❤️กลรักลวงใจ❤️ตอนที่ 25 END(มี E-Book วางขายแล้วนะครับ)✅ Update! 17-12-2017
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ❤️กลรักลวงใจ❤️ตอนที่ 25 END(มี E-Book วางขายแล้วนะครับ)✅ Update! 17-12-2017  (อ่าน 18598 ครั้ง)

ออฟไลน์ azaki

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 52
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-1
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*********************************************************************************

สวัสดีครับ ผม AZAKI หลังจากแต่งๆหายๆไปจากเรื่องแรก(ที่ยังไม่จบและกำลังเขียน) ตอนนี้มีแรงบันดาลใจในการเขียนเรื่องใหม่ มันเกิดจากความฝันของผมเอง ฝันแล้วประทับใจในตัวละครที่เกิดขึ้นในฝัน  แล้วจึงนำมาเขียนเป็นนิยาย(เพ้อมาก 555) ผมเป็นนักเขีียนมือใหม่หากมีอะไรผิดพลาดต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะครับ

ฝากเพจด้วยนะครับมีอะไรพูดคุยกันได้น้า
https://web.facebook.com/kanokthornwriter/
**********************************************************************************

สารบัญ
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-12-2017 23:42:16 โดย azaki »

ออฟไลน์ azaki

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 52
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-1
กลรักลวงใจ ตอนที่ 1 (13-08-2017)
«ตอบ #1 เมื่อ13-08-2017 20:54:26 »

กลรักลวงใจ  ตอนที่ 1 จุดเริ่มต้น
 

   "โอ๊ย!!"  นั่นไม่ใช่เสียงใครครับ  เสียงผมเอง  ก็เดินอยู่ดีๆมีคนเดินมาชนเอาซะผมล้มก้นกระแทกพื้นอย่างจังเจ็บโคตรๆ

   "ขอโทษครับ  เป็นอะ..."มันเอ่ยพร้อมกับยื่นมือมาให้  ผมเอื้อมมือไปจับมือมันหวังว่าจะให้มันช่วยพยุงขึ้น(เอาน่า...อย่างน้อยมันก็ยังพอมีน้ำใจ)  ยังไม่ได้มองหน้ามันด้วยซ้ำเพราะมัวแต่มองที่ก้นตัวเองและเอามืออีกข้างลูบก้นปอยๆพร้อมกับทำหน้าเหยเกเพราะความเจ็บ  เมื่อผมเงยหน้าขึ้นอยู่ดีๆมันก็หยุดพูดกะทันหันแล้วก็ปล่อยมือผม ทุกคนมอเห็นภาพที่มันปล่อยมือผม  ทำให้ผมที่กำลังกึ่งนั่งกึ่งยืนต้องดิ่งตัวลงที่พื้นอีกครั้ง 

   "โอ๊ย!! ไอ้บ้า  ทำไมมึงทำอย่างนี้ว่ะ"ผมตะโกนเสียงดังอย่างเหลืออดเพราะโมโหมันมากแถมก้นก็เจ็บจะแย่อยู่แล้ว  ผมเงยหน้าขึ้นไปมองมันอีกครั้งแล้วมองชัดๆ  ก็พอเดาออกว่าทำไมมันถึงปล่อยมือผม  "ไอ้สกาย"ผมอุทานกับตัวเองเบาๆ  เดี๋ยวผมจะเล่าให้ฟังทีหลังว่ามันเป็นใครแต่ตอนนี้ผมขอจัดการกับมันก่อน

   "กูก็นึกว่าใครที่แท้ก็ไอ้ตุ๊ดที่สารภาพรักกูเมื่อปีที่แล้วนี่เอง  ถ้ารู้ว่าเป็นมึงตั้งแต่แรกกูไม่ปล่อยให้มึงจับมือกูให้เสียเวลาหรอก"มันพล่ามออกมาอย่างไม่ไว้หน้าผมเลย(ดีนะที่ไม่มีคนอยู่แถวนั้นเลยไม่งั้นคงอายแย่)  ตอนนี้สีหน้าผมจากหน้าขาวๆกลายเป็นสีมะเขือเทศไปซะแล้วมันทั้งโกรธและอายในเวลาเดียวกันเลยทีเดียว

   "ละ แล้วไง  เป็นกูแล้วไง มึงก็ไม่มีสิทธิ์ทำอย่างงี้ปะว่ะ...แม่งใจร้ายโคตรๆ"ผมพูดแล้วทำหน้างอใส่มัน

   "ทำไม...กูจะไม่มีสิทธิ์ว่ะ  มึงมันก็เป็นแค่คนที่คลั่งกูปะว่ะ  กูจะทำมากกว่านี้ก็ยังได้ ฮ่าๆๆ"พูดจาดูถูกผมพร้อมกับหัวเราะเสียงดัง  ผมตั้งท่าได้ก็ค่อยๆพยายามลุกขึ้นอีกครั้งแม้จะยังเจ็บก้นอยู่ก็ตาม  ผมมองหน้ามันแล้วเดินเข้าไปใกล้ๆ

   "แล้วมึงจะเสียใจที่ทำกับกูวันนี้...จำไว้"ผมจ้องตามันด้วยสายตาดุดัน(ทำเป็นดุแต่ในใจผมโคตรสั่นเลยได้อยู่ใกล้ๆมัน)

   "คงไม่มีวันนั้นว่ะ..."มันพูดแล้วก็ยักคิ้วให้ผม  แล้วมันก็เดินจากไป  ผมได้แต่มองตามมันตาละห้อย

   ก็จริงที่ผมแอบชอบมันตั้งแต่แรกที่เจอกับมันตอน ม.4  และสารภาพรักมันตอน ม.5  เมื่อตอนกีฬาสีจำได้ว่าวันนั้นเป็นวันที่ผมเจ็บใจมากที่สุดในชีวิตก็ว่าได้ที่มันตอกหน้าผมกลับแบบเจ็บปวดที่สุด ตั้งแต่วันนั้นมาจนถึงตอนนี้ที่อยู่ ม.6 กันแล้วมันก็คอยตั้งแง่กับผมตลอด  มันมองผมเหมือนพวกเห็บหมัดที่ตามติดชีวิตมัน  มันคงเกลียดผมมาก  แต่ถึงยังไงผมก็ไม่ละความพยายามหรอก คุณๆเองก็คงเคยได้ยินคำนี้ "เมื่อมีรัก ย่อมมีหวัง"  ถึงยังไง....."ผมก็ต้องทำให้มันรักผมให้ได้"


   "เฮ้อ!!  เซ็งวะ"ผมเอ่ยออกมาอย่างเซ็งๆแล้วฟุบหน้าลงที่โต๊ะต่อหน้าเพื่อนผมในตอนเช้าที่โรงเรียน

   "อีปอม...มึงเป็นไรวะ  ทำเป็นเบื่อชีวิตแต่เช้าเลย"เอิ้นเพื่อนสาวหนึ่งเดียวของผม(มันเป็นผู้หญิงแท้ๆนะครับแต่มันเป็นสาววายตัวยงเลยล่ะ)  เอ่ยถามเมื่อเห็นท่าทางซึมเศร้าของผม

   "ก็ไอ้สกาย..."ผมพูดชื่อของไอ้สกายแล้วก็  เงียบไป

   "ไอ้สกายทำไม....อย่าบอกนะว่าไปมีเรื่องกับมัน  ถึงได้ทำท่าเหมือนหมาหงอยอย่างนี้"เอิ้นมันเอ่ยพร้อมกับจ้องมองมาที่ผมอย่างจับผิด

   "อื้ม  เมื่อวานกูเดินชนมันเลยมีเรื่องนิดหน่อย"ผมพูดขณะที่ยังคงฟุบอยู่ที่โต๊ะ

   "โอ๊ยยย!! อะไรจะบังเอิญขนาดนั้นวะ  ทางมีตั้งเอยะตั้งแยะยังเดินชนกันได้  สงสัยพวกแกคงเป็นเนื้อคู่กันจริงๆแหล่ะ  ถึงแม้ว่าตอนนี้ไอ้สกายมันจะยังไม่ชอบแกแต่ต่อไปก็ไม่แน่นะ"เอิ้นมันพูดแบบนั้นแล้วเหล่ตามาทางผมและอมยิ้มน้อยๆ  ผมเงยหน้าขึ้นมาแล้วมองหน้ามันแล้วก็คิดตาม เออ  ใช่สินะจริงๆผมกับไอ้สกายอาจจะเป็นเนื้อคู่กันก็ได้(เข้าข้างตัวเองสุดๆ) ยังคงพอมีความหวังต่อไป

   "มึงพูดแบบนี้แล้วช่วยดึงพลังงานทั้งหมดในตัวกูกลับมาหมดเลยว่ะ  ขอบใจมึงจริงๆอีเพื่อนร้ากก"ผมพูดกับมันแล้วทำหน้าตากระปี้กระเป่าขึ้นมาทันที  มันเห็นผมดูมีสติขึ้นมามันก็ยิ้มกว้างเลยทีเดียว  เอิ้นเป็นเพื่อนคนเดียวที่ผมสนิทมากที่สุดมันจะคอยเป็นที่ปรึกษาให้ผมตลอด  เรื่องผมกับไอ้สกายมันก็รู้ทุกเรื่องเพราะผมคุยกับมันตลอดไม่เคยปิดบัง  จนบางทีผมก็นึกว่ามันเป็นเลขาส่วนตัวผมไปแล้วซะอีก

   "กูรู้ว่ามึงต้องสู้  นี่ก็อยู่มอหกแล้ว เหลือเวลาอีกไม่นานมึงต้องสู้ๆนะเว้ยย"ขอบคุณอีกครั้งอีเพื่อนรัก  ขอบคุณจริงๆ  ผมยิ้มออกแล้วมีเพื่อนดีๆคอยให้กำลังใจมันดีแบบนี้นี่เอง

   "เอางี้พรุ่งนี้ตอนเย็นไอ้สกายมันซ้อมบอลที่สนามกูว่าเราไปนั่งด้อมๆมองๆแถวนั้นไหมวะ ก็แอบทำเนียนไปติวหนังสือกัน โอเคป่ะ"นางเป็นเพื่อนที่ดีมาก คิดแผนให้เสร็จสับเลย

   "โอเคดิว่ะ  มึงนี้เพื่อนตายกูจริงๆเลยย"ผมพูดแล้วทำปากจู๋ทำท่าส่งจูบให้มัน

   "อี๋  กูไม่เบี้ยนนะเมิงง"นางทำท่ารังเกียจรังงอนผมทันที 

   "เออ  บางทีกูก็สงสัยเรื่องนึงนะแต่ไม่เคยถามมึง"เอิ้นเอ่ย

   "เรื่อง?"

   "มึงก็หน้าตาดี  น่ารักจะตาย  มีผู้ชายมารุมจีบเยอะแยะแย่งกันจะเป็นจะตาย  แต่ทำไมมึงไม่ชอบใครบ้างเลยหรอว่ะ  ทำไมมึงต้องเจาะจงเฉพาะไอ้สกายด้วย"เอิ้นถาม  จริงๆเรื่องนี้มันไม่เคยจะถามผมเลยซักครั้งมีแต่มันช่วยสนับสนุนผมอย่างเดียวแค่นั้นเอง

   "ก็...ไม่รู้ดิกูชอบมันตั้งแต่แรกเจอและอีกอย่างเมื่อตอนที่มันปฏิเสธกูครั้งนั้น  กูก็บอกกับตัวเองว่ากูต้องทำให้มันรักกูให้ได้"ผมพูดกับเอิ้นแบบจริงจัง

   "อืม  ถ้างั้นสู้ๆว่ะเพื่อน ป่ะเข้าเรียนกันเถอะ"เอิ้นมันพูดด้วยน้ำเสียงเข้าใจผมอย่างดี  แล้วเราก็เดินไปห้องเรียนกัน



ณ สนามฟุตบอลโรงเรียน....ตอนเย็นๆหลังเลิกเรียน

   ตอนนี้พวกเราก็มานั่งที่ม้าหินอ่อนใต้ต้นจามจุรี ข้างสนามฟุตบอลที่ไอ้สกายมันกำลังเล่นอยู่ในสนาม  ผมมองมันแบบไม่คลาดสายตาเลยทีเดียว  มันเป็นหนุ่มที่ฮอตมากในโรงเรียนสาวๆที่ตามกรี๊ดมันนึกว่าดาราเกาหลีซะอีก  และขณะที่ผมกำลังมองมันอยู่ตอนนี้ก็มีสาวๆกลุ่มนึงนั่งเชียร์อยู่ข้างสนามประมาณ 5-6 คน  จำได้ว่าหนึ่งในนั้น คือ แป้ง เป็นผู้หญิงที่ตามกรี๊ดมันอยู่เหมือนกันและนางนี่แหล่ะที่เป็นคู่แข่งที่น่ากลัวของผมคนนึงเลยล่ะ  แป้งเป็นผู้หญิงที่สวยและฮอตมากในโรงเรียนเช่นกัน  ใครๆก็บอกว่าเค้าทั้งคู่เหมาะกัน  แต่ก็ไม่ยักจะเห็นไอ้สกายมันมีทีท่าว่าสนใจหรืออะไรกับแป้ง  แต่ก็ไม่แน่นะมันอาจจะชอบแป้งไปแล้วก็เป็นได้เพราะหลังๆมานี้มีข่าวแว่วว่าทั้งสองคนชอบไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยๆ  หรือว่าผมจะตกข่าวไปแล้วนะ

   "สกายๆๆทางนี้"  ผมหันไปมองมันทีที่ได้ยินเสียงคนเรียกชื่อไอ้สกาย  เป็นแป้งนั่นเองที่โบกไม้โบกมือให้ไอ้กายมัน  แหมๆๆ ดูท่าทางมันสิ ยิ้มแก้มปริเลยแถมยังโบกไม้โบกมือกลับไปหากลุ่มของแป้งด้วย  ในใจผมตอนนี้แบบว่ามันเต้นเร็วเกิน
ปกติไปแล้ว  มือก็กำหมัดโดยไม่รู้ตัว  รู้ตัวอีกทีก็มีมือเอิ้นนี่แหละมาสัมผัสที่หมัดผม  ผมเลยรู้สึกตัวแล้วหันหน้าไปหาเอิ้นมัน

   "มึงใจเย็นๆ  ช่างมันเหอะก็แค่ชะนีคลั่งผู้ชายอย่าไปใส่ใจ"เอิ้นมันพูดปลอบใจผม

   "อืม แม่งดูสิมันน่าหมั่นไส้นักทั้งผู้หญิงและผู้ชาย  ไม่ไว้หน้ากูเลย"  ผมเอ่ยออกมา เออลืมไปผมนี่ก็สำคัญตัวเองผิดไปนะ ทำไมพวกมันต้องไว้หน้าผมด้วยล่ะ ผมไม่ได้เป็นอะไรกับมันนี่นา ฮ่าๆ

   "มึงนี่สำคัญกับมันเนาะ  ถึงจะได้แคร์มึงขนาดนั้น"เอิ้นมันแซวผม

   "มึงนี่ก็นะ กูลืมตัวไป" ผมก็พูดยิ้มๆให้มัน

   ระหว่างที่เรากำลังคุยกันอยู่  จู่ๆก็มีลูกบอลกลิ้งมาแตะที่เท้าผม ผมก้มมองที่เท้าแล้วหยิบลูกบอลขึ้นมาและทันใดนั้นก็มองไปที่สนาม  มีหนุ่มนิรนามกำลังวิ่งตรงมาที่เราเพื่อที่จะมาเก็บลูกบอล  พอมาถึงหนุ่มคนนั้นก็ยิ้มๆแล้วก็มองมาที่ผม

   "เอ่อ  ผมขอลูกบอลคืนด้วยครับ"  เฮ้ยยยทำไมยิ้มแล้วหล่ออย่างนี้นะหรือจะเปลี่ยนเป้าหมายดี  ผมมองตามันแล้วก็คิดแผนออกทันที  ไอ้คนนี้มันเป็นเพื่อนของไอ้สกายถ้าผมได้รู้จักไอ้นี่มากขึ้นผมก็อาจจะได้ใกล้ชิดไอ้สกายแน่ๆ  ลองอ่อยดูซักนิดเผื่อมันจะติดใจผม

   "ได้สิ  แต่มีข้อแลกเปลี่ยนนะไม่งั้นไม่ให้คืน" ผมยืนขึ้นพร้อมกับลูกบอลแล้วเดินไปหามันใกล้ๆ 

   "ว่ามาสิ"มันยิ้มๆ ผมมองมันแล้วแบบจะละลาย ทำไมเพื่อนกลุ่มไอ้สกายมัยถึงได้หล่อ ดูดี  ขนาดนี้กันเกือบทุกคนเลยนะ  มันตัดผมสกินเฮด ตัวสูง หุ่นแน่นลีนๆ และจัดฟันอีกด้วย น่าร้ากกก

   "เอาเบอร์นายมา แล้วเราจะคืนลูกบอลให้ โอเคป่ะ"  ผมพูดแล้วยักคิ้วให้มัน  ดูหน้ามันจะเหวอนิดหน่อย  มันทำท่าคิดแล้วก็ยื่นมือมาให้ผมเหมือนขออะไรซักอย่าง  ผมคิดว่ามันจะไม่โอเคแล้วขอลูกบอลคืนแน่ๆ

   "นาย...ไม่โอเคสินะอ่ะถ้างั้น"ผมแสดงสีหน้าผิดหวังอย่างแรง  แล้วก็ส่งลูกบอลคืนให้มัน 

   "ไม่ใช่ลูกบอล  ที่เราขอคือโทรศัพท์นายไง  ขอเบอร์เราไม่ใช่หรอ" มันพูดแล้วยิ้ม ตาตี๋ๆ

   "อ้าวก็ไม่บอก...อ่ะ"ผมใช้มือข้างนึงถือลูกบอลไว้แล้วใช้อีกข้างหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงแล้วยื่นให้มัน  มันรับไปแล้วกดๆ แล้วโทรออกซักพักมันก็คืนโทรศัพท์มาให้ผม  ผมเองก็ยื่นลูกบอลให้มันเหมือนกัน

   "ขอเบอร์เราแล้วโทรหาด้วยล่ะ จะรอ"มันพูดแล้วยิ้มให้ผม  ผมก็ยิ้มตอบมัน  หลังจากนั้นมันก็เดินหันหลังกลับไปไป

   "นาย!...."ผมลืมถามชื่อมันไปได้อย่างไร  จึงตะโกนตามหลังมันไป  มันได้ยินก็หันกลับมาหาผมแล้วเลิกคิ้วเชิงเป็นคำถามว่ามีอะไร

   "นายชื่ออะไรอ่ะ....เราชื่อปอมนะ"ผมตะโกนอีกครั้ง

   "ตี๋.....เราชื่อตี๋"  มันพูดแล้วยิ้มตาตี๋สมชื่อมันจริงๆ  ผมยกมือส่งสัญญาณโอเคให้มันแล้วมันก็วิ่งกลับเข้าไปในสนามทันที 
   ผมมองตามหลังมันเห็นมันกำลังคุยอะไรกับไอ้สกายอยู่กลางสนามแล้วทั้งสองก็หันมามองทางผม  มันกำลังคุยเรื่องเราอยู่แน่ๆ ผมคิดในใจ  ผมเองได้แต่ยิ้มๆแล้วโบกไม้โบกมือให้ไอ้ตี๋มันก็โบกมือกลับมา  แต่ไอ้สกายนี่ดิมันทำหน้าทำตายังกะโมโหใครมาสิบชาตินี่ล่ะ  ช่างมันเหอะผมมีของเล่นชื้นใหม่แล้วนิ  แล้วไอ้สกายจะได้รู้จักผมมากขึ้นแน่นอน

   "ตกลงยังไงมึง จะเอาไอ้สกายหรือจะเอาเพื่อนมันกันแน่"เอิ้นมันถามอย่างงงๆ  เพราะเมื่อสักครู่มันทำหน้าสงสัยตลอดเวลาที่ผมคุยกับไอ้ตี๋

   "กูจะเอาทั้งสอง"  ผมพูดแล้วยิ้มให้มันพร้อมกับทำท่าภูมิใจกับแผนการของตัวเอง  แน่นอนแผนของผมครั้งนี้แซ่บแน่นอนรับรอง

   "อิบ้า...แรดนะมึง  เมื่อเช้ายังเพ้อเรื่องไอ้สกายอยู่เลย  ตอนนี้กลับทำตัวเป็นนางวันทองซะอย่างนั้น"  เอิ้นมันแซวผม

   "เปล่าหรอกกูแค่มีแผน"  ผมเอ่ยแล้วมองไปยังกลางสนาม

   "แผน...แผนอะไรว่ะ"  เอิ้นมองหน้าผมอย่างสนใจ

   "กูจะใช้ไอ้ตี๋เป็นสะพานไปหาไอ้สกายไงล่ะ"  ผมพูดอย่างภูมิใจ

   "จะดีหรอมึง  ถ้าหากไอ้ตี๋คนนั้นมันชอบมึงจริงๆขึ้นมา กูว่ามันน่าสงสารนะเว้ย"

   "ไม่เป็นไรหรอกน่า  มันคงไม่ขนาดนั้นหรอกกูก็แค่ให้มันสนิทกับกูแล้วพากูไปเจอไอ้สกายบ่อยๆแค่นั้นเอง  คงไม่มีอะไรหรอก"  ผมพูด

   "เออๆๆ เรื่องของมึง  ถ้าเกิดอะไรขึ้นมามึงนั่นแหล่ะจะเสียใจเอง"  เอิ้นมันเตือน

   "เป็นไรหรอกน่า"ผมพูดแล้วจับที่บ่ามันแล้วทำท่าอ้อนๆให้มันเออออตามผมมากขึ้น

   "เออๆๆ มีอะไรให้กูช่วยก็บอกล่ะกัน"  เอิ้นมันพูดแล้วมองผม  ผมนี่ยิ้มเลยครับมีแนวร่วมอย่างเป็นทางการแล้ว  มึงนี่รู้ใจกูทุกเรื่องเลยนะเพื่อน 

   "เฮ้ยยย มีโทรศัพท์มา"ผมมองที่โทรศัพท์ตัวเอง  เบอร์นี่คุ้นๆ ผมมองหน้าจอแล้วก็คิดตาม   อ๋อ  เบอร์ไอ้ตี๋นี่เองได้ผลเร็วนี่หว่าผมคิดในใจ จนเผลอยิ้มออกมา

   "ใครโทรมายะ ยิ้มเชียว"เอิ้นมันมองผมแบบหมั่นไส้

   "ไอ้ตี๋ว่ะ  เป็นไงล่ะเสน่ห์กู"ผมยิ้ม

   "เออๆๆ รีบรับเหอะกูจะอ่านหนังสือต่อล่ะ"เอิ้นบอกผมพร้อมปัดมือไล่ผมปอยๆ  รับรองคราวนี้มีเรื่องสนุกๆแน่นอนครับ



 To be continued...




« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-10-2017 21:46:11 โดย azaki »

ออฟไลน์ azaki

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 52
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-1
กลรักลวงใจ ตอนที่ 2 (13-08-2017)
«ตอบ #2 เมื่อ13-08-2017 20:57:05 »

กลรักลวงใจ  ตอนที่ 2  ทางเดียวกันไปด้วยกัน

 

   "ฮัลโล ครับ"ผมรับสายพร้อมกับนั่งลงบนม้านั่งตรงข้ามกับเอิ้น

   "วันนี้ปอมกลับกี่โมงครับ"ไอ้ตี๋มันถามมา

   "อีกแปบนึงก็จะกลับแล้วล่ะ  แล้วตี๋ล่ะกลับกี่โมง"ผมถามกลับ

   "อ๋ออีกแปบนึงเหมือนกัน แล้วกลับยังไงกันอ่ะ"

   "เรากับเอิ้นจะนั่งรถเมล์กลับกันอ่ะ  กลับพร้อมกันไหมล่ะ"ผมลองชวนมันดู  ขอให้เซเยสทีเถ๊อะ

   "เราขับรถมาอ่ะเอางี้ไหมปอมกับเพื่อนกลับพร้อมเราไหมล่ะ"กลายเป็นมันที่คนชวนผมซะงั้น

   "จะดีเหรอเราเพิ่งรู้จักกันเองนะ  พอดีแม่เราไม่ให้ไปกับคนแปลกหน้าอ่ะ ฮ่าๆๆ"ผมพูดติดตลก

   "ดีสิ  เราไม่ใช่คนแปลกหน้าซะหน่อยเราเป็นเพื่อนกันแล้วนะ"แหมๆๆ มึงนะ เพิ่งเป็นเพื่อนกับกูเมื่อกี้นี่เอง

   "ก็ได้ถ้างั้น แล้วให้เราไปเจอนายที่ไหนล่ะ"

   "ปอมกับเพื่อนรอเราหน้าโรงเรียนนะ  เดี๋ยวเราไปรับ"

   "โอเค  ถ้างั้นเราจะรอแค่นี้ล่ะ บาย"ผมวางสายแล้วหันไปมองหน้าเอิ้นก็ต้องตกใจ  มันจ้องหน้าผมเหมือนผมไปทำอะไรผิดมาซะอย่างนั้นล่ะ

   "มึงถามกูยัง  ว่ากูจะไปด้วยไหมอีปอม"เอิ้นถามผมพร้อมกับจิกตามาสุดฤทธิ์  ผมก็ยิ้มแหยๆ ให้มัน

   "ดีออก มีคนไปส่งไม่ต้องนั่งรถเมย์คนแน่นๆร้อนๆ"ผมพูดให้ข้อดีให้มันคล้อยตาม ที่จริงแล้วบ้านผมกับบ้านมันห่างกันแค่ไม่กี่หลังเราถึงได้กลับบ้านพร้อมกันทุกวันและสนิทกันมาตั้งแต่เด็กแล้ว

   "เออๆ ไปก็ไปวะ มึงนี่นะเพิ่งรู้จักกับมันแท้ๆไว้ใจเร็วโคตรๆ  คอยดูถ้ามึงโดนมันหลอกไปปล้ำกูจะไม่ช่วยมึง"มันพูดแล้วชี้หน้าผม

   "ถ้ามันจะปล้ำกู  มึงไม่ต้องมาช่วยหลอกกูยอมมมม"ผมพูดแล้วยื่นหน้าทะเล้นไปหามัน  มันเลยสับมะเงกใส่หัวผมทีนึง  เจ็บสิครับงานนี้ผมนี่รีบลูบหัวตัวเองปอยๆ

   "อ๊ะนั่น!!มาแล้วๆๆ"ผมเอ่ยเสียงรัวๆออกมาหลังจากเห็นตี๋จอดรถอยู่ไม่ไกลพร้อมโบกไม้โบกมือมาทางพวกผม  ผมเลยโบกมือกลับ

   "ป่ะ ไปกันเถอะตี๋มาแล้ว"พูดจบผมและเอิ้นก็เดินไปที่รถทันที

   เดินมาถึงรถผมก็ด้อมๆมองๆเพราะมีคนมากับไอ้ตี๋ด้วย  ผมชะโงกหน้าเข้าไปมองในรถก็แอบอึ้งนิดหน่อยเพราะคนที่นั่งมาด้วยคือไอ้สายครับพี่น้องงงง  กรี๊ดดดดด(ในใจ) ทำไมโชคถึงเข้าข้างผมอย่างนี้ได้นั่งรถคันเดียวกันด้วย มึงไม่มีทางหนีกูพ้นหรอกไอ้สกายเอ้ยยย

   "อ้าวมีเพื่อนมาด้วยหรอ"ผมแกล้งถามแล้วหันไปมองหน้าไอ้สกาย ที่กำลังนั่งนิ่งไม่แม้แต่จะมองมาทางผม

   "ใช่ๆ พอดีวันนี้รถมันเสียเลยต้องรับภาระเอามันกลับบ้านด้วย"ตี๋เอ่ยขำๆ

   "มึงจะไปได้ยังว่ะ  กูรีบนะเว้ย"ไอ้สกายมันเริ่มจะวีนใส่ตี๋แต่ดูท่าทางมันคงจะวีนมาทางผมด้วยแน่นอนดูจากหางตา

   "ปอมกับเพื่อนขึ้นรถเลย ไอ้คุณชายมันบ่นแล้ว"ตี๋หันมาพูดกับผมและเอิ้น 

   พอขึ้นรถไอ้ตี๋มันก็แนะนำเพื่อนมันให้ผมและเอิ้นรู้จัก(แต่หารู้ไม่ว่าพวกผมรู้จักมันเป็นอย่างดีแล้ว)

   "ปอม เอิ้น นี่เพื่อนตี๋ชื่อสกาย"ตี๋เอ่ยพร้อมกับมองมาทางพวกผมผ่านกระจกมองหลัง

   "อ๋อ  ตี๋ไม่ต้องแนะนำหรอกใครไม่รู้จักสกายนี่ไม่ใช่เด็กโรงเรียนนี้แน่ๆ เพราะสกายออกจะฮอตในหมู่สาวๆ ไม่ว่าจะเป็นสาวแท้และสาวเทียม รวมทั้งสาวแก่แม่หม้ายด้วย ฮ่าๆๆ"  ผมตอบตี๋พร้อมกับสาธยายไปเรื่อยๆเพราะต้องการกวนตีนไอ้สกายด้วยล่ะ  มีความสุขจริงๆได้แกล้งมัน

   "มึงเวอร์ไปแล้วอีตุ๊ด  อย่างกูเอาเฉพาะสาวๆก็พอส่วนพวกอื่นๆ กูไม่ชอบพวกวิปริต"มันตอกกลับซะผมอึ้งเลย จนผมและเอิ้นมองหน้ากันรวมทั้งไอ้ตี๋ที่หันไปมองไอ้สกายด้วย  คือแบบมันคงไม่เชื่อหูตัวเองว่าเพื่อนมันจะปากร้ายได้ขนาดนี้มั้ง งานนี้ผมคงต้องใช้ความอดทนสูงมากๆไม่ยอมแพ้มันหรอก

   "ไอ้สกาย มึงเป็นเหี้ยอะไรเนี่ย  มึงไปว่าปอมทำไม"ตี๋เอ็ดไอ้สกาย

   "กูปกติแต่มันนี่สิไม่ปกติ  ถ้ากูรู้ว่ามันจะขึ้นรถมาด้วยกูคงไม่มากับมึงตั้งแต่แรกหรอก  มึงก็รู้ว่ากูเกลียดตุ๊ด"ไอ้สกายมันเอ่ยออกมา ผมนี่หน้าแดงเลยครับโมโหมันมาก หน้าผมมันตุ๊ดขนาดนั้นเลยหรอก็แค่ผิวขาวใส หน้าหวานนิดหน่อยแค่นั้นเองนะ(^^)

   "ทำไมกูมาด้วยแล้วจะทำไมในเมื่อนี่มันรถตี๋  ตี๋ชวนกูมาถ้ามึงมีปัญหานักก็ลงซะตรงนี้เลยสิ"ผมตอบกลับมันเสียงดัง แล้วทำหน้าตาทะเล้นใส่มัน

   "ถ้ากูลงกูก็แพ้มึงสิวะ  ถามึงรับไม่ได้ก็ลงไปเองสิว่ะ นี่รถเพื่อนกู"มันย้อนผมแล้วก็ทำหน้าตาทะเล้นมาใส่ผมบ้าง  ฮึ่มมๆๆๆๆ เย็นไว้ๆๆ เอิ้นมันคงเห็นผมโกรธจนหน้าแดงมันเลยตบบ่าผมทีนึงแล้วส่งสายตามาให้ผมเชิงว่าให้ผมยอมและเงียบก่อน

   "พอๆๆ ทั้งสองคนเลย จะไม่มีใครลงทั้งนั้น  ไอ้สกายกูขอสั่งให้มึงเงียบไปตลอดทางเลยนะไม่ต้องพูดจะได้ไม่ต้องมีเรื่องกัน"ไอ้ตี๋ปรามพวกผมทั้งสองคนแล้วบอกไอ้สกายให้เงียบๆเข้าไว้  ดีมากตี๋นายแมนมากแมนกว่าไอ้สกายร้อยเท่าพันเท่าเลย ถ้าไม่ติดว่าผมชอบไอ้สกายไปแล้วและอยากจะเอาชนะมันผมคงปันใจให้ตี๋ไปแล้วแน่ๆ

   หลังจากสงครามผ่านไปสถานการณ์ก็กลับสู่ภาวะปกติโดยที่ตลอดทางไม่มีเสียงไอ้สกายเล็ดลอดออกมาแม้แต่คำเดียวจริงๆ ผมก็ชวนตี๋คุยไปเรื่อยส่วนมากจะเป็นเรื่องที่โรงเรียนว่าทำอะไรมั่ง  อยู่ชมรมอะไร ซ้อมกีฬาวันไหน เวลาไหนบ้าง  วันหยุดชอบไปเที่ยวไหน สรุปว่าผมนี่หาข้อมูลสุดๆเพราะไอ้สองคนนี้มันจะตัวติดกันตลอดถ้าเห็นไอ้ตี๋ที่ไหนเป็นต้องเห็นไอ้สกาย  มึงไม่พ้นเนื้อมมือกูไอ้สกายเอ๋ย

   ในที่สุดก็ถึงบ้านผมคือตอนนี้เหลือผมคนเดียวส่วนเอิ้นมันลงก่อนแล้วเพราะบ้านมันถึงก่อนบ้านผม

   "ขอบใจนะตี๋  เดี๋ยวคราวหน้าจะชวนเข้าบ้านด้วยแต่ตอนนี้ไม่ค่อยสะดวกเท่าไร"ผมพูดขณะเตรียมสะพายกระเป๋าอยู่หลังรถ ตี๋มันหันหน้ากลับมายิ้มให้ผม

   "โอเค  อย่าลืมนะวันหลังเดี๋ยวตี๋จะมาขอฝากท้องด้วยซักมื้อ"ไอ้ตี๋พูดยิ้มๆพร้อมกับส่งสายตาหวานเยิ้มมาให้ผมและผมก็ดูออกว่ามันต้องการอะไร  เสียดายนะถ้าคนที่ส่งสายตาแบบนี้ให้ผมเป็นมันคงจะดี

   "ได้ๆ วันไหนบอกได้เราจะรอ  ชวนสกายมาด้วยก็ได้นะจะได้มีเพื่อนคุย"ผมพูดพร้อมกับเหล่ตาไปมองมันเห็นแค่ข้างๆก็ยังดีวะ  มันเงียบสงสัยจะหลับรึเปล่านะแต่ช่างมันเถอะเห็นหน้าวันละนิดจิตแจ่มใสแล้ว

   "เดี๋ยวเราเข้าบ้านก่อนนะ บาย"ผมพูดพร้อมโบกมือลา เมื่อลงจากรถแล้วผมก็ไปยืนริมฟุตบาตโบกมือลามันอีกทีหลังจากรถมันออกไปแล้วผมถึงได้กลับเข้าในบ้าน
   
   ที่ไม่สะดวกชวนตี๋กับไอ้สกายเข้าบ้านเพราะวันนี้น้าผมที่มาจากต่างจังหวัดจะพาลูกชายเค้าย้ายมาอยู่ที่บ้านผมและย้ายเข้ามาเรียนที่โรงเรียนเดียวกันกับผมด้วย  ตอนนี้ก็คงมึงแล้วมั้งพอผมเปิดประตูเข้าไปก็พบว่าทุกคนนั่งอยู่กันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตากันเลย  แม่  เจ้ปื่น(พี่สาวแท้ๆผมเองสวยด้วย)  น้าเปีย  และปังปอนด์  ซึ่งปังปอนด์นั้นเพิ่งจะเข้ามอสี่เป็นน้องผมสองปี  ส่วนพี่ปิ่นเรียนปีสามแล้ว ที่มหาวิทยาลัยชื่อดังแถวนี้ล่ะ  ส่วนพ่อผมนั้นเสียตั้งแต่ผมอายุได้สองขวบล่ะครับจำความได้ก็ไม่มีพอกับเค้าแล้วแต่แม่ก็เลี้ยงพวกเราได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่องเลยทีเดียวจนพวกเรารู้สึกว่าไม่มีพ่อก็ไม่ได้ขาดอะไรเลย

   "สวัสดีครับแม่ น้าเปีย"ผมยกมือไหว้แล้วหันไปยิ้มให้ปังปอนด์ด้วย ปังปอนด์เองก็ยกมือไหว้ผมเช่นกัน

   "อ้าวมาพอดีเลยปอม  น้าเปียมาถึงช่วงบ่ายๆแล้วบ่นคิดถึงลูกอยากเจอเร็วๆ"แม่เอ่ยขึ้นแล้วหันหน้าไปทางน้าเปีย  จะบอกว่าผมสนิทกับน้าเปียมากๆเพราะแต่ก่อนน้าจะอยู่ที่บ้านผมนี่ล่ะก่อนจะมีสามีแล้วย้ายไปอยู่กับสามีที่ต่างจังหวัดเพราะสามีน้าเป็นนายอำเภอจึงต้องย้ายตามไปด้วย  แต่ก็ไปๆมาๆอยู่เรื่อยๆ

   "ว่าไงพ่อกะปอมน้อยของน้า  น้าคิดถึงเรามากเลยมาให้น้ากอดทีดิ๊"น้าเปียพูดแล้วอ้าแขนรอกอดผม  ผมรีบเดินเข้าไปกอด
   "ว่าไงไอ้ตัวเล็ก  คิดถึงพี่บ้างป่าวเนี่ย"พอผละจากน้าเปียผมรีบหันไปคุยกับปังปอนด์ที่นั่งยิ้มดูพวกผมอยู่  น้องเป็นคนที่น่ารักมาก ตัวเล็ก ผิวขาวและนิสัยเรียบร้อยแถมยังเรียนเก่งอีกต่างหาก  จริงๆปังปอนด์ต้องเข้ามาเรียนตั้งแต่อาทิตย์ที่แล้วแต่ยังเคลียร์กับทางโรงเรียนเดิมยังไม่เสร็จเลยมาช้าไป  แต่ต่อไปนี้ทุกวันผมกับปังปอนด์ต้องไปโรงเรียนด้วยกัน  และผมต้องเป็นเกราะป้องกันน้องอย่างเสียมิได้เพราะเด็กน่ารักอย่างนี้ถ้าไปโรงเรียนคงโดนพวกเด็กเก่ากร่างใส่แน่ๆ

   "คิดถึงสิครับพี่ปอมแต่ต่อไปก็ไม่ต้องคิดถึงแล้วผมมานี่แล้วสักพักคงจะเบื่อขี้หน้ากันแน่ๆ"ปังปอนด์พูดแล้วยิ้ม  ผมเอามือไปจับหัวปังปอนด์ขยี้ผมเล่นเบาๆด้วยความเอ็นดู

   "นี่ไม่มีใครคิดถึงปิ่นบ้างรึไงเนี่ยงอนแล้ววว"จู่ๆเจ้ปิ่นก็เอ่ยขึ้นมา นางคงจะงอนที่ตอนนี้ไม่มีใครคุยกับนาง  ฮ่าๆๆๆ 

   "ไม่มีใครคิดถึงหรอก ก็เจ้แก่แล้วไงไม่ใช่เด็กๆแล้ว"ผมพูดแหย่พี่สาวผมเล่น เพราะปกติผมกับเจ้ปิ่นเล่นกันอย่างนี้ประจำ ถ้าคนข้างนอกมาเห็นคงคิดว่าทะเลาะกันจะฆ่ากันตาย  แต่ที่ไหนได้พวกผมชอบเล่นกันอย่างนี้ประจำ

   "ไอ้ปอมแกว่าชั้นหรออ แกตายยย"เจ้ปิ่นทำท่าจะเดินมาบีบคอผม เห็นท่าไม่ดีผมก็รีบวิ่งไปหลบหลังแม่บ้าง น้าเปียบ้าง วนไปวนมาทุกคนต่างยิ้มหัวเราะกันอย่างมีความสุขนี่ล่ะครอบครัวอันแสนอบอุ่นของผม

   ......

   ชีวิตผมก็ประมาณนี้ล่ะครับ  ไปโรงเรียนก็สู้รบปรบมือกับไอ้สกาย กลับบ้านมาสู้รบปรบมือกับพี่สาว  แต่สู้กับไอ้สกายนี้เหนื่อยกว่าแต่มีความสุขมากๆเลยล่ะ  หลังจากนี้ผมกับมันได้สนุกกันแน่ ฮึๆ


TBC....

คืนนี้อัพ 2 ตอนก่อนนะครับผม
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-10-2017 21:46:34 โดย azaki »

ออฟไลน์ azaki

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 52
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-1
กลรักลวงใจ ตอนที่ 3 (14-08-2017
«ตอบ #3 เมื่อ14-08-2017 19:36:16 »

กลรักลวงใจ  ตอนที่ 3 สะกดรอยตาม


   หลังจากวันที่ไอ้ตี๋มาส่งผมที่บ้านวันนั้นเราก็ยังไม่ได้คุยกันอีกเลยเพราะช่วงนี้ต่างคนก็ต่างยุ่งกับการเรียนและกิจกรรมส่วนผมก็ยังหาเวลาว่างแอบวนเวียนไปเจอ ไปส่องไอ้สกายอยู่เรื่อยๆ เห็นผ่านๆก็ยังดีอ่ะนะ ฮ่าๆๆ ก็คนมันรักเนาะ

   วันนี้หลังจากเลิกเรียนแล้วผมกับเอิ้นก็มาทานไอศครีมกันที่ห้างแถวๆโรงเรียน  ปกติพวกผมก็มากันเป็นประจำอยู่แล้ว  วันไหนที่เรียนหนักๆก็มาคลายเครียดกันตลอดเพราะบรรยากาศที่นี่ดีมาก ถึงแม้จะอยู่ในห้างแต่ก็ตกแต่งได้เหมือนธรรมชาติมากๆ  มีดอกไม้ ต้นไม้เหมือนนั่งกินอยู่ในสวนสวยๆเลยทีเดียว  ภายในร้านมีเพียงกระจกกั้นทำให้ลูกค้าสามารถเห็นคนภายนอกที่เดินผ่านไปมาได้อย่างถนัดตา

   "ปอมๆ แกดูนั่นสิใครมา"เอิ้นมันเอ่ยกับผมขณะที่ตามันยังคงมองไปหาใครบางคนที่อยู่ฝั่งข้างหลังผมเพราะเรานั่งตรงข้ามกันหันหน้าเข้าหากัน

   "ไรวะ กูกำลังกินเนี่ย"ผมเอ่ยพร้อมกับกำลังตักไอศครีมคำใหญ่เข้าไปในปาก

   "ไอ้สกาย!!"เอิ้นมันเอ่ยชื่อไอ้สกายขึ้นมา ผมนี่ถึงเกือบกับสำลักไอศครีมออกมาเลยทีเดียวแล้วรีบหันหลังกลับไปดู  เฮ้ยยย!!  ไอ้สกายมันมากับแป้งด้วยอ่ะสองต่อสอง อ๊าก!!!  ผมนี่โกรธ(เพราะอารมณ์หึงหวง)หน้าแดงเลยทีเดียวครับ

   "มึงหันกลับมาเดี๋ยวนี้  เดี๋ยวมันก็รู้ตัวหรอก"เอิ้นมันเตือนสติผม เพราะมันเห็นผมจ้องสองคนนั้นตาเขม็ง

   “มึงเอาไงดีวะ”ผมถามเอิ้น

   “เราตามไปดูมะว่าสองคนนั้นไปทำอะไรกัน”เอิ้นมันเอ่ยขึ้น เอาไงดีเนี่ยยยย  จะแอบตามมันไปอย่างนี้เดี๋ยวมันจับได้ผมนี่หน้าแหกเลยนะ  ติ๊ก ต่อกๆๆๆ ปิ๊ง!!.....

   “โอเค ไปก็ไปวะ  ถ้าจะทำแล้วต้องทำให้มันสุดๆไปเลย”ผมเผลอตัวยืนขึ้นปุ๊บปั๊บท่ามกลางลูกค้าคนอื่นๆซึ่งกำลังนั่งกันเยอะมากๆ ได้สติผมก็มองไปรอบๆแล้วค่อยๆนั่งลง

   “ป่ะไปตอนนี้เลยเดี๋ยวไม่ทัน”เอิ้นรีบเร่งผมสุดๆ ดูแล้วมันนี่เยอะกว่าผมซะอีกกูโชคดีแล้วที่มีมึงเป็นเพื่อนอีสาววายตัวยง

   พวกผมรีบเช็คบิลแล้วรีบตามไอ้สกายและแป้งไป  พวกผมค่อยๆเดินตามทั้งสองคนไปอย่างห่างๆ  ตามๆไปก็เพิ่งจะรู้ว่าจริงๆแล้วพวกมันไม่ได้มากันแค่สองคนแต่ไอ้ตี๋ก็มาด้วย พร้อมทั้งเพื่อนๆของแป้ง ฝน ก้อย และเชอร์รี่(คือพวกนางทั้งสี่คนตั้งแก๊งที่เรียกตัวเองว่าแก๊งนางฟ้าคือมั่นมากจริงๆ)ผมแอบหมั่นไส้มานานแล้ว  ทั้งหกคนเดินไปเป็นกลุ่มแต่ข้างๆไอ้สกายมีแป้งเดินเคียงข้างตลอดทางบางครั้งก็แอบควงแขนกันด้วยเห็นแล้วหมั่นไส้ซะจริงๆ

   “มึงๆๆ พวกมันเข้าไปร้าน B2S กันแล้ว”เอิ้นมันรีบเอ่ยทันทีที่เห็นทั้งหกคนเดินเข้าไปในร้าน B2S พวกผมก็แอบย่องๆตามพวกมันไป บางทีคนที่เห็นพวกผมคงจะขำๆปนประหลาดใจที่ทำท่าทางยังกับนักสืบซะอย่างนั้น ฮ่าๆๆ พูดแล้วก็ขำตัวเองจริงๆ

   ตอนนี้ทั้งหกคนอยู่ที่ชั้นหนังสือกันแล้วต่างคนต่างแยกย้ายดูของกัน ก้อยกับฝนก็แยกกันไปดูทางฝั่งเครื่องเขียน ส่วนไอ้ตี๋กับเชอร์รี่ก็แยกกันไปที่โซนขายซีดีเพลง แหมๆๆไอ้ตี๋มึงนี่มันโคตรจะโคตรเจ้าชู้เลยนะคือมันดี๊ด๊ามากที่มีสาวสวยอย่างเชอร์รี่คอยเดินข้างๆ ดีแล้วที่ผมไม่เข้าไปหลงเสน่ห์มัน  ส่วนไอ้สกายและแป้งก็อยู่ที่ชั้นขายหนังสือ  ผมกับเอิ้นก็แอบๆไปที่ชั้นหนังสือเหมือนกันแต่อยู่คนละฝั่ง  พวกผมแกล้งเอาหนังสือมาอ่านบังหน้าคอยแอบฟังทั้งสองคนคุยกัน

   “สกายนี่ชอบถ่ายรูปหรอมากเลยหรอค่ะ”เสียงแป้งเอ่ยถามขึ้น  เมื่อเห็นไอ้สกายกำลังตั้งใจดูหนังสือที่หยิบขึ้นมาอ่านซึ่งเป็นหนังสือเกี่ยวกับการถ่ายภาพ

   “อื้ม พอดีผมชอบถ่ายภาพน่ะ ว่าจะซื้อไปอ่านซะหน่อย”ไอ้สกายเอ่ยขึ้นพร้อมกับหันหน้าไปมองแป้ง(บางทีมันก็แอบมีมาดคุณชาย)

   “ดีจัง ไว้วันไหนว่างๆให้แป้งเป็นนางแบบซักวันนะค่ะ  พอดีแป้งก็ชอบเป็นนางแบบเหมือนกัน”แป้งเอ่ยยิ้มๆพร้อมกับจ้องหน้าไอ้สกาย  แหมๆๆ เธอนี่เสนอตัวจังเลยนะแป้ง คือนางเป็นผู้หญิงที่ไม่เข้าตาผมมากๆเลย(ส่วนนึงก็มาจากการเป็นศัตรูหัวใจ ฮ่าๆๆ)

   “ได้ๆไว้วันไหนแป้งว่างบอกเราได้เสมอเลยนะ”ไอ้สกายมันนี่ก็ให้ท่าแป้งสุดๆ ทำยังไงได้เนาะก็เค้าเป็นผู้หญิงนี่นา  ถ้าเป็นเรานี่มันคงจะต่อยคว่ำไปแล้ว

   “สกายนี่ใจดีจังเนาะ ถ้าใครได้เป็นแฟนนี่คงโชคดีสุดๆเลย เราอยากมีแฟนแบบสกายนี่ล่ะ”แป้งหยอดอีกครั้งคือมึงจะรุกหนักเกินไปแล้วนะแป้ง  กูยอมมึงจริงๆ  ผมได้ยินนี่ชูกำปั้นขึ้นแล้วทำท่าจะต่อยแป้งโดยทันที(ตอนนี้อยู่คนละฝั่งมีชั้นหนังสือกันพวกเราไว้)เอิ้นมันก็เอานิ้วชี้มาจุ๊ที่ปากให้ผมสงบเสงี่ยมไว้

   “ผมไม่ได้เพอร์เฟคขนาดนั้นหรอกแป้งก็ยอเกินไป  ใครได้เป็นแฟนแป้งก็คงโชคดีเหมือนกันนั่นล่ะทั้งสวยทั้งน่ารัก”มันพูดแล้วยิ้มให้แป้งด้วย  ผมนี่อึ้งเลยมันกล้าพูดขนาดนี้แสดงว่ามันคงมีใจให้แป้งแน่ๆเลย  แน่จริงพวกมึงก็ขอกันเป็นแฟนเลยดิวะ ผมนี่โมโหสุดๆ แหมๆๆกูนี่ตามแล้วตามอีก ตื๊อแล้วตื๊ออีกมึงนี่ไล่กูจังแต่กับแป้งนี่หวานสุดๆนะครับไอ้คุณสกาย

   “แล้วทำไมเราไม่เป็นแฟนกันละค่ะ ไหนๆก็ไหนๆแล้วแป้งขอบอกเลยละกันนะค่ะ  แป้งชอบสกายมานานแล้ว แป้งรู้ว่าสกายก็รู้แต่สกายก็ยังคงรักษาสภาพความเป็นเพื่อนมาตลอด  ถามจริงๆสกายมีคนที่ชอบอยู่แล้วหรอค่ะ”พูดไม่ทันขาดคำแป้งก็เอ่ยสิ่งที่ผมคิดออกมาทันที  ผมนี่ทำตาโตแล้วมองหน้ากับเอิ้นโดยทันที  เหมือนนางสามารถอ่านความคิดของผมออกเลยอ่ะ  ผมนี่อึ้งเลย ตอนนี้หัวใจเต้นตุบๆ เลยทีเดียว

   แต่ตอนนี้มีแต่ความเงียบ

   “เอ่ออ คือตอนนี้ผมก็ไม่มีใครหรอกครับ  อาจจะเป็นเพราะผมยังติดชีวิตโสดอยู่มันสบายใจดี”สกายมันตอบกลับแบบรักษาน้ำใจสุดๆ ผมนี่สมน้ำหน้าแป้งมากๆ ฮ่าๆๆ โดนปฏิเสธแบบผู้ดี้ผู้ดี  ผมสังเกตหน้าแป้งนี่แบบว่าดูไม่จืดเลยทีเดียวนางคงอึ้งและเสียหน้ามากๆ

   “แต่ไม่ใช่ว่าผมไม่ชอบแป้งนะ  แป้งน่ารักดีถ้าผมจะมีแฟนนี่จะนึกถึงแป้งเป็นคนแรกนะครับ”ผมนี่อึ้งเลยครับสรุปมึงนี่ยังไงไอ้สกายจะชอบหรือไม่ชอบกันแน่  งงหนักกับมันมาก  คือตอนนี้หน้าแป้งนี่แบบราวกับได้เงินล้านเลยทีเดียวครับ  ยิ้มจนหูจะฉีกเลยนางคงดีใจมากเพราะที่ไอ้สกายพูดออกมาตีความได้ว่าก็ยังมีใจให้แป้งแต่แค่ยังติดชีวิตโสดแค่นั้น  ผมนี่อึ้งไม่รู้กี่รอบแล้วไม่น่าตามพวกมันมาเล้ยยย มาได้ยินอะไรบ้าบอแบบนี้เดี๋ยวตอนเย็นนี้ก็เก็บเอาไปคิดอีกล่ะ

   “ขอบคุณนะ  ที่พอให้แป้งมีความหวังอยู่บ้างยังไงแป้งก็จะรอสกายนะ”นางพูดยิ้มๆแล้วเอามือไปจับที่แขนของไอ้สกาย  ได้ทีนี่จับไม้จับมือเลยทีเดียวบอกผมทีว่านางเป็นผู้หญิงจริงๆ ไม่ใช่กระเทยปลอมตัวมานางแรงมากจริงๆ

   “กูว่าเรากลับดีกว่าว่ะ  ขี้เกียจฟังแล้วเจ็บว่ะ”ผมพูดเบาๆกับเอิ้น เอิ้นมันพยักหน้าแล้วก็วางหนังสือที่ถือไว้วางเก็บไว้ที่ชั้นตามเดิมพอพวกผมหันหน้ามาก็เจอแจ๊ดพอตทันที

   “เฮ้ยย ปอม เอิ้น มาได้ไงเนี่ย”ไอ้เหี้ยยยตี๋มาเจอพวกเราพอดีครับท่านผู้ชม อะไรจะบังเอิญขนาดนี้นะ  ผมนี่หน้าเหวอเลยทีเดียว  ผมมองหน้าเอิ้นแล้วพวกเราก็ยิ้มแหยะๆให้กัน

   “เอ่อ คือ  พวกเรามาซื้อหนังสือน่ะ  กำลังจะกลับแล้ว”ผมตอบกลับไอ้ตี๋แบบรีบๆเพราะกำลังเตรียมตัวจะชิ่งแล้ว เดี๋ยวพวกไอ้สกายกับแป้งจะหาว่าเรามาแอบฟังเค้าคุยกันอีกล่ะ(แต่ก็เป็นแบบนั้นจริงๆนี่นา)

   “อ๋อๆ แล้วทำไมกลับเร็วจังไปหาไรกินกันก่อนมั้ยล่ะ นี่พวกเรากำลังจะไปกันพอดีเลย”ไอ้ตี๋มันชวนต่อ  โอ๊ยยตี๋ชั่วโมงนี้กูต้องการจะไปด่วนๆมึงนี่ชอบชวนจังว่ะ

   “ไม่ๆล่ะ คือแบบเรารีบจริงๆ ใช่มั้ยเอิ้น”ผมพูดแล้วหันหน้าไปหาเอิ้น ไอ้เอิ้นก็งงสิครับท่านอยู่ๆก็โยนไปให้มันซะงั้น  แต่ไม่ทันที่เอิ้นมันจะตอบกลับแต่ก็มีเสียงคนคุ้นเคยตอบกลับมาแทน

   “จะรีบไปไหนกันล่ะ เมื่อกี้ยังแอบฟังอยู่เลยไม่เห็นจะรีบ”เป็นไอ้สกายที่มันเดินมาพร้อมกับแป้งและยิ้มเยาะผม แล้วก็มีแป้งอีกคนที่ทำหน้าตาแบบเหมือนจะยิ้มเยาะอีกคน(สรุปคือพวกมึงสมกันจริงๆเนาะ)

   “ใช่ค่ะ  ไม่ยักกะรู้ว่าปอมกับเอิ้นอยู่ตรงนี้ด้วย เมื่อกี้พวกเราคุยกันคงได้ยินหมดแล้วใช่ไหม?”แป้งมันก็คอยเสริมทัพอีกทีนึงคือจะบอกก่อนว่าแป้งมันรู้ว่าผมน่ะชอบไอ้สกายครับ  แก๊งนางฟ้าพวกนี่ไม่มีอะไรพี่พวกมันไม่รู้เพราะชอบสอดเรื่องชาวบ้านเค้าไปทั่ว

   “แล้วไง? พวกนายจะคุยอะไรกันทำไมเราต้องไปแอบฟังด้วยล่ะ ในเมื่อนี่มันที่สาธารณะใครจะอยู่ตรงไหนก็ได้ใครจะพูดอะไรก็ได้ ถ้าคิดว่าการที่พวกเธอสองคนคุยกันแล้วคนอื่นได้ยินเป็นการแอบฟัง ก็ไปคุยกันในห้องน้ำสองคนโน่นไป”ผมเหลืออดครับที่เห็นพวกมันพูดจาถากถางและยิ้มเยาะผม  โดยเฉพาะไอ้สกายที่มันพูดว่ามันสนใจในตัวแป้งแล้วผมได้ยินมันคงสมน้ำหน้าผมสินะ

   “มึงนี้ไม่ยอมรับอะไรง่ายๆเลยนะ  แต่ก็ช่างเหอะยังไงก็ได้ยินหมดแล้วนี่  ดีแล้วกูไม่อยากจะพูดอะไรซ้ำซากจะพูดอีกกี่ทีกูก็ยังชอบผู้หญิงว่ะ แล้วแป้งก็คือคนที่ก็รู้สึกดีๆด้วยมึงเลิกมาตามตื๊อกูได้แล้ว”ไอ้สกายมันพูดแบบนี้เหมือนตบหน้าผมกลางสี่แยกเลยครับ ผมนี่หน้าชาเลยทันที นี่มันกล้าพูดต่อหน้าคนเยอะๆขนาดนี้เลยหรอเนี่ย ใจร้ายสุดๆเลย

   ไอ้เอิ้นมันคงรู้ว่าผมกำลังเสียใจสุดๆมันเอามือมาจับที่แขมผมไว้  ตอนนี้น้ำใสๆเริ่มเคลื่อนตัวออกมาที่เบ้าตาผมอย่างช้าๆ ผมหันไปมองหน้าไอ้ตี๋ที่ตอนนี้กำลังทำหน้างงๆ(คือมันไม่รู้ว่าผมแอบชอบไอ้สกายมาก่อน)แต่ก็ดูเหมือนจะเห็นใจผม ส่วน แป้ง ฝน ก้อยและเชอร์รี่ พวกนางยิ้มเยาะผมกันทุกคนแก๊งนี้มันร้ายนักถ้ามีเวลาผมจะเอาคืนพวกมันให้สาสม ส่วนไอ้ตัวต้นเหตุนี่มันก็ทำหน้าตาไม่ต่างจากพวกแก๊งนางฟ้าเลยทีเดียว ฮึกๆๆ น้ำตาผมจะไหลแล้วครับท่านผู้ชม

   “มึงพูดแบบนี้ก็ดี้”  ผมพูดเสียงสูง  “ทุกคนจะได้รู้รับรู้โดยทั่วกันว่ากูชอบมึงและกูจะตามมึงจนกว่ามึงจะรักกู”ผมพูดไปก็หลังมือเช็ดน้ำตาไป ผมพูดอะไรบ้าๆออกไปแบบนั้นมันไม่ได้คิดครับ คือมันสุดๆแล้วเอาไงเอากันต้องให้มันสุดๆ

   “ต๊ายย!! ผู้ชายเค้าไม่ชอบยังจะตามตื๊ออีกนะ”เสียงของก้อยเอ่ยขึ้นมาเสียงไม่ดังมากแต่ทุกคนได้ยินถนัดเลยทีเดียว  ผมนี่กรอกตาไปมองก้อยด้วยอารมณ์โมโหสุดๆ มันปรี๊ดมาก นางก็รีบหันหน้าไปทางอื่นทันที

   “ถ้าไม่พูดก็ไม่มีใครว่าไม่เอาปากมาด้วยหรอกนะ เรื่องของคนอื่นนะชอบเสือกจัง”เป็นเอิ้นที่มันว่าก้อยแทนผม  มันคงอดไม่ได้เพราะมันเงียบมานานแล้ว

   “แกว่าฉันหรอเอิ้น”ก้อยรีบตอบกลับเอิ้นทันที

   “เปล๊า ฉันไม่ได้เอ่ยชื่อใคร ทำไมต้องร้อนตัวด้วย”เอิ้นมันทำหน้ามึนๆใส่

   “ปอมเรากลับกันเถอะ  แถวนี้มันบรรยากาศเน่าๆยังไงไม่รู้”เอิ้นมันว่าพลางดึงแขนผมไป

   “เดี๋ยวให้เราไปส่งนะ”ไอ้ตี๋เอ่ยขึ้น มันป็นคนเดียวที่เห็นใจผมที่สุดในกลุ่มนี้แล้ว

   “ไม่เป็นไรพวกเรากลับเองได้  ป่ะเอิ้น”ผมพูดแล้วเดินนำออกไปจากกลุ่มพวกมัน  ก่อนออกมาผมก็แอบหันไปมองหน้าไอ้สกายอีกครั้ง มันยังทำหน้ามึนๆ ไม่รู้ไม่ชี้

   คราวนี้ผมเจ็บหนักน่าดูแต่ผมไม่ยอมแพ้หรอกครับท่านผู้ชม ยังไงก็ต้องทำให้ถึงที่สุดผมให้ลิมิตตัวเองแค่จบมอหกเท่านั้น  ถ้าทำให้มันรักผมไม่ได้ผมจะเลิกตามตื๊อมันทันที

   “มึงโอเคไหมวะ”เอิ้นมันถามผมแล้วลูบหลังผมปอยๆ

   “จะบอกว่าโอเคก็ไม่ใช่ว่ะ กูเจ็บสุดๆ แต่กูก็จะสู้ต่อไป”ผมตอบมัน

   “กูว่า......”เอิ้นมันพูดค้างไว้  แต่ผมพอจะเดาออกว่ามันจะพูดอะไร

   “มึงจะให้กูเลิกไม่มีทางว่ะ  มันมาถึงจุดๆนี้แล้วกูจะทำให้ถึงที่สุด และอีกอย่างมึงไม่เห็นสายตาของพวกแก๊งนางฟ้านั่นหรอว่ะ แม่งมันสมน้ำหน้ากูสุดๆกูไม่มีทางยอมพวกมันหรอก  ให้มันรู้ไปสิว่าคนหน้าตาดีอย่างกู มันจะไม่มีทางเอาชนะอีฝนและไอ้สกายได้  คอยดู”ผมนี่ทำหน้าตาโหดสุดๆ ยังกะพวกนางอิจฉาในทีวีเลยทีเดียว เอิ้นมันมองผมแบบกลัวๆ ฮ่าๆๆ มึงนี่ก็นะเอิ้น

   “กูเริ่มกลัวๆมึงแล้วว่ะ  เอาไงเอากันว่ะ สาววายอย่างกูทำได้ทุกอย่างเพื่อให้ผู้ชายรักกัน ฮ่าๆๆ”ให้มันได้อย่างนี้สิเพื่อนรักกู ฮ่าๆๆ  ผมนี่ยิ้มออกเลยครับเพื่อนผมบางทีมันก็แบ๊ว บางทีมันก็บ๊อง บทจะโหดก็โหด พวกผมถึงอยู่ด้วยกันได้ไงล่ะครับ




ขอบคุณที่ติดตามนะครับ
TBC….

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-10-2017 21:47:00 โดย azaki »

ออฟไลน์ Januarysky

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 507
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
ปอมจัดสกายเลย เอาให้คนเกลียดตุ๊ดเปลี่ยนเป็นหลงตุ๊ดให้ได้
 :mew1:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ปอมชอบสกาย สกายด่าว่าปอมใส่หน้า ต่อหน้าเพื่อนๆ
แล้วปอมยังพูดว่าชอบสกาย จะตามตื๊อให้สกายรักให้ได้
มันให้ความรู้สึกว่าปอมยอมสกายเกินไปมั้ย
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ azaki

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 52
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-1
กลรักลวงใจ ตอนที่ 4 (15-08-2017)
«ตอบ #6 เมื่อ15-08-2017 21:52:23 »

กลรักลวงใจ  ตอนที่ 4  แอบหอมแก้ม


   หลังจากวันนั้นมาผมก็ค่อนข้างซึมเศร้าหงอยเหงาจนเอิ้นมันก็เงียบๆไปกับผมด้วย  จริงที่ผมเงียบก็ไม่มีอะไรมากครับ  ไม่ใช่ยอมแพ้อะไรง่ายๆหรอกครับเป็นเพราะผมรอตั้งหลักใหม่อีกรอบ คราวนี้ต้องรุกให้หนักกว่าเดิมวันนี้มีการเตะบอลนัดพิเศษระหว่างทีมห้อง มอ 6/7 กับห้อง มอ 6/1 ซึ้งทั้งสองห้องนี้ต่างกันราวฟ้ากับเหวเพราะห้อง 6/1 นี้เป็นห้องคิงมีแต่เด็กเรียนหัวกะทิของโรงเรียนคือเก่งๆกันทุกด้านเลยทีเดียว  ส่วนห้อง 6/7 นี่ห้องเกือบๆปลายแถวนั่นก็คือห้องของไอ้สกายนั่นล่ะครับ  พวกมันเป็นหัวโจกของห้องแต่ต้องยอมห้องนี้เรื่องกีฬาและความหล่อคือรวมเดือนของโรงเรียนไว้ห้องนี้เลยล่ะครับ(ผมนี่ตาถึงเลยล่ะฮ่าๆ)  ตอนนี้ผมกับเอิ้นกำลังเดินไปที่สนามกีฬากลางของโรงเรียนซึ่งอยู่ฝั่งข้างหน้าโรงเรียนติดกับถนนใหญ่  ผมส่องสายตาชะเง้อหาไอ้ตัวต้นเหตุที่ทำให้ผมมาอยู่ที่สนามกีฬาแห่งนี้ นั่นไงมัน!


   “มึงๆๆ ไอ้สกายยย!!!”ผมชี้ไปที่สนามที่ตอนนี้ไอ้สกายมันกำลังวอร์มร่างกายก่อนลงแข่งอยู่กับเพื่อน รวมถึงไอ้ตี๋ด้วย  อ้อลืมเอ่ยถึงไอ้ตี๋ไปเลยวันนั้นที่เกิดเหตุมันโทรมาถามผมใหญ่เลยว่าไปชอบไอ้สกายตั้งแต่ตอนไหน ทำไมมันไม่รู้ มันบอกมันนี่อกหักดังป๊อเลยที่ผมไม่ได้ชอบมัน แล้วอีกหลายอย่าง บลาๆๆ ผมนี่ตอบมันแทบไม่ทัน  ผมไม่ได้ซีเรียสกับมันเลยแทบจะขำมันด้วยซ้ำไอ้นี่มันเจ้าเล่ห์ เจ้าชู้สุดๆ ฟังก็รู้ว่ามันตอแหล ฮ่าๆๆ


   “มึงจะดี๊ด๊าเกินไปป่ะว่ะ กูตามอารมณ์มึงไม่ทันจริงๆช่วงเช้าๆยังกับหมาหงอยแต่ตอนนี้ยังกะปลากระดี่ได้น้ำ”เอิ้นมันพูดให้ผมพร้อมกับทำหน้าทำตาเอือมระอากับผมซะเต็มประดา


   “มึงก็รู้ว่ากูเศร้าได้ไม่นานหรอก  เศร้าไปทำไมว่ะในเมื่อไอ้ตัวต้นเหตุยังไม่รู้สึกรู้สาอะไรกูก็ไม่ยอมเป็นแบบนั้นให้พวกมันหัวเราะเยาะกูหรอก”ผมยักคิ้วให้มัน


   “เออๆ ไอ้คนเก่งหัวใจแกร่งวันไหนที่มึงร้องไห้ขี้มูกโป่งมากูนี่ล่ะจะหัวเราะเยาะมึงให้ฟันร่วงไปเลย ชิส์”เอิ้นมันพูดแล้วสะบัดบ๊อบใส่ผม ฮ่าๆๆ


   “เฮ้ย มึงดูพวกแก๊งนางมารพวกนั้นสิ”เอิ้นมันชี้ให้ผมดูพวกแก๊งนางฟ้าที่ตอนนี้พวกผมเรียกพวกแก๊งนางมารไปแล้ว ทั้งสี่คนยืนอยู่ข้างๆสนามส่งเสียงเจื้อยแจ้วร้องหาผัว เอ๊ย!! ส่งเสียงเชียร์นักกีฬาในสนาม


   “แหมๆๆ มากันครบแก๊งเลยทีเดียว เอาไงดีวะถ้าเราจะเชียร์นักกีฬาใกล้ๆต้องไปยืนแถวๆนั้นด้วยสิ มึงโอเคไหมถ้าจะไป”เอิ้นมันถามผม  เอาสิผมไม่ได้กลัวพวกมันซะหน่อย  ไปป๊ะกันซักยกใครจะอยู่ใครจะไปก็คอยดู


   “เอาสิไปก็ไป  จะเป็นไรไป”ผมพูดเสร็จก็เดินนำหน้าเอิ้นไปทันที  เมื่อเดินไปถึงที่ซึ่งอยู่ข้างๆพวกแก๊งนางมาร  ผมก็ยืนเอามือไขว้หลังแล้วแหล่ตามองพวกมัน  เมื่อพวกมันเห็นผมก็ซุบซิบอะไรกันแล้วหัวเราะเสียงดังคิกๆ


   “เอิ้นมึงได้ยินเสียงอะไรป่ะว่ะ”ผมแกล้งถามเอิ้นเสียงตอแหล๊ ตอแหล ฮ่าๆๆ


   “เสียงอะไรว้า”เอิ้นมันก็เล่นตามผม


   “ก็เสียงนก เสียงกาไง นกพวกนี้เป็นนกตัวเมียที่ชอบจิก(เน้นๆ) ผู้ชายคนนั้นคนนี้มากินตลอด อุ๊ยย! ไม่ใช่สิ เป็นนกก็ต้องเรียกตัวผู้สิถึงจะใช่”ผมแกล้งพูดเสียงดังให้พวกมันได้ยิน แล้วก็หัวเราะเสียงดังกับเอิ้น


   “นี่!! พวกแกว่าใครยะ”แป้งมันส่งเสียงมาจากกลุ่มพวกมัน


   “อ้าว แป้งเป็นนกหรือกาล่ะทำไมถึงร้อนตัวจัง”ผมพูดแกมหัวเราะ


   “นี่แกจะมากไปแล้วนะ”แป้งพูดแล้วทำท่าจะเดินมาหาพวกผมแต่เพื่อนมันจับตัวเอาไว้ก่อน  นางได้แต่ถลึงตาใส่พวกผมแค่นั้น  ผมกับเอิ้นก็ทำหน้าตาเฉยๆแล้วหันไปทางสนามต่อ  วันนี้ทำให้พวกมันบ้าคลั่งได้ก็ถือว่าสำเร็จอีกหนึ่งภารกิจแระ


   “นี่พวกแกกกกก  วันนี้สกายเค้าบอกให้ชั้นมาเชียร์และคอยส่งน้ำเย็นๆให้เค้าด้วยแหละ  นี่จะบอกว่าที่มาเนี่ยเพราะมีคนที่อยากให้เรามาเชียร์ แต่บางคนเค้าไม่อยากให้มาก็เสือกมาเนาะ น่าอ้าย น่าอาย”แป้งมันพูดดัดจริตบิดไปบิดมาเชิดหน้าใส่ผม  หึๆ คิดว่าผมจะสะท้านงั้นหรอเปล่าเลยผมทำหน้าเฉยๆเหมือนไม่ได้ยินมัน มันก็แค่แกล้งพูดให้ผมเจ็บใจเล่นๆผมไม่ตามเกมส์มันหรอก


   ตอนนี้เกมส์ได้เริ่มขึ้นแล้วผมมองเข้าไปยังสนามบอลที่มีหนุ่มๆเล่นเต็มสนามแต่รู้สึกเหมือนว่าสายตาผมเห็นแค่ไอ้สกาย  ไม่ว่ามันจะเดิน จะวิ่ง จะเลี้ยงลูกบอล  ลูกตาผมก็จะกรอกไปมาตามมันไป  รู้สึกตัวเองอีกทีก็เผลอยิ้มตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้ รู้แต่ว่าเหงือกนี้แห้งเลยทีเดียว ฮ่าๆๆ


   “สกายๆๆๆ ทางนี้”เป็นเสียงของแป้งที่โบกมือหยอยๆ กระโดดโลดเต้นยังกะชะนีเรียกผัว  ตอนนี้พักครึ่งแรกแล้วหลังจากที่ไอ้สกายเดินไปยังหน่วยสวัสดิการของทีมที่อยู่อีกฝั่งแล้วก็วิ่งมาฝั่งของพวกผม อาจจะเป็นเพราะมันคงเห็นแป้งโบกมือให้มันตลอดทั้งเกมส์ ผมเองก็โบกมือให้มันเหมือนกันนะหลายรอบด้วยแต่มันคงไม่เห็นผมอยู่ในสายตา


   “เหนื่อยไหมค่ะสกาย  อ่ะนี่น้ำแร่เย็นๆ”แป้งเอ่ยแล้วรีบยื่นขวดน้ำแร่ที่นางเตรียมไว้ให้มันตั้งแต่แรก  พร้อมทั้งนางก็เอาผ้าเย็นไปซับหน้าให้ไอ้สกาย แหมๆๆดูหน้ามึงนี่มีความสุขจังเลยนะ


   “หายเหนื่อยตั้งแต่ได้ดื่มน้ำเย็นๆแล้วครับ”มันพูดหลังจากยกขวดน้ำดื่มหลายอึกแล้วเช็ดริมฝีปากปากด้วยหลังมือของมัน  ผมจ้องมองมันอย่างไม่คลาดสายตา(ก็มันหล่ออ่ะ) แวบนึงที่มันหันหน้ามาทางผมแล้วเราก็สบตากันแล้วมันก็หันหน้าหนีไปทางแป้ง 


   “เดี๋ยวผมไปก่อนนะแป้ง  ขอบใจนะที่มาเชียร์”มันพูดกับแป้งแล้วยิ้มหวานให้


   “ไม่เป็นไรค่ะสกาย  ถ้าแป้งไม่เชียร์สกายแล้วแป้งจะเชียร์ใครค่ะ  สู้ๆนะคะ”มันพูดแล้วยิ้มหวานพร้อมส่งสายตาเยิ้มๆไปให้ไอ้สกาย(อีตอแหลลลล ล ลิงล้านตัว)  โอ๊ยผมไม่เคยเห็นใครจะตอแหลเท่ามันเลยนะ


   “สกาย สู้ๆนะ”ผมตะโกนไปให้มันได้ยิน(คือจะว่าหน้าด้านก็ยอมครับ ฮ่าๆๆ)  มันเสือกไม่หันหน้ามาแม้แต่น้อย  มีแต่พวกแก๊งนางมารที่มันหันมาพร้อมกันทุกคนพร้อมกับมองผมด้วยสายตาแบบสมเพช เวทนามากๆ(มียิ้มเยาะมุมปากด้วยนะเออ) ตอนนี้หน้าผมเจื่อนๆยังไงไม่รู้มันชาๆ เพราะไอ้สกายบ้านั่นล่ะ มันได้ยินแต่ไม่หันมาบ้างเลย


   “ผมไปละนะ”ไอ้สกายมันเอ่ยแล้วโบกมือให้แป้งและเพื่อนมัน  โดยที่มันไม่ได้สนใจผมเลย  ผมได้แต่มองตามหลังมันที่กำลังวิ่งลงไปในสนาม


   “โอ๊ยยยย แกรรรร  ได้กลิ่นอะไรไหม”แป้งมันเอ่ยเสียงดังแล้วทำท่าดมๆๆ ไปทั่ว(ผมกำลังยืนมองอยู่ว่ามันจะว่าอะไรผมอีก)


   “กลิ่นอะไรแก ฉันไม่เห็นได้กลิ่นอะไรเลย”เพื่อนมันเอ่ย


   “ก็กลิ่น....หมาหัวเน่าไงล่ะ อร้ายยย ฮ่าๆๆๆ”มันพูดเบี่ยงหน้ามาทางผมแล้วหัวเราะเสียงดังกันทั้งแก๊ง


   “จะมากไปแล้วนะ”ผมพูดแล้วจะเดินเข้าไปหาเรื่องพวกมัน แต่เอิ้นมันรั้งมือผมไว้ 


   “ทำไมๆๆ แกจะทำอะไรฉัน เอาซี้คนเยอะแยะเข้ามาเลย เค้าจะได้รู้กันว่าตุ๊ดอย่างแกชอบทำร้ายผู้หญิงสวยๆอย่างฉัน”แป้งมันท้าทายผมแล้วก็กอดอกทำหน้าตาน่าตบสุดๆ


   “ก็ชะนีอย่างพวกแกนี่ละมันน่าตบนัก ตอแหล จิกผู้ชายไปวันๆ จริงๆพวกแกไม่ควรมาเรียนให้เปลืองเงินพ่อแม่หรอกนะ ควรไปเป็นกะรี่ปั๊บ น่าจะเหมาะกว่านะฮ่าๆๆๆ”ผมพูดเย้ยมันแล้วก็หัวเราะเสียงดังพร้อมกับเอิ้น  ดูหน้าพวกมันแล้วสะใจจริง จริ๊งงงง(เสียงสูง)


   “อีตุ๊ดด แกกล้าว่าพวกฉัน บลาๆๆๆ”สงสัยมันจะโมโหมากๆเลยด่าผมซะเป็นชุดเลย ฮ่าๆๆ  ระหว่างที่พวกเราทะเลาะกันอยู่นั้นจู่ๆก็มีเสียงดังมาจากกลางสนามที่กำลังแข่งบอลกันอยู่


   “เฮ้ยย!! ดูไอ้สกายหน่อยว่ะ”เสียงเพื่อนนักบอลทีมไอ้สกายตะโกนเสียงดัง ที่ผมเห็นตอนนี้คือไอ้สกายมันนอนอยู่กลางสนามเอามือกุมหัวแล้วดิ้นไปดิ้นมา ท่าทางจะเจ็บน่าดูสงสัยโดนตีนทีมตรงข้ามแน่นอนเพราะไอ้นี่มันชอบเล่นแรงและเข้าถึงตัวของฝ่ายตรงข้ามตลอด


   “เฮ้ย! สกายจะเป็นอะไรมั้ยแก ดูสิมีเลือดออกด้วย”แป้งมันพูดกับเพื่อนมัน  ตอนนี้ไอ้ตี๋พาไอ้สกายออกไปนอกสนามแล้ว ส่วนเกมส์ยังคงดำเนินต่อไปโดยมีตัวสำรองมาเล่นแทน 


   “แกก็ไปหาสกายสิ  ช่วงเวลานี้เค้าต้องการคนดูแลนะ”ผมได้ยินเสียงฝนเอ่ยกับแป้ง


   “ไม่เอาอ่ะแก ฉันกล้วเลือดถ้าไปฉันต้องเป็นลมแน่ๆเลยอ่ะ รอเค้าทำแผลเสร็จแล้วค่อยไปก็ได้มั้ง”แป้งมันพูด แหมๆๆ มึงนี่ห่วงไอ้สกายจังนะ พอตอนนี้ทำเป็นกลัวเลือดตอแหล


   “แกๆๆ ไปป่ะ”เอิ้นมันสะกิดผมแล้วพูดเบาๆ ผมมองหน้าเอิ้นแล้วพยักหน้า  แล้วรีบเดินออกมาจากตรงนั้นอย่างเงียบๆ ผมกับเอิ้นรีบตรงดิ่งไปยังห้องพยาบาลทันที เมื่อมาถึงก็เห็นอาจารย์ลดาวัลย์กำลังทำแผลให้ไอ้สกายโดยมีไอ้ตี๋ยืนดูอยู่ข้างๆ


   “แกๆ รอดูอยู่ตรงนี้ก่อนรอให้อาจารย์ออกไปก่อนแกค่อยเข้าไป”เอิ้นมันพูดกับผมขณะที่ผมกำลังจะเดินเข้าไปในห้องพยาบาล


   “ทำไมวะ”ผมถามมันอย่างสงสัย


   “ถ้าไอ้สกายมันวีนใส่แกต่อหน้าอาจารย์แกไม่อายหรอวะ แกก็รู้ว่ามันเป็นคนแบบไหน”ผมฟังเอิ้นแล้วก็เห็นด้วยกับมันรอให้อาจารย์ออกไปก่อน ส่วนไอ้ตี๋ยังไงก็เคลียร์กับมันได้


   “แกๆๆ อาจารย์ออกมาแล้วหลบๆ”พวกผมหลบอยู่หลังประตูส่วนอาจารย์ทำแผลให้ไอ้สกายเสร็จแล้วก็กลับไปที่ห้องทำงานต่อ  พออาจารย์ลดาวัลย์เดินไปไกลแล้วพวกผมก็เดินออกมาจากหลังประตู  ผมชะโงกหน้าเข้าไปในห้องเห็นไอ้สกายมันนอนอยู่บนเตียง ส่วนไอ้ตี๋ก็นั่งอยู่ข้างๆ ผมยืนรออยู่หน้าประตูแล้วเคาะเสียงเบาๆ ครั้งนึงเพื่อให้ไอ้ตี๋มันหันหน้ามาเพื่อที่จะได้เรียกตัวมันออกมาคุยด้วย  เหมือนมีเวทย์มนต์สั่งมันหันหน้ามามองแล้วผมก็กวักมือเรียกมันมา  มันมองไปที่ไอ้สกายที่กำลังนอนหลับตาอยู่บนเตียงสงสัยจะเจ็บหนัก


   “ว่าไงปอม  มีอะไรรึเปล่า”มันเดินมาถึงแล้วถามผม


   “คือเราอยากจะเข้าไปเยี่ยมสกายหน่อยน่ะ  ขอเราเข้าไปหน่อยนะส่วนนายก็รอข้างนอกได้มั้ย”


   “โอเค๊ เข้าไปสิ เดี๋ยวเรารออยู่แถวนี้”มันคงรู้แหล่ะว่าผมอยากใกล้ชิดกับไอ้สกาย  ตอนนี้ผมกับมันก็กลายเป็นเพื่อนกันไปซะแล้วส่วนเรื่องชู้สาวน่ะหรอ หมดสิทธิ์เพราะมันก็รู้ว่าผมชอบไอ้สกาย ส่วนมันก็หม้อไปเรื่อยเท่านั้นเอง


   “ฝากดูแลมันด้วยล่ะกัน”ไอ้ตี๋ทิ้งท้ายก่อน


   “เคๆ เข้าไปล่ะ”ผมพูดกับตี๋แล้วกำลังจะเดินเข้าไป


   “เฮ้ย ลืมไปเลย เอิ้นแกกลับก่อนเลยนะ เดี๋ยวอีกสักพักฉันถึงจะกลับ”ผมหันกลับมาคุยกับเอิ้น ห่วงแต่ผู้ชายเลยลืมเพื่อนไปเลยผมนี่เป็นเพื่อนที่แย่สุดๆฮ่าๆๆ


   “จ่ะ ลืมกูเลยนะมึง ดีนะที่ยังนึกได้ เออๆๆ เดี๋ยวกูกลับเลยล่ะกัน ดูแลตัวเองดีๆล่ะ ระวังไอ้สกายมันจะต่อยเอา”เอิ้นมันประชดผม ฮ่าๆๆ


   “เออๆๆ แล้วเจอกัน”ผมพูดจบก็เดินเข้ามาในห้องพยาบาลส่วนทั้งเอิ้นและไอ้ตี๋ก็พากันไปหมดแล้ว


   ผมเดินเข้าไปอย่างเงียบๆ เห็นมันนอนหลับตาอยู่แต่ไม่รู้ว่าหลับจริงๆ หรือเปล่า สภาพมันตอนนี้มีผ้ากลอสปิดตรงหน้าผากด้านซ้ายสงสัยจะหัวแตกแน่ๆ


   “ตี๋กูขอน้ำหน่อยดิว่ะ”จู่ๆมันก็เอ่ยออกมาจนผมตกใจนึกว่ามันหลับจริงเสียอีก  ผมได้ยินก็มองหาน้ำดื่มเห็นตู้เย็นจึงเดินไปหยิบขวดน้ำออกมาหนึ่งขวดพร้อมทั้งเทใส่แก้วไปให้มัน


   ผมยื่นแก้วน้ำให้มัน ขณะที่มันตอนนี้กำลังจะกระเถิบตัวเอาหลังไปพิงที่หัวเตียงอย่างช้าๆเพราะมันอาจจะกำลังเจ็บอยู่  มันยังไม่รู้ว่าเป็นผมเพราะยังไม่หันมาข้างๆ  ผมจึงยื่นแก้วน้ำเข้าไปที่ปากมันอย่างช้า(คือจะป้อนมัน ฮ่าๆๆ) มันจับแล้วน้ำแล้วหันหน้ามาทางผม


   “มึง!  มาได้ไงวะ แล้วไอ้ตี๋ล่ะ”มันพูดด้วยท่าทางตกใจที่จู่ๆเป็นผมไม่ใช่ไอ้ตี๋อย่างที่มันคิด


   “กินน้ำก่อนดิ แล้วค่อยพูดหิวไม่ใช่หรอ ไอ้ตี๋กลับไปแล้ว”ผมเอ่ยแล้วมองหน้ามัน


   “กูไม่กิน  มึงใส่ยาเสน่ห์รึเปล่าก็ไม่รู้”มันพูดแล้ววางแก้วน้ำไว้บนโต๊ะ


   ผมเห็นอย่างนั้นแล้วก็ถอนหายใจเสียงดัง  มันรังเกียจผมขนาดนี้เลยหรือนี่แต่ก็ช่างมันเถอะผมหน้าด้านนี่ ฮ่าๆ ผมอดรนทนไม่ได้จึงหยิบแก้วน้ำขึ้นมาแล้วจะเอาไปป้อนมันอีก  มันเบี่ยงหน้าหนีแล้วบอกให้ผมออกไป


   “กูไม่กิ๊นน(เสียงสูง) มึงออกไปเลย ไป๊”มันไล่ผม แต่ผมไม่ยอม จับที่ไหล่มันแล้วพยายามจะป้อนน้ำมันให้ได้  ด้วยที่มันเจ็บที่หัวอยู่แล้วผมจึงเป็นต่อมันยอมกินแต่โดยดี


   “ก็แค่นี้ล่ะ  มึงนี่ก็ประหลาดเนาะคิดไปได้กูจะใส่ยาเสน่ห์ ถึงกูจะชอบมึงแต่กูคงไม่คิดทำอะไรไร้สาระแบบนั้นหรอกว่ะ”ผมพล่ามให้มันฟัง  มันก็เงียบๆแล้วขยับตัวลงนอนแล้วก็หลับตาเหมือนไม่สนใจฟังผมเลย


   “ถึงมึงจะไม่สนใจกูแต่กูก็จะสนใจมึงต่อไป ถึงมึงจะทำร้ายกู กูก็จะทำดีกับมึงต่อไป ถึงมึงจะด่าจะว่ากู กูก็จะ..”ผมพูดยังไม่จบมันก็ขัดจังหวะผมก่อน


   “หยุด!! กูจะนอน กลับไปซะ”มันพูดขณะที่ยังนอนหลับตาอยู่ มันคงรำคาญผมมาก


   “กูจะอยู่เป็นเพื่อนมึง กูไม่ไป”ผมยังตื๊อต่อ


   “กูบอกให้ไปไง ไม่งั้นมึงโดนกูแน่”มันยังไล่ผมไป


   “เอาสิ จะทำอะไรกูก็ทำเลย แต่ตอนนี้มึงดูสภาพมึงก่อนนะ”


   “มึงนี้มันหน้าด้าน หน้าทนจริงๆเลย”


   “ใช่ กูมันหน้าด้านไง ไม่งั้นกูไม่ตามมึงยังงี้หรอก”ผมพูดแล้วทำหน้ากวนตีนใส่มัน  มันลืมตาขึ้นมาแล้วเหมือนมองหาอะไรซักอย่างข้างๆเตียง


   “เฮ้ยย มึงจะทำอะไรของมึงเนี่ย”ผมเอ่ยออกมาเสียงดังเพราะไอ้สกายมันโยนกล่องทิชชู่ใส่ผม


   “ก็ไล่แล้วไม่ไป จะไปได้ยัง?” มันพูดแล้วหันหน้ามาทางผม


   “หัวนาย”ผมไม่ได้สนใจเสียงมันไล่เลยตอนนี้ เพราะกำลังสนใจเลือดที่กำลังไหลออกมาจากแผลมันมากกว่า  มันเอามือแตะเลือดที่กำลังไหลลงมาจากหน้าผากมันมาดู  ผมมองซ้ายมองขวาหากล่องปฐมพยาบาลแล้วก็หยิบมาเพื่อทำแผลให้มัน


   “จะทำอะไร?” มันถามผมแล้วก็จับข้อมือผมไว้ขณะที่ผมกำลังจะเอาผ้าไปซับเลือดให้มันแล้วก็จะจัดการทำแผลให้มันใหม่


   “ก็จะทำแผลให้ไง เห็นไหมเลือดไหลเยอะแล้ว”ผมยังดื้อแกะมือมันออก แต่มันยังไม่ปล่อย


   “ไม่ต้อง กูทำเองได้”


   “ถ้าจะรังเกียจกูขนาดนั้น ขอได้ไหมขอแค่กูทำแผลให้มึงเสร็จก่อนเดี๋ยวกูจะไปทันที  อย่าพูดมากเดี๋ยวเลือดก็ไหลออกตายกันพอดี”ผมพูดแบบนี้แล้วดูมันเหมือนยอมอ่อนลงปล่อยข้อมือผมแล้วยอมให้ผมจัดการกับแผลมันทันที


   “ดูสิเลือดไหลเยอะเลย”ผมพูดแล้วรีบห้ามเลือดให้ มันยังคงนอนหลับตาเหมือนเดิม มึงคงไม่อยากมองหน้ากูสินะไอ้สกาย แต่ผมนี่สิทำไปมองหน้ามันไปมันช่างมีความสุขที่ได้เห็นมันใกล้ๆขนาดนี้ อิอิ


   “อ่ะ  เสร็จแล้ว”ผมเอ่ยกับมันหลังจากปิดผ้ากลอสด้วยเทปทำแผลแผ่นสุดท้ายเสร็จเรียบร้อย 


   “เสร็จแล้วก็กลับไปซะ”มันเอ่ยออกมาโดยที่ยังนอนหลับตาอยู่ คือมึงจะไม่ยอมลืมตาเลยรึไงเนี่ย


   “ไม่มีน้ำใจว่ะ  ทำแผลให้ขอบใจซักคำยังไม่มีเลย”ผมเอ่ยด้วยน้ำเสียงน้อยใจ


   “…..”มันเงียบ


   “ถ้างั้นเดี๋ยวกูกลับก็ได้”


   “ฟอดดด”ผมแอบหอมแก้มมัน ขอหอมแก้มแทนคำขอบใจล่ะกัน ฮ่าๆๆ :-[


   “มึงงงง!!!” :angry2:มันเอามือทาบที่แก้มมันแล้วมองมายังผมด้วยสีหน้าแดงก่ำ(มโนว่ามันเขิน แต่จริงๆแล้วมันคงโกรธ)


   “แทนคำขอบใจล่ะกัน  บายยยย” :mew1:ผมพูดแล้วโบกมือบ๊ายบายมัน  ผมรีบเดินออกมาด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม ผมฝันไปรึเปล่าผมได้หอมแก้มมัน ถึงแม้ว่ามันจะเกิดจากการที่ผมฉวยโอกาสแต่ผมก็มีความสุขนะ



ฝากติดตามด้วยนะครับ หากมีอะไรผิดพลาดต้องขออภัยด้วยนะครับ :bye2:

TBC...
   
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-10-2017 21:47:25 โดย azaki »

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
วางยา จับมัดแล้วปลุกปล้ำ

อ่านแล้วพาให้หมั่นเขี้ยวสกายตามไปด้วยคน

เรามาวางแผนเปิดจิ้นไอ่สกายกันดีกว่า เนอะ
ตกลงไหม..ปอม
อิอิ

ออฟไลน์ azaki

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 52
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-1
กลรักลวงใจ ตอนที่ 5 (26/08/2017)
«ตอบ #8 เมื่อ26-08-2017 21:11:26 »

กลรักลวงใจ  ตอนที่ 5  แลกเบอร์


“เสร็จรึยังปอนด์” ผมตะโกนเรียกปอนด์จากชั้นล่างของบ้าน พร้อมสะพายกระเป๋านักเรียนเตรียมพร้อมออกจากบ้าน

“เสร็จแล้วครับ”ปังปอนด์ตะโกนพร้อมกับรีบวิ่งลงมาจากบันได

“ไม่ต้องรีบขนาดนั้นเดี๋ยวได้ตกบันไดกันพอดี”

 “อ้าวป้าไปร้านแล้วหรอครับ”ปังปอนด์มองซ้ายมองขวาแล้วถามเมื่อเห็นว่าไม่มีใครนอกจากผม  จริงๆแล้วบ้านผมมีกิจการเล็กๆ เปิดร้านขายขนมไทย ส่วนลูกค้าก็เยอะพอสมควรเพราะฝีมือแม่อร่อยสุดๆลูกค้าติดใจกันยกใหญ่ เวลาว่างๆผมกับพี่สาวก็จะไปช่วยแม่กันประจำครับ

“ใช่แล้ว ป่ะไปกันเถอะเดี๋ยวสาย”   ผมว่าพลางเดินนำหน้าพาน้องออกจากบ้าน  พวกเรานั่งรถเมล์ที่ซอยหน้าบ้านถ้ารถไม่ติดก็ประมาณ 15 นาทีก็ถึงโรงเรียนแล้ว

“เดี๋ยววันนี้พี่จะพาไปหาอาจารย์ที่ปรึกษานะแล้วตอนเที่ยงปอนด์กินข้าวเสร็จค่อยโทรมาหาพี่ละกัน”ผมพูดขณะที่เราทั้งสองนั่งอยู่บนรถเมล์กันแล้วตอนนี้ก็ใกล้จะถึงโรงเรียนแล้ว

“ครับ เดี๋ยวถ้ายังไงปอนด์จะโทรหาพี่ปอมอีกที”น้องผมจะโดนใครรังแกไหมเนี่ยยิ่งตัวเล็กๆ  บอบบางๆอยู่ด้วย
“ถ้ามีใครมารังแกบอกพี่นะ เดี๋ยวพี่จัดการมันเอง”น้องข้าใครอย่าแตะเว้ยยย (เก่งจริงๆทั้งที่ตัวเองก็สูงกว่าน้องแค่นิดเดียว ฮ่าๆ)




--@ห้องพักครู--

“สวัสดีครับอาจารย์ พอดีผมพานักเรียนใหม่มารายงานตัวครับ”เมื่อมาถึงห้องพักครูผมก็พาน้องมาไหว้อาจารย์ที่ปรึกษา   แกชื่ออาจารย์เพ็ญพร แกใจดีมากๆ ตอนผมอยู่ ม.4  ผมก็อยู่ในปกครองของแกนี่ล่ะที่คอยชี้แนะทั้งเรื่องการเรียนและเรื่องส่วนตัว  แกจึงเป็นที่รักของเด็กนักเรียนทุกรุ่นเลยทีเดียว

“สวัสดีจ๊ะ  อ้าวนี่เป็นญาติเธอเองหรอกวิน”อาจารย์ถามผม

“ครับ หน้าตาดีเหมือนกันใช่ไหมล่ะครับอาจารย์”ไม่คอยจะอวยตัวเองเลย ฮ่าๆๆ

“จ้าดีก็ดี แต่ดูท่าทางน้องเธอจะบอบบางไม่น้อยเลยนะเนี่ย”  อาจารย์จับแว่นแล้วเพ่งมาที่ปังปอนด์

“นี่ไงผมถึงมาฝากน้องไว้กับอาจารย์เพราะผมรู้ว่าอาจารย์จะช่วยปกป้องน้องผมได้ครับ ฮ่าๆ”

“จ้าๆๆ เดี๋ยวครูดูแลให้ละกัน”อาจารย์เพ็ญพรยิ้มให้ผมอย่างใจดีเหมือนที่เคยยิ้มมาตลอด ผมรักอาจารย์ที่สุดเลยครับ!

“สวสัดีครับผมชื่อนายพูลพิพฒน์ ปรีดาพนม ชื่อเล่นปังปอนด์ ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ” น้องผมที่เป็นงานสุดๆเสียงนี่อ้อนอาจารย์ซะ  อาจารย์ยิ้มให้อย่างเอ็นดูปังปอนด์  คุยกันซักพักพสกผมสองคนก็มายืนรออาจารย์ที่หน้าห้องเพื่อที่จะพาปังปอนด์ไปแนะนำที่ห้องเรียน

“เดี๋ยวพี่ไปก่อนนะ มีอะไรสงสัยถามอาจารย์ได้ อาจารย์ใจดี๊ใจดีมาก”ผมแนะนำน้อง

“ครับ เดี๋ยวตอนเที่ยงปอนด์จะโทรหานะครับ”ปอนด์ว่าแล้วก็ไหว้ผม ฮืมมม มารยาทงามอย่างนี้เป็นน้องกูจริงป่ะวะ(พี่มันมารยาททรามมากก)





--@ห้องมัธยมศึกษาปีที่ 6/1--

“เอิ้นนน เพื่อนรัก”ผมทักทายเอิ้นเสียงดังท่วมห้องขณะที่มันกำลังง่วนอยู่กับการนั่งเล่นเฟชบุ๊คอยู่ในห้อง

“ว่าไงมึง วันนั้นมีไรเล่าให้กูฟังมั้ย”มันได้ยินเสียงผมเดิน  มันก็รู้แล้วว่าเป็นผม(สนิทกันจนจำเสียงเดินได้เจ๋งป่ะละ) มันเอ่ยพูดกับผมแต่ไม่ยักหันหน้าขึ้นมามอง

“เด็ดมากขอบอก....แต่กูไม่เล่า”

“บอกมากูอยากรู้ๆๆๆ”มันวางมือถือลงแล้วรีบมาเขย่าแขนผมรัวๆ ต้องใช้มุขนี้มันถึงจะสนใจผม ฮ่าๆ(มันเป็นพวกสายสอดหรือเรียกง่ายๆว่าชอบสอดรู้สอดเห็นโดยเฉพาะเรื่องวายๆนี่ชอบนัก)

“วันนั้นกู.....ได้หอมแก้มันด้วยว่ะ”ผมยิ้มกว้างมากที่สุดเท่าที่จำได้

“แล้วทำไมมึงไม่มีรอยฟกช้ำหรือแผลเลยว่ะ”มันสำรวจหน้าผมอย่างตั้งใจ

“แล้วทำไมต้องมีล่ะ”

“อ้าวคนอย่างไอ้สกายมันจะให้มึงหอมฟรีๆได้ไงว่ะ”มันทำท่าสงสัย

“กูซะอย่าง ไม่เอาด้วยเล่ห์ก็ต้องเอาด้วยกลสิว่ะ ฮ่าๆๆ กูขโมยหอมแก้มมันอ่ะดิ”ผมพูดแบบอายๆ นึกถึงแล้วชื่นใจไม่หายคงจำไปตลอดชีวิตแน่ๆ

“สมใจมึงแล้วสิ”มันยักคิ้วให้ผม

“เออ สุดๆ”

คุยกันไม่นานอาจารย์ก็เข้ามาสอนแล้วพวกผมก็ต้องเข้าสู่โหมดมีสาระให้สมกับเป็นห้องที่เรียนเก่งที่สุดในโรงเรียน  ปีนี้เป็นปีสุดท้ายที่จะต้องเรียนอยู่ที่นี่และต้องตั้งใจเรียนให้มากๆเพื่อที่จะเตรียมตัวสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่ตัวเองชอบให้ได้  ผมอยากเรียนด้านภาษาเพราะผมชอบเรียนภาษาอังกฤษ อยากเข้าคณะอักษรศาสตร์ จุฬาฯ ส่วนเอิ้นมันก็ชอบเหมือนผมเลยตั้งใจกันว่าจะสอบเข้าที่นั่นให้ได้  และนอกจากการสอบเข้ามหาวิทยาลัยแล้วสิ่งที่ผมจะต้องทำให้ได้ก่อนจบ ม.6 คือการพิชิตใจไอ้คนใจหินอย่างไอ้สกาย ให้ได้  ถ้าไม่สมหวังผมก็คงจบความรักครั้งนี้ไว้ที่โรงเรียนแห่งนี้ให้มันเป็นความทรงจำดีๆของที่นี่ก็แล้วกัน




--@โรงอาหาร--

“อ้าวตี๋ หวัดดี”ผมบังเอิญเจอไอ้ตี๋ที่โรงอาหารตอนเที่ยงผมโบกมือทักทายมันแล้วมองซ้ายมองขวาเหมือนหาอะไรซักอย่างจนไอ้ตี๋มันอดไม่ได้ที่จะเอ่ยขึ้น

“ไอ้สกายมันนั่งอยู่โน่น เรามาซื้อข้าวให้มัน”ไอ้ตี๋มันชี้ไปโต๊ะอีกฝั่งของโรงอาหาร เห็นมันนั่งเล่นมือถืออยู่กับเพื่อนอีก 2 คน
“เอ่อ มันเป็นไงบ้างดีขึ้นยัง”

“ก็ดีแล้วแล้วล่ะแต่ก็ยังเจ็บๆแผลนิดๆหน่อยๆ ไม่ต้องห่วงหรอกมันหนังเหนียวจะตาย”ตี๋มันรักเพื่อนมันมากก

“ดีแล้วจะได้ไม่ต้องห่วงมาก”ผมนี่พูดยังกะเป็นอะไรกับมันเลยเนาะ

“เดี๋ยวเราฝากโน้ตนี้ให้ไอ้สกายหน่อยดิ”ผมหยิบปากกาและกระดาษโน้ตในกระเป๋านักเรียนออกมา โชคดีที่เรียนคาบสุดท้ายก่อนมากินข้าวยังไม่ได้เก็บเข้าในกระเป๋านักเรียน

“หายไวๆนะ เป็นห่วง”

เป็นข้อความที่ผมเขียนลงกระดาษโน้ตฝากส่งให้มัน หวานป่ะละ ผมรู้ว่าจุดจบของกระดาษแผ่นนี้จะเป็นอย่างไรแต่ถึงยังไงก็อยากเขียนไปอยู่ดี  ผมนั่งอยู่ที่โต๊ะเรียบร้อยพร้อมจานข้าวที่อยู่ตรงหน้าแต่ยังไม่ได้แตะแม้แต่คำเดียว  มัวแต่กำลังมองดูว่ามันจะมีปฏิกิริยาอย่างไรถ้าได้อ่านโน๊ตที่ผมส่งไป ไอ้ตี๋ยื่นให้มันแล้วชี้ทางผม  มันอ่านแล้วหันมามองหน้าผมแล้วอีกมือมันก็ขยำกระดาษทิ้งลงบนพื้น มันยิ้มเยาะที่มุมปากนิดหน่อย  แต่ผมก็ใจดีสู้เสือยิ้มตอบมันแบบไม่ได้รู้สึกว่าเสียใจอะไรมันก็หันหน้ากลับไปคุยกับเพื่อนมันต่อ

“มึงกินข้าวดิ๊ เย็นหมดแล้ว”เอิ้นมันเอ็ดผม

“กินๆๆ เห็นหน้ามันวันละนิดก็กินข้าวอร่อยแล้วว”ผมว่าพลางหยิบช้อนส้อมขึ้นมาตักข้าวกิน อย่างเอร็ดอร่อย

“มึงนี่มันบ้าผู้ชายจริงๆ”

“แหมๆกูก็บ้าแต่มันนี่ล่ะว้า  นอกนั้นกูก็ทุ่มเทเวลาอ่านหนังสือเตรียมสอบไง”

“อย่าลืมล่ะถึงเวลาแล้วถ้ามันไม่ได้ก็หยุด แล้วไปเริ่มต้นอะไรใหม่ๆที่มหาลัยกัน”

“มึงว่าไงกูก็ว่างั้นล่ะวะ กูสัญญาว่าแค่ ม.6 จริงๆแล้วก็จะหยุดทุกอย่าง” พูดแล้วก็ใจหายเหลือเวลาอีกไม่กี่เดือนก็จะจบ ม.6 แล้ว เอาไงเอากัน แต่ก่อนอื่นต้องสอบเข้ามหาสิทยาลัยให้ได้ก่อนล่ะกัน



Rzzzzz

 เสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์มือถือในกระเป๋านักเรียนผมดังขึ้น

“ว่าไงปอนด์อยู่ไหน”ผมรับสายพลางมองหาน้องชายไปด้วย

“อยู่ข้างหลังพี่ไงครับ”ปอนด์พูดจบก็ตัดสาย ผมรู้สึกเหมือนมีมือใครบางคนมาเกาะที่บ่าผม  จะเป็นใครไม่ได้นอกจากไอ้น้องชายที่สุดแสนจะบอบบางของผม

“เป็นไงบ้างวันแรก มีใครแกล้งไหม”

“ไม่มีเลยครับเพื่อนๆน่ารักทุกคนเลย วันนี้ปอนด์ได้เพื่อนใหม่คนนึงมาด้วย” ปอนด์มันหันหน้าไปทางเพื่อนผู้หญิงน่ารักๆคนนึงที่มาด้วย  แล้วน้องก็ยกมือไหว้ผม ทำไมหน้าคุ้นๆจังว่ะเหมือนใครซักคนนึง คิดๆๆๆ

“สวัสดีค่ะ หนูชื่อตองนะค่ะ”น้องมันน่ารักหน้าใสๆจัดฟันด้วย  แต่หน้าคล้ายใครน้า!!!!

“สวัสดีครับ พี่ว่าน้องนี่หน้าคล้ายใครซักคนนึงที่พี่รู้จักแต่นึกชื่อไม่ออก”ผมว่าแล้วทำท่าคิดไปด้วย

“พี่ตี๋รึเปล่าค่ะ”


ปิ๊ง!!!

“โป๊ะเชะ ใช่เลยครับ เอ..อย่าบอกนะว่าเป็นน้องไอ้ตี๋มัน”ผมถาม

“ใช่แล้วค่ะ น้องสาวแท้ๆเลยล่ะ คริคริ”น้องมันพูดแล้วตาหยีๆน่ารักมาก ต่างจากพี่ชายมันรายนั้นกวนตีนฉิบหายยยย

“พี่ไม่ยักรู้ว่าตี๋มีน้องสาวที่น่ารักเรียนอยู่ที่นี่ด้วย”ผมยิ้มให้น้องตอง

“อ้าวนั่นไงมาแล้ว อายุยืนเชียวตี๋”พูดยังไม่ทันขาดคำไอ้ตี๋มันก็เดินมาหาพวกเรา

“นินทาอะไรเราเปล่า  พี่ไม่ยักรู้ว่าตองรู้จักกับพี่ปอมเค้าด้วย”ตี๋มันมองไปที่น้องสาวแล้วทำหน้าสงสัย

“ก็เพิ่งรู้จักนี่ล่ะ ก็พี่ปอมเป็นพี่ชายปังปอนด์เพื่อนใหม่ของตองเอง”ตองตอบพี่ชาย ผมมองหน้าสองพี่น้องสลับไปมา  พี่น้องคู่นี้มันน่ารักทั้งคู่จริงๆ

“ปังปอนด์?”ไอ้ตี๋มันทำหน้าสงสัยว่าปังปอนด์เป็นใคร  อ๋อที่มันงงเพราะปังปอนด์ยืนอยู่หลังผมนี่เองมันเลยยังไม่ได้สังเกตเห็น
“อ๋อ ลืมแนะนำเลยนี่ปังปอนด์น้องชายเราเองแหละ”

“แล้วก็เป็นเพื่อนเค้าด้วยนะไอ้พี่ตี๋”เสียงตองเสริมต่อจากผม  ปังปอนด์มันยกมือไหว้ไอ้ตี๋แล้วก็ยิ้มให้ แต่แม่งไอ้ตี๋มันเอาแต่ยิ้มให้ปังปอนด์ นี่มันคิดจะหม้อน้องชายผมอีกคนรึไงเนี่ย

“หยุดยิ้มเลยตี๋นี่น้องชายเรา ไปไกลๆ”ผมโบกมือไล่ไอ้ตี๋พลางเอาน้องชายผมมายืนข้างหลัง 

“อะไรเล่า ปอม เราก็แค่ยิ้มให้น้องเค้าเฉยๆ ไม่ได้ไง? เห็นน้องมันน่ารักดี”อ้าวๆ ยังไม่หยุดอีก

“แล้วเพื่อนไปไหนแล้วล่ะ ไม่เห็นมาด้วยกัน”ผมถามมัน จริงๆก็อยากรู้เรื่องไอ้คนนั้นนั่นล่ะคร้าบบ

“อ๋อ ไอ้สกายสุดที่รักของ......”ผมชี้หน้าไอ้ตี๋ผมรู้ว่ามันจะพูดอะไร ต่อหน้าน้องๆผมอายไม่อยากให้รู้นะสิ

“ของแป้ง”ไอ้ตี๋มันว่าต่อ แล้วหัวเราะเสียงดัง

“มาทางไหนกลับไปทางนั้นเลยตี๋ กวนตีนดีนัก”ผมผลักอกมันเล่นๆ เกลียดชื่อนี้จังพวกแก๊งนางมาร

“ตัวเองวันไหนว่างๆพาน้องปังปอนด์ไปเล่นที่บ้านสิ”ไอ้ตี๋มันจะเอาน้องผมให้ได้เลยอ่ะนะ ไอ้นี่! ผมมองน้องผมเองมันก็หน้าแดงๆ หลังจากที่ไอ้ตี๋เอาแต่จ้องหน้ามัน เฮ้อ สรุปผมกลายเป็น กขค ซะงั้น

“ไม่ต้องเลยทำไมต้องไปที่บ้านด้วย ห้างเหิ้งเยอะแยะไปที่นั่นก็ได้”ผมเบรกความคิดร้ายๆของไอ้ตี๋

“ทำไม? กลัวเราจะปล้ำน้องปอนด์รึไง ฮ่าๆๆ ไม่ไปก็ไม่ไปครับ แต่วันอาทิตย์นี้เค้าว่าจะพาพี่สกายไปเล่นเกมส์ที่บ้านด้วยอ่ะ” ไอ้ตี๋มันบอกกับน้องมัน แต่เหมือนมันจงใจพูดให้ผมได้ยินอย่างงั้นล่ะ

“เย้ๆ พี่สกายจะมาที่บ้าน”ตองเหมือนดีใจที่สกายจะไปบ้าน สงสัยจะเป็นที่ติดใจของเด็กๆสาวๆทุกคน

“ใช่แล้ว”

“แล้วยังงี้ปอมจะยังให้ปังปอนด์ไปบ้านเราด้วยไหมล่ะ หรือว่าปอมจะไปกับน้องด้วยก็ได้นะจะได้สบายใจ”ไอ้ตี๋มันเสนอ

“ไปนะคะๆ พี่ปอม ตองอยากให้ปังปอนด์ไปเล่นที่บ้านด้วย มีขนมเยอะมากๆ”ตองมันอ้อนผม  จะไปดีหรือว่าไม่ไปดีว่ะ ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ไอ้สกายไปเราก็ต้องไปสิ อย่างน้อยก็ไปดูแลปังปอนด์กลัวไอ้เสือตี๋มันจะงาบน้องผมซะก่อนจะเรียนจบ

“โอเคครับไปก็ไป เดี๋ยวเอิ้นมึงไปกะกูด้วย ห้ามปฏิเสธ”ผมรีบพูดตัดหน้าเอิ้น ก่อนที่มันจะอ้าปากพูด

“เออๆๆ ไปก็ไปว่ะ”

“เย้ๆๆ แล้วเจอกันวันอาทิตย์นะค่ะ”

“แล้วเจอกัน ไปล่ะ” พูดจบไอ้ตี๋ก็เดินกลับไปหากลุ่มมัน  ส่วนพวกผมก็แยกย้ายกันกลับไปเข้าเรียน 




--@คฤหาสถ์ศิริโรจน์ไพศาล--

และแล้ววันอาทิตย์ที่รอคอยก็มาถึง  วันนี้ผมแต่งตัวให้ดูดีกว่าทุกวันเพราะจะต้องเจอไอ้คนนั้น

“พี่ปอมมาแล้วว”ตองรีบวิ่งออกจากประตูหน้าบ้านมาเกาะที่แขนผมด้วยท่าทีดีใจ  หลังจากที่เราทั้ง 3 คน ผม ปังปอนด์และเอิ้น  เดินเข้ามาในคฤหาสน์ ใช่เลยครับมันไม่ใช่บ้านธรรมดาบ้านไอ้ตี๋โคตรรวยเลยล่ะ

“มาช้าจังเลยอ่ะม๊าทำขนมรอเยอะแยะเลย”

“โทษทีนะน้องตอง รถติดมากเลยอ่ะ”นี่ขนาดพวกผมรีบนั่งแท็กซี่มาแล้วนะ

“แล้วตอนนี้ตี๋อยู่ไหนอ่ะน้องตอง”ผมกรอกตาไปมามองหาไอ้เจ้าของบ้านและเพื่อนของมัน

“พี่ตี๋เล่นเกมส์กับพี่สกายอยู่ในห้องพี่ตี๋ค่ะ เดี๋ยวตองไปตามมาให้นะค่ะ รอที่ห้องรับแขกก่อนน้า”ตองพูดจบนางก็ไม่รีรอที่จะวิ่งขึ้นไปชั้นบนของคฤหาสถ์หรู 

ผมนั่งรอที่ห้องรับแขกบ้านไอ้ตี๋ เฮ้ย! ทำไมแม่งสวยอย่างนี้บ้านมันตกแต่งสไตล์โมเดิร์นมากๆ เฟอร์นอเจอร์แต่ละชั้นคงแพงมากๆเลยล่ะ ห้องรับแขกนี่ใหญ่กว่าห้องรับแขกบวกกับห้องนอนทั้งบ้านของผมเลยทีเดียว ฮ่าๆๆ

“บ้านเค้าสวยจังเลยนะครับพี่ปอม”ปังปอนด์ก็คิดไม่ต่างจากผมเลย

“ช่ายๆสวยมาก ฉันว่าแกควรโฟกัสที่ไอ้ตี๋มากกว่าบ้านรวยโคตรๆ”เอิ้นมันบอกผม แต่ก็เหอะผมไม่ได้เห็นแก่เงินหรอกนะ(ถ้าไม่มากพอ ฮ่าๆๆ)

“มาแล้ววว”ตองรีบเดินกึ่งวิ่งลงมาจากชั้นบน ผมรีบมองไปหมายว่าจะมองไอ้สกายให้มันชื่นใจสมกับที่มาซะหน่อย  แต่ก็นะผู้ชายอะไรจะหน้านิ่งได้ตลอดเวลา ชิส์!

“โทษทีนะเรากำลังมัวเล่นเกมส์กับไอ้สกายอยู่”

“ไม่เป็นไรเราก็เพิ่งจะมาเอง”

“วันนี้น้องปังปอนด์แต่งตัวน่ารักจังเลยครับ”ไอ้ตี๋มันมองน้องผมปานจะกลืนกิน ไอ้สัสตี๋น้องกูนะ

“ขอบคุณครับ”ไอ้น้องผมนี่ก็นะ เป็นใจกะมันหน้าแดงยังกะลูกตำลึง

“ตี๋ชมแต่น้องเราแล้วเราไม่น่ารักบ้างอ่อ”

“น่ารักๆ จริงมั้ยวะไอ้สกาย”มันถามความเห็นเพื่อนมัน  ที่ตอนนี้มันเหมือนเห็นพวกผมเป็นลมเป็นอากาศ เฮ้อ!

“มึงจะถามกูทำไมวะ โทษทีกูไม่ได้มอง”มันทำหน้ามองผ่านผมไป เดี๋ยวๆๆ วันนี้กูจะปล้ำมึงให้ได้ไอ้สกาย ฮ่าๆๆ ผมหื่นป่ะละ

“เดี๋ยวถ้าไม่มีอะไรกูขึ้นไปข้างบนก่อนนะ”

“เดี๋ยวๆๆ อยู่ด้วยกันก่อนดิวะ เนี่ยแขกเยอะแยะเลยมึงนี่เสียมารยาท”

“อ้าวนี่แขกมึงนิ กูไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามึงชวนใครมาด้วย ไม่งั้นกูไม่มาหรอก”

“พี่สกายอยู่ด้วยกันก่อนนะคะวันนี้ม๊าทำขนมเยอะแยะเลยเดี๋ยวตองไปยกขนมมาให้ทุกคนดีกว่า”จริงๆคนรับใช้ที่บ้านมีนะครับแต่น้องตองอาสาทำเอง

“เดี๋ยวพวกพี่ไปช่วยยกนะ”ผมอาสา

“ไม่เป็นไรค่ะเดี๋ยวตองไปกับปังปอนด์ก็ได้”  พอตองเดินไปกับปังปอนด์เอิ้นมันก็ส่งซิกว่ามันจะไปช่วยให้ผมอยู่นี่ มันคงเห็นไอ้สกายนั่งเล่นอยู่บนโซฟาไม่สนโลกมั้ง  ส่วนไอ้ตี๋นะหรอมันเห็นปังปอนด์ไปมันก็เดินตามก้นต้อยๆ สงสัยผมจะได้น้องเขยก็คราวนี้ล่ะ คือผมยืนงงอยู่ว่าขนมมันเยอะขนาดนั้นเลยหรอวะทำไมต้องยกโขยงกันไปขนาดนั้น  แต่ก็ดีผมได้ทีอยู่กับไอ้สกายสองต่อสอง

“เล่นไรอยู่อ่ะ”ผมถามไอ้สกาย  แล้วก็แอบส่องๆที่มือถือมัน

“เฮ้ยยุ่งๆไรด้วยวะแม่งเสียมารยาท”มันว่าผมแล้วรีบเก็บมือถือแนบเข้ากับอกมัน

“ก็ไม่ได้ตั้งใจอ่ะแค่อยากรู้”

“มึงจะรู้ไปเพื่อ แต่ถ้ามึงอยากรู้กูบอกก็ได้ กูกำลังคุยกับแป้งอยู่ พอใจยัง”

“ก็...แล้วแต่ เออ..วันนั้นขอโทษนะที่ขโมยหอมแก้มอ่ะ”ผมพูดกะมันก็แอบเขินๆหน่อยๆ ผมเห็นมันทำหน้าเหรอหราเหมือนทำอะไรผิด

“กูลืมมันแล้ว!  ถือซะว่ามีลูกหมาลูกแมวมาดมๆละกัน”มันพูดแบบหน้านิ่งมากๆ คือมึงรู้จักด่ากูทางอ้อมนะไอ้สกาย ดีนะที่มีลูกแมวด้วยผมขอเป็นลูกแมวละกัน ฮ่าๆๆ

“แล้วมาบ้านไอ้ตี๋บ่อยไหมอ่ะ”ผมถามมัน  คือก็ไม่รู้จะถามอะไรอ่ะแค่มองหน้ามันก็เขินๆแระ

“ก็ไม่บ่อย ทำไม?”มันถามย้อน

“ก็.. ปล๊าววว”ผมขึ้นเสียงสูงจนมันหันมามองจับผิด  ที่ถามก็จะได้เลือกมาถูกวันล่ะครับท่านผู้ชม แผนผม อิอิ

“แล้วสกายจะเรียนต่อที่ไหนอ่ะ คณะอะไรหรอ”

“มึงนี่จะนั่งหายใจเฉยๆไม่ได้ไงว่ะ กูรำคาญ”มันทำท่าหงุดหงิด

“ชิส์ ถามแค่นี้ก็ไม่ได้พูดแล้วดอกพิกุลจะร่วงรึไงห๊า”แหมๆๆ ทำเป็นหงุดหงิดเรา ผมนี่ขึ้นเลยครับ
 
“ก็มันปากกู”มันไม่พูดเปล่ายังชี้ที่ปากมันเองด้วย

“ปากน่าจูบอ่ะ”ผมนี่รุกเต็มที่เลยครับ แหมๆกูเห็นนะมึงนี่หน้าแดงด้วยเขินกูอ่ะดิ มโนล้วนๆ

“ฝัน!”มันพูดคำเดียวจบแล้วหันไปสนใจมือถือมันต่อ

เออกูฝัน  แต่ในฝันกูก็มีแต่มึงนะไอ้คนไม่รู้อะไรบ้างเลยยย

“มาแล้วจ้า!!!”เสียงตองดังมาแต่ไกล  ทำไมมาเร็วกันจริ้งงงง  ยังไม่ถึงไหนเลย

“หูววว์!น่ากินจังเลย”ผมมองขนมไทยหลากหลายเมนูที่ม๊าของตี๋ทำมาให้กิน ไม่น่าเชื่อว่าบ้านรวยขนาดนี้จะลงมือทำเองและนิยมทำขนมไทยแบบนี้  เห็นแล้วก็อดคิดถึงขนมของแม่ผมไม่ได้รายนั้นอร่อยที่สุดในโลกเลยล่ะ

“กินเยอะๆนะคะ ม๊าตั้งใจทำเลยนะเนี่ย”

“ว่าแต่ม๊าไปไหนอ่ะยังไม่ได้กราบสวัสดีเลย”ผมถามแล้วมองซ้ายมองขวาหาคนที่ปรุงแต่งขนมที่อยู่ข้างหน้านี้

“อ๋อทำเสร็จแล้วม๊าก็ไปทำงานต่อแล้วค่ะ  เวลาทำงานแล้วคือนางจะไม่ให้ใครไปยุ่มย่ามเลยแม้แต่ลูกอย่างเราเนาะพี่ตี๋”ตองกะตี๋พยักหน้าเหมือนรู้กัน

“ลุยเลยมั้ย!”ตี๋บอกแล้วพวกผมก็ลงแขกกันอย่างเอร็ดอร่อย  แต่มีไอ้คนขวางโลกอยู่คนเดียวที่ไม่กินกับเพื่อน  ผมเห็นอย่างนั้นก็ใช้ส้อมจิ้มขนมกะจะไปป้อนให้ไอ้สกาย

“อ่ะลองชิมดู อร่อยนะ”ผมยื่นให้มัน  แต่มันส่ายหน้า  เบือนหน้าหนี

“กูไม่ใช่เด็กๆนะโว้ย จะมาป้อนเพื่อ”

“ถ้าไม่อยากให้ป้อนก็มากินเองดิ”ผมว่าแล้วก็หม่ำขนมที่ส้อมของตัวเองอย่างเอร็ดอร่อย ผมเห็นมันแอบกลืนน้ำลายตัวเองอยู่แต่แม่งปากแข็ง

“พี่สกายทำไมไม่กินละค่ะ อร่อยมากๆเลย ปกตินี่แย่งกับพี่ตี๋กินตลอด”ตองถามพลางเคี้ยวตุ้ยๆๆ แก้มพองเชียว ฮ่าๆๆ เด็กอะไรจะน่ารักน่าชังขนาดนี้

“วันนี้พี่ไม่ค่อยหิวอ่ะน้องตอง ” มันว่าพลางส่งสายตาแข็งๆมาที่ผม

“อร่อยมั้ยครับปังปอนด์”ไอ้ตี๋มันถามปังปอนด์ แต่แม่งไม่ถามอย่างเดียวมีการเอามือไปเช็ดเศษขนมที่ติดขอบริมฝีปากของน้องผมอย่างถือวิสาสะ  หรือผมควรจะเชียร์มันกับปังปอนด์ดีนะแม่งเหมาะกันจริงๆคนนึ่งหล่อขาวตี๋สมชื่อมัน ส่วนอีกคนตัวเล็กกะทัดรัดน่ารักน่าทะนุถนอม

“ตี๋ๆๆเยอะไปแระ น้องเราหน้าแดงไปหมดแล้วนั่น”ผมแซวมัน ตองกะเอิ้นนี่ยิ้มใหญ่เลยสงสัยฟิน(ทีมสาววาย)หนักมากเลยทีเดียว ฮ่าๆๆ

“ก็เราเห็นขนมติดที่ปากน้องเลยอาสาเช็ดออกให้”มันยิ้ม

“ช่างเป็นคนใจดีแท้ๆ เพื่อนกู” เออน่ะมันแซวเพื่อนมันก็เป็นนี่นา เห็นมันยิ้มที่มุมปากด้วยคืออะไร  มันบอกเกลียดตุ๊ดแต่แม่งเหมือนไม่ได้รู้สึกรังเกียจปังปอนด์เลย ผมรู้สึกได้หรือเพราะว่าผมชอบมัน มันเลยไม่ชอบผมแค่นั้นหรอ?

“แน่นอนว่ะ”ไอ้ตี๋ยักคิ้วให้ไอ้สกาย 

หลังจากกินขนมกันเสร็จเรียบร้อยแล้วพวกผมก็ย้ายจากในห้องรับแขกไปนั่งเล่นที่สวนหลังบ้านมัน  โห! ผมนึกว่ายกอุทยานแห่งชาติมาไว้เลยครับธรรมชาติสมบูรณ์มากๆมีต้นไม้ใหญ่ลำธารที่สร้างเลียนแบบได้เหมือนจากธรรมชาติจริงๆ น้ำใสๆไหลผ่านสวยสดชื่นสุดๆ

“นี่ถ้าไม่บอกว่าอยู่กรุงเทพนึกว่าอยู่ในป่าจริงๆแล้วนะเนี่ย”ผมพูดกับทุกคน  ตอนนี้พวกผมนั่งอยู่บนแคร่ข้างๆลำธารน้ำไหลที่กำลังไหลเรื่อยๆ ขาทั้งสองข้างจุ่มลงไปรู้สึกเย็นสดชื่นมากๆ

“ป๊ากับม๊าสร้างที่นีไว้ให้พวกเราสองคนค่ะ เพราะตองกับพี่ตี๋เวลาไปเที่ยวเชียงใหม่ตอนเด็กๆคือร้องไห้งอแงไม่อยากกลับมาเพราะชอบวิ่งเล่นในลำธาร  ป๊ากับม๊าเลยสัญญาว่าจะสร้างไว้ที่บ้านให้พวกเราเลยยอม  และหลังจากนั้นก็สร้างมาเรื่อยๆจนอุดมสมบูรณ์ขนาดนี้ค่ะ ว่างๆมากันได้ตลอดเลยน้าตองจะได้มีเพื่อนเล่น”ตองอธิบายที่ไปที่มาอย่างละเอียด คืออะไรจะรวยขนาดนี้เนี่ย

“แล้วสกายมาที่นี่บ่อยไหมน้องตอง”ที่ผมกล้าถามเพราะไอ้สองคนนั่นมันนั่งดีดกีตาร์อยู่อีกฝั่ง ผมแอบมองมันดีดกีตาร์เพลินตามากๆ

“บ่อยมากๆเลยล่ะค่ะ บางทีก็มาค้างที่นี่ด้วยเพราะพี่สกายเค้าอยู่คอนโดคนเดียวค่ะเลยมาบ่อยๆได้ ”

“แล้วตองรู้ไหมอ่ะว่าทำไมสกายมันถึงอยู่คนเดียว แล้วครอบครัวมันล่ะ หรือบ้านมันอยู่ต่างจังหวัด” ผมถามต่อ  ดูท่าทางตองจะแอบสงสัยในตัวผมว่าทำไมต้องถามเยอะขนาดนี้ แต่น้องก็ตอบต่อ

“พี่สกายเป็นคนกรุงงเทพนี่ล่ะค่ะ  คือจริงๆแล้วตองไม่ควรพูดหรอกนะคะแต่นี่คนกันเองแล้วอย่าไปเล่าต่อนะคะ กลัวพี่สกายจะโกรธเอา คือว่าพ่อแม่พี่เค้าเลิกกันตอน ม.3 ค่ะ แม่มีสามีใหม่เป็นชาวอังกฤษ ส่วนพ่อมีเมียและลูกใหม่อยู่ที่บ้านพี่เค้านั่นล่ะค่ะ  พี่สกายเลยขอมาอยู่คอนโดคนเดียวพ่อแกเลยซื้อคอนโดไว้ให้ใกล้กับโรงเรียน  ตองสงสารพี่เค้ามากสังเกตเวลามาบ้านแล้วเห็นพวกเราอยู่กันครับพ่อ  แม่  ลูก  พี่สกายแกดูหงอยๆยังไงไม่รู้” ตองเล่าให้พวกเราฟังอย่างละเอียด แม่งชีวิตมันน่าสงสารมากๆ เหมือนในละครเย็นช่องเจ็ดจริงๆ

“อ๋อ อย่างนี้นี่เอง”ผมเปรยกับตอบ  สาเหตุที่มันดูแข็งกระด้างและเย็นชา

“ว่าแต่ทำไมพี่ปอมแลดูอยากรู้เรื่องพี่สกายจังค่ะ มีซัมติงอะไรรึเปล่าน้า”ตองแซวผมเหมือนน้องรู้แหละว่าผมสนใจ รวมไปถึงปังปอนด์ด้วย ดีเหมือนกันจะได้รู้ๆกันไปทุกอย่างจะได้ง่าย

“ก็..ไม่มีอะไรจริงๆ  พี่แค่อยากรู้เฉยๆครับ มันฮอตสุดในๆโรงเรียนน้องตองก็รู้  ใครๆก็อยากรู้เรื่องของมัน ”ผมตอบไป
“รวมถึงพี่ปอมด้วยใช่ไหมค่ะ”น้องตองแอบอมยิ้ม  ผมก็พยักหน้าและยิ้มตอบกลับน้องมัน

หลังจากนั้นพวกเราก็นั่งพูดคุยกันสัพเพเหระไปเรื่อยๆจวนจะถึงเวลากลับบ้านกันแล้ว
“เดี๋ยวอีกสักพักพวกพี่จะกลับกันแล้วนะ”ผมบอกน้องตอง  ตองพยักหน้าทำหน้าเหมือนเสียดาย  แล้วมองที่นาฬิกาข้อมือของตัวเอง

และแล้วก็ถึงเวลากลับ  ตอนนี้พวกผมยืนอยู่หน้าคฤหาสน์หลังใหญ่ของตี๋ โดยมีตองและตี๋มาส่งเพื่อรอรถขึ้นแท็กซี่  จริงๆแล้วตี๋มันอาสาไปส่งพวกเราแต่ผมปฏิเสธเพราะขับรถไปมาไม่อยากรบกวนมัน  นั่งแท็กซี่สะดวกกว่าเยอะ

“ตี๋ เราขอคุยอะไรด้วยหน่อยสิ”ผมเอ่ยกับไอ้ตี๋ระหว่างยืนรอแท็กซี่  ผมกับตี๋เลยเดินแยกออกมาจากกลุ่มน้องๆ เอ้อลืมบอกไปไอ้สกายมันได้กลับไปก่อนหน้านี้แล้วครับ  เพราะพ่อมันโทรมาให้กลับบ้านด่วนเหมือนมันจะมีปากมีเสียงนิดหน่อยกับพ่อมัน(ผมแอบสังเกต  จริงๆไม่ได้ยินอะไรเลย ฮ่าๆๆ)

“ว่าไงปอม  จะร่ำลาเรารึไง?”มันยักคิ้วยิ้มหวานให้ผม ไอ้ตี๋ก็คือไอ้ตี๋หม้อไปเรื่อยของมัน  จนลืมเกรงใจว่าที่หวานใจของมันที่ยืนอยู่ไม่ไกล

“เราว่า....จะขอเบอร์โทรไอ้สกายหน่อยอ่ะ”ผมตัดสินใจพูดออกไป  คือมันก็จะอายๆหน่อยเนอะขอเบอร์ผู้ชายฮ่าๆๆ

“เอาไปทำไมอ่ะถ้าไอ้สกายมันรู้มันเล่นงานเราหนักแน่”ไอ้ตี๋ทำท่าทางคิดหนัก

“ไม่เป็นไรหรอกเราไม่บอกว่าได้มาจากตี๋หรอกน่า”ผมยังดื้อ

“รู้ดิก็ปอมรู้จักคนที่มีเบอร์มันแค่เราไง โด่ววว”

“นะนะนะ เราอยากได้จริงๆ”ผมอ้อนมัน มึงรีบให้กูดิว่ะเดี๋ยวรถก็มาก่อนพอดี

“เอางี้ เราให้ก็ได้แต่ต้องมีของมาแลก” หา? ไม่นะหรือว่ามันจะเอาตัวผมแลกกับเบอร์ไอ้สกาย มโนไปขำๆ ผมทำหน้าตากลัวแล้วก็เอามือมาปิดที่คอเสื้อตัวเอง  ไอ้ตี๋มันเห็นก็ขำยกใหญ่

“เฮ้ยยๆๆๆ ไม่ใช่แบบนั้น สิ่งที่เราต้องการก็คือเบอร์น้องปังปอนด์ต่างหากล่ะ ฮ่าๆๆ”ไอ้ตี๋มันขำผม ขำมากนะมึงเดี๋ยวไม่ให้ซะเลย นี่มันคิดจะจริงจังกับน้องผมแล้วหรือ?

“เราไม่ให้”

“โด่ววว นะๆๆๆ  ปอมคนดี้ คนดี”มันเปลี่ยนมาอ้อนผมบ้าง  ใครเป็นใครให้มันรู้ซะบ้าง

“พอๆๆ ไม่เล่นแล้ว  บอกมาเลยเบอร์ไอ้สกายเดี๋ยวเราเอาเบอร์ปังปอนด์ให้ บอกไว้ก่อนเลยนะถ้าจะจีบน้องเราอย่าทำให้น้องเราเสียใจ  ไม่งั้นเราไม่เอาตี๋ไว้แน่”ผมขู่มัน

“ครับผมๆ”มันยิ้มกว้างทันทีที่ได้เบอร์ปังปอนด์ไป ส่วนผมก็เช่นกันคร้าบบบ ยิ้มกว้างกว่ามันหลายเท่า


-----  แผนแรกผมได้สำเร็จแล้วครับคือได้เบอร์ไอ้สกาย  ส่วนแผนต่อไปรับรองว่าเด็ดแน่นอนครับ รอดู!   ------




« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-10-2017 21:47:47 โดย azaki »

ออฟไลน์ oki

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 300
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
Re: ตามรักนายใจหิน ตอนที่ 5 (26/08/2017)
«ตอบ #9 เมื่อ28-08-2017 01:41:15 »

สกายใจร้ายอ่ะะ :hao5:

ติดตามนะคะ o13

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ตามรักนายใจหิน ตอนที่ 5 (26/08/2017)
« ตอบ #9 เมื่อ: 28-08-2017 01:41:15 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ rockiidixon666

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-3
Re: ตามรักนายใจหิน ตอนที่ 5 (26/08/2017)
«ตอบ #10 เมื่อ28-08-2017 12:58:48 »

เชียร์ปังปอนด์กับตี๋ อิอิ

ออฟไลน์ azaki

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 52
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-1
กลรักลวงใจ  ตอนที่ 6  แผนลวงใจ


 “ฮัลโล” หัวใจผมเต้นตึกๆๆ เมื่อได้ยินเสียงเจ้าของเบอร์โทรที่ผมได้มาเมื่ออาทิตย์ก่อน ต้องใช้เวลาทำใจและสร้างเรื่องเพื่อที่จะคุยกับมันให้เป็นไปตามแผนที่ผมวางไว้

“ใครอ่ะ ถ้าไม่พูดจะวางสายแล้วนะ” ฟังจากน้ำเสียงแล้วท่าทางมันจะหงุดหงิดน่าดู  ผมจึงจำเป็นต้องเอ่ยออกไป

“หวัดดี” ผมเอ่ยออกไปเสียงไม่ดังมากนักเพราะมันยังกล้าๆกลัวๆอยู่

“ใครอ่ะ แล้วโทรมาทำไมไม่พูดห๊ะ”

“กูเอง ปอม มึงอย่าเพิ่งวางสายนะเว้ย” ผมพูดดักไว้ก่อนเพราะรู้ว่ามันไม่ชอบขี้หน้าผมซักเท่าไหร่ 

“มึงเอาเบอร์กูมาจากไหน เมื่อไหร่มึงจะเลิกตามตื๊อกูสักที่ว่ะ แม่ง!” นี่มันหายใจรึเปล่าแม่งจัดผมซะชุดใหญ่เลย

“มึงอย่าไปว่าไอ้ตี๋นะ กูขอจากมันมา”ผมเอ่ยแล้วรอฟังเสียงมันตอบกลับ

“ไอ้ตี๋แม่งเป็นเพื่อนกูรึเปล่าว่ะ รู้ทั้งรู้ว่ากูไม่ชอบแม่งยังจะให้เบอร์มันอีก” เหมือนมันกำลังว่าไอ้ตี๋อยู่ แต่เสียงมันเล็กลอดผ่านสายมา

“มึงคงรู้ตัวใช่ไหมว่าคงโทรหากูได้แค่ครั้งนี้ครั้งเดียว  เพราะหลังจากนั้นกูคงไม่รับสายมึงอีกอย่างแน่นอน” มันบอกผม

“เออ กูรู้ดีตัว  แต่มึงก็รู้ดีเหมือนกันว่ากูชอบมึงมากถึงยังไงกูก็จะคอยตามมึง ถึงมึงไม่รับสายกูกูก็จะไปตามมึงที่โรงเรียนเหมือนเดิม ทั้งๆที่กูรู้ว่ามึงไม่เคยชอบกูเลย มึงรำคาญกู  ใช่สินะ....ใครๆก็ไม่รักกู ใครๆก็จากกูไป แม้กระทั่งพ่อกับแม่ที่จากกูไปตั้งแต่เด็กๆแล้ว เด็กกำพร้าอย่างกูหวังแค่ว่าจะมีคนที่รักบ้างแต่ไม่เลย  มึงก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วย ”  ผมสร้างเรื่องนี้ขึ้นมาหวังเพื่อให้มันเห็นใจผม  ในฐานะที่เป็นเด็กที่ขาดความอบอุ่นจากพ่อแม่เหมือนกัน


มันเงียบไปซักพัก ซึ่งผมก็รู้จุดอ่อนของมันเรื่องครอบครัว  หวังว่ามันคงจะได้ผล


“คือยังไงมึงกูจะคอยตามกูว่างั้น?  เอาตรงๆกูถาม ทำยังไงมึงถึงจะเลิกตามกูสักทีวะ อย่าบอกนะว่าจนกว่ากูจะชอบมึง ซึ่งมันไม่มีทางเป็นไปได้กูขอบอกไว้ก่อนเลย”  เอาแล้วไง เริ่มเข้าทางผมแล้วครับ

“กูรู้ว่ามึงคงไม่มีทางชอบกูอย่างแน่นอน ที่กูโทรมาวันนี้กูมีข้อเสนอซึ่งจะทำให้เราวินวินกันทั้งสองฝ่าย” ผมรีบยื่นข้อเสนอให้มัน

“แล้วมึงคิดหรอว่ากูจะรับข้อเสนอมึง ซึ่งกูไม่จำเป็นต้องมีข้อตกลงกับมึงก็ได้”มันโต้กลับมา

“กูยากให้มึงฟังกูก่อน  แล้วค่อยตัดสินใจอีกที  นะๆๆ”

“มึงว่ามาสิ ข้อเสนอที่มึงบอก”

“คือกูขอเวลาแค่หนึ่งเดือนที่ได้ใกล้ชิดกับมึงโดยกูจะยอมเป็นเบ๊ให้มึง  ไม่ว่าที่โรงเรียน หรือที่คอนโดมึงจะให้กูทำงานบ้าน หรือการบ้าน ห่าเหวอะไรก็ได้  ถ้าครบหนึ่งเดือนเมื่อไรกูจะยอมออกไปจากชีวิตมึงตลอดไป  มึงจะไม่มีทางได้เห็นหน้ากูอีกอย่างแน่นอน กูสัญญา”  ผมยื่นข้อเสนอออกไป

“ตั้งหนึ่งเดือนเลยรึ? มึงคิดว่ากูจะตกลงรึไง”มันเอ่ยน้ำเสียงนิ่งๆ

ตอนนี้หัวใจผมเต้นตึกๆ คือถ้ามันตกลงอย่างน้อยผมก็จะได้ใช้ชีวิต ม.ปลายอย่างคุ้มค่าที่สุด แต่ถ้าไม่มันก็คงแย่มากที่จะไม่ได้มีโอกาสที่สุดแสนจะพิเศษอย่างนี้


“กูทำใจไว้แล้วว่าผลจะเป็นยังไงกูก็จะยอมรับมัน ฮึกๆ”ผมแกล้งทำเป็นสะอื้นไห้  ให้มันได้ยิน  เพื่อเรียกคะแนนสงสาร(ซึ่งไม้รู้จะได้ผลไหม)

“ถ้ามึงทนทำตามที่กูสั่งได้ กูก็โอเค ไม่แน่หลังจากครบหนึ่งเดือนแล้วมึงอาจจะเกลียดกูก็ได้  แล้วมึงไม่ต้องบอกเรื่องนี้กับใคร แม้กระทั่งไอ้ตี๋ ไม่งั้นเรื่องนี้จะเป็นโมฆะ”มันตอบตกลงแล้วก็ยื่นข้อเสนอเพิ่มเติมมา โอ๊ยยยยย!!! ตอนนี้ผมนี่กระโดดบนที่นอนยังกะลิงเลยครับ ดีใจสุดๆ   อย่างน้อยหนึ่งเดือนก่อนจบ ม.หกผมคงได้ใกล้ชิดกับมันตามที่ใจผมต้องการมาตลอด  แต่ก็ต้องใจหายนะเมื่อครบหนึ่งเดือนผมก็ต้องทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับมัน  แต่ก็ไม่เป็นไรการเข้าไปเรียนต่อในมหาวิทยาลัยคงมีเรื่องราวอะไรที่จะทำให้ผมลืมมันได้อย่างแน่นอน ผมคิดอย่างนั้น

“ได้เลยครับเจ้านาย  กูจะทำตามสัญญา”  ผมไม่รู้ว่ามันคิดยังไงถึงตอบตกลง อาจจะสงสาร หรืออาจจะต้องการแกล้งผม หรือไม่ก็คงจะรำคาญผมมากจนต้องสละเวลาหนึ่งเดือนในการเจอผมบ่อยๆ เพื่อไม่ให้ได้เจอกับผมอีกตลอดชีวิต
“วันจันทร์หลังเลิกเรียนมึงมาหากูที่คอนโด เดี๋ยวกูส่งแผนที่ไปให้ กูจะบอกสิ่งที่มึงจะต้องทำในเวลาหนึ่งเดือนนี้ ถ้าไม่มาก็ไม่ต้องมาอีกเลย เข้าใจนะ แค่นี้ล่ะ” มันว่าแล้วก็วางสายไปดื้อๆเลยล่ะครับ

หลังจากวางสายมันแล้วผมนี่สั่นไปหมดเลยครับว่าจะโทรไปบอกข่าวดีไอ้เอิ้นซะหน่อย  แต่ก่อนอื่นต้องทักไลน์ไอ้สกายไปก่อนเป็นการสื่อว่าผมพร้อมแล้วที่จะรับคำสั่งมันครับ ผมส่งสติ๊กเกอร์รูปทหารน้อยตะเบ๊ะไปให้มัน  มันก็อ่านแต่ก็ไม่ได้ตอบ ซักพักมันก็ส่งโลเคชั่นคอนโดของมันมาให้ผมเท่านั้น  ไม่ได้ส่งอะไรมาอีก  จริงๆแล้วมันไม่จำเป็นต้องส่งมาหรอกครับผมไปสืบมาหมดแล้วว่าคอนโดมันอยู่ที่ไหน ผมยิ้มให้ข้อความที่มันส่งมาแล้วก็กดโทรหาไอ้เอิ้น


ตี๊ดดดดดด 

ผมรอให้เอิ้นรับสาย ในใจก็แบบ รีบรับสิๆๆ กูไม่ไหวแล้ววอยากบอก

“ฮัลโล ว่าไงมึงกูกำลังรีดผ้าอยู่”มันรับสายแล้วบอกผม

“มึงหยุดทุกกิจกรรมเลยเดี๋ยวนี้กูมีข่าวดีจะบอก”

“โอเค แป๊บ”  มันคงเก็บเตารีดและผ้ามันก่อนเพื่อที่จะมาคุยกับผม  “เสร็จแล้ว ข่าวดีอะไรของมึง ว่ามาดิ ถ้าไม่มีสาระนี่มึงโดนแน่ไอ้ปอม”เอิ้นมันขู่ผม

“ดีมากที่สุดในชีวิตกูเลยล่ะ มึงรู้ไหมว่าไอ้สกายมันตกลงข้อเสนอกูแล้วววเว้ยยย”ผมลากเสียงยาวบ่งบอกว่าดีใจมากๆ
“เฮ้ยยย ดีจริงๆว่ะ มึงทำได้ไงวะ”

“กูแค่แกล้งสร้างเรื่องเป็นเด็กกำพร้าพ่อแม่ตาย แล้วก็บีบน้ำตานิดๆ มันคงจะสงสารก็อยู่นิดนึงมั้งเพราะมันก็มีปัญหาเรื่องครอบครัวเหมือนกันมันคงเห็นใจกู”ผมคาดเดา

“มึงนี่เลวว่ะแช่งแม่ตัวเอง”เอิ้นมันว่าพลางหัวเราะ

“กูไม่รู้จะทำยังไงว่ะ กูต้องไปกราบขอโทษแม่กูก่อน ฮ่าๆๆ อยู่ดีๆก็ไปแช่งท่านซะงั้น”ผมรู้สึกผิดอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว

“เออๆๆ กูดีใจด้วยว่ะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ไปโรงเรียนเล่าให้กูฟังอย่างละเอียดด้วย แต่ตอนนี้กูขอรีดผ้าต่อก่อน เดี๋ยวม๊าบ่นให้กูอีก”

“เออๆๆ แค่นี้ล่ะ”ผมวางสายเอิ้นแล้วก็รีบไปจัดการเตรียมหนังสือเรียนพรุ่งนี้เหมือนกัน

คืนนี้คงเป็นคืนที่ผมฝันดีสุดเลยทีเดียว.........


-------------------------------------------------------------------------


PANGPOND PART.

สวัสดีครับผมปังปอนด์นะครับ ทุกคนคงรู้เรื่องราวเกี่ยวกับตัวผมมาพอประมาณแล้วนะครับ  หลังจากกลับจากบ้านตองวันนั้น  ผมก็รู้สึกแปลกๆกับพี่ตี๋  เวลาที่พี่เค้ามาแซวหรือมาใกล้ผมมักจะมีอาการหัวใจเต้นแรงผิดปกติ  หรือผมจะหลงเสน่ห์พี่เค้าแล้ว ไม่นะ!

Rzzzzzzz 

เสียงริงโทนมือถือผมดังขึ้นจนผมต้องผละจากการทำการบ้าน มาหยิบมือถือไปรับสาย  แต่มองแล้วเป็นเบอร์ที่ไม่คุ้นเลย   ใครกันนะโทรมาดึกๆดื่นๆขนาดนี้

“ฮัลโล สวัสดีครับ”ผมรับสายแล้วรอฟังเสียงจากปลายสาย

“ทำอะไรอยู่ครับน้องปังปอนด์”ปลายสายเอ่ยออกมา ผมนี่งงเลยครับ ใครกันนะโทรมาแทนที่จะแสดงตัวตนแต่กลับมาถามแบบนี้เหมือนตั้งใจจะกวน

“แล้วคุณเป็นใคร เอาเบอร์ผมมาจากไหน”ผมถามเสียงดุ มันน่าโมโหไหมล่ะที่จู่ๆก็จะโทรมากวนกันแบบนี้

“ทำเป็นเสียงดุไม่เหมาะกับหน้าหวานๆเลยนะครับ  จำเสียงพี่ไม่ได้หรอครับ”แน่ะๆ ยังจะมาย้อนถามอีก ใครจะไปจำได้ล่ะครับ คนที่ผมรู้จักก็ไม่น้อยเลย แต่เอ! แทนตัวเองว่าพี่ต้องเป็นรุ่นพี่ซึ่งผมรู้จักไม่กี่คน ก็มีพี่ตี๋กับพี่สกายที่พอจะเจอบ่อยๆหน่อย  หรือว่าจะเป็น…..พี่ตี๋

“พี่ตี๋รึเปล่า?”ผมถามออกไป แต่ก็แน่ใจว่าน่าจะใช่แล้วล่ะเพราะนึกถึงหน้าพี่ตี๋เสียงก็ตามมาเลย

“เย้ๆ น้องปังปอนด์จำเสียงพี่ได้ด้วยดีใจฝุดๆ”เสียงพี่เค้าดูจะดีใจมากๆ  ผมนี่พอรู้กิตติศัพท์ของพี่ตี๋บ้าง  จากพี่ปอมแกบอกให้ผมระวังพี่ตี๋ไว้อย่าได้หลวมตัวปล่อยใจให้เด็ดขาด แกนี่เพลย์บอยตัวพ่อเลยล่ะ

“พี่ตี๋มีอะไรรึเปล่าครับ ต้องขอโทษด้วยนะครับที่ผมขึ้นเสียงใส่ แล้วเอาเบอร์ผมมาจากไหนอ่ะ”ผมเอ่ยขอโทษพี่เค้า  จริงๆผมก็ไม่ได้เป็นคนชอบสียงดัง  เพียงแต่เวลาใครมากวนแบบนี้มักจะขึ้นโดยไม่รู้ตัว

“พี่ก็ต้องขอโทษน้องปังปอนด์ด้วยนะครับพี่โทรมากวนตีน ฮ่าๆ  พี่ขอเบอร์เรามาจากปอมเองล่ะ”

“ออ...แล้วพี่ตี๋มีอะไรรึเปล่าครับผมกำลังทำการบ้านอยู่”ผมบอกไปเพราะนี่มันก็ใกล้จะถึงเวลานอนแล้ว  เดี๋ยวทำการบ้านส่งไม่ทันพรุ่งนี้

“พี่ไม่มีอะไรมากก็แค่คิดถึงเด็กน้อยแถวนี้ มากก”หืมม ทำไมพูดตรงแบบนี้รู้ไหมผมเขิน ฮ่าๆๆ ผมเข้าใจที่พี่ปอมบอกแล้วว่าแกเป็นคนมีเสน่ห์สาวๆนี่ติดตรึม ผมคงเป็นหนึ่งในนั้นที่หลงไหลกับคารมณ์ของพี่เค้า 

“ออ ครับ”ผมพูดเขินๆ

“แล้วน้องปังปอนด์ไม่คิดถึงพี่บ้างหรือครับ คนอุตส่าห์คิดถึง”พี่เค้ายังอ้อนมาอีก

“แล้วทำไมผมต้องคิดถึงพี่ตี๋ด้วยล่ะครับ ในเมื่อเราไม่ได้เป็นอะไรกันซักหน่อย”ผมแหย่พี่เค้าไป หน้าหม้อดีนักคิดหรอว่าผมจะง่าย

“ก็พี่กำลังจะทำให้เราเป็นอะไรกันอยู่นี่ไงครับ”

“หมายความว่ายังไงครับ”ผมถามกลับ เพิ่งจะคุยกันได้ไม่นานนี่จะรุกหนักเกินไปแล้วนะครับ ผมไม่ง่ายนะบอกไวก่อนครับพี่ตี๋จอมเจ้าชู้

“ก็พี่กำลังจะจีบน้องไงล่ะครับ ถ้าเป็นไปได้นี่จะจับกินไปทั้งตัวเลยซะตอนนี้ คนอะไรจะน่ารักน่ากอดซะขนาดนี้” ยอมแล้วครับมีความเป็นมืออาชีพจริงๆ คงจะพูดกับสาวๆบ่อยจนเป็นประโยคที่อยู่ในสมองโดยอัตโนมัติไปแล้ว แต่ผมก็อมยิ้มนะ เอ๊ะเรานี่ยังไงกันแน่ ฮ่าๆๆ

“ขอบคุณนะครับที่ชมแต่ผมว่าตอนนี้มันเร็วไป เราค่อยๆทำความรู้จักกันให้มากกว่านี้ก่อนดีไหมครับ โดยเฉพาะพี่ตี๋นี่ผมได้ยินข่าวว่าฮอตมาก ไม่แน่ใจว่าหลังจากวางสายผมไปแล้วยังจะโทรหาใครแบบนี้อีกหรือเปล่าก็ไม่รู้”ผมพูดตามสิ่งที่ผมคิดออกไป

“โอ๊ย เสียใจน้องปังปอนด์มองพี่ในแง่ร้าย อย่าไปฟังข่าวลือเสียๆหายๆจากคนอื่นเลยนะครับ โดยเฉพาะปอมเนี่ยยิ่งเชื่อไม่ได้เลย คอยดูนะถ้าเจอกันนี่จะจับหอมแก้มซะให้เข็ดข้อหาเชื่อคนอื่นมากกว่าพี่”นี่ขนาดคุยกันผ่านเสียงนะครับ ถ้าเจอกันตัวเป็นๆผมนี่คงได้แหลกคามือพี่เค้าแน่

“จะไม่ให้เชื่อได้ยังไงละครับ ก็หื่นซะขนาดนี้ ฮ่าๆๆ”ผมว่าแล้วก็ขำ

“โหห พี่ก็แค่แกล้งหยอกน้องไปงั้นล่ะครับ จริงๆแล้วพี่นี่สุภาพบุรุษสุดๆเลยนะครับ  ไม่เชื่อนี่ต้องนัดกินข้าวกันซักวันแล้วน้องจะรู้นิสัยจริงๆของพี่ตี๋นะครับน้องปังปอนด์” พี่เค้ายังบรรยายสรรพคุณของตัวเองให้ผมฟังซะจนผมเลี่ยนเอามากๆ คนอะไรจะขี้ยอตัวเองชะมัด

“พี่ตี๋ครับ ค่อยคุยกันวันหลังนะครับ มันดึกแล้วผมต้องทำการบ้านต่อ” ผมรีบตัดบทก่อนที่มันจะดึกมากไปกว่านี้

“ครับผม ฝันดีนะครับน้องปังปอนด์ของพี่ตี๋ แล้วพรุ่งนี้เจอกันที่โรงเรียนนะครับ”พี่เค้าพูดเสียงหล่อใส่ผม

“ครับ ฝันดีเช่นกันครับ บาย”ผมกดวางสายแล้วมองดูมือถือด้วยรอยยิ้มที่มันเกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ นี่ผมคงจะหลงเขาคนนั้นเหมือนกับที่หลายๆคนหลงมานักต่อนักแล้วสินะ  แต่ผมจะพยายามเตือนตัวเองเอาไว้ว่า พี่ตี๋น่ะเพลย์บอยตัวยงจะได้ไม่เผลอใจให้เขาไปมากกว่านี้......


ขอบคุณที่ติดตามนะครับ  มีอะไรผิดพลาดต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-10-2017 21:48:15 โดย azaki »

ออฟไลน์ oki

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 300
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
เขินพี่ตี๋จีบน้อง :-[

ออฟไลน์ ashbyipcet

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
สกายถ้าตกหลุมแล้วอย่ามาโหยหาปอมละกัน  o18
พี่ตี๋น้องปอนมดขึ้นแล้วค่ะ!  :hao7:
ชะนีวายสองนางหล่อนทำดีมาก  :hao6:
ส่วนนัง 4 ตัวร้อยนี่ขอตบเรียงตัวได้ไหมนี่  :beat:

ออฟไลน์ azaki

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 52
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-1
กลรักลวงใจ  ตอนที่ 7 เข้าถ้ำเสือ



“ก๊อกๆๆ”


ตอนนี้ผมยืนรออยู่หน้าห้องไอ้สกายแล้วครับหลังจากที่มันส่งไลน์สั่งให้ผมมาหาที่คอนโดของมัน  หลังจากเลิกเรียน  เมื่อเสียงออดดังขึ้นในคาบสุดท้ายของวันผมไม่รอช้ารีบตรงดิ่งมาที่คอนโคมันโดยทันที  ตอนนี้ผมยืนสำรวจร่างกายตัวเอง  ว่าดูดีพอรึยังสำหรับที่จะเจอกับมันในครั้งนี้


“แอ๊ดดด”


เสียงเปิดประตูดังขึ้นทำให้ผมต้องหยุดการกระทำแล้วหันหน้าไปมองที่ประตู ผมนี่ตะลึงยืนตาค้างเลยครับ  เลือดกำเดาแทบไหลเลยทีเดียว ก็ไอ้สกายมันมาในสภาพใส่ผ้าขนหนูผืนเดียวยืนโชว์ซิกแพค แถมมีหยดน้ำน้อยๆพรมไปทั่วตัวมัน มันมีกล้ามนิดๆครับ  แบบเนื้อแน่นๆ น่าสัมผัส (แอบหื่นมาก ฮ่าๆๆ)

“มึงจะยืนอ่านกินกูอีกนานไหม?”  เสียงของมันทำให้ผมหลุดจากภวังค์แล้วก็ตั้งสติเสียใหม่

“ใคร!  ใครอ่านกินมึง ก็กูแค่ตกใจที่จู่ๆมึงออกมาในสภาพแบบนี้” ผมพูดตะกุกตะกัก

“มึงเสียใจล่ะสิที่กูไม่ได้แก้ผ้าออกมา เสียใจด้วยมึงก็ได้แค่มองนี้ล่ะ จะยืนบื้ออยู่ทำไมเข้ามาสิวะ”  มันตะวาดผม  ผมจะยืนบื้ออยู่ทำไมล่ะครับรีบเดินเข้ามาโดยทันที




ผมยืนสำรวจห้องมัน อะไรกันนี่แม่เจ้าห้องหรือกองขะยะว่ะเนี่ย  นึกภาพออกไหมครับเด็กวัยรุ่นอยู่ห้องคนเดียว  จะทิ้ง จะวางอะไรก็ไม่เป็นที่เป็นทางเห็นแล้วก็แอบคิดแม่งไม่เข้ากับหน้าตาหล่อสัดๆของมันเลย
 
“มึงอยู่เข้าไปได้ยังไงว่ะเนี่ย แม่งนึกว่ากองขยะ” ผมมองหน้ามันที่กำลังยืนทำหน้าไร้อารมณ์อยู่

“นี่ล่ะงานแรกของมึง” มันมองผมแบบเย้ยๆ

“ห๊ะ” ผมอุทานเสียงดัง ก็แบบต้องใช้เวลานานเท่าไรกว่าจะทำเสร็จ  มองแล้วก็ต้องทำใจครับในเมื่อเลือกขึ้นขี่หลังเสือแล้วเราก็ต้องขี่ต่อไป

“ทำไม่ได้ก็กลับไปซะ  เสียเวลากูจริงๆ”มันว่าแล้วก็โบกมือไล่ผมออกไป

“เดี๋ยวๆๆ กูทำได้แต่ต้องใช้เวลาหน่อยนะ” ผมต่อรอง

“กูให้เวลามึงแค่....ช่วงเวลากูอาบน้ำ  ถ้ากูออกมาแล้วพบว่ายังไม่เสร็จถือว่าสัญญาระหว่างเราเป็นอันสิ้นสุด โอเคตามนี้” มันว่าแล้วก็เดินเข้าในห้องน้ำเพื่ออาบน้ำต่อ

“ไอ้....”ผมพูดยังไม่จบมันก็หายวับเข้าไปในห้องน้ำเสียก่อน ไม่มีอะไรมากผมก็แค่จะบอกมันว่า  “ไอ้เหี้ย” ก็เท่านั้น ฮ่าๆๆ


ผมรีบใช้สมองอันน้อยนิดของผมวางแผนคิดว่าจะเริ่มอะไรก่อนดี  เอาว่ะเริ่มแรกก็ต้องกำจัดขยะ ผมเดินหาถุงขยะในห้องมันบังเอิญเจอถุงขยะสีดำขนาดใหญ่พอดี เลยรีบเดินเร็วเก็บขยะที่มีอยู่ทั่วห้องของมัน ห่อขนมเอย เศษกระดาษเอย ขวดเหล้าขวดเบียร์เอย สงสัยมันจะพาเพื่อนมากินเหล้าบ่อยแน่ๆ เก็บขยะเสร็จผมนี่ปาดเหงื่อเลยครับท่าน  แต่ที่น่าโมโหก็คือเสียงไอเหี้ยสกายมันผิวปาก  อาบน้ำอย่างอารมณ์ดี  ถัดจากขยะก็เก็บเสื้อผ้าที่มันทิ้งๆ ขว้างๆ ยังกะจะไม่ได้ใส่อีกงั้นล่ะ  เสื้อนักเรียน กางเกงนักเรียน เสื้อยืดเอย กางเกงยีนส์เอย แต่ที่น่ารังเกียจที่สุดคือกางเกงในมันครับแม่งถอดม้วนไว้เป็นเลขแปดแถมยังมีคราบเหลืองๆอยู่ที่ขอบอีก เอาว่ะเก็บก็เก็บ ผมมองดูเวลาแล้วตอนนี้ก็ใช้เวลาไปห้านาทีกว่าๆแล้ว เสียงฝักบัวในห้องน้ำก็เงียบไปแล้วมันน่าจะใกล้ออกมาแล้วล่ะ  ผมจึงรีบแจ้นไปเอาไม้กวาดมา  รีบกวาดๆ เช็ดๆ ถูๆ ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้


“เย้!”


ในที่สุดมันก็เสร็จเรียบร้อยแล้วครับ ผมยืนปาดเหงื่อรอบที่สอง พร้อมกันนั้นมันก็เดินออกมาจากห้องน้ำพอดี  มันเดินออกมาพร้อมกับใช้ผ้าขนหนูผืนเล็กๆเช็ดที่หัวกรียนๆของมัน  แล้วก็หันมามองผมที่กำลังยืนหอบอยู่ด้วยความเหนื่อย มันหันไปสำรวจรอบๆห้องด้วยใบหน้านิ่งๆ แม่งเย็นชาจริงๆ

“ไม่เลวนี่ ทันเวลาพอดี สงสัยกลัวไม่ได้เจอกูอีกล่ะสิ” มันว่าพลางเดินไปที่ตู้เสื้อผ้า หยิบบ็อกเซอร์มาใส่แล้วโยนผ้าขนใส่ใส่ตะกร้าแต่มันไม่เข้าตะกร้าหรอกครับ ตกอยู่แถวๆนั้นล่ะ ตามสไตล์มันไม่แปลกใจเลยที่ห้องมันรกแบบนี้

“กูเก่งล่ะสิ เอ้อ! แล้วมึงกินเข้ายัง”ผมถามมัน นี่ว่าถ้ามันยังไม่กินจะโชว์เสน่ห์ปลายจวักซะหน่อย

“ทำไมมึง?  จะทำให้กูกินรึไง”มันถามย้อน แล้วเดินไปนั่งที่โซฟา  เปิดทีวีนั่งดูอย่างสบายใจ ผมสงสัยว่าไอ้นี่ต้องเป็นพวกชอบโชว์แน่ๆ เลยครับ  มันออกมาจากห้องน้ำใส่แค่บ๊อกเซอร์ตัวเดียว ล่อนจ้อนอยู่ในห้องทั้งๆที่ผมอยู่ที่นี่ด้วยและมันก็รู้ว่าผมคิดกับมันยังไง  มันยังใส่เสื้อผ้าน้อยชิ้นหรือมันคิดจะยั่วผม?(แต่คือปกติผู้ชายที่อยู่ในห้องของตัวเอง  มันก็จะใส่สบายๆอย่างนี้ล่ะครับ มีแต่ผมนี่ล่ะที่ไม่เหมือน ฮ่าๆๆ)

“ก็ถ้ามึงยังไม่กิน  กูจะทำให้มึงกินก็ได้ ยังพอมีเวลานิดหน่อย”ผมมองที่นาฬิกาข้อมือไปด้วยพลางพูดกับมันไปด้วย

“กูไม่ค่อยได้ซื้อของมาไว้ที่ห้องซักเท่าไร  มึงไปดูละกันว่ามีอะไรบ้าง คราวก่อนพวกไอ้ตี๋มันมากินเหล้าที่ห้อง  คงซื้ออะไรมาไว้บ้างอยู่มั้ง”มันว่าพลางนั่งดูบอลไปด้วย

“ถ้างั้นกูไปดูก่อน  ถ้าเสร็จแล้วกูจะเอามาให้ที่นี่ล่ะกัน”ผมรีบแจ้นเข้าไปที่ครัวของมัน เปิดในตู้เย็นก็มีแต่ไข่ แล้วก็ไข่  เอาว่ะมื้อนี้ก็คงไม่พ้นข้าวใข่เจียวหรอกนะ  ผมรีบหุงข้าวแล้วก็เตรียมอุปกรณ์ไปด้วย สังเกตห้องครัวที่คอนโดมันแล้วก็อดสงสัยไม่ได้ว่ามันอาจจะชอบทำกับข้าวบ้างอยู่มั้งเพราะ เครื่องครัวก็มีเกือบครบทุกอย่าง ถ้าปกติแล้ววัยรุ่นผู้ชายอยู่คนเดียวคงไม่ค่อยมีแบบนี้หรอกมั้งถ้าไม่ชอบทำอาหาร ผมคิดเดาเอา


“มาแล้วครับเจ้านาย”ผมถือถาดข้าวไข่เจียวมาเสริฟพร้อมกับถ้วยพริกน้ำปลา แถมกับน้ำซุปร้อนๆถ้วยเล็กๆด้วย

“ถ้ารู้ว่ามึงทำข้าวไข่เจียวมา  กูคงโทรไปสั่งยังจะดีกว่า แม่งเมนูตื้นๆ” มันบ่นแต่ก็ยังเลื่อนถาดข้าวไปตรงหน้าตัวเองแล้วรีบหยิบช้อนส้อมมาตักข้าวกิน สงสัยจะหิวน่าดูเพราะบ่นแต่ก็รีบกินเหลือเกิน

“อร่อยป่ะข้าวไข่เจียวฝีมือกู”ผมถาม

“งั้นๆล่ะ ที่กูกินก็แค่ขี้เกียจโทรไปสั่งก็แค่นั้น”

“เออๆๆ กินไปเหอะกูแค่ถามเฉยๆ  กูรู้ว่ายังไงมึงก็ไม่บอกว่าอร่อยหรอก  ไม่ชอบหน้ากูซะขนาดนั้น” ผมว่า

“เสร็จงานแล้วมึงกลับไปได้เลยนะเดี๋ยววันหลังก็จะสั่งงานใหม่”มันว่าพลางกินข้าวแล้วก็ดูบอลไปด้วย  แหมๆมึงพูดแล้วก็มองหน้ากูไม่ได้ไงว่ะไอ้สกาย

“อีกแป๊บก็ได้อยากอยู่นานๆอ่ะ เออ! แล้วเสื้อผ้ามึงส่งซักหรือซักเองอ่ะ”ผมถามเพราะที่เก็บเสื้อผ้าเมื่อสักครู่เห็นเต็มตะกร้าเลยจะอาสาซักให้มันซักหน่อย

“ก็โทรสั่งให้เค้ามาเอา อย่างกูหรอจะซักเองงานผู้หญิงชัดๆ”

“เอางี้ต่อไปมึงไม่ต้องเสียเงินเดี๋ยวกูมาซักให้เอง รับรองว่าสะอาดกว่าส่งร้านแน่นอน  แถมถนอมเนื้อผ้าด้วย”

“มึงแน่ใจนะ เสื้อผ้ากูสกปรกนะ แถมมีถุงเท้า กางเกงในด้วยนะ”มันบอก สงสัยคิดว่าผมจะเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อเหมือนมัน

“ทำไมจะทำไม่ได้ว่ะ แค่นี้จิ๊บๆ มึงสบายใจได้กูทำได้ยิ่งกว่าแจ๋วซะอีก”ผมยอตัวเองตรงหน้ามัน  มันมองผมแล้วก็วางช้อนส้อมลงในจานเสียงดังแก๊รกแล้วเลื่อนถามมาทางผม

“อ่ะ อิ่มแล้วเอาไปเก็บด้วย”มันว่าแล้วดื่มน้ำ แล้วนั่งเอนหลังไขว่ห้าง สบายใจเฉิบเลยทีเดียว

“เดี๋ยวกูล้างถ้วยแล้วก็เอาผ้าไปส่งซักให้  แล้วกูถึงจะกลับนะ”

“อืม ก็แล้วแต่มึงล่ะกัน เดี๋ยวพรุ่งนี้ที่โรงเรียนไปหากูที่ห้องสภาตอนเที่ยงด้วยนะกูมีเรื่องให้ทำ”

อ้อลืมบอกไปครับมันเป็นคณะกรรมการสภานักเรียนปีนี้ด้วย สงสัยใกล้จะจบแล้วงานเยอะแน่ๆ คงจะให้ผมช่วยทำล่ะสิ ใช้กูคุ้มจริงๆนะมึง  แต่ก็อย่างว่าล่ะมันเป็นความสมัครใจของผมเองถือว่าวินวินกันทั้งสองฝ่ายล่ะกัน



ผมนำผ้าไปส่งซักร้านที่มันส่งประจำ ส่วนวันหลังผมคงจะต้องซักให้มันตามที่บอกไว้  ขึ้นมาที่ห้องก็มาล้างจานและทำความสะอาดครัวให้เรียบร้อย   ตอนที่ลงไปข้างล่างผมแอบไปซื้อนมมาแพคนึงแล้วก็จัดใส่ตู้เย็นให้มัน  หลังจากนั้นก็เขียนโพสอิทแปะติดที่หน้าตู้เย็นไว้เผื่อมันมาเจอแล้วอ่านมันจะได้รับรู้ถึงความห่วงใยจากผม  ผมว่าจุดนี้ล่ะที่จะทำให้มันใจอ่อนได้เพราะเด็กที่ไม่เคยได้ความรักจากครอบครัวมีคนทำให้แบบนี้มันก็ต้องใจอ่อนลงบ้างล่ะว่ะ ฮ่าๆๆ


“เสร็จเรียบร้อยแล้ว....กูไปก่อนนะ”ผมถือกระเป๋าไปยืนตรงข้างๆมัน  มันก็นั่งเอนหลังบนโซฟา  ยังคงนั่งขาไขว่ห้างเหมือนเดิม
 
“อืม! ไปเหอะแล้วอย่าลืมล็อคห้องให้กูด้วยล่ะ”มันหันหน้ามามองผมแวบนึง  ก่อนที่จะหันไปดูบอลของมันต่อ

“เอ้อ!! มีอะไรอยู่ที่ตู้เย็นอย่าลืมไปดูล่ะ”ผมว่าแล้วก็โบกมือลามันเดินออกมาจากห้องอย่างอารมณ์ดี

ระหว่างที่ผมนั่งแท็กซี่กลับบ้านก็นั่งไปยิ้มไปคนเดียว บางทีก็แอบเขินๆมันน่ะอยู่ในห้องใส่บ๊อกเซอร์ตัวเดียว  สาวๆในโรงเรียนจะอิจฉาผมไหมนะ  ที่ได้เห็นหุ่นแน่นๆของมัน พอใกล้จะถึงบ้านก็มีเสียงจากข้อความในไลน์ดังขึ้นมา


“ติ๊ง”

ผมรีบเปิดเข้าไปอ่านแล้วก็พบว่าเป็นข้อความจากไอ้สกายเจ้านายชั่วคราวของผมนั่นเองครับ


“กูกินไปแล้วกล่องนึง วันหลังไม่ต้องซื้อมานะ กูไม่ชอบกินของจากคนแปลกหน้า แต่ครั้งนี้กูจะกินละกันเสียดายของ” 


หลังจากอ่านข้อความของมัน  ก็มีภาพตามมาไม่นานหลังจากนั้นเป็นรูปกล่องนมที่กินหมดเรียบร้อยแล้ว  รู้สึกปลื้มปริ่มอย่างบอกไม่ถูกมันดื่มนมที่ผมซื้อไปให้ด้วย  แถมยังมีหน้าถ่ายรูปส่งมาให้ด้วย  เหมือนรายงานตัวว่ากูกินหมดแล้วนะประมาณนั้น


ข้อความที่ผมเขียนไว้ในโพสอิทที่ติดไว้ที่ตู้เย็น ผมเขียนไว้ว่า

“เห็นตู้เย็นว่างๆ เลยซื้อนมมาไว้ให้
อย่าลืมดื่มนมก่อนนอนด้วยนะ
 เป็นห่วงเห็นนั่งดูบอล คงนอนดึกน่าดู
เห็นห่วงนะครับ  ไอ้หน้านิ่ง”

ไม่รู้จะหวานหรือเสนอหน้าเป็นห่วงมันมากเกินไปไหม ผมรู้แค่ว่าเขียนไปยิ้มไปครับ


To be continued.


ขอโทษที่ลงช้านะครับ จะอัพเรื่อยๆแน่นอนครับ อย่าลิมติดตามกันเรื่อยๆนะครับ
ด้วยรัก.....AZAKI

 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-10-2017 21:48:48 โดย azaki »

ออฟไลน์ ashbyipcet

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
สู้ๆนะปอม! เจ๊เชียร์แกนะค่ะ  :katai2-1:
แล้วเรื่องนี้จะมีดราม่าไหมค่ะแบบพลิกล็อค  :hao4:

ออฟไลน์ angelnan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-5
นายเอกรักคนอื่นมากกว่าตัวเอง ไม่ลองเปิดใจหรือมองคนอื่นบ้าง มัวแต่วิ่งตามเขาอยู่ได้

ออฟไลน์ azaki

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 52
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-1
กลรักเสน่หาลวงใจ  ตอนที่ 8 อ้อนจนได้ (ตี๋+ปังปอนด์)


PANGPOND PART.



“น้องปอนด์!”


ผมหันซ้ายหันขวาเมื่อได้ยินเสียงเรียกชื่อตัวเอง  ขณะที่กำลังหาหนังสือบนชั้นในห้องสมุดของโรงเรียนช่วงเวลาพักเที่ยง    ผมยังไม่เจอใครเลย เอ๊ะ! หรือว่าหูฝาดไปเอง  ผมเลิกสนใจแล้วตั้งหน้าตั้งตาหาหนังสือต่อ  นั่นไง! เจอแล้วคู่มือเคมีเล่มที่ผมต้องการ

“แบร่!”

“เฮ้ยยยย!”


ผมนี่สะดุ้งแล้วก็ร้องเสียงดังจนต้องรีบเอามือปิดที่ปากตัวเองเอาไว้ทันที  ก็ตอนที่ผมหยิบหนังสือออกมาแล้วดันมีใบหน้าปริศนาโผล่หน้ามาแทนที่ฝั่งตรงข้าม  แถมยังส่งเสียงแกล้งผมให้ตกใจอีก  พอตั้งสติได้ก็เพ่งมองไปยังไอ้คนที่มันมาทำให้ผมตกใจ  เห็นมันยืนยิ้มแฉ่งทำหน้าหล่อๆ กวนตีนผมอยู่ไม่ใช่ใครที่ไหน “ไอ้พี่ตี๋” นั่นเองครับ


“พี่ตี๋!”

ผมทำเสียงดุใส่  พี่เค้าก็อ้อมมาฝั่งที่ผมยืนอยู่ทันที

“โอ๋ๆๆ พี่ขอโทษ ไม่นึกว่าเราจะขวัญอ่อนขนาดนี้” ไม่พูดเปล่ายังใช้มือหนาๆมาจับมือผมอีก  ผมจึงรีบสะบัดมือออกทันที

“ถ้าปอนด์หัวใจวายตายไปจะทำไงอ่ะ”ผมว่า

“พี่ขอโทษ จะให้เค้าทำยังไงถึงจะหายโกรธอ่ะคร้าบบบ”ทำไมต้องมาทำเสียงออดอ้อนด้วยนะ รู้ไหมผมเป็นคนขี้ใจอ่อนนะจะบอกให้

“ครั้งนี้ถือว่าครั้งแรก อภัยให้ต่อไปห้ามทำแบบนี้อีกนะครับ ถ้าทำอีกปอนด์จะไม่คุยด้วยเลย”ผมบอกแล้วชี้หน้าคาดโทษ

“ครับผม!  น้องปังปอนด์ของพี่ตี๋”  พี่ตี๋มันยิ้มตาตี่ให้ผม คนอะไรชื่อตี๋สมกับหน้าตาจริงๆแถมยังหล่ออีกด้วย

“แล้วพี่ตี๋มาทำอะไรที่นี่อ่ะครับ”

“อ้าว แล้วน้องปอนด์มาทำอะไรที่นี่ล่ะ”

“ก็มาอ่านหนังสือ”ผมตอบออกไป 

“นั่นไงล่ะ  พี่ก็มาอ่านหนังสือเหมือนกันครับ  แล้วน้องปอนด์นั่งโต๊ะไหนครับเดี๋ยวพี่ไปนั่งด้วย” ชิส์ ใครจะให้ไปนั่งด้วยไม่มีสมาธิอ่านหนังสือกันพอดี ก็พี่มันทำให้หัวใจผมเต้นไม่เป็นจังหวะตลอดเลย

“พี่ตี๋ไปนั่งกับเพื่อนเถอะครับ  พอดีผมไม่สะดวกอ่ะ” จริงๆผมก็มากับไอ้ตองน้องสาวพี่เค้านั่นล่ะครับ  ไม่ได้อะไรนะก็แค่กลัวพี่เค้ามาจีบผมต่อหน้าไอ้ต้องมันจะอายๆหน่อยอ่ะ ฮ่าๆๆ

“พี่มาคนเดียว ไม่มีเพื่อนนั่งอ่ะ นะครับบบ” ทำไมต้องอ้อนอีกแล้ววววววว

“ก็ได้ๆ” ผมว่าแล้วเดินนำหน้า  ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าไอ้พี่ตี๋มันยิ้มกว้างหน้าบานขนาดไหน เห็นแล้วก็หมั่นไส้ซะจริงๆ

“เจอมั้ยปอนด์”  ตองมันถามเมื่อผมนั่งลงบนเก้าอี้ตรงข้ามมัน  แต่มันไม่ยักกะแปลกใจที่มีแขกที่คุ้นเคยมาด้วย

“พี่ตี๋นั่งข้างๆปอนด์นั่นล่ะ  เก้าอี้ตัวนี้ตองวางหนังสืออ่ะ”  ตองมันชี้ไปยังเก้าอีกข้างๆผมซึ่งมันก็ว่างนั่นล่ะครับ  แต่ก็งงที่มันบอกว่าเก้าอี้ข้างๆมันไม่ว่าง  ก็เห็นๆอยู่ว่ามันว่างแต่มันเพิ่งจะเอาหนังสือกองโตที่มันไปค้นมาวางลงไปเมื่อตะกี้นี่เอง 

“ขอบใจมากนะน้องรัก” ผมสังเกตเห็นสองพี่น้องนี่มันยักคิ้วให้กัน  มีลับลมคมในอะไรรึเปล่านะ

“เออแล้วนี่อ่านวิชาอะไรกันน่ะ” พี่ตี๋ถามแต่หันหน้ามามองผม  คำถามไม่เจาะจงผู้ตอบแต่มองมาที่ผม คือผมต้องตอบใช่ไหมครับ?

“ก็ เคมีอ่ะครับ อาจารย์ให้มาทำรายงานส่งเลยหาข้อมูลกัน” ผมตอบพลางเปิดหนังสือไปเรื่อยๆ  ผมรู้สึกได้ว่าพี่ตี๋จะแกมองมาที่ผมอยู่ตลอดเวลา  ผมเลยหันหน้าไปมองแกบ้างจะได้รู้ว่าเรารู้ตัวนะ  แต่ไม่เป็นผลครับพี่มันยังมีหน้ามายิ้มให้ผมอีก

“ไหนล่ะครับหนังสือพี่ บอกว่าจะมาอ่านหนังสือแต่ไม่ยักเห็นหนังสือติดมือมาซักเล่ม ?” ผมมองหน้าแกแบบสงสัย

“เอ่อ..พอดีพี่จะให้ตองไปหาให้อ่ะ พี่ไม่รู้ว่ามันอยู่ตรงไหน ตองไปหาหนังสือการวาดเส้นมาให้พี่ทีดิ”ว่าแล้วแกก็ขยิบตาให้ไอ้ตอง  ส่วนไอ้ตองก็ชี้เข้ามาที่ตัวเองเชิงคำถามว่า กูต้องหาให้มึงเหรออะไรประมาณนั้น ฮ่าๆๆ
 
“อ่า ทำไมไม่ไปเองอ่ะ ได้คืบจะเอาศอก  อุตส่าห์ไลน์ไปแจ้งพิกัดแล้วยังจะมาใช้กันอีก”ตองมันบ่นๆ เอ! เดี๋ยวนะไลน์บอกพิกัด  แสดงว่านี่เป็นแผนของสองพี่น้องหรอกหรือเนี่ย ไอ้ตองนะไอ้ต้อง  ผมมองหน้าไอ้ตองอย่างคาดโทษ  ว่าจะด่ามันซะหน่อย  แต่แล้วมันก็ชิ่งหนีก่อน

“ได้ๆๆ เดี๋ยวตองไปหาให้ รอแป๊บนะพี่ตี๋” มันรีบลุกขึ้นเดินไปเพราะรู้ว่าผมกำลังจะด่ามันชุดใหญ่ไฟกระพริบแน่ๆ

“ตอนนี้ก็เหลือแค่เราสองคนแล้ว  ว่าไงครับที่พี่บอกว่าจะชวนไปกินข้าวซักมื้อ” พี่มันถามผมแล้วจ้องมองผมปานจะกลืนกิน  เฮ้ยยย! พี่ตี๋นี่มันห้องสมุดนะครับไม่ใช่ม่านรูดไม่ต้องทำหน้าหื่นขนาดนั้น

“ชวนตอนไหนครับผมจำไม่ได้อ่ะ” ผมแกล้งทำเป็นจำไม่ได้  แต่จริงๆแล้วผมจำได้ทุกประโยคที่คุยกันวันนั้น  ถ้าจะไปง่ายๆมันก็กระไรอยู่นะ

“อย่ามาทำเป็นจำไม่ได้เลยครับ  พี่รู้ว่าสมองระดับน้องปอนด์ไม่มีทางลืมครั้งแรกของเราได้แน่นอน” นั่นแหนะ ยังมีการพูดจาสองแง่สองง่ามกับผมอีก  ถ้าผมตอบรับไปจะเสร็จพี่เค้ามั้ยอ่ะครับ

“อะไรครั้งแรกครับพี่ตี๋ พูดให้เคลียร์นะ” คนอะไรจะหื่นได้ตลอดเวลาเลย

“อย่าคิดลึกสิครับก็ครั้งแรกที่เราคุยกันทางโทรศัพท์ไง  ถ้าไม่ไปพี่งอนจริงๆด้วยนะ” พี่ตี๋ทำหน้างอนผม  โอ๊ยอยากจะขำช่างไม่เข้ากับตัวเองเอาซะเลย

“ปอนด์กินจุนะครับ เลี้ยงไหวหรอ” ผมแหย่ไป

“ไม่มีปัญหาครับผม ให้เลี้ยงทั้งชีวิตยังไหวเลย ตัวเล็กแค่เนี๊ยะจะกินได้มากขนาดไหนกันเชียว” พี่ตี๋ว่าแล้วก็เอามือมาลูบที่หลังผมแล้วค่อยๆเลื่อนมาเกี่ยวที่เอว ผมรีบขยับตัวหนีทันทีแต่ไม่ทันมือพี่เค้าเหนียวยังกับตีนตุ๊กแก กลับกลายเป็นว่าพี่เค้ากำลังโอบเอวผมซะงั้น

“พี่ทำอะไรเนี่ย ปล่อยดิ๊นี่ในห้องสมุดนะครับ” ผมงอแงแล้วมองไปรอบๆว่ามีใครมองมาไหม  ยังดีที่ไม่มีใครมองมาที่พวกเรา  เพราะต่างคนต่างนั่งอ่านหนังสือกัน(ไม่เหมือนพี่ตี๋ที่มันตั้งใจมากวนผม)

“พี่ก็จะพิสูจน์ไงว่าตัวน้องปอนด์เล็กแค่ไหน” ทำไมต้องพูดใกล้ขนาดนี้เนี่ย ผมนี่ขนลุกซู่เลยครับ  ก็ไอ้พี่ตี๋มันชะโงกหน้ามากระซิบเสียงเบาๆ ใกล้ๆใบหูของผม สัมผัสได้ถึงลมหายใจจนขนลุกเลยทีเดียว

“ถ้าไม่ปล่อยปอนด์โกรธจริงๆนะครับ”ผมมองหน้าเอาเรื่อง  พี่แกคงเห็นสายตาที่แฝงไปด้วยความอำมหิตของผมเลยคลายมือออก

“อย่าโกรธพี่เลยนะครับ แค่ล้อเล่นเองนะ”

“คราวหลังอย่าทำแบบนี้ในที่สาธารณะแบบนี้อีกนะครับ มันดูไม่ดี”

“แสดงว่าถ้าในที่ลับๆก็ได้อ่ะดิ”  พี่ตี๋มันยิ้ม

“ที่ไหนก็ไม่ได้ทั้งนั้นล่ะครับ ถ้าปอนด์ไม่เต็มใจ” ผมบอกแล้วก็ก้มหน้าลงไปอ่านหนังสือต่อ  ชิส์! ขี้เกียจสนใจแล้วอ่ะ

“น้องปอนด์ชอบกินอะไรอ่ะครับ”

“................” ผมเงียบแล้วตั้งใจอ่านหนังสือต่อ

“เอ่ออ น้องปอนด์ว่างกี่โมงอ่ะพี่จะได้โทรหาได้ถูกเวลา” พี่มันยังถามไม่เลิก

“...............” ผมนับ 1-10 ในใจ ยุบหนอพองหนอ พี่มันไม่คิดเลยรึยังไงว่าผมก็รำคาญเป็นนะ

“น้องปอนด์ครับ หันหน้าอันน่ารักมาคุยกับพี่หน่อยดิครับ นะนะ”  พี่มันเอาแก้มอันหยาบด้านไปแนบกับโต๊ะแล้วเงยมาจ้องที่หน้าผม แลดูมีความพยายามดี ฮ่าๆๆ


“ตุ๊บ!”

