บางคนก็บอกว่าหวาน บางคนก็บอกว่าพี่ต่ายเปลี่ยนไป

ก็บอกแล้วว่าภาคนี้มันเป็นภาคเล่าสู่กันฟังอ่ะ อย่าแปลกใจไปเลยค่ะ:เหอะ1:
ส่วนใครอยากไปเกะด้วยกันก็ไปกันต่อเลยค่ะ

**************************************************
ผมไม่คิดเลยในชีวิตหนึ่งจะได้มีคืนวันที่อายได้ขนาดนี้ไม๊ ดีที่เราอยู่ในห้องส่วนตัวนะครับ มีแต่เพื่อนๆกันทั้งนั้นผมเลยค่อยเบาใจไปบ้าง พอพี่ต่ายร้องเพลงจบพวกเพื่อนๆผมปรบมือชื่นชมกันใหญ่ หรือดีใจที่ร้องได้จนจบไม่ล่มซะกลางคันก็ไม่รู้ หุหุ

เปเล่ีส่งแก้วเหล้าไปให้พี่ต่ายดื่ม “พี่ต่ายครับดื่มให้ผมหน่อยครับเพื่อนเขย สุดยอดครับพี่ พี่ทำไปได้ไงเนี่ย”
พี่ต่ายยิ้มเขินๆเมื่อรับแก้วไป แล้วตอบด้วยเสียงนุ่มๆว่า
“ด้วยแรงแห่งรักครับ”

ไม่พูดเฉยๆนะครับหันหน้ามามองผมตาเยิ้มเลยครับ พอพี่ต่ายพูดจบคนที่หน้าแดงกว่ากลับกลายมาเป็นผม

เพื่อนๆผมที่ได้ยินกรี๊ดกร๊าด โห่ฮา กันใหญ่อย่างกับดูคอนเสริท พี่ต่ายของผมท่าจะไปซะแล้ว....เฮ้อ อยากจะพากลับบ้านซะเดี๋ยวนั้น แต่ก็ทำได้แค่เพียงดึงมือให้มานั่งที่ คราวนี้ผมเลยนั่งประกบพี่ต่ายแล้วครับจะได้ให้เบาๆเหล้าไปหน่อย
ตอนนี้หน้าพี่ต่ายเริ่มแดงระเรื่อแล้วครับ ดวงตาฉ่ำปรือ แต่กลับทำให้ยิ่งดูยิ่งเซ็กซี่จริงๆครับ ผมว่าผมมากกว่าที่ควรจะร้องเพลงเมื่อกี้ “แฟนใครไม่รู้” ยิ่งดูยิ่งน่ารัก พี่ต่ายเหงื่อตกถึงแม้ว่าแอร์จะเย็นผมเลยจัดการถอดสูทออกให้ แล้วคลายเน็คไทร์ที่ผูกแน่นอยู่ให้พี่ต่ายสบายขึ้น ผมมองหน้าพี่ต่ายที่เริ่มพูดน้อยลงแล้วครับทำหน้าเหมือนจะง่วงๆด้วยซ้ำไป
“พี่ต่ายเมารึเปล่าเนี่ย ดูซิพูดอะไรก็ไม่รู้แปลกๆ ผมทั้งอายทั้งเขินนะเนี่ย”เบ็ตตี้ที่นั่งอยู่ข้างๆชะโงกหน้ามาบอกว่า “เขินอะไร พี่ต่ายน่ารักจะตายเพื่อนๆเค้าอิจฉาโอมกันหมดแล้วนะโอม คริคริ”
“เบ็ตอย่าแซวผมซิ”
“อ้าวก็ไม่ให้แซวโอมแล้วจะให้แซวใคร เพื่อนๆเรามีโอมคนเดียวพาแฟนมาเปิดตัว คนอื่นไม่มีแฟนมากันเลย โสดสลดหดหู่กันหมดทุกคน อิอิ”
“จริงดิ ผมก็ลืมสังเกตุไป เออจริงด้วยแฮะ”ตอนนี้พี่ต่ายเริ่มจะหลับๆตื่นๆแล้วครับเอนเอาหัวมาพิงผม ผมว่าพี่ต่ายต้องดื่มไปเยอะแน่ๆ เพราะพวกเพื่อนผมมันส่งให้พี่ต่ายเรื่อยนี่ครับ
“เฮ้ยเล่!....พี่ต่ายดื่มเยอะเหรอ ทำไมเมาแล้วล่ะ ใครมอมเหล้าพี่เค้าเปล่าว่ะ ปกติเค้าไม่เคยดื่มจนเมาสักทีนะ”
“ก็ไม่มากนี่แต่กรูไม่รู้ว่าพี่เค้าดื่มไว กรูก็ส่งไปเค้าก็ไม่ว่าอะไรกรูก็เลยไม่ทันดู เลยชงอย่างเดียวเลย แหะๆ”
ตายละวาท่าทางผมมิต้องหามพี่ต่ายกลับเหรอเนี่ย “โอมครับ...พี่ยังไม่เมา แค่ง่วงๆนิดเดียวเองยังไหวน่า...นะคร๊าบบบบบบ” ไม่เมาเลยครับเริ่มเอามือมาโอบเอวผมแล้ว เพื่อนผมก็นั่งกันเต็มผมเลยแอบแกะมือออก แต่มือพี่ต่ายแข็งแรงมากครับ จากที่แอบแกะโดยมือข้างเดียวกลายเป็นแกะแบบจริงจังก็ยังเอาไม่ออก ทำเอาผมเหงื่อตก เป็นที่ขบขันของเพื่อนๆไป เฮ้อ
ผมเลยต้องปล่อยเลยตามเลย อยากโอบเอวก็เอา.....ตามใจ คราวนี้พี่ต่ายก็ย่ามใจครับดึงตัวผมเข้าไปพิงตัวพี่ต่ายไว้ครับ ผมจะดิ้นรนไปก็ใช่ที่ก็เลย...ปล่อยเลยตามเลยอีกครั้ง กลายเป็นว่าผมนั่งแทบจะเกยไปบนตัวพี่ต่ายแล้วครับ แต่เพื่อนๆก็มิได้นำพา ทำเป็นไม่สนใจอะไร(รึเปล่า??)
“โอมร้องเพลงไม๊??” ผมกำลังจะยื่นมือไปรับรายชื่อเพลงจากเพื่อนครับ แต่มันกลับดึงกลับไปทันที เมื่อเห็นสภาพท่านั่งของผมตอนนี้
“เอ....ท่าทางจะไม่สะดวกข้ามไป ใครจะร้องต่อเลือกเลย”
ดูครับนอกจากตัดสิทธิ์ของคนที่หารเท่าแล้วมันยังยิ้มหัวเราะเยาะผมอีก ผมทั้งแค้นเพื่อนทั้งแค้นพี่ต่ายที่กอดเอวผมแน่นเลย เลยเอาข้อศอกถองพี่ต่ายไปที แล้วพูดด้วยวาจาสุภาพพร้อมกับกัดฟันไปด้วยกับพี่ต่ายว่า
“พี่ปล่อยผมได้แล้ว หายใจไม่ออก อายเค้าบ้างงงง”
แต่พี่ต่ายคงมีแอลกอฮอล์เข้ามาในเส้นเลือดมากเกินปริมาณที่กำหนดก็เลยตอบมาแบบไร้ความอายกระซิบผมที่ข้างหูว่า “อายทำไมคนรักกัน หึหึ”
“อย่ามากวนนะพี่ต่ายเรื่องนินทาโอมกับน้องป๋อมยังไม่เคลียร์นะ อย่ามาหาเพิ่มอีกคดี”
ผมเลยหยิกไปอีกทีนึงครับ แต่พี่ต่ายก็คงชาไปทั้งตัวแล้วไม่ได้สะทกสะท้านแต่อย่างใด กลับมาขโมยหอมแก้มผมเบาๆอีก ผมได้แต่หน้าแดง มิน่าเค้าถึงเรียกว่าเหล้าเปลี่ยนนิสัย วันหลังคงให้ดื่มมากๆไม่ได้แล้วล่ะ ดีที่ในห้องมันค่อนข้างมืดและพวกเพื่อนๆผมมัวแต่ไปสนใจเปเล่ที่ร้องเพลงอยู่เลยไม่ได้เห็นเรา(มั๊ง????)
“โอมครับ...ร้องเพลงให้พี่ฟังมั่งซิ พี่อยากฟังโอมร้องเพลงบ้าง”พี่ต่ายกระซิบเสียงแผ่วๆที่ข้างหูผม แล้วนิ้วมือก็ลูบเอวผมไปมา ผมอยากจะบอกพี่ต่ายว่า ผมเริ่มจะเปลี้ยจนไม่มีแรงที่จะไปร้องเพลงแล้ว ถ้าขืนพี่ยังมานัวเนียหนุบหนับผมอยู่แบบนี้
แต่พี่ต่ายก็เอื้อมไปหยิบรายชื่อเพลงมาส่งให้ผม ผมเลยต้องถามเจตนารมย์ของพี่ต่ายอีกครั้ง
“พี่จะให้ผมร้องจริงๆเหรอ ผมร้องเพลงไม่เพราะนะ”
พี่ต่ายยิ้มกริ่ม กระซิบที่ข้างหูผมอีกแล้วเพราะเพลงมันดังครับ พูดไกลๆไม่ค่อยได้ยิน
“พี่แค่อยากฟังความในใจโอมเท่านั้นเอง ร้องยังไงพี่ฟังก็เพราะอยู่ดี”
ผมว่าเหล้าผมก็ดื่มไม่มากนะ แต่หน้ามันร้อนไปหมด พรุ่งนี้อาจต้องไปหาหมอที่โรงพยาบาลเจาะเลือดตรวจ เกรงว่าน้ำตาลในเส้นเลือดจะมากเกินไป ผมจะเป็นโรคเบาหวานแค่ชั่วข้ามคืนไม๊เนี่ย
ส่วนพี่ต่ายก็อาจจะต้องตรวจอีกคน ว่าขาดน้ำตาลหรือเปล่าเพราะแกเล่นพูดหวานๆซะจนผมนึกว่ามีใครมาทำรถบรรทุกน้ำตาลคว่ำอยู่ตรงหน้า เล่นซะเป็นชุดแบบนี้ วันต่อๆไปที่เหลือยังจะยังมีอะไรมาหยอดผมอีกไม๊เนี่ย
“ร้องก็ได้ แต่พี่ปล่อยผมก่อน ผมจะไปบอกชื่อเพลงกับเพื่อนผมให้เค้าคีย์ให้” พี่ต่ายเลยคลายมือจากเอวผมแล้วบอกผมว่า
“ครับ....แล้วรีบกลับมานะ...คิดถึงโอมนะครับ”
ตายยยยยยย....กรูตายไปเลย ใจมันหวิวๆ หรือว่าความดันขึ้นก็ไม่รู้ เอิกซ์ซซซซ

ผมเดินไปบอกเพื่อน ผมก็เดินเซๆไปเล็กน้อยเพราะขามันชา หรือว่าเลือดไปเลี้ยงสมองไม่ทันก็ไม่รู้ครับเพราะมันลงไปที่หน้าหมด จนเพื่อนผมทัก
“โอมเป็นไรว่ะหน้าแดงนะเนี่ย เมิงดื่มเยอะเหรอ กรูไม่เห็นค่อยกินเท่าไหร่นี่”
“เออๆๆ ดื่มไปหน่อยก็หน้าแดงแล้ว ขอเพลงนึง กรูหารเท่าแม่มไม่ให้กรูร้องเลยนะเมิง”
“อ้าว....ก็กรูเห็นเมิงไม่ว่าง เอ้าจิ๊ดจัดให้เพลงนึงของโอม แซงคิวหน่อย ร้องให้พี่ต่ายเว้ยยย....ฮิ้ววววววว”ไอ้ติ๊ดมันล้นไปแล้วครับ ผมไม่ได้พูดสักคำว่าจะร้องให้พี่ต่าย แต่ที่จริงก็ร้องแหล่ะ แหะๆ
เสียงเพื่อนๆกริ๊ดกร๊าดดดด วิ๊ดวิ้วกันถ้วนหน้า เพื่อนๆผมยกแก้วเหล้าให้พี่ต่าย “ดื่มให้พี่ต่ายกับโอมกันหน่อยครับ”
พี่ต่ายก็ยกขึ้นดื่มด้วยครับ แถมลุกขึ้นยืนแล้วโค้งให้เพื่อนๆผมด้วย อาการอย่างนี้ถ้าไม่เรียกว่าเมาก็เรียกว่า(หน้า)มึน
“ครับ..ขอบคุณครับน้องๆที่มางานเลี้ยงฉลองผมและโอม”
จ๊ากกกก....เอาแล้วซิเมาจนผิดงานแล้วไม๊ นี่มันงานแต่งนนนี่กับฟร๊องนะ พี่ต่ายทำเอาผมอยากเอามือตบๆหน้าพี่ต่ายให้ตื่น เมาแล้วเพี้ยนนี่หว่า
เพื่อนๆผมมันฮากันมากครับหัวเราะกันครึกครื้น เพื่อนผู้หญิงที่ยืนอยู่ใกล้ๆมาบอกกับผมว่า “พี่ต่ายมุกเยอะนะโอม น่ารักอ่ะ ไปหามาจากไหนเนี่ย มีพี่น้องเหลือไม๊เนี่ยแบบนี้ขอสักคน”
ผมก็ได้แต่หัวเราะเขินๆไปครับ อยากจะตอบพี่เค้าไม่ใช่หมาจะได้มีพี่น้องเหลือๆ เง้อ จะเดินกลับไปหยิกพี่ต่ายให้ตื่นซักหน่อยก็ไม่ทันเพราะเพลงที่ผมเลือกดังขึ้นมาพอดี
http://media.imeem.com/m/zl6gWvkIrH/aus=false/ฉันนั่งยิ้มลำพัง หัวเราะลำพัง
สดชื่นกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา
ตั้งแต่ได้พบกับเธอนั้น
เรื่องจริงกับความฝันเกิดขึ้นด้วยกันทันตา
ฉันอยากจะหยุดเวลานี้
ตั้งแต่วินาทีที่ชีวิตมีเธอเข้ามา
เธอทำให้คนที่เหนื่อยล้า
กล้าจะเปิดหัวใจ
หยุดๆ ชีวิตอยู่กับคนนี้
แม้ว่าใครจะดีซักแค่ไหน
หยุดๆ ความรักทั้งหัวใจ
อยู่กับเธอคนเดียว
ฉันนั้นรู้ทันทีและรับทันที
เธอคือความโชคดีที่เข้ามา
ตั้งแต่ได้พบกับเธอนั้น
ชีวิตมีความฝันที่เกิดขึ้นตอนลืมตา
ช่วงที่ผมร้องเพลงเพื่อนๆมันเงียบกริบเลยครับ แต่เปเล่มันก็ดันๆยันๆให้ผมเดินไปหาพี่ต่าย เบ็ตตี้ก็ดันให้พี่ต่ายลุกขึ้นมาหาผมเหมือนตอนที่พี่ต่ายร้องเพลงไม่มีผิด ในที่สุดพี่ต่ายลุกมาหาผมแล้วเดินมาโอบเอวผมไว้ แล้วก็มองหน้าผมตลอดเวลาที่ผมร้อง ทำเอาผมร้องสะดุดตกๆหล่นๆไปตั้งหลายครั้งร้องเกือบจะไม่จบด้วยซ้ำ
หน้าผมก็ยังคงแดงตลอดเวลา พอผมร้องเพลงจบพี่ต่ายหอมแก้มผม กอดผมไว้ทั้งตัวแล้วบอกผมเบาๆได้ยินกันสองคนว่า
“พี่ก็ “หยุด” ที่โอมนะครับ”
ผมตอบรับอ้อมกอดของพี่ต่ายด้วยความอิ่มใจ ความรู้สึกว่า...สุข..มันเ่อ่อล้นขึ้นมาเต็มที่ครับ เหมือนมีเพียงเราสองคนอยู่ด้วยกัน
+
+
+
+
+
แต่เดี๋ยวก่อนถ้าคุณคิดได้ใน10วินาที คุณมาคาราโอเกะกับกลุ่มเพื่อนนี่นา แล้วทำไมมันเงียบแบบนี้ล่ะ
?
