Round 05“ไอ้สัตว์ มึงหมายควา….”
ผมไม่รอให้มันจบประโยค จัดการประกบปากแดงๆ ที่กำลังขยับขึ้นลงอยู่นั่นซะ แล้วสอดลิ้นอุ่นเข้าไปในโพรงปากอีกฝ่ายในขณะเผลอ จนเจ้าตัวร้องประท้วงดังอื้ออ้า รสจูบครั้งนี้ไม่ได้มีความหวานหรืออ่อนโยนเลยสักนิด มีเพียงแต่ความสะใจครุ่นแค้นที่ทำให้เจ้านั่นตะลึงจนตาแทบถลนได้ก็เท่านั้น ส่วนผมเองปากก็ทำหน้าที่ดูดดึงลิ้นและริมฝีปากบางของคนข้างหน้าโดยที่ยังลืมตาโพลงทั้งสองฝ่าย จ้องกันคิ้วขมวดอย่างไม่ลดละ เหมือนไอ้ตัวแสบจะรู้ว่าผมกำลังท้าทาย มันจึงเริ่มบรรเลงบทจูบตอบกลับอย่างไม่ยอมแพ้ เสียงพวกเราแลกลิ้นขบกัดกันเสียงดังก้องห้องน้ำ มีบ้างที่ผมเผลอพลั้งคิดว่ามันจูบเก่งจริงๆ แต่ใครจะยอม ผมจัดการละเลงตอบจนมันร้องคราง หลับตาเคลิ้ม
“อืออออ อื้ออ ไอ่อ้า อ่อยอู อึก อื้มมม” (อือออ อื้ออ ไอ้บ้า ปล่อยกู อึก อื้มมม)”
ไอ้แสบมาร์ชมันโวยวายในลำคอ เมื่อสติกลับคืนมาผมสังเกตเห็นว่ามันพยายามกัดปากผมหลายที แต่ผมหาจังหวะหลุดรอดมาได้ทุกครั้ง จนครั้งสุดท้ายที่ผละปากออกมา ทำให้ฟันมันขบโอกาสเข้าหากัน
ผมจ้องหน้าไอ้มาร์ชที่ตอนนี้แดงเป็นลูกมะเขือเพราะแรงอารมณ์ แลบลิ้นเลียริมฝีปากตัวเอง ยิ้มกับปฏิกิริยาของคนตรงหน้า…กูจะเอามึงให้สา…
“โอ๊ยยยยยยยย” ไอ้เชี่ยมาร์ชมันพุ่งเอาเหม่งมาโขกผมอย่างจังจนมึน สาดดดดด
“มึงจูบกูทำไมไอ้สัตว์!” มันเอาแขนยกขึ้นปาดน้ำลายที่มุมปาก ดวงตาสวยจ้องอย่างดุเดือด บนหน้าผากมีรอยแดงเพราะแรงกระแทกจากฝีมือตัวเองเมื่อกี้
“โอยย เชี่ย โหม่งกูทำหอยไรเนี่ย” ผมสะบัดหน้าสองสามทีให้หายมึน จนอีกฝ่ายก้าวเข้ามาประชิดตัวแล้วยึดปกเสื้อไว้แน่น
“สัตว์! กูถามว่าเมื่อกี้มึงจูบกูทำไม!” มันขยำเสื้อผม แล้วกระชากเข้าหาตัว
“หึหึหึ แล้วมึงจูบตอบกูทำไมล่ะ”
ไม่มีคำตอบจากอีกฝ่าย มีเพียงความเงียบแล้วอาการร้อนฉ่าที่หน้าของไอ้มาร์ช มันยังคงขยำเสื้อผม กัดปากตัวเองแน่น แต่ไม่ได้เอื้อนเอ่ยออกมาสักคำ…
“….คะ ใครจูบมึง!” คราวนี้มันผลักหนาอกผมจนกระเด็นห่างออก หายใจฟึดฟัดจนปากบูดเบี้ยว
“อ้าว หมามั้งเมื่อกี้น่ะ” ผมกระตุกยิ้มเพราะขำ ยังมีหน้ามาปฏิเสธนะมึง เมื่อกี้ดูดลิ้นกูจ๊วบๆ อยู่แท้ๆ
“มึงสิหมา! อย่าเข้ามาใกล้กูอีกนะ ขยะแขยง!” ว่าแล้วมันก็เอามือถูๆ ที่ปากตัวเองไปมาอย่างแรงแล้วเดินลิ่วหนีไปทางประตู ใครจะไปยอมล่ะครับ ประกาศกร้าวไปแล้วว่าจะเอาให้เข็ด ยังไม่ทันไรจะปล่อยให้เหยื่อหลุดรอดไปได้อย่างไร ไม่งั้นก็ไม่ใช่ไอ้ซันแล้ว
ผมรีบตรงลิ่วไปคว้าร่างบางจากด้านหลัง แล้วผลักให้หงายไปชนกับประตู มือข้างหนึ่งคว้าเอวไว้แนบกับลำตัวผม ส่วนอีกข้างที่ว่างก็เชยคางเรียวแน่น ลงมือประกบปากแดงนั่นอีกครั้งก่อนที่มันจะปล่อยบรรดาลูกน้องออกมาวิ่งเล่นรอบตัวผม… คราวนี้หวังตักตวงความหอมหวานจากโพรงปากนิ่มตรงหน้าให้ได้มากที่สุดเพราะเห็นแล้วมันน่าหมั่นไส้เหลือเกิน คนอะไรปากดีได้ขนาดนี้ เมื่อกี้ยังระทวยกับลีลาการจูบกูอยู่หยกๆ
“อึ่กกกก อื้ออออ” ไอ้หน้าหล่อประท้วงโดยการเอามือทั้งสองข้างทุบหลังผมผสมต่อยต้นแขนทั้งสองข้างไปมา
ผมบดเบียดริมฝีปากเข้าหาอีกฝ่ายอย่างรุนแรงจนรู้สึกได้ถึงความเจ็บหนึบๆ ลิ้นตวัดเกี่ยวกันไปมา แล้วไล่ไปตามแนวฟันทั้งบนและล่างจากนั้นจึงปล่อยให้อีกฝ่ายได้มีโอกาสสูดอากาศเข้าปอด จึงรุกรานอีกครั้งวนไปมา…รู้สึกได้ว่าร่างของไอ้มาร์ชอ่อนระทวยจนยืนแทบไม่อยู่ ผมต้องตะหวัดรับร่างบางไว้ไม่ให้ล้มทั้งยืนหลังจากที่ผละปากออกจากกัน
“อ…ไอ้เวร อึก” ไอ้หน้าหล่อ ที่ตอนนี้หน้าหวานไปเรียบร้อยแล้วเพราะดวงตาคู่สวยฉ่ำเยิ้ม ปากแดงขึ้นสีจัด
“เป็นไงครับ ผ่านผู้หญิงมาเยอะนี่ เจอแค่นี้ถึงกับเข้าอ่อนเลยเหรอ หึหึหึ” ผมพูดพร้อมกับส่งสายตาเยาะเย้ยไปให้
ไอ้มาร์ชไม่พูด ได้แต่ส่งสายตาเคียดแค้นมาให้ แล้วสะบัดตัวหลุดจากการกอบกุมหันหลังกลับไปจับลูกบิดประตูหมุนออกดังแกร๊ก แต่ด้วยความเร็ว ผมใช้แขนที่ยาวกว่าชิงดันประตูให้ปิดไว้เสียก่อนทำให้อีกฝ่ายไม่สามารถเปิดประตูได้
“ปล่อย ไอ้บ้า ไอ้เวร ไอ้สัตว์ ไอ้…!”
“ชู่ว มาทำสัญญาก่อน…ถ้ามึงแตะต้องแก้วอีกแม้แต่ปลายนิ้ว กูก็จะทำแบบเดียวกับที่มึงทำกับแก้ว”
“หะ หา…!?” มันถลึงตาโตใส่ผม
“ไม่เข้าใจงั้นเหรอ กูบอกว่าถ้ามึงจับมือแก้ว ก็ก็จะจับมือมึง ถ้ามึงกอดแก้ว กูก็จะกอดมึง แล้วถ้ามึง…”
“เฮ้ย ไอ้สัตว์ ไอ้โรคจิต! สัญญาเหี้ยไรวะ” ไอ้มาร์ชโวยวาย มือก็พยายามดึงประตูให้พ้นจากแรงกดของผมดังกุกกัก
“กูถือว่ามึงตกลงแล้ว…ถ้ามึงกล้าลอง กูก็กล้าทำ จำไว้”
ว่าแล้วผมก็ถอนมือออกจากประตู ดึงประตูออกแล้วทำท่าโค้งคำนับผายมือเชิญอีกฝ่ายให้เดินนำหน้าไป ไอ้หน้าบูดหันมามองผมตาเขียวปั๊ด ผลักไหล่ผมให้ห่างออก สะบัดหน้าส่งเสียงขัดใจในลำคอจนเดินพ้นประตูออกไป ผมจึงเดินตามหลังมา แต่ไม่ทันไร…
“โอ๊ยยย” ไอ้ตัวแสบมันหันหลังกลับมาทำท่าเจาะยาง จระเข้ฟาดหางส่งลูกเตะใส่เข่าผมเต็มๆ จนตัวทรุด
“อย่ามาขู่นะเว้ย แล้วจะหาว่าไม่กล้า!” มันส่งเสียงตอบกลับมา แต่ตัวนู่นนนน วิ่งนำลิ่วไปไกลแล้ว
ผมเดินตามแบบกระเผลกๆ มาที่ร้านเดิม เห็นแก้วกับไอ้เชี่ยมาร์ชยืนคู่คุยกันอยู่หนุงหนิง ท่าทางมันจะไม่เชื่อคำขู่ของผมเลยสักนิด
“ตายแล้วซัน หน้าไปโดนอะไรมา แล้วทำไมเดินแบบนั้น!?” แก้วทักทันทีที่หันมาเห็นสภาพผมปากแตกยับ แล้วเดินเหมือนคนขาหักเข้ามานั่งลงตรงโซฟาสำหรับแขกในร้าน
“ไม่มีอะไรแก้ว …หกล้มน่ะ” ผมตอบ แล้วทำท่าซี้ดปากยามพูด ทำไมเมื่อกี้มันไม่เห็นเจ็บเลยฟะ
“อะไรกัน หกล้มท่าไหนถึงเป็นแผลขนาดนี้เนี่ย” เธอรีบดิ่งเข้ามาจับหน้าผมพลิกซ้ายพลิกขวาดูว่ามีบาดแผลที่อื่นหรือเปล่า ผมชายตามองไอ้ต้นเหตุ เห็นมันกอดอกยืนมองสาวคนอื่นในร้านอย่างไม่แยแส
“ไม่เป็นไรหรอก นิดหน่อย ซี้ดดด” ผมร้องเมื่อแก้วเอานิ้วจิ้มลงบนมุมปากผมที่เป็นรอยช้ำสีแดงสดปนม่วง สังเกตเห็นไอ้มาร์ชมันหันหน้ามามองผมชั่วครู่ แล้วหันหน้าไปทางอื่นต่อเมื่อสายตาประสบกันโดยบังเอิญ
“ไม่ไหวแล้วแบบนี้ ไปทำแผลดีกว่านะ” แก้วบอกพร้อมกับรีบผละมืออกจากแผลผม
“ไม่ต้องหรอก แค่นี้เอง เดี๋ยวก็หาย” ผมยิ้มเบี้ยวๆ ตอบ เพราะปากเริ่มเจ่อ
“ไม่เอา อย่าดื้อนะซัน เดี๋ยวหมดหล่อจะหาว่าไม่เตือน” เธอค้อนผมดุๆ แต่น่ารักจนผมต้องหัวเราะในลำคออย่างช่วยไม่ได้
“เอาอย่างนี้ บ้านซันกับแก้วอยู่ไกลจากที่นี่ เดี๋ยวไปที่โรงแรมมาร์ชละกัน ใกล้ๆ นี่เอง”
เธอพูดพร้อมกับลุกขึ้นเก็บของ หยิบกระเป๋าและถุงช็อปปิ้งใบโตคล้องใส่มือ เดินนำลิ่วไปยังทางออกลานจอดรถโดยไม่รอฟังคำปรึกษา ทิ้งไว้เหลือเพียงไอ้ตัวแสบที่ยืนทำตาโต ปากพะงาบๆ ปานว่าอยากจะคัดค้านแต่ทำไม่ทัน ส่วนผม…ไม่ได้แสดงสีหน้าอะไร เดินตามหญิงสาวไป แต่ในใจกลับยิ้มพร้อมกับคิดแผนการณ์อันแยบยล
***TBC
NC ตบจูบอะไรเหรอครับ คนเขียนไม่เข้าใจ เขียนไม่ได้ ทำไม่เป็น หนูไม่เคย กรั่กกกกกกๆ
PS: กอดๆ น้อง Gajong
