❤️กลรักลวงใจ❤️ตอนที่ 25 END(มี E-Book วางขายแล้วนะครับ)✅ Update! 17-12-2017
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ❤️กลรักลวงใจ❤️ตอนที่ 25 END(มี E-Book วางขายแล้วนะครับ)✅ Update! 17-12-2017  (อ่าน 23322 ครั้ง)

ออฟไลน์ azaki

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 52
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-1


กลรักลวงใจ

ตอนที่ 13  วันเกิดที่แสนเจ็บปวด

-Pangpond Part-

ตอนเช้าที่ห้องเรียน

                เช้านี้ผมเดินเข้ามาที่ห้องเรียนก็พบว่ามีสิ่งผิดปกติวางอยู่บนโต๊ะ  มันคือดอกกุหลาบสีแดงช่อใหญ่ที่ถูกจัดเป็นช่ออย่างสวยงาม  ผมวางกระเป๋านักเรียนไว้ที่เก้าอี้  แล้วหันไปถามเพื่อนๆที่อยู่ในห้องก่อนหน้าที่ผมจะเข้ามา

                “เมย์! รู้ไหมใครเอาช่อดอกกุหลาบมาวางไว้ที่โต๊ะเรา”

“ไม่รู้อ่ะเราเข้ามาก็เห็นมันวางอยู่แล้ว”

 เมย์ส่ายหน้าตอบกลับมา  ผมยืนคิดซักพักก็เริ่มมั่นใจว่าคนที่นำมาวางไว้น่าจะเป็นไอ้พี่ตี๋อย่างแน่นอน  ว่าแต่ไอ้ตองวันนี้ทำไมมาช้าจังเนี่ย  ผมมองหามันแล้วพลางกดโทรไปหาพี่ตี๋ไปด้วย

                “ฮัลลลโหลลลล ว่าไงครับน้องปอนด์ของพี่ตี๋”  เค้าตอบกลับมาเสียงยานจนน่าหมั่นไส้

                “พี่ตี๋อยู่ไหนเนี่ย”

                “อยู่ในใจน้องปอนด์ไงครับไม่รู้สึกเลยรึไงคร้าบบบ”  แน่ะยังจะมาเล่นอีก  คนจะถามเป็นการเป็นงาน

                “พอเลยๆจะอ๊วก  พี่ตี๋เอาช่อกุหลาบมาวางไว้บนโต๊ะผมใช่ไหม?”

                “เฮ้ย! ป่าวนะครับ  พี่ยังไม่ถึงโรงเรียนเลยเนี่ย”

                หืม!! แล้วใครกันเนี่ยเอามาวางไว้ผมเริ่มรู้สึกว่าตัวเองฮอตแล้วล่ะสิ  ถ้าไม่ใช่พี่ตี๋ก็แสดงว่ามีอีกคนที่เค้าสนใจในตัวผมอีกงั้นหรอ  ใครกัน? คิดยังไงก็คิดไม่ออกเลยแต่ก็ช่างเถอะถือว่าเป็นเรื่องดีๆก็แล้วกัน  ผมมองช่อดอกกุหลาบอีกครั้งก็พบว่ามีการ์ดใบเล็กๆติดมาด้วย

                ‘ดอกไม้สวยๆสำหรับคนน่ารักครับ’

                ผมมองการ์ดแล้วทำหน้าคิดคิ้วขมวดจนลืมไปว่ากำลังคุยสายกับพี่ตี๋อยู่

                “น้องปอนด์คร้าบบบบบ อยู่ไหม”  เสียงเข้มตะโกนดังผ่านสายทำให้ผมหลุดจากภวังค์

                “จะตะโกนทำไมพี่ตี๋”

                “ก็น้องปอนด์เงียบไปพี่ใจคอไม่ดี  กลัวว่าจะคิดถึงไอ้เจ้าของดอกไม้ช่อนั้น มันเป็นใคร?”

                “ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน  กำลังคิดอยู่ว่าเป็นใคร”

                “จะใครก็ช่างเอาช่อดอกไม้นั่นทิ้งไปซะ”

                “จะบ้าหรอพี่คนให้เค้าจะเสียใจนะ  มันสวยออกผมชอบ”

                “ถ้าน้องปอนด์ชอบพี่จะซื้อให้ทุกวันเลย  แต่เอาของไอ้นั่นทิ้งไปซะพี่ไม่ชอบ”

                พี่เป็นใครบังอาจมาสั่งผม ฮ่าๆ ไม่มีทางครับดอกไม้ออกจะสวยขนาดนี้ผมจะเก็บมันไว้เอาไปใส่แจกันที่บ้าน

                “ไม่เอาผมจะเก็บไว้แค่นี้นะครับ”  ผมกดวางสายแล้วก็เอาช่อดอกกุหลาบไปวางไว้ที่โต๊ะหลังห้อง  หลังจากนั้นก็นั่งจัดหนังสือเรียนเพื่อเตรียมสำหรับคาบแรกของวัน

                “ไหนช่อดอกไม้นั่น”  ไม่ใช่เสียงใครครับเป็นเสียงของพี่ตี๋ที่กำลังเดินดุ่มๆเข้ามาในห้องพร้อมกับไอ้ตอง

                “ทำไมอ่ะ”

                “พี่จะเอามันไปทิ้ง”

                “จะบ้าหรอพี่ตี๋  ปอนด์จะเอากลับบ้าน”

                “จะเอากลับทำไมของใครก็ไม่รู้อ่ะ”  พี่ตี๋มองไปรอบๆห้องแล้วก็หยุดตรงที่ช่อดอกไม้  แล้วก็เดินตรงไปทันที  เค้าหยิบมันมาแล้วเอาไปทิ้งที่ถังขยะหลังห้องแล้วเดินกลับมาหาผม

                “เดี๋ยวตอนเย็นพี่ซื้อให้ใหม่  เอาช่อใหญ่กว่านี้อีก”

                “ไม่ต้องซื้อมา ผมไม่เอาเชิญพี่ตี๋ซื้อให้พี่เชอร์รี่เถอะครับ  แล้วก็ออกไปจากห้องนี้ซะ...ตอนนี้เลย”  ผมชี้ไปที่ประตูห้องด้วยอารมณ์โมโห  ก็ผมบอกว่าจะเก็บไว้แล้วยังเอาไปทิ้งอีกเรื่องแค่นี้ก็ทำให้มันเป็นเรื่องใหญ่

                “ทำไมล่ะไม่ชอบดอกไม้พี่หรอครับ”

                “แค่นี้พี่ก็ไม่เข้าใจผม  ไม่เข้าใจสิ่งที่ผมต้องการแล้วต่อไปเราจะเข้าใจกันได้ยังไง”

                “พี่...ขอโทษ”

                “ช่างมันเถอะพี่กลับไปตอนนี้เลยครับ”

                เห็นพี่มันทำหน้าหงอยคงจะเสียใจที่ผมไล่ออกไปจากห้อง  แค่นี้พี่แกยังไม่ฟังผมเลยต่อไปถ้าเป็นแฟนกันจะไม่ยิ่งกว่านี้อีกหรอ  แค่ดอกไม้ที่ยังไม่รู้ว่าใครด้วยซ้ำเอามาให้ยังหวงก้างขนาดนี้  ต่อไปสงสัยผมคงกระดุกกระดิกตัวไม่ได้อย่างแน่นอน

                “ก็ได้ครับ...เดี๋ยวพี่จะมาใหม่”  ว่าแล้วพี่ตี๋ก็เดินคอตกออกจากห้องมีเพียงตองที่ตบไหล่พี่ชายเชิงปลอบใจ

                “แกกำราบพี่ชายฉันซะอยู่หมัดเลย”

                “สมน้ำหน้าไม่มีเหตุผลดีนัก”

                “แกอย่าโกรธพี่ตี๋เลยนะเค้าก็แค่หวงแกอ่ะ  ไม่อยากให้ใครมาจีบแกไง”

                ผมพอเข้าใจครับว่าทำไมแกถึงเป็นแบบนั้น  แต่ก็ฟังเหตุผลกันบ้างผมบอกว่าผมจะเก็บไว้ก็คือเก็บมันไว้อย่างน้อยคนที่เป็นเจ้าของดอกไม้จะได้ไม่เสียใจ  ถึงแม้ไม่รู้ว่าเค้าจะเป็นใครผมบอกคำไหนก็ต้องคำนั้นครับถ้าคิดจะจีบผม เผด็จการไหมล่ะครับ ฮ่าๆ

                “ไม่โกรธหรอกแต่ต้องกำราบกันบ้าง”

                “อย่างนี้ล่ะฉันถึงเชียร์แกต้องอย่างนี้สิพี่สะใภ้ฉัน”

                ตองมันยิ้มอย่างพอใจแล้วก็เดินไปเก็บของที่โต๊ะซึ่งอยู่ข้างๆผม

                “เอ้อ! ตองพรุ่งนี้ไปงานวันเกิดพี่ปอมไหม  ที่บ้านจะจัดงานวันเกิดให้พี่ปอมอ่ะ”

                “ไปๆ  เราอยากไปบ้านปอนด์อ่ะ  เดี๋ยวเย็นนี้เราไปซื้อของขวัญให้พี่ปอมกัน”

                “อื้ม”  ผมตอบรับมัน

                “ว่าแต่แกชวนใครบ้างอ่ะ  พี่ตี๋  พี่สกายล่ะ ชวนยัง?”

                “ว่าจะชวนอยู่แต่เกิดเรื่องเมื่อครู่ซะก่อนแกเป็นคนไปชวนละกัน”

                “โอเคจ้าเดี๋ยวฉันชวนเอง”

                ว่าแล้วไอ้ตองมันก็โทรหาพี่ตี๋ทันที

*-*-*-*-*



-Pom part-

@คอนโดสกาย

                “พรุ่งนี้กูมาได้ค่ำๆนะ”  ผมบอกไอ้สกายที่ตอนนี้มันกำลังนั่งดูบอลอย่างตั้งใจ

                “ทำไมมาค่ำอ่ะ”

                “กูมีธุระ  ก็ดีกว่าไม่มาไม่ใช่หรอพรุ่งนี้วันสุดท้ายยังไงกูก็ต้องมา”

                “อืม  มานั่งนี่ดิ๊”

                ไอ้สกายมันว่าแล้วก็ตบที่หน้าขาของตัวเองเชิงเป็นคำสั่งให้ผมไปนั่งที่ตักของมัน

                “ไม่อ่ะที่นั่งมีออกเยอะแยะ”

                “จะมาดีๆไหม”  มันมองหน้าผมแบบจริงจัง

                ผมเห็นสายตามันก็ต้องยอมใจอ่อนเดินไปนั่งลงเบาๆที่ตักของมัน  ดีตรงที่ผมตัวเล็กกว่ามันพอสมควรทำให้ผมนั่งได้อย่างสบายตัวไม่ดูเทอะทะจนเกินไป

                “มึงนี่เบาจังนะวันหลังหัดแดกข้าวเยอะๆมั่ง”  มันว่าแล้วเอามือมาสอดที่ข้างเอวผมทั้งสองข้างแล้วกอดผมจนแน่น  ผมก็เอนหลังบนอกหนาแล้วก็เอนหัวไปที่บ่าข้างซ้ายของมัน

                “พรุ่งนี้แล้วสินะวันสุดท้าย  คืนนี้มึงนอนที่นี่ไม่ได้หรอ”

                “กูก็อยากจะนอนนะแต่กูต้องกลับบ้าน”

                “ไหนบอกว่าพี่สาวมึงนานๆจะกลับ  ไม่มีใครอยู่ไม่ใช่หรือ”  มันยังจำได้อีกเนาะ

                “แต่วันนี้พี่กูมาอ่ะ กูอยู่ไม่ได้จริงๆ”

                “เออ ช่างมึงกูอยู่คนเดียวได้”  มันว่าด้วยน้ำเสียงงอนๆ  เอาแต่ใจจริงๆไอ้นี่

                “พรุ่งนี้มันจะเป็นยังไงวะ....เรื่องของเรา”

                “แล้วมึงว่าจะเป็นยังไง”  มันถามผมกลับ

                ผมเงยหน้าไปมองหน้ามัน   เราจ้องตากันซักพักมันก็โน้มใบหน้าหล่อๆของมันมาประกบจูบผมอย่างเบาๆ  ผมเคลิ้มไปกับรสจูบที่มันหวานซะจนผมไม่อยากจะหยุดมันเลย  มันสอดลิ้นเข้ามาวนเวียนในโพรงปากของผม  ลิ้นของเราหยอกล้อเล่นกันจนพอใจแล้วมันก็ผละออก

                “พรุ่งนี้เดี๋ยวมึงก็รู้ว่าจะเป็นยังไง”

                “กูจะรอฟัง”

                “กูหิวข้าวอ่ะ”  มันว่าหลังจากที่เราคุยกันได้ซักพัก

                “อื้ม เดี๋ยวกูทำให้กิน”

                “แล้วมึงอยากกินอะไรอ่ะ”

                “เอาข้าวไข่เจียวพอ”

                “รอแป๊บ”

                ว่าแล้วผมก็รีบเดินไปที่ครัวทำการหุงข้าวเป็นอันดับแรก  แล้วเดินไปเปิดตู้เย็นนำไข่สองใบมาตีใส่ถ้วยแล้วก็ปรุงรส  ตั้งกระทะจนน้ำมันเดือดก็เอากระเทียมที่สับไว้ลงตามด้วยไข่ลงไปจนเกิดเสียงดังพร้อมกับกลิ่นที่หอมจากกระเทียมเจียวคลุ้งไปทั่วทั้งห้อง

                “มาแล้ว! ข้าวไข่เจียวสูตรเชฟปอม”  ผมวางจานข้าวไข่เจียวที่เพิ่งจะทำเสร็จใหม่ๆลงบนโต๊ะ  มันมองมาที่ผมแล้วก็ยิ้มให้

                “เร็วดีจังว่ะ”  มันละสายตาจากหน้าจอทีวีแล้วก็หันมาสนใจจานข้าวไข่เจียวแทน

                “กินสิกำลังร้อนๆเลย”

                “ป้อนกูหน่อยดิ”  หืม! จะบ้าไปแล้วหรือไอ้สกายมึงทำไมอ้อนกูแบบนี้  ท่าทางมันยังกะเด็กเลยครับ

                “ไม่อาวว  มึงมีมือมีตีนก็กินเองดิวะ”  ผมปฏิเสธเสียงแข็ง

                “แค่นี้มึงทำให้กูไม่ได้หรอ  กูให้โอกาสมึงแล้วนะป้อนกูหน่อย อ้า”  มันว่าแล้วก็อ้าปากรอผมป้อนมัน  ถ้าไม่ป้อนก็จะใจร้ายไปหน่อยไหมครับเด็กอุตส่าห์อ้อนซะขนาดนั้น ฮ่าๆ

                “เคๆ ป้อนก็ป้อน”  ผมว่าแล้วก็ใช้ช้อนส้อมตักข้าวพร้อมกับไข่พอดีคำ  เนื่องจากไข่เขียวที่มันร้อนๆอยู่ผมจึงเป่ามันให้หายร้อนก่อนที่จะป้อนมัน

                “อะ...อ้ามมม”  ผมป้อนมันพร้อมกับทำเสียงเหมือนกำลังป้อนข้าวเด็กซะอย่างนั้นมันก็กินแล้วเคี้ยวอย่างอร่อย

                “มึงดูแลกูได้เหมือนที่แม่กูทำให้ตั้งแต่เด็กเลยรู้ไหม  ตอนเด็กๆแม่กูก็ป้อนข้าวไข่เจียวแล้วก็เป่าให้อย่างนี้ล่ะ  ขอบใจนะที่มาเติมเต็มสิ่งที่แม่กูเคยให้  ทำให้กูรู้สึกว่ามันไม่ได้ขาดอะไรเลยแค่มีมึง”  สงสัยผมจะวางยาเสน่ห์ใส่ข้าวไว้มั้งทำให้มันพูดซะยาวและซึ้งขนาดนี้  ผมรู้สึกได้ว่ามันจะรักแม่ของมันมากๆเลย

                “กูทำให้มึงได้ทุกอย่างที่มึงต้องการ  ขอแค่มึงไม่เกลียดกูก็พอใจแล้ว”  ผมบอกมันแล้วก็ป้อนข้าวมันไปเรื่อยๆ  มันก็นั่งรอกินอย่างใจจดใจจ่อ  พออิ่มแล้วผมก็เอาจานไปเก็บแล้วมานั่งหน้าสลอนมองมันต่อ

                “กูกลับก่อนนะ” ผมว่าแล้วก็ลุกขึ้นยืนแล้วสะพายกระเป๋าที่วางไว้บนโซฟา  มันไม่ว่าอะไรก็แค่พยักหน้าเชิงรับรู้แล้วก็นั่งดูบอลต่อ  ผมจะเดินมาถึงหน้าประตูอยู่แล้วแต่มันกลับเรียกผมซะงั้น

“ปอม”

                “ว่าไง”  ผมหัวหน้ากลับไปเพื่อรอฟังว่ามันจะพูดอะไรต่อ

                “กู....ไม่ได้เกลียดมึงแล้วนะ”

เรายิ้มให้กันแล้วผมก็เดินออกมาด้วยหัวใจที่มันพองโต เลือดมันไหลเวียนดีแท้นี่สินะเขาเรียกว่าคนมันกำลังมีความรักมันดีอย่างนี้นี่เอง

*-*-*-*-*-*



                และแล้วก็ถึงวันนี้ครับ  ‘วันเกิดผม’  ผมตื่นตั้งแต่เช้ามาใส่บาตรพร้อมกับครอบครัวโชคดีที่วันนี้ตรงกับวันหยุดทำให้มีเวลาอยู่กับครอบครัวในวันพิเศษอย่างนี้  วันนี้ทั้งวันผมก็ขลุกอยู่ที่ร้านขายขนมช่วยแม่  ไม่รู้ทำไมวันนี้ลูกค้าเข้าร้านเยอะมากเลยทำให้กลับบ้านค่ำกว่าปกติ ส่วนคนอื่นๆก็ช่วยจัดเตรียมงานอยู่ที่บ้าน

                “แม่ครับทำไมบ้านเรามันมืดอย่างนี้”  ผมถือของพะรุงพะรังเข้ามาในบ้าน  เมื่อเห็นว่าในบ้านปิดไฟมืดไม่รู้ว่าทั้งเจ้ปิ่นและปังปอนด์ไปไหนกัน

                “อ้าว!  แล้วเตรียมงานกันเสร็จแล้วรึยังละเนี่ย”

                “หรือว่านอนกันแล้ว  ลืมไปแล้วหรอว่าวันนี้ต้องเตรียมงานวันเกิดผม”  ผมวางของลงแล้วก็เปิดประตูเข้าไป

                Happy Birth Day To You…..

                เสียงเพลงดังขึ้นพร้อมกันนั้นเจ้ปิ่นก็ถือเค้กก้อนโตเดินออกมา  แสงเทียนบนเค้กพอจะทำให้รู้ว่ามีใครบ้างที่อยู่ตรงนั้น  ผมเดินเข้าไปหาเจปิ่นแล้วก็ยืนยิ้มอยู่อย่างนั้น

                “สุขสันต์วันเกิดน้องรัก”

                ผมหลับตาอธิษฐานแล้วก็เป่าเค้กทันที

                แปะๆๆ ปังๆๆ!!

                เสียงทุกคนปรบมือพร้อมกับเสียงพลุดึงดังขึ้น  พร้อมกันนั้นไฟก็ถูกเปิดขึ้นมาจนสว่าง มองไปก็เห็นหน้าคนคุ้นเคยยืนยิ้มให้ผมกันทุกคนไม่ว่าจะเป็น  เจ้ปิ่น  ปังปอนด์ ไอ้เอิ้น โป้ง และแม่ที่ยืนอยู่ข้างๆ  ที่แปลกตาก็คือมีตองและไอ้ตี๋อีกด้วย  แต่เอ๊ะผมไม่ได้ชวนสองคนนั้นนี่นา  หลังจากนั้นทุกคนก็อวยพรวันเกิดให้ผม

                เจ้ปิ่น  :  มีความสุขมากๆนะน้องรัก สอบติดคณะที่ตัวเองชอบนะ

                ปังปอนด์  :  ขอให้พี่ปอมมีความสุขมากๆนะครับ รักมากก

                ตอง  :  พี่ปอมมีความสุขมากๆนะค่ะ  สุขภาพแข็งแรง

                โป้ง  :  สุขสันต์วันเกิดนะปอม มีความสุขมากๆนะ

                เอิ้น  :  ไม่มีอะไรจะบอกนอกจากรักแกมากก ไอ้ปอม

                ตี๋  :  มีความสุขมากๆนะปอม

                แม่ :  สุขสันต์วันเกิดนะลูกขอให้มีความสุขมากๆ เป็นเด็กดีของแม่นะจ๊ะลูกรัก

                ผมยืนรับคำอวยพรจากทุกคนพร้อมกับของขวัญที่ได้รับจนเต็มโต๊ะ  หลังจากนั้นก็ตัดเค้กกินกันพร้อมกับอาหารที่ถูกจัดเตรียมไว้จนเต็มโต๊ะ

                “โทษทีนะตี๋ที่เราไม่ได้ชวนด้วยตัวเองอ่ะ”  ผมบอกไอ้ตี๋เมื่อเริ่มงานปาร์ตี้กันแล้ว

                “ไม่เป็นไรเมื่อวานตองมันบอกว่าวันนี้จะมาเซอไพรซ์งานวันเกิดปอมเลยชวนไอ้สกายมาด้วย”  นี่ล่ะครับสาเหตุที่ผมไม่ได้ชวนไอ้ตี๋เพราะรู้ว่ามันต้องชวนไอ้สกายมาแน่ๆและความลับของผมจะต้องแตกอย่างแน่นอน

                “ละ...แล้วไอ้สกายล่ะ มันมาไหม?”  ผมถามมันด้วยหัวใจตุ้มๆต่อมๆ  กลัวว่ามันจะมาน่ะสิครับ

                “มันจะตามมามันบอกว่าจะไปเอาของขวัญวันเกิดให้ปอมอ่ะ  เราเลยแชร์โลเคชันที่อยู่บ้านปอมให้มันแล้ว”  ไอ้ตี๋มันบอกผมเริ่มใจคอไม่ดีเลยครับ  มันเงียบเลยทั้งวันไม่โทรไม่ส่งไลน์มาหาผมเลย

                “นั่นไง มาแล้ว!”  ไอ้ตี๋ชี้ไปที่ไอ้สกายที่กำลังเดินถือตุ๊กตาหมีตัวใหญ่มา

                “สะ..สกาย”  ผมเอ่ยชื่อมันออกมาอย่างสั่นๆ วันนี้ผมสัญญาว่าจะไปหามันโดยที่ไม่ได้บอกมันว่าเป็นวันเกิดผมโกหกมันอีกแล้ว  มันเดินเข้ามาใกล้ๆผมแล้วก็ยื่นตุ๊กตาหมีให้

                “สุขสันต์วันเกิดนะ”  มันว่าแล้วยิ้มให้

                “ขอบใจนะ”  ผมยิ้มเจื่อนๆแล้วมองมันที่กำลังยิ้มมาให้ผม  มันไม่โกรธผมหรือนี่ที่โกหกมันเรื่องวันนี้

                “อ้าว! นี่เพื่อนลูกหรือปอม”  แม่ผมเดินมาหาแล้วยิ้มให้ไอ้สกาย

                “แม่.....”  ไอ้สกายมันเปล่งเสียงเบาๆออกมาแล้วยกมือไหว้  พร้อมกันนั้นใบหน้ามันตรึงเครียดขึ้นผิดจากเมื่อสักครู่ ผมรู้สึกได้ว่าความซวยจะมาเยือนผมแล้วล่ะสิครับ

                “ใช่จ้า...แม่ที่คลอดปอมออกมาจากท้องเลยนี่ล่ะจ้า”  แม่ผมทิ้งระเบิดลูกใหญ่ไว้ให้ผมก่อนที่จะเดินออกไปจากวงสนทนาของพวกเรา

                “คือกูอะ.....”  ผมพยายามจะพูดกับไอ้สกายแต่มันก็พูดขัดผมทันที

                “ไม่ต้องพูดแล้ว  มึงโกหกกูตั้งแต่แรกไอ้เหี้ย”  มันว่าแล้วก็รีบเดินออกไปข้างนอกทันที

                ผมฝากตุ๊กตาหมีให้ไอ้ตี๋มันกอดไว้แทนแล้วรีบวิ่งออกมาหาไอ้สกายเพื่ออธิบายให้มันได้เข้าใจ

                “สกายฟังกูก่อน”  ผมตะโกนตามหลังมันแล้วรีบวิ่งตามไป  มันยังเงียบผมกอดมันจากด้านหลังแล้วกอดมันไว้อย่างนั้น

                “ปล่อย!...กูขยะแขยงมึงเต็มทนแล้ว”  มันพยายามแกะมือผมออก

                “สกายกูขอโทษมึงฟังกูอธิบายก่อนนะ ฮึก!”  ผมพูดไปร้องไห้ไปด้วย

                “กูจะไม่ฟังคำพูดโกหกของมึงอีกแล้ว”

                “นี่ไงสิ่งที่กูจะสารภาพกับมึงวันนี้  กูยอมรับว่าตั้งใจมาหลอกมึงแต่ทุกอย่างที่กูทำให้มึง  กูทำด้วยใจไม่ได้เป็นเรื่องโกหกเลย”

                “มึงเอาปมเรื่องครอบครัวมาหลอกกูให้กูสงสาร  กูสงสารแม่มึงว่ะถูกลูกตัวเองแช่งว่าตายแล้วทั้งๆที่อยู่ด้วยกันทุกวัน”  มันว่าให้ผมอย่างเจ็บแสบแต่ก็นั่นล่ะครับผมสมควรโดนมันว่า  ผมยอมรับผิด

                “กูไม่ได้ตั้งใจนะ ฮึก ฮือๆ  กูรักมึงได้ยินไหมว่ากูรักมึง ฮือๆๆ”  ผมกอดมันแล้วพูดอยู่อย่างนั้น

                “แต่กูเกลียดมึง!”  มันสลัดตัวผมออกจนผมล้มลงกับพื้น  มันไม่แม้แต่จะหันหน้ามามองผมก่อนที่จะขับรถออกไป

                “สกาย กูรักมึง ฮือๆๆ” ผมนั่งร้องไห้คนเดียวอยู่อย่างนั้น  ทำไมวันเกิดครบรอบสิบแปดปีของผมมันช่างเป็นวันที่รู้สึกเจ็บปวดมากที่สุดในชีวิต


TBC......

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
พระศุกร์เข้า พระเสาร์แทรก ทำบุญด่วน หลานปอม

ออฟไลน์ azaki

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 52
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-1
กลรักลวงใจ

ตอนที่ 14  ปิดประตูหัวใจ



@ร้านกาแฟนมสดแห่งหนึ่ง

          “ปอมมึงโอเคไหม”  เอิ้นมันเอ่ยกับผมขณะที่เราทั้งคู่กำลังนั่งอยู่ในร้านกาแฟนมสดละแวกบ้าน

          “กูโคตรเสียใจเลยว่ะ  มันจบแล้ว”  ผมว่าพลางใช้หลอดกวนนมสดปั่นในแก้วเล่นอย่างไร้อารมณ์

          “มึงอย่าคิดมากสิวะลองไปง้อมันดูอีกที  มันอาจจะใจอ่อนลงก็ได้นะ”

          “มึงคิดว่ามันจะยอมยกโทษให้กูเหรอวะ”

          “ไม่ลองก็ไม่รู้ปะวะ  เพื่อนกูทำได้อยู่แล้ว”  ผมได้แต่พยักหน้ารับคำแนะนำของมัน  และในใจตอนนี้ก็คิดว่าจะลองทำตามที่มันบอกดูเผื่อว่าอะไรมันจะดีขึ้น

          “เดี๋ยววันจันทร์กูจะลองไปคุยกับมันดูอีกที”

          “กูเอาใจช่วย”  เอิ้นมันว่าแล้วก็มาตบบ่าผมเบาๆเชิงปลอบใจ

          “ขอบใจมึงมากนะ  ถ้าไม่มีมึงอยู่เป็นเพื่อน  กูคงไม่รู้จะทำยังไงต่อไปดี”

          “กูเต็มใจ  บอกแล้วไงว่าสาววายอย่างกูยอมทำได้ทุกอย่างเพื่อให้ผู้ชายได้กัน”

          “เออ เราต้องสอบเข้าคณะอักษรให้ได้ด้วยกันนะเว้ย  เราจะได้ไปเรียนด้วยกันอีก”  ผมบอกมัน

          “เออ กูจะพยายาม”

          พอได้คุยกับไอ้เอิ้นมันก็ทำให้ผมคลายเครียดลงไปเยอะเลย พวกเรานั่งอยู่ในร้านกันเกือบสองชั่วโมงแล้วก็แยกย้ายกันกลับบ้าน

@บ้านของปอม

          เมื่อผมมาถึงบ้านก็ลองส่งไลน์ไปหาไอ้สกาย  เพราะอยากจะลองดูว่าพอจะยังมีโอกาสได้คุยกับมันอีกครั้งไหม

          ‘สกายกูขอโทษนะ  กูอยากคุยกับมึงให้กูไปหามึงได้ไหม’

          มันอ่านข้อความผมแต่ไม่ตอบ  ผมเลยส่งมันไปอีกครั้ง

          ‘ถ้ามึงไม่ตอบกูก็จะไม่ไป  กูเข้าใจ”

          มันไม่ตอบกลับมาจริงๆ ผมได้แต่ทำใจแล้วก็ปิดไฟนอนเอามือก่ายหน้าผากและคิดในใจว่าพรุ่งนี้ผมต้องหาทางคุยกับมันให้ได้  พรุ่งนี้ถ้าผมไม่มีโอกาสได้คุยกับมันอีกผมจะไปตามทางของผม  เรื่องของเรามันจะได้จบสักที

@โรงเรียน

          “ปอม! ทางนี้”  ตี๋มันยืนทักผมอยู่ไม่ไกลนักผมจึงเดินไปหามัน

          “ว่าไงตี๋มีอะไรรึเปล่า”  ผมตอบมันด้วยท่าทีหมดเรี่ยวแรงเพราะนอนไม่หลับทั้งคืน  มัวคิดแต่เรื่องของมัน

          “ปอมโอเคไหม  ดูท่าทางไม่ค่อยดีเลย”

          “ก็ไม่ค่อยโอเคซักเท่าไรว่าแต่...ไอ้สกายเป็นไงบ้าง” ผมถามหาไอ้สกายเพราะคิดว่ามันคงจะไม่ต่างจากผมซักเท่าไร  มันคงผิดหวังในตัวผมมาก

          “ไอ้สกายน่ะเหรอมันก็...โอเคนะ”  ตี๋มันตอบด้วยท่าทีมีพิรุธ  เหมือนมีอะไรปิดบังผมอยู่

          “ตี๋มีอะไรปิดบังเราอยู่รึเปล่า”  ผมถามมัน

          “ปะ...เปล่า”  มันรีบปฏิเสธจนน่าสงสัย

          “ไม่มีอะไรก็ดีแล้ว  เราขอตัวก่อน”  ผมบอกมันแล้วก็เดินไปทันที

          “เดี๋ยว!”

          ผมหันกลับไปมองยังต้นเสียงมันคือเสียงของแป้งที่กำลังเดินมาพร้อมกับไอ้สกาย  ในที่สุดผมก็เจอมันไอ้สกายแต่ที่มันทำให้ผมงงก็คือแป้งกำลังเดินควงแขนมันมา  ผมเห็นแล้วก็รู้สึกใจคอไม่ดีเลย

          “มีอะไร”  ผมตอบกลับแป้งด้วยสายตาที่ไม่ค่อยเป็นมิตร  แน่นอนว่าไม่มีทางที่ผมกับแป้งจะพูดจากันดีๆได้แม้กระทั่งตอนนี้  ผมปรายตามองหน้าไอ้สกายที่ตอนนี้มันทำหน้าเฉยๆยืนให้แป้งควงแขนอย่างสบายอารมณ์

          “ฉันเปล่าย่ะ...แต่คนที่มีอะไรน่ะคือสกาย”  แป้งมันพูดกับผมด้วยจริตที่น่าตบมากเหลือเกิน

          ผมมองหน้าไอ้สกายที่ตอนนี้มันมองผมด้วยสายตาที่เกรี้ยวกราด  ต่างจากผมที่มองมันด้วยสายตาที่รู้สึกสำนึกผิด  หัวใจผมมันเต้นตึกๆ รู้สึกใจคอไม่ดีเลยกับสิ่งที่มันจะพูดกับผม

          “มึงมีอะไรจะพูดกับกู...สกาย”  ผมถามมันแล้วยืนรอ

          “จริงๆ แล้วกูก็ไม่ค่อยอยากจะพูดกับมึงซักเท่าไหร่  แต่ถ้ากูไม่พูดวันนี้แฟนกูคงไม่สบายใจ”

          แฟนอย่างนั้นเหรออย่าบอกนะว่า...

          “ต่อไปนี้มึงอย่ามายุ่งวุ่นวายกับกูอีก  เพราะตอนนี้กูกับแป้งเป็นแฟนกันแล้วแฟนกูไม่ชอบขี้หน้ามึง”

          เหมือนทุกอย่างบนโลกใบนี้มันหยุดเคลื่อนไหวมีแต่มันกับผมที่ยืนมองหน้ากันแล้วมันก็เอาปืนมายิงเข้าที่กลางใจผม  มันได้ฆ่าผมแล้วจากคำพูดของมันเมื่อสักครู่

          “ฟะ...แฟน  มึงไปเป็นแฟนกันตั้งแต่ตอนไหน  กูไม่เห็นรู้เรื่องเลย”  ผมพยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ให้มันไหลออกมาแล้วถามมันออกไป

          “ทำไมกูต้องบอกมึงทุกเรื่องด้วยล่ะ  มึงมันก็แค่ของเล่นที่กูเล่นจนเบื่อแล้ว  ต่อไปมึงไม่ต้องมาคอยตามกูอีก”  มันบอกผม

          “กู...ขอโทษกับทุกๆเรื่อง  กูเข้าใจแล้วต่อไปนี้กูจะไม่มาให้มึงเห็นหน้าอีก  กูผิดเองช่วงเวลาที่กูได้รู้จักมึงมันมีค่ากับกูมาก  แต่ในเมื่อมันเป็นความต้องการของมึงกูก็จะทำตาม  จะไม่มีคนชื่อสกายในความทรงจำของกูอีกต่อไป”  ผมพูดแล้วก็หันหน้าหนีทันทีเพราะน้ำตาที่ผมกลั้นเอาไว้มันค่อยๆไหลออกจากเบ้าตาของผมเป็นสาย

          ผมเดินออกจากตรงนั้นด้วยขาที่มันอ่อนแรงจนผมเซล้ม

          “ปอม! ไหวไหม”  เป็นไอ้ตี๋ที่มันรีบเดินเข้ามาพยุงผมให้ยืนขึ้น

          “ขอบใจ เราไหวตี๋”  ผมว่าแล้วก็รีบวิ่งออกไปจากตรงนั้นทันที  ผมไม่อายที่จะวิ่งไปร้องให้ไป  ภาพความทรงจำของผมช่วงที่มีความสุขกับมันฉายวนในหัวผมซ้ำๆ มันยิ่งทำให้น้ำตามันไหลไม่ยอมหยุดซักที

          “ปอม!  แกเป็นอะไร”  ผมเดินมาเจอเอิ้น ตองและปังปอนด์พอดี

          “ฮือๆ มึงกูเจ็บ”  ผมว่าแล้วก็โผเข้าไปกอดไอ้เอิ้นทันที

          “ใครทำอะไรมึง?”

          “ฮึก ไอ้สกายมันคบกับแป้งแล้ว”  ผมว่าพลางเช็ดน้ำตาไปด้วยเหมือนกับเด็กที่โดนแกล้งมาซะอย่างนั้น

          “ทำไมมันถึงได้คบกันปุปปับซะอย่างนั้น  แต่ก็ช่างมันเถอะถือว่ามันเลือกแล้วเรื่องของมึงกับมันจะได้จบลงซะที”  เอิ้นมันเตือนสติผม  มันก็จริงอย่างที่ไอ้เอิ้นพูดเรื่องของผมกับไอ้สกายมันคงจบแล้วจริงๆ

          “กูทำใจ้ไว้บ้างแล้วล่ะ  แต่ก็อดที่จะร้องไห้ไม่ได้ ฮึก”

          “พี่ปอมใจเย็นๆนะคะ  เดี๋ยวตองจะให้พี่ตี๋ลองคุยกับพี่สกายอีกทีนะคะ”

          “ไม่ต้องหรอกน้องตองพี่โอเคแล้ว  ปล่อยให้มันเป็นแบบนี้ล่ะดีแล้ว”

          “ตองไม่รู้ว่าพวกพี่มีปัญหาอะไรกัน  แต่ตอนนี้มันก็ใกล้จะจบมอหกแล้วถ้าไม่เคลียร์กันมันก็จะค้างคาไปแบบนี้นะคะ”

          “พี่โอเคแล้วจริงๆน้องตอง  ยิ่งใกล้จบมอหกแล้วพี่ยิ่งจะต้องเลิกคิดถึงเรื่องมัน  เพราะต้องเตรียมตัวสอบเข้ามหา’ลัยให้ได้ก่อน”

          “ถ้างั้นก็ตามใจพี่นะคะ  ตองเป็นกำลังใจให้เสมอ”

          “ขอบใจน้องตองมากนะ”  ผมบอกน้องตองแล้วน้องมันก็ยิ้มให้ผม

          “เดี๋ยววันนี้เราไปร้องคาราโอเกะกันไหมค่ะ คลายเครียดกัน”  ตองชวน

          “ดีเหมือนกันมึงจะได้รู้สึกดีขึ้นมากกว่านี้”  เอิ้นมันว่าพร้อมกับมองหน้าผม

          “ไปเถอะนะพี่ปอม”  ปังปอนด์ร่วมด้วยอีกเสียง

          ผมมองหน้าทุกคนที่กำลังลุ้นรอคำตอบ

          “โอเค ไปก็ไป ดีเหมือนกันจะได้ไปปลดปล่อยก่อนที่จะเตรียมตัวสอบเข้ามหา’ลัย”

          “เย้!”  ทุกคนเอ่ยขึ้นพร้อมกัน

          หลังจากนั้นเราทั้งหมดก็ไปร้านคาราโอเกะร้านประจำแถวๆโรงเรียน

@ร้านคาราโอเกะ

          “ในฐานะที่มึงเพิ่งเจอเหตุการณ์ร้ายๆมาวันนี้กูจะให้มึงร้องเปิดงานเป็นคนแรกเลย”  เอิ้นมันบอกหลังจากที่เราทั้งสี่คนอยู่ในห้องคาราโอเกะแล้ว

          “เอางั้นเหรอวะ”

          “เออสิวะ อ่ะ!”  เอิ้นมันยื่นไมโครโฟนให้ผม

          ผมนั่งนึกสักพักว่าจะร้องเพลงอะไรดี  ช่วงเวลานี้ควรจะร้องเพลงอะไรดีนะ  หน้าไอ้สกายลอยมาแทนที่จะเป็นชื่อเพลง  ผมไม่มีทางลืมไอ้สกายได้อย่างแน่นอนเพราะมันฝังลึกลงในใจผมแต่ผมจะเก็บภาพมันไว้ในความทรงภาพที่ดีๆและจะเก็บมันไว้อย่างนั้นแม้ว่าเรื่องของผมกับมันจะเป็นไปไม่ได้แล้ว

          “กดเพลงนี้ให้กูหน่อย”  ผมชูหน้าจอมือถือให้ไอ้เอิ้นดูมันเป็นเพลงที่ผมชอบมากอีกเพลงนึง

          “โอเคกูจัดให้”

....เสียงดนตรีดังขึ้น

          “ใครคนหนึ่งคนนั้น ในวันหนึ่งวันนั้น เคยผูกผันกันซะมากมาย เพราะวันที่ห่างเหิน มันก็เริ่มห่างหาย เพียงแค่เพราะเราไม่เจอะกัน ไม่เรียกร้องให้กลับมาหรือว่าผลักใส หรืออะไรทั้งนั้นเก็บเอาไว้ในส่วนลึก ซ่อนอยู่อย่างนั้นรู้ว่ามันไม่ไปไหนแม้กระทั่งตอนนี้ เขายังอยู่ตรงนั้นในภาพทรงจำสีจางจางเหมือนว่าจะเลือนหาย คล้ายว่าจะเลือนรางบางอย่างก็ยังไม่เปลี่ยนไป ไม่เรียกร้องให้กลับมาหรือว่าผลักใส หรืออะไรทั้งนั้น เก็บเอาไว้ในส่วนลึกซ่อนอยู่อย่างนั้น รู้ว่ามันไม่ไปไหนแม้กระทั่งตอนนี้ เขายังอยู่ตรงนั้น ในภาพทรงจำสีจางจาง”

          ผมร้องเพลงจบพร้อมกับน้ำตาที่มันไหลลงมาอาบแก้ม  นี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่ผมจะร้องไห้ให้กับมัน

          “ทำไมพี่ปอมร้องเพลงได้เศร้ามากเลยอ่ะ ฮึก”  ตองมันร้องไห้สะอึ้นเสียงดัง จนผมที่กำลังร้องไห้เหมือนกันกลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่กับความโก๊ะของตอง

          “ตกลงใครกำลังเสียใจกันแน่ ฮ่าๆ”  ผมขำออกมาพร้อมกับน้ำตา

          “ก็มันเศร้าอ่ะ ฮือๆๆ”

          “โอ๋ๆ ไม่ร้องนะครับ คนอะไรจะขี้แยอย่างนี้”  แทนที่ทุกคนจะมาปลอบผมแต่กลับกลายเป็นว่าผมมาปลอบใจน้องตองแทน ฮ่าๆ สาววายตัวยงคงจะสะทือนใจมาก

          “สวัสดีทุกคน”  เป็นเสียงตี๋ที่ดังมาจากประตูห้อง

          “อ้าวตี๋มาได้ไงเนี่ย”  ผมถามแล้วมองหน้าตี๋  ตี๋มันมองมาที่ตองผมก็พอจะรู้แล้วล่ะว่าตองคงเป็นคนบอก

          “ไม่เห็นมีคนชวนเลยอ่ะ”  ตี๋มันว่าพลางนั่งลงที่ว่างข้างๆตองโดยไม่ลืมที่จะปรายตามองปังปอนด์ที่นั่งอยู่ข้างๆน้องสาวของมัน

          “ก็นึกว่าตี๋จะไปกับพวกแก๊งนางมารกับไอ้สกายซะอีก”  ผมบอกมัน

          “เปล่าไอ้สกายมันกลับแล้วล่ะ  เราเลยมานี่”

          “ช่างเถอะเราไม่ใส่ใจเรื่องของไอ้สกายแล้ว”  ผมบอกตี๋

          “จริงดิ!  อะไรจะลืมง่ายดายขนาดนั้น  เราไปคุยกันข้างนอกไหมเราอยากรู้ความจริงทุกเรื่องจากปากปอมเอง”

          “โอเค ” ผมพูดแล้วเดินออกไปนอกห้องพร้อมกับไอ้ตี๋ทันที  ปล่อยให้ทั้งสามคนร้องเพลงกันต่อไป

          “เรื่องมันเป็นมายังไงระหว่างปอมกับกับไอ้สกาย”  ตี๋มันถามหลังจากที่เรามานั่งที่ม้านั่งข้างนอก

          “จำได้ไหมว่าเราเคยขอเบอร์ไอ้สกายจากตี๋  เราเป็นคนเริ่มมันเองตั้งแต่วันนั้น...........”  ผมเล่าเรื่องทั้งหมดให้ไอ้ตี๋ฟังแบบไม่มีปกปิดซักเรื่องเลย

          “มันคงทำประชดปอมล่ะเราว่า  ไอ้นี่มันเป็นคนไม่ชอบคนโกหกเป็นชีวิตจิตใจ  เพราะแม่มันเคยผิดสัญญาจนทำให้ครอบครัวของมันต้องแตกแยก  มันฝังใจตั้งแต่ตอนนั้น”

          “เราทำใจมาบ้างแล้วล่ะก่อนหน้านี้”

          “แสดงว่าตอนนี้เรื่องระหว่างปอมกับไอ้สกายคงเป็นไปไม่ได้แล้วใช่ไหม?”  ตี๋มันถาม

          “คงประมาณนั้น  เราผิดเองที่ไปโกหกมันจนทำให้เรื่องมันเป็นแบบนี้  แต่ถ้าย้อนเวลากลับไปได้เราก็ยังจะทำแบบนี้อีกเพราะช่วงเวลาที่เราได้อยู่กับมัน  มันเป็นช่วงเวลาที่มีค่ามากที่สุดที่เราจะไม่มีวันลืมเลย”

          “ถ้ามันได้ยินมันคงจะดีใจที่มีคนรักมันมากขนาดนี้”

          “คงไม่หรอกมันเกลียดเราจะตาย  และตอนนี้มันก็มีแฟนเป็นตัวเป็นตนแล้วเราก็ได้แต่ดีใจ  และเราคิดว่าต่อไปนี้เราจะไม่ยุ่งวุ่นวายกับมันอีกถือว่าทุกอย่างมันจบแล้วจริงๆ”  ผมบอกมัน

          “ถึงยังไงเราก็ยังอยากให้ปอมกับไอ้สกายคุยกันดีๆอีกสักครั้ง  แต่ถ้าปอมยืนยันแบบนี้เราก็เคารพการตัดสินใจของปอมละกัน”  ตี๋มันว่าพลางตบไหล่ผมเบาๆ

          “ฝากตี๋ดูแลมันด้วยละกัน อ้อ! ลืมไปว่าเค้ามีแฟนแล้วคงดูแลกันได้  ป่ะเข้าไปข้างในกันเถอะเรารู้นะว่าอยากจะไปเจอน้องชายเราเต็มทนแล้ว”  ผมว่าแล้วก็ยกยิ้มให้มัน

          “แน่ะ รู้ทันเราอีก ฮ่าๆ”  ตี๋มันว่าแล้วเกาท้ายทอยแก้เขินไปด้วย

          “เราไม่ว่าหรอกนะถ้าตี๋จะจีบหรือคบกับปังปอนด์  แต่เราขอว่าอย่าทำให้น้องเราเสียใจเป็นพอเพราะปอนด์มันเป็นเด็กดีไม่อยากให้เจอเรื่องที่แย่ๆแบบเรา”  ผมบอกมัน

          “เราสัญญาถ้าเราได้คบกับน้องปอนด์เราจะดูแลอย่างดี  ไม่ทำให้น้องเสียใจแน่นอน”  ตี๋มันพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

          “จำคำพูดไว้ด้วย ป่ะ”  ผมเดินนำหน้ามันเข้าไปข้างใน

          “พี่ตี๋มานั่งนี่เลย”  ตองกวักมือเรียกพี่ชายเข้าไปนั่งด้วย  ซึ่งผมรู้จุดประสงค์ของตองนั่นเพราะอยากให้ตี๋ไปนั่งใกล้ๆปังปอนด์นั่นเอง  ไอ้ตี๋มันเองก็ทำตามคำเรียกร้องของน้องสาวอย่างว่าง่าย

          “น้องปอนด์พี่ขอนั่งด้วยคนนะ”  ตี๋มันว่าพลางแทรกตัวนั่งระหว่างตองและปังปอนด์

          “ทำไมต้องมาเบียดกันด้วยเนี่ย!”  ปังปอนด์โวยวายแต่ก็ขยับตัวให้ที่นั่ง

          “อยากฟังเพลงไหมเดี๋ยวพี่ร้องให้ฟัง”

          “ไม่เอาอ่ะกลัวเส้นประสาทหูจะพัง”  ปังปอนด์มันทำหน้าหยีใส่ตี๋

          “เร็วๆใครจะร้องก็รีบร้องจะหมดเวลาแล้วเนี่ย”  เอิ้นเอ่ยขึ้นขัดจังหวะ

          “ได้ๆ เดี๋ยวเราร้องเอง”

          ตี๋มันรีบเดินไปเลือกเพลงแล้วก็ยืนถือไมโครโฟนอยู่ข้างๆจอเตรียมร้อง  พร้อมกันนั้นก็ส่งสายตาหวานเยิ้มให้น้องชายผม

          “น้องปอนด์ฟังเพลงนี้ดีๆนะครับ”  มันส่งยิ้มไปให้ปังปอนด์ราวกับว่ามีมันกับปังปอนด์แค่สองคนในห้องนี้ ฮ่าๆ ยอมใจมันจริงๆ ไอ้ตี๋

          “

.....ดนตรีขึ้น

          “บอกฉันซักคำว่าเธอทำได้อย่างไร  เพราะฉันรู้สึกดีทุกครั้งที่อยู่กับเธอ  ที่จริงนับตั้งแต่  ที่เรานั้นแรกเจอ  ไม่คิดว่าจะรักได้มากมาย  เธอรู้วิธีดูแลคนที่ห่วงใย  จนฉันแปลกใจความรู้สึกที่ฉันมี  เคยรักมากเท่าไหร่  ก็ยังรักได้อีก  ไม่รู้ว่าเป็นได้อย่างไร..............”  มันร้องเพลงยิ่งรู้จักยิ่งรักเธอของดาเอ็นโดรฟินไปจนจบ  ระหว่างที่ร้องเพลงมันจ้องน้องชายผมตลอดเวลาราวกับว่าโลกใบนี้มีกันแค่สองคน

          “โห! หวานซะ”  ผมเอ่ยขึ้นหลังจากที่มันร้องเพลงจบแล้ว  ผมมองไปที่ปังปอนด์มันนั่งนิ่งๆแต่ตากลับมองไปยังไอ้ตี๋แทบไม่กระพริบแถมยังยิ้มตลอดเวลาอีก  ผมก็สงสัยอยู่ว่าทั้งสองคนใจตรงกันขนาดนี้แต่ไอ้ตี๋กลับยังไม่สามารถพิชิตใจปังปอนด์ได้อีกหรือนี่

          “พี่ตี๋ร้องเพลงจนมดไต่เพื่อนตองแล้วเนี่ย”  ตองแซวเพื่อนของตัวเองที่นั่งอยู่ข้างๆ  ปังปอนด์ได้แต่มองหน้าเพื่อนอย่างเอาเรื่องแก้เขิน

          “ไม่ต้องแซวเลยตอง”  ปังปอนด์ดุเพื่อน

          “เฮ้ย! พวกเราจะหมดเวลาที่จองไว้แล้วนะเนี่ย เตรียมตัวกลับกันเถอะ”  เอิ้นมองนาฬิกาที่ข้อมือแล้วเอ่ยขึ้น

          “เดี๋ยวเราไปส่งเอง”  ตี๋อาสา  ถึงมันไม่อาสาแต่ผมก็จะบอกให้มันไปส่งอยู่แล้วล่ะครับ หุหุ

          “ได้ๆจะได้กลับถึงบ้านเร็วๆ”  ผมบอก

@บ้านของปอม

          เมื่อรถเคลื่อนมาจอดที่หน้าบ้าน  หลังจากที่ไปส่งเอิ้นมาแล้ว

“ขอบใจมากนะตี๋”  ผมที่นั่งอยู่ข้างหน้ากับไอ้ตี๋เอ่ยขอบใจมันแล้วก็ลงจากรถ  ส่วนปังปอนด์เองที่นั่งอยู่ด้านหลังกับตองก็เตรียมตัวจะลงตามมาเช่นกัน

ตอนนี้ผมกับปังปอนด์ยืนอยู่ที่ข้างๆรถซึ่งอยู่ใกล้กับรั้วหน้าบ้าน ส่วนตองก็เปลี่ยนมานั่งข้างหน้ากับพี่ชาย   ไอ้ตี๋มันลดกระจกลงมาแล้วเอ่ยกับผม

“ปอมเข้มแข็งเข้าไว้นะเราเอาใจช่วย”  มันบอกแล้วยิ้มให้ผม

“ขอบใจมากเราโอเคแล้วล่ะ”

“น้องปอนด์พี่ตี๋กลับก่อนนะครับ”  ตี๋มันส่งยิ้มให้ปังปอนด์

“ขับรถกลับดีๆละกันครับ”

“ดีใจจังน้องปอนด์เป็นห่วงพี่ตี๋ด้วย”  ตี๋มันได้ยินก็ยิ้มกว้างทันที

“ก็แค่ตามมารยาททำเป็นดีใจไปได้”  ผมรู้ว่าน้องชายผมมันพูดแก้เขินไปยังงั้นล่ะครับ  ดูท่าทางแล้วก็เขินอยู่ไม่น้อย

“ไม่เป็นไรยังไงพี่ก็ดีใจอยู่ดี  เรากลับก่อนนะปอม บาย”  มันว่าแล้วก็โบกมือลาผม  ส่วนกับปังปอนด์มันกลับส่งจูบให้แทน

“พี่ปอมตองกลับก่อนนะคะ สวัสดีค่ะ  ปอนด์เรากลับก่อนนะ”

ตองเองก็โบกมือลาเช่นกัน  แล้วไอ้ตี๋มันก็ปิดกระจกแล้วขับรถออกไปทันที

“ปอนด์พี่ขอคุยด้วยหน่อยสิ”  ผมเอ่ยกับน้องชายขณะที่เรากำลังจะเดินเข้าไปในบ้าน

“พี่ปอมมีอะไรเหรอครับ”

“พี่ขอถามเราบางอย่างสิ”

“อื้ม ได้เลยครับ”  ปังปอนด์มันมองหน้าผมเหมือนอยากรู้มากว่าผมจะถามอะไร

“เราชอบไอ้ตี๋มันไหมอ่ะ  ตอบพี่ตามความจริง”

“ก็...ชอบอ่ะครับ”  ปังปอนด์พูดไปด้วยความเขินอาย  จนหน้านี่แดงก่ำเลยครับ ผมแกล้งน้องชายมากเกินไปไหมเนี่ย

“ในเมื่อใจตรงกันแล้วทำไมปังปอนด์ยังคงดูเหมือนไม่มีวี่แววที่จะคบกับมันเลยอ่ะ  พี่แค่สงสัย”

“ผมว่าตอนนี้มันยังเร็วไปอ่ะครับ  และอีกอย่างพี่ตี๋เค้าก็เจ้าชู้น่าดู  ปอนด์ก็เลยขอดูพฤติกรรมไปก่อนทั้งๆที่ในใจปอนด์เองก็ชอบพี่เค้ามากเหมือนกันครับ”  ปังปอนด์บอกเหตุผลทั้งหมดให้ผมฟัง  น้องผมมันมีความคิดที่มีเหตุผลมาก

“ถ้าปอนด์คิดดีแล้วพี่ก็ไม่ว่าอะไรค่อยๆดูกันไป  แต่ว่าช่วงเวลาที่เรามีความสุขเราควรจะรีบตักตวงมันไว้  เพราะไม่รู้ว่าเราจะมีช่วงเวลานั้นได้นานเท่าไร  พี่ไม่อยากให้ปอนด์เป็นแบบพี่ตอนนี้ที่ใจมันแตกเป็นเสี่ยงๆ จำไว้นะถ้าเรารักใครแล้วเราควรจะเชื่อใจและซื่อสัตย์ต่อกันให้มากที่สุด”  ผมบอกกับน้องชาย

“ครับพี่ปอม   ปอนด์จะจำคำที่พี่พูดไว้”  ปังปอนด์บอกผม

ถ้าถามว่าตอนนี้ผมรู้สึกยังไง  ต้องบอกเลยว่าตอนนี้ผมรู้สึกโล่งใจมากเหลือเกินที่ทุกอย่างมันจบลงแล้ว  ไม่ใช่ว่าเพราะผมไม่ได้รักไอ้สกายมันนะครับ  แต่เพราะว่าสิ่งที่ผมหวังไว้ว่าขอตักตวงช่วงเวลาที่มีความสุขกับมันผมก็ได้ทำตามที่ตั้งใจไว้แล้วถือว่าเป็นช่วงเวลาที่คุ้มค่าที่สุดของผมแล้ว  เรื่องของเราเริ่มต้นด้วยความเกลียดและมันก็จบลงด้วยความเกลียดมันก็ไม่ได้ต่างกัน  ต่อไปนี้ชีวิตผมก็จะเดินต่อไปข้างหน้าและชื่อของไอ้สกายผมก็จะเก็บมันไว้ที่ก้นบึ้งของหัวใจ  ใส่กุญแจล็อกมันไว้อย่างดีไม่ให้มันมารบกวนหัวใจของผมอีกเด็ดขาด


ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ตัดบัวยังเหลือใย ตัดสกายไปจากใจได้จริง ๆ หรือหลานปอม  :sad11:

ออฟไลน์ ashbyipcet

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
เจ้ว่านะปอมคนที่นกที่สุดคือนังแป้งเองน่ะ
ครอบครองไอ้สกายแต่ก็เหมือนเป็นได้แค่ถุงยาง  :laugh:

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
ช่างหัวมัน
อยากเกลียดก็เกลียดไปดิ

หาเอาใหม่ข้างหน้า
หนุ่มๆในมหาลัย แจ่มๆ เยอะแยะ

ปล่อยให้มันไปอยู่กับแป้งเหม็น
เหมาะสม ดีออก
ฮ่าฮ่า

ออฟไลน์ azaki

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 52
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-1
กลรักลวงใจ

ตอนที่  15  ชีวิตใหม่​

1  ปีผ่านไป

@มหาวิทยาลัย C

          ตั้งแต่วันที่ไอ้สกายบอกผมว่าเป็นแฟนกับแป้งเวลาก็ล่วงเลยผ่านมาเป็นปีแล้ว  ชีวิตผมตอนนี้มันเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขมาก  เพราะได้เจออะไรใหม่ๆ สังคมใหม่ สถานที่ใหม่ มันทำให้ผมลืมความเจ็บช้ำในอดีตได้อย่างง่ายดาย  ตอนนี้ผมมีเพื่อนใหม่ที่นิสัยดีและสนิทกันไม่แพ้ไอ้เอิ้นเลยทีเดียว นั่นก็คือ ดาว  พอร์ช  เปอร์และสนิม หลายคนคงคิดว่าผมคงสอบติดคณะพี่ผมตั้งใจไว้นั่นคือคณะอักษรศาสตร์  แต่มันไม่ใช่ครับในตอนนั้นพวกผมสอบไม่ติดเลยเลือกคณะใหม่ทั้งผมและไอ้เอิ้น  ผมสอบได้คณะนิเทศศาสตร์เอกการสื่อสารมวลชน  ส่วนไอ้เอิ้นเลือกเรียนคณะศิลปกรรมศาสตร์ สาขานฤมิตศิลป์(ออกแบบแฟชั่น) ที่มหาวิทยาลัยเดียวกัน

          ถึงแม้ว่าจะเรียนคนละคณะกับเอิ้นพวกผมก็มาพบปะกันอยู่บ่อยๆ นัดเจอกันเรื่อยๆ ทั้งในมหาวิทยาลัยและนอกมหาวิทยาลัยบ้างตามโอกาส

          ตอนนี้ก็เข้าสู่ช่วงปลายเทอมสุดท้ายของชั้นปีที่หนึ่งแล้ว  ปีหน้าก็จะได้เป็นรุ่นพี่กันแล้วเวลามันช่างผ่านไปเร็วมากเหลือเกิน

          ผมนั่งรอบรรดาเพื่อนๆ ตัวแสบของผมที่โต๊ะนั่งข้างตึกคณะซึ่งเป็นที่ประจำของพวกเรา  ระหว่างรอผมก็นั่งท่องโลกโซเชี่ยวไปพลางๆ  ดูโน่นนี่นั่นไปเรื่อยๆตามประสาชีวิตคนโสด ที่วันๆเอาแต่กดไลค์แชร์ภาพของเพื่อนๆ ในเฟสบุ๊ค

          “ปอม!  ขอโทษที่ให้รอนาน”  ผมเงยหน้าขึ้นไปมองยังต้นเสียง  ดาวเอ่ยมาแต่ไกลพร้อมกับกลุ่มเพื่อนผมที่มากันครบทีมทั้งหมดแล้วนั่งลงจนเต็มโต๊ะ

          “ไม่นานหรอกกูรอแค่เกือบครึ่งชั่วโมงเอง”  ผมว่าเชิงประชด

          “แหมๆ มึงนี่ก็นะพวกกูบอกให้ไปพร้อมกันแต่เสือกไม่อยากไปเอง  เป็นไงล่ะพอรอนานก็มาพูดประชดประชันเดี๋ยวเบิ๊ดกะโหลกแม่งเลย”  เปอร์มันว่าผม  เปอร์เป็นเพื่อนที่หล่อมากและเจ้าสำอางค์เป็นที่สุดจนผมนี่อายเลยทีเดียว มันเป็นคนกะล่อนและขี้โวยวายมาก

          ก็จริงที่พวกมันชวนผมไปซื้อของที่ศูนย์หนังสือแต่ผมปฏิเสธที่จะไปด้วยเพราะเวลาซื้อของทีพวกมันชอบเลือกของนานมากและผมเองก็ไม่ได้จำเป็นต้องไปซื้ออะไรเลยนั่งรอที่นี่ดีกว่าไม่เมื่อยดี

          “ก็กูขี้เกียจไปยืนรอเวลาพวกมึง ซื้อของทีแม่งเลือกนานเว่อร์”

          “เออๆ ไอ้ตรงต่อเวลา ไอ้แสนดี”  สนิมเอ่ยขึ้น  สนิมมันเป็นทอมที่น่ารักคนนึงเลยครับสาวๆ นี่ติดมันตรึมเลยแบบว่ามันหล่อเลือกได้

          “มึงไม่ต้องมาพูดประชดประชันกูเลยไอ้สนิม”  ผมว่าให้มัน

          “ไอ้ดาวมันเริ่มจะบ้าขึ้นทุกวันแล้วนะ  นั่งยิ้มอยู่คนเดียวบ่อยๆ”  พอร์ชพูดถึงดาวที่ตอนนี้กำลังนั่งแชทในโทรศัพท์มือถือแล้วยิ้มอยู่คนเดียวแบบว่าไม่สนใจเพื่อนๆเลย  พอร์ชเพื่อนผมคนนี้เป็นเหมือนเฮียที่คอยปกป้องดูแลเพื่อนๆ ในกลุ่ม  มันเป็นคนตัวใหญ่เพราะชอบเข้าฟิตเนสเล่นกล้ามแถมยังรูปหล่ออีกด้วย  สรุปว่ากลุ่มผมนี่หน้าตาดีกันทุกคนเลยครับ ฮ่าๆ

          “ช่วงนี้มันเป็นแบบนี้บ่อยๆ สงสัยมันกำลังมีความรักแน่ๆ”  สนิมเอ่ยกับพวกผม  โดยที่เจ้าตัวที่โดนนินทาในระยะเผาขนนั้นแทบไม่ได้สนใจเสียงคุยกันของเพื่อนๆเลย

          “เมื่อกี้คุยอะไรกันอยู่เหรอ กูฟังไม่ทัน”  ดาวมันเสร็จจากการแชทแล้วก็เงยหน้าขึ้นมาถามพวกผม

          “สงสัยมึงจะไม่แค่ตาบอดแถมยังหูหนวกด้วยเพราะตอนนี้กำลังมีความรักสินะ”  ผมว่าให้มันแล้วทำหน้าตากวนๆใส่

          “ใครๆ บอกเพื่อนมาเลย”  เปอร์ถามเชิงสั่ง

          “อีกแป๊บนึงเดี๋ยวก็รู้”  ดาวมันยิ้มให้พวกผม

          “แป๊บนึงอะไรอีก บอกตอนนี้เลย”  เปอร์ยังจี้หาคำตอบที่พวกผมต้องการ

          วันนี้ต้องรู้ให้ได้ว่าผู้ชายคนนั้นมันเป็นใคร

          “เออๆ บอกก็ได้ไหนๆก็ไหนๆแล้ว  เพราะวันนี้เค้าจะมารับกูที่นี่”  มันบอกอย่างเขินๆ

          “ห๊ะ!”  พวกผมอุทานออกมาพร้อมกันเสียงดัง

          “ถึงขนาดจะมารับกันแล้ว  พวกมึงคบกันนานหรือยังวะ”  ผมถาม

          “ก็ประมาณเดือนนึงได้แล้วอ่ะ”

          “แล้วมึงไม่คิดจะบอกเพื่อนเลยนะ  ปล่อยให้พวกกูจี้ถามอย่างนี้ถึงจะบอก”  พอร์ชว่าพลางชี้หน้าดาวอย่างเอาเรื่อง

          “กูกะจะบอกวันนี้ล่ะ  และจะเปิดตัวด้วยแต่พวกมึงเสือกมาถามกูก่อนเลยกลายเป็นว่ากูมีความลับกับเพื่อนซะงั้น ฮ่าๆ”  ดาวมันพูดขำๆ

          “ถึงจะยังไงมึงก็มีความผิด  ถ้างั้นมึงต้องไถ่โทษด้วยการเลี้ยงส้มตำพวกกูมื้อนึงแล้วก็พาผู้ชายของมึงไปด้วยพวกกูจะได้สแกนให้ว่าสมควรคบต่อหรือเปล่า”  ผมบอกดาว

          “ได้ๆ  กูไม่มีปัญหาอยู่แล้วแต่ต้องรอถามเค้าก่อนว่าจะสะดวกวันไหนเดี๋ยวกูบอกอีกที”

          “ว่าแต่แฟนมึงเรียนคณะอะไรอ่ะ”  เปอร์ถาม

          “เค้าชื่อบีมเรียนวิดวะคอมพ์”  ดาวมันบอกพวกผมอย่างภาคภูมิใจในตัวของแฟนมันเหลือเกิน

ใช่สิในกลุ่มตอนนี้ยังไม่มีใครมีแฟนกันซักคนเลย  ถึงแม้ว่าไอ้สนิมกับไอ้เปอร์มันจะเจ้าชู้แต่ยังไม่ได้ตกลงปลงใจคบกับใครเลย  ส่วนพอร์ชมันยิ่งแล้วใหญ่ไม่มีเวลาสนใจหญิงเพราะมัวแต่เข้าฟิตเนส ฟิตหุ่นเล่นกล้าม

          “มึงไปทำอีท่าไหนให้เค้ามาติดกับมึง”  สนิมถาม

          “กูก็แค่เดินไปสวยๆผ่านคณะวิศวะเค้าก็เข้ามาขอเบอร์กูเอง  ก็คนมันสวยย่ะ”

          ดาวมันเป็นคนสวยในระดับหนึ่งเลยครับ  แต่มันจะออกแนวโก๊ะๆหน่อยเลยทำให้ความสวยของมันกลับกลายเป็นความน่ารักซะมากกว่า  เพราะมันไม่ได้ชอบแต่งตัวอะไรมากมาย

          “เออมึงสวยกูขอให้คบกันนานๆละกันอย่าสามวันดีสี่วันไข้เหมือนคนก่อนล่ะ”  สนิมนึกหมั่นไส้ก็ขุดเรื่องเก่าออกมาพูดทันที  ดาวเป็นคนที่มีแฟนก่อนหน้านี้หลายคนแต่ด้วยอะไรก็ไม่รู้ มีเหตุต้องเลิกกันภายในเวลาไม่นานนัก

          “คนนี้กูว่านานว่ะ เค้าดีจริงๆ”  ดาวบอกเพื่อน

          “เออถ้าอย่างนั้นกูก็ดีใจด้วย เพื่อนจะได้สมหวังกับความรักซะที”  เปอร์เอ่ย

          “ขอบใจย่ะ อิอิ”  ดาวมันตอบกลับอย่างอารมณ์ดี

          “ต่อไปนี้นะใครจะมีแฟนให้รีบบอกเพื่อนด้วยเพราะถ้าไม่บอกจะถือว่ามีความผิดอย่างมหันต์และจะมีบทลงโทษตามมา”  พอร์ชประกาศต่อหน้าทุกคน

          “โอเค...ให้กูเลือกก่อนว่าจะคบกับคนไหนแล้วจะบอกพวกมึงแน่นอน”  เปอร์เอ่ยออกมาเป็นคนแรก

          “ส่วนกูก็เหมือนไอ้เปอร์ขอเลือกก่อนว่าจะคบกับใคร”  ตามมาด้วยสนิม

          “แล้วมึงล่ะปอมว่าไง”  พอร์ชถามแล้วทุกคนก็มองมาที่ผม  ผมอาจจะไม่แสวงหาเรื่องนี้จนเพื่อนๆคงคิดว่าผมคงตายด้านกับความรักไปแล้วมั้ง

          “กู...คงไม่มีหรอกว่ะ  กูชอบอยู่คนเดียวมากกว่า”  ผมตอบไป

          “กูถามจริงๆมึงเคยมีแฟนป่ะวะ”  เปอร์ถามผม

          “จะบ้าเหรอกูก็อยู่กับพวกมึงตลอดถ้ามีพวกมึงก็รู้อยู่แล้วป่ะวะ”

          “ก็ไม่ได้หมายถึงแค่ช่วงมหา’ลัย  แต่หมายถึงสมัยมัธยมด้วย”  เปอร์ยังถามต่อ

          “ตอนไหนก็ไม่มีทั้งนั้นเว้ย หยุดถามกูได้แล้ว”  ผมโวยวายเสียงดังใส่พวกมัน  ก็เล่นถามซะจนผมแทบไม่มีทางไปเลยอ่ะ  โดยเฉพาะคำถามนี้ทำให้ความทรงจำในอดีตของผมมันฉายขึ้นมาอีก หน้าไอ้สกายลอยมาทันที  ผมพยายามลืมมันแล้วจริงๆแต่พอมีใครพูดถึงเรื่องสมัยมัธยมเรื่องของมันก็ผุดขึ้นในหัวผมตลอด  และมันทำให้ผมอดที่จะคิดถึงมันไม่ได้และก็อยากรู้ว่ามันอยู่ที่ไหน  ทำอะไร  เรียนที่ไหน  ผมอยากรู้แต่ไม่เคยถามไอ้ตี๋เลย นั่นเป็นเพราะผมบอกมันเองล่ะว่าเวลาที่มาเจอผมหรือคุยกับผมห้ามเอ่ยถึงเรื่องไอ้สกายเด็ดขาด

          “ทำไมมึงต้องเสียงดังด้วยวะถามแค่นี้เอง หรือมึงมีอะไรปกปิดพวกกูห๊ะ!”  ดาวมันชี้หน้าผมแล้วถามอย่างสงสัย

          “ปะ...เปล่าก็กูไม่มีจริงๆไงพวกมึงมาเซ้าซี้กูเลยโมโหอ่ะ”  ผมปฏิเสธออกไป

          “ให้มันจริงนะ  ถ้ารู้ทีหลังมึงต้องโดนทำโทษหนักกว่าเพื่อนคนอื่นๆเลยคอยดู”  ดาวมันคาดโทษผมไว้

          “เออ...แล้วแฟนมึงจะมารับตอนไหนล่ะเนี่ย”  ผมเปลี่ยนเรื่องถามทันที

          “ก็สี่โมงเย็นนี่ก็อีกสิบนาทีเอง”  ดาวว่าพลางมองเวลาที่หน้าจอโทรศัพท์มือถือ

          “กูชักอยากจะเห็นหน้าแล้วสิวะว่าจะหล่อเหมือนกูไหม”  เปอร์มันว่าแล้วก็นั่งส่องความหล่อของมันในกระจกพับอันเล็กๆของมันที่พกมาด้วย

          “หล่อกว่ามึงสิบเท่าไอ้เปอร์ คนอย่างกูไม่มีทางคบคนไม่หล่อหรอกย่ะ”  ดาวว่าให้เปอร์

          “เออ...กูจะรอดูว่าจะจริงอย่างที่มึงพูดไหม”

          “แน่นอน!”  ดาวตอบกลับแล้วไม่นานเสียงโทรศัพท์มือถือของมันดังนี้

...ดาวรับสาย...

          “ตัวเองมาถึงแล้วเหรอ”  โอ้ยหวานอะไรเบอร์นั้นไอ้ดาว  ผมนี่แอบอิจฉาตาร้อนมาก

          “ตัวเองขับมารับเค้าที่ข้างคณะติดกับร้านกาแฟXXX เลยนะเค้านั่งอยู่กับเพื่อนๆ”

          “จ้ารีบมานะคิดถึง”

...ดาววางสาย...

          “แหมๆๆ หวานกันมากเลยนะ มดนี่ไต่กูเต็มตัวไปหมดแล้วเนี่ย”  สนิมมันเอ่ยขึ้นเป็นคนแรก  หลังจากที่พวกผมมองหน้ากันแล้วทำหน้าหมั่นไส้ไอ้ดาวกันทุกคน ฮ่าๆๆ

          “ก็คนมันกำลังมีความรักอ่ะนะ พวกมึงก็ทนฟังไปก็แล้วกัน”  ดาวมันยกไหล่อย่างไม่ยี่หระ

          “นั่นใช่รถแฟนมึงป่ะวะ”  พอร์ชถามดาวเมื่อเห็นว่ามีรถหรูยี่ห้อดังสีขาวมาจอดใกล้ๆกับที่พวกผมนั่งอยู่

          “เออว่ะ...เดี๋ยวกูจะเดินไปรับเค้าก่อนนะ  เดี๋ยวพามาแนะนำ”  ดาวว่าแล้วก็ลุกขึ้นเดินไปที่รถ

          ขณะที่ดาวกำลังเดินไปนั้นพวกผมทุกคนก็มองตามหลังมันไปด้วย  เมื่อประตูรถถูกเปิดออกรองเท้าหนังสีดำเงาแตะลงที่พื้นก่อนแล้วเขาคนนั้นก็ออกมาจากรถ

          เหมือนหัวใจผมมันตกวูบไปที่ตาตุ่ม สติผมมันหลุดลอยไปเมื่อเขาคนนั้นปิดประตูรถแล้วหันหน้ามาทางพวกเรา  คนที่คุ้นหน้า คนที่ผมเคยรัก  คนที่เราเคยมีอะไรกัน คนที่เค้าเกลียดผม  คนที่ทำให้ผมเสียใจ  ตอนนี้เรากำลังจะเจอกันอีกครั้ง..........‘ไอ้สกาย’

ออฟไลน์ ashbyipcet

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
พีคเว่ออ :a5: นังปอมแกจะทำยังไงต่อไปละเนี่ยย
โอ๊ยคนแก่จะเป็นลมมม  :really2: :really2:

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
เอ้าปมมัดกันเข้าไป ยุ่งเหยิงตายห่า
อย่าบอกนะว่าไอ่สกายเปลี่ยนชื่อเป็นบีม

อิบีม
หุหุ

+1 ฮับ

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ชื่อ บีม เรียน วิศวคอมพ์ฯ แต่ลงจากรถเป็น สกาย  ไงหว่ะ  :o211: o12

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ armize

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 95
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
สกายมันต้องมาแก้แค้นน้องปอมปอมแน่

ออฟไลน์ azaki

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 52
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-1
​กลรักลวงใจ

ตอนที่ 16 ไม่เหมือนเดิม

            หลังจากที่ผมเห็นไอ้สกายก็รีบหันหน้ากลับมาทันที ในหัวผมตอนนี้คิดว่าจะทำยังไงดีๆๆ มันคิดวนอยู่ซ้ำๆหาทางออก แต่เอ๊ะ! ผมนึกได้ว่าดาวบอกว่าแฟนมันชื่อ ‘บีม’ ไม่ใช่เหรอ แต่ทำไมเป็นไอ้สกายไปได้หรือว่ามันจะเปลี่ยนชื่อผมจะทำยังไงดี  ผมไม่อยากเจอมันในตอนนี้และไม่ว่าจะตอนไหนทั้งนั้น  ยอมรับว่ามันยังคงมีอิทธิพลกับใจผมมากเหลือเกินนั่นเป็นสาเหตุว่าทำไมถึงไม่อยากเจอหน้ามันและอีกอย่างมันเป็นแฟนของเพื่อนผมมันยิ่งทำใจลำบากมาก

          “พวกมึงกูไปก่อนนะพอดีมีนัดกับเอิ้นอ่ะ” ผมบอกเพื่อนๆด้วยท่าทีรีบร้อนจนผิดสังเกต

          “อ้าว! มึงมีนัดตอนไหนไม่เห็นมึงเคยบอกเลย” พอร์ชถามผม

          “เอ่อ...พอดีกูเพิ่งนึกได้อ่ะกูไปก่อนนะ” ผมว่าแล้วก็เก็บของแล้วรีบลุกขึ้นเตรียมตัวจะเดินไป

          “ปอม! มึงจะไปไหนน่ะ” ดาวเรียกผมเสียงดัง

          “กูมีนัด  ไปล่ะนะ” ผมหันหลังตอบมัน

          “กลับมานี่ก่อนกูอุตส่าห์พาแฟนมาเปิดตัวทั้งที มึงจะหนีไปดื้อๆยังงั้นเหรอ” ดาวมันบอกผมแล้วมันก็เดินมาจับแขนผมดึงกลับไป  แต่ผมยังคงก้มหน้าก้มตาไม่อยากมองหน้าไอ้สกาย  ผมทำตัวไม่ถูกนี่มันก็หนึ่งปีแล้วที่เราไม่ได้เจอกัน

          “มึงเป็นบ้าอะไรวะปอมอยู่ๆก็จะไปแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย”  สนิมมันว่าผม

          “บีมค่ะนี่เพื่อนๆของดาวเองค่ะ คนนี้ปอม นั่นพอร์ช เปอร์และสนิม” ดาวมันแนะนำ ผมตัดสินใจค่อยๆหันไปมองหน้ามันอีกครั้งให้แน่ใจเผื่อว่าก่อนหน้านี้ผมจะตาฝาดไปขอให้มันเป็นอย่างนั้น

          “เราบีมนะ ยินดีที่ได้รู้จักทุกคนครับ” ทำไมผมรู้สึกโล่งใจมากที่แฟนของดาวไม่ใช่ไอ้สกาย สงสัยตอนนั้นผมรีบหันกลับมาเร็วเกินไปจนไม่ได้สังเกตว่าบนรถคันนั้นมากันสองคน สรุปแล้วไอ้สกายเป็นเพื่อนกับบีมฮ่าๆๆ

          ตอนมันเห็นผมดูมันอึ้งเล็กน้อยก่อนที่จะยืนจ้องหน้าผมสักพัก ส่วนผมน่ะเหรออึ้งยิ่งกว่าเพราะไม่คิดว่าโลกมันจะกลมอย่างนี้ แต่ตอนนี้มันเปลี่ยนสีหน้าเป็นปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ใช่สินะผมคงตายจากชีวิตมันไปแล้วส่วนผมเองก็ควรทำแบบนั้นเช่นกัน...’ทำเป็นเหมือนไม่รู้จักกัน’

          “หวัดดีบีม ยินดีที่ได้รู้จักนะ” ผมโบกมือทักทายมันอย่างเก้ๆกังๆเพราะยังเกร็งๆที่อยู่ต่อหน้าไอ้สกาย

          “หวัดดีบีม ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกัน” พอร์ชเอ่ยตามบ้าง

          “ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกัน หล่อกว่าที่คิดไว้อีกนะเนี่ย” เปอร์มันเอ่ยแซว

          “ว่าแล้วทำไมดาวมันยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เวลาแชทกัน หล่อแบบนี้นี่เอง” สนิมแซวอีกคน

          ส่วนผมน่ะเหรอครับ ก็นั่งก้มหน้าก้มตาทำทีอ่านหนังสือ

          “เอ้อ! เราลืมแนะนำเพื่อนเลย นี่สกายเพื่อนเราเอง” บีมมันแนะนำไอ้สกายให้พวกผมรู้จัก

          ทุกคนก็พยักหน้าทักทายแล้วยิ้มให้มันยกเว้นผมที่ยังไม่กล้าหันหน้าไปมองมันเลย

          “ปอมมึงนี่เสียมารยาทว่ะก้มหน้าก้มตา บีมอุตส่าห์แนะนำเพื่อนให้รู้จัก” เปอร์ว่าผมหลังจากที่เห็นผมไม่สนใจเอาแต่ก้มหน้าอ่านหนังสือ

          “กูเปล่า! นี่ใกล้จะสอบแล้วก็ต้องรีบอ่านป่ะวะ” ผมยังนั่งอ่านหนังสืออย่างลนลาน

          “ยังกับมึงต้องสอบคนเดียวงั้นล่ะ พวกกูก็ต้องสอบไม่เห็นต้องมาขยันแบบมึงตอนนี้เลย” พอร์ชเอ่ย

          “เค้าคงไม่อยากรู้จักผมมั้งครับ” เป็นเสียงไอ้สกายมันเอ่ยขึ้นพร้อมกับมองหน้าผมกวนๆ ผมได้ยินถึงกับหันขวับไปมองมันตาขวาง

          “เปล่าซะหน่อยไม่มีเหตุผลอะไรที่กะ..เราต้องทำแบบนั้น” ผมเกือบเอ่ยคำแทนตัวเองว่ากูกับมันเหมือนเมื่อก่อนแต่ดีที่ตั้งสติได้ทันก่อน สถานการณ์ในตอนนี้เหมือนเราเพิ่งเคยเจอกันครั้งแรกซะอย่างนั้น ต่อไปนี้ถ้าเราเจอกันอีกผมจะตั้งใจไม่แสดงออกหรือทำอะไรให้มันรู้สึกว่าผมยังรักมันอยู่อย่างแน่นอน  ผมต้องทำให้ได้

          “ก็ไม่รู้สินะ มันรู้สึกแบบนั้น” มันว่าพลางยักไหล่อย่างไม่ยี่หระ ผมรู้สึกว่ามันไม่ใช่ไอ้สกายคนเดิมที่แต่ก่อนค่อนข้างจะเงียบขรึมและพูดน้อย แต่รู้สึกว่าตอนนี้มันพูดเยอะขึ้นแถมยังกวนตีนผมเก่งกว่าแต่ก่อนมาก

          “ไม่ใช่แค่สกายที่คิดแบบนั้น พวกกูก็คิดเหมือนกัน ก่อนหน้านี้มึงยังพูดคุยกับพวกกูดีๆอยู่เลย มันดูแปลกๆ หรือว่ามึงโดนของ” ไอ้เปอร์ปากหมามันว่าผม

          “อ้าวเหรอ! กูก็ปกติดีนี่ เห็นมะๆ” ผมว่าแล้วก็ยิ้มทำตัวให้ร่าเริงเหมือนปกติ กลบเกลื่อนความกังวลในใจ

          “เออๆ แล้วแต่มึงละกัน พวกกูก็ไม่ได้ว่าอะไรมึงนี่น่า” เปอร์เอ่ย

          “อ้อ บีมเพื่อนๆดาวชวนไปกินส้มตำกันน่ะ บีมว่างไปไหม” ดาวมันตัดบทหันไปถามบีม

          “เอาสิ บีมว่างตลอดล่ะว่าแต่จะไปวันไหนกัน” บีมตอบกลับแล้วยิ้มให้

          “ไปตอนนี้เลยได้ไหมอ่ะ หิวข้าวแล้ว” สนิมเป็นคนเอ่ยพร้อมกับลูบท้องป้อยๆ

          “ได้นะ แต่ไอ้สกายคงไปด้วยไม่ได้หรอกเห็นมันบอกมีนัดกับเพื่อน” บีมเอ่ยขึ้นแล้วใช้นิ้วหัวแม่มือชี้ไปที่ไอ้สกายที่ยืนอยู่ข้างๆ

          “กูไปได้เดี๋ยวกูโทรไปยกเลิกมันเอง” ไอ้สกายมันเอ่ยขึ้นทันที

          “อ้าวแล้วเพื่อนมึงไม่ว่าอะไรจริงๆนะเว้ย”

          “ไม่ว่าหรอก” มันบอกเพื่อนมัน

          “เออถ้างั้นก็ดี” บีมว่าแล้วหันหน้าไปถามดาวต่อ

          “ว่าแต่ไปกันเลยไหม?” บีมถามดาวแล้วหันมามองพวกผมอีกที

          “โอเคค่ะ” ดาวว่าแล้วก็ยิ้มให้บีมหลังจากนั้นก็หันมาเอ่ยกับผมต่อ “ปอมแกไปรถบีมกับฉันนะ ให้ไอ้สามคนนั้นมันไปด้วยกัน” ดาวเอ่ยกับผม ผมเองก็ทำหน้าเหวอทันที ทำไมต้องเป็นผมนะ

          “อ้าว! ทำไมต้องเป็นกูอ่ะ” ผมถามแล้วชี้ตัวเอง

          “อ้าวก็มึงรู้จักทางนี่ มึงมานั่งข้างหน้าบอกทางสกายเลย กูกับบีมจะนั่งข้างหลัง” เอาแล้วไงไอดาวมึงหางานให้กูแล้ว

          “แต่...” ผมจะเอ่ยตอบมันแต่มันกลับพูดตัดหน้าผมทันที

          “ไม่มีแต่ ไปตอนนี้เลยป่ะ พวกมึงเจอกันที่ร้านเลยนะ” ดาวบอกกับทั้งสามคนแล้วก็แยกย้ายกันไป

          เมื่อขึ้นรถแล้วผมกลับนั่งเงียบจนลืมไปว่าไอ้ดาวมันให้ผมมาบอกทางไอ้สกาย

          “ปอมมึงทำไมนั่งเงียบจังวะ กูให้มาบอกทางสกายนะเว้ย” ดาวมันเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นว่าไม่ได้ยินเสียงผมเลยตั้งแต่ขึ้นรถมา

          “ก็เค้าไม่ได้ถามกูนี่หว่าจะให้กูพูดอะไรล่ะ” ผมตอบออกไปแล้วปรายตามองไอ้สกายที่มันกำลังตั้งใจขับรถอยู่ ผ่านมาหนึ่งปีแล้วแต่ความหล่อของมันไม่ได้ลดลงเลย แต่กลับมากขึ้นด้วยซ้ำเพราะผมที่ยาวขึ้น จัดแต่งทรงอย่างเท่ห์บาดใจสาวๆบวกกับการแต่งตัวที่สุดแสนจะดูดีมากๆ มันดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมากแต่ผมไม่รู้ว่ามันจะลืมอดีตของเราแล้วหรือยัง เพราะท่าทีของมันก็ไม่ได้อะไรกับผมเลยแม้แต่น้อยแต่ก็ดีแล้ว

          “สกายมีอะไรถามมันได้เลยนะมันไม่กัดหรอก ถึงจะกัดก็ไม่เป็นไรเพราะฉีดวัคซีนไว้แล้ว ฮ่าๆ” ดาวมันแซวผมต่อหน้าเพื่อนของแฟนมัน

          “ได้ครับเดี๋ยวผมชวนปอมคุยเอง” สกายมันบอกดาวแล้วยิ้มที่มุมปาก ผมรู้สึกได้ว่ามันไม่ใช่สกายคนเดิมเลยรอยยิ้มมันน่ากลัวมากเหลือเกิน

          “ว่าแต่ร้านอยู่ตรงไหนเหรอปอม” มันถามผมด้วยน้ำเสียงสุภาพ ผมรู้สึกแปลกๆที่มันเอ่ยชื่อผม

          “ร้าน NNN อยู่ข้างๆห้างXXX อ่ะรู้จักไหม” ผมตอบกลับไปพร้อมกับมองหน้ามัน แล้วมันหันมายิ้มให้ผม มันยิ้ม มันทำเหมือนไม่มีอะไร มันคืออะไร? ผมเริ่มกลัว

          “ออ เราเคยพาแฟนเก่าไปกินบ่อยๆ ถ้างั้นไม่ต้องบอกทางก็ได้รู้จักดี” มันว่า

          มันบอกพาแฟนเก่าไปกินบ่อยๆ จะใช่แป้งหรือเปล่านะผมอยากรู้จริงๆแต่ก็ไม่กล้าถามมันหรอกครับ และอีกอย่างตอนนี้มันมีแฟนใหม่รึยังเป็นอีกคำถามที่ผมก็อยากรู้

          “ออ ถ้างั้นก็ดี”

ผมบอกมันแล้วก็นั่งเงียบตลอดทาง

@ร้านส้มตำ

          “สั่งเต็มโต๊ะอย่างนี้พวกมึงไม่ได้แกล้งกูใช่ไหมวะ” ดาวมันเอ่ยขึ้นเมื่อมองอาหารหลากหลายเมนูที่วางอยู่บนโต๊ะ วันนี้มันต้องเลี้ยงพวกผมตามสัญญา

          “เปล่าเลยเพื่อน ที่สั่งมาเนี่ยเพราะความหิวล้วนๆ” พอร์ชบอกกับดาวขณะที่มันกำลังกินไปด้วย

          ตอนนี้พวกผมนั่งฝั่งละสามคนโดยที่ดาว บีมและไอ้สกายนั่งอีกฝั่ง โดยที่ผมเสือกได้นั่งตรงข้ามกับไอ้สกาย  ซึ่งตอนนี้มันต่างจากตอนนั้นมากมายเหลือเกินช่างพูดและยิ้มง่าย สดใสร่าเริง ขี้เล่น ทำไมปีนึงผ่านไปมันเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้ ส่วนผมน่ะเหรอยังเหมือนเดิมทุกอย่าง

          “บีมคิดยังไงถึงมาชอบไอ้ดาวอ่ะ” อยู่ๆสนิมมันก็ถามบีมขึ้นมา

          บีมมองหน้าดาวทันทีที่ได้ยินคำถาม แล้วหันไปมองสนิมต่อ

          “ก็ดาวเป็นคนน่ารัก อยู่ด้วยแล้วมีความสุข เราชอบตรงนี้ของดาวอ่ะ” บีมตอบ

          “ไอ้ดาวนี่นะอยู่ด้วยแล้วมีความสุข ไม่ใช่ละพวกเราเนี่ยอยู่กับมันมีแต่ความทุกข์ที่คบอยู่เพราะทนๆเอา” สนิมแกล้งดาวเล่น ดาวได้ยินมันก็ชี้หน้าสนิมอย่างเอาเรื่องทันที

          “แหมๆๆ จริงเหรอที่ว่าอยู่กับกูมีแต่ความทุกข์  ถ้างั้นมึงก็จ่ายมื้อนี้เองละกันเนาะเพื่อน” ดาวแกล้งคืนบ้างยิ้มแล้วยักไหล่ให้

          “ใครพูดวะ! เมื่อกี้กูไม่ได้พูดนะ อะไรเข้าสิงกูก็ไม่รู้เพื่อนกูดีที่สุดแล้ว” สนิมมันยิ้มให้ดาว ผมมองแล้วขำกับคำกลับกลอกของมัน

          “มึงนี่เปลี่ยนสีเร็วยังกับกิ้งก่าเลยนะสนิม ฮ่าๆ” เปอร์มันขำออกมา

          “อ้อ แล้วสกายมีแฟนยังเนี่ย?” สนิมมันเปลี่ยนไปถามไอ้สกาย ผมได้ยินก็มองหน้ามันแวบนึงก่อนที่จะก้มหน้าก้มตากินต่อ

          “เราเพิ่งเลิกกับแฟนได้เดือนนึง” มันตอบผมไม่รู้ว่ามันทำหน้ายังไงตอนที่มันพูดเพราะไม่กล้ามองหน้ามัน แต่ผมนี่ทำไมรู้สึกหัวใจมันพองโตจังนะ ไม่เอาๆปอมมึงต้องไม่รู้สึกอะไรกับมันอีก

          “โทษที เราไม่น่าถามเลย” สนิมมันว่าอย่างสำนึกผิด แต่ผมต้องขอบใจมันที่ถามคำถามที่ผมอยากรู้ ฮ่าๆ

          “ไม่เป็นไรเราโอเคแล้วตอนนี้ไม่ได้อะไรแล้ว ความรักมันก็แค่ลมนั่นล่ะพัดมาแล้วก็พัดไป ไม่มีอะไรแน่นอน เราคบใครได้ไม่นานหรอกเพราะเคยโดนหลอกมาครั้งนึงมันเจ็บมากจนปลงแล้ว” ไอ้สกายมันพูดซะยาวแถมผมรู้สึกเหมือนมันจะพูดประชดผมซะอย่างนั้น

          “ใครช่างทำให้คนหล่อระดับเทพอย่างสกายเจ็บ โง่และตาถั่วจริงๆ” ดาวมันเอ่ย ผมที่กำลังดื่มน้ำนี้แทบพุ่งออกจากปาก มันจะรู้ไหมว่าคนที่มันว่าอยู่ตอนนี้คือเพื่อนของมันเอง

          “สงสัยมันจะเจ็บหนักจริงๆ แม่งคบใครได้ไม่นานก็เลิกตลอด” บีมเสริม

          “เราแนะนำเพื่อนให้เอาไหมสกาย เพื่อนเราสวยๆเพียบเลย” สนิมมันเอ่ยขึ้น ผมแอบปรายตามองไอ้สกาย รอฟังคำตอบมันจะว่ายังไง

          “เราเป็นคนที่เอาใจยากมากนะ ถ้าเพื่อนสนิมทนเราได้ก็โอเคนะ” ไอ้สกายมันเอ่ยแล้วปรายตามามองผมแวบนึงก่อนที่จะหันไปยิ้มและคุยกับเพื่อนๆผมต่ออย่างสนุกปาก ผมได้แต่แอบเผลอมองมันแล้วยิ้มอย่างไม่รู้ตัว

          “ไอ้ปอมมึงยิ้มอะไรวะ” พอร์ชที่นั่งข้างๆผมมันเอ่ยถามขึ้น

          “ปะ...เปล่ากูก็ยิ้มไปตามประสากูนั่นล่ะ กูยิ้มไม่ได้หรือไง?” ผมถามมันกลับ

          “เปล่ากูไม่ได้ว่าอะไร แค่สงสัย”

          “กินไปไม่ต้องสงสัยกู” ผมบอกมันพร้อมกับทำหน้ายียวนใส่

          หลังจากออกจากร้านกันแล้วพวกผมก็แยกย้ายกันกลับ  โดยที่ผมก็กลับรถคันเดิมพร้อมกับดาว บีมและไอ้สกาย เนื่องจากหอพักผมเป็นทางผ่านผมจึงลงรถเป็นคนแรก

          “จอดข้างหน้านี้ล่ะ” ผมบอกไอ้สกาย ตอนนี้ผมนั่งข้างหลังกับดาวส่วนไอ้สกายและบีมนั่งด้านหน้า

          “ขอบใจนะบีม กูไปล่ะ” ผมขอบใจบีมแล้วหันไปพูดกับดาว ทั้งๆที่ไอ้สกายมันเป็นคนขับ จริงๆแล้วรถไอ้สกายมันเสียเลยเอาไปซ่อมที่อู่ช่วงนี้จึงได้ไปไหนมาไหนกับพร้อมกับบีมบ่อยๆ

          “ขอบใจไอ้สกายโน่นปอม มันอุตส่าห์เป็นคนขับรถ” บีมหันหน้ามาบอกผมแล้วโบ้ยไปที่ไอ้สกายที่ยิ้มให้ผมผ่านกระจก

          “ขอบใจนะ” ผมบอกกับมันแล้วเปิดประตูรถลงไป ผมยืนโบกมือให้ดาวที่อยู่ในรถก่อนที่ไอ้สกายมันจะขับออกไป

          ผมมาถึงห้องก็รีบอาบน้ำชำระร่างกายให้สดชื่น หลังจากนั้นก็นั่งอ่านหนังสือที่โต๊ะสักพัก แต่ผมไม่ได้มีสมาธิในการอ่านเลยแม้แต่น้อยเพราะในหัวมันยังคิดถึงเรื่องวันนี้ ที่ได้เจอกับไอ้คนนั้นหลังจากที่ไม่ได้เจอหน้ากันมาเป็นปี ผมเปิดลิ้นชักแล้วหยิบรูปถ่ายใบหนึ่งออกมา  มันเป็นรูปถ่ายที่ผมแอบเก็บไว้และจะเอามันออกมาดูตลอดเวลาที่ผมคิดถึงใครบางคนมากจนทนไม่ได้ มันคือรูปไอ้สกายตอนที่มันกำลังนอนหลับในชุดนักเรียนที่ผมแอบถ่ายไว้ ช่วงที่มันนอนหลับมันเหมือนเด็กน้อยที่ไร้พิษสงใดๆ ผมชอบมันในเวลานี้มากมองแล้วก็อดยิ้มไม่ได้ แต่ก็นั่นล่ะครับถึงแม้ผมจะทำใจได้แล้วตอนนี้ แต่พอเห็นหน้ามันอีกครั้ง มันก็ชักจะเริ่มเขวไปผมกลัวจะกลับไปเจ็บเหมือนเดิมอีกครั้ง

          ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!

          ผมวางรูปไว้บนโต๊ะแล้วก็หันไปมองยังประตูที่ตอนนี้มีคนกำลังเคาะมันอยู่ ใครกันนะที่มาเคาะตอนนี้เพราะเพื่อนๆผมเพิ่งจะแยกกันเมื่อชั่วโมงก่อนหน้านี้เอง ผมเดินไปที่หน้าประตูแล้วยืนคิดสักพัก ก่อนที่จะค่อยๆเปิดประตูออกมา

          ผมเบิกตากว้างด้วยความตกใจแล้วอุทานออกมา

          “สะ...สกาย!”

          “ว่าไงมึง”

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
ไม่ว่าไง
ใครคือเมิง
ฮ่าฮ่า

มีให้ลุ้นอีกแระคู่นี้
ยนน
อิอิ

ออฟไลน์ armize

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 95
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ปอมลูกแม่เจ็บตัวแน่

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ไม่น่าหลวมตัวให้มาส่งที่คอนโดเลย  :ling3:

ออฟไลน์ pawara123

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 56
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
อะไร ไม่ชอบเค้าแล้วตามมาหาทำไมมม

ออฟไลน์ azaki

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 52
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-1
กลรักลวงใจ ตอนที่ 17 Game on! Update! 11-11-2017
«ตอบ #46 เมื่อ11-11-2017 22:57:17 »

กลรักลวงใจ

ตอนที่ 17 Game on!

          “สะ...สะกาย”

            “ว่าไงมึง”

            เสียงของมันทำให้ผมได้สติแล้วรีบปิดประตูทันที แต่ไม่ทันความไวของมัน มันใช้มือข้างหนึ่งดันที่ประตูไว้แล้วแทรกตัวเข้ามาในห้องผม

            “นายมาที่นี่ได้ไง ออกไปจากห้องเราเดี๋ยวนี้นะ” ผมรีบเดินมาขวางทางมันไว้  แต่มันกลับยิ้มทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้วเดินเข้ามาหน้าตาเฉย

            “ทำไมมึงไม่พูดเหมือนเมื่อก่อนล่ะที่นี่ก็มีแค่เราสองคนนี่” มันบอกพร้อมกับแสยะยิ้มให้ผม ผมไม่เข้าใจจุดประสงค์ที่มันมาวันนี้มันต้องการอะไร ในเมื่อที่เจอกันก่อนหน้านี้มันทำยังกับเราไม่เคยรู้จักกัน

            “นายคือ ‘สกาย’ คนที่เราเพิ่งเคยเจอกันครั้งแรกวันนี้ ส่วนเรื่องในอดีตเราลืมมันไปหมดแล้ว” ผมเอ่ยกับมันด้วยสีหน้าเย็นชา ให้มันรับรู้ว่าผมลืมอดีตไปแล้ว มันจะไม่มีทางที่จะกลับมาเป็นเหมือนเดิมอีกผมไม่อยากเจ็บอีก

           “มึงลืมกูได้จริงๆเหรอ มึงลืมผัวตัวเองได้จริงๆเหรอ” มันว่าแล้วทำหน้าเหี้ยมพร้อมกับเดินเข้ามาหาผม ผมได้แต่เดินถอยหลังไปจนติดโต๊ะอ่านหนังสือ

            “มึงจะมาอะไรกับกูอีก เรื่องอดีตมันจบไปแล้วเราต่างคนต่างอยู่มันจะดีกว่านะ ตอนนี้กูทำใจได้แล้ว ได้โปรดออกไปจากชีวิตกูเถอะ” ผมจ้องหน้ามันอย่างอ้อนวอน

ในที่สุดผมก็อดไม่ได้ที่จะพูดเหมือนเดิมกับมัน เพราะเราต่างคนต่างจำเรื่องในอดีตได้ดีแล้วทำไมต้องเล่นละครต่อไปล่ะ

ตอนนี้ผมมั่นใจว่าจะเดินต่อไปข้างหน้าโดยที่ไม่มีมันได้ แต่กับมันผมไม่รู้ว่ามันจะกลับเพื่ออะไร มันเป็นคนเดินเข้ามาหาผมเองซะอย่างนั้นหรือว่ามันต้องการที่จะกลับมาแก้แค้นผมคืนอย่างนั้นหรือ

            “มึงอาจจะทำได้แต่กูทำไม่ได้ มึงไม่รู้หรอกว่ากูรอวันนี้มาตลอด วันที่กูจะได้ครอบครองมึงอีกครั้ง” มันว่าแล้วก็ผลักผมลงไปที่เตียงนอนแล้วก็คร่อมตัวผมไว้

            “ปล่อยกู!”

            ผมขึ้นเสียงสูงแล้วดันไปที่อกหนาของมันพยายามที่จะลุกขึ้น มันชักจะมากเกินไปแล้วนะมาบุกรุกห้องผมแถมยังจะมาทำกับผมแบบนี้อีก ผมกลัว...กลัวว่าใจผมมันจะอ่อนแอลงเหมือนเดิมเพราะตอนนี้ใจผมมันเต้นแรงจนผิดปกติ  แต่ก็จะพยายามฝืนตัวเองให้ได้มากที่สุดเทาที่จะทำได้

            “อย่าสะดีดสะดิ้ง ทำอย่างกับไม่เคย” มันว่าผม นี่สิไอ้สกายคนเดิมที่ผมเคยสัมผัส แล้วคนที่ผมเห็นวันนี้ที่มหา’ลัยคือร่างอวตารร่างไหนของมันถึงได้ต่างกันลิบลับอย่างนี้

            “นี่สินะสันดานที่แท้จริงของมึง เล่นละครเก่งนี่วันนี้กูแทบจะเชื่อเลยว่ามึงเปลี่ยนไปเป็นคนที่อ่อนโยนแล้ว” ผมว่ามันแล้วจ้องตามันอย่างไม่ลดละ

            “แล้วไง? มึงเองก็คุ้นเคยกับกูที่เป็นแบบนี้ตั้งแต่แรกแล้วนี่”

มันพูดแล้วก็กดข้อมือทั้งสองข้างของผมลงบนเตียงแล้วโน้มใบหน้าลงมาไซร้ซอกคอผมอย่างบ้าคลั่ง ผมได้แต่ส่ายหน้าไปมา มันต้องไม่เป็นแบบนี้ผมเจอมันครั้งแรกก็ต้องเจอเรื่องแบบนี้เลยเหรอเนี่ย มันไม่ยุติธรรมเลย  ก็จริงที่แต่ก่อนเราเคยมีอะไรกันมาแล้วแต่นั่นมันเป็นความต้องการของเราทั้งสองคน และตัวผมก็เป็นคนที่เดินเข้าไปหามันเอง แต่ตอนนี้มันต้องการเอาแต่ได้ ต้องการเอาชนะ มันไม่ลืมเรื่องในอดีตจริงๆด้วยแถมยังจะหนักกว่าตอนนั้นอีก

          “อ๊ะ! พะ...พอได้แล้ว” ผมตะโกนออกมาอย่างเหลืออดก่อนที่อะไรมันจะเลยเถิด ขณะที่มันก็กำลังใช้ลิ้นของมันตวัดไปมาที่ยอดอกของผมอย่างสนุกสนาน

          มันเงยหน้าขึ้นมามองหน้าผม

          “มึงไม่มีสิทธิ์สั่งกู” มันแสยะยิ้ม ผมเกลียดรอยยิ้มนั้นมันน่าหมั่นไส้ที่สุด

          “มึงเกลียดกูไม่ใช่เหรอ เราควรหยุดทุกสิ่งทุกอย่างไม่ต้องมาเจอกันอีกมันจะดีกว่าไหม” ผมบอกมัน

           “ใช่กูเกลียดมึงมาก มึงทำให้กูเจ็บ กูไม่มีทางลืมคนที่ทำให้กูเจ็บได้ นี่ไงกูถึงตามมาหามึงถึงที่นี่เพื่อมาเอาคืน” มันบอกผมด้วยสายตาอันดุดัน

          “มึงก็ทำให้กูเจ็บเหมือนกัน กูยังลืมเรื่องนี้ได้แล้วทำไมมึงถึงต้องทำให้ตัวเองเป็นบ้าแบบนี้”

          “มึงหยุดพล่ามได้แล้ว เก็บเสียงไว้ครางดีกว่า” มันว่าแล้วก็โน้มใบหน้าลงมาจูบผมจนไม่ทันได้ตั้งตัว

          “อื้อออ” เสียงครางในลำคอของผมมันดังออกมา พร้อมกับใช้กำปั้นทุบไปที่หลังของมันรัวๆ แต่นั่นไม่ทำให้มันรู้สึกเจ็บแม้แต่น้อยเพราะตอนนี้ร่างกายมันกำยำและแกร่งขึ้นมากจนทำให้ผมกลายเป็นเด็กไปเลยเมื่อเทียบกับตัวมัน

          มันผละจากปากของผมแล้วลุกขึ้นกระชากเสื้อนอนของผมจนกระดุมหลุดกระเด็นไปทั่ว มันเหมือนหมาบ้าที่กำลังล่าเหยื่ออย่างหิวโหย มันเปลื้องผ้าผมจนหมดตามด้วยเสื้อผ้าของมันเอง

          ตอนนี้มันนอนทับร่างของผมไว้พร้อมกับจ้องตาผม ไม่มีทางที่ผมจะยอมจ้องตามันให้เจ็บใจเล่นผมเอียงหน้าหนี แต่มันก็ใช้สองมือของมันมาประครองหน้าผมพร้อมกับบดจูบอย่างรุนแรง

          “วันนี้กูจะรื้อฟื้นความทรงจำในอดีต ให้มึงรู้ว่ามึงเคยเป็นของกูมาแล้ว” มันไซร้ซอกคอผมลามลงไปจนถึงยอดอกมันลิ้มรสของยอดอกผมจนมันเปียกชื้นไปด้วยน้ำลายของมัน ผมรู้สึกได้ถึงความเป็นชายของมันที่มันดุนอยู่ที่หน้าหน้าขาของผมจนรู้สึกได้ถึงความคุ้นเคยในอดีต มันพลิกตัวผมให้นอนคว่ำแล้วก็แยกขาของผมแล้วใช้น้องชายของมันมาดุนที่ช่องทางของผม

          “ถ้ามึงทำอะไรกูวันนี้จำไว้เลยว่ามึงจะไม่มีทางได้แตะเนื้อต้องตัวกูอีก” ผมขู่มัน ชีวิตผมมันดีอยู่แล้วเชียวทำไมต้องมาเจอมันอีก ผมไม่อยากเสียใจอีกแล้ว

          “ไม่มีทาง...มึงทำไม่ได้หรอก” มันพูดจบก็กุมมือทั้งสองข้างของผมแนบลงบนเตียงแล้วดันน้องชายของมันเข้าจนสุด

          “โอ๊ย! อะ...ไอ้เหี้ยสกายกูจะ....อ๊ะๆๆ” ผมพูดยังไม่ทันจบมันก็เริ่มขยับส่วนล่างจนผมเจ็บและก็จุกมากจนร้องออกมา มันระดมจูบไปทั่วแผ่นหลังของผม ถึงแม้ร่างกายของผมจะปฏิเสธมันแต่ทำไมในใจมันกลับรู้สึกคุ้นเคย โหยหากับกลิ่นกายนี้ กับร่างกายนี้มากเหลือเกิน ไม่นะ! ผมจะต้องไม่รู้สึกกับมันแบบนั้นอีก

          “ซี๊ดส์! มึงยังแน่นเหมือนเดิม” มันพูดเสียงกระเส่าข้างๆหูผมพร้อมกับขยับช่วงล่างขึ้นลงด้วยจังหวะที่ถี่ขึ้นเรื่อยๆ

          “อ๊ะ...อ๊ะ...อ๊ะ” ผมพยายามที่จะขบริมฝีปากผมเอาไว้ไม่ให้เสียงมันเล็ดลอกออกมาแต่มันกลับทำไม่ได้

          “ครางออกมาดังๆ เลยเหมือนที่มึงเคยทำ” มันสั่งผมด้วยเสียงแหบพร่า

          ผมได้ยินอย่างนั้นก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองอยู่ใต้อาณัติของมัน ผมจะไม่ทำตามที่มันต้องการ

          “ดูซิมึงจะทนได้ซักกี่น้ำ” มันพูดจบก็กระแทกเข้ามาอย่างรุนแรงจนมันจุกและเจ็บมาก ผมกัดฟันทนแบกความเจ็บเอาไว้ ไม่ส่งเสียงร้องให้มันได้ยินแม้แต่แอะเดียว

          “อ๊ากก...อ่าส์” มันร้องออกมาด้วยความเสียวหลังจากพ่นน้ำสีขาวขุ่นในช่องทางของผมแล้วแช่มันไว้อย่างนั้นสักพัก

          “เก่งนี่” มันพูดพร้อมกับหายใจหอบเหนื่อย ไม่นานนักมันก็ใช้มือมาครอบครองน้องชายของผมเอาไว้

          “ปะ...ปล่อย เอามือสกปรกของมึงออกไปเดี๋ยวนี้” ผมว่าแล้วก็จับมือมันไว้

          “อยู่เฉยๆ” มันสั่งพร้อมกับรูดน้องชายของผมขึ้นลงจนแข็งตัว ตอนนี้ผมต้องเชื่อฟังมันแล้วเนื่องจากความเสียวที่มันเริ่มแผ่ซ่านไปทั่วทั้งร่างกาย มันทำให้ผมไม่สามารถควบคุมตัวเองได้

          “ซี๊ด...อ้าส์!” มันคือเสียงครางของผมเอง ผมไม่สามารถทนความปรารถนาของตัวเองได้ มันน่าอายไม่น้อยทั้งๆที่ก่อนหน้านี้พยายามเก็บเสียงเอาไว้ไม่ให้มันได้ยิน แต่ตอนนี้กลับปล่อยมันออกมาอย่างเต็มที่

          “กะ...ใกล้แล้ว” ผมหลับตาพริ้มพร้อมกับทำหน้าเหยเก ส่วนมืออีกข้างหนึ่งก็จับที่ต้นคอของมันไว้

          “อ้าส์!” ในที่สุดผมก็ปล่อยน้ำสีขาวขุ่นออกมาจนเลอะเต็มหน้าท้อง  เมื่อได้สติผมก็หยิบเสื้อนอนของผมที่มันฉีกขาดจากฝีมือของไอ้สกายมาเช็ดจนหมดคราบ

          หลังจากนั้นผมก็รีบนอนหันข้างให้มันทันทีด้วยความอาย แต่มันกลับตามมากอดผมจากด้านหลังแล้วก็ระดมจูบไปทั่วซอกคอและพวงแก้มของผม

          “มึงได้สิ่งที่มึงต้องการแล้วก็กลับไปซะ แล้วไม่ต้องกลับมาอีก” ผมเอ่ยเสียงแข็ง แต่อย่าคิดว่าผมจะเสียน้ำตาให้มันอีกไม่มีทาง ใจผมมันแกร่งขึ้นมากจนมันเองคงคิดไม่ถึงว่าคนที่แต่ก่อนเคยตามมันต้อยๆตอนนี้ได้เข้มแข็งขึ้นมากแล้ว

          “กูกลับแน่ แต่มันยังไม่จบแค่นี้หรอกมึงต้องชดเชยให้กูกับหนึ่งปีที่ผ่านมา ที่มึงทำให้กูต้องทนทุกข์ทรมานกับการกระทำของมึง” มันบอกผม

          “ถ้าจะพูดถึงเรื่องนั้นกูบอกไว้ก่อนเลยว่าเรามันก็ไม่ต่างกันหรอก กูหลอกมึง แต่มึงก็ทำให้กูเสียใจถือว่าเราเจ๊ากันแล้ว มันควรจะจบตั้งแต่ที่เราเจอกันครั้งสุดท้ายนั้นแล้ว” ผมอธิบายเหตุผลให้มันฟัง

         “มึงคิดเองเออเองคนเดียว กูไม่คิดแบบมึง” มันว่าแล้วก็หอมแก้มผมฟอดใหญ่

          “กูคงบอกได้แค่นั้นก็แล้วแต่มึงจะคิด กูบอกไว้ก่อนว่ากูไม่ใช่คนเดิมที่จะต้องยอมตามใจมึงทุกอย่างจำไว้”

          “กูก็จะบอกมึงเหมือนกันว่ามึงยังคงเป็นเมียกูไม่ว่าในอดีตหรือว่าตอนนี้หรือแม้แต่ในอนาคต”

          “เฮ้อ! กูจนปัญญาจะพูดกับคนอย่างมึงแล้ว รีบๆกลับไปซะ” ผมบอกมันอย่างปลงๆ

          “เออ! กูกลับแน่ แล้วเจอกันครับเมียสุดที่รัก” มันบอกผมแล้วหอมแก้มฟอดใหญ่แล้วก็ลุกขึ้นไปใส่เสื้อผ้า ผมยังคงนอนหันหลังให้มัน ไม่อยากเห็นหน้ากวนๆของมันจนได้ยินเสียงปิดประตู ผมถึงเอี้ยวตัวแล้วหันหน้าไปมองที่ประตูจนแน่ใจว่ามันออกไปแล้วจริงๆ

           “กูจะเอายังไงกับมึงดีเนี่ยไอ้สกาย” ผมพูดกับตัวเองขณะลุกขึ้นนั่งอย่างช้าๆเพราะยังเจ็บที่ช่วงล่างอยู่ แล้วหย่อนขาลงข้างๆเตียงซึ่งติดกับโต๊ะอ่านหนังสือ

            ผมคิดอะไรในใจสักพักแล้วก็หันไปที่โต๊ะอ่านหนังสือ ผมเห็นรูปถ่ายของไอ้สกายที่ผมวางมันไว้ก่อนหน้านี้

           “เหี้ยแล้ว!” ผมอุทานออกมาก่อนที่จะเอื้อมมือไปหยิบรูปถ่ายนั้นขึ้นมา  มันจะเห็นรูปนี้ไหมนะเมื่อสักครู่ ทำไมนะผมถึงได้ซวยอย่างนี้ปากก็บอกมันว่าทำใจได้แล้วแต่เสือกทิ้งหลักฐานชิ้นสำคัญไว้ให้ไอ้คนนั้นมันได้ใจซะนี่

ผมเห็นปลอกปากกาถูกถอดวางไว้ หรือว่ามันจะเขียนอะไรไว้ผมคิดในใจแล้วก็พลิกดูที่หลังรูปถ่ายทันที

           ‘มึงลืมกูไม่ได้หรอก’
 
           มันเขียนไว้ข้างหลังภาพถ่าย ผมรู้สึกว่าเรื่องของมันกับผมกำลังจะเริ่มต้นใหม่อีกครั้งหลังจากที่ได้เจอกับมันครั้งนี้  แต่ครั้งนี้มันจะไม่ใช่คนคุมเกมส์เหมือนคราวที่แล้วหรอกครับ  เกมส์นี้ผมจะต้องเป็นคนคุมมันเอง ในเมื่อต่างคนต่างอยู่ไม่ได้ผมก็พร้อมที่จะต้อนรับการกลับมาของมัน ผมคิดแล้วเก็บภาพถ่ายไว้ในลิ้นชักเหมือนเดิม

          ผมกดโทรศัพท์โทรออกหาคนที่กำลังอยู่ในหัวผมตอนนี้ทันที

          “ฮัลโล พี่มาร์ค”

          “ว่าไงน้องปอมคิดยังไงถึงโทรมาหาพี่ครับหรือว่าคิดถึง?”

           “ก็ไม่เชิงครับ ผมมีเรื่องจะบอกพี่”

           “เรื่องอะไรน้า พี่อยากรู้จะแย่แล้วเนี่ย”

           “พี่ยังจำได้ไหมที่พี่เคยบอกว่าอยากคบกับผม”

           “พี่จะลืมได้ยังไงเรื่องสำคัญขนาดนั้น พี่ยังรอคำตอบอยู่นะครับ”

          “นี่ไงครับที่ผมโทรมาหาพี่วันนี้ จะบอกว่า...ผมตกลง***! ผมจะคบกับพี่มาร์ค***”

           Game on!


ออฟไลน์ ashbyipcet

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
Re: กลรักลวงใจ ตอนที่ 17 Game on! Update! 11-11-2017
«ตอบ #47 เมื่อ11-11-2017 23:05:19 »

Game on ของจริงค่ะ
สู้ๆนะแกรเจ้เชียร์ค่ะ  :call: :mew3:

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
Re: กลรักลวงใจ ตอนที่ 17 Game on! Update! 11-11-2017
«ตอบ #48 เมื่อ12-11-2017 01:30:41 »

จะรอว่าใครจะชนะ ใครจะแพ้  : 222222:

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
Re: กลรักลวงใจ ตอนที่ 17 Game on! Update! 11-11-2017
«ตอบ #49 เมื่อ12-11-2017 21:43:57 »

ถ้าเราจะต้องชนะเขา
แล้วเรากลับต้องแพ้ใจตัวเอง

มันคุ้มมั้ยอ่ะ
ปอม

กลัวจะมีแต่คนแพ้ กับ คนแพ้
ไม่มีใครชนะซักคนเดียว

ขอให้เล่นเกมนี้ให้สนุกนะ
เราจะรออ่านให้สนุก
อิอิ

+1 ฮับ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: กลรักลวงใจ ตอนที่ 17 Game on! Update! 11-11-2017
« ตอบ #49 เมื่อ: 12-11-2017 21:43:57 »





ออฟไลน์ azaki

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 52
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-1
กลรักลวงใจ

ตอนที่ 18 ตาต่อตาฟันต่อฟัน

Pangpond’s Part :     

@โรงเรียน

            ขณะนี้ผมกำลังยืนอยู่หน้าโรงเรียนกับไอ้ตองพวกเรารอพี่ตี๋มารับ จะบอกว่าตอนนี้ผมกับพี่ตี๋เราคบกับแล้วนะครับ ผมยอมใจอ่อนคบกับพี่เค้าก่อนวันปัจฉิมนิเทศเพียงไม่กี่วัน วันนั้นผมจำได้ดีพี่ตี๋เค้าทำให้ผมมั่นใจว่าพี่เค้าให้ความสำคัญกับผมและพร้อมที่จะมีผมเพียงคนเดียว ช่วงเที่ยงพี่ตี๋หอบดอกกุหลาบช่อใหญ่มาคุกเข่าขอผมเป็นแฟนท่ามกลางคนนับพัน ผมนี่อยากเอาหน้าแทรกแผ่นดินหนีมากเพราะมันอายมากเหลือเกิน ผมรับดอกไม้แล้วก็ตอบตกลงอย่างไม่ลังเล ส่วนหนึ่งก็เพราะคำพูดที่พี่ปอมเคยบอกกับผมว่า ‘หากมีช่วงเวลาที่มีความสุขเราควรจะรีบตักตวงมันไว้เพราะไม่รู้ว่าเราจะมีช่วงเวลานั้นได้นานเท่าไร’

            “ทำไมวันนี้พี่ตี๋มาช้าจังนะ” ตองมันยืนบ่นพลางมองที่นาฬิกาข้อมือพร้อมกับชะเง้อมองหาพี่ชายมันไปด้วย

            “ส่วนผมน่ะหรือ กำลังอ่านคอมเมนต์ในไอจี” เพราะหลังจากที่พี่ตี๋ประกาศขอผมเป็นแฟนทำให้สาววายในโรงเรียนแห่มาติดตามในไอจีผมตรึมเลย ขอให้ลงรูปคู่บ้างล่ะ ขอให้ไลฟ์สดบ้างล่ะ กลายเป็นคนดังไปเลย แต่ก็มีบางส่วนที่ไม่ชอบขี้หน้าผม แต่ผมไม่สนใจหรอกเพราะคนชอบผมเยอะจะตายทำไมต้องแคร์

            pompam คู่นี้น่ารักจัง

            toomme พี่ตี๋น่ารัก อิจฉาพี่ปังปอนด์จังเลยค่ะ

            ppoom FCคู่นี้

            และอีกหลายๆคอมเมนต์ผมอ่านไปก็ยิ้มไปด้วย

            “แกยิ้มอะไรปังปอนด์” ตองมันหันมามองผมแล้วถามขึ้นทันที

            “อ่านคอมเมนต์แล้วดีใจที่มีคนชอบเยอะขนาดนี้อ่ะแก” ผมตอบไปยิ้มไป

            “ฉันก็ชอบปลื้มที่สุด” ตองมันยิ้มจนตาเป็นรูปสระอิ

            “แกนี่นะ ฮ่าๆๆ” ผมขำกับท่าทางของมัน การที่ผมกับพี่ตี๋ได้คบกันนอกจากที่เราจะมีความสุขกันทั้งสองคนแล้ว ยังมีไอ้ตองที่มันค่อนข้างจะมีความสุขมากกว่าพวกผมซะอีก

            “นั่นมาแล้วพี่ชายฉัน” ตองมันว่าขณะที่รถหรูของพี่ตี๋กำลังเคลื่อนตัวมาอย่างช้าๆแล้วจอดตรงหน้าพวกเราทั้งสองคน   

            พี่ตี๋จอดรถแล้วก็ลดกระจกลงมาหันหน้ามายิ้มแป้นให้ผม ส่วนมากพี่ตี๋จะมาหาผมอาทิตย์ละสองสามครั้ง ตอนนี้เค้าย้ายไปพักที่คอนโดใกล้ๆกับมหาวิทยาลัย นานๆทีผมจะไปค้างกับพี่เค้า

            “ที่รักรอนานไหมครับ?” พี่ตี๋มันว่าแล้วยิ้มตาตี่ให้ผม

            “แหมๆๆ ไม่ทักน้องในไส้เลยนะพี่ หวานกันจริงๆ” มันพูดเหมือนน้อยใจแต่มันกลับยิ้มซะฟินเชียว

            “ขึ้นรถเร็วเดี๋ยวพาไปกินข้าว” พี่ตี๋มันว่าแล้วพวกผมก็รีบขึ้นรถ โดยที่ผมนั่งข้างหน้าส่วนไอ้ตองมันนั่งข้างหลัง

            พอขึ้นรถมาพี่ตี๋มันก็ยื่นมือมาจับมือผมไว้แล้วใช้นิ้วหัวแม่มือบีบวนเบาๆที่หลังมือ เค้ายิ้มให้ผมก่อนที่ผมจะยิ้มตอบกลับเช่นกัน

            “วันนี้มีคนมาจีบรึเปล่า?” ทุกครั้งที่เจอกันพี่ตี๋มักจะถามผมแบบนี้ตลอด ไม่รู้ว่าจะหวงอะไรหนักหนาผมเองก็ไม่ได้เหลวไหลซะหน่อย แต่ก็อย่างว่านะคนน่ารักอย่างผมใครๆก็อยากรัก ฮ่าๆ

            “ขี้เกียจตอบและ ถามคำถามอื่นบ้างเหอะ!” ผมตอบกลับแล้วชกเบาๆที่ต้นแขนของพี่ตี๋

            “จะหยอกกันอีกนานไหมเนี่ยตองหิวข้าวจะแย่แล้วเนี่ย” ตองมันพูดแล้วตามมาด้วยเสียงท้องมันร้องชัดเจนว่ามันคงจะหิวมาก

            “ฮ่าๆๆ รอแปบน้องสาว เดี๋ยวพี่จะเลี้ยงให้อิ่มแปล้เลย” พี่ตี๋มันว่าแล้วก็ออกรถทันที

@ร้านอาหารในห้างแห่งหนึ่ง

            พี่ตี๋พาพวกผมมาทานอาหารในห้างแห่งหนึ่งแถวๆโรงเรียน

            “สั่งเลยเดี๋ยวพี่ไปเข้าห้องน้ำแปบนึง” พี่ตี๋บอกแล้วก็เดินไปเข้าห้องน้ำโดยไม่ลืมที่จะมาบี้แก้มผมเล่นเบาๆก่อนที่จะเดินไป

            “อื้อ ยังจะมาเล่นอีก” ผมบอกพร้อมทำหน้ายู่ใส่ พี่เค้ายิ้มแล้วก็เดินไป

            ผมกับตองกำลังสั่งอาหารกับพนักงาน

“เอาตามนี้เลยครับ”

ผมยื่นกระดาษใบเล็กๆที่เขียนเมนูอาหารส่งให้กับพนักงานหลังจากนั้นก็นั่งรอ ไม่นานนักก็ได้ยินเสียงใครบางคนที่คุ้นเคยทักมา   

            “อ้าว! ปอนด์ ตอง” เป็นเสียงของนพที่เดินเข้ามาทักพวกเรา

            “อ้าว! นพ มากับใครเนี่ย” ผมเองก็เอ่ยขึ้นอย่างประหลาดใจที่ได้เจอกันที่นี่

            ‘นพ’ เป็นเพื่อนร่วมห้องของพวกเราซึ่งไม่ค่อยสนิทกันสักเท่าไหร่ นานๆทีจะได้คุยกันเพราะงานกลุ่ม นพจะอยู่กลุ่มผู้ชายหลังห้องส่วนพวกผมจะอยู่หน้าห้อง บางทีผมก็รู้สึกแปลกๆกับไอ้คนนี้เพราะหลายต่อหลายครั้งตอนที่อยู่ในห้องหรือที่อื่นๆ ผมรู้สึกว่ามันจะคอยจ้องมองผมตลอดแต่ไม่อยากจะเข้าข้างตัวเองมากนักว่ามันอาจจะคิดอะไรกับหรือเปล่า

            “มากับพวกไอ้เปรมนั่นละพวกเรานั่งโต๊ะโน้น” มันว่าแล้วก็ชี้ไปให้ผมดู

            “ออ” ผมมองตามไปแล้วก็พยักหน้า

            “แล้วมากันสองคนหรอ?” มันถามขึ้นมาก่อนที่จะมองไปรอบๆภายในร้านเหมือนมองหาใครสักคนหนึ่ง

            “เปล่ามีพี่ตี๋อีกคนไปเข้าห้องน้ำอยู่” ตองมันตอบแทนผม น้ำเสียงของตองทำให้ผมรับรู้ได้ว่าตอนนี้มันกันท่าไอ้นพให้พี่ชายมันอย่างแน่นอน ใครจะมาวอแวกับผมไม่ได้เลยเพราะมันได้รับคำสั่งจากพี่ชายมัน ไม่รู้ว่ามันได้ค่าจ้างเท่าไหร่ ฮ่าๆ”

            “ออ เดี๋ยวเราไปก่อนนะ” มันว่าแล้วก็มองข้ามหัวผมไป ผมเองก็หันไปมองตามมันไม่ใช่ใครครับเป็นพี่ตี๋ที่กำลังเดินมาพอดี มันโบกมือให้พวกผมหลังจากนั้นก็เดินกลับไปที่โต๊ะ

            “ปอนด์ ฉันว่าไอ้นพมันมองแกแปลกๆนะเหมือนมันสนใจแกเลยอ่ะ” ตองมันเริ่มพูดเรื่องที่ผมก็สงสัยเช่นกัน

            “ไม่มีอะไรหรอกน่า แกอย่าคิดมาก” ผมบอกมันเพราะกลัวมันเอาเรื่องนี้ไปพูดให้พี่ตี๋ฟัง

            “เมื่อกี้ใครอ่ะ” พี่ตี๋มันถามผมเสียงแข็งเมื่อเดินมาถึง

            “อ๋อเพื่อนที่โรงเรียนอ่ะ” ผมตอบ

            “ทำไมมันมองพี่ตาแข็งอย่างนั้นอ่ะ มันมาจีบปอนด์หรือเปล่า” พี่ตี๋ถามผมแล้วจ้องหน้ารอคำตอบ

            “บ้าหรอ! ใครจะกล้ามาจีบก็รู้ๆอยู่ว่าผมเป็นแฟนพี่”

            “อย่าให้รู้นะว่ามีใครมาจีบ ไม่งั้นพี่จะฆ่ามันให้ตายเลย”

            “ทำเป็นโหดไม่เหมาะกับหน้าหล่อๆเลยนะครับ” ผมพูดให้พี่ตี๋อารมณ์ดีขึ้นแล้วยื่นมือไปเกาคางพี่เค้าเล่นเบาๆ

            “ภูมิใจอ่ะดิมีแฟนหล่ออย่างนี้” พี่ตี๋มันยิ้มกว้างทันทีที่ผมชม

            “นิดนึง” ผมเองก็ยิ้มกว้างไม่แพ้กัน

            พวกเราจู๋จี๋กันจนลืมไปเลยว่ามีไอ้ตองที่ตอนนี้มันกำลังนั่งอมยิ้มมองดูพวกเรา  ไม่นานหลังจากนั้นอาหารก็มาเสิร์ฟที่โต๊ะ พวกเราทั้งสามก็จัดการมันจนเกลี้ยงแล้วพี่ตี๋ก็ขับรถมาส่งผมที่บ้าน

            ระหว่างทางมีคนโทรฯเข้ามาหาพี่ตี๋อยู่สองสามครั้งแต่ด้วยที่พี่เค้ากำลังขับรถเลยทำให้พี่มันไม่รับสายแต่เลือกที่จะตัดสายทิ้งซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนผมอดสงสัยไม่ได้ว่าใครโทรมากันแน่ มีธุระอะไรสำคัญหรือเปล่า

            “ให้ผมรับให้ไหม?” ผมถามพี่ตี๋แล้วมองหน้า

            “ไม่เป็นไรหรอกครับที่รัก พอดีเพื่อนมันโทรมาเดี๋ยวพี่ถึงบ้านแล้วค่อยโทรกลับหามันดีกว่า” พี่ตี๋บอกผม

            “โทรมาบ่อยอย่างนี้กลัวจะมีธุระสำคัญอ่ะดิ” ผมยังถามต่อ

            “ปิดเครื่องดีกว่าปอนด์จะได้ไม่รำคาญ” ว่าแล้วพี่มันก็ยื่นมือไปจับโทรศัพท์มือถือที่อยู่ข้างๆแล้วปิดเครื่องทันที

            “มีพิรุธจัง สาวโทรมารึเปล่าเนี่ย” ผมถามด้วยความสงสัยแล้วจ้องหน้าพี่ตี๋ที่ตอนนี้กำลังมองทางอยู่

            “เปล่าพี่จะมีสาวที่ไหนเล่าวันๆเอาแต่คิดถึงคนที่นั่งอยู่ข้างๆเนี่ย” พี่มันตอบเอาใจผม แต่ผมไม่เชื่อหรอกคนมันเคยๆ เสือก็ยังเป็นเสืออยู่วันยังค่ำ

            “อย่าให้รู้นะ ไม่งั้น...” ผมพูดแล้วปล่อยค้างท้ายประโยคไว้

            “ไม่งั้นจะทำไม ฮึ” พี่เค้าว่าแล้วก็เอามือข้างหนึ่งมาจับที่ศีรษะผมขยี้เบาๆอย่างหมั่นเขี้ยวจนผมเอียงหัวหนี

            “ก็จะมีกิ๊กเหมือนกันไงจะได้เสมอกัน” ผมบอก

            “ใช่ๆๆ ถ้าพี่ตี๋มีสาวตอนไหนนะ ตองจะเชียร์ให้ปอนด์มันมีกิ๊ก” ตองที่นั่งเล่นโทรศัพท์มือถืออยู่ข้างหลังเอ่ยแทรกขึ้นมาเข้าข้างผม

            “ห้ามมีนะโว้ย!” พี่มันร้องเสียงดังขึ้นทันที จนผมอดขำไม่ได้

            “ถ้างั้นก็ห้ามมีคนอื่นสิ ทำได้ป่าว?” ผมบอก

            “เค้าสัญญาครับว่าจะไม่นอกใจที่รัก” พี่มันพูดเสียงอ้อนๆ

            “ทำให้ได้อย่างที่พูดล่ะ” ผมยิ้มให้แล้วหยิกแก้มไปทีนึง

            “คร้าบบบบที่รัก”

            พี่ตี๋มาส่งผมถึงบ้านแล้วก็กลับไปทันที ขณะที่ผมกำลังเดินเข้าไปในบ้านก็รู้สึกเมื่อยๆที่ไหล่เพราะนั่งรถมานานเลยใช้มือบีบไปที่บริเวณไหล่แล้วก็รู้สึกได้ว่ามีเส้นอะไรติดมือผมมาด้วย ผมเอามันมาดูมันคือเส้นผมผู้หญิง ผมมั่นใจว่ามันคือเส้นผมของผู้หญิงแน่นอนเพราะว่ามันยาวมาก  เอาแล้วไงแฟนผมพาใครมานั่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถกันล่ะเนี่ย จะเป็นเพื่อนหรือสาวๆผมชักเริ่มจะไม่แน่ใจแล้ว

*-*-*-*-*-*



Pom’s Part :

            วันนี้ผมนัดพี่มาร์คที่ใต้ตึกคณะ โดยที่ตอนนี้พวกผมนั่งอยู่กันครบทีมหลังเรียนคาบสุดท้ายเสร็จ แต่ละคนก็นั่งเล่นโทรศัพท์มือถืออย่างไม่สนใจสิ่งรอบข้างรอไปทานข้าวเย็นกัน ส่วนไอ้ดาวมันก็นัดกับบีมไว้ด้วยเหมือนกันและแน่นอนไอ้สกายมันก็จะตามมาด้วยอย่างแน่นอน

            “พวกมึงกูมีเรื่องจะบอก” ผมเอ่ยออกมาท่ามกลางความเงียบ ทุกคนก็ยังไม่ได้สนใจมองผมแม้แต่น้อย

            “มีอะไรไอ้ปอมว่ามาสิ” สนิมมันเอ่ยขึ้นเป็นคนแรกแต่ก็ยังจ้องที่หน้าจอโทรศัพท์มือถือ

            “กูคบกับพี่มาร์คแล้วนะ” ผมเอ่ยออกมาเสียงดัง

            นั่นไงพวกมันหันขวับมาที่ผมพร้อมกัน แล้วมองหน้าผมเหมือนไม่อยากจะเชื่อ นั่นเป็นเพราะพี่เค้ามาขายขนมจีบให้ผมอยู่บ่อยๆแต่ผมก็บอกพี่เค้าว่าตอนนี้ยังไม่อยากมีแฟน ยังอยากใช้ชีวิตโสดอยู่แต่แกก็บอกว่ารอได้แล้วอีกอย่างก็เกรงใจแกด้วยเพราะเป็นรุ่นพี่ภาควิชาเดียวกันอีกเลยไม่กล้าปฏิเสธแบบตรงๆ

            “เฮ้ย! มึงพูดจริงดิ อะไรดลใจให้มึงตอบตกลงคบกับพี่เค้าวะ” พอร์ชมันถามขึ้นมาด้วยท่าทีแปลกใจ

            “ก็กูอยากลองคบพี่เค้าดูก็ไม่เสียหายอะไรนี่หว่า พี่เค้าก็หล่อและรวยมากคุณสมบัติครบถ้วน และอีกอย่างดาวมันก็มีแฟนไปและ กูก็อยากมีบ้างอิจฉามัน ฮ่าๆ” ผมพูดติดตลกไปด้วย

            “เอาจริงๆมึงชอบพี่เค้ารึเปล่าวะ” ดาวมันถาม

            “ก็ยังหรอกแต่คิดว่านานไปก็อาจจะรัก” ผมบอกด้วยท่าทีไม่มั่นใจแต่ก็ยิ้มให้พวกมัน

            “กูว่าพี่เค้าโอเคนะ คอยตามไอ้ปอมต้อยๆๆมาเป็นเทอมแล้วเนี่ย มีความพยายามดี” เปอร์มันบอกรู้สึกว่ามันจะเชียร์คู่ผมกับพี่มาร์คมากกว่าคนอื่นๆ เพราะหลายครั้งที่พี่เค้ามาจีบผมมันก็จะเป็นเชียร์พี่เค้าตลอด

            “อย่างนี้ต้องไปฉลองกันอีกครั้งโว้ยเพื่อนกำลังจะมีแฟน” สนิมมันเอ่ยแล้วชูมือขึ้นท่าไชโย

            “อย่างนี้ต้องให้พี่มาร์คเป็นเจ้ามือ โน่นเดินมาแล้วไง”

พอร์ชมันบอกแล้วโบ้ยหน้าไปที่พี่มาร์คที่กำลังเดินหล่อมาแต่ไกล

            “สวัสดีครับพี่มาร์ค” พอร์ชมันเอ่ยขึ้นแล้วพวกผมก็ยกมือขึ้นไว้กันทุกคน

            “มาชุมนุมอะไรกันที่นี่ครบทีมเชียว” พี่มาร์คถามแล้วนั่งลงข้างๆผม

            “มาร่วมแสดงความยินดีกับเพื่อนที่กำลังจะมีแฟนครับ” เปอร์มันพูดเสียงดัง ผมส่งสายตาดุให้มัน

            พี่มาร์คหันมามองหน้าผมแล้วก็ยิ้มให้ มันเป็นรอยยิ้มที่มีเสน่ห์และดูจริงใจที่ผมไม่เคยจะเห็นมันเพราะมัวแต่นึกถึงไอ้คนนั้นเลยทำให้มองข้ามคนที่ดีๆอย่างพี่มาร์คไปได้

            “อย่างนี้พี่ก็ไม่ต้องบอกแล้วสินะ คงรู้กันหมดแล้วขอฝากเนื้อฝากตัวกับน้องๆด้วยนะครับ” พี่มาร์คพูดด้วยท่าทีสุภาพ เค้าเป็นสุภาพบุรุษมากจนผมเองกลับคิดว่าพี่เค้าดีเกินไปหรือเปล่า ผมไม่ควรเล่นกับความรู้สึกของพี่เค้าเลยจริงๆ เหมือนกับว่าผมกำลังจะทำให้ประวัติศาสตร์มันซ้ำรอยอีกครั้ง

            “พี่มาร์คต้องพาพวกผมไปเลี้ยง ถือว่าเป็นการเปิดตัวเพื่อนเขยอย่างเป็นทางการ” เปอร์มันบอกพี่มาร์ค ดูจะสมใจมันแล้วล่ะสิที่คนที่มันเชียร์เข้าวิน

            “ได้เลย ไม่อั้นคืนนี้เลยไหมไปดริ๊งกันพี่เป็นเจ้ามือ”

            “ดาวมึงชวนบีมไปด้วยเลยสิไหนๆก็จะมาอยู่แล้วนี่” ผมบอกอยากจะรู้จังว่า ถ้าไอ้สกายมันรู้ว่าผมเปิดตัวแฟนวันนี้มันจะทำหน้ายังไง

            “ได้ๆ ถ้ากูชวน บีมไปอยู่แล้ว” ดาวมันบอก

            “โน่นมาแล้วแฟนมึง” สนิมเอ่ยขึ้นหลังจากที่เห็นสองหนุ่มกำลังเดินเข้ามาหาพวกผมที่โต๊ะ

            ผมพยายามทำตัวให้ปกติที่สุดเท่าที่จะทำได้ แล้วก็ขยับเข้าไปหาพี่มาร์คจนชิดกัน พี่มาร์ครู้สึกได้แล้วก็มองหน้าผมแล้วยิ้มให้

            “สวัสดีทุกคน” บีมเดินมาถึงก็ทักทายพวกเราทันที

            พวกผมทุกคนก็ยิ้มทักทายมันเหมือนกันรวมถึงไอ้สกายที่ตอนนี้มันกำลังมองมาที่ผมเหมือนมีอะไรคาใจ

            “บีมค่ะ เย็นนี้ไปดริ๊งฉลองให้ไอ้ปอมกันนะคะ” ดาวมันเอ่ยขึ้น

            “เอาสิ! ว่าแต่ฉลองเรื่องอะไรล่ะปอม” บีมเอ่ยถามขึ้น

            “เอ่อ...” ผมไม่รู้จะพูดว่าอะไรดีมันก็จะอายๆหน่อย

            “คืองี้...ปอมมันมีแฟนแล้วค่ะ นี่ไงพี่มาร์คแฟนปอม” ดาวมันตอบแทนผมแล้วแนะนำพี่มาร์คให้บีมรู้จัก

            “เฮ้ย! ดีใจด้วยนะปอม พี่มาร์คด้วยนะครับ” บีมมันยิ้มให้พวกผม

            “ขอบใจมากบีม” ผมพูดกับบีมขณะเอามือมาคล้องแขนพี่มาร์คเอาไว้ แล้วก็ไม่ลืมที่จะยิ้มที่มุมปากให้ไอ้สกายที่ตอนนี้มันทำหน้านิ่งมากจนเดาอารมณ์มันไม่ถูก

            “ไอ้สกายมึงจะไปด้วยป่ะวะ” บีมมันหันไปชวนไอ้สกาย

            “ไปดิวะ กูไม่พลาดแน่นอน!” มันตอบเพื่อนแต่สายตากลับจ้องมาที่ผมราวกับว่าผมกำลังท้าทายอำนาจมันซะอย่างนั้น



มีหรือที่ผมจะแคร์...มันเองก็เคยทำกับผมแบบนี้

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
อูยยยยย...แรง
ปอมเอาคืนแบบทุกเม็ดสะเด็ดน้ำ
จะไหวป่ะ สกาย
ฮ่าฮ่า

ไอ่พี่ตี๋..อย่าให้ปอนด์จับได้นะว้อยยยยย
เอาคืนเหมือนกัน
หุหุ

ชอบบบบบบบบบเรื่องนี้
ถูกจายยยยยยยยย
อิอิ


ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ปีที่ผ่านมาทำหลานปอมระทมสุด ๆ แล้วสกายไปทำอะไรมา ถึงได้โทษเอา ๆ กับหลานปอมฝ่ายเดียว ตัวเองควงแฟนใหม่มาให้เห็นตำตา พอหลานปอมทำบ้าง มีโมโห  :m16:

ออฟไลน์ armize

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 95
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0

ออฟไลน์ azaki

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 52
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-1
กลรักลวงใจ

ตอนที่ 19 โลกมันกลม



@Chill Bar 11

            ตอนนี้พวกเรานั่งชิลล์กันที่ร้าน ‘Chill Bar 11’ ซึ่งเป็นร้านเหล้าเอาท์ดอร์แห่งหนึ่งแถวๆหอพักผม ผมโยกตัวเบาๆพร้อมกับฮัมเพลงไปพร้อมกับนักร้องที่กำลังร้องสดๆบนเวทีกลางแจ้ง

            “ว่าแต่พี่มาร์คกับปอมคุยกันนานไหมกว่าจะคบกันได้” บีมมันถามขึ้นพร้อมกับยกแก้วเบียร์จิบไปด้วย

            ผมมองหน้าพี่มาร์คแล้วยิ้มให้เพราะไม่แน่ใจว่าใครจะเป็นคนตอบดี พี่มาร์คยักคิ้วให้ผมทีหนึ่งเชิงสื่อให้ผมเป็นคนตอบ

            “ก็นานเหมือนกันนะกว่าเราจะตอบตกลง” ผมพูดอย่างเขินๆ ผมแกล้งทำเป็นรักพี่มาร์คมากมายเพื่อให้ไอ้คนที่นั่งอยู่ตรงข้ามผมมันรู้สึกว่าผมไม่ใช่สิ่งของที่มันอยากจะใช้ก็ใช้อยากจะทิ้งก็ทิ้ง ผมมีค่ามากกว่านั้น

            “จงบอกข้อดีของพี่มาร์คมา” ไอ้ดาวมันเอ่ยขึ้น ผมรู้สึกขำกับคำถามมันจริงๆ รู้สึกว่าตอนนี้เหมือนผมอยู่ในงานแถลงข่าวงานเปิดตัวระหว่างผมกับพี่มาร์คซะอย่างนั้น

            “ก็พี่มาร์คเป็นคนดีและไม่เคยทำให้กูผิดหวังและเสียใจแม้แต่ครั้งเดียว” ผมพูดเน้นๆแล้วมองไปที่ไอ้สกาย

            “กูเชียร์คู่นี้โคตรๆ ยอมใจกับความพยายามของพี่มาร์ค ตามไอ้ปอมนานมากกว่ามันจะยอม แถมไม่เคยวอกแวกแม้แต่น้อย” เปอร์เอ่ยชมพี่มาร์คจนคนที่นั่งอยู่ข้างๆผมยิ้มจนแก้มจะฉีก

            “เอ็งนี่ตาถึงไม่ต่างจากปอมเลยจริงๆไอ้เปอร์” พี่มาร์คเอ่ยกับเปอร์ยิ้มๆ

            ขณะที่ทุกคนกำลังพูดคุยกันอย่างสนุกสนานแต่ผมกับไอ้สกายกลับเอาแต่จ้องหน้ากันอยู่บ่อยๆ จนรู้สึกว่ามันเองก็รู้สึกอ่อนไหวไม่น้อยที่ผมกอดไหล่หรือซบพี่มาร์ค ผมสังเกตได้ถึงสายตาที่อ่อนโยนของไอ้สกายคนเดิม คนที่จ้องตาผมเมื่อตอนอยู่บนเตียงในคอนโดของมันเมื่อปีที่แล้ว

            “เดี๋ยวกูไปนี่แป๊บนึงนะ” ไอ้สกายมันบอกบีมแล้วก็ลุกขึ้น

             “มึงจะไปไหนวะ” บีมถามไอ้สกายผมมองมันทุกอิริยาบถอย่างไม่ได้ตั้งใจ

             “แถวนี้ล่ะ เดี๋ยวมา” มันว่าแล้วแอบปรายตามามองผมแวบนึง

            “เออ รีบมาละกัน” บีมบอกก่อนที่ไอ้สกายจะเดินออกไป สงสัยมันคงทนฟังเรื่องของผมกับพี่มาร์คไม่ได้จนต้องเดินออกไป เป็นไงล่ะสมน้ำหน้าผมคิดในใจ

            “วันนี้สกายดูซึมๆไปนะบีม เค้าเป็นอะไรหรือเปล่า” ดาวถามขึ้นหลังจากที่ไอ้สกายมันเดินออกไปแล้ว ผมได้ยินก็รู้สึกเจ็บหน่วงๆที่ใจเพราะไม่แน่ใจว่าที่มันทำหน้าและท่าทางแบบนั้นเป็นเพราะผมหรือเปล่า ถ้าเป็นเพราะผมมันคือชัยชนะที่ผมได้มาแล้วในวันนี้ ผมทำให้มันรู้สึกได้แต่ทำไมในใจมันกลับเจ็บจี๊ดๆ เหมือนมีเข็มมาทิ่มซะอย่างนั้น

            “ไม่รู้เหมือนกันว่ามันเป็นอะไร ตอนนั่งรถมาด้วยกันยังดีๆอยู่เลย ปกติเราไปนั่งชิลล์กันก็บ่อยแต่ครั้งนี้มันกลับรู้สึกตื่นเต้นมากกว่าทุกๆครั้งซะอย่างนั้น ไม่รู้ว่ามันนัดสาวๆไว้ที่นี่ด้วยหรือเปล่า ไอ้นี่เด็กๆมาติดมันเยอะแต่ไม่ยักจะคบใครสักคนเลือกมากจริงๆ” บีมตอบคำถามดาวพร้อมกับส่ายหัวกับเรื่องราวของเพื่อน

            “อ๋อ...ถ้าอย่างนั้นคงเป็นเรื่องผู้หญิงล่ะมั้ง” ดาวเอ่ยขึ้นอย่างคลายสงสัย

            ทำไมผมต้องรู้สึกเป็นห่วงมันด้วยนะ...แกต้องเข้มแข็งเข้าไว้ไอ้ปอม อย่าให้อดีตกลับมาทำร้ายแกอีก ผมนั่งคิดในใจ

            “ปอม นั่งเหม่ออะไรเนี่ย” พี่มาร์คว่าพลางเอามือมาโบกไปมาตรงหน้าผม

            ได้สติผมก็หันไปมองหน้าพี่มาร์คก่อนที่จะยิ้มแหยๆให้

            “ปะ...เปล่าครับพี่มาร์ค พอดีปอมคิดไปเรื่อยเปื่อยไม่มีอะไรหรอกครับ”

            ผมว่าแล้วก็ยกแก้วน้ำสีอำพันชูขึ้น

           “พวกเราชนแก้วหน่อยครับ”

           แกร๊งงงง!!!!

           เสียงกระทบกันของแก้วดังขึ้นก่อนที่พวกผมทุกคนจะดื่มมันเข้าไป แล้วก็นั่งฟังเพลงไปเรื่อยๆ ผ่านไปเกือบสิบนาทีแล้วยังไม่มีวี่แววว่าไอ้สกายจะกลับมาเลย หรือว่ามันจะทนไม่ได้จนกลับไปแล้ว

           “เอ! ไอ้สกายนี่มันไปไหนของมันเนี่ย” บีมว่าแล้วก็มองไปรอบๆร้านเผื่อว่าจะเจอเพื่อนของตัวเอง แต่ไม่ใช่มันคนเดียวแต่ผมเองก็ส่องสายตามองไปด้วยเช่นกัน

            อยู่ๆนักร้องบนเวทีก็หยุดเล่นดนตรีแล้วก็เอ่ยอะไรกับลูกค้าในร้าน จนทุกคนสนใจหันไปมองที่เวที

            “สวัสดีลูกค้าที่น่ารักทุกท่านนะครับ หลังจากที่ผมร้องเพลงให้ทุกคนฟังมานานหลายเพลงแล้ว คิดว่าทุกท่านคงจะอยากฟังนักร้องคนอื่นบ้าง และโชคดีที่ตอนนี้มีลูกค้าท่านนึงอยากที่จะมาร้องเพลงบนเวทีให้ทุกคนฟัง มีหรือที่เราจะปล่อยให้ลูกค้าสุดหล่อคนนี้ผิดหวัง ช่วงเวลานี้ขอเชิญทุกท่านพบกับน้องสกายได้เลยครับ”

            ผมได้ยินก็ต้องรู้สึกประหลาดใจมากที่จู่ๆไอ้สกายมันจะขึ้นไปร้องเพลงบนเวที จะบอกว่านี่เป็นครั้งแรกที่ผมจะได้ยินมันร้องเพลง ผมแทบไม่อยากเชื่อเลยว่ามันจะกล้าขนาดนี้

            “อ้าว! ไหงไปโผล่บนเวทีซะงั้นเพื่อนกู” บีมเอ่ยออกมาด้วยสีหน้างงๆ

            “สกายชอบร้องเพลงเหรอบีม” ดาวถามบีม

            “ไม่!”เป็นผมที่เผลอตอบออกมาจนทุกคนในโต๊ะหันมามองผมเป็นตาเดียวกันราวกับว่าผมเป็นผู้ต้องหาซะอย่างนั้น   

           “มึงตอบเหมือนรู้จักกับสกายมาก่อนเลยไอ้ปอม” สนิมมันเอ่ยขึ้น

            “ปะ..เปล่ากูไม่ได้เรื่องไอ้สกายซะหน่อย กูแค่คิดอะไรในใจแล้วเผลอพูดออกมาก็เท่านั้นว่ะ แฮะๆ”ผมแก้ตัวออกไป   

            “ก็ว่าอยู่ คนที่น่าจะที่รู้จักกับสกายดีก็มีแค่บีมคนเดียวเท่านั้นแหละตอนนี้” พอร์ชเอ่ยขึ้นมา

            “ตั้งแต่คบกับมันมาเราก็ไม่เคยเห็นมันขึ้นร้องเพลงบนเวทีอย่างนี้เลย สงสัยมันจะเมาแล้วมั้งนั้น ฮ่าๆ” บีมเอ่ยแล้วหัวเราะออกมาเบาๆ

            เสียงดนตรีดังขึ้นทำให้พวกผมหันไปสนใจไอ้สกายบนเวทีต่อ

            ....เสียงดนตรีดังขึ้น...

            ผมมองจ้องมองไปที่มันและก็ไม่ต่างกันมันโบกมือมาที่โต๊ะ  แต่ตามันกลับจ้องมาที่ผมสื่อว่าให้ผมฟังเพลงนี้ผมรู้สึกอย่างนั้น



   
“หันมองไปตรงนั้น

ที่เคยมีเธอและฉันอยู่

เธอเองคงจะไม่รู้ฉันเฝ้าดู

อยู่ทุกวัน ที่ตรงนั้นที่เธอและฉัน

        นัดมาเจอกัน ภาพจางๆ จากวันนั้นก็หวนย้อนคืนมา.........”


             มันร้องเพลงท่อนแรกออกมา ผมก็รู้สึกอึ้งเล็กน้อยเพราะไม่คิดว่ามันจะร้องเพลงได้เพราะแบบนี้มาก่อน

            ผมรู้จักเพลงนี้ดีมันชื่อเพลง ‘รออยู่ที่เดิม’ ของวงมัสคีเทียส์ ผมฟังอยู่บ่อยๆเมื่อตอนห่างกับไอ้สกายมาได้พักใหญ่ ฟังบ่อยๆจนร้องได้ ไม่คิดว่ามันจะร้องเพลงนี้เพราะมันทำให้ผมรู้สึกว่าความรู้สึกเก่าๆมันพรั่งพรูออกมา บวกกับน้ำเสียงที่ดูอินไปกับเพลง สีหน้าท่าทางมันทำให้ผมรู้สึกว่ามันกำลังร้องเพลงนี้ให้ผม

           “แม่ง! สกายมันร้องเพลงเพราะว่ะ” เปอร์เอ่ยขึ้นมาขณะที่พวกเรากำลังมองไปบนเวที

           มันยังคงร้องเพลงไปเรื่อยๆ ฟังไปน้ำใสๆในตามันก็มาคลออยู่ที่เบ้าตาของผม ผมพยายามที่จะเงยหน้าขึ้นมาเพื่อไม่ให้น้ำตามันไหลออกมา ตอนนี้ผมมีชีวิตใหม่ต่อไปได้โดยที่ไม่มีมันได้แล้ว  แล้วทำไมผมจะต้องร้องไห้ให้มันด้วยล่ะกะอีแค่เพลงๆเดียวที่มันร้องออกมาให้ฟัง....ไม่ ไม่ ไม่ ปอมแกต้องไม่ใจอ่อนกับมันเด็ดขาด



            “ก็ยังคงรอ รอเธออยู่ที่เดิม นับตั้งแต่เรามาจากกันไป ก็รู้เลยว่าเหงาเป็นยังไง จากเป็นวันจะเป็นเดือน จากกี่เดีอนนานเป็นปีที่เราห่างไกล แต่ว่าเธอจะรู้ไหม ที่ตรงนี้ยังมีใคร ยังรอเธออยู่ที่เดิม แต่ว่าฉันก็ไม่รู้ว่าตอนนี้เธออยู่ไหน เธอเป็นยังไงเป็นอย่างฉันบ้างหรือเปล่า นานซักเพียงใดที่ไม่เคยได้รับรู้ ได้ยินข่าวคราว จากเธอ ก็ยังคงรอ รอเธออยู่ที่เดิม นับตั้งแต่เรามาจากกันไป ก็รู้เลยว่าเหงาเป็นยังไง จากเป็นวันจะเป็นเดือน จากกี่เดีอนนานเป็นปีที่เราห่างไกล แต่ว่าเธอจะรู้ไหม ที่ตรงนี้ยังมีใคร ยังรอเธออยู่ที่เดิม ยังรอเธออยู่ที่เดิม.....



            หลังจากที่มันร้องเพลงจบแล้วก็มีเสียงปรบมือดังสนั่นไปทั่วทั้งร้าน ผมคาดว่าสาวๆหลายๆคนในร้านคงอยากจะเดินไปขอเบอร์มันอย่างแน่นอน เพราะมันทั้งหล่อและดูดีในทุกมุมทุกองศาที่มันเคลื่อนไหว



            “I’m waiting for you”



           มันพูดทิ้งท้ายไว้ก่อนที่จะโค้งคำนับเพื่อขอบคุณทุกคนในร้านแล้วเดินกลับมาที่โต๊ะ ผมรู้สึกว่าตอนนี้มันจะกลายเป็นจุดเด่นในร้านไปแล้ว

            ผมหยิบกระดาษทิชชู่บนโต๊ะมาซับน้ำตาที่มันกำลังจะไหลลงบริเวณขอบตาทั้งสองข้าง

            “สุดยอดเลยสกาย” พอร์ชมันยกนิ้วให้ไอ้สกาย ส่วนมันก็ยิ้มรับแล้วมานั่งที่เดิม

            “ทำไมจู่ๆมึงถึงขึ้นไปร้องเพลงวะ” ไอ้บีมมันถามพร้อมกับทำหน้าแบบตาคาดไม่ถึง

            “จู่ๆกูก็คิดถึงรักแรกของกูว่ะ” มันพูดแล้วมองมาที่ผม แต่ผมกลับหลบตามันทันที

            ผมไม่มั่นใจว่ารักแรกของมันจะเป็นผมหรือเปล่า  แต่ที่ผมมั่นใจคือมันเป็นรักแรกของผมอย่างแน่นอน

            “เค้าบอกว่ารักครั้งแรกลืมยากสงสัยจะจริง” สนิมเอ่ยขึ้นเมื่อได้ยินไอ้สกายเอ่ย

            “ใช่! ลืมยากมาก” มันบอกแล้วปรายตามองมาที่ผมเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ จนผมกลัวคนอื่นๆจะจับพิรุธได้

            “แต่เรา...กลับไม่ใช่แบบนั้น รักครั้งแรกเรากลับลืมมันได้ง่ายมาก” ผมบอกกับมันไป

            “อ้าว!ไอ้ปอมไหนมึงบอกว่าไม่เคยมีแฟนมาก่อนไง” พอร์ชมันเอ่ยขึ้นแล้วชี้หน้าผม

            “ไม่เคยมีแฟนมาก่อน แต่ก็ใช่ว่าจะไม่เคยรักใครนี่หว่า” ผมบอกไอ้พอร์ช

            “แล้วทำไมปอมถึงลืมรักครั้งแรกได้ง่ายดายขนาดนั้น มันไม่ได้มีความสำคัญขนาดนั้นเลยเหรอ” ไอ้สกายมันถามผมด้วยน้ำเสียงที่ดูจริงจังจนทำให้ทั้งโต๊ะเงียบทันที

            “เพราะเราไม่ใช่คนที่จะฝังใจอะไรมากมายกับอดีต และแน่นอนตอนนี้พี่มาร์คคือคนที่เราแคร์มากที่สุด ทำไมต้องไปคิดถึงเรื่องในอดีตให้มันรำคาญใจด้วยล่ะ” ผมยิ้มที่มุมปากแล้วเลิกคิ้วให้มัน

            “หลายคนที่เราเคยรู้จักบอกว่าลืมอดีตได้ แต่แท้ที่จริงแล้วกลับเป็นการหลอกตัวเองให้สบายใจเล่นๆก็เท่านั้น” มันยังพูดต่อ ผมยิ้มให้มันแล้วพยายามทำสีหน้าให้ปกติมากที่สุด หลังจากนั้นก็หยิบแก้วขึ้นมาจิบไปเรื่อยๆ

            ไม่นานนักหัวใจผมก็ตกมาอยู่ที่ตาตุ่มเมื่อบังเอิญเงยหน้ามองข้ามหัวไอ้สกายไป  ภาพที่เห็นคือมีหนุ่มหล่อหน้าตี๋ที่คุ้นเคยกันเป็นอย่างดีในชุดนักศึกษากำลังยืนยิ้มแฉ่งให้ผมอยู่

            “ตะ...ตี๋” ผมพึมพำออกมาเสียงเบาด้วยใบหน้าถอดสี

            “ว่าไงปอม!” มันเรียกผมแล้วทุกคนก็หันหน้ามามองที่ผม เชิงตั้งคำถามว่าคนที่ยืนยิ้มให้ผมอยู่นั้นเป็นใคร

            ทำไมโลกมันต้องกลมแล้วกลมเล่าด้วยเนี่ย มาเจอกับไอ้ตี๋ที่นี่แถมผมยังอยู่กับไอ้สกายด้วย เรื่องจะแตกก็คราวนี้ล่ะครับ

            สงสัยไอ้ตี๋มันมานั่งดื่มที่ร้านนี้ด้วย พอเห็นไอ้สกายขึ้นไปร้องเพลงเลยตามมาที่โต๊ะ…



ตอนนี้ผมอยากหายตัวได้จริงๆเลย...


ออฟไลน์ เพียงเพื่อน

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 175
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
เรื่องจะเป็นยังไงต่อนะ หน่วงเรื่อยๆ  :sad4:

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
หลานตี๋เด็กดีของคนแก่ หนูไม่ทำให้เรื่องปอมกับสกายแตกกลางวงเหล้าหรอกเนอะ  :m13:
ถ้าทำเรื่องแตกจะแช่งให้หลานปังปอนด์ไม่รัก  o12

ออฟไลน์ iamaweirdo

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 11
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ตื้อหน่อยสกาย ยังไงปอมก็ใจอ่อนแน่

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
ปอมเห็นพี่มาร์คเป็นตัวอะไร
ถึงไปดึงพี่แกเข้ามาร่วมในเกมนี้ด้วย
ปอมทำแบบนี้..ไม่น่ารักเลย

ถ้าปอมใจอ่อนให้กับสกาย หันกลับไปคบกันใหม่
วันนั้นพี่มาร์คจะเป็นยังไง คิดไว้บ้างหรือเปล่า

หมาหัวเน่า
หราาาาาาาาา

ทั้งปอม ทั้งสกาย
เห็นแก่ตัวกันจังเลย
หุหุ

ออฟไลน์ azaki

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 52
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-1
กลรักลวงใจ

ตอนที่ 20 ภัยใกล้ตัว



            “เดี๋ยวมานะ”

            ผมบอกกับเพื่อนๆแล้วรีบวิ่งแจ้นไปหาไอ้ตี๋ทันที ผมกึ่งดึงกึ่งลากมันออกมาจากตรงนั้นก่อนที่เรื่องมันยุ่งไปมากกว่านี้

            “ทำไมลากเรามาไกลขนาดนี้เนี่ย” ตี๋มันว่าแต่ก็ยอมเดินตามผมมาแต่โดยดี

            “ก็เรามีเรื่องจะคุยกับตี๋เป็นการส่วนตัว”

            “ทำไมไอ้สกายมันได้มานั่งโต๊ะเดียวกันกับปอมเนี่ย ดีกันแล้วเหรอ” ตี๋มันถามพร้อมกับมองหน้าผมอย่างสงสัย ตั้งแต่คราวนั้นที่ผมเดินออกมาจากชีวิตไอ้สกายผมก็ไม่เคยเอ่ยถึงมันต่อหน้าไอ้ตี๋เลยแม้แต่ครั้งเดียว ถึงแม้ว่ามันจะไปที่หาปังปอนด์ที่บ้านผมบ่อยๆ แม้ว่าในหลายๆครั้งที่ผมเกือบห้ามตัวเองไม่ได้เกือบเผลอถามถึงไอ้สกายอยู่หลายครั้งก็ตาม     

“นี่ล่ะที่เราลากตี๋มาไกลขนาดนี้”

            “ว่าแล้ว” มันปรายตามามองผมอย่างรู้ทัน

            “เริ่มเลยละกัน บังเอิญว่าไอ้สกายมันเป็นเพื่อนกับแฟนเพื่อนเราอ่ะเลยเลี่ยงที่จะเจอมันไม่ได้  แต่ตอนนี้เราสองคนทำเป็นไม่รู้จักกันต่อหน้าคนอื่นๆ เราขอร้องล่ะอย่าเพิ่งเข้าไปหามันที่โต๊ะได้ไหมไม่งั้นเพื่อนๆที่โต๊ะต้องรู้เรื่องเรากับไอ้สกายแน่ๆ แถมตอนนี้เรามีแฟนแล้วนั่งอยู่ในโต๊ะนั่นล่ะกลัวเค้าไม่สบายใจ” ผมอธิบายให้มันฟังซะยาวเหยียด นี่ผมเห็นแก่ตัวเกินไปไหมที่ปกปิดเรื่องราวต่างๆเพื่อให้ตัวเองสบายใจ แต่เหมือนผมกำลังเล่นละครหลอกลวงคนอื่นๆและที่สำคัญผมไม่แน่ใจว่าผมกำลังหลอกตัวเองอยู่ด้วยหรือเปล่านะ

            “อ๋อ เรื่องมันเป็นแบบนี้นี่เอง ถ้ามันจะทำให้ปอมสบายใจเราจะทำตาม เอางี้ถ้างั้นเดี๋ยวเราจะโทรหาไอ้สกายให้ออกมาหาเราที่นี่ละกัน” ตี๋มันบอกอย่างเข้าใจผม

            “ขอบใจมากๆนะตี๋ เดี๋ยวเราไปที่โต๊ะก่อนค่อยคุยกันวันหลัง” ผมบอกแล้วก็โบกมือให้มัน ก่อนที่มันจะยิ้มให้แล้วผมก็เดินกลับไปที่โต๊ะ

            เมื่อมาถึงโต๊ะทุกคนก็มองผมแปลกๆ แต่ที่มันค่อนข้างจะอึดอัดมากคือสายตาของไอ้สกายที่มันมองมาที่ผม ดูเป็นสายตาที่มีคำถามมากมายจนยากจะคาดเดาได้

            “เมื่อกี้ใครวะ ทำไมต้องทำเหมือนมีลับลมคมในด้วย” เปอร์มันถามผมแล้วมองอย่างสงสัย ไม่ใช่แค่เปอร์แต่เป็นทุกคนก็ว่าได้ โดยเฉพาะพี่มาร์คที่ดูเหมือนจะมีคำถามมากกว่าคนอื่นๆสงสัยจะหึงหวงผมแน่ๆ

            “เอ่อ...เพื่อนเก่าสมัยมัธยมอ่ะ”

            ยังไม่ทันที่คนอื่นจะได้ถามผมต่อ กลับมีเสียงโทรศัพท์มือถือของไอ้สกายดังขึ้นขัดจังหวะ มันหยิบมาดูแล้วก็มองมาที่ผมอีกครั้งก่อนที่จะเดินออกไปรับสายคงจะเป็นไอ้ตี๋แน่ๆ ผมต้องขอบใจมันที่ทำตามคำขอร้องของผม

            “แน่นะ ไม่ใช่แฟนเก่าหรอกนะ” พอร์ชมันถามพร้อมกับจับพิรุธบนใบหน้าของผม จริงๆผมบอกพวกมันไปกี่ครั้งแล้วว่าไม่เคยมีแฟนยังจะมาถามอีกขี้เกียจจะตอบแล้วนะ

            “กูเคยบอกกกี่ครั้งแล้วว่ากูไม่เคยมีแฟน จะเป็นแฟนเก่าได้ไง”

            “เออๆ เพื่อนก็เพื่อนแต่มึงก็ทำท่าทางมีพิรุธแทนที่จะแนะนำเพื่อนให้พวกกูรู้จักแต่กลับลากเค้าไปที่อื่นเฉยเลย” สนิมมันเอ่ยตำหนิผม

            “ไม่มีอะไรจริงๆ กูอยากคุยกับมันเป็นการส่วนตัวก็แค่นั้น เดี๋ยววันหลังละกันกูจะพามันมาแนะนำ” ผมเอ่ยแก้ตัวไป ทั้งๆที่รู้ว่ามันเป็นคำแก้ตัวที่ไม่ค่อยจะน่าเชื่อถือสักเท่าไร

            “พวกกูไม่เท่าไหร่หรอก แต่พี่มาร์คมึงชวยอธิบายให้เคลียร์ด้วยเห็นพี่เค้าชะเง้อหามึงนานสองนาน” พอร์ชมันบอก

            “พี่มาร์คเชื่อใจปอมนะมันไม่มีอะไรจริงๆ” ผมบอกพี่มาร์ค เหมือนพี่เค้าเข้าใจแล้วก็ยิ้มให้ผม

            “ครับพี่ไม่ได้ว่าอะไรก็แค่เป็นห่วงเฉยๆ” พี่เค้าบอกแล้วเอามือมาลูบที่ศีรษะเล่นอย่างเอ็นดู แต่ผมรู้สึกว่าพี่เค้าแค่ทำให้ผมสบายใจเฉยๆ

            เรื่องของผมเป็นอันจบในวงสนทนา เราเปลี่ยนเรื่องคุยกันไปเรื่อยๆ ไม่นานนักไอ้สกายมันก็เดินกลับมานั่งที่เดิมข้างๆบีม

            “สาวโทรมาเหรอวะ” บีมถามขึ้นหลังจากที่ก้นมันถึงเก้าอี้

            “เปล่าเพื่อนกูโทรมา มันเห็นกูขึ้นไปร้องเพลงเลยโทรมาทักทาย”

            “ออ กูก็นึกว่าสาวที่ไหน มึงก็รีบๆมีซะแฟนกูรำคาญมึงจะแย่แล้วเนี่ยตามติดชีวิตกูยิ่งกว่าแฟนกูซะอีก ฮ่าๆ” บีมพูดแล้วก็หัวเราะออกมา

            “ตอนนี้ก็มีคนถูกใจแล้วว่ะกำลังตามจีบเค้าอยู่ จีบยากฉิบหาย” มันว่าแล้วก็มองหน้าผม

            “ระดับมึงยังต้องตามง้อสาวอีกเหรอวะ แม่งต้องหยิ่งน่าดู”

            “ยิ่งยากกูยิ่งชอบว่ะ” มันบอกเพื่อนมัน ยิ่งยากยิ่งชอบอย่างนั้นเหรออย่าหวังว่ามึงจะได้สิ่งที่มึงต้องการอีกไอ้สกาย

            “มาๆ ชนแก้วให้กำลังใจสกายเอาชนะใจสาวคนนั้นให้ได้กัน” พี่มาร์คเอ่ยขึ้นหลังจากได้ฟังบทสนทนาของบีมและไอ้สกาย  จะว่าไปก็แอบสงสารพี่มาร์คอยู่เหมือนกันที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย เชียร์ไอ้สกายให้เอาชนะใจแฟนตัวเองซะงั้น เฮ้อ!

            หลังจากที่พวกเรากินดื่มกันไปได้สักพัก ก็ถึงเวลาแยกย้ายกันกลับวันนี้พี่มาร์คเป็นคนมาส่งผมที่หอพัก ตลอดทางผมกับพี่มาร์คไม่ได้พูดอะไรกันเลย ดูเหมือนว่าที่พี่เค้าบอกว่าไม่มีอะไรในใจนั้นคงไม่ใช่แน่ๆ แกคงยังสงสัยเรื่องของผมกับไอ้ตี๋อย่างแน่นอน แต่ผมก็ไม่อยากจะอธิบายเรื่องนี้แล้วให้มันจบๆไป ไม่มีใครพูดถึงเดี๋ยวก็ลืมๆกันไปเอง

            “ขอบคุณนะครับพี่มาร์ค” ผมว่าแล้วก็ปลดเข็มขัดนิรภัยออกหลังจากนั้นก็เปิดประตูรถลงไป

            “ถ้ามีอะไรจะอธิบายให้พี่ฟัง พี่พร้อมเสมอนะ”

            “ไม่มีอะไรจริงๆครับพี่มาร์ค ขับรถกลับดีๆนะครับ” ผมพูดแล้วก็ปิดประตูรถทันที ผมยืนรอจนกว่าพี่มาร์คออกรถไปแล้วถึงเดินเข้าไปในหอพัก

            หลังจากที่ผมอาบน้ำเสร็จเรียบร้อยแล้วก็มานั่งที่โต๊ะคอมพ์ฯ สิ่งที่ผมต้องทำประจำช่วงเวลาว่างๆก็คือการท่องโลกอินเตอร์เน็ต ดูความเคลื่อนไหวของเพื่อนๆทั้งในอินสตาแกรมและเฟชบุ๊ค

            นั่งเล่นได้สักพักก็มีคนแอดเข้ามาเป็นเพื่อนเขาใช้ภาพดาราเกาหลีหญิงคนนึงเป็นรูปโพรไฟล์  แต่ผมจำชื่อไม่ได้หรอกรู้แต่ว่าเคยดูในช่องฟรีทีวีช่องหนึ่ง  ปกติใครแอดมาผมก็รับเป็นเพื่อนหมดเพราะคิดว่า คงเป็นคนที่รู้จักหรือสนใจในตัวเราไม่อย่างนั้นเค้าก็คงไม่แอดมาหรอกผมคิดแบบนั้น หลังจากผมตอบรับการเป็นเพื่อนเรียบร้อยแล้วเค้าก็ทักแชทผมมา

Angelina Angel  : ชีวิตสุขสบายดีจังนะ

Kapomnoi Ngamnet : ใครอ่ะ

Angelina Angel : ไม่ต้องรู้หรอกว่าฉันเป็นใคร รู้แต่ว่าชั้นอยู่รอบๆตัวแกและอย่างหวังจะได้มีความสุข

Kapomnoi Ngamnet : แล้วเราไปทำอะไรให้ถึงต้องมาพูดแบบนี้

Angelina Angel : เพราะแกคนเดียวที่ทำให้ฉันไม่มีความสุข ระวังตัวไว้เถอะ

Kapomnoi Ngamnet : ไม่ว่าเธอจะเป็นใคร แต่เรามั่นใจว่าไม่เคยทำอะไรให้ใคร ถ้าคิดแบบนั้นก็ตามใจเราไม่จำเป็นต้องคุยกันแล้ว

            ผมพิมพ์ไปแล้วก็กดยกเลิกการเป็นเพื่อนทันที ตั้งแต่เข้ามหาวิทยาลัยมาผมไม่เคยมีปัญหากับใครเลยแม้แต่คนเดียว นึกยังไงก็นึกไม่ออก แถมยังบอกว่าอยู่รอบๆตัวผมคิดแล้วมันก็น่ากลัวเหมือนกันนะ ต้องระวังตัวให้มากขึ้นแล้วล่ะสิ เฮ้อ! ตั้งแต่ได้มาเจอกับไอ้สกายอีกครั้งดูเหมือนว่าชีวิตผมก็วุ่นวายมาตลอดเลย ทำไมนะมึงต้องกลับเข้ามาในชีวิตกูอีกไอ้สกาย

            ผมปิดคอมพ์ฯแล้วลุกมานั่งที่เตียงนอนแทน  หลังจากนั้นก็เอนหลังลงที่เตียงนี่ก็ดึกมากแล้วถึงเวลานอนซะที ผมเอื้อมมือจะไปปิดโคมไฟที่หัวเตียงแต่กลับต้องเปลี่ยนเป็นหยิบโทรศัพท์มือถือแทน  นั่นเพราะมีสายโทรเข้ามาพอดี  เป็นเบอร์ที่ผมไม่คุ้นแล้วทำไมต้องโทรมาดึกๆดื่นๆแบบนี้นะ ใจนึงก็กลัวๆเพราะเพิ่งจะมีบุคนิรนามมาขู่ผมไปหยกๆ แต่อีกใจก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าเป็นใคร ผมจึงตัดสินใจรับสายทันทีเพราะความอยากรู้

            “สวัสดีครับ” ผมรับสายไปแล้วรอฟังว่าเสียงปลายสายจะเป็นใครกันแน่

            “นอนยัง” ปลายสายตอบกลับมาสั้นๆ แค่ได้ยินเสียงเพียงแค่สองคำผมก็จำได้ดีว่ามันเป็นใคร

            “โทรมาทำไมคนกำลังจะนอน”

            “ให้กูไปนอนเป็นเพื่อนป่ะ กูว่างนะ” มันตอบกลับผมแบบกวนๆ

            “ไม่ต้องมาไร้สาระ มีอะไรก็ว่ามากูไม่มีเวลาขนาดนั้น”

            “วันนี้ไอ้ตี๋เล่าให้กูฟังหมดแล้วว่ามึงพูดกับมันว่ายังไงบ้าง” มันบอกแต่ผมไม่แปลกใจ มันรู้ก็ดีจะได้รู้ว่าต้องทำตัวยังไงเวลาอยู่กับเพื่อนๆผม แต่ในใจก็ไม่รู้ว่ามันจะปกปิดได้นานสักเท่าไร

            “อืม ก็ตามนั้นกูไม่อยากให้เพื่อนๆกูรู้ว่าเราเคยรู้จักกันมาก่อน กูอยากมีชีวิตใหม่ที่ไม่จำเป็นต้องมีมึงเข้าใจนะ”

            “กูไม่มีค่ากับมึงเลยใช่ไหมวะ แม่งเอ้ย! มึงไม่รู้หรอกว่ากูต้องทำร้ายจิตใจใครบ้างเพื่อมึง” มันบอก ผมได้ฟังก็รู้สึกสงสัยทันทีมันไปทำอะไรกับใครไว้เพื่อผมนะ ไม่จริงมันไม่มีเหตุผลที่ต้องทำแบบนั้นอย่ามาหลอกผมซะให้ยากเลยผมไม่มีทางเชื่อมันหรอก

            “ใช่ มึงไม่มีค่ากับชีวิตกูเลย แล้วถ้าจะให้ดีต่อไปกูขอร้องล่ะถ้าไม่จำเป็นอย่ามาที่คณะกูอีกเลย กูอึดอัดเวลามีมึงอยู่ด้วย และอีกอย่างกูก็มีพี่มาร์คอยู่แล้วอย่าทำให้กูลำบากใจเลยว่ะ” ผมบอกกับมันเชิงขอร้องทั้งๆที่ในใจผมมันไม่เป็นแบบนั้น

            “กูไม่มีทางให้สิ่งที่กูทำมันสูญเปล่าหรอก เตรียมรับมือกูไว้ได้เลย” มันบอกก่อนที่จะวางสายไป

            เอาอีกแล้ว! พายุลูกแรกพัดไปแล้วลูกที่สองก็ตามมา ช่วงนี้ผมต้องไปเข้าวัดทำบุญบ้างซะแล้วล่ะครับเพราะมีแต่เรื่องวุ่นๆให้กลุ้มเกือบทุกวัน

*-*-*-*-*-*


@มหาวิทยาลัย C

            วันนี้ผมมามหาวิทยาลัยแต่เช้าเพราะมีเรียนเวลาเก้าโมง  เมื่อเดินมาถึงอาคารเรียนรวมก็หาที่นั่งรอไอ้พวกเพื่อนๆตัวแสบของผม เมื่อเห็นโต๊ะว่างผมก็รีบเดินดุ่มๆเข้าไปจับจองทันที แต่ไม่ทันที่จะถึงโต๊ะสายตาผมมันก็ไปสะดุดกับกลุ่มนักศึกษากลุ่มใหญ่ที่กำลังยืนมุงดูอะไรบางอย่างที่บอร์ดหน้าตึก เป็นไปไม่ได้ที่ผมจะเดินผ่านไปเฉยๆต้องเดินเข้าไปดูแล้วล่ะเผื่อมีอะไรดีๆจะได้ไม่ตกเทรนด์กับเขา

            “ว้ายทำไมน่าเกลียดอย่างนี้นะ เห็นเขาว่าเป็นเด็กนิเทศนะ”

“หน้าตาก็ดีไม่น่ามาถ่ายแบบนี้เลย”

           “เสียดายนะหมดอนาคตแน่”

            “ว้าย! ใหญ่เกินตัวจังเลยนะเนี่ย”

            เสียงซุบซิบของสาวๆที่กำลังมุงดูอยู่ มันคืออะไรยิ่งทำให้ผมอยากรู้เข้าไปใหญ่ ผมแทรกตัวเข้าไปเพื่อดูสิ่งที่พวกเขากำลังดูกัน เมื่อมองไปที่บอร์ดผมก็ต้องเบิกตากว้างด้วยความตกใจ

            “เหี้ยอะไรวะเนี่ย!!!” ผมพูดกับตัวเองเบาๆทันทีที่เห็นภาพพวกนั้น มันคือภาพตัดต่อที่เอาหน้าผมไปทำใส่กับหุ่นนายแบบที่ถ่ายใส่กางเกงในตัวเดียวแถมยังบางจนเห็นอวัยวะเพศชัดเจนอีกต่างหาก ผมไม่เคยถ่ายแบบพวกนั้นแล้วใครกันที่มาทำกับผมแบบนี้

            ผมรีบเดินเข้าไปเก็บภาพถ่ายพวกนั้นจนหมดแล้วก็ฉีกมันทิ้ง  ท่ามกลางสายตาของคนนับสิบที่มองผมอย่างดูหมิ่นดูแคลน

            “น้องเองหรอที่ถ่ายแบบพวกนั้น เสียชื่อมหาวิทยาลัยจริงๆ” นักศึกษาหญิงรุ่นพี่คนหนึ่งเอ่ยขึ้น

            แต่ผมไม่สนใจรีบวิ่งออกจากตรงนั้นทันที

            “ใครทำวะ!!! เลวจริงๆ” ผมเอ่ยขึ้นหลังจากวิ่งมาถึงโต๊ะที่ไม่ค่อยมีคนเพ่นพ่านสักเท่าไหร่

            อยู่ๆผมก็นึกถึงคนที่ผมแชทในเฟชบุ๊คเมื่อคืนสงสัยมันจะทำจริงๆ แล้วก็ไม่คิดว่าจะเร็วขนาดนี้ด้วย


จะทำยังไงล่ะทีนี้.....มองซ้ายก็ปัญหามองขวาก็อุปสรรค

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด