ตอนที่ 2 สองทุ่มคือเวลาที่ร้านดอกไม้อุ่นไอรักปิดให้บริการ ไออุ่นกำลังเก็บกวาดสิ่งที่ทำให้ร้านดูรกและสกปรกเหมือนเช่นทุกวัน เพียงแต่วันนี้ต่างกันตรงที่ประตูเหล็กหน้าร้านยังไม่ถูกดึงลงมา เขาไม่ชอบการออกไปนอกร้านแม้ว่ามันจะน่าสนใจแค่ไหนก็ตามเพราะแค่ก้าวออกไปเพียงก้าวเดียว ใจก็กลัวว่าฝุ่นผงภายนอกร้านจะทำให้ชิ้นส่วนที่อยู่ภายในร่างกายสกปรกและนั่นมันก็ยากต่อการทำความสะอาด
เสียงครืดๆ ของแผ่นเหล็กที่เลื่อนลงมาดังขึ้น ไออุ่นที่กำลังเช็ดทำความสะอาดโต๊ะอยู่ก็รู้ว่าพีทคงมาแล้วตามคำขอที่เบฟบอกว่าจะให้มาอยู่เป็นเพื่อนเพราะกลัวว่าเขาจะเป็นอะไรไป
“พี่อุ่น กุญแจครับ” พีทชะโงกหน้าเข้ามาในร้าน ถามหากุญแจไว้ล็อคประตูเหล็กข้างหน้า
“อยู่ข้างกล่องใส่กรรไกร พีทเข้ามาหยิบได้เลย”
พีทเดินเข้ามาหยิบกุญแจออกไปจัดการล็อคประตูให้เรียบร้อยเพราะต่อให้มีถุงขยะอยู่ในร้าน ไออุ่นก็ไม่เดินเอามันออกไปทิ้งข้างนอกอยู่ดีและวันนี้เบฟก็ไม่กลับบ้าน ฉะนั้นแล้วก็ไม่รู้ว่าจะเปิดประตูไว้เพื่ออะไร เขาเดินมาช่วยงานที่เหลืออยู่ของไออุ่น ต่อให้รู้ว่าไออุ่นไม่มีทางเหนื่อยแต่การปล่อยให้ชิ้นส่วนต่างๆ ในร่างกายทำงานหนักจนเกินไปก็จะยิ่งเสื่อมสภาพเร็วขึ้น
“พี่อุ่นไปนั่งพักเถอะครับ เดี๋ยวที่เหลือผมจัดการเอง”
“ไม่เป็นไรหรอก”
“ไปนั่งเถอะครับ ผมไม่อยากได้ยินเบฟโวยวายว่าผมดูแลพี่ไม่ดี”
โดนพีทไล่ให้ไปนั่งเฉยๆ แบบนี้ก็มีแต่ต้องจำยอม ไออุ่นไม่อยากให้เบฟต้องรู้สึกไม่สบายใจเพราะที่เป็นอยู่ตอนนี้เขาก็ไม่ต่างอะไรจากตัวภาระสักเท่าไร ทุกวันนี้ก็ต้องคอยให้เบฟไขลานให้ทั้งๆ ที่ความจริงแล้วก็ทำเองได้ เบฟคอยช่วยซ่อมแซมอะไหล่บางส่วนให้ในที่ที่เขาไม่สามารถทำได้ด้วยสองมือของตัวเอง
“กินอะไรมาหรือยัง ให้พี่ไปทำให้ไหม”
“เรียบร้อยแล้วครับ พร้อมนอนเป็นเพื่อนพี่อุ่นแล้ว”
ไออุ่นยิ้มนิดๆ แต่ความจริงแล้วตุ๊กตาไขลานหลับไม่เป็นหรอกนะ
~ กริ๊งงงง กริ๊งงงงง กริ๊งงงงงง ~ เสียงโทรศัพท์ในร้านดังขึ้น ไออุ่นไม่มีโอกาสได้เดินไปรับเมื่อพีทรีบวางมือจากงานที่ทำอยู่แล้ววิ่งไปรับแทน เขาได้แต่มองภาพนั้นนิ่งๆ เป็นตุ๊กตาไขลานที่กำลังหมดอายุขัยนี่มันก็แย่เหมือนกันราวกับสิ่งที่เป็นอยู่คอยฉุดรั้งให้คนรอบข้างไม่ก้าวไปไหน คอยพะว้าพะวงว่าสักวันหนึ่งลานที่ไขอยู่เป็นประจำจะไขต่อไปไม่ได้อีก
“พี่อุ่น พอผมพูดด้วย เขาก็ไม่พูดอ่ะครับ”
“เขาคงกดผิดมั้ง”
พีทเดินมาทิ้งตัวลงนั่งที่ม้านั่งข้างๆ ไออุ่นแล้วเอนหัวซบไหล่อีกฝ่ายเบาๆ
“ตัวพี่อุ่นไม่อุ่นเหมือนชื่อเลยนะครับ”
“ก็เพราะพี่เป็นตุ๊กตายังไงล่ะ”
“แต่พี่อุ่นเป็นตุ๊กตาไขลานที่พิเศษมากเลยนะครับ ผมล่ะแอบอิจฉาเบฟจัง”
~ กริ๊งงงง กริ๊งงงงง กริ๊งงงงงง ~ ไออุ่นยังไม่ทันได้ตอบอะไร เสียงโทรศัพท์ของทางร้านก็ดังขึ้นอีกครั้ง เขาจึงตัดสินใจลุกขึ้นไปรับเอง
“สวัสดีครับ ร้านดอกไม้อุ่นไอรักครับ”
// ........ //
“ไม่ทราบว่าทางนั้นได้ยินไหมครับ”
// ........ //
“ถ้าไม่ตอบ ขออนุญาตวางสายนะครับ”
// ........ //
“ราตรีสวัสดิ์ครับ คุณไวน์”
ไออุ่นวางสายลง แอบอมยิ้มนิดหน่อย ถ้าถามว่าเขารู้ได้ยังไงว่าอีกฝ่ายคือไวน์ ลูกค้าที่ชอบทิ้งช่อดอกไม้ที่เขาทำให้ถึงสองครั้งก็คงเพราะลูกค้าประจำของร้านที่รู้เบอร์โทรศัพท์จะไม่โทรเข้ามาหลังเวลาร้านปิดและวันนี้ไวน์ก็เพิ่งจะได้รับนามบัตรของทางร้าน แถมเขายังเป็นฝ่ายบอกเองว่าให้โทรมาหาได้ตลอดเวลา
“พี่อุ่นยิ้มอะไรเหรอครับ”
“ไม่มีอะไรหรอก พีทจะเข้านอนหรือยัง พี่จะได้ไปเตรียมที่นอนให้”
“ไม่เป็นไรครับ ผมนอนตรงม้านั่งนี่ก็ได้”
“พีท...”
ไออุ่นเรียกด้วยน้ำเสียงจริงจังแล้วฉุดให้พีทลุกขึ้นจากเก้าอี้ที่นั่งอยู่
... กึก! …ไออุ่นสะดุ้งนิดๆ เสียงทีได้ยินเมื่อครู่เหมือนจะเป็นข้อต่อที่หัวไหล่เคลื่อน มันคงแค่เคลื่อนแต่แขนข้างซ้ายของเขากลับขยับหรือหมุนไม่ได้เลยแม้แต่นิดเดียว
“พี่อุ่น!!”
พีทร้องลั่นร้าน เขารีบกุลีกุจอลุกขึ้นมาดูอาการด้วยความตกใจ ไม่คิดว่าแค่ดึงร่างของเขาขึ้นจากเก้าอี้จะทำให้เป็นแบบนี้ไปได้
“ไม่เป็นไร พีทไปนอนเถอะ เดี๋ยวพี่จัดการเอง”
“ไม่ได้ครับ ถ้าเบฟรู้เข้าได้ฆ่าผมตายแน่”
พีทจัดการตรวจตราความเรียบร้อยที่หน้าร้านแล้วให้ไออุ่นเดินเข้าไปด้านหลังร้านเพียงลำพัง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้เป็นความผิดของเขาเองที่ไม่ยอมลุกขึ้นมาดีๆ สุดท้ายแล้วก็ทำให้อีกฝ่ายต้องเจ็บตัวจนได้ ถ้าเบฟรู้เข้าคงโดนโกรธแถมอาจจะไม่ให้เขาเข้าใกล้ไออุ่นอีกเลย
ไออุ่นเดินเข้ามานั่งที่เก้าอี้หลังร้าน ถลกแขนเสื้อขึ้น กดตรงบริเวณหัวไหล่หนักๆ เพื่อเปิดมันออกดูกลไกและชิ้นส่วนที่อยู่ภายในว่ามีส่วนไหนได้รับความชำรุดเสียหาย ปรากฏว่าไม่มีความเสียหายที่น่ากังวลใจเท่าไร เพียงแต่ฟันเฟืองบางๆ ตัวหนึ่งบริเวณหัวไหล่บิดเบี้ยวเพียงเล็กน้อยจึงทำให้เขาขยับแขนไม่ได้ คงเป็นตอนที่ออกแรงดึงมากไปหน่อยเลยไปกระแทกเข้าไปกับส่วนอื่นของร่างกาย ยิ่งสภาพของมันดูเหมือนจะไม่ค่อยสมบูรณ์เท่าไรตามระยะเวลาที่ผ่านการใช้งานมาอย่างโชกโชนด้วยแล้ว ไออุ่นหยิบคีมที่อยู่ในกล่องเครื่องมือเพื่อจะดัดให้มันกลับเข้าที่เหมือนเดิมแต่คีมที่เขาหยิบมากลับถูกแย่งไปจากมือ
“พี่อุ่นทำเองไม่ถนัดหรอกครับ ให้ผมทำให้ดีกว่า”
“ขอบใจนะ”
“ผมว่าถ้าโดนกระแทกอีกสักครั้งสองครั้ง เฟืองชิ้นนี้น่าจะหักได้ง่ายๆ เลย เอาเป็นว่าเดี๋ยวไว้กลับไปที่ร้านแล้วจะลองไปหาดูว่าพอจะมีมาเปลี่ยนได้ไหมนะครับ”
“พี่ทำให้ลำบากหรือเปล่า”
การที่จะหาอะไหล่ที่ถูกทำขึ้นเมื่อเกือบร้อยปีก่อนนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย บางชิ้นก็กลายเป็นของที่หาไม่ได้อีกแล้วในยุคสมัยนี้ บางชิ้นอาจถึงขั้นต้องพลิกแผ่นดินตามหา คงไม่มีใครพยายามทุ่มเทให้กับมันทั้งๆ ที่รู้ว่าทำไปแล้วตัวเองก็เหนื่อย
“ไม่เลยครับ หาอะไหล่ให้พี่อุ่นมันเป็นเรื่องท้าทายดี ผมชอบครับ”
พีทค่อยๆ ใช้คีมบิดฟันเฟืองตัวนั้นให้เข้ารูปอย่างเบามือที่สุด เพราะถ้าบิดแรงเกินไปล่ะก็โอกาสที่มันจะหักคามือมีสูงมาก
“เมื่อเช้าผมดูข่าวพยากรณ์อากาศ เขาบอกว่าพรุ่งนี้ฝนจะตกหนักมาก”
พรุ่งนี้ฝนจะตกหนักหรือแดดจะออก อากาศจะร้อนขนาดไหน สำหรับไออุ่นแล้วนั้นมันไม่เคยเป็นปัญหาเพราะเขาไม่เคยคิดที่จะออกจากร้านไปไหนอยู่แล้ว อาจมีบ้างที่เขารู้สึกเกลียดช่วงเวลาที่อากาศเย็นขึ้นเพราะมันมีโอกาสทำให้ชิ้นส่วนในร่างกายขึ้นสนิม
“ฝนตกทีไร ลูกค้าไม่ค่อยมาร้านทุกทีเลย”
ไออุ่นเฉไฉพูดเรื่องอื่นทั้งที่รู้ดีว่าพีทต้องการจะสื่ออะไร เด็กคนนี้ดูจะเป็นห่วงเขามากเกินไปแล้ว
“พี่อุ่น...”
“พี่รู้ๆ เอาเป็นว่าพี่จะไม่ทำให้ตัวเองชื้นก็แล้วกัน พีทชักจะเริ่มเหมือนเบฟเข้าไปทุกทีแล้วนะ”
พีทได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ ที่เขาเป็นห่วงขนาดนี้ส่วนหนึ่งก็เพราะเบฟที่ทั้งฝากฝังและกำชับให้เขาดูแลอย่างดี ทิ้งท้ายด้วยคำขู่ที่ว่าถ้าไออุ่นเป็นอะไรแม้เพียงเล็กน้อย เขาได้ไปนอนเฝ้ายมบาลในโลกหน้าแน่ อีกส่วนก็คงเพราะเขาหลงใหลในดวงตาสีหยกกับรอยยิ้มที่แสนอบอุ่นและความใจดีนั่นล่ะมั้ง
“เสร็จแล้วครับ งั้น... ผมไปนอนก่อนดีกว่า พรุ่งนี้จะได้กลับไปหาอะไหล่ให้แต่เช้า”
“ขึ้นไปนอนที่ห้องพี่แล้วกันนะ นอนข้างล่างเดี๋ยวจะปวดหลังซะเปล่าๆ”
“แล้วพี่อุ่นจะนอนไหน”
“เดี๋ยวพี่นั่งข้างล่างนี่แหละ”
ไออุ่นดึงแขนเสื้อลงแล้วลองขยับแขนดู ปรากฏว่าหัวไหล่ซ้ายกลับมาขยับได้ตามปกติแล้วแต่ก็ยังวางใจไม่ได้
“พี่อุ่น ราตรีสวัสดิ์นะครับ”
“อืม... ฝันดีนะ”
ไออุ่นนั่งอยู่ที่เดิม มองดูพีทเดินขึ้นไปข้างบนด้วยความอิจฉา ตุ๊กตาไขลานอย่างเขาไม่มีวันได้รู้จักกับคำว่านอนหลับ ไม่มีทางได้รู้จักกับคำว่าเลือดหรือความเจ็บปวดที่เกิดจากบาดแผลบนร่างกาย ต่อให้ต้องถูกตัดแขนตัดขาหรือร่างกายถูกทำลาย เขาก็ไม่มีวันรู้สึกอะไร เป็นได้แค่เพียงตุ๊กตาไขลายที่มีชีวิตแต่ไร้ความรู้สึก
เช้าวันต่อมา ไออุ่นเปิดร้านตามปกติโดยมีพีทคอยช่วยก่อนที่จะกลับไปยังร้านของตัวเอง
เช้านี้อากาศไม่ค่อยแจ่มใสเท่าไรนักตามคำพยากรณ์อากาศที่พีทบอกมา ท้องฟ้าดูอึมครึมแต่เช้า เมฆดำลอยมาแต่ไกล แม้แต่แสงของพระอาทิตย์ก็ยังส่องลงมาไม่ถึงพื้น ดูท่าว่าวันนี้พายุจะเข้ามากกว่าจะเป็นแค่ฝนตกหนักธรรมดา สภาพอากาศแบบนี้ทำให้บรรยากาศโดยรอบดูหดหู่ เหงาหงอยไปตามๆ กัน แม้แต่ดอกไม้ในร้านก็ยังไม่สดชื่น
เสียงกระดิ่งที่ติดกับบานประตูดังขึ้นเบาๆ ไออุ่นที่กำลังพรมน้ำให้ดอกไม้หันไปดูต้นตอของเสียงที่เกิดขึ้น
“คุณไวน์ มารับช่อดอกไม้คืนเหรอครับ”
“เปล่า จะมาสั่ง”
“ถ้าอย่างนั้นช่วยนั่งรอสักครู่นะครับ ผมกำลังจัดร้านอยู่ แล้วจะรับเป็นดอกอะไร แบบไหนดีครับ”
ไวน์ยืนรออยู่ที่หน้าประตูร้าน ที่เขารีบมาตั้งแต่ร้านยังไม่เปิดก็เพราะรู้ว่าวันนี้ฝนอาจจะตก เมฆดำตั้งเค้ามาแต่ไกล ถ้าไม่รีบมาล่ะก็ตัวเขาอาจติดฝนอยู่ที่ไหนสักแห่งแล้วแวะมาหาไม่ได้ เขาตอบคำถามนั้นแบบไม่ต้องเสียเวลาคิดเลยว่า “แบบที่อุ่นชอบ”
มือที่กำลังหยิบกระดาษห่อชะงักลงเมื่อได้ยินคำตอบนั้น วันนี้ผู้ชายคนนั้นมาแปลก เขาคาดว่าอีกฝ่ายจะตอบว่าช่อดอกลิลลี่สีขาวเหมือนสองครั้งที่ผ่านมาเสียอีก
“ครับ?”
“ขอช่อดอกไม้ที่คุณคิดว่าเหมาะกับผม”
“อ๋อ! ครับ”
ไออุ่นรับคำ ครั้งแรกที่เขาได้ยินคือไวน์บอกว่าเป็นช่อดอกไม้ในแบบที่ไออุ่นชอบเลยลองถามให้แน่ใจก็กลับกลายเป็นว่าเขาเองที่หูฝาดไป อีกฝ่ายแค่ต้องการช่อดอกไม้ที่เหมาะกับตัวเองเท่านั้นแต่จะหาดอกไม้ที่แสดงให้เห็นถึงความเป็นตัวตนของไวน์ดูจะเป็นเรื่องยากเพราะเขาแทบจะไม่รู้จักผู้ชายคนนี้เลย
ดอกกุหลาบสีชมพูถูกหยิบออกมาวางบนโต๊ะ ไออุ่นคิดว่าตัวเขาไม่รู้ตื้นลึกหนาบางอะไรในตัวผู้ชายคนนี้จึงคิดที่จะเลือกดอกไม้ในแบบที่ตัวเองชอบไปให้แทน อีกฝ่ายคงจะไม่ว่าอะไร เขาตั้งใจจะแซมด้วยดอกกุหลาบขาว มันจะได้ไม่ดูหวานเลี่ยนจนเกินไป
“คุณไวน์ จะเป็นอะไรไหมถ้าผมจะทำช่อดอกไม้ในแบบที่ผมชอบให้คุณแทน”
“ก็แล้วแต่สิ”
น้ำเสียงห้วนๆ ใบหน้าของไออุ่นก็ยังไม่มอง บอกได้เลยว่าตอนนี้ไออุ่นเริ่มจะชินขึ้นมาบ้างแล้วแต่ก็อดคิดไม่ได้ว่าเป็นผู้ชายที่แปลก ลูกค้าที่แวะเข้ามาที่ร้านดอกไม้อุ่นไอรักไม่เคยมีใครเป็นแบบนี้สักนิด ตลอดสี่สิบปีที่เปิดร้านมา พบผู้คนมากหน้าหลายตา หลากหลายนิสัยและความต้องการ ไวน์เป็นผู้ชายเพียงคนเดียวที่เห็นแค่ครั้งแรกก็จำได้
“คุณไวน์ครับ ไม่ทราบว่าเมื่อวานได้โทรเข้าร้านหรือเปล่าครับ”
“เปล่า”
“เหรอครับ เห็นที... ถ้าเขาโทรเข้ามาอีกครั้ง ผมคงไม่พูดด้วยแล้วล่ะ”
ไออุ่นแอบมองดูปฏิกิริยาของอีกฝ่าย เห็นท่าทางของไวน์ดูจะอึ้งไปเล็กน้อยเมื่อได้ยินเขาบอกว่าจะไม่ยอมพูดด้วย ไออุ่นถึงกับยิ้มขำ เขาคาดเดาไว้ไม่ผิดเลยจริงๆ ว่าคนที่โทรมาเมื่อวานจะเป็นไวน์
เปรี้ยง!!! ครืนนนนน ครืนนนนนนน
เสียงฟ้าร้อง ฟ้าผ่าบ่งบอกว่าอีกไม่นานท้องฟ้าคงเทน้ำลงมาโครมใหญ่
ไออุ่นมองออกไปข้างนอกร้าน สภาพอากาศแบบนี้ เขารู้สึกไม่ชอบมันเลยจริงๆ
“เดี๋ยวผมจะรีบทำให้เสร็จก่อนฝนจะตกนะครับ”
ในขณะที่ไออุ่นจัดแจงเรียงดอกไม้ให้เป็นช่อกลม สายฝนก็สาดกระหน่ำลงมาจากฟากฟ้าทันที เขาคงไม่จำเป็นต้องรีบอะไรแล้ว ต่อให้ทำดอกไม้ช่อนี้เสร็จ ไวน์ก็ออกไปไหนไม่ได้อยู่ดี
“คุณคงไม่ต้องรีบแล้ว”
“ถ้าอย่างนั้น... ระหว่างที่คุณนั่งรอฝนซา ผมจะไปทำช็อคโกแลตร้อนให้นะครับ”
ไออุ่นละจากช่อดอกกุหลาบสีชมพูแล้วเดินเข้าไปหลังร้าน ในจังหวะนั้นประตูร้านก็เปิดออก กระดิ่งที่ติดตรงประตูสั่นไหวแรง เบฟที่ร่างกายเปียกปอนสาวเท้าเร็วๆ เข้ามาข้างใน ตรงดิ่งไปหาไออุ่นที่กำลังจะไปชงอะไรร้อนๆ มาให้กับไวน์
“อุ่น! เรามีเรื่องต้องคุยกัน”
“เบฟ...”
ไออุ่นเรียกเสียงอ่อน เขาไม่เคยเห็นเบฟทำท่าทางจริงจังมากขนาดนี้มาก่อน ชื่อของเขาที่ไม่มีแม้แต่คำนำหน้าหรือเป็นคำปกติที่เคยเรียกทำให้คิดได้ว่าคงมีเรื่องสำคัญอะไรแต่ก็คงหนีไม่พ้นเรื่องที่เป็นของเขาที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้
“เราต้องคุยกันเดี๋ยวนี้”
“ไปอาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้า เช็ดหัวให้แห้งแล้วค่อยคุยกันได้ไหม”
“อุ่น...”
“ได้ไหม”
“กะ... ก็ได้”
เบฟตอบตกลงทั้งที่ไม่อยาก เขารีบกลับมาในขณะที่ฝนตกหนักราวกับพายุเข้าก็เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวาน จิตใจว้าวุ่นร้อนรน อยากถามให้มันคลายความกังวล ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่ลานไขที่หมดก่อนเวลาหรือแม้แต่ความชำรุดเสียหายของอะไหล่แต่ละชิ้นเพราะสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดทั้งมวลมีผลต่อการมีอยู่ของไออุ่น
ไออุ่นมองดูลูกชายที่รักให้แน่ใจว่าจะขึ้นไปอาบน้ำจริงดั่งว่า ที่เขายังไม่ต้องการพูดอะไรในตอนนี้ก็เพียงแค่อยากให้เบฟอารมณ์เย็นลงกว่านี้สักหน่อย การพูดคุยกันด้วยอารมณ์ที่ครุกกรุ่นไม่สามารถทำให้อะไรดีขึ้นมาได้และอาจนำพาไปสู่การทะเลาะกันในที่สุด หลังจากนั้นจึงเดินไปเข้าไปหลังร้าน ชงช็อคโกแลตร้อนให้เสร็จเรียบร้อย
ไวน์นั่งรออยู่บนม้านั่งเดิม ครั้งนี้เขาไม่ได้ใส่สูทเหมือนที่ผ่านมาแต่มาในชุดลำลอง อันที่จริงแล้วไวน์ไม่ได้ต้องการอะไรมาก เพียงแค่อยากมาเห็นหน้าของใครบางคนที่อยู่ในร้านดอกไม้อุ่นไอรักเท่านั้น แต่ด้วยนิสัยของเจ้าตัวแล้วการที่ต้องพูดความรู้สึกหรือแสดงท่าทีออกมาตรงๆ ต่อหน้าคนที่ชอบนั้นเป็นเรื่องยาก
“ช็อคโกแลตร้อนมาแล้วครับ คุณไวน์”
“ขอบคุณ”
ไวน์รับแก้วช็อคโกแลตร้อนเอาไว้ กลิ่นหอมกรุ่นที่หลงลืมไปนานแล้วชวนให้น้ำลายสอ พักหลังๆ ตั้งแต่เริ่มทำงานในตำแหน่งที่ใหญ่โตขึ้นก็มักจะเอาแต่จิบกาแฟมากกว่า ดวงตาสีอำพันเหลือบมองร่างสูงโปร่งที่กำลังตั้งอกตั้งใจทำช่อดอกไม้อยู่เป็นระยะ พอถูกอีกฝ่ายมองกลับมาก็รีบเบือนหน้าหนีออกไปนอกร้าน เป็นแบบนี้อยู่หลายครั้งหลายคราว
“ถ้าคุณไวน์อยากจะมองก็มองเถอะครับ ผมไม่ได้ว่าอะไร”
“ผมไม่ได้อยากมองแค่อยากรู้ว่าเมื่อไรจะเสร็จ”
“ใกล้แล้วครับ ผมจะรีบเร่งมือนะครับ”
“พี่อุ่น”
ในขณะที่ไออุ่นกำลังจัดช่อดอกไม้ให้กับลูกค้านของร้านอยู่นั้นเบฟก็เดินเข้ามาแล้วโอบกอดร่างที่สูงกว่าจากทางด้านหลังโดยไม่แคร์สายตาของใครอื่นที่มองมา และดูเหมือนว่าหลังจากที่อาบน้ำเสร็จเรียบร้อยแล้วใจของเขาจะเย็นลงบ้าง เบฟคิดทบทวนดูแล้วเขาเองที่เป็นฝ่ายผิด ไม่น่าทำเสียงแข็งเสียงเข้มใส่คนที่รักไปแบบนั้น
“เบฟขอโทษ”
ไออุ่นไม่ได้ว่าอะไร เขาเพียงแค่เอื้อมมือออกไปลูบหัวปลอบใจเพราะรู้ว่าที่ทำไปนั้นด้วยความเป็นห่วง
“วันนี้จะไปเรียนไหม”
“ไม่อยากไปแต่ต้องไปครับ มีเทสต์”
“อย่าลืมเอาร่มไปด้วยนะ”
เบฟพยักหน้านิ่งๆ ในขณะที่ยังโอบกอดไออุ่นไม่ปล่อย
“เบฟปล่อยก่อนครับ พี่ทำงานไม่ถนัดนะ”
ไออุ่นยังอยากให้เบฟกอดอยู่แบบนี้แต่เขามีงานที่ต้องรับผิดชอบรออยู่ ยิ่งถูกไวน์จ้องเขม็งอยู่แบบนั้นตั้งแต่ที่เบฟเดินเข้ามากอดแล้วคงต้องรีบเร่งมือจัดช่อดอกไม้ให้เสร็จก่อนที่ร่างทั้งร่างจะพรุนไปหมดเพราะถูกจ้องไม่วางตาอย่างนี้
“ไม่อยากปล่อยพี่อุ่นเลยครับ”
ไม่อยากปล่อยแต่จำต้องปล่อย ไออุ่นกำลังทำงานและฝนกำลังตกหนัก เขารู้ว่าผู้ชายที่อยู่ท่ามกลางดอกไม้เกลียดช่วงเวลาแบบนี้ ไออุ่นไม่เคยอาบน้ำเพราะถ้าเมื่อไรที่น้ำไหลผ่านช่องว่างในส่วนต่างๆ ของร่างกายจะทำให้ชิ้นส่วนภายในขึ้นสนิม ไออุ่นไม่เคยดื่มกินอะไรทั้งสิ้นเพราะตุ๊กตาไขลานไม่มีกระเพาะอาหาร เบฟรู้เรื่องพวกนี้ดีและรู้มาโดยตลอด เขาถึงได้พยายามถนุถนอมไออุ่นทุกวิถีทาง เขาเพียงแค่รักตุ๊กตาไขลานที่มีชีวิตตัวนี้มากเกินกว่าความสัมพันธ์ที่ควรจะเป็น
“พี่อุ่น แด๊ดบอกว่ามีเรื่องจะคุยกับพี่”
“เขาบอกหรือเปล่าว่าเรื่องอะไร”
“ไม่ได้บอกครับ แด๊ดบอกว่าถ้าไม่โทรมาหาพี่ก็อาจจะแวะมาที่ร้านเองเลย แต่เบฟว่าแด๊ดไม่มาหรอก ฝนตกหนักขนาดนี้”
ไออุ่นพยักหน้ารับและคิดว่าความเป็นไปได้ที่สเตซี่จะแวะมาหาที่ร้านดอกไม้อุ่นไอรักมีแค่สิบเปอร์เซ็นต์
“คุณไวน์ ดอกไม้ที่คุณต้องการ ได้แล้วครับ”
พอไวน์ได้ยินว่าช่อดอกไม้ที่สั่งไว้เรียบร้อยแล้วก็เลิกจ้องหน้าและหันไปทางอื่นแทนแต่ทางอื่นที่ว่านั้นเป็นทางที่เบฟยืนอยู่ ถ้าไออุ่นคาดเดาไม่ผิด เขาว่าไวน์น่าจะแอบชอบเบฟเข้าให้แล้ว ประเมินจากสายตาที่ใช้มอง ดูจากทิศทางที่หันไปยังไงก็เป็นเบฟไม่ผิดแน่ที่เป็นสาเหตุของการแวะมาที่ร้านดอกไม้อุ่นไอรักเป็นประจำและมักจะทิ้งช่อดอกไม้ที่เขาทำให้ไว้ในร้านเสมอ
“พันสองร้อยบาทครับ”
เบฟหยิบเอาช่อดอกไม้ไปจากมือของไออุ่นแล้วเดินเอาไปมอบให้กับลูกค้าเพียงคนเดียวในร้าน เพียงแค่ครู่เดียวเท่านั้นที่สายตาที่เอาแต่จ้องมองเบฟเปลี่ยนไปมองไออุ่น ช่อดอกกุหลาบสีชมพูถูกรับไว้แล้วพร้อมคำขอบคุณและเงินค่าของ
“ขอบคุณนะ ไม่ต้องทอน”
“ไม่ต้องทอนเหรอครับ”
“ครับ ไม่ต้องทอนหรอกครับ ถือเป็นค่าช็อคโกแลตร้อนที่พี่คุณทำมาให้ผมด้วย”
เบฟมองเงินที่อยู่ในมือแล้วเดินเอาไปให้ไออุ่นแต่หางตาเหลือบมองไปเห็นเวลาที่เดินอยู่บนหน้าปัดนาฬิกาที่ติดอยู่บนฝาผนังแล้วแทบจะต้องวิ่ง เขามัวแต่เอ้อระเหยอยู่ในร้านนานสองนาน พอรู้สึกตัวอีกทีก็แทบจะไม่มีเวลาเหลือให้นั่งเล่นได้อีกแล้ว “เบฟสายแล้ว! ไปก่อนนะครับ!”
“เดี๋ยวเบฟ! ร่ม”
ถึงแม้ว่าฝนข้างนอกร้านจะไม่ได้ตกหนักเหมือนก่อนหน้านี้แต่ก็ไม่ได้เบาจนถึงขั้นจะเดินออกไปตัวเปล่าโดยไม่พกร่มได้ ไออุ่นยื่นร่มกันฝนที่แขวนไว้อยู่แถวนั้นไปให้กับเบฟ เขาเตรียมพร้อมไว้ตั้งแต่เช้าแล้วเพราะรู้ว่าฝนอาจจะตก
“ขอบคุณครับ”
หลังจากที่เบฟเดินออกไป ไวน์เองก็ลุกขึ้นบ้าง เขาไม่มีเหตุผลอะไรให้ต้องอยู่ต่อ คนที่อยากจะเจอก็ได้เจอแล้ว ดอกไม้ที่ต้องการก็ได้รับแล้ว ถ้ายังขืนนั่งต่อในร้านก็คงได้ถูกถามแน่และเขาก็ไม่รู้จะตอบคำถามนั้นยังไง
“คุณไวน์ ข้างนอกฝนยังตกอยู่ ถ้าคุณไม่รีบล่ะก็เดี๋ยวค่อยออกก็ได้ครับ”
ไวน์ดูนิ่งไปเล็กน้อย เขาไม่คิดว่าจะถูกอีกฝ่ายเอ่ยปากชวนให้อยู่ต่อทั้งที่เขาหมดธุระแล้ว ใจจริงของเขาเองก็อยากอยู่ที่นี่อีกสักพักแต่ติดที่ว่าช่วงบ่ายยังคงมีธุระให้ต้องไปจัดการ
“ผมมีธุระต้องไปทำต่อ”
“งั้นเอาร่มไปนะครับ ถ้าตัวเปียกฝนเดี๋ยวจะไม่สบายไปซะก่อน”
ไออุ่นเดินไปหยิบร่มสีน้ำเงินเข้มของตัวเองไปให้กับไวน์ มันเป็นร่มที่สเตซี่ซื้อไว้ให้และแทบจะไม่ถูกนำมาใช้งานเลยเพียงเพราะเขาไม่มีความจำเป็นต้องออกจากร้านไปไหน
“แล้ว...”
“ถ้าคุณว่างเมื่อไรค่อยเอามาคืนก็ได้ มันเป็นร่มของผมเอง”
~ กริ๊งงงง กริ๊งงงงง กริ๊งงงงงง ~ เสียงโทรศัพท์ของร้านดังขึ้นบังคับให้ไวน์ต้องรับร่มคันนั้นเอาไว้โดยปริยาย
“ขอบคุณ”
ไออุ่นยิ้มให้นิดๆ แล้วเดินไปรับโทรศัพท์ที่ดังไม่หยุด เขารู้สึกสบายใจที่อีกฝ่ายยอมรับร่มคันนั้นเอาไว้แล้วเดินออกจากร้านไป
“สวัสดีครับ ร้านดอกไม้อุ่นไอรักครับ”
// อุล //
“สเตซี่!?”
// ไม่ได้คุยกันนานเลยนะ //
“อะ... อืม ฉันเข้าใจ นายคงยังไม่มีเวลาว่าง”
// น้ำเสียงน้อยใจแบบนี้มันอะไรครับ อุล //
ไออุ่นอยากตีปากตัวเองจริงๆ เขาไม่ได้เจอหน้าสเตซี่มาเกือบห้าปีเห็นจะได้ ตั้งแต่ที่เบฟเริ่มเข้าโรงเรียน พวกเขาก็ทิ้งเด็กคนนั้นให้ไออุ่นดูแลและหันไปมุ่งมั่นกับธุรกิจส่วนตัว มีไม่กี่ครั้งที่พวกเขาแวะมาหาแล้วหลังจากนั้นก็หายหน้าไปเลย การคุยโทรศัพท์ในครั้งนี้จึงเป็นครั้งแรกในรอบห้าปีที่ผ่านมา
“นายหายไปไหนตั้งห้าปี”
// จัดการกับธุรกิจแล้วก็ทำอะไรบางอย่างจนตอนนี้ทุกอย่างเรียบร้อย ลงตัวหมดแล้ว เบฟคงไม่เคยบ่นคิดถึงผมกับรุ้งเลยใช่ไหม //
ไออุ่นรู้ว่าสิ่งที่สเตซี่พูดคือความจริง เบฟแทบจะไม่เคยพูดถึงพ่อและแม่ตัวเองหลังจากที่ถูกปล่อยให้อยู่ภายใต้การดูแลของเขา ในช่วงที่ยังเด็กมากก็เรียกร้องหาพ่อแม่ตามปกติแต่พอเบฟโตขึ้นมาหน่อยและเข้าใจอะไรมากขึ้น เขาก็ไม่เคยได้ยินเด็กคนนี้เอ่ยถึงอีกเลย
“ฉันขอไม่พูดถึงก็แล้วกันนะ”
// ผมเข้าใจ อุล... อีกสามวันผมจะไปเยี่ยมมัม ไปด้วยกันไหม //
“เฮเลนน่ะเหรอ ฉันอยากไปนะ แต่สภาพร่างกายมัน...”
// ไปไม่นาน แค่อาทิตย์เดียวก็กลับ อุลเก็บไปคิดดูก่อนก็ได้ แต่ถ้ามัมได้เห็นหน้าตุ๊กตาไขลานที่เธอรัก เธอคงมีความสุขมาก เอาเป็นว่าเดี๋ยวพรุ่งนี้ ผมจะโทรมาขอคำตอบก็แล้วกันนะครับ คิดถึงอุลนะ //
“คิดถึงเหมือนกัน เจ้าลูกชาย”
** ติดตามตอนต่อไป **ติดตามการอัพเดทนิยาย ทวงถาม พูดคุยกันได้ที่แฟนเพจนะคะ ฝากด้วยค่ะ
https://www.facebook.com/Bluesora28/สำหรับคำถามที่ว่า "เรื่องนี้จบแบบแฮปปี้หรือเปล่า" .... คำตอบอยู่ข้างล่างค่ะ
แฮปแน่นอนค่ะ