แหมๆๆ ชื่อเจ้าบ่าวไม่โดนใจหลายๆคน ต้องขอโทษนะค่ะ แต่คนนั้นน่ะอย่าไปยุ่งกะเค้าเลย
ขอบคุณที่ยังติดตามค่ะ คนเขียนแอบเกเรเล็กน้อย ไม่ว่ากันนะค่ะ
*******************************************
ผมเลือกหนังสือได้แล้วเลยกลับมานั่งข้างๆพี่ต่ายอีกครั้ง พี่ต่ายเงยหน้ามาคุยกับผมว่า
“ฟังทั้งวิทยุทั้งอ่านหนังสือไปด้วย แยกสมาธิได้ไงโอม หึหึ”
“ก็เก่งไงพี่ อิอิ อีกอย่างคนนี้เค้าทำเกี่ยวกับบัญชีเหมือนเราเลยฟังซะหน่อยนึงเพื่อนร่วมวิชาชีพ”
พี่ต่ายเลยแค่หัวเราะหึหึ ครับ ไม่ได้สนใจอะไรแล้วก็หันไปอ่านหนังสือต่อ
“หมายความว่าคุณติ่งรู้อยู่นานแล้วว่าเค้ามีคนรัก แล้วตอนที่รู้ว่าเค้ามีความรักตอนนั้นไม่เจ็บเหรอค่ะ หรือว่าตอนนั้นไม่ทันได้รัก”พี่อ้อนถามต่อ นั่นซิผมก็อยากรู้เหมือนกัน
“ตอนที่เค้าเป็นแฟนกันไม่ทันได้รู้สึกอะไรค่ะ กลับรู้สึกดีใจกับเพื่อนด้วยเพราะเค้าสองคนเป็นคนที่เรารักทั้งคู่ ”เสียงคุณติ่งฟังแล้วคุ้นๆครับแต่ผมยังนึกไม่ออกอยู่ดี หรือผมจะเคยรู้จัก
“แล้วยังไงต่อเหรอค่ะคุณติ่ง”พี่ฉ่องยังคงถามต่อไปเพราะคุณติ่งเงียบไปเฉยๆซะงั้น
“คือตอนนั้นเราลุ้นให้เค้ารักกันสำเร็จมากกว่า เพราะก็มีคนมาพัวพันเยอะทั้งสองฝ่าย”
ผมชักเริ่มสนุกกับเรื่องชาวบ้านเงยหน้ามองพี่ต่ายว่าฟังอยู่ด้วยไม๊ แต่พี่ต่ายท่าทางไม่สนใจครับอ่านข่าวเครียดเลย คงเรื่องการเมืองนะครับแต่ผมน่ะชอบเรื่องการมุ้งมากกว่า
“จนเค้าตกลงเป็นแฟนกันตอนนั้นก็เฉยๆนะค่ะ แต่เราทำงานด้วยกันเรียนโทด้วยกันก็สนิทกันมากเลยค่ะ ก็ยังไม่ได้คิดอะไรเลย ช่วงนั้นคนก็มาจีบเยอะเราก็ไม่สนใจใคร จะติดอยู่กับเพื่อนคนนี้มากกว่ารู้สึกว่าอยู่กับเพื่อนสนุกกว่า”เรื่องเหมือนผมเลย ผมเริ่มสงสัยก็เลยต้องฟังต่อเรื่องมันคุ้นๆ
“ จนวันนึงที่อยู่ๆแฟนของเพื่อนเค้าหายไปเฉยๆ แล้วเพื่อนก็เศร้ามาก เสียใจมากเพราะอยู่ดีๆพี่เค้าก็หายไปเลย”ผมเอื้อมมือไปเขย่าแขนพี่ต่าย พี่ต่ายผละจากหนังสือพิมพ์มองหน้าผมแล้วเลิกคิ้วสงสัย ว่าผมเรียกทำไม
“พี่ต่ายฟังเสียงคนนี้ซิพี่ต่ายว่าติงหรือเปล่าอ่ะ”ผมเริ่มแน่ใจครับ แต่ขอความเห็นกับพี่ต่ายอีกทีเพื่อยืนยันครับ
“ไหนๆ...ให้พี่ฟังก่อน....ในวิทยุเหรอ แล้วติงทำไมล่ะ”พี่ต่ายเริ่มตั้งใจฟังบ้าง
“แล้วคุณติ่งรู้สึกยังไงค่ะ ตอนนั้น”ดีเจยังคงถามต่อเนื่องไม่ได้เปิดเพลงอะไรคั่นอีก
“ตอนนั้นสงสารเพื่อนมากค่ะ แล้ววูบนึงก็คิดขึ้นมาว่าโอ...เอ๊ยเพื่อนคนนี้เป็นคนน่ารัก ถ้าเป็นเรามีแฟนแบบนี้เราไม่มีทางทิ้งไปเฉยๆเป็นอันขาดเลย”
พี่ต่ายหันมามองหน้าผมครับ พยักหน้าให้ผมแล้วบอกว่า “ติงแน่ๆ เสียงติง”
“ตอนนั้นเพื่อนอาการหนักมาก เหมือนศพเดินได้ แล้วเราก็เหมือนใจจะขาดไปด้วย มันทรมานใจที่เห็นเค้าเป็นแบบนั้น อยากกอด อยากปลอบใจเค้า”
เสียงของติงยังคงเล่าไปเรื่อยๆ ทำให้เหตุการณ์ในอดีตมันย้อนกลับเข้ามาในความคิดผมอีกครั้ง
“ แต่เพื่อนเค้าก็พยายามเข้มแข็งมากๆ คงไม่อยากให้ใครเป็นห่วง แล้วที่สำคัญตอนนั้นเราก็ไม่รู้สาเหตุที่แฟนเค้าหายไปด้วย”พี่ต่ายดึงมือผมไปบีบเบาๆ เหมือนกับว่ารับรู้ในความเสียใจของผมในครั้งนั้น
“ตอนนั้นเองที่คิดว่า....คงจะหลงรักเค้าเข้าไปแล้ว เกือบจะเอ่ยปากบอกเค้าว่า....ไม่เป็นไรนะฉันนี่แหล่ะที่รักเธอ ฉันรอเธออยู่ตรงนี้ หึหึ” เสียงหัวเราะของติงช่างเป็นเสียงหัวเราะที่ฝืดเฝื่อนมากครับ
“แล้วได้บอกไปไม๊ค่ะ”
“ไม่ได้บอกค่ะ จนตอนนี้หลายปีแล้วก็ยังไม่ได้บอกอะไรเค้าเลย”เสียงของติงฟังดูเศร้ามากเลยครับ
ที่จริงถึงติงไม่บอกผมๆก็รู้ครับว่าติงรักผม แต่ผมไม่กล้าที่จะบอกกับติงตรงๆเพราะรู้ว่าจะยิ่งทำให้ติงเจ็บไปมากกว่าเดิม เพราะผมก็ทำอะไรไปมากกว่านี้ไม่ได้เพราะใจผมมีแต่พี่ต่ายเพียงคนเดียวเสมอมา
“งั้นตอนนี้คุณติ่งอยากฟังเพลงอะไรดีค่ะในเบรกนี้ เราจะฟังเพลงนี้แล้วกลับมาฟังเรื่องของคุณติ่งต่อหลังโฆษณาค่ะ”พี่ฉ่องก็จะตัดเข้าโฆษณาอีกแล้วกำลังอยากฟังต่ออยู่เลย
“เพลงรักไม่ได้ค่ะ ของกรูฟไรเดอร์อยากบอกกับตัวเองมากกว่า จะได้ตัดใจสักที”
เสียงเพลงที่ดังขึ้นมาทำให้ผมซึมไปเลยครับ ที่จริงผมชอบเพลงนี้มาตลอด แต่วันนี้ผมกลับไม่อยากฟัง ผมว่าเพลงมันเศร้าเกินไปครับ
ก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ถึงไม่ลืมเธอ
มีเธอในใจฉันเสมอไม่เข้าใจ
อยากกอดเธอเอาไว้ สักเท่าไร
แต่หัวใจ ฉันก็รู้ดี จูบเธอได้ในฝัน
เท่านี้ แค่นี้ เพียงแค่นั้นในใจ
*รักไม่ได้บอกกับตัวเอง หัวใจตัวเอง
ต้องห้ามตัวเอง บอกมันอย่าหวั่นไหว
รักเขาไม่ได้ เขาดียังไง
ชอบเขาเท่าไหร่ก็ ต้องหยุดไว้เอง
เป็นบททดสอบของเบื้องบน
ให้ค้นหาหัวใจ ส่งมาให้ตัวฉันข้ามไป
อยากจะลองใจฉันหรือเปล่า
จะได้รู้ว่ารักหรือแค่เหงา ให้เห็นเงา
สะท้อนหัวใจ เก็บเธอไว้แค่ฝัน
ได้ไหม เพราะหัวใจฉันกระซิบว่า
รักไม่ได้บอกกับตัวเอง หัวใจตัวเอง
ต้องห้ามตัวเอง บอกมันอย่าหวั่นไหว
รักเขาไม่ได้ เขาดียังไง
ชอบเขาเท่าไหร่ก็ รักไม่ได้
บอกกับตัวเอง หัวใจตัวเอง
ต้องห้ามตัวเอง บอกมันอย่าหวั่นไหว
รักเขาไม่ได้ เขาดียังไง ชอบเขาเท่าไหร่
ก็ต้องหยุดไว้เอง
http://media.imeem.com/m/6JJwlklHtLพี่ต่ายเห็นผมซึมไปเลยพูดขึ้นมาว่า “ติงก็น่าสงสาร บุ้งก็น่าสงสาร ที่โอมไม่เลือกที่จะรักเค้าแบบนั้น"
"แต่มันก็ไม่ใช่ความผิดของโอมนะ เพราะความรักมันบังคับกันไม่ได้ คนเรามันมีแค่หนึ่งกายหนึ่งใจ จะไปแบ่งมากมายแจกจ่ายให้หลายๆคนมันก็ไม่ได้”
ผมพยักหน้าหงอยๆ เอาหัวพิงไหล่พี่ต่ายไว้พี่ต่ายลูบหัวปลอบผมเบาๆ
“แต่พี่ว่าคนที่น่าสงสารกว่าก็ยังมี”
เสียงพี่ต่ายเรียบๆเย็นๆทำให้ผมแย่มากๆเลยครับ ผมแทบจะน้ำตาไหลออกมา
“ใครเหรอพี่ บุ้งใช่ไม๊ โอมเป็นคนไม่ดีเลย ทำร้ายจิตใจเพื่อน”
พี่ต่ายหัวเราะหึหึครับ “พี่ไง....น่าสงสารที่สุด มาหลงรักเด็กดื้อ ขี้งอน ต้องคอยเอาใจตลอดไม่งั้นงอนสะบัดตูดสะบัดหน้าหนีตลอด หึหึหึ”
ผมฟังแล้วอารมณ์ซึมเศร้าสงสารติง โทษตัวเองหมดกันไปเลยครับ พี่ต่ายมากวนโมโหผมอีกแล้ว ผมก็เลยเอาศอกถองพี่ต่ายไปทีนึง เหอะๆๆ
“นี่แน่ะ...พูดเล่นอีกแล้ว งั้นไม่ต้องเลยพี่ไปเก็บเสิ้อผ้ากลับกันดีกว่า เดี๋ยวพี่จะน่าสงสารไปกว่านี้”
“อุ๊บ!!....โอมนี่เล่นอะไรแรงๆนะ ฮ่าๆๆๆ”ยังจะทำมาเป็นขำได้อีกนะพี่ต่ายนี่
เสียงพี่ต่ายหัวเราะดังลั่นเลยครับ คนบร้าอะไรก็ไม่รู้ชอบยั่วโมโหผม
“โอ๋ๆๆๆ ไม่งอนนะครับฟังติงเล่าต่อดีกว่า ไม่รู้คิดยังไงโทรมาเล่าในรายการวิทยุ เฮ้อ”
เสียงพี่ฉ่องถามคำถามออกมา“แล้วคุณติ่งทำไมไม่บอกเพื่อนไปล่ะค่ะว่ารักเค้าช่วงที่แฟนเค้าทิ้งไป”
“ไม่กล้าค่ะ เพราะรู้คำตอบมาตลอดเพราะเพื่อนเค้ารักแฟนเค้ามาก พี่เค้าหายไปปีกว่า แต่เพื่อนก็ใจแข็งไม่เคยเปิดใจให้ใครเลย เราสนิทกันจนดูออกว่าเค้าคิดยังไง”ก็จริงของติงครับ
“แล้วเคยคิดที่จะบอกรักไม๊ค่ะ”
“เคยค่ะหลายครั้งมันอัดอั้นตันใจอยากพูดออกไปจะได้จบๆ มันเหมือนมีหนามที่เราจะดึงออกไปจากใจก็ได้จะได้ไปรักษาแผลให้หาย แต่เรากลับเลือกที่จะให้หนามมันคาอยู่แบบนั้นให้มันเจ็บอยู่แบบนั้น”
น้ำเสียงที่สั่นเครือของติงทำเอาผมน้ำตาซึม
“อืมมม...แล้วทำไมเราถึงยอมที่จะเจ็บเริ้อรังแบบนั้นล่ะค่ะ”
“คงเพราะขี้ขลาดมั๊งค่ะ หึหึ ไม่รู้ซิค่ะ คงกลัวคำตอบที่เรารู้อยู่แล้ว เลยอยากเก็บความรู้สึกนี้ไว้คนเดียวมากกว่า ไม่อยากให้เพื่อนลำบากใจเวลาเจอหน้าเรา ไม่อยากเสียเพื่อนไป”
“ที่จริงพี่อ้อนว่าถึงแม้เพื่อนเค้าไม่รักเราแบบนั้น แต่ก็ใช่ว่าเราจะต้องเสียเพื่อนไปนี่ค่ะ ใช่ว่าเค้าจะเลิกคบเรานี่ใช่ไม๊ค่ะพี่ฉ่อง”
“มันก็พูดยากนะคะอ้อน คือรู้กับไม่รู้การแสดงออกก็อาจจะเปลี่ยนไป เพราะแต่ละคนคิดไม่เหมือนกัน พี่ฉ่องว่าพี่ฉ่องเข้าใจคุณติ่งนะค่ะ แต่มันเจ็บนะซิเวลารู้ว่าเค้ารักคนอื่น แถมเจ็บแบบลำพังด้วย”
“เวลาที่เพื่อนมาคุยถึงคนรักเค้าให้เราฟัง ภายนอกเราก็หัวเราะตามเค้า ยิ้มตามเรื่องที่เค้าพูด แต่ในใจเราน่ะมันจิ๊ดๆ มันเจ็บนะคะแต่ก็ต้องทน”
ผมฟังที่ติงพูดแล้ว ผมรู้สึกว่าผมทำร้ายติงโดยไม่ได้เจตนาอีกแล้วใช่ไม๊
“แล้วคุณติ่งทำยังไงให้หายเจ็บค่ะ มีวิธีจัดการกับอารมณ์ของตัวเองยังไง จนถึงตอนนี้”
ติงเงียบไปพักนึงครับ แล้วก็ตอบคำถามของพี่ฉ่องด้วยน้ำเสียงเย็นๆว่า
“ทำใจค่ะ”
ผมอยากจะนึกว่ามันเป็นมุก แต่ก็ขำไม่ออกครับ ติงเงียบไปชั่วขณะ ผมได้ยินเพียงเสียงถอนหายใจเบาๆ แต่ติงก็เริ่มพูดต่อไปว่า
“แล้วก็พยายามบอกตัวเองว่า...ยังไงเค้าก็ไม่มีทางมาชอบเราแบบนั้นตัดใจซะเถอะ” เสียงของติงเหมือนกับรำพึงให้ตัวเองฟังเลยครับมันทำให้ผมรับรู้ได้ถึงความเศร้าในใจของติง ความสะเทือนใจที่ติงได้รับ
พี่อ้อนพูดเสียงเบาๆว่า “อืมมม พูดง่ายนะค่ะคำสองคำ...ทำใจ...เป็นคำที่พูดง่ายแต่ทำยากมากๆเลยนะค่ะี่พี่ฉ่อง”
“ค่ะพี่อ้อน แล้วตอนนี้คุณติ่งทำใจได้แล้วรึยังค่ะ เพราะผ่านมานานหลายปีแล้วใช่ไม๊ค่ะ”
“ก็พอจะทำใจได้ค่ะ เวลาก็ช่วยให้ความรุนแรงของความรักมันลดลงไป มันไม่ทรมานใจเท่าตอนนั้นแล้วค่ะ แต่ถ้าจะบอกว่ายังรักไม๊............. ก็ยังรักนะคะ แล้วก็คงรักต่อไปเรื่อยๆแบบนี้ แต่มันคงมาในรูปแบบของความรักแบบเพื่อนด้วย”
ผมได้ยินติงพูดแบบนี้ผมก็สบายใจขึ้นมานิดหน่อยครับ พี่ต่ายบีบมือผมเบาๆ ผมเงยหน้าขึ้นมองพี่ต่ายครับ พี่ต่ายยิ้มให้ผมแล้วบอกผมว่า
“โอมไม่ต้องห่วงติงหรอก ติงเค้าเข็มแข็งกว่าที่เราคิดนะโอม”
“ครับพี่ต่าย” ผมพูดไม่ออกจริงๆครับ
“ขอบคุณ คุณติ่งท่านผู้ฟังทางบ้านมากเลยนะคะสำหรับเรื่องราวของคุณติ่งกับเพื่อน คลื่นสีม่วงของเราขอเป็นกำลังใจให้คุณติ่งได้พบกับความรักที่ดีๆนะค่ะ สำหรับท่านอื่นๆที่มีเรื่องอยากเล่าสู่กันฟังกับเราเชิญเลยนะค่ะหลังจากพักโฆษณาชุดนี้”
เสียงพี่ฉ่องบอกลาติ่ง พี่ต่ายเลยลุกไปเปลี่ยนคลื่นวิทยุครับเป็นเพลงฟังสบายๆคลื่นอื่น
“โอม ทำใจสบายๆนะ อย่าซีเรียส"
" พี่ได้ยินว่าติงเค้าก็มีคนมาชอบแล้ว เป็นคนดีด้วย อีกหน่อยเค้าก็ไม่เศร้าแล้ว”
พี่ต่ายขยี้หัวผมเบาๆ ผมทำหน้าเหวอใส่พี่ต่าย ทำไมผมไม่รู้เรื่องเลยล่ะ ทำไมติงไม่บอกผม ปรกติเวลามีใครมาจีบติงจะโทรมาคุยกับผมเสมอๆ แต่ทำไมคราวนี้ผมไม่รู้เรื่องเลยซักนิด
“อ้าวโอมไม่รู้เหรอ เวรกรรม พลาดไปได้ไงเนี่ย”พี่ต่ายหัวเราะเบาๆ ทำเป็นขำ
แต่สำหรับผมไม่ขำครับความรู้สึกแรกคือ...อะไรกัน คนนั้นเป็นใคร ผมไม่อยากเสียติงไป
จะว่าหมาหวงก้างก็ยอมครับ ก็คนเคยเป็นหนึ่งนี่ครับ พอรู้สึกว่าความสำคัญจะลดลงไปก็ต้องรู้สึกหงุดหงิดเป็นธรรมดา แล้วผมว่าคนนี้ต้องมีนัยสำคัญแน่ๆติงถึงปิดปากเงียบไม่เล่าให้ผมฟังเลย แล้วพอได้ยินพี่ต่ายหัวเราะแล้วพูดแบบนั้น ผมรู้สึกเหมือนโดนเยาะเย้ยยังไงไม่รู้ผมเลยหงุดหงิดดับเบิ้ลเข้าไปอีก
ผมเดินไปหยิบโทรศัพท์จะมาโทรหาติง จะถามให้รู้เรื่องครับเรื่องคนที่มาจีบว่าเป็นใครยังไงไปไงมาไงกัน
“โอมจะโทรไปไหนเหรอ” พี่ต่ายมองหน้าผมแล้วเลิกคิ้วสงสัย
“จะโทรไปหาติง ไปถามเรื่องไอ้คนที่มาจีบติงทำไมผมไม่รู้เรื่องเลย” ผมก้มหน้ากดหาเบอร์ติงครับไม่สนใจพี่ต่ายแล้ว กวนประสาท
“โอม ใจเย็นๆซิ โทรไปไม่กลัวติงเสียใจเหรอ”พี่ต่ายเดินมากดเบอร์โทรศัพท์ที่มือผมทิ้ง
“เฮ้ยยย...พี่ต่ายทำไมมากดเบอร์ออก ทำไมติงต้ิองเสียใจ ก็แค่ถามนิดหน่อยเอง”ผมก็ยังไม่เข้าใจที่พี่ต่ายพูดอยู่ดี
พี่ต่ายส่ายหัวทำหน้าระอาใจกับผม แล้วดึงมือผมให้มานั่งที่เก้าอี้ พี่ต่ายมองหน้าผมแล้วบอกว่า
“โอมคิดว่าที่ติงโทรมารายการวิทยุ มาระบายเรื่องราวเพราะอะไร”พี่ต่ายทำสีหน้าจริงจังรอคำตอบจากผม
ซึ่งผมก็คิดว่า “เพราะ......ติงรักผม แล้วก็คงอึดอัดใจ อยากระบายออกมา”
พี่ต่ายพยักหน้าให้ผม “ก็ใช่....แล้วก็....ติงยังรักโอมอยู่ด้วย...ใช่ไม๊”
อืมมม...ก็จริงของพี่ต่าย แล้วไงล่ะก็รู้อยู่แ้ล้วนี่นา ผมพยักหน้ายอมรับกับคำพูดของพี่ต่าย แต่ก็ยังคงขมวดคิ้วสงสัยอยู่
“แล้วถ้าโอมโทรไปหาติงตอนนี้ ไปถามเรื่องคนที่มาจีบเค้า ซึ่งเค้าอาจจะกำลังตัดใจที่จะลืมโอม โอมคิดว่าจะยิ่งทำให้เค้าตัดใจไม่ขาดรึเปล่า เพราะรู้ว่าโอมสนใจเค้าไม่อยากให้เค้าไปมีแฟน”
“มันไม่ใช่ว่าผมไม่อยากให้ติงมีแฟนนะพี่ต่าย ผมแค่..แค่...” ผมแค่รู้สึกหวง แต่ผมจะพูดออกไปได้ยังไง ผมกลายเป็นคนติดอ่างไปง่ายๆซะอย่างนั้น
“โอมแค่...หวงเพื่อน แล้วก็รู้สึกถูกลดความสำคัญลงไป”ใช่ครับใช่เลย แต่ผมไม่ได้เป็นคนพูดครับ แต่เป็นคนที่รู้ใจผมมากที่สุดคือพี่ต่ายที่พูดขึ้นมาเมื่อเห็นผมพูดไม่ออก พี่ต่ายรู้ไปหมดว่าผมคิดยังไง เสียงพี่ต่ายยังคงสอนผมไปเรื่อยๆ
“พี่เข้าใจว่าเรื่องนี้ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆสำหรับติงที่จะตัดใจจากโอม เพราะมันก็ผ่านมาหลายปีแล้ว แต่ถ้าติงเค้าทำใจได้แล้วเค้าก็คงมีใครไปแล้ว เพราะเท่าที่พี่รู้คนมาจีบติงก็เยอะ แล้วก็เป็นคนดีๆทั้งนั้น แต่เค้าก็ไม่ตัดสินใจเลือกใคร”
เรื่องนี้ผมก็รู้มาตลอดครับผมแทบจะรู้เรื่องของผู้ชายทุกคนที่มาจีบติง แล้วก็ผมนั่นแหล่ะที่คอยหาข้อตำหนิของผู้ชายพวกนั้น ว่าขี้เหนียวมั่ง เจ้าชู้มั่ง ตะกละมั่ง ขี้เหล้ามั่ง หน้าตาแย่มั่ง โน้มน้าวไม่ให้ติงคบต่อไปจนในที่สุดติงก็เลยไม่มีแฟนเป็นตัวเป็นตนซักที สะใจผมไป ฮ่าๆๆๆๆ แต่ติงก็ดูมีความสุขดีนี่ครับ ไม่เห็นจะเศร้าอะไรเลย
“พี่ต่ายว่าติงเค้ารอผมเหรอ แต่เค้าก็น่าจะรู้ว่ายังไงมันก็เป็นไปไม่ได้” ผมก็อดคิดเข้าข้างตัวเองนิดหน่อยตามประสาคนหลงตัวเอง แต่พี่ต่ายส่ายหัวไม่เห็นด้วย
“พี่ว่าเค้าคงไม่ได้รอโอมหรอก แต่เค้าคงรอใจเค้ามากกว่า ให้พร้อมสำหรับคนที่เค้าจะรักได้จริงๆ แล้วก็อาจจะยังไม่เจอใครที่โดนใจจริงๆด้วยมากกว่า”
“โอมอาจจะยื้อติงไว้กับตัวโดยไม่รู้ตัวก็ได้นะ พี่ว่าลองปล่อยติงไปซักพักดีกว่าไม๊โอม ถ้าติงเค้าไปได้ดีกับคนๆนี้ ติงก็จะได้มีความสุขกับเรื่องความรักสักที ไม่ต้องมาโทรศัพท์มาระบายความผิดหวังกับรายการวิทยุแบบนี้”
ผมฟังที่พี่ต่ายพูดแล้ว ผมรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนเห็นแก่ตัว ผมเป็นคนคิดอะไรน้อยเกินไป ไม่เคยใส่ใจในความรู้สึกของเพื่อนเลย คิดถึงแต่ตัวเองเป็นใหญ่
เวลามีความทุกข์ก็วนเวียนอยู่กับความคิดตัวเอง จ่อมจมกับความทุกข์ไม่สนใจใคร ใครจะทุกข์ไปด้วยก็ไม่สนใจ พอมีความสุขก็อยู่กับความรู้สึกสุขของตัวเอง ไม่เคยสนใจว่าใครจะมีความทุกข์จากความสุขของผม ทั้งที่รู้ว่าติงรักผมแต่ผมก็โทรไปเล่าเรื่องผมกับพี่ต่ายให้ติงฟังบ่อยๆ ไม่ได้สนใจว่าติงจะรู้สึกเสียใจแค่ไหน
ผมน้ำตาไหลเมื่อคิดถึงว่าติงจะต้องร้องไห้กี่ครั้งเพราะผม เมื่อผมทุกข์ติงก็คงร้องไห้เพราะสงสารผม เมื่อผมสุขติงก็คงร้องไห้เพราะเสียใจกับตัวเอง ผมนั่งน้ำตาไหลเงียบๆ เอานิ้วปาดน้ำตาที่ไหลออกมา
พี่ต่ายยื่นมือมาส่งกระดาษทิชชูให้ผม ผมรับไว้แล้วก็สั่งน้ำมูกที่กำลังไหลตามมาพร้อมกับน้ำตา ยื่นมือรับกระดาษทิชชูเพิ่มมาเช็ดน้ำตาอีก
มืออันอบอุ่นของพี่ต่ายลูบหัวผมเบาๆ ปลอบโยนผม “โอมอย่าร้องไห้ไปเลย พี่ไม่ได้ว่าอะไรโอมนะ เพียงแต่พี่อยากจะให้โอมลองมองในมุมของติงบ้างเท่านั้นเอง ไม่ต้องเข้าใจเพื่อนทั้งหมด แต่ก็พยายามที่จะเข้าใจบ้าง”
“บางทีเราก็ไม่ได้ตั้งใจจะมองข้ามความรู้สึกเพื่อนเพราะเรานึกไม่ถึง แต่ถ้าเราใส่ใจมากขึ้นเราก็จะรู้ว่าเราควรทำตัวยังไงให้ถูกต้อง”
ผมก็รู้หมดที่พี่ต่ายสอน แต่ผมลืมไปเอง ผมว่าเวลาเราทำอะไรลงไป บางทีเราทำไปแล้วเราถึงคิดครับว่ามันถูกหรือเปล่า หรือบางทีเราก็ทำลงไปโดยไม่เคยคิดถึงผลของมันเลยด้วย เหมือนที่ผมเป็นบ่อยๆ
*************************************************
แหะๆ เปลี่ยนโหมดไปหน่อยไม่ว่ากันนะค่ะ