คุณแม่รับจ้าง ภาค 2 [ฟ้า-บีท] >>เจ้าเล่ห์แสนรัก<< 20 THE END. [31/03/18]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: คุณแม่รับจ้าง ภาค 2 [ฟ้า-บีท] >>เจ้าเล่ห์แสนรัก<< 20 THE END. [31/03/18]  (อ่าน 25802 ครั้ง)

ออฟไลน์ ๛ナーリバス๛

  • ~~~๛NaaribuS๛~~~ ~ [TBL-081-588]
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1500
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +898/-26
    • NaaribuSS
เจ้าเล่ห์แสนรัก


-10-

“เสร็จละ” แผ่นฟ้าบอกระหว่างก้าวลงจากบันไดหลังจากเปลี่ยนหลอดไฟเรียบร้อยแล้ว

“อือ” บีทยืนกอดอกตอบรับสั้นๆ

พอแผ่นฟ้าลงมายืนที่พื้นแล้วมองหน้าบีทที่มีใบหน้าเฉยเมยก็ได้แต่ส่งเสียงตัดพ้อ “ถึงไม่ขอบคุณก็ไม่เป็นไรหรอก แต่ชมผมสักคำก็ยังดี”

“ชมว่าไง? ช่างไฟบ้านนี้หน้าตาพอใช้ได้นะ งี้เหรอ?” บีทตอบกลับพร้อมอมยิ้มบางๆ

“แบบนั้นก็โอ...” แผ่นฟ้ายิ้มพอใจ อารมณ์ดีขึ้นมาทันทีที่อีกฝ่ายพูดเล่นด้วย

บีทหัวเราะในลำคอพลางส่ายหน้าให้กับความบ้ายอของอีกฝ่าย

“ผมจะเอาของไปเก็บ คุณพักผ่อนแล้วกัน”

บีทขยับคางตอบรับอย่างไว้ท่า ถ้าเป็นเมื่อก่อนแผ่นฟ้าต้องด่าบีทในใจไม่รู้กี่ตลบ แต่ตอนนี้เขากลับไม่ถือสา รีบขนบันไดและหลอดไฟออกไปเหมือนกลัวเจ้านายจะรำคาญ

พอออกมาก็สั่งกำชับคนรับใช้อยู่นานว่าบีทจะมาอยู่ด้วย ให้ดูแลให้ดีเหมือนเจ้านายอีกคนห้ามรับเงินเพิ่มเติมเด็ดขาด แล้วจึงเดินยิ้มกริ่มจากไป ปล่อยให้บรรดาสาวใช้มองตามด้วยความขบขันว่า เห็นทีเจ้านายจะตกหลุมรักคุณบีท อย่างจังซะแล้ว...

+++++++++

หลังจากกินอาหารเช้าร่วมกันแผ่นฟ้าก็ออกไปทำงานตามปกติ คงเพราะเคยใช้ชีวิตอยู่ที่นี่สักพักแล้วบีทเลยสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ ไม่รู้สึกตะขิดตะขวงใจหรือแปลกที่แปลกทางเหมือนอย่างเมื่อก่อน พอเจ้าของบ้าน ออกไปพักใหญ่เขาก็อาบน้ำแต่งตัวแล้วกลับไปที่คอนโดตัวเอง

บีทเก็บของใช้ส่วนตัวที่จำเป็นบางส่วนเพราะต้องย้ายไปอยู่กับแผ่นฟ้าชั่วคราวระหว่างที่หาที่พักใหม่ เนื่องจากเขาตัดสินใจจะขายคอนโดนี้จริงๆ ตามที่บอกอีกฝ่ายไว้ ซึ่งไม่ใช่แค่เพราะแสลงใจจนทนอยู่ไม่ไหวเท่านั้นแต่เป็นเพราะที่นี่เป็นของอิฐครึ่งหนึ่งต่างหาก

 จำได้ว่าตอนที่เริ่มรู้จักกับอิฐ บีทก็ผ่อนที่นี่ได้ระยะหนึ่งแล้ว ฝ่ายนั้นตามจีบเขา เทียวไปเทียวมาจนเป็นความสัมพันธ์ที่ก้ำกึ่งระหว่างคนพิเศษกับคนรัก ระหว่างที่เขาไม่มั่นใจกับความสัมพันธ์แบบนั้นและไม่ได้ร้องขออะไรเป็นพิเศษ อิฐก็แอบปิดยอดผ่อนที่เหลือของที่นี่ให้หวังจะให้เขาซาบซึ้งใจ แต่ยิ่งทำให้เขาโมโห แต่ไม่ว่าจะทำยังไงอีกฝ่ายก็ไม่ยอมรับเงินคืนไป ทำให้บีทชดเชยโดยพาอีกฝ่ายไปดินเนอร์มื้อหรูเป็นการตอบแทนอยู่หลายมื้อ ที่ไหนได้พอเขาได้รับเงินเดือนก็มักมีเงินส่วนเกินแถมมาให้จนเขาอ่อนอกอ่อนใจอยู่เสมอ

 จนกระทั่งคบกันแล้วเขาจึงจับอีกฝ่ายมานั่งคุยอย่างจริงจังว่าเขาไม่อยากให้การคบกันมีผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้อง อิฐก็แค่ยิ้มแล้วบอกว่าเขามีความสุขที่จะให้ บีทไม่ได้เป็นคนขออะไรก็ไม่เห็นต้องคิดอะไรมาก แล้วต่อให้มีสักวันที่ทั้งสองต้องเลิกกัน เขาก็ไม่คิดจะเรียกสิ่งที่ให้ไปกลับคืนแม้แต่อย่างเดียวขอให้เขาสบายได้

ถึงวันนี้บีทเพิ่งรู้...ว่าสิ่งที่เขาพูดมันจริงแค่ครึ่งเดียว

สิ่งของที่ให้มาแล้วอิฐไม่เคยเอาอะไรกลับคืนไป ยกเว้นก็แต่... หัวใจที่เคยให้มา

ระหว่างที่จมจ่อมกับความคิดคำนึงเหล่านั้น พลันเสียงโทรศัพท์ก็ปลุกเขาให้ตื่นขึ้นมาจากห้วงอดีต บีทยกมันขึ้นรับสายอย่างเฉื่อยชา

“ฮัลโหล”

“บีท...ผมเองนะ... คุณอยู่ไหนเหรอ?” แผ่นฟ้ารายงานตัวแล้วถามคำถามเหมือนมีธุระสำคัญ

“อยู่คอนโด”

“ไปทำอะไร?” น้ำเสียงคนถามร้อนรนเล็กน้อย เพราะกลัวว่าบีทจะดื้อ หนีกลับไปอยู่คอนโดอีก

“มาเอาของ แล้วก็มาบอกคนดูแลด้วยว่าจะขายคอนโด”

“อ้อ... ถ้าคุณจะขายจริงๆ ผมจะช่วยนะ ผมพอมีเพื่อนลงทุนเกี่ยวกับอสังหาฯ อยู่บ้าง”

“อื้อ... ว่าแต่คุณมีอะไรหรือเปล่าเนี่ย?”

“อ๋อ...เกือบลืม คือเมื่อวันก่อนผมเอาเอกสารที่ต้องใช้ไว้ในรถคุณน่ะ พอไปรับคุณที่สนามบินแล้วก็ลืมเอาออกมา คุณเห็นหรือเปล่า”

“ผมไม่ได้สังเกต เดี๋ยวขึ้นรถแล้วจะดูให้แล้วกัน”

“ครับๆ”

“รีบใช้ไหมล่ะ? คอนโดอยู่ใกล้ๆ ผมเอาไปให้ไหม?” บีทกำลังว่างเลยเผลออาสาขึ้นมา

“ไม่....” แผ่นฟ้ากำลังจะปฏิเสธเพราะเกรงใจ แต่นึกขึ้นได้ว่านี่ก็ใกล้เที่ยงแล้ว ถือโอกาสตอนที่บีทมาหาชวนไปกินข้าวกลางวันดีกว่า “เอ้อ... แต่มาได้ก็ดี”

“อืม... งั้นเดี๋ยวผมเข้าไป”

+++++++++

กว่าบีทจะมาถึงก็เลยเที่ยงไปแล้ว บีทไปถึงหน้าห้องประธานบริษัทแต่เพราะไม่มีธุระสำคัญจึงไม่ได้เข้าไป เขาเพียงแค่ฝากเอกสารเอาไว้ที่เลขาหน้าห้องแล้วก็กลับเลย เลขาแผ่นฟ้ารับรับเอกสารนั้นมาพร้อมกับคำถามในใจมากมายว่าทำไมของแบบนี้ถึงได้อยู่กับบีท แล้วทำไมบีทถึงต้องเป็นคนเอามาให้แต่ก็ไม่กล้าละลาบละล้วงถาม รอจนบีทหมุนตัวกลับไปแล้วจึงเอกสารนั่นเข้าไปให้เจ้านายอย่างไม่รีบร้อน

“แล้วบีทล่ะ?” แผ่นฟ้าร้องถามพร้อมคิ้วที่ขมวดเมื่อเห็นแต่ของไม่เห็นคน

“กลับไปแล้วค่ะ” คำตอบของเลขาทำให้แผ่นฟ้าเริ่มชักสีหน้าหงุดหงิด ลุกขึ้นแล้วเดินออกจากห้องโดยไม่สั่งอะไร พอเดินมาถึงลิฟต์ก็ไม่เห็นบีทแล้ว

แผ่นฟ้าถอนใจแรงพลางหยิบมือถือออกมาต่อสาย ตอนนั้นบีทอยู่ในลิฟต์จึงไม่ได้รับสายทันที ทำให้ชายหนุ่มร้อนรนกว่าเก่า

“ฮัลโหล...” ในที่สุดเสียงนั้นก็ตอบกลับมา

“ทำไมไม่เข้ามาล่ะ?”

“เข้าไปทำไม ทำเหมือนไม่เคยเจอกันไปได้” บีทตอบด้วยน้ำเสียงไม่ใส่ใจนัก

อันที่จริงก็ใช่ เพราะตอนนี้บีทอยู่กับเขา เมื่อเช้าก็เพิ่งแยกกัน ไม่ได้เป็นอะไรกันและไม่มีธุระสำคัญให้ต้องมาเจอสักหน่อย แต่คนฟังกลับรู้สึกน้อยอกน้อยใจขึ้นมาเฉยๆ

“ก็ใช่... แต่นี่มันเที่ยงกว่าแล้ว ผมก็แค่ยากชวนคุณไปหาอะไรกิน”

“ถ้าหิวก็ไปก่อนเลย ผมจะเข้าออฟฟิศหน่อย” อันที่จริงงานไกด์เป็นงานที่ทำนอกสถานที่ ไม่ต้องเข้ามาเหมือนพนักงานทั่วไป อาจจะโทรมาหรือตรวจสอบตารางงานในเว็บเอาก็ได้ เพียงแต่ไหนๆ ก็แวะมาอยู่แล้ว บีทเลยแวะเข้าไปดูโปรแกรมทัวร์ด้วยเสียเลย         

“หือ... ที่ชั้น 4 น่ะเหรอ?”

“ใช่” เขาตอบสั้น ตอนนี้กำลังยืนอยู่หน้าลิฟต์

“โอเค เดี๋ยวผมลงไปหาแล้วกันนะ” แผ่นฟ้าบอกอย่างกระตือรือร้น ใบหน้าและน้ำเสียงดีขึ้นมากทีเดียว

บีทกำลังจะเอ่ยปฏิเสธก็พอดีอีกฝ่ายตัดสายไปก่อน เขาขี้เกียจโทรกลับก็เลยปล่อยเลยตามเลย

บีทเปิดประตูกระจกเข้ามาในห้องทำงาน เพราะตอนนี้ยังอยู่ในช่วงพักพนักงานจึงบางตา แต่ถึงอย่างนั้นบีทก็ยังสังเกตเห็นสายตาแปลกๆ ของหลายๆ คนที่มองมา บีทไม่แปลกใจเท่าไรหรอก เพราะสมัยก่อนบีทมาที่ออฟฟิศบ่อย ขึ้นไปชั้นบนสุดก็บ่อย เรื่องที่เขาคบอยู่กับอิฐใครๆ ต่างก็รู้เพราะพวกเขาไม่เคยปิดบัง ส่วนตอนที่เลิกกันอาจจะคลุมเครืออยู่บ้างแต่ก็พอสังเกตได้ เพราะเหตุการณ์ชุลมุนตอนวันครบรอบบริษัททำให้มีข่าวซุบซิบหนาหูว่าเพราะอิฐมีคนใหม่ บีทจึงถูกสลัดรัก แต่เพราะคนในข่าวลือไม่โผล่มาให้เห็นหน้ารวมทั้งบีทเองก็หายหน้าไปจึงไม่มีใครให้ความกระจ่าง จากนั้นไม่นานอิฐยังมีเรื่องจนต้องลาออกจากตำแหน่งอีกข่าวลือพวกนั้นจึงจางหายไปเอง

 กระทั่งต่อมาบีทก็กลับมาปรากฏตัวที่ชั้นบนสุดอีกครั้งในตอนที่อิฐล้างมือไปแล้ว อย่าว่าแต่ตำแหน่งประธานที่ยึดครองมาเกือบสี่ปีแม้แต่บริษัทก็ไม่เข้า ทำให้เหล่าพนักงานล้วนไม่เข้าใจว่าทำไมบีทถึงสนิทสนมกับแผ่นฟ้าได้

เรื่องราวที่ถูกลืมเลือนไปเมื่อเปลี่ยนตำแหน่งประธานบริษัทก็ถูกขุดคุ้ยขึ้นมานินทากันอย่างสนุกปากอีกครั้ง

บ้างก็ว่าประธานคนก่อนทอดทิ้งบีท ทำให้เขาโมโหเลยไปเข้ากับแผ่นฟ้า

บ้างก็ว่าบีทกับแผ่นฟ้าแอบคบกันลับหลังแล้วถูกจับได้

บ้างก็ว่าพออิฐไม่ได้เป็นประธานบริษัทแล้วบีทก็เลยขอเลิกแล้วไปอ่อยคนใหม่

จากนั้นก็พากันใส่สีตีไข่กันไปต่างๆ นานา เรื่องนั้นเขาเองพอจะรู้เพียงแค่ไม่ใส่ใจ ตอนนี้เขาเพียงมองหาคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่อเครื่องพิมพ์เพื่อจะปรินต์ตารางงานของตัวเอง รวมถึงข้อมูลทัวร์ของเดือนหน้า

จู่ๆ ประตูห้องก็เปิดออกอีกครั้ง พนักงานหญิงสองคนเดินเข้ามาพร้อมแก้วกาแฟในมือ เสียงพูดคุยไม่ดังและไม่เบานักตอนที่เดินผ่านเขาที่หันหน้าเข้าหาผนัง

“เออที่เขาลือกันจริงเหรอแก?”

“เรื่องอะไร?”

“เรื่องไกด์หนุ่มกับประธานคนใหม่” ตัวบีทแข็งทื่อขึ้นมาทันทีเมื่อได้ฟังเรื่องนินทาของตัวเองแบบชัดสองรูหูขนาดนี้ แต่ยังทำเป็นนิ่งเฉยไม่กระโตกกระตาก เขาก็อยากรู้เหมือนกันว่าข่าวลือว่ายังไงบ้าง

“อ๋อ... จริง... ยัยรุ้งบอกว่าเห็นมากับตาว่าเมื่อวานคุณแผ่นฟ้าไปรับนางที่สนามบิน... กะหนุงกะหนิงเหมือนคู่รักข้าวใหม่ปลามัน...”

บีทขมวดคิ้ว เพราะเรื่องที่พูดก็มีเค้าเรื่องจริงเสียด้วย

สองสาวนั่งลงที่เก้าอี้ของตัวเองซึ่งอยู่ใกล้กัน ระหว่างคุยกันต่ออย่างออกรส

“ต๊าย... ชาติที่แล้วนางทำบุญด้วยอะไรนะ เลิกกับประธานคนเก่าไม่เท่าไร จับคนใหม่ได้อีกละ”

“ทำบาปสิไม่ว่า คุณอิฐเป็นเกย์ยังไม่เท่าไร แต่คุณแผ่นฟ้าไม่ใช่ซะหน่อย นี่ทำสาวๆ ฝันสลายไปตามๆ กัน”

บีทนั่งฟังพลางคิดค่อนขอด ทำอย่างกับว่าถ้าไม่มีเขาสักคนแล้วคนอื่นที่ว่าจะอ่อยแผ่นฟ้าติดกันอย่างนั้นแหละ

“จริง... สาวๆ สวยๆ ในบริษัทก็เยอะแยะไม่เอา ไปเอาผู้ชาย แถมยังเมียเก่าพี่ชายแท้ๆ ท่านประธานไม่น่าตาต่ำเลยอ่ะ” ชายหนุ่มนั่งฟังอย่างเฉยเมยจนกระทั่งคำต้องห้ามนั่นแหละที่กระทุ้งต่อมอารมณ์จนเดือดพล่าน

“ใครจะรู้ นางอาจจะมีอะไรดี”

“นั่นสิ ไม่งั้นไม่เปลี่ยนผัวง่ายเหมือนเปลี่ยนเสื้อผ้างี้”

“อะฮึ่ม...” เขาไม่คิดจะทนเงียบอีกต่อไปแล้ว บีทกระแอมขึ้นขัดแล้วหมุนเก้าอี้มาเผชิญหน้า ทำเอาสองสาวที่ไถเก้าอี้เข้าหากันเพื่อซุบซิบนินทาสะดุ้งเฮือกก่อนจะหันมามองเขาด้วยสีหน้าจืดเจื่อน

“ดูเหมือนเรื่องของผมจะทำให้พวกคุณลำบากใจกันมากเลยเนอะ?” บีทเอ่ยด้วยน้ำเสียงเยียบเย็น สายตาคมดุมองปราดไปอย่างเชือดเฉือน “แต่รู้อะไรไหม คนเราอยากได้มันต้องลงมือทำ ถ้าเอาแต่มอง เอาแต่อยากได้แต่ไม่คิดจะทำอะไรแล้วถูกคนอื่นแย่งไปก็ไม่มีสิทธิ์อิจฉาหรอก”

“พวกเราไม่ได้อิจฉาซะหน่อย ก็แค่เสียดาย คนดีมันก็ต้องควรคู่กับคนดีๆ ถึงจะถูก” เจ้ากรมข่าวลือรีบเถียง

บีทยกมุมปากขึ้นอัตโนมัติเมื่ออีกฝ่ายชมแผ่นฟ้าว่า “คนดี” ฟังแล้วรู้สึกว่าคนพูดไม่รู้จักคนที่ตัวเองพูดถึงเลยต่างหาก! แต่เรื่องนั้นไม่ใช่ประเด็นที่ต้องพูดถึง

“อ้อ แล้วต้องคู่กับคนดีๆ แบบไหนล่ะ อย่างเธอ?” บีทแค่ถามกลับเรียบๆ แต่สำหรับคนฟังกลับคล้ายดูถูก หญิงสาวหน้าร้อนผ่าวรีบตอกกลับโดยทันที

“อย่างใครก็ได้ที่ไม่ได้เปลี่ยนผัวไปเรื่อยๆ อย่างคนบางคน...”

“เหรอ? แต่ผมว่าค่าของคนมันอยู่ที่ผลของงาน ไม่ได้อยู่ที่มีผัวกี่คนสักหน่อย ยิ่งพวกที่หาไม่ได้แม้สักคนยิ่งต้องพิจารณาตัวเองหรือเปล่า” บีทตอกกลับยิ้มๆ ถึงเขาจะเป็นคนตัวสูง บุคลิกสะอาดสะอ้านไม่ได้ออกตุ้งติ้งอะไร แต่เวลาอ้าปากก็แรงชัดจัดเต็มไม่เห็นแก่หน้าใคร ไม่รักษาภาพพจน์แบบนี้มานานแล้ว

ใบหน้าคนฟังบูดเบี้ยวจนดูไม่ได้ พยายามอดกลั้นแทบตายไม่ให้กรี๊ดออกมา

จู่ๆ ประตูกระจกก็ถูกเปิดออกอีกครั้ง ทำให้คนในห้องเงียบกริบแล้วหันไปมองตามเสียงเป็นทางเดียว ผู้มาเยือนเดินเข้ามาอย่างสง่าผ่าเผยพลางสอดส่ายสายตาหาใครบางคน ครั้นเห็นคนที่ตามหารอยยิ้มจึงฉีกกว้างขึ้น

“เสร็จหรือยังคุณ”

แต่ละคนก็มีสีหน้าแตกต่างกันไป คนอื่นที่ไม่เกี่ยวก็แค่แปลกใจและรอคอยดูเรื่องสนุก สองคนในวงสนทนาในหน้าซีดขาวลงโดยไม่ได้นัดหมาย ส่วนใบหน้าของไกด์หนุ่มกลับมีรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏขึ้นมา

อันที่จริงบีทลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าแผ่นฟ้าบอกว่าจะลงมาหาเขา แต่ไหนๆ คนก็มาแล้วก็เลยอดไม่ได้ที่จะใช้การมานี้ให้เป็นประโยชน์

“ยังเลย... มัวแต่ฟังคนคุยกันจนลืมทำงานตัวเอง” คนพูดตั้งใจจะแซะคู่กรณีสักหน่อยแต่น่าเสียดายที่คนฟังกลับไม่เข้าใจ เขาเดินเข้ามายืนข้างบีทแล้วถามอย่างใส่ใจ

“แล้วตกลงคุณจะมาทำอะไรล่ะ”

“จะมาปรินต์ตารางงานของเดือนหน้าน่ะสิ”

“งั้นเดี๋ยวผมให้เลขาปรินต์ให้ทีหลังแล้วกัน ไปเถอะ ผมหิวแล้ว” แผ่นฟ้าเร่งอย่างเอาแต่ใจ ไม่สนใจสายตาหลายคู่ที่จับจ้องมาสักนิด นี่ไม่เท่ากับตอกย้ำว่าข่าวลือพวกนั้นเป็นจริงหรือไง?

“ไม่เป็นไร ผมจะให้เขามาทำงานนอกหน้าที่ได้ยังไง” บีทแสร้งทำเป็นเกรงใจ

“หน้าที่เลขาก็คือทำงานที่ผมสั่งอยู่แล้วนี่นา” แผ่นฟ้าเถียง ซึ่งมันก็จริงนั่นแหละ

“อืม... ก็ได้” บีทรับคำสั้นๆ พลางลุกขึ้น ระหว่างที่ชั่งใจว่าจะเดินออกไปเลยดีไหมก็อดไม่ได้ที่จะทิ้งลูกระเบิดซะหน่อยเพื่อความสะใจ “เออ... อันที่จริงผมก็อยากจะเลิกเป็นไกด์แล้วมานั่งออฟฟิศบ้างเหมือนกันนะ”

“ทำไมล่ะ? ไม่อยากไปเที่ยวแล้วเหรอ?”

“เปล่า... ผมก็แค่อิจฉาพนักงานบริษัทน่ะ สมองไม่ต้องใช้ ใช้กันแต่ปาก แค่สอดรู้สอดเห็นเรื่องของเจ้านายไปวันๆ ครบสามสิบวันก็ได้เงินเดือนแล้ว” ระหว่างที่พูดก็ปรายตาไปยังคู่สนทนาเมื่อกี้ด้วย จึงเห็นใบหน้าสวยที่เหมือนคนอยากร้องไห้เต็มแก่

แผ่นฟ้าหันไปมองตามแล้วก็พอจะเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นจึงรีบผสมโรงทันที

“อ้อ... งั้นคุณจะมาเมื่อไรล่ะ ผมจะได้เคลียร์พวกปากไม่สร้างสรรค์ไว้รอ” แผ่นฟ้าบอกกับบีทเสียงดัง

ทั้งๆ ที่ใบหน้ายังยิ้มหวานอยู่แต่คำพูดคำจากลับโหดร้ายจนบีทอดคิดไม่ได้ว่า ภาพพจน์ “คนดี” ที่ใครต่อใครมโนไว้คงแตกสลายย่อยยับวันนี้แหละ!

++++++++++





​อย่างแผ่นฟ้าคงไม่ได้เรียกว่าสายเปย์นะ แต่เป็นพวกรักเมียหลงเมียตามใจจนเหลิงอะไรงี้

ออฟไลน์ ♀♥♀DearigA♂♥♂

  • ♥kacha♥
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 227
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
่อ่านแล้วขำอะ

ออฟไลน์ ijuney

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 26
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-1
สนุกมากค่ะ อยากอ่านอีกกก

ออฟไลน์ ่KEI_jry

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 207
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-2
ว้ายยยยย ชอบมากเด้อ แสบได้ใจ ทั้งแผ่นฟ้าทั้งบีท

ความไม่ยอมคนถ้าใช้ให้ถูกสถานการ์ณก็จะเป็นผลดี แต่ถ้าใช้กับทุกอย่างจะกลายเป็นก้าวร้าว  :katai3:

ออฟไลน์ bulldog17

  • ❤GOT7
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3689
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +265/-12
เบื่อแล้วเรื่องคนแสนดี
อ่านมุมนี้บ้างก็ดีนะ

ออฟไลน์ ๛ナーリバス๛

  • ~~~๛NaaribuS๛~~~ ~ [TBL-081-588]
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1500
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +898/-26
    • NaaribuSS
-11-



                “เขานินทาอะไรเราเหรอ” พ้นจากแผนกนั้นมาได้แผ่นฟ้าก็เอียงคอถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น

                “ไม่มีอะไรหรอก” บีทตอบเรียบๆ เพราะขี้เกียจเล่า

                “เล่ามาเถอะน่า อย่าทำตัวเป็นนางเอกอ่อนแอ เอะอะก็ปิดบังเก็บไว้เครียดคนเดียวเลย”

                “หึ ผมเนี่ยนะนางเอกอ่อนแอ ก่อนคุณจะมาผมก็สู้ไปแล้วยกนึง พอคุณมาถึง อีกฝ่ายก็แพ้น็อคไปแล้ว ยังต้องเครียดอะไรอีก”

                “งั้นยิ่งต้องเล่านะ ไหนๆ ผมก็อุตส่าห์โผล่มาช่วยคุณทั้งที จะเก็บเรื่องสนุกๆ ไว้คนเดียวได้ไง”

                บีทเหลือบตามองแผ่นฟ้าอย่างเอือมระอา ที่อีกฝ่ายช่างซักไซ้เหมือนเด็ก

“หรืออยากให้ผมกลับไปถามคนข้างใน?” บีทถอนใจเฮือกหนึ่ง ก่อนจะสรุปความสั้นๆ

                “พวกเขาแค่เข้าใจผิดน่ะว่าผมตกประธานบริษัทได้อีกคนแล้ว” บีทตอบน้ำเสียงเบื่อๆ พยายามเร่งฝีเท้าเดินต่อไป

 แผ่นฟ้าคลี่ยิ้มรีบสาวเท้าตามบีทไปจนทันแถมยังโอบเอวอีกฝ่ายไว้ บีทขมวดคิ้วหันไปมองค้อนเพราะชั้นนี้มีพนักงานเดินไปมามากกว่าชั้นบน ที่เป็นส่วนตัวมากกว่า

                “ทำอะไร?” บีทถามเบาๆ คล้ายกระซิบ

                “อยากจะแก้ไขความเข้าใจผิด”

                “ยิ่งทำแบบนี้คนอื่นยิ่งเข้าใจผิดไปกันใหญ่ต่างหาก”

                “ไม่ใช่ของคนอื่น... แต่เป็นของคุณ”

                บีทจ้องมองอีกฝ่ายตาแทบถลน พยายามคิดวิเคราะห์ความหมายในประโยคนั้น แต่อีกฝ่ายไม่ได้อธิบายต่อ กดลิฟต์พาบีทลงไปชั้นล่าง เพราะในลิฟท์มีคนเยอะทั้งสองเลยไม่ได้คุยกันแต่ระหว่างทางแผ่นฟ้าก็ไม่ยอมคลายแขนที่โอบไว้ บีทพยายามจะเบี่ยงตัวออกก็แล้ว แกะมือเขาออกก็แล้ว อีกฝ่ายก็ยังติดหนึบยิ่งกว่าทากาว จนเขายอมแพ้ไปเอง

                ช่างปะไร... เขาเป็นแค่ไกด์ที่นานๆ จะแวะมาที ถ้าคนที่เข้าออกบริษัททุกวันไม่อายแล้วทำไมเขาต้องอายด้วยล่ะ?

เมื่อออกจากลิฟต์ที่ชั้นล่างสุด บีทเดินเคียงกับแผ่นฟ้าไปยังลานจอดรถ ระหว่างทางต้องเผชิญสายตาอยากรู้อยากเห็นหลายคู่แต่เขาก็ทำเป็นไม่สนใจ สมัยก่อนตอนที่เขาคบกับอิฐใช่ว่าไม่เคยเห็นสายตาพวกนี้เสียเมื่อไร สิ่งที่แตกต่างออกไปก็คือเขากับอิฐเป็นคนรักกันจริงๆ แต่เขากับแผ่นฟ้า... ไม่ใช่

                “ผมไม่รู้จริงๆ ว่าคุณทำแบบนี้ไปทำไม?” บีทเอ่ยถามเมื่อทั้งสองมาหยุดที่ข้างรถแผ่นฟ้า ชายหนุ่มเปิดประตูให้บีทพลางผายมือให้อย่างสุภาพ

                “ทำอะไร? เปิดประตูรถน่ะเหรอ?” แผ่นฟ้าถามกลับพร้อมรอยยิ้มใสซื่อ ทำเอาบีทเริ่มอารมณ์คุกรุ่นขึ้นมา

                “ผมหมายถึงการแสดงข้างในนั้น มันไม่จำเป็นเลยที่ต้องทำอะไรประเจิดประเจ้อให้คนเขายิ่งลือกัน”

                “คุณอาย?”

                บีทจ้องหน้าเขาแล้วส่ายหน้า

                “แล้วโมโหทำไม?”

                “มีคนบอกว่าผมกำลังทำบาป อิฐเป็นเกย์ยังไม่เท่าไร แต่คุณชอบผู้หญิง คุณควรคบกับคนอื่นที่ดีกว่าผม” เขาไม่ได้โกหกสักคำ เพิ่งฟังมากับหูเมื่อครู่นี้เอง

                “คุณสำนึกผิดช้าไปหลายวันเลยแหละ” แผ่นฟ้าตอบกลับพร้อมรอยยิ้มประชดประชัน

                บีทหายใจแรงทีหนึ่ง มีสีหน้าเคร่งเครียด

                “การที่ผมเรียกร้องเซ็กซ์จากคุณ ไม่ได้แปลว่าผมจะเรียกร้องความสัมพันธ์ในแบบคนรักด้วยซะหน่อย ผมบอกคุณแล้วว่าคุณไม่จำเป็นต้อง...”

                “ผมรู้... ” แผ่นฟ้าเอ่ยขัด สองเท้าก้าวเข้ามาใกล้ สองมือยื่นมากุมมืออีกฝ่ายไว้แล้วบีบเบาๆ “ว่าคุณไม่ได้เรียกร้องความสัมพันธ์นั้นกับผม ผมต่างหาก... ที่กำลังเรียกร้องความสัมพันธ์นั้นกับคุณ”

                บีทชะงักนิ่งดวงตาเบิกกว้างจ้องหน้าอีกฝ่ายเหมือนเห็นผี  เขาทั้งสับสนมึนงงและไม่เข้าใจว่าแผ่นฟ้าโดนผีสิงไปแล้วหรือเปล่า ถึงได้ใช้น้ำเสียงและดวงตาเศร้าๆ เว้าวอนร้องขอความเห็นใจแบบนี้

                ไม่แค่นั้น ใบหน้านั้นยังเคลื่อนใกล้เข้ามาเหมือนจะจูบอีกต่างหาก... เพื่อตอบแทนการช่วยเหลือเมื่อครู่เขาควรจะหลับตายอมให้อีกฝ่ายจูบดีหรือเปล่า บีทเริ่มลังเล แต่ก็คิดไปว่าถ้าเขายินยอมในตอนนี้ก็เท่ากับตอบรับคำขออีกฝ่ายอัตโนมัติน่ะสิ อีกอย่างที่นี่มันลานจอดรถนะอาจจะมีคนมาเห็นก็ได้ ดังนั้นบีทจึงใช้มือยันคางอีกฝ่ายออกไป ทำให้แผ่นฟ้าหยุดตัวเองแล้วถอนใจอย่างเสียดาย

                เขายอมถอยออกมาอย่างไม่อิดออด แต่ก็ได้แต่เงียบเพราะความกระอักกระอ่วนใจ

                บีทขยับตัวเข้าไปนั่งในรถ แล้วกระแอมในลำคอทีหนึ่งก่อนจะเอ่ยขึ้นมา

                “นี่คุณไม่รู้เหรอว่าไม่ควรขอความรักเวลาที่อีกฝ่ายกำลังหิว”

                แผ่นฟ้าที่กำลังหน้านิ่วคิ้วขมวด เพราะสถานการณ์ไม่เป็นไปอย่างที่หวังถึงกับหลุดหัวเราะ เขาหันไปยิ้มให้คนในรถ ก่อนจะปิดประตูให้แล้วอ้อมไปประจำที่คนขับอย่างรวดเร็ว

                แผ่นฟ้าขับรถพาบีทออกมาโดยที่ไม่ได้คิดล่วงหน้าว่าจะพาไปที่ไหน  บีทยกศอกยันกระจกรถแล้วหันไปมองข้างทางเหมือนกับว่าเป็นวิวทิวทัศน์น่าสนใจ แต่แผ่นฟ้าพอจะเดาได้ว่าบีทแค่ไม่อยากมองหน้าเขา...

                ชายหนุ่มกำลังกังวลใจว่าตัวเองอาจจะรุกอีกฝ่ายไวเกินไป การสารภาพรักตอนที่อีกฝ่ายยังไม่พร้อมจะเปิดใจรับใครบางคนอาจจะยิ่งทำให้ประตูที่ปิดอยู่แล้วล็อกแน่นขึ้นก็ได้ คิดแล้วเขาก็เผลอถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่งอย่างลืมตัว

                บีทได้ยินเสียงถอนหายใจก็ผุดยิ้มที่มุมปาก แล้วโพล่งถามขึ้นมา “ทำไม? สำนึกผิดช้าไปกี่นาที?”

                “ฮะ?” แผ่นฟ้าร้องขึ้นมาแล้วหันไปมองอีกฝ่ายแวบหนึ่งเพราะกำลังขับรถ

                “ก็คุณถอนใจ ผมเลยสงสัยว่าคุณกลุ้มเรื่องที่เดินโอบผมในบริษัทหรือกลุ้มใจเรื่องที่ลานจอดรถกันแน่”

                “ถ้าผมบอกว่าอย่างหลังล่ะ?”

                “ผมไม่ถือหรอก คิดว่าไม่ได้ยินแล้วกัน...”

                “ไม่ใช่อย่างงั้นซะหน่อย...”

                “ทำไม? จะบอกว่าจริงจัง?”

                “เอ่อ...ไม่รู้สิ ผมอาจจะแค่เหงาก็ได้...  บอกอะไรให้ไหม ถ้าไม่นับคุณแล้ว ผมไม่ได้เอ่อ... ไปเดตกับใครมาเกือบครึ่งปีแล้วมั้ง” เพราะการเว้นระยะแบบนี้ทำให้คนฟังพอจะเข้าใจความหมายลึกๆ ได้ไม่ยาก

“อ้อ... ถึงว่าสิเลยเก็บกด” บีทรำพึงออกมาเบาๆ เมื่อนึกย้อนไปถึงค่ำคืนที่อีกฝ่ายตักตวงจากเขาอย่างไม่รู้จักอิ่มตอนนี้ก็ไม่ค่อยนึกแปลกใจแล้ว “ถ้าให้เดา ที่ผ่านมาคุณคงไม่ว่างเพราะเรื่องตำแหน่ง แต่ตอนนี้ก็ว่างแล้ว คนอย่างคุณจะหาใครสักคนก็ไม่น่ายาก”

“ยากสิ... ผมจีบผู้ชายไม่เป็น”

“บ้า!! ก็จีบผู้หญิงสิ”

“อืม... ผมว่าผมอาจจะติดใจในเซ็กซ์ของคุณ ก็เลย... ไม่ค่อยอยากจีบผู้หญิง”

 “จะบอกว่าแค่นอนกับผมแล้วก็เปลี่ยนรสนิยมไปเลยเนี่ยนะ? ”

“ไม่รู้สิ ผมมันเกย์ป้ายแดง ไม่รู้อะไรทั้งนั้นแหละ”

“ถ้าคุณไม่แน่ใจ ผมพาคุณไปหาอ่อยหนุ่มสักคนดีไหม?”

“คุณกำลังปฏิเสธผมอ้อมๆ สินะ ทั้งๆ ที่ตัวเองเป็นต้นเหตุแท้ๆ แต่กลับไม่รับผิดชอบ ฮึ” แผ่นฟ้าส่งเสียงขึ้นจมูก

“คุณโทษผม?”

“เปล๊า” แผ่นฟ้าทำเสียงสูงตั้งใจให้รู้ว่าประชด ทำให้คนฟังเดือดปุดๆ

                “เอาจริงๆ ไหม? ต่อให้ไม่ได้รักคุณก็เถอะ ผมก็ไม่แคร์นะถ้าต้องมีเซ็กซ์กับคุณ หรือคบกับคุณเพื่อชดเชยที่ทำให้คุณเป็นแบบนี้ เพราะยังไงผมก็มีแต่ได้ประโยชน์ คุณต่างหากที่เสียเปรียบ...”

                ที่จริงแผ่นฟ้าก็ไม่ได้ไม่ชอบนะที่บีทเป็นคนตรงไปตรงมา แต่พอพูดว่าไม่รักอัดหน้านี่ก็เจ็บพิลึก!

                “โห... ไม่น่าเชื่อว่าคุณจะถ่อมตัวเป็น”

“ผมไม่ถ่อมตัวหรอก แค่พูดตามความจริง ต่อให้ตัดเรื่องที่ผมเป็นผู้ชายออกไป แต่คนอื่นจะมองคุณยังไงที่มาเอาแฟนเก่าพี่ชายเนี่ย!! ต่อให้แค่ชั่วคราวก็เถอะ เคยคิดบ้างไหม?” บีทถามอย่างใส่อารมณ์เพราะเพิ่งถูกว่ามาอีกทอด

ปกติเขาก็ไม่ใช่คนที่มีน้ำอดน้ำทนอยู่แล้ว ในเมื่อเขาต้องมาถูกนินทาว่าร้ายเพราะเรื่องของแผ่นฟ้าแล้วเรื่องอะไรที่เขาจะต้องเก็บเอาคำด่าพวกนั้นมาเครียดคนเดียวด้วย ในเมื่อตัวเองถูกว่ามาแบบนี้ก็ควรจะบอกเจ้าตัวไปแบบนี้ถึงจะถูก

“ก็ช่างเขาสิ ผมไม่ใช่ดาราที่ต้องรักษาภาพพจน์ซะหน่อย” แผ่นฟ้าตอบกลับอย่างไม่ยี่หระจนบีทค่อนข้างแปลกใจแต่ก็ยังไม่ยอมแพ้

“แล้วครอบครัวคุณล่ะ?”

“คุณไม่ต้องมาห่วงแทนผมหรอก ผมจัดการเองได้ คุณแค่คิด... และตัดสินใจในส่วนของคุณก็พอ”

หึ... คำพูดพวกนี้ทำไมเขาจะไม่เคยฟังมาก่อน อิฐเองก็พยายามปลอบใจเขาแบบนี้เหมือนกัน แต่แล้วยังไง? วิธีการแก้ปัญหาของอีกฝ่ายกลายเป็นสร้างปัญหาที่ไม่มีทางแก้ จนสุดท้าย...

บีทไม่ได้เถียงอะไรออกไปเพราะไม่จำเป็น... เพราะไม่ได้ฝากหัวใจไว้ที่เขาก็เลยไม่คาดหวังว่าอีกฝ่ายจะแก้ปัญหาพวกนั้นได้...อีกอย่าง ต่อให้ตกลงไปพวกเขาจะคบกันได้นานสักแค่ไหน? ถ้าให้คิดในส่วนของตัวเองก็พบว่าแผ่นฟ้าก็ไม่มีอะไรที่ไม่ดี หน้าที่การงานที่สูงกว่าสามารถปกป้องเขาได้ เรื่องบนเตียงก็พอแก้ขัดได้...

อืม... ถ้าตัดเรื่องความรักออกไป ก็ออกจะเป็นตัวเลือกที่ดีจริงไหม?

                “ได้... ผมโอเค” ถึงแม้การสนทนาจะออกนอกทะเลไปไกลในตอนแรก แต่แผ่นฟ้าก็อดดีใจไม่ได้ที่สุดท้ายทุกอย่างเข้ารูปเข้ารอยอย่างเหลือเชื่อ

                แผ่นฟ้ายิ้มอย่างดีใจระหว่างหันไปถามย้ำ “จริงเหรอ? คุณยอมคบกับผม?”

                บีทพยักหน้าเนือยๆ แล้วตอบกลับเรียบๆ

“จนกว่าคุณหรือผมจะพบคนใหม่ ก็เป็นคู่ขากันไปพลางๆ ละกัน”

แผ่นฟ้าอยากจะเอาหัวโขกพวงมาลัยให้ตาย เมื่อกี้อุตส่าห์ยิ้มแทบตาย ทำไมตอนนี้เกิดอยากร้องไห้ขึ้นมาล่ะ?



++++++++++++++



                “วันนี้เป็นวันแรกที่คบกันนะ คุณฉลองโดยการพาผมมากินก๊วยเตี๋ยวเหรอ?” แผ่นฟ้าถามเมื่อบีทโวยวายให้เขาจอดที่หน้าร้านก๊วยเตี๋ยวเรือริมคลอง

                “ไม่ได้ฉลอง แค่อยากกิน ทำไม? ไม่ชอบ?”

                “ขี้เกียจถอดสูท”

                “ใส่มาผมก็ไม่ว่าหรอก” บีทบอกแล้วปลดเข็มขัดนิรภัยออก เปิดประตูออกไปโดยไม่รอ

                แผ่นฟ้าเบะปาก เขาไม่ได้บ้าขนาดใส่สูทเต็มยศออกไปกินอะไรแบบนั้นนะ นอกจากร้อนแล้วก็คงตลกน่าดูเลย

                หลังจากถอดเสื้อนอกออกแขวนไว้ในรถ แผ่นฟ้าก็ตามบีทเข้าไปในร้าน

                บีทนั่งซดอย่างเอร็ดอร่อยจนต้องต่อชามที่สอง แผ่นฟ้ายิ้มอย่างขำขันแล้วถาม “อร่อยหรือหิวเนี่ย?”

                “อาจจะทั้งสองอย่าง”

                “อืม... ช่วงหลังๆ นี่คุณผอมลงไปเยอะเลย เห็นกินได้เยอะๆ แบบนี้ค่อยโล่งใจหน่อย” แผ่นฟ้าส่งยิ้มอ่อนโยน

                “ที่จริงผมชอบกินก๊วยเตี๋ยวเรือมากเลยนะ”

                “จริงเหรอ? งั้นผมคงไม่ใช่ประธานบริษัทคนแรกที่ทำน้ำก๊วยเตี๋ยวกระเด็นเลอะเสื้อตัวเองใช่ไหม!!” แผ่นฟ้าชี้ให้ดูรอยเลอะบนเสื้อเชิ้ตขาวของตัวเอง

                “ไม่รู้สิ แต่คนแรกที่ว่าอาจจะไม่ใช่พี่ชายคุณ เพราะผมไม่เคยชวนเขามา”

“อ้าว ทำไมล่ะ?”

                “ผมไม่ได้บอกเขาว่าผมชอบ และผมก็ไม่คิดจะชวนทั้งๆ ที่รู้ว่าเขาไม่ชอบกินด้วย”

                “คุณรู้ว่าเขาชอบอะไร ไม่ชอบอะไรตั้งแต่คบกันใหม่ๆ เลย?”

                “คุณไม่รู้หรือไงว่าการเดตช่วงแรกน่ะไม่ควรพาคู่เดตไปกินอาหารพวกเส้นๆ เวลามันกระเด็นมันก็ดูไม่ดี” บีทเบนสายตาไปที่ร่องรอยบนเสื้อแผ่นฟ้าเป็นเชิงยกตัวอย่าง

                “อ๋อ... ถึงว่าสิ เวลาผมสั่งพวกสปาเกตตีให้ผู้หญิงทีไร พวกเธอชอบทำหน้าปูเลี่ยนใส่”

บีทยิ้มพลางส่ายหน้า

“เออ ถ้ารู้ว่ากินของพวกนี้แล้วมันเฟล แล้วทำไมถึงชวนผมมาล่ะ?”

“กับคุณเนี่ย ยังมีอะไรให้ต้องแอ๊บอีกล่ะ? ไอ้เรื่องร้ายๆ ก็เห็นมาตั้งเยอะแยะแล้ว แค่น้ำก๊วยเตี๋ยวกระเด็นเนี่ย คุณแคร์?”

“เปล่า แค่ถามเฉยๆ บอกตามตรง ตอนนี้ผมดีใจนะ อย่างน้อยผมก็รู้เรื่องที่พี่อิฐไม่รู้”

“น่าภูมิใจเนอะ! เรื่องแค่นี้?”

“วันนี้อาจจะแค่นี้... แต่ต่อไปมันก็ต้องเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ”

“เฮ้อ... ความจริงแล้วผมก็แค่เหนื่อย ทำไมการคบกับใครสักคนมันต้องเหนื่อยขนาดนั้นด้วย ทำไมต้องแอบมากินของที่ชอบคนเดียว ทำไมต้องทนทำเป็นไม่รู้สึกอะไรทั้งๆ ที่ในใจทรมานแทบตาย ทำไมต้องแกล้งทำเป็นคนดีเพื่อประคับประคองความสัมพันธ์ แล้วสุดท้ายก็ต้องมาสงสัยว่าที่เขารักเรา คือเราจริงๆ หรือแค่รักภาพมายาที่เราสร้างขึ้นกันแน่” บีทบ่นพล่ามอยู่คนเดียวจนจบโดยที่อีกฝ่ายแค่ฟังเฉยๆ โดยไม่ขัด นึกสงสัยด้วยซ้ำว่าแผ่นฟ้าหลับไปแล้วหรือเปล่า แต่พอเหลือบตามองกลับเจอดวงตาที่จ้องมาอย่างตั้งใจ พอบีทสบตาเขาก็เขินหน่อยๆ เลยต้องเสหลบตาไป

แผ่นฟ้ายิ้ม

“คิดแบบนี้ก็ดีเหมือนกันนะ ต่อไปคุณจะได้ไม่ต้องฝืน เพราะผมก็จะไม่ทำให้คุณลำบากใจแน่ๆ เพราะอะไรรู้ไหม?”

“หือ??”

“ก็อย่างที่คุณพูด... ผมเคยเห็นด้านร้ายๆ ของคุณมาเยอะแล้ว ถ้าเห็นเพิ่มขึ้น ผมก็ไม่แปลกใจหรือรู้สึกแย่อะไร แต่สิ่งที่ผมกำลังตามหาอยู่ตอนนี้คือข้อดีของคุณ... เพราะมันคงจะ”

“เดี๋ยว นี่คุณหาว่าผมมีแต่ข้อร้ายเหรอ? ไม่มีข้อดีอะไรเลยจนถึงขนาดต้องมาตามหา?”

“เดี๋ยวสิ ผมยังพูดไม่จบ ทำไมต้องรีบขัดด้วยล่ะ?”

“คุณกำลังว่าผมอยู่ จะไม่ได้ขัดได้ไง? เห็นผมเงียบๆ หงิมๆ แล้วก็คิดว่าผมจะต้องทนฟังคุณด่าให้จบงั้นเหรอ?”

แผ่นฟ้าส่ายหน้า อย่างบีทน่ะเหรอเงียบๆ หงิมๆ ?

“เดี๋ยวสิ ฟังก่อน ผมกำลังจะบอกว่า...”

“ไม่ฟัง...” บีทปฏิเสธหน้าบูด พลางยกมือปิดหูตัวเอง แผ่นฟ้าขยับไปนั่งเก้าอี้อีกตัวใกล้ๆ บีทแล้วดึงมือเขาออกพลางกระซิบข้างหู

“... แค่ข้อดีข้อเดียวที่บังเอิญเจอ ก็อาจจะทำให้ผมชอบคุณมากกว่าเดิมแล้วต่างหาก!”

“ฮะ!” บีทร้องแล้วหันไปต้องเขาตาค้าง

“ถ้าฟังไม่ชัด ให้พูดใหม่ไหม?”

“ไม่ต้องแล้ว!!” บีทรีบปฏิเสธ แล้วหันหน้าหนีอย่างรวดเร็ว ใบหน้าที่แดงขึ้นกะทันหันทำให้แผ่นฟ้าเข้าใจว่าอีกฝ่ายเขินแต่พยายามปกปิดไว้ จึงระบายยิ้มออกมาอย่างเอ็นดู

เขาชักจะติดใจใบหน้าแบบนี้ของบีทแล้วละ นั่นทำให้เขารู้สึกว่าเขาคงชอบอีกฝ่ายมากขึ้นจริงๆ ด้วย

นั่นสินะ สำหรับคนที่เรารักน่ะ ต่อให้ร้ายก็ยังมองว่าน่ารักได้อยู่ดี...





++++++++++++

สงสัยเพราะเพิ่งอ่านนิยายหวานเลี่ยนมาเลยติดความหวานมาด้วยแน่ๆ อร๊ายยยยย มันต้องดราม่าๆๆ สิ!!!

ล้อเล่นนะคะ  ตอนนี้อยากจะรีบจบคู่นี้ เพราะงั้นเลยต้องเดินเรื่องไวๆ หน่อย แต่ขนาดไว เหมือนจะแต่งไปได้ สองฉากจบตอน!!

ออฟไลน์ ♀♥♀DearigA♂♥♂

  • ♥kacha♥
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 227
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0

ออฟไลน์ ๛ナーリバス๛

  • ~~~๛NaaribuS๛~~~ ~ [TBL-081-588]
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1500
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +898/-26
    • NaaribuSS
-12-

หลังจากทั้งสองกลับไปที่บริษัท บีทก็ขับรถตัวเองกลับไป แผ่นฟ้าทำงานของตัวเองด้วยอารมณ์ชื่นบานทั้งวัน แล้วจึงตรงดิ่งกลับบ้านตรงเวลา แต่แทนที่จะได้พบคนรัก (ที่อีกฝ่ายบอกว่าคู่ขา) กลับพบเพียงความว่างเปล่า คนรับใช้แจ้งว่าบีทเพิ่งออกไปทำงานเมื่อสักครู่นี้เอง...

แผ่นฟ้ารีบโทรไปงอแงในทันที โชคดีที่อีกฝ่ายยังไม่ได้ขึ้นเครื่องจึงรับสายเขา

“คุณไม่เห็นบอกผมเลยว่าคุณจะไม่อยู่...”

“คิดว่าคุณไม่อยากรู้เลยไม่ได้บอก...”

“ทำไมผมจะไม่อยากรู้...” แผ่นฟ้าเถียงอย่างใส่อารมณ์ เมื่อคิดถึงวันทั้งวันที่คิดจะได้กลับไปนอนกอดอีกฝ่ายก็เสียดายจนอยากจะร้องไห้ออกมา “อีกอย่าง คุณเพิ่งกลับมาเมื่อวานเองด้วย ทำไมไปไวนัก”

“ก็ตารางเป็นอย่างนี้นี่นา นี่ยังดีกว่าเมื่อก่อนนะ ผมเคยมาบ่ายบินดึกด้วยซ้ำ” บีทบอกเหมือนเป็นเรื่องปกติ สมัยก่อนเขาไปโน่นมานี่ตลอด จนไม่ได้เจอหน้าอิฐเลยเกือบเดือนยังมี เพราะฝ่ายนั้นต้องกลับบ้าน ส่วนเขาก็ทำงานไม่เป็นเวลา ดังนั้นช่วงที่คิดถึงจริงๆ เขาจึงเป็นฝ่ายโผล่ไปหาที่บริษัทเสียเอง

“ไว้ว่างๆ ผมจะจัดตารางทัวร์ให้ใหม่” แผ่นฟ้าบ่นอุบอิบ จนบีทกลั้นหัวเราะ

“คุณมีอะไรหรือเปล่า?”

“เปล่า... ไม่มีอะไรหรอก... ผมก็แค่นึกว่าพอกลับมาจะเจอแฟนรอกินข้าวอยู่ที่บ้านน่ะ” แผ่นฟ้าปฏิเสธด้วยเสียงหงอยๆ

บีทเงียบไปอึดใจจึงเอ่ยปลอบ...

“อื้อ... รอบนี้ไปไม่นานหรอก สามวันสี่คืนเอง ถ้าเหงามาก ก็พึ่งพาแม่นางทั้งห้าไปก่อนละกัน”

แผ่นฟ้าอ้าปากค้าง ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะรู้ทัน อีกทั้งยังพูดออกมาตรงๆ อีกต่างหาก ทว่าเขาเป็นคนหน้าด้านพอจึงตอบกลับไปอย่างไม่สะทกสะท้าน

“ไม่เป็นไรผมทนได้ ไว้รอคุณมาช่วยดีกว่า...” แผ่นฟ้าบอกด้วยน้ำเสียงกรุ้มกริ่ม

คราวนี้คนที่เขินกลับกลายเป็นอีกฝั่งแทน โชคดีที่การคุยโทรศัพท์ไม่เห็นหน้า บีทเลยไม่ต้องเหนื่อยปั้นหน้าให้ชืดชา นิ่งเป็นน้ำแข็งอย่างปกติ

“อื้ม... ดูเหมือนว่าลูกทัวร์ผมเริ่มทยอยมาแล้ว แค่นี้ก่อนนะ” บีทรีบตัดบทก่อนจะกดวางสายไป แต่รอยยิ้มบางๆยังติดแก้มอยู่ไม่เลือนหาย...

++++++++++

บีทไม่อยู่ แผ่นฟ้าจึงค่อนข้างเบื่อ นอกจากสะสางงานทั่วๆ ไปแล้ว ยังเจียดเวลามาจัดการ “เคลียร์คน” อย่างที่เคยลั่นวาจาไว้อีกต่างหาก ทำให้ข่าวลือเรื่องของเขากับบีทเหมือนจะยิ่งหนาหูขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งไปถึงหูรองประธานเข้าจนได้...

แผ่นฟ้าไม่แปลกใจหรอกที่เห็นผู้เป็นบิดาเดินเข้าห้องทำงานมาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด แม้ว่าอีกฝ่ายจะมาเร็วไปหน่อย แต่แผ่นฟ้าก็คิดแผนการรับมือไว้แล้วอยู่ดี

“ประสาทกลับไปแล้วใช่ไหม นอกจากจะเอาผู้ชายมาควงแล้ว ยังไปคว้าเศษเดนไอ้อิฐมันอีก!!” เสียงนั้นตะคอกดังโดยไม่ถามต้นสายปลายเหตุหรือถามว่า “จริงหรือเปล่า” สักคำ

แน่นอนว่าอีกฝ่ายถนัดเรื่องการหาเรื่องคนอยู่แล้ว และแผ่นฟ้าก็ชอบเหมือนกันที่เป็นเช่นนั้นเพราะมันไวดี ไม่ต้องพูด ต้องถามอะไรให้มันเยิ่นเย้อ เพราะถ้าเป็นเรื่องไม่จริงเขาก็ต้องปฏิเสธเองอยู่แล้ว...

“ถ้าพูดถึงเศษเดนละก็ พ่อจะนับรวมบริษัทเจ้ากรรมนี่ด้วยไหมล่ะครับ? ผมก็สงสัยมานานแล้วว่าผมจำเป็นต้องนั่งแท่นตำแหน่งกลวงๆ นี่ด้วยเหรอ?” แผ่นฟ้าตอบยิ้มๆ แต่เป็นยิ้มที่ค่อนข้างกวนโทสะไม่น้อย นัยว่าถ้าเขาแคร์เรื่องเศษเดนจริง คงไม่สนใจบริษัทนี้เช่นกัน...

“แกจะมาถามทำไม แกเองก็อยากได้มาตลอดไม่ใช่หรือไง?”

“ครับ... ถึงผมจะไม่รู้ว่าของตรงหน้ามีค่ายังไง มีความหมายแค่ไหน... แต่ถ้ามันเป็นของที่พี่อิฐอยากได้ ผมก็อยากได้เหมือนกัน มันเป็นแบบนี้มาตั้งนานแล้ว ตอนนี้มันเริ่มจะลามไปถึงคนด้วยเท่านั้นเอง” แผ่นฟ้าอธิบายเรียบๆ ใบหน้ายังระบายไปด้วยรอยยิ้ม

“เฮอะ!! ก็แค่ของที่มันทิ้งแล้ว...”

“ไม่ใช่ทิ้ง... แต่เป็นเก็บรักษาไว้ไม่ได้ต่างหาก...”

“นี่แกจะจริงจังเหรอ?”

“ตอนนี้ก็คงใช่ ต่อไป... ก็ไม่แน่เหมือนกัน...”

“ไม่ต้องคิดแล้ว รีบๆ เลิกๆ กันไปซะเถอะ! อย่าให้ฉันเป็นฝ่ายลงมือเอง...” คนเป็นพ่อรีบออกคำสั่งอย่างใจร้อน

“ไม่ใช่เราเคยตกลงกันว่า ถ้าผมได้ตำแหน่งประธานแล้ว พ่อจะไม่ก้าวก่ายชีวิตส่วนตัวผมหรอกเหรอครับ?”

“นั่นไม่นับรวมเรื่องที่แกจะหันไปชอบผู้ชายนะ!!”

“รวมไปเถอะครับ ผมขี้เกียจงัดข้อกับพ่อนะ” แผ่นฟ้าบอกด้วยน้ำเสียงเบื่อๆ ทว่าคนฟังกลับส่งเสียงเฮอะในลำคออย่างดูถูก

“อย่างแกน่ะเหรอจะมางัดข้อ? บอกให้รู้ว่าฉันไม่ได้มาขอร้องแต่มาเพื่อออกคำสั่ง ขืนแกไม่ฟัง คงได้รับสมัครไกด์ใหม่แน่... อย่าลืมสิไม่ใช่แกคนเดียวที่ใช้อำนาจเป็น” พูดแบบนี้แสดงว่าพ่อคงรู้เรื่องที่เขาสั่งย้ายพนักงานแล้วแน่เลย...

แผ่นฟ้าถอนใจเฮือกหนึ่งอย่างอ่อนใจ

“พ่อครับ...” เสียงนั้นทอดยาวอย่างออดอ้อน ทว่าคนฟังยังเชิดหน้าหันไปทางอื่นคล้ายไม่ใส่ใจ

“พ่อรู้ไหมทำไมผมถึงย้ายออกมาจากบ้าน”

เขตแดนขมวดคิ้วนิดหนึ่งแล้วตอบอย่างเสียไม่ได้ “ไม่ใช่ว่าแกอยากใช้ชีวิตอิสระหรอกเหรอ?”

“เปล่าหรอก ผมประชดพ่อต่างหาก ตั้งแต่พ่อพาผู้หญิงคนนั้นเข้ามาในบ้าน ผมก็ทนไม่ไหวแล้ว ที่นั่นมีความทรงจำของแม่อยู่เต็มไปหมด ผมไม่อยากให้อะไรหรือใครมาซ้อนทับเลยย้ายออกมาเพื่อประท้วง แต่ใครจะคิดล่ะว่าพ่อกลับไม่สนใจ ถือโอกาสนี้อยู่กันอย่างมีความสุข”

“แม่แกตายไปนานแล้วนะ แกจะมาโวยวายอะไรเหมือนเด็กแบบนั้นได้ไง?”

“ใช่ครับ ผมรู้ เพราะคนเป็นย่อมสำคัญกว่าคนตาย ผมเลยยอมเห็นแก่ความสุขของพ่อย้ายออกมาแทน”

“คิดได้ก็ดีแล้วนี่...”

“ถ้าผมยังคิดได้ แล้วทำไมพ่อคิดไม่ได้ล่ะครับ?”

“นี่แก!!”

“ผมไม่ได้ขออะไรสักหน่อย พ่อไม่ต้องทำดีกับเขามาก แค่ไม่ทำให้เขาลำบากใจเวลาที่เจอกันก็พอแล้ว ผมยังไม่รู้เลยว่าเราจะคบกันนานหรือเปล่าด้วยซ้ำ พ่อทำเป็นมองข้ามไม่ได้เหรอ?”

“ถ้าฉันบอกว่าไม่ได้ล่ะ?”

“ผมไม่อยากทำเลยจริงๆ แต่คงต้องกลับบ้านสักหน่อยแล้ว...  ตอนนี้ขยะมากมายควรกลับไปเก็บกวาด หรือไม่ก็ขายไปเลยยิ่งดี... พ่อคงไม่ลืมนะครับว่าบ้านนั้นเคยติดจำนองมาก่อน คุณลุงเป็นคนไถ่ให้ ตอนนั้นก็เปลี่ยนโฉนดเป็นชื่อผมแล้วด้วย... ผมมีสิทธิ์ทำอะไรก็ได้นะ...”

“ไอ้ฟ้า!! นี่แกกล้าทำกับฉันอย่างนี้เหรอ?”

“ไม่ครับ...ผมไม่กล้า” แผ่นฟ้ารีบตอบ สีหน้าท่าทางนอบน้อมอย่างมาก แต่คนฟังก็รู้ว่าเป็นแค่การแสดง... เพราะประโยคต่อมา “ถ้าพ่อไม่ทำให้ผมหมดความอดทนละก็นะ...”

เขตแดนจ้องหน้าลูกชายอย่างตกตะลึง อันที่จริงแผ่นฟ้าก็เป็นพวกดื้อตาใสมาตั้งแต่เด็กๆ แล้ว ความที่ไม่มีแม่เลยใช้ชีวิตเสเพลและเอาแต่ใจกว่าปกติ ยิ่งพอปลีกตัวออกมาจากบ้านแล้วสองพ่อลูกก็ยิ่งห่างเหินกันมากกว่าเดิมอยู่แล้ว เขาเลยไม่อาจจะเดาใจได้ว่าลูกชายพูดแล้วจะทำจริงหรือเพียงแค่ขู่... แต่ในเมื่ออีกฝ่ายมีท่าทีแข็งกร้าวแบบนี้ก็ควรปล่อยเลยตามเลยดีกว่า

แผ่นฟ้ามองตามร่างบิดาด้วยสายตาเฉยเมย ครั้นประตูปิดลงก็ถอนใจออกมาอย่างโล่งอก หวังว่าพ่อของเขาจะเห็นใจเขาบ้าง ต่อให้เขาไม่นับว่าเป็นลูกกตัญญูอะไร แต่ก็ไม่อยากกลายเป็นลูกเนรคุณอยู่ดี

แต่คิดดูสิ เขาเพิ่งบอกบีทไม่เมื่อวานนี้เองว่า ปัญหาทุกเรื่อง “เขาจัดการได้” เพียงอีกฝ่ายรับปากแล้วผ่านไปข้ามคืนก็ทำไม่ได้เสียแล้ว อย่างนี้อีกฝ่ายจะกล้าเชื่อใจเขาเรื่องอื่นๆ ได้ยังไงกัน...

+++++++++++

บีทถึงกับหัวเราะออกมาตอนที่เห็นแผ่นฟ้ามารับเขาที่สนามบินอีกครั้ง แผ่นฟ้าแต่งตัวในชุดลำลองที่อาจจะไม่หรูหราแต่ก็ทำให้ดูเท่ น่ามอง รอยยิ้มกว้างขวางทำให้ดูเป็นคนอารมณ์ดีตลอดเวลายังคงอยู่เสมอ

“อย่าบอกว่าคุณนั่งแท็กซี่มาอีกแล้วนะ” บีทถามยิ้มๆ

แผ่นฟ้าไม่ได้ตอบเพียงแค่ยิ้มรับ แย่งกระเป๋าเดินทางไปช่วยลากเหมือนเดิม บีทอมยิ้มเล็กน้อย ไม่ปฏิเสธความหวังดีนั้น “แต่งตัวแบบนี้เสดงว่าโดดงานมาเลยสิ?”

“ก็รถมันติด ขืนไปๆ มาๆ เมื่อไรจะมาถึงล่ะ?”

“มารับผมแล้วค่อยไปก็ได้นี่”

“ผมว่าจะพาคุณไปเดินเที่ยวน่ะ”

“เป็นท่านประธานที่ขี้เกียจจริงๆ”

“อย่าบ่นหน่อยเลยน่า... ผมเคลียร์งานสำคัญหมดแล้วต่างหาก ยังไงก็ไม่ทำบริษัทเจ๊งหรอก ไม่ต้องกลัวตกงาน”

คำพูดพวกนี้บีทเคยพูดไว้จริงๆ ว่าเขาไม่สนใจว่าผู้บริหารจะทำงานเก่งไหม ขอแค่ไม่ทำบริษัทเจ๊งแล้วเขาตกงานก็พอ เมื่ออีกฝ่ายยกเอามาพูด บีทจึงเผลอค้อนไปวงหนึ่งอย่างหมั่นไส้

แผ่นฟ้ายิ้มรับ อดคิดไม่ได้จริงๆ ว่าเวลาชอบใครสักคน เขาทำอะไรก็ดีไปหมด แค่ค้อนให้สักวงก็ยังดูน่ารักน่าชัง

.

หลังจากกินอาหารกลางวัน เดินย่อย ดูหนังรอบบ่าย ชอปปิ้งยันเย็น ต่อด้วยดินเนอร์มื้อค่ำอีกมื้อ ทั้งสองจึงพากันกลับบ้าน บีทเดินเข้าไปในห้องตัวเอง ส่วนแผ่นฟ้าลากกระเป๋าเดินทางตามมาอย่างเจียมเนื้อเจียมตัว สายตาก็พยายามพิจารณาบีทอย่างละเอียดว่ามีอาการมึนเมาบ้างไหม เพราะเขาดื่มไวน์ไปค่อนข้างเยอะ

ถ้าบีทเมาแผ่นฟ้าก็คงแกล้งเนียนประคองอีกฝ่ายเข้าไปพักในห้องแล้วฉวยโอกาสนั้น “ค้าง” ที่นี่สักคืน แต่โชคร้ายที่ดูเหมือนว่าบีทจะไม่มีอาการแบบนั้น ชายหนุ่มแค่หน้าแดงเล็กน้อยสืบเนื่องมาจากระดับแอลกอฮอล์ในร่างกายที่สูงกว่าปกติ นอกนั้นไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปมาก ยังคงครองสติได้ดี เดินไม่เป๋ไปเป๋มา การพูดจาก็รู้เรื่องดีทุกอย่าง แผ่นฟ้าเลยไม่รู้จะหาข้ออ้างอะไร “อยู่ต่อ” ให้นานกว่านี้...

“ผมไปอาบน้ำละ” บีทบอกอย่างไม่ใส่ใจ อีกฝ่ายจะอยู่หรือไปก็แล้วแต่ส่วนตัวเขาขออาบน้ำก่อนอย่างแรก

“ครับ เอ่อ... เดี๋ยวผมเอาเสื้อผ้าเก็บให้แล้วกัน” แผ่นฟ้าอาสาพลางมองไปที่กระเป๋าเดินทางใบใหญ่

“ไม่ต้อง!! เดี๋ยวผมทำเอง” บีทปฏิเสธเสียงแข็ง ทำให้คนมีน้ำใจยิ้มเจื่อน

 “อ้อ... งั้นก็ตามสบาย ผมไปนะ” แผ่นฟ้าบอกเสียงหงอยๆ

บีทพยักหน้าเนือยๆ ส่วนอีกฝ่ายก็เดินอย่างเชื่องช้าไปที่ประตู เสมือนไม่อยากไปแต่ต้องไป...

บีทปรายตามองอย่างสมเพชเวทนา ทำไมเขาจะไม่รู้ล่ะว่าแผ่นฟ้าคิดอะไรอยู่... ใจจริงอยากอยู่แทบแย่ แต่ทำเป็นเล่นละครบทโศก บอกลาแล้วทอดสายตาอาลัยอาวรณ์ให้เขานึกสงสารล่ะสิ! เขาไม่หลงกลหรอก...

“อะฮึ่ม...” บีทกระแอมทีหนึ่ง ทำให้คนที่เดินเอื่อยๆ รั้งๆ รอๆ ให้อีกฝ่ายเรียกเขาหยุดขากะทันหันแล้วหันมามองอย่างมีความหวัง...

“หือ...”

“ฝันดีนะ”

รอยยิ้มหุบลงฉับ พร้อมกับร่างนั้นเดินคอตกจากไป

บีทเหยียดยิ้มมุมปากอย่างขบขัน อันที่จริงเขาก็ไม่ใช่คนใจร้ายใจดำอะไรนักหนา เพียงแค่หมั่นไส้การเล่นใหญ่ของอีกฝ่ายเท่านั้น “เรื่องนั้น” ก็ไม่ใช่ไม่เคยทำ แถมเขายังตกปากรับคำยอมเป็นคู่ขาแล้วด้วย... จนป่านนี้แล้วยังจะมาเกรงอกเกรงใจกันทำไมอีก? คิดว่าเขาเป็นสาวน้อยหวงเนื้อหวงตัวพวกนั้นหรือไง? ตอนที่เขาอยากให้อีกฝ่ายทำเขาเป็นฝ่ายลดศักดิ์ศรีร้องขอ แต่พออีกฝ่ายต้องการแล้วอยากหน้าบางเองเขาก็ช่วยอะไรไม่ได้...

เขายักไหล่ทีหนึ่งแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป โดยไม่คิดเลยว่าพอเดินออกมาจากห้องน้ำจะเจอ “คนหน้าบาง” อยู่ในชุดนอนกำลังแผ่หลานอนตีพุงอยู่บนเตียงเขาแล้ว สงสัยเขาจะสบประมาทหนังหน้าของแผ่นฟ้าเกินไปจริงๆ มันไม่ได้บางอย่างที่คิดสักหน่อย

“เอ้อ... คือว่านะ พอกลับห้องไปผมก็หารีโมตแอร์ไม่เจอขึ้นมา คุณเอ๊ย ร้อนก็ร้อนแถมหายใจไม่ออกอีก ผมกลัวเช้ามาจะซี้ม่องเท่งก็เลยลงมาขอนอนด้วยน่ะ คุณคงไม่ใจร้ายไล่ผมไปใช่ไหม?” แผ่นฟ้าพล่ามน้ำไหลไฟดับพร้อมส่งสายตาออดอ้อนอย่างน่ารักเป็นที่สุด...

“อ้อ...” บีทเปล่งเสียงออกมาได้แค่คำเดียว พยายามแทบตายไม่ได้ให้หัวเราะออกมา แต่ก็กลั้นยิ้มจนปวดกราม

นอกจากหน้าหนาแล้วยังโกหกหน้าตายอีกต่างหาก เชื่อเขาเลย...

“จะบอกว่าถ้าแอร์เปิดได้ตามปกติ คุณคงไม่อยากเฉียดมานี่เลยว่างั้น?” บีทเปรยเรียบๆ สองเท้าเดินไปที่เตียงเนิบนาบ ทำเอาใบหน้าเริงรื่นเมื่อครู่ของแผ่นฟ้าจืดเจื่อนลงทันที

“อะ...เอ่อ... ไม่ใช่อย่างงั้น...”

“แล้วยังไง? ถ้าแอร์ห้องนี้เสียก็คงหนีไปนอนห้องอื่นแทนสินะ อืม...” เสียงบีทฟังขุ่นเคืองขึ้นอีก ระหว่างที่แผ่นฟ้าอ้ำอึ้งนั้น... เขาก็เลิกผ้าห่มขึ้นสอดตัวที่มีเพียงผ้าขนหนูตัวหนึ่งพันรอบเอวขึ้นไปนอนบนเตียงแล้วตะแคงหันหลังให้แผ่นฟ้า ห่มผ้าหลับตาลงเหมือนไม่อยากเสวนาด้วยแล้ว

แผ่นฟ้านั่งอยู่กลางเตียงเหลียวมองไปทางบีท เห็นเพียงใบหน้าด้านข้างที่สะอาดสะอ้านหล่อเหลา ปลายผมดกดำเปียกชื้นเล็กน้อย เกิดความสงสัยขึ้นมาว่าเพราะวันนี้เขาบังคับพาอีกฝ่ายตะลอนเดินเที่ยวอยู่ทั้งวันจนอีกฝ่ายอ่อนเพลียจึงง่วงเร็ว หรือไม่พอใจเขาจึงทำเป็นแกล้งหลับกันแน่... แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม... ในระยะเวลาไม่ถึงนาทีต่อให้พยายามจะหลับก็คงหลับไม่สนิทไวขนาดนั้น

 แผ่นฟ้าเอนกายลงนอนตะแคงบ้าง แนบลำตัวสนิทแนบกับแผ่นหลังของอีกฝ่าย พลางโอบแขนกอดรั้งร่างบีทที่มีผ้าห่มคลุมไว้เข้ามาปะทะอก แนบหน้าลงที่กลุ่มผมนั้นพลางกระซิบแผ่วเบา

“ไม่หรอก... ต่อให้เปิดแอร์ได้ ผมก็คงปิดแอร์แล้วรีบลงมา เพราะว่ามันหนาวเกินไป อย่างน้อยถ้ามีใครสักคนให้กอดคงอุ่นขึ้นเยอะ... เอ้อ... หมายถึงถ้าได้กอดคุณก็คงดี”

บีทลืมตาขึ้นมา... แม้ไม่ส่งเสียงอะไรแต่ไหล่กลับห่อลงเพราะกลั้นหัวเราะ แผ่นฟ้าขยับตัวดึงไหล่อีกฝ่ายให้หันหน้ามา พบว่าใบหน้าบีทเหมือนทนไม่ไหวแล้ว

“คุณหัวเราะเยาะผมเหรอ?”

บีทยังคงยิ้มอยู่ไม่ตอบอะไร...

“คุณหายโกรธแล้ว?”

บีทก็ยังไม่ตอบ...

“หรือว่าคุณแกล้งงอนตั้งแต่แรกแล้ว?” คราวนี้บีทเหลือบตามองเขา แล้วทำเป็นเสตาหลบ  “จริงเหรอ? ผมนึกว่าคุณงอนจริงๆ ซะอีก” เขาทำเสียงน้อยอกน้อยใจ บีทนึกสงสารแผ่นฟ้านิดๆ ถ้าหากเขาแยกแยะระหว่างงอนจริงๆ กับแกล้งงอนไม่ออก ชีวิตคงลำบากแย่

“จะจริงหรือไม่จริง สุดท้ายแล้วถ้าง้อได้ตรงจุดมันก็จบสวยได้ แต่ถ้าขี้เกียจง้อก็อีกเรื่องนึง เพราะจากที่งอนเล่นๆ มันจะหลายเป็นโกรธจริงๆ ขึ้นมาทันที”

“ถ้างั้นต่อไปผมจะยอมง้อ ไม่ว่าคุณงอนจริงหรือเล่น ดีไหม?”

“เรื่องของคุณสิ” เขาตอบอย่างไม่ใส่ใจ

“งั้นก็แปลว่าดี...” แผ่นฟ้าสรุปง่ายๆ ด้วยน้ำเสียงร่าเริง เรียกให้บีทเหลียวไปมองหน้าเขาอีกครั้ง แผ่นฟ้าจ้องหน้าอีกฝ่ายอยู่ก่อนแล้ว ดังนั้นเมื่อบีทหันมาทั้งสองจึงประสานสายตากันชั่วครู่หนึ่ง บีทถูกสายตาคนตรงข้ามดึงดูด อาจจะเป็นเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่ยังตกค้างอยู่ก็ได้ จู่ๆ ใบหน้าก็พลันร้อนวูบวาบ

บีทกะพริบตาถี่พยายามขยับตัวจะเบี่ยงออก แต่เหมือนจะช้าไปกว่าคนด้านบนที่ไหวตัวทัน พลันจับหน้าเขาประคองไว้ไม่ให้หนี มิหนำซ้ำยังจับไปจูบกะทันหันเสมือนหมดสิ้นช่วงเวลาดูเชิงกันแล้ว...

บีทหลับตาแน่นระหว่างถูกบดเบียดริมฝีปากเข้าหาอย่างดุดัน พยายามตั้งสติตัวเองอีกครั้งไม่ให้ตื่นเต้นตกใจเกินเหตุ

ใจเย็นไว้... ถ้าอีกฝ่ายไม่ได้มีเซ็กซ์เลยตั้งครึ่งปีแล้วจริงๆ จะเก็บกดบ้างก็เป็นเรื่องธรรมดา จู่ๆ กลับมาลองของชอบที่ไม่ได้กินซะนาน จะติดใจจนยับยั้งอารมณ์ไว้ไม่อยู่ก็ไม่แปลกเหมือนกัน...

สิ่งที่ว่ามาทั้งหมดนั้น... มันใช่แผ่นฟ้าคนเดียวเสียเมื่อไรล่ะ? บีทก็หมดความอดทนแล้วเหมือนกัน หลังจากถูกบดขยี้ริมฝีปากอย่างรุนแรงอยู่ชั่วครู่... บีทก็พยายามเบียดปากเข้าสู้ พลางแทรกลิ้นเข้าหาสั่งสอนการจูบที่ลึกซึ้งและรู้สึกดีมากกว่าการใช้แต่แรงห้ำหั่น การจูบแปรเปลี่ยนไปในทิศทางที่ดีขึ้นนิดหนึ่ง ไม่ร้อนแรงเท่าเก่าแต่อ่อนหวานและดูดดื่มมากขึ้น คนบนเตียงดวลจูบกันพักใหญ่จนผ้าห่มกระจุยกระจายไปอีกทางหนึ่ง สองฝ่ายกอดรัดฟัดกันไปมาจนในที่สุดบีทเป็นฝ่ายพลิกแผ่นฟ้าลงไปอยู่ด้านล่างได้สำเร็จ...

สองฝ่ายถอนปากออกจากกัน แผ่นฟ้านอนหงายมองบีทที่นั่งคร่อมเขาอย่างเคลือบแคลงใจ เห็นอีกฝ่ายยังคงหายใจหอบเล็กน้อย มือเรียวขาวพยายามแกะกระดุมเสื้อนอนเขาออกอย่างเชื่องช้าจู่ๆ ก็กระชากถอดออกไปแค่ครึ่งแขน  แล้วโน้มหน้าเข้ามาใกล้ ดวงตาปรือปรอยที่กวาดมองร่างเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกบางอย่าง มันช่าง... เซ็กซี่เหลือเกิน!

“บีท...” แผ่นฟ้าครางชื่ออีกฝ่ายเบาๆ ความต้องการคล้ายพุ่งดันผืนผ้าขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่

บีทไม่ตอบ มีเพียงรอยยิ้มพึงพอใจ มือเรียวละจากเสื้อที่ถอดค้างๆ คาๆ ตวัดลากไล้ปลายนิ้วเรียวไปตามแผ่นอกของเขาอย่างยั่วยวน คนใต้ล่างจับมือบางนั้นลูบไล้เบาๆ อย่างเคลิบเคลิ้มกำลังจะดึงมือนั้นมาจูบ ทว่าอีกฝ่ายกลับขยับขาลุกหนีไปซะงั้น เขาลุกขึ้นนั่งมองตามอย่างฉงนสงสัย ก็เห็นอีกฝ่ายก้าวลงจากเตียงไปเปิดกระเป๋าเดินทางควานหาของ ชายหนุ่มจึงใช้เวลานั้นถอดเสื้อผ้าออกจนหมด ทำให้บีทที่หมุนกายกลับมาเจอชีเปลือยถึงกับผงะไปอึดใจหนึ่ง แต่ก็ตั้งสติได้อย่างรวดเร็ว เขาก้าวขึ้นเตียงแล้วโยนกล่องถุงยางให้คนบนเตียงกล่องนึง ส่วนตัวเองจัดการแกะขวดบางอย่างออกแล้วเทใส่มือตัวเอง

แผ่นฟ้าจ้องมองอีกฝ่ายยืนเข่า สอดมือเข้าไปใต้ผ้าขนหนู กำลังทำอะไรบางอย่างที่เขาพอจะจินตนาการได้ไม่ยาก เพียงแต่คงจะดีกว่ามากหากอีกฝ่ายยอมปลดผ้าที่บดบังทัศนวิสัยออกให้... แผ่นฟ้าจ้องเขม็งไปผ้าขนหนูที่ปกปิดกายอีกฝ่ายสลับกับใบหน้าขาวสะอาดที่มักนิ่งเฉยเย็นชาอยู่เป็นเนืองนิตย์ ทว่าบัดนี้แก้มขาวกลับเรื่อสีชมพู ริมฝีปากสวยมุมหนึ่งถูกกัดดึงลงไปเล็กน้อยเสมือนกำลังยั่วยวนให้เข้าหา... เพียงมองภาพที่ปลุกเร้าอารมณ์พวกนั้น ความเป็นชายก็คัดแข็งขึ้นมาอีกแล้ว...

เขาหันมาใส่ใจแกะกล่องถุงยางที่อีกฝ่ายส่งให้มือไม้สั่น... อันที่จริงของพวกนี้สมควรหาเองทั้งสิ้น แต่ก็นะ คนกำลังรักกำลังหลงนี่ต่อให้บอกว่าห้ามใช้ เขาก็อาจจะตามใจอีกฝ่ายก็เป็นได้...

ทว่า... ยังไม่ทันจัดการกับท่อนเนื้อแข็งขึงของตัวเองเสร็จดี คนที่ใช้ร่างกายเกือบเปลือยยั่วยวนเขาก็คืบใกล้เข้ามาแล้ว แผ่นอกถูกมือเย็นผลักเบาๆ ให้หงายท้องลงไปก่อนที่อีกฝ่ายจะตามขึ้นมานั่งคร่อมบนหน้าขา ท่อนเนื้อถูกสัมผัสรูดดึงไปมาจนเขานิ่วหน้า

ชายหนุ่มเบ้หน้าเมื่อจุดอ่อนของตัวเองถูกกุมไว้แน่น... เขาพบว่ามือของบีทนุ่มเหลือเกิน ปลายนิ้วค่อยๆ นวดคลึงเบาๆ แต่ยิ่งเร้าอารมณ์เหมือนรู้ดีไปหมดว่าควรกระตุ้นตรงไหนบ้างถึงจะทำให้เขารู้สึกดี ฝ่ายนั้นกระชับท่อนเนื้อแข็งขึงพลันใช้ปลายนิ้วโป้งถูไถปลายยอดไปมาจนด้านบนเริ่มฉ่ำเยิ้มขึ้นมาเล็กน้อยจากความต้องการที่มากขึ้น ก่อนจะค่อยขยับมือเร่งเร้าจนเขาเกร็งหน้าท้องไปหลายตลบ

“อย่า... อืม...เดี๋ยว...” เขาเอ่ยห้ามกระท่อนกระแท่น ความเสียดเสียวแล่นพล่านไปทั่ว ทว่าอีกฝ่ายไม่ยอมหยุด

“คราวที่แล้วผมวู่วามไปหน่อย คิดว่าคุณคงไม่โหดร้ายอะไรมาก ที่ไหนได้คุณทำเอาร่างผมแทบแหลก เพราะงั้นคราวนี้ก็ควรให้ผมเป็นฝ่ายควบคุมมันเอง...” บีทบอกออกมาเสียงจริงจัง

“อะไร... คราวที่แล้วมันแย่ขนาดนั้น?” แผ่นฟ้าโวยวายอย่างตระหนก เขาไม่เคยได้ยินใครวิพากษ์วิจารณ์เรื่องบนเตียงตรงไปตรงมาอย่างนี้มาก่อน

“ไม่ได้หมายถึงเทคนิค แต่หมายถึงการสะกดกลั้นอารมณ์ ผมไม่คิดจะแลกร่างกายที่ตัวเองดูแลอย่างดีกับเซ็กซ์ป่าเถื่อน ถ้าคุณไม่คิดจะทะนุถนอมมันให้ดีก็นอนเฉยๆ ไปซะ!”

แผ่นฟ้าอ้าปาก ไม่ค่อยเข้าใจอะไรนัก แค่ส่วนอ่อนไหวถูกสัมผัสก็ทำให้หูฝ้าตาลายไปหมดแล้ว ระหว่างที่อีกฝ่ายขยับมือเร็วขึ้นไปอีกระดับ เขาเกร็งสะโพก หลับตาลงซึมซับความหฤหรรษ์ที่อีกฝ่ายมอบให้อย่างเปี่ยมสุข ด้วยการปรนเปรออย่างชำนาญทำให้เขาถึงจุดนั้นอย่างรวดเร็ว...

เขาหอบเล็กน้อย ปรือตามองคนด้านบนหยิบเอาถุงยางที่เขาแกะซองไว้แล้วออกมาถือไว้ ทว่าเจ้าส่วนนั้นของเขา มันเหนื่อยล้าจนอ่อนนุ่มลงไปแล้ว...

“เอ้า!! รีบๆ แข็งขึ้นมาไวๆ คราวก่อนเห็นคุณแรงดีไม่มีตก คราวนี้ผมเลยตัดกำลังไปบ้างเท่านั้นเอง จะได้ไม่ต้องเหนื่อยเกินความจำเป็น ไม่ใช่คราวนี้หมดแรงข้าวต้มตั้งแต่ยกแรก?” บีทเอ่ยขึ้นมาหน้านิ่ง แต่น้ำเสียงเหมือนหยอกแซว อย่างสนิทสนม

“เฮอะ! ก็ใครทำให้มันเป็นแบบนั้น แน่จริงก็ปลุกมันขึ้นมาเองสิ” แผ่นฟ้าตอกกลับไปด้วยน้ำเสียงท้าทาย แต่นัยน์ตาเป็นประกายด้วยความคาดหวัง บีทเหลือบตามองเขานิ่งๆ ปรากฏรอยยิ้มบางๆ

“ไม่ต้องท้าผมก็ต้องทำอยู่แล้ว...  อย่าลืมว่าผมยังไม่ได้เสพสุข!!” บีทตอบกลับมาตรงๆ พร้อมรอยยิ้มยั่วเย้าอย่างมีเสน่ห์จนคนมองอดหลงใหลไม่ได้ ร่างกายก็พลอยเร่าร้อนขึ้นมาอีกแล้ว...

++++++++++


ต่อรีล่าง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-09-2017 16:45:41 โดย ๛ナーリバス๛ »

ออฟไลน์ ๛ナーリバス๛

  • ~~~๛NaaribuS๛~~~ ~ [TBL-081-588]
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1500
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +898/-26
    • NaaribuSS
บีทเพิ่งจะอายุสามสิบต้นๆ ที่จริงก็ไม่ได้มากมายอะไร แต่บางคราวก็คิดว่าตัวเองแก่แล้ว คงเพราะไม่ค่อยชอบออกกำลังจำพวกเวทฟิตกล้ามอย่างเกย์สมัยนี้ แต่มักเน้นไปทางเดินหรือวิ่งและทานอาหารถูกหลักอนามัย จะได้ไม่มีพุงจนดูน่าเกลียดและไม่อ่อนแอจนเกินไปเท่านั้นเอง แต่ขีดจำกัดของร่างกายก็น้อยตามไปด้วยเป็นเรื่องปกติ ดังนั้นการที่เห็นคู่นอนของตนมีสุขภาพแข็งแรงทำให้ชายหนุ่มอดชื่นชมไม่ได้

โดยเฉพาะหลังจากที่เขาส่งอีกฝ่ายขึ้นสวรรค์ไปเองกับมือด้วยแล้ว ถ้าหากตัวเองไม่ได้ลิ้มรสสักครั้งคงหงุดหงิดแย่... แต่นับเป็นโชคดีที่ของเล่นของเขายังใช้การได้อยู่ โดยไม่ต้องเหนื่อยแรงปลุกปั่นอะไรนักก็กลับมาคึกคักได้อีกอย่างรวดเร็ว เขายิ้มอย่างพึงพอใจ ขณะบรรจงสวมใส่ถุงยางลงบนส่วนนั้นอย่างเบามือ

อึดใจต่อมา บีทก็ค่อยๆ เคลื่อนกายให้เข้าที่เข้าทางพลางจับท่อนเนื้อในถุงยางตั้งขึ้น ค่อยกดสะโพกลงช้าๆ ช่องทางนั้นตระเตรียมไว้บ้างแล้วจึงนุ่มลื่นพอสมควร แต่ไม่ถึงกับลื่นพรืดจนรับเข้าไปได้ทั้งหมดในคราวเดียว... บีทนิ่วหน้าเล็กน้อยพยายามกดสะโพกลงอย่างเชื่องช้า แต่กลับไม่ทันใจคนใต้ล่าง จู่ๆ ฝ่ายนั้นก็ยกสะโพกสวนขึ้นมากะทันหันจนบีทร้องห้ามไม่ทัน

“อย่า... อึ๊ก...” เขาเปล่งเสียงออกมาเบาๆ เพราะเจ็บเสียดเล็กน้อย ส่วนนั้นบุกรุกเข้ามาได้เกือบครึ่งท่อนลำก็ค้างอยู่แค่นั้นมิหนำซ้ำยังถูกบีบรัดจนกลายเป็นคนด้านล่างพลอยเจ็บตามไปด้วย แผ่นฟ้าส่งเสียงครางในลำคอเบาๆ จนบีทขยับตัวถอนสะโพกขึ้นเล็กน้อย กดเสียงต่ำ “สม... บอกแล้วใช่ไหมให้อยู่เฉยๆ”

“ก็มัน...ซื้ด....” ท้ายประโยคเป็นเสียงสูดปากที่ฟังแล้วหยาบโลนจนบีทส่งสายตาเขียว

แผ่นฟ้าส่งยิ้มขอลุแก่โทษ มือใหญ่ยื่นมาลูบท่อนขาขาวใต้ผ้าขนหนูที่ถกร่นขึ้นไป ในขณะที่บีททำเป็นไม่ใส่ใจเขา ยังคงขยับหาท่วงท่าที่ถนัดสำหรับการสอดใส่ ไม่นานสะโพกสวยก็ลดระดับต่ำลงเรื่อยๆ จนครอบครองส่วนนั้นจนหมด บีทนั่งแช่อยู่บนตักแผ่นฟ้าพรูลมหายใจออกมาทีหนึ่ง เขาพริ้มตาลงแล้วพยายามปรับลมหายใจเพื่อทำให้ตัวเองผ่อนคลายลง ส่วนอีกคนกัดฟันกรอด ใบหน้าดูเหยเกเพราะความอดกลั้น...

ให้ตายสิ... เขาอยากจะขยับตัวแล้ว ทว่าเขากลัวโดนด่า เลยได้แต่บังคับบั้นท้ายไม่ให้ขยับ มีเพียงมือใหญ่ที่ยกขึ้นลูบไล้ยอดอกคนด้านบนอย่างซุกซนแทน

บีทปรือขึ้นกัดริมฝีปากอัตโนมัติแววตาที่ส่งออกไปไม่ปิดบังเลยว่ากำลังมีอารมณ์และค่อนข้างชอบ เพราะลมหายใจเริ่มขาดห้วง ช่องทางเริ่มบีบรัดจนแผ่นฟ้าเบ้หน้าอีกรอบ

“ถ้าคุณยังไม่ขยับ ตรงนั้นผมคงขาดไปก่อนแน่ๆ” คำพูดคำจาแบบนั้นทำให้ได้รับสายตาเขียวปั้ดทันที แต่บีทก็ทำตามคำขอนั้น เขาเริ่มขยับบั้นท้ายอย่างเชื่องช้าทว่าต่อเนื่อง สักพักก็เริ่มตั้งเข่าขึ้นมาข้างหนึ่งเพื่อพยุงตัวแล้วขยับสะโพกอีกครั้ง

แผ่นฟ้าเพิ่งตระหนักว่าคำว่า “เสพสุข” นี่มันไม่เกินไปเลยจริงๆ เพราะในระหว่างที่เขาถูกบังคับให้นอนนิ่งเหมือนตุ๊กตายาง จะขยับเล็กน้อยเพราะเมื่อยก็โดนจ้องตาเขียว ยกเว้นการลูบไล้ส่วนยอดอกที่เป็นข้อยกเว้น อีกฝ่ายกลับจับแก่นกายของเขาถอดเข้าถอดออกอยู่พักใหญ่ คล้ายกับกำลังหามุมที่ตัวเองชอบ ถ้าไม่ใช่ก็เปลี่ยนใหม่ จนผ้าขนหนูที่พันเอวไว้ตอนแรกมันเกะกะจนต้องปาทิ้งไปนานแล้ว...

หลังจากหามุมที่ดีที่สุดได้แล้ว บีทก็ตั้งหน้าตั้งตาขย่มไม่หยุด จนเขาก็ชักกลัวๆ ว่าอีกฝ่ายจะเมามันจนทำของเขาหักไปหรือเปล่า แต่ความกลัวมันก็ไม่เท่าความหื่นอยู่ดี เพราะเมื่อส่วนที่รุ่มร้อนนั่นถูกโอบรัดอย่างแน่นหนา ถูกเสียดสีอย่างต่อเนื่องไม่หยุด เขาก็เกร็งจนขาสั่นส่งเสียงครางอย่างไม่อายออกมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า... อดคิดไม่ได้ว่าถ้าไม่ถูกรีดน้ำออกไปแล้วหนึ่งรอบ มีหวังได้ปลดปล่อยออกมาตั้งนานแล้ว คิดไปคิดมาก็เริ่มนึกสงสัยขึ้นมาแล้วว่า เพราะบีทกลัวว่าของเขาจะเหี่ยวไปตั้งแต่นกกะจอกยังไม่ได้กินน้ำหรือเปล่าถึงจงใจจัดการเขาไปก่อน เพราะดูจากเอวที่ร่อนขึ้นลงบนร่างเขาตอนนี้แล้ว ที่บอกว่ากลัวตัวเองจะเหนื่อยมากไปเหมือนเป็นคำโกหกทั้งเพ!

อย่างไรก็ดี... หลังจากแผ่นฟ้าสมมุติตัวเองให้กลายเป็นดิลโด้มีชีวิตให้บีทใช้งานอย่างถวายหัว ฝ่ายหลังก็ตักตวงอย่างไม่เกรงอกเกรงใจจนร่างนั้นเกร็งกระตุกปลดปล่อยหยดหยาดแห่งปรารถนาออกมาเสียที เขาที่เกร็งหน้าท้องแทบตาย ทั้งอดกลั้น ทั้งภาวนาไม่ให้ตัวเองถึงก่อนถึงกับโล่งอกเลยทีเดียว

เพราะร่างกายผู้ชายนั้นซื่อตรง ถึงจริงเปล่าก็มีหลักฐานพิสูจน์ได้ บีทไม่ได้ใส่ถุงยางให้ตัวเอง น้ำเชื้อที่หลั่งออกมาจึงเนืองนองอยู่บนหน้าท้องของแผ่นฟ้า ไม่นับรวมกับปฏิกิริยาภายนอกทั้งหลายแหล่ที่ชัดเจน ถึงกระนั้นสะโพกที่ขยับก็ไม่หยุดลงซะทีเดียวกลับยังขยับเนิบนาบ

“ไม่เหนื่อยหรือไง?” แผ่นฟ้าถามเสียงกระเซ้า หูยังได้ยินเสียงหอบหายใจเหมือนอีกฝ่ายเพิ่งออกจากลู่วิ่ง

“เหนื่อยสิ... แต่ยังอยากได้อีก...” บีทตอบเสียงเบาผสมลมหายใจหอบเหนื่อย แผ่นฟ้าละทึ่ง!

“คุณพักก่อนก็ได้... ผมรับช่วงต่อเอง...”

“แต่...” บีทมีสีหน้าลังเล แต่แผ่นฟ้าไม่อยากฟังแล้ว เขาจับแขนบีทให้โน้มตัวลงมา แล้วผงกศีรษะขึ้นจูบปากบีททีหนึ่งเพื่อห้ามเสียงอีกฝ่าย สองร่างพลิกสลับตำแหน่งกันในเสี้ยววินาทีทั้งที่ส่วนนั้นยังเชื่อมต่อกันอยู่

“ผมชอบนะที่คุณโยกตัวอยู่บนตัวผม แต่ที่ผมไม่ยอมให้คุณอยู่ตลอดก็เพราะไม่อยากกินแรงคุณ เราสลับกันออกแรงได้นี่”

บีทเริ่มรู้สึกว่าแผ่นฟ้าปากหวานขึ้นเรื่อยๆ ถึงจะเข้าใจว่าก็แค่คารมที่เชื่อไม่ได้ แต่เพราะเขากำลังเหนื่อยอยู่เลยไม่รังเกียจถ้าอีกฝ่ายจะช่วยทุ่นแรง

“ก็ได้...”

หลังคำอนุญาตแผ่นฟ้าก็ถือวิสาสะยกขาข้างหนึ่งของบีทขึ้นพาดบ่าตัวเองทันที

“เมื่อยก็บอกนะ” เขาบอกก่อนจะจูบปากบีทอีกทีหนึ่ง ไม่ลืมดูดดึงริมฝีปากล่างขึ้นมาอย่างมันเขี้ยว ส่วนล่างเริ่มขยับเนิบนาบ

“ถ้าเมื่อยแล้วมันดี... ผมก็ทนได้นะ” บีทตอบพร้อมส่งสายตาท้าทาย เสมือนกระตุ้นเลือดในกายชายหนุ่มให้ฉีดพล่าน ความเนิบนาบตอนเริ่มต้นจึงเพิ่มระดับเป็นรุนแรงดุดันเหมือนคนเก็บกดจนบีทอดไม่ไหวจิกเล็บลงบนไหล่อีกฝ่ายเป็นการปราม ทว่าแผ่นฟ้าไม่สนใจแล้ว เขากำลังเร่งสะโพกถี่ขึ้นเพื่อเติมเต็มความต้องการของตัวเองอย่างสุดชีวิต...

ฝ่ายบีทพอได้ระบายอารมณ์ออกมาบ้างก็คล้ายไม่สนใจแล้วเหมือนกันว่าจะเจ็บหรือเมื่อยแค่ไหน ยอมปล่อยให้อีกฝ่ายชักนำไปตามต้องการ

ก็บอกแล้วไง ว่าถ้ามันดี เขาก็ทนได้...

​+++++++++++++++++++++++++++

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ aukuzt

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 107
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
บีทแซ่บมาก แผ่นฟ้าจะหลงไปไหนเนี่ย

ออฟไลน์ ๛ナーリバス๛

  • ~~~๛NaaribuS๛~~~ ~ [TBL-081-588]
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1500
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +898/-26
    • NaaribuSS
-13-

เพราะอาชีพของบีททำงานไม่ตรงเวลา เขาจึงตื่นไม่ตรงเวลามาแต่ไหนแต่ไรแล้ว จนสายโด่งก็ยังไม่มีวี่แววจะตื่น ส่วนคนร่วมเตียงที่ควรจะตื่นแต่เช้าตรู่ แต่เพราะไม่ได้หยิบมือถือลงมาจึงไม่มีอะไรช่วยปลุก ประกอบกับใช้แรงไปมาก ทำให้ตื่นสายตามไปด้วย

แผ่นฟ้าลืมตาขึ้นอย่างงัวเงีย  หันไปมองข้างกายพบว่าบีทหลับตาพริ้มซุกตัวอยู่ในผ้าห่มอย่างเปี่ยมสุข เขาโน้มหน้าลงแนบปากลงที่หน้าผากบีทเบาๆ แล้วจึงค่อยขยับตัวลงจากเตียงอย่างแผ่วเบาที่สุดเพราะไม่อยากรบกวนคนหลับ หารู้ไม่ว่าแค่เขาขยับตัวลุกขึ้นก้มลงจุมพิตก็ทำให้บีทตื่นเสียแล้ว

บีทพยายามหยัดกายลุกขึ้น หมุนคออย่างขี้เกียจ ใจหนึ่งก็อยากหลับต่อแต่ตั้งใจว่าจะติดรถแผ่นฟ้าตามไปบริษัทด้วยเลยสั่งตัวเองให้ลุกไปอาบน้ำ แต่ทั้งที่ตื่นเกือบพร้อมกันแท้ๆ บีทกลับออกมาไม่ทันแผ่นฟ้าเสียได้ ฝ่ายนั้นอาบน้ำแต่งตัวไว หลังจากได้ขนมปังปิ้งคู่หนึ่งกับดื่มกาแฟไปหนึ่งแก้วก็รีบร้อนออกไปทันที

บีทที่รีบแทบตายแต่ก็ยังออกมาไม่ทันได้แต่ทอดถอนใจเซ็งๆ แต่ในเมื่อไม่ทันแล้วยังไงก็ต้องไปเองอยู่ดี เขาจึงนั่งลงที่โต๊ะอาหารละเลียดกินข้าวต้มกุ้งระหว่างอ่านหนังสือพิมพ์อย่างไม่รีบร้อน

ฝ่ายคนรับใช้สองคนยืนรอเจ้านาย “คนใหม่” กินข้าวเช้าอยู่ก็เกิดสังเกตเห็นสิ่งผิดปกติขึ้นมา เลยถามด้วยความเป็นห่วง  “คุณบีทอยากได้แซมบัคไหมคะ เดี๋ยวนวลไปเอามาให้”

บีทชะงักเงยหน้าจากข้าวต้มงงๆ “เอามาทำอะไร?”

“เห็นคอแดงๆ น่ะค่ะ เป็นลมพิษหรือโดนแมลงกัดหรือเปล่า?”

บีทชะงักไปอึดใจ รีบเอามือตะปบคอทันที นึกรู้ว่าเป็นรอยอะไร ได้แต่ยิ้มขืนให้อีกฝ่าย “ไม่เป็นไรหรอก แค่ยุงกัดน่ะ”

“เอ๊ะ ยุง? ถ้าเป็นยุงจริงๆ ดูท่าจะตัวใหญ่นะคะ”

“อื้อ... ใหญ่เบ้อเริ่มเลยแหละ! ”

ระหว่างที่คนในห้องอาหารคุยกัน ยุงที่กำลังขับรถไปบริษัทก็จามออกมาชุดใหญ่!

++++++++++

ถึงตอนนี้จะใกล้สิ้นปีเต็มทนแล้ว แต่อากาศเมืองไทย ฤดูไหนอากาศก็ไม่แตกต่างกันมากนักคือร้อนอยู่วันยังค่ำ ดังนั้นบีทจึงโยนผ้าพันคอที่เพิ่งลองพันเมื่อครู่ทิ้งอย่างไม่ไยดี ยิ่งใช้ยิ่งเด่นสิไม่ว่า ชายหนุ่มใช้เวลาพักใหญ่กว่าจะเลือกเสื้อกันหนาวคอเต่าได้ตัวหนึ่ง ถึงเขาจะไม่ได้ขี้หนาวอะไรนัก แต่คงต้องทนใส่อย่างเลี่ยงไม่ได้ ไม่อย่างนั้นคงได้มีคนจ้องคอเขาจนไม่เป็นอันทำอะไรทั้งวันแน่

รถไม่ติดมาก ไม่นานก็มาถึงที่หมาย บีทกดลิฟต์ขึ้นไปยังชั้นที่ต้องการโดยไม่แวะไปหาแผ่นฟ้าก่อน ไม่กี่วันก่อนเพิ่งมีเรื่องแท้ๆ แต่วันนี้ชายหนุ่มกลับผลักประตูกระจกเข้ามาในสำนักงานเสมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ตอนนี้ไม่ใช่เวลาพัก ดังนั้นพนักงานส่วนใหญ่จึงอยู่กันครบ ครั้นผู้มาใหม่ก้าวเท้าเข้ามา เสียงจ้อกแจ้กจอแจในตอนแรกดูสงบเงียบลงกะทันหัน  บีทมองไปทั่วห้องตามปกติ เมื่อไม่พบคู่กรณีสองคนที่เคยมีเรื่องด้วยก็ไม่ได้คิดอะไร ทว่ากลับแคลงใจกับดวงตาคู่อื่นที่มองมา บางคู่รีบหลบตา แล้วหันไปใส่ใจงานของตัวเองจนดูแข็งขันกว่าปกติ  บางคนก็ทำสีหน้ากลัวๆ จนบีทขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ บังเอิญเขาเหลือบไปเห็นพนักงานที่พอจะคุ้นเคยอยู่บ้างจึงตรงลิ่วเข้าไปหา แล้วหย่อนก้นลงนั่งที่เก้าอี้ด้านหน้า ทำเป็นไม่ใส่ใจสายตาคู่อื่นที่มองมา

“เจอก็ดีละ ขอดูตารางเดือนหน้าหน่อยสิ” บีทบอกอย่างไม่มีพิธีรีตองมากนัก อันที่จริงเป็นงานที่ทำเองได้ แต่วานคนอื่นทำย่อมง่ายกว่า โดยเฉพาะเบ๊ประจำแผนกอย่างบัวแล้ว ใครขอให้ช่วยอะไรมักจะไม่ค่อยมีปากเสียง สำหรับบีทที่ไม่ชอบติดหนี้บุญคุณใครจึงมักจะตอบแทนด้วยการซื้อของมากฝากเป็นการขอบคุณแทน

“แป๊บนะคะ” หญิงสาวตอบกลับแล้วหันไปเคาะแป้นพิมพ์ ไม่นานก็ได้ตารางทัวร์ของเดือนหน้ามาจนได้

บีทก้มดูตารางงานที่คล้ายจะเบาบางลงแล้วคิ้วก็ขมวดยุ่ง

“นี่ก็ใกล้จะสิ้นปีแล้ว ปกติทัวร์จะแน่นไม่ใช่เหรอ? แต่ทำไมงานผมน้อยจัง วันหยุดก็เยอะ”

คนฟังยิ้มเจื่อน ทำหน้าเหมือนตัวเองทำความผิดอะไรบางอย่าง ตอบไม่เต็มเสียงนัก “เอ่อ... อันนี้บัวก็ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ คงต้องไปถามผู้จัดการ”

“ช่างเถอะ  แค่นี้ก็แค่นี้... ปรินต์กำหนดการแต่ละทัวร์กับรายชื่อลูกทัวร์ให้ผมด้วยได้ไหม?”

“ได้ค่ะ สักครู่นะคะ” หญิงสาวรับคำแล้วทำงานให้อย่างเร่งรีบ บีทคว้าโบรชัวร์บนโต๊ะมาใบหนึ่งแล้วก้มหน้าอ่านระหว่างรอ

จู่ๆ ก็มีใครบางคนยืนข้างเก้าอี้

“บัว... งานที่พี่สั่งน่ะได้หรือยัง ผู้การเร่งแล้ว...” บีทหันไปมองด้านข้างก็พบว่าเป็นเลขาผู้จัดการ เพราะเพิ่งเดินออกมาจากห้องทำงานผู้จัดการเลยไม่สังเกตเห็นเขา

               “เอ่อ สักครู่นะคะ เดี๋ยวจะเร่งให้ค่ะ” บัวตอบกลับเศร้าๆ พลางเหลือบตามองคนที่นั่งตรงข้ามอย่างเกรงใจ

                บีทเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าตั้งแต่มาก็ไม่ได้ถามเลยว่าอีกฝ่ายยุ่งอยู่หรือเปล่า เลยบอกนิ่มๆ “ทำงานของตัวเองก่อนเลย ผมไม่รีบ”

                “ค่ะ” บัวรับคำ รอยยิ้มคลี่ออกอย่างดีใจ ทว่าคนที่รีบเมื่อครู่พอเห็นบีทก็หน้าเผือดสีรีบเปลี่ยนคำกะทันหัน

                “อ้าว ทำงานให้คุณบีทอยู่เหรอ แล้วก็ไม่บอก บัวทำให้คุณบีทก่อนเลย ผู้จัดการไม่รีบหรอก”

                บีทหันไปมองคนข้างๆ ด้วยสายตางงวย แล้วก็พบรอยยิ้มแหยๆ ดูตลกสิ้นดี อึดใจต่อมาเธอก็หันไปบอกบัวอีกครั้ง “บัวทำงานให้คุณบีทไปนะ เอาเป็นว่างานที่พี่วานน่ะไม่ต้องละ เดี๋ยวพี่ทำเองดีกว่า”

                ว่าจบคุณเลขาก็หันมายิ้มเฝื่อนให้บีทอีกหนึ่งรอบก่อนจะหมุนตัวกลับไปหงอยๆ บีทมองตามอย่างไม่เข้าใจ จนต้องเปรยออกมา

                “เขาเป็นอะไรของเขาน่ะ”

                “....”

                พอไร้คำตอบบีทก็หันมาจ้องหน้าบัวอีกรอบ เธออึกอักอยู่ครู่ใหญ่แต่สุดท้ายก็ยอมเล่าให้ฟัง ความว่าหลังจากที่เขามีเรื่องกับพนักงานในแผนก วันต่อมาโจทก์ทั้งสองคนก็ถูกสั่งย้ายทันที ความจริงเป็นอย่างไรไม่รู้แต่สิ่งที่เล่ากันคือเพราะมีเรื่องกับเขาเลยโดนเล่นงาน

                บีทร้องอ๋อออกมา เข้าใจถ่องแท้แล้วว่าทำไมสายตาใครต่อใครเวลามองเขามันดูกลัวๆ ขนาดเลขาผู้จัดการที่ว่าขี้เหวี่ยง หันมาเจอเขายังหงอลงทันตา นางคงกลัวเขาจะไปเป่าหูท่านประธานแล้วจะโดนเด้งตามสองคนแรกไปนั่นเอง

                บีทถอนใจปลงๆ หันมาบอกบัวว่าเขาจะขึ้นไปชั้นบนก่อน เดี๋ยวจะลงมาเอางาน หญิงสาวตอบรับแล้วขอบคุณเขา บีทหัวเราะแล้วบอกว่าเขาต่างหากที่ต้องขอบคุณ ว่าแล้วยิ้มบางให้ก่อนจะเดินออกไป บัวยิ้มมองตามเขา จะไม่ขอบคุณขายหนุ่มได้อย่างไรล่ะ? ก็งานที่ต้องปรินต์ให้บีทเป็นแค่ข้อมูลเกี่ยวกับทัวร์ที่มีอยู่แล้ว สั่งพิมพ์ไม่นานเสร็จ แต่งานที่ถูกยกเลิกไปเมื่อครู่ต่างหากที่ยากกว่ากันตั้งเยอะ

 '

บีทเข้าไปในห้องประธานด้วยสีหน้าเคร่งเครียดผิดกับเจ้าของห้องที่เงยหน้าขึ้นมาพร้อมรอยยิ้มอบอุ่นแล้วถามอย่างเอาใจ

“ทำไมไม่บอกล่ะว่าจะมา จะได้รอมาพร้อมกัน”

“คุณอยู่รอให้บอกไหมล่ะ? พอผมเดินออกมาคุณก็ออกไปแล้ว”

“แล้วมีเวลาทั้งคืนน่ะ ทำไมไม่บอกล่ะ?” แผ่นฟ้าส่งสายตากรุ้มกริ่ม เหมือนอยากทำให้อีกฝ่ายเขิน แต่กลับเจอแต่ดวงตาคมที่ตวัดมาเชือดเฉือน

“มันใช่เวลามาคุยเรื่องไม่สำคัญไหมล่ะ?” บีทตอบไว้ท่า ค่อยๆ หย่อนสะโพกลงหน้าโต๊ะทำงาน

แผ่นฟ้ามองอีกฝ่ายอย่างหลงใหล ยิ้มทั้งปากและตาอย่างอารมณ์ดี

“ว่าแต่คุณมาทำอะไร?”

“ก็ใครบางคนบอกจะปรินต์อะไรให้ผมแล้วก็ไม่ทำ ผมก็เลยต้องมาทำเองน่ะสิ”

“อ๋อ... ทำแล้วนี่ไง” แผ่นฟ้าตอบ พลางยื่นกระดาษบนโต๊ะทำงานส่งให้ “ของเก่ามันแน่นไปหน่อย ผมเลยขยับให้ใหม่”

“อ๋อ... ที่แท้ก็คุณนี่เอง ตารางงานผมถึงว่างโล่งขนาดนี้ ผมทำอะไรให้คุณไม่พอใจหรือไงถึงต้องมาตัดทางทำมาหากินกันแบบนี้เนี่ย”

“อะไร? ผมกลัวคุณเหนื่อยต่างหาก บ้านก็ไม่ต้องเช่า ข้าวก็ไม่ต้องซื้อ คุณยังจะทำงานหนักไปทำไมนักล่ะ”

“ก็ต้องกินต้องใช้ ต้องเก็บอยู่ดีนั่นแหละ” บีทเถียงอ้อมแอ้ม

“เดี๋ยวผมให้พ็อกเกตมันนี่ต่างหากแทนแล้วกัน ขอร้องละ... ช่วยอยู่บ้านให้นานๆ หน่อยเถอะ” ชายหนุ่มบอกพร้อมส่งสายตาเว้าวอน ทว่าคนฟังไม่คล้อยตาม

“ถ้าอยู่นานแล้วเป็นแบบเมื่อคืนก็ไม่ไหวนะ คุณเห็นผมเป็นเด็กวัยรุ่นอายุสิบเจ็ดสิบแปดหรือไง ถึงได้หักโหมเหมือนจะตายวันตายพรุ่ง กลัวไม่ได้ทำหรือไง?”

“อ้าว... ก็คุณบอกเองว่าให้ผมทำได้จนกว่าถุงยางจะหมด ผมก็ไม่ได้ทำเกินนี่”

บีทหันไปมองหน้าอ้าปากจะเถียงแต่ก็เถียงไม่ออก  ได้แต่ถอนใจระอา ทั้งคู่เงียบไปอึดใจก่อนที่บีทจะนึกบทสนทนาขึ้นได้ใหม่ “จริงสิ... นี่คุณสั่งย้ายสองคนนั้นจริงเหรอ?”

“อ้อ... จริง ทำไมเหรอ?”

“ผมต่างหากที่ต้องถาม...ว่าทำไม” บีทย้อน

“เอ้า... ก็ผมบอกแล้วนี่ว่าจะเคลียร์คนให้คุณ ผมก็แค่ทำตามที่พูดเท่านั้นเอง” แผ่นฟ้าตอบกลับยิ้มๆ

“ก็แค่ทะเลาะกันนิดหน่อย คุณจำเป็นต้องย้ายเขาเลยเหรอ?”

“ทำไม? ใจอ่อน? สงสาร?”

“ผมเป็นคนแบบนั้นหรือไง?”

“นั่นน่ะสิ คนอย่างคุณน่ะ ดีมาดีกลับ ร้ายมาร้ายกลับ...ไม่โกงอยู่แล้วนี่ จะมาขอร้องให้คนที่มีเรื่องด้วยผมนี่ผมคงหูฝาดไปแน่ๆ” แผ่นฟ้าพูดตรงๆ ไม่อ้อมค้อม

“ใช่.. ผมไม่ขอร้องแทนใครทั้งนั้นแหละ ก็แค่รู้สึกว่าคุณทำแบบนี้จะทำให้คนอื่นไม่พอใจ แล้วก็มองว่าคุณใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบ”

“มิชอบตรงไหน? ผมก็ทำถูกทุกอย่างผมเป็นประธาน จะรับคนเข้า ไล่คนออก ย้ายใครไปไหนมีสิทธ์ทั้งนั้น คนมีอำนาจถ้าไม่ใช้แล้วจะมีไปทำไม”

“แต่ใช้เพราะผม?”

“มันจำเป็นนี่... ในเมื่อเจอกันแล้วทะเลาะกันจะทนกันทำไม คุณเป็นไกด์จะย้ายคุณไปแผนกอื่นก็ไม่ได้ งั้นย้ายสองคนนั้นแทนก็ดีแล้วนี่ แค่ย้ายไปทำงานแผนกอื่นจะลำบากแค่ไหนกันเชียว ไม่ได้ไล่ออกซะหน่อย”

“แค่ทะเลาะกับผมก็โดนย้ายแล้วเหรอ? ต่อไปถ้าผมมีปัญหากับใครคุณจะมาคอยจัดการให้ตลอด หรือถ้ามีคนนินทา คุณก็จะเล่นงานทุกคนเลยหรือไง”

“ถ้าต้องขนาดนั้นผมย้ายตัวเองออกไปไม่ง่ายกว่าหรือไง?”

“ก็นั่นน่ะสิ ผมถึงคิดว่าคุณทำเกินไป”

“ไม่เกินไปหรอก ถ้ามัวแต่เฉยต่อไปมันจะยิ่งกว่านี้ก็ได้ ผมถึงต้องเชือดไก่ให้ลิงดูซะก่อน ในเมื่อผมจัดการคนจำนวนมากไม่ได้ ผมก็ต้องขู่ให้พวกเขากลัว ทั้งง่ายแล้วได้ผลที่สุดแล้วจริงไหม? ถ้าคนรู้ว่าคุณมีผมเป็นแบ็ก ต่อไปก็ไม่มีใครกล้ามีเรื่องกับคุณอีก”

“ผมไม่ได้อ่อนแอถึงขนาดที่คุณต้องมาปกป้องสักหน่อย...”

“ทำไมล่ะ? ผมอยากปกป้องคนเข้มแข็งบ้างไม่ได้เหรอ?”

“แล้วคุณจะได้อะไร?”

“นั่นสิ จะได้อะไร? มันเจ๋งพอจะได้ใจคุณไหมล่ะ ฮึ” แผ่นฟ้าหันมาถามทีเล่นทีจริง

บีทขมวดคิ้วแล้วยกมุมปาก “ถ้าคิดว่าทำเรื่องง่ายๆ แค่นี้แล้วจะได้หัวใจผม ดูเหมือนคุณจะหวังสูงไปหน่อย”

“หึๆ ไม่เป็นไร อย่างน้อยผมก็ยังมีหวัง...” แผ่นฟ้าตอบพร้อมรอยยิ้มแบบเดิม

บีทเม้มปากแล้วบอกอย่างจริงจัง “อันที่จริงคุณไม่จำเป็นต้องลงทุนขนาดนี้เลย ไม่เห็นจะคุ้ม”

“ทำไม? คุณคิดว่าตัวเองไม่มีค่าพอให้ผมลงทุน? ให้ตายเถอะ คุณก็ถ่อมตัวเป็นด้วยเหรอเนี่ย” แผ่นฟ้าแกล้งทำสีหน้าตกใจ ทำให้อีกฝ่ายชักสีหน้าฉุนเฉียว

“แน่นอน... ผมย่อมคิดว่าตัวเองมีคุณค่ามากพออยู่แล้ว แต่คนอื่นก็คงไม่คิดอย่างนั้น” บีทตอบกลับมาอย่างใส่อารมณ์ ไม่รู้ทำไมเขาเห็นรอยยิ้มสบายๆ ของอีกฝ่ายแล้วกลับยิ่งร้อนรน

“แล้วทำไมผมต้องแคร์คนอื่นด้วยล่ะ? ผมแคร์แค่คุณไม่ได้เหรอ?” แผ่นฟ้าถามพร้อมรอยยิ้มขี้เล่น

บีทใช้สองมือตบโต๊ะโน้มหน้าลงมาจ้องตาอีกฝ่าย “เลิกเล่นลิ้นสักที ผมซีเรียสนะ”

“ผมก็ซีเรียส...” แผ่นฟ้าตอบรับเสียงนุ่ม ขยับเก้ากี้เลื่อนเข้ามาเล็กน้อยยื่นมือหนากุมมือที่วางบนโต๊ะแล้วลูบเบาๆ “...ว่าเมื่อไรคุณจะเข้าใจสักที ว่าผมไม่คิดจะสนใจสายตาคนอื่น คุณมีค่ามากแค่ไหนมีแต่ผมเท่านั้นที่รู้ สิ่งที่ผมลงทุนลงไปคุ้มค่าไหม ก็มีแต่ผมเท่านั้นที่มีสิทธิ์ตัดสินใจ บีท...ผม...ผมร...”

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

แผ่นฟ้าสูดปาก หงุดหงิดแทบแย่ที่ถูกเสียงนั้นขัดจังหวะ เขาส่งสายตาฉุนเฉียวไปทางประตูทันทีที่มันถูกเปิดออก วินาทีนั้นเองแววตาโมโหเปลี่ยนเป็นแปลกใจจนตาค้าง แววตาไหวระริกขึ้นแวบหนึ่ง

 บีทที่เห็นสีหน้าของแผ่นฟ้าก็พลอยกังวลขึ้นมา ในหัวจินตนาการว่าผู้มาเยือนอาจจะเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ในบริษัทสักคน ที่แย่ที่สุดอาจจะเป็นพ่อของแผ่นฟ้าเลยก็ได้ เขาทำใจครู่หนึ่งก่อนจะพลิกกายหันไปมองแต่กลับพบคนที่ไม่คาดคิดเลยว่าจะได้เจออีก

“....อิฐ?”

“ขอโทษ... ผมมารบกวนหรือเปล่า?”

++++++++++++++++


ออฟไลน์ ♀♥♀DearigA♂♥♂

  • ♥kacha♥
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 227
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
 :mew5: :mew5:

ออฟไลน์ ๛ナーリバス๛

  • ~~~๛NaaribuS๛~~~ ~ [TBL-081-588]
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1500
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +898/-26
    • NaaribuSS
-14-

รบกวนหรือเปล่า?

หึ! แผ่นฟ้าอยากจะตอบกลับไปทันทีว่าโคตรรบกวน ทว่าอารมณ์ฉุนเฉียวเดือดดาลมันน้อยกว่าความฉงนสงสัย เขาปั้นหน้าจริงจังผิดกับบุคลิกปกติที่ทั้งกวนประสาทและขี้เล่นขณะถามออกไปว่า “พี่มาทำไมเหรอ?”

กลับเป็นอิฐเสียอีกที่ยิ้มกวนๆ แล้วตอบกลับ

“นี่อย่าลืมสิ ต่อให้ฉันไม่ได้มีตำแหน่งอะไรแล้ว แต่ก็ยังเป็นผู้ถือหุ้นสูงสุดของบริษัทอยู่ดี จะมาเยี่ยมดูบ้างมันแปลกหรือไง?”

ถ้าแผ่นฟ้าไม่ใช่คนคิดมากก็คงยอมเชื่อง่ายๆ อยู่หรอก แต่บังเอิญเขามันคนขี้ระแวงเลยยังกังขาอยู่ว่าอีกฝ่ายแค่มาเยี่ยมดูเฉยๆ จริงหรือเปล่า... แต่ถึงจะเชื่อหรือไม่ก็ตามเขาก็ทำอะไรไม่ได้มากอยู่ดี เลยเปลี่ยนเรื่องเสีย

“แล้ว... หายดีแล้วเหรอ?” เขาถามสั้นๆ แต่คำพูดแค่นี้ก็พอจะทำให้ทั้งสามคนในห้องเข้าใจดีแล้วว่าหมายถึงอะไร

แววตาของอิฐขุ่นมัวเล็กน้อยก่อนจะตอบอย่างไว้ท่าตามบุคลิกของเขา “อืม”

แผ่นฟ้าเหลือบตามองบีท ก็เห็นเพียงแผ่นหลังตั้งตรงของเขา ทั้งๆ ที่รู้ดีว่าคำถามของตัวเองอาจจะทิ่มตำใจของอีกฝ่ายไปบ้าง แต่เขาก็ทำเพราะความหวังดี... ไม่สิ เขาก็แค่ทำไปเพื่อตัวเองเท่านั้นแหละ

ชายหนุ่มแค่อยากเตือนบีท ว่าจงอย่าลืม ว่าเพราะอะไรเขาถึงยอมกดตัวลงถึงจุดที่ต่ำที่สุด และเขาได้ตัดสินใจตัดอีกฝ่ายไปแล้ว ไม่ว่ายังไง ก็ห้ามกลับไปอีก

บีทพลิกตัวกลับมาหาแผ่นฟ้า บอกง่ายๆ ว่า “ผมกลับก่อนนะ”       

แผ่นฟ้ามองสบตาอีกฝ่าย มองหาเค้ารางความหวั่นไหว แน่นอนว่าต้องสังเกตเห็นแววตาที่หม่นเศร้ากว่าปกติ แต่เพราะบีทเป็นคนเข้มแข็ง ต่อให้รู้สึกอ่อนไหวเพียงไร ก็ได้แต่เก็บกดไว้แค่ในใจเท่านั้น

“ครับ” แผ่นฟ้าตอบรับสั้นๆ พยายามส่งยิ้มให้กำลังใจแต่เหมือนอีกฝ่ายจะไม่สนใจมอง

บีทหลุบตาลงแล้วหมุนตัวเดินสวนกับอิฐโดยไม่ยอมมองหน้า

“ผมมีเรื่องอยากคุยด้วย” อิฐบอกเสียงเบาราวกระซิบ

“แต่ผมไม่มี” บีทตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชาไม่ยอมหยุดเท้าที่ก้าวต่อ จนอิฐต้องเป็นฝ่ายเอี้ยวตัวแล้วเกี่ยวข้อมืออีกฝ่ายไว้แทน บีทชะงักเท้าแล้วชักสีหน้าใส่ ดวงตาคมดุจ้องมองอีกฝ่ายเขม็ง พยายามขืนมือออกอย่างเงียบงันทว่าไม่สำเร็จ

แผ่นฟ้าที่มองเห็นสถานการณ์แปลกๆ ตรงหน้าจึงเข้ามาแยกทั้งคู่ออกจากกัน บีทยังคงยืนที่เดิมแสร้งทำเป็นสะบัดข้อมือเล็กน้อย

“ไหนว่าแค่มาเยี่ยมชมเฉยๆ ไง” แผ่นฟ้าทักท้วง

“ตอนแรกน่ะใช่ แต่ตอนนี้เปลี่ยนใจแล้ว เพราะได้ข่าวว่าใครบางคนถึงกับย้ายตำแหน่งพนักงานเพราะเรื่องส่วนตัวนี่” อิฐเอ่ยขึ้นมาลอยๆ เบนสายตาไปหาเจ้าของห้องคนใหม่เป็นเชิงตำหนิ

คนถูกมองได้แต่มุ่ยหน้าตอบ พลางก่นด่าในใจว่าใครเป็นคนไปฟ้องวะ!

“ถ้ามีปัญหาเรื่องนั้นก็คุยกับผมสิ ไม่เกี่ยวอะไรกับบีทสักหน่อย” แผ่นฟ้าออกรับแทนอย่างลูกผู้ชาย

“แกแน่ใจเหรอว่าไม่เกี่ยว?” อิฐทำเสียงดุ

แผ่นฟ้าแอบกลืนน้ำลายอย่างอึดอัด จะเถียงก็ไม่ได้ เพราะส่วนหนึ่งเขาก็โกรธแทนบีท อีกส่วนเขาก็อยากเอาใจบีท  ส่วนไหนๆ มันก็เกี่ยวทั้งนั้นแหละ เขาแค่ไม่คิดว่ามันจะเป็นเรื่องใหญ่โตอะไร เพราะตำแหน่งของเขาใหญ่พอจะจัดการเรื่องพวกนี้ และตำแหน่งเล็กๆ ที่เขาจัดการก็ไม่ได้กระทบต่อความมั่นคงของบริษัทสักหน่อย เขาไปสั่งย้ายผู้บริหารระดับสูงเสียเมื่อไร?

“ได้... ถ้าผมเป็นต้นเหตุแล้วคิดว่าควรจะจัดการผมก็เอาเถอะ มีอะไรก็ว่ามาสิ” บีทรู้สึกรำคาญจึงเอ่ยออกไปแทน

 เขาคบกับอิฐมานานทำไมจะไม่รู้ใจ เรื่องที่แผ่นฟ้าทำที่จริงไม่ได้สำคัญจนถึงขนาดที่อิฐต้องมาออกหน้าเลย ถ้าหากเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเขา อิฐก็คงทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้... แต่ที่แกล้งทำเป็นเรื่องใหญ่ ก็แค่ตีวัวกระทบคราด อยากต่อว่าแผ่นฟ้าแล้วกระเทือนมาถึงเขาเท่านั้นเอง...

ใจจริงเขาอยากจะหนี... หนีไปให้ไกล ไม่ต้องมาพบเจอกันอีกคงดี แต่เขาคงลืมไปว่าตราบใดที่ยังทำงานที่นี่ ยังคงคบหากับแผ่นฟ้า ยังคงเข้าออกสถานที่เดิมๆ เขาจะหนีพ้นจากอิฐได้อย่างไร? มีแต่ต้องเผชิญหน้าเท่านั้น

เขาเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าอิฐจะพูดอะไรกันแน่... สายสัมพันธ์สี่ปี พอตัดแล้วมันก็ขาดอย่างไม่เหลือเยื่อไยจริงๆ ใช่ไหม?

“ฟ้า แกออกไปก่อน ฉันอยากคุยกับบีทตามลำพัง”

“อะไร? ทำไมผมต้องออกไปด้วย” ชายหนุ่มโวยวายเหมือนเด็กเอาแต่ใจ ไม่ว่าอิฐจะอยากง้อขอคืนดี หรืออยากจะต่อว่าบีท ตอนนี้เขาก็ไม่อยากให้เกิดขึ้นทั้งนั้นแหละ!

“คุณไปเถอะ ถ้ายังอยู่ เขาคงไม่พูดเสียที มันเสียเวลานะ” บีทหันไปบอกแผ่นฟ้าทำให้เขาเบ้ปาก อดนึกเจ็บแปลบในใจไม่ได้ คนเคยคบกันมาทั้งหลายปี ไม่พูดอะไรก็รู้ใจไปหมด ใช่สิ เขามันคนอื่นอยู่แล้วนี่...

ชายหนุ่มไม่ได้พูดอะไรออกไป นอกจากเป็นฝ่ายไล่ตัวเองออกจากห้องไปแต่โดยดี

เมื่อแผ่นฟ้าออกจากห้องไปแล้ว บีทขยับตัวเดินไปนั่งที่โซฟาเอนหลังนั่งไขว่ห้างราวกับเจ้าของห้อง เขาเชิดหน้ามองอิฐด้วยสายตาท้าทาย

ทว่าอิฐไม่ได้ถือสา สมัยก่อนบีทก็เป็นแบบนี้ เมื่อเขายอมรับความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งมากขึ้น บีทก็ไม่เกรงอกเกรงใจต่อสิ่งต่างๆ ที่เป็นของคนรัก เขาอยากมาตอนไหนเขาก็มา อยากนั่งตรงไหนเขาก็นั่ง อยากให้อิฐทำอะไรเขาก็ออกคำสั่งและออดอ้อน บีทเป็นคนเอาแต่ใจแต่อิฐก็ไม่รำคาญ เพราะตัวเขาเองเป็นคนอ่อนข้อและตามใจอีกฝ่ายมาตลอดตั้งแต่แรก

ถ้าเขารู้ว่าบีทจะมีความสุข ทำไมเขาจะไม่ดีใจ แต่เพราะเขาไม่มั่นใจต่างหากล่ะ เขาถึงปล่อยให้เรื่องราวมันเดินต่อไปแบบนี้ไม่ได้

อิฐหมุนเก้าอี้ใกล้ๆ มานั่งหันหน้าไปทางบีท

“ผมขอแนะนำให้คุณเลิกกับไอ้ฟ้าซะ” อิฐเริ่มต้นประโยคนั้นด้วยเสียงเรียบๆ ไม่บ่งบอกอารมณ์

บีทแหงนคอมองหน้าเขา เลิกคิ้วน้อยๆ

หึงเหรอ? หรือแต่หวงก้าง ยังแค้นเขาอยู่เรื่องเด็กนั่น หรือแค่ว่างจัดไม่มีอะไรทำ ทำไมตอนนี้ถึงเดาใจอีกฝ่ายไม่ออกนะ

“อืม... ถ้าเป็นคำแนะนำ แปลว่าผมจะทำหรือเปล่าก็ได้ใช่ไหม?” บีทตอบกลับไป แววตาท้าทายยังคงอยู่

“บีท... เรื่องของเรามันควรจบได้แล้วไม่ใช่เหรอ? จนถึงขนาดนี้แล้วทำไมคุณยังไม่ปล่อยวางอีก”

“คุณหลงตัวเองมากไปละ บอกให้รู้ไว้ ผู้ชายที่อุ้มท้องได้ ผมไม่ถือว่าเป็นผู้ชายแล้ว ก็เลยไม่อยากได้คืนมาแล้วก็ไม่อยากเสียเวลามาแก้แค้นอะไรด้วย” บีทมองอีกฝ่ายด้วยสายตาดูแคลน แน่นอนว่าตอนแรกเขาช็อกจนทรงตัวแทบไม่อยู่ ยอมทำทุกวิถีทางที่จะตัดอีกฝ่ายออกไป และถึงตอนนี้ก็ปลงได้แล้วจริงๆ

“ถ้าอย่างงั้น คุณจะคบกับไอ้ฟ้าทำไม?”

คบ? พวกเขาก็แค่แลกเปลี่ยนความต้องการซึ่งกันและกัน ไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย... แต่เรื่องนั้นก็ไม่จำเป็นต้องอธิบายอยู่ดี “นั่นมันเป็นเรื่องของผม...”

“คุณรักมันจริงๆ ?”

“ไม่รู้สิ อาจจะแค่เซ็กซ์ก็ได้...”

“ถ้าแค่นั้นจริงๆ จะเป็นใครก็ได้ไม่ใช่เหรอ?”

“เฮอะ ตลกดีนะ เมื่อก่อนยังคอยปลอบใจ บอกว่าจะปกป้องผมอยู่เลย เดี๋ยวนี้... สัญชาตญาณความเป็นแม่มันคุกรุ่นหรือไง ถึงได้ทำตัวเป็นญาติผู้ใหญ่มาคอยกีดกันผมเสียเอง ทำไม... คุณกลัวผมทำให้น้องชายคุณแปดเปื้อนงั้นเหรอ? จะโทษผมที่ทำให้เขาหันมาชอบผู้ชาย หรือโทษผมที่ทำให้เขากลายเป็นผู้บริหารลำเอียงล่ะ?”

“ไม่ทั้งนั้น... ผมแค่ไม่อยากให้คุณเสียใจซ้ำซาก ต่อให้คุณไม่คิดแก้แค้น แต่ถ้าถูกใช้เป็นเครื่องมือล่ะ ถ้าเกิดว่าไอ้ฟ้ามันไม่ได้รักคุณจริง แล้วหักหลังคุณล่ะ?”

“คงไม่มีใครหักหลังผมได้เจ็บมากเท่าคุณแล้วละ” 

“นี่ผมเตือนคุณดีๆ นะ”

“ผมไม่ต้องการความหวังดีจอมปลอมของคุณ!!”

“ถ้าอย่างนั้น... ถ้าผมทำอะไรไม่ดีลงไป ก็ว่ากันไม่ได้นะ”

อิฐจากไปแล้ว ปล่อยให้บีทนั่งกำมือแน่นที่เดิม ถ้าสิ่งที่อีกฝ่ายพูดไม่โกหกสักคำ เขาก็คงเป็นห่วงไม่อยากให้บีทเสียใจจึงเอ่ยเตือน แต่ถ้าตัดความหวังดีออกไป สิ่งที่สัมผัสได้ก็คืออิฐแค่กลัว... กลัวว่าบีทจะยังไม่เลิกรา กลัวว่าบีทยังคงมีความคิดจะขัดขวางความรักของพวกเขา

ชายหนุ่มแค่นยิ้ม เขาควรชื่นชมไหมล่ะที่อดีตคนรักช่างรอบคอบ หรือควรปวดใจดีที่ถูกข่มขู่อย่างนั้น ถ้าหากบีทยังคิดร้ายกับพวกเขาอยู่ อิฐคงไม่ยกโทษให้อีกแล้ว ส่วนจะจัดการยังไงก็อีกเรื่องหนึ่ง...

เออหนอ... จากคนที่รักกันมาก กลายเป็นแค้นมากขนาดนี้ได้อย่างไร เรื่องราวมันยืดยาวจนเขาขี้เกียจนึกย้อน จิตใจมืดมัวหม่นหมองจนหมดแรงแม้แต่จะลุกขึ้น...

เขาเหนื่อย เหนื่อยแทบขาดใจแล้ว...

“พี่อิฐพูดอะไรกับคุณ” บีทนั่งซึมกระทือไม่นาน แผ่นฟ้าที่เดินวนไปวนมาอยู่หน้าห้องทำงานก็เปิดประตูเข้ามา แล้วเอ่ยถามอย่างร้อนรน

บีทเหลือบตามองอีกฝ่ายเนือยๆ  สิ่งที่อิฐกังวล เขาก็เคยกังวล แผ่นฟ้าอาจจะมีแผนการที่เขาคาดไม่ถึงก็ได้ แต่เขาก็ยอมมองข้ามไป เพราะหัวใจที่เจ็บร้าวมากจนคิดว่าไม่มีอะไรเลวร้ายกว่านั้นอีกแล้ว คนที่ถูกคนที่รักที่สุดทรยศได้ จะถูกใครสักคนบนโลกหักหลังมันก็ชินชาไปแล้ว... เขาเลยไม่กลัว

แต่ตอนนี้เขาเหนื่อยแล้ว หมดแรงจะต่อสู้ฟาดฟัน ถ้าเขาต้องการแค่เสพสังวาสชั่วครั้งชั่วคราว เสาะหาจากคนอื่นเอาก็ได้ ทำไมเขายังต้องวนเวียนอยู่กับคนในแวดวงเดิมๆ ที่เชื่อถือไม่ได้ด้วยล่ะ? ต่อให้เขาทนต่อไปเพื่อประชดประชัน นอกจากความสะใจเล็กๆ น้อยๆ เขายังได้อะไรอีก นอกจากเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยง สุดท้ายแล้วตัวเขาเองที่มีบาดแผลจนเต็มตัว แต่คนอื่นได้ประโยชน์ไปฝ่ายเดียว...

บางทีเขาควรจะไปอย่างที่อิฐแนะนำจริงๆ ก็ได้...

“เขาบอกให้ผมไปจากคุณซะ” บีทตอบออกไปตรงๆ ทำไมเขาต้องเก็บเรื่องราวน่าอึดอัดใจไว้กับตัวเองคนเดียวล่ะ

“คุณคงไม่เชื่อเขาหรอกใช่ไหม?” แผ่นฟ้าแสร้งทำเป็นใจดีสู้เสือ

“ผมว่าเป็นความคิดที่ดีอยู่เหมือนกัน” บีทตอบเสียงเนือยๆ

“โธ่เอ๊ย!” แผ่นฟ้าสบถทีหนึ่งแล้วหมุนตัวออกไปนอกห้อง เขาเดินเกือบวิ่งจนมาถึงร่างอิฐที่ยืนรอลิฟต์

“พี่อิฐ!!” เจ้าของชื่อหันมามอง ก็ถูกหมัดลุ่นๆ เสยกรามไปทีอย่างหนักหน่วง

แผ่นฟ้ากำลังโมโห... เขาพยายามแค่ไหนเพื่อเอาใจให้อีกฝ่ายใจอ่อน หวังว่าไม่นานบีทคงจะลืมอิฐ หวังว่าสักวันจะเปิดใจให้เขาเข้าไป เมื่อกี้เขาเกือบจะสารภาพความรู้สึกออกไปอยู่แล้ว แต่ตอนนี้อิฐกลับมาทำลายทุกอย่างทิ้งในชั่วพริบตา มีหรือเขาจะทนไหว

ส่วนอิฐที่โดนต่อยเพราะไม่ทันตั้งตัวก็ออกแรงเอาคืนบ้างจนมุมปากเจ้าอันธพาลเขียวช้ำ แต่เพราะเขาเพิ่งออกจากคลินิกไม่นาน บาดแผลยังไม่ประสานดี ความเคลื่อนไหวจึงไม่คล่องแคล่วเท่าเมื่อก่อน สองคนยื้อยุดกันไปมา ต่างคนต่างกระชากคอเสื้อกัน

“บ้าไปแล้วหรือไงไอ้ฟ้า!!”

“พี่ต่างหากที่บ้า ไอ้หมาหวงก้าง ตัวเองไม่เอาแล้วจะหวงไว้ทำซากอะไรล่ะ”

อิฐกระชากตัวออกมาพลางขยับปกเสื้อให้เรียบร้อย ถลึงตาใส่แผ่นฟ้าที่บังอาจใช้ความรุนแรงในสถานที่แบบนี้ โชคดีที่เป็นชั้นที่มีแต่ผู้บริหาร จึงไม่มีผู้คนพลุกพล่านหรือใครเดินผ่านมาเจอเข้า

“ฉันน่ะเหรอหวงก้าง? ฉันแค่ไม่อยากให้แกรั้งเขาไว้เพื่อใช้ต่อรองต่างหาก”

“ต่อรอง... ต่อรองกับอะไร?” แผ่นฟ้าทำหน้าฉงน ส่วนอิฐก็ขมวดคิ้วจับจ้องลูกพี่ลูกน้องเขม็ง

เดิมทีเขาคำนวณไว้ว่าอาจจะตั้งท้องทันทีที่ควานหาตัวแม็กม่าพบ ถึงตอนนั้นคงต้องวางมือจากที่นี่อย่างน้อยก็หนึ่งปีขึ้นไป ถึงอย่างไรก็ต้องส่งมอบภาระหนักอึ้งนี้ให้แผ่นฟ้ารับช่วงต่อ แต่แผ่นฟ้าเป็นคนเหลาะแหละ ถึงบางครั้งจะเหมือนมีความพยายามเพื่อเอาชนะเขาบ้าง แต่เอาเข้าจริงก็ไม่รู้ว่าจะดูแลบริษัทนี้ไปตลอดรอดฝั่งหรือเปล่า เขาถึงได้เสนอเงื่อนไขให้ทำกำไรให้ได้ตามเป้า เพื่อกดดันให้แผ่นฟ้าจริงจังกับงานมากขึ้น

ความเป็นจริง ต่อให้ฝ่ายนั้นจะทำกำไรเพิ่มไม่ได้แม้แต่นิดเดียวขอแค่ไม่ทำให้ขาดทุนย่อยยับ เขาก็ต้องวางมืออยู่แล้ว แต่ก่อนที่จะถึงเวลานั้น เขาอยากให้น้องชายพยายามให้ถึงที่สุดก่อน

แล้วผลลัพธ์ก็เป็นไปตามคาด... ทั้งที่เพิ่งเปลี่ยนตัวประธานคนใหม่ได้ไม่กี่เดือนแต่ตอนนี้สถานการณ์ในบริษัทอยู่ในภาวะปกติ ไม่ได้เลวร้ายอะไร อิฐที่เคยกังวลใจค่อนข้างโล่งอก

ครั้นรู้ข่าวว่า บีทกับแผ่นฟ้ายังคงติดต่อกันและคล้ายจะมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งเขาก็ระแวงขึ้นมา เพราะมีเหตุผลสามอย่างที่เป็นไปได้ คือหนึ่งทั้งสองรักกันจริง ซึ่งคิดยังไงก็เป็นไปได้น้อยมาก  สอง บีทยังคงอยากแก้แค้น  เขาอยากใช้แผ่นฟ้าเป็นตัวเชื่อมต่อ เพื่อหาโอกาสแก้แค้นเขาในวันข้างหน้า สาม แผ่นฟ้าเป็นคนเหนี่ยวรั้งบีทไว้เพื่อใช้ประโยชน์บางอย่าง เป็นต้นว่าเพื่อต่อรองถ้าหากเขาทำกำไรไม่ได้ตามเป้า...

อิฐพยายามหลอกถามคนทั้งคู่ตามสิ่งที่ตัวเองสันนิษฐาน ทว่าทั้งสองคนกลับทำเหมือนว่าเขาคิดอะไรเพ้อเจ้อ... ดังนั้นคำถามจึงย้อนกลับไปที่ข้อแรก...

“จะบอกว่าแกรักบีทจริงๆ งั้นเหรอ?” เขาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง

“นั่นมันเรื่องของผม” แผ่นฟ้าเม้มปากพยายามเสหลบตา เรื่องนี้เขายังไม่ได้บอกบีทเลย ทำไมต้องมาบอกคนอื่นก่อนด้วยล่ะ?

“ถ้าไม่แน่ใจก็หยุดเถอะ ปล่อยเขาเดินไปตามทาง ไม่นานก็คงลืมได้เอง อย่าเหนี่ยวรั้งไว้กับเรื่องเดิม บรรยากาศเดิมๆ เพื่อรอวันจะต้องเจ็บแบบเดิมเลย”  อิฐพยายามรวบรวมคำพูดเพื่อเตือนสติน้องชายอีกครั้ง ต่อให้ความรู้สึกที่มีให้บีทไม่เหมือนเดิมแล้ว แต่อย่างน้อยพวกเขาก็ใช้เวลาร่วมสุขร่วมทุกข์กันมาตั้งสี่ปี จะเป็นห่วงเป็นใยบ้างก็ไม่แปลก

 “ไม่เหมือน อย่างน้อยผมก็ไม่นอกใจเขาเหมือนอย่างพี่แล้วกัน!” แผ่นฟ้าตอกกลับ

“หึ... แค่นั้นมันไม่พอหรอก แกชอบผู้หญิงมาตลอด จะทนรับสายตาคนรอบข้างได้เหรอ? แกจะปกป้องบีทจากแรงกดดันได้เหรอ? ฉันที่เคยพยายามจะทำ ยังทำไม่ได้...”

“พี่ทำไม่ได้แล้วไง? ผมนี่แหละจะทำให้ได้ ผมจะปกป้องเขาเอง” แผ่นฟ้ายืนยันอย่างหนักแน่น ทำให้คนฟังตะลึงงันไป

 “ดี เอางี้แล้วกัน ถ้าแกทำกำไรเพิ่มขึ้นได้ 5 เปอร์เซ็นต์จริง นอกจากบริษัทที่ฉันจะวางมือแล้ว ก็จะวางมือเรื่องบีทด้วยดีไหม? แต่ถ้าไม่สำเร็จ แกก็ต้องเลิกยุ่งกับบีทซะ”

แผ่นฟ้าคิดไม่ถึงเลยว่าอิฐจะโหดร้ายถึงขั้นเอาเรื่องนี้มาต่อรองกับเขาด้วย แค่บริษัทที่อาจจะเปลี่ยนมือกลับไปน่ะเขาไม่ค่อยสนใจเท่าไร แต่พอเอาเรื่องบีทมาเดิมพันด้วย สีหน้าของเขาก็เคร่งเครียดขึ้นมาทันที 

“เรื่องบริษัทจะเป็นไงก็ช่าง แต่เรื่องบีท... ผมไม่เดิมพันด้วยหรอก”

คำตอบของแผ่นฟ้าทำให้อิฐค่อนข้างแปลกใจ แต่วินาทีต่อมารอยยิ้มก็พลันอบอุ่นขึ้นมา

“อืม... เห็นแก่ความมุ่งมั่น ฉันจะวางมือเรื่องของแกกับบีทไปก่อน เอาไว้ผลประกอบการไตรมาสหน้าออกฉันจะมาอีกที”

“ตามสบาย... ตอนนี้ก็เชิญกลับไปได้ละ” เขาไล่ตรงๆ

ญาติผู้พี่เขม้นมองเขาอย่างไม่พอใจแต่ก็ไม่พูดอะไรอีก เพียงแค่หมุนตัวหันไปกดลิฟต์ แล้วก็บังเอิญสังเกตเห็นคนที่ยืนเงียบอยู่พักใหญ่แล้ว  อิฐไม่รู้จะปั้นสีหน้าอย่างไรดี จึงหลุบตาต่ำ มือก็กดปุ่มเรียกลิฟต์

เพราะแผ่นฟ้ามัวแต่ทะเลาะกับอิฐอยู่เลยไม่ได้สนใจสิ่งอื่น จึงเพิ่งเห็นบีทเอาตอนนี้ นึกสงสัยว่าบีทเดินมาตั้งแต่เมื่อไรกันแน่ ถึงแม้บีทอยู่ค่อนข้างห่าง แต่เพราะกำลังโมโหทั้งเขาและอิฐไม่ได้ลดเสียงให้เบาลง ดังนั้นในระยะแค่นี้คงได้ยินอย่างชัดเจน

เหอะ! ได้ยินแล้วยังไงล่ะ เขาบริสุทธิ์ใจไม่มีอะไรปิดบังสักหน่อย

บีทเดินมาหาเขาแล้ว จริงอยู่เขาไม่มีอะไรปิดบัง แต่เรื่องที่น่ากลัวกว่าคือการตัดสินใจของบีทตอนที่อยู่ในห้อง แค่อิฐบอกให้เขาไป บีทก็จะไปจริงๆ หรือ แผ่นฟ้ารู้สึกใจคอไม่ดีเลย

ลิฟต์มาถึงแล้ว... อิฐปลีกตัวจากพวกเขาทั้งสองอย่างรวดเร็ว ปล่อยให้แผ่นฟ้าขบคิดหัวแทบแตกว่าจะขอร้องวิงวอนคนตรงหน้าอย่างไรดี ว่าอย่าไปฟังอิฐ... อย่าไปจากเขา

ไม่นึกว่าเขายังไม่ทันเอ่ยปาก บีทที่เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าก็ยกมือขึ้นเกลี่ยมุมปากเขาเบาๆ แล้วถามอย่างอาทร “เจ็บไหม?”

อันที่จริงมันก็เจ็บอยู่หรอก แต่สำหรับผู้ชายดื้อๆ อย่างเขาสมัยก่อนก็มีเรื่องชกต่อยอยู่บ่อยๆ เหมือนกัน ถ้าหากเป็นผู้หญิงสักคนถามเขา เขาอาจจะแกล้งสำออยไปว่าเขาเจ็บมากเพื่อเรียกร้องคะแนนสงสาร แต่ถ้าทำแบบนั้นเขาก็กลัวว่าบีทจะคิดว่าเขาอ่อนแอ พึ่งพาไม่ได้...

“นิดหน่อย” เขาตอบสั้นๆ

“ผมบอกคุณแล้วว่ามันไม่คุ้ม ไม่จำเป็นที่คุณจะต้องมาเจ็บตัวแบบนี้” บีทเอ่ยเตือนเหมือนผู้ใหญ่เตือนเด็ก

“คุ้มหรือเปล่า มีแต่ผมเท่านั้นที่รู้” แผ่นฟ้ายังคงย้ำคำเดิม

“เพราะผมใช้ต่อรองกับอิฐได้งั้นเหรอ?” ตัวเขาเองนึกไม่ออกหรอกว่าอิฐหมายถึงอะไร แต่พอหาเหตุผลที่อีกฝ่ายจะพยายามยื้อเขาไว้สุดแรงแล้วก็อดสงสัยไม่ได้ ในความสงสัยเขาก็คาดหวังว่าจะได้คำตอบที่ไม่แย่เกินไปนัก

“นี่คุณ อย่าไปเชื่อที่พี่อิฐเป่าหูง่ายๆ สิ ต่อรองอะไรกันเล่า เหลวไหลชัดๆ”

“ถ้าผมไม่มีประโยชน์อะไรจริง งั้นคุณจะเสียดายไปทำไม  ก็แค่คู่ขาชั่วคราวไม่ต้องทุ่มทุนมากขนาดนี้ก็ได้นี่” บีทยังคงไล่ต้อนหาเหตุผลไม่เลิกรา สายตาจับจ้องมองเขาเขม็งเหมือนจะบอกว่าอย่าโกหก...

แผ่นฟ้าอดน้อยใจอยู่นิดๆ ไม่ได้ที่บีทไม่เชื่อใจเขา ทั้งๆ ที่เขาไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้มาก่อนเลยด้วยซ้ำ จนกระทั่งพี่ชายพูดขึ้นมา เขาจึงเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าสำหรับอิฐแล้ว บีทยังคงเสี้ยนหนามตำใจเขาอยู่เสมอ เพราะถ้าหากยังอยู่ใกล้ๆ แล้วตามป่วนไม่เลิก ต่อให้แม็กม่ากลับมาจริงเขาก็อาจจะหนีไปอีกรอบก็ได้

ดังนั้นอิฐจึงสงสัยว่าแผ่นฟ้าที่ยังไม่แน่ใจว่าจะชนะเดิมพันหรือเปล่าอาจจะเก็บบีทไว้เป็นไพ่ใบสุดท้ายใช้ต่อรอง ขอแค่ไม่มีแผ่นฟ้าคอยส่งข่าว ไม่มีเขาเป็นตัวเชื่อม บีทก็คงจนปัญญาจะเข้ามาวุ่นวายชีวิตรักของอิฐอีก แลกกับตำแหน่งเล็กๆ น้อย มันก็คุ้ม จะว่าไปแล้วก็เป็นข้อต่อรองที่ดีอยู่เหมือนกัน แต่แผ่นฟ้าน่ะหรือจะกล้าเสี่ยง เขาไม่อยากทำให้บีทหวาดระแวงคนรอบตัวไปมากกว่านี้

เขาเหลือบตามองบีทที่ยังไม่ละสายตาไปเหมือนจะคาดคั้นเอาความจริงให้ได้ ถ้าเขาปิดบังต่อไปบีทคงยิ่งไม่เชื่อใจเขากว่าเดิม คงมีแต่ต้องพูดไปตามตรงเท่านั้น

“ในสายตาพี่อิฐ ผมอาจจะใช้คุณต่อรองได้จริงๆ แต่... ผมก็ไม่มีวันทำหรอก”

บีทยืนฟังเงียบๆ พลางเหยียดริมฝีปากคล้ายหยัน คิดว่าเขาจะเชื่อหรือไง?

ไม่มีวันใช้? ก็แค่คำแก้ตัวเท่านั้น ก็แค่ทำให้เขาตายใจรอถึงวันที่ “จำเป็นต้องใช้” ต่างหาก

“อืม... ผมเข้าใจละ” เขาตอบสั้นๆ พลิกกายเดินไปกดลิฟต์ที่ตอนนี้คงส่งอิฐลงไปถึงชั้นล่างแล้ว

                บีทยืนนิ่ง แววตาไหวสั่น แต่ก็ยังบอกตัวเองว่าเขาไม่รู้สึกอะไรหรอก เขาเข้มแข็งพอ ต่อให้ถูกหักหลังอีกกี่ครั้งเขาก็ยังทนได้... ครั้งแรก ครั้งที่สอง ครั้งที่สาม แต่ละครั้งก็ยิ่งด้านชา เขาคิดว่าตัวเองไม่รู้สึกเจ็บปวด แต่แล้วก็ยังเจ็บปวด

                ที่ผ่านมาเขาหลงคิดว่าแผ่นฟ้าจริงใจอยากช่วยเขาจริงๆ แต่ว่า...

                ที่ผ่านมา ทุกอย่างเลยใช่ไหม เขาไม่รู้เลยว่าอีกฝ่ายต้องเสแสร้งเก่งขนาดไหนถึงแกล้งทำดีกับเขาได้ตั้งนานขนาดนี้!

“บีท.. คุณต้องเชื่อผมนะ ว่าผมจริงใจกับคุณจริงๆ เรื่องนั้นมันก็แค่สิ่งที่พี่อิฐคิดไปคนเดียว ผมไม่มีทางใช้คุณมาต่อรองอะไรกับเขาทั้งนั้นแหละ” แผ่นฟ้าพูดต่อระหว่างที่บีทหันหลังให้ ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นด้านบนเหมือนมองว่าลิฟต์อยู่ชั้นไหนแล้ว พร้อมกันนั้นก็พยายามกลืนบางอย่างลงคอไป 

                เขายังจะเชื่อไปอีกทำไม? จะพี่ชายหรือน้องชาย สุดท้ายก็หักหลังเขาอยู่ดี

                ติ๊ง... ลิฟต์มาซะที เขาจะได้ไม่ต้องทนฟังคำแก้ตัวพวกนั้นอีก

             บีทก้าวเท้าเข้าไปข้างในแล้วกดปิดประตูทันที แผ่นฟ้ายืนอยู่หน้าลิฟต์มองตามอย่างอาวรณ์ เขาไม่ได้ตามเข้าไปเพราะรู้แก่ใจดีกว่าต่อให้พูดอะไร บีทก็ไม่เชื่อเขาอยู่ดี


++++++++++


​ห่างหายไปนาน แต่ตอนนี้แต่งจบแล้ว จะทยอยลงให้นะคะ ♥

ออฟไลน์ fuku

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +462/-20
สงสารบีทตั้งแต่ภาคแรกจนถึงตอนนี้ และเกลียดอิฐเหมือนเดิม

ออฟไลน์ Duangjai

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 658
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1
..

ถ้านางไม่เด็ดเดี่ยวเข้มแข็ง. นางคงช้ำใจตายไปละ

หลังตรงไว้นะนู๋บีท นางพญาก้อคือนางพญา

...

 :katai3:  :katai3:  :katai3:  :katai3:  :katai3:  :katai3:

.

ออฟไลน์ Psycho

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 388
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1

ออฟไลน์ BAKA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3025
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-10
โอยยยย เราสงสารบีทอ่ะ หน่วงละเกินนน

ออฟไลน์ ๛ナーリバス๛

  • ~~~๛NaaribuS๛~~~ ~ [TBL-081-588]
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1500
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +898/-26
    • NaaribuSS
-15-

บีทไม่ลืมจะแวะไปเอาเอกสารที่ต้องการก่อนกลับ ใบหน้าบึ้งตึงของเขาทำให้บัวหุบยิ้มกะทันหัน ทำได้เพียงส่งเอกสารที่พิมพ์ออกมาเรียบร้อยแล้วให้บีทอย่างฉงนทว่าไม่กล้าเอ่ยถามออกไป แต่ต่อให้กล้าถามก็คงไม่ทัน เพราะเมื่อได้ของที่ต้องการ บีทก็เอ่ยขอบใจด้วยน้ำเสียงไร้อารมณ์ก่อนจะสาวเท้าเดินออกมาทันที

เมื่อเข้าไปนั่งในรถแล้วเปิดแอร์เพื่อลดอุณหภูมิอารมณ์ บีทเอาเอกสารที่ได้มาตรวจดูว่าครบถ้วนดีหรือไม่

ในช่วงเวลาที่อารมณ์คุกรุ่นพลุ่งพล่านแบบนี้ถ้าได้ไปเที่ยวไหนไกลๆ บ้างก็คงดี ทว่าตารางงานที่มีก็ไม่เป็นใจ

เขาหยุดงานสามวันก่อนสิ้นเดือน ตามปกติควรจะมีทริปต่อไป ไม่วันที่หนึ่งหรือสองของเดือนหน้า แต่เพราะความเจ้ากี้เจ้าการของใครบางคนทำให้เขาได้ทำงานอีกทีก็วันที่สาม เท่ากับว่าต้องหยุดอีกตั้งสี่วัน!

เขาหายใจฮึดฮัดอย่างไม่สบอารมณ์  เคาะนิ้วกับพวงมาลัยรถอยู่ครึ่งนาทีจึงตัดสินใจได้ รถเก๋งคันสวยเคลื่อนตัวออกจากที่จอดตรงกลับคอนโด

ตกบ่าย... แผ่นฟ้าโทรไปที่บ้านตัวเอง พอทราบว่าบีทไม่ได้กลับไป ใจก็ร้อนเหมือนไฟสุม พยายามโทรหาเท่าไรบีทก็ไม่ยอมรับสาย แผ่นฟ้าจะไปไหนก็ไม่ได้เพราะติดประชุม ชายหนุ่มถอนใจทั้งวันจนอายุสั้นลงไปหลายปีในวันเดียว หิวก็หิว แต่กลับกินอะไรไม่ลง ได้แต่ปั้นหน้าโศกรอคอยให้เวลาผ่านไป

หลังจากปิดประชุมลงได้ในที่สุด แผ่นฟ้าสั่งงานเลขาสองสามคำก่อนจะเผ่นผลุงออกไปอย่างหมดความอดทน  เมื่อที่บ้านบอกว่าบีทไม่ได้กลับไป เขาจึงตัดสินใจลองแวะไปหาที่คอนโด พนักงานยอมบอกเขาว่าบีทกลับมา แต่ไม่สามารถพาเขาขึ้นไปพบได้

แผ่นฟ้าจึงได้แต่นั่งลงยังโซฟารับรองชั้นล่างสุด เมื่อโทรไปแล้วอีกฝ่ายไม่รับสายเขาก็ทู่ซี้ส่งข้อความไลน์ไปไม่ยอมหยุด

ผมรออยู่ข้างล่าง...

จะรอจนกว่าคุณจะมา

ผมอยากเจอคุณ

ผมอยากคุยกับคุณ บีท...

กลับไปด้วยกันเถอะนะ

เสียงข้อความจากไลน์ดังติดๆ กันอยู่หลายทีจนบีทรำคาญ เขาหยิบมือถือมาอ่านข้อความที่ระรัวเข้ามาไม่ขาดสายอย่างเอือมระอา ในที่สุดก็จัดการปิดการทำงานของทุกแอปพลิเคชันจะได้ไม่มีเสียงอะไรรบกวนอีก ชายหนุ่มนอนคว่ำหน้าหลับไปทั้งอย่างนั้น...

บีทตื่นขึ้นมาอีกครั้งช่วงสองทุ่มกว่า ท้องร้องครวญครางไม่หยุดหย่อน เขาไม่ได้หยิบมือถือขึ้นมาอีก ปล่อยทิ้งไว้ที่เดิม คว้าแค่กระเป๋าเงินกับพวงกุญแจก่อนจะเดินลงไปข้างล่าง แต่ใครจะนึกเล่าว่ามีใครบางคนหน้าด้านหน้าทนรออยู่ได้ตั้งหลายชั่วโมง

บีทชะงักเท้ากึกเมื่อแผ่นฟ้าที่นั่งรากงอกรอเขามานานเด้งตัวลุกขึ้นแล้วเดินมาขวางไว้ พลางส่งสายตาออดอ้อนเหมือนสุนัขน่าสงสาร

“บีท... ในที่สุดคุณก็ยอมลงมา...” แผ่นฟ้าเอ่ย สีหน้าปลื้มปริ่มเหมือนว่าเขาทำเรื่องน่าซาบซึ้งกินใจจนน้ำตาจะร่วง!

คงคิดละมังว่าในที่สุดเขาก็ยอมใจอ่อนลงมาพบเขา... แต่ขอโทษเถอะ บีทแค่หิวเลยลงมาหาอะไรกิน ไม่ได้อยากจะลงมาเจอเขาเลยสักนิด!

“หลีกไป ผมจะไปกินข้าว” บีทตอบออกมาตรงๆ อีกฝ่ายจะได้ไม่เข้าใจผิด

“ดีสิ ผมจะได้ไปด้วย หิวมากเลยตอนนี้” แผ่นฟ้าเออออห่อหมก หลีกทางให้บีทเดินนำ ทว่าบีทยังคงมีสีหน้าบึ้งตึงหันไปมองเขาแล้วบอกว่า “หิวก็ไปกินคนเดียว... ไม่ต้องมากับผม”

ว่าแล้วบีทก็เดินลิ่วออกไปโดยไม่รอ ซึ่งแผ่นฟ้าก็ไม่ได้เอ่ยคำทักท้วงใด เขาแค่เดินตามไปเงียบๆ รอจนบีทกดสวิตช์เปิดประตูรถ ขาก็รีบจ้ำไปเปิดประตูฝั่งข้างคนขับแล้วขึ้นไปนั่งอย่างว่องไว บีทชะงักเท้ากึก ไม่คิดเลยว่าแผ่นฟ้าจะดื้อด้านขนาดนี้ เขายืนโมโหอึดใจหนึ่งพลางคิดว่าควรจะเดินออกไปหาอะไรกินใกล้ๆ หรือไม่ก็ไม่กินข้าวเลยดี แต่ไม่ว่าจะวิธีไหนก็ดูจะสร้างความลำบากให้ตัวเองทั้งสิ้น... เขาจำต้องทำร้ายตัวเองขนาดนั้นเลยหรือ?

บีทถอนใจเฮือกหนึ่งตรงไปนั่งประจำที่คนขับก่อนจะออกรถไปเงียบๆ และพอได้ยินเสียงอีกฝ่ายสูดลมหายใจเหมือนจะพูดเขาก็รีบดักคอว่า “ถ้าคุณทำเสียงดังผมจะจอดรถแล้วไล่คุณลง”

เท่านั้นแหละ เสียงสูดลมหายใจเข้าก็ตามมาด้วยเสียงลมหายใจออกยาวยืด...

บีทพาแผ่นฟ้ามายังร้านก๊วยเตี๋ยวเรือที่ตัวเองชอบ ส่วนอีกฝ่ายจะชอบหรือไม่ชอบเขาไม่ได้ใส่ใจ พอนั่งลงได้ก็โบกมือสั่งของที่อยากกินมาสองชามเพื่อความต่อเนื่อง  แผ่นฟ้าเดินตามมานั่งลงตรงข้าม เหลือบตามองบีทที่ไม่ยอมหันมาทางเขาด้วยสายตาขอความเห็นใจ

“บีท...” แผ่นฟ้าส่งเสียงเรียกแผ่วๆ อย่างกล้าๆ กลัวๆ ทว่ายังไม่จะพูดอะไรบีทก็กระแอมในลำคอทีหนึ่งแล้วพูดขึ้นมาลอยๆ

“ถ้าทำเสียงดังผมจะลุกไปนั่งที่อื่น” 

แผ่นฟ้าหุบปากฉับแล้วเปลี่ยนไปสั่งอาหารมากินแทน

พอทั้งคู่อิ่มแล้วก็พากันกลับมาที่คอนโดโดยที่ยังคงมีแต่ความเงียบ บีทไม่อยากฟัง แผ่นฟ้าก็ไม่กล้าพูด เขาแค่อยู่เงียบๆ ระหว่างที่อีกฝ่ายขับรถไปกลับ และลงจากรถเมื่อรถจอดสนิท

“กลับไปซะ ผมไม่อยากฟังคำแก้ตัวอะไรทั้งนั้น” บีทเดินอ้อมรถมายังแผ่นฟ้าแล้วบอกเรียบๆ

“ถ้าคุณไม่กลับไปด้วย ผมก็ไม่ไปไหนเหมือนกัน”

บีทจ้องหน้าเขานิ่งไปอึดใจหนึ่ง มุมปากยกขึ้นคล้ายหยัน

                “งั้นก็ตามใจ”

                บีทเดินเข้าคอนโดไปโดยที่มีแผ่นฟ้าเดินตาม ทว่าเมื่อชายหนุ่มใช้คีย์การ์ดเพื่อใช้ลิฟต์ แผ่นฟ้าก็ไม่ได้ดึงดันจะตามขึ้นไป เขายืนมองประตูลิฟต์ปิดลงปิดบังใบหน้าเฉยชาของบีท

                แผ่นฟ้าถอยหลังกลับ หันไปมองโซฟารับแขกตัวยาวที่หรูหราและอุ่นนุ่มแล้วก็คิดว่าโชคยังดีที่ไม่ต้องยืนรอทั้งคืน เขานั่งลงที่โซฟาพลางทอดถอนใจออกมา  ถึงจะลำบากแต่ก็คงต้องทน ถ้าคำพูดไม่สามารถทำให้อีกฝ่ายเชื่อได้ ก็คงมีแต่การกระทำเท่านั้นแหละถึงจะแสดงความจริงใจให้เห็น

                บีทขึ้นมาถึงห้องก็เปิดสมาร์ตทีวี หาอะไรดูเพลินๆ จะได้เลิกหงุดหงิดงุ่นง่าน ในที่สุดก็เจอภาพยนตร์ที่ไม่เคยดูเรื่องหนึ่ง หลับหูหลับตาทนดูอย่างไร้อารมณ์  ดูไปไม่เท่าไรเขาก็ง่วงจนหลับไปทั้งๆ ที่มือยังกำรีโมตอยู่

                กริ๊ง.... กริ๊ง....

                ในระหว่างที่บีทดำดิ่งเข้าสู่ห้วงนิทรา จู่ๆ เสียงโทรศัพท์ในห้องก็พลันดังลั่นขึ้นมาปลุก ชายหนุ่มสะดุ้งหันขวับไปมองตามเสียงอย่างหงุดหงิด เขายกข้อมือดูนาฬิกาแล้วพบว่าปาเข้าไปเที่ยงคืนกว่าแล้ว ใครกันที่บังอาจโทรมารบกวนดึกดื่นขนาดนี้!

                บีทยกหูโทรศัพท์อย่างฉุนเฉียวกะว่าถ้าเจอพวกโรคจิตโทรมาก่อกวนจะด่าให้หูดับ

                “ฮัลโหล!!” เขากรอกเสียงลงไปอย่างใส่อารมณ์

                “อะเอ่อ... คุณบีทคะ เกตุเองนะคะ” ดูท่าคนที่โทรมาจะรู้สึกผิด และเกรงใจเขาเหมือนกันถึงได้ทำน้ำเสียงแบบนั้น

                “ครับ มีอะไรเหรอ?” บีทที่รับรู้ว่าพนักงานที่ฟรอนต์โทรมาก็ถามกลับด้วยน้ำเสียงที่ลดระดับกว่าเดิมเล็กน้อย พอไม่ให้อีกฝ่ายกลัวจนหัวหด

                “เอ่อ... คือคุณผู้ชายที่มากับคุณบีทเมื่อหัวค่ำน่ะค่ะ ตอนนี้เขายังไม่กลับเลย”

                อะไรนะ  ผู้ชายคนนั้นยังไม่กลับไปอีก?

                “คือเกตเห็นเขานั่งรอที่โซฟาอยู่นานจนหลับไปแล้ว ก็ไม่รู้ว่าควรทำยังไงดี ควรทิ้งไว้แบบนี้ หรือควรเรียกยามมาไล่?” คำถามนั้นค่อนข้างลังเล คงเพราะโซฟาตรงนั้นมีไว้รับรองแขก แต่ไม่ได้มีไว้ให้ใครมานอนหลับ นอกจากจะดูไม่เป็นระเบียบ ยังทำให้คอนโดดูไม่ปลอดภัยด้วย ครั้นจะเรียกให้ยามมาไล่ก็คงเกรงใจเขา เธอจึงโทรมาถาม

                บีทนิ่งไปอึดใจ อันที่จริงเขาไม่คิดว่าการถูกยามไล่จะเป็นเรื่องเลวร้ายอะไรนัก คนที่หน้าด้านหน้าทนจะได้ยอมกลับไปเสียที ทว่าตอนนี้ดึกมากแล้ว กว่าจะถึงบ้านก็คงเกือบๆ ชั่วโมง กลัวว่ายังไม่ทันถึงบ้านแผ่นฟ้าจะวูบหลับไปเสียก่อน... อีกอย่าง ตัวเขาเองไปอาศัยอยู่บ้านฝ่ายนั้นเป็นเดือนๆ แผ่นฟ้ายังไม่พูดอะไรสักคำ ถ้าแค่แบ่งห้องให้อีกฝ่ายนอนสักคืนยังหวงก็เหมือนจะใจแคบไปหน่อย...

                “อย่าเพิ่ง... เดี๋ยวผมลงไป”

                ไม่นานจากนั้นบีทก็เดินไปยืนข้างๆ แผ่นฟ้าที่นั่งเท้าศอกกับแขนโซฟาใช้ส้นมือรองรับแก้ม เป็นการนั่งหลับที่ยังคงมีมาดอยู่บ้าง ไม่ได้หมดสภาพอะไรนัก

                บีทยืนมองเขานิ่งๆ อยู่ไม่นาน หัวแผ่นฟ้าค่อยๆ เอนเอียงคล้ายสัปหงกจนเกือบตกจากฝ่ามือ จากนั้นก็สะดุ้งตื่นลืมตาขึ้นมา เมื่อเห็นใครบางคนยืนใกล้ๆ ชายหนุ่มก็แหงนเงยขึ้นไปมองอย่างรวดเร็ว แล้วก็สบตากับบีทที่จ้องกลับมาเช่นกัน

                “บีท...” หางเสียงลากยาว แววตาฉายแววฉงน

                “คุณมันน่ารำคาญกว่าพี่ชายคุณซะอีก” คำทักทายค่อนข้างประหลาดทว่าคนฟังกลับหัวเราะ

                “ผมจะถือว่านั่นเป็นคำชมนะ” แผ่นฟ้าตอบกลับพร้อมรอยยิ้มไร้เดียงสา

                บีทกลอกตาอย่างระอา พลางหมุนตัวหันหลังกลับ แผ่นฟ้ามองฝ่ายนั้นงงๆ ที่มาพูดแค่นี้แล้วก็ไป ได้แต่เหลียวไปมองทว่าไม่ได้ขยับตัวลุกขึ้น บีทเดินไปได้สองสามก้าวรู้สึกว่าอีกฝ่ายไม่ได้ตามมาก็หันกลับมามองแผ่นฟ้าที่ยังนั่งนิ่งอยู่ที่เดิมอย่างหงุดหงิด

                “ตามมาสิ จะอยู่ให้ยามมาไล่หรือไง” บีทบอกด้วยน้ำเสียงฉุนเฉียว แผ่นฟ้าจึงรีบลุกขึ้นเดินตามไปก่อนที่อีกฝ่ายจะเปลี่ยนใจ

                แผ่นฟ้าตามบีทเข้าไปในลิฟต์ว่างโล่ง พลางนึกดีใจว่าบีทคงหายโกรธเขาแล้ว

                “ผมดีใจ ในที่สุดคุณก็เข้าใจผมแล้วใช่ไหม?”

                “ถ้าพูดถึงเข้าใจ ก็คงเข้าใจแล้วมั้ง” น้ำเสียงเย็นชาที่เอ่ยตอบทำเอาหัวคิ้วคนฟังผูกเป็นปมขึ้นมาทันที คาดเดาได้ว่าบีทไม่ได้หายโกรธสักหน่อย...

                “ถ้าคุณยังไม่หายโกรธ  แล้วพาผมขึ้นมาบนนี้ทำไม?” แผ่นฟ้าเอ่ยถาม ถ้ายังโกรธอยู่ก็ไม่ควรใจดีกับเขาสิ

                “ผมก็แค่ลดภาระยามที่ต้องมาไล่คนหน้าด้านอย่างคุณเท่านั้น” อาจฟังดูเหมือนคำแก้ตัวแต่พอแผ่นฟ้าคิดไปถึงความใจแข็งที่ผ่านมาของคนพูดแล้ว พานให้คิดว่าเขาคงจะพูดจริงนั่นแหละ

                “งี้นี่เอง...” ชายหนุ่มรำพึงกับตัวเอง

                ลิฟต์เปิดออก สองหนุ่มเดินตามกันไปถึงห้องของบีท เจ้าของห้องถอดเสื้อโค้ตที่สวมไว้ออกจนเหลือเพียงชุดนอน

                “ลงทุนน่าดูเลยนะ” บีทเปรยขึ้นมาอย่างดูแคลนทำให้รอยยิ้มคนที่ยืนข้างๆ จืดเจื่อนไปไม่น้อย

                แผ่นฟ้าอดลำคอตีบตันขึ้นมาไม่ได้ที่อีกฝ่ายมองการกระทำของเขาว่ามีเจตนาแอบแฝง แต่เขามันพวกหน้าด้านหน้าทนอยู่แล้ว ต่อให้ถูกต่อว่าก็ไม่สะทกสะท้าน

                “อืม ถ้าไม่ลงทุน แล้วจะได้กำไรเหรอ?” แผ่นฟ้าตอบกลับอย่างกำกวม ถึงปฏิเสธก็เท่านั้น สู้ต่อปากต่อคำไปเลยจะดีกว่า อย่างน้อยก็ยังดีกว่าตอนที่ถูกห้ามไม่ให้พูดอะไร

                “นั่นสิ... ไหนๆ ก็ลงทุนลงแรงมาตั้งนาน จะยอมแพ้เอาตอนนี้ได้ยังไงเนอะ?” บีทประชดกลับไปทันที รอยยิ้มเหยียดหยันไม่รู้ว่าจะส่งให้คนฟังหรือตัวเองกันแน่

                “ใช่ ผมพยายามมาตั้งมากมาย อยู่ดีๆ จะปล่อยให้คนอื่นมาทำพังได้ไง” คำตอบรับทำให้สติขาดผึง บีทหันมาถลึงตาใส่อย่างกราดเกรี้ยว

                “ในที่สุดก็ยอมรับแล้วสินะว่าเล่นละครตบตาผมมาตลอด น่าเสียดายนะที่หลอกผมไม่ได้ตลอดรอดฝั่ง”

                “ผมหลอกอะไรคุณไม่ทราบ?” แผ่นฟ้าถามกลับบ้าง คล้ายกับกำลังปฏิเสธสิ่งที่ถูกกล่าวหา

                “เหอะ! รู้อยู่แก่ใจ ยังจะมาเฉไฉกลบเกลื่อนทำไมอีก”

                “ผมพูดความจริง ผมไม่เคยหลอกคุณ ไม่เคยคิดจะใช้ประโยชน์จากคุณ”

                “กลับกลอก เมื่อกี้คุณยอมรับออกมาแล้ว...”

                “ผมแค่ยอมรับว่าตัวเองลงทุน เพราะว่าผมลงทุนมอบความจริงใจให้คุณมาตลอด ผมก็แค่พยายามทำทุกวิถีทางให้คุณเปิดใจให้ แต่สาบานได้ว่ามันไม่มีเหตุผลอื่นมาเกี่ยว”

                “โกหก!!”

                “ผมไม่โกรธนะถ้าคุณไม่คิดจะเชื่อใครเลยสักคน ต่อให้ไม่เชื่อผมก็ไม่เป็นไร แต่ผมไม่พอใจตรงที่คุณเชื่อใจพี่อิฐมากกว่า”

                “ผมไม่เชื่อใครทั้งนั้น ผมเชื่อแต่ตัวเอง”

                “งั้นลองถามตัวเองดูอีกที... ว่าใครกันแน่ที่เริ่มต้นความสัมพันธ์นี้  ระหว่างผมที่อาสาจะช่วยคุณกับคุณที่ใช้ผมเป็นเครื่องมือเพื่อตัดใครบางคนออกไป ใครกันแน่ที่ถูกหลอกใช้!”

                คำพูดประโยคนี้ทำเอาบีทนิ่งอึ้ง เถียงไม่ออกไปอึดใจหนึ่ง 

                ตั้งแต่แรกมา บีทไม่เคยเชื่อใจแผ่นฟ้ามาตั้งแต่ต้น ต่อให้อีกฝ่ายจะยื่นข้อเสนออะไรก็จะหวาดระแวงและเผื่อใจไว้อยู่เสมอว่าอาจจะถูกหักหลังได้ทุกเมื่อ จนกระทั่งถึงช่วงที่เขาเจ็บปวดจนไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว จึงได้ยอมเสี่ยงเดินเข้าไปเอง แม้แต่ตอนที่ทิ้งศักดิ์ศรีร้องขอให้เขาเป็นคู่นอน บีทก็ทำใจไว้อยู่แล้วว่าอีกฝ่ายอาจจะมีแผนอะไรก็ได้ เขาเตรียมใจไว้อยู่แล้วกับเหตุการณ์ไม่คาดฝัน

                แล้วมันตั้งแต่ตอนไหนกันที่เขาเริ่มปลดปราการในใจลงมา เริ่มไว้เนื้อเชื่อใจ เริ่มวางใจว่าอีกฝ่ายคงไม่มีอะไรแอบแฝง... เขาแค่ถูกหน้ากากกลวงๆ พวกนั้นล่อหลอก หรือเป็นเพราะมิตรภาพความจริงใจที่สัมผัสกันแน่...

                “สิ่งที่ผมต้องการจากคุณ ผมบอกคุณไปตามตรง ถ้าคุณไม่อยากทำก็ปฏิเสธได้ทุกเมื่อ แต่สิ่งที่คุณต้องการจากผมแล้วไม่ยอมถามความสมัครใจผมก่อน แบบนั้นแหละมันถึงเรียกว่าหลอก ต่อให้คุณใช้ผมต่อรองแล้วยังไง ถ้าบอกผมก่อนผมก็ไม่โกรธคุณหรอก เพราะเราต่างคนต่างก็พึ่งพา ใช้ประโยชน์กันและกันมาตั้งแต่แรก แต่ที่ผมไม่พอใจก็เพราะคุณไม่ได้บอกแล้วปล่อยให้ผมมารู้เอาจากปากคนอื่นต่างหาก”

                บีทไม่ได้โกรธที่ถูกใช้ประโยชน์ แต่โกรธที่ถูกหักหลังต่างหาก

                “นี่คุณไม่เข้าใจเลยใช่ไหม? สิ่งที่ผมไม่ได้ทำ ผมจะบอกคุณก่อนได้ยังไง ผมไม่ได้หลอกใช้คุณ แค่คิดก็ไม่เคย ไอ้บริษัทห่วยแตกนี่มันจะเป็นของใครก็ช่างหัวมันสิขอแค่คุณยังอยู่กับผมก็พอแล้ว” แผ่นฟ้าร่ายยาวอย่างหมดความอดทนแล้วแทนที่จะมัวยักท่าอ้อมค้อม รักษาฟอร์มให้เสียเวลา เขาควรจะพูดสิ่งที่อยากพูดออกไปเลยเสียดีกว่า คนฟังจะเชื่อหรือเปล่าก็อีกเรื่องหนึ่ง “บีท...ที่ผมยังตามตอแยคุณอยู่เป็นเพราะว่าผมรักคุณต่างหากล่ะ”

                “ฮะ? ว่าไงนะ” คนฟังร้องเสียงสูงหลังจากฟังจบ สีหน้าเกิดความประหลาดใจเต็มเปี่ยม

                “ผมรู้ว่าคุณได้ยิน”

“มันไม่ใช่คำพูดที่ควรพูดพล่อยๆ หรอกนะ” บีทกอดอกบอกเขาเสียงเครียด

“เพราะรู้ว่าคุณจะไม่เชื่อไง ผมเลยไม่กล้าบอกสักที จนบางทีผมก็กลัวว่ายังไม่ทันได้พูดอะไร คุณก็หายไปซะแล้ว”

“ถึงคุณพูด ผมก็จะหายไปอยู่ดี” บีทตอบกลับอย่างเย็นชา

แผ่นฟ้าถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง ที่จริงแล้วเขามีเรื่องอยากจะพูดและอธิบายอีกมากมาย ถ้าอีกฝ่ายอดทนฟังสักหน่อยคงเข้าใจเรื่องที่เขาต้องการจะสื่อสารได้ แต่เรี่ยวแรงทั้งหมดมันเหือดหายไปพร้อมกับคำสารภาพรักเสียแล้ว พอคนฟังมีท่าทีไม่ยี่หระ เขาก็พลอยหมดอารมณ์จะปั้นแต่งคำพูดต่อไปอีก

“งั้นก็ช่างเถอะ ถือว่าผมไม่เคยพูดแล้วกัน เอาไว้สักวันที่คุณอยากฟังแล้วผมค่อยพูดให้คุณฟังใหม่”

บีททำเสียงหึในลำคอเบาๆ คล้ายกับเหยียดหยันฝ่ายตรงข้าม

เขาน่ะเหรอจะอยากฟังคำพูดโกหกหลอกลวงประเภทนั้นอีก...

ชายหนุ่มหมุนกายเดินไปยังห้องนอนของตัวเองเป็นการจบบทสนทนา ประตูห้องปิดลงพร้อมกับห้องนอนที่ล็อกอย่างแน่นหนาไม่มีทีท่าว่าจะเปิดออกมาอีก

แผ่นฟ้าห่อไหล่ รู้สึกรู้สึกเหนื่อยใจจนไม่อยากทำอะไรแล้ว เขาถูกทิ้งไว้ในห้องโถงกลางที่อาจจะไม่มีเตียงนอนให้นอนทว่ายังมีโซฟาเบดหลังหนึ่งและหมอนหนุนให้พอใช้พักผ่อนได้ในคืนนี้

ร่างสูงทิ้งตัวลงบนนั้น ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่าว่าบนโซฟาเนื้อนุ่มยังคงเหลือไออุ่นของใครบางคนติดไว้อยู่ เนื่องจากเครื่องปรับอากาศเปิดไว้ด้วยอุณหภูมิที่ไม่เย็นจนเกินไป ทำให้แม้ไม่มีผ้าห่มมาให้บริการก็ไม่ถือว่าลำบาก ชายหนุ่มเอนกายลงบนโซฟาเบดที่ปรับเอนจนแกล้งขึ้นแล้วคว้าตุ๊กตาหมีตัวหนึ่งมากอด ก่อนจะเคลิ้มหลับไป

ความสัมพันธ์ของเขากับบีทจะเป็นเช่นไรต่อไป คงต้องปล่อยให้เป็นเรื่องของวันพรุ่งนี้...

++++++++++++++++


ออฟไลน์ BAKA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3025
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-10
เฮ้อออออ ก็เข้าใจบีทนะที่จะระแวงแล้วคิดไปแบบนั้น
ยังไงก็ขอให้คลี่คลายเร็วๆละกันเนอะ อยากให้บีทมีความสุขสักที

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Duangjai

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 658
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1
..

..

แผ่นฟ้าเอ๋ย...ตื้อเท่านั้นจึงจะครองโลก

อดทน สู้ สู้.

บีทเอย... อย่ากลัวฝนเลย จะระแวงระวังไปถึงไหนนะ.

..

.
 :katai4:  :katai4:  :katai4:  :katai4:  :katai4:  :katai4:

..


ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3494
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
แผ่นฟ้าสู้ๆนะ

ออฟไลน์ ๛ナーリバス๛

  • ~~~๛NaaribuS๛~~~ ~ [TBL-081-588]
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1500
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +898/-26
    • NaaribuSS


-16-

ไม่กี่ชั่วโมงต่อมาเครื่องปรับอากาศก็ดับไปเพราะตั้งเวลาไว้ แต่อากาศเย็นมากพอจึงไม่ต้องพึ่งพัดลม ผู้เป็นแขกจึงนอนหลับอย่างสบายไปจนเกือบรุ่งสาง

ตอนนี้ใกล้สิ้นปีแล้ว ในเวลากลางวันอากาศไม่นับว่าหนาวแต่กำลังเย็นสบาย ทว่าตอนเช้ามืดอากาศจะเย็นกว่าปกติขึ้นไปอีก เมื่อความหนาวเข้าสู่โจมแผ่นฟ้าก็รู้สึกตัวขึ้นมา เขาตัวสั่นน้อยๆ แถมยังจามอีกสองสามที ตอนนี้อากาศเย็นจนเขาหลับไม่ลงแล้ว ได้แต่ขดตัวลืมตาโพลงรอเวลาให้เช้า

ท่ามกลางความมืดมิดและเยือกเย็น จู่ๆ บานประตูหนึ่งก็เปิดออก เจ้าของห้องย่องเท้าเบาๆ ราวกับแมวขโมยไม่อยากให้เจ้าของพื้นที่รู้ตัว แผ่นฟ้าเงี่ยหูฟัง ไม่ยอมขยับหันไปหาทั้งๆ ที่ตัวเขาตื่นแล้วและรับรู้ถึงการมาของอีกฝ่ายอย่างชัดเจนคล้ายกำลังรอดูท่าที

ใช่แล้ว... นี่มันเหมือนพลอตของนิยายน้ำเน่าทั่วไปนั่นแหละ พระเอกต้องนอนอยู่ที่โซฟาท่ามกลางอากาศหนาว จากนั้นนางเอกก็ใจอ่อนเดินมาหาพร้อมกับคลี่ผ้าห่มคลุมให้ จากนั้นผู้ใจบุญก็หมุนตัวกลับห้องตัวเองไป

แล้วพระเอกทั่วไปทำยังไงล่ะ? หลับสนิทไม่รู้ตัวเลยยันเช้า หรือว่ารู้ตัวเพียงแต่แกล้งหลับ?

แผ่นฟ้าไม่คิดว่าตัวเองเป็นพระเอก พอๆ กับที่ไม่คิดว่าบีทเหมือนนางเอกผู้ใจบุญ ความเป็นจริงแล้วหัวสมองของเขามันว่างเปล่าจนไม่คิดอะไรเลยสักอย่างนอกจากอยากรั้งอีกฝ่ายเอาไว้

ชายหนุ่มพลิกกายทันทีที่ผ้าห่มคลุมตัวเขา ชายหนุ่มดีดตัวลุกขึ้นคว้าข้อมือบีทแล้วกระชากเข้าหาตัวทันที บีทซึ่งไม่ทันตั้งตัวถูกคนที่กำยำกว่าตัวเองดึงเข้าหาอย่างแรงก็หน้าคะมำลงไป

เมื่อเป้าหมายเสียหลักลงมาทับ แผ่นฟ้าพยายามกักร่างอีกฝ่ายไว้ในอ้อมแขนสุดกำลัง ตัวของบีทไม่นับว่าอุ่น แต่ก็ช่วยให้หายหนาวขึ้นได้อยู่ดี

“ปล่อยนะ นี่คุณจะบ้าหรือไง” บีทโวยวายขณะดิ้นขลุกขลักพร้อมทั้งเตะขาแผ่นฟ้าอย่างไม่ปรานี

แผ่นฟ้าไม่คิดจะทน เขารัดร่างอีกฝ่ายแน่นอย่างกับงูเหลือมรัดเหยื่อ พาหมุนตัวไปอีกฟากหวังว่าจะกดบีทไว้ใต้ร่างจะได้ดื้อน้อยกว่านี้หน่อย ใครจะคิดเล่าว่าเมื่อสองร่างกลิ้งไปบนโซฟาเบดฝั่งที่ตอนแรกเป็นพนักพิงมันจะรับน้ำหนักไม่ไหวจึงเอียงกระเท่เร่

“โอ๊ย...” บีทร้อง ตัวเขาไหลกลิ้งตามโซฟาที่เอียงจนไหล่กระแทกพื้น ดังนั้นดวงตาที่เหลือบขึ้นจ้องมองคนต้นเหตุจึงแสดงความโกรธแค้นออกมาอย่างไม่ปิดบัง

“เจ็บหรือเปล่า ผมขอโทษ” แผ่นฟ้ารีบบอกอย่างสำนึกผิด เขาไม่ได้ตั้งใจทำให้อีกฝ่ายต้องเจ็บตัวสักหน่อย

                “ลุกออกไป!” บีทตวาดด้วยโทสะ

                “ใจเย็นๆ สิ ผมไม่ได้ตั้งใจนะ” แผ่นฟ้าเสียงอ่อน เขาลุกขึ้นยืนแล้วพยายามประคองบีทลุกขึ้น

                “ใจเย็นงั้นเหรอ แขนผมจะหักอยู่แล้ว... ผมไม่น่าออกมาเลย  รู้งี้ปล่อยให้คุณแข็งตายไปซะเลยดีกว่า” บีทตอบกลับ เขาทั้งฉุนเฉียวและนึกเสียใจที่เดินออกมา พอยืนขึ้นได้ก็สะบัดมือที่ประคองตนทิ้งอย่างไร้ค่า

                “งั้นทำไมไม่ทำล่ะ?” แผ่นฟ้าถามกลับอย่างยียวน คนฟังจึงถลึงตาใส่อย่างไม่สบอารมณ์ ยังไม่ทันเอ่ยตอบอะไร เขาก็เดาต่อ “คุณเป็นห่วงผมใช่ไหม?”

                “หึ! สำคัญตัวผิดไปแล้วมั้ง”

                “แค่ยอมรับออกมาตามตรงว่าห่วง มันจะยากขนาดไหนกันเชียว บีท...” ท้ายประโยคทอดเสียงคล้ายปลอบ พลางขยับเท้าเข้าใกล้ บีทถอยหลังช้าๆ ทว่าไม่อาจหลีกพ้นอ้อมแขนที่ตามมาเกี่ยวเอวเขาไว้ได้

                บีทยังคงหน้านิ่วคิ้วขมวดไม่หาย เขาไม่พอใจที่แผ่นฟ้าทำเหมือนเขาเอวบางร่างน้อย อันที่จริงความสูงของเขากับแผ่นฟ้าแทบไม่ต่างกัน อาจจะผอมกว่าก็แค่นิดหน่อยเท่านั้น ถึงเกย์สมัยนี้ชอบเล่นกล้าม แต่เขาไม่ชอบทำตัวเองให้หล่อล่ำแบบนั้น กล้ามเนื้อจึงกำยำอย่างคนที่ออกกำลังกายบ่อยๆ อย่างอิฐหรือแผ่นฟ้าไม่ได้ แต่ถึงอย่างไรก็ไม่ได้อ่อนแอปลิวลม ตัวเล็กน่ารัก น่าทะนุถนอมอย่างคุณแม่รับจ้างนั่นอยู่ดี

                จู่ๆ เขาก็เผลอกลืนน้ำลายลงคอ แล้วบอกตัวเองว่า ตัวเขาที่เป็นแบบนี้ย่อมดีอยู่แล้ว ไม่สมควรเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่น

                ตัวเล็กกว่าแล้วยังไง ท้องได้แล้วยังไง คนที่ไม่ชอบแบบนั้น และยอมรับเขาที่เป็นเขาได้ยังไงก็ต้องมีอยู่ หรือไม่ อยู่เป็นโสดไปตลอดชีวิตเลยก็ได้

                “ถอยไป ผมอึดอัด” บีทช้อนตาขึ้นมองพลางยกมือเรียวขึ้นผลักอกแผ่นฟ้า ทว่าคนที่ยืนคุกคามกลับไม่ยอมขยับตัวออกห่าง

                “อากาศหนาวจะแย่ อยู่ใกล้ๆ กันสิดี จะได้อุ่นๆ” แผ่นฟ้าตอบเฉไฉพร้อมส่งรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม ซ้ำยังส่งมือเย็นเฉียบคืบคลานเข้าไปสัมผัสผิวเปลือยใต้ชุดนอนจนบีทยิ่งหน้างอง้ำมากขึ้นไปอีก

                “จะมากไปแล้วนะ” คนที่ถูกลวนลามประท้วงเสียงต่ำ ถลึงตามองอีกฝ่ายทว่าเห็นแต่รอยยิ้มกวนโทสะ

                “มากไปยังไง เมื่อวานผมทำมากกว่านี้อีก คุณก็ไม่เห็นว่าอะไร เหมือนจะพออกพอใจด้วยซ้ำ” เขาตอบประชิดแก้ม

                บีทเม้มปากเมื่อคิดไปถึงค่ำคืนก่อนหน้าแล้วใบหน้าก็ร้อนขึ้นมาพลัน

                “ตอนนั้นผมยังไม่รู้นี่ว่าคุณมีเจตนาแอบแฝง!” บีทเถียงทันควัน

                “ต้องให้พูดกี่ครั้งถึงจะเชื่อเนี่ยว่ามันไม่จริง... พี่อิฐคิดไปเองทั้งนั้น”

                “คุณไม่มีอะไรยืนยัน...”

                “เขาก็ไม่มีเหมือนกัน ก็แค่สันนิษฐานไปเองจริงไหม? จนกว่าผลประกอบการไตรมาสหน้าจะออก คุณไม่รู้หรอกว่าใครกันแน่ที่โกหก คุณเลือกจะเชื่อเขาทันทีแบบนี้ไม่ยุติธรรมกับผมสักนิดเลย”

                “แล้วการปล่อยให้คุณหลอกต่อไปมันยุติธรรมกับผมงั้นสิ?”

                “แล้วมีตรงไหนไม่ยุติธรรมล่ะ? ที่ผ่านมาทำร้ายคุณเหรอ เอาเปรียบคุณหรือเปล่า ผมพยายามช่วยเหลือ ปกป้อง ดูแลคุณ ให้กำลังคุณ พยายามทำดีกับคุณ เอาใจคุณมาตลอด นอกจากนอนกับคุณแล้ว... คุณมีอะไรเสียหายอีกบ้าง” แรกๆ ก็ฟังดูน่าเชื่อถืออยหรอก แต่ประโยคสุดท้ายทำทุกอย่างดิ่งเหว

                บีททำหน้ายักษ์โวยวาย “แล้วความรู้สึกของผมล่ะ?”

                “ทำไม?”

                “อะไรมันก็ไม่เจ็บเท่าเจ็บใจหรอก”

                “ถ้างั้นก็ไม่ต้องเชื่อ ไม่ต้องไว้ใจ แผนการอะไรตอนนี้ก็รู้หมดทุกอย่างแล้วนี่ ไม่ต้องเชื่อฟัง ไม่ต้องร่วมมือ ก็แค่รอดูไปจนกว่าผมประกอบการจะออกมาก็พอ ถ้าผมหลอกคุณจริงๆ คุณจะแก้แค้นผมยังไงก็ได้” คำเสนอแนะเริ่มยอมรับได้แล้ว... บีทเริ่มเอนเอียงจนตอบรับพลางเอ่ยขู่

                “เอางั้นก็ได้... ถ้าคุณโกหก ผมจะตอนหมาคุณ” บีทบอกเสียงเหี้ยม

                “เดี๋ยวๆ โฟร์วิลด์ทำอะไรผิด! ถึงต้องไปทำมัน” แผ่นฟ้ารีบแย้งอย่างตกใจ

                “หรืออยากจะโดนซะเองล่ะ ถึงจะพอใจ?” คำถามทำเอาแผ่นฟ้าชะงักไปอึดใจ แต่เขาไม่ได้ทำอะไรผิดนี่นาทำไมต้องกลัวด้วยเล่า

                “ก็แล้วแต่... ยังไงผมก็ไม่ทำอะไรที่ผิดต่อคุณอยู่แล้ว บริสุทธิ์ใจซะอย่างไม่เห็นต้องกลัวอะไรเลย”

                เห็นแผ่นฟ้ายืดอกตอบอย่างมั่นอกมั่นใจแล้วก็ประหลาดใจเล็กน้อย ความขุ่นเคืองในใจคล้ายทยอยเบาบางลงหลายส่วน

                “บีท...”  เสียงนั้นลากยาวคล้ายปลอบ มือหนาไล้แก้มเจ้าของชื่อเบาๆ บีทเหลือบตามองเขาอย่างลังเล “ยังไม่ต้องเชื่อก็ได้ แค่ให้โอกาสผมอธิบายและพิสูจน์ตัวเองบ้างก็พอ เวลาจะทำให้คุณเข้าใจผมมากขึ้นเอง”

                บรรยากาศตอนนี้ทั้งเย็นและมืดสลัวดูเป็นใจไม่น้อย พอได้ยินแผ่นฟ้ากระซิบเสียงนุ่มทำเอาคนฟังอดเคลิ้มตามไปบ้างไม่ได้ เขาขยับคางเล็กน้อยจ้องมองแผ่นฟ้าที่โน้มหน้าลงมาเหมือนจะจูบ พลันหัวคิ้วมุ่นลงเล็กน้อยเอ่ยขัดด้วยเสียงเย็นชา “โอกาสของผมไม่รวมเรื่องนี้...”

                “ทำไมล่ะ? มันก็แค่เซ็กส์... ต่างคนต่างพอใจไม่ใช่เหรอ? ต่อให้ผมหลอกคุณจริง แต่บนเตียงผมก็ไม่ทำให้คุณรู้สึกแย่ แต่ถ้าผมไม่ได้หลอกคุณล่ะ คุณไม่คิดว่าผมน่าสงสารเหรอไงที่ต้องมารับกรรมในสิ่งที่ตัวเองไม่ได้ก่อ..”

                “ก็แค่ข้อตกลงชั่วคราว จะยกเลิกมันก็เป็นสิทธิ์ของผม”

                “ก็ถ้าไม่มีคนมาป่วน คุณก็คงไม่ยกเลิกข้อตกลงตอนนี้หรอกจริงมะ? เพราะงั้นผมมีสิทธิ์ที่จะทักท้วงขอความเป็นธรรมสิ”

                “หึ” บีทแค่นเสียงออกจมูกทว่าไม่ได้เอ่ยปากโต้เถียงอะไรอีก นับเป็นสัญญาณอันดีว่าอีกฝ่ายเหมือนจะหาเหตุผลมาเถียงไม่ออก

                จุมพิตละมุนเคลื่อนปิดริมฝีปากอิ่มนุ่มชุ่มชื้น ก่อนจะค่อยๆ บดเคล้าอย่างอ้อยอิ่ง เรียวขาคู่งามถูกท่อนขาแข็งแรงเบียดแทรกให้แยกออกกว้าง ทั้งคุกคามทั้งเย้าหยอก อุ้งมือหนาบีบคลึงสะโพกสอบเบาๆ เพื่อปลุกเร้าอีกฝ่ายและชักชวนเข้าสู่ห้วงเสน่หา บีทปรือตาลงรับสัมผัสเหล่านั้นเกร็งๆ คล้ายว่าอุณหภูมิร่างกายค่อยสูงขึ้นเรื่อยๆ จนหลอมละลายความอวดเก่งถือดีเอาแต่ใจเหล่านั้นลงช้าๆ ท่อนแขนที่เคยแนบลำตัวค่อยๆ ยกสูงขึ้นกลายเป็นโอบรอบคออีกฝ่ายไว้ จุมพิตฝืนๆ ค่อยๆ ดื่มด่ำลึกซึ้งมากขึ้นเรื่อยๆ สัมผัสที่อ่อนโยนคลับคล้ายว่าจะทวีความร้อนแรงขึ้นตามลำดับ จนชิ้นส่วนเสื้อผ้าเริ่มหลุดลงมากองทีที่พื้น

                บีทถูกพลิกร่างให้หันเข้าหาผนัง กางเกงนอนถูกถลกลงมาจนเห็นก้นขาว  ท่อนนิ้วดุดันค่อยสอดลึกลงไปในช่องทางปรารถนาขยับเคลื่อนอย่างเอาแต่ใจ

                บีทแอ่นสะโพกรองรับการปลุกเร้าอย่างว่าง่าย ร่างสมส่วนเกร็งไปทั้งตัว แผ่นอกสะท้านหอบระรัวอย่างอดกลั้น ภายใต้ความทรมานกลับผสมผสานด้วยความสุขสมแผ่ซ่านตามไขสันหลัง ความปั่นป่วนในกายทำให้เขาหูฝ้าตาลายไปบ้างพลางนึกเข้าข้างตัวเอง... ก็จริงอย่างที่แผ่นฟ้าว่า มันก็แค่เซ็กส์

                ผู้ชายสองคนต่างก็ต้องการปลดปล่อยอารมณ์ของตัวเอง บางครั้งอารมณ์มักไม่ต้องการเหตุผล แค่สนองอารมณ์ตัวเอง ไม่ต้องมีความรักก็ได้

                จะหลอกลวงหักหลังกันหรือเปล่าก็ช่าง แต่ระหว่างปฎิสัมพันธ์ต่างก็พอใจในสิ่งที่ได้ก็พอแล้วนี่...

                บีทปลอบใจตัวเองไม่ให้คิดมาก บอกตัวเองว่าไม่ต้องรู้สึกผิดที่รู้สึกดีกับสิ่งแปลกปลอมที่ขยับไหวอยู่ในกาย เติมเต็มให้เขาครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างหนักหน่วง... ก็เขาเป็นเพียงมนุษย์ปุถุชนคนธรรมดา ไม่แปลกที่ลุ่มหลงในกิเลสตัณหาไปบ้าง แต่อย่างน้อยเขาก็ไม่ได้บังคับขู่เข็ญ ไม่ได้แย่งของของใครไม่ใช่หรือ?

                บีทที่หาข้ออ้างให้ตัวเองได้แล้วแสร้งทำเป็นลืมความบาดหมางก่อนหน้านี้จนสิ้นเพื่อเพลิดเพลินกับความหฤหรรษ์ที่ถาโถมเข้ามาระลอกแล้วระลอกเล่า เขาขยับตัวตอบรับอย่างที่ต้องการ เปล่งเสียงครวญครางอย่างไม่ออมเสียง รวมถึงปลดปล่อยสายธารแห่งความปรารถนาออกมาจนเหนื่อยอ่อน 

                ท้ายที่สุดสองร่างที่กอดเกี่ยวกันอย่างแน่นแฟ้นมาครู่ใหญ่ๆ ก็ล้มตัวลงบนฟูกอุ่นในห้องนอนจนได้ บีทข่มตาลงปล่อยให้ร่างกายที่อ่อนเพลียได้พักผ่อน แสร้งทำเป็นไม่สนใจอ้อมกอดที่ยังคงติดหนึบไม่ห่างไปไหน ในขณะที่บีทท่อนขาอ่อนแรงร่ายกายอ่อนปวกเปียก เหมือนจะสลบลงไปให้ได้ทว่าแผ่นฟ้ายังคงรัดร่างเขาไว้ จรดริมฝีปากลงที่ซอกคอคลอเคล้าคลอเคลียไม่ยอมหยุดสักที ที่น่ารำคาญที่สุดจนไม่อยากให้อภัยคือคำพูดว่า “ผมรักคุณ” คล้ายจะพร่ำเพ้อออกมาอย่างไม่ขัดเขิน

                “เทียบกับบริษัทงี่เง่านั่นแล้ว คุณมีค่ากว่ามันไม่รู้กี่เท่า” แผ่นฟ้าบอกด้วยน้ำเสียงแสดงความลุ่มหลงออกมาอย่างไม่ปิดบัง แตะริมฝีปากกับไหล่เปลือยอย่างลุ่มหลง

                “หุบปากซะ... ผมจะนอนแล้ว” เสียงดุแผดลั่นออกมายับยั้งถ้อยคำที่ลอยวนอยู่ข้างหู แต่คนฟังก็ไม่ชักสีหน้าแต่อย่างใด น้ำเสียงนุ่มนวลตอบกลับอย่างเอาใจ

                “อือ... นอนเถอะ ผมรักคุณนะ” ตามด้วยจุมพิตกระหม่อมบีทอีกรอบ

                ลมหายใจคนฟังสะดุดไปชั่ววินาทีก่อนจะตอบกลับด้วยเสียงแห้งๆ ว่า “ถ้าคุณโกหก ผมจะตอนคุณ!!”

                แผ่นฟ้าหัวเราะกับน้ำเสียงเข่นเขี้ยวนั้นแล้วเอ่ยอย่างเอ็นดู “แต่ถ้าผมพูดจริง คุณจะยอมรับมันไว้ได้หรือเปล่า?”

                ทว่าคำถามนั้นไม่มีคำตอบ เพราะคนฟังดูเหมือนจะแกล้งหลับเพื่อหลีกเลี่ยงที่จะตอบ

                ส่วนคนถาม... อืม... ยังไม่ต้องตอบตอนนี้ก็ได้

                 เพราะบางครั้งแผ่นฟ้าก็กลัวคำตอบเหมือนกัน...     

.....................

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3494
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
จะรออ่านตอนต่อไปนะคะ

ออฟไลน์ nunda

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3004
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-2
อ่านแล้วสงสารบีทมากอ่ะ

ออฟไลน์ BAKA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3025
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-10
ค่อยๆคืบหน้าทีละนิดแบบต้วมเตี้ยมก็ได้ แต่อย่างต้องถึงกับถอยหลังเลยเนอะ สงสารบีทอ่าาาา

ออฟไลน์ ๛ナーリバス๛

  • ~~~๛NaaribuS๛~~~ ~ [TBL-081-588]
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1500
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +898/-26
    • NaaribuSS


-17-

                ภายใต้ผ้าห่มผืนหนา ร่างสูงโปร่งนอนหลับสบายจนสายโด่ง ในห้องของเขาไม่มีใครอื่นแล้ว เพราะแผ่นฟ้าจากไปสักพักแล้ว แต่ชายหนุ่มไม่สนใจยังคงหลับต่อด้วยความอ่อนเพลีย ทว่าเสียงกดกริ่งก็ดังขึ้นขัดการนอนจนได้ อาจจะไม่ดังถี่มากทว่าเมื่อถูกรบกวนขายหนุ่มก็หงุดหงิดจนหลับต่อไม่ลงแล้ว

                บีทลุกขึ้นนั่งพร้อมปรือตาอย่างยากเย็น ระหว่างเดินก็จัดเสื้อผ้าให้เข้ารูปเข้ารอยไปด้วย ประตูห้องพักเปิดออกพรวดพราดตามอารมณ์เจ้าของห้อง พร้อมใบหน้าไม่รับแขกยืนจ้องคนตรงหน้า

                 “พิซซ่ามาส่งค่ะ” หญิงสาวตรงหน้าเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม

                บีทมองถุงใส่พิซซ่าสลับกับพนักงานคอนโดพร้อมคิ้วที่ขมวดมุ่น

                “ผมไม่ได้สั่ง...” บีทตอบเสียงเข็ง ทว่าอีกฝ่ายฉีกยิ้มหวาน

                “มีคนสั่งไว้ให้ค่ะ จ่ายเงินเรียบร้อยแล้ว” เธอบอกแล้วยื่นยัดถุงให้ ก่อนที่คนส่งของจะหมุนตัวเดินกลับไปยังลิฟต์อย่างเริงร่า

                แน่ละสิ วันนี้โชคดีได้กินพิซซ่าฟรีนี่นา ตอนเช้าเมื่อมาผลัดเวรดูแลเธอก็เจอแผ่นฟ้าเดินลงมาพอดี ชายหนุ่มไหว้วานให้เธอช่วยสั่งอาหารพิซซ่าไว้แล้วส่งขึ้นไปยังห้องของบีทโดยเลี้ยงเธอด้วยเป็นการตอบแทน

                บีทรับเอาอาหารเดินเข้ามาในห้อง แม้จะรู้สึกว่าแผ่นฟ้าทำเรื่องเหลวไหลแต่ก็คิดว่าสบายดีเหมือนกันที่ไม่ต้องออกไปหาอะไรกินเองข้างนอก เขาเดินกลับมานั่งยังโซฟาเปิดทีวีดูพลางหยิบพิซซ่ากินสลับกับขนมปังด้านใน

                เขาเองทำใจได้แล้วหากถูกหลอก ไม่ว่าอย่างไรอีกสามเดือนทุกอย่างก็จบแล้ว... แต่ก่อนที่ทุกอย่างจะจบลงถ้าหากแผ่นฟ้าทำดีกับเขาแบบนี้เขาคงพอใจจนหายโกรธก็ได้...

                แต่ถ้าหากแผ่นฟ้าชอบเขาจริงๆ ขึ้นมาล่ะ? บีทนิ่งค้างไปอย่างเหม่อลอย ก่อนจะส่ายหน้าแรงๆ ทีหนึ่งเพื่อสลัดสิ่งเหล่านั้นออกจากสมอง ก้มหน้าก้มตากินต่อจนอิ่ม

                พิซซ่ากล่องหนึ่งกับของที่ติดมาด้วยช่วยยังชีพไปได้ทั้งวัน กระทั่งตอนเย็นแผ่นฟ้าก็กลับมาพร้อมกับหิ้วถุงก๊วยเตี๋ยวเรือมาด้วย

                บีทพูดอะไรไม่ออก คาดเดาเอาว่าอีกฝ่ายคงอยากเอาใจเขา แต่ไม่เห็นต้องเอาใจด้วยวิธีการนี้...

                “วันหลังไม่ต้องซื้อมาฝากนะ ก๊วยเตี๋ยวถ้าไม่กินร้อนๆ มันไม่อร่อย”

                “นี่ก็ยังร้อนอยู่”

                “หมายถึง ถ้าไม่กินทันที เส้นมันติดกัน ไม่อร่อย..” บีทยังคงเถียงทว่าก็คว้าถุงอาหารเดินไปยังมุมครัวเพื่อหาชามใส่อยู่ดี

                แผ่นฟ้าทำหน้าสลด ไม่อยากเถียงอะไรไปมากกว่านั้น เขาไม่ได้รอคอยให้บีทบริการแต่เดินไปต่อแถวหยิบชามและจัดการก๊วยเตี๋ยวของตัวเองอย่างเจียมเนื้อเจียมตัว สองคนนั่งกินเงียบๆ

                “ว่าแต่คุณเข้าออกที่นี่ได้ไง?” บีทเงยหน้าขึ้นถามเมื่อนึกขึ้นได้ เผอิญพบว่ากุญแจกับคีย์การ์ดของตัวเองยังอยู่

                “อ๋อ... เอาชุดในลิ้นชักไป” แผ่นฟ้าตอบพร้อมยิ้มแห้งๆ

                บีทตาแข็งชั่วขณะ นึกตำหนิที่เขาถือวิสาสะค้นข้าวค้นของในห้องโดยไม่ขออนุญาต แต่ด่าไปก็เท่านั้นแหละไม่มีประโยชน์อะไรจึงเงียบเสีย

                เมื่อพูดถึงกุญแจสำรองแล้วทำให้คิดถึงอิฐขึ้นมา กุญแจชุดนั้นแต่เดิมเขาเคยให้อิฐไว้ แต่อีกฝ่ายก็เอามาคืนตอนที่เขาขาหัก คงต้องการตัดขาดอย่างสิ้นเยื่อขาดใย

                “กลับบ้านกันเถอะบีท ถึงที่นี่จะอยู่ใกล้ที่ทำงานมากกว่าแต่ยังไงที่บ้านก็สบายกว่าอยู่ดี”

                “อยากกลับก็กลับไปสิ ไม่ได้รั้งไว้เสียหน่อย” บีทบอกอย่างไม่ใส่ใจก้มหน้าก้มตากินต่อ

                “ผมจะรอกลับไปพร้อมคุณ” คำตอบทำให้คนฟังถอนใจออกมาเฮือกหนึ่ง

                คนบ้าอะไรช่างตื๊อไม่เลิก!!

.


                แผ่นฟ้าอาศัยอยู่คอนโดของบีทมาสองวันแล้ว เนื่องจากบีทไม่ยอมกลับไปกับเขาสักทีและที่นี่ก็ไม่มีแม่ครัวคอยดูแลเรื่องอาหาร แผ่นฟ้าจึงซื้ออาหารแช่แข็งมาเก็บไว้แก้ขัดพร้อมกับขนมและของกินเล่นเต็มตู้ เช้ามาเขาตื่นขึ้นมาอุ่นข้าวต้มกินหนึ่งกล่อง กาแฟหนึ่งแก้วแล้วก็ไปทำงาน

                บีทตื่นขึ้นมาแล้วเดินไปที่มุมครัวก็พบโพสต์อิทแปะหน้าตู้เย็นบอกว่ามีข้าวกล่องอยู่ในตู้เย็น เลือกมาอุ่นกินได้ตามสบาย เขาไปทำงานก่อนนะ

                บีทเปิดตู้เย็น จากที่เคยโล่งว่างตอนนี้มีของกินยัดใส่ไว้หลายอย่าง แค่ของคาวก็มีสี่ห้าอย่าง ทั้งข้าวต้ม เกี๊ยวปลา ข้าวแช่แข็งอีกสองสามย่าง เขาหยิบข้าวต้มกล่องหนึ่งออกมาอุ่น หยิบนมออกมาเทใส่แก้ว ไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายชอบดื่มนมจืดเหมือนกันหรือเขารู้ว่าบีทชอบกันแน่เลยมีแค่รสเดียว กว่าข้าวจะสุกบีทก็กินไอศกรีมไปเกือบค่อนกระปุก พอกินข้าวหมดยังเลือกของกินอยู่พักใหญ่ก่อนจะหยิบเกี๊ยวลุยสวนมาอุ่นกินอีกอย่าง

                เขานั่งกินเกี๊ยวอยู่บนโต๊ะพร้อมกับหัวเราะตัวเองในตอนนี้ ปกติเขาไม่ใช่คนเห็นแก่กินสักหน่อย แต่กลับรู้สึกมีความสุขกับการคุ้ยหาของกินในตู้ นั่นเป็นเพราะที่ผ่านมาตัวเองไม่ได้ทำอะไรไร้สาระอย่างนั้น งานไกด์ทำให้เขาต้องเดินทางตลอด ที่ห้องไม่มีใครอยู่ ดังนั้นจึงซื้อของกินแต่ที่กินไหว ตู้เย็นติดไว้แต่น้ำเปล่า

                อดคิดไม่ได้ว่าถ้าไม่ต้องอยู่คนเดียวแบบนี้ตลอดไปก็คงดี

                ความคิดนั้นทำให้เขาตกใจตัวเองอยู่เหมือนกันที่เกิดความคาดหวังอะไรลมๆ แล้งๆ  รู้ทั้งรู้ว่าตัวเองกำลังโดนหลอก อีกฝ่ายแค่ทำดีด้วยเพื่อให้เขาตายใจ จะได้หลอกใช้ประโยชน์ได้ง่ายๆ ก็เท่านั้น แล้วยังไปซาบซึ้งทำไมอีก...

                เผื่อใจไว้บ้างดีกว่า ถ้าเชื่อใจไปทั้งหมดแล้ว ไม่พ้นต้องเจ็บเหมือนเดิมอีกแน่นอน...

                ตอนกลางวันกินของกินในตู้เย็น ตอนเย็นพาแผ่นฟ้าออกไปกินก๊วยเตี๋ยวเรือ อันที่จริงเขาก็ไม่ชอบมากขนาดต้องกินทุกวัน เพียงแต่รู้ว่าแผ่นฟ้าต้องเบื่อก็เลยอยากแกล้งเล่นเท่านั้น ทว่าเพื่อเอาใจบีทแล้วแผ่นฟ้าก็หลับหูหลับตากินเมนูเส้นทุกวันโดยไม่ปริปากบ่น จนกระทั่งบีทบินไปทำงานนั่นแหละถึงหลุดพ้นไปได้

                บีทหายไปราวๆ ห้าวัน แผ่นฟ้าจึงกลับมาอยู่บ้านตัวเอง พอถึงวันหยุดก็สั่งแม่บ้านมาเก็บกวาดห้องแล้วซื้อของกินอัดตู้อีกตามเคย

                 อีกสามเดือนผลประกอบการประจำไตรมาสจะออก เขาควรขยันมากหน่อย คราวนี้เขาจึงไม่ได้ไปรับบีทที่สนามบินเพราะไม่อยากโดดงาน เมื่อบีทมาถึงสนามบิน ทั้งที่ปกติแล้วควรกลับไปทันทีแต่วันนี้กลับกวาดตามองหาใครบางคนเสียก่อน พอเห็นว่าไม่มีใครมา หัวใจก็วูบโหวงขึ้นมาอย่างประหลาด จากนั้นก็ได้แต่ขำตัวเอง

                เห็นไหม... คาดหวังแล้วเป็นยังไง มันก็ผิดหวังอย่างนี้นี่เอง...

                บีทสลัดความรู้สึกที่ก่อกวนจิตใจออกไปอย่างเลือดเย็น เขาขับรถกลับมาจากสนามบินมาถึงห้องก็โยนสัมภาระกองทิ้งไว้ที่พื้น ดึงเนกไทออกและปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตสองสามเม็ด รวมถึงดึงชายเสื้อให้ออกมานอกกางเกง สาวเท้าเดินไปที่มุมครัวก็พบข้อความที่ติดอยู่ที่ตู้เย็น

                วันนี้มีประชุมสำคัญ เลยไม่ได้ไปรับ แต่ซื้อของกินไว้แล้ว เลือกกินไปก่อน

               เลิกงานแล้วจะรีบกลับ

                ฟ้า

                บีทยืนนิ่งจ้องมองข้อความนั้นอยู่นานก่อนที่มือเรียวจะเปิดประตูตู้เย็นพบของกินที่อัดแน่นตามเดิม เขาเปิดช่องแช่แข็งหยิบกระปุกไอศกรีมออกมามีกระดาษแปะอยู่บนนั้น

                กล่องที่แล้วผมกินหมดไปแล้ว เลยซื้อมาใช้ให้

            ไอศกรีมกระปุกที่เขากินเหลือแล้วแช่ไว้ตามเดิมหายไปแล้วจริงๆ บีทอดหัวเราะออกมาไม่ได้ ตัวเองเป็นคนซื้อมาแท้ๆ ยังต้องซื้อใช้ให้อีกหรือ...

                เขาเก็บกระปุกไอศกรีมเข้าที่เดิมแล้วหยิบน้ำผักผลไม้รวมขึ้นมาดู

             กินผักเยอะๆ ดีต่อสุขภาพ

                บีทอมยิ้มรินน้ำผักรวมใส่แก้วดื่ม หยิบของกินง่ายๆ ออกมาแล้วปิดตู้เย็น

                หลังจากหาอะไรใส่ท้องแล้วอารมณ์ก็ดีขึ้นมาก เขาเดินกลับไปที่ห้องนอนอย่างเริงรื่น แล้วก็รู้สึกห้องนอนมีกลิ่นหอมเตะจมูก เมื่อหันไปมองเตียงก็พบว่าชุดเครื่องนอนเปลี่ยนลายไปแล้ว

                เขาเปิดเครื่องปรับอากาศแล้วขึ้นไปนอนบนเตียง สูดกลิ่นหอมของน้ำยาปรับผ้านุ่มที่ติดอยู่บนผ้านวมคว้าหมอนข้างมากอด รอยยิ้มบางๆ ยังติดติดแก้ม เกิดความรู้สึกบางอย่างที่แสนประหลาด ราวกับหัวใจหนาวยะเยือกได้รับความอบอุ่นจากกองไฟ

                นี่เขากำลังถูกหลอกอยู่จริงๆ หรือ ถ้าหากเป็นอย่างนั้นจริงแผ่นฟ้าก็ช่างลงทุนนัก 

                ถ้าเป็นคนอื่นละก็ ซื้อใจกันแบบนี้ยังไงก็ยอมขาย แต่สำหรับเขาแล้ว...

.

                บีทซึ่งอ่อนเพลียจากการเดินทาง เมื่อเจอหัวถึงหมอนก็หลับปุ๋ย ไม่ตื่นขึ้นมาเลยจนกระทั่งแผ่นฟ้ากลับมา

                เมื่อเห็นบีทนอนหลับสนิทอยู่บนเตียง คนมาใหม่ก็ถือวิสาสะปีนขึ้นมานอนเบียดบนเตียง เขาตะแคงตัวกอดรัดแถมก้มลงจูบแก้มบีทโดยแรงอย่างไม่เกรงใจ บีทส่ายหน้าอย่างงัวเงีย ชักสีหน้าหงุดหงิดเมื่อโดนปลุก ทว่าแผ่นฟ้าแสร้งทำเป็นไม่สนใจ เขากอดรัดอีกฝ่ายไว้และแกะกระดุมเสื้ออย่างว่องไว

                ปากขบใบหูคนขี้เซาอย่างหยอกเย้า ส่วนสองนิ้วนวดคลึงขยี้ยอดอกอย่างรุนแรงเสมือนกลั่นแกล้ง บีทกระสับกระส่ายดิ้นรนออกมาแต่คนที่นอนซ้อนหลังไม่ใส่ใจ เขากดไหล่บีทลงกับเตียงแล้วเคลื่อนกายขึ้นคร่อม ป้อนจุมพิตดื่มด่ำลงบนเรียวปาก

                บีทเพิ่งตื่นสมองยังใช้การไม่ดีพอ เมื่อถูกจูบอย่างกระหายก็พลอยตอบสนองกลับไปอย่างเผลอไผล ลิ้นนุ่มหลอกล้อกันภายในโพรงปากอย่างสนิทสนม สร้างความพึงพอใจให้แผ่นฟ้าไม่น้อย เขาแหวกเสื้อให้แยกกว้างก่อนฝังจมูกปากลงบนแผ่นอก บีทขมวดคิ้วเกร็งตัวแน่น เมื่อความนุ่มชื้นครอบครองยอดอก ปลายลิ้นนุ่มไล้เลียไปมาจนตุ่มเล็กแข็งชัน บีทผลักศีรษะอีกฝ่ายออกไปทันทีทว่าอีกฝ่ายไม่สะทกสะท้านยังคงละเลงลิ้นต่อไป

                คนเพิ่งตื่นนั้นร่างกายจะคึกคักกว่าปกติอยู่แล้วเมื่อถูกปลุกเร้าบีทยิ่งเคลิ้มตามได้ง่ายกว่าเดิม ลมหายใจพลันหอบแรงตามแรงกระตุ้น

                ไม่นานเสื้อผ้าเริ่มถูกดึงทึ้งออกไปทีละชิ้น ท่อนขาถูกแยกกว้าง ท่อนนิ้วยาวและแข็งค่อยๆ สอดคลึงขยับเข้าออกเบาๆ อย่างเชื่องช้า บีทเริ่มหายใจติดขัด สะกดเสียงครางต่ำในลำคอสุดความสามารถ ทว่ายังห้ามตัวเองไม่ใคร่จะได้

                เพียงเพราะบีทไม่ชอบทำให้ตัวเองลำบาก ดังนั้นก่อนหน้านี้จึงสั่งสอนเรื่องการเตรียมช่องทางให้อีกฝ่ายไว้บ้าง ดังนั้นก่อนที่แผ่นฟ้าจะดึงดันใส่เข้ามาจึงรู้จักใช้เจลช่วย เขาค่อยๆ เพิ่มจำนวนนิ้วเพื่อปรับขยายช่องทางที่คับแน่นให้ผ่อนคลายอย่างใจเย็น จนบีทเริ่มจะใจร้อนแทนแล้ว

                “ใส่เข้ามาเถอะ...” บีทกดเสียงต่ำ เสมือนออกคำสั่งผู้อยู่ใต้บังคับบัญชา แผ่นฟ้าเคยชินแล้วเลยไม่ถือสาอะไร เพราะความจริงเขาเองก็รอให้อีกฝ่ายเอ่ยชวนอยู่เหมือนกัน

                บีทหลุดเสียงครางในลำคอเบาๆ เมื่อความโอฬารดุนดันเข้ามา ร่างกายสั่นระริกเหงื่อผุดพราย อุณหภูมิร่างกายคล้ายสูงขึ้นเรื่อยๆ อาจจะเป็นเพราะผิวเนื้อที่กำลังเสียดสี ส่วนนั้นชำแรกลึกลงในช่องทางก่อนจะขยับเข้าออกตามจังหวะ เมื่อจุดอ่อนตามธรรมชาติถูกกระทบพลันทำให้ความเสียดเสียวแล่นริ้วไปทั่วร่าง เทคนิคลีลาของอีกฝ่ายไม่เลวเลย บีทเลยไม่ต้องเหนื่อยเป็นฝ่ายนำ เพียงแค่พลิกตามอีกฝ่ายไปมาก็ได้รับความสุขแล้ว...

                แผ่นฟ้าเร่งจังหวะสะโพกที่เคลื่อนไหว ระหว่างมองใบหน้าเย็นชาเป็นนิจที่ตอนนี้แดงเรื่อบิดเบี้ยวไปตามอารมณ์ที่ถูกระตุ้น เขาโน้มตัวลงไปมอบจูบร้อนแรง

                “บีท...ผมรักคุณ...” แผ่นฟ้ากระซิบ ทำเอาคนฟังลมหายใจสะดุดไปนิดหนึ่ง แต่เพราะคนพูดยังคงเร่งเติมเชื้อไฟราคะให้โหมกระหน่ำไม่หยุดบีทจึงไม่ได้ตอบอะไร เขาหลับหูหลับตาจูบตอบ ร่างกายยังคงสั่นไหวตามแรงกระทั้น ห้วงอารมณ์ดิ่งลึกลงไปในความสุขสมจนสมองขาวโพลนไปหมด หลังจากนั้นไม่นานร่างกายกระตุกสั่นปลดปล่อยหยาดของเหลวออกมา

                หลังการปลดปล่อยบีทก็หมดเรี่ยวแรง ทว่าแผ่นฟ้ายังคงเติมเต็มตัวเขาอย่างต่อเนื่อง ช่องทางที่หดรัดทำให้แผ่นฟ้าระเบิดอารมณ์ตามมา ไม่นานจากนั้นความเคลื่อนไหวก็หยุดลง ทว่าสองร่างยังคงแนบชิด แก่นกายที่อ่อนตัวยังแช่ค้างที่เดิม ระหว่างที่เสียงหอบหายใจดังประสานค่อยๆ ผ่อนลงตามลำดับ

                บีทขยับตัว ตั้งใจผลักร่างแผ่นฟ้าให้ห่างออกไป เพราะส่วนนั้นอ่อนตัวลงแล้วจึงหลุดออกอย่างง่ายดาย แผ่นฟ้าพลิกกายออกห่างขยับเข่าไปทิ้งถุงยางที่อัดแน่นไปด้วยคราบขาวลงถังขยะ ก่อนจะกลับมากอดรัดร่างชื้นเหงื่อบนเตียงอีกรอบ

                บีทโดนอีกฝ่ายรัดแน่น ศีรษะถูกจูบย้ำๆ มือหนาลูบไล้ท้องเปลือยไปมาเขาก็นิ่วหน้าเอ่ยเสียงดุ “พอแล้ว...”

                แผ่นฟ้าหัวเราะหึๆ แล้วบอกเหมือนไม่เต็มใจว่า “ก็ได้...”

                บีทได้ยินคำตอบก็คลายใจค่อยๆ ปิดเปลือกตาลง แผ่นฟ้ายังยังกอดเขาไว้ก้มจูบที่ไหล่เปลือยทีหนึ่งแล้วกระซิบว่า “บีท... ผมรักคุณนะ ผมรักคุณ”

                หัวใจคนฟังพลันกระหน่ำรุนแรงขึ้นมาเฉยๆ ทว่ามิได้เอ่ยคำใดออกมา

                อันที่จริงแล้วบีทย่อมรู้ว่าจะเชื่อคำบอกรักที่เอ่ยในยามร่วมสัมพันธ์ไม่ได้ เพราะสำหรับผู้ชายแล้ว คำบอกรักหรือคำสัญญาใดที่เอ่ยในตอนนี้ มันก็เป็นแค่เทคนิคหนึ่งที่ช่วยเพิ่มรสรักได้เท่านั้นเอง... ไม่ควรเก็บเอามาใส่ใจ

                แต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะน้ำเสียงอ่อนโยนแหบพร่าที่กระซิบบอก หรือรสรักที่สมบูรณ์แบบที่อีกฝ่ายมอบให้กันแน่ที่พลอยทำให้บีทเริ่มหวั่นไหว

                ถ้าแผ่นฟ้ารักเขาจริงๆ จะดีสักแค่ไหนนะ

++++++++++++
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-03-2018 19:23:29 โดย ๛ナーリバス๛ »

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3494
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
บีทเริ่มหวั่นไหวแล้ว แผ่นฟ้าพยายามเข้านะ

ออฟไลน์ BAKA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3025
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-10
แผ่นฟ้าพยายามเข้านะ ความสม่ำเสมอคงทำให้บีทเชื่อได้แหละเนอะ สู้ๆ

ออฟไลน์ ♀♥♀DearigA♂♥♂

  • ♥kacha♥
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 227
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด