกันเกือบสองชั่วโมงแล้วก็แยกย้ายกันกลับบ้าน
@บ้านของปอม
เมื่อผมมาถึงบ้านก็ลองส่งไลน์ไปหาไอ้สกาย เพราะอยากจะลองดูว่าพอจะยังมีโอกาสได้คุยกับมันอีกครั้งไหม
‘สกายกูขอโทษนะ กูอยากคุยกับมึงให้กูไปหามึงได้ไหม’
มันอ่านข้อความผมแต่ไม่ตอบ ผมเลยส่งมันไปอีกครั้ง
‘ถ้ามึงไม่ตอบกูก็จะไม่ไป กูเข้าใจ”
มันไม่ตอบกลับมาจริงๆ ผมได้แต่ทำใจแล้วก็ปิดไฟนอนเอามือก่ายหน้าผากและคิดในใจว่าพรุ่งนี้ผมต้องหาทางคุยกับมันให้ได้ พรุ่งนี้ถ้าผมไม่มีโอกาสได้คุยกับมันอีกผมจะไปตามทางของผม เรื่องของเรามันจะได้จบสักที
@โรงเรียน
“ปอม! ทางนี้” ตี๋มันยืนทักผมอยู่ไม่ไกลนักผมจึงเดินไปหามัน
“ว่าไงตี๋มีอะไรรึเปล่า” ผมตอบมันด้วยท่าทีหมดเรี่ยวแรงเพราะนอนไม่หลับทั้งคืน มัวคิดแต่เรื่องของมัน
“ปอมโอเคไหม ดูท่าทางไม่ค่อยดีเลย”
“ก็ไม่ค่อยโอเคซักเท่าไรว่าแต่...ไอ้สกายเป็นไงบ้าง” ผมถามหาไอ้สกายเพราะคิดว่ามันคงจะไม่ต่างจากผมซักเท่าไร มันคงผิดหวังในตัวผมมาก
“ไอ้สกายน่ะเหรอมันก็...โอเคนะ” ตี๋มันตอบด้วยท่าทีมีพิรุธ เหมือนมีอะไรปิดบังผมอยู่
“ตี๋มีอะไรปิดบังเราอยู่รึเปล่า” ผมถามมัน
“ปะ...เปล่า” มันรีบปฏิเสธจนน่าสงสัย
“ไม่มีอะไรก็ดีแล้ว เราขอตัวก่อน” ผมบอกมันแล้วก็เดินไปทันที
“เดี๋ยว!”
ผมหันกลับไปมองยังต้นเสียงมันคือเสียงของแป้งที่กำลังเดินมาพร้อมกับไอ้สกาย ในที่สุดผมก็เจอมันไอ้สกายแต่ที่มันทำให้ผมงงก็คือแป้งกำลังเดินควงแขนมันมา ผมเห็นแล้วก็รู้สึกใจคอไม่ดีเลย
“มีอะไร” ผมตอบกลับแป้งด้วยสายตาที่ไม่ค่อยเป็นมิตร แน่นอนว่าไม่มีทางที่ผมกับแป้งจะพูดจากันดีๆได้แม้กระทั่งตอนนี้ ผมปรายตามองหน้าไอ้สกายที่ตอนนี้มันทำหน้าเฉยๆยืนให้แป้งควงแขนอย่างสบายอารมณ์
“ฉันเปล่าย่ะ...แต่คนที่มีอะไรน่ะคือสกาย” แป้งมันพูดกับผมด้วยจริตที่น่าตบมากเหลือเกิน
ผมมองหน้าไอ้สกายที่ตอนนี้มันมองผมด้วยสายตาที่เกรี้ยวกราด ต่างจากผมที่มองมันด้วยสายตาที่รู้สึกสำนึกผิด หัวใจผมมันเต้นตึกๆ รู้สึกใจคอไม่ดีเลยกับสิ่งที่มันจะพูดกับผม
“มึงมีอะไรจะพูดกับกู...สกาย” ผมถามมันแล้วยืนรอ
“จริงๆ แล้วกูก็ไม่ค่อยอยากจะพูดกับมึงซักเท่าไหร่ แต่ถ้ากูไม่พูดวันนี้แฟนกูคงไม่สบายใจ”
แฟนอย่างนั้นเหรออย่าบอกนะว่า...
“ต่อไปนี้มึงอย่ามายุ่งวุ่นวายกับกูอีก เพราะตอนนี้กูกับแป้งเป็นแฟนกันแล้วแฟนกูไม่ชอบขี้หน้ามึง”
เหมือนทุกอย่างบนโลกใบนี้มันหยุดเคลื่อนไหวมีแต่มันกับผมที่ยืนมองหน้ากันแล้วมันก็เอาปืนมายิงเข้าที่กลางใจผม มันได้ฆ่าผมแล้วจากคำพูดของมันเมื่อสักครู่
“ฟะ...แฟน มึงไปเป็นแฟนกันตั้งแต่ตอนไหน กูไม่เห็นรู้เรื่องเลย” ผมพยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ให้มันไหลออกมาแล้วถามมันออกไป
“ทำไมกูต้องบอกมึงทุกเรื่องด้วยล่ะ มึงมันก็แค่ของเล่นที่กูเล่นจนเบื่อแล้ว ต่อไปมึงไม่ต้องมาคอยตามกูอีก” มันบอกผม
“กู...ขอโทษกับทุกๆเรื่อง กูเข้าใจแล้วต่อไปนี้กูจะไม่มาให้มึงเห็นหน้าอีก กูผิดเองช่วงเวลาที่กูได้รู้จักมึงมันมีค่ากับกูมาก แต่ในเมื่อมันเป็นความต้องการของมึงกูก็จะทำตาม จะไม่มีคนชื่อสกายในความทรงจำของกูอีกต่อไป” ผมพูดแล้วก็หันหน้าหนีทันทีเพราะน้ำตาที่ผมกลั้นเอาไว้มันค่อยๆไหลออกจากเบ้าตาของผมเป็นสาย
ผมเดินออกจากตรงนั้นด้วยขาที่มันอ่อนแรงจนผมเซล้ม
“ปอม! ไหวไหม” เป็นไอ้ตี๋ที่มันรีบเดินเข้ามาพยุงผมให้ยืนขึ้น
“ขอบใจ เราไหวตี๋” ผมว่าแล้วก็รีบวิ่งออกไปจากตรงนั้นทันที ผมไม่อายที่จะวิ่งไปร้องให้ไป ภาพความทรงจำของผมช่วงที่มีความสุขกับมันฉายวนในหัวผมซ้ำๆ มันยิ่งทำให้น้ำตามันไหลไม่ยอมหยุดซักที
“ปอม! แกเป็นอะไร” ผมเดินมาเจอเอิ้น ตองและปังปอนด์พอดี
“ฮือๆ มึงกูเจ็บ” ผมว่าแล้วก็โผเข้าไปกอดไอ้เอิ้นทันที
“ใครทำอะไรมึง?”
“ฮึก ไอ้สกายมันคบกับแป้งแล้ว” ผมว่าพลางเช็ดน้ำตาไปด้วยเหมือนกับเด็กที่โดนแกล้งมาซะอย่างนั้น
“ทำไมมันถึงได้คบกันปุปปับซะอย่างนั้น แต่ก็ช่างมันเถอะถือว่ามันเลือกแล้วเรื่องของมึงกับมันจะได้จบลงซะที” เอิ้นมันเตือนสติผม มันก็จริงอย่างที่ไอ้เอิ้นพูดเรื่องของผมกับไอ้สกายมันคงจบแล้วจริงๆ
“กูทำใจ้ไว้บ้างแล้วล่ะ แต่ก็อดที่จะร้องไห้ไม่ได้ ฮึก”
“พี่ปอมใจเย็นๆนะคะ เดี๋ยวตองจะให้พี่ตี๋ลองคุยกับพี่สกายอีกทีนะคะ”
“ไม่ต้องหรอกน้องตองพี่โอเคแล้ว ปล่อยให้มันเป็นแบบนี้ล่ะดีแล้ว”
“ตองไม่รู้ว่าพวกพี่มีปัญหาอะไรกัน แต่ตอนนี้มันก็ใกล้จะจบมอหกแล้วถ้าไม่เคลียร์กันมันก็จะค้างคาไปแบบนี้นะคะ”
“พี่โอเคแล้วจริงๆน้องตอง ยิ่งใกล้จบมอหกแล้วพี่ยิ่งจะต้องเลิกคิดถึงเรื่องมัน เพราะต้องเตรียมตัวสอบเข้ามหา’ลัยให้ได้ก่อน”
“ถ้างั้นก็ตามใจพี่นะคะ ตองเป็นกำลังใจให้เสมอ”
“ขอบใจน้องตองมากนะ” ผมบอกน้องตองแล้วน้องมันก็ยิ้มให้ผม
“เดี๋ยววันนี้เราไปร้องคาราโอเกะกันไหมค่ะ คลายเครียดกัน” ตองชวน
“ดีเหมือนกันมึงจะได้รู้สึกดีขึ้นมากกว่านี้” เอิ้นมันว่าพร้อมกับมองหน้าผม
“ไปเถอะนะพี่ปอม” ปังปอนด์ร่วมด้วยอีกเสียง
ผมมองหน้าทุกคนที่กำลังลุ้นรอคำตอบ
“โอเค ไปก็ไป ดีเหมือนกันจะได้ไปปลดปล่อยก่อนที่จะเตรียมตัวสอบเข้ามหา’ลัย”
“เย้!” ทุกคนเอ่ยขึ้นพร้อมกัน
หลังจากนั้นเราทั้งหมดก็ไปร้านคาราโอเกะร้านประจำแถวๆโรงเรียน
@ร้านคาราโอเกะ
“ในฐานะที่มึงเพิ่งเจอเหตุการณ์ร้ายๆมาวันนี้กูจะให้มึงร้องเปิดงานเป็นคนแรกเลย” เอิ้นมันบอกหลังจากที่เราทั้งสี่คนอยู่ในห้องคาราโอเกะแล้ว
“เอางั้นเหรอวะ”
“เออสิวะ อ่ะ!” เอิ้นมันยื่นไมโครโฟนให้ผม
ผมนั่งนึกสักพักว่าจะร้องเพลงอะไรดี ช่วงเวลานี้ควรจะร้องเพลงอะไรดีนะ หน้าไอ้สกายลอยมาแทนที่จะเป็นชื่อเพลง ผมไม่มีทางลืมไอ้สกายได้อย่างแน่นอนเพราะมันฝังลึกลงในใจผมแต่ผมจะเก็บภาพมันไว้ในความทรงภาพที่ดีๆและจะเก็บมันไว้อย่างนั้นแม้ว่าเรื่องของผมกับมันจะเป็นไปไม่ได้แล้ว
“กดเพลงนี้ให้กูหน่อย” ผมชูหน้าจอมือถือให้ไอ้เอิ้นดูมันเป็นเพลงที่ผมชอบมากอีกเพลงนึง
“โอเคกูจัดให้”
....เสียงดนตรีดังขึ้น
“ใครคนหนึ่งคนนั้น ในวันหนึ่งวันนั้น เคยผูกผันกันซะมากมาย เพราะวันที่ห่างเหิน มันก็เริ่มห่างหาย เพียงแค่เพราะเราไม่เจอะกัน ไม่เรียกร้องให้กลับมาหรือว่าผลักใส หรืออะไรทั้งนั้นเก็บเอาไว้ในส่วนลึก ซ่อนอยู่อย่างนั้นรู้ว่ามันไม่ไปไหนแม้กระทั่งตอนนี้ เขายังอยู่ตรงนั้นในภาพทรงจำสีจางจางเหมือนว่าจะเลือนหาย คล้ายว่าจะเลือนรางบางอย่างก็ยังไม่เปลี่ยนไป ไม่เรียกร้องให้กลับมาหรือว่าผลักใส หรืออะไรทั้งนั้น เก็บเอาไว้ในส่วนลึกซ่อนอยู่อย่างนั้น รู้ว่ามันไม่ไปไหนแม้กระทั่งตอนนี้ เขายังอยู่ตรงนั้น ในภาพทรงจำสีจางจาง”
ผมร้องเพลงจบพร้อมกับน้ำตาที่มันไหลลงมาอาบแก้ม นี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่ผมจะร้องไห้ให้กับมัน
“ทำไมพี่ปอมร้องเพลงได้เศร้ามากเลยอ่ะ ฮึก” ตองมันร้องไห้สะอึ้นเสียงดัง จนผมที่กำลังร้องไห้เหมือนกันกลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่กับความโก๊ะของตอง
“ตกลงใครกำลังเสียใจกันแน่ ฮ่าๆ” ผมขำออกมาพร้อมกับน้ำตา
“ก็มันเศร้าอ่ะ ฮือๆๆ”
“โอ๋ๆ ไม่ร้องนะครับ คนอะไรจะขี้แยอย่างนี้” แทนที่ทุกคนจะมาปลอบผมแต่กลับกลายเป็นว่าผมมาปลอบใจน้องตองแทน ฮ่าๆ สาววายตัวยงคงจะสะทือนใจมาก
“สวัสดีทุกคน” เป็นเสียงตี๋ที่ดังมาจากประตูห้อง
“อ้าวตี๋มาได้ไงเนี่ย” ผมถามแล้วมองหน้าตี๋ ตี๋มันมองมาที่ตองผมก็พอจะรู้แล้วล่ะว่าตองคงเป็นคนบอก
“ไม่เห็นมีคนชวนเลยอ่ะ” ตี๋มันว่าพลางนั่งลงที่ว่างข้างๆตองโดยไม่ลืมที่จะปรายตามองปังปอนด์ที่นั่งอยู่ข้างๆน้องสาวของมัน
“ก็นึกว่าตี๋จะไปกับพวกแก๊งนางมารกับไอ้สกายซะอีก” ผมบอกมัน
“เปล่าไอ้สกายมันกลับแล้วล่ะ เราเลยมานี่”
“ช่างเถอะเราไม่ใส่ใจเรื่องของไอ้สกายแล้ว” ผมบอกตี๋
“จริงดิ! อะไรจะลืมง่ายดายขนาดนั้น เราไปคุยกันข้างนอกไหมเราอยากรู้ความจริงทุกเรื่องจากปากปอมเอง”
“โอเค ” ผมพูดแล้วเดินออกไปนอกห้องพร้อมกับไอ้ตี๋ทันที ปล่อยให้ทั้งสามคนร้องเพลงกันต่อไป
“เรื่องมันเป็นมายังไงระหว่างปอมกับกับไอ้สกาย” ตี๋มันถามหลังจากที่เรามานั่งที่ม้านั่งข้างนอก
“จำได้ไหมว่าเราเคยขอเบอร์ไอ้สกายจากตี๋ เราเป็นคนเริ่มมันเองตั้งแต่วันนั้น...........” ผมเล่าเรื่องทั้งหมดให้ไอ้ตี๋ฟังแบบไม่มีปกปิดซักเรื่องเลย
“มันคงทำประชดปอมล่ะเราว่า ไอ้นี่มันเป็นคนไม่ชอบคนโกหกเป็นชีวิตจิตใจ เพราะแม่มันเคยผิดสัญญาจนทำให้ครอบครัวของมันต้องแตกแยก มันฝังใจตั้งแต่ตอนนั้น”
“เราทำใจมาบ้างแล้วล่ะก่อนหน้านี้”
“แสดงว่าตอนนี้เรื่องระหว่างปอมกับไอ้สกายคงเป็นไปไม่ได้แล้วใช่ไหม?” ตี๋มันถาม
“คงประมาณนั้น เราผิดเองที่ไปโกหกมันจนทำให้เรื่องมันเป็นแบบนี้ แต่ถ้าย้อนเวลากลับไปได้เราก็ยังจะทำแบบนี้อีกเพราะช่วงเวลาที่เราได้อยู่กับมัน มันเป็นช่วงเวลาที่มีค่ามากที่สุดที่เราจะไม่มีวันลืมเลย”
“ถ้ามันได้ยินมันคงจะดีใจที่มีคนรักมันมากขนาดนี้”
“คงไม่หรอกมันเกลียดเราจะตาย และตอนนี้มันก็มีแฟนเป็นตัวเป็นตนแล้วเราก็ได้แต่ดีใจ และเราคิดว่าต่อไปนี้เราจะไม่ยุ่งวุ่นวายกับมันอีกถือว่าทุกอย่างมันจบแล้วจริงๆ” ผมบอกมัน
“ถึงยังไงเราก็ยังอยากให้ปอมกับไอ้สกายคุยกันดีๆอีกสักครั้ง แต่ถ้าปอมยืนยันแบบนี้เราก็เคารพการตัดสินใจของปอมละกัน” ตี๋มันว่าพลางตบไหล่ผมเบาๆ
“ฝากตี๋ดูแลมันด้วยละกัน อ้อ! ลืมไปว่าเค้ามีแฟนแล้วคงดูแลกันได้ ป่ะเข้าไปข้างในกันเถอะเรารู้นะว่าอยากจะไปเจอน้องชายเราเต็มทนแล้ว” ผมว่าแล้วก็ยกยิ้มให้มัน
“แน่ะ รู้ทันเราอีก ฮ่าๆ” ตี๋มันว่าแล้วเกาท้ายทอยแก้เขินไปด้วย
“เราไม่ว่าหรอกนะถ้าตี๋จะจีบหรือคบกับปังปอนด์ แต่เราขอว่าอย่าทำให้น้องเราเสียใจเป็นพอเพราะปอนด์มันเป็นเด็กดีไม่อยากให้เจอเรื่องที่แย่ๆแบบเรา” ผมบอกมัน
“เราสัญญาถ้าเราได้คบกับน้องปอนด์เราจะดูแลอย่างดี ไม่ทำให้น้องเสียใจแน่นอน” ตี๋มันพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“จำคำพูดไว้ด้วย ป่ะ” ผมเดินนำหน้ามันเข้าไปข้างใน
“พี่ตี๋มานั่งนี่เลย” ตองกวักมือเรียกพี่ชายเข้าไปนั่งด้วย ซึ่งผมรู้จุดประสงค์ของตองนั่นเพราะอยากให้ตี๋ไปนั่งใกล้ๆปังปอนด์นั่นเอง ไอ้ตี๋มันเองก็ทำตามคำเรียกร้องของน้องสาวอย่างว่าง่าย
“น้องปอนด์พี่ขอนั่งด้วยคนนะ” ตี๋มันว่าพลางแทรกตัวนั่งระหว่างตองและปังปอนด์
“ทำไมต้องมาเบียดกันด้วยเนี่ย!” ปังปอนด์โวยวายแต่ก็ขยับตัวให้ที่นั่ง
“อยากฟังเพลงไหมเดี๋ยวพี่ร้องให้ฟัง”
“ไม่เอาอ่ะกลัวเส้นประสาทหูจะพัง” ปังปอนด์มันทำหน้าหยีใส่ตี๋
“เร็วๆใครจะร้องก็รีบร้องจะหมดเวลาแล้วเนี่ย” เอิ้นเอ่ยขึ้นขัดจังหวะ
“ได้ๆ เดี๋ยวเราร้องเอง”
ตี๋มันรีบเดินไปเลือกเพลงแล้วก็ยืนถือไมโครโฟนอยู่ข้างๆจอเตรียมร้อง พร้อมกันนั้นก็ส่งสายตาหวานเยิ้มให้น้องชายผม
“น้องปอนด์ฟังเพลงนี้ดีๆนะครับ” มันส่งยิ้มไปให้ปังปอนด์ราวกับว่ามีมันกับปังปอนด์แค่สองคนในห้องนี้ ฮ่าๆ ยอมใจมันจริงๆ ไอ้ตี๋
“
.....ดนตรีขึ้น
“บอกฉันซักคำว่าเธอทำได้อย่างไร เพราะฉันรู้สึกดีทุกครั้งที่อยู่กับเธอ ที่จริงนับตั้งแต่ ที่เรานั้นแรกเจอ ไม่คิดว่าจะรักได้มากมาย เธอรู้วิธีดูแลคนที่ห่วงใย จนฉันแปลกใจความรู้สึกที่ฉันมี เคยรักมากเท่าไหร่ ก็ยังรักได้อีก ไม่รู้ว่าเป็นได้อย่างไร..............” มันร้องเพลงยิ่งรู้จักยิ่งรักเธอของดาเอ็นโดรฟินไปจนจบ ระหว่างที่ร้องเพลงมันจ้องน้องชายผมตลอดเวลาราวกับว่าโลกใบนี้มีกันแค่สองคน
“โห! หวานซะ” ผมเอ่ยขึ้นหลังจากที่มันร้องเพลงจบแล้ว ผมมองไปที่ปังปอนด์มันนั่งนิ่งๆแต่ตากลับมองไปยังไอ้ตี๋แทบไม่กระพริบแถมยังยิ้มตลอดเวลาอีก ผมก็สงสัยอยู่ว่าทั้งสองคนใจตรงกันขนาดนี้แต่ไอ้ตี๋กลับยังไม่สามารถพิชิตใจปังปอนด์ได้อีกหรือนี่
“พี่ตี๋ร้องเพลงจนมดไต่เพื่อนตองแล้วเนี่ย” ตองแซวเพื่อนของตัวเองที่นั่งอยู่ข้างๆ ปังปอนด์ได้แต่มองหน้าเพื่อนอย่างเอาเรื่องแก้เขิน
“ไม่ต้องแซวเลยตอง” ปังปอนด์ดุเพื่อน
“เฮ้ย! พวกเราจะหมดเวลาที่จองไว้แล้วนะเนี่ย เตรียมตัวกลับกันเถอะ” เอิ้นมองนาฬิกาที่ข้อมือแล้วเอ่ยขึ้น
“เดี๋ยวเราไปส่งเอง” ตี๋อาสา ถึงมันไม่อาสาแต่ผมก็จะบอกให้มันไปส่งอยู่แล้วล่ะครับ หุหุ
“ได้ๆจะได้กลับถึงบ้านเร็วๆ” ผมบอก
@บ้านของปอม
เมื่อรถเคลื่อนมาจอดที่หน้าบ้าน หลังจากที่ไปส่งเอิ้นมาแล้ว
“ขอบใจมากนะตี๋” ผมที่นั่งอยู่ข้างหน้ากับไอ้ตี๋เอ่ยขอบใจมันแล้วก็ลงจากรถ ส่วนปังปอนด์เองที่นั่งอยู่ด้านหลังกับตองก็เตรียมตัวจะลงตามมาเช่นกัน
ตอนนี้ผมกับปังปอนด์ยืนอยู่ที่ข้างๆรถซึ่งอยู่ใกล้กับรั้วหน้าบ้าน ส่วนตองก็เปลี่ยนมานั่งข้างหน้ากับพี่ชาย ไอ้ตี๋มันลดกระจกลงมาแล้วเอ่ยกับผม
“ปอมเข้มแข็งเข้าไว้นะเราเอาใจช่วย” มันบอกแล้วยิ้มให้ผม
“ขอบใจมากเราโอเคแล้วล่ะ”
“น้องปอนด์พี่ตี๋กลับก่อนนะครับ” ตี๋มันส่งยิ้มให้ปังปอนด์
“ขับรถกลับดีๆละกันครับ”
“ดีใจจังน้องปอนด์เป็นห่วงพี่ตี๋ด้วย” ตี๋มันได้ยินก็ยิ้มกว้างทันที
“ก็แค่ตามมารยาททำเป็นดีใจไปได้” ผมรู้ว่าน้องชายผมมันพูดแก้เขินไปยังงั้นล่ะครับ ดูท่าทางแล้วก็เขินอยู่ไม่น้อย
“ไม่เป็นไรยังไงพี่ก็ดีใจอยู่ดี เรากลับก่อนนะปอม บาย” มันว่าแล้วก็โบกมือลาผม ส่วนกับปังปอนด์มันกลับส่งจูบให้แทน
“พี่ปอมตองกลับก่อนนะคะ สวัสดีค่ะ ปอนด์เรากลับก่อนนะ”
ตองเองก็โบกมือลาเช่นกัน แล้วไอ้ตี๋มันก็ปิดกระจกแล้วขับรถออกไปทันที
“ปอนด์พี่ขอคุยด้วยหน่อยสิ” ผมเอ่ยกับน้องชายขณะที่เรากำลังจะเดินเข้าไปในบ้าน
“พี่ปอมมีอะไรเหรอครับ”
“พี่ขอถามเราบางอย่างสิ”
“อื้ม ได้เลยครับ” ปังปอนด์มันมองหน้าผมเหมือนอยากรู้มากว่าผมจะถามอะไร
“เราชอบไอ้ตี๋มันไหมอ่ะ ตอบพี่ตามความจริง”
“ก็...ชอบอ่ะครับ” ปังปอนด์พูดไปด้วยความเขินอาย จนหน้านี่แดงก่ำเลยครับ ผมแกล้งน้องชายมากเกินไปไหมเนี่ย
“ในเมื่อใจตรงกันแล้วทำไมปังปอนด์ยังคงดูเหมือนไม่มีวี่แววที่จะคบกับมันเลยอ่ะ พี่แค่สงสัย”
“ผมว่าตอนนี้มันยังเร็วไปอ่ะครับ และอีกอย่างพี่ตี๋เค้าก็เจ้าชู้น่าดู ปอนด์ก็เลยขอดูพฤติกรรมไปก่อนทั้งๆที่ในใจปอนด์เองก็ชอบพี่เค้ามากเหมือนกันครับ” ปังปอนด์บอกเหตุผลทั้งหมดให้ผมฟัง น้องผมมันมีความคิดที่มีเหตุผลมาก
“ถ้าปอนด์คิดดีแล้วพี่ก็ไม่ว่าอะไรค่อยๆดูกันไป แต่ว่าช่วงเวลาที่เรามีความสุขเราควรจะรีบตักตวงมันไว้ เพราะไม่รู้ว่าเราจะมีช่วงเวลานั้นได้นานเท่าไร พี่ไม่อยากให้ปอนด์เป็นแบบพี่ตอนนี้ที่ใจมันแตกเป็นเสี่ยงๆ จำไว้นะถ้าเรารักใครแล้วเราควรจะเชื่อใจและซื่อสัตย์ต่อกันให้มากที่สุด” ผมบอกกับน้องชาย
“ครับพี่ปอม ปอนด์จะจำคำที่พี่พูดไว้” ปังปอนด์บอกผม
ถ้าถามว่าตอนนี้ผมรู้สึกยังไง ต้องบอกเลยว่าตอนนี้ผมรู้สึกโล่งใจมากเหลือเกินที่ทุกอย่างมันจบลงแล้ว ไม่ใช่ว่าเพราะผมไม่ได้รักไอ้สกายมันนะครับ แต่เพราะว่าสิ่งที่ผมหวังไว้ว่าขอตักตวงช่วงเวลาที่มีความสุขกับมันผมก็ได้ทำตามที่ตั้งใจไว้แล้วถือว่าเป็นช่วงเวลาที่คุ้มค่าที่สุดของผมแล้ว เรื่องของเราเริ่มต้นด้วยความเกลียดและมันก็จบลงด้วยความเกลียดมันก็ไม่ได้ต่างกัน ต่อไปนี้ชีวิตผมก็จะเดินต่อไปข้างหน้าและชื่อของไอ้สกายผมก็จะเก็บมันไว้ที่ก้นบึ้งของหัวใจ ใส่กุญแจล็อกมันไว้อย่างดีไม่ให้มันมารบกวนหัวใจของผมอีกเด็ดขาด