?
?
?
?
แปลกแหะคราวนี้เพื่อนผมไม่กริ๊ดไม่เป่าปาก ไม่ฮา มันเงียบผิดปกติจริงๆครับ ผมชักเอะใจเลยหันไปดู ทุกคนนั่งเงียบเลยครับเป็นระเบียบเรียบร้อย จัดระเบียบแถวกันดีมาก(ทำกันตอนไหนเนี่ยเมื่อกี้ยังนั่งระเกะระกะกันอยู่เลย???) แต่ทุกสายตาพุ่งตรงมองมาที่ผมกับพี่ต่าย ผมรู้สึกตัวต้องผลักพี่ต่ายออกไป แล้วแก้เขินด้วยการยื่นส่งไมค์และบอกเพื่อนๆว่า “เอ้า...เงียบกันอยู่ได้เพลงต่อไปของใครเร็วเข้า”
แต่พวกมันก็ยังเงียบครับไม่มีใครยอมรับไมค์ต่อจากมือผม แล้วจิ๊ดก็พูดขึ้นมาว่า
“pauseไว้ก่อนแล้ว รอฉากสำคัญอยู่”
“ฉากสำคัญ??? ฉากอะไร??” :confuse:ผมหันไปดูMVในจอก็ไม่มีอะไรนี่เพลงมันจบไปแล้ว
ผมเลยถามไปอีกครั้ง “รอฉากอะไรเหรอจิ๊ด?..”
“...............”
“แล้วทำไมเงียบกันไปหมดเลย” สงสัยผมคงร้องเพลงแย่มาก ไม่น่าเลย...เห็นว่าเป็นเพื่อนกันเลยร้องๆไปกะว่าถึงร้องไม่เพราะมันก็คงไม่ว่าอะไร ไม่ชอบก็บอกกันได้ร้องเพลงเดียวก็ได้ว่ะ
“ฉากKiss” เพื่อนสาวผมคนนึงเอ่ยขึ้นมาอย่างใจกล้า

ผมยังงงๆกับคำตอบนั้นไม่ทันหันไปถามอะไรใครอีก พี่ต่ายก็รวบเอวผมดึงตัวเข้าหาพี่ต่ายอีกครั้ง แล้วก็จูบผมอย่างไม่ให้ผมตั้งตัว ตอนแรกก็แค่ปากแตะปากธรรมดาครับ แต่ไม่รู้ว่าอะไรมาดลใจให้พี่ต่ายให้รุกเร้าเอาลิ้นเข้ามาด้วย ทั้งที่คนมากมายยย......นะพี่ต่าย.....เฮ้ยยยย
ผมเองก็ไม่เมาแต่ก็อดหน้ามึนๆไม่ได้ คงปฎิเสธไม่ได้ว่าจูบของพี่ต่ายก็ทำเอาผมใจสั่นไปด้วยถึงกับเคลิ้มไป ต้องเอามือกอดรอบเอวพี่ต่ายไว้เพื่อพยุงตัวไม่ให้ขาอ่อนไปก่อน แล้วเพื่อนๆก็ช่างเป็นใจเงียบสนิททำตัวเป็นหอยทากครับ ผมไม่รู้มันหายใจกันไม๊ หรือว่ามันกลั้นหายใจเพราะกลัวเสียงจะดังรบกวนเรา แต่พี่ต่ายก็หยุดก่อนครับ ก่อนที่จะทำเอาใจเราทั้งสองคนให้เตลิดไปมากกว่านี้ และก่อนที่เพื่อนๆของผมจะรู้ตัวแล้วหยิบเอามือถือมาถ่ายคลิปไว้เป็นหลักฐาน รอดไปนะไอ้โอมเอ๊ยยย...
“พอแล้วนะครับ ขอบคุณครับ”
พี่ต่ายหันมามองเพื่อนๆผมแล้วโค้งศรีษะให้แล้วจูงมือพาผมมานั่งต่อที่โต๊ะ หน้าตาเฉยครับเหมือนสิ่งที่ทำลงไปเป็นสิ่งที่ธรรมดามากกก ผมเสียอีกยังคงตกตะลึงไม่หายเดินสะดุดขาโต๊ะเกือบล้ม โชคยังดีที่พี่ต่ายรับผมไว้ทัน พอเรามานั่งเท่านั้นแหล่ะครับเสียงกรี๊ดดดดดก็ดังกระหึ่ม ทำเอาผมกับพี่ต่ายสะดุ้งทั้งคู่
“ไม่ไหวแล้ว ไม่ไหว ฉันอิจฉาโอมมมม ไม่ไหวแล้ว”

“เอาอีก เอาอีก น้อยไป ดีพคิส เฟรนซ์คิส คิสแบบไหนเอามาให้หมด”

“แฟนฉันไม่เห็นเป็นแบบนี้เลยอ่า”

“หูยโอมแม่งใจกล้าว่ะ”

“เออว่ะไอ้โอมเปลี๊ยนไป๋”
“พี่ต่ายเซ็กซี่จังอ่ะ@@%#^^*_(*&^”
มากมายครับเสียงพูดคุยนินทาผมระยะเผาขนดังขึ้นเซ็งแซ่ เผากันจนผมรู้สึกว่าขนแขนผมมันเริ่มหงิกแล้วครับถ้าเผาต่อไปก็ลอกหนังผมไปจิ้มซีอิ๊วแทนหมูหันได้เลย เอิกซ์ซซซซ เมื่อไหร่เมิงจะเลิกเมาท์กรูซักที เสียงยังคงลอยมาเข้าหูผมมาเต็มไปหมด แต่พี่ต่ายครับหลังจากสร้างวีรกรรมอันงดงามก็หลับไปแล้วครับเอนหัวมาพิงที่ไหล่ผม นอนหลับไปทั้งยิ้มๆอยู่เลย มีความสุขจริงนะพี่นะ ทิ้งภาระอันหนักอึ้งให้ผมแบบรับไว้คนเดียว
“ที่จริงวันนี้เรามางานแต่งงานนนนี่กัน แต่ทำไมเหมือนมาสองงานเลยเนอะเพื่อนๆว่าไม๊ คิกคิก”เสียงยายสาวตัวแสบจิ๊ด ดังขึ้นมาท่ามกลางเสียงของเพื่อนๆทุกคน
“ใช่ๆ ใครไม่มางานนี้คงเสียดายไปตลอดเลยอ่ะ เนอะเบ็ตตี้”
“จริง แอบอิจฉาโอมนะเนี่ย เข้าใจเลยว่าทำไมถึงรักพี่ต่าย โรแมนติคขนาดนี้ หล่อก็หล่อ”
“นี่ๆสาวๆโสดๆครับพวกผมก็ทำได้นะครับแบบพี่ต่ายขออาสาสมัครหน่อยซิ ใครอยากได้เล่จัดให้” เสียงไอ้เจี้ยเล่ดังขึ้นมาเลยครับ เหอๆๆ ทุกคนเฮฮากันไปไม๊ เรามางานนนี่กับฟร๊องนะไม่ใช่งานฉลองงานแต่งงานของผม เข้าใจอะไรผิดไปไม๊ ผมได้แต่คิดในใจไม่กล้าพูดอะไรเลยครับ กลัวเข้าตัว
“เล่เงียบไปเลย เดี๋ยวโทรฟ้องเมียเลย อย่ามาทำจิ๊จ๊ะกะใครนะ เบ็ตตี้โทรบอกจริงๆด้วย อิอิ”
“หูยเบ็ตตี้อ่ะเล่นแรง เค้าแค่ล้อเล่นนิดเดียงเอง เล่นถึงเมียที่เคารพเลยเหรอ หมดหนุกเลย”เปเล่ทำท่าทางท้อแท้แล้วกลับไปที่นั่งครับ เพื่อนๆผมยังคงคุยกันสนุกสนาน ร้องเพลงกันไปแซวผมกันไป ผมว่าคนเดี๋ยวนี้ยอมรับเรื่องพวกนี้กันมากขึ้นแล้วครับ ผมกะว่าถ้ามีมีตติ้งคราวหน้าผมก็คงไปกับพี่ต่ายได้อย่างสบายใจ
เปเล่เลื่อนมานั่งข้างๆผมแล้วเอาผลักหัวผมเบาๆ “กรูดีใจอีกครั้งนะเว้ยที่โอมจ๋าได้มีคนที่โอมจ๋ารักนะดีใจด้วยจริงๆ เพื่อนๆทุกคนก็ไม่มีใครว่าอะไรทุกคนหัวสมัยใหม่พอสำหรับเรื่องนี้ เมิงเบาใจได้นะเฟ้ย กรูเคลียร์ให้หมดแล้ว ใครมีปัญหากรูเอามันตาย”
“กรูซิต้องขอบใจเมิงกะเบ็ตตี้ที่ช่วย ถ้าไม่มีเบ็ตตี้ ไม่มีเมิงทุกอย่างก็คงไม่ง่ายแบบนี้ นี่กรูยังขัดๆเขินๆนิดหน่อยน่ะ”
เปเล่ยิ้มให้กำลังใจผมแล้วบีบมือผมเบาๆ (มันแอบแต๊ะอั๋งผมรึเปล่าว่ะ)
“กรูเข้าใจนะ แต่อย่างที่กรูบอกเมิงไปแล้ว เราเป็นเพื่อนกันไม่ว่ายังไง เราก็คือเพื่อนอยู่ดีใช่ไม๊ล่ะ เพราะงั้นเมิงเก็บอาการเขินของมิงไว้ใช้กับพี่ต่ายแล้วกัน กระเพื่อนเมิงไม่ต้องเลย....สุดๆไปเลยเว้ย เต็มที่” ผมคิดคำพูดยาวๆไม่ออกได้แต่ตบไหล่มัน ยิ้มตอบมันกลับไปพูดได้เพียง
“ขอบใจว่ะ...เจี้ยเล่..กรูรักเมิง”
“เออ...กรูก็รักเมิง...”
วันนี้ผมรับรู้ได้เป็นอย่างดีเลยครับกับคำว่า “เพื่อน” ถึงมันจะตลกโปกฮาดูไม่มีสาระ ทำงานก็ไม่เอาไหน แต่มันก็คือเพื่อน วันนี้จึงเป็นวันนึงที่ผมมีความสุขมากและคงจะจดจำไปอีกนาน
ผมดูนาฬิกาเกืบเที่ยงคืนแล้วครับ พี่ต่ายเองก็หลับอยู่ ผมเลยกะว่าเราน่าจะกลับกันสักที พวกเพื่อนๆผมก็ต้องทำงานกันครับเพราะพรุ่งนี้เป็นวันจันทร์ พอผมปลุกพี่ต่ายตื่นแล้ว พวกเราเลยแยกย้ายกันกลับ ตกลงเบ็ตตี้ก็กลับบ้านกับผมเหมือนเดิม แต่ผมต้องเป็นคนขับเพราะพี่ต่ายไม่ได้เมาขนาดขับไม่ได้แต่ผมก็ไม่วางใจครับ กลัวจะไม่ได้มีชีวิตอยู่อยู่สวีทกันต่อพรุ่งนี้ หึหึ
“อ้าวเบ็ตไม่นั่งหน้าล่ะ ให้พี่ต่ายไปนั่งหลังก็ได้”ผมทักเมื่อเห็นเบ็ตไปเปิดประตูด้านหน้าแต่ผลักให้พี่ต่ายไปนั่งแทน พี่ต่ายก็เบลอๆครับใครให้นั่งไหนก็นั่ง นี่ก็นั่งหลับตาไปแล้ว
“เบ็ตนั่งหลังดีแล้วสบายกว่า พี่ต่ายท่าทางจะเมาเนอะ”เบ็ตหัวเราะเบาๆเมื่อเห็นท่าทางคอพับคออ่อนของพี่ต่าย
“โอมรัดเข็มขัดให้พี่ต่ายซิ เดี๋ยวก็โดนตำรวจจับหรอก”
พอเบ็ตบอกผมถึงนึกขึ้นมาได้เกือบลืมไปเลย ผมเอื้อมมือไปดึงเข็มขัดมารัดให้พี่ต่าย แต่ไม่รู้ว่าคิดไปเองรึเปล่านะ ว่าตอนที่ผมจะหน้าผมผ่านหน้าพี่ต่ายเหมือนพี่ต่ายขโมยหอมแก้มผม แต่พอผมหันไปดูพี่ต่ายก็หลับตานี่นา หรือว่าบังเอิญหน้าผมไปโดนจมูกพี่ต่ายเองหว่า
มองกระจกหลังเบ็ตก็นั่งเฉยๆนี่ ผมคงคิดไปเองมากกว่า ผมขับรถมาเรื่อยๆจนเกือบจะถึงบ้านเบ็ต เบ็ตตี้ก็เอาหน้ายื่นมาตรงกลางที่ข้างๆเบาะผม
“โอมรู้ไม๊ เบ็ตคุยกับพี่ต่ายน่ะ เค้าบอกว่า ถึงโอมจะเป็นรักครั้งที่สองของเค้า แต่โอมจะเป็นรักสุดท้ายของพี่ต่าย อิอิ” รักครั้งที่สองเหรอ แล้วใครคือรักครั้งแรกล่ะ?? ผมยังคิดไม่จบเบ็ตก็พูดต่อขึ้นมาอีกว่า
“เบ็ตฟังแล้วปลื้มแทนโอมเลย เป็นรักแรกน่ะไม่สำคัญเท่ารักสุดท้ายหรอกนะจริงไม๊โอม”
“อืมมม...ใช่ แต่เบ็ตตี้รู้ไม๊ว่าเบ็ตตี้เป็นรักแรกของผมนะ”ผมพูดไปก็เขินไป แต่มันคือความจริงครับ ความจริงที่ผมไม่เคยพูด ผมหันไปยิ้มให้เบ็ตตี้อายๆ
**************************************************
เพลงเยอะไปหน่อยนะค่ะ ก็มาร้องเพลงนี่นา

v
V
Vซ้อนได้นะมอเตอร์ไซด์แต่ใครขับ??? พี่ขับไม่เป็นอ่ะ

ไปหาคนขี่มาก่อนแล้วซ้อนสามกัน กร๊ากกกก