ผมหุบหนังสือที่กำลังอ่านแล้วฟาดลงกับโต๊ะ  ตอนนี้ความอดทนอดกลั้นของผมได้ขาดสะบั้นลงแล้วครับ  ทุกคนในห้องสมุดมองมาที่ผมเกือบทุกคน ผมมองไปรอบๆแล้วยิ้มให้แบบเจื่อนๆ  เพราะไอ้พี่ตี๋คนเดียว  มันกวนผมไม่ยอมหยุด ไม่มีสมาธิในการอ่านหนังสือเลยครับท่าน  ผมมองหน้ามันอย่างเอาเรื่อง  แหมๆๆทำหน้าทำตาสำนึกผิดให้เราเห็นใจ ทำให้ตัวเองดูน่าสงสารซะงั้น  คนที่น่าเห็นใจต้องเป็นผมไหม? โดนกวนซะขนาดนี้  เอารางวัลลูกโลกทองคำไปเลยมั้ยครับพี่


“หยุดทำตัวน่าสงสารได้แล้ว แล้วก็ลุกออกจากโต๊ะนี้ครับ เพราะถ้าไม่ไปผมจะไปเอง” ผมเอ่ยอย่างคาดโทษ คนอะไรจะกวนตีนกันได้ขนาดนี้เนี่ย  ผมดูไม่ออกเลยว่าพี่เค้าจะมาจีบหรือจะมากวนตีนผมกันแน่ ฮ่าๆๆ

“พี่ขอโทษ พี่แค่อยากให้น้องปอนด์รับปากว่าจะไปทานข้าวด้วยกันซักมื้อจะได้ไหมครับ นะๆๆ”

เอาไงดีเนี่ยจะไปตอนนี้หรือจะตบปากรับคำไปซะให้จบๆ ผมคิดไปคิดมาก็เออ ยอมๆให้มันจบๆไป ยังไงพี่แกก็คงมาตื๊อให้ผมยอมจนได้ล่ะ


“ถ้าผมโอเคพี่ก็จะไปใช่ไหมครับ ถ้างั้นโอเคแล้วก็ไปได้เลยครับ ผมจะอ่านหนังสือต่อแล้ว”

“น่ารักที่สุดเลยครับ เอาไว้พี่จะโทรนัดวันอีกทีนะครับ แต่ก็เร็วๆนี้ล่ะ ยิ่งเร็วยิ่งดี หึๆ” ผมไม่ชอบเสียงหัวเราะตอนท้ายๆเลยมันดูน่ากลัวยังไงก็ไม่รู้แต่ก็ช่างเถอะ

“ถ้างั้นพี่ฝากบอกตองด้วยนะว่าให้เอาหนังสือไปเก็บไว้ที่เดิม พี่ไปล่ะครับ” พี่มันส่งจูบมาให้ผมก่อนเดินไป เอ๋! ว่าแต่ทำไมผมต้องอมยิ้มกับท่าทีกวนของพี่เค้าด้วยอ่ะ  ผมคงไม่หลงเสน่ห์พี่เค้าเหมือนสาวๆหลายคนในโรงเรียนหรอกนะ  ก็พี่เค้าออกจะหล่อ รวย เท่ห์ ตี๋ ขาว ซะขนาดนั้น ใครไม่หลงก็บ้าแล้วล่ะครับ แต่ผมไม่ได้ง่ายนะครับจะบอกให้


“อ้าวพี่ตี๋ไปแล้วหรอปอนด์” ตองมันเพิ่งจะเดินมาถึง  พร้อมกับถือหนังสือมาด้วย คือผมมั่นใจว่าไอ้ตองมันคงแอบไปนั่งดูผมกับพี่ตี๋ที่มุมใดมุมนึงแน่นอน  โรคสาววายเรื้องรังของมันกำลังจะกำเริบอีกแล้วล่ะครับ  ไม่งั้นมันคงไม่มาหลังจากที่พี่มันกลับไปพอดี๊ พอดี  ขนาดนี้

“ทำไมแกไปเอาหนังสือนานจังวะตอง รู้มั้ยพี่ชายแกนี่กวนเราจนอ่านหนังสือไม่รู้เรื่องเลย” ผมบ่นไปแต่รู้สึกเหมือนไอ้ตองมันจะยิ้มๆ

“แกยิ้มอะไรตอง มีลับลมคมในนะ เรารู้ว่าแกร่วมมือกับพี่ตี๋ใช่ไหม”ผมว่าแล้วชี้หน้ามัน มันเองก็ยังยิ้มแล้วตอบผมว่า

“เปล่านะ เราไม่ได้ร่วมมือแต่เราเต็มใจทำเองต่างหาก ก็เห็นแกกับพี่ตี๋คุยกันทีไรเราฟินอ่ะแกกกก”มันลากเสียงยาว

“แกนี่นะ ชักจะเยอะขึ้นไปทุกวัน”ผมส่ายหัวไปมา กับความเป็นสาววายเกินร้อยของเพื่อนผม

“และอีกอย่างเราไม่ชอบขี้หน้ายัยพี่เชอร์รี่อะไรนั่นเลย ชอบมาป้วนเปี้ยนพี่ชายเรา เราอยากให้พี่ตี๋ลงเอยกับปอนด์มากกว่า”

“พี่เชอร์รี่เป็นใคร ใช่แฟนพี่ตี๋รึเปล่า?” ผมถามแบบลุ้นคำตอบมาก ตึกๆๆๆ เสียงหัวใจผมเต้น

“ไม่ใช่ พี่ตี๋โสดย่ะ ยังไม่มีแฟน ส่วนยัยเชอร์รี่ก็เป็นแค่คนที่ปลื้มที่ชายเรา  แล้วก็อยากเป็นแฟนจนตัวสั่นเลยล่ะ ถึงขนาดหน้าด้านไปถึงที่บ้านเราเลยนะ  แต่พี่ตี๋แกบอกให้เราไปรับหน้าแล้วบอกว่าไม่อยู่บ้าน” หน้าตาตองมันดูจริงจังมาก

“อ๋อ เป็นแบบนี้นี่เอง” ทำไมผมถึงโล่งใจอย่างบอกไม่ถูกที่พี่ตี๋แกยังโสด

“แต่พี่ตี๋แกเจ้าชู้ขนาดนี้ยังไม่มีแฟนเป็นตัวเป็นตน  สาวๆที่เป็นแฟนคลับแกคงเยอะมากแน่ๆเลยใช่ป่ะ” ผมคิดแล้วก็ขนลุก  แฟนคลับพี่ตี๋นี่คงไม่ใช่น้อยๆ เดินไปเจอทุกสามก้าวเลยทีเดียว(อันนี้เวอร์ไปนะ ฮ่าๆๆ)

“ก็พอประมาณอ่ะ  ส่วนมากก็แค่ปลื้มๆนะแหละมีแต่ยัยเชอร์รี่คนเดียวนะที่เห็นแบบชัดเจนเวอร์  ว่าคลั่งมากจนนึกว่าเป็นเงาตามตัว พูดแล้วก็ขนลุก” ตองมันทำท่าขนลุกซะจนผมหลุดขำออกมา

“เค้าแรงขนาดนั้นเลยหรอ น่ากลัวอ่ะหวังว่าคงไม่มาหึงหวงกับเรานะ” ผมก็หวั่นๆอยู่ด้วยเพราะไอ้พี่ตี๋มันทำอะไรไม่ค่อยคิด อยากทำก็ทำไม่อายคนแม้แต่น้อย  ไม่ช้าผมว่าผมคงได้ปะทะกับพี่เชอร์รี่อย่างแน่นอน

“แกไม่ต้องห่วง  ถ้าเค้าทำร้ายแกฉันจะจัดการมันเอง” ไม่รู้จักพิษสงของสาววายซะแล้ว เพื่อนผมเองจะใครล่ะ ฮ่าๆๆ

“โอเคๆ ขอบใจแกมากๆ  ถ้าถึงวันนั้นอย่าวิ่งหนีก่อนเราล่ะ ฮ่าๆๆ”  ผมขำแต่ในใจก็กลัวๆอยู่นะ ว่าในอนาคตถ้าผมกับพี่ตี๋ลงเอยกันจริงๆมันจะมีอุปสรรคอะไรบ้าง แต่ที่แน่ๆเรื่องพี่เชอร์รี่นี่ก็มาแล้วหนึ่งอุปสรรค เฮ้อ!



To be continued.

ขอบคุณที่ติดตามนะครับ  ขอบอกว่าคู่หลักมีความพีคได้อีก ส่วนคู่นี้ก็จะมีอุปสรรคแน่นอนแต่จะมากจะน้อยรอติดตามกันเรื่อยๆนะครับ 




« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-09-2017 22:06:37 โดย azaki »

ออฟไลน์ ashbyipcet

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
น้องตองค่ะ! ปลุกความซาตานของน้องจัดการพวกชะนีผีเลยค่ะ  :z1: :hao7: :fire:

ออฟไลน์ azaki

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 52
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-1
เรียน ทุกท่าน

ผมขออนุญาตเปลี่ยนชื่อเรื่องนะครับ  เพื่อให้สอดคล้องกับเนื้อเรื่องในตอนต่อๆไป

ต้องขออภัยด้วยนะครับ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ azaki

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 52
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-1
กลรักเสน่หาลวงใจ
ตอนที่ 9  เมื่อผมเสียตัวให้มัน


@ห้องสภานักเรียน

“มันอยู่ไหนว่ะเนี่ย” ผมเดินไปชะโงกส่องที่หน้าต่างห้องสภานักเรียนในตอนเที่ยงตามที่ไอ้สกายมันนัดผมไว้  แต่ไม่ยักเห็นแมวหรือหมาเพ่นพ่านแม้แต่ตัวเดียว  สงสัยคงไปกินข้าวยังไม่กลับแน่เลย

“ห้องรกฉิบหาย  เป็นถึงสภานักนักเรียนสกปรกเหี้ยๆ!”  ผมถือวิสาสะเปิดประตูเข้าไปในห้องก่อนที่จะสะดุดตากับกองเอกสารกองโตและขยะที่อยู่เกลื่อนห้อง   

“นั่นแหละงานของมึงวันนี้”

มันเดินมาจากไหนไม่รู้จนผมนี่ตกใจเลย 

“มึงอยู่ที่นี่นานแล้วหรอ” 

“ก็อยู่จนได้ยินมึงว่าพวกกูนั่นล่ะ”  มันเดินไปนั่งที่เก้าอี้ก่อนที่จะนั่งไขว่ห้างกระดิกเท้าอย่างสบายอุรา

“ทำยังไงก็ได้ให้เอกสารพวกนี้เป็นระเบียบเรียบร้อยก่อนบ่าย” 


หือ! เอกสารแม่งกองโตมากแถมยังไม่รู้ว่าอันไหนเป็นอันไหน  ผมจะทำทันไหมนั่น

“โห!! เยอะขนาดนี้จะทันไหมเนี่ย  ถ้าไม่ทันทำช่วงหลังเลิกเรียนต่อได้ป่ะ” ผมทำท่าอิดออด  มันยังทำหน้าตาเฉยไม่รู้ไม่ชี้เหมือนเดิม

“ต้องทันเท่านั้น เข้าใจ๊”  มันว่าแล้วก็นั่งเล่นมือถือมันต่อ ผมนี่รีบเลยครับ

ผมเริ่มต้นด้วยการมองหาตู้ใส่เอกสารที่มันว่างๆ แล้วก็จัดรวบรวมเอกสารที่มันกระจัดกระจายอยู่ทั่วไปมารวบรวมกันเป็นปึกเดียว  ทำอย่างนี้ไปเรื่อยๆจนเหงื่อไหลเลยทีเดียว  ขนาดอยู่ในห้องแอร์นะนี่ เฮ้อ!ชีวิตกู  ตอนนี้ในห้องเงียบมากจนผมคิดได้ว่าควรจะทำตามแผนขั้นต่อไป


“มึงรู้ไหมว่าแต่ก่อนกูอ่ะ ต้องนอนร้องไห้เพราะคิดถึงพ่อกับแม่ตลอดเลย มึงเคยเป็นบ้างไหม?” จู่ๆผมก็เอ่ยประโยคนี้ออกมา  แล้วก็แอบปรายตามองหน้ามัน  เหมือนมันจะสะดุดกับการเล่นมือถือของมันแป๊บนึง  แล้วก็หันหน้ามามองผม 

“............”  มันเงียบ  ผมสังเกตได้ถึงใบหน้าที่ดูเหงาๆของมัน  แล้วมันก็หันหน้าไปจ้องมือถือมันต่อ

“กูเหงามาตลอด  จนมาเจอมึงกูชอบมึงตั้งแต่แรกเจอมันเป็นความสุขที่ไม่เคยเกิดขึ้นในชีวิตกูมาก่อน  นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมกูยังไม่เลิกรักมึงทั้งๆที่มึงเองก็เกลียดกูมาก”  ผมก้มหน้าพูดไปน้ำตาไหลไปแต่มือนี่ก็ยังจับเอกสารเรียงอยู่ไม่ขาดสาย 

“มึงเลิกทำได้แล้ว  แล้วก็กลับห้องไปซะ!  เย็นนี้ไปหากูที่คอนโดด้วย”  ผมมองหน้ามัน  สังเกตสีหน้ามันไม่สู้ดีนักผมตาฝาดไปรึเปล่าตามันแดงๆ เหมือนจะร้องไห้เลย มันซึ้งเรื่องที่ผมแต่งขึ้นมาขนาดนั้นเลยหรือนี่?

“แต่มันยังไม่เสร็จนะ”  ผมบอกมัน  แล้วก็เอามืดปาดน้ำตาที่แก้มออกเบาๆ ผมนี่รับรางวัลตุ๊กตาทองได้ไหมครับ ฮ่าๆ

“กูบอกให้ไปก็ไปสิวะ!”  มันตะโกนแล้วชี้ไปที่ประตูเชิงเป็นคำสั่งให้ผมออกไป

“กะ ก็ได้ เดี๋ยวตอนเย็นกูไปหาล่ะกัน”  ผมว่าแล้วก็ถือเอกสารปึกใหญ่ที่อยู่ในมือไปวางไว้ในตู้ก่อนที่จะเดินออกไป  ผมก็หันหน้ากลับไปมองมันอีกรอบ  มันยังคงก้มหน้าก้มตาอยู่อย่างนั้น


ไม่น่าเชื่อว่าคนอย่างไอ้สกายมันก็มีปมด้อยเหมือนกันนะ  ผมอาจจะใช้ช่วงเวลานี้ค่อยๆเข้าไปปลอบขวัญและให้กำลังใจมัน  มันเป็นทางเดียวในตอนนี้ที่ผมจะสามารถเข้าไปนั่งอยู่ในหัวใจมันได้  ผมมั่นใจว่ามั่นต้องเป็นแบบนั้น




@คอนโดของไอ้สกาย

ก๊อกๆๆ

เสียงผมเคาะประตูห้องมันเมื่อเดินมาถึงที่หน้าประตู  รอสักครู่ไม่มีคนมาเปิดผมก็ถือวิสาสะจับลูกบิด  บิดดูเพื่อดูว่ามันล็อกไหม  สรุปว่ามันไม่ได้ล็อกห้องคงรู้ว่าผมจะมาหาล่ะมั้ง

ผมเดินเข้าไปข้างในก็พบว่ามันนั่งอยู่ที่โซฟาตัวโปรดหน้าทีวี  มันกำลังถือแก้วเหล้าพร้อมกับนั่งดูทีวีไปด้วย  แต่สภาพบริเวณแถวที่มันนั่งเต็มไปด้วยซองขนมและเศษขนมที่ตกเกลื่อนไปทั่ว  ผมว่ามันเมา!

“มาแล้วหรอ!  มานั่งนี่สิ”  มันตบปุลงที่ว่างข้างๆมัน  ผมไม่รอช้าเดินเข้าไปนั่งตามที่มันสั่งอย่างว่าง่าย  มันเมาครับสงสัยหนักด้วย

“มึงเคยเหงาไหม?”  มันถามขึ้นหลังจากที่ผมนั่งลงข้างๆมันอย่างเกร็งๆ

“ก็บ่อย  ตอนที่กูคิดถึงพ่อแม่นี่แบบนอนร้องไห้ทุกคืน”  ผมว่าแล้วก็ทำหน้าเศร้าๆให้มันเห็น

“แล้วมึงล่ะ?...”  ผมถามแล้วมองหน้ามัน

“ตั้งแต่กูจำความได้  แม่งไม่เคยมีวันไหนไม่เหงาซักวัน  ชีวิตกูไม่มีใครต้องการ แม่งเหี้ยสัดๆ”  มันว่าแล้วก็กระดกแก้วน้ำสีอำพันเข้าปากราวกับดื่มน้ำ  ผมเอื้อมมือไปจับที่แก้วเหล้าเพื่อห้ามไว้  ก่อนที่มันจะตายเพราะเหล้าซะก่อน  ผมเห็นมันแล้วก็สงสารมันมาก  มันคงเหงามากสินะ พ่อไปทางแม่ไปทาง

 “กูจะกินเหล้า มึงอย่าห้ามกูดิว่ะ”  มันพูดเสียงงัวเงียฟังแทบไม่รู้เรื่อง  มันดึงแก้วเหล้าจากมือผมคืนจนทำให้หกรดบนเสื้อของมัน  ผมเห็นท่าไม่ดีก็รีบเอาแก้วไปวางไว้ไกลๆ

“เอาเหล้ากูมา ไอ้เหี้ยปอม”  มันนอนครวญครางอยู่บนโซฟาแต่ไม่มีแรงเดินตามผมมา

ผมเอาเหล้าไปวางไว้ในครัวแล้วก็เดินไปหยิบผ้าขนหนูชุบน้ำพอหมาดๆ  เพื่อไปเช็ดเหล้าที่หกรดออกจากตัวให้มัน  ผมเดินมาที่โซฟาแล้วก็นั่งลงข้างๆ  หลังจากนั้นก็ค่อยๆลงมือปลดกระดุมเสื้อนักเรียนของมันออกทีละเม็ด  แต่มีหรือมันจะให้ผมปลดกระดุมได้ง่ายๆ มันเอามืออันอ่อนแรงมาปัดมือผมออกแต่ด้วยความเมาทำให้ผมปฏิบัติภารกิจได้อย่างสบายๆ 

“เดี๋ยวกูเช็ดตัวให้นะ  อยู่นิ่งๆดิว่ะ”  ผมว่าแล้วก็เอาผ้าไปเช็ดที่บริเวณอกมันเบาๆ  มันเป็นคนที่หล่อและมีเสน่ห์มากเหลือเกินจนผมอดที่จะเคลิ้มมองหน้ามันไม่ได้

“มึงชอบกูมากมั้ย”  อยู่ๆมันก็มองหน้าแล้วถามผมด้วยน้ำเสียงกระเส่า

“มาก”  ผมตอบสั้นๆคำเดียว  แต่เต็มเปี่ยมไปด้วยความหนักแน่น มันมองมาที่ผมด้วยสายตาเยิ้มๆ

“ถ้างั้นคืนนี้ให้กูเอา”  มันเอ่ยอย่างไม่อายปากแม้แต่น้อย  จนผมรู้สึกว่าเลือดลมมันไหลเวียนมาสูบฉีดที่ใบหน้าผมมากเหลือเกิน

“มึง....เมาอยู่นะ  ไหนมึงบอกเกลียดกูมากไง  แล้วทำไมอยากเอากูล่ะ”  ผมถามมัน

“ไม่มีเหตุผล”  มันว่าแล้วก็ดึงมือผมเข้าไปจนล้มทับที่ตัวของมัน  ผมรู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่นๆของมันที่หายใจออกมาเพราะใบหน้าของเราห่างกันแค่นิดเดียว  มันใช้มือหนาของมันมาจับที่ท้ายทอยของผมแล้วโน้มใบหน้าผมเข้าหาใบหน้าที่หล่อเหลาของมัน


อือออ!!!!

เสียงผมครางออกมานี่ผมฝันไปหรือเปล่า  มันจูบผมครับช่วงวินาทีนี้มีหรือที่ผมจะไม่ตอบสนองสิ่งที่มันต้องการ  ผมรู้สึกได้ถึงความดุเดือดและร้อนแรงจากที่มันส่งมาทางริมฝีปาก  รสจูบที่มันให้กับผมช่างเร่าร้อนเหลือเกิน  ผมเปลี่ยนอิริยาบถไปนั่งคร่อมตัวมันแล้วใช้มือทั้งสองข้างโอบรัดที่ต้นคอของมันอย่างหลวมๆ

เราจ้องตากัน  ผมรู้สึกได้ถึงไฟราคะที่มีอยู่ในตัวมันที่รอการประทุออกมา  เราจูบกันอีกครั้งมันส่งลิ้นอันซุกซนของมัน  มาตวัดไปมาในปากของผมเนิ่นนาน แล้วจู่ๆมันก็พลิกตัวผมให้นอนลงบนโซฟาแล้วก็คร่อมตัวผมไว้  มันยังคงจ้องตาผมอยู่ตลอดเวลาเหมือนมันต้องการผมมากในตอนนี้

“คืนนี้ลูกชายกูต้องการมึง”  มันว่าแล้วก็จับมือผมไปจับที่น้องชายของมันที่กำลังแข็งได้ที่  ผมรู้สึกได้ถึงความแข็งแกร่งและขนาดที่ใหญ่กว่าของผมมากเหลือเกิน

“ทำไมมันใหญ่อย่างนี้  กูกลัวเจ็บ”  ผมพูดออกไปตามความจริงที่ผมรู้สึก  ถึงแม้ว่าผมจะต้องการมันมากแค่ไหนแต่นี่คือครั้งแรกของผมและเป็นครั้งแรกที่เจออะไรที่มหึมาขนาดนี้

“ไม่ต้องกลัว  มึงได้เจ็บแน่นอน”  มันว่าแล้วก็โน้มตัวลงมาทับตัวผมไว้แล้วก็บดจูบที่ริมฝีปากผมอย่างรุนแรงและ  มันก็ใช้ลิ้นของมันชอนไชเข้ามาตวัดไปมาทักทายกับลิ้นของผมจนแทบจะหายใจไม่ทัน  โดยที่มือนึงของมันก็ปลดกางเกงนักเรียนของมันออกจนเหลือแต่บ๊อกเซอร์ลายสก๊อตของมัน  ต่อไปก็เป็นหน้าที่ของผมที่ล้วงเข้าไปขยำแก่นกายขนาดมหึมาของมันจนมันสะดุ้งจนรู้สึกได้

มันร่นบ๊อกเซอร์ของมันลงไปกองที่ปลายเท้าแล้วก็สะลัดมันออก  ส่วนผมก็ไม่รอช้าเปลื้องผ้าของตัวเองออกเช่นกัน  มันเป็นความสุขที่ผมอยากมีมานานแล้วในวันนี้ผมจะทำให้มันพอใจมากที่สุด

“ซี๊ดดดดดด”  เสียงครางของมันดังขึ้นขณะที่ผมกำลังใช้ปากให้มัน  ผมค่อยๆใช้ปากครอบครองความเป็นชายของมันจนสุดลำ  มันเสียวจนต้องใช้มือมาจับที่ศีรษะของผมแล้วโยกขึ้นลงตามจังหวะ

“แม่งเสียวสัด!”  มันว่าพร้อมกับเงยหน้าด้วยความเสียว  ผมเห็นมันมีความสุขผมก็พอใจแล้ว

“ชอบมั้ย?”  ผมถามหลังจากเสร็จภารกิจด้วยปากกับน้องชายของมัน  แล้วก็นอนเอนหลังลงบนโซฟาตัวเดิม  มันไม่ตอบแต่เดินไปในห้องนอนแล้วก็หยิบขวดโลชั่นออกมา  มันยกขาทั้งสองข้างของผมขึ้นพาดบนไหล่ของมัน

“พร้อมจะเป็นของกูรึยัง”  มันว่าพลางบีบโลชั่นลงที่มือของมันแล้วบรรจงทาที่ช่องรักของผม  ในใจตอนนี้ผมก็รู้สึกกลัวๆนิดหน่อยเพราะนี่คือครั้งแรก  ผมหายใจเข้าลึกๆเตรียมพร้อมกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้ไป

“อื้ม”  ผมตอบด้วยเสียงสั่นเครือ  บ่งบอกถึงความประหม่าที่มีอยู่ในตัว

 พรวดดดด!!!

มันไม่พูดพร่ำทำเพลงก็กดท่อนลำของมันเข้าไปในตัวผม  น้ำตาแทบไหลมันไม่ได้ให้ผมเตรียมใจไว้เลยเหมือนต้องการแกล้งกันซะนี่  มันกดแช่แก่นกายของมันค้างไว้ในตัวผมก่อนที่จะโน้มใบหน้าลงมาลิ้มลองความหอมหวานที่ริมฝีปากผมซ้ำแล้วซ้ำเล่า  มือทั้งสองของผมจิกเข้าไปที่หลังของมันเพื่อระบายความเจ็ดปวด  ผมเจ็บมากเหลือเกินจนคิดว่าร่างกายจะแตกเป็นเสี่ยงๆแล้วจนน้ำตามันไหลออกมา

“ผ่อนคลายแล้วทุกอย่างจะดีเอง”  มากระซิบที่ข้างหูผม  แล้วเม้มที่ติ่งหูจนผมรู้สึกเสียววาบไปทั้งตัว

“อื้ม”  ผมได้แต่ตอบไปอย่างนั้นเพราะมันพูดอะไรไม่ออกแล้ว

“ของมึงตอดดีเหลือเกิน”  มันกระซิบที่ข้างหูผมอีกครั้งก่อนที่

“อ๊ะ!”  มันเริ่มขยับช่วงล่างของมันช้าๆ  จนผมรู้สึกได้ถึงความเสียวซ่านที่เริ่มแผ่เข้ามาในตัวผม  มันเปลี่ยนจากความเจ็บเป็นความเสียวและสุขไปพร้อมๆกัน  เมื่อผมเริ่มคลายความเจ็บปวดลงก็เปลี่ยนจากการจิกที่หลังของมันเป็นโอบที่คอของมันแทน  มันเริ่มเร่งจังหวะขึ้นเรื่อยๆจนตัวผมเริ่มอยู่ไม่นิ่ง  เคลื่อนไปตามจังหวะรักที่มันแสดงให้ผม

“ซี้ดดดดด”

“อ่าห์”

“อ๊ะๆๆๆๆ”

เสียงครวญครางของมันและผมดังระงมไปทั่งทั้งห้องจนนานเท่าไหร่ก็ไม่รู้  มันเริ่มเร่งจัวหวะส่วนผมก็ช่วยตัวเองไปพร้อมกัน

“กู...กะ...ใกล้จะออกแล้ว”  ผมบอกมันด้วยน้ำเสียงกระเส่าและตะกุกตะกักเนื่องจากความเสียวที่มันทำให้ผม    มันไม่ตอบแต่กลับเร่งจังหวะให้เร็วขึ้นๆและเร็วขึ้นเรื่อยๆ จนผมรู้สึกเหมือนมีน้ำอุ่นๆฉีดเข้ามาที่ช่องรักของผมในขณะที่น้ำรักของผมก็พุ่งกระฉุดออกเช่นเดียวกัน

“อาห์”

มันนอนทับที่ตัวผมอยู่อย่างนั้นขณะที่น้องชายมันยังแช่อยู่ในช่องของผม  มันคงเหนื่อยมากผมรู้สึกได้ถึงเสียงเหนื่อยหอบของมันที่ดังอยู่ข้างๆหูผม ผมปล่อยให้มันนอนอยู่อย่างนั้นไม่ได้ว่าอะไรจนอีกสักพักมันก็ลุกขึ้นไปนั่งเอนหลังที่โซฟา  ส่วนผมก็รีบจะลุกขึ้นไปใส่เสื้อผ้า  แต่ไม่ทันจะได้ลุกก็รู้สึกเจ็บเหมือนตัวจะแตกเป็นเสี่ยงๆที่ช่วงล่างของผม

“โอ๊ย!” 

ผมร้องเสียงดังแล้วก็รีบนั่งลงอย่างช้าๆและเบาที่สุดเท่าที่จะเบาได้

“เจ็บมากรึไง”  เสียงมันถามผม  ขณะที่กำลังพ่นควันสีขาวลอยคลุ้งอย่างสบายตัว

“เจ็บดิ  ถามได้”  ผมตอบมันด้วยสีหน้าเหวี่ยงๆนิดหน่อย  ครั้งแรกของกูนะเนี่ยแล้วยังจะมีหน้ามาถามอีกหรือไง

“ลืมไปว่าของกูใหญ่  ใครๆก็เจ็บ”  หืมมม ใครๆก็เจ็บมันว่าอย่างนี้แสดงว่าเคยมีอะไรกับคนอื่นๆหลายคนแล้วสินะ  ผมไม่ใช่คน
แรกของมัน  แต่มันเป็นคนแรกของผม  มันไม่แฟร์เลยใช่ไหมครับ

“มึงเคยพาใครมานอนที่นี่บ่อยหรอ”  ผมถามออกไป

“ก็ไม่”  มันว่าแล้วก็ดูดมวนบุหรี่ที่มือของมันแล้วพ่นควันสีขาวออกมา 

“ถ้างั้นแสดงว่ากูเป็นคนแรกที่มีอะไรกับมึงที่นี่ใช่ไหม”  ผมว่าแล้วก็ยิ้มๆ  รู้สึกดีไม่น้อยถ้ามันเป็นแบบนั้น

“ก็ไม่”  ผมหุบยิ้มทันทีที่ได้ยิน  อ้าวแล้วยังไงว่ะเนี่ย  แต่ก็ช่างเหอะตอนนี้ผมต้องการที่จะไปล้างตัวเพื่อเตรียมตัวกลับบ้านแล้ว

“ไม่เป็นไร  กูไม่อยากรู้แล้ว  กูจะไปล้างตัวแล้วก็กลับบ้านนะ”  ผมว่าแล้วก็พยายามจะลุกขึ้นอีกครั้ง  แต่มันก็เจ็บมากเหลือเกิน  เป็นเพราะมันคนเดียวใหญ่โคตรๆ

“วันนี้มึงไม่ต้องกลับนอนที่นี่ล่ะ”  อ้าวแล้วกูจะบอกแม่กูว่ายังไงล่ะครับไอ้สกาย  แต่เอ๊ะ!ผมบอกมันว่าเป็นเด็กกำพร้านี่นา  มันคงคิดว่าผมคงค้างคืนที่นี่กับมันได้

“ไม่ได้ๆ!  กูไม่ได้บอกพี่สาวกูไว้  ให้กูกลับเถอะนะ”

“มึงจะกลับในสภาพนี้นี่นะ  เดี๋ยวพี่มึงคงคิดว่ามึงโดนข่มขืนมาแน่ๆ  หรือมึงจะเอาแบบนั้น”  มันว่า นี่มันเป็นห่วงผมใช่ไหม? 

“เออก็จริง”  ผมพูดกับตัวเอง

“เฮ้ย!” 

ผมตกใจเสียงดัง  ก็อยู่ๆมันก็ลุกขึ้นมาอุ้มผมขึ้นโดยที่เราทั้งสองคนไม่มีเสื้อผ้าติดตัวกันสักชิ้น


“กูรำคาญ”

  มันว่าแล้วก็เดินอุ้มผมไปที่ห้องน้ำแล้วก็ช่วยพยุงผมขณะที่กำลังล้างตัวอยู่ในห้องน้ำ  ส่วนมันก็ได้โอกาสล้างตัวเช่นเดียวกัน  ถึงแม้ว่าจะผ่านบทรักกับมันมาหมาดๆแต่ก็ยังรู้สึกอายๆ  ผมหลบตามันบ่อยๆ

“อายทำไม? กูเห็นหมดแล้วนี่”  มันว่าพลางมองมาที่ผมที่ตอนนี้เปลือยไม่ต่างจากมัน 

“กูไม่ได้หน้าด้านขนาดนั้นนะเว้ย”  ผมว่า

“เหรอ! ที่ตามกูต้อยๆนี่ไม่ได้หน้าด้านเลยใช่ป่ะ”  มันตอกย้ำความหน้าด้านของผมแบบเจ็บแสบที่สุด แต่ผมถือคติด้านได้อายอดครับ

“ไม่ได้หน้าด้านเว้ย เค้าเรียกว่าชอบ”  ผมแก้ตัวแล้วก็รีบเช็ดตัวเพื่อที่จะได้ออกมาจากห้องน้ำซะที


มันเช็ดตัวทีหลังผมแล้วก็อุ้มผมมาที่ห้องนอนของมัน  แล้วก็วางผมบนเตียงนุ่ม  หลังจากนั้นก็หาเสื้อผ้ามาให้ผมใส่  ผมไม่รู้ว่ามันสร่างเมาตั้งแต่ตอนไหน  แต่ตอนนี้มันทำเหมือนคนปกติยังกะไม่ได้มีอาการเมามายก่อนหน้านี้เลย

“เดี๋ยวคืนนี้นอนบนเตียงกับกูนี่ล่ะ  แต่มึงอย่าดีใจไปล่ะว่ากูจะชอบมึง กูก็แค่สงสารแม่งเสียบริสุทธิ์ให้กูก็แค่นั้น”  ว่าแล้วมันก็เดินออกจากห้องนอนไป  ปล่อยให้ผมนั่งเอ๋ออยู่

“ถ้ามึงไม่เมามึงจะกล้ามีอะไรกับกูแบบนี้ไหมว่ะ”  ผมพูดกับตัวเองเบาๆ  ผมก็คิดนะว่าถ้ามันไม่เมาผมคงไม่มีโอกาสแบบนี้แน่ๆ แต่ถ้ามันจะเป็นแค่ครั้งแรกและครั้งเดียวผมก็ดีใจมากแล้ว  เพราะถือว่าผมมาไกลมากแล้วกับความสัมพันธ์กับผู้ชายที่เฉยชาคนนี้

ช่วยคอมเม้นท์เป็นกำลังใจให้ด้วยนะครับ
ขอบคุณครับ
 

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
หวังว่าความจะไม่แตกก่อน 1 เดือนนะ  :o11: :o11:

ออฟไลน์ ashbyipcet

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
จริงๆเลยนะปอมเอ๊ย
ขอให้ภารกิจนี้สำเร็จละกัน  :เฮ้อ:

ออฟไลน์ azaki

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 52
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-1
กลรักเสน่หาลวงใจ

ตอนที่ 10  ครึ่งทาง


          ผ่านมาเป็นอาทิตย์แล้วหลังจากวันที่เรามีอะไรกัน  ตอนนี้ก็ผ่านมาครึ่งทางแล้วสำหรับข้อตกลงที่ผมกับมันได้ทำกันไว้  ผมยอมรับว่าช่วงนี้ผมเข้าออกคอนโดมันได้ง่ายกว่าเดิมมาก  ผมรู้สึกได้ถึงความไว้ใจที่มันให้ผมเพิ่มมากขึ้น วันนี้ผมมาที่ห้องมันอีกเช่นเคยเพราะได้รับข้อความจากไลน์  มันบอกว่ามันไม่สบายผมจึงรีบวิ่งแจ้นจากบ้านมาโดยเร็วพร้อมกับถุงยาง เอ๊ย!! ไม่ใช่ ถุงยาที่ซื้อมาจากร้านยาแถวบ้านผม

            “ทำไมมึงมาช้าจังวะ”  มันว่าให้ผมหลังจากที่มาช้าแค่ 5 นาทีเองน่ะ

            “กูรีบสุดๆแล้วนะเนี่ย”  ผมว่างพลางเดินเข้าไปหามันที่กำลังนอนซมบนโซฟาตัวโปรดของมัน

            “เออ”  มันว่าแค่นั้นก็หลับตาลงอย่างเพลียๆ  ผมเดินเข้าไปใช้หลังมือแตะลงบนหน้าผากอุ่นๆของมัน

            “มึงไหวไหมว่ะ ไปหาหมอไหม”  ผมถามแต่มือยังคงแตะที่หน้าผากมัน  ทำไมมันร้อนอย่างนี้

            “ระดับกูแล้วไหวดิว่ะ  ไหนยามึง?”  มันถามหายาที่มันสั่งให้ผมซื้อมาให้

            “นี่อ่ะ เดี๋ยวกูไปเอาน้ำกับผ้ามาเช็ดตัวให้มึงด้วยล่ะกัน รอแป๊บ”  ผมรีบเดินไปเอาชามน้ำอุ่นและผ้าขาวเตรียมมาเช็ดตัวให้มัน

            หลังจากที่มันกินยาแล้วผมก็ใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นแล้วบิดหมาดๆ เช็ดตรงบริเวณใบหน้ามัน แล้วตามมาด้วยซอกคอตามมาด้วยบริเวณหน้าอกและกล้ามท้องของมันตามลำดับ  ไอ้คนที่มันเป็นไข้ก็ยังคงนอนหลับตาพริ้ม  ให้ผมเช็ดตัวให้แต่โดยดี

            “เสร็จแค่นั้นหรอว่ะ”  มันเอ่ยถามผม

            “อืม...เสร็จแล้ว”

            “กูว่ายังเหลืออีกที่นึง  มึงยังไม่ได้เช็ดให้กู”  มันว่าแล้วก็จับมือผมที่กำลังถือผ้าอยู่ไปจ่อตรงบริเวณน้องชายมัน  เป็นไข้จะตายห่าอยู่แล้วยังมีเวลามาเล่นอะไรหื่นๆอีกนะไอ้สกาย

            “ไอ้เหี้ยสกายมึงอย่ามาหื่นเวลานี้ มึงควรนอนพักผ่อนเว้ย”  ผมสลัดมือออกแล้วก็เอาชามน้ำไปเก็บ  จากนั้นก็เดินกลับมานั่งที่โซฟาตัวเดิมข้างๆมัน

            “เวลากูเป็นไข้แม่กูก็เช็ดตัวให้แบบมึงนี่ล่ะ”  มันเอ่ยออกมาด้วยนำเสียงฟังดูเหงายังไงไม่รู้  มันคงจะคิดถึงแม่มันมาก  เด็กๆเวลาไม่สบายส่วนมากก็จะเป็นแม่นี่ล่ะที่เช็ดตัวให้  มันก็คงเป็นหนึ่งในนั้น

            “ให้กูเป็นแม่มึงแทนก็ได้นะ”  ผมพูดติดตลกออกไปไม่ให้มันเครียด

            “มีงน่ะเป็นเมียกูก็พอ”  มันพูดเสียงเบาแล้วก็เงียบไปสงสัยเพราะพิษไข้ทำให้มันเพลียจนหลับไป

            ผมนั่งจ้องมันอยู่นานพอควรจนคิดว่ามันน่าจะหลับสนิทไปแล้ว  ก็เอาผ้ามาห่มให้ให้มัน  เอาแผ่นเจลลดไข้ไปแปะที่หน้าผากมัน  ก่อนที่ผมจะเดินออกจากห้องก็ไม่ลืมที่จะแอบจุ๊บที่แก้มมันครั้งนึง

            “ไอ้เด็กน้อยเอ๊ย”    ผมว่าแล้วก็เดินออกจากห้องไป  ผมสังเกตเห็นร้อยยิ้มน้อยๆของมัน  คิดว่ามันคงกำลังฝันดีอยู่แน่ๆ

*-*-*-*-*-*



           เช้านี้ที่โรงเรียนผมบังเอิญเจอไอ้ตี๋ตรงทางเดินระหว่างไปเข้าห้องน้ำที่อาคารเรียน

            “อ้าวตี๋”  ผมทักมัน

            “ไงปอม  ช่วงนี้เงียบๆไปนะ”  มันว่าผมเงียบ ก็ใช่นะสิผมใช้เวลาไปอยู่กับเพื่อนมันโดยที่มันยังไม่รู้เรื่องอะไรเลย ฮ่าๆ

            “อืม  ช่วงนี้เรามีเรื่องที่ต้องทำอ่ะ เลยไม่ค่อยว่าง”

            “ช่วงนี้ตี๋ก็ไม่ค่อยว่าง  ยุ่งๆกับการจีบเด็กน้อยอยู่”  มันพูดยิ้มๆ  ก็เด็กที่มันพูดถึงจะเป็นใครไปได้ล่ะครับนอกจากน้องชายผม  เห็นมันชอบโทรมาหาบ่อยๆอย่าคิดว่าผมไม่รู้นะ ฮ่าๆๆ

            “เหรอ! ขอให้จีบติดเร็วๆละกันนะ” ผมอวยพรมันกึ่งประชดประชัน

            “แล้วเป็นไงบ้างกับไอ้สกาย”  มันถามผมสงสัยจะติดตามผลตั้งแต่ให้เบอร์โทรมา

            “ก็ดี”  ผมตอบสั้นๆให้มันจินตนาการไปเองว่าดียังไง

            “ขอให้ได้ให้โดนละกันนะ ฮ่าๆๆ”  มันพูดแล้วก็หัวเราะ

            “อาจจะโดนแล้วก็ได้นะ ฮ่าๆ” ผมพูดติดตลกแล้วก็โบกมือลามัน คือคุยนานไปจนลืมว่าจะไปเข้าห้องน้ำ ฮ่าๆ

            “ฝากมันด้วยนะ”  ไอ้ตี๋มันตะโกนตามหลังมา  ผมก็งงว่าทำไมมันพูดประโยคนี้ออกมาราวกับรู้ว่าผมกับไอ้สกายเริ่มจะญาติดีกันแล้ว

            “อื้ม”  ผมตอบกลับมันไปสั้นๆ  ว่าแล้วก็คิดถึงมันเหมือนกันนะอีกไม่นานก็จะครบเดือนแล้ว  มันจะเอายังไงกับผมต่อนะ เริ่มอยากรู้ขึ้นมาแล้วสิ

*-*-*-*-*-*



Pangpond Part.

            หลังจากเลิกเรียนแล้วผมก็มายืนรอได้พี่ตี๋ที่หน้าโรงเรียน  ก็วันนี้เป็นวันที่เค้านัดผมไปกินข้าว  ยืนรอไม่นานรถเบ็นซ์หรูสีดำ  ก็มาจอดเทียบที่ริมฟุตบาตตรงที่ผมยืนอยู่  พี่เค้าเปิดประตูออกมาแล้วก็เดินมาอีกฝั่งเพื่อเปิดประตูรถให้ผม  หืม! ผมรู้สึกว่าตัวเองเป็นนางเอกมากๆ ฮ่าๆ

            “เชิญครับ”  พี่ตี๋เปิดประตูรถให้ผม  ผมก็เดินเข้าไปอย่างว่าง่าย

            “ขอบคุณครับ”

เมื่อขึ้นมาบนรถแล้วผมก็เริ่มคุยกับพี่ตี๋เรื่องที่เราจะไปกันวันนี้

            “วันนี้พี่จะพาผมไปที่ไหนอ่ะครับ”

            “น้องปอนด์อยากไปที่ไหนล่ะพี่ตามใจ”  พี่ตี๋ขับรถไปคุยไป

            “แล้วแต่พี่เลยครับ  ผมยังไงก็ได้”  ผมตอบ

            “ถ้าพี่พาไปโรงแรมม่านรูดล่ะจะไปไหม”  เริ่มแระอาการหื่นของพี่ตี๋มัน  ผมจะไว้ใจเค้าได้ซักวินาทีไหมนะ

            “ถ้าพี่พาผมไปก็คงเป็นครั้งสุดท้ายล่ะครับ  ผมคงไม่ไปกับพี่อีกตลอดชีวิต”  ผมตอบกลับอย่างคาดโทษ

            “โด่ววว พี่แค่ล้อเล่นเองครับ  ถ้าให้พี่เลือกเราไปร้านประจำของพี่ละกัน  รับรองน้องปอนด์ต้องชอบแน่ๆ”  พี่ตี๋ว่าแล้วก็หันไปสนใจกับการขับรถต่อ

            เมื่อมาถึงร้านอาหารประจำของพี่เค้า  เราก็ลงจากรถเดินเข้าไปในร้าน  ร้านนี้ดูไม่หรูมากซึ่งผิดกับความคิดของผมที่คิดว่าคนรวยๆอย่างพี่ตี๋  ร้านประจำน่าจะหรูหราสมกับฐานะ  ร้านไม่ใหญ่มากแต่คนกลับแน่นร้าน  ถึงขนาดมีการนั่งรอคิวกันด้วย  พวกผมเพิ่งมาถึงแต่กลับถูกเชื้อเชิญยังกับลูกค้าวีไอพียังไงยังงั้น

            “เชิญครับคุณตี๋”  พนักงานร้านเปิดประตูร้านให้พร้อมกับผายมือเชิญเข้าไปในร้าน  พนักงานเดินนำหน้าพวกผมขึ้นไปบนชั้นดาดฟ้าของร้านซึ่งบรรยากาศดีมากๆ  เหมาะแก่การนั่งชิลกับคนรักอะไรเทือกนั้น

            “น้องปอนด์สั่งอาหารเลยครับ”  เมื่อนั่งลงที่โต๊ะแล้วพี่ตี๋ก็ยื่นเมนูที่วางอยู่ให้ผม

            “พี่ตี๋สั่งเลยก็ได้ครับ  ผมกินอะไรก็ได้”  ผมว่าแล้วก็ยื่นเมนูคืนให้พี่เค้าไป

            “ถ้างั้นพี่จะสั่งแบบที่เคยสั่งละกัน  คิดว่าน้องปอนด์คงชอบ”  ว่าแล้วพี่เค้าก็สั่งเมนูอาการกับบริกรหนุ่มหล่อ

            “เอาหอยเชลล์อบซอสฝรั่งเศส,  ผักโขมอบชีส, สปาเก็ตตี้คาโบนาร่า, ซี่โครงหมูอบน้ำผึ้ง, ข้าวผัดอเมริกัน แล้วก็ตำไทยครับ”  กินแค่สองคนทำไมสั่งเยอะจังหว่า  ว่าแต่เมนูที่พี่เค้าสั่งผมก็ไม่ค่อยจะได้กินซักเท่าไรหรอกครับแต่มีเมนูหนึ่งอย่างที่ผมชอบมากๆนั่นคือตำไทยทำไมรู้ใจผมจัง  ฮ่าๆ

            “ส่วนเครื่องดื่มน้องปอนด์เอาอะไรดีครับ”

            “เอาน้ำเปล่าก็พอครับ”  ผมตอบ

            “ถ้างั้นเอาน้ำเปล่ามาสองที่  ตามนี้ครับ”  พี่เค้าพูดกับบริการหลังจากนั้นเค้าก็เดินกลับไป

            “ถ้าน้องปอนด์อยากทานอะไรเพิ่มสั่งได้เลยนะครับ”  พี่เค้าบอกก่อนที่จะจ้องตาผม

            “แค่นี้ก็พอแล้วครับ  ว่าแต่เมนูสุดท้ายนี่ไม่เข้าพวกเลยอ่ะ  ฮ่าๆ”   ผมแย็บๆถามไปเผื่อว่าพี่เค้าจะชอบเหมือนผม

            “พี่รู้มาว่าน้องปอนด์ชอบกินตำไทยก็เลยสั่งเอาใจซะหน่อย  เผื่อว่าพี่จะได้คะแนนจิตพิสัยเพิ่มขึ้น”  พี่มันว่าแล้วยิ้มให้ผม

            “รู้จากไอ้ตองแน่เลย”  ผมเอ่ยออกไป ลืมไปว่าเพื่อนสนิทผมคือน้องสาวเค้านี่นา ฮ่าๆ ไอ้ตองมันก็นะรู้เห็นเป็นใจกับพี่ชายมันเหลือเกินสงสัยอยากได้ผมเป็นพี่สะใภ้มากๆ

            “ถูกต้องแล้วครับ”  พี่มันยิ้มหวานให้ผม  ทำไมนะหัวใจผมมันต้องเต้นแรงไม่เป็นจังหวะด้วยอ่ะ  คิดดูสิครับคนหล่อๆมายิ้มให้อยู่ตรงหน้า

            สักพักอาหารที่สั่งก็มาผมกับพี่ตี๋เริ่มจัดการกับอาหารที่วางเรียงกันอยู่ตรงหน้า  กินไปคุยกันไปก็สนุกดีนะครับ  พี่เค้าหยอดคำหวานให้ผมเป็นช่วงๆ จนแทบไม่เป็นอันกินกันเลยทีเดียว  จะบอกว่าผมชอบพี่เค้าได้ไหมตอนนี้ต้องตอบเลยว่าใช่ครับ  ผมเริ่มชอบพี่เค้าแล้วแต่แค่ไม่แสดงออกมาให้พี่มันเหลิงก็แค่นั้นครับ

            “อร่อยไหมครับน้องปอนด์”

            “ครับ อร่อยดี”  ผมตอบขณะที่กำลังตักอาหารกินอยู่ไม่ขาดมือ

            “เดี๋ยววันหลังพี่พามาทานอีกนะครับ”  พี่มันว่าแล้วจ้องมาที่ผม  เหมือนรอคำตอบ

            “ไม่รับปากนะครับ”  ผมพูดหน้าตาเฉยไม่ให้แกได้ใจเกินไป

            “ดูสิกินเลอะยังกับเด็กประถม”  พี่ตี๋มันหยิบกระดาษทิชชู่บนโต๊ะแล้วมาเช็ดซอสที่เลอะติดอยู่ขอบปากให้ผม  ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมาก  จนผมได้แต่นั่งนิ่งๆแล้วให้พี่เค้าเช็ดออกให้  มันก็จะเขินๆหน่อย

            “อ้าวตี๋!”  ผมกับพี่ตี๋หันไปมองยังต้นเสียงที่ดังมาจากโต๊ะข้างๆ  เป็นเด็กนักเรียนหญิงน่ารักใส่ชุดนักเรียนโรงเรียนเดียวกับพวกผม  น่าจะเป็นเพื่อนพี่ตี๋มั้ง

            “เชอร์รี่!”  พี่ตี๋เอ่ยเบาๆสังเกตสีหน้าแกดูไม่ค่อยจะดีใจซักเท่าไรที่ได้เจอผู้หญิงคนนั้น

            ใช่แน่ๆน่าจะเป็นพี่เชอร์รี่ที่ตองมันพูดให้ฟังแน่

            “มากินข้าวที่นี่ทำไมไม่ชวนเชอร์รี่เลยค่ะ”  พี่แกดูดัดจริตยังไงไม่รู้แถมยังมองผมแปลกๆอีกต่างหาก

            “อ๋อ พอดีตี๋มีนัดกับน้องอ่ะเลยไม่ได้ชวน”

            “แล้วน้องคนนี้เป็นใครกัน  ทำไมได้มากินข้าวกันแค่สองคน”  พี่เชอร์รี่ถามพี่ตี๋แต่มองหน้าผมแบบสงสัย

            “อ๋อรุ่นน้องที่โรงเรียนเราเองล่ะและก็เป็นเพื่อนสนิทตองด้วย”  พี่ตี๋บอก

            “เอ้อ  แล้วเชอร์รี่มากับใครอ่ะ”  พี่ตี๋ถามแล้วชะเง้อไปมองที่โต๊ะ

            “เชอร์รี่นัดกับเพื่อนๆไว้แต่พวกมันยังไม่มาอ่ะ”

            “อ๋อ  ถ้ายังไงตี๋กับน้องขอตัวกลับก่อนล่ะกัน  กินอิ่มกันนานแล้ว”  พี่ตี๋มองหน้าผมสื่อว่าถึงเวลาที่ต้องไปแล้ว  แต่ผมเพิ่งจะอิ่มเองยังไม่ได้นั่งชมวิวสวยๆเลยอ่ะ  แต่ดูท่าแล้วพี่ตี๋ก็คงจะขยาดยัยพี่เชอร์รี่เหมือนที่ตองมันเล่าให้ฟังนั่นล่ะครับ

            “ไม่เอาอ่ะ ตี๋อยู่กับเชอร์รี่ก่อนไม่ได้หรอค่ะให้น้องมันกลับเองก็ได้อ่ะ”  เธอว่าแล้วก็เดินไปควงแขนพี่ตี๋ท่าทีออดอ้อน  ดีที่แกเป็นผู้หญิงที่น่ารักไม่งั้นมันจะดูตลกไปเลย ฮ่าๆๆ

            “ไม่ได้หรอก  ตี๋พาน้องมาก็ต้องไปส่งน้อง”  พี่ตี๋พยายามแกะมือพี่เชอร์รี่ออกแต่ไม่เป็นผล ดูแล้วขำฉิบหายจนผมหลุดขำออกมา

            “ขำอะไรยะไอ้เด็กบ้า  แกอย่าหวังมาแย่งตี๋ไปจากฉันนะ ฉันรู้แกคงชอบตี๋มากจนตัวสั่นไม่งั้นไม่มากินข้าวกันสองต่อสองหรอก”  ผมกระพริบตาปริบๆอย่างงงๆ  อะไรกันเนี่ยแค่ผมขำนิดเดียวใส่ผมเป็นชุดเลยหรือ? จะมากไปแล้วนะยัยพี่เชอร์รี่

            “มันจะมากไปแล้วนะพี่  ผมยังไม่ได้ว่าอะไรพี่เลย  อยู่ๆก็มาด่าฉอดๆๆ ใครกันแน่ที่ชอบพี่ตี๋จนตัวสั่น  ดูสิผู้ชายเค้าขยะแขยงจะตายแล้วยังมีหน้าไปกอดแขนเค้าอีก  ดูตัวเองก่อนค่อยมาว่าคนอื่นนะครับจะบอกให้”  ผมตอบกลับเป็นชุดแบบไม่ยั้งจนพี่ตี๋มันตาค้างไปเลย  คงตกใจที่คนเรียบๆอย่างผมแพลงฤทธิ์ใส่แบบนั้น  ก็จริงใครๆก็มองว่าผมค่อนข้างจะเรียบร้อยแต่ถ้าใครทำให้ผมโมโหก็ยอมไม่ได้เช่นกัน ไม่รู้จักปังปอนด์ศิษย์กะปอมน้อยซะแล้ว

            “อร้ายยย! ไอ้เด็กเมื่อวานซืนแกกล้าว่าฉันหรอ”  พี่เชอร์รี่แกร้องเสียงดังยังกับโดนน้ำร้อนลวก แล้วก็ชี้หน้าผม  มีหรือผมจะแคร์รีบเดินเข้าไปดึงแขนพี่ตี๋ให้มากับผมแล้วกอดแขนพี่เค้าไว้

            “ไปกันเถอะพี่ตี๋ปอนด์อยากกลับบ้านแล้ว”  ผมพูดกับพี่ตี๋เสียงหวานแต่คนข้างๆที่ยังอึ้งกิมกี่ไม่หาย แล้วก็ค่อยๆยิ้มๆออกมา

            “เดี๋ยวตี๋กลับก่อนนะเชอร์รี่ บาย”  พี่ตี๋โบกมือลาแล้วก็เดินมาพร้อมผม  โดยที่ผมยังคงควงแขนพี่เค้าเดินผ่านฝูงชนมา   

            “น้องปอนด์นี่แรงใช่ยอยเลยนะเนี่ย  พี่ชอบอ่ะ”  พี่ตี๋แกพูดกับผมขณะที่กำลังเดินไปที่รถ

            “ก็ใครจะให้คนอื่นมาว่าฟรีๆล่ะครับ”  ผมพูดออกไปด้วยอารมณ์ที่ยังคุกรุ่นอยู่

            “แบบนี้ก็ดีเหมือนกันนะ”  พี่ตี๋แกพูดยิ้มๆแล้วมองหน้าผม  ผมมองหน้าแกกลับอย่างงๆ  แบบนี้นี่แบบไหน เฮ้ย! ผมมองไปที่ต้นแขนของพี่เค้าที่มีมือของผมเกาะอยู่  นี่ผมเดินควงแขนพี่เค้ามาตั้งแต่ในร้านแล้วหรือนี่  ลืมตัวไปเลย ก็มัวแต่โมโหยัยพี่เชอร์รี่นั่นล่ะครับ  เมื่อได้สติผมก็รีบปล่อยแขนออกอย่างเคอะเขิน

            “ปล่อยทำไมอ่ะ  พี่ให้ยืมควง  ชอบอ่ะ”  พี่มันยิ้มเจ้าเล่ห์ให้ผม  แต่ผมนี่แลบลิ้นใส่ แบร่!

            “บ้าแระ แค่ลืมตัวเฉยๆหรอกครับ  จริงๆไม่ได้ตั้งใจซะหน่อย”

            “จะตั้งใจหรือไม่พี่ก็โอเคทั้งนั้นล่ะถ้าเป็นน้องปอนด์”  พี่มันยังยิ้มหวานให้ผม

            “ไม่เอาไม่เดี๋ยวพี่เชอร์รี่ก็มาเล่นงานผมอีกหรอกไม่ชอบมีเรื่อง”

            “พี่ไม่เคยคิดอะไรเกินเลยกับเชอร์รี่เลยนะ  เชื่อพี่ดิ”  พี่ตี๋มันพูดแล้วหยุดเดินตอนนี้พวกผมเดินมาถึงรถกันแล้ว

            “มันก็เรื่องของพี่อ่ะ ไม่เกี่ยวกับผม”  ผมว่าแล้วกอดอกไม่มองหน้าพี่เค้า

            “เกี่ยวสิครับ ก็คนที่พี่ชอบคือน้องปอนด์คนเดียวยังไงล่ะครับ”  พี่มันมาจับไหล่ทั้งสองข้างของผมให้จ้องหน้ากับพี่เค้าแล้วก็ใช้มือมาเชยคางผมให้จ้องตา  เหมือนพี่ตี๋มีเวทย์มนตร์สะกดผมให้ทำตามอย่างว่าง่าย

            “พี่รักน้องปอนด์นะครับ”  พี่ตี๋ว่าแล้วก็โน้มใบหน้าหล่อๆของแกลงมาประกบจูบที่ริมฝีปากผม  แล้วค่อยๆบดมันอย่างดูดดื่ม ผมรู้สึกเหมือนหายใจไม่ทั่วท้อง  ร่างกายอ่อนแรงอย่างบอกไม่ถูก

            “อื้อ! จ๊วบ!  อืม!”   เสียงครางอยู่ในลำคอมันเล็ดลอดออกมาจากทั้งผมและพี่เค้า

            เนิ่นนานเท่าไหร่ไม่รู้ที่เราทั้งสองจูบกัน  ผมตั้งสติได้แล้วก็ผลักพี่เค้าออก

            “พะ พอแล้ว”  ผมพูดเสียงกระเส่าและตะกุกตะกัก  พร้อมกับใช้มือจับที่ริมฝีปากของตัวเองด้วยความเขิน

            “พี่ขอโทษครับ”  พี่มันพูดแล้วก็เอื้อมมาจะมาจับที่มือผม  แต่ผมรีบสะบัดมือออก

            “เรากลับบ้านกันเถอะครับ”  ผมว่าแล้วก็เดินนำไปเปิดประตูรถแล้วก็เข้าไปนั่งรอทันที

            ไม่นานพี่เค้าก็ตามเข้ามาที่ฝั่งของคนขับ  เขามองหน้าผมที่กำลังนั่งทำหน้านิ่งๆ  จริงๆผมไม่ได้โกรธพี่เค้าเลยครับ  แต่มันเขินๆยังไงไม่รู้อ่ะ  และอีกอย่างถ้าพี่มันรู้ว่าผมพอใจกับสิ่งที่เค้าทำเมื่อสักครู่เค้าอาจจะได้ใจและหาโอกาสแต๊ะอั๋งผมอีกเรื่อยๆ ผมไม่อยากเป็นเหมือนของเล่นของพี่ตี๋หรอกนะครับ

            “หายโกรธพี่ยังอ่ะ”  พี่ตี๋ว่าพลางคาดเข็มขัดนิรภัย  แล้วก็โน้มตัวมาคาดให้ผมเช่นกัน  ตอนนี้หน้าเราห่างกันแค่เพียงแผ่นกระดาษกั้นก็ว่าได้ ลมหายใจที่คุ้นเคยเมื่อสักครู่มันรดผ่านบริเวณแก้มของผมจนรู้สึกขนลุกไปทั้งตัว

            “ผมไม่ได้โกรธแค่ไม่พอใจที่พี่ฉวยโอกาสแบบนี้”

            “พี่ขอโทษๆๆ แต่พี่รักน้องปอนด์จริงๆนะครับ จะให้พี่ทำยังไงถึงจะเชื่ออ่ะ”  พี่มันพูดด้วยสีหน้าจริงจัง  นี่เป็นครั้งแรกที่ผมเห็น  เพราะตั้งแต่พูดคุยกันมาแกชอบทำหน้าทะเล้นอยู่ตลอดเวลา

            “ถ้างั้นพี่ก็ต้องพิสูจน์ว่ารักผมจริง”  ผมบอกออกไป

            “จะให้พี่ทำยังไงก็ได้  พี่ยอมหมดทุดอย่าง”  พี่แกพูดอย่างมีความหวัง

            “จะทำยังไงก็มันก็เรื่องของพี่แต่ทำให้ผมเห็นว่าพี่รักผมจริงๆก็พอ”

            “ได้ครับรับรองพี่ทำได้แน่!”  พี่มันพูดหนักแน่น

            “ทำให้พูดอย่างที่พูดละกันครับ  ผมจะรอดู”

            “ครับผม  น้องปอนด์ของพี่ตี๋”  พี่มันว่ายิ้มๆแล้วก็ออกรถไป

            ผมจะรอดูว่าพี่มันจะทำยังไงให้ผมเห็นว่าพี่มันรักผมจริง..........ไอ้พี่ตี๋ของผม


--------------------------------------------------------------------------------------------------
ฝากเพจไว้ด้วยนะครับ ทักทายกันได้ครับผม
https://web.facebook.com/kanokthornwriter/


ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ปอนด์นี่แซ่บจริง ๆ เอาตี๋ให้อยู่มือเลยนะลูก  :m3: :m3:

ออฟไลน์ armize

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 95
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ปอมปอมน่ารัก

ออฟไลน์ azaki

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 52
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-1
กลรักลวงใจ

ตอนที่ 11  ผิดสัญญา

ช่วงบ่ายวันนี้ทางโรงเรียนให้นักเรียนทั้งหมดทำความสะอาดครั้งใหญ่ทั่วทั้งโรงเรียน  เพราะในอีกไม่กี่วันข้างหน้าโรงเรียนจะเป็นเจ้าภาพจัดกิจกรรมงานวิชาการ  หลายๆผู้คนจากหลายๆโรงเรียนก็จะหลั่งไหลเข้ามาที่โรงเรียนของผม  ขอบอกเลยครับว่ามันเหนื่อยมากจริงๆช่วงนี้  เพราะต้องทำอะไรหลายๆอย่างให้มันออกมาดูดีที่สุด  อาจารย์ใช้พวกผมทำโน่นนี่นั่นอย่างไม่ขาดสายเลย ฮ่าๆ

ตอนนี้พวกผมกำลังช่วยกันทำความสะอาดและตกแต่งหอประชุมใหม่  โดยอาจารย์ให้เป็นความรับผิดชอบของนักเรียนชั้นมอหก  แน่นอนครับผมกับมันต้องเจอกัน  แต่ต่างคนต่างทำหน้าที่ใครมันเลยไม่ได้สนใจกันซักเท่าไร

“ว่าไงปอม  มีอะไรให้ช่วยไหม”  โป้งเพื่อนร่วมห้องของผมเอ่ยถาม  ผมไม่เคยเอ่ยถึงโป้งให้ทุกคนได้ฟังกันจริงๆแล้วโป้งเป็นคนที่เรียนเก่งที่สุดในห้องครับ  เป็นเด็กเรียนดี นิสัยดี หน้าตี๋ๆใส่แว่น  แต่ก็นั่นล่ะครับมันเป็นเด็กเรียนจนไม่มีเวลามีแฟน หลายครั้งผมกับไอ้เอิ้นก็ได้มันนี่ล่ะครับช่วยติวก่อนสอบจนคะแนนดีขึ้นมาหลายวิชา

“อ้อ!พอดีเลย เดี๋ยวมึงช่วยจับผ้านี่หน่อยดิ ไอ้เอิ้นมันไปเข้าห้องน้ำเมื่อกี้ไม่มีคนช่วยจับ”  ผมกับเอิ้นกำลังช่วยกันจับผ้าหน้าเวทีของหอประชุม  พอดีว่าไอ้โป้งเดินมาเจอผมอยู่คนเดียวเลยอาสาช่วย  ว่าแล้วผมก็ยื่นผ้าให้มันถือไว้   ส่วนเพื่อนคนอื่นๆก็ช่วยกันจัดเก้าอี้บ้าง ทำความสะอาดพื้นและเตรียมโต๊ะวางเอกสารต่างๆ หลายอย่างเลยทีเดียว

“กูช่วยได้แค่ช่วยจับอย่างเดียวนะ ส่วนทำให้เป็นริ้วสวยๆแบบนี้กูทำไม่เป็น”  โป้งมันบอกก่อนจะยิ้มให้ผม

“จ้า ช่วยกูจับอย่างเดียวก็พออย่างอื่นเดี๋ยวจัดการเอง”  ผมยิ้มให้มันแล้วก็ตั้งหน้าตั้งตาจับผ้าตกแต่งรอบๆหน้าเวที  ผมรู้สึกได้ว่าไอ้โป้งมันจะจ้องมาที่ผมแทนที่จะมองไปที่ผ้าที่ผมกำลังจับตกแต่ง  หรือผมคิดมากไปเอง  ผมทำไปถอยหลังไปเรื่อยๆกองผ้าก็เกลื่อนอยู่แถวๆนั้นจนผมสะดุดล้ม

 “เฮ้ย!”

ผมตะโกนเสียงดังด้วยความตกใจแล้วตัวผมก็หงายหลังลง  ในมือผมที่จับผ้าอยู่ก็ดึงให้โป้งมันล้มลงด้วย  ดีนะตรงที่ผมล้มลงมันเป็นกองผ้าขนาดใหญ่ทำให้ผมไม่เจ็บตัวมาก  แต่ที่เจ็บนิดหน่อยก็เพราะไอ้โป้งมันล้มทับตัวผมน่ะสิครับ

“โป้ง”  ผมลืมตาขึ้นก็พบว่าไอ้โป้งมันกำลังจ้องผมอยู่ส่วนมือมันก็ค้ำที่กองผ้าไว้คงกำลังจะลุกขึ้น   เราจ้องตากันแป๊บนึงก่อนที่ผมจะเสตาไปทางอื่น ก็เพราะว่ามันจะเขินๆหน่อย ฮ่าๆ ช่วงนี้มองหน้าผู้ชายไม่ค่อยได้มันจะนึกถึงแต่หน้าไอ้สกายตลอด

“ปอมมึงโอเคมั้ย”  โป้งมันถามแล้วก็ค่อยๆพยุงตัวผมขึ้นมาจนยืนได้ปกติ  ผมถอนหายใจเสียงดังอย่างโล่งอก

“กูโอเค  ขอบใจมากนะมึง”  ผมมองหน้ามันแล้วยิ้มให้

“เป็นอะไรมากไหมปอม  เรากับไอ้สกายเห็นก็รีบวิ่งมาเลย”  ไอ้ตี๋กับไอ้สกายที่กำลังจัดเก้าอี้อยู่รีบวิ่งมาดูพวกเรา

“ไม่เป็นไรหรอกดีนะที่ล้มลงบนกองผ้าเลยไม่ค่อยเจ็บตัว”  ผมตอบไปแล้วก็มองหน้าไอ้ตี๋  ส่วนไอ้สกายน่ะหรอผมมองมันตั้งแต่ที่มันมายืนทำหน้าหล่อตั้งแต่แรกแล้ว  ทำไมมันทำหน้าบึ้งใส่ผมอย่างนั้นนะผมทำอะไรผิดหรือนี่?

“ดีแล้ว  ไอ้สกายมันเป็นห่วง”  ไอ้ตี๋มันชี้ไปที่ไอ้สกายที่ยืนอยู่ข้างๆ

“ใครห่วงไอ้ห่าตี๋  กูไปเข้าห้องน้ำแล้วเสียเวลา”  มันว่าแล้วก็เดินไป

“เดี๋ยวเราไปทำงานต่อก่อนนะ  ค่อยคุยกันใหม่”  ว่าแล้วมันก็เดินไปหาเพื่อนๆมันที่กำลังขมักเขม้นในการจัดเก้าอี้ให้เป็นแถวทั่วทั้งหอประชุม

“มาโป้ง  ทำต่อกัน”  ผมยิ้มให้โป้งแล้วเริ่มจับผ้าต่อ  แต่เพิ่งเริ่มก็รู้สึกว่าจะมีงานเข้าแล้วเพราะมือถือในกางเกงนักเรียนผมมันสั่น  มีคนโทรเข้ามา

ไอ้สกาย!

ผมคิดในใจว่ามันต้องมีอะไรกับผมแน่ๆ  ตั้งแต่มันหน้าบูดหน้าบึ้งใส่ผมเมื่อครู่  ทั้งๆที่หลายวันมานี้ผมไม่เคยทำให้มันโกรธหรือโมโหเลยแม้แต่ครั้งเดียว

“โป้งเดี๋ยวกูไปรับโทรศัพท์ก่อนนะ  โน่นไอ้เอิ้นกำลังมาพอดีเลยให้มันมาทำต่อ”  ผมชี้ไปที่ไอ้เอิ้นที่กำลังเดินมา  แล้วผมก็เดินเลี่ยงไปที่ไม่มีคน

 “ว่าไงมึงไม่เห็นหรอว่ากูกำลังทำงานอยู่”  ผมว่าให้มัน  โทรมาไม่รู้เวล่ำเวลาจริงๆ

 “มึงไม่ต้องอ้างงานมาหากูที่ห้องน้ำเดี๋ยวนี้มีเรื่องต้องเคลียร์”  ว่าแล้วมันก็ตัดสายไป  ผมว่าแล้วมันต้องมีอะไร  ผมรีบเดินไปที่ห้องน้ำข้างๆหอประชุม  ผมมองที่ประตูก็พบว่ามีป้ายกำลังทำความสะอาดแขวนอยู่ต้องเป็นฝีมือมันแน่ๆ

 “มานี่สิ”  ผมเปิดประตู้เข้าไปก็พบว่ามันกำลังยืนดูดบุหรี่อยู่  ปวดหัวกับมันจริงๆ  ผมยิ่งไม่ค่อยชอบบุหรี่อยู่ด้วยได้กลิ่นแล้วมันจะไอตลอดเลย

 “มึงทิ้งบุหรี่ก่อนดิ  กูไม่ค่อยชอบ”  ผมว่า

“ถ้ากูไม่ทั้งล่ะ”  มันต่อรองผมแล้วทำหน้านิ่งๆสายตาที่มันมองผมเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อซะให้ได้

“กูก็จะออกไปเดี๋ยวนี้” ผมว่าแล้วก็ทำท่าจะเดินออกไป

“มึงลองออกไปสิ  เจ็บตัวแน่”  มันว่าให้ผมแล้วก็ทิ้งก้นบุหรี่ลงพื้นก่อนที่จะเดินมาคว้าตัวผมไปพิงที่ผนังก่อนที่จะใช้มือทั้งสองข้างคร่อมตัวผมไว้

 “แค่กๆ”  เสียงผมกระแอมไปสองสามทีเพราะกลิ่นบุหรี่ที่มันเพิ่งจะดูดไปยังไม่จาง

 “ทำเป็นอ่อนแอนะมึง”

  “มึงเป็นอะไรของมึง”  ผมถามมันมันคงรู้แหละว่าผมหมายถึงอะไร

  “กูเปล่า”  มันจ้องตาผม  จนผมต้องหลบตาเพราะมันจ้องแบบไม่ละสายตาเลย

  “แล้วมึงมีอะไรนัดกูมาที่นี่  งานกูยังไม่สเร็จไม่มีเวลามาเล่นกับมึงหรอกนะ”  ผมว่ามัน

 “ใช่สิ  มึงคงอยากไปหาไอ้นั่นจนตัวสั่น  เมื่อครู่ก็เห็นมันกอดมึงซะแน่นเลยตอนล้ม”  ว่าแล้วมันต้องเป็นเรื่องนี้  มันหึงหวงผมหรือเนี่ย  ผมพยายามคิดเข้าข้างตัวเองให้มากที่สุด

  “มึงแม่งคิดมากไปเองกูกับโป้งเป็นเพื่อนกัน  กูไม่ได้คิดอะไรกับโป้ง”  ผมบอกมัน

 “มึงอย่าลืมว่าตอนนี้มึงเป็นของกูแล้วกูไม่อยากให้ใครมาตีท้ายครัวกู จำไว้”

“ก็แค่เดือนนึงแล้วตอนนี้มันก็จวนจะถึงเวลาแล้ว  อีกไม่นานกูกับมึงก็ต้องไปทางใครทางมันแล้วมึงอย่าลืมสิสกาย”  ผมเตือนสติมันแล้วสังเกตสีหน้ามันว่าจะมีอาการอะไรบ้าง  ผมอยากให้มันรั้งตัวผมไว้ถึงแม้ว่าจะครบเวลาหนึ่งเดือนแล้วก็ตาม  นั่นหมายความว่าแผนของผมครั้งนี้สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี  แต่ก็นั่นล่ะครับมันขึ้นอยู่กับคนที่อยู่ตรงหน้าผมเท่านั้นว่ามันจะลเอกแบบไหน

 “กูไม่ลืมแต่ในช่วงเวลานี้มึงต้องฟังคำสั่งกูเท่านั้นและก็จำไว้ว่ามึงต้องเป็นของกูเท่านั้น  และมึงอย่าไปดูแล ไปเอาใจ ไปนอน ไปห้องใครก็ตามที่ไม่ใช่กู”  มันพูดจบก็เคลื่อนใบหน้าหล่อๆของมันมาประกบจูบผมอย่างรวดเร็ว  มันบดจูบจนผมสั่นสะท้านไปทั้งตัว  เรี่ยวแรงที่มีมันหายไปไหนหมด  จนผมต้องเอามือไปคล้องไว้ที่คอของมันเพราะขาของผมมันอ่อนแรงกลัวว่าผมจะล้มลงไปซะก่อน  มันผละจากปากผมแล้วก็คลอเลียตามใบหน้าของผม  เสียงลมหายใจกระเส่าของมันและน้องชายของมันที่กำลังดันตรงเป้าให้ตุงมันแนบกับหน้าขาของผมจนรู้สึกได้  บ่งบอกว่ามันกำลังมีอารมณ์แล้ว  แต่ที่นี่มันห้องน้ำโรงเรียนมันไม่ควรเกิดขึ้นถึงแม้ตัวผมเองก็ต้องการมันเช่นกัน

 “พะ พอก่อนไม่ใช่ที่นี่”  ผมห้ามมันหลังจากที่มันจะเริ่มปลดกระดุมเสื้อผมออกได้เม็ดนึงแล้ว  ผมจับที่คอเสื้อตัวเองเพื่อห้ามมัน

  “มึงห้ามกูไม่ได้ถ้ากูต้องการ”  มันพยายามเริ่มอีกครั้งแต่ผมก็ยังขัดขืนไว้

  “กูขอเถอะที่นี่มันโรงเรียนถ้าใครมาเห็นเข้าจะทำยังไง  มึงต้องการให้คนอื่นรู้ยังงั้นหรอ  เดี๋ยวคืนนี้กูจะไปหามึงที่คอนโดโอเคป่ะ”  ผมบอกมัน  ดูสีหน้ามันจะอารมณ์เสียเอามากๆ  แต่มันก็ยอมปล่อยตัวผมให้เป็นอิสระ

  “อยาลืมคำที่มึงพูดไว้ด้วยล่ะ  ที่สำคัญมึงต้องอยู่ห่างๆไอ้โป้งเข้าไว้กูไม่ไว้ใจมัน”  มันว่าแล้วก็เดินออกไปจากห้องน้ำทิ้งผมให้สงบสติอารมณ์อยู่คนเดียว

  “เกือบไปแล้วไอ้ปอม”  ผมพูดกับตัวเองเบาๆ  ดีนะที่ผมห้ามอารมณ์ของตัวเองได้ก่อนที่มันจะเลยเถิดไป  ผมไม่มีทางที่จะทำเรื่องแบบนี้ในโรงเรียนเด็ดขาด  เรื่องของเรื่องมันไม่สะใจครับต้องในห้องนอนเท่านั้น ฮ่าๆๆ

      ผมเดินออกจากห้องน้ำตามหลังไอ้สกายไม่ถึงนาที  ก็เห็นไอ้สกายมันยืนคุยกับแป้งแล้ว  ผมไม่ใส่ใจแล้วก็รีบเดินเลี่ยงๆไป  แต่ก็อดแอบเหล่ตามองมันทั้งสองคนไม่ได้  ถึงแม้ว่าผมจะมีโอกาสได้เข้าใกล้กับไอ้สกายมากเพียงใด  แต่ผมก็ไม่ลืมว่ามันยังคงรักผู้หญิงวันดีคืนดีมันอาจจะคบกับแป้งก็เป็นได้ใครจะรู้ล่ะครับ  ผมต้องเผื่อใจเอาไว้บ้าง

  “สกายได้กลิ่นอะไรเหม็นๆไหมค่ะ”  แป้งมันว่าแล้วก็ทำท่าสูดกลิ่นรอบๆตัวมัน  ส่วนไอ้สกายก็เช่นกัน

  “อ้อ  รู้ล่ะกลิ่นหมาหัวเน่านี่เอง ฮ่าๆๆ”  มันหัวเราะชอบใจแล้วก็มองผมด้วยหางตาพร้อมเบะปากใส่

   อีนี่มันร้าย!
  มันร้ายแบบเสมอต้นเสมอปลายจริงๆ  แต่ผมร้ายกว่ามันเยอะมันคงคาดไม่ถึงว่าผมได้กินไอ้สกายก่อนมันอีก ฮ่าๆๆ

  “แป้ง!  เราว่าหมาหัวเน่ามันยังไม่เหม็นเท่าหมาเน่าๆในปากของเธอนะ ฮ่าๆๆ”  ผมว่าแล้วก็หัวเราะเสียงดังกว่าที่มันหัวเราะ  นี่แหล่ะครับที่เค้าบอกว่าหัวเราะทีหลังดังกว่า

 “อร้ายยย อีบ้าแกว่าฉันปากหมาหรอ”  มันว่าแล้วก็ชึ้นหน้าผม  ไอ้สกายมันก็แอบอมยิ้มนิดนึง  มันคงกลั้นหัวเราะเอาไว้  ไม่บ่อยที่จะเห็นมันยิ้มแบบนี้

  ผมไม่ตอบกลับแต่แลบลิ้นใส่มันแทนแล้วก็เดินไปที่หน้าเวทีต่อ  ผมเดินไปถึงหน้าเวทีก็พบว่าเอิ้นกับโป้งจับผ้าใกล้จะเสร็จแล้วพวกมันรวดเร็วดีจริงๆ  ส่วนผมก็ได้ไปช่วยนิดๆหน่อยแล้วก็เสร็จ  แต่ไอ้สกายกับแป้งน่ะสิยังยืนคุยกันกระหนุงกระหนิงอยู่เลย  แทนที่จะมาช่วยเพื่อนๆทำงานอ่ะนะแย่จริงๆ  หรือจริงๆผมแอบหึงหวงมันสองคนอยู่กันแน่ ฮ่าๆ

  “เสร็จแล้ว!”  เอิ้นว่าแล้วก็ยืนชมผลงานที่มีมาตรฐานระดับมืออาชีพมากๆ

  “ป่ะกลับห้องกันเถอะเตรียมตัวกลับบ้าน”  ผมว่ากับทั้งสองคนแล้วก็เดินไปคุยกันไป

 “ปอมเอิ้นเย็นนี้กูว่าจะชวนไปกินข้าวอ่ะว่างไหม  พอดีว่าวันนี้วันเกิดกูอ่ะ”  อยู่ดีๆโป้งก็เอ่ยออกมาระหว่างทาง

 “กูไปได้นะว่างอยู่ มึงล่ะปอม  น่าจะว่างนะมึงไม่ได้ไปไหนนิตอนเย็นก็กลับบ้าน”  เอิ้นมันพูดตัดหน้าผมไปแล้ว  จริงๆก็ตามที่มันพูดนั่นล่ะครับ  ตอนเย็นผมไม่ได้ไปไหนหรอกแต่คืนนี้ผมต้องไปหามันน่ะสิ  ถ้าไม่ไปมันจะโกรธผมมากไหมอ่ะไม่อยากจะคิด  แต่ไม่เป็นไรกินข้าวแป๊บเดียวค่อยไปหามันต่อก็ได้

“อื้มกูว่าง ไปได้  ว่าแต่ไปที่ไหนอ่ะ”  ผมบอก

“อ๋อ  ร้านของที่บ้านกูเองแหละแถวๆห้าง XXX ”  เฮ๊ยนั่นมันไปคนละทางกับคอนโดไอ้สกายเลยนะ สงสัยไปหามันไม่ได้แล้วอ่ะ  แต่ช่างแม่งเถอะให้มันอยู่คนเดียวบ้างก็ได้ผมไปหามันเกือบทุกวันแระ

“ถ้างั้นเดี๋ยวกูโทรบอกที่บ้านก่อนนะ  มึงด้วยนะเอิ้น”  ผมว่าแล้วก็กดสายไปหาแม่ทันที

 “แม่ครับวันนี้ผมจะไปงานวันเกิดเพื่อนจะกลับดึกหน่อยนะครับ”

 “ครับผมจะพยายามกลับไม่ให้ดึกมาก”

“อ๋อ เอิ้นมันก็ไปครับไม่ต้องห่วง แค่นี้นะครับ”

ผมพูดจบก็วางสายไปแม่ผมเป็นคนที่สบายๆไม่เคยกดดันลูกเลย  ให้ทำอะไรตามใจที่ตัวเองต้องการแต่ขอแค่ให้อยู่ในกรอบและความพอดีเท่านั้นพอ  จะมีแม่ซักกี่คนที่เลี้ยงลูกได้แบบนี้แม่ผมคือที่สุดในโลกเลยครับ อิอิ

“เออใช่!  อาทิตย์หน้าก็วันเกิดมึงแล้วนิปอม”  อยู่ๆเอิ้นมันก็พูดออกมา เออใช่  ลืมไปเลยว่าวันเกิดผมอีกแค่หนึ่งอาทิตย์แถมยังเป็นวันเดียวกับที่สัญญาของผมกับไอ้สกายจะครบหนึ่งเดือนพอดี

“เออว่ะ  อย่างนี้ต้องฉลอง”

“ชวนไว้ก่อนเลยนะ  โป้งอาทิตย์หน้าวันเกิดกูไปกินเลี้ยงที่บ้านกูนะ”  ผมบอกโป้งไปส่วนเอิ้นไม่ต้องเอ่ยปากชวนมันก็ไปยู่แล้วครับ

“โอเคกูไปอยู่แล้ว”  มันยิ้มให้ผม  เป็นยิ้มที่มันแฝงไปด้วยคำถามในใจผม  มันแปลกกับสายตาที่มันมองผม  หรือว่ามันจะคิดกับผมแบบที่ไอ้สกายมันเข้าใจ  แต่ก็ช่างเถอะความรักมันห้ามกันไม่ได้  ถ้ารักก็คือรักส่วนเค้าจะรักตอบหรือไม่ก็อีกเรื่องนึงอย่างที่ผมเป็นอยู่ตอนนี้ไงครับ

ว่าแล้วพวกผมก็เดินไปที่ห้องเรียนเอากระเป๋าแล้วก็มุ่งหน้าสู่ร้านอาหารของไอ้โป้งกัน

ตอนนี้ผมยังคิดอยู่ว่าจะหาเหตุผลอะไรไปบอกไอ้สกายให้มันเข้าใจว่าที่ไม่ไปหามันวันนี้เพราะอะไร....หวังว่ามันจะเข้าใจผมนะ.....


ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
บอกก็ไม่ให้ไปชัวร์ :hao4:

ออฟไลน์ azaki

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 52
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-1
กลรักลวงใจ

ตอนที่ 12  ความสุขส่งท้าย


@งานวันเกิดโป้ง

เมื่อพวกเรามาถึงร้านอาหารของที่บ้านไอ้โป้ง พ่อกับแม่มันก็เตรียมกับข้าวและอาหารวางเรียงรายไว้บนโต๊ะเรียบร้อยแล้ว  ร้านอาหารของที่บ้านมันเป็นร้านขนาดกลางๆซึ่งวันนี้แบ่งโซนไว้สำหรับจัดงานเลี้ยงวันเกิดให้ไอ้โป้งโดยเฉพาะ  แต่ในงานไม่ได้มีแค่พวกผมครับยังมีเพื่อนๆทั้งในโรงเรียนต่างโรงเรียนของมันอีกสิบกว่าคน

หลังจากที่เป่าเค้กและอวยพรวันเกิดมันไปแล้ว  พวกเราก็เริ่มทานข้าวกันทันที  หลายคนก็จัดหนักกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่มันแอบพ่อแม่มันมา  แต่ผมไม่ได้ดื่มกับพวกมันหรอกเพราะไม่ชอบเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว

                “มาถ่ายรูปกันหน่อยเร้ววว”  เสียงไอ้โป้งมันตะโกนบอกเพื่อนๆทุกคนในงาน

                “ปอมมึงมาถ่ายเซลฟี่คู่กับกูหน่อยดิ” ว่าแล้วมันก็เดินมานั่งข้างๆผมเอาหน้าหล่อๆของมันมาชิดที่แก้มผม

                แชะ!!!

                ผมรีบผละใบหน้าออกจากมันด้วยเพราะมันรู้สึกร้อนๆที่หน้ายังไงก็ไม่รู้สงสัยจะอายมัน  นอกจากไอ้สกายแล้วผมไม่เคยเอาหน้าไปแนบชิดใกล้ๆแบบนี้กับใครอีกเลย

                “เป็นไงอาหารอร่อยถูกปากไหม?”  มันถามหลังจากถ่ายเซลฟี่เสร็จเรียบร้อย

                “ไม่เสียชื่อร้านอาหารเลยแต่ละอย่างนี่อร่อยมากๆเลย”  ผมยกนิ้วให้  มันก็จริงนี่เริ่มจะจุกท้องแล้วครับ

                “จัดเต็มเลยนะปอม”  มันยิ้มให้ผม

                “แน่นอนอยู่แล้ว  เอ้อ!...เดี๋ยวของขวัญเราให้ย้อนหลังนะมันกระชั้นชิดเกินไป”  ผมว่าเพื่อไม่ให้เป็นการน่าเกลียดจนเกินไป

                “ไม่ต้องหรอกแค่ปอมมาก็ถือว่าเป็นของขวัญวันเกิดให้เราแล้ว”  มันยิ้มให้ผมครั้งที่เท่าไหร่ไม่รู้  แต่ที่รู้มันเป็นยิ้มที่มีอะไรไซ่อนไว้ข้างในจนน่าขนลุก  ผมรู้สึกอย่างนั้น

                “ก็ว่าไป ฮ่าๆๆ”  ผมแกล้งหัวเราะเสียงดังกลบเกลื่อนมันรู้สึกอายๆยังไงไม่รู้

                “เดี๋ยวเราไปในร้านแป๊บนะทุกคน ตามสบายเลย”  มันว่าแล้วเดินเข้าไปด้านในร้านสงสัยไปช่วยดูความเรียบร้อยของฝั่งโน้นที่ลูกค้าค่อนข้างจะหนาตา

                “เอิ้นวันนี้เราจะกลับกี่โมงกันวะ”  ผมว่าด้วยความที่ยังกังวลเรื่องไอ้สกาย  มันยังไม่โทรหรือส่งข้อความมาไม่แน่ใจว่ามันจะรอผมอยู่หรือเปล่า

                “ทำไมมึงรีบหรอ”  มันว่าขณะที่กำลังจะยัดไก่ทอดชิ้นใหญ่เข้าไปในปาก

                “จริงๆก็ไม่เชิง  กูนัดกับไอ้สกายเอาไว้ว่ะแต่กูว่าจะไม่ไปหามันหรอก”  ผมทำหน้ายุ่งหัวคิ้วแทบจะชนกัน

                “อ้าว!  แล้วทำไมมึงไม่ปฏิเสธไอ้โป้งไปล่ะว่ามีธุระ  อีกไม่กี่วันก็จะครบหนึ่งเดือนแล้วนะเว้ย”  อ้าวทำไมมึงพูดแบบนี้วะเพื่อนรักแล้วใครที่ไหนมัดมือชกกูมาที่นี่ อิเพื่อนเลว ฮ่าๆ

                “ก็มึงนั่นล่ะกูเลยปฏิเสธมันไม่ได้”  ผมทำหน้ายุ่งใส่มัน

                “ช่างเถอะมึง กินๆไปเดี๋ยวก็กลับกันแล้ว  ปล่อยมันไว้คนเดียวซักวันมันคงไม่ตายหรอกว่ะ”  เมื่อผมเอ่ยโทษมันมันกลับเฉไฉไปอีก  ก็มันมาแล้วจะให้ทำยังไงได้ล่ะครับก็ต้องกินวนไปครับอย่างน้อยมันก็อิ่มท้อง ฮ่าๆ

                “เออๆ กินไปมึง”  ผมว่าแล้วก็ตักโน่นตักนี่มากินจะได้ไม่ต้องคิดเรื่องมันให้ไม่สบายใจ

                ผมนั่งกินไปแล้วก็เล่นอินสตาแกรมไปด้วยเลื่อนไปเลื่อนมาก็มาเจอภาพที่ผมกับไอ้โป้งถ่ายด้วยกันเมื่อซักครู่  ทำไมมันลงเร็วอย่างนี้นะ  แถมแคปชั่นก็น่าปวดหัวไปอีก  “ของขวัญวันเกิดปีนี้”  แต่สิ่งที่ทำให้ผมต้องปวดหัวหนักเข้าไปอีกคือคนที่กดถูกใจภาพนี้มีไอ้ตี๋กับไอ้สกายด้วย(ผมฟอลมันทุกคน)

                “เหี้ยแล้ว!”  ผมสบถออกมาเสียงดังจนไอ้เอิ้นที่กำลังดื่มน้ำอยู่แทบสำลักออกมา

                “อะไรของมองเนี่ย!”  ไอ้เอิ้นมันดุผม

                “มึงไอ้สกายมันรู้แล้วแน่ๆเลยว่ากูมางานวันเกิดไอ้โป้ง”  ผมยื่นมือถือให้มันดู

                “เวรแล้วไง  มึงบอกมันว่าไงก่อนจะมาที่นี่”  มันถามผม

                “กูลืมบอกมัน  กูไม่ไปหามันเอาดื้อๆนี่ล่ะ”  เอาไงดีๆๆ  ผมคิดในใจ

                Rzzzz

                เสียงมือถือดังขึ้นฉุดให้ผมหลุดจากภวังค์  เมื่อมองที่หน้าจอก็พบว่าเป็นไอ้ตี๋โทรมา

                “ว่าไงตี๋”  ผมพูดผ่านสายแต่สายตายังมองที่ไอ้เอิ้นมันก็รอฟังผมเหมือนกัน

                “ปอมมาหาไอ้สกายด่วนเลย  มันกินเหล้าเมาแล้วเรียกหาแต่ปอมอ่ะ”  ไอ้ตี๋พูดผ่านสายแต่ไม่ใช่แค่เสียงมันแต่มีเสียงไอ้สกายตะโกนโหวกเหวกเสียงดังเล็ดลอดออกมาด้วย  เฮ้ออะไรกันเนี่ยทำไมต้องเรียกหาผมหรือว่ามันโมโหที่ผมผิดนัดมัน

                “ได้ๆเดี๋ยวเราไปเดี๋ยวนี้ล่ะ”  ผมบอกมันไปก่อนที่จะวางสาย

                “ไปบอกโป้งก่อนไหมค่อยกลับ”  เอิ้นมันบอกผม

                “อื้ม! ป่ะไปกันเถอะ”  ว่าแล้วผมกับเอิ้นก็ขอตัวเพื่อนๆคนอื่นๆเดินออกจากงานไปก่อน  เดินออกมาก็เจอโป้งพอดี

                “อ้าว! จะกลับกันแล้วหรอ”  โป้งมันถามเมื่อเห็นพวกผมกำลังเดินออกมา

                “พอดีที่บ้านโทรมาตามอ่ะ  พวกกูกลับก่อนนะเว้ย”

                “อ๋อ  ถ้างั้นให้กูไปส่งไหมล่ะ”  ดูเหมือนมันจริงจังกับคำพูดของมันมาก

                “มะ...ไม่เป็นไรเดี๋ยวพวกกูกลับแท็กซี่เองดีกว่า  มึงอยู่กับเพื่อนคนอื่นๆเถอะ  ไปล่ะ”  ผมว่าแล้วก็โบกมือลามัน

                “เดี๋ยวให้รถไปส่งมึงที่บ้านก่อน เดี๋ยวกูจะให้รถวนไปคอนโดไอ้สกายต่อ”  ผมบอกไอ้เอิ้น  จริงๆแล้วบ้านไอ้เอิ้นมันจะไกลกว่าคอนโดไอ้สกายอีก

                “ไม่เป็นไรเดี๋ยวไปคนละคันก็ได้มึงจะได้ถึงเร็วๆ”

                “เอางั้นก็ได้  ถ้ายังไงมึงถึงแล้วโทรมาบอกกูด้วยล่ะ”  ไอ้เอิ้นมันเป็นผู้หญิงผมก็ยังเป็นห่วงเพื่อนอยู่นะครับ

                “โอเคไอ้คุณเพื่อนสุดที่รัก”

                “นั่นรถมาพอดี  มึงไปก่อนเลยเดี๋ยวกูไปคันหลัง”  ผมบอกมันขณะที่มือกำลังโบกแท็กซี่อยู่

                รถมาแล้วผมก็ส่งไอ้เอิ้นขึ้นรถ  หลังจากนั้นไม่นานผมก็เรียกอีกคันตรงไปที่คอนโดไอ้สกายทันที

*-*-*-*-*

                ก๊อกๆๆ

                ผมเคาะประตูห้องรอไอ้ตี๋มาเปิดให้  แต่รอหลายนาทีก็ยังไม่มีวี่แววจึงลองเปิดประตูดูปรากฏว่ามันไม่ได้ล็อคห้อง  ทำไมไอ้ตี๋มันไม่มาเปิดห้องให้ผม  ส่วนไอ้คนนั้นผมคิดว่ามันคงจะหลับไปแล้วมั้ง  ดูท่าทางเมาซะขนาดนั้น

                “ตี๋  อยู่รึเปล่า”  ผมเดินเข้ามาในห้องก็พบว่ามันเงียบผิดปกติ  เลยเรียกไอ้ตี๋เผื่อมันหลับอยู่  ไร้เงาไอ้สองคนนั้นครับหรือว่ามันจะออกไปกินเหล้ากันอีกรอบรึเปล่า  เริ่มงงกับพวกมันแล้วล่ะเนี่ย

                แอ๊ด!!!!

                “ผมเปิดประตูห้องนอนไอ้สกายเข้าไป  ก็พบว่าเตียงมันว่างเปล่า  นั่นไงไอ้ตี๋มันเล่นตลกกับผมซะแล้ว  มาเสียเที่ยวจนได้

                “เฮ้ย!!!!!”

                ผมร้องเสียงหลงด้วยความตกใจ  เพราะจู่ๆก็มีคนเข้ามากอดผมจากด้านหลังแถมยังเอาคางมาเกยบนบ่าของผมอีกต่างหาก

                “เล่นไรเนี่ย  ตกใจหมด”  ผมว่าคนที่กำลังกอดผม  มันจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากไอ้สกาย  ผมจำกลิ่นมันได้แม่น   

                “มึงโกหกกูว่าจะมาหาแล้วมึงเสือกไปกับไอ้นั่น”  มันว่าผมกลิ่นเหล้ายังหึ่งจนผมหยีหน้า

                “กู....ขอโทษ”  ในใจรู้สึกผิดมาก

                “กูไม่ยกโทษให้  มึงก็เหมือนแม่กูขี้โกหก  โกหกว่าจะมาหากูตั้งหลายครั้งแต่ก็ไม่เคยมา มึงแม่งเหมือนแม่กู”  มันร้องไห้ครับผมนี่ตกใจมาก  ไอ้สกายคนที่เคยแข็งแกร่งเย็นชาคนนั้นมันหายไปไหน  ตอนนี้ผมมองไม่เห็นมันคนนั้นเลย  เห็นแต่ไอ้สกายคนที่อ่อนแอและขี้เหงา

                “กูขอโทษมึงจริงๆ...กูมันไม่ดีเอง...มึงอย่าร้องดิวะ”  ผมบอกมันแล้วเอามือไปกุมที่มือของมัน

                “ต่อไปนี้กูจะไม่โกหกมึงอีก กูสัญญา”  ผมบอกมันแต่ในใจตอนนี้คือผมมาไกลแล้ว  ผมโกหกมันตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงตอนนี้แล้วผมคิดว่าจะสารภาพมันในวันสุดท้ายที่จะครบรอบหนึ่งเดือน  ส่วนมันจะรับได้หรือไม่ได้ผมต้องยอมรับชะตากรรมนั้นเอง

                “มึงสัญญานะ” มันพูดเสียงอ้อแอ้ด้วยอาการเมา  ผมยืนคุยกับมันจนลืมไปว่าไอ้ตี๋มันอยู่ไหนทำไมไม่เห็นมันเลย

                “แล้วไอ้ตี๋ไปไหนแล้ว”

                “กูบอกมันกลับไปก่อนเพราะกูอยากอยู่กับมึงสองต่อสอง”  มันว่าแล้วเปลี่ยนมากุมมือผมแทนแล้วคลายอ้อมกอดผมเปลี่ยนให้หันหน้ามาจ้องตากับมันแทน

                “กูว่ามึงไปอาบน้ำก่อนไหม มึงเมามากแล้ว”  ผมบอกมันดูจากสภาพมันแล้วคงจะเมาหนักมากก่อนที่ผมจะมา

                “กูไม่มาววว”  มันพูดเสียงยาน  ขนาดนี้ยังจะบอกว่าไม่เมาอีกหรือไอ้สกาย

                “เออไม่เมาก็ไม่เมา  ไปอาบน้ำซะแล้วจะได้นอนมึงท่าจะไม่ไหวแล้ว”  เหมือนผมพูดกับเด็กยังไงยังงั้น  หน้ามันแดงก่ำ  ตามันก็เยิ้มๆ  แต่ดูท่ามันน่าจะยังพอมีสติอยู่นิดนึง

                “อาบก็อาบ แต่มึงต้องไปอาบกับกูด้วย”  เออเอาเข้าไปมึงมันร้ายไอ้สกาย

                “เออๆ”  ผมทำท่าจะพามันเข้าไปในห้องน้ำ

                “ถอดเสื้อผ้าให้กูด้วย”  มันพูดเสียงอ้อน  จะทำยังไงได้ล่ะครับผมก็ทำตามมันแต่โดยดี

                มันยืนจ้องตาผมอยู่อย่างนั้นแล้วก็กางแขนออก  ผมไม่สามารถที่จะจ้องตากับมันได้ครับเพราะว่ามันจะทำให้ผมละลายจนไปนั่งกองกับพื้นได้  ก็มันจ้องผมซะจนจะกินผมให้ได้ซะอย่างนั้น

                ผมค่อยๆปลดกระดุมมันออกทีละเม็ดๆ  จนหมดแล้วก็ถอดเสื้อมันออกหลังจากนั้นก็ปลดเข็มขัดแล้วก็ปลดตะขอก่อนที่จะค่อยๆรูดซิบลงเรื่อยๆจนสุด  มือที่มันกางไว้ตอนนี้มาจับที่บ่าของผมเอาไว้  สิ่งที่ทำให้ผมอายมากกว่าที่มันจ้องผมก็คือตอนนี้ผมกำลังค่อยๆดึงกางเกงนักเรียนมันลงจนเหลือแค่บ็อกเซอร์และเหลือมันไว้แค่นั้น

                “ถอดบ็อกเซอร์ให้กูด้วยดิ”  มันสั่งผมด้วยน้ำเสียงสั่นๆข้างๆหูผม

                “มะ...มึงถอดเองดิกู....”  ผมว่าแล้วก็หยุดจะให้ถอดได้ยังไงละครับก็ตอนนี้น้องชายมันกำลังตื่นจนตุงบ็อกเซอร์ไปหมดแล้ว

                มันยิ้มแต่ไม่ได้พูดอะไรแต่มือมันกลับมาจับมือผมให้ไปจับที่น้องชายมันแล้วค่อยๆดึงบ็อกเซอร์ร่นลงมาอยู่ที่ขาอ่อนแล้วมันก็ใช้เท้ามันข้างนึงดึงลงจนสุด  ตอนนี้มันเปลือยต่อหน้าผม

                “มาให้กูถอดให้มึงบ้าง”  มันว่าแล้วจะปลดกระดุมผม

                “ไม่เอากูไม่อาบกับมึง  ไปๆรีบอาบกูจะได้กลับบ้าน”  ผมโวยวาย

                “มึงต้องอาบกับกู มานี่!”  มันพูดจบก็ดึงผมเข้าไปชิดตัวมันแล้วเริ่มปลดกระดุมผมออกอย่างรวดเร็ว  แล้วก็ตามด้วยกางเกงผมจนหมด  จะทำยังไงได้ล่ะครับก็สมยอมตามท้องเรื่อง

                “ป่ะไปอาบน้ำกัน”  มันว่าแล้วก็อุ้มผมขึ้นในท่าเจ้าสาว  ผมตกใจเลยเอามือไปคล้องที่คอมันไว้

                “อุ้มทำไมเนี่ยอยู่ใกล้ๆเอง”  ผมทุบอกมันทีนึง

                “กูอยากอุ้มจะทำไม”  ว่าแล้วมันก็เดินพาผมเข้าไปในห้องน้ำ

                มันวางผมลงบนอ่างแล้วก็เปิดน้ำทันที  มันลงไปนั่งในอ่างฝั่งตรงข้ามแล้วหันหน้ามาที่ผม

                “มานี่”  มันเรียกผมก่อนที่จะดึงตัวผมเข้าไปนอนบนแผงอกแกร่งของมันแล้วก็กอดผมไว้อย่างนั้นจนน้ำเริ่มจะพอดีตัวเรามันก็ปิดน้ำไว้

                “อีกกี่วันนะจะครบหนึ่งเดือน”  อยู่ๆมันก็ถามผมขึ้นมา

                “อาทิตย์นึงพอดี”  ผมบอกมัน  พูดแล้วก็ใจหายเหมือนกันนี่ผมอยู่กับมันจนจะครับเดือนนึงแล้วหรือเนี่ย  เวลาที่มันมีความสุขทำไมมันเร็วอย่างนี้

                “ภายในเจ็ดวันนี้มึงมาหากูทุกวันได้ไหม”  มันพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง

                “อะ...อื้ม”  ผมตอบรับไปอย่างว่าง่าย  ผมอยากจะถามมันเหลือเกินว่าเมื่อถึงเวลาแล้วมันจะเอายังไงกับผมต่อ  ตอนนี้ผมครอบครองใจมันได้หรือยังหรือแค่แก้เหงาเท่านั้นผมอยากรู้เหลือเกิน

                “มึงสัญญาว่าจะไม่โกหกกู”  มันทำไมพูดคำนี้บ่อยจัง  ผมรู้สึกไม่ดียังไงไม่รู้เหมือนมันเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับคำนี้เอามากๆเลย

                “สัญญา”  ผมบอกออกไปทั้งๆที่มันไม่เคยมีตั้งแต่แรกแล้ว  ผมผิดเอง

                “อ๊ะ!!”

                ผมร้องเสียงหลงเมื่อจู่ๆมันก็พลิกตัวผมให้นอนอยู่ข้างล่างตัวมันโดยที่ศีรษะผมยังอยู่ที่ขอบอ่าง

                “กูสัญญาว่ากูจะเอามึงทุกวันเหมือนกัน”  มันพูดจบก็โน้มใบหน้าลงมาจุมพิตที่หน้าผากผมก่อนที่จะเลื่อนลงมาคลอเคลียที่พวงแก้มก่อนที่จะลงท้ายด้วยริมฝีปากของผม  มันดูดอยู่อย่างนั้นและใช้ลิ้นอันซุกซนของมันสอดเข้ามาซุกซนหยอกล้อกับลิ้นของผม  มืออีกข้างมันก็มาเขี่ยที่ยอดอกผมอย่างช่ำชอง

                “อืม!!!!”  เสียงมันครางในลำคออย่างพอใจ  มันแยกขาทั้งสองข้างของผมด้วยท่อนขาแก่งทั้งสองข้างของมันจนขาทั้งสองข้างของผมมันโผล่พ้นเหนือน้ำมาพาดที่ขอบอ่างแทน

                “ไหนบอกจะอาบน้ำไง”  ผมผละใบหน้าออกมาพูดกับมัน

                “ก็เอาก่อนอาบไง”  มาว่าแล้วก็ก้มลงมาจูบผมอย่างหนักหน่วงราวกับว่าอดอยากมานานแสนนาน  มันเอามือทั้งสองข้างมาสอดไปที่หลังผมแล้วก็กอดเอาไว้  ส่วนแก่นกลางลำตัวของมันก็ถูไถที่ช่องทางของผม  มันหยอกล้ออยู่อย่างนั้นจนได้ที่แล้วไอ้สกายก็ค่อยๆพามันเข้าไปสัมผัสกับข้างในผมทีละนิดๆ

                “อ๊ะ!!..เบาๆเจ็บ”  ผมบอกมันเสียงเบาขณะที่มือทั้งสองข้างของผมจับที่ขอบอ่างไว้แน่น

                “อีกนิดเดียวนะที่รัก”  ผมรู้สึกสะดุดเล็กน้อยกับคำที่มันพูดเมื่อซักครู่มันรู้สึกดีมากๆ  ไม่นึกเลยว่าผมจะได้ยินมัน  ความเจ็บทั้งหลายมันหายไปในพริบตาเลยทีเดียว

                “อ๊ะ..สะ....สกาย...ซี๊ดส์!!!”  ผมรู้สึกเหมือนตัวผมเต็มไปด้วยความสุขสมที่สุดเท่าที่เคยมีอะไรกับมันมา  และนี่เป็นครั้งแรกที่เรามีอะไรกันในอ่างอาบน้ำซึ่งมันก็รู้แปลกดีเหมือนกัน

                “ชอบไหม...ฮึ”  มันพูดเสียงกระเส่าข้างๆหูผม  มันขยับช่วงล่างของมันรัวไม่เป็นจังหวะจนน้ำในอ่างเริ่มกระเพื่อมและกระเด็นไปทั่ว  เป็นการอบาน้ำที่แปลกไปอีก

                “ชะ...ชอบ”  ผมบอกมันเสียงกระเส่า  เราจ้องตากันด้วยความรู้สึกที่มันอธิบายไม่ถูกมันรู้สึกดีจนไม่อาจจะละสายตาไปจากกันได้

                “ซี๊ดส์!!!!”  มันส่งเสียงครางออกมาทุกครั้งที่ร่างกายผมตอดรัดมันแน่นกว่าปกติ  บ่งบอกได้ว่ามันคงมีความสุขกับร่างกายผมเหลือเกิน   เหมือนฝันที่ผมได้มีอะไรกับมันและเป็นฝันดีที่สุดในชีวิตก็ว่าได้

                “ระ...เร็วกว่านี้อีก...อ๊ะๆๆ”  ผมร้องออกมาเพราะรู้สึกว่าตัวเองใกล้จะปลดปล่อยมันออกมาแล้ว

                “กะ...ใกล้ออกแล้วววว”  มันร้องเสียงดังพร้อมกับเงยหน้าขึ้นด้วยความเสียวซ่าน  ส่วนเอวมันก็ขยับรัวจนไม่เป็นจังหวะ

                “อ๊ะ...อ้าส์!!!!”  เราร้องพร้อมกันเสียงดังก้องไปทั่วทั้งห้องอาบน้ำ  ผมรู้สึกได้ถึงน้ำอุ่นๆในช่องทางของผมมันวนเวียนในนั้นเพราะไอ้คนที่นอนทับตัวผมมันยังไม่ถอนตัวออก

                เสียงหายใจหอบของมันข้างๆหูผม  รู้สึกได้ว่ามันเหนื่อยพอสมควรก็ใช่น่ะสิมีแรงเท่าไรก็ใส่มาหมดจนตัวผมแทบจะแตกเป็นเสี่ยงๆเสียให้ได้

                “ลุก”  ผมบอกพร้อมกับผลักไปที่อกแกร่งของมันแต่คนอย่างผมหรือจะมีแรงไปผลักมันออกได้  มันยิ่งกอดผมแน่นขึ้นแล้วยกตัวผมขึ้นจากที่นอนอยู่เป็นนั่งบนตักมันในอ่างอาบน้ำ

                “ดีไหม”  มันถามผม

                “อื้ม”  ผมได้แต่ตอบรับสั้นๆไปพูดมากไม่ได้ก็มันอายอ่ะครับ

                “กูมีความสุขจัง  กูขอโทษนะที่เคยเกลียดมึง  เกลียดตัวตนของมึง”  มันพูดขณะที่เราทั้งสองกอดกันแน่น  มันพูดอย่างนี้แสดงว่าตอนนี้มันไม่ได้เกลียดผมแล้วใช่ไหมครับ เย้! ในที่สุดผมก็ทำได้แล้ว

                “กูก็มีความสุข  แค่มึงมีความสุขก็พอแล้วอย่างอื่นลืมมันไปซะ”  ผมบอกมัน

                “อีกเจ็ดวันกูมีอะไรจะบอก”  มันจะบอกอะไรผมกันแน่เริ่มอยากรู้เหมือนกัน  ไม่เป็นไรเอาเป็นว่าอีกเจ็ดวันผมก็จะบอกความจริงกับมันเหมือนกันผมตัดสินใจแล้ว

                “อีกเจ็ดวันกูก็มีอะไรจะบอกเหมือนกัน”  ผมบอกมันบ้าง

                “กูจะรอ”  มันว่า

                “กูก็จะรอเหมือนกัน”   ผมพูดแล้วก็ผละจากอ้อมกอดของมันแล้ววิดน้ำในอ่างไปที่ตัวมัน

                “จะเล่นใช่มั้ยยย ฮึ”  มันว่าแล้วก็วิดน้ำใส่ผมบ้างจนหัวเปียกไปหมด

                “ไอ้สกายบ้า นี่แหนะ”  ผมเอาคืนบ้างเราเล่นกันไปมาจนน้ำกระเด็นไปทั่วห้อง

                หลังจากเล่นกันไปมาความเป็นชายของไอ้สกายมันก็ลุกขึ้นมาอีกครั้ง  จนผมต้องสนองมันไปอีกจนกว่ามันจะพอใจ  หวังว่าคืนนี้มันจะปล่อยให้ผมได้มีเวลาพักผ่อนเอาแรงบ้างนะครับ


ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
เลยอีก 7 วัน ต่อจากนั้นจะเป็นไงต่อนะ  :m28:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด