เจ้าเล่ห์แสนรัก
-8-
“แน่นอนอยู่แล้ว” แผ่นฟ้าตอบกลับไปทันทีราวกับไม่ทันได้คิด แต่อันที่จริงเขาคิดดีแล้วต่างหาก
เขาค่อนข้างมั่นใจว่าน่าจะเป็นเรื่องเดียวกัน หรือต่อให้ไม่ใช่ แต่หากเป็นเรื่องที่ไม่เหลือบ่ากว่าแรงเขาก็คงยินดีทำอยู่ดี
สายตาของบีทแสดงออกอย่างชัดเจนว่าไม่ไว้ใจแผ่นฟ้า ชายหนุ่มไม่รู้สึกผิดหวังอะไร เพราะตัวเขาเองก็เปลี่ยนไปมากจริงๆ
ก่อนหน้านี้เขาไม่ค่อยชอบบีท เพราะอีกฝ่ายดูหยิ่งและเอาแต่ใจ เขามองภาพพี่ชายเอาอกเอาใจฝ่ายนั้นจนชินตา บางครั้งสงสัยว่าพี่ชายไม่เหนื่อยบ้างหรือไง แต่ครั้นมาเทียบกับตัวเองเวลาตามจีบใครสักคนหนึ่งก็เข้าใจว่า คนกำลังรัก กำลังหลงก็เป็นอย่างนี้แหละ แรกๆ ก็เอาอกเอาใจ ตามใจมากเป็นธรรมดา แต่สักวันก็มีวันจืดจาง เบื่อกันไปเอง จากนั้นก็มีคนใหม่...
เวลาผ่านไปวันแล้ววันเล่า ความคิดของเขาก็เปลี่ยนแปลงไป จากที่เคยควงผู้หญิงมากหน้าหลายตาก็เริ่มเพลาลง กลายเป็นความเบื่อหน่าย เขาหันไปมองพี่ชายที่คบกับผู้ชายคนเดิมมาสามปีแล้วก็ยังรักกันดีอย่างริษยา
เขาก็อยากจะคบกับใครสักคน รักกันยาวนานอย่างนั้นบ้าง แต่ผิดที่เขาเป็นขี้รำคาญ เวลาเจอผู้หญิงมาวุ่นวายซักไซ้เรื่องส่วนตัวมากเกินไปก็พลอยหงุดหงิด อีกทั้งเป็นคนขี้ระแวงและช่างสังเกต ถ้าหากถูกนอกใจก็จะจับได้อย่างรวดเร็ว ดังนั้นเขาก็เลยคบกับใครไม่ยืดสักที สุดท้ายแล้วเขาจึงกลายเป็นคนอาภัพรักไปโดยปริยาย ผิดกับพี่ชายคนดีที่มีพร้อมไปหมดทั้งทรัพย์ศฤงคารและความรักหวานชื่น...
เขาเป็นลูกพี่ลูกน้องกับอิฐแท้ๆ ความจริงควรจะรักใคร่สนิทสนมกันตามประสาญาติ แต่น่าเสียดายที่มารดาเสียไปตั้งแต่ยังเด็ก บิดาเห็นว่าทรัพย์สินที่เหลือไว้ก็ไม่ใช่น้อยจึงใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่ายไม่หยุด ผ่านไปไม่กี่ปีก็เป็นหนี้ก้อนใหญ่ สุดท้ายแม้แต่เรือนหอก็เกือบหลุดจำนอง ตอนนั้นคุณลุงสงสารเขาเพราะอย่างน้อยก็เป็นลูกชายคนเดียวของน้องสาวที่เสียไป จึงช่วยไถ่ไว้ให้แล้วโอนเป็นชื่อของเขาจึงเหลืออยู่ แต่ก็เอ่ยปากว่าจะไม่ช่วยเหลืออะไรคุณพ่อซ้ำอีก แทนที่จะซาบซึ้งกลับทำให้คุณพ่อไม่พอใจ หลังจากนั้นพวกเขาจึงห่างเหินกับครอบครัวของลุงป้าไปหลายปี จนกระทั่งเขาเรียนจบคุณลุงจึงบอกให้เขามาทำงานที่บริษัทพร้อมทั้งโอนหุ้นในส่วนที่ควรจะเป็นของแม่มาให้ แต่ท่านคงไม่คิดหรอกว่าพอท่านเสียไป เขาจะกลายเป็นคนเนรคุณที่ทำได้ทุกวิธีเพื่อยึดตำแหน่งประธานบริษัทที่ท่านก่อตั้งมาอย่างนี้...
อันที่จริงเขาก็แค่อิจฉา อยากจะเอาชนะพี่ชายตัวเองให้ได้เท่านั้นเอง ใครจะคิดว่าสุดท้ายเรื่องราวกลับเลวร้ายได้ถึงขนาดนี้ แต่ต่อให้นึกเสียใจตอนนี้จะมีประโยชน์อะไร เด็กก็ตายไปแล้ว คนก็หนีไปแล้ว ต่อให้เขาปฎิเสธไม่รับตำแหน่งนั่นเพื่อไถ่บาปก็สายไปแล้วอยู่ดี
สิ่งที่เขาพอจะแก้ไขได้คงเหลือแค่บีทนี่แหละ...
ตอนแรกเขาอาจจะเคืองใจอยู่บ้างที่บีทยังคงเจ้าคิดเจ้าแค้นไม่เลิก แต่พอนึกดูดีๆ ตัวเองก็มีส่วนผิด ถ้าไม่สอดรู้สอดเห็นเอาเรื่องพี่อิฐไปฟ้องเขา ไม่ชักชวนเขามาเป็นพวกด้วยเรื่องแก้แค้น เรื่องราวอาจจะไม่ลุกลามใหญ่โต ถึงบีทจะร้ายกาจไม่ใช่ย่อยก็เถอะ แต่ช่วยไม่ได้นี่ เพราะอิฐก็ผิดที่นอกใจก่อน คงเพราะช่วงหลังๆ แผ่นฟ้าใกล้ชิดกับบีทกว่าเก่ามาก ได้เห็นความเจ็บปวดและความรักมั่นคงของเขา ชายหนุ่มจึงเผลอเข้าข้างอย่างไม่รู้ตัว สุดท้ายแล้วอคติที่เคยมีก็กลายเป็นความเห็นอกเห็นใจไปจนได้...
เขาเพียงแค่ชะล่าใจปล่อยให้ความสงสารครอบงำเพียงไม่นาน ไม่คิดว่าผลของมันจะร้ายแรงเพียงนี้
จาก “ไม่รู้จัก” กลายเป็น “คุ้นเคย”
จาก “เฉยชา” กลายเป็น “ห่วงใย”
จาก “นึกถึง” กลายเป็น “คิดถึง”
กว่าจะรู้สึกตัวเขาก็ปล่อยให้อีกฝ่ายเข้ามามีอิทธิพลจนกลับตัวไม่ทันเสียแล้ว
แต่ในขณะที่เขาเปลี่ยนไปขนาดนี้ อีกฝ่ายกลับไม่เปลี่ยนไปเลย... แผ่นฟ้าไม่รู้ว่าควรสงสารบีทหรือสงสารตัวเองดี
เอาเถอะ เขาคงไม่ถึงกับหวังว่าบีทจะเลิกรักอิฐได้ภายในวันสองวัน แต่อย่างน้อยแค่พอทำใจให้หายเศร้าได้บ้างเขาก็ดีใจแล้ว ดังนั้นไม่ว่าอีกฝ่ายจะร้องขออะไร เขาก็คิดว่า... สามารถทำให้ได้ทั้งนั้น
จะว่าไปแล้วแนวคิดสุดโต่งขนาดนั้น... อย่าว่าแต่บีทจะไม่เชื่อ เขาเองก็ไม่อยากเชื่อเหมือนกันแหละ!
ไม่ทันตอบอะไรออกมาจู่ๆ บีทก็ยืดตัวขึ้นเต็มความสูงที่ไม่มากไม่น้อยไปกว่ากันนัก ดวงตาคู่สวยที่เบิกกว้างเมื่อครู่กลับเป็นปกติแล้ว มุมปากเหยียดยกขึ้นเล็กน้อยไม่ถึงกับยิ้มแต่ก็อ่อนโยนลง เขากระตุกสายจูงในมือพาโฟร์วิลด์เข้าบ้าน โดยไม่ต้องรอให้เจ้าของบ้านเชื้อเชิญเลย
แผ่นฟ้าหมุนตัวมองตามเขาไป พร้อมกับคิ้วที่ขมวดเล็กน้อย อย่าว่าแต่บีทไม่เข้าใจเขา ตัวเขาเองก็ไม่เข้าใจบีทเหมือนกันว่าคิดอะไรอยู่กันแน่
แผ่นฟ้าอู้งานอยู่บ้านทั้งวัน เพราะอยากอยู่เป็นเพื่อนบีทที่ไม่ได้ทำอะไรนอกจากเล่นกับหมา พวกเขาไม่ได้พูดคุยอะไรกันอีก แต่ชายหนุ่มก็โมเมไปเองว่าบีทคงจะอยู่กินข้าวเย็นด้วยจึงสั่งให้เด็กรับใช้จัดเตรียมกับข้าวไว้หลายอย่าง
หลังกินข้าวเย็นไปได้ไม่มาก บีทก็รวบช้อนเสียงดัง ทำให้คนร่วมโต๊ะเหลือบตาไปมอง พลางคิดไปว่าคงถึงเวลาที่บีทจะงอแงให้เขาไปส่งบ้านแล้ว ทว่าผิดคาด
“ผมจะไปอาบน้ำนะ ถ้าอิ่มแล้วก็ตามเข้าไปแล้วกัน” เขาบอกเรียบๆ แล้วลุกขึ้นเดินออกจากโต๊ะ
แผ่นฟ้าเอี้ยวคอมองตามอย่างงุนงง บีทไม่ได้ขอให้เขาไปส่งทั้งๆ ที่เย็นป่านนี้แสดงว่าตั้งใจจะค้าง... แถมยัง...
อาบน้ำ? ตามไป?
หัวสมองพลันคิดถึงเรื่องใต้สะดือขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่แต่แล้วก็เตือนตัวเองให้สงบจิตใจลง
อันที่จริงเขาควรจะกินได้มากกว่านี้แต่เพราะความอยากรู้อยากเห็นทำให้รวบช้อนแล้วลุกขึ้นตามไปทันทีเช่นกัน
เขาเปิดประตูห้องที่บีทเคยมาพัก ซึ่งไม่ได้ล็อกไว้ ด้านในไม่มีใครอยู่ มีเพียงเสียงน้ำฝักบัวเบาๆ ดังมาจากห้องน้ำส่วนตัว ข้าวของเครื่องใช้ยังคงอยู่เหมือนเดิม เพราะตอนที่อีกฝ่ายย้ายออกไปไม่ได้นำอะไรออกไปด้วย เนื่องจากส่วนใหญ่เป็นของที่เขาซื้อให้ หรือไม่ก็เป็นของชิ้นเล็กชิ้นน้อยไม่มีราคาค่างวดอะไร ชายหนุ่มนั่งลงบนเตียงนุ่มพักใหญ่อีกฝ่ายก็ไม่ออกมาเสียที เขาจึงเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าตัวเองก็ควรอาบน้ำเหมือนกัน จึงกลับห้องตัวเอง ตอนที่เขาอาบน้ำเสร็จ และย้อนกลับมาอีก เป็นช่วงที่บีทเดินมาจากห้องน้ำพอดี
สายตากระทบลงบนร่างผอมที่ยกผ้าขนหนูเช็ดผมเปียกปอนระต้นคอ ร่างกายมีเพียงผ้าขนหนูผืนหนึ่งปกปิดท่อนล่าง เปิดเผยผิวกายเนียนละเอียดงดงามอย่างคนชอบดูแลตัวเอง บีทไม่ใช่ผู้ชายตัวเล็กน่าทะนุถนอม เขาค่อนข้างสูงจนห่างไกลคำว่าน่ารัก แต่ก็ไม่ผอมบางจนเกินไปแม้ไมได้ฟิตหุ่นจนมีลอนกล้ามสวยงาม ทว่าก็ไม่มีไขมันส่วนเกินให้เห็น
บีทแสร้งทำเป็นไม่เห็นสายตาที่กวาดมองตัวเองอย่างละเอียด เขาไม่ใช่ไม่เคยเปลือยกายต่อหน้าคนอื่นเสียเมื่อไร สายตาที่จาบจ้วงหยาบโลนกว่านี้ก็เคยเจอมาแล้ว นับประสาอะไรกับสายตาอยากรู้อยากเห็นติดประหม่าแบบนี้
“อาบน้ำมาแล้วเหรอ” บีทเดินเข้าไปใกล้เอ่ยถามเหมือนผู้ใหญ่ถามเด็ก
“ที่จริงผมมาที่นี่ก่อนแต่คุณไม่ออกมาเสียทีเลยเปลี่ยนใจขึ้นไปอาบน้ำ” แผ่นฟ้าตอบตามตรง ไม่ได้ตั้งใจต่อว่าที่อีกฝ่ายอาบน้ำนานเลยสักนิดแต่อีกฝ่ายกลับเข้าใจผิด น้ำเสียงที่ตอบจึงเจือหงุดหงิดเล็กน้อย
“ผมก็มีเรื่องที่จำเป็นต้องทำนี่นา”
“ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย” แผ่นฟ้าตอบกลับยิ้มๆ ไม่ถือสา
“อืม... งั้นก็ปิดไฟเถอะ” บีทยังคงหรุบตาลงมองพื้นห้อง เอ่ยแผ่วเบา
“ปิดทำไม?”
“รู้แล้วยังจะถามอีก”
“เอ้า... ถ้ารู้ผมจะถามทำไม”
“ก็คุณไม่ใช่เหรอไง ที่อาสาจะเป็นคนช่วยให้ผมลืมพี่ชาย ต่อให้คำพูดนั้นมันจะผ่านมาตั้งนานแล้ว แต่เมื่อกี้ผมก็ถามคุณซ้ำแล้วนี่นา แล้วคุณก็ตกลงแล้วด้วย... หรือว่าจะเปลี่ยนใจ?”
แผ่นฟ้าคลี่ยิ้มออกมาพลางส่ายหน้า ใช่ว่าเขาจะโง่ไม่เข้าใจ แต่เขาแค่อยากขอคำยืนยันอย่างชัดเจนสักครั้งเท่านั้นแหละ เรื่องแบบนี้มันเป็นเรื่องใหญ่ จะทำอะไรก็ควรเป็นขั้นเป็นตอน ละเอียดรอบคอบหน่อยสิ!
“คุณคิดว่าดีแล้วใช่ไหมที่ทำแบบนี้?”
“อาจจะไม่ แต่ก็เป็นวิธีเดียวที่คิดออกตอนนี้” บีทตอบโดยไม่มองหน้าเขา แม้ใบหน้าไม่แสดงความรู้สึกแต่กระแสเสียงก็เจือหม่นหมองอยู่ดี
“งั้นก็ไม่ต้องปิดไฟหรอก ผมอยากเปิดโลกทัศน์” แผ่นฟ้าตอบ รอยยิ้มบางๆ แต่ดวงตากับร้อนแรงดังไฟ
บีทไม่เห็นแววตาพวกนั้นเอาแต่คิดในใจว่า สำหรับคนที่คบแต่กับผู้หญิงมาตลอด ร่างกายของผู้ชายมันจะมีอะไรน่าดู แต่ก็ไม่อยากสาธยายเยิ่นเย้อจึงพูดออกมาตรงๆ ว่า
“แล้วผมจะทำยังไง ถ้าคุณเกิดไม่สู้ขึ้นมากลางคัน”
“นั่นมันเป็นปัญหาของคุณ...” แผ่นฟ้าตอบด้วยเสียงกลั้วหัวเราะ แต่ทำให้คนตรงหน้าขึงตาใส่ “ผมรู้น่าว่าคุณมีวิธีแน่… ยกเว้นเสียแต่ว่าคุณจะอยากปิดไฟเพราะจะได้จินตนาการถึงคนอื่นได้ถนัด”
“นั่นมันก็เป็นเรื่องของผมนะ!”
“ไม่เอาน่า คุณไม่ควรทำเรื่องเสียมารยาทอย่างนั้น” แผ่นฟ้าเตือนด้วยเสียงทุ้มพร่า ปลายนิ้วไล้ต้นคอบีทเบาๆ อย่างหยอกเย้า สัมผัสเปียกลื่นทำให้เขาเอ่ยต่อว่า “ผมคุณเปียก... ผมจะไปเอาไดร์ที่ห้องมาให้”
ไม่ต้องรอคำอนุญาต ฝ่ายนั้นก็ผละออกไปแล้ว
บีทถอนใจออกมาเฮือกหนึ่ง แล้วก้าวขาอย่างอ่อนแรงลงไปนั่งที่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งพลางทบทวนรอบที่ล้าน
คุ้มแล้วหรือที่เขาจะเสี่ยงแบบนี้ เขาจะมั่นใจได้อย่างไรว่าแผ่นฟ้าไม่ได้มีแผนการใดซุกซ่อนอยู่ ฝ่ายนั้นเจ้าเล่ห์แสนกลกลับกลอก ไม่น่าไว้ใจแต่แรกอยู่แล้ว เดิมทีเมื่อได้ทุกอย่างตามต้องการ พวกเขาสองคนก็ไม่จำเป็นต้องเกี่ยวข้องกันอีก แต่แผ่นฟ้าก็ยังตอแยเขาไม่ปล่อย ทำตัวเป็นคนดียื่นมือเข้าช่วยเขาหลายต่อหลายครั้ง ราวกับกำลังขุดหลุมหลอกล่อให้เขาตกลงไปในกับดัก เขาทั้งสับสนทั้งหวาดระแวง แต่สุดท้ายก็หลงเดินเข้ามาซ้ำแล้วซ้ำอีก จนในที่สุดก็ตัดสินใจแน่วแน่ว่าจะหลับหูหลับตาทำเป็นมองไม่เห็น แผ่นฟ้าต้องการอะไรก็ช่างเขา เขารู้ว่าเขาต้องการอะไรก็เพียงพอ
ในเมื่อเขาตัดใจจากอิฐเองไม่ได้เขาก็ต้องให้คนอื่นมาทำแทน ซึ่งต้องเป็นแผ่นฟ้าคนเดียวเท่านั้น... เพราะต่อให้มีความสัมพันธ์กับผู้ชายทั้งโลกจะมีประโยชน์อะไร คนก็เลิกไปแล้ว เขาจะมีคนอื่นก็ไม่ผิด ก็คงหวังลมๆ แล้งๆ ว่าจะมีโอกาสกลับมาได้อยู่ดี ยกเว้นแต่กับคนที่เกี่ยวพันธ์กันทางสายเลือด ต่อให้ไม่ได้คลานออกมาจากท้องแม่เดียวกันแต่ก็ถือว่าเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน ขอแค่เขากัดฟันทนมีอะไรกับแผ่นฟ้าแค่สักครั้ง เรื่องของเขากับอิฐ... ถึงไม่ตัดก็ขาดอยู่ดี
เสียงประตูเปิดออกแปลว่าแผ่นฟ้ากลับมาแล้ว บีทไม่ได้หันไปมอง แต่ถึงอย่างไรฝ่ายนั้นก็เดินมาหาเขาอยู่ดี ทำให้สองฝ่ายเผลอสบตากันผ่านกระจก ไม่มีคำพูดใดอีก แผ่นฟ้าแค่ลงมือไดร์ผมให้บีทเงียบๆ ทำเอาเขารู้สึกแปลกๆ ไม่ได้ จำเป็นที่แผ่นฟ้าต้องเอาอกเอาใจเขาถึงขนาดนี้หรือไง แต่ไม่ใช่เขาจะไม่ชอบถูกเอาใจดังนั้นจึงไม่ได้ทักท้วงออกมาปล่อยให้ลมร้อนๆ เป่าผมตัวเองจนแห้งอย่างช้าๆ
เพียงไม่นานเสียงลมก็หยุดลง แผ่นฟ้าถอดปลั๊กออกพันเก็บอย่างไม่รีบร้อน ทั้งสองฝ่ายคล้ายมีบรรยากาศอึดอัดเข้ามาแทนที่ ไม่รู้จะพูดหรือเริ่มทำอะไรก่อนดี... จนในที่สุดบีทก็เป็นฝ่ายลุกขึ้นเดินไปที่เตียงแล้วถามซ้ำอีกครั้ง
“จะไม่ปิดไฟจริงเหรอ?”
“หรือว่าคุณอาย?” แทนคำตอบตรงๆ แผ่นฟ้ากลับส่งคำถามเย้าแหย่
บีทชะงักเท้าเมื่อเดินมาถึงปลายเตียงไม่ตอบคำถามนั้นตรงๆ เช่นกัน เขาหมุนตัวกลับมาประจันหน้าคนถามด้วยสีหน้านิ่งเฉย ขยับมือนิดเดียวปมผ้าขนหนูที่ผูกไว้ก็คลายออก เลื่อนหลุดลงมากองที่ปลายเท้า...
ดวงตาคนมองคล้ายจะโตขึ้นเล็กน้อยด้วยความประหลาดใจแต่ก็เพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้น มุมปากยกขึ้นเล็กน้อยระหว่างที่สืบเท้าเข้าไปหา พลางเกี่ยวเอวอีกฝ่ายเข้ามาปะทะตัวคล้ายจะคุกคาม คนที่ยืนอยู่ไม่คิดว่าเขาจะทำแบบนี้ จึงเงยหน้าจ้องเขาตัวแข็งทื่อ แต่ก็ไม่ได้ออกแรงปัดป้อง
“คุณทำให้ความอดทนของผมลดลงเยอะเลย...” แผ่นฟ้าเอ่ยพร้อมรอยยิ้มปริศนา บีทเผลอขมวดคิ้วนิดหนึ่งอย่างไม่เข้าใจ ทว่าไม่ทันคิดอะไรมากมายเขาก็ถูกอีกฝ่ายรั้งศีรษะเข้ามาจูบเสียแล้ว
จูบนั้นเป็นจูบที่ค่อนข้างดุดัน ราวกับพยายามจะดูดกลืนพลังชีวิตอีกฝ่ายออกไป เนิ่นนานกว่าจะปลดปล่อย บีทพยายามควบคุมสติตัวเองปรับลมหายใจไม่ให้อึดอัด ทั้งๆ ที่หัวใจพลอยเต้นแรงขึ้นอย่างหวาดหวั่น แน่นอนว่าเขาไม่ได้ไม่ประสากับเซ็กส์แต่ก็ไม่ใช่จะยินดีกับมันในทุกรูปแบบเสียหน่อย ไม่ใช่ทนรับมันในรูปแบบรุนแรงไม่ได้แต่ก็ไม่นิยมเซ็กส์แบบป่าเถื่อน ถ้าหากเป็นคนรักกันก็ยังพอวางใจได้ว่าจะไม่ถูกทำร้ายร่างกายและจิตใจจนเกินพอดี แต่อีกฝ่ายเป็นใคร เขาวางใจได้แค่ไหนเล่า สภาวะอารมณ์จึงค่อนข้างเครียด ยิ่งมือบอนลูบไล้ก้นเขาอย่างจาบจ้วงด้วยแล้ว ใบหน้าเขาเริ่มบิดเบี้ยวอย่างฝืดฝืน
“รังเกียจเหรอ? อะไรกัน อีกหน่อยผมก็เข้าไปอยู่ในตัวคุณแล้วแท้ๆ” ฟังคำพูดหยาบโลนพวกนั้นสิ บีทหน้าแดงเหมือนจะระเบิดออกมาพลางตวาด
“หุบปากเน่าๆ ของคุณเถอะ ก่อนที่ผมจะทนไม่ไหว...”
“ทำไม... คุณจะเปลี่ยนใจเหรอ? ไม่ทันแล้วน่า” แผ่นฟ้าหัวเราะ เขาโน้มตัวลงอุ้มบีทขึ้นมาวางไว้บนเตียง “ให้ตายเถอะ คุณหนักชะมัดยาด”
“ใครใช้ให้คุณอุ้มเล่า!”
“เอาน่า... แค่ขึ้นเตียงเอง ไม่ได้อุ้มข้ามธรณีประตูซะหน่อย” เขาเบียดร่างเข้าหา โน้มหน้าเข้าไปตอบใกล้ๆ
บีทเหลือบตาขึ้นมองเห็นรอยยิ้มขี้เล่นติดอยู่ตลอดเวลาทำให้รู้สึกหงุดหงิดยิ่งกว่าเดิมอีกแต่ก็ขี้เกียจคิดคำโต้เถียง อีกฝ่ายเห็นแววตาหาเรื่องที่มองสบแล้วให้มันเขี้ยวจนต้องฉกปากเข้าหา บีทหลับตาอัตโนมัติทำให้ริมฝีปากนั้นกดลงบนเปลือกตาของเขาอย่างที่อีกฝ่ายตั้งใจ รอยจูบกระจัดกระจายไปตามขมับจนถึงเส้นผม แถมยังขบติ่งหูแล้วดึงเบาๆ เหมือนสุนัขขี้เล่น
มือที่ว่างเปะป่ายมาบนหน้าอกบาง แตะสะกิดยอดอกไปมาจนบีทหน้าแดงจัด อดตกใจตัวเองไม่ได้ที่รู้สึกตื่นเต้นมากกว่าปกติ นั่นคงเป็นเพราะเขาเริดร้างจากเรื่องพวกนี้ไปนาน อีกทั้งคู่นอนก็ยังเป็นคนที่เขาไม่เคยจินตนาการในเรื่องพวกนี้มาก่อนอีกต่างหาก ทำให้เขากระอักกระอ่วนไม่น้อยที่ต้องมาพลีกายให้อีกฝ่ายชำเราอย่างนี้
ในขณะที่ทอดกายนอนนิ่งนั้นเขากำลังถูกเล้าโลมอย่างเนิบนาบ ถูกกอดถูกจูบอย่างอ่อนหวานถูกสัมผัสตามส่วนที่อ่อนไหวต่ออารมณ์จนร่างกายปั่นป่วนไปหมดแล้ว แต่ก็ยังหยิ่งในศักดิ์ศรีมากเสียจนไม่ยอมปล่อยเสียงครวญครางออกมาให้อับอาย
“พอเถอะ เข้ามาเลยได้ไหม...” เขาเริ่มทนไม่ไหวแล้วกับการเป็นของเล่นให้อีกฝ่ายเย้าหยอก เขาไม่ได้อยากมีเซ็กซ์เพื่อสนองความใคร่เสียหน่อย สู้ใส่เข้ามาแล้วทำให้เสร็จๆ ไปเลยซะยังจะดีกว่า
“คุณไม่มีความอดทนเสียเลย” แผ่นฟ้าตอบคล้ายไม่ใส่ใจ ปลายลิ้นยังไล้เลียซอกหูของอีกฝ่าย ควานมือฟอนเฟ้นไปทั่วร่างอย่างย่ามใจ “ผมพยายามจะทำให้คุณลืมใครคนนั้น ถ้าไม่ทำให้คุณรู้สึกดีแล้วมันจะมีประโยชน์อะไร”
บีทฮึดฮัดขัดใจพูดอะไรไม่ออก จะหัวเราะก็ไม่ได้จะร้องไห้ก็ไม่ดี ดวงหน้าเหยเกทำเอาแผ่นฟ้ากลั้นหัวเราะแทบแย่แล้ว นี่เป็นประสบการณ์บนเตียงที่แปลกที่สุดที่เคยมี ปกติแล้วคนที่เขานอนด้วยควรจะยินยอมพร้อมใจ หรือหากเปลี่ยนใจก็พูดออกมาตรงๆ แต่นี่อะไร อีกฝ่ายทำหน้าเหมือนถูกบังคับให้มาแต่จนแล้วจนรอดกลับไม่ดิ้นรนขัดขืน มันยิ่งกระตุ้นอารมณ์เขามากกว่าปกติจนอยากจะดึงดันใส่เข้าไปเสียเดี๋ยวนี้
ความรู้สึกในใจประดังเข้ามาจนหูพร่าตาลาย ปลายนิ้วเริ่มซุกซนสำรวจในส่วนที่ปรารถนา กลับพบว่าไม่ได้ฝืดเคืองอย่างที่ควรเป็น... แน่นอนว่าย่อมต้องไม่ใช่ความนุ่มลื่นที่ธรรมชาติจะสร้างได้ในส่วนนั้นแต่เป็นโลชั่นที่บีทใช้แก้ขัด
“นี่เหรอธุระที่คุณต้องทำ?” คำถามมีแววฉงนสงสัยมากกว่าอยากทำให้อาย แต่คนถูกถามยังหน้าร้อนผ่าว เบนหน้าหนีสายตาของเขาในทันที ทำให้คนถามพึงพอใจกับปฏิกิริยาที่ได้รับจนอยากได้เพิ่มไปอีก “ถ้าคุณเตรียมพร้อมขนาดนี้แล้ว เข้าไปตอนนี้เลยก็ได้สิ?”
บีทเม้มปาก เขาโมโหอีกฝ่ายจนแทบบ้าที่ช่างสรรหาคำพูดมาทำให้เขาอับอายได้เรื่อยๆ กระนั้นก็ยังข่มอารมณ์ตอบรับไปส่งๆ
“อือ”
แผ่นฟ้ายิ้มรับ นับถือน้ำใจบีทเพิ่มขึ้นอีก แต่มีหรือที่เขาจะทำอย่างนั้น เขาไม่อยากทิ้งโอกาสสักวินาทีจะละลายหน้ากากน้ำแข็งนั้นออกหรอก โน้มหน้าลงไปดูดึงยอดอกสีหวานตรงหน้า ส่วนปลายนิ้วที่สอดค้างลงไปในความคับแน่นก็ค่อยๆ ขยับเข้าออก ทำเอาคนใต้ร่างสะท้านเยือก แทบจะหลุดเสียงครางออกมาอยู่รอมร่อ แต่แล้วก็ได้แต่กัดฟันปล่อยให้ฝ่ายนั้นควานนิ้วรุกรานส่วนลับจนอ่อนนุ่ม เขานอนเอาแขนก่ายหน้าปิดบังดวงตาที่ปวดหนึบ นิ่วหน้าจนคิ้วแทบผูกเป็นโบอยู่แล้ว อีกฝ่ายก็ยังไม่เลิกทรมานเขาเสียที
กว่าฝ่ายนั้นจะดึงนิ้วออกไปได้ ท่อนขาขาวก็เกร็งจนสั่นระริก บีทยกแขนออกผงกหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายว่าตอนนี้ทำอะไรอยู่ แล้วก็ถึงกับเบิกตาค้าง...
เดิมทีเขาคิดว่าแผ่นฟ้าไม่เคยมีประสบการณ์กับผู้ชายมาก่อนคงต้องตกประหม่า จดๆ จ้องๆ ลังเลจนเขาต้องเป็นฝ่ายรุกเองอย่างแน่นอน ต่อให้ไม่ได้ต้องการเซ็กส์ที่ดีที่สุดแต่ก็หวังว่าจะไม่ห่วยจนเกินไป จึงใช้เวลาในห้องน้ำเตรียมช่องทางไว้เผื่อเหตุการณ์ฉุกเฉิน ใครจะไปคิดว่านอกจากเขาไม่ต้องลงไม้ลงมือปลุกปั่นเจ้าหนอนชาเขียวให้เติบใหญ่เป็นมังกรแล้วจึงขึ้นคร่อมโยกเอวเอง กลับถูกฝ่ายนั้นจัดการจนอยู่หมัด มิหนำซ้ำฝ่ายนั้นยังเตรียมพร้อมถึงขนาดพกถุงยางมาเองอีกต่างหาก...
เขาจ้องฝ่ายนั้นจัดการสวมเกราะนิรภัยให้ท่อนเนื้อที่แข็งขึงขึ้นมาอย่างตกตะลึง หัวใจเต้นโครมครามเมื่อถูกจ่อความโอฬารบดเบียดผนังถ้ำ ดวงตาคล้ายถูกฝุ่นผงมากมายพุ่งเข้าหา พลอยแสบร้าวจนหยาดน้ำพราวปริ่ม
“ไม่ต้องกลัว ผมไม่ทำคุณเจ็บแน่” แผ่นฟ้าปลอบประโลมอย่างอ่อนโยนพลางจับนิ้วมือเรียวยาวขึ้นมาจูบทีละนิ้วอย่างรักใคร่แล้วเสือกกายเข้าหาทีละนิดอย่างใจเย็น ทว่าผนังอกของบีทกลับต้องรับแรงกระแทกที่หนักหน่วงกว่าเก่า
ใครว่าเขากลัวเจ็บกัน เขาแค่ยังรู้สึกอาลัยอาวรณ์กับความหลัง เพียงคิดว่าจะไม่มีทางหวนกลับไปสู่อดีตที่ทั้งเจ็บปวดและหวานชื่นของสี่ปีที่แล้ว ร่างกายก็ชาหนึบไปทุกส่วน ส่วนล่างที่ถูกสิ่งแปลกปลอมดุนดันเข้ามายังไม่เจ็บทรมานเท่าดวงตาที่แสบร้อน น้ำตาพลอยท่วมท้นขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่
แต่จนป่านนี้แล้วจะเสียดายไปทำไม... อิฐก็พูดเองแท้ๆ ว่ามัน “สายไปแล้ว”
เขาหลับตาลงขับไล่สายน้ำให้ไหลลงมาที่หางตา ทว่ากลับขยับท่อนขาให้อ้ากว้างกว่าเดิมอีกนิดเพื่อรองรับความดุดันที่เคลื่อนไหว
แต่ไหนแต่ไรเขาก็ใจเด็ดอย่างนี้มาตลอด อีกสักครั้งจะเป็นอะไร...
ต่อให้นึกเสียใจมากแค่ไหน แต่ในเมื่อตัดสินใจลงไปแล้ว... เขาก็จะไม่เปลี่ยนใจทีหลัง...
++++++++++
หลังจากดราม่ามาหลายตอนทั้งๆ ที่บอกเองแท้ๆ ว่าเรื่องนี้ไม่ดราม่า... แต่ก็หนีนิสัยเสียตัวเองไม่พ้น แต่ต่อไปคงลดลงฮวบฮาบ เพราะแผ่นฟ้าเริ่มชอบบีทแล้วและเขาก็ไม่ชอบหลอกตัวเองซะด้วย ส่วนบีทเองก็ตัดสินใจแน่วแน่ว่าจะตัดอิฐแล้ว แม้วิธีการของนางจะเลือดเย็นไปหน่อย แต่เราก็ชอบบีทที่เป็นแบบนี้นะ
บีทเป็นพวกหัวรุนแรง ใจเด็ดมาแต่ไหนแต่ไร สิ่งที่ทำร้ายคนอื่นแต่ละอย่างก็ทำได้โดยไม่รู้สึกผิด บทจะจัดการกับตัวเองก็ใจแข็งได้จนวินาทีสุดท้าย แต่แบบนี้แหละถึงจะสมกับเป็นบีท
จะว่าไป บีทแทบไม่ได้แสดงฝีมือเคะที่จัดจ้านอย่างที่เคยคิดไว้ นั่นเป็นเพราะแผ่นฟ้าเริ่มชอบบีทแล้วเลยไม่มีอาการมะเขือเผาให้ต้องลงทุนขนาดนั้น 555 สุดท้ายนิก็ชอบให้เมะเก่งเรื่องอย่างว่าอยู่ดี 555+
ปล. เรื่องนี้ถึงแม้บีทจะเป็นนายเอก แต่นิคงไม่ได้เขียนให้บีทดีเด่อะไรมาก (เหมือนตอนเขียนแม็ก แม็กก็ไม่ได้เป็นคนดี นางแค่น่าสงสาร) แค่อยากให้มองในมุมคนที่สูญเสีย โดยจะยังเก็บคาแร็กเตอร์ หยิ่งๆ ร้ายๆ แบบนี้ไปเรื่อยๆ ยังมีฉากที่เห็นบีทเป็นนางร้ายอีกหลายฉาก... แต่ต่อไปนางจะมีพัฒนาการที่ดีขึ้นบ้างหรือเปล่าก็ต้องรออ่านเช่นกัน ♥
++++++++++++
อ่านจบแล้วคอมเม้นท์ด้วยนะคะ ♥