@@@The Taste of Love...อิ่มรักรสโอชา - มื้อค่ำพร้อมเสิร์ฟแล้วครับ (5/1/64)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: @@@The Taste of Love...อิ่มรักรสโอชา - มื้อค่ำพร้อมเสิร์ฟแล้วครับ (5/1/64)  (อ่าน 115093 ครั้ง)

ออฟไลน์ La Vida Sin Tu Amor

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-1



---- คนขี้แกล้ง (ต่อ) ----





"พี่เจ พี่เลิกกับฝรั่งคนนั้นแล้วเหรอ? "

"หา? "

เจนยุทธทำหน้าเหรอหราเมื่อน้องรหัสกำข้อมือของเขาไว้แน่นและระล่ำระลักถาม

"ผมเห็นพี่ไม่ใส่ตุ้มหูพลอยที่ใส่คู่กันข้างนั้น ไม่เห็นมาพักใหญ่แล้วด้วย อีกอย่าง ผมก็ไม่เห็นแฟนพี่มาตั้งสองสามเดือนแล้ว พี่เลิกกับมั...เอ่อ เขาแล้วเหรอ? "

"เฮ้ยๆ ๆ มึงเข้าใจผิดแล้วไอ้ตั้ม! "

เจปฏิเสธลั่นพลางพยายามดึงข้อมือออกจากอุ้งมือแข็งแรงนั้น เขารู้สึกตกใจกับท่าทางและแววตาที่ซ่อนความยินดีไว้ไม่มิดของน้องรหัส หรือไอ้รุ่นน้องคนนี้มันจะคิดอะไรกับเขาเหมือนอย่างที่ฆาเบียร์และเพื่อนๆ ของเขาเคยพูดเคยเตือนไว้จริงๆ

"ตั้ม มึงปล่อยกูก่อน ลูกค้าเรียกแล้วโว้ย! "

บาร์เทนเดอร์หนุ่มปล่อยข้อมือของพี่รหัสเมื่อได้ยินน้ำเสียงที่เริ่มดุดันขึ้น เขาหันไปจัดเครื่องดื่มให้ลูกค้าคนอื่นพลางเหลือบมองเจนยุทธ เขาเบาใจลงเมื่อเห็นว่าเจยังไม่เดินหนีหายไปไหน ทางฝั่งคนตัวเล็กก็ถอนหายใจเบาๆ ถ้าตั้มมีใจให้เขาจริงๆ อะไรๆ มันคงยุ่งยากไม่ใช่น้อย



"กูยังไม่ได้เลิกกับฆาบี้ ยังคบกันดีอยู่"

เจพูดกับอดีตน้องรหัสเมื่อที่บาร์เริ่มว่าง

"แต่ช่วงนี้ฆาบี้เขางานยุ่ง ไม่ได้กลับมาบ้านตั้งสองเดือนแล้วมั้ง แต่พวกกูก็ยังคุยกันทุกวัน..."

เจนยุทธสังเกตท่าทางของบาร์เทนเดอร์หนุ่มไปด้วย เขาอดสะท้อนใจไม่ได้เมื่อสังเกตเห็นแววตาผิดหวังของหนุ่มรุ่นน้องซึ่งตัวเองไม่เคยสังเกตมาก่อน เขาตัดสินใจอธิบายเรื่องราวให้ชัดเจน

"ส่วนตุ้มหูอ่ะ ไอ้ตุ้มหูพลอยที่มึงว่าน่ะ กูเอาเก็บไว้บ้านเพราะมันเป็นของดูต่างหน้าแม่ของฆาบี้เขา กูกลัวเอาไปทำหายก็เลยเอาอย่างอื่นมาใส่แทน ไม่ใช่ว่าไม่ใส่เพราะว่าเลิกกันแล้ว"

เจถอนหายใจอีกเฮือกใหญ่ เขาตัดสินใจไม่ถามความรู้สึกของรุ่นน้องและทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ต่อไป

"...ไงก็ ขอบใจที่มึงเป็นห่วงกูว่ะ ไอ้ตั้ม แต่ไม่ต้องห่วงนะ ฆาเบียร์กับกูยังรักกันดีอยู่"

เจยิ้มละไมให้บาร์เทนเดอร์หนุ่มซึ่งหน้าสลดลงอย่างเห็นได้ชัด

"เฮ้อ กูก็เถลไถลมานานละ ว่าจะมาสั่งดริงค์ มัวแต่คุยกับมึงเลยลืมไปซะสนิท ขอเบียร์กูขวดนึงแล้วก็เอา Black Russian อีกแก้วนะ"

ตั้มรับคำและก้มหน้าก้มตาผสมเครื่องดื่มไป



“ไงจ๊ะ ยังไม่ได้ดริงค์อีกเหรอ?”

ใจของบาร์เทนเดอร์หนุ่มหน้าหล่อกระตุกวูบเมื่อได้ยินเสียงทุ้มแหบที่ทักทายพี่รหัสเป็นภาษาอังกฤษ เขาแทบไม่อยากเงยหน้าขึ้นไปมองภาพบาดตาบาดใจเบื้องหน้าเลย

“ยังครับ ผมมัวแต่ชวนไอ้ตั้มมันคุย รอแป๊บนึงนะ”

เจหันไปยิ้มให้คนตัวโต

“จ้ะ ฉันไม่ได้จะมาเร่งอะไรหรอก แค่มาเอาเบียร์ให้สองคนนั้นน่ะ แล้วจะมาช่วยเจถือด้วย”

เจโคลงหัวน้อยๆ และมองหน้าคนรักอย่างรู้ทัน ถึงปากจะบอกว่าไม่หึงหวงเขากับเจ้าน้องรหัสแล้ว แต่เขารู้ดีว่าพ่อเจ้าประคุณก็คงยังอดห่วงไม่ได้ หากเขาก็ตัดสินใจไม่พูดอะไรออกไป

“คุณก็สั่งตั้มมันแล้วกันว่าจะเอาอะไร ผมสั่งของผมกับของคุณให้แล้ว"

ตั้มกำขวดวอดก้าในมือแน่น ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเจ้าของแบล็ครัสเชียนแก้วที่เขากำลังทำอยู่นั้นคือใคร ถ้าไม่ใช่ว่าเจนั่งอยู่ตรงหน้า และถ้าเขามีจรรยาบรรณในการทำงานในการทำงานน้อยกว่านี้ เขาคงได้ถ่มน้ำลายลงไปในแก้วแล้วเป็นแน่แท้



"นี่ครับ พี่เจ เบียร์กับแบล็ครัสเชี่ยน"

น้องรหัสของเจนยุทธยิ้มละไมและส่งเครื่องดื่มให้หนุ่มรุ่นพี่ เจกล่าวขอบใจและรับมาถือไว้ ตั้มหันไปหาคนรักของพี่รหัส

"คุณจะรับอะไรเพิ่มครับ? "

บาร์เทนเดอร์หนุ่มปั้นหน้ายิ้มแย้มให้หนุ่มละตินร่างกำยำ หากในอกของเขาร้อนรุ่มเมื่อเห็นตุ้มหูเงินรูปดอกกุหลาบบนหูขวาของศัตรูหัวใจของเขา มันเข้าคู่กันกับอันที่อยู่บนหูซ้ายของพี่รหัสของเขา ส่วนฆาเบียร์นั้นแอบกังวลอยู่ในใจ เขาไม่รู้ว่าเจนยุทธรู้ตัวหรือไม่ แต่ด้วยประสบการณ์ เขารับรู้ถึงความตึงเครียดที่แผ่ออกมาบาร์เทนเดอร์หนุ่มคนนั้น แม้ปากของตั้มจะยิ้ม แต่สายตาเขานั้นไม่ยิ้มเลยแม้แต่น้อย คนตัวโตสั่งเบียร์ให้ปรินซ์และซันซันและรับมันมา เขาปล่อยให้เจนยุทธสนทนาและล่ำลาบาร์เทนเดอร์หนุ่มอีกครู่หนึ่ง

"กูไปก่อนนะ แล้วมึงอ่ะรักษาสุขภาพด้วยนะ กูว่ามึงดูซูบไปอ่ะ ทำงานกลางคืนแบบนี้ต้องดูแลตัวเองดีๆ หน่อยนะ"

เจเอื้อมมือไปตบไหล่แข็งแรงของบาร์เทนเดอร์หนุ่มเบาๆ ตั้มรับคำและมองเหม่อตามหลังหนุ่มรุ่นพี่ที่ถูกคนรักเดินโอบเอวจากไป



"เด็กนั่นดูจะชอบเจมากนะ"

ฆาเบียร์พูด เจซึ่งกำลังเช็ดผมยาวสลวยให้คนรักหยุดมือลงแล้วถอนหายใจเบาๆ

"ผมก็เพิ่งสังเกตเห็นอาการมันชัดๆ วันนี้ครับฆาบี้ ผมไม่นึกเลยว่าไอ้ตั้มมันจะมองผมแบบนี้ ตลอดมามันไม่เคยมีท่าทีเลยสักนิด"

เจขมวดคิ้วและเล่าให้ฆาเบียร์ฟังว่ารุ่นน้องของเขาคนนี้แสดงออกว่าเป็นเกย์เปิดเผยตั้งแต่ตอนปีหนึ่งแล้วก็จริง หากแม้จะใกล้ชิดสนิทสนมและเล่นหัวกันมาโดยตลอด เขาไม่ได้มีทีท่าว่าจะชอบพออะไรเจเลย

"เออ จะมีก็ช่วงมันเข้ามาใหม่ๆ อ่ะ ที่ตอนแรกๆ มันดูเขินๆ ผมอยู่ ก็หน้าตาผมมันดันเป็นแบบนี้อ่ะนะ..."

เจบ่นกะปอดกะแปด

"แต่พอผมแสดงให้มันเห็นชัดเจนว่าผมชอบผู้หญิง มันก็ดูผ่อนคลายขึ้นอ่ะ แล้วก็คบกันแบบเป็นพี่เป็นน้องมาตลอด ไม่รู้มันมาเฮี้ยนคิดจะเปลี่ยนอะไรเอาตอนนี้ แต่ผมก็บอกมันแล้วนะว่าผมกับคุณยังรักกันดี ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร "

เจบ่นตัวเองไม่เลิกว่าตัวเขากับฆาเบียร์ไม่น่าไปเล่นพิเรนทร์อ่อยไอ้น้องรหัสเอาเมื่อตอนนั้นเลย คนตัวโตก็ปล่อยให้คนรักบ่นไป เป่าผมให้เขาไป ในใจเขาอดนึกถึงแววตาแข็งกร้าวที่จ้องสบตาเขาไม่ได้ มันฉายแววขุ่นเคืองอย่างชัดเจน เขาไม่คิดว่าเด็กคนนั้นจะตัดใจได้ง่ายๆ อย่างที่เจคิดแต่เขาก็เลี่ยงที่จะไม่พูดถึงเพราะไม่อยากให้เจไม่สบายใจไปมากกว่านี้



"ตอนเรียน นายคงโดนจีบบ่อยสินะ"

ฆาเบียร์ถามคนรักที่นอนอ่านหนังสืออยู่เคียงข้างเขาบนเตียง ด้วยความที่เจนยุทธมีหน้าตาจิ้มลิ้มตาโตปากนิดจมูกหน่อยแถมยังผิวพรรณดี มันคงไม่แปลกที่เจ้าตัวจะโดนเกย์หนุ่มที่พิศมัยหนุ่มหน้าตาน่ารักเช่นเดียวกับเขาขายขนมจีบให้ เจหัวเราะเบาๆ คนรักของเขานั้นปากบอกว่าไม่คิดอะไร แต่ก็ยังถามเรื่องนี้เขาไม่เลิก

"ก็ไม่ค่อยนะ คือผมแสดงออกชัดเจนอยู่แล้วว่าชอบผู้หญิง แล้วผมเองก็ไม่ได้ทำตัวสำอางอะไรมากมาย เอ่อ ก็เรียกได้ว่าผมพยายามจะไม่ทำตัวให้คนเข้าใจผิดน่ะครับ..."

เจอธิบายว่าเขาแค่แต่งตัวเรียบร้อย ไม่ได้แต่งตัวเนี้ยบหัวจรดเท้าอะไรมากนัก ในตอนนั้นเขาคิดแค่ว่าทำแบบนั้นแล้วจะไม่ถูกคนเข้าใจผิดว่าเป็นเกย์ แต่พอมาตอนนี้เขาถึงได้รู้ว่าตัวเองมองอะไรตื้นเขินแค่เพียงรูปลักษณ์ภายนอกจริงๆ

"แต่ก็ นะ เวลามาเที่ยวกลางคืนทีไร ผมจะโดนเข้ามาทักซักคนสองคนตลอดอ่ะ มาขอชนแก้วมั่ง หันมายิ้มให้มั่ง ผมถึงต้องหาสาวมานั่งด้วยตลอดไง"

เจนยุทธพูดออกมาหน้าตาเฉยพร้อมทำหน้าทะเล้นให้คนรัก คนตัวโตโคลงหัว

"ฉันว่าไอ้เรื่องหาสาวนี่น่าจะเป็นข้ออ้างมากกว่ามั้ง หืมม์? "

เขายกมือขึ้นหยิกแก้มของคนรักเบาๆ เจหันมาหัวเราะแหะๆ และเอนกายพิงซบไหล่คนรัก ฆาเบียร์ขยับร่างให้เจพิงได้ถนัด ทั้งคู่นั่งอิงแอบกันและทำในสิ่งที่ตัวเองกำลังทำไป คนตัวโตอ่านเอกสารงานที่เมลิน่าส่งมาให้จากในแท็บเล็ต ส่วนเจนยุทธก็อ่านนิยายของเขาต่อ



"ง่วงแล้วเหรอ? นอนก่อนได้นะ"

ฆาเบียร์บอกคนตัวเล็กที่ขยับกายลงนอนหนุนตักเขาแทนหมอน เจพลิกตัวกอดเอวคนรักและใช้แก้มนิ่มๆ ของเขาถูต้นขาคนรักเบาๆ คนตัวโตอดยิ้มออกมาไม่ได้ เจนยุทธของเขาช่างเหมือนแมวตัวโตๆ จริงๆ

"ยังไม่ง่วงครับ แต่ขอเอนหลังหน่อย ผมไม่ได้หนุนตักคุณตั้งนาน คิดถึงจัง"

เจซุกหน้าลงกับหน้าท้องที่มีลอนกล้ามเนื้อสวยงามของคนรัก ฆาเบียร์หัวเราะเบาๆ เมื่อลมหายใจอุ่นๆ ของเจนยุทธเป่ารดจนเขารู้สึกจั๊กจี้

"นอนได้ แต่ห้ามซนนะ mi alma ขอฉันอ่านงานกับจัดการส่งอีเมล์พวกนี้ให้เสร็จก่อน"

คนตัวโตพูดยิ้มๆ พลางตะปบมือไปบนมือของคนรักที่ทำท่าจะซุกซนไปทั่ว เจยักไหล่และพลิกกายนอนหงายอ่านนิยายของเขาต่อ เขาแอบเหลือบมองใบหน้าที่แลดูเคร่งขรึมภายใต้แว่นสายตากรอบดำของคนรักแล้วก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ เขาสามารถจ้องมองใบหน้าคมเข้มนี้ได้ไม่รู้เบื่อจริงๆ



"เจ เจจ๊ะ ตื่นได้แล้ว"

ฆาเบียร์ซึ่งเพิ่งส่งเมล์สั่งงานฉบับสุดท้ายไปก้มลงไปเขย่าปลุกคนรักที่นอนหลับอย่างสบายอารมณ์ไปบนตักของเขา เจงัวเงียลุกขึ้นขยี้ตาและหาวหวอดๆ

“งานเสร็จแล้วเหรอครับ? โหย ตีสองกว่าแล้ว”

เจยกนาฬิกาขึ้นดูแล้วบ่นเบาๆ เขาหลับไปกว่าชั่วโมงเลยทีเดียว

"ใช่จ้ะ...เอ่อ เจ ขอทิชชู่หน่อยสิ"

คนตัวโตก้มหน้าดูตักตัวเองแล้วก็ต้องขมวดคิ้วน้อยๆ เจก้มลงดูตามแล้วก็ต้องรีบหยิบทิชชู่ที่ข้างเตียงมาเช็ดๆ น้ำลายของเขาที่เปียกขาคนรักเป็นทาง

"แหะๆ ขออภัยครับ ฝันว่ากินเนื้อย่างก็เลยน้ำจิ้มหกไปหน่อย"

เจหันไปหัวเราะแหะๆ ฆาเบียร์โคลงหัวแล้วใช้หลังมือเคาะหัวคนรักเบาๆ ด้วยความเอ็นดู

"นายนี่มันตัวยุ่งจริงๆ นะ เจนยุทธ"

เจแลบลิ้นให้คนตัวโต แต่ก็ถูกริมฝีปากของคนรักประกบเข้าที่ปากแผ่วๆ เจจูบตอบ ฆาเบียร์โอบร่างเพรียวแต่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อแข็งแรงของเจนยุทธไว้แนบกาย เขาอยากมีร่างนี้อยู่ในอ้อมอกทุกเมื่อเชื่อวันจริงๆ



"คุณ จะทำเหรอ? "

เจที่ถูกคนตัวโตคร่อมร่างไว้ถามเบาๆ พวกเขาช่วยอีกฝ่ายปลดปล่อยกันไปแล้วครั้งหนึ่งตอนอาบน้ำ และคุยกันไว้ว่าคืนนี้จะนอนพักผ่อนและไม่กวนกันและกัน แต่ตอนนี้ดูท่าทางคนรักของเขาจะเครื่องติดเสียแล้ว ฆาเบียร์ที่กำลังซุกไซร้ดอมดมพวงแก้มและซอกคอของคนตัวเล็กชะงักไปและทิ้งตัวลงนอนเคียงข้าง

"ยังก็ได้จ้ะ เจ ฉันทนได้"

คนตัวโตหันไปจุ๊บแก้มเจนยุทธเมื่อเจ้าตัวถามเขาว่าทนไหวไหม เจขยับกายขึ้นมานอนซบอกเปลือยของคนรัก เขาใช้นิ้วเขี่ยไล้ขนหน้าอกที่ขึ้นบางๆ ปกคลุมแผงอกกว้างหนั่นแน่นนั้น ฆาเบียร์ตะครุบมือเจที่ทำท่าจะเขี่ยอย่างอื่นเล่นด้วย

"อย่าสิ เจนยุทธ เดี๋ยวก็ไม่ได้นอนกันพอดี"

เจหัวเราะคิก

"ก็มันอยู่ตรงหน้านี่คุณ เห็นแล้วก็ต้องเขี่ยสิ หรือคุณจะให้ผมเลียแทน? "

ไม่พูดเปล่า คนตัวเล็กยันกายขึ้นน้อยๆ และจรดปลายลิ้นไปบนตุ่มไตสีน้ำตาลอ่อนบนยอดอกของฆาเบียร์ คนตัวโตสะท้านกายเมื่อลิ้นร้อนๆ ของเจนยุทธเขี่ยดุนยอดอกที่เริ่มชูชันของเขา

"เจ! "

ฆาเบียร์คำรามเบาๆ เจหัวเราะคิกคักและเปลี่ยนไปจูบเบาๆ ที่อกด้านซ้ายของฆาบี้แทน

"ครับๆ ๆ ไม่กวนก็ไม่กวน"

เจขยับตัวกลับไปนอนหนุนไหล่คนรักตามเดิม ฆาเบียร์ดึงร่างเพรียวเข้ามาแนบกายและจูบเรือนผมนิ่มนั้นเบาๆ

"Buenas noches, mi vida"

"Good night, my love"

เจตอบรับและจุมพิตปลายคางที่เริ่มมีเคราขึ้นน้อยๆ ก่อนจะเอื้อมมือไปปิดไฟ

"เจ อย่าซนสิ! "

เสียงคนตัวโตเอ็ดเบาๆ ในความมืดโดยมีเสียงหัวเราะสดใสของเจที่ดูทีท่าจะหายง่วงนอนแล้วดังขึ้น ตามด้วยเสียงดูดริมฝีปากและเสียงทุ้มแหบที่ครางเบาๆ ในคออย่างเคลิบเคลิ้ม



"เจนยุทธ เข้ามาสิ จะรออะไรอยู่"

เสียงหอบกระเส่าของฆาเบียร์เร่งเร้าให้คนรักของเขาชำแรกกายเข้ามาในช่องทางที่ถูกคนตัวเล็กจัดการเตรียมไว้จนอ่อนนุ่มแล้ว หลังจากที่เจเข้ามานัวเนียกับเขา ในที่สุดคนตัวโตที่ตั้งใจจะเก็บแรงไว้เตะบอลก็ต้องใจอ่อนและยอมให้เจจัดการแต่โดยดี หากคนตัวเล็กก็ได้แต่แกล้งเขาและไม่ยอมให้ในสิ่งที่เขาต้องการเสียที

"เจ จะให้ฉันขาดใจตายก่อนเหรอ? "

คนตัวโตตัดพ้อเสียงสั่น เจหัวเราะเบาๆ พลางขยับของเล่นใหม่ที่เขาเพิ่งได้มา ฆาเบียร์ครางกระเส่าเมื่อเจค่อยๆ ดึงพวงลูกปัดยางชุ่มเจลที่ร้อยติดกันเป็นสายออกมาจากช่องทางของเขา คนตัวโตแทบจะดิ้นตายไปกับสัมผัสอันเสียวซ่านที่เกิดจากลูกปัดเหล่านั้นที่ครูดเข้ากับจุดเสียวของเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า เขาจำได้ว่าเหล่าคู่นอนของเขามักครางจนแทบหมดเสียงเมื่อเขาใช้มัน ตอนนี้เขารู้แล้วว่ามันทำให้รู้สึกดีขนาดไหน

"ดีไหมครับ คนดีของเจ? บอกผมหน่อยสิว่าคุณ horny แค่ไหน? "

คนตัวเล็กถาม แต่คนรักของเขาพูดอะไรไม่ออกแล้วเพราะความเสียว เจทาบอกกับแผ่นหลังของฆาเบียร์ มือข้างหนึ่งของเขาง่วนอยู่กับช่องทางที่ชุ่มแฉะไปด้วยเจลของฆาเบียร์ มืออีกข้างนั้นคอยเขี่ยกระตุ้นยอดอกที่แข็งเป็นไต ปากของเขากระซิบคำลามกใส่หูคนรักพร้อมกับขบเม้มใบหูเบาๆ ฆาเบียร์หันกลับมารับจูบอันเร่าร้อนจากคนตัวเล็ก ก่อนจะผวากายเฮือกขึ้นเมื่อเจดึงลูกปัดทั้งสายนั้นออกมารวดเดียว

"อื้อหือ นี่ผมยังไม่ทันเข้าเลยนะ เสร็จแล้วเหรอ? "

เจพูดยิ้มๆ เมื่อลูบหน้าท้องคนรักและรู้สึกถึงความเปียกชื้น

"แบบนี้คุณยังจะอยากได้ของผมอยู่หรือเปล่า? ฆาบี้? "

เจกระซิบถาม คนตัวโตบ่นพึมพำเบาๆ ออกมาเป็นภาษาแม่ เจ้าตัวดีของเขาช่างแกล้งจริงๆ

"หืมม์ ว่าไงครับ? ผมฟังคุณพูดไม่ถนัด คุณบอกผมหน่อยสิ ว่าคุณอยากได้ผมอยู่หรือเปล่า"

เจนยุทธรบเร้าขอคำตอบจากคนรักของเขา



"Oh, just shut up and come fxxx me now! "

ฆาเบียร์ที่ทนการยั่วเย้าไม่ได้แล้วคำรามลั่นและหันกลับไปดันร่างคนรักลงนอนบนเตียงอย่างหนักหน่วงจากนั้นตามขึ้นนั่งคร่อมกลางกาย เขาค่อยๆ กดช่องทางอ่อนนุ่มชุ่มเจลลงบนแก่นกายที่แข็งเกร็งของเจ เจยิ้มบางๆ และกระแทกเอวสวนเข้าไปทีเดียว ฆาเบียร์ครางลั่นและสบถหยาบๆ ออกมาอีกหลายคำเมื่อเจเริ่มเสือกแก่นกายเข้าช่องทางของเขา คนตัวโตบดสะโพกลงตามเป็นจังหวะจนแทบไม่มีช่องว่างระหว่างกายของพวกเขาทั้งสอง เจสูดปากเมื่อคนรักควงสะโพกเป็นวงและบดเบียดลงในทิศทางต่างๆ

"ขอผมดูหน้าคุณชัดๆ หน่อยนะ ฆาบี้"

เจเอื้อมมือไปเปิดไฟที่หัวเตียงและซี้ดปากออกมาเมื่อเห็นภาพของฆาบี้ที่กำลังควบขี่แก่นกายของเขา ผมสีน้ำตาลชุ่มเหงื่อของเมียตัวโตของเขานั้นสะบัดพลิ้วไปตามแรงกระแทกกระทั้น ฆาเบียร์หน้าแดงก่ำเมื่อเห็นคนรักจ้องเขาเป๋งด้วยแววตาปรารถนา เจกระแทกสะโพกสวนขึ้นไปอย่างหนักหน่วงทำให้คนตัวโตหลุดปากอุทานออกมาแล้วก็ต้องกายสั่นเทิ้ม เจหัวเราะเบาๆ และโอบรัดร่างกำยำชุ่มเหงื่อที่ฟุบกายลงมาบนอกเขา



“ไม่ไหวเลยนะ ฆาบี้ แค่นี้ก็ทนไม่ไหวแล้วเหรอ”

เจนยุทธจูบเบาๆ ที่โหนกแก้มสูงเด่นของคนรัก ฆาเบียร์หอบกระเส่าอย่างเหนื่อยอ่อน เขาปล่อยให้คนรักพลิกกายเขาตามใจปรารถนา

“แหม ยังเหลือเยอะอยู่นะครับ…”

เจยกนิ้วขึ้นเลียน้ำขาวขุ่นของคนรักที่หลั่งรดลงบนหน้าท้องของตน

“…เดี๋ยวผมจะรีดมันออกให้หมดเอง”

คนตัวโตสะดุ้งเฮือกเมื่อคนรักดันแก่นกายทียังเข็งเกร็งเข้าช่องทางของตนอีกครั้ง เขาอยากจะถอยหนีและบอกเจว่าเขาพอแล้ว แต่ร่างกายของเขามันไม่ยอมรับฟัง ฆาเบียร์ที่นอนฟุบหน้าบนหมอนร่อนสะโพกไปด้านหลังอย่างลืมอาย ฝ่ามือร้อนๆ ของเจที่วางทาบอยู่ที่บั้นเอวทำให้เขาร้อนรุ่มไปทั้งตัว เจนยุทธสูดปากเมื่อรู้สึกถึงการตอดรัดในช่องทางของฆาเบียร์ อีกทั้งความหนักหน่วงของการตอบสนองของคนรัก

“เจ ขอลึกๆ เลย อีกๆ ๆ”

คนตัวโตครางระงม เจเหนี่ยวเอวคนรักและซอยสะโพกไม่ยั้ง สิ่งหนึ่งที่ทำให้เซ็กส์ของเขากับฆาเบียร์นั้นเยี่ยมยอดก็คือความแข็งแรงของร่างกายของอีกฝ่าย มันทำให้คนตัวโตตอบสนองเจได้ทุกท่วงท่าแม้จะไม่ได้ตัวอ่อนเหมือนสาวๆ ของเขาบางคนที่เล่นโยคะเป็นประจำก็ตาม



“คุณ ท่านี้คุณไหวจริงๆ เหรออ่ะ?”

เจนยุทธถามด้วยความเป็นห่วงเมื่อคนรักของเขาอยากทำอะไรโลดโผนบ้าง หากคนตัวโตพยักหน้าตอบรับว่าไหว เขาเคยทำแบบนี้กับคนอื่นมาก่อนและรู้ดีว่ามันจะทำให้เจรู้สึกดีได้แค่ไหน

“เอ้า ไหวก็ไหววะ มะ”

เจพึมพำแล้วเข้าไปยืนกลางหว่างขาคนรักที่นั่งห้อยขาอยู่บนหลังตู้ลิ้นชักซึ่งสูงประมาณเอว เขาใช้แขนสอดเข้าที่ใต้พับเข่าทั้งสองของคนรักและดึงให้สะโพกคนรักพ้นขอบตู้ออกมา จากนั้นค่อยๆ ชำแรกกายเข้าในช่องทางอันอ่อนนุ่มของฆาเบียร์ คนตัวโตอดครางออกมาเบาๆ ไม่ได้เมื่อส่วนสงวนของเจครูดกับส่วนอ่อนไหวภายใน เจดันขาคนรักให้ตั้งสูงขึ้นจนเข่าแทบชิดอกและร่างของฆาเบียร์พับเป็นรูปตัว V

"เจ มันลึก..."

ฆาเบียร์ครางกระเส่าเมื่อสัมผัสถึงแก่นกายคนรัก เจนยุทธเอนกายเข้าไปจูบริมฝีปากบางที่เม้มแน่นนั้นอย่างดูดดื่ม

"ผมจะขยับแล้วนะ"

เจกระซิบบอก ฆาเบียร์พยักหน้า เจนยุทธใช้แรงยกสะโพกคนรักให้ลอยโดยฆาเบียร์เองก็ช่วยใช้แขนอันแข็งแรงทั้งสองค้ำยันกายกับขอบตู้เพื่อยกกายให้ลอยขึ้น

"อูย มันชิบ! "


เจอดคำรามออกมาเป็นภาษาไทยไม่ได้ ท่านี้ทำให้เขายืนขยับสะโพกได้ถนัดและสามารถแบกน้ำหนักของคนตัวโตอย่างที่เขาอยากทำมาตลอดได้ ฆาเบียร์เองก็ซี้ดปากลั่นเมื่อเจยืนปักหลักและไสสะโพกเข้าหาเขาถี่ยิบ

"เจ เจจ๊ะ ฉันไม่ไหวแล้ว จวนแล้ว..."

คนตัวโตแผดเสียงลั่น เจโน้มคอคนรักเข้ามาจูบอย่างหนักหน่วงก่อนจะกระแทกหนักๆ อีกสองสามครั้ง ฆาเบียร์แขนขาอ่อนและทิ้งร่างลงนอนแผ่บนหลังตู้อย่างหมดเรี่ยวแรง เจขบกรามแน่นและได้แต่ยืนนิ่งๆ เมื่อรู้สึกถึงแรงตอดรัด ฆาเบียร์ยิ้มบางๆ และดันสะโพกเข้าหาแก่นกายคนรักเป็นครั้งสุดท้าย เจสะดุ้งเฮือก เขาปล่อยขาทั้งสองของคนรักลงและฟุบกายลงไปบนแผงอกกว้าง ทั้งคู่ต่างหอบหายใจกระชั้นด้วยความเหนื่อยอ่อน



"สุดๆ เลย คุณครับ เยี่ยมสุดๆ เลย"

เจพูดพลางยันกายขึ้นยืนและดึงคนตัวโตให้ลุกขึ้นนั่งบนห้อยขาบนขอบตู้เตี้ยๆ นั้น เขาโอบรัดร่างกำยำไว้แน่นและซุกหน้าลงกับบ่าของคนรัก เขาจูบเบาๆ ที่ต้นคอของฆาเบียร์และพูดพร่ำชมว่าทำให้เขารู้สึกหฤหรรษ์แค่ไหน

"ฉันก็สุขมากๆ จ้ะ เจ"

ฆาเบียร์จรดจูบลงบนเรือนผมดำขลับที่ชุ่มเหงื่อของเจนยุทธ ทั้งคู่กอดรัดกันนิ่งๆ เช่นนั้นอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่เจจะประคองร่างคนรักลง เขาอดหัวเราะท่าเดินกระย่องกระแย่งของคนตัวโตไม่ได้

"นายนี่ใส่ไม่ยั้งเลยจริงๆ นะ"

ฆาเบียร์อดบ่นเบาๆ ไม่ได้เมื่อรู้สึกถึงความเสียวแปลบปลาบที่ช่องทางของเขาและความปวดร้าวของกล้ามเนื้อ เจอมยิ้มและรูดเครื่องป้องกันออกจากกาย เขาประคองคนรักไปชำระล้างร่างกายและพากลับไปยังเตียงนุ่ม



"นี่นายกะวางยาฉันก่อนเตะบอลใช่ไหม หืมม์? "

ฆาเบียร์บีบจมูกน้อยๆ ที่ดอมดมตามใบหน้าและซอกคอของเขา เจแลบลิ้นให้คนรัก

"ใครกันแน่ที่วางยา คุณเป็นคนบอกให้ทำนั่นนี่เองนะ ฆาบี้"

คนตัวโตหน้าแดงซ่าน เขาเป็นคนที่เรียกร้องขอให้เจนยุทธทำท่านั้นเองจริงๆ เจหัวเราะเบาๆ แล้วจุ๊บโหนกแก้มที่เริ่มมีหนวดเคราขึ้นของคนรัก

"เมียผมนี่หื่นจริงๆ น้า"

ฆาเบียร์หน้าร้อนผ่าวๆ เขาเถียงเจไม่ได้จริงๆ ว่าเขาไม่ได้ horny ตลอดเวลาเมื่อมีเจ้าตัวดีของเขามานัวเนียอยู่ข้างๆ

"นายก็เลิกแกล้งฉันซะทีสิ เจนยุทธ นี่ดูสิ ตีสี่แล้วเรายังไม่ได้นอนกันเลยนะ"

คนตัวโตประท้วงเบาๆ เจอดไม่ได้ต้องจุ๊บริมฝีปากบางเข้าอีกครั้ง

"คุณจะบอกว่าไม่ชอบให้ผมทำแบบนี้เหรอครับ ฆาบี้? "

เจใช้นิ้วทำท่าปูไต่ไปบนหน้าท้องแบนไร้ไขมันของคนรัก ฆาเบียร์ตะครุบมือเจ้าตัวดีที่ทำท่าจะเลื้อยลงต่ำพร้อมกับดุเสียงเขียว



"งั้นถ้าไม่ชอบ ผมไม่ทำแล้วก็ได้นะ จะไม่ซน ไม่แกล้ง ไม่ทำนั่นทำนี่กับคุณแล้วก็ได้"

คนตัวเล็กแกล้งงอนและพลิกกายนอนหันหลังคนรัก

"ชอบสิจ๊ะ ชอบมาก อย่างอนเลยนะเจ"

ทั้งที่รู้ทั้งรู้ว่านั่นเป็นเพียงแค่การแสดง ฆาเบียร์ก็ทำท่าเป็นเดือดเป็นร้อนและเข้าไปโอบกอดร่างเพรียวไว้แนบอก เขาพรมจูบไปตามลาดไหล่และหลังคอของเจ จนสุดท้ายเจก็ต้องหันมารับจูบจากคนรัก คนตัวโตทำท่ากอดปล้ำคนรัก เจอุทานลั่นเมื่อถูกคนตัวโตตะครุบหมับเข้าที่บั้นท้ายและพยายามจะใช้นิ้วล่วงล้ำ ทั้งคู่นัวเนียกันอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่เจจะขึ้นไปนอนหอบหายใจแรงอยู่บนอกของฆาเบียร์

"ฮักอ้ายนะครับ"


เจพูดพลางจุ๊บแผ่วๆ ที่คางของคนรัก

"อ้ายก่อฮักเจนะ"

ฆาเบียร์บอกรักเจนยุทธด้วยภาษาแม่ของคนรัก ก่อนจะจูบแผ่วๆ ที่หน้าผากของคนที่ง่วงจนตาแทบปิดแล้ว

"ฝันดีนะ Mi rey"

คนตัวโตกระซิบแผ่วๆ ที่หูของคนที่เข้าสู่ห้วงนิทราไปแล้ว

“รักฉันและอยู่กับฉันตลอดไปนะ เจนยุทธ”

คนตัวโตพูดประโยคที่เขาแอบกระซิบข้างหูคนรักยามหลับแทบทุกคืนที่อยู่ด้วยกัน เขาหวังว่ามันจะเป็นเหมือนมนต์วิเศษที่สลักลงไปในใจของเจนยุทธและทำให้คนตัวเล็กไม่อาจหนีเขาไปไหน เขาจุ๊บแผ่วๆ ที่หน้าผากเนียนอีกครั้งก่อนจะหลับตาลงด้วยความอ่อนเพลีย





---------------------------------------------


ตอนนี้ไม่มีเนื้อหาสาระใดๆ เขียนเอาม่วนเน้นฟินอย่างเดียวจริงๆ ฮ่าๆ ๆ หวังว่าคนอ่านจะชอบบ้างนะคะ

ลืมบอกทุกทีเลยว่า มีเฟซบุ๊คและทวิตเตอร์แล้ว แวะมาเม้ากันได้นะคะ

เพจค่ะ

https://www.facebook.com/LaVidaSinTuAmor/

ทวิตเตอร์ค่ะ (ไม่ค่อยคุยอะไรมาก เน้นชมบ่าว)

https://twitter.com/VidaSinTuAmorTH


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-12-2018 08:14:19 โดย La Vida Sin Tu Amor »

ออฟไลน์ La Vida Sin Tu Amor

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-1




---- My Sexy School Boy ----





ฆาเบียร์สะดุ้งตื่นมาเมื่อเขารู้สึกถึงที่นอนที่ยวบลงเพราะน้ำหนักตัวคน

"กลับมาแล้วเหรอ?"

คนตัวโตถามด้วยความง่วงงุน เจปลุกเขามารอบหนึ่งก่อนหน้านี้และบอกว่าจะออกไปข้างนอก ตอนนี้คนตัวเล็กคงกลับมาแล้ว ​เขางัวเงียคว้าร่างอุ่นกึ่งเปลือยที่ลงนอนเคียงข้างเขาเข้ามากอดและจรดริมฝีปากลงจุมพิตบนศีรษะของร่างที่นอนหายใจรดอกเปลือยของเขา

"เฮ้ย ใครวะ?"

ฆาเบียร์รีบผลักร่างในอกออกทันทีเมื่อสัมผัสถึงตอผมสั้นๆ มันไม่ใช่ผมทรงเกาหลีที่นุ่มนิ่มราวเส้นไหมของคนรักแบบที่เขาชอบใช้มือเสยเล่นเลย เขาลุกพรวดขึ้นแล้วพยายามมองหาผู้บุกรุกคนนั้นในความมืดของห้องที่ปิดม่านไว้จนแทบไร้แสง

"คุณทำบ้าอะไรของคุณ ฆาบี้?! มันเจ็บนะเว้ย!"

คนตัวโตตกตะลึง เสียงที่โวยกลับมานั้นก็ยังคงเป็นเสียงของเจนยุทธ เขารีบควานหาสวิตช์ไฟข้างเตียงและเปิดมันทันที



"เจ นาย..."

ฆาเบียร์พูดไม่ออกเมื่อเห็นใบหน้าบูดบึ้งของคนรักที่โดนเขาผลักจนตกเตียง แต่ที่ทำให้เขางุนงงยิ่งกว่าคือทรงผมของเจนยุทธ

"ผม...ผมของนาย"

เจทำหน้าเหรอหราทันทีที่เห็นสีหน้าของคนรัก

"อ๋อ คุณตกใจนี่เหรอ?"

เจนยุทธหัวเราะแหะๆ พร้อมกับลูบคลำผมของตัวเองที่เพิ่งผ่านการตัดแต่งมาหมาดๆ

"ก็ผมบอกคุณเมื่อเช้าแล้วไง ว่าผมจะไปตัดผม"

เจลงนั่งบนเตียงเคียงข้างคนรักของเขา

"เอ่อ ก็ใช่ แต่ฉันนึกว่านายจะไปแค่เล็มๆ ผม"

ฆาเบียร์จ้องใบหน้าของคนรักภายใต้ทรงผมใหม่ เจตัดผมเสียสั้นเสมอกันไปหมดทั้งหัว มันยาวกว่าทรงสกินเฮ้ดเพียงเล็กน้อยเท่านั้น


"เอ่อ คุณไม่ชอบเหรอครับ ทรงนี้ดังนา ทรงเดียวกับมาริโอ้ในเรื่องรักแห่งสยามเลยนะ มันดูแย่ขนาดนั้นเลยเหรอ?"

เจหน้าเสียเมื่อเห็นคนรักจ้องเขาไม่วางตา คนตัวโตทำหน้างงเล็กน้อย เขาไม่รู้จักดาราคนนั้นหรือหนังเรื่องที่เจพูดถึงเลยสักนิด

"มันคือทรง school boy อ่ะคุณ เนี่ยๆ แบบนี้"

เจนยุทธหยิบมือถือมาเปิดให้คนตัวโตดูผมทรงนักเรียนของมาริโอ้พร้อมพยายามอธิบายเรื่องราวของหนังเรื่องนั้นให้คนตัวโตฟัง

"...เรียกได้ว่าเป็นหนังที่พูดถึงเรื่องรักของผู้ชายที่ได้รับการยอมรับที่สุดเรื่องหนึ่งของไทยครับ คงเพราะว่าเขาไม่ได้นำเสนอออกมาในประเด็นเรื่องเพศมาก แต่เน้นไปที่การค้นหาตัวเองมากกว่า..."

ฆาเบียร์พยักหน้ารับคำ เขามองหน้าดาราหนุ่มหน้าตาดีในเรื่องแล้วมองหน้าคนรักซึ่งตัดผมสั้นทรงเดียวกัน



"ฉันว่าเจตัดทรงนี้แล้วน่ารักกว่าดาราคนนี้นะ"

เจนยุทธอ้าปากค้าง ตาลุงนี่หลงเขาเบอร์ไหนถึงได้มองตัวเขาน่ารักไปกว่ามาริโอ้ได้

"เวอร์ละคุณ นี่มาริโอ้เชียวนะเฟ้ย"

เจผลักอกคนรักเบาๆ ด้วยใบหน้าแดงก่ำ ฆาเบียร์หัวเราะแล้วดึงคนตัวเล็กเข้ามากอดอีกครั้ง คราวนี้เขาจรดจูบลงไปบนเรือนผมสั้นๆ ของเจอย่างเต็มใจ ถึงจะผ่านการตัดเล็มมาจนสั้นแต่ผมของคนรักของเขานั้นเป็นผมเส้นเล็กอันแสนอ่อนนุ่ม เขาพร่ำชมกับเจนยุทธว่าสัมผัสของมันนั้นช่างนุ่มราวกำมะหยี่

"โอ๊ย พอๆๆ ลูบไปลูบมาจังเลย หัวคนนะครับ ไม่ใช่หัวโรซ่า"

เจโวยเบาๆ พร้อมกับปัดๆ มือคนตัวโตที่ดูท่าทางจะติดใจผมสั้นๆ ของเขาเข้าจริงๆ จังๆ แล้ว

"อ๊ะ ขอโทษจ้ะ ฉันลืมไปว่าคนไทยไม่ชอบให้ใครจับหัว"

คนตัวโตขอโทษขอโพยพลางยกมือออกจากผมนุ่มนิ่มของเจนยุทธ เจหัวเราะหึๆ พ่อเจ้าประคุณเพิ่งจะมานึกได้​ทั้งที่ตลอดเวลาที่ผ่านมาฆาเบียร์ทั้งเล่นผมเขาหรือจับหัวเขาตอนทำสารพัดมาแล้ว

“ไปๆๆ อาบน้ำได้แล้วคุณ สายโด่งแล้ว”

เจรีบดันหลังคนตัวโตที่ทำท่าจะกอดปล้ำเขาให้เข้าไปอาบน้ำ ส่วนตัวเองออกไปจัดการเตรียมมื้อเช้าที่ซื้อมาให้คนรัก



"แล้วนี่คิดยังไงตัดทรงนี้ล่ะ? รับซัมเมอร์เหรอจ๊ะ?"

คนตัวโตที่ติดอกติดใจจ้องหน้าคนรักที่ดูแปลกตาไปอย่างไม่วางตาถามขึ้น

"ส่วนหนึ่งก็ประมาณนั้นครับ ผมยาวๆ มันร้อนหัว แต่สาเหตุหลักมันก็เพราะเรื่องนี้ครับ..."

เจนยุทธที่กำลังค้นกุกๆ กักๆ เพื่อหาอะไรบางอย่างจากตู้เสื้อผ้าของเขาส่งเสียงตอบมา เขาบ่นกะปอดกะแปดเรื่องเสื้อผ้าของคนตัวโตที่ล้นตู้เขา ฆาเบียร์ก็ได้แต่หัวเราะอย่างเขินๆ

"คุณครับ หยิบกล่องนั่นให้ผมหน่อย"

หลังจากค้นอยู่พักใหญ่ เจก็นึกได้ว่าเขาเก็บของนั้นไว้ที่ชั้นบนสุดของตู้ เขาจึงต้องขอคนตัวโตซึ่งสูงกว่าหยิบมันลงมาให้ ฆาเบียร์ดึงกล่องกระดาษใบไม่ใหญ่นักส่งให้คนรัก ส่วนตัวเขาลงนั่งบนเตียงดูเจเปิดกล่องนั้นอย่างสนใจ



"เอ๊ะ ชุดกีฬาเหรอ?"

คนตัวโตถามเมื่อเห็นเจหยิบเสื้อสีแดงจากกล่องนั้นมาทาบตัวก่อนที่จะใส่ไว้ จากนั้นเขาก็ใส่กางเกงวอร์มสีกรมท่าซึ่งมีชื่อโรงเรียนเก่าของเขาติดอยู่บนแถบสีแดง

"ใช่ครับ ชุดพละสมัยผมอยู่ม. ปลาย คับนิดหน่อย แต่ก็ยังพอไหวใช่ไหม?..."

เจหันซ้ายหันขวาให้คนรักดู รูปร่างเขาเปลี่ยนไปไม่มากนับตั้งแต่ตอนนั้น อาจจะไหล่กว้างขึ้นและตัวหนาขึ้นอีกเล็กน้อย แต่เสื้อพละตัวเก่าของเขานั้นหลวมอยู่บ้างจึงทำให้ไม่ได้คับจนอึดอัด

"...ผมจะใส่ชุดนี้ไปเตะบอลเย็นนี้ครับ"

เจนยุทธตอบคนรักของเขาเมื่อถูกถามว่าทำไมต้องเอาชุดเก่าขนาดนี้มาใส่ด้วย

"มันเป็นแมทช์ศักดิ์ศรีระหว่างโรงเรียนผมกับโรงเรียนไอ้สองตัวนั่น ผมก็ต้องงัดชุดโรงเรียนมาใส่ซะหน่อย"

เจพูดยิ้มๆ โดยปกติแล้วเขาจะใส่แค่เสื้อหรือกางเกงที่แสดงความเป็นศิษย์เก่าของโรงเรียนนั้น แต่วันนี้เขาอยากจะใส่ทั้งชุดโชว์ให้คนรักของเขาดู



"ไหน ขอฉันดูหน่อยซิ"

ฆาเบียร์จับคนตัวเล็กหมุนดูหน้าหลัง ทรงผมใหม่ของเจทำให้เขาดูเป็นหนุ่มน้อย เขาจับเจไปยืนหน้ากระจกเงาที่ติดอยู่ด้านในของประตูตู้แล้วก็ต้องถอนหายใจออกมาเมื่อเห็นภาพตัวเองกับเจนยุทธ

"ฉันดูแก่มากเลยนะ"

คนตัวโตที่เริ่มเป็นกังวลกับอายุของตัวเองบ่นพึมพำ เจหัวเราะคิกออกมา

"คุณก็ว่าไปนั่น งั้นถ้าผมใส่ชุดนี้คุณไม่ยิ่งบ่นใหญ่เหรอ?"

เจเดินกลับไปกล่องเสื้อผ้าเก่าของเขา เขาถอดชุดพละออกวางไว้บนเตียงและหยิบอีกชุดออกมาใส่ ฆาเบียร์ทำตาโตเมื่อเห็นมัน

"นี่นายเก็บชุดนี้ไว้ด้วยเหรอ?"

คนตัวโตมองคนรักตั้งแต่หัวจรดเท้าก่อนจะกลืนน้ำลายลงคอเบาๆ เจนยุทธของเขาอยู่ในชุดเสื้อเชิร์ตแขนสั้นสีขาวสะอาดปักตัวหนังสือแดงกับติดเข็มโรงเรียนที่อกขวาและกางเกงขาสั้นสีน้ำเงิน ด้วยทรงผมแบบนักเรียนและใบหน้าที่อ่อนกว่าวัย ทำให้เมื่อดูเผินๆ แล้ว เจดูเหมือนนักเรียนชั้นม.ปลายคนหนึ่ง

"เอ้าๆ จ้องใหญ่เลย มันดูตลกมากเลยเหรอครับ?"

เจนยุทธเริ่มหน้าแดงซ่านด้วยความเขิน แม้เขาจะแซวเช่นนั้น แต่เขารู้ได้ว่าคนตัวโตคงไม่คิดว่าเขาดูตลกแน่นอน



“ไม่ตลกหรอกเจ ฉันว่ามันดู เอ่อ ดู...”

ฆาเบียร์พูดตะกุกตะกัก ในหัวเขานึกภาพบางอย่างไปไกลแล้ว ถึงเขาจะยังไม่คุ้นกับชุดนักเรียนของไทยนัก แต่การที่เห็นคนรักในชุดยูนิฟอร์มก็กระตุ้นเร้าความรู้สึกสัปดนเล็กๆ ในใจเขาขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้

“ดูยังไรเหรอครับ ฆาบี้? ว่าไงครับ?”

เจอดไม่ได้ที่จะยั่วเย้าคนรัก เขาพยายามทำหน้าตาให้ดูซื่อใสที่สุดเท่าที่จะทำได้ เขายื่นหน้าเข้าไปใกล้คนรักและถามด้วยน้ำเสียงที่พยายามทำให้ฟังดูไร้เดียงสาที่สุด

“ผมดูแย่มากเลยเหรอครับ อาจารย์?”

คนตัวโตกลืนน้ำลายลงคอเอื้อกใหญ่เมื่อคนรักเรียกเขาว่า teacher เจทรุดตัวลงนั่งคุกเข่าตรงหน้าคนรักที่นั่งห้อยขาอยู่ที่ขอบเตียง เขาวางข้อศอกเท้าบนขาแข็งแรงของฆาเบียร์และเท้าคางแถมเอียงคอน้อยๆ แบบที่เขาคิดว่าน่ารักที่สุด จากนั้นช้อนตาขึ้นสบตากับสายตาคมวาวที่จ้องเขาไม่วางตา ฆาเบียร์รู้สึกคอแห้งผากขึ้นมาอีกครั้ง ลุคของเจในวันนี้ช่างดูบริสุทธิ์สดใสชวนให้รังแกยิ่งนัก

“เซะ เซ็กซี่ต่างหากล่ะ เจ”

คนตัวโตพูดเสียงอ่อยๆ เจหัวเราะเบาๆ และใช้มือผลักขาสองข้างของคนรักให้อ้าออกกว้างแล้วขยับตัวเข้าไปนั่งกลางหว่างขาของคนรัก



“อาจารย์คิดว่าผมเซ็กซี่จริงๆ เหรอครับ”

เจนยุทธใช้นิ้วไล้เบาๆ ที่ท่อนขาภายใต้กางเกงจ็อกเกอร์ที่ฆาเบียร์ใส่อยู่ เขายิ้มบางๆ เมื่อเห็นส่วนที่เริ่มโป่งนูนขึ้นมา คนรักของเขาช่างไม่มีน้ำอดน้ำทนเลย เขาตัดสินใจถอยกายออกแต่ก็โดนคนตัวโตคว้ากายไว้

"ปล่อยผมเถอะครับ อาจารย์ฆาเบียร์"

ฆาเบียร์อดขำไม่ได้เมื่อคนตัวเล็กขืนตัวไว้และห้ามเขาเสียงสั่น เจนยุทธยังทำท่าจะผลักเขาออกเมื่อเขาพยายามดึงร่างเพรียวขึ้นมานั่งตัก  คนตัวโตตัดสินใจเล่นตามน้ำไป

“ยั่วครูแล้วคิดว่าจะหนีไปได้เฉยๆ เหรอ นายเจนยุทธ”

“ไม่ได้นะครับอาจารย์ เดี๋ยวคนอื่นมาเห็นเข้าจะทำยังไง?”

เจพยายามขืนตัวไว้แต่สุดท้ายก็สู้แรงคนที่ตัวโตกว่าไม่ได้

“ไม่มีใครมาเห็นหรอก หนุ่มน้อย มามะ อย่ากลัวไปเลย เดี๋ยวครูจะเอ็นดูเธอเอง”

คนตัวโตดึงร่างคนรักมานั่งตัก เขายกมือไล้ใบหน้าของคนรักอย่างหลงใหลแล้วจึงหอมแก้มเนียนนั้นฟอดใหญ่ เจนยุทธทำท่าเอียงอายและเบือนหน้าหลบ แต่ก็แอบขยับสะโพกให้บดเบียดกับแก่นกายที่โป่งนูนของฆาเบียร์ คนตัวโตซี้ดปากเบาๆ เขาวางฝ่ามือทาบไปกับแผงอกของเจและใช้กลางฝ่ามือคลึงช้าๆ เจกัดริมฝีปากน้อยๆ ฝ่ามือของคนรักที่ถูคลึงทำให้เนื้อผ้าที่ไม่นิ่มนักของเสื้อนักเรียนครูดเบาๆ ไปกับยอดอกของเขา ฆาเบียร์ซ่อนยิ้มเมื่อรู้สึกถึงตุ่มไตที่แข็งอยู่ภายใต้ฝ่ามือ



“อาจารย์ครับ ผมจั๊กจี้จัง อืมม์ รู้สึกยังไงก็ไม่รู้”

นักเรียนโข่งทำเสียงเล็กเสียงน้อยเลียนแบบพวกนางเอกหนังเอวี เขาทำเป็นขยับกายหนีเมื่อ “อาจารย์ฆาเบียร์” ใช้สองนิ้วบีบคลึงเม็ดทับทิมภายใต้เสื้อนักเรียนของเขา แต่ที่จริงแล้วเขากำลังแอ่นอกให้คนรักสัมผัสถนัดขึ้น

“อยู่นิ่งๆ สิจ๊ะ เดี๋ยวครูจะทำให้เธอรู้สึกดีเอง”

คนตัวโตพูดแล้วประกบปากเข้ากับยอดอกที่อยู่ภายใต้ผ้าสีขาวสะอาดนั้น เขาทั้งดูดมันเบาๆ และใช้ลิ้นเขี่ยดุน เจซี้ดปากออกมาและยิ่งแอ่นกายเข้าหาริมฝีปากร้อนๆ ของคนรัก คนตัวโตใช้มืออีกข้างดึงชายเสื้อของเจออกจากกางเกงแล้วสอดมือไปสะกิดไล้ยอดอกอีกข้าง เจอดครางเบาๆ ออกมาไม่ได้

“แหมๆ ดูสิ เห็นชัดเชียว”

ฆาเบียร์หัวเราะเบาๆ แล้วชี้ให้เจนยุทธดูยอดอกสีทับทิมที่ปรากฎให้เห็นเลือนลางใต้เนื้อผ้าสีขาวบางที่เปียกชุ่มน้ำลาย เจอดหน้าแดงไม่ได้ ส่วนนั้นของเขาช่างดูลามกจริงๆ ฆาเบียร์รุกคืบเพื่อรังแก “นักเรียน” ของเขาต่อ เขายังคงใช้นิ้วโจมตียอดอกของคนรักและฝังใบหน้าไปกับซอกคอเพื่อทิ้งรอยสีกุหลาบไว้



“อาจารย์ครับ ผมรู้สึกแปลกๆ นี่ครับ ตรงนี้มันอึดอัดจัง“

เจทำเสียงสั่นแล้วดึงมือคนรักมาทาบกลางกายเขาที่นูนขึ้นน้อยๆ คนตัวโตขบกรามแน่น เจ้าตัวดีของเขายั่วเก่งนัก เขาลนลานรูดซิปกางเกงสีน้ำเงินตัวนั้นลง

“เยิ้มเลยนะ เจนยุทธ”

คนตัวโตพูดยิ้มๆ และแตะน้ำใสๆ ที่ซึมผ่านกางเกงในสีขาวของคนรักขึ้นมาให้เจ้าตัวดู เจทำท่าลนลานด้วยความเขินอาย เขาพยายามนึกภาพตัวเองเป็นเด็กหนุ่มที่ยังไม่ประสาเรื่องเพศ

“เธอรู้ไหมว่าต้องทำยังไง?”

คนตัวโตที่รู้ทันความคิดคนรักถาม เขายิ้มเมื่อเจส่ายหัวปฏิเสธตามคาด

“งั้นเดี๋ยวครูจะสอนเธอเอง”

ฆาเบียร์ขยับให้เจมานั่งซ้อนด้านหน้า เขาใจเต้นโครมครามด้วยความตื่นเต้น เขานึกภาพตัวเองกำลังสอนเพศศึกษาให้เจนยุทธตอนวัยรุ่น มือของเขาขยับจะปลดปล่อยแก่นกายของเจนยุทธออกมา



“หยุดครับ ฆาบี้”

คนตัวโตชะงักเมื่อคนรักทำเสียงเข้มและคว้าข้อมือของเขาเอาไว้หมับ เจยกมือใหญ่ที่กำลังจะให้ความสุขเขาให้ออกไปพ้นตัวและเผ่นแผลวลงจากตักของคนรัก

“เกือบไปแล้วไหมล่ะ นี่จะหลอกตัดกำลังผมใช่ไหม? ผมรู้ทันนะ”

คนตัวเล็กที่ใช้อุบายตัดกำลังคนรักเสียเองตั้งแต่เมื่อคืนพูดยิ้มๆ ฆาเบียร์ทำตาปริบๆ เขาไม่ได้คิดอะไรไปถึงขั้นนั้นเลย

“ฉันไม่ได้คิดแบบนั้นเลยนะ เจ มานี่ ให้ฉันช่วยนายเถอะ”

คนตัวโตพยายามรั้งกายคนที่ยั่วให้เขาอยากแล้วจากไปเอาไว้ แต่เจถอยกรูดออกห่างทันที

“ไม่ได้ๆ อันตรายจริงๆ คุณนี่ เผลอเป็นไม่ได้”

เจนยุทธบ่นพึมพำพลางถอดชุดนักเรียนของเขาออกแขวนไว้ ฆาเบียร์มองตามตาละห้อย

“ไม่ใส่แล้วจริงๆ เหรอ เจ?”

“อะไรกันคุณ ชอบให้ผมแต่งตัวเป็นเด็กขนาดนั้นเชียว?”

เจหันมาพูดกลั้วหัวเราะกับคนรัก ใบหน้าของฆาเบียร์ฉายแววเสียดายออกมาอย่างชัดเจน คนตัวโตได้แต่อ้ำอึ้ง เจโคลงหัวน้อยๆ

“งั้นเย็นนี้เตะบอลเสร็จผมใส่ให้คุณดูอีกรอบก็ได้ เครมะ? แต่ห้ามทำเลอะล่ะ ผมขี้เกียจซัก”

เจสำทับ คนตัวโตรีบตอบรับคำอย่างแข็งขัน เจหันหลังให้ฆาเบียร์และเตรียมหยิบเสื้อผ้าอื่นออกมาสวมใส่ เขาพลันถูกคนตัวโตรวบร่างเข้าในอ้อมอก



“ฆาบี้ ไม่เอา ปล่อยครับ!”

เจพยายามดิ้นขลุกขลักเพื่อให้หลุดจากวงแขนที่รัดแน่น แต่คนตัวโตก็ไม่ยอมปล่อย

“จั๊กจี้อ่ะ คุณ ฮ่าๆๆ ปล่อยผมเหอะ นะ ปล่อยก่อน ผมยังอิ่มข้าวเช้าอยู่เลย”

เจอ้อนวอน แต่ก็หลุดหัวเราะออกมาเมื่อตอหนวดที่แก้มและคางของคนรักถูเข้าที่เนื้ออ่อนๆ บริเวณซอกคอของเขา ฆาเบียร์ทำหูทวนลมและกอดปล้ำจูบคนรักขี้ยั่วของเขาต่อ

“นายคิดว่าจะยั่วฉันแล้วเดินหนีไปเฉยๆ ได้เหรอ หืมม์?”

เสียงทุ้มแหบที่กระซิบอยู่ข้างหูจากริมฝีปากที่ขบเม้มใบหูเขาไปด้วยทำให้เจตัวอ่อนระทวย เขาเริ่มสำนึกเสียใจที่ไปแกล้งคนตัวโตแบบนั้น

“คุณครับ ผมยอมแล้วก็ได้”

เจตัดสินใจยอมแพ้ก่อนที่พ่อเจ้าประคุณจะเกิดอารมณ์แปรปรวนขึ้นมาอีก

“ดีมาก! “

คนตัวโตกระแทกเสียงหนักๆ ก่อนจะยกคนรักจนตัวลอยขึ้น เขาโยนเจลงบนเตียงและขึ้นทาบทับ จากนั้นกระซิบข้างหูเจด้วยน้ำเสียงดุดันแบบที่ทำให้เจสั่นด้วยความตื่นเต้น

“ครูจะสอนเธอเองนะนายเจนยุทธ ว่าผู้ใหญ่น่ะน่ากลัวแค่ไหน”



"ฆาบี้ครับ จะบ่ายโมงแล้ว ตื่นเถอะ"

เจเขย่าร่างคนรักที่นอนกอดเขาอย่างสบายอารมณ์อยู่ให้ตื่นขึ้น ถึงฆาเบียร์จะทำท่าข่มขู่และเหมือนจะกินเขาเข้าไปทั้งตัว แต่สุดท้ายสิ่งที่คนตัวโตทำก็แค่สัมผัสเขาเพียงภายนอกเท่านั้น หลังจากนั้นพวกเขาทั้งคู่ก็ผลอยหลับไปอีกครั้งจนกระทั่งเจนยุทธตื่นมาเมื่อสักครู่นี้

"หืมม์? นี่เราหลับไปเกือบสองชั่วโมงเลยเหรอ? "

คนตัวโตงัวเงียตื่นขึ้น ต่อให้ปากบอกว่าไหว เขาก็ยังอ่อนเพลียจากเซ็กส์อันเร่าร้อนเมื่อคืนที่ผ่านมา

"ให้ตายสิ เจ อยู่กับนายนี่ฉันต้องอ้วนแน่ๆ กินมื้อเช้าเสร็จก็กลับมานอนใหม่ ตื่นมาก็ถึงมื้อเที่ยงอีกแล้ว"

คนตัวโตบ่นอุบอิบพร้อมกับลูบหน้าท้องตัวเองเบาๆ เจนยุทธหัวเราะหึๆ

"คุณก็กินมื้อเที่ยงเลทหน่อย ไม่ก็ข้ามไปเลยสิครับ..."

เจขยับกายไปซบไหล่กว้างของคนรัก ฆาเบียร์ไล้มือไปตามผมสั้นๆ ของคนรัก เจหันมายิ้มให้ด้วยท่าทางใสซื่อ คนตัวโตรู้สึกได้ถึงความอันตรายทันที

“...แล้วถ้าไม่อยากอ้วน คุณก็ต้องขยันออกแรงหน่อย”

คนตัวเล็กที่แรงเยอะกว่ารูปลักษณ์ดึงคนรักให้ขึ้นนั่งคร่อมกายเขาโดยปล่อยให้บั้นท้ายของฆาเบียร์บดเบียดกับกลางกายของตัวเอง คนตัวโตบ่นพึมพำพร้อมกับพยายามจะขยับเปลี่ยนท่าทางแต่เจ้าตัวเล็กของเขาขืนกายไว้แถมยังเสยสะโพกขึ้นเบาๆ ให้บางส่วนของเจ้าตัวกระทบกายเขาอีก



“พอๆๆ ลุกได้แล้ว เจนยุทธ เลิกซนได้แล้ว”

ฆาเบียร์ทำเสียงเข้มและหาทางลงจากร่างเพรียวจนได้ เจยิ้มบางๆ เขาขืนกายแค่เพียงนิดเดียวเท่านั้น คนที่แข็งแรงกว่าอย่างฆาเบียร์ถ้าจะไม่ยอมให้เขาแกล้งจริงๆ ทำไมจะทำไม่ได้ แต่เขารู้ว่าคนตัวโตเองก็สนุกกับการที่ถูกเขายั่วเย้าแบบนี้เช่นกัน

“หึ ลุกก็ได้ ว่าแต่คุณต้องช่วยผมลุกหน่อยนะ ขาผมเป็นเหน็บหมดแล้ว”

เจทำท่าสำออยและยื่นมือให้คนรักช่วยฉุดเขาขึ้นจากเตียง คนตัวโตที่ยังเป็นกังวลเรื่องน้ำหนักของตนบ่นพึมพำเมื่อเจพูดในเชิงที่ว่าเขาตัวหนัก เจหัวเราะคิกคักเมื่อเห็นใบหน้ายู่ยี่ของคนรัก

“เอ้า มานี่ ลุกขึ้นได้แล้ว”

ฆาเบียร์ฉุดมือเจนยุทธ หากคนตัวเล็กกลับใช้แรงดึงเขาจนเสียหลักล้มลงบนเตียงอีกครั้ง รู้ตัวอีกทีเขาก็ถูกร่างเพรียวคร่อมทับไว้

“ฆาบี้ครับ...”

เจนยุทธโน้มกายเข้าจนใบหน้าเขาแทบชิดกับคนที่อยู่ใต้ร่าง ฆาเบียร์สบตากับดวงตากลมสดใสของคนรัก มันทำให้เขาใจเต้นตึกตักได้ทุกครั้งที่ได้จ้องมอง

“รักนะครับ”

เจกระซิบแผ่วๆ พร้อมจุ๊บเบาๆ ที่ริมฝีปากบางของคนรักที่เผยอรับจูบของเขา ทั้งคู่แลกจูบอันอ่อนโยนกันอีกครู่หนึ่ง เจจึงได้ขยับกายออก เขาลุกขึ้นยืนและฉุดคนรักให้ลุกขึ้นตาม ฆาเบียร์ดึงเจ้าตัวน้อยของเขาเข้ามากอดแนบอก เจนยุทธกอดตอบแนบแน่น พวกเขาสัมผัสถึงความรู้สึกของอีกฝ่ายได้โดยที่ไม่ต้องพูดอะไรออกมา คนตัวโตลูบศีรษะของคนในอ้อมกอดเบาๆ เจยิ่งรัดร่างคนรักแน่น พวกเขายืนกอดกันนิ่งๆ อยู่อีกครู่หนึ่งจนสุดท้ายฆาเบียร์ถอนหายใจออกมาเบาๆ เขาจรดจูบลงไปบนหน้าผากของคนรักและดันร่างเพรียวออกจากอก เจดึงมือใหญ่แสนอบอุ่นของคนรักขึ้นมาจูบเบาๆ และพาคนของเขาออกจากห้องนอนไป



(ต่อคอมเมนท์ถัดไปค่ะ)



ออฟไลน์ La Vida Sin Tu Amor

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-1




---- My Sexy School Boy (ต่อ) ----





“บ่ายวันนี้คุณอยากทำอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่าครับ?”

เจหันไปถามคนรัก เขากดๆ รีโมทเคเบิลทีวีเพื่อหารายการดีๆ ดูแต่ก็ยังไม่เจออะไรที่ถูกใจ พวกเขาออกไปหาอะไรกินง่ายๆ กันแถวคอนโดแล้วกลับมานั่งเล่นที่ห้องต่อเพื่อรอเวลาไปหาเพื่อนๆ ที่สนามบอล

“อืมม์ เราอยู่ห้องก็ได้นะ ข้างนอกมันร้อน”

คนตัวโตตอบมา เขาไม่ค่อยถูกโรคกับอากาศร้อนนัก ถึงเขาจะมาจากรัฐแคลิฟอร์เนียซึ่งอากาศดูจะอบอุ่นกว่าเมืองใหญ่ฝั่งทางตะวันออกอย่างนิวยอร์ค แต่เมืองพาโล อัลโตเขาก็อาศัยอยู่ค่อนไปทางตอนเหนือของรัฐซึ่งอากาศเย็นกว่าเมืองทางแคลิฟอร์เนียใต้ซึ่งเป็นเหมือนภาพจำของรัฐนี้อย่างลอส แองเจลิส อากาศร้อนชื้นแบบฮ่องกงและไทยนั้นทำให้เขารู้สึกไม่สบายตัวอยู่บ้าง

“...อีกอย่าง เมลิน่าเพิ่งส่งข้อความมาว่ามีเรื่องที่ทางฮ่องกงต้องขอการตัดสินใจจากฉัน ฉะนั้นฉันอาจจะต้องคุยงานแป๊บนึง นายจะทำอะไรก็ตามสบายเลยนะเจ”

ฆาเบียร์เงยหน้าขึ้นมาจากมือถือของเขา เจหน้าเจื่อนไปนิดหนึ่ง เขารู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองกำลังเบียดบังเวลาทำงานของคนรัก คนตัวโตจับอาการของคนรักได้ทันที



“เจจ๊ะ ไม่ต้องคิดมากหรอกน่า มันไม่ใช่เรื่องด่วนหรือเรื่องใหญ่อะไรขนาดนั้น ทุกคนรู้ดีว่าฉันให้ความสำคัญอะไรก่อน”

“แต่ คุณครับ ผมไม่อยากเป็นตัวถ่วงหรือไปรบกวนงานของคุณจริงๆ นะ อันที่จริง ไอ้ที่เราพนันกันไว้น่ะ คุณไม่ต้องทำตามผมพูดก็ได้ ผมก็พูดไปงั้นแหละ ถือซะว่าเราไม่ได้พนันกันไว้ โอเคไหม?”

ฆาเบียร์โคลงหัว

“นีั่นายเห็นฉันไม่ได้เรื่องขนาดนั้นเลยเหรอ เจนยุทธ? นี่ไม่คิดสักนิดเลยเหรอว่าฉันจะยิงประตูได้”

เจหัวเราะแหะๆ ฆาเบียร์โอบไหล่คนรักและหอมผมสั้นเกือบติดหนังหัวนั้น



“นายนี่มันแสบจริงๆ นะ รู้ตัวไหม?”

เจหันมายิ้มหวานให้คนตัวโตแล้วซบหัวลงกับไหล่กว้างที่ให้ความอบอุ่นเขาได้ทุกครั้ง

“คุณก็อย่าฝืนตัวเองนะ ฆาบี้ ผมกลัวคุณเป็นลมเป็นแล้งหรือเจ็บตัวไป”

“เฮ้ย นายดูถูกฉันเกินไปแล้วนะ เจนยุทธ”

คนตัวโตโวยพร้อมพยายามทำหน้าบึ้งตึง

“เดี๋ยวเย็นนี้ฉันจะโชว์ให้นายดูเองว่าฉันยังฟิตอยู่”

"คร้าบๆ รู้น่าว่าคุณน่ะ 'ฟิต' ฟิตมากกกก"

เจพูดด้วยสีหน้ากรุ้มกริ่ม คนตัวโตอดหน้าร้อนขึ้นมาไม่ได้ เจเคยอธิบายให้เขาฟังเมื่อพวกเขาเคยคุยกันเรื่องรถ Honda Jazz ซึ่งตลาดสหรัฐฯ และญี่ปุ่นเรียกว่า Honda Fit เจบอกว่าสำหรับคนไทยชื่อ Fit นั้นฟังดูไม่ดีเท่าไหร่ เพราะคำว่า "ฟิต" ไม่ได้แปลว่าพอดี เหมาะสมหรือยังแข็งแรงดีแบบภาษาอังกฤษ แต่จะออกไปในทางความหมายที่แปลว่า tight หรือคับแน่นเสียมากกว่า เมื่อดูจากหน้าตาท่าทางในตอนนี้แล้ว เจ้าตัวดีของเขาคงพูดถึงความ "ฟิต" ของเขาในแง่ภาษาไทยเสียมากกว่า

"นายนี่มันทะลึ่งจริงๆ นะ เจนยุทธ"

ฆาเบียร์ใช้นิ้วดีดหน้าผากคนที่มองเหมือนจะกินเขาเข้าไปทั้งตัว เจ้าตัวร้องโอ๊ยออกมาเหมือนเจ็บมากแล้วลูบหน้าผากตัวเองป้อยๆ

"คุณนี่มือหนักจริง ว่าแต่ผมทะลึ่งตรงไหนอ่ะ?"

คนตัวโตเลือกที่จะไม่ต่อปากต่อคำ เพราะรู้ดีว่าขืนพูดไปก็คงโดนเจ้าตัวดีแซวว่าคนที่คิดลามกคือเขาเองมากกว่า เขาดึงคนตัวเล็กเข้ามากอดปล้ำด้วยความมันเขี้ยว เขาหัวเราะเมื่อเจดิ้นขลุกขลักและโวยวายลั่น การกอดปล้ำนั้นจบลงโดยพวกเขาลงไปนอนกลิ้งอยู่บนพรมนุ่มที่เจปูไว้หน้าโซฟา ฆาเบียร์จูบหน้าผากคนในอ้อมกอดเบาๆ เจซบหน้าลงบนแผงอกกว้าง เขาอยากอ้อนวอนคนรักให้อยู่ต่อ แต่ก็ตัดใจเพราะรู้ถึงภารกิจที่เจ้าตัวต้องทำ



"เจจ๊ะ..."

คนตัวโตพูดทำลายความเงียบขึ้น

"นายรู้ใช่ไหมว่านายขอ..."

"หยุดครับ ฆาบี้ คุณไม่ต้องพูดต่อแล้ว"

เจใช้มือปิดปากคนรัก

"ถ้าคุณพูดออกมา ผมก็ต้องขอ แล้วพอคราวหน้า ผมก็ต้องขออีก จนสุดท้ายผมก็จะอดคาดหวังไม่ได้ คุณอย่าทำให้ผมเสียนิสัยเลยนะครับ"

เจพูดด้วยใบหน้าหมองหม่น เขาไม่อยากทำตัวเป็นแฟนที่จ้องแต่จะร้องขอเวลาจากคนรักทั้งที่รู้ว่าอีกฝ่ายยุ่งกับเรื่องงาน เขารู้ดีว่านิสัยแบบนั้นมันน่ารำคาญแค่ไหน แม้ฆาเบียร์จะออกปากแล้วว่าเขาให้สิทธิ์และให้ความสำคัญต่อตัวเขามากกว่าเรื่องงาน แต่เจเองก็รู้ดีว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะสามารถตอบรับคำขอของตนได้ทุกครั้ง

"โธ่ เจ นายไม่ต้องคิดมากเลย ถ้าฉันให้ตามที่ขอไม่ได้ ฉันก็จะบอกเอง โอเคไหม? ไม่ต้องห่วงหรอกว่าจะเป็นการกดดันหรือว่าอะไร"

เจส่ายหัวและขยับกายลุกขึ้นนั่งพิงโซฟา คนตัวโตลุกขึ้นตาม

"ถ้าผมขอ ก็แปลว่าผมมีการคาดหวัง ถ้าคุณปฏิเสธมา ผมก็ต้องผิดหวังและรู้สึกแย่ ถ้าเป็นแบบนั้น ผมไม่ขอเลยดีกว่าครับ"

ฆาเบียร์เม้มปากเบาๆ เขาเข้าใจสิ่งที่เจนยุทธต้องการจะสื่อ เขาโอบไหล่คนรักและดึงให้พิงซบไหล่ตน

"ตามใจนายแล้วกัน แต่แค่อยากให้รู้ไว้ว่าฉันให้ค่ากับคำขอของนาย และถ้านานๆ ทีนายจะเอาแต่ใจบ้าง ฉันก็โอเคนะ"

"ที่รักครับ ทุกวันนี้คุณก็เอาใจผมจนผมเหลิงแล้วเนี่ย ไม่ต้องให้ผมเอาแต่ใจอะไรอีกหรอกครับ"

เจพูดพลางเอาหัวชนไหล่คนรักเบาๆ ฆาเบียร์หอมเรือนผมของคนรักแล้วลอบถอนหายใจออกมาเบาๆ เจของเขาช่างเจียมตัวเกินไปจริงๆ



"งั้น เดี๋ยวฉันคุยงานแป๊บนึงนะ ไม่น่านานมากนัก"

คนตัวโตที่เข้าไปแต่งตัวเต็มยศแค่ครึ่งท่อนบนเงยหน้าจากคอมพิวเตอร์โน้ตบุ้คของเขาและบอกกล่าวกับคนตัวเล็กที่ยืนชงกาแฟอยู่ในครัว เจหันมาพยักหน้าตอบรับและเทน้ำร้อนใส่กาทำกาแฟแบบ French press ขนาดสี่ถ้วย เขารอจนครบสี่นาทีแล้วจึงกดก้านด้านบนเพื่อให้ฟิวเตอร์ดันกากกาแฟลงไปยังก้นกา เขาเทกาแฟใส่แก้วของตัวเองแล้วจึงเทที่เหลือลงในกระบอกเก็บอุณหภูมิ

"ขอบใจจ้ะ"

 ฆาเบียร์พูดพลางกวาดตามองบนถาดที่เจยกมาวางให้ไว้ บนนั้นมีกระบอกกาแฟ แก้วกาแฟ น้ำเย็นหนึ่งแก้วและขนมขบเคี้ยวเล็กๆ น้อยๆ เจจะเตรียมแบบนี้ให้เขาแทบทุกครั้งที่ต้องคุยงาน

"จะเอาอะไรเพิ่มก็บอกนะครับ"

เจพูดแล้วหันกลับไปล้างกากาแฟ เมื่อแล้วเสร็จเขาก็ยกแก้วกาแฟของตัวเองพร้อมขนมมาวางที่เคาเตอร์ฝั่งตรงข้ามกับคนรัก

"อ้อ ลืมขวดน้ำ"

เขาพูดพึมพำกับตัวเองแล้วเดินไปหยิบกระบอกน้ำเย็นจากในตู้เย็นแล้วเอามาวางไว้กลางโต๊ะระหว่างเขากับฆาเบียร์ เจเปิดคอมของเขาแล้วลงมือเขียนบทความให้กับบล็อกของคนรักต่อ



“ก็บอกแล้วว่าให้ติดต่อมาทันทีที่เจอปัญหา ไม่ต้องเกรงใจ แล้วนี่อะไร ปล่อยไว้จนมันวุ่นวายถึงขนาดนี้...”

เจเงยหน้าขึ้นมองทันทีที่ได้ยินน้ำเสียงหงุดหงิดจากฆาเบียร์ คนตัวโตรีบลดเสียงลงและเปลี่ยนภาษาที่ใช้เมื่อนึกได้ว่าคนรักนั่งอยู่ด้วย เจถอนหายใจเบาๆ เขาพับหน้าจอโน้ตบุ๊คของเขาลงแล้วย้ายของเข้าไปทำงานต่อในห้องนอน เวลาผ่านไปกว่าชั่วโมง สุดท้ายคนตัวโตก็เปิดประตูห้องออก

“เจจ๊ะ...”

ฆาเบียร์ค่อยๆ โผล่หน้าเข้ามาในห้อง เมื่อเห็นว่าเจยังคงนั่งทำงานบนเตียงอยู่ เขาก็เดินเข้ามาหาคนรักด้วยท่าทางรู้สึกผิด

“นาย เอ่อ ไม่ได้โกรธฉันใช่ไหม?”

เขาทรุดตัวลงนั่งที่ขอบเตียงแล้วพูดออกมาเบาๆ เจหันหน้ามาหาคนรักและดึงหูฟังที่เขาเปิดเพลงไว้เสียดังออก

“คุณว่าไงนะครับ ฆาบี้?”

เจนยุทธทำหน้างุนงง เขาไม่เข้าใจว่าทำไมคนตัวโตถึงมีทีท่าสลดถึงเพียงนั้น

“ฉันนึกว่านายโกรธฉัน”

ฆาเบียร์พูดเสียงอ่อยๆ เขาใจหายเมื่อเห็นเจพรวดลุกขึ้นเก็บข้าวของและเดินหนีเข้าห้องมา เขาเข้าใจว่าเจคงโกรธที่เขาทำท่าเหมือนไม่อยากให้เจ้าตัวเข้าใจในสิ่งที่พูด



“ทำไมผมต้องโกรธคุณด้วยอ่ะ ฆาบี้? ผมต่างหากที่ต้องขอโทษ คุณกำลังคุยเรื่องงาน ผมไม่ควรไปนั่งเสนอหน้าอยู่แบบนั้นอ่ะ ผมเข้าใจครับว่าบางเรื่องมันก็เป็นความลับ ยังไงผมก็เป็นคนนอกนะ ฆาบี้”

เจนยุทธพูดด้วยสีหน้าจริงจังและเขาหมายความตามที่ตัวเองพูดจริงๆ

“ฉันนึกว่าเพราะฉันเปลี่ยนภาษาที่พูด นายก็เลยคิดว่าฉันมีเรื่องปิดบัง”

คนตัวโตเอนกายลงนอนหนุนตักคนรัก เจเลื่อนโต๊ะคอมที่ยื่นเข้ามาเหนือเตียงออกและขยับกายให้คนรักนอนถนัด เขาไล้มือไปตามเส้นผมสีน้ำตาลยาวของฆาเบียร์

“มันเรื่องงาน คุณจะไม่บอกผมก็ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมแค่คิดว่าอยากให้คุยงานได้ถนัดๆ แค่นั้นเอง”

ฆาเบียร์รับคำ อันที่จริงที่เขาต้องเปลี่ยนภาษาคุยก็เพราะเขาไม่อยากให้เจได้ยินส่วนที่ว่าที่ปัญหามันลุกลามนั้นก็เพราะพวกลูกน้องก็เกรงใจเขาที่มาใช้เวลากับคนรักและไม่กล้าติดต่อมาตั้งแต่เริ่มเกิดปัญหา ถ้าเขาปล่อยให้เจได้ฟังเรื่องที่พวกเขาคุยกัน เจ้าตัวคงรู้สึกผิดแล้วรีบไล่เขากลับฮ่องกงไปเป็นแน่แท้

“ไม่หรอกจ้ะ ฉันก็แค่ไม่อยากกวนเจทำงานน่ะ”

คนตัวโตเลี่ยงบอกไปแบบนั้น เจหรี่ตามองคนรัก เขารู้สึกว่าฆาเบียร์ยังปิดบังความจริงจากเขาอยู่ แต่ถ้าเขาไม่อยากเล่า เจก็ไม่อยากจะไปเซ้าซี้ถาม ฆาเบียร์หลับตาพริ้มเมื่อเจนยุทธใช้มือสางเส้นผมของเขาและนวดหนังหัวกับต้นคอเขาเบาๆ เขาเริ่มเล่าเรื่องปัญหาในที่ทำงานเขาที่เกิดขึ้นให้เจฟัง เจนยุทธรับฟังพร้อมกับพยายามทำความเข้าใจปัญหาที่เกิดขึ้น



“...ก็ทำเอาวุ่นวายไปแป๊บนึงน่ะจ้ะ แต่หลังจากแก้ไขไปรอบนี้ก็คงไม่น่าจะมีปัญหาอะไรละ ไม่ต้องห่วงนะ”

“สรุปว่าเป็นปัญหาเรื่องการประสานงานกับคู่ค้าเหรอครับ?”

คนตัวโตพยักหน้า เรื่องยุ่งยากทั้งหลายมันจบโดยเขาอาศัยคอนเน็คชั่นที่มีกับที่นั่นที่นี่ในการแก้ปัญหา

“ใช่จ้ะ มันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลย แค่แก้กันไม่ตรงจุดแต่แรกเท่านั้นเอง”

เจพยักหน้าหงึกหงัก

“แก้ได้ก็ดีแล้วครับ คราวหน้าคุณก็บอกเขาไปเลยว่าถ้ามีเรื่องแบบนี้ก็ให้บอกมาตรงๆ ไม่ต้องกลัวว่าจะมารบกวนเวลาที่คุณอยู่กับผม ผมไม่มีปัญหาอยู่แล้วถ้าคุณต้องกลับก่อนเพราะเรื่องงานหรือว่าอะไร”

เจพูดยิ้มๆ คนตัวโตทำตาปริบๆ เมื่อถูกเจ้าตัวเล็กของเขารู้ทัน



“มันโอเคจริงๆ เหรอ เจนยุทธ?”

ฆาเบียร์พูดเสียงอ่อยๆ เจพยักหน้าทันควัน

“โอเคสิครับ ถ้ามันจำเป็นผมก็ไม่ว่าอ่ะ คุณก็แค่ต้องชดเชยให้ผมคราวถัดไป แค่นั้นเอง”

เจยิ้มหวานให้คนรักของเขา จริงอยู่ว่าเขาเคยคิดน้อยใจที่ฆาเบียร์ทำงานหนักและมีเวลาให้เขาน้อย แต่หลังจากเวลาผ่านไป เขาก็เปลี่ยนความคิด เขาควรรู้สึกยินดีที่คนตัวโตยังคิดกลับมาหาเขา ไม่ใช่ปล่อยให้ความรู้สึกจางหายและค่อยๆ หายหน้าไป การที่ฆาบี้ยังคงกลับมาหาเขาอย่างสม่ำเสมอนั้นควรเป็นเรื่องที่เขาควรจะดีใจมากกว่า

“ขอแค่คุณกลับมาหาผมทุกครั้งที่ว่างได้ ผมก็พอใจแล้วครับ”

เจก้มลงจุ๊บหน้าผากคนรัก แม้คนตัวโตพูดเสมอว่าเขาสามารถทำงานที่ไหนในโลกก็ได้ แต่งานบางอย่างก็ต้องการให้เขาอยู่ดูแลด้วยตัวเอง ตัวเจซึ่งตั้งใจแล้วว่าจะคอยอยู่เคียงข้างและสนับสนุนคนของเขาจึงต้องพยายามทำความเข้าใจความจริงข้อนี้



“คุณมาหาผมสามครั้งต่อสองเดือนได้ก็โอเคแล้วครับ มาทีละสองสามวันก็ได้ ไม่เป็นไร แต่ถ้าช่วงไหนงานเยอะ ลดเหลือเดือนละครั้งก็ได้ ยังไงเราก็ได้คุยกันทุกวันอยู่แล้ว”

เจยิ้มให้คนรัก ฆาเบียร์ลุกขึ้นนั่งและจับไหล่คนตรงหน้าบีบแน่น

“นายบอกว่าโอเค แต่ฉันไม่โอเคนะ เจนยุทธ”

คนตัวโตจ้องหน้าคนรักด้วยหน้าตาขึงขัง

“เป็นแบบนี้ฉันได้ลงแดงตายก่อนพอดี”

เจหัวเราะเบาๆ เขามีวิธีแก้ปัญหาให้คนรักแล้ว

“ก็ถ้าคุณงานยุ่งมากแล้วกลับมาบ้านไม่ได้ ก็ให้ผมไปหาที่ฮ่องกงสิครับ แค่บอกมาว่าช่วงนี้ไม่ว่าง ผมซื้อตั๋วเองก็ได้ ดีซะอีก ผมจะได้ไปกินห่านย่างด้วย”

ฆาเบียร์ยิ้มร่าพร้อมกับบอกว่าในกรณีนั้นเขาจะเป็นคนออกค่าตั๋วเครื่องบินให้เจนยุทธเอง หลังจากถกเถียงกันครู่ใหญ่เจก็ยอมให้คนรักเป็นฝ่ายจัดหาตั๋วให้แต่มีข้อแม้ว่าต้องเป็นตั๋วชั้นประหยัดเท่านั้น

“นายนี่มันดื้อจริงๆ นะ เจนยุทธ”

คนตัวโตบ่นคนรักที่เขาเถียงไม่เคยชนะเลย เจแลบลิ้นให้เมียตัวโตของเขาและโดดหนีลงเตียงเมื่อฆาเบียร์พยายามจะคว้าตัวเขาเข้าไปกอด คนตัวโตหัวเราะหึๆ อย่างไรคืนนี้เขาจะต้องหาทางกำราบ “เด็กดื้อ” คนนี้ให้ได้

                                                                                                                                 

“หึ ฟิตใหญ่เลยนะคุณ ระวังจะเจ็บก่อนทันลงสนามนะครับ”

เจยืนมองคนตัวโตที่วิ่งเหยาะๆ อยู่บนสายพาน ฆาเบียร์เข้ามาอบอุ่นร่างกายเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับแมทช์เย็นนี้ได้ครู่ใหญ่แล้ว คนตัวโตทำหูทวนลมและตั้งหน้าตั้งตาบริหารต่อไป เขาเน้นการยืดกล้ามเนื้อมากกว่าที่จะเน้นสร้างกล้ามเหมือนทุกที เจยืนมองแล้วก็อดขมวดคิ้วไม่ได้ ฆาเบียร์ดูตั้งอกตั้งใจมากจนเขาคิดว่าคงต้องเสียพนันให้คนตัวโตแน่ๆ

“คุณ เป็นอะไร?!”

เจพุ่งพรวดเข้าไปหาคนรักที่หยุดกะทันหันแล้วทำท่าจะทรุดตัวลงนั่ง

“ตะคริวน่ะจ้ะ อูย”

ฆาเบียร์ร้องโอดโอยออกมาเบาๆ เขาไม่ได้เป็นตะคริวแบบนี้มานานแล้ว เจจับคนตัวโตลงนอนและยกขาข้างที่เป็นตะคริวขึ้น เขาจัดการนวดเฟ้นให้อย่างคล่องแคล่ว พร้อมกับบ่นคนรักที่หักโหมจนเกินไป

“แล้วแบบนี้จะไปเตะบอลกับเขาไหวเหรอคุณ? อย่าฝืนตัวเองนักสิครับ”

“มันไม่ใช่เพราะฉันวิ่งเมื่อกี้หรอกเจ”

คนตัวโตสารภาพเสียงอ่อยๆ

“ขาฉันมันตึงๆ มาตั้งแต่เมื่อคืนแล้วล่ะ แขนกับหลังด้วย”

เจทำตาปริบๆ แล้วก็หัวเราะคิกออกมา ฆาเบียร์ทำหน้ามุ่ย เขาพยายามทำท่าทีสบายๆ เพื่อซ่อนอาการของตัวเองโดยไม่ให้เจรู้ว่าแผนตัดกำลังของตัวเองนั้นได้ผล



“ก็ผมถามแล้วว่าคุณไหวแน่หรือเปล่า คุณก็บอกเองว่าไหว ฮ่าๆๆ”

เจพูดกลั้วหัวเราะ คนที่อยากเล่นท่ายากแล้วเจ็บตัวเองทำหน้าเซ็ง เขาบ่นกะปอดกะแปดเมื่อเจประคองเขาให้ลุกขึ้นและพาออกไปนั่งที่โซฟาหน้าทีวี

“พอแล้ว จะหัวเราะอะไรนักหนา”

ฆาเบียร์หันไปดีดหน้าผากคนตัวเล็กที่ยังหลุดหัวเราะพรืดออกมา

“ก็มันขำนี่คุณ แหม ทำเก่ง บอกว่าจัดมาเลย อย่ายั้ง”

เจหัวเราะคิกออกมาอีกเมื่อนึกถึงท่าทางลืมวัยของคนรัก คนตัวโตหน้าแดงเมื่อนึกถึงสิ่งที่ตัวเองเรียกร้องหา

“ว่าแต่ เมื่อคืนมันเยี่ยมสุดๆ ไปเลยนะครับเมีย ผมนี่ติดใจจริงๆ”

ฆาเบียร์หน้าร้อนวูบเมื่อเจนยุทธกระซิบเบาๆ ที่ข้างหูพร้อมกับซุกไซร้ใบหน้าเข้ากับซอกคอของเขา

“ไม่เหม็นเหงื่อฉันหรือไง”

คนตัวโตถามยิ้มๆ เจส่ายหน้าและทำท่าจะรุกเร้าต่อหากโดนฆาเบียร์ห้ามไว้

“พอๆ เดี๋ยวก็ไม่ได้ไปไหนกันพอดี”

ฆาเบียร์ชี้นาฬิกาให้เจดูเวลา อีกชั่วโมงกว่าจะถึงเวลานัดของพวกเขา เจยักไหล่แล้วก็ยอมปล่อยเมียตัวโตของเขาโดยดี

“งั้นเดี๋ยวอาบน้ำอาบท่ากันก็ได้ครับ พวกผมจองสนามไว้สองชั่วโมง เล่นกันจริงๆ ก็ไม่เกินชั่วโมงหรอก กว่าจะมากันครบ กว่าจะวอร์มกันอีก คุณไม่ต้องลงเต็มชั่วโมงก็ได้ครับ วนๆ กันเล่นเอา”

คนตัวโตพยักหน้ารับคำ เขาอดตื่นเต้นไม่ได้เมื่อนึกถึงว่าเขาจะได้ลงเล่นฟุตบอลอีกครั้ง เจลุกขึ้นยืนและดึงคนรักให้ลุกขึ้นตามเพื่อไปเตรียมตัวสำหรับนัดในเย็นวันนั้น




--------------------------------------------

ตอนนี้สั้นหน่อยอีกแล้วนะคะ ขัดใจตัวเองจริงๆ ตอนแรกกะจะเขียนตอนเตะบอลให้จบในตอนนี้ แต่สองหนุ่มก็เวิ่นเว้อไปมาจนน่าจะจบไม่ทันแน่ๆ เลยยกไปเป็นตอนหน้าแล้วกันนะคะ ช่วงนี้เรื่องอาจจะอืดๆ ไปนิดนึงเพราะคนเขียนกำลังเริ่มสมองตัน แหะๆๆ กำลังพยายามหาแรงบันดาลใจอยู่ค่ะ

ตอนหน้าอาจจะมาช้านิดนึงนะคะ คนเขียนขอแว่บไปกินห่านย่างสักสี่ห้าวัน แล้วจะรีบกลับมาค่ะ ว่างๆ แวะคุยกันได้ที่

เพจค่ะ  https://www.facebook.com/LaVidaSinTuAmor/

ทวิตเตอร์ค่ะ (ไม่ค่อยคุยอะไรมาก เน้นชมบ่าว)

https://twitter.com/VidaSinTuAmorTH




ออฟไลน์ La Vida Sin Tu Amor

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-1




---- แมนๆ เตะบอลครับ ----





"ไงไอ้หมาเจ ไม่เจอหน้ามึงนานเลยนะเว้ย"

เจหันไปตามเสียงเรียกของเพื่อน พวกเขาเพิ่งมาถึงสนามบอลหญ้าเทียมบนถนนรัตนโกสินทร์ซึ่งเป็นที่ประจำของพวกเขา

“ห่านนี่ จะเป็นพ่อคนแล้วยังปากหมาเหมือนเดิมนะ”


เจยิ้มร่าแล้วเดินเข้าไปสวมกอดโต้งเพื่อนของปรินซ์และซันซันซึ่งกลายเป็นเพื่อนของเขาด้วยเช่นกัน เขาหันไปทักทายเพื่อนคนอื่นๆ ซึ่งกำลังเริ่มอบอุ่นร่างกายกันในสนาม

“เจมันเข้ากับคนง่าย เลยสนิทกับเขาไปหมดครับ”

ปรินซ์ตอบคำถามฆาเบียร์เมื่อถูกถามว่าเหตุใดเจจึงดูสนิทกับเพื่อนของพวกเขาทั้งสองทั้งๆ ที่อยู่คนละโรงเรียนกัน ฆาเบียร์พยักหน้าและยืนยิ้มมองดูคนรักทักทายกับเพื่อนๆ เสียงดังลั่น



โอ๊ย พวกมึงก็อย่าเซ้าซี้กูนักสิวะ เดี๋ยวกูเล่าให้พวกมึงฟังแน่ แต่เดี๋ยวก่อนดิ นี่มาเตะบอลกันไม่ใช่เหรอ ไม่ใช่มาสัมภาษณ์กู

เจนยุทธโวยลั่นเมื่อพวกเพื่อนๆ หันไปเจอฆาเบียร์ พวกตัวแสบๆ ในกลุ่มก็เริ่มซักไซ้ไล่เรียงเรื่อง “แฟน” ของเขา บางคนก็แซวเขาอย่างคะนองปาก แต่เจก็ไม่ได้ต่อว่าอะไรเพราะรู้นิสัยของพวกเพื่อนๆ ดี

ไม่ต้องมาลีลามาก ไอ้เจ พาผัวมึงมาให้พวกกูรู้จักได้แล้ว

เสียงของเพื่อนสักคนตะโกนขึ้นเพื่อให้ปรินซ์กับซันซันซึ่งยืนอยู่ข้างฆาเบียร์ที่ข้างสนามได้ยิน สองหนุ่มสบตากัน เขาอยากรู้ว่าเจที่ชอบหลุดปากโวยว่าตัวเขามี “เมีย” ไม่ได้มีผัวจะตอบอย่างไร หากในวันนี้เจกลับทำตัวดีเกินคาด เขาเดินมาข้างสนามและส่งยิ้มหวานจ๋อยให้คนรักก่อนจะจูงมือพาพ่อเจ้าประคุณของเขาไปหาเพื่อนๆ

“พวกนี้มันปากหมาหน่อยนะครับ คุณก็ทนๆ กับมันหน่อย”

เจทำเป็น "กระซิบ" กับคนตัวโตเป็นภาษาอังกฤษแบบที่ดังพอให้เพื่อนๆ เขาได้ยิน จากนั้นจึงแนะนำฆาเบียร์ในฐานะ boyfriend และแนะนำเพื่อนๆ เขาให้รู้จักกับคนรักของเขาเป็นรายคน ฆาเบียร์ทักทายกับเพื่อนๆ ของเจนยุทธ เขาสามารถแยกได้ว่าคนไหนที่เป็นเพื่อนจากโรงเรียนของเจและเพื่อนของปรินซ์และซันซันโดยแบ่งจากสีเสื้อผ้าที่พวกเขาใส่ แม้โดยมากจะไม่ได้งัดเอาชุดพละสมัยเรียนมาใส่เหมือนกับเจนยุทธ แต่พวกเขาก็ใส่เสื้อผ้า theme สีของโรงเรียนมา โดยฝั่งของเจใส่สีแดงและฝั่งของสองหนุ่มใส่สีน้ำเงิน



“เอ้าๆ พวกมึงอย่าพึ่งสัมภาษณ์ป๋าเค้า เดี๋ยวจะพาลไม่ได้เตะบอลกันพอดี”

ซันซันเข้ามาเรียกพวกเพื่อนๆ ของเขาที่ทำท่าจะสนใจเม้าเรื่องชีวิตรักของเจมากกว่ามาเตะบอลแล้ว

“เดี๋ยวหลังจากนี้ค่อยไปนั่งกินข้าวกินเหล้ากันต่อ ตอนนั้นพวกมึงจะถามอะไรก็ถาม แต่ตอนนี้วอร์มกันก่อน เดี๋ยวจะหมดเวลา”

ตี๋แว่นชี้ให้ดูนาฬิกา พวกเขามีเวลาที่นี่เพียงสองชั่วโมง และตอนนี้ก็หมดไปกับการเม้ามอยไปถึงเกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว เจลากคนรักของเขาไปอบอุ่นร่างกายเพื่อให้แน่ใจว่าคนตัวโตจะไม่เป็นตะคริวอีก

งั้น วันนี้แฟนไอ้เจจะเล่นทีมเรา?

โต้งถามปรินซ์

ไหวเหรอวะ? พี่เขาเป็นอเมริกันไม่ใช่เหรอ? เล่นฟุตบอลเป็นด้วย?

อดีตนักฟุตบอลอาชีพถาม นอกจากจะห่วงเรื่องร่างกายของคนที่อายุมากกว่าพวกเขาร่วมสิบปีแล้ว เขาก็ยังไม่อยากเสียสถิติแพ้ให้กับทีมโรงเรียนของเจ

ป๋าแกว่าไหว ก็ลองดูสักหน่อยน่ะ ถ้าดูไม่ไหวก็ค่อยเปลี่ยนแกออก แกเข้าใจแหละ

ปรินซ์กระซิบกระซาบ



“เขาคุยอะไรกันเหรอ เจ?”

ฆาเบียร์ซึ่งเห็นท่าทีของคนทั้งสองถามขึ้น เขาค่อนข้างแน่ใจว่ามีการพาดพิงถึงเขา เจกระซิบเล่าให้ฟังและยังพูดตบท้ายด้วยท่าทีเป็นห่วง

“...แต่ถ้าคุณไม่ไหวจริงๆ ก็ลงแค่แตะๆ พอแล้ว ไม่ต้องทำอวดเก่งเลย ห่วงสุขภาพตัวเองมั่งนะครับ”

คนตัวโตหัวเราะหึๆ เจดูถูกเขาเกินไปจริงๆ ฆาเบียร์เดินไปคว้าลูกบอลแถวนั้นมาลูกหนึ่งแล้วเริ่มโชว์สิ่งที่ร่างกายเขายังจำได้

“เฮ้ยๆ ไม่เลวว่ะ”

โต้งอุทานออกมาเมื่อเห็นหนุ่มละตินร่างใหญ่ใช้ทั้งหัว เข่าและเท้าเดาะบอลอย่างแคล่วคล่อง หนุ่มอดีตนักบอลคนนี้รีบลงสนามไปลองต่อบอลกับแฟนของเพื่อนทันที เจหน้าเจื่อนทันทีเมื่อเห็นท่าทีแคล่วคล่องของคนรัก ฆาเบียร์เก่งอย่างที่เขาเคยอวดไว้จริงๆ

มึงทำใจเถอะ ไอ้เจ ไงๆ ทีมมึงเสร็จป๋าแน่

ปรินซ์ตบไหล่เพื่อนที่ยืนเซ็งเมื่อเห็นฆาเบียร์ซึ่งกำลังซ้อมเตะฟรีคิกปั่นไซด์โป้งเข้าเสียบมุมสามเหลี่ยมอย่างสวยงาม ถึงจะไม่ได้เข้าเป้าทุกลูกที่เตะ แต่มันก็แสดงให้เห็นชัดว่าหนุ่มใหญ่คนนี้มีพื้นฐานฟุตบอลดีแค่ไหน



“คุณหลอกผม ฆาบี้ ไหนคุณว่าไม่ได้เตะบอลมานานแล้วไง?”

เจตัดพ้อ คนตัวโตหัวเราะเบาๆ เขาโอบไหล่เจรั้งเข้ามาแนบกาย แต่ก็ปล่อยเมื่อนึกได้ว่ายังอยู่ในสายตาเพื่อนของคนรักที่เขายังไม่คุ้นชินด้วย

“ก็ไม่ได้เตะจริงจังมานานแล้ว แต่ตั้งแต่คราวที่แล้วที่เจเคยคุยว่าจะพาฉันมาเล่นบอลบ้าง ฉันก็ได้ซ้อมๆ เดาะบอลบ้าง เลี้ยงลูกทำนั่นทำนี่บ้าง เจจะได้ไม่ต้องอายเพื่อนไง”

คนตัวโตพูดยิ้มๆ แล้วบอกว่าเขาทำหน้าต่างบ้านบนเดอะพีคของอาปาคริสแตกไปสองบานเนื่องจากพยายามซ้อมบอล

“มันก็คลายเครียดดีด้วยจ้ะ แต่ฉันก็ไม่ได้ไปเล่นจริงจังแบบลงสนามนะ ครั้งนี้จะเป็นครั้งแรกในรอบ เอ่อ... ช่างมันเถอะ”

คนที่เกือบหลุดปากพูดถึงจำนวนปีอันยาวนานรีบตัดบท เขารีบยกมือปิดปากคนตัวเล็กที่ทำท่าจะอ้าปากพูดจำนวนที่เกินจริงไปมากโขออกมา เจทำหน้านิ่วเมื่อโดนอุดปาก แต่เขาก็นึกอยากทำอะไรแผลงๆ ขึ้นมา

“เจ อย่า ฉันจับลูกบอลมา มันสกปรก”

คนตัวโตดุคนรักที่ใช้ลิ้นเขี่ยดุนใจกลางฝ่ามือเขาเบาๆ สัมผัสหยุ่นๆ ที่วนไล้ลากนั้นชวนให้เขาคิดเตลิดไปได้ไม่น้อย ฆาเบียร์รีบปล่อยมือออกและต้องโคลงหัวเมื่อเห็นสายตายั่วเย้าของเจนยุทธ



“ช่างยั่วนักนะเรา”

คนตัวโตกระซิบเบาๆ พร้อมกับโอบไหล่และรั้งร่างเพรียวเข้ามาหอมแก้มฟอดใหญ่ เจอุทานเบาๆ และรีบดิ้นหนี

“คุณ ประเจิดประเจ้อเกินไปแล้ว”

เจบ่นอุบอิบ ต่อให้เขาไม่ได้ปิดเพื่อนๆ เรื่องความสัมพันธ์ของเขา แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องมาแสดงบทรักให้เพื่อนๆ ที่เคยเห็นเขาเป็นเพลย์บอยตลอดมาได้เห็น ฆาเบียร์รีบขอโทษขอโพยเจนยุทธ เขาเองก็ยังเป็นกังวลว่าเพื่อนของเจจะรับเขาในฐานะแฟนของเพื่อนได้แค่ไหน พวกเขาคุยกันตั้งแต่ก่อนมาถึงที่สนามแล้วว่าจะพยายามไม่แสดงความรักกันต่อหน้าเพื่อนๆ แต่ฆาเบียร์ก็อดใจไม่ได้ตามประสาหนุ่มละตินมือไว

"ขอโทษจ้ะ ฉันเผลอตัวไป"

คนตัวโตรีบขยับกายออกห่างจากเจนยุทธ เจหันไปทำหน้าเคร่งเครียดใส่คนรัก แต่เขาก็อดยิ้มออกมาไม่ได้เมื่อเห็นฆาเบียร์พยายามเก็บมือไม้ทำท่าสำรวม

"คุณชอบหาว่าผมเป็นตัวยุ่ง คุณก็ตัวยุ่งเหมือนกันนะครับ Mi amor"

เจนยุทธหัวเราะคิกออกมาพร้อมยกมือขึ้นจับคางคนรักสั่นเบาๆ ด้วยความสงสาร คนตัวเล็กขยับกายเข้าไปจนไหล่เบียดชิดกับฆาเบียร์และเอนหัวซบลงไป

"ไม่เขินเพื่อนแล้วเหรอ? หืมม์?"

ฆาเบียร์ถามยิ้มๆ เขายกมือขึ้นโอบไหล่เจทันทีที่เจ้าตัวส่ายหัว

"เฮ้ย อย่ามัวแต่จู๋จี๋กันสิวะไอ้เจ รีบๆ มาวอร์มได้แล้ว จะได้รีบๆ เล่น"

ซันซันตะโกนมาจากกลางสนามด้วยความระอา เจตะโกนแจกของเพื่อนเบาๆ แล้วหันมาฉุดมือคนรักเดินลงไปในสนาม



"งั้น สรุปว่าเราจะดูผลกันที่ว่าฉันยิงเข้าไม่เข้าอย่างเดียวใช่ไหม? ไม่เกี่ยวกับผลการแข่งขัน?"

ฆาเบียร์ถามเจนยุทธซึ่งกำลังยืดเส้นยืดสายอยู่ข้างๆ เขา เจพยักหน้า

"ครับ ถ้าดูผลแข่ง ทีมผมไงก็แพ้ ขอโอกาสให้ผมหน่อยเหอะ"

เจพูดเสียงอ่อยๆ ฆาเบียร์ยิ้มบางๆ แค่จากตอนซ้อมเขาก็เห็นได้แล้วว่าฝีเท้าของทีมเจและทีมของเขานั้นห่างชั้นกันพอสมควรจนเขาคิดสงสัยว่าเหตุใดทีมเจจึงยังคิดสู้เพื่อเอาชนะอีกทีมให้ได้

"ทุกทีพวกผมก็รวมตัวกันเล่นโดยไม่แบ่งเป็นทีมโรงเรียนหรอกครับ แต่นานๆ ทีก็จะมาแบ่งเล่นกันแบบนี้ตอนที่มีคนเยอะพอ"

เจอธิบายโดยที่ไม่ต้องรอให้คนรักที่มีทีท่าสงสัยถาม เจบอกว่าโดยปกติแล้วพวกก๊วนเตะบอลของพวกเขามักเป็นเพื่อนจากโรงเรียนของเขาเสียมากกว่า เพราะเพื่อนๆ ของเขาส่วนใหญ่อาศัยอยู่ที่เชียงใหม่เพื่อดูแลกิจการของครอบครัว ส่วนเพื่อนๆ ก๊วนของปรินซ์และซันซันนั้นทำงานต่างจังหวัดกันหลายคน และจะกลับมารวมตัวกันเฉพาะช่วงวันหยุดยาว

"พวกเราก็เลยจะมาแข่งแบบแบ่งทีมโรงเรียนกันแค่ปีละครั้งสองครั้งครับ ก็เลยต้องจริงจังกันหน่อย"

เจสรุป แม้จะรู้ทั้งรู้ว่าทีมของปรินซ์ที่มีสมาชิกซึ่งเคยเป็นนักกีฬาอาชีพจะเหนือกว่าอย่างไม่ต้องสงสัย แต่มันก็เป็นกิจกรรมที่พวกเขารอคอยที่จะทำร่วมกันกับเพื่อนผู้อยู่ห่างไกล



“เดี๋ยวเราจะลงสนามกันฟากละห้าคนนะครับ ที่เหลืออีกทีมละสามคนก็เป็นสำรอง ซันซัน มึงไม่ต้องเป็นกรรมการแล้ว ไปเฝ้าเสานู่น

ปรินซ์หันมาพูดเบาๆ กับซันซัน

…วันนี้เกมน่าจะเร็ว มึงวิ่งไม่ทันหรอก เป็นโกลไปนั่นแหละ เดี๋ยวกูจะจัดการไม่ให้บอลมาถึงมึงเอง

หนุ่มลูกร้านทองพูดกับเพื่อนสนิทของเขาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน หนุ่มตี๋แว่นหน้าแดงเมื่อถูกอีกฝ่ายลูบหัวเบาๆ อย่างลืมตัว เขารีบขยับกายออกห่าง แต่ท่าทางนั้นก็ไม่อาจหลุดพ้นสายตาที่คอยจับจ้องอยู่ของเจไปได้

“คุณเอ๊ย ผมว่าระหว่างสองคนนั้นมันต้องมีอะไรก้าวหน้าบ้างแน่ๆ สงสัยไอ้ซันจะ 'โดนของ' เข้าแล้วแหงๆ”

คนตัวเล็กทำหน้ากระหยิ่มยิ้มย่องแล้วหันไปป้องปากกระซิบกับคนรักที่วอร์มอยู่ข้างๆ อย่างไว หากฆาเบียร์จุ๊ปากและตำหนิคนรักทันที

“พอแล้ว เราน่ะ ไม่ต้องไปคอยจับผิดเพื่อนแล้วเจนยุทธ ถ้าอยากรู้นักก็ไปถามเขาเลยสิ”

เจทำหน้าจ๋อยเมื่อโดนดุ เขาพูดอุบอิบว่าเขายังไม่กล้าไปถามเพื่อนทั้งสองคนให้แน่ชัด คนตัวโตถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วอบรมคนของเขาต่อ



“แล้วพูดแบบนี้ไม่น่ารักเลยนะ เจน่าจะรู้ดีนะว่าการถูกแซวเพราะความคะนองปากนั้นเป็นยังไง”

“ขอโทษครับ ผมจะพยายามระวังปากมากกว่านี้”

เจนยุทธหน้าสลดและพูดอย่างสำนึกผิด ฆาเบียร์ลูบหัวคนรักเบาๆ

“ระวังนิดก็ดีจ้ะ ว่าแต่อย่าลืมไปถามมาซะล่ะว่าสองคนนั้นถึงไหนกันแล้ว ถ้าไม่ถึงไหนซักทีเราจะได้ช่วยกันดัน”

คนตัวโตพูดยิ้มๆ

“โธ่เอ๊ย ทำเป็นพูดดี ที่แท้ตัวเองก็อยากรู้เหมือนกันล่ะวะ”

เจบ่นอุบอิบใส่คนตัวโตที่ทำเป็นลีลาท่ามาก คนตัวโตหัวเราะเบาๆ แล้วดึงเจ้าตัวยุ่งของเขาที่ทำท่างอนจนแก้มป่องเข้ามาหอมผมสั้นๆ แทบติดหนังหัวของเจนยุทธด้วยความมันเขี้ยว

“ฮิ้ววววววว หวานเว่อร์ไปแล้วโว้ย”

ทั้งสองสะดุ้งเฮือกเมื่อได้ยินเสียงโห่จากเพื่อนๆ ที่กลางสนาม เจยิ้มแหยๆ ให้คนรักแล้วรีบวิ่งเหยาะๆ เข้าไปหาเพื่อนๆ ที่เตรียมตัวกันพร้อมแล้ว โดยมีฆาเบียร์เดินยิ้มกริ่มตามไปไม่ห่าง



เฮ้ย ปรินซ์ ระวัง ไอ้เจมันไปนู่นแล้ว

โต้งที่ทำหน้าที่เป็นโค้ชข้างสนามตามกฎที่ให้มีตัวอาชีพอยู่ในสนามแค่คนเดียวตะโกนบอกอดีตเพื่อนร่วมทีมของเขา เจนยุทธที่เพิ่งฉกบอลจากเท้าเพื่อนของปรินซ์อีกคนได้ก็ใช้ความคล่องตัวเลี้ยงลูกเข้าไปหาประตูอย่างรวดเร็ว ทีมของเขาโดนยิงนำไปแล้วถึงสองประตูทั้งที่เริ่มเล่นมาได้ไม่ถึงสิบห้านาที ตอนนี้เขาต้องหาทางตีตื้นให้ได้ ส่วนปรินซ์เมื่อได้ยินเสียงตะโกนบอกก็รีบพุ่งเข้าหาเจทันที แต่เขาก็ไม่เร็วไปกว่าร่างกำยำของฆาเบียร์ที่เข้าเบียดแย่งบอลจากเจไปจนได้

“โอ๊ย จะไม่ให้ผมได้ยิงสักลูกเลยเหรอ ฆาบี้?”

เจบ่นคนรักลั่น ตั้งแต่ลงสนามมา เขาก็โดนคนตัวโตประกบจนหาโอกาสทำประตูหรือส่งให้เพื่อนคนอื่นๆ ไม่ได้ แถมยังต้องคอยระวังพ่อเจ้าประคุณที่เป็นตัวคอยจ่ายบอลงามๆ ให้กองหน้าฝ่ายคู่แข่งได้หลายต่อหลายลูก

“เบื่อว้อย เก่งขนาดนี้ก็ไม่บอก ทำมาเป็นถ่อมตัว”

คนที่เป็นรองแล้วพาลบ่นแถมผลักอกคนที่ทำท่าจะมากอดตัวเองให้ออกไปห่างๆ

“ไม่ต้องมานัวเนียเลยครับ ร้อน ไปไกลๆ เลย”

เจนยุทธทำหน้ามุ่ย คนรักของเขาฝีเท้าจัดและเต็มไปด้วยเทคนิคแพรวพรายสไตล์บอลละตินโดยแท้ แม้จะอายุมากกว่าคนอื่นๆ ในสนามเกือบรอบหนึ่ง เมียตัวโตของเจก็ประสานงานกับผู้เล่นคนอื่นๆ ได้อย่างไม่ขัดเขิน เขาใช้ทักษะที่ยังหลงเหลืออยู่ช่วยทีมโดยที่ไม่ต้องออกแรงวิ่งไปทั่ว ถึงจะพอดูรู้ว่าสนิมจับและขาดการฝึกซ้อมจึงทำให้ขาดความแม่นยำไปบ้าง แต่ฆาเบียร์ยังสามารถต่อบอล สับขาหลอกหรือเลี้ยงลูกหลบฝ่ายตรงข้ามได้อย่างคล่องแคล่ว รวมถึงลูกที่เขาชิพข้ามหัวโกลที่ได้แต่ยืนดูอย่างจนปัญญา แต่โชคของทีมเจยังดีที่ลูกมันแรงไปนิดจึงตกกระทบกรอบประตูและกระเด้งออกหลังไปแทน



“แฟนมึงเก่งว่ะ ไอ้เจ แน่ใจนะว่าไม่เคยเล่นอาชีพมาก่อน?”

โต้งตบบ่าเจป้าบใหญ่เมื่อถึงเวลาพักครึ่ง เจหันไปทำหน้าบูดใส่จนเพื่อนร่วมทีมของปรินซ์อดหัวเราะไม่ได้

“กูก็อยากถามพี่แกเหมือนกัน ไหนว่าไม่ได้เล่นมาสามสิบปีแล้วไงวะ”

เจหันไปพูดใส่หน้าคนรักดังๆ เป็นภาษาอังกฤษเพื่อให้เข้าใจ ฆาเบียร์โคลงหัวเมื่อโดนบวกอายุให้อีกครั้ง

“ฉันแค่ได้ทุนกีฬาเฉยๆ ไม่ได้เคยไปเล่นอาชีพหรอกนะเจ แต่จริงๆ แล้วถ้าฉันไม่มีปัญหาจนต้องสละทุน ฉันก็คงได้เล่นให้กับทีมของมหาวิทยาลัยและอาจจะได้โอกาสคัดตัวเข้าเล่นในเมเจอร์ลีกช่วงที่เริ่มก่อตั้งก็ได้”

ฆาเบียร์เล่าให้เจและเพื่อนคนอื่นที่มานั่งล้อมวงฟังว่าทุนที่เขาควรได้รับในที่สุดก็ตกไปถึงนักกีฬาอีกคนจากโรงเรียนคู่แข่ง คนๆ นั้นเข้าเรียนที่ม. S ซึ่งมีชื่อเรื่องทีม soccer ในระดับมหาวิทยาลัยอยู่พอสมควรและเป็นนักกีฬาตลอดสี่ปี ในที่สุดเขาก็ถูกทีมในเมเจอร์ลีกคัดเลือกให้เข้าร่วมทีม

“แอลเอ แกแล็กซี่เหรอครับ?”

เจนยุทธถามถึงทีมๆ เดียวที่เขารู้จักจากเมเจอร์ลีก คนตัวโตส่ายหัว

“ไม่จ้ะ San Jose Clash เจรู้จักไหม? ตอนนี้น่าจะใช้ชื่อ San Jose Earthquakes”

“ไม่รู้จักเลยครับ ผมไม่คุ้นกับทีมของสหรัฐฯ เลย”

คนตัวเล็กที่ดูแต่บอลยุโรปพูดเสียงอ่อยๆ เขารู้จักเพียงแค่แอลเอ แกแล็กซี่เพราะเป็นทีมที่อดีตไอดอลของเขาอย่างเดวิด เบ็คแฮมเล่นอยู่แค่นั้น



"เอ้า พักพอแล้ว ลงต่อกันเถอะ ไอ้ซัน มึงเลิกกินได้แล้ว เดี๋ยวก็อ้วกหรอก"

ปรินซ์ซึ่งเป็นคนคอยกำกับเรื่องเวลายกนาฬิกาขึ้นดูแล้วบอกเพื่อนๆ ที่มานั่งล้อมวงคุยกัน เขาหันไปดึงจานยำหมูย่างออกจากมือของซันซัน หนุ่มลูกร้านเพชรบ่นพึมพำและบอกว่าเขาอยากนั่งพักและจะปล่อยให้คนอื่นลงเล่นแทนบ้าง ปรินซ์ถอนหายใจหนักๆ ด้วยความระอาก่อนจะเปลี่ยนเอาเพื่อนอีกคนลงไปแทน เกมในครึ่งหลังเริ่มต้นขึ้นได้ไม่นาน ทีมของเจก็สามารถยิงประตูตีตื้นขึ้นมาได้หนึ่งลูก แต่ไม่นานโต้งที่เปลี่ยนตัวลงมาเล่นแทนเพื่อนอีกคนก็สามารถทำประตูให้ทีมของปรินซ์ขึ้นนำห่างไปอีกด้วยความช่วยเหลือของฆาเบียร์ แม้จะเซ็งที่ทีมตัวเองถูกยิงนำไปอีก เจก็อดยิ้มไม่ได้เมื่อเห็นคนรักของตนหัวเราะร่าและวิ่งเข้าไปกอดแสดงความดีใจกับโต้งที่ยิงประตูได้ เมียตัวโตของเขาดูมีความสุขมากที่ได้ลงสนามเล่นฟุตบอลอีกครั้ง

"หึ ดีใจไปเถอะคุณ มัวแต่ส่งให้ชาวบ้านเขา ระวังเถอะ จบเกมจะทำไม่ได้สักประตูนะ"

เจใช้ไหล่กระแทกตัวคนรักที่เดินเฉียดผ่านมาใกล้ ฆาเบียร์หัวเราะหึๆ เมื่อถูกคนตัวเล็กพาลอีกครั้ง เขาแกล้งรวบเอวเจนยุทธเข้ามาแนบตัวแล้วหอมแก้มฟอดใหญ่ก่อนจะรีบเผ่นแผลวออกไปพร้อมเสียงโวยวายดังลั่นของคนที่ถูกลวนลามต่อหน้าเพื่อนๆ



"โอ๊ย!"

"ปรินซ์ มึงเป็นอะไรไหม?!"

เสียงหนุ่มลูกร้านเพชรเรียกชื่อเพื่อนด้วยความตกใจดังขึ้นแทบจะพร้อมๆ กับเสียงร้องโอดโอยของเพื่อนรักของเขา ซันซันที่นั่งกินนั่นนี่อยู่ข้างสนามรีบวิ่งลงมาหาปรินซ์ที่นอนกองอยู่บนพื้นด้วยความตกใจ

"ไอ้เจ มึงไม่ระวังหน่อยวะ รู้ๆ อยู่ว่าข้อเท้าไอ้ปรินซ์มันไม่ดี"

ซันซันหันไปดุเจนยุทธซึ่งเป็นคนเสียบสกัดบอลจากเท้าของตี๋หนุ่มตัวล่ำ เจหันไปขอโทษขอโพยเพื่อนที่ลุกขึ้นนั่งทำหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่บนพื้นหญ้าเทียม หนุ่มตี๋แว่นรีบลูบๆ คลำๆ ข้อเท้าซ้ายของเพื่อนจนแน่ใจว่าไม่ได้มีการบาดเจ็บรุนแรง เพื่อนอีกคนของเจซึ่งเป็นหมอก็รีบเข้ามาดูอาการให้ก่อนที่ซันซันจะประคองปรินซ์ให้ลุกขึ้น

"นี่วางแผนอะไรกันไว้อีกล่ะ"

คนตัวโตที่เข้ามายืนข้างเจกระซิบถาม ก่อนหน้านั้นเขาเห็นเจกับปรินซ์กระซิบกระซาบอะไรกัน และยังได้เห็นว่าก่อนที่เจจะเข้าบอลหนักจนปรินซ์ล้มไป ทั้งสองได้มีการส่งสัญญาณอะไรกันอีกต่างหาก

"น่าๆ ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ไปหน่อยแล้วกัน ถือว่าช่วยเพื่อน คุณดูหน้ามันสิ บานเป็นกระด้งแล้ว"

เจกระซิบตอบ ฆาเบียร์อมยิ้มเมื่อเห็นหน้าของปรินซ์ที่ดูมีความสุขมากที่เพื่อนรักเข้ามาประคองเขาอย่างประคบประหงมและพาออกไปนั่งข้างสนาม

"นี่ แล้วไม่ต้องคิดแกล้งเจ็บมั่งล่ะคุณ ผมไม่เชื่อคุณง่ายๆ แน่"

เจหันไปขู่ฟ่อดแฟ่ดใส่คนรักก่อนจะลงสนามเพื่อเล่นต่อ



"Five minutes!"

ซันซันซึ่งทำหน้าที่เป็นผู้คุมเวลาข้างสนามตะโกนบอกลงมา ฆาเบียร์กัดริมฝีปากเบาๆ ถึงตอนนี้ทีมเขาจะนำทีมของเจอยู่ 4 - 2 แต่ตัวเขาก็ยังทำประตูเองไม่ได้ อันที่จริงเขาเตะเข้าประตูไปแล้วลูกหนึ่งแต่ล้ำหน้าเสียก่อน ส่วนเจก็ยืนยันหัวเด็ดตีนขาดว่าลูกนั้นไม่นับ ก็จึงเท่ากับเขายังทำประตูได้เป็นศูนย์​ เขาต้องเร่งหาทางยิงให้เข้าถ้ายังอยากชนะพนัน

"ป๋าครับ! รับ!"

ในที่สุดโอกาสก็มาถึง ปรินซ์ซึ่งเลิกสำออยและกลับลงมาเล่นใหม่โยนลูกโด่งจากค่อนสนามมายังหน้าประตูฝั่งตรงข้าม ฆาเบียร์อาศัยความสูงใหญ่กระโดดขึ้นใช้อกพักบอล เมื่อบอลตกถึงพื้น เขาก็ลากหลบกองหลังตัวสุดท้ายของทีมเจและหลุดไปเผชิญหน้ากับผู้รักษาประตู เขาสับขาหลอกโกลที่พยายามออกมาแย่งบอลนอกกรอบเขตโทษ จนในที่สุดก็เหลือแต่เขากับประตูโล่งๆ แต่ก่อนที่จะเงื้อเท้าเพื่อเตรียมส่งบอลเข้าประตูฆาเบียร์ก็แอบเหลือบมองเจนยุทธที่วิ่งตามหลังขึ้นมาแว่บหนึ่ง จากที่ตั้งใจมุ่งมั่นว่าจะยิงประตูให้ได้ ฆาเบียร์กลับต้องใจอ่อนยวบลงทันทีเมื่อเห็นใบหน้าซึ่งฉายแววผิดหวังออกมาอย่างชัดเจนของเจ

"เฮ้ย ไม่เข้าได้ไงวะ?"

หลายเสียงตะโกนลั่นเมื่อเห็นแฟนหนุ่มใหญ่ของเพื่อนเตะบอลที่แค่เขี่ยก็ควรจะเข้าประตูไปอย่างง่ายๆ ข้ามคานออกไปเสียโด่ง ปรินซ์ถอนหายใจเฮือกใหญ่และเดินมายังข้างสนาม เขาเปิดกระเป๋าตังค์หยิบแบงค์สีเทาใบหนึ่งส่งให้กับซันซันที่ยืนแบมือรออยู่ พวกเขาพนันกันไว้ว่าฆาเบียร์จะยอมล้มบอลหรือไม่ และเป็นฝ่ายซันซันที่ทายถูก



“ขอบคุณครับ ฆาบี้ ขอบคุณจริงๆ”

เจกระซิบเบาๆ และเอนกายพิงไหล่คนตัวโตที่เดินตามเขามาทำการคูลดาวน์ที่สแตนด์ข้างสนาม

“ขอบคงขอบคุณอะไรกัน เจนยุทธ? นี่ฉันยังเซ็งตัวเองอยู่เลยนะ”

เจยิ้มหวานให้คนรักที่แกล้งทำท่าทางหงุดหงิด หลังยิงไม่เข้าและเกมจบลงฆาเบียร์ทำท่าทางเสียใจและรีบไปขอโทษขอโพยเพื่อนร่วมทีมโดยอ้างว่าขาของเขาล้าเกินไปและควบคุมน้ำหนักบอลไม่ได้ เพื่อนๆ ของเจก็ต่างทำท่าทางเข้าใจและยังชมเชยคนรักตัวโตของเจเป็นอย่างมากที่เล่นได้เป็นอย่างดี

“ครับๆ ผมเชื่อคุณก็ได้ว่าคุณยิงพลาดไปจริงๆ ไม่ได้ตั้งใจจะยิงพลาดเพื่อเอาใจผม”

เจส่งผ้าขนหนูให้ฆาเบียร์ คนตัวโตแกะหนังยางที่รัดผมไว้เป็นมวยน้อยๆ ออกและใช้ผ้าเช็ดผมที่เปียกชุ่มเหงื่อ เจมองผมเปียกชื้นที่สยายล้อมกรอบหน้าคมเข้มนั้นด้วยแววตากรุ้มกริ่ม

“อะไรของนาย หืมม์? จ้องฉันจัง”

“ผมชอบคุณตอนผมเปียกๆ แบบนี้จัง”

เจละไว้ไม่พูดถึงตรงที่ว่ามันทำให้เขานึกถึงผมที่ชื้นเหงื่อของเจ้าตัวหลังจากโรมรันพันตูกันอย่างหนักบนเตียง หากฆาเบียร์ก็คงเข้าใจความหมายของเขาดีเพราะเจเห็นสีเลือดฝาดที่วิ่งเป็นริ้วพาดโหนกแก้มสูงเด่นของคนรักทันทีที่เขาพูดออกไป



“นายนี่มันลามกจริงๆ นะ เจนยุทธ”

คนตัวโตหยิกแก้มป่องของเจอย่างมันเขี้ยว

“โอ๊ยๆๆ อะไรอีกล่ะ? ลามกอะไรกัน ผมไม่ได้คิดอะไรเลยสักนิด”

เจลูบๆ แก้มตัวเองแล้วบ่นอุบอิบ เขากระโดดลงจากสแตนด์เมื่อเพื่อนๆ เรียกและหันกลับไปส่งมือให้คนรัก

“ป่ะ ไปอาบน้ำกันเถอะครับ จะได้สบายตัว”

“เจไปก่อนก็ได้ ฉันขอจัดการเรื่องนี้ให้เสร็จก่อน”

คนตัวโตยกโทรศัพท์ให้คนตัวเล็กเห็นว่าเขากำลังจะโทรหาเลขาของเขา เจถอนหายใจเฮือกและเดินมาเอาคางเกยเข่าของคนรักที่นั่งบนสแตนด์

“คุณครับ เรื่องที่สัญญากันไว้น่ะ คุณยังไม่ต้องทำก็ได้ ผมรู้ว่าคุณงานเยอะ ถ้าไม่สะดวกก็ไม่ต้องอยู่ต่ออีกคืนหรอกครับ เก็บไว้คราวหน้าก็ได้”

“ต้องทำสิ เพื่อนาย เรื่องแค่นี้ฉันทำให้ได้ ถ้าฉันไม่สะดวกฉันก็จะบอกเองนั่นแหละ โอเคนะ?”



ฆาเบียร์จัดการโทรเข้าไปหาเมลิน่า เขาพูดคุยด้วยครู่หนึ่งแล้วจึงวางและกดโทรออกอีกครั้ง คราวนี้เขาพูดกับคนที่ปลายสายเป็นภาษากวางตุ้งอยู่พักหนึ่งแล้วจึงกดวาง

“ยัยเมลิน่าติดไปงานกับอาปาน่ะ เลยให้ฉันโทรหาคุณเหลียงแทน เดี๋ยวเขาจะอีเมล์ตั๋วใหม่มาให้คืนนี้”

คนตัวโตพูดถึงเลขาในทีมของเขาอีกคนหนึ่ง เจทำท่าตื่นเต้นเมื่อรู้ว่าคริสอยู่ที่ฮ่องกง เขาบ่นคิดถึงพ่อบุญธรรมของคนรักที่เขาไม่ได้เจอหน้ามานานหลายเดือนแล้ว

“ไว้คราวหน้าถ้าอาปามาอีกรอบ ฉันจะส่งตั๋วมาให้เจมาเจอที่ฮ่องกงแล้วกันนะ”

คนตัวโตพูดยิ้มๆ สิ่งหนึ่งที่ทำให้เขารักเจก็เพราะความรักและเคารพที่เจมีให้ชายผู้เปรียบเหมือนพ่อคนที่สองของเขาคนนี้ เขาดูออกว่ามันเป็นความรู้สึกที่กลั่นออกมาจากใจจริง ไม่ใช่แกล้งทำเพื่อเอาใจเขา เขายกมือขึ้นลูบหัวคนตัวเล็กที่ทำตาแป๋วซบขาเขาอยู่

"ไป อาบน้ำกันเถอะ จะอาบพร้อมกันก็ได้นะ"

คนตัวโตพูดยิ้มๆ เจย่นจมูกให้คนรักและกระโดดหนีทันที ฆาเบียร์หัวเราะหึๆ และเดินตามคนรักเข้าไปยังห้องอาบน้ำ




(ต่อคอมเมนท์ถัดไปค่ะ)



ออฟไลน์ La Vida Sin Tu Amor

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-1
---- แมนๆ เตะบอลครับ  (ต่อ) ----



“เจ กูขอคุยอะไรกับมึงหน่อยได้ไหม”

เจซึ่งกำลังใส่เสื้ออยู่หันไปตามเสียงเรียก

"อือ ได้สิวิน มีอะไรเหรอ?"

วิน หรือมาร์วิน ลีตระกูลเป็นเพื่อนสนิทคนหนึ่งของเจสมัยมัธยม หากพวกเขาห่างกันไปเมื่อเพื่อนคนนี้ไปเรียนต่อและทำงานที่ต่างประเทศ

"เมื่อกี้กูได้ยินแฟนมึงพูดกวางตุ้ง พี่เขาทำงานที่ฮ่องกงเหรอ?"

"มึงฟังออกด้วยเหรอ? เออ ใช่ บ้านมึงเป็นคนฮ่องกงนี่หว่า"

เจนยุทธนึกขึ้นได้ เพื่อนซึ่งเป็นอดีตหัวหน้าห้องของเขาคนนี้มีพ่อเป็นชาวฮ่องกงแต่มาตั้งรกรากในไทยตั้งแต่ยังหนุ่มจนมีนามสกุลไทย พ่อของวินทำธุรกิจหลายอย่าง หากแม่ของเขานั้นทำงานสายโรงแรมมาโดยตลอด เมื่อเข้ามหาวิทยาลัยเพื่อนของเจคนนี้จึงไม่ลังเลที่จะสมัครเข้าเรียนการโรงแรมในม.เอกชนแห่งเดียวกับเจ แต่เขาเข้าเป็นรุ่นพี่ของเจนยุทธรุ่นหนึ่งเพราะเจมัวไปเสียเวลากับสาขาที่ไม่ชอบในม. เชิงดอยอยู่หนึ่งปี เมื่อเริ่มเรียน วินก็คอยเล่าให้เจฟังเรื่องที่เรียนใหม่แห่งนี้ และพูดได้ว่าเขาเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้คนตัวเล็กเปลี่ยนมาเรียนสายการโรงแรม หากเมื่อจบปีสอง เพื่อนของเจคนนี้ก็ลาออกและไปเข้าเรียนที่ Ecole Hôtelière de Lausanne​ ซึ่งเป็นสถาบันด้านการโรงแรมอันดับต้นๆ ของโลก พวกเขาเริ่มขาดการติดต่อกันตั้งแต่ตอนนั้น แต่ก็กลับมาต่อติดกันใหม่เมื่อเพื่อนของเจคนนี้ย้ายกลับมาทำงานที่กรุงเทพฯ



"ใช่ ฆาบี้เขาทำงานที่ฮ่องกง ช่วงที่แล้วน่าจะไปๆ มาๆ แต่พี่แกเพิ่งมาประจำที่นี่เต็มตัวเมื่อกลางปีที่แล้ว ทำไมเหรอ?"

เจตอบคำถามของวิน เพื่อนของเจมีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น

"เดี๋ยวกูจะบอกว่าทำไม แต่กูขอถามมึงอีกคำถามได้ไหมเจ?"

"มึงพูดงี้กูชักกลัวแล้วว่ะ วิน"

เจบ่นอุบอิบแต่เขาก็รอฟังคำถามของเพื่อน

"มึงกะคบพี่เขาจริงจังแค่ไหนวะ?"

เจอึ้งไป มันเป็นคำถามที่เขาไม่คิดว่าจะได้ยินออกจากปากเพื่อน

"เฮ้ย กูจริงจังดิวะ มึงก็รู้ว่าปกติกูชอบผู้หญิงและเล่นไปทั่วแค่ไหน แต่กับฆาบี้นี่เขาไม่เหมือนคนอื่นว่ะ กู เอ่อ..."

เจหน้าแดงซ่าน มันไม่ง่ายที่จะพูดบอกรักผู้ชายออกมาโต้งๆ ต่อหน้าเพื่อน

"...กูรักเขาจริงๆ ถ้าเป็นไปได้ กูก็อยากอยู่กับเขาไปจนตลอดชีวิตนั่นแหละ แต่มันก็คงสุดแล้วแต่วาสนาอ่ะนะ"

เจหัวเราะเบาๆ เมื่อนึกถึงหนทางข้างหน้าของพวกเขา แม้ฆาเบียร์จะบอกว่ารักเขาเพียงใด สุดท้ายแล้วเจก็ยังฝากอนาคตของเขาไว้กับโชคชะตาอยู่ดี



"ว่าแต่มึงมีอะไรกับแฟนกูวะ ทำไมอยู่ๆ ถึงพูดเรื่องนี้ขึ้นมา?"

เจถามด้วยความสงสัย เพื่อนของเขาไม่ตอบ หากถามขึ้นมาอีกคำถามหนึ่ง

"แล้วพี่เขาเคยบอกมึงไหมว่าเขาเองก็จริงจังกับมึงแล้วอยากจะคบหาไปตลอด"

เจหัวเราะเบาๆ ที่แท้เพื่อนเขาคงเป็นห่วงว่าเขาจะโดนหนุ่มละตินร่างใหญ่หลอกให้หลงรักและทิ้งไปเมื่อเชยชมจนเบื่อแล้ว

"ไม่รู้สิ แต่จากที่เห็นกูก็คิดว่าเขาคงจริงจังมั้ง ตกลงมึงจะบอกกูได้หรือยังว่ามันเรื่องอะไร?"

วินทำท่าอ้ำอึ้งแต่ในสุดท้ายก็ยอมพูดออกมา



"กูว่ากูเคยเจอแฟนมึงที่ฮ่องกง หลายครั้งด้วย..."

“เรอะ? ไปเจอกันได้ไงล่ะนั่น? ที่โรงแรมมึงเหรอ?”

เจถามขึ้นอย่างงงๆ หนุ่มโรงแรมถอนหายใจเฮือกใหญ่

"ใช่ กูเคยเจอพี่เขาหลายครั้งที่โรงแรมที่กูทำงานอยู่ เมื่อกี้ตอนเจอกันครั้งแรกที่สนามกูก็ไม่ค่อยแน่ใจ เพราะทุกครั้งที่เจอเขาจะปล่อยผมแล้วก็หน้าตาเกลี้ยงเกลากว่านี้ แล้วก็แต่งตัวเนี้ยบแบบนักธุรกิจ วันนี้กูเลยจำเขาไม่ได้ แต่พอพี่เขาพูดกวางตุ้งกูเลยนึกออก"

หลังเรียนจบ เพื่อนของเจคนนี้เข้าทำงานในโรงแรมห้าดาวสัญชาติฮ่องกงที่แม่เขามีคอนเน็คชั่นอยู่และทำงานอยู่ที่นั่นหลายปีจนกระทั่งย้ายกลับมาทำงานที่โรงแรมเครือเดียวกันในไทยเมื่อไม่นานมานี้ืืืืื

"แล้วที่มึงเจอน่ะ เจอเขาไปทำอะไร?"

เจเริ่มหายใจไม่ทั่วท้อง เพื่อนของเขาอ้ำอึ้งแบบนี้แสดงว่าคงไม่ได้เป็นการเจอกันแบบดีๆ แน่

"เขา เอ่อ เขามาหานายกูอ่ะ..."

วินเริ่มเล่าเรื่องราวให้เพื่อนของเขาฟัง เขาเคยเจอหนุ่มละตินร่างกำยำหน้าตาคมเข้มคนนี้ในฐานะแขกของนายของเขา หากฆาเบียร์นั้นไม่ใช่แขกธรรมดา



"นายกูก็เป็นคนฮ่องกงนี่แหละ แกเคยไปทำงานที่สาขานิวยอร์คแล้วย้ายกลับมากินตำแหน่งสูงกว่าที่โรงแรมที่เป็น flagship ของเครือในฮ่องกงอ่ะ แล้ว เอ่อ..​"

เพื่อนของเจอึกอักอีกครั้ง

"...คือ นายกูเค้าก็แสดงออกชัดเจนอ่ะว่าเป็นสาว แต่พวกกูก็ไม่เคยเห็นแกสนใจผู้ชายหรืออะไร แกก็ทำงานงกๆ ตามเรื่องของแกไป แต่ว่าในปีๆ นึงแกจะลางานสองสามครั้งครั้งละสองสามวัน แล้วแต่ละครั้งที่ลาน่ะ ก็เพราะมีผู้ชายมาหา..."

"มึงจะบอกกูว่า ผู้ชายของนายมึงก็คือฆาบี้ใช่ไหม?"

เจถามวินด้วยเสียงเยือกเย็นจนตัวเจเองก็ยังประหลาดใจ แม้ในใจเขาจะรู้สึกร้อนรุ่มขึ้นมา แต่เขาก็ยังอยากจะเชื่อว่านั่นคือตัวตนของฆาเบียร์ในอดีต เขาตัดสินใจที่จะรอฟังต่ออีกสักหน่อย



"ใช่ แฟนมึงนี่แหละไอ้เจ พวกกูจะได้เจอเขาตอนเช็คอินกับเช็คเอาท์แค่นั้น พวกแม่บ้านเขาก็เมาท์กันว่าพอผู้ชายของนายกูมาที พวกเขาก็จะเปิดห้องเอากันไม่ออกไปไหนสามวันสามคืนจนพวกแม่บ้านไม่กล้าไปทำห้อง เพราะเข้าไปขอทำห้องเมื่อไหร่ก็เจอสองคนนั้นนุ่งลมห่มฟ้ากันตลอดเลย อาหารการกินก็สั่งรูมเซอร์วิส อะไรแบบนั้น พวกกูก็เคยแซวนายว่าแฟนมาทีนี่มาเติมพลังหรือมาสูบพลังกันแน่ แต่นายกูเค้าก็ได้แค่ยิ้มๆ แล้วไม่พูดอะไร..."

วินเล่าต่อว่าเขาเห็นนายของเขามีความสัมพันธ์แบบนี้อยู่กว่าสองปี แต่ในที่สุดมันก็จบลง ฆาเบียร์หยุดมาหานายเขาที่โรงแรม หากนายของเขาก็ไม่ได้มีท่าทางเดือดร้อนอะไร จนกระทั่งวันหนึ่งที่พวกเขาไปดื่มสังสรรค์กันที่บาร์แห่งหนึ่งในเขต Lan Kwai Fong ที่นั่นเขาเจอฆาเบียร์นัวเนียอยู่กับหนุ่มฝรั่งหน้าหวานอีกคนหนึ่ง

"พวกกูงี้ขึ้นเลยสิ อะไรวะ ไอ้ฝรั่งเวรนั่นมาฮ่องกงแต่กลับไม่มาหานายกู แต่ดันควงคนอื่นมา พวกสาวๆ ที่เป็นฟรอนท์ก็ถามนายว่าทำไมไม่ไปฉะกับมันเลย ไปแสดงตัวเลยว่าเป็นแฟน นายกูก็ได้แต่ส่ายหัวแล้วบอกว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาพวกเขาไม่เคยเป็นแฟนกัน มันเป็นแค่เรื่องเซ็กส์เท่านั้น..."

นายของมาร์วินยิ้มเศร้าๆ แล้วบอกว่าฆาเบียร์นั้นมีคู่นอนหลายคนอยู่แล้ว เขาเป็นเพียงหนึ่งในนั้นและก็พอใจในสถานภาพของตัวเอง



"นายกูว่าเขาทำใจไว้แล้วว่าสักวันมันต้องจบลง ก็เลยเลือกเป็นแค่เซ็กส์เฟรนด์เพื่อไม่ให้ตัวเองต้องเฮิร์ท"

วินบอกว่านายของเขาพูดไว้ว่าคนอย่างฆาเบียร์ที่เพียบพร้อมทั้งรูปโฉมและหน้าที่การงานนั้นไม่มีวันถูกใครล่ามโซ่ไว้ ต่อให้เขารู้สึกรักชอบฆาเบียร์แค่ไหน เขาก็รู้ว่าคำว่ารักจากปากเขาไม่เพียงพอที่จะเหนี่ยวรั้งเสือตัวนี้ซึ่งไม่เคยมีความรู้สึกลึกซึ้งให้ใครไว้ได้

"...ขนาดที่ว่าพวกเขาเดินสวนกันก็ยังทักทายกันเหมือนแค่คนรู้จัก ทักทายกันกระทั่งเด็กของแฟนมึงด้วยนะ พวกกูงี้มึนตึ้บเลยว่าทำแบบนั้นกันได้ด้วยเหรอ? แต่มึงรู้อะไรไหม สุดท้ายคืนนั้นนายกูก็ดื่มหนักกว่าทุกทีจนพวกกูต้องหามกลับ..."

เมื่อหลับใหล นายของมาร์วินก็ละเมอร่ำไห้ออกมาจนได้ มันทำให้เพื่อนของเจยิ่งรู้สึกแย่กับผู้ชายคนที่ทำให้นายเขาเสียใจเป็นอันมาก

"ถึงปากจะบอกว่าโอเค แต่นายกูก็ซึมไปพักใหญ่เหมือนกันนะ ยังดีที่ว่าหลังจากนั้น นายกูเขาก็หาแฟนเป็นตัวเป็นตนได้และเลิกติดต่อกับแฟนมึงไป"



มาร์วินเล่าอีกว่าตั้งแต่วันนั้นจนกระทั่งถึงก่อนที่เขาจะย้ายกลับไทย เขายังเคยเจอฆาเบียร์ในที่เที่ยวอีกสองสามครั้ง และแต่ละครั้งเขาก็มาพร้อมกับหนุ่มไม่ซ้ำหน้า แต่นั่นก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อเกือบสองปีที่แล้ว

"คือ กูก็ไม่แน่ใจหรอกนะว่าตอนนี้พี่เขาจะเป็นแบบนั้นอยู่ไหม อาจจะหยุดแล้วก็ได้เพราะเห็นมึงบอกว่าพวกมึงคบหากันจริงจัง กูก็อยากเชื่อมึงนะเจ แต่กูก็เป็นห่วงว่าเขาจะมองมึงเป็นแค่เซ็กส์เฟรนด์เหมือนตอนนายกูหรือเปล่า เพราะเห็นว่าเขาก็นานๆ มาทีใช่ไหม? "

เพื่อนของเจทำหน้านิ่วคิ้วขมวด เมื่อเขาแน่ใจแล้วว่าฆาเบียร์คือคนเดียวกันกับผู้ชายของนายเขา เขาก็อดเป็นห่วงเพื่อนของตัวเองไม่ได้ แม้ท่าทางของฆาเบียร์ที่แสดงออกกับเจจะต่างไปกับที่เขาเคยเห็นโดยสิ้นเชิง เขาก็ยังอดมีอคติด้วยไม่ได้ หากเจนยุทธกลับดูมีทีท่าผ่อนคลายลงเมื่อได้ฟังเรื่องราวจนจบ เจค่อนข้างแน่ใจแล้วว่าเหตุการณ์ที่เพื่อนเขาบอกเล่านั้นเกิดขึ้นก่อนพวกเขาจะได้พบกัน แต่เพื่อความสบายใจ เขาตัดสินใจที่จะทำให้มันชัดเจน



"ฆาบี้ มานี่หน่อยสิครับ"

เจกวักมือเรียกคนรักที่ออกมาจากห้องอาบน้ำสักพักแล้วและกำลังแต่งตัว คนตัวโตก็เดินเปลือยท่อนบนโชว์กล้ามเข้ามาหาสองหนุ่มทันที

"ว่าไงจ๊ะ? คุยกับมาร์วินเสร็จแล้วเหรอ?"

ฆาเบียร์หันไปยิ้มให้วินที่ทำหน้าพิพักพิพ่วน เมื่อครู่เขาเห็นเจกำลังคุยกับเพื่อนเป็นภาษาไทยอย่างเคร่งเครียดจึงไม่ได้เข้ามากวนการสนทนา เจหันไปยิ้มให้คนรัก

"วินเขาบอกว่าเขาเคยเจอคุณที่ฮ่องกงอ่ะครับ"

คนตัวโตอุทานเบาๆ เป็นการตอบรับ ตอนแนะนำเพื่อนเจก็ได้บอกเขาแล้วว่ามาร์วินเคยทำงานโรงแรมอยู่ที่ฮ่องกงก่อนจะย้ายกลับมาที่กรุงเทพฯ



"เหรอ เคยเจอผมที่ไหนล่ะ? ที่โรงแรมคุณเหรอ?"

ฆาเบียร์พูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม เขาเดาว่าพวกเขาอาจเคยเจอกันตอนที่ไปคุยงานที่โรงแรมเก่าแก่ของฮ่องกงที่วินทำงานอยู่ หากคนตัวโตก็หน้าถอดสีทันทีที่ได้ยินชื่อคนที่คุ้นเคยจากปากของมาร์วิน

"ผมเคยทำงานกับคุณนิโคลัส หงครับ"

วินจบประโยคของเขาไว้เพียงแค่นั้นและมันก็เพียงพอที่จะทำให้ฆาเบียร์รู้ว่าเพื่อนของเจคนนี้รู้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างพวกเขาเป็นอย่างดี

“คุณเป็นลูกน้องของนิคกี้เหรอ?”

ฆาเบียร์ถามเสียงแผ่วเบาและหันขวับไปดูปฏิกิริยาของเจทันที ดูท่าทางเพื่อนของเจคงจัดการเล่าเรื่องของเขาให้คนตัวเล็กฟังเรียบร้อยแล้ว เขาใจชื้นขึ้นเมื่อเห็นเจยังคงส่งยิ้มให้เขาแถมยังดูสนุกเมื่อเห็นเขามีท่าทีร้อนใจ คนตัวโตถอนหายใจเฮือกใหญ่และถามเจ้าตัวดีของเขา



“นายก็รู้เรื่องหมดแล้วใช่ไหม?”

“อือ ฮึ...”

เจพยักหน้าพร้อมกับยกมือขึ้นกอดอกและพยายามปั้นหน้าให้เคร่งขรึม

“ได้ฟังหมดแล้วครับ ร้ายกาจไม่เบาเลยนะ คุณน่ะ”

“เจ ฉัน…”

คนตัวโตพูดไม่ออก เขานึกไม่ถึงว่าโชคชะตาจะเล่นตลกให้เพื่อนของเจได้เคยรู้เห็นชีวิตเสเพลของเขา

“เอ่อ เจ กูไปก่อนดีกว่า ห้องน้ำว่างแล้ว”

มาร์วินรีบพูดอย่างเร็วเมื่อเห็นสถานการณ์ดูจะไม่ค่อยดีนัก เขาไม่นึกว่าเจจะถึงขั้นเรียกแฟนของตัวเองมาคุยต่อหน้าเขา

“เดี๋ยว มึงไม่ต้องไปไหนเลย วิน ทิ้งระเบิดไว้แล้วคิดหนีเหรอ”

เจคว้าคอเสื้อเพื่อนของเขาไว้ วินหันมาทำตาปริบๆ เมื่อได้ยินน้ำเสียงที่ฟังดูสบายอารมณ์ของเจนยุทธ เจยกแขนขึ้นกอดคอเพื่อน



“กูรู้ว่ามึงห่วงกูนะวิน และกูขอบใจมึงมากสำหรับเรื่องนี้ กูก็เลยอยากให้มึงได้ฟังจากปากของฆาบี้เองจะได้สบายใจ”

เจนยุทธหันไปยิ้มให้คนรักที่มีท่าทีงุนงงเช่นกัน

“คุณครับ เพื่อนผมคนนี้มันเป็นห่วงผม มันกลัวว่าคุณจะคิดกับผมแค่เป็นเซ็กส์เฟรนด์เหมือนกับที่มันเคยเห็นมา แต่ผมมั่นใจในตัวคุณและอยากให้คุณช่วยบอกให้มันได้สบายใจหน่อยว่ามันไม่ได้เป็นแบบนั้น…”

เจหยุดทำท่าครุ่นคิดนิดหนึ่ง

“เอ๊ะ หรือคุณจะมองผมจะเป็นแค่นั้นจริงๆ ครับ?”

คนตัวเล็กหันไปทำหน้าจ๋อยใส่คนรัก

“โธ่ เจ มันจะเป็นแบบนั้นไปได้ยังไง?…”

ฆาเบียร์ครางออกมาแผ่วๆ เขาหันไปพูดกับเพื่อนของเจด้วยท่าทางร้อนรน



“วินครับ เมื่อก่อนผมเคยเสเพลอย่างที่คุณเคยเห็นจริงและผมก็ยอมรับว่าผมชอบและเสพติดชีวิตแบบนั้น ใช่ ผมเคยคบคนมากหน้าหลายตาโดยหวังเพียงแค่เซ็กส์ แต่กับเพื่อนของคุณมันไม่ใช่แบบนั้นเลย…”

ฆาเบียร์หยุดพักและสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะพูดต่อ

“...ผมรักเจ รักด้วยใจจริง ในตอนนี้ผมหยุดพฤติกรรมแบบเดิมทั้งหมดแล้วและมีแค่เขาคนเดียวเท่านั้น”

เขาหันไปยิ้มให้เจนยุทธที่ยิ้มกว้างจนตาหยีกลับมาให้เขา

“...ในอนาคตถ้าจะมีใครสักคนถูกทิ้งก็คงเป็นผมถูกเจทิ้งมากกว่าครับ เพราะไม่ว่าวันนี้หรือวันไหนผมก็ไม่มีวันคิดปล่อยมือจากเขาไปอีกเด็ดขาด”

“ฮิ้วววววววววว!!!”

คนทั้งสามสะดุ้งเฮือกเมื่อได้ยินเสียงโห่แซวอย่างอดไม่ได้จากทีมฟุตบอลที่มายืนแอบฟังเงียบๆ อยู่นานแล้ว

“โอ๊ย กูขอซื้อคำพูดแฟนมึงไปบอกเมียหน่อยได้ไหมวะ อะไรจะหวานเฟร่อร์ขนาดนั้น!”

โต้งซึ่งเป็นหัวโจกมาตั้งแต่มัธยมเป็นต้นเสียงตะโกนแซวเจซึ่งตอนนี้อายม้วนและหนีไปยืนหลบอยู่หลังร่างกำยำของคนรัก

“คุณสัญญาแล้วนะครับว่าจะดูแลไอ้เจของพวกเราเป็นอย่างดีและจะไม่ทิ้งมัน”

เสียงเพื่อนสมัยมัธยมอีกคนของเจสำทับขึ้น ฆาเบียร์พยักหน้าและให้คำมั่นกับเพื่อนๆ ของเจอีกครั้ง



“ได้ยินคุณพูดแบบนี้แล้ว พวกผมก็ค่อยสบายใจกันหน่อย เท่าที่พวกผมเคยเห็นต่อให้ไอ้เจมันจะเคยคบหาผู้หญิงมามากแค่ไหน พวกผมก็ไม่เคยเห็นมันจริงจังกับใครเท่ากับคุณ…”

มาร์วินพูดขึ้น สำหรับเพื่อนๆ ของเจแล้ว เมื่อรู้มาจากปรินซ์และซันซันว่าแฟนของเจนั้นเป็นหนุ่มนักธุรกิจต่างชาติที่คบหากันทางไกล พวกเขาก็อดห่วงเพื่อนคนนี้ไม่ได้ แม้หนุ่มทั้งสองที่คุ้นเคยกับฆาเบียร์ดีแล้วจะยืนยันว่าทั้งคู่รักกันเหนียวแน่นดี แต่พวกเขาก็ยังอยากมาเห็นด้วยตาตัวเอง

“กูก็บอกแล้วว่าไม่ต้องห่วงน่า กูซะอย่าง ไม่ปล่อยให้ใครได้หักอกง่ายๆ หรอก…”

เจบ่นอุบอิบเป็นภาษาไทย แต่เพื่อนๆ เขาก็ทำหูทวนลม

“ผมเคยถามเจ ที่จริง เรียกว่าเตือนมันมากกว่าครับว่าการคบหาผู้ชายด้วยกัน ยิ่งเป็นสัมพันธ์ทางไกลด้วยแล้วนั้นมันไม่ง่าย แต่เจมันก็บอกว่ามันมั่นใจในความสัมพันธ์ครั้งนี้ และคิดว่าคุณจะไม่ทำให้มันได้เสียใจแน่ๆ”

เพื่อนหมอของเจซึ่งเปิดตัวเป็นเกย์เพียงหนึ่งเดียวในกลุ่มพูดขึ้น เขาบอกฆาเบียร์ว่าเมื่อรู้ข่าวเมาท์จากไลน์กลุ่มของโรงเรียนว่าเพื่อนวัยเด็กของเขาคนนี้มีแฟนเป็นตัวตนแล้ว แถมยังเป็นแฟนหนุ่มไม่ใช่แฟนสาว คนที่เคยประสบความยากลำบากกับการเปิดตัวและการคบหากับเพศเดียวกันก็รีบโทรหาเจทันที เขาบอกเจว่าเขาไม่ได้ต้องการละลาบละล้วงถามรายละเอียดใดๆ แต่โทรมาเพื่อแสดงความห่วงใยและเพื่อสอบถามให้แน่ใจว่าเจพร้อมที่จะเดินทางสายนี้แน่นอนแล้วหรือยัง ในตอนนั้นเจก็ได้ตอบว่าเขาพร้อมแล้วและจะไม่เสียใจกับสิ่งที่ตนได้เลือกไป

“…พูดตามตรงว่าถึงมันจะพูดแบบนั้นผมก็ยังอดห่วงมันไม่ได้ แต่เมื่อเห็นคุณในวันนี้ ได้พูดคุยกับคุณ และได้ยินสิ่งที่คุณพูดออกมาเมื่อกี้ พวกผมก็พอจะรู้แล้วว่าเจมันพูดถูก”

หมอหนุ่มยิ้มให้กับเพื่อนและคนรักที่ยืนกุมมือกันแน่นเหมือนจะเป็นการตอกย้ำความมั่นคงในความสัมพันธ์ของพวกเขา



“พวกผมขอฝากไอ้เจมันด้วยนะครับ มันอาจจะเจ้าชู้บ้าง กินก็เยอะ แถมขี้โวยวายแล้วก็ขี้แกล้งอีกต่างหาก แต่มันก็เป็นคนดี ขอคุณช่วยรักและเอ็นดูมันมากๆ นะครับ”

โต้งพูดปิดท้ายด้วยน้ำเสียงจริงจังปราศจากความขี้เล่น

“เห้ย กูไม่เฟลิร์ตแล้วเว้ย อย่ามาใส่ความ อื้อ!”

เจอุทานออกมาเมื่อถูกมือใหญ่ปิดปาก ฆาเบียร์หันไปเผชิญหน้ากับเพื่อนๆ ของเจ

“ผมขอรับทุกความหวังดีที่คุณมีให้กับพวกเราครับ และไม่ต้องห่วง ผมจะรักและดูแลเพื่อนคนสำคัญของพวกคุณเป็นอย่างดีแน่นอน ขอให้พวกคุณมั่นใจได้”

คนตัวโตพูดตอกย้ำอีกครั้งหนึ่ง สายตาอันเปี่ยมด้วยความจริงใจของเขาสะกดให้ทุกคนเชื่อในคำมั่นนั้น เจค่อยๆ ยกมือที่อุดปากเขาออกและส่งยิ้มหวานจ๋อยให้เพื่อนๆ

“เครนะ หมดห่วงกันแล้วใช่ไหมพวกมึง งั้นเราออกไปกันเหอะ ในนี้ชักร้อนละ แล้วกูก็…”

“…หิวแล้ว ใช่ไหม?”

ฆาเบียร์พูดแทรกขึ้นทันที เจหันไปค้อนคนรักของเขาขวับใหญ่ท่ามกลางเสียงหัวเราะและรอยยิ้มของเพื่อนๆ



"งั้นเดี๋ยวกินอะไรกันดีวะ นั่งกินที่นี่เลย หรือออกไปกินข้างนอก?"


ปรินซ์ถามความเห็นจากเพื่อนๆ ซึ่งก็ให้ความเห็นกันว่าควรออกไปกินข้างนอกจะดีกว่า

"เอ่อ กูขอที่ไหนก็ได้ที่ไม่มีพริตตี้ ไม่มีสาวเยอะๆ นะ"

เพื่อนคนหนึ่งของปรินซ์พูดเสียงอ่อยๆ เรียกเสียงฮาครืนจากรอบวงได้ เจกระซิบแปลให้ฆาเบียร์ที่ไม่เข้าใจภาษาไทยฟังพร้อมกับอธิบายสถานการณ์ของเพื่อนหนุ่มคนที่เพื่อนๆ รู้กันว่าเป็นสุดยอดพ่อบ้านใจกล้าของรุ่น

"ไอ้นี่เมียมันดุครับ เดี๋ยวคุณคอยดูนะ ไม่เกินสี่ทุ่มแม่มันก็จะโทรมาหาละ ไม่โทรเปล่า โทรเป็นวีดีโอคอลล์มาครับ มาขอดูว่าตอนนี้อยู่ไหน อยู่กับเพื่อนจริงไหม พวกผมนี่ต้องคอยเสนอหน้าอยู่เป็นหลักประกันให้มัน...เฮ้ย ไอ้เปี๊ยก แล้วทำไมมึงไม่กลับบ้านไปเลยวะ แม่มึงจะได้สบายใจ"

เจตะโกนแซวเพื่อนของปรินซ์ซึ่งก็โดนแจกกล้วยกลับมาอย่างรวดเร็ว

"นานๆ กูจะได้ออกบ้านที ขอกูได้อยู่ชื่นชมดมกลิ่นอิสรภาพนานๆ หน่อยเถอะวะ แดกอะไรก็ได้ กูไปได้หมด ขอแค่แม่ เอ๊ย เมียกูโทรมาแล้วสบายใจเป็นพอ"

ก๊วนบอลรวมทั้งฆาเบียร์ซึ่งฟังภาษาไทยไม่ออกอดไม่ได้ต้องฮาครืนออกมาเมื่อเห็นท่าทางเจื่อนจ๋อยของหนุ่มผู้อยู่ใต้อำนาจเมีย

"ว้า กูว่าจะชวนไปกู๊ดวิวใหม่ซักหน่อย อดซะละ"

ซันซันแกล้งยั่วเย้าเพื่อนของเขาต่อ เปี๊ยกทำตาละห้อย เขาไม่ได้สัมผัสแสงสีและบรรยากาศร้านเหล้ามาหลายปีดีดักแล้ว

"น่าๆ ไม่ต้องไปแกล้งมันแล้ว ร้านพวกนั้น พวกเราค่อยนัดไปกันทีหลังก็ได้ วันนี้เอาที่มันสะดวกทุกคนแล้วกัน"

มาร์วินอดีตหัวหน้าห้องซึ่งดูจะเป็นผู้ใหญ่ที่สุดในกลุ่มปรามพวกขี้แกล้งทั้งหลาย



"เอ้า คนที่ไกลบ้านที่สุดบอกซิว่าอยากกินอะไร"


เขาหันไปถามโต้ง หนุ่มอดีตนักบอลอาชีพผู้อาศัยอยู่ที่เยอรมนีครุ่นคิดนิดหนึ่งก่อนจะตอบออกมา

"กูอยากลองกินไอ้ปิ้งย่างหมาล่าที่เขาฮิตๆ กันน่ะ คราวที่แล้วมาก็ไม่ได้ลองกินเพราะเมียกูเขาไม่กินเผ็ดมาก แถวนี้มีร้านนึงใช่ไหม? กูเคยเห็นพวกมึงโพสต์กัน"

"อ๋อ ไอ้แถวดงข้าวสั่งหน้าโรงแรมรัตนโกสินทร์ใช่มะ? ได้ กินนั่นก็ได้ ถ้าพวกมึงแค่อยากหาที่นั่งกินเบียร์ อาหารพอกินได้ มีหลายอย่างให้เลือก ที่นั่นก็ตอบโจทย์สุดละ"


เจตอบตามประสาคนที่รู้เรื่องที่กินดี พวกเพื่อนๆ ของเขาก็ตอบรับตามนั้น จุดประสงค์หลักของพวกเขาคือหาที่นั่งคุยกันมากกว่า



"เออ ว่าแต่แฟนมึงจะกินได้เหรอวะ เจ ร้านมันเป็นร้านข้างถนนแบบนั้นน่ะ"

"เห้ย พวกมึงอย่าได้ดูถูก เมี...เอ่อ ฆาเบียร์ของกู"


เจที่เกือบหลุดปากเรียกเมียตัวโตของเขาตามความเคยชินออกไปรีบกัดลิ้นตัวเองและเปลี่ยนคำเรียกเมื่อซันซันกระแอมเตือนเบาๆ เขาหันไปยิ้มแหยๆ ให้คนรักที่ยืนไม่รู้เรื่องอยู่ข้างๆ

"ฆาบี้เขากินของข้างถนนได้ ร้านนี้ก็มีกับข้าวตั้งหลายอยากให้เลือก ถ้าไม่รู้จะกินอะไรจริงๆ กูค่อยสั่งข้าวหมูกระเทียมหรือข้าวไข่เจียวให้เขากินก็ได้...ใช่ไหมครับที่รัก กินได้ใช่ไหม?"

เจหันไปถามคนรักเป็นภาษาอังกฤษและอธิบายถึงร้านให้ฟังเสร็จสรรพ

"กินได้ครับ ไม่มีปัญหา ตามสบายเลย"

ฆาเบียร์ตอบและยิ้มละไมให้เพื่อนๆ ของคนรักของเขา เจหันไปยิ้มหวานให้เพื่อนๆ

"งั้น พวกเราไปกันเถอะ กูหิวไส้จะขาดแล้ว"



------------------------------------------------

ยังคงมาแบบไม่ยาวมากเหมือนเคยนะคะ ไม่รู้จะดูเวิ่นเว้อไปหรือเปล่าน้อตอนนี้ จริงๆ อยากเขียนฉากเตะบอลเยอะกว่านี้ แต่คนเขียนไม่ใช่คนดูบอลเลยไม่สามารถจะเขียนบรรยายออกมาได้ ก็เลย ได้แค่นี้ค่ะ แหะๆๆ ไว้เจอกันใหม่ตอนหน้านะคะ




ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
มีอดีตโผล่มาให้ใจหายแว๊บๆ

ออฟไลน์ La Vida Sin Tu Amor

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-1
@@@The Taste of Love...อิ่มรักรสโอชา - "WHY ME?" (27/12/61)
«ตอบ #427 เมื่อ27-12-2018 16:30:29 »




---- "WHY ME?" ----




"คุณครับ งั้นเดี๋ยววันนี้ผมขอดื่มกับเพื่อนๆ หน่อย ขากลับบ้านคุณเป็นคนขับได้ไหม?"

 เจนยุทธหันไปถามฆาเบียร์ คนตัวโตพยักหน้ารับคำ​และยิ้มกว้างเมื่อเห็นแววตาปิ๊งๆ ที่ส่งมา

"ตามสบายเลยเจ ฉันดื่มมากไม่ได้อยู่แล้ว นายก็รู้"

ฆาเบียร์บอก เขาซึ่งยังต้องกินยาตามที่หมอสั่งนั้นพยายามลดการดื่มลงพอสมควร เจผงกหัวรับและสตาร์ทรถ เขาออกมาจากสนามฟุตบอลหญ้าเทียมและขับรถออกมาตามถนนรัตนโกสินทร์ไม่ถึงสองนาที เจก็จอดรถเลียบข้างถนนตรงข้ามกับโรงแรมรัตนโกสินทร์

"ที่นี่เหรอ? ใกล้นิดเดียวเองนี่?"

 ฆาเบียร์มองไปที่เรือนแถวชั้นเดียวที่เรียงรายกันอยู่ริมฟุตบาท มันสร้างอย่างง่ายๆ ดูออกจะเป็นเพิงเสียมากกว่า ร้านค้าเหล่านั้นหลายร้านที่ปิดไว้ แต่ก็มีอีกสองสามร้านที่เปิดไฟสว่างไสวพร้อมกับมีโต๊ะเก้าอี้ให้นั่งทั้งบนฟุตบาทและลงมาถึงริมถนน หน้าร้านเหล่านั้นมีทั้งรถยนต์และมอเตอร์ไซค์จอดอยู่จำนวนหนึ่ง

"ครับ ใกล้ แต่มันมืด ผมไม่อยากเดินมา อีกอย่าง..."

เจเหลียวซ้ายแลขวาอย่างหวาดๆ

"...มันต้องเดินผ่านเมรุวัดป่าแพ่งด้วย หัวเด็ดตีนขาดผมก็ไม่ได้เดินอ่ะ"

เจพูดเสียงสั่น ฆาเบียร์หัวเราะพรืดออกมาทันที ที่แท้เจ้าตัวเล็กก็กลัวสิ่งที่มองไม่เห็นอีกตามเคย



"มึงนี่ยังกลัวผีเหมือนเดิมนะ ไอ้เจ"

เสียงห้าวๆ ของปรินซ์ดังมาจากเบาะหลัง เจสะดุ้งโหยงจนตัวลอย

"ห่านนี่ กูตกใจหมด นั่งกันซะเงียบๆ จนกูนึกว่าหลับกันไปหมดแล้ว"

เขาหันไปด่าเพื่อนตัวล่ำของเขาเป็นภาษาไทยโทษฐานที่ทำให้เขาตกใจ ทั้งปรินซ์และซันซันขอติดรถพวกเขามาที่ร้านอาหารด้วย แต่ทั้งคู่ก็นั่งเงียบจนเจลืมไปซะสนิทว่ามีพวกเขานั่งมาด้วย

"ก็มึงกับป๋าสวีทกันซะแบบนั้นพวกกูจะไปกล้าพูดอะไรวะ"

ซันซันหัวเราะหึๆ แล้วประท้วงเพื่อนของเขา พวกเขาไม่อยากจะไปขัดบรรยากาศเลิฟๆ ของเพื่อนและคนรักเท่าไหร่นัก เจส่ายหัวและดับเครื่องรถ

"ไปๆๆ ลงรถๆ กูหิวแล้ว..."

เจไล่เพื่อนๆ และฆาเบียร์ลงรถ

"เฮ้ย มึงอย่าพึ่งล็อครถ เมื่อกี้กูเอาถุงเหล้ากองกลางใส่ไว้นั่น"

ปรินซ์ซึ่งเป็นโต้โผจัดแมทช์บอลครั้งนี้บอกเจ คนตัวเล็กเดินไปที่ท้ายรถและจัดการเปิดมันขึ้น เขาหยิบถุงผ้าที่มีขวดบรรจุของเหลวทั้งสีชาและสีใสสองสามขวดออกมาจากท้ายรถแล้วเดินนำหน้าคนอื่นไป



"งั้น จะกินร้านไหนดี? อีสานไหม?"

ซันซันหันไปถามสมาชิกคนอื่นๆ ที่ยืนลังเลกันอยู่หน้าร้าน แม้จะหลังสามทุ่มแล้ว ร้านอาหารที่เป็นเพิงชั้นเดียวสามสี่ร้านนี้ก็ยังมีคนเต็มแทบทุกโต๊ะ

"อูย เอาๆ กินๆ อาหารอีสานร้านนี้แซ่บอยู่"

เจทำท่าปาดน้ำลาย

"เออ ว่าแต่แฟนมึงเค้าจะกินได้เหรอวะ? มันออกจะเป็นอีสานบ้านๆ ไม่ใช่แบบดีๆ ร้านก็ไม่ได้ดูดีสะอาดสะอ้านอะไรนะ”

มาร์วินทักท้วงขึ้น ภายในร้านอาหารอีสานที่ว่านั้นไม่ได้มีการตกแต่งอะไร โต๊ะส่วนมากวางอยู่บนฟุตบาทและพื้นถนน ภายในร้านที่แคบเล็กนั้นเป็นพื้นที่ประกอบอาหารและมีลังเหล้ากองๆ อยู่ มีทีวีเปิดอยู่สองเครื่องราวกับจะมีไว้ให้คนเมาร้องคาราโอเกะเสียมากกว่าเอาไว้ดู

“ไหวไหมคุณ?”

เจหันไปถามฆาเบียร์ คนตัวโตพยักหน้าบอกว่าเขานั่งได้ไม่มีปัญหา

“แต่เรื่องอาหาร ถ้ามันรสจัดมากฉันก็คงไม่ไหวเหมือนกันน่ะ มีอะไรอย่างอื่นกินไหม?”

ฆาเบียร์ถามขึ้นหลังจากที่พวกเขาทั้งสิบกว่าคนนั้นลงนั่งที่โต๊ะใหญ่ริมฟุตบาท เจสาธยายเมนูให้เขาฟังและบอกเขาว่าเขาไม่คิดว่าฆาเบียร์จะกินอะไรได้

“เดี๋ยวผมพาคุณเดินไปดูอีกร้านแล้วกันนะครับ เฮ้ย ไอ้โต้ง มึงอยากกินปิ้งย่างหมาล่าใช่ไหม? ไปดูกับกูด้วยเลยมะ”

เจเรียกเพื่อนของเขาที่เม้าท์แตกเม้าท์แตนอยู่กับเพื่อนคนอื่นอยู่อย่างออกรสออกชาติ โต้งรีบลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว ซันซันก็เช่นกัน พวกเขาถามเพื่อนคนอื่นในโต๊ะว่าอยากกินอะไรแล้วพากันเดินไปยังร้านข้างๆ



“ร้านพวกนี้เราสั่งอาหารข้ามไปข้ามมาได้ครับ เดี๋ยวเขาก็ยกมาเสิร์ฟ เดี๋ยวเราเลือกของย่างไว้ก่อนแล้วผมจะพาคุณไปสั่งก๋วยเตี๋ยว”

พวกเขาหยุดยืนกันที่หน้าแผงหมาล่าปิ้งย่างซึ่งมีเนื้อสัตว์และผักสารพัดชนิดเสียบไม้วางไว้ให้เลือกหยิบได้ตามใจต้องการ

โหย ร้านนี้ของเยอะว่ะ

โต้งครางออกมาอย่างถูกใจ เขานับๆ ดูแล้วมีของให้เลือกกว่าสามสิบอย่างเลยทีเดียวรวมถึงเอ็นไก่ สารพัดไส้ หูหมู ไส้อั่ว แหนม ซึ่งเขาไม่เคยเห็นจากร้านอื่น ฆาเบียร์เองก็ยืนอึ้งไปเพราะไม่รู้ว่าจะกินอย่างไร

“ไอ้เจ้าหมาล่าที่ว่านี่มันคืออะไรเหรอเจ?”

คนตัวโตกระซิบถามคนรัก

“อ๋อ มันคือผงพริกของจีนครับ คุณน่าจะเคยได้ชิมรสมันมาจากพวกอาหารเสฉวนนะ มันจะให้รสซ่าๆ ที่ลิ้น เดี๋ยวนะ เปิดหาก่อน เอ้า คุณเลือกไปก่อนว่าจะกินอะไร”

เจส่งตะกร้าพลาสติกให้ฆาเบียร์และเพื่อนๆ ส่วนตัวเองหยิบมือถือมากูเกิลหาศัพท์

“...เค้าว่ามันมาจากคำว่า หมา ที่แปลว่าชา กับคำว่า ล่า ที่แปลว่าเผ็ดครับ อ๋อ มันเป็นการสื่อถึงรสนั่นเอง ไม่ใช่ว่าไอ้พริกนี่ชื่อหมาล่า”

เจพยักหน้าหงึกหงัก เขานึกขอบคุณเหล่านักประดิษฐ์ที่สร้างสมาร์ทโฟน อินเตอร์เน็ตและ search engine มันทำให้ชีวิตเขาง่ายขึ้นมากในยามต้องหาข้อมูลใดๆ



“มันมีส่วนผสมของพริกฮวาเจียวครับ”

เจยื่นมือถือของเขาให้ฆาเบียร์ดูคำศัพท์ภาษาจีนบนหน้าจอ คนตัวโตร้องอ๋อและพยักหน้า เขาเคยลองหม้อไฟเสฉวนที่ใส่พริกเหล่านี้มาก่อน

“มันคือแบบเดียวกับที่เจโรยให้ฉันชิมที่ร้านเนื้อย่างช่วงคริสต์มาสใช่ไหม?”

เจรีบพยักหน้า

“ใช่ๆ ที่ร้านซูซูรัน แหม คุณจำได้ด้วย”

ฆาเบียร์ยิ้มละไมและยกมือโอบเอวคนของเขา

“อะไรที่ทำกับเจฉันจำได้หมดแหละจ้ะ”

คนตัวเล็กหน้าแดงซ่าน พ่อเจ้าประคุณของเขาหวานไม่ดูสถานที่อีกแล้ว



“โอ๊ย เติ้กบ่ะ ฮาหยิบบ่ถนัดเลย”

“โอ๊ย เกะกะโว้ย กูหยิบไม่ถนัดเลย”


เจหันไปทำหน้าบูดใส่เพื่อนอดีตนักบอลที่ยืนยักคิ้วให้เขาอยู่ด้านหลัง โต้งหัวเราะหึๆ เขาอดแซวเพื่อนของเพื่อนที่สวีทกันจนไม่ดูสถานที่ไม่ได้

“พวกมึงเลือกได้ยัง กูจะได้เลือกมั่ง”

ซันซันแทรกกายเข้ามายืนตรงกลางระหว่างเจและฆาเบียร์ เจนยุทธโคลงหัวและส่งตะกร้าพลาสติกสองใบในมือให้คนขาย

“ใบนี้เผ็ดน้อยนะครับ”

เจกำชับคนขาย ตะกร้าของเขาเต็มไปด้วยเนื้อสัตว์ หากตะกร้าของพ่อเจ้าประคุณของเขามีแค่ข้าวโพดหวาน เห็ด กระเจี้ยบเขียวและผักอื่นๆ จะมีเนื้อก็แค่เบค่อนพันเห็ดเข็มทองและไส้กรอกเท่านั้น

“คุณนี่มันตัวกินผักชัดๆ เลยนะ ฆาบี้ ขาดทุนจริงๆ”

ฆาเบียร์หัวเราะเบาๆ เมื่อถูกบ่น

“ฉันยังไม่อยากกินพวกเครื่องในน่ะ ส่วนพวกหมูกับเนื้อก็ไม่น่าสนใจ”

เจพยักหน้าหงึกหงัก เขาพาคนรักเดินต่อไปยังอีกร้านซึ่งอยู่ข้างกัน



“ร้านนี้ขายก๋วยเตี๋ยวน้ำตกครับ รสชาติโอเคเลยนะ ไม่ได้อร่อยเท่าโซ้ยเตี๋ยวที่ผมเคยพาคุณไปกิน แต่ก็ถือว่าใช้ได้”

เจบอกฆาเบียร์ว่าร้านก๋วยเตี๋ยวที่เปิดขายกลางคืนมักเป็นก๋วยเตี๋ยวหมูหรือก๋วยเตี๋ยวปลาต้มยำ ไม่ก็พวกบะหมี่เกี๊ยวหมูแดง หากร้านนี้ซึ่งเป็นแฟรนไชส์ของก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นเนื้อ "โกเด้ง" มีทั้งก๋วยเตี๋ยวน้ำตกเนื้อและหมูรวมทั้งก๋วยเตี๋ยวต้มยำธรรมดา

“ถ้าคุณอยากกินข้าวตามสั่งก็สั่งได้นะครับ ร้านนี้เป็นร้านอาหารตามสั่งด้วย อาหารใช้ได้เหมือนกัน เรียกได้ว่าถ้าดึกๆ อยากกินอะไร ที่นี่มีครบครับ”

เจชี้ป้ายชื่อร้าน "ครัวสีฟ้า" และรายการอาหารที่ติดไว้ริมถนน เขาแปลให้คนรักฟังว่ามีอะไรบ้าง

“กะเพรา ผัดฉ่า ผัดขี้เมา ผัดพริกแกง ผัดพริกสด…”

เจจาระไนอาหารที่ฆาเบียร์คุ้นชื่อบ้างไม่คุ้นชื่อบ้างออกมา

“คุณเลือกได้ว่าจะใส่หมู ไก่หรือทะเล แล้วก็มีพวกก๋วยเตี๋ยวผัดอย่างผัดซีอิ๊ว ลาดหน้า เอ๊ะ มีมาม่าผัดด้วยนี่หว่า หูย อยากกิน…”

เจอ่านเมนูด้วยความเพลิดเพลิน เขาแจกแจงเมนูยำและสารพัดต้มให้คนรักฟังอีกด้วย



“อาหารไทยนี่หลากหลายจริงๆ นะ นี่ขนาดร้านอาหารเพิงๆ แบบข้างถนน มีเมนูตั้งสามสี่สิบอย่าง”

ฆาเบียร์นับรายชื่ออาหารบนเมนูแล้วพูดขึ้น เจพยักหน้า

“ครับ แค่พวกผัดๆ เนี่ย เราก็เปลี่ยนเนื้อสัตว์ไปได้ตามใจชอบ ผมว่าแม่ครัวอาหารตามสั่งของไทยนี่เป็นสุดยอดนักพลิกแพลงแล้วครับ อย่างตอนผมอยู่โรงเรียน เราก็จะชอบไปลองดีสั่งเมนูแปลกๆ ที่ลุงร้านขายข้าวหน้าโรงเรียน ลุงแกก็ทำได้แทบทุกอย่างเลยนะ”

เจบอกว่าเมนูโปรดของเขาคือหมูกรอบผัดกะเพรา หลังๆ มาเจเปลี่ยนไปสั่งให้เอาข้าวลงคลุกเป็นข้าวผัดไปเลย ลุงแกก็ทำให้ได้

“ถ้าเป็นร้านอาหารฝรั่งน่ะ เขาไม่ทำให้ผมหรอก ต้องทำตามสูตรเป๊ะๆ ผมถึงว่าอาหารตามสั่งนี่เป็นอะไรที่บ่งบอกความเป็นไทยมาก ก็ทำอะไรตามใจคือไทยแท้นี่ครับ”

เจพูดกลั้วหัวเราะ เขาเล่านู่นนี่ให้คนรักฟังระหว่างที่พวกเขารอก๋วยเตี๋ยวน้ำตกของฆาเบียร์ คนตัวโตตัดสินใจกินก๋วยเตี๋ยวแทนข้าวเพราะคิดว่ามันดึกเกินไปที่จะกินข้าวราดกับมันๆ



"หน้าตาดูดีเหมือนกันนะ"

ฆาเบียร์ดูก๋วยเตี๋ยวในชามของเขา เจสั่งก๋วยเตี๋ยวเส้นเล็กน้ำตกเนื้อที่ใส่แค่เนื้อสดและลูกชิ้นให้คนรักโดยให้ถมผักมาตูมๆ ส่วนของตัวเองเขาสั่งแบบใส่เครื่องในเยอะๆ และไม่ใส่ผัก เพราะผักของร้านนี้มีแค่ผักกาดขาวซอยและถั่วงอกซึ่งเขาไม่ค่อยนิยมนัก เจบอกฆาบี้ว่าการสั่งให้ปรับแต่งอาหารแต่ละอย่างได้ตามใจชอบแบบนี้ก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่เจคิดว่าแสดงถึงความช่างทำอะไรตามใจของคนไทยเช่นกัน

"ก๋วยเตี๋ยวที่นี่ใช้ได้ครับ ถ้านับว่าเป็นร้านที่เปิดมื้อดึกนะ ให้เยอะ ของก็ไม่ได้แย่อะไร"

เจส่งถุงแคบหมูน้อยที่เขาหยิบติดมือมาด้วยจากร้านก๋วยเตี๋ยวให้คนตัวโต ฆาเบียร์หยิบมาเพียงสามสี่ชิ้นและใส่ลงไปในถ้วยของตัวเอง ส่วนเจเทที่เหลือในถุงลงในถ้วยของตัวเอง คนตัวโตคีบเส้นเข้าปากและซดน้ำก๋วยเตี๋ยวตาม

"อืมม์ ก็ไม่เลวนะ ซุปรสชาติกลมกล่อมใช้ได้ เลือดไม่คาว ส่วนลูกชิ้นกับเนื้อสดก็ให้เยอะดี "

ฆาเบียร์พูดพร้อมกับตักน้ำก๋วยเตี๋ยวชิมอีกสองสามคำอย่างถูกใจ เจพยักหน้ารับคำ

"ส่วนหนึ่งคงเพราะมันเป็นของแฟรนไชส์ครับ อะไรๆ เลยสะอาด แต่รสชาติมันก็จะไม่ค่อยเข้มข้นเหมือนพวกร้านเฉพาะทางที่ขายตอนกลางวันเท่าไหร่"

คนตัวโตรับคำและก้มหน้าก้มตากินก๋วยเตี๋ยวของเขาต่อ



"แฟนมึงกินก๋วยเตี๋ยวน้ำตกเป็นด้วยเหรอวะ?"

เพื่อนคนหนึ่งของเจกระซิบถามด้วยความทึ่ง เขาไม่นึกว่าชาวต่างชาติจะกล้ากินก๋วยเตี๋ยวที่ใส่เลือดสดๆ แบบนี้ เจพยักหน้าอย่างภูมิใจ

"กินเป็นสิมึง เห็นงี้ พี่แกเป็นบล็อกเกอร์กินเที่ยวที่ไปมาแล้วทั่วโลกนะ แกเที่ยวได้หมดทั้งแบบห้าดาวหรือว่าแบบติดดิน ไอ้เจ้าก๋วยเตี๋ยวน้ำตกนี่ แกเคยกินตั้งแต่ตอนก่อนคบกูอีก ใช่ไหมครับ? Mi amor?"

เจพูดเป็นภาษาอังกฤษเพื่อให้คนรักของเขาเข้าใจด้วย ฆาเบียร์ยิ้มละไมและพยักหน้าน้อยๆ

"ครับ ผมเคยกินแบบนี้ตอนมาที่กรุงเทพฯ เมื่อหลายปีที่แล้ว ตอนแรกที่เห็นวิธีทำก็ไม่กล้ากินเหมือนกัน แต่คนที่พาไปเขาบอกว่าเลือดมันสุกแล้ว ผมก็เลยลองดู"

ฆาเบียร์รีบหันไปกระซิบบอกเจเบาๆ ว่าในตอนนั้นคนที่พาเขาไปที่นั่นที่นี่คือพนักงานซึ่งทางเอเจนซี่ที่ทำงานร่วมกับบริษัทของเขาส่งมาให้ดูแล

"ก็ไม่เห็นต้องบอกผมนี่ครับ ผมยังไม่ได้คิดอะไรเลยนะ"

คนตัวเล็กพูดยิ้มๆ เมื่อเห็นคนร้อนตัว ฆาเบียร์หัวเราะเบาๆ แก้เขินแล้วหันไปแกล้งหอมแก้มคนรักฟอดใหญ่จนเจหน้าแดงแปร๊ดที่เมียตัวโตของเขาทำตัวรุ่มร่ามต่อหน้าเพื่อน



"โซดา น้ำ หรือว่าโค้กวะ?"

ปรินซ์ซึ่งรับหน้าที่เป็นคนชงเหล้าถามเพื่อนของเขา เจหรี่ตามองขวดเหล้าที่วางเรียงรายกันที่หัวโต๊ะ ของกำนัลของทีมเขาที่มีให้ทีมชนะในวันนี้มีทั้งเหล้าซิงเกิลมอลท์แบรนด์กลางๆ ที่เจเป็นคนเอามาเอง เหล้าเบอร์เบินอย่างแจ็ค แดเนียลขวดหนึ่ง และเหล้าหวานรสกาแฟอย่างเบลีย์ส ใครสักคนใจถึงเอาเตกิล่าราคาแพงอย่าง Herradura มาด้วย แต่พวกเขาตัดสินใจเปิดแบล็คเลเบิลขวดลิตรที่มาร์วินเอามาก่อน

"ของกูผสมโค้กก็ได้ คุณล่ะครับ ฆาบี้?"

เจหันไปถามฆาเบียร์ซึ่งเจ้าตัวบอกว่าเขาขอผสมโซดา เจหันไปบอกปรินซ์พร้อมกำชับว่าให้ใส่เหล้าน้อยหน่อย

"เดิมพันวันนี้ก็คนละพันครับ หรือถ้าใครจะเอาเหล้ามาแทนก็ได้ แต่ต้องมูลค่าใกล้เคียงกับพันบาท"

เจหันไปกระซิบบอกคนรักเมื่อถามถึงว่าทำไมจึงมีเหล้าไม่ครบจำนวนคนในทีมของเจ

"พวกผมก็ทำแบบนี้ตลอดครับ สุดท้ายเงินหรือเหล้า มันก็ลงท้องพวกผมหมดตอนที่มากินดื่มกันต่อหลังเตะบอลเสร็จนั่นแหละ ถ้าเหลือก็เก็บไว้คราวหน้า"

ฆาเบียร์หัวเราะหึๆ แล้วแซวคนรักว่าสุดท้ายแล้วการมาเตะบอลก็เป็นการหาเรื่องมากินเหล้านั่นเอง







"แด่มิตรภาพของพวกเราและแด่เพื่อนใหม่ เอ้า ชน!"

โต้งยืนและชูแก้วในมือขึ้นโดยมีเพื่อนคนอื่นๆ ทำตาม ฆาเบียร์ยกแก้วของเขาขึ้นชนกับเพื่อนๆ ของเจด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม จากการที่ได้พูดคุยกันตลอดค่ำนี้ เขาสัมผัสได้ถึงความสนิทสนมของหนุ่มๆ พวกนี้ แม้จะมาจากต่างโรงเรียน แต่พวกเขาก็คบหากันได้อย่างสนิทใจ และทุกคนดูจะไม่มีปัญหากับการที่มีเขาเข้ามาในฐานะคนรักของเจนยุทธ

"อูย แซ่บๆๆ"

เจซี้ดปากลั่นหลังจากตักตำลาวคำใหญ่เข้าปาก คนตัวโตมองอาหารอีสานหลากหลายชนิดที่วางเรียงรายอยู่บนโต๊ะด้วยความสนใจ

"อ๊ะๆ ฆาบี้ อย่าเชียวนะครับ คุณไม่ไหวหรอก"

เจซึ่งซดน้ำเข้าไปอึกใหญ่รีบห้ามคนรักของเขาที่ทำท่าจะตักส้มตำรสจัดจ้านขึ้นชิมบ้าง ปกติส้มตำของร้าน "พี่ไก่ตำย่าง" ร้านนี้ถือว่ารสจัดเอาเรื่องอยู่แล้ว แต่ตำลาวจานนี้ไอ้โต้งตัวดีที่อยู่ต่างบ้านต่างเมืองเสียนานนั้นสั่งแบบเผ็ดพิเศษเพราะต้องการกินเผ็ดทิ้งทวนก่อนที่จะต้องบินกลับเยอรมนีในอีกไม่กี่วันข้างหน้า เจนยุทธจึงไม่คิดว่าฆาเบียร์จะสามารถรับมันไหว

"ถ้าอยากชิม คุณก็ลองนี่แล้วกัน ตำซั่ว เอ่อ ตำใส่ขนมจีนน่ะครับ กินนิดเดียวพอนะ เพราะมันใส่ทั้งปลาร้าทั้งปูดอง เอ้า เดี๋ยวผมตักให้"

เจเอื้อมมือไปตักตำซั่วใส่ช้อนให้ฆาเบียร์ เขาตักเส้นขนมจีนและเส้นมะละกอเล็กน้อยใส่ให้ เจดูให้แน่ใจว่าไม่มีเศษปูดองติดมาด้วย คนตัวโตรับช้อนมาและเอาใส่ปากแล้วก็ต้องหน้าเปลี่ยนสีไปเล็กน้อยเพราะความเผ็ดและรสชาติเข้มข้นของปลาร้า



"ไหวไหมครับ?"

เจส่งแก้วน้ำให้ฆาเบียร์ซึ่งรับมาดื่มเข้าไปอึกใหญ่

"พอไหวจ้ะ นี่คือเผ็ดปกติแล้วเหรอ? เอาเรื่องอย่างที่เจว่าจริงๆ"

คนตัวโตพูดพร้อมดื่มน้ำตามเข้าไปอีกอึกหนึ่ง

"แต่ก็ไม่ถึงกับกินไม่ได้นะ ไอ้เจ้า fermented fish ที่ใส่มาก็ไม่ได้กลิ่นแย่มากจนกินไม่ไหว จะว่าไปก็ถือว่าอร่อยเลยทีเดียว ถึงจะเป็นคนละแบบกับที่ฉันชอบก็เถอะ"

ฆาเบียร์ซึ่งคุ้นเคยกับส้มตำดีเพราะเป็นอาหารโปรดของเขายามที่เข้าร้านอาหารไทยที่สหรัฐฯ พูดชม แต่เขาบอกเจว่าโดยปกติแล้วส้มตำแบบที่เขาเคยกินที่บ้านมักจะเป็นแบบที่ใส่ถั่วลิสง มะเขือเทศและถั่วฝักยาว

"ฉันเคยกินแต่ส้มตำแบบนั้น แต่พอมาเมืองไทยจริงๆ ฉันถึงรู้ว่ามันมีส้มตำหลายแบบกว่าที่คิดจ้ะ"

คนตัวโตหัวเราะและเล่าให้เจฟังถึงครั้งแรกที่เขาได้ลองกินตำปูปลาร้าเมื่อตอนที่มาเมืองไทยครั้งแรกเมื่อหลายปีที่แล้ว

"ฉันนี่ช็อคไปเลย รสชาติมันคนละเรื่องกับส้มตำที่ฉันคุ้นเคยจากร้านอาหารไทยที่นั่น"

"แบบที่คุณกินเขาเรียกว่าส้มตำไทยครับ ก็เรียกได้ว่าสไตล์กรุงเทพนั่นแหละ จะใส่กุ้งแห้ง ถั่วลิสง ถั่วฝักยาว มะเขือเทศแล้วก็มะเขือเปราะ รสจะออกเปรี้ยวหวาน แล้วก็ไม่เผ็ดจัด ถ้าจะให้ตรงตามแบบดั้งเดิม ก็ต้องกินคู่กับข้าวมันแล้วก็ไก่ย่างครับ"

"ใช่ๆ ที่ฉันเคยกินที่แถวบ้านก็เป็นแบบนั้น พอมาที่ไทยก็ถึงเจอที่ใส่ปู แต่ฉันไม่รู้ว่าต้องกินยังไงก็เลยเขี่ยออก"

ฆาเบียร์พูดยิ้มๆ เขาลองหาทางแกะเอาเนื้อจากปูตัวน้อยนั้นแล้วแต่ไม่เป็นผล แถมยังรู้สึกว่ากลิ่นมันแรงเกินไปก็เลยไม่เสี่ยงกิน

"โหย เสียดายของอร่อย"

เจบ่นพลางตักเอาขาปูดองในจานส้มตำมาเคี้ยวหยับๆ



"ไอ้เจ้าก้อนๆ สีน้ำตาลนี่มันอะไรน่ะเจ?"

คนตัวโตที่กัดเจออะไรบางอย่างที่รสชาติคุ้นๆ ถาม เจเขี่ย "ก้อนสีน้ำตาล" ที่คนรักถามถึงมาดู เขาเอาไฟจากมือถือส่องดูเพราะความที่โต๊ะของเขาอยู่ในร่มเงาของต้นไทรใหญ่ข้างถนนจึงทำให้เห็นไม่ชัดนัก

"อ๋อ แคบหมูน่ะคุณ ตำซั่วของที่นี่เขาตำใส่แคบหมูลงไปด้วย แต่มันโดนน้ำส้มตำจนอืด เนื้อสัมผัสมันเลยแปลกๆ หน่อย"

เจบอกคนรักว่าร้านส้มตำสมัยนี้ใส่สารพัดอย่างลงไปตำได้หมดจนบางทีเขาก็งงว่ามันเข้ากันได้จริงหรือ

"อย่างหมูยอ ไข่เค็ม แคบหมูนี่ผมว่าพอได้อยู่อ่ะ แต่ผมเคยเจอตำแซลม่อน ตำกิมจิ ตำแตงโมนี่ก็ไม่ไหวนะ"

"เออ นั่นก็แปลกไปหน่อยจริงๆ ฉันขอกินตำไทยเหมือนเดิมดีกว่า"

คนตัวโตพูด เจพยักหน้ารับคำและหันไปเพื่อที่จะตักส้มตำลาวแต่ก็ต้องพบว่าจานนั้นว่างเปล่าแล้ว เจนยุทธเกาหัวแกร่กๆ ระหว่างที่เขาคุยกันอยู่นั้น โต้งได้โซ้ยส้มตำเผ็ดสะบัดจานนั้นจนหมดไปแล้ว



"เฮ้ย แล้วแถวบ้านมึงไม่มีส้มตำกินเหรอวะไอ้โต้ง? ที่เยอรมันคนไทยออกจะเยอะ ทำไมกลับมาทีไรมึงก็มาโซ้ยส้มตำทุกที"

เจถามโต้งที่ก้มหน้าก้มตากินอย่างไม่สนใจใคร

"ซี้ด มีสิมึง จะเอาส้มตำอะไรล่ะ มีทุกแบบ..."

หนุ่มไทยซึ่งไปอาศัยอยู่เยอรมนีเป็นเวลากว่าสามปีแล้วพูดขึ้นพลางสูดปากเพราะความเผ็ดร้อนของอาหาร

"กูอยู่มาแล้วทั้งมึนเช่น เอ๊ย มิวนิคแล้วก็ฟรัง เอ่อ แฟรงเฟิร์ท คนไทยอยู่เยอะทั้งสองที่ แถมคนอีสานทั้งนั้น ร้านอาหารไทยแถวนั้นไม่เคยขาดปลาร้าเลยนะมึง..."

โต้งพูดกลั้วหัวเราะ ปรินซ์ซึ่งนั่งฟังอยู่ด้วยหันไปบอกฆาเบียร์ว่าเพื่อนของเขาคนนี้ไปเรียนวิทยาศาสตร์การกีฬาที่มิวนิคมาสองปี และตอนนี้ย้ายมาที่แฟรงเฟิร์ทเพื่อรอเรียนคอร์สใบอนุญาตการเป็นโค้ชฟุตบอลระดับนานาชาติ

"...แต่เหตุที่กูรอมากินส้มตำอะไรพวกนี้ที่ไทยก็เพราะที่นู่นมันแพงมาก มึงรู้ไหมว่าตำปูปลาร้าที่ร้านแถวบ้านกูขายเท่าไหร่?"

เพื่อนของปรินซ์พูดต่อโดยไม่ต้องรอคำตอบ

"12 ยูโร! เกือบห้าร้อย กูไม่กินเด็ดๆ รอกลับมากินเมืองไทยก็ได้..."

โต้งพูดเสร็จแล้วก็ตักเส้นมะละกอจากส้มตำจานละ 40 บาทที่เขาสั่งมาเพิ่มเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อย ตัวเขาเองกลับไทยปีละสองหนเป็นอย่างน้อยอยู่แล้วจึงไม่ได้อยากอาหารไทยมากขนาดที่ต้องไปจ่ายแพงกิน

"...อีกอย่าง เมียกูเค้าไม่ชอบกลิ่นปลาร้า ก็เลยต้องเลือกว่าจะยอมอดแดรกส้มตำหรืออดแดรกเมีย"

ทั้งโต๊ะฮาครืนเมื่อได้ยินน้ำเสียงจนปัญญาของโต้งซึ่งบ่นพึมพำว่าเมียฝรั่งของเขาจมูกดีแค่ไหน บางครั้งกลุ่มคนไทยที่อยู่แถวบ้านเขามีเลี้ยงกันและมีส้มตำปูปลาร้า เขาก็ต้องยอมอดหรือกินแต่น้อย เพราะถ้ากินเต็มที่แล้วเมื่อกลับบ้านไปก็มักจะโดนศรีภรรยาไล่ให้มานอนที่โซฟาเป็นประจำ



"เอ่อ ตายล่ะ ผมเองก็ลืมเรื่องนี้ไปซะสนิท ผมกินทั้งปูดองและปลาร้าไปซะเต็มเหนี่ยวแบบนี้ คุณจะเหม็นผมไหมเนี่ย?"

เจขมวดคิ้วแล้วหันมาพูดเบาๆ กับคนรัก

"เหม็นสิ"

คนตัวโตตอบทันควัน เจทำหน้าจ๋อยทันที

"แต่มันไม่ทำให้ฉันหมดอารมณ์หรอกนะ กลับไปแล้วนายก็แค่แปรงฟันบ้วนปากให้กลิ่นมันหายบ้างก็พอแล้ว ไม่ต้องห่วงว่าฉันจะกินนายไม่ลงหรอกนะ เจนยุทธ"

เจสะดุ้งโหยงเมื่อคนรักกระซิบเบาๆ ข้างหูแถมยังแอบเอาจมูกมาชนแก้มส่วนที่ใกล้มุมปากของเขาเหมือนจะลองพิสูจน์กลิ่นต่อหน้าเพื่อนนับสิบของเขา

"คุณนี่ เหลือเกินจริงๆ "

เจบ่นกะปอดกะแปดแล้วหันไปย่นจมูกใส่เมียตัวโตชอบโชว์ของเขา



"แล้วนี่อาหารอย่างอื่นมีอะไรอีกบ้าง? อาหารอีสานอีกแล้วใช่ไหม?"

คนตัวโตกวาดตามองบนโต๊ะ แล้วก็ต้องอดหัวเราะออกมาไม่ได้ อาหารในจานพลาสติกเล็กๆ เหล่านั้นก็คืออาหารแบบเดียวกับที่เจเพิ่งไปกินกับปรินซ์และซันซันเมื่อสองวันก่อน

"ครับ ก็มันเหมาะเป็นอาหารแกล้มเหล้าที่สุดนี่นา"

เจพูดยิ้มๆ พลางบอกคนตัวโตว่าพวกเขาสั่งอะไรมาบ้าง

"นี่น้ำตกหมู ตับหวาน ไส้ย่างเหมือนที่พวกเรากินวันนั้นครับ ที่เพิ่มมาก็มีซุปหน่อไม้แล้วก็ยำคอหมูย่าง แต่ของร้านนี้แซ่บกว่าเยอะ คุณลองชิมยำก็ได้ รสไม่จัดเท่าไหร่ แต่อย่างอื่นอย่าเสี่ยง...อ้าว เฮ้ยๆ"

เจอุทานออกมาเมื่อคนตัวโตไม่ฟังคำเตือนเขาและจิ้มหน่อไม้ในจานซุปหน่อเข้าปาก

"โอย เจ นี่มันรสจัดกว่าที่ร้านลาบเมื่อวันก่อนเยอะเลยนะ"

ฆาเบียร์ไอแค๊กออกมาเมื่อสัมผัสถึงรสเผ็ดร้อนและเปรี้ยวจัดของซุปหน่อไม้จานนั้น

"ร้านนี้อาหารรสจัดกว่าร้านที่เรากินวันนั้นเยอะครับป๋า หนักเปรี้ยวหนักเผ็ด เหมาะกับกินเป็นกับแกล้มจริงๆ"

ปรินซ์ส่งแก้วเหล้าที่เจส่งให้ชงเพิ่มให้ฆาเบียร์ หากคราวนี้ที่อยู่ในแก้วไม่ใช่เหล้า แต่เป็นเบียร์เย็นๆ คนตัวโตรับมาจิบแล้วก็ยิ้มออกมาอย่างพึงใจ ปกติเขาไม่ชอบดื่มเบียร์มากนัก หากรสชาติขมปร่าของลูกฮ็อพส์และกลิ่นหอมของมอลต์นั้นเข้ากับอาหารรสจัดอย่างอาหารอีสานในวันนี้ได้ดีเหลือเกิน จากที่ตั้งใจว่าจะกินไม่มาก ในที่สุดฆาเบียร์ก็อดไม่ได้ต้องจิ้มคอหมูในจานยำหมูย่างเข้าปากพร้อมกับตบด้วยเบียร์อีกอึก



(ที่เหลือมาต่อค่ำๆ นะคะ ออฟฟิศเลิกแหล่ว โพสต์ไม่ทัน  :katai4: :katai4: :katai4:)



ออฟไลน์ La Vida Sin Tu Amor

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-1



---- "WHY ME?" (ต่อ) ----




"ให้ตายสิ เจ นายตั้งใจจะขุนฉันจริงๆ ใช่ไหม?"

คนตัวโตบ่นเมื่อเจส่งข้าวเหนียวเพิ่มมาให้เขา ถึงจะอดท่องอยู่ในใจไม่ได้ว่า 80 กิโลแคลอรี่ต่อ 30 กรัม แต่เขาก็ใช้ส้อมตักข้าวและจุ่มลงไปในน้ำซอสของหมูน้ำตกรสชาติจัดจ้านตามที่เห็นเจทำ ฆาเบียร์ส่งมันเข้าปากแล้วถอนหายใจยาวออกมา เขาเข้าใจแล้วว่าทำไมเจถึงหยุดกินมันไม่ได้สักที

"อร่อยทุกอย่างเลยจริงๆ นะ เจ ฉันว่ามันอร่อยกว่าที่ร้านลาบวันนั้นอีก"

ฆาเบียร์หันไปพูดกับคนรัก เจพยักหน้าตอบรับโดยไม่พูดอะไรเนื่องจากยังมีไส้ย่างคาอยู่ในปาก

"หมูมะนาวกับไส้ตันทอดกระเทียมครับ"

หมอหนึ่ง เพื่อนหมอของเจส่งอาหารที่คนตัวเล็กสั่งมาเพิ่มจากร้านอาหารตามสั่งมาให้ พวกเขาสั่งอาหารกันอย่างละสามชุด ซึ่งตอนนี้ก็พร่องไปพอสมควรเช่นเดียวกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่พร่องตามไปด้วย เจรีบรับทั้งสองจานมาและวางมันลงบนโต๊ะ

"หมูมะนาวร้านนี้ก็เด็ดครับ ให้เยอะด้วย ส่วนไส้ตันทอด คุณไม่ต้องกินก็ได้ มันเป็นเครื่องใน ควรงด"

คนตัวโตพยักหน้ารับคำแต่ก็ชิมไปจานละคำอยู่ดี

"ฉันชอบอาหารอีสานมากกว่านะ"

ฆาเบียร์พูดและหันไปให้ความสนใจกับอาหารอีสานเหมือนเดิม หากเขาพยายามเลี่ยงไม่กินมันมากเกินไปเพราะเกรงว่าจะทำให้ท้องเสียขึ้นมาอีกเพราะรสชาติแสนจี๊ดจ๊าดของมัน








"นี่ๆ คุณ รอดูนะ"

เจสะกิดคนรักเบาๆ ให้ดูอาการของเปี๊ยก พ่อบ้านใจกล้าที่รีบวางแก้วเหล้าและลนลานรับโทรศัพท์แทบจะทันทีที่มันดังขึ้น

"แหม แทบจะตรงเวลาเป๊ะ"

เจนยุทธดูนาฬิกาแล้วอดหัวเราะไม่ได้เมื่อเห็นว่ามันเป็นเวลาอีกห้านาทีจะสี่ทุ่ม

"จ้ะ แม่ จ้ะๆ ยังอยู่กับพวกเพื่อนๆ อยู่เลย เอ้า ทักทายเมียกูหน่อย"

เปี๊ยกขอเสียงจากเพื่อนๆ ฆาเบียร์เหลือบมองในจอโทรศัพท์ของเพื่อนของเจแล้วก็อดยิ้มไม่ได้ หญิงสาวที่โผล่หน้าให้เห็นในหน้าจอนั้นหน้าตาจิ้มลิ้มพริ้มเพราและไม่ได้ดูทีท่าว่าจะเป็นแม่เสือเลยสักนิด หากเสียงที่แหวออกมาจนพวกเขาได้ยินนั้นบอกได้ว่าเธอนั้นดุแค่ไหน

“คุณครับ หันมาหาผมหน่อย ทีนี้เอนตัวไปด้านหลังอีกนิด นั่นแหละ”

เจจัดท่าทางให้คนรักซึ่งทำตามเขาอย่างงงๆ

“พ่อ! ไหนว่ามีแต่ผู้ชาย แล้วนั่นผมใคร?!”

พ่อบ้านใจกล้าสะดุ้งเฮือกเมื่อผมสีน้ำตาลยาวเกือบประบ่าของฆาเบียร์ปรากฏเข้ามาแว่บๆ ในจอ ทั้งโต๊ะฮาครืนเมื่อเห็นเพื่อนถูกเมียด่า มีเพียงฆาเบียร์ที่ยังมีท่าทีงงๆ อยู่ เขาได้แต่โคลงหัวเมื่อเจกระซิบเล่าสถานการณ์ให้ฟังเบาๆ

“มะ ไม่ใช่สาวที่ไหน แฟนไอ้เจเอง จำเจมันได้ใช่ไหม? เพื่อนของปรินซ์กับซันซัน”


คนเกรงใจเมียรีบแพนกล้องไปให้แม่เสือที่บ้านเห็นคนรักของเพื่อนชัดๆ ฆาเบียร์และเจโบกมือทักทายเมียเพื่อนที่ยังทำท่างงๆ เมื่อเห็นว่า “แฟน” ของเพื่อนสามีตนนั้นเป็นผู้ชาย



“จ้ะๆ อีกไม่นานก็กลับแล้วจ้ะ ไม่ย้ายไปไหนแล้ว แม่ไม่ต้องโทรตามอีกรอบแล้วนะ เพื่อนมันแซวพ่อแย่แล้ว”


เปี๊ยกพูดเสียงอ่อยๆ ก่อนที่จะวางสายจากผู้บัญชาการสุดของบ้าน เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนหันมายิ้มให้เพื่อนๆ ด้วยใบหน้าแช่มชื่น

“โอเค๊ เคอร์ฟิวก่อนเที่ยงคืน เมาต่อได้!”


คนกลัวเมียยิ้มร่าและยกแก้วขึ้นไล่ชนกับเพื่อนๆ ฆาเบียร์ยิ้มร่าเมื่อเจหันมากระซิบแปลให้เขาฟัง

“นายไม่ต้องห่วงนะ เจ ถ้านายอยากเที่ยวก็ไปได้เลย ฉันไม่มาคอยโทรตามแบบนี้หรอก”

คนตัวโตกระซิบกลับเบาๆ

“ฉันไว้ใจนาย”

เจส่งยิ้มหวานเชื่อมให้คนรักของเขา

“แหม ผมก็จะไม่ปล่อยให้คุณโทรตามหรอกครับ เพราะผมจะเป็นคนคอยโทรรายงานคุณเอง ดีไหม?”

เจนยุทธลูบเบาๆ ที่แก้มของเมียตัวโตของเขาอย่างรักใคร่



“โอ๊ย หมั่นไส้โว้ย!”

ซันซันตะโกนขึ้นอย่างเหลืออด เขาซึ่งนั่งข้างเจทนรับความหวานเกินพิกัดของคู่รักคู่นี้ไม่ไหวแล้ว เจหัวเราะคิกคัก เขาแค่แกล้งทำเพื่อแซวเพื่อนกลัวเมียของเขาเท่านั้น

“ทำไมเหรอจ๊ะน้องซัน เห็นคนมีแฟนแล้วอิจฉาเหรอ? มึงก็รีบๆ มีคู่ซักทีสิวะ จะได้ไม่ต้องมาคอยหมั่นไส้กู นิสัยป๋าอย่างมึง เปย์แป๊บๆ ก็มีสาวเข้ามาแล้ว หาไม่ยากร้อก ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้วคืนนี้จัดไปอย่าให้เสียสิ ออกนี่ก็ไปต่อเลย”

เจพูดขึ้นดังๆ โดยมีจุดประสงค์ให้คนที่นั่งกินเหล้าและเม้าท์อยู่กับโต้งที่ฝั่งตรงข้ามกับซันซันได้ยิน เป็นดั่งคาด ปรินซ์หยุดคุยแล้วหันมาทำตาเขียวใส่เจนยุทธทันที

“ไอ้เจ! มึงอย่ายุไอ้ซันมันผิดๆ สิวะ กูไม่ยอมให้มันไปหรอก…”

ปรินซ์เอ็ดเสียงดังข้ามฝั่งมาทันทีด้วยน้ำเสียงดุดัน หากก็ต้องรีบกลืนคำพูดของตนลงไป

“เอ่อ อ่า เกิดมันเชื่อมึงแล้วคืนนี้มันไปเที่ยวจีบสาวจริงๆ แล้วเสือกโดนหักอกมา ก็ลำบากกูอีก”


ปรินซ์พูดตะกุกตะกักเพื่อแก้เกี้ยวที่ตัวเองเผลอตัวเอ็ดลั่นไปจนเพื่อนหันมามองกันเกือบทั้งโต๊ะ เขาเกือบหลุดปากพูดไปแล้วว่าเขาจะไม่ยอมปล่อยให้เพื่อนรักของเขาไปยุ่งกับสาวๆ ที่ไหนอีก หากหนุ่มร้านเพชรที่ได้ยินคำพูดของปรินซ์เต็มสองหูกัดปากเบาๆ ฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่ดื่มไปพอสมควรแล้วทำให้เขาไม่ทันสังเกตสายตาแสดงความขอโทษของเพื่อนรัก



“ถ้ามึงคิดว่ามันลำบากนัก มึงก็ไม่ต้องไปกับกู ไอ้ปรินซ์ กูจะอกหักหรืออะไร มันก็ไม่ใช่กงการของมึงที่ต้องมาสนใจ”


ซันซันพูดใส่หน้าเพื่อนตัวล่ำของเขา ปรินซ์อ้าปากค้างและทำอะไรไม่ถูก เขาอยากลุกเดินเข้าไปหาและกอดเพื่อนที่อยู่กลางใจของเขาคนนี้ไว้แน่นๆ เพื่อแสดงให้เห็นว่าเขาไม่ได้หมายความอย่างนั้นจริงๆ แต่สภาพแวดล้อมไม่ได้เอื้ออำนวยให้เขาทำอย่างนั้นเลย แม้เพื่อนคนอื่นๆ ที่มัวแต่คุยกันจะไม่ได้สนใจดราม่าทางนี้ แต่ใกล้ๆ ก็มีโต้งตัวแสบที่นั่งหูผึ่งคอยฟังพวกเขาอยู่

“เห้ย ซันซัน ปรินซ์มันก็พูดไปงั้นแหละ มึงก็รู้จักมันดีไม่ใช่เหรอ?”

เจรีบพูดกับซันซัน เขาซึ่งเป็นคนก่อเรื่องโดนฆาเบียร์ดุเบาๆ หลังจากเขาแปลสิ่งที่เพื่อนเขาทั้งสองพูดใส่กันให้ฟัง คนตัวโตบอกให้เจรีบแก้ไขสถานการณ์อย่างด่วน

“ไม่รู้สินะ กูเคยคิดว่ากูรู้จักมันดี แต่ช่วงสองสามเดือนที่ผ่านมานี่กูชักไม่แน่ใจว่ะ ที่ผ่านมามันเหมือนกูไม่เคยได้รู้จักหรือรับรู้ถึงสิ่งที่มันคิดจริงๆ มาก่อนเลย”

ซันซันตอบเจเป็นภาษาอังกฤษตามเจอย่างลืมตัว เจนยุทธหันไปสบตากับฆาเบียร์ คนตัวโตใช้ศอกกระทุ้งคนรักให้ชวนเพื่อนคุยต่อ หากเจตัดสินใจหยุดไว้ตรงนั้น เขาเลื่อนจานปิ้งย่างหมาล่าไปให้หนุ่มตี๋แว่น

“กินก่อนนะ จะได้ใจเย็นๆ แล้วเดี๋ยวมึงช่วยบอกฆาบี้หน่อยว่ามันมีอะไรบ้าง พวกเครื่องในบางอย่างกูไม่รู้ศัพท์ภาษาอังกฤษอ่ะ”

หนุ่มร้านเพชรมองหน้าเพื่อนของเขา เขาไม่เชื่อว่าเจจะไม่รู้ศัพท์จริง แต่เขาก็เลือกที่จะทำตาม เขาหันไปอธิบายของที่อยู่ในจานให้ฆาเบียร์ฟัง โดยมีเจคอยช่วยเสริมอีกทั้งคอยช่วยรินเครื่องดื่มและส่งอาหารให้



"โอย ปิ้งย่างหมาล่าของร้านนี้เผ็ดดีจริงๆ "

เมื่อได้กินของอร่อย เพื่อนตัวอวบของเจก็อารมณ์ดีขึ้น เขาเคี้ยวเอ็นไก่ย่างซึ่งโรยพริกหมาล่ามาอย่างจุใจ เจเองก็ซี๊ดปากเมื่อกัดเห็ดเข็มทองพันเบค่อนแล้วเจอส่วนที่โรยพริกมาเยอะ

"คุณพอกินได้ไหม ฆาบี้? ของคุณผมสั่งเผ็ดน้อยมาให้นะครับ"

เจถามคนรักที่นั่งหูตาแดงทั้งจากอาหารอีสานและจากอาหารปิ้งย่าง

"ลิ้นฉันชาไปหมดแล้ว นี่ขนาดสั่งเผ็ดน้อยให้ฉันนะ"

คนตัวโตยกเบียร์ขึ้นกระดกอีกอึกใหญ่เพื่อดับความเผ็ดจากผงพริกที่โรยมาบนกระเจี๊ยบเขียว มันเข้ากันได้อย่างน่าประหลาด

"ผงหมาล่าที่นี่ผมยังว่ามันไม่ชาลิ้นเท่าไหร่นะ แต่ว่าหนักพริกป่นมากกว่าก็เลยเผ็ดมากกว่าชา แต่กินเยอะไม่ดีครับ เพราะเขาใส่เกลือเยอะ เคยมีครั้งหนึ่งผมสั่งเยอะไปหน่อย คนเดียวกินไปเกือบยี่สิบไม้ พอกลับบ้านไปนี่รู้เลยว่าร่างกายมันพยายามจะขับออกเพราะผมฉี่ทั้งวันเลยทั้งๆ ที่ไม่ได้กินน้ำเยอะกว่าปกติ"

เจบอกว่าหลังจากคราวนั้น เขาเลยสั่งทีละไม่มาก เน้นสั่งแต่ของที่อยากกินจริงๆ ฆาเบียร์พยักหน้าตอบรับและบอกว่าเขาก็รู้สึกได้ถึงความเค็มบนของเสียบไม้ย่างเหล่านี้

"แต่มันก็ทำให้กินเหล้าอร่อยจริงๆ เนาะคุณ"

คนตัวเล็กพูดยิ้มๆ พลางจิบเหล้าที่เพื่อนชงส่งมาให้อีกแก้ว คราวนี้เป็นแจ็ค แดเนียลส์ผสมโค้ก ฆาเบียร์ยกนาฬิกาขึ้นดูแล้วจึงยกแก้วเบียร์ในมือขึ้นดื่มอึกสุดท้ายจนหมดแล้วเปลี่ยนเป็นน้ำเปล่า

"พอแล้วเหรอครับ?"

เจถาม ฆาเบียร์พยักหน้า เดี๋ยวเขาต้องเป็นคนขับรถกลับจึงกำหนดตัวเองให้ดื่มไม่เกินสามแก้วและหยุดดื่มให้เร็วที่สุด เจหันมายิ้มให้คนรักก่อนที่จะกลับไปให้ความสนใจกับเพื่อนที่ดูท่าทีจะอารมณ์เย็นลงอีกครั้ง



"หายโกรธไอ้ปรินซ์มันยัง?"

เจถามซันซันซึ่งนั่งกินดื่มเงียบๆ หนุ่มร้านเพชรถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วพยักหน้า

"กูไม่ได้โกรธมันหรอก แค่น้อยใจ"

แอลกอฮอล์ทำให้ซันซันเปิดปากพูดความรู้สึกในใจออกมา

"ทีตอนอยู่ด้วยกันสองคน บอกว่าอยากดูแลกู อยากอยู่กับกูไปตลอด แต่พออยู่ต่อหน้าคนอื่น แม่ง..."

"ไอ้ซัน มึง ลดเสียงหน่อย"

เจจุ๊ปากเมื่อเพื่อนของเขาเริ่มเสียงดังขึ้นเรื่อยๆ แม้พวกเขาจะคุยกันเป็นภาษาอังกฤษซึ่งคนอื่นไม่ได้ใส่ใจฟังนัก แต่เขาก็ไม่คิดว่าเพื่อนของเขาทั้งสองคนที่น่าจะเริ่มพัฒนาความสัมพันธ์กันจะพร้อมให้คนอื่นในกลุ่มรับรู้เรื่องนี้ด้วย

"มึงเมามากแล้วนะ ซันซัน หยุดดื่มก่อนเถอะ"

ปรินซ์ซึี่งรีบลุกมาดูอาการของเพื่อนคนสนิทของเขาลงนั่งเคียงข้างซันซันแทนที่เจ

"กูไม่ได้ตั้งใจพูดแบบนั้น กูแค่..."


ปรินซ์กระซิบเสียงแผ่วเบาจนเจที่พยายามเงี่ยหูฟังสุดฤทธิ์ไม่ได้ยิน หากมันทำให้หนุ่มตี๋อ้วนมีสีหน้าดีขึ้นและไม่ได้มีทีท่าผลักไสเพื่อนของเขาอีก หนุ่มลูกร้านทองถอนหายใจเบาๆ อย่างโล่งอก

"มึงนะ ไอ้เจ ตัวยุ่งจริงๆ ไว้เดี๋ยวกูจะคิดบัญชีกับมึงทีหลัง"

ปรินซ์หันไปชี้หน้าคาดโทษเพื่อนตัวแสบ เจหัวเราะแหะๆ แล้วรีบรินเครื่องดื่มใส่แก้วให้เพื่อนอย่างเอาใจ เพื่อนของเจรับมาด้วยสีหน้าที่แช่มชื่นขึ้น หากวิบากกรรมของเพื่อนหนุ่มตัวล่ำของเจยังไม่หมดเพียงแค่นี้



"เฮ้ย ไอ้ปรินซ์ ไอ้บอลมันอยากคุยกับมึงอ่ะ"

โต้งที่เสียงกรึ่มได้ที่แล้วตะโกนข้ามโต๊ะมา เขาเดินไปนั่งคุยกับเพื่อนอดีตนักบอลคนอื่นๆ และตัดสินใจโทรหาเพื่อนสนิทอีกคนที่ไม่ได้กลับมาเชียงใหม่ในปีนี้

"ไง บอล สบายดีป่าววะ? "

ปรินซ์โบกมือทักทายเพื่อนของเขาที่ยิ้มร่าอยู่ในจอโทรศัพท์ ทางปลายสายตอบกลับมาว่าสบายดี

"แล้วนี่ดึกดื่น มึงยังไม่นอนอีกเหรอวะ หรือว่าหลานกูยังงอแงไม่ยอมนอน?"

ปรินซ์ซึ่งชอบเด็กประมาณหนึ่งรีบมองหาลูกสาวของเพื่อนซึ่งอยู่ในวัยแบเบาะ ซันซันที่ยังมึนๆ อยู่ก็ชะโงกหน้าเข้ามาดูด้วย

"อือ เดี๋ยวกูพาไปหา"

บอล เพื่อนสมัยมัธยมของปรินซ์รีบพาเพื่อนของเขาซึ่งอยู่ในจอโทรศัพท์เดินไปหาลูกสาวซึ่งภรรยาของตนพยายามกล่อมนอนอยู่

"ไง น้ำหวาน สบายดีไหม?..."

หลังจากให้เพื่อนดูลูกแล้ว บอลก็รับลูกสาวมาอุ้มและส่งโทรศัพท์ให้ภรรยา ปรินซ์ทักทายภรรยาเพื่อนที่เขาคุ้นเคยด้วยเป็นอย่างดี​เพราะเธอคือเพื่อนนักเรียนรุ่นเดียวกันกับเขาเช่นกัน คู่นี้เป็นหนึ่งในไม่กี่คู่ที่ยังคบกันรอดจนแต่งงานแต่งการกันไป พวกเขาสนทนากันอีกพักหนึ่งก่อนที่เพื่อนสาวของปรินซ์คนนี้จะหย่อนระเบิดลงกลางวง



"เออ วันนั้นเราเจอแป้ง เขาถามถึงเธอด้วยนะ ปรินซ์"

 หนุ่มลูกร้านทองแทบสำลักเหล้าที่ดื่มอยู่เมื่อได้ยินชื่อของ "แฟน" คนแรกของตน

"ระ เหรอ แล้วแป้งเป็นไงมั่งล่ะ สบายดีไหม?"

ปรินซ์หน้าซีดเขาแอบเหลือบมองคนที่นั่งด้านข้างและต้องใจหายวูบเมื่อเห็นริมฝีปากที่เม้มแน่นของซันซัน

"ก็เรื่อยๆ นะ เขาหย่ามาสองสามปีแล้ว ตอนนี้กำลังใช้ชีวิตสวยและรวยมากอยู่"

น้ำหวานพูดกลั้วหัวเราะ เพื่อนสาวของเธอคนนี้ไปเป็นแอร์โฮสเตสอยู่พักหนึ่งจนกระทั่งพบรักกับเศรษฐีหนุ่มใหญ่ชาวกทม. หากชีวิตคู่ของทั้งสองนั้นไม่ได้ยาวนานนัก สุดท้ายเพื่อนของเธอก็ฟ้องหย่าและได้ค่าเลี้ยงดูมาเป็นกอบเป็นกำ

"แต่แป้งมันเคยพูดกับเรานะ ว่าหลังๆ มานี้มันคิดถึงเธอบ่อย แล้วก็บอกว่าอยากเจอเธออีก..."

ปรินซ์สบถดังๆ อยู่ในใจและสมองเขายิ่งว่างเปล่าเมื่อน้ำหวานพูดประโยคถัดไป

"...เห็นเขาว่าได้เจอปรินซ์ครั้งนึงเมื่อซักหลายปีก่อนใช่มะ? เขาบอกเราว่าเขาแฮ้ปปี้มากที่ได้เจอเธอ แต่ตอนนั้นเขายังแต่งงานอยู่เลยไม่ได้สานต่อกัน ตอนนี้แป้งเขาว่างแล้ว ส่วนเธอก็ว่างอยู่ใช่ไหม ลองมาคบกันดูอีกสักทีสิ"

น้ำหวานผู้ชอบการเป็นแม่สื่อแม่ชักมาตั้งแต่สมัยสาวๆ พูดด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม

"คือ ฉัน..."

"นั่นสิ ทำไมไม่ลองดูอีกทีล่ะ รักแรกของมึงไม่ใช่เหรอ หืมม์? แหม ซุ่มนี่หว่า ไปแอบเจอกันเมื่อไหร่ กูไม่เห็นรู้เรื่องเลย"

ซันซันชะโงกหน้าเข้ามาและพูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม หากปรินซ์กลับรู้สึกหนาวไปทั้งตัวเมื่อเห็นแววตาเย็นเยียบของเพื่อนรัก น้ำหวานทักทายเพื่อนอีกคนของเธอและพูดคุยกันครู่หนึ่งก่อนจะขอตัวไปเมื่อลูกของเธอเริ่มร้องไห้

"อย่าลืมนะปรินซ์ ลองเก็บไปคิดดู ไว้เดี๋ยวเราจะให้บอลส่งเบอร์แป้งให้ ลองติดต่อกันดูนะ..."

เธอทิ้งท้ายไว้ก่อนที่จะปล่อยให้สามีคุยกับเพื่อนต่อ ปรินซ์เดินไปส่งโทรศัพท์คืนให้โต้งที่ย้ายไปนั่งอยู่สุดปลายอีกด้านของโต๊ะโดยมีเพื่อนๆ โรงเรียนเดียวกันแซวลั่นเรื่องอดีตแฟนของเขา โดยมากจะบอกให้เขาติดต่อไปหาเสีย ปรินซ์ยิ้มเจื่อนๆ พลางพูดแบ่งรับแบ่งสู้ ก่อนจะเดินกลับมานั่งกับซันซันและเจ



"ซันซัน กู..."

ปรินซ์แตะไหล่เพื่อนวัยเด็กของเขา เขาควรเคลียร์เรื่องนี้กับมันให้เรียบร้อย

"รักแรกของมึงเขาอยากกลับมาหา ก็ดีแล้วนี่มึง เอาสิ กูสนับสนุนเต็มที่ ตอนนั้นเขาอาจจะยังไม่รู้ใจตัวเอง แต่ตอนนี้โตๆ กันแล้ว มึงก็ลองดูสิ เขาอาจจะใช่คนที่มึงมองหาอยู่ก็ได้"

ซันซันพูดโดยไม่เงยหน้าไปสบตาเพื่อนของเขาสักนิด ปรินซ์บีบไหล่ของเพื่อนวัยเด็กของเขาจนซันซันขมวดคิ้ว

"มึงอย่าพูดแบบนี้สิ ซันซัน มึงก็รู้ว่ากู..."

"กูยังไม่อยากคุยตอนนี้ว่ะ ปรินซ์ กูจะกินเหล้า มึงไปคุยกับป๋ากับไอ้เจก่อนแล้วกัน"

หนุ่มร้านเพชรตัดบทและปัดมือเพื่อนออกจากไหล่ ปรินซ์ถอนหายใจเฮือกใหญ่และเดินคอตกไปนั่งกับฆาเบียร์

"เอ่อ แป้งนี่ใครอ่ะ?"

เจซึ่งไม่ค่อยรู้เรื่องสมัยมัธยมของเพื่อนเท่าไหร่ถามขึ้นอย่างอดไม่ได้

"แฟนคนแรกของปรินซ์มัน ถ้ามึงอยากรู้รายละเอียดก็ไปถามมันเองแล้วกัน"

ซันซันตอบและยกแก้วของเขาขึ้นดื่มต่อ เจหันไปหาเพื่อนตัวล่ำของเขาแล้วก็ต้องถอนหายใจออกมาเมื่อเห็นปรินซ์เทเบอร์เบินเพียวๆ ใส่แก้วและกระดกเข้าปากอย่างอัดอั้นตันใจ เจหันไปสบตากับฆาเบียร์ซึ่งส่ายหัวน้อยๆ กลับมา



'คุณครับ เดี๋ยวเราคงต้องไปส่งสองคนนี่ที่บ้านแล้วล่ะ'

เจพิมพ์ข้อความใส่ไลน์ไปหาคนรัก เมื่อครู่เขาแอบกระซิบแปลสิ่งที่สองคนนั้นคุยกันให้คนรักของเขาฟังเรียบร้อยแล้ว ฆาเบียร์พิมพ์ตอบรับกลับมา

'คงต้องแยกกันไปคนละคัน เดี๋ยวว่ากันอีกที'


ในตอนนี้ พวกเขารู้สึกได้ถึงบรรยากาศตึงเครียดระหว่างคนทั้งสอง แม้จะยังพูดคุยเฮฮากับคนอื่นในวงเหล้าที่เริ่มกรึ่มกันได้ที่แล้ว แต่เพื่อนทั้งสองของเจก็ไม่คุยกันเองอีกเลย



"เออๆ คราวหน้าที่พวกมึงนัดกันกูก็จะพยายามไปให้ได้แล้วกัน ไว้เจอกันนะ"

หลังจากกินดื่มและพูดคุยกันจนเต็มที่ วงเหล้าก็เลิกราราวๆ ห้าทุ่มเศษ พวกเขาบอกลากันโดยที่เจสัญญากับเพื่อนๆ ว่าคราวหน้าเขาจะไม่ปฏิเสธคำชวนของเพื่อนๆ อีก

"ถ้าแฟนมึงมาแล้วมีเวลาว่างก็พามากินข้าวกับพวกกูมั่งก็ได้นะ อย่าได้คิดว่าเป็นคนอื่นไกลกัน"

หมอหนึ่ง ตัวแทนของเพื่อนที่ยังอยู่ที่เชียงใหม่ของเจพูดยิ้มๆ เจหันไปส่งยิ้มให้ฆาเบียร์ที่พยักหน้าตอบรับคำชวนของเพื่อนเขา ส่วนมาร์วินก็กล่าวคำอำลากับชายซึ่งเขาเคยคิดว่าน่ารังเกียจ แต่ในตอนนี้ หลังจากที่ได้พูดคุยและสังเกตท่าทางของแฟนเพื่อนของเขาคนนี้มาค่อนคืน เขาก็มั่นใจแล้วว่าฆาเบียร์เปลี่ยนไปแล้วและรักเพื่อนของเขาด้วยใจจริง

"งั้นกูไปก่อนนะ พวกมึงขับรถกันดีๆ ด้วยล่ะ ส่วนมึง ไอ้โต้ง กูคงไม่ได้ไปส่งมึงนะ ไงก็เดินทางปลอดภัยล่ะ"

เจกอดเพื่อนของเพื่อนเขาและตบไหล่เบาๆ โต้งจะกลับบ้านที่ลำปางอีกสองสามวันก่อนที่จะเดินทางกลับเยอรมนี หลังจากร่ำลากับเพื่อนๆ ครบทุกคนแล้ว เจกับฆาเบียร์ก็ประคองซันซันซึ่งเมาจนหมดสภาพไปขึ้นรถโดยมีปรินซ์เดินตามหลังไม่ห่าง


(ต่อคอมเมนท์ถัดไปค่ะ)



ออฟไลน์ La Vida Sin Tu Amor

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-1



---- "WHY ME?" (ต่อ) ----




"งั้นเดี๋ยวคุณขับรถผมพาปรินซ์นั่งไปนะ ผมจะขับรถไอ้ซันไปเอง"

เจปาดเหงื่อ พวกเขาจัดการยัดซันซันที่เมาพับไปแล้วให้ขึ้นนั่งบนเบาะหน้ารถมินิคลับแมนของเจ้าตัวจนได้ ฆาเบียร์พยักหน้าและเปิดประตูให้ปรินซ์ที่เดินเซๆ ขึ้นนั่งที่เบาะหน้ารถของเจ

"คุณครับ..."

เจกระซิบคนรักของเขา

"หาข้อมูลมาเยอะๆ นะ"

ฆาเบียร์อดหัวเราะไม่ได้เมื่อเห็นสีหน้าจริงจังของคนตัวเล็ก เขายกกำปั้นขึ้นเคาะหัวคนรักเบาๆ

"นายนี่มันจอมยุ่งจริงๆ ไม่เอา ไม่ต้องไปซักเพื่อนแล้ว ถ้าเขาอยากเล่า ก็ปล่อยเขาเล่าเอง โอเคไหม?"

เจทำหน้ามุ่ยและลูบหัวตัวเองเบาๆ ฆาเบียร์จุ๊บเบาๆ ที่ริมฝีปากคนรักและรุนหลังให้ขึ้นรถไป

"ขับตามหลังผมมานะครับ แล้วก็อย่าขับเปรี้ยวนักล่ะ"

 เจนยุทธสั่งคนตัวโต

"นายเองก็ขับดีๆ ล่ะ นี่หายเมาแล้วใช่ไหม? แล้วขับรถของซันซันได้แน่นะ?"

ฆาเบียร์ถามคนรักอย่างเป็นห่วง ถึงรถของซันซันจะคันเล็กกะทัดรัดตามประสามินิคูเปอร์ แต่ก็เป็นรุ่นคูเปอร์เอสซึี่งมีถึงเกือบ 200 แรงม้า เขาจึงอยากให้แน่ใจว่าเจจะขับระวังพอ เจพยักหน้าและบอกว่าเขาหยุดดื่มตั้งแต่ตอนที่รู้ว่าต้องขับรถไปส่งเพื่อนแล้ว

"...แล้วผมก็เคยขับรถซันซันแล้วครับ ไม่ต้องห่วงนะ"

"ห่วงสิ ยังไงก็ห่วง ขับระวังด้วยนะ"

คนตัวโตจับมือคนรักบีบเบาๆ ก่อนจะแยกย้ายกันขึ้นรถและค่อยๆ ขับรถพาเพื่อนของพวกเขาไปส่งบ้าน



"เป็นไงครับคุณ ได้เรื่องอะไรมั่ง?"

เจรีบถามคนรักที่ขับรถพาพวกเขาออกจากหมู่บ้านของปรินซ์และซันซัน ฆาเบียร์อดหัวเราะในความอยากรู้อยากเห็นของคนตัวเล็กไม่ได้

"ใจเย็นๆ สิจ๊ะ รอพ้นหมู่บ้านแล้วค่อยถามก่อนก็ได้"

"ก็ผมเป็นห่วงอ่ะ นี่เรื่องมันดูร้ายแรงมากเลยนะ ผมไม่เคยเห็นไอ้ปรินซ์ตวาดใส่ซันซันแบบเมื่อกี้มาก่อน"

เจบ่นเบาๆ เมื่อครู่เกิดดราม่าขนานใหญ่ที่หน้าบ้านของหนุ่มร้านทองเมื่อปรินซ์พยายามให้ซันซันที่เมามากขึ้นไปนอนค้างที่บ้านตนเหมือนทุกครั้งเพื่อเลี่ยงการถูกอาม่าด่า  อีกส่วนหนึ่งก็คงเป็นเพราะเขาอยากเคลียร์เรื่องราวที่เกิดขึ้น หากหนุ่มร้านเพชรงอแงจะกลับบ้านตนท่าเดียวจนปรินซ์น็อตหลุดและเผลอขึ้นเสียงใส่ซันซันไปจนตี๋แว่นตะลึงและยอมให้เพื่อนลากขึ้นบ้านแต่โดยดี

"เฮ้อ ฉันก็หวังว่าจะให้ทั้งคู่เคลียร์อะไรกันได้เร็วๆ นะ เพราะคราวนี้ซันซันดูท่าจะเข้าใจผิดไปใหญ่โตแล้ว"

คนตัวโตถอนหายใจเบาๆ ตลอดทางเขาได้ชวนเพื่อนของคนรักคุยถึงเรื่องที่เกิดขึ้น ปรินซ์ซึ่งมีอาการเมามายพอสมควรและอัดอั้นตันใจอยากระบายก็ได้เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นระหว่างเขากับแป้งและซันซันให้ฆาเบียร์ฟังอย่างหมดเปลือก



"มันก็เป็นแบบนี้ล่ะเจ สรุปปรินซ์ไม่เคยคิดอะไรกับผู้หญิงคนนั้นเลย ที่ทำน่ะก็เพื่อกันให้ออกห่างจากซันซัน แต่ซันเขาไม่เคยรู้เลย..."

คนตัวโตเล่าให้คนรักที่นั่งทำตาแป๋วอยู่ที่เคาเตอร์ครัวฟัง พวกเขาตัดสินใจจะรอคุยเรื่องนี้กันเมื่อกลับถึงห้อง ฆาเบียร์หยิบเสื้อผ้าที่ใช้แล้วจากกระเป๋ายิมของพวกเขาใส่ในเครื่องซักผ้าที่อยู่ใต้เคาเตอร์ครัว แล้วจึงกลับมานั่งเล่าเรื่องอื่นที่ได้ยินมาให้เจฟังต่อ

"ผมก็รู้นะ ว่าไอ้ปรินซ์มันหวงไอ้ซัน แต่ก็ไม่นึกว่าจะเคยทำถึงขนาดนี้..."

เจพูดเสียงอ่อยๆ ดูท่าความรู้สึกของเพื่อนหนุ่มของเขาคนนี้ที่มีให้แก่เพื่อนวัยเด็กคงรุนแรงกว่าที่เขาคิดไปมาก

“แต่ เอ ผมก็เข้าใจว่าพวกมันตกลงปลงใจอะไรๆ กันไปแล้ว แต่นี่สรุปว่ามันก็ยังครึ่งๆ กลางๆ กันอยู่เหรอครับ?”

“จ้ะ จากที่ปรินซ์เขาพูด เหมือนกับว่าตอนนี้ต่างฝ่ายต่างรับรู้ความรู้สึกกันแล้ว แต่ยังไม่ได้พูดบอกรักกันจริงจัง หรือคุยกันว่าจะคบหากันแบบไหน ยังเขินๆ แล้วก็ทำตัวไม่ถูกกันว่างั้นเหอะ”

“ผมก็นึกว่าไอ้ปรินซ์มันจับไอ้ซันกดไปแล้วนะเนี่ย”

เจถอนหายใจเฮือกใหญ่ เพื่อนหนุ่มตัวล่ำของเขาคงเป็นประเภทที่ไม่กล้ากับคนที่เขารักจริง

“เอาน่ะ เดี๋ยวอะไรๆ ก็คงคลี่คลายเอง ฉันก็บอกปรินซ์ไปแล้วว่าให้บอกๆ ไปซะว่าตัวเองคิดยังไง ไม่ต้องเก็บไว้ มันถึงขั้นนี้แล้ว ก็น่าจะรู้ได้แล้วนี่ว่าใจตรงกัน จะต้องมารออีกทำไม”

เจหัวเราะคิกและยิ้มกว้างให้คนรัก

“ให้มันได้งี้สิคุณ สงสัยคืนนี้จะมีเฮแน่ๆ ไม่แน่ว่าเรื่องยัยแป้งนี่อาจจะดีกับทั้งสองคนนี่ก็ได้ เราก็มาลุ้นกันต่อแล้วกันเนาะ ทำดีมากครับ ฆาบี้”

เจชะโงกหน้าไปจุ๊บริมฝีปากคนรักเบาๆ เพื่อเป็นรางวัล หากฆาเบียร์กลับไม่ยอมปล่อยเขาไปง่ายๆ



"ฆาบี้ ที่รักครับ อาบน้ำอาบท่ากันก่อนดีกว่าไหม?"

เจกระซิบเสียงกระเส่า คนตัวโตจับเขาขึ้นนั่งคร่อมบนตักและจัดการประทับรอยรักไปทั่วกาย ฆาเบียร์ยิ้มกริ่ม เขาชอบเห็นผิวขาวๆ ของเจเปรอะไปด้วยรอยสีกุหลาบเสียจริงๆ

"อาบน้ำให้สบายตัวก่อนก็ได้จ้ะ"

คนตัวโตหอมแก้มคนรักฟอดใหญ่ เจลุกขึ้นพร้อมกับดึงคนรักของเขาให้ลุกขึ้นตาม

"อูย..."

ฆาเบียร์ครางออกมาเบาๆ พร้อมกับใช้มือกดที่บั้นเอว ถึงจะดูแข็งแรงกว่าวัย แต่ร่างกายวัย 40 ปีของเขามันกำลังประท้วงว่าวันนี้เขาใช้มันเกินขีดจำกัดไปแล้ว

"ไหวไหมครับคุณ?"

เจนยุทธถามอย่างเป็นห่วงเมื่อเห็นท่าทางของคนรัก

"เนี่ยน้า ผมบอกแล้วว่าถ้าไม่ไหวก็ให้หยุดเล่น ก็ยังจะทำเก่งเล่นเต็มเวลา จะอยากโชว์ออฟอะไรกันขนาดนั้นครับ"

ฆาเบียร์ทำหน้านิ่วและค่อยๆ ลงนั่งบนโซฟา แข้งขาของเขามันปวดตึงไปหมดตั้งแต่ตอนกินข้าวกับเพื่อนๆ ของเจแล้ว แต่เขาก็กัดฟันทนเพราะไม่อยากแสดงท่าทีอ่อนแอออกไป

"ก็ฉันอยากจะดูดีต่อหน้าเพื่อนๆ ของเจบ้างน่ะ"

คนตัวโตพูดเสียงอ่อยๆ เจนยุทธหัวเราะหึๆ พลางยกขาคนรักขึ้นพาดตัก เขากดคลึงฝ่าเท้าของฆาเบียร์เบาๆ เมียตัวโตของเจหลับตาและส่งเสียงเบาๆ ในคอ

"เอางี้ดีกว่า เดี๋ยวผมจะไปเตรียมน้ำอุ่นให้คุณแช่ จะได้สบายตัว คุณนอนรอที่นี่ก่อนนะครับ"

เจพูดและผละไปเตรียมน้ำอาบ โดยปล่อยให้ฆาเบียร์นอนหมดแรงอยู่บนโซฟา



"สงสัยคืนนี้ฉันคงไม่ไหวแน่ๆ เลย เจนยุทธ..."

คนตัวโตถอนหายใจเฮือกใหญ่ขณะที่นอนให้คนรักนวดเฟ้นร่างกายให้บนเตียงนุ่ม

"...อุตส่าห์ได้อยู่ต่ออีกคืน แต่ก็ดันมาเป็นแบบนี้ เสียดายเวลาจริงๆ "

ฆาเบียร์บ่นกะปอดกะแปด เจได้แต่หัวเราะหึๆ

"คุณก็สงสารสังขารตัวเองหน่อยเถอะครับ ไม่ใช่หนุ่มๆ แล้วนะ"

"นายพูดแบบนี้ เอามีดมาแทงกันเลยดีกว่า โอ๊ยๆๆ"

คนตัวโตทำหน้าง้ำแต่ก็ต้องร้องลั่นเมื่อเจกดเข้าตรงเส้นที่ตึง

"อูย นายนวดเก่งชะมัดเลย เจ ดีมากเลย"

ฆาเบียร์ครางเบาๆ ในลำคอเมื่อเจใช้ส้นมือขยี้บริเวณต้นขาด้านหลังของเขาจนคลายความแข็งเกร็งออก

"เมื่อก่อนตอนเป็นเด็ก พ่อใช้ให้ผมนวดให้บ่อยครับ"

เจพูดอย่างอารมณ์ดี



"เอ เจจ๊ะ แล้วนายนวดแบบนี้ให้พ่อด้วยเหรอ?"

คนตัวโตขมวดคิ้วเมื่อเจเริ่มนวดสูงขึ้นมาจนเริ่มรุกรานบั้นท้ายของเขา เจยิ้มกริ่มและเริ่มเคล้นคลึงก้อนเนื้อทั้งสองที่อัดแน่นไปด้วยกล้ามเนื้อหนั่นแน่น คนตัวโตอดทำเสียงเบาๆ ในคอไม่ได้เมื่อฝ่ามืออุ่นของเจบีบนวดบริเวณใต้ก้นและเริ่มรุกรานต่ำลงไปยังซอกขา

"Mi alma ฉันทำไม่ไหวนะ คืนนี้"

คนตัวโตที่ตาลอยด้วยความเพลินกัดฟันพูดเบาๆ เจนวดเฉี่ยวไปเฉี่ยวมาอยู่แถวๆ ส่วนสำคัญของเขา แถมยังใช้นิ้วกดคลึงบริเวณรอบๆ รูร่องอันคับแคบของเขาอีก

"ไม่ทำๆ เล่นๆ ขำๆ เฉยๆ"

เจหัวเราะคิกคักพลางหยิบเจลหล่อลื่นที่ใช้เป็นเจลนวดตัวด้วยมา ฆาเบียร์สะดุ้งโหยงเมื่อเจเทมันลงไปช่องทางสีแดงก่ำ

"เจ...อ๊ะ"

คนตัวโตอุทานออกมาเมื่อนิ้วเรียวของเจชำแรกเข้าไปในช่องทางของเขา

"ยกก้นหน่อยสิครับคนดีของเจ

เจกระซิบแผ่วๆ ที่ข้างหูของคนที่นอนคว่ำอยู่ใต้ร่างของเขา คนตัวโตยกสะโพกขึ้นสูงอย่างว่าง่าย

"อื้อหือ รัดนิ้วผมใหญ่เลยนะ อยากได้ผมขนาดนั้นเลยเหรอ"

เจกระเซ้าคนรัก ฆาเบียร์หันหน้ากลับมาบดจูบกับริมฝีปากช่างจำนรรจา เจจูบตอบ มือของเขาเร่งรูดไล้ให้ความสุขกับคนรัก

"พลิกตัวหน่อยครับ"

เจพูดสั้นๆ คนตัวโตรีบพลิกกายนอนหงาย เจทำตาวาวเมื่อพบว่าคนรักของเขาพร้อมรบแค่ไหน คนตัวเล็กลงมือปรนนิบัติคนรักของเขาทันที



"Yes, baby!...I'm coming! coming!"

เมียตัวโตของเจคำรามลั่นพร้อมกับกดหัวของเจลงอย่างลืมตัว แต่เจนยุทธที่เตรียมตัวไว้แล้วขืนกายไว้และรีบถอนปากออกจากส่วนสงวนของคนรักได้ทัน

"อื๊อ..."

เจร้องเบาๆ เมื่อน้ำขุ่นข้นของฆาเบียร์กระเซ็นขึ้นมาเปรอะริมฝีปากและแก้มของเขา คนตัวโตซึ่งหอบหายใจเบาๆ ด้วยความเสียวซ่านรีบยันกายขึ้นมาดู เขาโน้มกายลงจูบริมฝีปากรูปกระจับแสนเย้ายวนทันที

"เจของฉันน่ารักที่สุดในโลก"

ฆาเบียร์กระซิบเบาๆ ที่หูของคนตัวเล็ก ก่อนที่จะใช้ทิชชู่เช็ดคราบรักของตนออกจากใบหน้าของคนรัก เจส่งยิ้มอันสดใสให้คนรักและจุ๊บแผ่วๆ กลับคืน

“ไม่เอาครับ ฆาบี้ ผมไม่เป็นไรจริงๆ”

เจปัดป้องมือของคนรักที่ทำท่าจะช่วยเขาให้ปลดปล่อยบ้าง

“ผมยังไม่อยากทำ แค่นี้ผมก็โอละ”

เจพูดตามความเป็นจริง เขาแค่อยากสัมผัสและทำให้คนรักรู้สึกดีแค่นั้น เจขยับกายขึ้นไปนอนหนุนแผงอกกว้าง ฆาเบียร์ใช้แขนโอบร่างอุ่นๆ ในอ้อมอกไว้และก้มลงหอมผมสั้นๆ ของเจนยุทธ



“เจจ๊ะ…”

คนตัวโตพูดทำลายความเงียบ

“นายมีอะไรอยากถามฉันหรือเปล่า?”

ฆาเบียร์ถาม เขาอยู่กับเจจนพอจะจับสัญญาณกายบางอย่างได้แล้ว เจถอนหายใจเบาๆ เขาไม่อยากคิดมากเรื่องนี้ แต่ก็อดไม่ได้อยู่ดี

“ครับ เรื่องคุณนิโคลัส เจ้านายของมาร์วิน…”

“โธ่ เจ มันไม่มีอะไรจริงๆ ระหว่างฉันกับเขามันเรื่องเซ็กส์ล้วนๆ ฉันรู้จักนิคกี้ตั้งแต่ที่สหรัฐฯ แล้ว ช่วงที่ฉันต้องทำงานเทียวไปเทียวมาที่นิวยอร์ค เขาเป็นคนบ้างานมาก พอทำงานจนเครียดทนไม่ไหว ก็ใช้เซ็กส์เป็นการระบาย ฉันก็แค่ช่วยสนองให้ตอนที่ได้มาทำงานที่ฮ่องกง แค่นั้นเอง”

คนตัวโตรีบอธิบาย

"...แต่ฉันไม่รู้จริงๆ ว่าเขาจะชอบพอหรือคิดจริงจังอะไรกับฉันแบบนั้น สำหรับฉันมันเป็นแค่เรื่องสนุกกันชั่วคราวจริงๆ"



"ผมไม่ได้กังวลเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับเขาครับ ฆาเบียร์"

เจยกกายขึ้นและจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของคนรัก

"ผมมองเรื่องของเขา แล้วมานึกถึงเรื่องของเรา..."

ฆาเบียร์อึ้งไป

"...ผมนึกถึงที่มาร์วินเขากังวลว่าผมจะเป็นแบบคุณนิโคลัสหรือเปล่า เป็นแค่ของแก้ขัดที่คุณใช้นานๆ ทียามต้องการหรือเปล่า"

"โธ่ เจ นายก็รู้..."

คนตัวโตประท้วงขึ้นทันที แต่ก็ถูกคนตัวเล็กยกมือปิดปากไว้

"ผมรู้ครับ ฆาบี้ ว่าผมไม่ใช่แบบนั้น ผมรู้..."

เจถอนหายใจเฮือกใหญ่ เขารู้ใจและเชื่อใจคนรักของเขาดี แต่มันแค่มีสิ่งที่เขาไม่เข้าใจ

"ผมแค่สงสัย..."

"นายสงสัยอะไร เจนยุทธ ถามมาได้เลย ฉันพร้อมตอบนายทุกอย่าง"

เจลุกขึ้นนั่งและดึงคนรักของเขาขึ้นนั่งตาม ดวงตากลมใสของเขาจ้องมองลึกเข้าไปในดวงตาคมวาวที่ส่องประกายแพรวพรายของคนรัก

"WHY ME?"



--------------------------------------------

จริงๆ ตั้งใจจะโพสต์ตอนนี้เป็นของขวัญคริสตมาส แต่ไม่ทันจร้า ต่อนยอนไป ต่อนยอนมา เลทจนได้ มารอฟังคำตอบของฆาบี้หลังปีใหม่แล้วกันนะคะ

ช่วงนี้ไม่ค่อยมีของอร่อยมานำเสนอ กินของง่ายๆ ไปก่อนนะคะ ช่วงนี้คนเขียนติดร้านหมาล่ามื้อดึกที่เอามาเขียนในเรื่องอยู่ค่ะ จริงๆ ที่เชียงใหม่มีร้านอาหารที่เปิดขายดึกๆ หรือโต้รุ่งอยู่หลายที่ ที่ขึ้นชื่อก็คือก๋วยเตี๋ยวอ๋องทิพรสหรือก๋วยเตี๋ยวหัวนม โจ๊กสมเพชร ไก่ทอดเที่ยงคืน เนตรดวงดาว ร้านข้าวต้มต่างๆ อย่างร้านย้ง ข้าวต้มบาทเดียว หรือข้าวต้มจันทบูรณ์ที่เคยเขียนถึงแล้ว ส่วนที่มีขายหลายร้านเป็นตลาดโต้รุ่งก็อย่างที่ตลาดช้างเผือก ที่มีร้านขาหมูชื่อดังที่เขาเรียกว่าขาหมูคาวบอยอยู่ อีกจุดหนึ่งคือดงอาหารโต้รุ่งที่ตลาดประตูเชียงใหม่ใกล้ๆ กับถนนคนเดินวัวลายค่ะ แถวรอบมช. เองก็มีร้านอาหารที่เปิดดึกๆ อีกหลายร้าน ไหนจะมีสารพัดร้านหมูกะทะอีก เรียกได้ว่าเราหาอะไรกินได้ 24 ชั่วโมงเลยทีเดียว

สำหรับร้านหมาล่าที่ว่านั้น อยู่บนถนนรัตนโกสินทร์ ตรงข้ามโรงแรมรัตนโกสินทร์ ที่นั่นมีร้านหลักอยู่สองร้าน ร้านแรกคือ "ครัวสีฟ้า" เดิมทีร้านนี้เป็นร้านขายอาหารตามสั่ง เคยได้ยินมาว่ารสชาติดีทีเดียว แต่คนเขียนเคยกินแค่ข้าวกะเพราไข่เยี่ยวม้า ซึ่งก็โอเคค่ะ แต่จากขายตามสั่งเขาก็เริ่มขยายมาขายก๋วยเตี๋ยว ซึ่งก็เป็นแฟรนไชส์ลูกชิ้นโกเด้ง เชียงใหม่มีขายอยู่หลายที่เหมือนกัน แต่ไม่แน่ใจว่ามีก๋วยเตี๋ยวน้ำตกหมดทุกที่หรือเปล่าค่ะ

ส่วนอีกอย่างหนึ่งที่เขามาเปิดขายทีหลังและกลายเป็นตัวชูโรงของร้านไปคือปิ้งย่างหมาล่าค่ะ คนเขียนไม่ค่อยได้กินปิ้งย่างหมาล่าจากหลายๆ ร้านเท่าไหร่เลยไม่รู้ว่าแบบของร้านนี้เรียกว่าอร่อยมากไหม แต่ก็คิดว่าอร่อยดีแล้ว ติดแค่เค็มไปบ้างบางครั้ง ส่วนของมีให้เลือกเยอะตามในรูปนะคะ และยังสามารถสั่งระดับความเผ็ดได้คือ เผ็ดมาก เผ็ดกลาง และเผ็ดน้อย ทุกทีคนเขียนกินแค่เผ็ดกลางก็จะแย่แล้วค่ะ (ระดับความแดงตามในรูป)

นอกจากร้านครัวสีฟ้าแล้วอีกร้านที่อยู่ติดกันคือ พี่ไก่ตำย่าง ร้านนี้ขายอาหารอีสานรสแซ่บ ลูกค้าที่นั่งคือคนที่มากินเหล้าค่ะ ราคาอาหารไม่แย่เลย เริ่มต้นน่าจะ 35-40 คือส้มตำ ลาบอีสาน ไปจนถึงจานปลา ราคาประมาณร้อยต้นๆ ครั้งแรกที่กิน จิ้มซุปหน่อเข้าปากนี่แทบสำลักเลยค่ะ เผ็ด เปรี้ยว ถึงมากๆ เป็นร้านสำหรับขี้เหล้าเลยแท้ๆ ค่ะ แต่ร้านนี้จะติดว่าของหมดเร็ว คราวที่แล้วไปสามทุ่มกว่า พวกของย่างหมดเกือบหมดแล้ว ลาบหมูก็หมด เสียดายมากค่ะ

ทั้งสองร้านคือครัวสีฟ้าและพี่ไก่ตำย่างนี่ สามารถสั่งอาหารข้ามไปมากันได้นะคะ แต่ก็ต้องจ่ายที่ร้านไหนร้านนั้นมาก่อน เป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับร้านอาหารยามดึกที่ไม่อยากจะต้องวนหาที่จอดรถอะไรนาน เพราะแถวนี้ที่จอดข้างถนนเพียบค่ะ

ไหนๆ แล้วก็แถมลิงค์ร้านอาหารเปิดดึก 40 ร้านในเชียงใหม่ให้ด้วยเลยแล้วกันค่ะ

http://bit.ly/2LD33LP


ช่วงปีใหม่ แวะคุยแวะเม้ากันได้ตามช่องทางนี้นะคะ ในเฟซบุ๊คจะมีลงเรื่องอาหารเล็กๆ น้อยๆ ที่ไปกินมานอกเหนือจากในเรื่องด้วย ส่วนทวิตเตอร์จะเน้นชมบ่าวค่ะ

เพจค่ะ  https://www.facebook.com/LaVidaSinTuAmor/

ทวิตเตอร์ค่ะ  https://twitter.com/VidaSinTuAmorTH



CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ primrose1

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 10
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
อยากเห็นสองหนุ่มไปตะลุยญี่ปุ่นมั่งนิ

ออฟไลน์ La Vida Sin Tu Amor

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-1
อยากเห็นสองหนุ่มไปตะลุยญี่ปุ่นมั่งนิ


อยากพาไปเหมือนกันค่ะ แต่กลัวเรื่องจะยิ่งยืดไม่จบซักที ฮ่าๆๆ

ออฟไลน์ La Vida Sin Tu Amor

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-1



---- รักของฆาเบียร์ ----




"WHY ME?"

ฆาเบียร์อึ้งไปเมื่อได้ยินคำถามนั้นจากปากของคนที่นั่งจ้องหน้าเขาอยู่ เจนยุทธจ้องลึกในดวงตาของคนรัก เขาไม่แน่ใจว่าสิ่งที่เขาเห็นนั้นคืออะไร

"ทำไมครับ ฆาเบียร์ ทำไมต้องเป็นผม..."

เขาถามย้ำไปอีกครั้ง คนตัวโตกัดริมฝีปากน้อยๆ เขาไม่รู้จริงๆ ว่าเขาควรตอบคำถามที่ตัวเองก็ยังไม่รู้คำตอบแน่ชัดนี้อย่างไร

"มีผู้ชายที่เหมาะสมกับคุณทั้งเรื่องหน้าตา ฐานะ หน้าที่การงานอยู่อีกมากมาย และพวกเขาก็พร้อมที่จะถูกเลือก  แต่ทำไมคุณถึงเลือกผม?"

"เพราะฉันรักนายไงล่ะ เจนยุทธ แค่นี้ยังไม่พออีกเหรอ?"

คนตัวโตตอบทันควัน เจถอนหายใจยาว

"แล้วทำไมคุณถึงเลือกที่จะรักผม ไม่ใช่ฌอง ไม่ใช่คุณเพเทรลลี่ หรือคนที่รักคุณอย่างเฟลิปเป้ หรือคนที่เคยรู้จักคุณตั้งแต่ตอนเรียนอย่างจอช? นี่ยังไม่นับพวกดารา เซเล็บ หรือคนในวงการธุรกิจที่คุณเคยเดทด้วย ผมดีกว่าคนพวกนั้นตรงไหน?"

เจถามต่อ เขารู้ว่ามันเป็นคำถามที่ตอบยาก และเขารู้ว่าหากฆาเบียร์ไม่สามารถให้คำตอบที่น่าพอใจกับเขาได้ เขาซึ่งเป็นคนถามก็อาจจะต้องเสียใจเอง แต่มันคือสิ่งที่ติดอยู่ในใจเขามาตั้งแต่แรกคบหากัน มันทำให้เขาคบกับหนุ่มโพรไฟล์สูงคนนี้ได้อย่างไม่สนิทใจเต็มที่



"เจ...ฉัน เฮ้อ..."

ฆาเบียร์อ้ำอึ้ง เขาอยากสารภาพกับคนตัวเล็กว่าเขาเองก็ไม่รู้สาเหตุเช่นกันว่าทำไมเขาถึงติดใจคนที่อยู่ตรงหน้านี้นัก เจไม่ใช่คนที่หน้าตาดีที่สุด แสนดีที่สุด เอาใจเก่งที่สุด เก่งเรื่องเซ็กส์ที่สุด หรือกระทั่งรักเขามากที่สุดเท่าที่เขาเคยเจอมา แต่เมื่อทุกอย่างในตัวเจประกอบกันเข้าแล้ว มันทำให้เขาไม่อาจปล่อยมือจากคนๆ นี้ได้

"ที่ผ่านๆ มาคุณไม่เคยเปิดใจให้ใคร แต่ทำไมถึงยอมให้ผม? หรือเป็นเพราะว่าผมเป็นคนแรกทางนั้นของคุณ? หรือเป็นเพราะผมเป็นเพื่อนคนที่คุณเคยยอมเปิดใจให้ด้วยอย่างพี่นพ คุณถึงมองผมเป็นข้อยกเว้น? หรือเพราะ..."

"ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน เจ ฉันก็ไม่รู้จริงๆ"

 ฆาเบียร์พูดแทรกเจนยุทธพร้อมกับยกฝ่ามือทั้งสองขึ้นลูบหน้าแรงๆ

"ฉันตอบนายไม่ได้ว่าทำไมฉันถึงเปิดใจให้นาย ตอบไม่ได้ว่ารักนายได้ยังไงและรักตั้งแต่เมื่อไหร่..."

เขาทิ้งมือมือทั้งสองข้างลง และพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม

"แต่ไม่ใช่ว่าฉันไม่เคยรู้จักความรัก ถึงฉันเคยบอกว่าช่วงสิบกว่าปีที่ผ่านมานั้นฉันปิดใจ แต่ในก่อนหน้านั้นฉันเคยรักอเล็กซ์ ฉันเคยรักนพ และฉันก็เคยรับความรักจากคนอื่นมากมาย ฉะนั้นฉันรู้ดีว่าความรู้สึก 'รัก' นั้นเป็นยังไง..."



คนตัวโตหายใจเฮือกใหญ่

“ใช่ ส่วนหนึ่งที่ฉันเปิดใจกับนายอาจเป็นอย่างที่นายว่า อาจเพราะเราได้มีโอกาสใช้เวลาด้วยกันโดยที่ฉันไม่ได้ตั้งการ์ดเพื่อปกป้องตัวเอง อาจเป็นเพราะความใกล้ชิด ความผูกพัน แต่แค่นั้นมันไม่ทำให้ฉันรักนายได้ถึงขนาดนี้หรอกนะ”

คนตัวโตยกกำปั้นขึ้นทุบที่อกซ้ายของตน

“และถึงฉันเคยบอกนายว่าฉันปิดใจ แต่ก็ไม่ใช่ว่าฉันไม่เคยคิดที่จะรับใครเข้ามา ฉันเคยลองแล้ว ฉันเคยคิดลองคบหากับคนนั้นคนนี้ เคยคิดที่จะลองรักอีกครั้ง แต่ฉันไม่เคยเจอใครที่ทำให้ฉันรู้สึกเหมือนกับที่ฉันรู้สึกกับนายเลยสักคน ไม่เลยสักครั้งเดียว”

ฆาเบียร์ยกมือออกจากใจตนและทาบมันลงบนอกซ้ายของคนรัก

"ตอนนี้ ใจฉันมันบอกว่าฉันรักนาย รักและต้องการนายมากยิ่งกว่าที่เคยรักอเล็กซ์และนพ แค่นั้นมันยังไม่พออีกเหรอ เจนยุทธ? ใช่ ฉันอาจเคยเจอคนมากมายที่เหมาะสมกับฉัน  และจริงอยู่ว่าถ้าฉันเปิดใจอีกฉันก็อาจจะได้พบคนอื่นที่ดีพร้อม แต่มันจะสำคัญอะไรล่ะ? ในเมื่อตอนนี้ความรักของฉันมันมีให้นายไปแล้ว..."

เมียตัวโตของเจเริ่มมีน้ำตาคลอเบ้าเพราะความอัดอั้นตันใจ เขาจะอธิบายให้คนรักของเขาเข้าใจได้อย่างไรกัน

"ฉันยกใจให้นายไปแล้วนะเจนยุทธ และหัวใจของฉันมันก็มีแค่ดวงเดียวเท่านั้น ถ้าฉันรักนายแล้ว ฉันก็จะไม่คิดมองคนอื่นอีก ไม่ว่าคนๆ นั้นจะเพียบพร้อมแค่ไหน แต่ก็จะไม่มีใครมาแทนที่นายได้"

เจใจอ่อนยวบเมื่อเห็นน้ำตาที่เริ่มหยดหยาดลงจากดวงตาคู่งาม น้ำเสียงที่สั่นเครือนั้นกรีดใจเขาแทบขาด

"ฉะนั้นฉันไม่มีเหตุผลให้นายหรอกเจว่าทำไมฉันถึงรักนายหรือเลือกนาย รักของฉันมันไม่มีเหตุผล ใช่ ฉันชอบที่นายเป็นคนน่ารัก มีความอ่อนน้อมถ่อมตน ชอบที่นายรักครอบครัวของนายและครอบครัวของฉันด้วย ชอบที่นายเป็นคนใจดี ชอบความร่าเริงสดใสของนาย ชอบหน้าตา ชอบเวลาที่เรามีเซ็กส์กัน ชอบความที่นายทันฉันทั้งเรื่องไลฟ์สไตล์และความคิด..."

คนตัวโตปาดน้ำตา เขาจับไหล่ทั้งสองข้างของคนที่อยู่ตรงหน้า

"แต่เจจ๊ะ ถ้าฉันใช้พวกนี้เป็นเหตุผลที่รักนาย ถ้าวันหนึ่งนายเสียโฉม นายเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ นายสูญเสียความน่ารักสดใสไป หรือนายมีเซ็กส์กับฉันไม่ได้อีก มันก็หมายความว่าฉันต้องสูญเสียเหตุผลที่ฉันรักนายไปด้วยงั้นสิ? ซึ่งมันไม่ใช่เลย ต่อให้ไอ้สิ่งที่ฉันชอบพวกนี้มันหายไป ตราบใดที่นายยังอยู่เคียงข้างฉัน ฉันก็ยังจะรักนายอยู่ดี ฉะนั้นอย่าถามเลยว่าทำไมฉันถึงเลือกนาย เจนยุทธ เรื่องนั้นมันไม่สำคัญเท่ากับสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปเลย”



ฆาเบียร์ยกมือทั้งสองของคนรักขึ้นจูบและดึงขึ้นมาแนบแก้ม

“อย่าคิดหาเหตุผลอีกเลยว่าทำไมฉันเลือกนาย แต่ขอให้จำว่าเมื่อฉันเลือกแล้ว ใจฉันจะไม่มีวันเปลี่ยน...”

“ถึงคุณจะเจอคนที่เพียบพร้อมกว่าผม หรือมีคนที่แสนเพอร์เฟ็คท์มายืนอยู่ตรงหน้าคุณเหรอครับ?”

เจพูดแทรก ถึงเขาจะรู้อยู่เต็มหัวใจว่าสิ่งที่ฆาเบียร์พูดนั้นได้เติมช่องว่างในใจเขาจนเต็มแล้ว เขาก็ยังอดถามออกไปไม่ได้

“เจจ๊ะ ไม่มีวันที่ฉันจะเจอคนที่เพอร์เฟ็คท์ไปกว่านายอีกแล้ว...”

คนตัวโตยิ้มพราย ดวงตาวับวาวคู่นั้นที่จ้องลึกเข้ามากลางใจของเขาทำให้เจหน้าร้อนผะผ่าว แต่มันไม่ได้ทำให้เขาแทบจะละลายลงไปได้เท่ากับประโยคถัดไปที่ฆาเบียร์พูดออกมา



“I love you...not because you are perfect. But you are perfect to me because I love you.”



“น้ำเน่าอ่ะ!”

เจผลักอกกว้างเบื้องหน้าด้วยความเขินอายจนร่างกำยำนั้นเซไป ฆาเบียร์ยิ้มกริ่มเมื่อเห็นใบหน้าของคนรักแดงก่ำไปหมด เขารวบร่างเพรียวตรงหน้าเข้ามาในอ้อมอกและจุมพิตเบาๆ ที่หน้าผากเนียน

“ไม่ได้น้ำเน่า มันคือเรื่องจริง เจนยุทธ ฉันเคยบอกแล้วว่าฉันจะไม่ขอให้นายเปลี่ยนอะไรหรือทำอะไรที่ต่างออกไปเพื่อฉัน เพราะทุกสิ่งที่เป็นนาย ฉันพร้อมจะยอมรับมัน แต่ถ้านายจะเปลี่ยนเพราะนายคิดว่ามันทำให้ตัวนายดีขึ้น ฉันก็พร้อมจะยอมรับความเปลี่ยนแปลงนั้นและยินดีจะสนับสนุนนายในทุกทาง เข้าใจไหม?”

เจนยุทธกายสะท้านเพราะริมฝีปากร้อนๆ ที่ประทับทั่วใบหน้าเขา สัมผัสอันอ่อนโยนของฆาเบียร์ทำให้เขาแทบดิ้นตายลงไป ไหนจะเสียงทุ้มแหบที่กระซิบบอกรักเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า มันทำให้เขารู้สึกเหมือนล่องลอยอยู่บนปุยเมฆอันแสนนุ่ม



“สรุปว่าคุณก็ยังให้เหตุผลไม่ได้อยู่ดีว่าทำไมคุณเลือกผม”

เจหยิกแก้มคนที่นอนยิ้มกริ่มอยู่บนหมอนใบเดียวกันด้วยความหมั่นไส้ คนตัวโตส่ายหัว

"พูดนั่นนี่ไปตั้งเยอะ สุดท้ายก็เลี่ยงไม่ตอบอยู่ดีล่ะวะ..."

เจบ่นอุบอิบทั้งๆ ที่รู้ว่าคนตัวโตได้ตอบในสิ่งที่เขาอยากรู้ไปเรียบร้อยแล้ว

"แล้วถ้าฉันถามนายกลับบ้างล่ะ เจนยุทธ ว่านายรักฉันตรงไหน? นายที่ชอบผู้หญิงมาตลอด อยู่ๆ มาเลือกผู้ชายที่อายุมากกว่าเกือบรอบแถมยังเป็นคนต่างชาติอีก นายจะให้เหตุผลฉันว่ายังไง? อย่าบอกนะว่าเพราะนายไม่อยากมีลูกเลยเลือกฉันเพราะฉันท้องไม่ได้"

ฆาเบียร์พูดด้วยสีหน้าขึงขัง ถึงคราวคนตัวเล็กไปไม่เป็นบ้าง

"บ้า ไม่ใช่เฟ้ย ผมรักคุณเพราะ...เอ่อ เพราะ..."

เจอ้ำๆ อึ้งๆ เขาอยากตอบว่าเขารักฆาเบียร์เพราะคนตัวโตรักเขา แต่เขาก็รู้ว่ามันไม่ใช่เพียงแค่นั้น



"เห็นไหม? นายก็ให้คำตอบฉันไม่ได้เหมือนกัน"

คนตัวโตยิ้มเมื่อเห็นคนรักของเขาทำหน้านิ่วคิ้วขมวด

“เดี๋ยวสิครับ ขอใช้หมองคิดนิดนึงสิ”

คนตัวเล็กโวยเบาๆ

"เลิกคิดมากได้แล้วน่า"

ฆาเบียร์หัวเราะเบาๆ และใช้ส้นมือขยี้รอยย่นที่หว่างคิ้วของคนรักให้คลายออก

"มันไม่สำคัญหรอกเจ ว่าเรารักกันได้ยังไง มันอาจจะเป็นเพราะจังหวะเวลาที่ลงตัวอย่างที่เราเคยคุยกัน ถ้าเราเจอกันในเวลาและโอกาสที่ต่างไปจากนี้ เราอาจจะไม่คลิกกันก็ได้ แต่ในเมื่อมันเกิดขึ้นแล้วและเราก็มีกันและกันแล้ว เราต้องมาถามตัวเองอีกทำไมว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าอย่างนั้นอย่างนี้ มันเสียเวลา เสียสมองเปล่า อีกอย่าง..."



ฆาเบียร์หยุดพูดกะทันหัน ดวงตาที่แพรวพรายของเขาอับแสงลงเมื่อนึกถึงสิ่งสะเทือนใจขึ้นมา

"ชีวิตคนเรามันสั้นนักนะเจ เราไม่มีทางรู้หรอกว่าอนาคตจะเป็นยังไง ฉะนั้น..."

คนตัวโตที่เกิดอารมณ์อ่อนไหวขึ้นมาหยุดพูดอีกครั้งและกลืนก้อนสะอื้นลงคอ เจรีบดึงเมียตัวโตของเขาเข้ามากอดไว้ในอ้อมอก คนรักของเขาคงนึกถึงพ่อแม่ที่จากไปขึ้นมาอีกแล้ว

"เข้าใจแล้วครับ ฆาบี้ ผมเข้าใจแล้ว ผมถามนี่ไม่ได้ต้องการอะไร ผมแค่สงสัยว่าเด็กกะโปโลอย่างผม..."

"ฉันไม่เคยมองนายเป็นแบบนั้นเลยนะ เจ ไม่เคยเลย"

ฆาเบียร์กระแทกเสียงจนแทบจะเป็นการตวาด เจยิ่งกอดคนรักของเขาแน่นขึ้นและซบหน้าลงไปบนบ่ากว้าง

"รู้ครับ รู้ ตอนนี้ผมรู้แล้ว..."

เจลูบหลังคนตัวโตเบาๆ ฆาเบียร์หายใจเข้าออกลึกๆ จนเขาเร่ิ่มคุมตัวเองได้อีกครั้ง



"ฉันอยากให้นายมั่นใจอย่างหนึ่งนะ เจนยุทธ..."

ฆาเบียร์ปาดน้ำตาและดันกายคนรักออกและจ้องลึกเข้าไปในดวงตาที่มีน้ำตาเอ่อคลอน้อยๆ เช่นกัน

"ไม่ว่าอดีตฉันจะเป็นยังไง ต่อให้เคยเสเพลหรือผ่านใครมามากขนาดไหน แต่เมื่อฉันเจอคนที่รักและอยากใช้ชีวิตด้วยแล้ว ฉันก็พร้อมที่จะหยุดอยู่แค่ตรงนี้ นายไม่ต้องกังวลหรือคิดมากไปว่าฉันจะเปลี่ยนใจเมื่อมีคนที่ดีกว่าเข้ามา เมื่อฉันรักนายแล้ว ฉันจะภักดีและซื่อตรงต่อนาย นายคนเดียวเท่านั้น..."

ฆาเบียร์สูดลมหายใจเข้าลึกๆ นี่คือสิ่งที่เขาเห็นตัวอย่างมาจากพ่อแม่ของเขา ตลอดชีวิตของคนทั้งสอง ทั้งอันเดรสและคาตาลิน่าต่างก็เคยมีคนที่มีคุณสมบัติเพียบพร้อมกว่าคู่ครองของตนเข้ามาหา ไม่ว่าจะจากที่ทำงานหรือในวงสังคม แต่ทั้งสองก็มั่นคงในตัวของกันและกันโดยไม่เคยหวั่นไหวไปกับความเย้ายวนเหล่านั้น ตัวฆาเบียร์เองเคยสาบานไว้ในใจว่าถ้าสักวันเขาได้เจอคนที่ทำให้เขารักจนหมดใจ เขาก็พร้อมที่จะมอบความภักดีของเขาให้คนๆ นั้นเช่นเดียวกับที่พ่อและแม่ของเขามอบให้กัน

"ผมเข้าใจแล้วครับ ฆาบี้"

เจจูบเปลือกตาของคนที่ทำให้เขารู้จักรัก

"ผมเองก็จะรักและภักดีกับคุณคนเดียวเท่านั้น Mi amor”

เจซบหน้าลงกับอกของคนรักของเขา ในใจของเขาไม่เหลือความเคลือบแคลงใดๆ อีก เขาเห็นด้วยกับสิ่งที่คนตัวโตผู้ผ่านโลกมามากกว่าพูด เขาจะต้องถามหาคนสมบูรณ์แบบที่ยังไม่โผล่มาให้เห็นทำไม ในเมื่อในอ้อมแขนของเขามีคนรักที่ดีพอเพียงอยู่แล้ว และในอนาคตแม้ว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาก็อาจจะเปลี่ยนไปตามกาลเวลาบ้าง แม้นิสัยหรือรูปลักษณ์ภายนอกของแต่ละคนอาจจะเปลี่ยนไปบ้าง อาจจะไม่ได้สวีทหวานกันเหมือนในตอนนี้ อาจจะเห็นข้อเสียของกันและกันมากขึ้น แต่หากพวกเขารู้จักที่จะเข้าใจและยอมรับในสิ่งที่อีกคนเป็น ความรักของพวกเขาก็จะยังคงอยู่ต่อไปได้



“ฆาบี้ครับ...”

เจซึ่งนอนอิงแอบร่างกำยำของฆาเบียร์เรียกเขาเบาๆ คนตัวโตซึ่งผลอยหลับไปครู่หนึ่งแล้วสะดุ้งตื่นขึ้นมาและถามด้วยน้ำเสียงง่วงงุน

“จ๋า? มีอะไรจ๊ะ mi alma?”

“ผมถามอะไรคุณอีกอย่างได้ไหมอ่ะ?”

คนตัวโตขมวดคิ้ว เจทำตาแป๋วและถามแบบนี้ทีไร มันมักจะมาพร้อมกับคำถามที่ทำให้เขาปวดหัวทุกครั้ง

“เอ้า ว่ามา จะถามอะไร? ฉันให้อีกคำถามเดียวนะ”

เจย่นจมูกให้เมียตัวโตของเขา

“ผมแค่จะถามว่า ถ้าคุณชนะพนันผมในวันนี้ คุณจะขออะไรจากผม?”

“เจจ๊ะ ก็ฉันแพ้พนันไปแล้ว นายจะถามฉันอีกทำไม?”

“น่า บอกผมหน่อยสิ ผมอยากรู้อ่ะ นะครับ คนดี ตอบผมหน่อย”

เจนยุทธทำเสียงอ้อนใส่เมียตัวโตของเขา ฆาเบียร์ถอนหายใจเบาๆ



“ที่ฉันตั้งใจจะขอน่ะเหรอ เจนยุทธ...”

ฆาเบียร์จูบเบาๆ ที่หน้าผากของคนรัก

“ฉันก็จะขออนุญาตนายอยู่ต่ออีกคืนน่ะสิ”

เมียตัวโตของเจพูดกลั้วหัวเราะ

“บ้า นี่คุณพูดเล่นใช่ไหม?”

คนตัวเล็กโวยออกมา หากเมื่อเขามองลึกเข้าไปในดวงตาของคนรัก เขาก็เห็นแต่ความจริงใจ

“โธ่ ฆาบี้...”

เจกอดร่างกำยำของคนรักเขาไว้แน่น ที่จริงถ้าฆาเบียร์ตั้งใจจะขออยู่ต่ออีกคืนอยู่แล้ว เขาก็ไม่จำเป็นต้องทำเป็นเตะบอลออกนอกประตูไปก็ได้ หากเจรู้ดีว่าเขาทำอย่างนั้นเพื่ออะไร แต่เขาก็ยังคงอยากได้ยินมันจากปากของคนรักอยู่ดี



“ถ้าคุณตั้งใจจะขอแบบนั้นอยู่แล้ว ทำไมคุณต้องจงใจเตะไม่เข้าด้วย?”

เจจ้องหน้าคนรักเพื่อหาความจริง

“อะไรกัน เจ ฉันไม่ได้ตั้งใจซักหน่อย ขาฉันล้าจริงๆ นายก็เห็น…”

“คุณมาร์ติเนซครับ don’t bullshit me...เอ๊ย ขอโทษครับ”

คนตัวเล็กซึ่งเผลอตัวบอกคนรักว่าอย่าตอแหลรีบตะครุบปากและขอโทษขอโพยทันที หากฆาเบียร์กลับหัวเราะลั่นออกมา

“โอเคๆ ไหนๆ นายก็ดูออกแล้ว ใช่ เจนยุทธ ฉันจงใจเตะบอลออกเอง...”

คนตัวโตยกมือขึ้นไล้แก้มคนรัก

“ตอนแรกฉันก็ว่าจะเขี่ยบอลให้เข้านั่นแหละ แต่พอหันไปเห็นหน้านายแล้ว...”

ฆาเบียร์ละคำพูดไว้ฐานที่เข้าใจ เจอุทานออกมาเบาๆ และยันกายขึ้นนอนเท้าแขนเพื่อให้มองหน้าคนรักได้ถนัด

“โธ่ ฆาบี้ครับ คุณไม่ต้องทำเพื่อผมขนาดนั้นก็ได้ คุณนี่น่ารักที่สุดเลย”

เจโน้มกายไปจุมพิตริมฝีปากบางแสนหวานที่ส่งยิ้มพรายให้เขา

“นิดๆ หน่อยๆ แค่นี้เองน่ะ ไม่ได้เสียหายอะไรซักหน่อย”

คนตัวโตพูด มันก็แค่การยอมแพ้พนันเล็กๆ น้อยๆ เพื่อให้คนรักของเขามีความสุข เจพรมจูบไปทั่วใบหน้าของฆาเบียร์ก่อนจะกอดเมียตัวโตของเขาไว้แน่น

“จะว่าไป จริงๆ แล้วคุณก็ยิงเข้าประตูไปลูกนึงนะ ฆาบี้”

เจเปรยขึ้นเบาๆ คนตัวโตทำตาวาว

“อ้าว ไหนเจบอกฉันว่ามันล้ำหน้า ไม่นับไง?”

“คุณทำตัวน่ารักแบบนี้ ผมหยวนๆ ให้ก็ได้...”

เจยิ้มหวานให้คนรักแสนใจดีของเขา

“ผมจะให้คุณขออะไรก็ได้อีกข้อนึง แต่ผมจะเป็นคนจำกัดหัวข้อเองนะ...”

ฆาเบียร์กัดริมฝีปากน้อยๆ เจพูดแบบนี้ทำให้เขาชักกลัวว่าคนตัวเล็กอาจจะมีแผนการอะไรในใจ

“ว่าไงครับ ฆาบี้ คุณจะรับข้อเสนอของผมไหม?”

“บอกฉันมาก่อนสิ เจนยุทธ ว่าหัวข้อของนายคืออะไร”

เจหัวเราะหึๆ เมื่อคนตัวโตแสดงท่าทางว่าจะไม่ยอมเสียเปรียบเขาอีก



“Tell me, Javi ...What is your deepest desire. What is your ultimate fantasy that needs to be fulfilled.”



คนตัวโตแทบหยุดหายใจ น้ำเสียงกระเส่าของเจที่กระซิบเบาๆ อยู่ข้างหูทำให้ใจของเขาเตลิดไปไกล เขามองคนที่ตัดผมสั้นจนเหมือนเด็กมัธยมที่นั่งอยู่เบื้องหน้า มันทำให้ใจเขาก็ประหวัดไปถึงสิ่งที่ติดอยู่ในใจเขามาช้านาน

“...ถ้าผมทำให้คุณได้ก่อนที่คุณจะกลับ ผมก็จะทำให้ แต่ถ้ายังทำไม่ได้ ผมก็จะทำให้คราวหน้าเมื่อผมพร้อม”

“เจจ๊ะ งั้นฉันขอ...”

คนตัวโตตอบทันควัน เจกระพริบตาปริบๆ เมื่อได้ยินสิ่งที่คนรักกระซิบบอก

“แค่เนี้ย?”

เขาถามเพื่อความแน่ใจ เขานึกว่าฆาเบียร์จะขออะไรที่มันยากหรือโลดโผนกว่านั้น

“ใช่จ้ะ แค่นั้น นายทำให้ฉันได้ไหม?”

“ได้สิครับ ไม่ได้ยากอะไรนี่ จะจัดเลยไหม?”

เจทำท่าจะลุกขึ้นหากคนรักของเขารีบฉุดมือไว้

“เดี๋ยวๆๆ ไม่ไหวมั้งเจ ฉันยังปวดเนื้อปวดตัวอยู่เลย ยังไม่ได้หรอก แล้วนี่ก็กี่โมงแล้วนะ?”

คนตัวโตหยิบมือถือของตัวเองมาดูและบอกว่าตอนนี้มันเลยตีสามมาแล้ว



“เวรเอ๊ย ลืมไปซะสนิทเลย”

ฆาเบียร์บ่นพึมพำกับตัวเองเมื่อเห็น reminder ที่เขาตั้งให้เตือนไว้ในโทรศัพท์ เขาถอนหายใจเบาๆ และลุกขึ้นนั่ง

“เจนอนไปก่อนได้เลยนะ ฉันขอไปจัดการอะไรนิดหน่อยก่อน”

เจนยุทธลุกขึ้นนั่งตาม

“มีอะไรครับ ฆาบี้?”

เขาถามอย่างกังวล มันน่าจะเกี่ยวกับเรื่องงานของฆาเบียร์

“ไม่มีอะไรจ้ะ ฉันลืมไปซะสนิทว่าฉันให้เมลิน่าส่งเอกสารประกอบการประชุมพรุ่งนี้มาให้อ่าน เดี๋ยวฉันจะไปปรินท์มาอ่านสักรอบก่อนนอนน่ะ”

คนตัวโตที่ยังชอบอ่านงานและขีดเขียนข้อสงสัยต่างๆ ลงบนกระดาษบอกเจนยุทธ หากเจลุกขึ้นเปิดไฟห้องจนสว่าง

"มะ เดี๋ยวผมจะไปช่วยคุณเตรียมเอง"

เจยื่นมือไปช่วยฉุดคนรักที่ยังมีทีท่าลุกและเดินเหินขัดๆ อยู่ขึ้นจากเตียง

“ปวดหลังปวดขามากเลยเหรอคุณ? เอายาคลายกล้ามเนื้อไหม”

เจถาม หากฆาเบียร์โบกไม้โบกมือว่าเขายังไหวและน่าจะโอเคขึ้นถ้าได้นอนพัก



“โกโก้ร้อนไหมครับ ฆาบี้?”

เจนยุทธที่ยืนทำอะไรก๊อกๆ แก๊กๆ ที่ครัวหันมาถามคนตัวโต

“ซักหน่อยก็ได้จ้ะ”

ฆาเบียร์ตอบทั้งที่ยังก้มหน้าอ่านเอกสารตรงหน้า เจชงโกโก้ร้อนใส่กระบอกโลหะขนาดย่อมให้คนรักของเขา

“ดื่มระวังๆ หน่อยนะครับ”

คนตัวเล็กพูดสั้นๆ เพราะไม่อยากรบกวนคนที่ใช้สมาธิอยู่

“เจไปนอนเลยก็ได้นะ ตีสามกว่าแล้ว ฉันอ่านอีกไม่นานหรอก”

ฆาเบียร์เงยหน้าขึ้นบอกคนรักที่นั่งเยื้องๆ เขาที่อีกฝั่งหนึ่งของเคาเตอร์ เจหาวน้อยๆ แต่ก็บอกว่าเขาจะอยู่รอ

“เผื่อคุณอยากได้อะไรครับ ทำงานไปเหอะ ไม่ต้องห่วงผม”

เจนยุทธยิ้มให้เมียตัวโตของเขาที่มองมาด้วยสายตาเป็นห่วง

“อีกอย่าง ผมชอบเวลาคุณใส่แว่นสายตาแบบนี้จัง ขอนั่งมองอีกหน่อยไม่ได้เหรอ?”

เจพูดยิ้มๆ พลางจ้องใบหน้าคมเข้มภายใต้แว่นสายตากรอบดำ คนตัวโตส่ายหัวและก้มหน้าลงอ่านเอกสารของเขาต่อ



“เจ เจจ๊ะ ตื่นได้แล้ว”

เจนยุทธซึ่งฟุบหน้าหลับอยู่กับเคาเตอร์ครัวงัวเงียตื่นขึ้นมาและพบว่าห้องครัวปิดไฟเกือบมืดหมดแล้ว

“เสร็จแล้วเหรอครับ?”

เจหาวหวอดๆ พลางขยี้ตา คนตัวโตพยักหน้าให้คนรักของเขา

“จ้ะ เข้านอนเถอะ เกือบตีห้าแล้ว”

“ห๊ะ? แล้วนี่คุณต้องตื่นอีกที ฆาบี้? ประชุมแปดโมงเช้าไม่ใช่เหรอ?”

คนตัวโตพยักหน้า

“ตื่นซักเจ็ดโมงกว่าก็ได้ ไม่เป็นไรหรอกเจ ฉันพอไหว บางช่วงที่งานยุ่งๆ ฉันก็นอนคืนละสามสี่ชั่วโมงเป็นปกติ บางทีก็โต้รุ่งแล้วไปงีบเอาช่วงบ่ายก็ยังไหว”

ฆาเบียร์พูดไปเรื่อยๆ อย่างลืมตัวพร้อมกับเปิดประตูห้องนอน

“ก็เป็นซะแบบนี้น่ะ คุณอ่ะ!”

เจโวยขึ้น

“พักผ่อนให้พอสิครับ คุณต้องรักษาสุขภาพบ้าง ทำแบบนี้ โทรมพอดี”

เจลูบโหนกแก้มสูงเด่นของคนรักด้วยความสงสาร ฆาเบียร์จับมือนุ่มไว้และแนบแก้มลงไป เจขยับกายใกล้เข้าจนอกของพวกเขาชิดกัน ฆาเบียร์แนบหน้าผากลงกับหน้าผากของเจนยุทธ



“ดูแลตัวเองบ้างนะครับ คนดีของผม ผมเป็นห่วงคุณจริงๆ เอ๊ คุณนี่ ผมซีเรียสนะ”

เจพึมพำและแว๊ดขึ้นเมื่อริมฝีปากของคนรักเริ่มซุกซน คนตัวโตหัวเราะเบาๆ และจรดจูบลงบนหน้าผากของเจนยุทธ

“ไม่เล่นแล้วก็ได้จ้ะ ป่ะ เข้านอนกันเถอะ”

ฆาเบียร์ดันหลังเจให้เดินไปยังเตียงนอน เมื่อขึ้นเตียงแล้ว แทนที่จะเป็นฝ่ายก่ายกอดหมอนข้างใบโตของเขาเหมือนทุกครั้ง เจกลับขยับกายออกห่าง

“คุณจะได้นอนหลับสนิท…”

คนตัวเล็กให้เหตุผลไปตามจริง หากฆาเบียร์กลับคว้าร่างเพรียวเข้าไปกอดเสียเอง

“ถ้าไม่ได้กอดนาย ฉันนอนไม่หลับหรอกนะ”

ฆาเบียร์พูดและหาวน้อยๆ เขาซุกหน้าลงที่ซอกคอของคนรักและผลอยหลับไปอย่างรวดเร็ว เจขยับท่าของคนตัวโตให้อยู่ในท่าถนัดและหลับตาลงบ้าง



"อ๊ะ ขอโทษจ้ะ เดี๋ยวฉันจะปิดไฟเดี๋ยวนี้แหละ"

ฆาเบียร์ขอโทษคนรักที่ตื่นมาเพราะรำคาญแสงไฟจากโคมไฟข้างเตียงที่เขาเปิดเพื่อให้ความสว่างระหว่างแต่งตัว

"เจ็ดโมงแล้วเหรอคุณ?"

เจลุกขึ้นนั่งและขยี้ตาเพราะความงัวเงีย

"จ้ะ จวนถึงเวลาแล้ว เดี๋ยวฉันประชุมไม่นานหรอก นายนอนต่อเถอะนะ"

ฆาเบียร์ดันคนตัวเล็กที่ทำท่าจะลุกขึ้นให้กลับลงนอนอีกครั้ง เจนอนยิ้มมองคนตัวโตซึ่งแต่งชุดทำงานแค่ครึ่งท่อนบน​ เขาเห็นภาพนี้บ่อยขึ้นทุกที

"เดี๋ยวมานะจ๊ะ"

คนตัวโตเดินมาจุ๊บเบาๆ ที่ริมฝีปากของคนรักก่อนที่จะเดินออกห้องไป แต่แทนที่เจจะนอนหลับต่อ เขากลับลุกเดินตามฆาเบียร์ออกไป

"เดี๋ยวผมนอนรอตรงนี้นะครับ เผื่อคุณอยากได้อะไรเพิ่ม"

เจกระซิบกับฆาเบียร์หลังจากเตรียมกาแฟและขนมขบเคี้ยวให้เขาเสร็จแล้ว ฆาเบียร์มองตามร่างของคนรักที่ไปนอนรอเขาที่โซฟาด้วยความรู้สึกขอบใจ เขาหันกลับมาสนใจที่หน้าจออีกครั้งเมื่อมีเสียงเรียกเข้า

"ไง เมลิน่า อืมม์ ฉันพร้อมแล้ว"



"เจ เจจ๊ะ"

ฆาเบียร์เขย่าเบาๆ เพื่อปลุกเจนยุทธที่นอนกรนน้อยๆ อย่างสบายอารมณ์อยู่บนโซฟา

"อือ ขอนอนต่ออีกห้านาทีได้ไหมอ่ะ?"

เจพูดงึมงำ

"ปล่อยเจนอนไปเถอะลูก ไม่ต้องกวนหรอก"

เจนยุทธรีบเด้งกายขึ้นนั่งเมื่อได้ยินเสียงของคริสที่ดังออกมาจากลำโพงโน้ตบุ้คของฆาเบียร์ซึ่งเขานำมาตั้งไว้ที่โต๊ะกาแฟหน้าโซฟา

"สวัสดีครับ อาปา"

เขาหันไปยิ้มหวานจ๋อยให้กับพ่อบุญธรรมของคนรัก คริสหัวเราะเบาๆ เมื่อเห็นผมทรงใหม่ของคนรักของลูกชาย เขาหันไปพูดอะไรบางอย่างกับฆาเบียร์เป็นภาษากวางตุ้ง คนตัวโตซึ่งลงนั่งเคียงข้างกับคนรักทำหน้าตูมใส่อาปาของเขา

"อาปาครับ ผมรู้ตัวดีน่าว่าผมอายุเยอะแล้ว ไม่ต้องแซวก็ได้"

คนตัวโตบ่นพึมพำกลับเป็นภาษาอังกฤษเมื่อโดนพ่อบุญธรรมแซวว่าผมทรงใหม่ของเจทำให้เหมือนเขาเหมือนป๋าที่ควงเด็กมัธยม เจอดไม่ได้ที่ต้องยิ้มออกมาเมื่อเห็นท่าทางเหมือนเด็กที่คนรักของเขาแสดงออกมาเมื่ออยู่ต่อหน้าพ่อบุญธรรมของเขา ไม่ว่าฆาเบียร์จะดูเอาจริงเอาจังหรือเคร่งขรึมเพียงใดเมื่ออยู่ภายนอก ต่อหน้าอาปาของเขา คนตัวโตก็ยังจะเป็นหนุ่มน้อยฆาเบียร์คนเดิมเสมอ คริสเองก็หัวเราะออกมาเมื่อเห็นท่าทางของลูกชาย เขาหันไปคุยสัพเพเหระกับเจนยุทธ ส่วนฆาเบียร์ก็เดินกลับไปที่ครัวและกลับมาพร้อมกาแฟให้คนรักของเขา เขาดื่มกาแฟของตัวเองและกินมูสลีย์กับโยเกิร์ตที่ตัวเองตักใส่ถ้วยมาพร้อมปล่อยให้เจได้คุยกับพ่อบุญธรรมของเขาเต็มที่



(ต่อคอมเมนท์ถัดไปค่ะ)


ออฟไลน์ La Vida Sin Tu Amor

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-1



---- รักของฆาเบียร์ (ต่อ) ----




"อาปาจะอยู่ฮ่องกงนานไหมครับรอบนี้?"

เจถามคริส หากผู้สูงอายุกว่าตอบว่ารอบนี้เขามาเพียงสัปดาห์เดียวเท่านั้น

"อาปามาประชุมบริษัทของพ่ออาปาด้วยน่ะ ช่วงนี้งานทางนี้ยุ่งพอสมควร แต่วิคเตอร์เขาก็จัดการอะไรให้จนเรียบร้อย อาปาเลยไม่ต้องเหนื่อยทำอะไรมาก"

คริสซึ่งนั่งตำแหน่งประธานบริษัทเพียงอย่างเดียวพูดถึงเพื่อนวัยเด็กของเขาอย่างวิคเตอร์ ลี นักธุรกิจมากประสบการณ์คนนี้นั่งตำแหน่งซีอีโอของบริษัทของครอบครัวคริสที่ฮ่องกงอันเป็นบริษัทโฮลดิ้งหรือบริษัทที่เน้นการลงทุนในบริษัทอื่นๆ มากกว่าจะมีสินค้าเป็นของตัวเอง แม้จะมีผลประกอบการดีอยู่แล้วตั้งแต่สมัยที่พ่อของคริสเป็นคนบริหารเอง หากคุณลี ซีอีโอคนเก่งคนนี้ก็ทำให้กิจการนี้ยิ่งเจริญรุ่งเรืองขึ้นไปอีก ฆาเบียร์เคยเล่าให้เจฟังว่ากิจการของคริสที่ฮ่องกงนั้นมีมูลค่าสูงกว่าบริษัทของเขาที่สหรัฐฯ มากนัก



"แล้วนี่เราจะได้เจอกันเมื่อไหร่ เจ? อาปาคิดถึงลูกนะ เราไม่ได้เจอตัวกันตั้งแต่งานแต่งของลูกวิคเตอร์แล้วใช่ไหม?"

คริสพูดถึงตอนที่เจไปฮ่องกงในช่วงปลายเดือนมกราคม

"ครับ แต่เดี๋ยวผมอาจจะมีแพลนไปฮ่องกงเดือนหน้า ใช่ไหมครับคุณ?"

เจหันไปยิ้มให้คนรักของเขาซึ่งยิ้มละไมกลับมาให้ จากที่พวกเขาคุยกันว่าถ้าช่วงไหนฆาเบียร์ไม่ว่าง เจจะเป็นฝ่ายไปหาเองนั้น พวกเขาก็ได้นัดแนะกันว่าในเดือนหน้าซึ่งคนตัวโตอาจจะยุ่งจนไม่ได้มาเชียงใหม่นั้น เจจะเป็นฝ่ายไปหาเขาเองที่ฮ่องกง

"ดีเลย ไว้ลูกบอกวันมาอีกทีนะ อาปาจะได้เคลียร์งานที่สหรัฐฯ และมาหาเรา"

"อาปาครับ ทีผมอาปายังไม่เคยอยากมาหาขนาดนี้เลย นี่ผมตกกระป๋องแล้วเหรอครับ"

ฆาเบียร์ทำท่าน้อยใจ จนเจต้องทุบเบาๆ เข้าที่ขาด้วยความหมั่นไส้ คริสหัวเราะเมื่อเห็นการหยอกล้อกันของคู่รัก พวกเขาทั้งสามคุยกันอีกครู่ใหญ่ก่อนที่คริสจะจบการสนทนา



"เห็นอาปาว่าจะเตรียมตัวไปกินข้าวเที่ยงกับลุงลี นี่มันกี่โมงแล้วอ่ะ? "

เจยกนาฬิกาที่ข้อมือของฆาเบียร์ขึ้นดู

"เห้ย สิบโมงกว่าแล้ว? นี่คุณประชุมสองชั่วโมงเลยเหรอครับ?"

"จ้ะ แต่นี่ก็ปกตินะ แค่ทำตาม routine รายงานนั่นนี่ตามปกติ แต่ถ้าเป็นเรื่องใหญ่จริงๆ ก็นู่นน่ะ เช้าถึงเย็นก็ไม่จบ"

ฆาเบียร์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ถ้าเป็นการประชุมเรื่องปัญหาที่เกิดขึ้นหรืออะไรที่เป็นด้านเทคนิคจริงๆ บางทีก็ต้องใช้เวลาแก้กันเป็นวัน ถึงในตอนนี้เขานั่งตำแหน่งบริหารและบางเรื่องเขาควรปล่อยให้เป็นหน้าที่ของฝ่ายเทคนิคหรือฝ่ายไอทีทำ แต่ในฐานะคนที่จบด้านคอมพิวเตอร์มา บางทีเขาก็อดไม่ได้ที่ต้องลงไปดูให้เห็นด้วยตาของตัวเอง

"อืมม์ๆๆ ในส่วนของวันนี้ก็หมดแล้วใช่ไหมครับ?"

คนตัวโตพยักหน้า ที่ต้องทำอีกก็คงมีเรื่องเซ็นเอกสารนั่นนี่ซึ่งสามารถยกยอดไปวันรุ่งขึ้นได้ โดยปกติแล้วถ้าเขามาเชียงใหม่และมีอะไรด่วนที่ต้องเซ็น เมลิน่าก็มักจะส่งมันมาทางเครื่องบิน แต่นั่นก็เกิดขึ้นแค่ครั้งหรือสองครั้ง



"งั้น เดี๋ยวคุณจะกลับไปนอนต่อไหม? คือ ผมมีนัดกับแม่ตอนบ่าย"

เจยกมือถือขึ้นดูเวลาอีกครั้ง เมื่อครู่ตอนที่คนตัวโตยังประชุมอยู่พี่สาวของเขาโทรมาขอให้เจช่วยดูแลแม่ในช่วงบ่าย ที่จริงแล้วเธอต้องเป็นคนพาแม่ไปหาหมอฟันในวันนี้ แต่อิ่มใจเกิดติดธุระขึ้นมาจึงสามารถแค่ไปรับแม่มาส่งที่ห้องของเจนยุทธ และเจจะเป็นคนขับรถพาแม่ของเขาไปทำฟันในช่วงบ่ายเอง

"เหรอ? แล้วแม่จะมากี่โมงล่ะ?"

"น่าจะซักบ่ายโมงครับ พี่อิ่มจะพาแม่ไปกินข้าวก่อนแล้วค่อยแวะมาหาเรา แม่น่าจะนัดหมอไว้สักบ่ายสาม ไม่มีอะไรมากครับ แค่ตรวจสุขภาพฟันตามปกติ"

"งั้นฉันของีบซักหน่อยดีกว่าจ้ะ"

คนตัวโตพูดเสียงอ่อยๆ ถึงเขาจะบอกว่าชินกับการนอนน้อยแล้ว แต่เขาก็เริ่มง่วงจนทนไม่ไหวแล้ว เจทำหน้าจ๋อย



"ขอโทษนะครับคุณ อุตส่าห์ได้อยู่ด้วยกันต่ออีกวันแล้ว ผมก็ดันมาติดนั่นนี่อีก"

"บ้าน่า เจนยุทธ ธุระที่เกี่ยวกับแม่น่ะสำคัญกว่าเรื่องฉันอยู่แล้วสิ นายน่ะต้องดูแลแม่ให้ดีนะ รู้ไหม? อย่ามามองว่าฉันสำคัญกว่าเลย"

คนตัวโตอบรมคนรัก

“ครับๆ ผมเข้าใจ ผมก็แค่กลัวคุณเสียใจ”

เจเบียดกายเข้ากับร่างกำยำและซบหน้าลงไปกับไหล่กว้าง

“แค่ได้ใช้เวลาด้วยกัน ไม่ว่าจะทำอะไร ฉันก็พอใจแล้วจ้ะ ไม่ต้องมาทุ่มเทเวลาให้ฉันหมดก็ได้ นายใช้ชีวิตตามปกติไปเถอะ”

คนตัวโตยิ้มบางๆ ให้คนรัก

“ดีซะอีก ฉันจะได้เห็นว่าปกติแล้วนายใช้ชีวิตยังไง”

เจพยักหน้าตอบรับ ฆาเบียร์บอกว่าเดี๋ยวเขาจะอาบน้ำเร็วๆ และเข้านอน เมื่อแม่ของเจมาเขาจะได้แค่ตื่นมาแต่งตัวเท่านั้น เจรับคำและลุกขึ้นเดินตามฆาเบียร์กลับเข้าห้องนอนไป



“สวัสดีครับแม่…”

ฆาเบียร์ทักทายเป็นภาษาไทยกับแม่ของเจนยุทธซึ่งนั่งคุยกับคนรักของเขาอยู่ที่โซฟา เขาลงนั่งที่เก้าอี้นวมด้านข้างและบ่นเจเบาๆ ที่ไม่ปลุกเขาทันทีที่แม่มาถึง

“ไม่เป็นไรหรอกครับ แม่บอกผมเองว่าไม่ให้ปลุกคุณ”

เจพูดและหันไปพยักเพยิดกับแม่ ฟองนวลยิ้มละไมให้คนรักของลูกชายและยืนยันตามนั้น เธอมาถึงที่ห้องของเจได้กว่าชั่วโมงแล้ว หากเมื่อรู้ว่าคนรักของลูกชายยังคงหลับใหลเนื่องจากต้องตื่นเช้ามาประชุม เธอจึงบอกเจว่าไม่ต้องไปปลุกทันที เจจึงเข้าไปเรียกฆาเบียร์เมื่อเห็นว่าใกล้เวลาหมอนัด

“ช่วงนี้งานยุ่งเหรอคะ?”

“เอ่อ ก็พอตัวครับ แต่ก็ไม่ได้ยุ่งมากนัก”

ฟองนวลถามหนุ่มละติน ฆาเบียร์อึกอัก เขาไม่อยากให้เจรู้ว่าอันที่จริงช่วงนี้เป็นช่วงที่งานของเขาค่อนข้างชุก แต่เขาอาศัยการโหมงานหนักเพื่อเคลียร์สิ่งที่ต้องทำเพื่อหาเวลามาอยู่กับสุดที่รักของเขา เจเหลือบมองคนรักด้วยสายตาคาดโทษ หากก็เลี่ยงที่จะตำหนิหรือซักไซ้เมียตัวโตของเขาต่อหน้าแม่ ฟองนวลพยักหน้ารับและสนทนาเรื่องอื่นๆ เล็กๆ น้อยๆ โดยมีลูกชายคอยช่วยแปลบางช่วงให้อีกครู่หนึ่งก่อนที่พวกเขาจะออกห้องไป



“แม่ต้องมาหาหมอฟันบ่อยเหรอเจ?”

ฆาเบียร์กระซิบถามคนรัก เจนยุทธพยักหน้า พวกเขากำลังนั่งรอแม่ทำฟันอยู่ในคลีนิคแห่งหนึ่งแถวๆ คูเมือง

“แม่เพิ่งทำฟันปลอมแบบ implant ไปซี่นึงครับเลยต้องมา follow up บ้าง แล้วก็มาขูดหินปูนบ้าง อย่างคราวนี้ก็มาเช็คตามนัดเฉยๆ ”

คนตัวโตพยักหน้ารับคำ เขามองไปรอบๆ คลินิคที่ดูใหญ่โตสวยงามแห่งนี้แล้วก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นชาวต่างชาติหลายคนนั่งรอคิวทำฟันอยู่

“ที่นี่ลูกค้าต่างชาติเยอะครับ พนักงานและหมอที่นี่พูดภาษาอังกฤษได้ดี ผมได้ยินมาว่าที่เมืองไทยเนี่ยค่าทำฟันถูกเมื่อเทียบกับเมืองนอก ไม่รู้ว่าจริงไหม”

เจบอกคนรักเมื่อเห็นท่าทีสงสัยของคนรัก ฆาเบียร์ลุกไปคุยกับพนักงานที่เคาเตอร์และกลับมาพร้อมใบราคา

“ราคาใช้ได้เลยนะ เอ็กซเรย์ฟันทั้งปากแค่ห้าร้อยเองเหรอเจ? ตรวจฟันบวกกับขูดหินปูนรวมๆ กันแล้วก็ไม่ถึงสองพัน รู้ไหมว่าคลินิคแถวๆ บ้านฉันที่พาโล อัลโต ถ้านายไม่มีประกันสุขภาพแล้วไปทำฟันน่ะ แพคเกจสำหรับตรวจ ทำความสะอาดช่องปากแล้วก็เอ็กซเรย์ อย่างต่ำก็ 150 เหรียญแล้ว นานๆ จะมีโปรโมชั่นต่ำกว่าร้อยเหรียญที”

เจนยุทธทำตาโต ฆาเบียร์บอกว่าสมัยเขาเป็นนักศึกษาถ้าอยากทำฟันราคาถูกก็ต้องไปทำกับพวกนักศึกษาด้านทันตกรรม คือไปเป็น case study ให้กับนักศึกษาเหล่านั้น

“ที่สหรัฐฯ เราถึงต้องทำประกันที่ครอบคลุมเรื่องการทำฟันไปด้วย แต่ก็ต้องดูดีๆ เพราะบางแพลนก็ไม่ครอบคลุมถึงการทำเพื่อความสวยความงามอย่างการจัดฟัน…”

เจฟังคนรักเล่าเรื่องการทำฟันในสหรัฐฯ ให้ฟังอย่างเพลิดเพลิน สิ่งหนึ่งที่เขาชอบในการพูดคุยกับฆาเบียร์คือการได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ มันทำให้เขาได้เปิดหูเปิดตามากขึ้น คนตัวโตเองก็เหมือนจะสนุกที่ได้ฟังเรื่องราวจากเขาด้วยเช่นกันซึ่งทำให้พวกเขาไม่เคยหมดเรื่องคุยกันเลย



“อย่างคลินิคนี้ถือว่าแพงแล้วเหรอจ๊ะ? “

“ครับ ที่นี่ถือเป็นคลินิคที่แพงอันดับต้นๆ ของเชียงใหม่แล้ว”

ฆาเบียร์ถามเมื่อเจบอกว่าตอนเขาหนุ่มกว่านี้ก็เคยไปถอนฟันคุดที่คณะทันตแพทย์ศาสตร์ มช. โดยเสียเงินเพียงหลักร้อย เจบอกว่าหากเป็นที่นี่ การถอนฟันซึ่งค่อนข้างยุ่งยากอย่างฟันกรามคุดก็ต้องจ่ายหลักพันต่อซี่ แต่หากต้องถึงขั้นผ่าออก เขาอาจต้องจ่าย 2,500 - 5,000 บาท หากที่คณะทันตะฯ นั้น ราคาล่าสุดที่เขาเคยถามมานั้นอยู่ที่ 1,000 - 3,500 บาท

“ที่คณะทันตะฯ คุณเลือกได้ครับว่าจะทำฟันกับอาจารย์หรือนักศึกษา ถ้าทำกับอาจารย์ก็แพงกว่าจนเกือบเท่าคลินิกเอกชนข้างนอก แต่ก็ชัวร์กว่าที่เด็กทำ ถ้าทำกับนักศึกษาก็ถูกหน่อย แต่ก็ใช้เวลานานกว่า ”

เจบอกว่าความถูกของมันก็ต้องแลกมากับการที่ต้องนอนเป็นตัวอย่างให้นักศึกษาได้ฝึกฝีมือโดยมีอาจารย์คอยกำกับ ฆาเบียร์หัวเราะแล้วบอกว่าตอนเขาไปทำฟันถูกตอนเป็นนักศึกษาก็ไม่ต่างกัน



“แต่เจรู้ไหมว่าคำว่าถูกที่ฉันพูดถึงนั่น ก็ราคาพอๆ กันหรืออาจจะแพงกว่าที่คลินิคนี้อีกนะ”

“อืมม์ แล้วที่คุณบอกว่าแพงนี่ มันแพงขนาดไหนเหรอครับ?”

“เอางี้ ที่แม่ของเจทำฟันปลอมแบบ implant ไปนี่ ราคาเท่าไหร่?”

ฆาเบียร์ถามยิ้มๆ คนตัวเล็กขมวดคิ้ว ตัวเขาเองก็จำราคาไม่ได้จึงได้ฉวยใบราคาในมือคนรักมาดู

“เอ ผมไม่แน่ใจว่าตอนนั้นแม่ใช้รากฟันเกาหลีหรือของอเมริกัน รวมตัวฟันกับรากฟันแล้วน่าจะซี่ละประมาณ หกเจ็ดหมื่นมั้ง"

คนตัวโตหัวเราะหึๆ แล้วบอกว่าคริสเองก็เคยทำฟันปลอมแบบที่ใช้รากฟันเทียมยึดฟันติดแน่นกับเหงือกแบบนี้

“หมอฟันของอาปาเป็นหมอที่มีชื่อเสียงและจองตัวยากคนหนึ่งในย่านนั้นเลยนะ เอ้า ลองทายซิว่าซี่ละเท่าไหร่?"

เจทำท่าครุ่นคิดแล้วก็ส่ายหัวว่าเขาเดาไม่ถูกจริงๆ

"6,000 จ้ะ"

เจกะพริบตาปริบๆ

"เอ่อ บะ บาทเหรอครับ?"

คนตัวโตยิ้มกริ่มออกมา

"No...US Dollar, my love."

"ห๊ะ? Bulls-...อุ๊บส์"

เจนยุทธรีบตะครุบปากตัวเองก่อนจะปล่อยอุจจาระวัวออกมาเต็มคลินิค เขาถลึงตาใส่คนที่กลั้นหัวเราะจนตัวสั่น



"ยะหยังอ้ายเปิ้นถึงไค่หัวขนาดนั้นกา?"

"ทำไมพี่เขาถึงหัวเราะขนาดนั้นเหรอจ๊ะ?"


ฟองนวลซึ่งเพิ่งออกมาจากห้องทำฟันถามเมื่อเห็นอาการของคนรักของลูกชาย เจหันไปย่นจมูกให้คนรักก่อนจะเล่าเรื่องที่เขาคุยกันให้แม่ของเขาฟัง ฟองนวลฟังแล้วก็ต้องทำท่าตกใจกับราคาของค่าทำฟันที่สหรัฐฯ ไปอีกคน

"บอกอ้ายเปิ้นน่อยว่าคราวหน้าหื้อเปิ้นมาทำฟันน่อยๆ นิดๆ อย่างขูดหินปู๋นกาว่าอุดฟันตี้บ้านเฮาดีกว่า ถูกตังค์กว่านัก บ่ต้องไปจ่ายแปงขนาดนั้น"

เจหันไปถ่ายทอดคำพูดของแม่เขาให้คนตัวโตฟัง ฆาเบียร์พยักหน้าแล้วบอกว่าเขาก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน

"ผมก็ว่าจะทำประวัติกับที่นี่ไว้ก่อน แล้วคราวหน้าที่มาก็ค่อยนัดทำฟัน อาจจะลองแค่เช็คกับทำความสะอาดช่องปากก่อน เอ่อ ขอตัวแป๊บนึงนะครับ"

คนตัวโตพูดเสร็จก็ขอตัวไปเมื่อเห็นที่เคาเตอร์รับนัดว่าง เขาลงนั่งและคุยกับพนักงานเพื่อขอทำประว้ติไว้ล่วงหน้า ไม่นานเขาก็เดินยิ้มกริ่มกลับมาหาแม่ลูกซึ่งนั่งคุยกันอยู่



"เรียบร้อยแล้ว เรากลับกันเถอะครับ"

ฆาเบียร์ยิ้มละไมให้คนรักและมารดา

"เดี๋ยวสิจ๊ะ เขายังไม่ได้เรียกแม่ไปจ่ายเงินเลย"

ฟองนวลพูดอย่างงงๆ เจนยุทธถอนหายใจเฮือกใหญ่ด้วยรู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น

"แม่ครับ ฆาบี้เขาจัดการให้เรียบร้อยแล้วครับ เราไปกันได้เลย"

เจพูดกับแม่ของเขาและหันไปถลึงตาใส่คนตัวโตซึ่งยืนยิ้มแป้นอยู่เบื้องหน้า ฟองนวลขมวดคิ้วและพยายามจะขอดูบิลเพื่อจ่ายเงินคืน แต่คนรักของเจบ่ายเบี่ยงและบอกว่าเขายินดีที่จะจัดการให้

"เจเขาจ่ายนั่นนี่ให้ผมเยอะแล้วครับ ผมจะจ่ายบ้างเขาก็ไม่ยอม ผมขอจ่ายให้แม่แทนแล้วกันนะครับ"

ฟองนวลหันไปมองหน้าลูกชายของเธออย่างจนใจ เจโคลงหัวและบอกแม่ของเขาว่าให้ปล่อยฆาเบียร์ทำไปตามใจเพราะไม่อย่างนั้นก็คงเถียงกันไม่จบไม่สิ้นสักที



"คุณนี่มันแสบจริงๆ นะ"

เจอดไม่ได้ต้องชักศอกใส่สีข้างคนที่เดินยิ้มหน้าบานออกร้านหมอฟันไป

"ก็นายไม่ยอมให้ฉันใช้เงินเลย นี่เงินไทยฉันจะบูดคากระเป๋าอยู่แล้วนะ"

คนตัวโตหันมาทำหน้านิ่วพร้อมลูบสีข้างที่โดนถองเบาๆ

"ไม่ให้ใช้อะไรกัน เมื่อวานเย็นผมก็ให้คุณจ่ายค่าอาหารส่วนของตัวเองไปแล้วไง"

เจนยุทธพูดถึงมื้อที่พวกเขาไปกินกันกับเพื่อนๆ

"โธ่ เจ ค่าอาหารบวกกับพวกมิกเซอร์กับเบียร์ หารออกมาคนละสองร้อยนิดๆ ถูกจะตายอยู่แล้ว

เจโคลงหัวและบ่นพึมพำเบาๆ เป็นภาษาไทย เขาหยุดพูดแล้วพาแม่ของเขาและฆาเบียร์ขึ้นรถก่อนจะขับรถออกจากร้านหมอฟัน



"เดียวแม่จะไปกาดหลวงกาคับ?"

"เดี๋ยวแม่จะไปกาดหลวงเหรอครับ?"


เจหันไปถามแม่ของเขา ฟองนวลพยักหน้าแล้วบอกว่าเธออยากเข้าไปซื้อของเล็กๆ น้อยๆ และแวะคุยกับเพื่อนๆ เจขับรถพาแม่ของเขามาจนถึงทางเข้าตลาด เขาจอดรถและหันไปบอกคนรักของเขา

"เดี๋ยวคุณลงที่นี่กับแม่ก่อนนะ ผมจะวนไปหาที่จอดรถ เจอกันข้างในครับ"

คนตัวโตพยักหน้ารับคำ เขาเปิดประตูให้และช่วยพาฟองนวลลงจากรถก่อนที่เจจะขับรถออกไปเพื่อหาที่จอด

"แม่จะไปซื้อของก่อนหรือไปหาเพื่อนก่อนครับ ผมจะได้ไลน์บอกเจไว้ก่อน"

ฆาเบียร์ถามแม่ของคนรัก แม้เขาจะคุยกับฟองนวลเป็นภาษาอังกฤษ แต่ทุกครั้งที่นึกได้เขาก็จะใช้คำว่า "แม่" ในภาษาไทยแทนตัวมารดาของคนรัก ฟองนวลยิ้มให้คนรักของลูกชายและบอกว่าเธอจะไปคุยกับเพื่อนๆ ก่อนเพื่อรอเจ ฆาเบียร์รับคำและพาฟองนวลเดินเข้าในตลาด เขาส่งแขนให้ฟองนวลเกาะและช่วยประคองเมื่อพวกเขาเดินขึ้นชั้นสองของตลาด แม้ฟองนวลจะบอกด้วยความเกรงใจว่าเธอยังไหวแต่ฆาเบียร์ก็ยืนยันว่าเขาเต็มใจช่วย



"เจ๊ฟอง วันนี้มาแอ่วกาดกา? แล้วนั่นฝรั่งตี้ไหนฮั่น?"

"เจ๊ฟอง วันนี้มาเที่ยวตลาดเหรอ? แล้วนั่นฝรั่งที่ไหนกัน?"


ฟองนวลหันไปยิ้มกว้างให้เพื่อนแม่ค้าที่เคยอยู่ร้านข้างๆ กัน แต่ก่อนที่เธอจะทันตอบอะไรก็มีเสียงอีกคนสอดเข้ามา

"ก่อผัวไอ่เจมันน่ะก่ะ จ๋ำบ่ได้กา? ตี้เปิ้นบอกตั๋วจะใดว่าวันนั้นมาจูบมาหอมกั๋นก๋างกาด"

"ก็ผัวไอ้เจมันน่ะสิ จำไม่ได้เหรอ? ที่ฉันบอกเธอยังไงว่าวันนั้นมาจูบมาหอมกันกลางตลาด"


ฟองนวลหุบยิ้มและหันไปมองแม่ค้าคนที่เธอไม่เคยชอบสุงสิงด้วยคนนั้น ฆาเบียร์ซึ่งคอยสังเกตท่าทางแม่ของเจอยู่ก็รับรู้ได้ถึงความไม่พอใจนั้น เขาพอจับบางคำที่คุ้นหูได้อย่างเช่นคำว่า "ฝรั่ง" "ผัว" "กาด" และคำว่า "จูบ" ซึ่งเจเคยสอนเขาว่ามันแปลว่า kiss เขายังได้ยินชื่อเจในบทสนทนานั้นและพอจะเดาทิศทางของมันได้

"แม่ครับ ผมว่าเราไปรอเจที่ร้านอาลั้งก่อนดีกว่าครับ"

ฆาเบียร์พูดกับแม่ของคนรักเบาๆ เพื่อเป็นการตัดบท ฟองนวลพยักหน้าและบอกลาสองคนนั้นเร็วๆ ก่อนจะพากันเดินไปที่ร้านญาติของสามีเธอ



"อ้าว มาถึงแล้วเหรอเจ?"

ฆาเบียร์ทักทายคนรักของเขาที่นั่งเคี้ยวขนมที่ญาติเอามาให้กินอย่างเอร็ดอร่อย

"มาได้แป๊บนึงแล้วครับ ว่าแต่คุณเถอะ บอกจะมารอผมที่นี่ ทำไมถึงมาช้านัก พาแม่ผมไปเถลไถลที่ไหนมา?"

เจยิ้มแป้นให้แม่และคนรัก เขาหันไปถามแม่เขาอีกครั้งเป็นคำเมือง ฟองนวลหัวเราะเบาๆ และยกยาย้อมผมที่เธอใส่ไว้ในถุงผ้าให้เจนยุทธดู

"แม่ไปซื้อยาย้อมผมมา แล้วก่อรวดแวะคุยกับคนนั้นคนนี้โตย"

เจทำหน้าบูดเมื่อแม่ของเขาพูดชื่อป้าขาเม้าคนหนึ่งในตลาดออกมา เขารีบหันไปกระซิบถามอะไรบางอย่างกับฆาเบียร์ถึงเรื่องคนที่แซวเขาทุกครั้งที่เจอจนเขาเอียน หากฆาเบียร์กลับหัวเราะออกมาเบาๆ และปฏิเสธสิ่งที่เจถาม

                                                             

"เจจ๊ะ ป้าๆ เขาคุยกับแม่เป็นภาษาไทย ฉันจะไปฟังออกได้ยังไง? ก็คงแค่คุยเรื่องสัพเพเหระกันธรรมดานี่แหละ ใช่ไหมครับ แม่?”

คนตัวโตพูดช้าๆ และพูดดังพอให้ฟองนวลได้เข้าใจ ฟองนวลลอบผงกหัวน้อยๆ ให้คนรักของลูกชายเป็นเชิงขอบใจ เธอรู้จากท่าทางที่หนุ่มละตินแสดงออกเมื่อสักครู่ว่าเขาคงจะพอเข้าใจเลาๆ ในสิ่งที่เพื่อนในตลาดของเธอพูด หากฆาเบียร์เลี่ยงที่จะบอกเจเพราะรู้ว่าลูกชายของเธอคงจะต้องเสียอารมณ์เมื่อรู้ว่าถูกนินทา

"ใช่จ้ะ ก็คุยทักทายกันทั่วไป แม่ไม่ได้คุยนานเพราะจะมาหาอาลั้งนี่แหละ"

ฟองนวลตอบลูกชายของเธอด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม เธอใช้ภาษาอังกฤษเพื่อให้คนตัวโตได้เข้าใจด้วย เจหันไปมองคนนั้นทีคนนี้ทีแล้วก็ยักไหล่ เขารู้สึกได้ว่าต้องมีอะไร แต่ในเมื่อคนทั้งสองไม่ยอมพูด เขาก็จะปล่อยมันผ่านไป



"อ้าว เฮ้ย ไอ้ฆาบี้ กูนึกว่ามึงกลับวันนี้ซะอีก"

ฆาเบียร์หันไปยิ้มกว้างให้ต้นเสียงสดใสที่ทักเขาเสียดัง

"ไงวะ นพ อ้าว วัฒน์ สวัสดีครับ"

เขายกมือทักทายอดีตรูมเมทและแฟนซึ่งเดินรี่เข้ามาหาพวกเขาซึ่งยืนรอซื้อหมูทอดเจ้าดังอยู่กลางตลาดหลังจากที่ฟองนวลได้แวะทักทายพูดคุยกับญาติๆ จนพอใจแล้ว

"กูอยู่ต่ออีกวันนึงน่ะ กลับพรุ่งนี้ ว่าแต่มึงเถอะ ไหนเห็นวันนั้นบ่นนักหนาว่าแฟนไม่ว่างมาหา นี่ก็มาแล้วไง?"

เขากระซิบแซวเพื่อนรักซึ่งได้แต่หัวเราะเขินๆ

"แกมาเซอร์ไพรส์น่ะ อยู่ๆ ก็โทรให้กูไปรับที่สถานีรถไฟ จะไปจะมาไม่มีแพลนก่อน น่าเบื่อจริงๆ เลย"

นพหันไปบ่นใส่คนรักตามประสาคนปากร้าย แต่ฆาเบียร์หัวเราะหึๆ เพราะรู้ว่าในใจของเพื่อนคงสุดแสนจะดีใจที่คนรักมาหาเป็นแน่แท้ ส่วนด็อกเตอร์หนุ่มก็ได้แต่ยิ้มเพราะรู้จักและเข้าใจนิสัยของคนรักของตนดีเช่นกัน



“สวัสดีครับ น้าฟอง”

นพรีบยกมือไหว้แม่ของเพื่อนรุ่นน้องทันทีที่หันไปเจอ เขาทักทายกับฟองนวลซึ่งรู้จักกับครอบครัวของเขาเป็นอย่างดี แม่ของเจถามไถ่สารทุกข์สุขดิบของญาติๆ ของนพที่เธอรู้จักจนพอใจแล้วจึงปล่อยให้พวกเด็กๆ คุยกันไป

“เจ เดี๋ยวมึง เอ๊ย เราว่างไหม? พี่ว่าจะชวนไปกินข้าวสักหน่อย ชวนน้าฟองไปด้วยนะ”

เจอมยิ้มเมื่อได้ยินนพพูดจาสุภาพกับเขา ปกติแล้วเพื่อนรุ่นพี่ของเขาคนนี้เป็นคนโผงผางพูดขึ้นมึงกูกับเขาประจำ หากนพจะพยายามทำตัวเรียบร้อยทุกครั้งยามอยู่ต่อหน้าแม่ของเจ

“ผมต้องถามแม่ก่อนว่าแม่จะไปไหนหรือเปล่าอ่ะครับ พี่นพอยากกินไหนอ่ะ?”

“นั่นสิ กำลังชั่งใจอยู่ระหว่างอาหารเสฉวนหรืออาหารใต้ วันนี้ฟีลอยากกินอะไรเผ็ดๆ น่ะ"


เจนยุทธทำท่าครุ่นคิดเพราะเขาไม่แน่ใจว่าแม่ของเขาจะกินอะไรได้

"บ่ต้องห่วงแม่เน่อ เดียวสั่งคัวจืดๆ หื้อแม่ซักสองสามอย่างก่อปอ แต่อ้ายฆาเบียร์เต๊อะ เปิ้นจะกิ๋นอะหยังได้พ่อง"

"ไม่ต้องห่วงแม่นะ เดี๋ยวสั่งของจืดๆ ให้แม่สักสองสามอย่างก็พอ แต่พี่ฆาเบียร์เขาเถอะ จะกินอะไรได้บ้าง?"

ฟองนวลบอกเมื่อลูกชายของเขาถามว่าแม่ของเขาจะกินอะไรได้บ้าง เจหันไปถามคนตัวโตของเขาเบาๆ

"ฉันน่ะ ไม่มีปัญหาหรอกเจ แต่นายเองเถอะ กินเผ็ดเนี่ย จะไหวเหรอ?"

เจนยุทธทำหน้างงเมื่อคนรักทำกระซิบกระซาบ

"กินได้สิคุณ ผมชอบกินเผ็ด คุณก็รู้"

ฆาเบียร์ยกยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์และกระซิบเบาๆ ที่หูของคนรักเป็นภาษาสเปน

"Pero esta noche te me prometes..."

"แต่คืนนี้ นายสัญญากับฉันไว้นะ..."


เจหน้าแดงซ่านทันทีเมื่อเข้าใจความหมายแฝงของคนตัวโต เขาใช้ไหล่ดันๆ คนรักที่พยายามจะโอบเขากลางตลาดให้ออกไปห่างๆ แล้วไปเบียดกายข้างแม่แทน ฆาเบียร์หัวเราะเบาๆ แต่ก็ไม่ได้ทำรุ่มร่ามกับคนรักอีก เจหันไปปรึกษากับแม่และนพต่ออีกเรื่องมื้อเย็นระหว่างที่พวกเขาเดินไปตามทางเดินในตลาด จนสุดท้ายก็ได้ข้อสรุป

                                 

"งั้น เดี๋ยวผมจะไปเจอพี่นพที่โรงแรมแชงกรีล่าเลยนะครับ"

นพพยักหน้ารับคำ เขาบอกว่าเมื่อสักครู่เขาได้โทรจองโต๊ะที่ The China Kitchen ซึ่งเป็นร้านอาหารจีนสไตล์เสฉวนในโรงแรมแชงกรีล่าไว้แล้ว

"กูจองเป็ดปักกิ่งไว้ด้วย ตัวนึงน่าจะพอกินอยู่นะ"

อดีตรูมเมทของฆาเบียร์หันไปพูดกับคนตัวโตเบาๆ ฆาเบียร์พยักหน้าและบอกว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ตัวเขาเองนั้นไม่ได้คิดอยากจะกินอะไรมากอยู่แล้ว

"หูย มีเป็ดปักกิ่งด้วยเหรอพี่นพ? ผมจำได้ว่าของที่นี่อร่อย"

เจทำท่าดี๊ด๊าเมื่อรู้ว่ามีของโปรด

"งั้น ฆาบี้ครับ มีอะไรที่อยากได้ในตลาดอีกไหม? ถ้าไม่มีเราไปเลยไหม?"

ฆาเบียร์โคลงหัวเมื่อเจ้าตัวยุ่งของเขาทำท่าจะเร่งเขายิกๆ ฟองนวลเองก็อดยิ้มไม่ได้เมื่อเห็นท่าทางของลูกชาย

"จ้ะๆ ไม่มีอะไรต้องซื้อแล้ว นายซื้อของที่จะฝากฉันกลับไปฮ่องกงเรียบร้อยแล้วใช่ไหม?"

เจพยักหน้า เขาซื้อผ้าซิ่นลายสวยแบบที่ยังไม่ได้เย็บให้เมลิน่าผืนหนึ่ง เขารู้ว่าเธอจะนำมันไปประยุกต์ตัดเป็นกระโปรงหรืออย่างอื่นทีหลัง นอกจากนั้นยังมีพวกขนมขบเคี้ยวจากเชียงใหม่ที่ฆาเบียร์ต้องหอบหิ้วกลับไปให้ทีมเลขาฯ และประชาสัมพันธ์ของเขาอีกด้วย

"ซื้อครบหมดแล้วครับ งั้นเดี๋ยวคุณไปรอผมตรงที่ลงรถเมื่อกี้นะ ผมจะไปวนรถมารับ"

เจบอกคนรักและแม่ของเขาก่อนที่จะแยกตัวไปยังลานจอดรถเพื่อกลับมารับคนที่เขารักทั้งสอง




----------------------------------------



หายไปหลายวัน กลับมาแล้วค่ะ ตอนนี้ก็ยังเรื่อยๆ เหมือนเดิม แต่ก็อยากจะพูดถึงความสัมพันธ์ของสองหนุ่มนี้ โดยส่วนตัวคิดว่าความรักของคนเรามีหลากหลายแบบ ทุกแบบก็ถูกต้องในตัวของมันเอง ไม่มีแบบใดที่ดีหรือมีค่าไปกว่าแบบอื่น บางคนมีเหตุผลได้เป็นร้อยพันข้อว่าทำไมถึงรักคนๆ นี้ บางคนก็อาจต้องการเหตุผลเพียงแค่ข้อเดียว แต่บางครั้งเราก็ให้เหตุผลไม่ได้ว่าทำไมถึงรักแบบเดียวกับที่ฆาเบียร์บอกไม่ได้ว่าทำไมเขาถึงเลือกเจค่ะ อาจจะเป็นคำตอบที่ไม่โดนใจทุกคน ไงก็ต้องขออภัยด้วยนะคะ สำหรับตัวคนเขียนแล้ว ความรักแบบที่ไม่คาดหวังและยอมรับในสิ่งที่อีกฝ่ายเป็นนั้นเป็นสิ่งที่อยู่ในอุดมคติมากค่ะ เพราะตัวคนเขียนเป็น control freak ชอบเห็นอีกฝ่ายทำอะไรได้ดั่งใจตัวเองค่ะ ฮ่าๆๆ


มาถึงเรื่องสาระน่ารู้ เรื่องค่าทำฟันเมืองนอกราคามหาโหดนั้นเป็นอันรู้กันอยู่แล้วเนาะ เคยรู้มาว่าค่าทำฟันของไทยต่อให้เป็นร้านดีๆ แพงๆ ก็ราคาเท่ากับราคานักศึกษาทันตแพทย์ที่เมืองนอก แต่พอไปหาอ่านจริงจัง ได้เห็นราคาจริงๆ แล้วถึงขั้นขนลุก บางอย่างว่ากันเป็นล้านเลยค่ะ ถึงได้เคยเห็นบางคลินิกที่กรุงเทพฯ มีแพคเกจทำฟันหลักแสนซึ่งรวมค่าที่พักให้ด้วย ขนาดนั้นยังถูกกว่าทำที่เมืองนอกค่ะ

ตัวอย่างค่าทำฟันในสหรัฐฯ http://bit.ly/2LQmscn

นี่ก็อ่านเพลินค่ะ เน้นเรื่องการทำฟันปลอมแบบ implant แพงสุดที่เขาให้ราคามาคือซี่ละ 9,000 เหรียญ -_-“ http://bit.ly/2BX03pm

ส่วนราคาไทยในเรื่อง คนเขียนอ้างอิงจากสองแหล่งค่ะ

ที่แรกคือ คลินิกทันตกรรมพิเศษของคณะทันตแพทย์ศาสตร์ มช. นี่คือราคาอาจารย์หมอค่ะ ราคานักศึกษาจะยิ่งถูกลงไปกว่านี้ http://bit.ly/2F7HUch

อีกที่หนึ่งคือ Dental World คลินิกที่คนเขียนไปใช้บริการอยู่ค่ะ http://bit.ly/2LNBv6A

ก็เอาเป็นว่ารักษาสุขภาพฟันกันให้ดีนะคะ เพราะไม่ว่าราคาไทยหรือเมืองนอก ถ้าฟันเสียหนักจนถึงขั้นต้องรักษารากฟันหรือทำฟันปลอมแล้วก็หนักหนาสาหัสทั้งนั้น นอกจากจะแพงแล้วยังเจ็บด้วย :-(

ว่างๆ ก็แวะมาคุยกันได้ที่

เพจค่ะ  https://www.facebook.com/LaVidaSinTuAmor/

ทวิตเตอร์ค่ะ (ไม่ค่อยคุยอะไรมาก เน้นชมบ่าวค่ะ) https://twitter.com/VidaSinTuAmorTH

สุดท้ายนี้ก็ต้องของสวัสดีปีใหม่คนอ่านทุกท่านนะคะ ขอให้ประสบแต่ความสำเร็จและความสุขตลอดปีนี้นะคะ คนเขียนก็จะพยายามเขียนเรื่องนี้ให้จบภายในปีนี้ค่ะ ลากยาวมาปีครึ่งแล้ว เกรงใจคนอ่านมากเลย :-)







ออฟไลน์ La Vida Sin Tu Amor

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-1



---- Hot! Hot! Hot! ----






"พี่นพ น่ากินทุกอย่างเลย ผมเลือกไม่ถูกเลยอ่ะ"

เจพลิกๆ เมนูตรงหน้าดูด้วยสีหน้าจนปัญญา เขาหันไปถามฆาเบียร์กับแม่แต่ก็ไม่ได้คำตอบใดกลับมา ทุกคนล้วนบอกว่าให้เขาเป็นคนตัดสินใจ

"นั่นสิ นั่นก็ดูดี นี่ก็อยากกิน นี่เราเคยมากินที่นี่ด้วยกันหรือยังนะ?"

เพื่อนรุ่นพี่ของเจขมวดคิ้วพร้อมกับถามเจนยุทธ แม้ห้องอาหาร China Kitchen ในโรงแรมแชงกรีล่าซึ่งตั้งอยู่บนถนนช้างคลานแห่งนี้จะเปิดให้บริการมาราวสามปีแล้ว แต่เขาแทบไม่เคยได้มาที่นี่กับเพื่อนรุ่นน้องคนนี้เลย

"เคยมาสิพี่นพ แต่เรามากินบุฟเฟต์ติ่มซำน่ะ ไม่ใช่มากินอาหารแบบ a la carte"

เจตอบทั้งที่ยังไม่เงยหน้าขึ้นจากเมนู นพพยักหน้ารับคำและหันไปเล่าให้ฆาเบียร์ฟังว่าในตอนแรกเขากับเจมาลองกินติ่มซำบุฟเฟต์ที่นี่แต่ก็ไม่ได้ประทับใจอะไรมากนัก หากภายหลังพวกเขาจึงนึกได้ว่าอันที่จริงร้านนี้เป็นร้านอาหารเสฉวนจึงไม่ได้เด่นเรื่องติ่มซำมากนัก

"กูก็เลยลองกลับมากินเองอีกที ลองสั่งแบบอาลาคาร์ท ปรากฎว่าติดใจเลยว่ะ ในเชียงใหม่มันหากินอาหารเสฉวนแบบนี้ได้ยาก มีแค่สองสามร้านเองมั้ง แต่ที่นี่นั่งสบายสุด"

นพเล่าให้อดีตรูมเมทของเขาฟังก่อนจะเรียกพนักงานมาสั่งอาหาร



“พี่นพๆ ผมขอนี่ นี่แล้วก็นี่ด้วย”

เจชี้ๆ อาหารในเมนูให้นพดู เพื่อนรุ่นพี่ของเขาพยักหน้าและสั่งไปตามนั้น

"เจจ๊ะ อย่าเอามาเยอะนักนะ มีอาหารที่ทำจากเนื้อเป็ดปักกิ่งด้วยไม่ใช่เหรอ?"

ฆาเบียร์เตือนคนรักเบาๆ เขาจำได้ว่าเป็ดปักกิ่งของไทยนั้นจะแล่มาแค่หนังโดยที่เอาเนื้อแยกไปทำอาหารชนิดอื่น เมื่อสั่งเป็ดปักกิ่งจึงเหมือนกับสั่งอาหารสองหรือสามอย่างเลยทีเดียว เจหันไปพยักหน้าให้คนรัก

"ครับ ที่นี่เอาไปทำอาหารได้สองอย่างมั้ง พี่นพสั่งเป็นข้าวผัดเป็ดกับ เอ่อ เป็ดทอดกระเทียมใช่ไหมพี่นพ?"

เจหันไปถามพี่ชายคนสนิทของเขา นพพยักหน้า

"เจ ของน้าฟองนี่เอาเป็นติ่มซำมาให้ด้วยดีไหม? จะได้มีอะไรที่ไม่เผ็ดบ้าง"

นพส่งเมนูติ่มซำให้เจนยุทธเลือก

"เอ๊ะ มื้อเย็นที่นี่ก็มีติ่มซำเหรอพี่นพ?"

เจรับเมนูมาอย่างงงๆ คราวที่แล้วที่เขามากินติ่มซำบุฟเฟต์กับนพนั้น พวกเขามาตอนมื้อกลางวัน และในเชียงใหม่ หายากนักที่จะมีร้านอาหารจีนที่เสิร์ฟติ่มซำในมื้อเย็น

"ใช่ ที่ชอบอย่างหนึ่งของที่นี่เพราะเราสั่งติ่มซำได้ทั้งมื้อกลางวันแล้วก็มื้อเย็น ถึงจะไม่ได้อร่อยทุกอย่าง แต่ฮะเก๋าของที่นี่ก็ดีนะ แล้วก็ไอ้นั่นด้วย ที่มึงชอบกินน่ะเจ..."

นพพูดยิ้มๆ แล้วชี้ของอย่างหนึ่งให้เจดู คนตัวเล็กทำตาโต

"เอาๆๆ เอามาสองที่เลยพี่นพ มันมาแค่จานละสี่ชิ้นเองใช่ป่ะ"

เจพูดอย่างกะตือรือร้น มันเป็นอาหารที่เขาเคยกินที่นี่เป็นที่แรก นพหัวเราะเบาๆ และหันไปสั่งติ่มซำอีกสองสามอย่าง



"งั้นแค่นี้ก็น่าจะพอแล้วมั้ง ติ่มซำ เป็ดปักกิ่ง ของกินเล่นสามอย่าง กับข้าวสองอย่าง ผัดผักสองอย่าง ข้าวผัดเป็ดแล้วก็เป็ดกระเทียม อ้อ มีพวกต้มๆ ด้วยอีกอย่างหนึ่ง มึงจะเอาอะไรเพิ่มไหม ฆาบี้?"

นพหันไปถามเพื่อนของเขาซึ่งส่ายหัวกลับมาพร้อมกับบ่นเบาๆ ว่านี่ก็เยอะมากเกินไปแล้ว วัฒน์เองก็ท้วงคนรักของเขาว่ามันอาจเยอะเกินไป หากนพก็ทำหูทวนลม ส่วนเจเองซึ่งหันไปถามแม่ว่าอยากได้อะไรเพิ่มไหมก็ได้รับเสียงบ่นกลับมาเช่นกัน เขาเองก็ได้แต่หัวเราะแหะๆ และทำหน้าเป็นให้แม่จนฟองนวลส่ายหัว

"เดียวปี้อิ่มจะโตยมากิ๋นโตยคับแม่ กับข้าวเต้าอี้บ่นักไปหรอกคับ"

"เดี๋ยวพี่อิ่มจะตามมากินด้วยครับแม่ กับข้าวแค่นี้ไม่เยอะไปหรอกครับ"


เจบอกแม่ของเขา

"อ้าว เดี๋ยวน้องอิ่มตามมาเหรอวะ? งั้นสั่งอะไรเพิ่มอีกไหม?"

นพถามทันทีที่ได้ยิน เจรีบยกมือห้ามไว้ทันที ถึึงจะมีคนเพิ่มมาอีกหนึ่งคน แต่อิ่มใจก็ไม่ได้กินเยอะอะไรนัก

"เมื่อกี้ผมส่งรูปผมกับพี่นพที่กาดไปให้พี่อิ่มแล้วบอกว่าจะมากินข้าวด้วยกัน เจ๊แกรีบไลน์บอกมาเลยว่าจะตามมากินด้วย"

เขาหันไปเล่าให้คนรักฟังเบาๆ เมื่อนพหันไปสนใจกับสิ่งอื่น ฆาเบียร์อดยิ้มออกมาไม่ได้เมื่อนึกถึงพี่สาวของเจที่แอบปลื้มอดีตรูมเมทของเขามาตั้งแต่สมัยเรียน



"จำไว้นะ ฆาบี้ อย่าเผลอไปทำท่าเลิฟๆ กับพี่นพเข้าล่ะ ขืนเจ๊แกรู้ว่าพวกคุณเป็นแฟนเก่ากันล่ะเดี๋ยวจะมาหาเรื่องจับคู่ให้อีก"

เจนยุทธซ่อนยิ้มและพยายามทำหน้าขึงขังเมื่อเขากระซิบขู่เบาๆ ที่ข้างหูของเมียตัวโตของเขา

"บ้าน่า เจ..."

ฆาเบียร์หลุดอุทานเสียงดังออกมาและรีบลดเสียงลงจนกลายเป็นกระซิบเมื่อผู้ร่วมโต๊ะคนอื่นรวมถึงคนที่ถูกเจอ้างชื่อถึงหันมามอง

"แฟนเฟินอะไรกัน ฉันไม่เคยได้ เอ่อ..."

คนตัวโตพูดไม่ออก เขาพูดไม่ได้เต็มปากว่าไม่เคยคิดอะไรหรือไม่ได้มีอะไรกับอดีตรูมเมทของเขา แต่ก็ใช่ว่าพวกเขาจะเคยคบหากันในฐานะแฟน เจอดขำออกมาไม่ได้เมื่อเห็นท่าทีลนลานและใบหน้าที่แดงซ่านของคนรัก เขากุมมือฆาเบียร์และยกขึ้นมาจูบเบาๆ

"คร้าบๆ เข้าใจครับเมีย ผมก็แค่ล้อคุณเล่นน่า แต่ก็เอาเป็นว่าระวังหน่อยแล้วกัน อิเจ๊ของผมน่ะหูไวตาไว โอเคนะ?"

เมียตัวโตของเจส่ายหัวดิกเมื่อเห็นรอยยิ้มใสซื่อที่เจส่งมา หากแววตาของเจ้าตัวเล็กของเขามันวิบวับและฉายแววสนุกที่ได้ล้อเขาเล่น



"โอ๊ยๆๆ หยิกแก้มอีกแล้ว แก้มคนนะ ไม่ใช่แก้มหมาน้อย"

เจร้องลั่นเมื่อโดนคนตัวโตดึงแก้มป่องๆ ของเขาด้วยความหมั่นไส้ในความทะเล้นของเขา

"ไม่ใช่แก้มตุ๊กตาแล้วเหรอเจ?"

ฆาเบียร์ถามกลั้วหัวเราะ เขาอดขำไม่ได้กับคำเปรียบเปรยใหม่ของคนรัก เจบ่นพึมพำและลูบแก้มตัวเองเบาๆ พร้อมกับทำหน้ามุ่ยใส่เมียตัวโตของเขา เขาหันไปฟ้องแม่เบาๆ แต่ฟองนวลก็ได้แต่ยิ้มบางๆ ให้ลูกชายและคนรักของเขา

"สมน้ำหน้า ไอ้เจ ไปแกล้งอะไรไอ้ฆาบี้มันอีกล่ะ มึงน่ะ"

เจหันไปแยกเขี้ยวให้เพื่อนรุ่นพี่ซึ่งในตอนนี้พูดกับเขาเป็นภาษาอังกฤษด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ยเล็กๆ เขารู้ดีว่าตาลุงร่างอวบคนนี้เลี่ยงพูดภาษาไทยกับเขาต่อหน้าแม่เนื่องจากไม่อยากใช้ภาษาสุภาพมากนัก

"ใช่ นพ เพื่อนมึงนี่นิสัยไม่น่ารักเลย ชอบแกล้งกูตลอด"

ฆาเบียร์รีบพูดมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง เจทำตาปริบๆ หันไปมองคนตัวโตที่กลายเป็นคนช่างฟ้องไปเสียได้ แต่ก่อนที่เขาจะทันได้ตอบโต้อะไร เขาก็ถูกบรรดาอาหารที่พนักงานเสิร์ฟทยอยนำมาวางลงบนโต๊ะดึงดูดความสนใจไป นพเองก็เลิกแซวเพื่อนรุ่นน้องและหันมาสนใจกับบรรดาอาหารสีสันจัดจ้านเหล่านี่



"เจจ๊ะ นี่คือเนื้ออะไรเหรอ?"

ฆาเบียร์ถามถึงอาหารจานเนื้อที่วางอยู่ตรงหน้า มันเป็นอาหารเรียกน้ำย่อยหนึ่งในสามจานที่เจสั่งไป เขารู้จักแมงกะพรุนยำน้ำมันงาและไก่ราดซอสเสฉวนหรือที่ร้านอาหารจีนในสหรัฐฯ เรียกว่า "Saliva chicken" หรือ "ไก่(เรียก)น้ำลาย" ที่แปลมาตรงตามตัวอักษรจีนแล้ว หากเขาไม่แน่ใจว่าเนื้อแผ่นบางๆ ที่คลุกพริกมาจนสีออกแดงนั้นคืออะไร

"อ๋อ มันคือลิ้นวัวยำสไตล์เสฉวนครับ อร่อยนะคุณ รสจะออกเผ็ดเปรี้ยว ตัวลิ้นวัวเขาก็ทำดี นิ่มและไม่มีกลิ่นเลย"

เจคีบลิ้นวัวใส่จานให้คนรัก คีบแมงกะพรุนซอสเอ๊กซ์โอและไก่ต้มซึ่งราดซอสพริกใส่จานให้แม่ จากนั้นคีบไก่อีกชิ้นใส่ปากเคี้ยวตุ้ยๆ คนตัวโตคีบลิ้นวัวในจานเข้าปากแล้วก็ต้องทำตาโต

"อืมม์ ลิ้นวัวนี่อร่อยอย่างที่เจว่าจริงๆ กินกับแตงกวาก็ยิ่งอร่อย"

ฆาเบียร์ชมเปาะและคีบอีกชิ้นเข้าปาก รสชาติเผ็ดซ่าของฮวาเจียวแบบเดียวกับที่ใส่ในปิ้งย่างหมาล่าและรสเปรี้ยวของน้ำส้มสายชูทำให้ยำลิ้นวัวจานนี้อร่อยจนเขากินได้ไม่เบื่อ นพจิ๊ปากเบาๆ เมื่อเห็นฆาเบียร์คีบลิ้นวัวอีกชิ้นเข้าปากพร้อมแตงกวาที่วางรองมาด้านล่าง



"ไอ้เจ มึงนี่ไม่น่าไปสอนฆาบี้กินเลย นี่มีตัวหารของอร่อยเพิ่มมาอีกคนแล้ว"

"โอ๊ย พี่นพ ตาลุงนี่เขากินลิ้นวัวอยู่แล้ว เมื่อวันนู้นไปกินลาบป้าแก้ว แกยังกินลิ้นวัวย่างอยู่เลย"

เจพูดกลั้วหัวเราะ

"ฮะ? นี่มึงโดนพาไปกินร้านนั้นด้วยเหรอวะไอ้ฆาบี้? กินได้เหรอ?"

 นพถามอย่างประหลาดใจ ฆาเบียร์พยักหน้ารับคำ เจยิ้มแป้น ถึงเขาจะบอกตัวเองว่าไม่คิดมากเรื่องคนรักและอดีตรูมเมทของเขา แต่เขาก็อดดีใจไม่ได้ที่ได้เห็นว่าตัวเองได้รู้จักฆาเบียร์ในแง่มุมที่เพื่อนรุ่นพี่ของเขาคนนี้ไม่รู้จัก เขารีบหันไปเล่าให้นพฟังว่าในที่สุดคนรักของเขาก็ยอมกินลาบดิบ คนตัวโตได้แต่โคลงหัวเมื่อเห็นคนสนิทของตนทั้งสองคนหัวร่อต่อกระซิกคุยกันอย่างสนุกสนานพร้อมกับหันมาเหลือบมองเขาเป็นระยะๆ ทั้งคู่ซึ่งพูดกันเป็นภาษาไทยคงกำลังเมาท์เขาสนุกปากเรื่องที่เขาท้องเสียเพราะลาบดิบเป็นแน่แท้

“เอ้าๆๆ มัวแต่นินทาฉันอยู่นั่นแหละ เป็ดมาแล้ว”

ฆาเบียร์ซ่อนยิ้มเมื่อคนชอบกินทั้งสองหยุดคุยกันทันทีแล้วหันขวับมาหาจานเป็ด เจคีบหนังเป็ดวางบนแผ่นแป้งและบรรจงห่ออย่างดี เขาทำแบบนั้นสองชิ้นโดยวางชิ้นแรกลงบนจานของแม่ ส่วนอีกชิ้นเจวางลงบนจานของฆาเบียร์ หากตาลุงของเขากลับยกจานหนี เจทำตาปริบๆ มองหน้าคนที่ชี้ปากตัวเองหน้าตาเฉย

“เออๆๆ ป้อนก็ได้วะ”

เจบ่นพึมพำภาษาไทยแล้วส่งเป็ดปักกิ่งชิ้นนั้นเข้าปากคนรักที่อ้ารออยู่ ฆาเบียร์ทำตาเหลือกเมื่อเจยัดมันพรวดเข้าไปในปากเขาทั้งชิ้น

“ไม่ต้องบ่นเลย ชิ้นแค่นี้เอง ผมรู้คุณไหว ของใหญ่กว่านี้คุณยังเอาใส่ปากได้นี่”

คนตัวโตบ่นไม่ออกเมื่อได้ยินเสียงสดใสกลั้วหัวเราะที่กระซิบเบาๆ ข้างหู เขาได้แต่ค่อยๆ เคี้ยวและกลืนเป็ดชิ้นนั้นลงคอไป ​



“เรานี่ ไปแกล้งพี่เขาแบบนั้นได้ยังไง?”

“โอ๊ย แม่คับ พี่อิ่มเขกหัวเจ!”

“สำออยอีกแล้ว! เคาะเบาๆ เองย่ะ!”

เจร้องลั่นขึ้นพร้อมๆ กับเสียงอาจารย์สาวที่ดุน้องชายของตัวเองที่ออกอาการเกินจริง ฆาเบียร์หันไปยิ้มเจื่อนๆ ให้หญิงสาวที่ไม่รู้ว่ามายืนหลังเขาและเจนานจนพอได้ยินสิ่งที่เจกระซิบใส่หูเขาหรือไม่ อิ่มใจทักทายคนรักของน้องชายและจัดการไล่ที่เจนยุทธให้ย้ายไปนั่งอีกข้างของฆาเบียร์ โดยเธอเองลงนั่งตรงกลางระหว่างแม่และหนุ่มละตินแทน

"ชิชะ อิเจ๊อยากนั่งมองหน้าพี่นพล่ะสิ"

เจแอบกระซิบกับคนรักเบาๆ โต๊ะของห้องอาหารนี้เป็นโต๊ะกลมและตำแหน่งที่เขานั่งเมื่อสักครู่เป็นที่ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับนพพอดี ฆาเบียร์ยิ้มบางๆ และคอยสังเกตอาการของพี่สาวของคนรัก อิ่มใจดูเคอะเขินยามที่ได้สนทนากับอดีตรูมเมทของเขาจริงๆ แม้จะรู้ว่านพมีแฟนเป็นผู้ชายอยู่แล้ว อิ่มใจก็ยังคงมีความสุขเสมอที่ได้พบเจอและพูดคุยกับชายในดวงใจของเธอ



"น้องอิ่มครับ ตักเต้าหู้หม่าโผวถึงไหม? เดี๋ยวพี่ตักให้นะ"

นพบอกคนรักของตนให้รับถ้วยจากอิ่มใจมาและตักเต้าหู้ผัดน้ำมันพริกสีแดงฉานใส่ถ้วยให้สาวรุ่นน้องที่โรงเรียนของเขา อิ่มรับมาและกล่าวขอบคุณด้วยใบหน้าที่ประดับรอยยิ้มเอียงอาย

"อื้อหือ เซอร์วิสกันเต็มที่เลย หมั่นไส้อิตาลุงที่โปรยเสน่ห์เรี่ยราดจริงๆ "

เจแอบกระซิบกับคนรักอีกครั้ง คนซึ่งเคยหลงกับเสน่ห์นั้นมาแล้วหัวเราะหึๆ และไม่ขอออกความเห็น

"พี่นพ ตักให้ผมมั่งสิ"

เจรีบยื่นถ้วยของตัวเองส่งให้นพบ้าง หากก็ถูกคนที่นั่งข้างๆ เขาคว้าไปทันที

"ฉันตักให้ก็ได้นะเจ ฉันตักถึง ไม่ต้องกวนนพเขาหรอก"

เจหันไปมองหน้าคนที่พูดกับเขาด้วยน้ำเสียงเรียบๆ อย่างจนใจ นพหัวเราะหึๆ

"เออ ให้ฆาบี้มันตักให้เถอะ แขนมันยาว เอื้อมถึงอยู่แล้ว"

นพพูดแล้วก็ตั้งหน้าตั้งตากินโดยที่ไม่สนใจคู่รักเพี้ยนๆ ตรงหน้าอีก

"ขอบคุณครับ ฆาบี้"

เจพูดเบาๆ แล้วรับถ้วยเต้าหู้มาจากมือคนรัก เขาคีบชิ้นเต้าหู้ป้อนให้เมียตัวโตของเขาเพื่อเป็นการเอาใจ

"ผมแค่แซวพี่นพเล่นเฉยๆ นะ"

เจกระซิบเสียงอ่อยๆ

"อืมม์ ไม่ว่าอะไรหรอกจ้ะ"

ฆาเบียร์โอบไหล่คนรักและหอมที่ข้างศีรษะเบาๆ เจหน้าแดงซ่านเมื่อถูกแสดงความรักต่อหน้าแม่และพี่สาว เขาก้มหน้างุดและพยายามหันไปสนใจกับอาหารที่มาลงครบแล้ว



"เจจ๊ะ เต้าหู้นี่เผ็ดดีจริงๆ "

คนตัวโตที่ตักเต้าหู้ผัดน้ำมันพริกจากถ้วยของเจใส่เข้าปากแล้วต้องไอแค๊กออกมาพูดและยกแก้วน้ำขึ้นดื่มตาม ถึงเขาจะเคยกินอาหารเสฉวนมาบ้าง แต่เขาก็ไม่คุ้นกับรสชาติเผ็ดมันของเต้าหู้หม่าโผวแบบต้นตำหรับนี้เสียที เจพยักหน้า

"ครับ อาหารที่นี่เขารสชาติจัดจริง แต่จะไม่ค่อยคุ้นลิ้นคนแถวนี้เท่าไหร่ อย่างไอ้เจ้าเต้าหู้หม่าโผวนี่ รสชาติมันไม่เหมือนกับที่เราเคยกินที่เหมยเจียงนะ ของที่นั่นรสจะอ่อนกว่าเพราะใส่ซอส XO แล้วก็ใส่เครื่องอย่างอื่นนอกจากเต้าหู้กับหมูสับ แต่ของที่นี่รสมันจะออกเค็ม เผ็ด มัน และใส่แค่เต้าหู้กับหมูสับจริงๆ"

เจพูดพลางตักเต้าหู้ผัดเผ็ดนั้นใส่ปาก สำหรับเขาที่เปิดใจรับอาหารแทบทุกแบบนั้นไม่มีปัญหาในการกินอะไรที่ผิดแปลกออกไปจากที่เคยชิน

"ใช่ๆ อาหารที่นี่จะไม่ค่อยถูกปากคนที่ชินกับอาหารจีนแบบแต้จิ๋วและกวางตุ้งเท่าไหร่ อย่างพวกญาติผู้ใหญ่กูเค้าเคยมากินกันแล้วก็บ่นกันใหญ่ว่าไม่ชอบ ไม่อร่อย แต่กูว่าน่าจะเป็นเพราะมันไม่คุ้นลิ้นมากกว่า อาหารหลายอย่างหน้าตาคล้ายกันกับอาหารที่พวกท่านเคยกิน แต่การปรุงรสต่างออกไป พวกผู้ใหญ่เขาเลยไม่ชอบ"

นพเสริมมา เขาบอกว่าคราวที่แล้วเขาเคยสั่งสามชั้นตุ๋นผักกาดดองของที่นี่ซึ่งดูคล้ายกับของร้านดังอย่างแยงซีเจียงและเหมยเจียง หากรสชาติมันไปกันคนละทาง ผักกาดดองที่ใช้เหมือนจะหนักเค็มกว่าและเครื่องเทศที่ใช้ก็คนละแบบแถมยังออกเผ็ดนิดๆ บรรดาญาติๆ ของเขาจึงบ่นกันใหญ่โตว่าไม่อร่อย









“วันนี้กูเลยสั่งของที่รสชาติกลางๆ มาบ้าง...น้าฟองครับ พอกินได้มั่งไหมครับ? หรือจะเอาโกยซีหมี่เพิ่มอีก?

นพหันไปถามแม่ของรุ่นน้องเป็นภาษาไทย

“ไม่ต้องเอาอะไรมาเพิ่มแล้วจ้ะ น้ากินฮะเก๋ากุ้งกับขนมจีบเขาได้ อร่อยดีนะ กุ้งเขาสดแล้วก็ชิ้นโตดี ส่วนไอ้เจ้าไก่ผัดพริกเกลือนี่ก็รสชาติดีทีเดียว เนื้อมันกรอบไปนิด แต่น้าก็ยังพอกินได้"

แม่ของเจยิ้มให้เพื่อนรุ่นพี่ของลูกชาย เธอเลี่ยงไม่กินอาหารที่ดูเผ็ดจัดทั้งหลาย แต่ยังดีที่มีเป็ดปักกิ่ง ติ่มซำและไก่ทอดพริกเกลือซึ่งรสชาติไม่จัดนัก

"ไก่พริกเกลือนี่เป็นอาหารเด่นของที่ร้านนี้ครับ"

นพตักไก่ทอดชิ้นพอดีคำใส่จานให้ฟองนวลอีกหลายชิ้น อาหารจานแนะนำของห้องอาหารนี้คือไก่ติดหนังที่ถูกนำไปทอดจนด้านนอกกรอบก่อนจะนำมาคลุกเคล้ากับกระเทียม พริกแห้งและเกลือ อีกทั้งยังใส่ถั่วลิสงมาให้เคี้ยวเพลินๆ อีก

"น้าชอบตรงที่เขาใส่ขิงที่ตัดเป็นชิ้นเล็กๆ พวกนี้มาด้วยค่ะ"

ฟองนวลเขี่ยเอาขิงที่หั่นเป็นชิ้นบางเฉียบและมีขนาดประมาณ 1x1 ซม. ขึ้นมาให้ดู เธอหันไปบอกลูกสาวให้แปลสิ่งที่เธอพูดให้ฆาเบียร์ซึ่งทำท่าสนใจไก่ทอดตรงหน้าเธอฟัง

"…แม่บอกว่าเขาทอดมาแบบนี้ทำให้กินขิงเข้าไปพร้อมไก่ได้เลยค่ะ ทำให้ทุกคำที่กัดมีรสขิงอยู่ด้วยจางๆ แต่ไม่แรงเหมือนกินขิงดิบ คุณชิมหรือยังคะ?”

คนตัวโตส่ายหน้า ฟองนวลบอกลูกสาวให้ตักไก่ผัดใส่จานให้ฆาเบียร์ อิ่มใจโคลงหัวเมื่อน้องชายรีบส่งจานของตัวมาให้อย่างเร็วด้วย



"นี่ เราน่ะ อย่าไปแย่งอ้ายเขากินมากนัก กินของเผ็ดๆ อย่างอื่นไปไป๊"

อิ่มไล่น้องชายให้ไปกินอาหารชนิดอื่นซึ่งใส่พริกหรือซอสพริกมาจนสีจัด เจแลบลิ้นให้พี่สาวและหันไปสนใจกับไก่ผัดพริกเกลือในจานของฆาเบียร์

"หูย เขาทอดหนังไก่มาซะกรอบเลย น่ากิ๊น น่ากิน"

เจนยุทธพึมพำแล้วหันไปยิ้มหวานกับคนรัก

"หนังไก่กินเยอะๆ แล้วอ้วน เดี๋ยวผมกินให้แล้วกันนะครับ ฆาบี้ อ้าว เฮ้ยๆๆ"

เจโวยเมื่อคนตัวโตตัดหน้าคีบไก่ชิ้นที่มีหนังกรอบกรุบเข้าปากไปหน้าตาเฉย

"อืมม์ อร่อยจริงๆ ด้วยนะ เจ ยิ่งกินกับพริกแห้งยิ่งอร่อย"

"ไหนว่ากลัวอ้วนไงฟะ กินหนังไก่ทอดหน้าตาเฉยเลยอ่ะคุณ"

เจบ่นอุบอิบและตักไก่ชิ้นอื่นกินแทน เขายิ้มออกมาอย่างอารมณ์ดีเมื่อพบว่ามันอร่อยสมกับเป็นเมนูซิกเนเจอร์ของห้องอาหารนี้

"รสชาติแบบนี้ผมกินข้าวได้ทั้งหม้อเลยอ่ะ"

เจพูดอย่างมีความสุข เขาตักทั้งไก่ทอดและเต้าหู้หม่าโผวมาราดข้าวและพุ้ยกินอย่างเอร็ดอร่อย แถมยังตั้งหน้าตั้งตาคีบนั่นนี่กินไม่หยุด ฆาเบียร์เองก็สนใจอาหารจานผักที่นพสั่งมาอีกสองอย่าง จานหนึ่งเป็นถั่วแขกผัดหมูสับแบบที่เขาคุ้นเคยจากร้านอาหารจีนทั้งในฮ่องกงและในไทย แต่มันมีบางอย่างที่ทำให้เขารู้สึกต่างไป



"เอ นอกจากจะใส่พริกแห้งแล้ว กูว่ารสมันแปลกๆ ไปจากที่เคยกินนะ"

ฆาเบียร์เปรยกับอดีตรูมเมทของเขา นพพยักหน้าและตักของสีน้ำตาลชิ้นไม่ใหญ่นักจากในจานผัดถั่วใส่จานของฆาเบียร์

"ถ้าเป็นผัดถั่วหมูสับแบบกวางตุ้ง เขามักจะใส่ซอส XO ที่มีพวกซีฟู้ดแห้งเป็นส่วนประกอบใช่ไหม? แต่ของร้านนี้เขาใส่เจ้านี่ มึงลองชิมดูแล้วบอกกูว่าคิดว่าเป็นอะไร"

คนตัวโตคีบของสิ่งนั้นขึ้นชิม

"Fava bean?"

ฆาเบียร์อุทานออกมาเบาๆ Fava bean หรือ broad bean ที่เขาพูดถึงนั้นคือถั่วที่คนไทยรู้จักในชื่อถั่วปากอ้า คนตัวโตทำท่านึกบางอย่างออกมาได้

"กูรู้แล้ว นี่คือโต้วป้านเจี้ยงใช่ไหม?"

ฆาเบียร์พูดออกมาเมื่อนึกถึงตอนที่เขาเคยรีวิวร้านอาหารเสฉวนลงในบล็อกของเขา เชฟร้านนั้นให้เขาดูซอส dòubànjiàng​ ซึ่งทำจากถั่วหมักกับพริก เกลือและแป้งข้าวสาลี เขาบอกว่านี่คือเครื่องปรุงพื้นฐานที่สำคัญของอาหารเสฉวน

"เชฟเขาบอกว่าถ้าให้อร่อยและเป็นแบบเสฉวนแท้ๆ ต้องเป็นซอสที่หมักจากถั่วปากอ้าเท่านั้น ไม่ใช่ถั่วเหลืองหรือถั่วดำ"

คนตัวโตของเจเล่าสิ่งที่เคยได้ยินมาจากเชฟชาวเสฉวนให้ผู้ร่วมโต๊ะฟัง

"เขาบอกว่าแบบที่ดีที่สุดเรียกว่า Pixian Douban มาจากตำบลผีเสี้ยนของมณฑลเสฉวน แบบนี้ถั่วปากอ้าจะยังเป็นเม็ดๆ อยู่ ไม่ได้บดจนเละ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าของที่ห้องอาหารนี้เขาใช้แบบนี้หรือเปล่า แต่ดูจากเม็ดถั่วแล้ว คิดว่าน่าจะใช่ครับ"

ฆาเบียร์หันไปบอกอิ่มใจซึ่งเธอก็แปลให้แม่ของเธอฟังต่ออีกครั้งเพื่อให้เข้าใจตรงกัน เจยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เมื่อเห็นคนรักของเขาแสดงภูมิ เขาหันไปตักกะหล่ำปลีผัดซอสเสฉวนซึ่งเป็นจานผักอีกจานที่สั่งมาใส่จานและลองเขี่ยๆ ดู



"คุณๆ นี่ก็ใส่ซอสที่ว่าเหมือนกันด้วยใช่ป่าว"

เจกระตุกแขนเสื้อคนรักเบาๆ ให้หันมาดูในจานเขา ฆาเบียร์หันมาดูชิ้นส่วนของเม็ดถั่วปากอ้าหมักในจานของเจแล้วพยักหน้า

"ใช่จ้ะ ที่นี่เขาใส่ซอสนี่ไม่หวงเลยนะ แต่มันจะติดเค็มหน่อยนะ…เอ่อ ผมว่าอย่ากินเยอะดีกว่านะครับแม่"

คนตัวโตหันไปบอกฟองนวลด้วยความเป็นห่วง เธอพยักหน้าและบอกว่าเธอพอจะรู้สึกได้ว่าจานผักทั้งสองจานนี้ติดจะเค็มหนักไปสักนิดสำหรับเธอ

"ผมก็ว่ามันเค็มนะ แต่กินกับข้าวนี่กำลังดีเลย ยิ่งเคี้ยวเจอถั่วปากอ้าด้วยนะ โอ๊ย อร่อย"

เจพูดเสร็จก็คีบกะหล่ำปลีผัดส่งเข้าปากและพุ้ยข้าวตาม รสสัมผัสที่ชัดเจนของถั่วทำให้ซอสชนิดนี้แตกต่างจากซอสที่ทำจากถั่วเหลืองอย่างเต้าเจี้ยวหรือ dòujiàng​ ในภาษาจีน หรือซอสถั่วดำอย่างเต้าซี่หรือ dòuchǐ​ ฆาเบียร์เองก็คีบอาหารจานผักทั้งสองเข้าปากอย่างถูกใจ ถึงจะบ่นว่าเค็มไปบ้าง แต่คนตัวโตก็ติดใจรสชาติที่ใกล้เคียงกับต้นตำรับของมัน



(ต่อคอมเมนท์ถัดไปค่ะ)


ออฟไลน์ La Vida Sin Tu Amor

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-1




---- Hot! Hot! Hot! (ต่อ) ----





"เชฟของห้องอาหารนี้มาจากเสฉวนเลยเหรอ?"

ฆาเบียร์ถามเพื่อนของเขา นพพยักหน้า

"ใช่ เชฟเฉิน เจียง หมิงของห้องอาหารนี้เป็นคนเสฉวนเลย กูเคยคุยกับแกครั้งนึง เห็นว่าแกทำอาหารมาตั้งแต่อายุ 14 เลยมั้ง แล้วก็ทำงานสายนี้มากว่า 15 ปีแล้วมั้ง?"

คนตัวโตขมวดคิ้ว

"เฮ้ งั้นแปลว่าเชฟคนนี้ก็เด็กกว่าพวกเราอีกน่ะสิ?"

นพพยักหน้า เขาบอกว่าในตอนแรกเขาก็สงสัยเช่นกันว่าชายหนุ่มวัยเพียงสามสิบต้นๆ จะกลายเป็นหัวหน้าเชฟของห้องอาหารจีนในโรงแรมห้าดาวแบบนี้ได้เชียวหรือ แต่หลังจากได้ชิมอาหารฝีมือเชฟคนนี้แล้ว เขาก็หายสงสัย

"เห็นว่าอาหารที่เป็นจานผัด ที่ต้องใช้กะทะจีน แกจะเป็นคนจัดการ ส่วนพวกจานต้มๆ หรืออาหารอย่างอื่น ก็น่าจะเป็นฝีมือลูกมือ แต่ก็ถือว่าเยี่ยมนะ นี่ถ้าไม่ติดว่าห้องหน้าครัวมีคนจองไปแล้ว กูก็จะจองให้ได้ดูเขาทำอาหารโชว์อยู่หรอก"

อดีตรูมเมทของฆาเบียร์พูดถึงห้องส่วนตัวซึ่งอยู่บริเวณหน้าครัว ห้องนั้นมีกระจกใสบานใหญ่กั้นห้องกับครัว ทำให้คนที่มากินอาหารสามารถเห็นการทำงานของในครัวได้อย่างชัดเจน

"เชฟคนนี้เขาเคยไปแข่งในรายการ Iron Chef ของไทยด้วยนะ ถึงจะไม่ชนะ แต่ก็ถือว่าเจ๋งอยู่"

"มึงนี่รับตังค์มาอวยเขาหรือเปล่าวะ?"

ฆาเบียร์แซวเพื่อนที่ยังคงอวดสรรพคุณของเชฟชาวจีนคนนี้ไม่เลิก

"เฮ้ย ไม่โว้ย ไอ้นี่ กูไม่เคยรับเงินใครมารีวิว ชิ ถามไอ้เจมันดูก็ได้ มันไปกับกูตลอด"

หนุ่มใหญ่ซึ่งในอดีตเคยรีวิวร้านอาหารลงเว็บพันxิปอยู่บ่อยครั้งจิ๊ปากอย่างไม่สบอารมณ์ ฆาเบียร์หัวเราะเบาๆ แล้วหันไปถามคนรัก แต่เจก็ได้แต่ทำหน้าเหรอหราเพราะมัวแต่ก้มหน้าก้มตากินและไม่ทันฟังทั้งสองคนคุยกัน



"เผลอนิดเดียว มึงกินเป็ดเกือบหมดแล้วนะไอ้เจ นี่ส่งฆาบี้มันมาเบี่ยงเบนความสนใจกูใช่ไหม?"

เพื่อนรุ่นพี่ของเจนยุทธบ่นพึมพำพลางรีบดึงจานใส่เนื้อเป็ดปักกิ่งทอดกระเทียมออกมาจากด้านหน้าของเจ เจนยุทธหัวเราะแหะๆ แล้วบอกว่ามันอร่อยจนเขาหยุดกินไม่ได้

"ตอนแรกผมนึกว่าเนื้อมันจะออกมาแห้งๆ เหนียวๆ ซะอีก แต่นี่เขาทอดดีครับ เนื้อด้านในยังไม่แห้งจนเกินไป ตัวกระเทียมก็รสชาติดี ใช้ได้อ่ะ"

เจหันไปบอกฆาเบียร์พร้อมกับแย่งคีบเป็ดมาจากนพได้อีกสองสามชิ้น หากเขากลับส่งให้คนตัวโตชิมเกือบทั้งหมด

"กินเยอะๆ นะครับคุณ กลับมารอบนี้คุณซูบไปเยอะเลยนะ"

"ซูบอะไรล่ะ สี่ห้าวันนี้นายขุนฉันจนจะอ้วนแล้วนะ"

คนตัวโตรับเป็ดมาใส่ปาก เขาบ่นเบาๆ หลังจากกลืนมันลงท้องไป เขาไม่อยากบอกเจเลยว่าเมื่อเช้าเขาช็อคแค่ไหนเมื่อแอบชั่งน้ำหนักดูแล้วพบว่าน้ำหนักตัวเองเพิ่มขึ้นมากว่าสองกิโลกรัมภายในระยะเวลาไม่กี่วัน

"กินๆ ไปเหอะน่า เดี๋ยวกลับไปฮ่องกงคุณก็ไปอดข้าวอีกเหมือนเดิม"

เจตัดบทพร้อมกับตักต้มอะไรสักอย่างที่มีน้ำมันพริกสีแดงฉานลอยเป็นชั้นเคลือบผิวหน้าของอาหารในชามขนาดใหญ่นั้น

"เขาบอกว่าเป็นเกาเหลาสไตล์เสฉวนครับ เหมือนจะใส่สารพัดอย่าง ผมตักให้นิดหน่อยแล้วกัน"

เจตักต้มรสเผ็ดเค็มใส่ถ้วยให้ทุกคนเริ่มจากแม่ของเขา เขาส่งถ้วยให้คนตัวโตซึ่งก็รับมาคนๆ ดู เขาพบว่าในนั้นมีเครื่องสารพัดตั้งแต่เลือดต้ม ปลา กุ้ง ปลาหมึก แมงกะพรุน ไปจนถึงแตงกวา ราวกับจะเอาของที่มีในตู้เย็นมาใส่รวมกันไว้

“แปลกดีนะ แต่ฉันขอกินนิดเดียวพอ”

ฆาเบียร์ตักของในถ้วยกินเล็กน้อยแล้วก็ส่งถ้วยคืนให้เจนยุทธ เจรับมากินต่อหากเขาเลี่ยงที่จะซดน้ำซุปรสจัดเข้าไปด้วย



“อะไรเล่า? จ้องอยู่ได้อ่ะ คุณ”

เจแหวใส่คนรักเบาๆ ด้วยใบหน้าแดงระเรื่อเมื่อหันไปเจอสายตาที่มีแววกรุ้มกริ่มของเมียตัวโตของเขา

“เปล๊า ไม่มีอะไรซักหน่อย”

คนตัวโตพูดพลางเอื้อมมือไปโอบไหล่คนรักและลูบต้นแขนเบาๆ อย่างรักใคร่

“ปลอดภัยไว้ก่อนใช่ไหมจ๊ะ?”

เจหน้าแดงก่ำเมื่อฆาเบียร์กระซิบเบาๆ ที่หูของเขา เขายกศอกกระทุ้งซี่โครงคนรู้มากเบาๆ หากคนตัวโตทำร้องลั่นและกุมท้องอย่างสำออย

“ไปดียะจะอี้ก่ะลูก บ่น่าฮักเลย ขอสุมาอ้ายเปิ้นเฮี๋ย”

“อย่าทำแบบนี้สิลูก ไม่น่ารักเลย ขอโทษอ้ายเค้าซะ”


เจหันไปทำหน้าบูดใส่ฆาเบียร์เมื่อถูกแม่ดุมา คนตัวโตรีบโบกไม้โบกมือบอกแม่ของคนรักทันทีว่าเขาทำเป็นเจ็บเพื่อแกล้งเจเท่านั้น หากฟองนวลก็ยังบ่นลูกชายเบาๆ อยู่ดี

“แสบนักนะคุณ”

เจค้อนคนตัวโตควับใหญ่ หากก็อารมณ์ดีขึ้นเมื่อฆาเบียร์ตักนั่นนี่มาใส่จานเขาเพื่อเอาใจ รวมทั้งข้าวผัดเนื้อเป็ดปักกิ่งซึ่งเจเขมือบหมดถ้วยไปอย่างรวดเร็ว



“นี่ๆ ฆาบี้ เอ่อ อ้ายครับ ต้องลองกินนี่”

เจรีบเปลี่ยนสรรพนามเรียกคนรักเมื่อถูกแม่มองมา เขา​คีบอาหารประเภทติ่มซำอย่างหนึ่งใส่จานให้คนรักแล้วตักซอสราด ฆาเบียร์มองอย่างประหลาดใจ มันคือก๋วยเตี๋ยวหลอดแบบที่เขาเคยกินบ่อยๆ ที่ฮ่องกง หากไส้ในนั้นคือกุ้งที่มีแป้งสีน้ำตาลห่อหุ้มอยู่

“ชิมสิๆๆ”

เจคะยั้นคะยอให้คนตัวโตลองชิมของโปรดของเขา

“หืมม์ ปอเปี๊ยะกุ้งนี่?”

ฆาเบียร์ถามอย่างประหลาดใจ ด้านในของแป้งก๋วยเตี๋ยวหลอดที่นุ่มหนึบคือความกรอบกรุบของแป้งปอเปี๊ยะและเนื้อกุ้งบดกับกุ้งสดเนื้อแน่น ทั้งหมดรวมกันเป็นรสสัมผัสที่แปลกใหม่ ส่วนน้ำราดของมันรสชาติคล้ายน้ำจิ้มของเป็ดปักกิ่ง หากมีรสของบ๊วยปนอยู่จางๆ

“อร่อยนี่ ฉันชอบนะ”

เขามองไปที่จานก๋วยเตี๋ยวหลอด แต่ก็ไม่ได้คิดจะกินอีกเนื่องจากเห็นมันเหลืออีกเพียงชิ้นเดียว หากตอนนี้เจกับนพกำลังฟาดฟันกันเพื่อแย่งของอร่อยชิ้นสุดท้ายนั้น



“เฮ้ย ไอ้เจ มึง!”

นพร้องลั่นเมื่อเจนยุทธใช้ตะเกียบสกัดตะเกียบของเขาซึ่งเป็นอดีตนักดาบสากลไว้และจัดการฉกก๋วยเตี๋ยวหลอดชิ้นงามในจานไปจนได้ เจยิ้มร่า หากแทนที่เขาจะเอาของอร่อยชิ้นนั้นเข้าปาก เขากลับบรรจงวางมันลงในจานของฆาเบียร์

“เจไม่กินเองเหรอ?”

เจนยุทธส่ายหัวพร้อมกับส่งยิ้มอย่างน่ารักให้กับเมียตัวโตของเขา

“ผมเอามาให้คุณครับ กินสิฆาบี้ ชิ้นสุดท้ายแฟนหล่อนะ”

นพและอิ่มใจซึ่งนั่งฟังอยู่หัวเราะก๊ากออกมาทันทีเมื่อเข้าใจเจตนาของไอ้น้องตัวแสบของพวกเขา อดีตรูมเมทของฆาเบียร์หันไปอธิบายให้เพื่อนของเขาที่ยังทำท่างงว่าไอ้การกินก๋วยเตี๋ยวหลอดชิ้นนั้นมันเกี่ยวอะไรกับการมี handsome boyfriend คนตัวโตโคลงหัวและคีบมันส่งคืนไปให้เจนยุทธทันที

"นายต้องเป็นคนกินสิ เจ ไม่ใช่ฉัน"

เจย่นจมูกใส่คนรักและจัดการตัดก๋วยเตี๋ยวหลอดไส้ปอเปี๊ยะนั้นเป็นสองส่วนและส่งให้คนรักของเขาชิ้นหนึ่ง หากเจก็ดูจนแน่ใจว่าฆาเบียร์กินชิ้นของเขาเข้าไปแล้วจึงได้จัดการกินชิ้นของตน

"นายนี่มันเหลือเกินจริงๆ นะ"

คนตัวโตลูบหัวคนที่ไม่ยอมแพ้เขาสักนิดเบาๆ ด้วยความเอ็นดู เจหันมายิ้มหวานพร้อมกับส่งสายตาปิ๊งๆ ให้คนรัก ฆาเบียร์ส่งยิ้มกลับคืนให้ เจนยุทธคือความสดใสในชีวิตของเขาจริงๆ



"พี่นพได้วีซ่านอร์เวย์หรือยังอ่ะ?"

เจถามนพซึ่งกำลังจิ้มพุทราทอดเข้าปาก นพพยักหน้าพร้อมกับห่อปากทำแก้มพองเพราะความร้อนของขนมที่เพิ่งทอดเสร็จใหม่ๆ

"ยังครับ พวกพี่เพิ่งไปทำวีซ่ามาเมื่อต้นเดือน แต่ไม่น่าเกินต้นเดือนหน้าก็น่าจะได้แล้วล่ะ"

วัฒน์ตอบแทนแฟนของเขาที่ยังมีปัญหากับพุทราทอดชิ้นนั้นอยู่​ เจพยักหน้าหงึกหงัก ฆาเบียร์ซึ่งได้ยินคำคุ้นๆ ในบทสนทนาภาษาไทยก็รีบส่งเสียงถามมาทันที

"มึงจะไปนอร์เวย์เหรอ นพ?"

"อือ ใช่ กูว่าจะไปเยี่ยมโฮสต์แฟมิลี่หน่อยน่ะ ไม่ได้เจอกันนานแล้ว"

อดีตรูมเมทของฆาเบียร์ตอบหลังจากดื่มน้ำเข้าไปอึกใหญ่ คนตัวโตร้องอ๋อ เขาจำได้ว่านพเคยเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่นอร์เวย์เมื่อครั้งยังอยู่มัธยม

"กูเจอฟาร์กับมูร์เค้าครั้งสุดท้ายตอนเขามาเที่ยวเมื่อไทยซักสิบกว่าปีที่แล้ว จากนั้นก็ไม่ได้เจอตัวกันอีก ส่วนพวกพี่ๆ น้องๆ ก็เจอตอนเขามาเที่ยวไทยกับเพื่อนๆ แต่ก็เป็นสิบปีแล้วเหมือนกันว่ะ"

นพพูดคำว่าพ่อและแม่ในภาษานอร์วีเจียนอันเป็นภาษาซึ่งเขายังพอจำได้แค่เพียงเล็กน้อย

"กับที่บ้านนู้น กูก็ห่างๆ กับพวกเขาและไม่ได้ติดต่อกันไปช่วงนึงเลยว่ะ แต่หลังๆ มา พอมี social media ก็เลยได้กลับมาต่อกันติดอีกครั้ง เหมือนมึงไง ฆาบี้"



เพื่อนรุ่นพี่ของเจสบตาอดีตรูมเมทของเขาและยิ้มน้อยๆ ให้คนที่เขาก็ได้กลับมาปฏิสัมพันธ์กันอีกครั้งเพราะสื่อสังคมออนไลน์เช่นกัน ฆาเบียร์ยิ้มตอบพร้อมกับเอื้อมมือไปเกาะกุมมือของคนที่นพชักนำให้ได้มาพบกับเขา เจบีบมือคนรักตอบเบาๆ และฟังนพเล่าต่อ

"หลังจากพ่อกูเสีย กูก็มาคิดว่าฟาร์กับมูร์เขาก็อายุมากแล้ว จะเจ็ดสิบกันแล้วมั้ง กูก็เลยคิดว่าอยากไปเจอพวกเขาอีกสักครั้งก่อนที่จะไม่ได้มีโอกาส..."

คำพูดของนพทำให้คนทั้งโต๊ะซึ่งต่างก็เคยเสียคนที่รักไปอย่างกะทันหันเงียบเสียงลง นพซึ่งรู้ตัวว่าเพิ่งทำให้เสียบรรยากาศไปก็รีบหาทางเปลี่ยนเรื่อง

"...เอ่อ กูก็จะได้ถือโอกาสพาพี่วัฒน์แกไปดู fjord กับพระอาทิตย์เที่ยงคืนด้วย คิดมาหลายปีแล้ว แต่ปีนี้หาเวลา หาตั๋วราคาดีๆ ได้ ก็เลยได้โอกาสไป"

เพื่อนรุ่นพี่ของเจหันไปยิ้มให้อาจารย์หนุ่มใหญ่ซึ่งยิ้มเขินๆ ตอบกลับมา

"แหมๆ จะพาเขยไปแนะนำให้ที่บ้านนู้นรู้จักด้วยงั้นสิ"

เจนยุทธแซวขึ้นด้วยเสียงสดใส เขาหัวเราะคิกคักเมื่อเห็นพี่ชายคนสนิทและแฟนหน้าแดงซ่านขึ้น นพบ่นพึมพำเมื่อเห็นเจ้าน้องตัวแสบหันไปกระซิบกระซาบและหัวเราะคิกคักกับอดีตรูมเมทของเขา เพื่อนรุ่นพี่ของเจเล่าต่อถึงแพลนการเดินทางของเขาซึ่งจะไปให้ตรงกับช่วงวันครีษมายัน หรือวันที่มีกลางวันยาวนานที่สุดในรอบปี



"ที่นอร์เวย์เขามีฉลอง Midsummer ซึ่งถือเอาวันที่ 23 มิถุนายนของทุกปีน่ะ วันนั้นคนจะมาก่อกองไฟและกินดื่มฉลองกัน กูก็อยากให้พี่วัฒน์เขาได้เห็นหน่อย แต่ก็ไม่ได้เป็นพิธีใหญ่โตอะไรเหมือนกับที่สวีเดนหรอกนะ"

นพพูด คนซึ่งท่องเที่ยวมาแล้วทั่วโลกอย่างฆาเบียร์ร้องอ๋อ เขาหันไปเล่าให้เจฟังถึงความสนุกของงานเทศกาลสุดพิเศษนั้นในสวีเดน

"ที่สวีเดนเขาจะฉลองเทศกาลมิดซัมเมอร์นี้ในวันศุกร์แรกของช่วงครีษมายันจ้ะ ก็อยู่ช่วงวันที่ยี่สิบกว่าๆ นี่แหละ ต่างกันไปในแต่ละปี เขาจะตั้งเสาขนาดใหญ่ที่ประดับประดาด้วยดอกไม้ใบไม้และแถบผ้าสีเหลืองกับน้ำเงินที่เป็นสีธงชาติสวีเดนไว้กลางลาน..."

คนตัวโตเล่าต่อไปว่าการเฉลิมฉลองนั้นเริ่มจากการกินดื่มอย่างเต็มที่ จากนั้นก็จะมีการร้องเพลงและเต้นรำแบบพื้นเมืองกันรอบเสาที่เรียกว่า Maypole นั้น โดยสาวๆ ที่มาร่วมงานก็จะใส่มงกุฎดอกไม้กันแทบทุกคน

"ถือเป็นงานใหญ่งานหนึ่งของปีเลยนะ ไว้ฉันจะพาเจไปเที่ยวสักวันนะ"

ฆาเบียร์หันไปพูดกับคนรักที่ฟังเขาเล่าไปก็ตักบัวลอยงาดำลูกใหญ่เข้าปากไป เจยิ้มหวานให้เมียตัวโตของเขาแต่ก็ต้องรีบหุบยิ้มเมื่อเห็นคนรักหัวเราะออกมาพร้อมกับชี้ที่ปากของเขา คนตัวเล็กบ่นพึมพำพลางรีบดื่มน้ำเข้าไปกลั้วปากเพื่อให้เศษงาดำบดที่ติดเต็มฟันของเขาหลุดออก นพเองก็นั่งอมยิ้มมองคู่รักที่หยอกเอินกันอยู่เบื้องหน้า เขารู้สึกดีใจที่เป็นส่วนหนึ่งในการทำให้เพื่อนที่เขารักทั้งสองคนได้พบกับความสุขและเขาก็หวังว่าทั้งสองคนจะได้อยู่ด้วยกันตลอดไปในเร็ววัน









"เมื่อกี้ตอนกินข้าว คุณงุบงิบคุยอะไรกับพี่อิ่ม หืมม์?"

เจซักไซ้ไล่เรียงคนรักที่นอนหนุนตักเขาอยู่บนโซฟา ฆาเบียร์ละสายตาจากจอทีวี

"ไม่มีอะไรจ้ะ อิ่มเขาเอารูปที่มีคนโพสต์ลงในเพจ Jay x Valentin FC ที่เขาเป็นแอดมินมาให้ฉันดูน่ะ ตอนแรกเขาถามว่าจะอนุญาตให้เอาลงไหมหรือว่าจะให้ลบ ฉันก็เลยบอกเขาว่าให้เก็บไว้และให้ส่งเข้าไลน์ฉันให้ด้วย"

เจขมวดคิ้ว รูปแบบไหนที่ทำให้พี่อิ่มถึงขั้นต้องมาขออนุญาตคนตัวโตก่อนว่าจะให้ลงได้ไหม ฆาเบียร์หัวเราะหึๆ และเปิดภาพจากในเพจให้เจดู

"เฮ้ย! ใครถ่ายวะ?"

เจหลุดปากสบถออกมาเบาๆ ภาพนั้นเป็นภาพของเขาและฆาเบียร์ที่สนามฟุตบอลหญ้าเทียมเมื่อวันก่อน มันเป็นรูปตอนที่พวกเขานั่งอยู่ด้วยกันที่อัฒจันทร์ ภาพที่ทำให้เจต้องขมวดคิ้วอย่างกังวลนั้นเป็นภาพเขายืนหันหลังให้กับฆาเบียร์โดยมือของคนตัวโตนั้นโอบเข้าที่เอวและรั้งกายเขาเข้าไปชิดกับกายตน

"รูปนี้มันดูไม่ดีเลยคุณ"

เจบ่นเบาๆ เมื่อมองจากด้านหลัง เขาซึ่งหัวเกรียนและอยู่ในชุดพละของโรงเรียนเก่านั้นแลดูเหมือนเด็กมัธยมก็ไม่ปาน ภาพคนตัวโตที่โอบกายเขาอยู่นั้นดูเหมือนหนุ่มใหญ่ที่กำลังลวนลามเด็กชายอยู่ชัดๆ



"แล้วนี่อิเจ๊เขียนแค็ปชั่นนี่เองเหรอครับ?"

เจมีท่าทีไม่สบายใจเมื่อเห็นคำบรรยายที่บอกว่า "Papi Valentin and his new boytoy?"  หรือ ป๋าฆาเบียร์กับเด็กเลี้ยงของเขา แม้ประโยคนั้นจะห้อยท้ายด้วยเครื่องหมายคำถาม มันก็ทำให้เขาไม่สบายใจอยู่ดี

"เปล่าจ้ะ...ฉันเขียนเอง"

เจอุทานออกมาแล้วซัดเบาๆ เข้าที่แผงอกของคนที่นอนยิ้มเผล่อยู่บนตัก ฆาเบียร์ครางอู้อย่างสำออย

"คุณนี่ ร้ายจริง ไม่กลัวเสียชื่อเหรอครับ?"

เจบ่นเบาๆ คนตัวโตหัวเราะแล้วเลื่อนลงให้ดูว่ายังมีภาพอื่นที่เห็นหน้าเจชัดๆ พร้อมกับชี้ให้ดูคำบรรยายที่พิมพ์โดยทิ้งช่วงจากประโยคแรกลงมาอีกหลายบรรทัด

"นี่ไง ก็เขียนบอกแล้วว่าไม่ใช่ใคร แต่เป็นเจเอง ยังบอกด้วยว่าเป็นตอนเราไปเตะบอลกันโดยที่เจใส่ชุดพละของโรงเรียนเก่าไป"

เจนยุทธยังคงบ่นพึมพำ เขาเพ่งดูรูปชุดนั้นอีกครั้ง

"รู้แล้ว ไอ้ซัน มันแน่ๆ "

เจว๊ากออกมาเมื่อพิจารณาดูถึงตำแหน่งยืนของคนที่ถ่ายภาพ เขารีบยกมือถือตัวเองขึ้นมาและเปิดเพจนั้นบ้าง จากนั้นแค็ปภาพแล้วส่งไปพร้อมกับคำด่าในไลน์กรุ๊ปของเขากับปรินซ์และซันซัน



"ว่าแล้ว มันจริงๆ ด้วย"

เจบ่นอุบอิบเมื่อซันซันส่งรูปสติกเกอร์พร้อมเสียงหัวเราะอย่างยียวนกลับมา เขาทำท่าจะพิมพ์ตอบโต้ไปหากคนตัวโตคว้าโทรศัพท์ออกจากมือคนรักไปวางไว้ที่โต๊ะกาแฟ

"พอแล้ว เจนยุทธ เลิกบ่นเพื่อนได้แล้ว..."

ฆาเบียร์ยันกายขึ้นนั่งและหันมาประจันหน้ากับคนตัวเล็ก

"เห็นรูปนายในนี้แล้วนึกได้ เรามีสัญญาอะไรที่นายต้องทำตามอยู่ใช่ไหม?"

เจนยุทธยิ้มกว้างและพยักหน้า

"ผมก็นึกว่าคุณจะลืมไปแล้วซะอีก"

"เจจ๊ะ ฉันจะลืมลงได้ยังไง? ว่าแต่นายพร้อมจะทำให้ฉันจริงๆ เหรอ?"

เจพยักหน้าด้วยสีหน้าจริงจัง

"ครับ ผมไม่ผิดสัญญากับคุณแน่นอน แล้วคุณก็ไม่ได้ขออะไรยากนักหนานิ"

เจลุกขึ้นพร้อมกับฉุดกายคนรักให้ลุกจากโซฟา เขารุนหลังฆาเบียร์ให้เข้าไปในห้องยิมน้อยของเขาซึ่งเคยเป็นห้องนอนเล็กของคอนโดขนาดสองห้องนอนนี้

"คุณรอผมในนี้ก่อนนะ ผมขอไปเตรียมตัวแป๊บนึง เดี๋ยวมา"

เจพูดทิ้งท้ายและเดินออกจากห้องน้อยนั้นไป ทิ้งให้ฆาเบียร์นั่งเอนหลังบนม้านั่งออกกำลังกายและรอด้วยใจจดจ่อ



"มาแล้วเหรอจ๊ะ?"

เมียตัวโตของเจนยุทธลืมตาขึ้นเมื่อเขาได้ยินเสียงประตูห้องเปิด

"เข้ามาสิ เจ ขอฉันดูนายหน่อย"

เขากวักมือเรียกคนที่โผล่แค่หัวเข้ามาจากปากประตู เจส่ายหัวและยกโทรศัพท์ขึ้นชี้เป็นเชิงให้ฆาเบียร์อ่านไลน์ คนตัวโตหยิบโทรศัพท์ของตนขึ้นมาดูแล้วก็ต้องหัวเราะหึๆ ออกมา เจ้าตัวดีของเขาอยากจะเล่นโรลเพลย์ขึ้นมาและส่งบทบาทมาให้เขาเสร็จสรรพ

'เป็นอย่างหลังก็ได้จ้ะ'

เขาพิมพ์ตอบไป เจพยักหน้าพร้อมทำเครื่องหมายโอเคและปิดประตูห้องลง ฆาเบียร์ส่ายหัวน้อยๆ และเริ่มหยิบดัมเบลที่อยู่ใกล้ๆ มายกเล่น ไม่นานนักประตูห้องยิมน้อยนั้นก็เปิดออก คนตัวโตกลั้นใจมองไปยังร่างเพรียวที่ก้าวย่างเข้ามาในห้อง เจนยุทธของเขาอยู่ในเสื้อพละตัวเดิมที่เขาใส่เตะบอลเมื่อวันก่อน หากท่อนล่างของเจนั้นใส่กางเกงฟุตบอลทีมโปรดอย่างเรอัล มาดริดโดยยัดชายเสื้อใส่กางเกงไว้เรียบร้อย แถมไม่พอ เขายังใส่ถุงเท้าบอลยาวถึงเข่าซึ่งคลุมปิดสนับแข้งแถมยังใส่รองเท้าสตั๊ดมาอีกต่างหาก



"เจจ๊ะ..."

คนตัวโตกลืนน้ำลายลงคอเบาๆ เมื่อใจเขาจินตนาการถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไป

"ไม่ต้องโรลเพลย์แล้วได้ไหม?"

ฆาเบียร์ซึ่งนั่งอยู่บนม้านั่งจับมือของเจและดึงคนรักเข้ามาใกล้ เขาจับเจหมุนซ้ายหมุนขวาเพื่อดูให้ชัดๆ ก่อนที่จะดึงคนตัวเล็กเข้ามาแนบกาย เจยิ้มกริ่มและโอบไหล่กว้างของคนที่ซบหน้าลงกับอกของเขา เขาใช้นิ้วสางผมสีน้ำตาลเงางามของคนรักเล่นเบาๆ

"หอม..."

คนตัวโตสูดกลิ่นน้ำหอม Tobacco Oud ของทอม ฟอร์ดซึ่งเจฉีดไว้บนกาย น้ำหอมซึ่งเป็นกลิ่นโปรดของเขายิ่งกระตุ้นเร้าความรู้สึกทางเพศของฆาเบียร์ให้พลุ่งพล่านขึ้น เขาซุกไซ้ใบหน้าไปบนเสื้อกีฬาเนื้อลื่น เจหัวเราะคิกออกมาด้วยความจั๊กจี้ หากก็ต้องอุทานออกมาเบาๆ เมื่อคนรักขบเม้มตุ่มไตที่เริ่มชูชันจนดันเสื้อขึ้นมา

"คุณครับ ใจเย็นๆ ก่อน ช้าๆ ก็ได้"

เจทักท้วงคนที่เริ่มตะกรุมตะกราม คนรักของเขาดูจะมีอารมณ์มากกว่าทุกวัน มือไม้ของคนตัวโตเปะป่ายฟอนเฟ้นไปทั่วจนเจนยุทธต้องกายสั่นสะท้าน



"ฆาบี้ครับ เดี๋ยว พอก่อน"

เจตะครุบมือใหญ่ที่คลึงเคล้นบั้นท้ายของเขาอย่างแรงจนรู้สึกเจ็บ

"คุยกันก่อนครับ mi alma..."

เจใช้มือตะปบแก้มทั้งสองข้างของฆาเบียร์และบังคับให้เจ้าตัวสบตากับเขา เขาเห็นแววหื่นกระหายในตาของคนรักได้อย่างชัดเจน

"ให้ตายสิ ไอ้เจ้าชุดบอลนี่มันทำให้คุณเป็นถึงขนาดนี้ได้เลยเหรอ?"

เจพูดกลั้วหัวเราะ เขาคงต้องพยายามให้คนรักสงบสติอารมณ์ลงหน่อย ไม่เช่นนั้นคนที่จะต้องลำบากก็คงเป็นเขาเอง คนตัวโตยิ้มเขินๆ และพยักหน้า

"ขอโทษจ้ะ mi amor ฉันสติหลุดไปหน่อย ชุดนี้ของนายทำให้ฉันคลั่งจริงๆ "

เขาถอนหายใจเบาๆ และดันตัวเจออกห่าง เขาเองก็กลัวว่าจะทำเจเจ็บตัวเพราะอารมณ์ที่พลุ่งพล่านของตน

"งั้น เล่าให้ผมฟังก่อนสิครับ ฆาบี้ ว่าทำไมหนุ่มนักบอลถึงเป็นสุดยอดแฟนตาซีของคุณ"

สำหรับเจแล้ว เขานึกว่าคนตัวโตจะขออะไรยากกว่านั้น อย่างพวก BDSM หรืออะไรที่มันโลดโผนกว่านั้น แต่คนตัวโตเพียงแค่ขอให้เขาใส่ชุดเล่นฟุตบอลเต็มยศเท่านั้น ฆาเบียร์เขยิบกายให้เจลงนั่งซ้อนด้านหน้าเขาบนเก้าอี้นั่งเวท เขาโอบเอวคนรักที่เอนหลังพิงอกของเขาไว้อย่างสบายอารมณ์และเริ่มเล่าให้เจฟัง



(ต่อคอมเมนท์ถัดไปค่ะ)


ออฟไลน์ La Vida Sin Tu Amor

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-1



---- Hot! Hot! Hot! (ต่อ) ----




"ตั้งแต่ฉันเป็นเด็ก ฉันก็อยู่กับ soccer เอ่อ ฟุตบอลมาตลอดตามประสาเด็กที่โตมาในชุมชนชาวละติน ฉันเข้าทีมโรงเรียนตั้งแต่ตอนเรียนประถมและคลุกคลีอยู่กับเพื่อนนักบอลมาตลอด..."

ทุกครั้งที่มีเวลาว่าง เด็กชายฆาเบียร์ก็มักจะไปขลุกอยู่กับเพื่อนที่สนามบอล ไม่ก็ซ้อมเดาะบอลเลี้ยงบอลเล่นไปเรื่อยเปื่อยตามประสา หากเมื่อขึ้นมัธยม เขาก็เริ่มรู้สึกได้ถึงความแตกต่างระหว่างเขากับเด็กหนุ่มคนอื่นๆ

"ในช่วงม.ต้น พวกเพื่อนๆ ฉันมันก็เริ่มมีแฟนกัน แต่ฉันกลับไม่มีความรู้สึกพิศวาสพวกสาวๆ เลย..."

เนื่องด้วยความที่เขาเป็นเอสของทีมฟุตบอลโรงเรียนมาตั้งแต่ม.ต้น จึงไม่แปลกที่เขาจะเป็นที่หมายปองของสาวๆ ในโรงเรียน หากฆาเบียร์ไม่เคยมีความรู้สึกให้สาวๆ เหล่านั้นเลยสักนิด หากเขากลับรู้สึกแปลกๆ เมื่ออยู่ในห้องล็อคเกอร์กับเพื่อนหนุ่มนักฟุตบอลด้วยกัน

"ตอนม.ต้น พอแตกเนื้อหนุ่ม ร่างกายของพวกเราก็เริ่มเปลี่ยนแปลงใช่ไหม? ตัวฉันเองก็เริ่มมีความรู้สึกทางเพศ แต่แทนที่จะมีอารมณ์กับรูปร่างของสาวๆ ฉันกลับใจเต้นเวลาที่ต้องอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้ากับพวกเพื่อนนักบอล"

เจร้องอ๋อออกมาทันที เด็กหนุ่มในชุดบอลคงเป็นเหมือนสัญลักษณ์ของสิ่งกระตุ้นเร้าทางเพศเป็นครั้งแรกสำหรับฆาเบียร์



"ครั้งแรกที่ฉันฝันเปียก ฉันก็ฝันเห็นเพื่อนนักบอลด้วยกันนี่แหละ"

ฆาเบียร์หน้าแดงซ่านและอึกอักเล็กน้อยก่อนจะเล่าเรื่องน่าอายของตนออกมา สิ่งที่ทำให้เขาในวัย 14 ปีต้องตื่นขึ้นมาและย่องไปแอบซักกางเกงในกลางดึกคือการฝันว่าได้สัมผัสกายเพื่อนคนหนึ่งในห้องแต่งตัวหลังการแข่งขัน

"เห้ย คนอย่างคุณนี่เคยเก็บกดจนต้องฝันเปียกด้วยเหรอ? ผมนึกว่าจะมีแต่หนุ่มๆ เรียงหน้าเข้ามาหา"

เจอุทานออกมาอย่างลืมตัว คนตัวโตหัวเราะเบาๆ แล้วหอมแก้มใสๆ ของคนตรงหน้าฟอดใหญ่

"แหม เจ ตอนหนุ่มๆ ฉันออกจะใสซื่อ วันๆ มีแต่เตะบอล ไม่ได้ยุ่งเรื่องมีฟงแฟนอะไร..."

หนุ่มน้อยฆาเบียร์ในตอนนั้นได้แต่ปกปิดความรู้สึกของตนและมุ่งมั่นกับการเรียนและเล่นฟุตบอล เขาเริ่มแสดงออกที่โรงเรียนว่าชอบเพศเดียวกันเอาเมื่อหลังจากเปิดตัวกับพ่อแม่และคริสแล้ว ในตอนแรก แม้จะมีเพื่อนๆ นักบอลของเขาบางส่วนที่เริ่มตั้งแง่ไม่ยอมรับเขาบ้าง แต่ด้วยความที่เขาแสดงออกชัดเจนว่าไม่ยุ่งกับคนในทีม และยังได้คบหากับอเล็กซ์อย่างจริงจัง มันทำให้เขาค่อยๆ กลับมาได้รับความไว้วางใจจากเพื่อนๆ อีกครั้ง



"อ๋อ คุณก็เลยไม่มีโอกาสได้แอ้มหนุ่มนักบอลเลยว่างั้นเหอะ?"

เจถามยิ้มๆ ฆาเบียร์พยักหน้า แม้จะมีคนที่เขาแอบติดตาต้องใจในช่วงที่ยังอยู่มัธยม เขาก็ได้แต่มองหนุ่มนักบอลกล้ามแน่นเหล่านั้นด้วยสายตาของเพื่อนร่วมทีม แม้เขาจะเคยจินตนาการถึงเซ็กส์อันเร่าร้อนในห้องล็อคเกอร์รูม เขาก็ได้แต่เก็บมันไว้ในใจ เมื่อเข้าวิทยาลัย ในช่วงปีแรกที่เขายังแข่งให้กับทีมวิทยาลัย เขาก็ได้แต่เก็บความรู้สึกไว้เช่นเดิม เมื่อเขาเลิกเล่นฟุตบอลให้กับทีมวิทยาลัยและหันมาเล่นเพื่อสันทนาการเพียงอย่างเดียว เหล่าเพื่อนในก๊วนบอลของเขานั้นก็เป็นหนุ่มๆ ละตินที่มาเรียนที่มินเนโซต้า ฆาเบียร์มองหนุ่มๆ เหล่านั้นเป็นเหมือนเพื่อนกินเหล้าและเล่นเฮฮากันมากกว่า เขาจึงไม่ได้มีโอกาสได้เติมเต็มความปรารถนาของตน

"อ้าว แล้วคุณไม่เคยเดทกับนักบอลเลยเหรอ? "

เจถามขึ้นอย่างสงสัย

"ก็เคยมีบ้าง แต่ฉันก็ไม่เคยให้ใครมาใส่ชุดบอลให้ดูหรอก ขึ้นเตียงกันทีไรก็ลืมทุกที"

คนตัวโตเอาคางเกยไหล่ของเจนยุทธและไล่งับใบหูของคนตัวเล็กเบาๆ เจเอ็ดเบาๆ และพยายามหันหน้าหนี

"เอ๊ อย่าซนสิครับ..."

เจดุคนรักที่เริ่มมือไม้เลื้อยเป็นปลาหมึกอีกครั้ง

"งั้น ผมจะเป็นหนุ่มในชุดบอลคนแรกของคุณสินะ"

ฆาเบียร์ตอบรับและยิ้มด้วยสายตาเป็นประกาย เจลุกขึ้นจากม้านั่งและยืนเด่นตรงหน้าคนรักของเขา

"ดูให้เต็มตานะครับ ฆาบี้"

เจหมุนตัวไปรอบๆ ให้คนตัวโตของเขาได้ซึมซับภาพเขาในชุดบอลไว้ ฆาเบียร์ยิ้มกว้าง เมื่อดูจากด้านหลังแล้ว ด้วยผมทรงสกินเฮ้ดทำให้เจดูเหมือนเพื่อนๆ นักบอลวัยรุ่นของเขาที่ในตอนนั้นฮิตไปตัดผมทรงคีอานู รีฟส์จากเรื่อง Speed กันยกทีม เจสบตากับคนรักและค่อยๆ ก้าวเข้าหา และทรุดตัวลงนั่งคุกเข่าต่อหน้าคนรัก



"โค้ชครับ..."

เจพูดเบาๆ ด้วยท่าทางใสซื่อเหมือนเด็กมัธยม ฆาเบียร์ซ่อนยิ้ม ต่อให้เขาบอกว่าไม่อยากเล่นโรลเพลย์ เจ้าตัวดีก็จัดการลากเขากลับมาเข้าบทบาทจนได้

"ทำไมเหรอ นายเจนยุทธ?"

ฆาเบียร์ทำเสียงเข้ม เจเงยหน้าขึ้นสบตากับคนตัวโตที่นั่งค้ำหัวเขาอยู่และส่งยิ้มให้อย่างน่ารัก

"ผมปวดขาจากเกมเมื่อกี้มากเลยครับ โค้ชพอจะนวดให้ผมหน่อยได้ไหม?"

คนตัวเล็กอ้อนคนรักของเขาและซบหน้าลงไปบนท่อนขาแข็งแรงภายใต้กางเกงจ๊อกเกอร์เนื้อบางที่คนตัวโตใส่อยู่บ้าน ฆาเบียร์เชยคางเจขึ้น

"ได้สิ ขึ้นมานอนเลย เดี๋ยวฉันจะนวดให้เธอเอง"

 ฆาเบียร์ลุกขึ้นและให้เจนอนคว่ำลงบนเก้าอี้ฟิตเนส

"ดีขึ้นหรือยัง?"

คนตัวโตเริ่มลงมือนวดปลีน่องทั้งสองข้างของคนรัก เขากดและขยี้ให้กล้ามเนื้อที่เจสมมติว่าแข็งเกร็งได้คลายออก เจส่งเสียงครางแผ่วๆ อย่างจงใจเมื่อฝ่ามือร้อนผะผ่าวนั้นเริ่มนวดสูงขึ้นทุกที ฆาเบียร์กัดริมฝีปาก เจ้าตัวเล็กของเขาช่างยั่วนัก


"รู้สึกดีจังเลยครับ โค้ช"

เจพูดเสียงกระเส่า เขาขยับกายและแยกขาออกเพื่อให้ฆาเบียร์เข้ามานั่งกลางหว่างขาเขา คนตัวโตยกขาทั้งสองของคนรักมาวางบนขาของตนและขยับเข้าใกล้จนกลางกายเขาสัมผัสกับบั้นท้้ายของเจ

"เดี๋ยวฉันนวดหลังให้เธอนะ"

คนตัวโตพูดด้วยเสียงแหบพร่า เมื่อเจตอบรับแล้วเขาก็เลิกชายเสื้อพละสีแดงตัวนั้นขึ้นจนเห็นแผ่นหลังแล้วค่อยๆ ลงมือนวดเฟ้น

"เธอนี่ซ่อนรูปไม่เบานะ"

ฆาเบียร์พูดแม้รูปร่างของเจจะดูเพรียวบาง แต่ฆาเบียร์ก็รู้ว่าคนรักของเขานั้นมีดีกว่าที่เห็นเพียงใด ภายใต้ผิวขาวเนียนของเจนั้นคือมัดกล้ามที่แข็งแรงตามประสาคนที่ออกกำลังกายเป็นประจำ เขาลากนิ้วเขี่ยวนไล่เลาะลงไปตามแนวกระดูกสันหลังของคนที่ทอดกายอยู่เบื้องหน้า เจผวากายขึ้นน้อยๆ สัมผัสของคนรักทำให้เขาเริ่มตื่นตัวขึ้น ฆาเบียร์หัวเราะเบาๆ และเริ่มนวดต่ำลงมาเรื่อยๆ จนถึงบั้นเอว เจหัวเราะคิกออกมาเมื่อฆาเบียร์ขยำถูกจุด

"อย่าแกล้งผมสิครับ"

เจดิ้นไปดิ้นมาด้วยความจั๊กจี้ หากคนตัวโตกลับตัวเกร็งเมื่อสะโพกหนั่นแน่นภายใต้กางเกงบอลถูไปถูมากับกลางกายเขา เมื่อมองใบหน้าน้อยๆ ที่เปื้อนยิ้ม เขาก็รู้ได้ทันทีว่าคนที่ถูกแกล้งนั้นคงเป็นตัวเขามากกว่า



"โค้ชครับ..."

เจหันมาเรียก "โค้ช" ของเขาเบาๆ และพยายามปั้นหน้าให้ดูใสซื่อบริสุทธิ์ที่สุด

"อะไรไม่รู้ทิ่มก้นผมอยู่อ่ะครับ"

คนตัวโตมองสะโพกกลมกลึงเบื้องหน้าอย่างจนใจ เจทำท่าเหมือนจะขยับกายหนีแต่กลับยิ่งบดเบียดมันเข้ากับแก่นกายของเขาที่แข็งขืนจนโป่งนูนดันกางเกงออกมา ในที่สุดเขาก็อดรนทนไม่ได้จนต้องโน้มกายลงจูบต้นคอนวลเนียนอย่างหนักหน่วง ร่างกายส่วนหน้าของเขาทาบทับลงกับแผ่นหลังของคนที่นอนคว่ำกายอยู่เบื้องหน้า

"อย่าครับ โค้ชฆาเบียร์"

เจทำเสียงสั่น หากใจของเขาเต้นระรัวด้วยความตื่นเต้นเมื่อถูกคนรักสัมผัสอย่างรุนแรง คนตัวโตทั้งจูบ ทั้งกัดหลังคอและบนไหล่ของเจ เขาทิ้งรอยรักไว้เป็นทาง เสื้อบอลของเจนยุทธถูกเขาถอดออกและโยนทิ้งไปอย่างไม่ใยดี เจทำท่าขัดขืนพอเป็นพิธี หากท้ายที่สุดเขาก็โอนอ่อนผ่อนตาม เขาเอี้ยวคอมารับจูบอันดูดดื่มจากคนตัวโต ฝ่ามือใหญ่ที่ลูบไล้บนแผ่นหลังทำให้เจร้อนเร่าไปทั้งตัว น้ำหนักตัวที่ทาบทับลงมาและความร้อนของกายคนรักทำให้เจเองก็ทนไม่ไหวแล้วเช่นกัน เขาต้องการมากกว่าการหยอกเย้าเล่นแค่นี้

"โค้ชครับ ผมอึดอัด"

เจพูดด้วยเสียงหอบกระเส่า ฆาเบียร์ดันกายออก

"พลิกตัวมาซิ ขอฉันได้ดูหน้าเธอหน่อย"

คนตัวโตยังคงพูดด้วยน้ำเสียงเหมือนผู้ใหญ่พูดกับเด็ก เจค่อยๆ พลิกกายนอนหงาย หากเขายังใช้มือปิดหน้าเอาไว้ ฆาเบียร์ยืนคร่อมร่างเพรียวที่นอนชันเข่าอยู่บนม้านั่ง เขากลืนน้ำลายลงคอเมื่อเจบิดกายน้อยๆ ทำให้ส่วนขาที่ค่อนข้างกว้างของกางเกงบอลเลิกขึ้นจนเห็นแก้มก้นรำไร ฆาเบียร์ได้แต่ร้องตะโกนอยู่ในใจเมื่อเห็นว่าใต้กางเกงบอลของเจ้าตัวดีของเขานั้นว่างเปล่าไร้กางเกงชั้นใน



"นายเจนยุทธ..."

ฆาเบียร์ยังคงสวมบทบาทโค้ชของเขาต่อ เขาลงนั่งเบื้องหน้าของคนที่ทำเป็นปิดหน้าด้วยความเขินอาย เขาดึงมือทั้งสองข้างของคนรักออกเผยให้เห็นใบหน้าที่แดงเปล่งปลั่งด้วยสีของเลือดฝาด ดวงตาของคนรักของเขาฉ่ำเยิ้มไปด้วยอารมณ์ใคร่

"เป็นอะไรไป หืมม์? หน้าแดงเชียว ไม่สบายหรือเปล่า"

คนตัวโตทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ เขาสัมผัสใบหน้าแดงระเรื่อนั้นอย่างอ่อนโยน เจเม้มริมฝีปากเมื่อฝ่ามือใหญ่นั้นลูบไล้แก้มเนียนของเขา และไล่เรื่อยลงมายังลำคอและแผงอก

"ตรงนี้ก็แดงด้วยนะ..."

เจหายใจเข้าเฮือกใหญ่เมื่อปลายนิ้วของคนรักบีบเบาๆ เข้าที่ยอดอก คนตัวโตใช้นิ้วทั้งสองบีบคลึงเม็ดทับทิมที่แข็งเป็นไตจนเจหลุดครางเสียงหวานออกมา

"ผมรู้สึกแปลกๆ ครับ โค้ช อ๊ะ อย่า..."

เจผวากายขึ้นเมื่อคนตัวโตประกบริมฝีปากเข้ากับตุ่มไตของเขา ฆาเบียร์ดูดเลียเหมือนเด็กกินนมมารดา เขาทั้งงับเบาๆ และใช้ปลายจมูกดอมดมจนเจเสียวซ่านไปทั้งตัว



"เปียกเยิ้มเชียวนะ"

ฆาเบียร์ยิ้มกริ่มเมื่อเขาใช้มือเกาะกุมส่วนสงวนของเจนยุทธที่แข็งเป็นลำอยู่ใต้กางเกงผ้าเนื้อลื่น เขารู้สึกได้ถึงน้ำใสๆ ที่ซึมผ่านเนื้อผ้าออกมา

"โค้ชฆาเบียร์ครับ ผมอึดอัดมากเลย โค้ชช่วยผมหน่อยได้ไหมครับ?"

คนตัวเล็กส่งเสียงเว้าวอน เขาทนไม่ไหวแล้วจริงๆ ไม่ใช่แค่ทำไปตามบทบาท คนตัวโตหัวเราะเบาๆ เขาใช้มือถูและสัมผัสแท่งลำขนาดเกินตัวนั้นผ่านเนื้อผ้านิ่มๆ เจแอ่นกายและดันสะโพกขึ้นเป็นจังหวะให้รับกับสัมผัสของคนรัก​ ฆาเบียร์ใช้มืออีกข้างสอดเข้าไปในกางเกงขากว้างนั้นและสัมผัสกับถุงเนื้อที่ห้อยย้อยของเจนยุทธ เขากุมมันไว้ในอุ้งมือและลูบไล้เบาๆ จนเจตัวเกร็ง เขาซี้ดปากออกมาอย่างอดไม่ได้เมื่อคนรักเริ่มสัมผัสและนวดคลึงที่ปากช่องทางของเขาเบาๆ

"ถ้าอยากให้ฉันช่วย เธอก็ต้องช่วยฉันด้วยนะ นายเจนยุทธ"

ฆาเบียร์พูด แทนที่จะรอคำตอบ เขากลับหยุดมือและดึงร่างเจให้ลุกขึ้นจากเก้าอี้ เจงุนงงไปวูบหนึ่งก่อนจะยิ้มกว้างออกมาเมื่อเห็นท่าทางของคนรัก คนตัวโตสลัดจ๊อกเกอร์ของเขาออกและขึ้นไปนั่งแทนที่เจบนเก้าอี้ออกกำลังกายซึ่งมีพนักปรับได้ เขาปรับพนักซึ่งเมื่อสักครู่ปรับนอนราบไว้ให้ตั้งขึ้นเล็กน้อย จากนั้นดึงเจนยุทธซึ่งยังใส่กางเกงบอลอยู่ให้ขึ้นมาคร่อมกาย เจหันหน้าไปทางปลายเท้าของคนรักอย่างรู้งาน



"ใช่ แบบนั้นแหละ นายเจนยุทธ อืมม์ ดีจ้ะ อย่าให้โดนฟันนะ"

ฆาเบียร์พูดเสียงกระเส่าเมื่อคนรักเริ่มเลียไล้แก่นกายของเขา แม้เจจะพยายามทำท่าทางเงอะงะในทีแรกเพื่อให้ตรงตามคาแรคเตอร์ แต่สุดท้ายเขาก็บริการคนรักของเขาอย่างเต็มฝีมือจนคนตัวโตหอบครางออกมาอย่างหนัก

"โอย คุณครับ เดี๋ยวครับ ไม่ต้องทำแบบนั้นก็ได้"

เจขยับบั้นท้ายหนีคนรัก เมื่อฆาเบียร์ดึงกางเกงบอลของเขาลงจนพ้นสะโพกและทำท่าจะซุกไซ้ใบหน้าลง

"ไม่เป็นไรจ้ะ ฉันอยากทำให้เจจริงๆ"

คนตัวโตเงยหน้าขึ้นยิ้มให้คนรักที่ยอมหลุดคาแรคเตอร์แล้ว ก่อนที่จะก้มหน้าลงไปจัดการกับช่องทางสีชมพูที่อยู่ตรงหน้า เจผวากายเฮือกเมื่อสัมผัสถึงลิ้นร้อนๆ ที่ตวัดเข้าสู่ส่วนลึกของกาย เขาครางฮือออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่และซบหน้าลงกับหน้าท้องแบนราบไร้ไขมันของฆาเบียร์



"ฆาบี้ คุณ คุณครับ ผม ผมไม่ไหวแล้ว..."

เจพูดแทบไม่เป็นภาษา หัวของเขาโล่งไปหมด คนตัวโตใช้ทั้งปากและนิ้วจัดการช่องทางของเขาจนเขาปลดปล่อยออกมาครั้งหนึ่งแล้ว ฆาเบียร์หัวเราะเบาๆ และจัดการดึงกางเกงบอลที่เปรอะน้ำขุ่นข้นของเจออกและดันคนรักให้ขึ้นมานั่งตักโดยให้แผ่นหลังทาบกับแผงอกของเขา คนตัวโตปรับพนักเก้าอี้ให้ตั้งขึ้นอีกนิดจากนั้นนั่งเอนกายพิงมันโดยหย่อนขาทั้งสองข้างลง เจสลัดรองเท้าสตั๊ดของเขาทิ้งและทำท่าจะถอดถุงเท้าบอลออก

"ทิ้งมันไว้แบบนั้นแหละจ้ะ"

ฆาเบียร์พูด เจโคลงหัวเมื่อเห็นไฟในตาของคนรัก ไอ้เจ้าถุงเท้าฟุตบอลยาวเท่าเข่านี้คงช่วยกระตุ้นแฟนตาซีในหัวของฆาเบียร์ได้

"เอ้า นี่ครับ จะได้ทำความสะอาดง่ายๆ หน่อย"

เจส่งซองฟอยล์จากถุงอุปกรณ์ที่เขาเอาติดมือเข้ามาด้วยให้คนตัวโต ฆาเบียร์รับมาฉีกและรูดใส่ให้ตัวเองเช่นเดียวกับเจนยุทธ

"ใส่นี่ด้วยได้ไหม?"

ฆาเบียร์ยิ้มอายๆ พร้อมกับส่งเสื้อบอลของเจที่เมื่อกี้เขาถอดโยนทิ้งไว้ให้ เจโคลงหัวและรับมาสวมไว้แต่โดยดี

"คุณนี่มัน kinky จริงๆ นะฆาบี้"

เจหันไปจุ๊บปากคนรักเบาๆ และตัดสินใจสวมบทบาทอีกครั้ง



"โค้ชครับ แล้วผมต้องทำอะไรต่อ"

ฆาเบียร์หัวเราะเบาๆ

"ไม่ต้องมาโค้ชครับแล้วเจ ตอนนี้ฉันอยากได้เจที่เป็นเจนะ"

เจนยุทธเอียงคอหันไปแลบลิ้นให้คนรัก แต่ก็โดนปิดปากด้วยจูบอันอ่อนโยน พวกเขาดูดดึงริมฝีปากกันอย่างกระหายอีกครั้ง เจครางเบาๆ ในลำคอเมื่อลิ้นหนาของฆาเบียร์พลิกพริ้วอยู่ในโพรงปากของเขา จุมพิตของฆาเบียร์ทำให้เขาแทบขาดใจได้ทุกครั้ง คนตัวโตเองก็ซี้ดปากเมื่อเจจับแก่นกายที่แทบระเบิดแล้วของเขามาถูไถกับรอยแยกระหว่างก้อนเนื้อเปล่าเปลือยทั้งสองของตน เจที่นั่งคร่อมบนตักของฆาเบียร์เอนกายมาข้างหน้าน้อยๆ และส่ายสะโพกของตนช้าๆ เหมือนนักระบำบนตัก

"อ๊ะ ฆาบี้!"

เจอุทานเบาๆ เมื่อคนรักใช้แรงยกกายตนให้ลอยขึ้น

"เหยียบบนหน้าขาฉันเลย เจนยุทธ"

ฆาเบียร์กระซิบเสียงกระเส่า เจพยักหน้า เขาโหย่งกายขึ้นโดยมีฆาเบียร์ช่วยประคองก้นไว้และยกเท้าขึ้นเหยียบบนขาอันแข็งแรงของคนรัก

"ชำนาญเลยนะ"

คนตัวโตแซวคนรัก เจหัวเราะหึๆ เขาไม่อยากตอบว่าเขาเคยถูกสาวๆ ควบขี่ด้วยท่านี้มาแล้วหลายครั้งเช่นกัน ฆาเบียร์เองก็ไม่ถามอะไรต่อเพราะก็รู้คำตอบอยู่ในใจดีแล้วเหมือนกัน แต่ในตอนนี้เขาไม่ใส่ใจอดีตของคนรักแล้วและจดจ่ออยู่กับสิ่งที่จะเกิดขึ้นเท่านั้น



"ช้าๆ นะ เจ"

คนตัวโตค่อยๆ ใช้มือช่วยประคองสะโพกของเจให้กดลงบนส่วนแข็งเกร็งของเขาอย่างช้าๆ เจเม้มปากแน่นเมื่อรู้สึกถึงความคับตึงที่ช่องทางของเขา หากอะไรๆ ก็ผ่านไปได้ด้วยดีด้วยเจลจำนวนมาก เขาระบายลมหายใจออกเฮือกใหญ่และเปลี่ยนเป็นเสียงอุทานเมื่อคนรักอดรนทนไม่ไหวและเริ่มขยับอย่างหนักหน่วง

"ที่รักครับ ใจเย็น..."

เจพูดก่อนที่จะอดครางออกมาเบาๆ ไม่ได้ ถึงคนรักจะไม่ได้ล่วงล้ำเข้าไปจนสุดลำ ความเสียวซ่านที่ได้รับก็มากพอที่จะทำให้เจครวญครางออกมาได้ไม่หยุดปาก ฆาเบียร์เองก็พยายามอดกลั้นและอ่อนโยนกับเจให้มากที่สุดเพื่อไม่ให้คนรักของเขาได้เจ็บตัว

"โอ ดีครับ ฆาบี้"

เจซี้ดปากลั่น เขานั่งชันเข่าและแบะขาออกกว้างโดยใช้ขาของคนตัวโตเป็นฐาน เขาเอนกายลงพิงแผงอกกว้างและใช้มือค้ำยันกับพนักเก้าอี้ออกกำลังกายที่หลังหัวของคนรัก คนตัวเล็กขยับกายขึ้นลงโดยมีฆาเบียร์ช่วยประคองสะโพกไว้เพื่อคุมจังหวะ เจสะบัดหน้าเริดและครางกระเส่าเมื่อแก่นกายของคนรักกระแทกเข้ากับจุดเสียวของเขาเต็มๆ คนตัวโตเองก็เสยสะโพกขึ้นอย่างขันแข็ง จังหวะของทั้งคู่สอดประสานไปพร้อมๆ กับเสียงคราง เสียงหอบหายใจหนักๆ เสียงสูดปากและเสียงสบถที่ดังระงมด้วยความเมามันในอารมณ์

"ผมรักคุณครับ ฆาบี้"

เจกระซิบแผ่วๆ เมื่อฆาเบียร์เริ่มผ่อนจังหวะลงบ้าง เขาก้มหน้าเปื้อนยิ้มลงไปหาคนรักที่กำลังเพลินกับการจูบไล่ตามสีข้างของเขาอย่างอ่อนโยนและมอบจูบอันอ่อนหวานให้เมียตัวโตของเขา ฆาเบียร์ป้อนจูบให้ตอบแทนคำว่ารัก ทั้งคู่สบตาและยิ้มให้กัน แม้เซ็กส์ของพวกเขาจะเร่าร้อนรุนแรงเหมือนกับที่เคยทำกับคนอื่นๆ แต่สัมผัสเล็กๆ น้อยๆ อันอ่อนโยนและเปี่ยมด้วยความรักแบบนี้ทำให้การร่วมรักของพวกเขานั้นพิเศษ



"เจจ๊ะ ดูนั่นสิ แจ่มไปเลยนะ"

ฆาเบียร์กระซิบพร้อมกับจูบคลึงอยู่ที่ซอกคอและใบหูของคนรัก เขาชี้ให้เจดูอะไรบางอย่าง เจเงยหน้าขึ้นมองแล้วก็ต้องหน้าร้อนวาบเมื่อเห็นภาพที่สะท้อนออกมาจากกระจกที่เขาติดไว้บนผนัง จุดประสงค์ของมันก็เพื่อเอาไว้ดูท่าทางของตนเองตอนที่ยกเวท หากตอนนี้มันกลายเป็นภาพสะท้อนของตัวเองซึ่งกำลังควบขี่แท่งลำแข็งเกร็งของคนตัวโต​ไปเสียแล้ว

"อย่าเบือนหน้าหนีสิ เจ นายไม่อยากเห็นเหรอว่าตัวเองเซ็กซี่แค่ไหนเวลาโดนฉันกอด"

เจหน้าแดงก่ำเมื่อได้ยินเสียงพูดกลั้วหัวเราะที่ข้างหู เขาพยายามหันหน้าไปทางอื่นแต่ก็โดนคนรักดันหน้าให้หันกลับมามอง แม้นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เจเห็นภาพตัวเองตอนประกอบกิจเพราะเขาเคยพาสาวๆ ของเขาเข้าม่านรูดที่มีกระจกติดอยู่ในห้องมาหลายต่อหลายครั้ง แต่ไม่มีครั้งไหนที่ทำให้เขารู้สึกเขินอายได้เท่าคราวนี้ เขาค่อยๆ เปิดตาขึ้นดูภาพของตนในกระจกแล้วก็ต้องหน้าร้อนวาบอีกครั้ง ร่างกายของเขาที่มีแก่นกายของฆาเบียร์ขยับเข้าออกที่ช่องทางรักช่างดูลามกแต่ก็ดูเย้ายวนนัก และเขาก็ไม่เคยรู้เลยว่าใบหน้าของตัวเองเวลาถูกฆาเบียร์กอดจะดูยั่วอารมณ์ถึงขนาดนี้

"อา คุณครับ อย่าเร่งนัก ผม...ผม..."

ยิ่งเห็นคนรักเขินอาย ฆาเบียร์ก็ยิ่งเร่งเร้า เขาเหนี่ยวสะโพกคนรักลงกระแทกลงกับแก่นกายตนอีกไม่กี่ครั้งก่อนที่เจจะหอบหายใจหนักๆ และทิ้งกายลงพิงร่างของเขาอย่างหมดแรง



"ดีไหมจ๊ะ?"

คนตัวโตถามคนรักที่หลับตานิ่งพิงอกเขา เจลืมตาและพยักหน้าอย่างเหนื่อยอ่อน เขาหันไปจุ๊บริมฝีปากบางที่แดงระเรื่อเพราะเลือดฝาดเบาๆ ฆาเบียร์จูบตอบหนักๆ และโอบรัดร่างในอ้อมอกไว้อย่างหวงแหน

"คุณยังไม่เสร็จใช่ไหมครับ?"

เจนยุทธถาม เขายังรู้สึกถึงความแน่นตึง เจพยายามจัดท่าทางของตนใหม่เพื่อที่จะได้เริ่มเกมรักยกใหม่ หากฆาเบียร์ส่ายหน้าและค่อยๆ ถอนแก่นกายออก เจซี้ดปากเบาๆ อีกครั้งเมื่อสิ่งที่คับแน่นอยู่หลุดออกไป เขาทิ้งกายลงนั่งบนตักคนรักอีกครั้งอย่างหมดแรง

"จะไม่ทำจริงๆ เหรอครับ?"

"ยังก่อนจ้ะ..."

"แต่คุณจะไม่ค้างเหรอครับ"

เจถามอย่างลังเล ฆาเบียร์หัวเราะเบาๆ และหอมแก้มแดงๆ ของคนรักฟอดใหญ่

"ไม่ใช่ว่าฉันจะไม่ทำต่อ เดี๋ยวฉันทำแน่ แต่ตอนนี้ฉันอยากกอดเจบนเตียงแล้วมากกว่า ไอ้เจ้าม้านั่งนี่มันแข็ง ฉันเจ็บหลัง"

คนตัวโตอ้อมแอ้มพูดประโยคหลัง เขารีบยกมือปิดปากคนรักที่ทำตาโตและเตรียมจะแซวเขาออกมา เขาชวนเจนยุทธกลับเข้าไปในห้องนอน เจโคลงหัวและหัวเราะเบาๆ เมื่อคนตัวโตทำท่านึกบางอย่างออกและพูดโพล่งออกมา

"อ้อ แล้วอย่าเพิ่งถอดเสื้อกับถุงเท้านะ"




------------------------------------------


ตอนนี้มันก็จะเผ็ชหน่อยๆ เนาะ หวังว่าจะถูกใจกันบ้างนะคะ ช่วงนี้รู้สึกเขียน NC ได้ไม่ค่อยถึงไงก็ไม่รู้ อาจจะเริ่มตัน ฮ่าๆๆ อิคู่นี่ก็ปล้ำกันบ่อยจริง หมดมุขแล้วนะเนี่ย


มาต่อกันเรื่องอาหารเสฉวนกันนะคะ แนะนำคร่าวๆ ก่อนนะคะ

เกี่ยวกับอาหารเสฉวน http://bit.ly/2Fo8a2y


แม้ว่าที่เชียงใหม่ในตอนนี้จะฮิตหมาล่ามากๆ มีทั้งร้านปิ้งย่างและหม้อไฟหมาล่าเปิดเต็มไปหมด แต่อาหารเสฉวนแท้ๆ นี่หากินได้ยากค่ะ คนเขียนเองเคยกินแบบจริงๆ จังๆ ที่แรกก็คือที่ห้องอาหาร China Kitchen นี่แหละค่ะ สำหรับคนเขียนแล้วคิดว่าราคาอาหารสมเหตุสมผล เว้นแต่อาหารซีฟู้ดบางอย่างที่ก็แพงโดดไปแบบงงๆ รสชาติก็ดีเป็นอย่างๆ ค่ะ ที่ชอบก็คือที่เอามาลงไว้ในตอนนี้นี่แหละค่ะ ร้านนี้คอนเฟิร์มว่ารสชาติอาหารยังเป็นเหมือนในเรื่องเพราะว่าสัปดาห์นี้ไปมาสองรอบแล้ว แต่พนักงานบอกว่าอีกไม่นานจะมีการปรับเมนู อาจมีอาหารใหม่มาเพิ่ม และจะปรับราคาอาหารขึ้น แต่ไม่น่าจะขึ้นมากค่ะ

รีวิว China Kitchen http://bit.ly/2SVoivy

เมนู จะเห็นได้ว่าบางจานถูกเว่อร์เมื่อเทียบกับว่าเป็นอาหารโรงแรมค่ะ http://bit.ly/2AGXacg

ว่าด้วยโต้วป้านเจี้ยง http://bit.ly/2D5uueJ

ตบท้ายด้วยตัวอย่างร้านอาหารจีนแบบแปลกๆ ร้านอื่นในจังหวัดเชียงใหม่  http://bit.ly/2RpfHo9


ช่วงนี้คนเขียนอาจจะเขียนช้าลงหน่อยนะคะ แต่พยายามจะมาภายใน 7-10 วัน รอนิดนึงนะคะ กำลังกระตุ้นตัวเองให้ขยันเหมือนกัน แต่อากาศช่วงนี้มันชวนขี้เกียจเหลือเกิน แหะๆๆ ใครว่างๆ ก็แวะไปทักทายกันได้ที่เฟซบุ๊คและทวิตเตอร์นะคะ ในเฟซบุ๊ค ถ้าไม่ขี้เกียจก็จะทยอยเอารายละเอียดและภาพเพิ่มเติมของร้านที่ลงในเรื่องไปแปะด้วย (หวังว่าจะทำได้) ส่วนทวิตเตอร์ก็เน้นกรี๊ดบ่าวค่ะ

เพจ fb ค่ะ https://www.facebook.com/LaVidaSinTuAmor/

ทวิตเตอร์ค่ะ https://twitter.com/VidaSinTuAmorTH





ออฟไลน์ La Vida Sin Tu Amor

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-1



---- เบอเกอร์แสนอร่อย ----





"เจ...baby...เฮ้..."

ฆาเบียร์ตบเบาๆ ที่แก้มของคนที่ฟุบหน้านิ่งกับบ่าของเขาอย่างร้อนใจ แต่ก็เบาใจลงเมื่อคนตัวเล็กส่งเสียงตอบรับแผ่วเบา

"ขยับไหวไหม เจ?"

คนตัวโตโอบร่างชุ่มเหงื่อที่นั่งระทดระทวยคร่อมบนตักของเขาไว้ เจนยุทธส่ายหัวน้อยๆ แต่ก็พยายามยันกายออกจากอ้อมอกของคนที่ทำให้เขาหมดสภาพอยู่ในตอนนี้

"ระวัง!!"

ฆาเบียร์คว้าร่างเจนยุทธที่พยายามจะลงจากเตียงแต่ก็ขาอ่อนและเกือบทรุดฮวบลงกับพื้น

"โธ่ เจ ฉันขอโทษจริงๆ"

หนุ่มใหญ่เชื้อสายละตินจับคนรักของเขาเอนหลังลงนอนบนเตียง ส่วนตัวเองซบหน้าลงกับอกขาวเนียนซึ่งตอนนี้เปรอะไปด้วยรอยสีกุหลาบ เจลูบผมคนรักเบาๆ

"ไม่ต้องขอโทษหรอกครับ ฆาบี้..."

เจนยุทธหยุดและไอเบาๆ คนตัวโตยิ่งใจเสียเมื่อได้ยินเสียงแหบแห้งที่หลุดออกจากปากของคนรัก เขารัดร่างเพรียวไว้แน่น



"นายไม่น่าตามใจฉันขนาดนี้เลย"

 ฆาเบียร์บ่นและก่นด่าตัวเองที่ทำตามใจโดยลืมนึกคนรัก แม้จะบ่นเจ็บหลังเมื่อสักครู่ แต่เมื่อถึงห้องนอน เขาก็ไม่ปล่อยให้เจได้พักผ่อน เขาตั้งหน้าตั้งตาปรนเปรอคนรักพร้อมกับตักตวงความสุขจากร่างเพรียวนั้นครั้งแล้วครั้งเล่า เขาพรมจูบไปทั่วกายของเจนยุทธ เขาเพริดไปกับแฟนตาซีที่ว่าเขากลับไปเป็นหนุ่มอีกครั้งและกำลังแอบร่วมรักกับเพื่อนร่วมทีมในห้องพักนักกีฬา ยามเขาดันกายเจที่ยังใส่เสื้อบอลติดผนังห้อง หรือยามที่เขาจูบขาขาวเนียนแต่แข็งแรงและใช้ฟันดึงรั้งถุงเท้ายาวเท่าเข่าลง มันทำให้เขายิ่งคลั่ง เขาส่งเจถึงสวรรค์นับครั้งไม่ถ้วน หากแทนที่เขาจะรู้สึกเต็มอิ่ม เขากลับรู้สึกอยากได้มากขึ้นเรื่อยๆ แต่สุดท้ายเขาก็ต้องหยุดเมื่อเจทำท่าเหมือนจะสลบอยู่ในอ้อมกอดของเขา

"เดี๋ยวฉันจะพานายไปอาบน้ำนะ..."

คนตัวโตประคองคนรักให้ลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียงไว้ ส่วนตัวเขาก็ไล่เก็บสารพัดอุปกรณ์และตัวช่วยที่กระจายเต็มเตียงใส่ตะกร้า และหยิบทิชชู่กับเครื่องป้องกันที่เขาใส่ให้ทั้งตัวเองและเจทิ้งถังขยะ เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่เมื่อหยิบกล่องถุงยางไซส์ของตัวเองขึ้นมาเขย่าและพบว่ามันว่างเปล่า



"หมดแล้วเหรอครับ?"

เจขมวดคิ้ว เขาจำได้ว่าฆาเบียร์เพิ่งเปิดกล่องที่บรรจุ 12 ชิ้นนี้ไปเมื่อไม่กี่วันมานี้

"จ้ะ สงสัยว่าฉันคงต้องสั่งซื้อจากสหรัฐฯ มาอีกแล้ว"

"ใช้ของผมไม่ได้เหรอครับ?"

เจหลับหูหลับตาถามด้วยความง่วง เขามักสั่งของจำเป็นแบบบางเฉียบแบรนด์ญี่ปุ่นสำหรับตัวเองจากร้านค้าออนไลน์ ฆาเบียร์หัวเราะเบาๆ แล้วส่ายหน้า เจจิ๊ปาก

"เออ ใช่สิ ผมมันไม่ใช่พ่อพันธุ์ฟาร์มม้าเหมือนคุณนี่"

คนตัวเล็กทำหน้าคว่ำ ถึงเขาจะมั่นใจในตัวเองแค่ไหนแต่ก็ยังเทียบไซส์กับคนที่โตไปทั้งตัวอย่างคนรักชาวต่างชาติของเขาไม่ได้อยู่ดี

"โธ่ เจ ขนาดมันไม่ได้สำคัญอะไรเลยนะ ฉันยังกังวลด้วยซ้ำว่าจะทำให้นายเจ็บ"

ฆาเบียร์ซึ่งเคยภูมิใจกับความเป็นชายของตัวเองมาตลอดพูดเสียงอ่อยๆ แม้เขาจะพยายามทะนุถนอมคนรักซึ่งไม่คุ้นชินกับการเป็นฝ่ายรองรับเท่าไหร่ แต่หลายครั้งที่เมื่ออารมณ์ใคร่มาบดบังสติ เขาก็มักจะเผลอตัวจัดหนักคนรักของเขาเสมออย่างเช่นในคืนนี้



"เจ็บไหมจ๊ะ คนดีของฉัน?"

ฆาเบียร์ดึงคนรักเข้ามาแนบกายและหอมแก้มใสๆ นั้นเบาๆ เจถอนหายใจเฮือกใหญ่และพยักหน้าน้อยๆ ในตอนนี้เขาไม่อยากทำอะไรนอกจากนอนนิ่งๆ นอกจากจะเจ็บแปลบไปทั้งช่องทางแล้ว ทั้งเอว สะโพก ต้นขาของเขาก็ยังปวดร้าวจนแทบไม่อยากยืน เขายังสงสัยว่าก้นน้อยๆ ของเขาคงต้องช้ำจากแรงขยำขยี้ของคนที่สติขาดผึงไปเพราะชุดบอล

“ไม่ต้องให้ผมใส่มันแล้วนะ ไอ้ชุดบอลเนี่ย”

เจบ่นอุบอิบแล้วค่อยๆ ยันกายลุกขึ้นจากเตียงโดยมีฆาเบียร์รีบเข้าไปประคอง หากเมื่อเขาพาคนรักตัวเล็กของเขาลุกขึ้น คนตัวโตเองกลับเป็นฝ่ายแข้งขาอ่อนจนต้องนั่งแปะกลับลงไปบนเตียงใหม่ เจหัวเราะหึๆ

“ไงล่ะครับ นึกว่าตัวเองเป็นหนุ่มสิบเจ็ด ลืมไปแล้วหรือไงครับว่าเมื่อวันก่อนคุณก็เพิ่งบ่นปวดเนื้อปวดตัวเพราะเตะบอลมาอยู่หยกๆ”

เจกระเซ้าคนที่หน้ามืดจนลืมสังขารตน แม้ฆาเบียร์จะยังคงแข็งแรง แต่เขาก็เพิ่งใช้ร่างกายจนเกินขีดจำกัดของตัวเองมาเมื่อวันก่อน

“ก็นายยั่วซะขนาดนี้ ใครจะไปทนไหวล่ะ”

คนตัวโตบ่นอุบอิบแล้วหันไปกอดเอวและหอมแก้มคนรักฟอดใหญ่ด้วยความมันเขี้ยว ภาพของเจที่กำลังรับเอาส่วนสงวนของเขาเข้าไปที่สะท้อนออกมาจากกระจกบานใหญ่นั้นยังติดอยู่ในหัวของเขา

“เฮ้ยๆๆๆ คิดอะไรลามกอีกล่ะคุณ”

เจร้องออกมาเมื่อบางส่วนของคนรักดูจะปึ๋งปั๋งขึ้นมาอีก แถมเจ้าตัวยังพยายามจะดึงมือเขาให้ไปช่วยผ่อนคลายความตึงเครียดอีกต่างหาก ฆาเบียร์ยิ้มเขินๆ และไม่ฝืนใจคนรักอีก

“ไปๆ อาบน้ำกันเถอะครับ ใกล้เช้าแล้ว ให้ตายสิ”

เจบ่นเบาๆ เมื่อเห็นเวลาจากในมือถือ ฆาเบียร์ดึงจังหวะให้การร่วมรักของพวกเขายาวนานหลายชั่วโมง เจจำได้รางๆ ว่ามีบางช่วงที่พวกเขาต่างก็ผลอยหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย แต่เขาก็สะดุ้งตื่นขึ้นเมื่อถูกคนตัวโตกระตุ้นเร้าอีกครั้ง



“ทำไมคุณถึงได้หื่นขนาดนี้ ฮึ?”

เจบ่นเบาๆ กับคนที่นั่งอยู่เคียงข้างบนแท่นนั่งอาบน้ำ เขาเทแชมพูและขยี้ลงบนผมสีน้ำตาลยาวระบ่าที่เมื่อสักครู่เปียกเหนียวไปด้วยเหงื่อ ฆาเบียร์นั่งตะแคงข้างและเอนหลังพิงอกคนรักและปล่อยให้เจสระผมให้อย่างสบายอารมณ์ เขาหัวเราะเบาๆ เมื่อได้ยินคำประท้วงของคนรัก

“หื่นอะไรกัน เจ ใครกันที่บอกฉันว่าเอาอีกๆ ให้ทำอีกเยอะๆ “

เจหน้าแดงซ่านเมื่อคนรักแกล้งทำเสียงกระเส่าครางว่า “more...more” เลียนแบบคำพูดของเขาเมื่อก่อนหน้านี้

“บ้า ผมไม่ได้ทำเสียงน่าเกลียดขนาดนั้นซักหน่อย”

เจนยุทธผลักไหล่กว้างตรงหน้าจนคนตัวโตเซไป หากคนรักของเขายังหัวเราะร่วน

“ให้ตายสิ นี่ไปแอบเล่นยาอะไรมาหรือเปล่าถึงได้คึกขนาดนี้ครับ ฆาบี้?”

เจส่ายหัวดิกพร้อมกับเปิดน้ำอุ่นล้างฟองแชมพูออกจากหัวของคนที่หลับตาพริ้ม

“ยาที่ชื่อเจนยุทธไงจ๊ะ โดนทีไรฉันทั้งเคลิ้มทั้งมีความสุข”

คนตัวโตยิ้มพรายและเอียงหน้ามาขอจูบจากคนรัก เจโคลงหัวอีกครั้งแต่ก็จุ๊บเร็วๆ ที่ริมฝีปากของตาลุงขี้อ้อนของเขา



“ฉันตัดผมมั่งดีไหมนะ?”

ฆาเบียร์บ่นเบาๆ พร้อมลูบผมเปียกชื้นของตน

“อย่านะ ผมคุณสวยจะตาย ห้ามตัด”

เจเอ็ดเบาๆ พร้อมกับเปิดสวิตช์ไดร์เป่าผม ฆาเบียร์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ เขาง่วงเต็มทนแล้ว แต่เจยังไม่ปล่อยให้เขานอน

“เป่าลมร้อนก็ได้จ้ะ จะได้แห้งเร็วๆ”

คนที่นั่งหลับตาสัปหงกโยกเยกไปมาอยู่บอกเบาๆ เจเป่าผมเขามาครู่ใหญ่แล้ว หากเจนยุทธส่ายหัว

“เดี๋ยวผมเสียหมดอ่ะคุณ เป่าแค่ลมอุ่นๆ นี่แหละ”

เจพูดพลางค่อยๆ ใช้นิ้วสางผมสีน้ำตาลเป็นประกายของคนรัก เขาก้มลงจูบเรือนผมหอมกรุ่นเบื้องหน้ายามเป่าเสร็จ ฆาเบียร์ถอนหายใจเบาๆ

“พรุ่งนี้ฉันก็ต้องสระผมเองอีกแล้วสินะ”

เขาโพล่งออกมาเบาๆ ก่อนที่ความเงียบจะเข้ามาปกคลุมห้องนอน ทั้งสองต่างนิ่งและคิดถึงเวลาที่ต้องอยู่ห่างกันอีกครั้ง

“ก็ไปสระร้านสิคุณ จะไปยากอะไร”

เจพยายามพูดตลกและหัวเราะออกมาเบาๆ หากทั้งเขาและฆาเบียร์ก็รู้ดีว่ามันเป็นการฝืนทำ



“ตั้งนาฬิกาปลุกแล้วใช่ไหมครับ?”

เจถาม ฆาเบียร์พยักหน้าและยกมือถือของตนมาให้คนรักดู

“เจล่ะ ตื่นไหวแน่นะ?”

คนตัวโตถามเจนยุทธด้วยความเป็นห่วง ถึงเจจะดูโอเคขึ้นหลังจากได้อาบน้ำอุ่นๆ แต่เขารู้ได้จากการเดินเหินของคนตัวเล็กว่าสิ่งที่เขาทำไปเมื่อสักครู่คงส่งผลต่อร่างกายคนรักไม่ใช่น้อย

“ไหวครับ คุณเหอะนอนให้พอล่ะ แล้วอย่าคึกตื่นเช้ามาทำอะไรผมอีกล่ะ”

เจทำพูดติดตลก แต่น้ำเสียงของเขานั้นจริงจัง เขาไม่ไว้ใจคนแก่จอมหื่นของเขาเลยในวันนี้

“ไม่ทำอะไรแล้วจ้ะ”

ฆาเบียร์กระชับวงแขนเข้าและกอดคนรักแน่นขึ้น เขาหอมผมสั้นเกือบติดหนังหัวของเจฟอดใหญ่



“ฉันทำนายเจ็บมากไหม?”

เมียตัวโตของเจถามอย่างรู้สึกผิด เมื่อสักครู่ตอนกลับมาที่เตียง พวกเขาก็ต้องเปลี่ยนผ้าปูเก่าออกเพราะมันเต็มไปด้วยคราบกิจกรรม แม้ทั้งคู่จะใส่เครื่องป้องกันแล้ว หากของเหลวภายในก็ไหลออกมาเปรอะเตียงยามที่ฆาเบียร์ดึงมันออกมาโยนทิ้งไว้บนเตียงอย่างไม่ใยดี หากนั่นไม่ใช่เพียงสิ่งเดียวที่เปรอะเตียง ฆาเบียร์ต้องด่าตัวเองเบาๆ เมื่อเขาเจอเลือดปะปนอยู่ด้วย

“เจ็บ แต่ก็เสียวมาก ดีมากเหมือนกันครับ”

เจยิ้มและพยายามพูดให้คนตัวโตสบายใจ โดยปกติแล้วคนตัวโตจะพยายามร่วมรักกับเขาด้วยความนุ่มนวลด้วยรู้ว่าเขาไม่ได้คุ้นชินกับการเป็นฝ่ายถูกกอดนัก หากเมื่อคืน ฆาเบียร์ที่ถูกกระตุ้นจนปล่อยสัญชาตญาณดิบออกมาเต็มที่ก็เผลอทำรุนแรงไปบ้าง เขาไม่กล้าบอกคนรักว่าช่วงท้ายๆ นั้นช่วงล่างของเขาชาดิกจนแทบไม่รู้สึกอะไรแล้ว

“เจ พูดความจริงมาเถอะ ไม่ต้องพูดให้ฉันรู้สึกดี”

ฆาเบียร์โพล่งออกมาแทบจะทันที เขาจับความรู้สึกของเจได้เลาๆ เจนยุทธถอนหายใจและบอกไปตามจริง

“โธ่ เจ วันหลังถ้านายอยากพอแล้วก็ต้องบอกฉัน เข้าใจไหม?!”

คนตัวโตเอ็ดลั่นพร้อมกับกอดคนรักไว้แน่น เขาแนบแก้มลงกับแก้มของเจ

“ก็ผมเห็นคุณดูมีความสุขมาก สนุกมาก ผมก็ไม่อยากไปห้ามคุณอ่ะ”

เจพูดเสียงอ่อยๆ คนตัวโตทำหน้าเครียด

“นายก็น่าจะรู้ว่าเซ็กส์มันเป็นเรื่องของคนสองคน ไม่ใช่ให้ฝ่ายหนึ่งรู้สึกดีอยู่ฝ่ายเดียว ถ้าฉันสุขแต่นายเจ็บมันก็ไม่ต่างอะไรกับข่มขืน”

“มันก็ไม่ได้แย่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ”

เจพยายามพูดให้คนตัวโตรู้สึกดีขึ้น ฆาเบียร์เปลี่ยนท่ามาซบหน้าลงกับอกของคนรัก



“ทำไมนายถึงใจดีกับฉันขนาดนี้นะ เจนยุทธ นายจะทำให้ฉันสุขเกินไปจนเสียคนแล้วนะ รู้ไหม?”

เจลูบผมสลวยของคนรัก

“คุณก็พูดเกินไปน่า ผมจะไปสู้พวกหนุ่มๆ เชี่ยวๆ ของคุณได้ไง อย่างเฟลิเป้นี่น่าจะตัวอ่อน พลิกแพลงได้สารพัดท่าเลยใช่ไหม?”

เจกระเซ้า เขาเคยมีประสบการณ์กับสาวๆ ตัวอ่อนอย่างพวกที่เล่นโยคะและรู้ดีว่ามันช่วยเรื่องเซ็กส์ได้ดี เขาจึงคิดว่าหนุ่มนักบัลเลต์อย่างเฟลิเป้ก็คงไม่ต่างกัน คนตัวโตหน้าแดงซ่าน

“นายก็อย่าเทียบสิ มันไม่เหมือนกัน”

คนตัวโตบ่นอุบอิบ และพยายามเปลี่ยนเรื่องด้วยการไล่จูบเบาๆ ตามที่ตรงนั้นตรงนี้

“หึ ไม่ต้องเปลี่ยนเรื่องเลย ผมเองก็อยากตอบสนองคุณได้บ้างนะครับฆาบี้ ผมรู้ความต้องการของคุณดี…”

เจถอนหายใจเมื่อนึกถึงสิ่งที่เพื่อนของเขาเคยพูดไว้เมื่อวันก่อน

“อย่างกับนายของมาร์วิน คุณยังเคยปิดห้องมีอะไรกันสามวันสามคืนเลยไม่ใช่เหรอ ผมคงทำให้คุณขนาดนั้นไม่ได้อ่ะ”

คนตัวโตอุทานออกมา และหัวเราะออกมาเบาๆ

“หัวเราะอะไรครับ”

เจนยุทธแว๊ดคนรักของเขา หากฆาเบียร์จุ๊บปากรูปกระจับที่เม้มแน่นนั้นก่อนที่จะอธิบาย



“ที่จริงพวกลูกน้องของนิคกี้เขาเข้าใจผิดน่ะ แต่ฉันก็ไม่อยากจะอธิบายอะไรมาก เพราะมันจะทำให้นิคกี้เขาดูไม่ดี…”

ฆาเบียร์อธิบายว่าจริงอยู่ที่นิโคลัสมีเซ็กส์กับเขาทุกครั้งที่ได้เจอกัน แต่พวกเขาก็ไม่ได้หลับนอนด้วยกันตลอดทั้งวันทั้งคืนเหมือนกับที่พูดกันไป

“เราก็มีอะไรกันบ้างตามที่แรงจะเอื้ออำนวย จากนั้นนิคกี้เขาก็จะใช้เวลานอนหลับพักผ่อน เขาบอกว่าเซ็กส์กับฉันช่วยให้เขานอนหลับได้สนิท เขาทำแบบนี้เพื่อเป็นการชาร์จแบตจากภาระงานน่ะ”

“อ้าว แล้วที่ว่าแม่บ้านเข้าห้องไปทีไรพวกคุณก็ไม่นุ่งผ้าผ่อนกันล่ะ?”

เจถามอย่างสงสัย

"ถ้าเป็นช่วงไม่ได้มีอะไรกัน ทำไมไม่ใส่เสื้อใส่ผ้ากันมั่งล่ะครับ?"

คนตัวโตยิ้มกริ่ม เขาคิดว่าเจนยุทธไม่น่าจะเดาเหตุผลออก

“นายอย่าเอาไปพูดให้ใครฟังล่ะ”

ฆาเบียร์ทำกระซิบกระซาบเหมือนมีคนอยู่รอบกาย เจทำตาโตและพยักหน้ารัวๆ

“จริงๆ นิคกี้เขาเป็นพวก exhibitionist”

เจอุทานออกมาเบาๆ เมื่อคนรักบอกว่าหนุ่มของเขาคนนั้นเป็นพวกชอบโชว์

“ตอนที่ฉันเจอเขาที่นิวยอร์ค ตอนนั้นหน้าที่การงานของเขาและฉันยังไม่ใหญ่โตขนาดนี้ บางครั้งเราก็จะมีอะไรกันกลางผับ ก็แอบๆ อ่ะนะ แต่ก็โจ่งแจ้งพอให้รู้ว่ามีคนแอบดูหรืออาจมีคนเห็นได้ เขาจะตื่นเต้นกับแบบนั้น หรือบางทีเราก็มีอะไรกันที่ห้องของเขาแบบไม่ปิดม่าน หรือไม่ก็ที่ระเบียง ในพาร์คก็เคย นายอยากลองไหม ตื่นเต้นดีนะ”

เจหวดเบาๆ เข้าที่แขนของคนรักและส่ายหน้าระรัว

“…พอย้ายมาอยู่ฮ่องกง ตอนที่พวกเรากลับมาเจอกันอีก ด้วยหน้าที่การงานและสภาพสังคมทำให้เขาทำอะไรขนาดนั้นไม่ได้ เขาก็เลยได้แค่แก้ผ้าเดินไปเดินมาในห้องแล้วก็เปิดผ้าม่านห้องทิ้งไว้พอให้ได้อารมณ์เหมือนกับว่าจะมีคนมองเห็นได้”



“แล้วคุณก็เป็นพวกชอบโชว์เหมือนกันเหรอ?”

เจนยุทธถามอย่างสงสัย เขาหน้าแดงเมื่ออดนึกถึงตอนที่คนตัวโตจับเขาจัดการที่อ่างน้ำร้อนหน้าเรือนพักของอาปาที่รร.โฟร์ซีซันส์ไม่ได้ หากฆาเบียร์ส่ายหัว

“ไม่หรอกจ้ะ ฉันก็แค่ทำเพื่อสนองความต้องการให้คู่นอนของฉันได้มีความสุขที่สุด แค่นั้นเอง ฉันก็ทำแบบนี้กับคนอื่นๆ เหมือนกัน อย่างถ้าเจอคนที่ชอบให้รุนแรงด้วย ฉันก็จะทำให้เท่าที่ทำได้ แต่ฉันก็มีลิมิตของฉันเหมือนกัน บางอย่างฉันก็สนองให้ไม่ได้”

คนตัวโตพูดยิ้มๆ และแอบหอมคนรักฟอดใหญ่ แต่เจทำหน้าจ๋อย

“งั้นที่คุณยอมให้ผมกอดเนี่ย คุณมีความสุขจริงไหม หรือแค่อยากตอบสนองความต้องการของผมครับ?”

“คิดมากไม่เข้าเรื่องอีกแล้วนะเรา”

ฆาเบียร์เคาะหน้าผากคนคิดมากเบาๆ

“ฉันก็บอกแล้วว่าฉันมีลิมิต ฉันยอมตามใจคู่นอนฉันแทบทุกเรื่องเว้นแค่เรื่องนั้นนะรู้ไหม? ที่ฉันยอมให้นายเพราะว่าฉันเต็มใจจริงๆ ไม่ใช่ตกกะไดพลอยโจนเพราะเคยโดนนายทำไปแล้วครั้งหนึ่งด้วย”

คนตัวโตมองหน้าคนรักที่ยังทำหน้านิ่ว เจถามต่อ

“เพราะคนอื่นไม่เคยขอคุณให้ทำหรือเปล่าครับ ก็ท่าทางคุณบอกชัดเจนว่าไม่ยอมให้ใครแน่นอน”

ฆาเบียร์หัวเราะหึๆ เจนยุทธรู้อะไรน้อยไป



“นายไม่รู้อะไรซะแล้ว พวกคู่นอนฉันประเภทที่ได้ทุกแบบอย่างคุณเพเทรลลี่หรือฌองน่ะเล็งก้นฉันอยู่ตลอดนะ  พยายามขอกันเหลือเกิน โดยเฉพาะไอ้เวรฌองนั่น ฉันเคยต่อยมันคว่ำมาแล้วเพราะมันพยายามจะจับฉันกดตอนเมา”

เจนยุทธทำตาโต

“โอ๊ย ถึงขั้นต่อยกันเลยเหรอ? ดีนะที่วันนั้นคุณไม่ชกผมอ่ะ ไม่งั้นผมแย่แน่ๆ เลย”

คนตัวเล็กพูดเสียงอ่อยๆ ถึงเขาจะพอมีวิชาบ้าง แต่ถ้าคนที่ตัวสูงใหญ่และล่ำสันกว่าอย่างฆาเบียร์เอาจริงเขาก็คงต้องเจ็บตัวแน่ๆ

“ฉันก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมวันนั้นฉันขัดขืนนายไม่ได้นะเจนยุทธ วันที่ไอ้ฌองมันจะปล้ำฉัน ฉันก็เมาพอๆ กับวันนั้น แต่คงเพราะมันก็เมาเหมือนกันก็เลยดิ้นหลุดได้ง่าย แต่นาย ไอ้ตัวแสบ นายนี่มันร้ายจริงๆ”

ฆาเบียร์งับปลายจมูกคนรักเบาๆ ด้วยความมันเขี้ยว หากเจรีบดันตัวออกห่าง

“ผมขอโทษจริงๆ ครับฆาบี้ ผมเสียใจจริงๆ ที่ทำกับคุณแบบนั้น”

คนตัวเล็กพูดด้วยน้ำเสียงสลด เขาเบือนหน้าหลบสายตาคมวาวที่จ้องมองมา

“ฉันบอกนายแล้วไง ว่าให้เลิกคิดเรื่องนั้นได้แล้ว”

คนตัวโตตบแก้มคนรักเบาๆ เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่พร้อมคิดสรรหาคำพูดเพื่อทำให้เจสบายใจ



“เอาจริงๆ เรื่องในวันนั้นส่วนหนึ่งมันก็เป็นเพราะฉันไม่บริสุทธิ์ใจกับนายก่อนด้วยนะ เจนยุทธ”

เจมองหน้าคนรักอย่างงุนงง

“นายคิดดูนะ จริงอยู่ว่าวันนั้นนายจงใจยั่วฉัน จงใจมอมเหล้าฉัน แต่ถ้าฉันไม่คิดจะทำอะไรนาย ไม่คิดจะเอาเปรียบนาย เราก็คงไม่ขึ้นไปนัวเนียกันบนเตียงแบบนั้นจนนายได้โอกาสจัดการฉันหรอก”

เจกระพริบตาปริบๆ

“เออ ว่ะ! เฮ้ย มานึกๆ ดูแล้ว คุณก็ตั้งใจจ้องจะกดผมเหมือนกันนี่หว่า!”

คนตัวเล็กร้องลั่นพร้อมกับซัดหลังมือเข้าที่อกคนรักผัวะใหญ่ ฆาเบียร์ครางลั่นอย่างเกินจริง เขาหัวเราะลั่นเมื่อคนรักเข้ามากอดปล้ำและพยายามจั๊กจี้ เขาจัดการไล่จั๊กจี้เจกลับคืนโดยมีรอยยิ้มกว้างอย่างโล่งอกประดับบนหน้า แม้สิ่งที่เขาพูดจะไม่ได้จริงร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะเขาเองไม่ได้ตั้งใจที่จะล่วงเกินเจนยุทธตั้งแต่แรก หากมาหวั่นไหวเอาภายหลังเนื่องจากฤทธิ์แอลกอฮอล์และการยั่วยวนจากร่างขาวเนียนเบื้องหน้า แต่อย่างน้อยมันก็คงพอทำให้เจสบายใจไปได้บ้าง



“งั้นเราหายกันนะ เจนยุทธ”

ฆาเบียร์จุมพิตเบาๆ ที่ริมฝีปากของคนที่นอนอิงแอบแนบกาย เจเม้มปาก เขาไม่ซื่อจนกระทั่งดูไม่ออกว่าฆาเบียร์พูดเพียงแค่ให้เขาได้สบายใจ แต่เขาก็เลือกที่จะพยักหน้าเบาๆ ตอบไป

“หายกันก็ได้ครับ”

เจนยุทธพูดด้วยเสียงแผ่วเบา เขาจูบแผ่วๆ ที่อกซ้ายของคนรักและเอียงหัวเอาหูแนบเพื่อฟังเสียงเต้นของหัวใจของคนรัก เสียงของมันทำให้เขาสบายใจได้ทุกเมื่อ

“ฉันรักนายนะ เจ รักมาก มากกว่าใครหรืออะไรในโลก นายรู้ใช่ไหม?”

ฆาเบียร์พูดพลางหอมแก้มใสๆ ของคนรัก เจพยักหน้า

“รู้ครับ แล้วคุณก็รู้ใช่ไหม ว่าผมก็รักคุณจริงๆ รักคุณที่เป็นคุณ ไม่ใช่เพราะเรื่องอื่น”

คนตัวโตพยักหน้าและกอดรัดร่างเพรียวในอกไว้แน่น



“ฉันไม่อยากให้เช้าเลย...”

ฆาเบียร์พูดเสียงแผ่วเบาจนเกือบเป็นเสียงกระซิบเมื่อเวลาผ่านไปครู่ใหญ่ เจถอนหายใจ เขาเองก็คิดแบบนั้นเช่นกัน

“นายขอฉันได้นะเจ บอกฉันสิ ว่าอย่าไปเลย”

คนตัวโตพูดโพล่งออกมาหลังเกิดความเงียบระหว่างเขาทั้งสอง หากเจส่ายหน้า

“ไม่ครับ ฆาบี้ ผมพูดอะไรที่เห็นแก่ตัวแบบนั้นไม่ได้ คุณต้องกลับไปทำงาน ไปทำหน้าที่ของตัวเอง...”

เจลูบแก้มที่เริ่มมีเคราขึ้นน้อยๆ พอสากมือ

“เดี๋ยวเดือนหน้าผมจะไปหาคุณอยู่แล้วน่า อีกแค่ไม่กี่สัปดาห์เอง คุณทำงานแป๊บๆ ก็เจอกันแล้ว อย่าได้เศร้าไปเลยนะครับ คนดีของผม”

คนตัวเล็กยกมือของคนรักขึ้นมาจูบ คนตัวโตถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วดึงมือที่กุมมือของเขาไว้มาจูบบ้าง



(ต่อคอมเมนท์ถัดไปค่ะ)


ออฟไลน์ La Vida Sin Tu Amor

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-1




---- เบอเกอร์แสนอร่อย (ต่อ) ----






“Mi vida...”

‘ที่รัก’


คนตัวโตกระซิบคำรักเป็นภาษาแม่ของเขาซึ่งเขารู้ว่าเจพอจะฟังออกบ้างแล้ว

“yo te amo mas que el aire que respiro...”

“ฉันรักนายมากกว่าอากาศที่หายใจเข้าไป...”


ฆาเบียร์จูบเบาๆ ที่แก้มแดงระเรื่อของคนรัก เจนยุทธอมยิ้มเมื่อได้ยินประโยคแสนหวานนั้น​

“ฆาบี้ครับ พอเหอะ ไม่ต้องพูดแล้ว...”

เจแตะนิ้วลงบนริมฝีปากคนรัก

“Tengo el corazon abierto, sin ti yo no vivo.”

“หัวใจฉันนั้นเปิดกว้าง ฉันไม่อาจมีชีวิตอยู่ได้ถ้าขาดนาย...”

“ยังอีก ฆาบี้”

เจพูดเสียงเข้มขึ้น หากคนตัวโตก็ยังไม่ยอมหยุด



“Vida...”

ฆาเบียร์กำลังจะพูดต่อแต่เจก็พูดสวนขึ้นมาด้วยภาษาของแม่เขา แถมยังใส่ทำนองเพลงมาให้เสร็จสรรพ

“yo te amo mas cuando yo mas te miro...”

“ผมรักคุณมากขึ้นทุกครั้งที่ได้เจอ...”

เจยักคิ้วให้เมียตัวโตของเขา

“...ใช่ไหมครับ ฆาบี้?”

คนตัวโตซึ่งแอบเนียนเอาเนื้อเพลงมาพูดบอกรักทำหน้าเจื่อน

“จำเพลงนี้ได้ด้วยเหรอ?”

เจนยุทธหัวเราะเบาๆ และใช้มือสางผมคนรักเล่น

“จำได้สิครับ คุณคิดว่าใครเป็นคนเอาเพลงนี้ใส่ในเพลย์ลิสต์ของเราไว้ล่ะ”

ฆาเบียร์บ่นเบาๆ เป็นภาษาแม่ด้วยความเซ็ง

“คุณก็ร้องมันเป็นเพลงให้ผมฟังแทนก็ได้นี่ครับ”

เจพูดยิ้มๆ และยิ่งยิ้มกว้างเมื่อคนรักยอมทำตามและร้องเพลง Vida ของ Marc Anthony ออกมาตั้งแต่ต้น



Vives dentro de mi

en el alma te siento

me alimento de ti

no te aparto un momento

para amarte naci

te escapaste de un cuento

que de niño aprendir

te esperaba y no miento




“นายมีชีวิตในกายฉัน นายสัมผัสนายได้ในวิญญาณฉัน นายหล่อเลี้ยงฉัน ฉันไม่อาจแยกจากนายได้แม้ชั่วขณะหนึ่ง ฉันเกิดมาเพื่อรักนาย นายเหมือนหลุดมาจากนิยายที่ฉันเคยฟังมาตั้งแต่ยังเล็ก ฉันเฝ้ารอคอยนายและนั่นไม่ใช่คำลวง...”

ฆาเบียร์กระซิบคำแปลเป็นภาษาอังกฤษให้เจนยุทธฟังอีกครั้ง เจหน้าแดงซ่าน เขาเคยลองหัดแปลเพลงนี้เอง แต่เมื่อได้ยินคำแปลที่ถูกต้องจากเจ้าของภาษา มันยิ่งทำให้ความหมายของมันหวานฉ่ำยิ่งขึ้นไปอีกมาก แม้เสียงทุ้มแหบของฆาเบียร์จะไม่ได้เหมาะกับเพลงนี้เท่าไหร่ แต่ความหมายอันกินใจของมันและอารมณ์ที่ถูกถ่ายทอดออกมาทำให้เจหน้าร้อนผะผ่าว คนตัวโตร้องต่อไปเรื่อยๆ จนจบเพลง เขาก้มลงมองคนรักที่นอนหลับตาพริ้มซบอกของเขาอย่างมีความสุข เขาจรดจูบลงบนหน้าผากของคนรักและกล่าวราตรีสวัสดิ์ เจกล่าวตอบอย่างง่วงงุน ฆาเบียร์เอื้อมมือไปปิดไฟดวงสุดท้ายในห้องและโอบร่างคนรักเข้าสู่ห้วงนิทรา



https://www.youtube.com/watch?v=8gQM7ZNrnPw  Vida – Marc Anthony




"เจจ๊ะ...เกือบบ่ายโมงแล้วนะ"

ฆาเบียร์ปลุกคนรักของเขาเบาๆ เขาปลุกเจมารอบหนึ่งแล้วเมื่อก่อนหน้านี้ หากเจนยุทธยังทำท่าอยากนอนต่อ เขาจึงปล่อยคนตัวเล็กนอนไปตามสบายส่วนตัวเองก็ไปจัดการกับธุระส่วนตัว หลังจากอาบน้ำอาบท่าและเก็บข้าวของเรียบร้อยแล้ว​ เขาก็เดินไปซื้อเบอเกอร์จากร้าน Rock Me สาขาถนนนิมมานเหมินท์ ซ. 15 มาเพื่อเป็นมื้อกลางวันให้กับเขาทั้งสองคน แต่เมื่อกลับเข้าห้องมา เขาก็พบว่าเจยังคงนอนหลับอยู่

"ขอนอนต่ออีกนิดได้ไหมครับ?"

เจพูดเสียงแหบแผ่วและยกผ้าขึ้นมาคลุมหัวจนเหมือนดักแด้ คนตัวโตขมวดคิ้ว

"นี่นายไม่สบายหรือเปล่า?"

เขาดึงผ้าห่มที่คลุมหัวเจออกและเปิดไฟเพื่อจะได้ดูหน้าเจนยุทธชัดๆ แล้วก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกเมื่อเห็นว่าสีหน้าของคนตัวเล็กยังเป็นปกติ ไม่ได้ดูแดงระเรื่อเพราะพิษไข้อย่างที่เคยเป็นที่สมุย

"ไม่ได้ไม่สบายครับ แต่เพลียชิบเป๋งเลย ก็โดนตาลุงที่ไหนก็ไม่รู้แกล้งเอาเมื่อคืนอ่ะ"

เจบ่นอุบอิบแล้วลุกขึ้นนั่งทั้งที่ยังหลับตา

"ขอนอนต่ออีกซักชั่วโมงไม่ได้เหรอคุณ ผมโคตรง่วงเลยอ่ะ"

ฆาเบียร์หัวเราะคนตัวเล็กที่ยังพยายามต่อรอง เขาตัดสินใจใช้ไม้เด็ด

"เจจะนอนต่อก็ได้นะ แต่ถ้าเบอเกอร์มันเย็นจนหมดอร่อยก็จะมาว่าไม่ได้นะว่าฉันไม่ปลุกมากิน"

"หือๆๆ? เบอเกอร์อะไรคุณ?"

เมื่อได้ยินชื่อของกินเจนยุทธก็ลืมตาโพลง เขาระล่ำระลักถามจนคนตัวโตอดยิ้มออกมาไม่ได้

"เมื่อกี้ฉันเดินออกไปซื้อมาให้ มีพีนัทบัตเตอร์มิลค์เชคด้วยนะ จะกินก่อนเลยไหม?"

"กินครับ!"

เจพูดสวนทันที พร้อมกับรีบก้าวลงเตียง ฆาเบียร์เข้าไปประคองอย่างเป็นห่วง หากปล่อยมือเมื่อเห็นท่าทีที่กระฉับกระเฉงของเจ



"โอย นี่แหละ เสียเหงื่อไปเยอะก็ต้องได้อะไรหวานๆ อ้วนๆ แบบนี้แหละ เติมพลัง"

เจครางอย่างมีความสุขหลังจากดูดเครื่องดื่มพลังงานสูงแก้วนั้นเข้าไปจนหมด เขาหันมาให้ความสนใจกับแฮมเบอเกอร์ตรงหน้าบ้าง

"ฉันไม่แน่ใจว่านายจะกินอะไร เห็นนี่น่าสนใจเลยสั่งมาให้"

"หูย แมคแอนด์ชีสเบอเกอร์ ไอ้นี่ผมก็ชอบ"

เจร้องเพลงหงุงหงิงในคอเมื่อเห็นเบอเกอร์ขนาดยักษ์ที่มีแมคแอนด์ชีส หรือมะกะโรนีอบชีสเยิ้มๆ โปะทับมาบนเนื้อบดแผ่นหนาตามด้วยผัก มะเขือเทศและขนมปัง คนตัวโตยิ้มอย่างดีใจเมื่อเขาเดาถูกว่าเจน่าจะชอบแบบนี้ เจใช้มีดตัดเบอเกอร์ที่โปะของอ้วนๆ มาเพิ่มกินอย่างมีความสุขก่อนที่จะตัดแบ่งให้คนรักชิมคำหนึ่ง

"แล้วคุณกินแค่เบอเกอร์ธรรมดานี่พอเหรอครับ?"

เจถามคนที่สั่งแค่เบอเกอร์ธรรมดาที่ใส่แค่ชีสและเบค่อนมากิน ฆาเบียร์พยักหน้าและบอกว่าแค่นี้ก็พอถมถืดแล้วสำหรับเขา

"งั้นผมไม่แย่งกินนะ"

เจดันมือคนรักที่ยื่นส่งเบอเกอร์ของตัวมาให้ชิมกลับไป แถมยังตัดชิ้นของตนแบ่งให้ฆาเบียร์อีกคำโต

"เดี๋ยวกลับไปคุณก็ไปอดข้าวอีก วันนี้คุณกินเยอะๆ ให้ผมได้สบายใจหน่อยนะ ฆาบี้"

เจนยุทธพูด ฆาเบียร์โคลงหัวน้อยๆ และได้แต่กินมันเข้าไปตามที่คนรักต้องการ



"อืมม์ อร่อยดีนะ แต่ก็หนักไปหน่อยสำหรับฉัน มีทั้งแป้งขนมปังแล้วก็ทั้งแมคแอนด์ชีส"

ฆาเบียร์จิ้มเนื้อบดซึ่งยังมีสีแดงระเรื่อเข้าปาก เบอเกอร์ของที่นี่สามารถสั่งระดับของความสุกได้เหมือนกับเนื้อสเต๊ก สำหรับเจและเขาก็ไม่แคล้วสั่งแบบมีเดียม แรร์ เขาตักมะกะโรนีข้อเล็กในชีสซอสเข้าปากตามไปทีหลัง เนื่องจากขนาดที่ค่อนข้างใหญ่ของชิ้นเบอเกอร์ทำให้เขาไม่สามารถถือกัดกินได้ และมักต้องแยกชิ้นตัดกินเป็นคำๆ ด้วยมีดและส้อมแทน

"ก็คนอเมริกันกินกันแบบนี้ สุขภาพถึงได้แย่กันใช่ไหมครับ?"

เจพูดยิ้มๆ เมื่อได้ยินคำบ่นของฆาเบียร์เรื่องที่ว่าเบอเกอร์ของร้านนี้หนักไปสำหรับเขา

"นี่มีแป้งขนมปังแล้ว ก็ยังอุตส่าห์โปะแป้งอย่างไอ้เจ้าแมคแอนด์ชีสซ้อนลงไปอีก มันเป็นเทรนด์เหรอครับคุณ?"

คนตัวเล็กถามและบอกว่าหลังๆ เขาเห็นอาหารที่ประกอบด้วยอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตที่ใส่คาร์โบไฮเดรตอีกชนิดเข้าไปจากรายการในช่องฟู้ดเน็ตเวิร์คอยู่บ่อยครั้ง

"อีกอย่างที่ผมชอบกินของร้าน Rock Me นี่ก็คือไอ้ที่เรียกว่า Fat Boy Sandwich อ่ะครับ ที่ผมเคยสั่งคุณชิมคราวนู้น นั่นก็ใส่พวกแป้งอีกอย่างลงไปนอกเหนือจากขนมปัง จำได้ป่าวว่าคืออะไร?"

คนตัวโตพยักหน้าแล้วบอกว่าจำได้ แซนวิชสไตล์แฮมเบอเกอร์ชิ้นนั้นใช้ขนมปังหัวกระโหลกปิ้งแทนขนมปังเบอเกอร์ จากนั้นก็วางเนื้อบดรสชาติดีขนาด 150 กรัมที่ทอดได้ความสุกตามที่ต้องการลงไปบนผักกะหล่ำซอยที่วางรองไว้ก่อนแล้ว จากนั้นตามด้วยเบค่อนและโครเก็ตมันฝรั่งทอดไส้ชีสชิ้นใหญ่ และปิดทับด้วยขนมปังหัวกะโหลกอีกชิ้นและแตงกวาดอง เมื่อดูจากมันฝรั่งบดทอดที่สอดไส้ชีสเยิ้มๆ ชิ้นโตนั้นแล้ว ฆาเบียร์ไม่สงสัยเลยว่าชื่อ Fat Boy ของมันได้มาจากที่ใด



"ผมชอบร้าน Rock Me ตรงเขามีเบอเกอร์ให้เลือกหลากหลายแบบดีครับถ้าเทียบกับอีกร้านใกล้ๆ กันอย่างบีสต์ เบอเกอร์อ่ะนะ แต่ตัวเนื้อบดน่ะผมบอกไม่ได้ว่าชอบของที่ไหนมากกว่า"

"จริงจ้ะ ของร้านบีสต์ เนื้อรสชาติดีเหมือนกันแถมยังทอดได้ความสุกพอดีแถมข้างนอกก็เกรียมนิดๆ และขนาดมันก็ไม่ได้ใหญ่จนเกินไป สำหรับฉันนี่กำลังพอดีเลยนะ"

คนตัวโตที่กินไม่เยอะนักพูดชมเบอเกอร์ร้านโปรดของเขา

"จริงๆ เบอเกอร์ของ The Duke's ก็อร่อยครับคุณ แต่ถ้าไปร้านนั้นทีไร ผมก็จะอยากกินอย่างอื่นมากกว่าแล้วก็ลืมนึกถึงเบอเกอร์ของเขาไป อีกอย่าง ผมชอบขนมปังของดุ๊กส์มากกว่าของร็อคมีนะ ถ้าเทียบๆ กับทุกร้านแล้วผมชอบขนมปังของร็อคมีน้อยสุด"

เจบอกว่าเขาไม่ค่อยชอบเนื้อสัมผัสของมันเท่าไหร่เพราะรู้สึกว่ามันแห้งเกินไป

"อีกร้านที่เพิ่งเปิดใหม่ตอนนี้ก็คือร้าน Arno's ครับ เป็นร้านขายเนื้อแบบดราย เอจมาจากกรุงเทพฯ จริงๆ จานเด่นของเขาก็คือสเต๊ก มีทั้งแบบธรรมดาแล้วก็แบบกะทะร้อน แต่เบอเกอร์ของเขาก็อร่อยครับ เนื้อดีมากๆ แถมยังมีแบบชิ้นใหญ่ คือเนื้อ 300 กรัมด้วย"



"ฉันว่านายคงสั่งแบบนั้นแน่ๆ ใช่ไหม?"

คนตัวโตถามดักคอ เจยิ้มเขินๆ และบอกว่าเขาไม่พลาดแน่นอน

"ไม่งั้น มีอีกทีผมก็สั่งแบบเนื้อ 200 กรัมซ้อนสองชั้น นั่นก็อร่อยครับ กินทีอิ่มไปหลายชั่วโมงเลย"

ฆาเบียร์อ้าปากค้าง

"หา? เบอเกอร์ชิ้นละเกือบครึ่งโล? นายนี่กินดุจริงๆ นะ ฉันล่ะสงสัยจริงๆ ว่านายเอาของที่กินไปเก็บไว้ไหนหมด"

คนตัวโตบ่นคนที่กินเท่าไหร่ก็ไม่อ้วนเบาๆ เจซ่อนยิ้ม

"ไม่ใช่แค่กินดุนะครับ..."

คนตัวเล็กกระซิบเบาๆ ที่หูของคนรักด้วยประโยคที่ทำให้คนตัวโตหน้าแดงซ่านขึ้นมา

"ทำอย่างอื่นผมก็ดุนะ อยากลองพิสูจน์ก่อนขึ้นเครื่องไหม?"

ฆาเบียร์รีบปัดมือที่ขยำต้นขาของเขาเบาๆ ออก ก่อนที่คนตัวเล็กจะรุกรานเขามากไปกว่านี้

“พอเลย เจนยุทธ นายนี่ทะลึ่งจริงๆ”

“โหย ทำยังกะคุณนี่เรียบร้อยมากนะ ฆาบี้”

เจแลบลิ้นให้คนตัวโตที่ชอบลวนลามเขาไม่แพ้กัน ฆาเบียร์ได้แต่โคลงหัวและบ่นอุบอิบ









“พูดถึงพวกเบอเกอร์ หลังๆ มานี่ผมเห็นพวกร้านที่เรียกเบอเกอร์ของตัวเองว่า gourmet burger หรือ artisan burger เพิ่มขึ้นเยอะเลยเนาะ มันต่างจากแฮมเบอเกอร์ตามร้านฟาสต์ฟู้ดยังไงอ่ะครับ? คือต้องมีเครื่องเยอะๆ หรูๆ อย่างฟัวกราส์ ทรัฟเฟิล อะไรงี้เหรอ?”

เจนยุทธกพูดถึงความพยายามในการยกระดับแฮมเบอเกอร์จากอาหารฟาสต์ฟู้ดง่ายๆ ให้เป็นอาหารหรูระดับภัตตาคาร ฆาเบียร์ส่ายหน้า

“ไม่ได้ต่างกันที่ topping อย่างเดียวหรอกจ้ะ แต่ต้องต่างตั้งแต่ที่วัตถุดิบหลักและวิธีการทำแล้ว ชีสเบอเกอร์หน้าตาธรรมดาๆ ก็เป็น gourmet burger ได้ถ้าแผ่นเนื้อบดที่ใช้นั้นทำมาจากเนื้อคุณภาพดี ปรุงรสอย่างดีและทำขึ้นมาสดใหม่ต่อวัน ไม่ใช่ของโฟรเซ่น”

คนตัวโตอธิบายต่อว่าขนมปังที่ใช้ก็เช่นเดียวกัน ขนมปังของ gourmet burger มักเป็นขนมปังที่ทำขึ้นเพื่อใช้สำหรับเบอเกอร์ของร้านนั้นๆ โดยเฉพาะ ต้องมีการย่างและเสิร์ฟที่อุณหภูมิเหมาะสมไม่ใช่ขนมปังเย็นชืดที่ซื้อมาจากซุเปอร์มาร์เก็ต ซอสที่ใช้ก็ไม่ใช่แค่มายองเนสกับซอสมะเขือเทศธรรมดาๆ หากใช้ซอสที่เป็นสูตรเฉพาะของทางร้านเอง

“ส่วนจะมีท้อปปิ้งอื่นๆ ที่แปลกใหม่หรือหรูหรายังไง ก็แล้วแต่สูตรของแต่ละร้านแล้วล่ะ”

ฆาเบียร์สรุปตบท้าย เจพยักหน้าหงึกหงัก เบอเกอร์ของร้านร็อคมีที่เขากินประจำนั้นมีทั้งแบบที่ใส่โครเก็ตมันฝรั่ง แมคแอนด์ชีส ไข่ดาว แบบที่ใส่ไข่กวนก็มี รวมไปถึงซอสกะเพราที่เป็นสูตรเด็ดของทางร้านด้วย



“เนื้อเบอเกอร์ของร้านอย่างร็อคมี บีสต์เบอเกอร์ หรืออาโนส์เขาถึงเสิร์ฟแบบมีเดียมหรือมีเดียมแรร์ได้ เพราะเขาต้องการโชว์ว่าเนื้อของเขาเป็นเนื้อสด ไม่ใช่ของแช่แข็งใช่ไหมครับ?”

“ใช่จ้ะ เขาต้องการโชว์คุณภาพของเนื้อด้วยว่ามันเป็นเนื้อเกรดดี ไม่ใช่เศษเนื้อที่มีไขมันและเอ็นปนเยอะๆ”

เจเขี่ยๆ เนื้อส่วนเศษๆ ที่หลงเหลืออยู่ในจานและก็พบว่าเป็นจริงตามที่ฆาเบียร์พูด

“อืมม์ แต่บางทีผมก็รู้สึกว่าเบอเกอร์ที่เนื้อดีเกินไปมันเนื้อแน่นไปอ่ะน้อ”

“จ้ะ เขาถึงยังต้องใส่เนื้อส่วนที่ติดมันลงไปบ้างเพื่อทำให้มันสมดุล แต่เท่าที่กินมาฉันก็ว่าทั้งบีสต์เบอเกอร์แล้วก็ร็อคมีเขาทำได้ดีนะ”

ฆาเบียร์พูด โดยเฉพาะเมื่อเขาคิดว่าเบอเกอร์ชั้นดีเหล่านี้ราคาไม่ได้แพงไปกว่าแฮมเบอเกอร์ของร้านฟาสต์ฟู้ดยักษ์ใหญ่อย่างเบอเกอร์คิงเลย อย่างชีสเบอเกอร์ธรรมดาเพิ่มเบคอนของเขานั้นราคา 190 บาท ส่วน Super Mac หรือเบอเกอร์ใส่แมคแอนด์ชีสของเจนั้นสนนราคาอยู่ที่ 190 บาทเช่นกัน และเขาจำได้ว่าเจเคยสั่งเบอเกอร์อย่างแพงของร้านนี้ซึ่งมีราคาสูงถึง 350 บาท แต่มันมาพร้อมกับเนื้อแองกัสชิ้นหนาหนักถึง 250 กรัมและไข่ลวกกับซอสฮอลลองเดสสไตล์ egg benedict เขาจำได้ว่าเจนยุทธถึงกับเต้นดุ๊กดิ๊กอยู่บนเก้าอี้เมื่อได้ลิ้มรสของมัน



"เจรู้ไหมว่าที่ลาส เวกัส เขามีเบอเกอร์ราคา 777 ดอลลาร์ด้วยนะ"

คนตัวโตถามยิ้มๆ เจนยุทธรีบพยักหน้าทันที เขาเคยเห็นเบอเกอร์ชื่อดังของห้องอาหาร Le Burger Brasserie ในคาสิโน Paris Las Vegas นี้จากรายการในช่อง Food Network

"รู้ๆ ผมเคยเห็นจากในทีวี มันใช้เนื้อโกเบใช่ไหมครับ? แถมยังใส่ล็อบสเตอร์อีก น่ากิ๊น น่ากิน"

เจนยุทธทำท่าปาดน้ำลาย ส่วนชีสของมันนั้นใช้ชีสบรีจากฝรั่งเศสและใช้ panchetta แทนเบค่อน หากเขาบอกว่าเขาก็ยังคิดว่ามันไม่ได้สมกับราคา 777 ดอลลาร์สหรัฐฯ เลย

"แหม เจ ราคานี้มันไม่ได้มาแค่เบอเกอร์นี่ มันมาพร้อมกับแชมเปญ Dom Perignon แบบโรเซ่อีกขวดนึงด้วย"

"นั่นแหละ มันก็เหมือนซื้ออาหารชุดอ่ะ จะมาบอกว่าเป็นเบอเกอร์ราคานี้ มันก็ไม่ใช่"

ฆาเบียร์หัวเราะเบาๆ และบอกเจว่าทางร้านคงทำมันออกมาเมื่อล่อใจลูกค้าคาสิโนซึ่งเพิ่งได้เงินก้อนใหญ่มาแล้วอยากใช้มันกินอะไรที่สมฐานะบ้าง



“ที่คาสิโน Mandalay Bay ใน Las Vegas ก็มีเบอเกอร์แพงมากๆ เหมือนกันนะ แพงกว่าที่คาสิโน Paris อีก...”

คนตัวโตบอกว่ามันคือ FleurBurger 5000 ของห้องอาหาร Fleur ซึ่งมีสนนราคาถึง 5,000 เหรียญสหรัฐ

“ห๊ะ? ห้าพัน? นี่ขายพ่วงเหล้าด้วยใช่ไหมครับ?”

เจนยุทธร้องลั่นเมื่อรู้ราคาแพงระยับของเบอเกอร์ที่ใส่ทั้งฟัวกราส์ ทรัฟเฟิลและเนื้อโกเบชิ้นนั้น ฆาเบียร์พยักหน้า

“ใช่จ้ะ มันมาพร้อมไวน์ Petrus ปีหายากและเรายังเก็บแก้วจากแบรนด์ Ichendorf Brunello ที่เขาใช้เสิร์ฟไวน์กลับบ้านได้ด้วย”

คนตัวเล็กหัวเราะหึๆ แล้วบอกว่าเขาก็ไม่คิดว่ามันเป็นสถิติอะไรอยู่ดีเพราะมันไม่ได้แพงด้วยตัวของเบอเกอร์เอง

“จ้ะ แต่เบอเกอร์ที่ทำสถิติโลกว่ามีราคาแพงที่สุดก็ราคาห้าพันเหรียญเหมือนกันนะ แต่มันเป็นเบอเกอร์ยักษ์หนัก 777 ปอนด์จากร้านเบอเกอร์ชืี่อ  Juicys ในรัฐโอเรกอน แต่พูดก็พูดเถอะ ฉันว่ามันดูไม่น่ากินเลยสักนิด”

คนตัวโตเปิดภาพเบอเกอร์ยักษ์นั้นให้เจดู เจทำหน้าเบ้ เบอเกอร์ยักษ์ขนาดสูงเกือบเท่าเอวคนนั้นดูเหมือนไม่ใช่ของกินเลย



“คุณนี่รู้เรื่องเบอเกอร์เยอะจริงๆ ชอบกินมากเหรอครับ?”

เจถามคนรัก ฆาเบียร์ส่ายหัวแล้วบอกว่าเขาเคยต้องหาข้อมูลเอาไปเขียนในบล็อกของตน

"แล้วนายรู้ไหมว่า มันมีแฮมเบอเกอร์ที่ทำสถิติว่าแพงที่สุดในโลกแบบที่ไม่รวมเครื่องดื่มด้วยอยู่ที่กรุงเฮ้ก ประเทศเนเธอแลนด์ แล้วก็เป็นเบอเกอร์แบบไซส์ปกติที่กินได้คนเดียวจริงๆ ทายซิว่าราคาเท่าไหร่?"

"เฉลยมาเลยดีกว่าครับ ผมทายไม่ถูกหรอกอ่ะ แต่ถ้าจะให้เดาเหรอ อืมม์..."

เจนยุทธทำท่าครุ่นคิดแล้วทายออกมาว่าประมาณสองสามร้อยเหรียญสหรัฐฯ

"ผิดจ้ะ ราคาของมันคือเกือบๆ 1,800 ปอนด์"

"ฮ้า? เกือบ 1,800 ปอนด์? มันใส่อะไรมั่งครับ? ทองเหรอ?"

คนตัวเล็กพูดประชดออกมา หากคนรักของเขาพยักหน้าตอบรับ

"ใช่แล้วจ้ะ เชฟใส่ทองคำเปลวลงไปในเบอเกอร์อันนี้ด้วย"

คนตัวโตเปิดหาแฮมเบอเกอร์ที่ปรุงขึ้นเพื่อสร้างสถิติโลกชิ้นนั้นจากร้าน South of Houston ให้เจดู มันถูกทำขึ้นในโอกาสพิเศษฉลองวันเบอเกอร์สากลซึ่งก็คือวันที่ 28 พฤษภาคม และไม่ได้มีขายจริงในร้าน



"ใส่ทั้งเนื้อวากิวผสมเนื้อแองกัสเพื่อให้สัมผัสที่ไม่นิ่มจนเกินไป ใส่ของแพงอย่างฟัวกราส์ ทรัฟเฟิล คาเวียร์ แล้วก็ยังมีล็อบสเตอร์ที่เอาไปหมักในเหล้าจินยี่ห้อแพงก่อนเอาไปย่าง แฮมอิเบริโก ขนมปังก็เป็นขนมปังรสหญ้าฝรั่นที่มีแผ่นทองคำเปลวแท้แปะไว้จนเต็ม แถมซอสยังทำจากล็อบสเตอร์ 35 ตัว ปรุงรสด้วยกาแฟบลูเมาเทนจากจาไมกา วานิลลาจากมาดากัสการ์ หญ้าฝรั่นและซอสโชยุ ฟังดูดีใช่ไหมล่ะ?"

เจพยักหน้าระรัว แค่ฟังส่วนผสมเขาก็อยากกินแล้ว หากคนตัวโตยิ้มบางๆ แล้วพูดต่อ

"แต่เจรู้ไหมว่าเชฟที่ทำเบอเกอร์ชิ้นนี้ขึ้นบอกว่าไง เขาบอกว่านี่ยังไม่ใช่เบอเกอร์ที่อร่อยที่สุดที่เขาเคยกิน..."

ฆาเบียร์ทิ้งช่วง เจจ้องตาคนรักเป๋งและรอฟังต่อด้วยความจดจ่อ

"...เขาบอกว่าเบอเกอร์ที่อร่อยที่สุดเท่าที่เขาเคยกินมาคือชีสเบอเกอร์ธรรมดาๆ ที่ใส่เบค่อนแห้ง ชีสเชดดาร์บ่มและหอมใหญ่แดงราคาชิ้นละ 14 ปอนด์ของร้าน Byron ที่ลอนดอน"

คนตัวโตหัวเราะเบาๆ บางครั้งการถมวัตถุดิบชั้นเลิศใส่ลงไปมากๆ ก็ไม่ได้การันตีความอร่อยของอาหาร

"ฉันว่าสำหรับคนอเมริกันเอง ไม่ว่าจะมีเบอเกอร์แบบใหม่ๆ ใส่นั่นนี่สารพัด แต่สุดท้ายแล้วแบบที่ถูกใจคนมากที่สุดก็คือชีสเบอเกอร์ธรรมดาๆ นี่แหละจ้ะ ฉันเองก็พอใจแค่นั้นเหมือนกัน แต่ต้องขอเพิ่มเบค่อนอีกนิด"

คนตัวโตที่ถึงกลัวอ้วนยังไงก็ยังต้องยอมสยบให้เบค่อนยิ้มอายๆ เจหัวเราะคิกคักเมื่อนึกถึงความชอบของคนรัก

"ผมก็ว่างั้นอ่ะคุณ พวกแบบแปลกๆ นานๆ กินที แต่บางทีผมก็รู้สึกอยากกินไอ้เจ้าดับเบิลบาบีคิวเบค่อนชีสเบอเกอร์ของเบอเกอร์คิงมากกว่าพวกเบอเกอร์ไฮโซอ่ะ"

ฆาเบียร์พยักหน้า บางครั้งเขาก็รู้สึกอยากกินพวก "อาหารขยะ" อย่างเฟรนช์ฟรายหรือเบอเกอร์จากร้านฟาสต์ฟู้ดมากกว่าของที่ปรุงมาอย่างดีเช่นกัน แต่เขาก็พยายามกินมันให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อสุขภาพของตัวเอง



(ต่อคอมเมนท์ถัดไปค่ะ)




ออฟไลน์ La Vida Sin Tu Amor

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-1



---- เบอเกอร์แสนอร่อย (ต่อ) ----




"นายก็กินระวังๆ บ้างนะเจ นี่ไปตรวจสุขภาพกับถ่ายพยาธิมั่งหรือเปล่า?"

คนตัวโตขมวดคิ้วแล้วถามขึ้น เจพยักหน้าอย่างแข็งขัน

"ไปตรวจครับ ผมตรวจทุกปีนะ ปีนี้ผมก็เพิ่งไปตรวจมาตอนเดือนก่อน ผลออกมาโอเคอยู่นะ มีไขมันสูงมานิด แต่ก็ยังต่ำกว่าขีดอยู่เยอะ น้ำตาลไม่มี แล้ว เอ่อ..."

เจหน้าแดงน้อยๆ แล้วพูดออกมาเบาๆ

"...ผมยังตรวจอย่างอื่นเพิ่มด้วย ตรวจหา เอ่อ...HIV"

เจพูดออกมาอย่างตะกุกตะกัก หากฆาเบียร์หน้าตึงขึ้นมาทันทีที่ได้ยินอย่างนั้น

"นี่นายไม่ไว้ใจฉันขนาดนั้นเลยเหรอเจนยุทธ ถึงต้องไปตรวจหาโรคแบบนั้น?"

เจอ้าปากหวอ คนรักของเขาเข้าใจผิดไปใหญ่โตอีกแล้ว

"เฮ้ย บ้า ไม่ใช่โว้ย คุณเข้าใจไปคนละเรื่องแล้ว ผมไปตรวจก็เพื่อที่คุณจะได้มั่นใจในตัวผมได้ต่างหาก..."

เจนยุทธถอนหายใจเฮือกใหญ่ พลางเอนกายซบลงกับไหล่คนที่นั่งอยู่เคียงข้าง



"คุณก็รู้...ผมเองมันก็ไม่ใช่คนดีเด่อะไร ฟันหญิงไม่ซ้ำหน้ามาก็เยอะ ถึงจะป้องกันทุกครั้ง แต่ผมก็อยากจะให้คุณได้มั่นใจในตัวผมมากขึ้นไปอีกก็เลยไปตรวจมา แต่ก็ดันลืมเอาผลมาให้คุณดูซะสนิทเลย"

เจทำท่าจะลุกขึ้นเดินไปหยิบผลตรวจมาให้คนรักดู หากคนตัวโตรั้งร่างคนรักไว้และดึงเข้ามาโอบไว้ในอ้อมอก

"โธ่ เจ ฉันต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายพิสูจน์ตัวเองกับนาย จริงๆ กลับไปคราวนี้ฉันก็ตั้งใจไว้แล้วว่าจะไปตรวจสุขภาพ งั้นฉันก็จะได้เพิ่มตรวจเลือดหา HIV แล้วเอาผลมาให้นายดูเอง ดีไหม?"

คนในอ้อมกอดของฆาเบียร์ยิ้มกริ่มแล้วจูบเบาๆ ที่ปลายคางของคนรัก

"แล้วแต่คุณจะทำเถอะครับ แต่ตรวจแล้วอย่าช็อคกับผลล่ะ..."

เจพูดกลั้วหัวเราะและขยายความต่อเมื่อเห็นใบหน้าฉงนของคนรัก

"...ผลน้ำตาลกับไขมันในเลือดน่ะครับ ก็ที่ผ่านมาคุณตบะแตกตลอดเลยนะ ฆาบี้"

คนตัวโตทำหน้าคว่ำและบ่นอุบอิบ

"ให้ตายสิ นายพูดแบบนี้ฉันชักไม่อยากไปตรวจเลือดแล้ว"

ฆาเบียร์บ่นพึมพำ เมื่อเริ่มขึ้นเลขสี่เขาก็หวั่นใจกับผลพวกนี้มากกว่าผลของโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เสียอีก

"พอแล้วๆ ไม่พูดถึงเรื่องพวกนี้แล้ว พูดขึ้นมาแล้วฉันจะพาลกินข้าวไม่อร่อย"

คนตัวโตลุกขึ้นเก็บจานชามของตนพร้อมกับเก็บของเจไปด้วยและนำเอาไปวางไว้ที่ซิงค์น้ำ เขาเช็ดมือกับกางเกงตัวเอง แล้วก็ต้องขมวดคิ้วเมื่อตบๆ กระเป๋ากางเกงแล้วเจออะไรบางอย่าง



"เออ ใช่ เมื่อกี้ตอนฉันจะออกห้อง ฉันเจอนี่สอดอยู่ที่ใต้ประตูน่ะ ไม่รู้ว่าเขียนว่าอะไร นายช่วยดูหน่อยได้ไหม?"

ฆาเบียร์พูด พลางส่งกระดาษแผ่นหนึ่งซึ่งมีข้อความภาษาไทยยาวเหยียดเขียนด้วยลายมือให้เจนยุทธ เจรับมาอ่านอย่างงงๆ แล้วก็ต้องสบถออกมาเบาๆ

"มีอะไรเหรอเจ?"

คนตัวโตถาม เจถอนหายใจเฮือกใหญ่

"ข้างห้องอ่ะครับ เขา เอ่อ เขา..."

เจเกาหัวด้วยท่าทีลำบากใจ

"เขาเขียนบ่นว่าห้องเราเสียงดังอ่ะ"

"เสียงดัง? เสียงเปียโนเหรอ?"

คนตัวโตถามงงๆ หากเจส่ายหน้า



"ไม่ครับ ก็เสียง เอ่อ เสียงเมื่อคืนตอนที่เราอยู่ที่ห้องยิมอ่ะ..."

เจพูดด้วยใบหน้าแดงก่ำ ฆาเบียร์อุทานออกมาเบาๆ แล้วก็ต้องหน้าแดงตามบ้าง

"ผมลืมไปซะสนิทเลยว่าห้องข้างๆ ไม่ว่างแล้ว คือ เพิ่งมีครอบครัวย้ายเข้ามาใหม่ครับ เขามีลูกเล็กๆ ด้วย น่าจะซักสามสี่ขวบ เขาบ่นว่าเสียงของเราเมื่อคืนมันดังเกิน และมันไม่เหมาะที่จะให้เด็กมาได้ยิน แล้วถ้าเรายังทำเสียงดังแบบนั้นอีก เขาจะแจ้งนิติฯ ของคอนโด"

เจพูดเบาๆ ด้วยความละอาย โดยปกติแล้วถึงพวกเขาจะเสียงดังกันไปบ้าง แต่ก็จะอยู๋ในขอบเขตของห้องนอนซึ่งอยู่อีกฟากหนึ่งและติดกับระเบียงจึงไม่ได้รบกวนใครอื่น

“เมื่อคืนเราก็ดันอุตริไปใช้ห้องนั้นซะนี่ คือ ห้องข้างๆ เขาเป็นห้องเล็กแบบห้องนอนเดียวครับ ยังไงก็ต้องได้ยิน ผมก็ลืมไปซะสนิทจริงๆ”

เจบ่นตัวเองเบาๆ ที่ดันลืมไปเสียได้และบอกว่าเขาคงต้องจัดการไปขอโทษขอโพยภายหลัง คนตัวโตถอนหายใจ

“เดี๋ยวไว้ฉันไปกับนายด้วยตอนก่อนออกห้องก็ได้”

“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมจัดการคุยเองก็ได้ ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร”

เจนยุทธจัดการพับจดหมายเก็บแล้วลุกไปที่ซิงค์น้ำเพื่อจัดการกับจานชามของตน ฆาเบียร์บอกคนตัวเล็กให้ทิ้งมันไว้ก่อนแล้วเขาจะเป็นคนจัดการเอง

“นายไปอาบน้ำเถอะ”

คนตัวโตรุนหลังเจนยุทธเข้าห้องน้ำไป ส่วนตัวเองจัดการกับเศษอาหารและเอาจานที่ล้างคราบมันออกแล้วใส่ไว้ในเครื่องล้างจานก่อนจะออกห้องไป



“ฆาบี้ครับ รับโทรศัพท์ให้หน่อย!”

เจนยุทธตะโกนออกมาจากในห้องน้ำเมื่อได้ยินเสียงโทรศัพท์ของตนซึ่งวางอยู่บนเตียงดังขึ้น หากไม่มีใครตอบรับคำของเขา สุดท้ายเจจึงโผล่หน้าออกไปดูทั้งๆ ที่ตัวยังเปียก

“หายไปไหนหว่า?”

คนตัวเล็กบ่นพึมพำเบาๆ แต่สุดท้ายก็ยักไหล่เบาๆ แล้วกลับไปจัดการรีบอาบน้ำต่อจนเสร็จ



“ไปไหนมาครับ ฆาบี้?”

ฆาเบียร์ที่ค่อยๆ ปิดประตูห้องอย่างแผ่วเบาสะดุ้งโหยงเมื่อได้ยินเสียงเจที่พยายามปั้นให้ฟังดูขึงขัง คนตัวโตหันไปยิ้มละไมให้กับคนรักที่ยืนกอดอกทำหน้าเครียดมองเขาจากประตูห้องนอน

“ฉัน เอ่อ ลงไปข้างล่างนิดหน่อยน่ะ”

“แล้วที่ว่าลงไปข้างล่างนี่ลงไปไหนครับ?”

เจเดินเข้าไปหาคนตัวโตที่ทำท่าทางมีพิรุธอยู่ ฆาเบียร์ถอนหายใจเฮือกใหญ่

“ฉันลงไปคุยกับลุงที่เป็นนิติฯ ของคอนโดน่ะ ไปถามว่ามีใครมาร้องเรียนอะไรหรือเปล่า แล้วก็จะฝากแกขอโทษขอโพยไป”

คนตัวโตพูดอ้อมแอ้ม เจจุ๊ปากเบาๆ คนตัวโตของเขาน่าจะใช้ความเป็นคนโปรดของลุงซึ่งเขามักมีของติดไม้ติดมือจากฮ่องกงมาฝากประจำในการจัดการเรื่องนี้

“ไม่เอาอ่ะ คุณ เดี๋ยวผมจะเป็นคนไปขอโทษเอง คุณไม่ต้องยุ่งเลย อยู่เฉยๆ ไปเหอะ”

เจพูดอย่างขัดใจ หากฆาเบียร์ปั้นหน้าเครียด

“ได้ยังไง เจนยุทธ เราทำด้วยกัน ก็ต้องไปขอโทษด้วยกันสิ”

“ไม่ได้ครับ ผมเป็นเจ้าของห้องก็ต้องจัดการเรื่องนี้เอง จบนะ?”

เจก็ยังยืนยันเด็ดขาด คนตัวโตที่ยังมีชนักปักหลังก็ไม่กล้าที่จะไปเซ้าซี้อะไรมากและได้แต่เออออตามคนรักไปในที่สุด เขายังไม่อยากให้เจรู้ว่าที่เขาลงไปคุยกับนิติฯ คอนโดนั้นไม่ใช่เพียงต้องการขอโทษเพียงอย่างเดียว



"คุณไปอาบน้ำแต่งตัวเถอะครับ เดี๋ยวจะไปถึงสนามบินเลท"

เจบอกคนรักที่ยังเพลินกับการดีดเปียโน ฆาเบียร์หยุดเล่นและดึงหูฟังออกก่อนที่จะกดปิดสวิทช์เปียโน เขาไม่ลืมที่จะหย่อนธนบัตร 100 บาทลงในออมสินที่วางไว้บนหลังเปียโนด้วย เขาเดินนำเจนยุทธเพื่อจะออกจากห้องนอนเล็กซึ่งในตอนนี้กลายเป็นห้องสันทนาการไปแล้ว หากคนตัวโตหยุดกึกเมื่อเดินผ่านม้านั่งออกกำลังกาย เจซึ่งเดินตามมาก็ชนแผ่นหลังกว้างของฆาเบียร์เข้าอย่างจัง

"โอ๊ย คุณอ่ะ อยู่ๆ ก็หยุดทำไมอ่ะ เฮ้!"

คนตัวเล็กร้องลั่นเมื่อจู่ๆ คนรักก็หันกลับมาแล้วดึงเขาให้ไปยืนอยู่เบื้องหน้า ฆาเบียร์ซึ่งยืนซ้อนหลังเจอยู่โอบเอวคนรักแล้วเอาคางเกยไหล่ของคนตัวเล็ก เจหน้าแดงซ่านเมื่อเห็นเงาสะท้อนของพวกเขาทั้งสองจากในกระจกบานใหญ่ที่ติดไว้ที่ผนัง

"คิดอะไรทะลึ่งๆ อีกแล้วล่ะสิ"

เจนยุทธพยายามดิ้นให้หลุดออกจากวงแขนล่ำสันที่โอบรอบกาย หากคนตัวโตไม่ยอมปล่อยคนรักของเขาไปง่ายๆ ริมฝีปากร้อนๆ ที่เริ่มซุกซนทำให้เจหยุดดิ้นและหันกลับไปรับจุมพิตอ่อนโยนที่คนรักของเขาป้อนให้ ภาพของตนที่กำลังจูบกับฆาเบียร์ที่สะท้อนในกระจกให้เห็นอยู่ที่หางตายิ่งกระตุ้นเร้าอารมณ์ของเจมากขึ้น

"จะทำเหรอ ฆาบี้? เรามีเวลานิดเดียวเองนะ"

เจกระซิบแผ่วๆ ที่ข้างหูของฆาเบียร์ คนตัวโตตอบรับด้วยการดึงเสื้อยืดที่เจใส่อยู่ออกพ้นหัว เจกัดริมฝีปากน้อยๆ แล้วได้แต่โอนอ่อนผ่อนตาม เขาผวาเฮือกเมื่อฝ่ามือร้อนๆ ของฆาเบียร์กอบกุมส่วนสงวนที่แข็งขืนของเขา



"อืมม์ ที่รักครับ ดี..."

เจซึ่งถูกจับนั่งบนม้านั่งออกกำลังกายครางเบาๆ และขยุ้มกลุ่มผมของคนรักที่ทรุดกายนั่งอยู่เบื้องหน้าอย่างลืมตัว เขาพยายามเอามืออุดปากตัวเองไว้เพื่อไม่ให้เสียงดังจนเพื่อนบ้านได้ยินอีก

"เอ๊ะ..."

เจอุทานเบาๆ เมื่อเห็นคนตัวโตเริ่มใช้นิ้วจัดการกับช่องทางของตัวเอง

"ผมนึกว่าคุณจะเข้ามา"

ฆาเบียร์ช้อนตาขึ้นมองหน้าคนรักและส่ายหน้าน้อยๆ

"ฉันอยากให้เจกอดฉันอีกครั้งก่อนกลับ หรือว่านายอยากถูกฉันกอดมากกว่า หืมม์?"

เจนยุทธกลืนน้ำลายลงคอเบาๆ เมื่อเห็นสายตาปรารถนาของคนรักที่กำลังค่อยๆ จูบไล่ตามแท่งลำของเขา สายตาและท่าทางของฆาเบียร์ทำให้เขาทนไม่ได้อีกต่อไป เขาดึงร่างกำยำนั้นให้ขึ้นมานั่งคร่อมตักแทนคำตอบ ฆาเบียร์โหย่งกายขึ้นแล้วค่อยๆ กดช่องทางของเขาลง เจซี้ดปากออกมาอย่างลืมตัว



"เบาๆ สิ เจ"

คนตัวโตดุคนรักเบาๆ เจรีบตะครุบปากตัวเองไว้ ฆาเบียร์เองก็ต้องพยายามกลั้นเสียงไว้เมื่อเขาเริ่มขยับกาย

"เต็มที่เลยนะครับ ฆาบี้ คุณคุมเองเลย"

เจกระซิบเบาๆ ที่ข้างหูคนรัก เนื่องจากมีเวลาจำกัด เขาจึงจะให้คนรักได้ปลดปล่อยก่อน คนตัวโตพยักหน้าและบดกายลงกับแท่งลำของเจอย่างหนักหน่วง ริมฝีปากของทั้งสองล็อคติดกันเพื่อกันเสียงครางที่จะลอดออกมา หากความคิดที่ว่าคนห้องข้างๆ อาจได้ยินเสียงของพวกเขายิ่งทำให้ทั้งคู่รู้สึกตื่นเต้นมากขึ้น

"ฆาบี้ครับ คุณโคตรเซ็กซี่เลย"

เจกระซิบเสียงกระเส่าที่ข้างหูคนตัวโต เขาจ้องมองภาพคนรักที่กระแทกกายลงกับแก่นกายของตนจากในกระจกอย่างหลงใหล ฆาเบียร์พยายามกลั้นเสียงอย่างสุดกำลังเมื่อถูกมืออุ่นๆ ของเจรูดไล้แก่นกายแข็งของเขา

"เจ ฉัน ฉัน..."

คนตัวโตเผลอหลุดปากครางออกมาแต่ก็โดนริมฝีปากนิ่มของคนรักปิดไว้อีกครั้ง เจโอบร่างกำยำที่สั่นสะท้านไว้แน่นและรู้สึกได้ถึงน้ำอุ่นๆ ที่ไหลหลั่งออกมาเต็มมือเขา



"ออกมาเยอะเลยนะครับ คนดีของผม คุณมีความสุขไหม?"

ฆาเบียร์ซึ่งหอบจนตัวโยนพยักหน้าเบาๆ เจไล่จูบตามโหนกแก้มสูงเด่นและต้นคอ คนตัวโตอดสูดปากออกมาไม่ได้เมื่อคนรักขบเม้มใบหูของเขา เจนยุทธช่างรู้วิธีกระตุ้นเร้าอารมณ์ของเขานัก

"อยากเห็นไหมครับ ที่รักว่าหน้าของคุณเวลาโดนผมกอดมันยั่วแค่ไหน?"

เจพูดพลางดันกายคนรักออก ฆาเบียร์หน้าแดงซ่านเมื่อถูกจัดท่าให้ยืนโก้งโค้งหน้ากระจกโดยมีคนตัวเล็กยืนประกบอยู่ด้านหลัง คนตัวโตเม้มปากแน่นเมื่อรู้สึกถึงการรุกล้ำอีกครั้ง เขาสะท้านเฮือกเมื่อรู้สึกถึงการกระแทกกระทั้น เจยิ้มกริ่ม เขาจับแขนทั้งสองคนรักและดึงรั้งขึ้นจนกายของฆาเบียร์แอ่นขึ้น

"ที่รักของผมเซ็กซี่จริงๆ"

เจครางเบาๆ ฆาเบียร์หน้าร้อนวาบเมื่อเห็นใบหน้าของตนในกระจกชัดๆ เขาเคยแต่เห็นใบหน้าของตนที่เป็นฝ่ายกกกอด แต่ใบหน้าของเขาในตอนนี้ช่างดูต่างออกไป ริมฝีปากที่เผยอน้อยๆ แก้มที่แดงก่ำ ดวงตาที่หรี่ปรือนั้นดูเย้ายวนอย่างที่เจบอกจริงๆ



"เจ!"

ฆาเบียร์หลุดปากเรียกชื่อคนรักออกมาเมื่อเจดันกายเขาจนติดกระจกและกระแทกแก่นกายเข้าช่องทางของเขาอย่างหนักหน่วง

"ขอโทษครับ ฆาบี้ ผมทนไม่ไหวแล้ว"

เจกระซิบเสียงกระเส่าอยู่ที่ข้างหูคนรักพร้อมกับเร่งจังหวะ ฆาเบียร์ดันสะโพกตอบ เจซบหน้าลงกับไหล่ของคนรักเพื่อกลั้นเสียง ฆาเบียร์เองก็ใช้มืออุดปากตนเองแน่นเมื่อถึงจุดสุดยอดอีกครั้ง

"เยี่ยมไปเลยครับ ฆาบี้"

เจหอบหายใจหนักๆ และถอนแก่นกายออกจากช่องทางของคนรัก เขาประคองร่างคนตัวโตที่ทำท่าจะทรุดกายลงกับพื้นให้กลับไปนั่งบนเก้าอี้ออกกำลังกาย

"เปื้อนหมดเลย"

คนตัวโตบ่นเบาๆ เมื่อเห็นน้ำขุ่นข้นของตัวเองที่ไหลย้อยอยู่บนกระจก เจรีบกุลีกุจอหาผ้าขนหนูมาเช็ดมันออกแล้วจึงกลับมาลงนั่งคร่อมตักคนตัวโตและซบหน้าลงบนแผงอกกว้าง



"อิ่มหรือยังครับ?"

เจถามพร้อมส่งยิ้มหวานจ๋อยให้คนรัก ฆาเบียร์อดไม่ได้ต้องหยิกแก้มป่องๆ ของคนที่ทำหน้าแป้นแล้นอยู๋ตรงหน้าเบาๆ

"อิ่มแล้วจ้ะ"

คนตัวโตจุ๊บริมฝีปากรูปกระจับที่กลายเป็นสีแดงเข้มเพราะเลือดฝาดซึ่งจูบเขาตอบอย่างอ่อนหวาน

"จำสัมผัสของผมไว้นะครับ ฆาบี้ จำไว้ให้ดี"

เจพูดเบาๆ พลางไล้นิ้วไปบนใบหน้าของคนรัก ฆาเบียร์พยักหน้ารับคำ พวกเขาอิงแอบแลกสัมผัสอันสื่อถึงความรู้สึกกันอีกครู่ใหญ่ จนในที่สุดเจก็เป็นฝ่ายลุกขึ้นยืน

"อาบน้ำกันเถอะครับ ฆาบี้ จวนถึงเวลาแล้ว"

คนตัวเล็กพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา เขาส่งมือให้คนรัก ฆาเบียร์จ้องมองมือเรียวนั้นและถอนหายใจแผ่วเบา

"คุณครับ..."

เจส่งเสียงเรียกคนรักอีกครั้ง คนตัวโตกลั้นใจจับมือนั้นและปล่อยให้คนรักฉุดกายให้ยืนขึ้นและพากันเดินเข้าไปชำระร่างกายในห้องน้ำของห้องนอนเล็ก



"ผมเป่าผมคุณแค่พอหมาดๆ แล้วกันนะครับ เดี๋ยวพอมันก่อนลงรถคุณก็ค่อยรวบผมแล้วกันนะ เป่าแห้งจัดทรงไม่ทันแล้ว"

เจรีบเป่าผมให้คนรักอย่างลวกๆ เมื่อครู่พวกเขาอดไม่ได้ต้องอ้อยอิ่งกอดจูบกันต่อในห้องน้ำจนเสียเวลาไปมากโข ฆาเบียร์ตัดสินใจแต่งตัวง่ายๆ ขึ้นเครื่อง อย่างกางเกงยีนส์กับเสื้อโปโลแทนที่จะใส่ชุดสูทเต็มยศเหมือนทุกครั้งเพื่อความรวดเร็ว

"เดี๋ยวผมจะส่งคุณแค่ที่หน้าประตูสนามบิน โอเคไหม?"

เจพูดงึมงำกับอกของคนรัก ฆาเบียร์พยักหน้าและรัดร่างเพรียวที่เข้ามากอดเขาแน่นไว้แนบอก เขาพร่ำกระซิบคำรักไม่หยุดปากจนเจต้องหยุดคำพูดของคนรักด้วยจุมพิตแผ่วเบา

"ไม่ต้องพูดแล้วครับ ไม่งั้นผมจะไม่ปล่อยคุณกลับไปแล้วนะ"

เจพูดพร้อมกันฝืนดันกายออกจากอ้อมกอดอันแสนอบอุ่นที่เขาจะไม่ได้สัมผัสอีกเกือบเดือน

"ไปกันได้แล้วครับ ฆาบี้ ขืนตกเครื่องอีกนี่เมลิน่าบ่นผมตาย เจ๊แกยิ่งดุๆ อยู่"

เจนยุทธพยายามพูดติดตลก เขาหยิบกระเป๋าเอกสารส่งให้คนรักและลากกระเป๋าเดินทางใบน้อยมารอ ฆาเบียร์ถอนหายใจยาว เขาส่งมือให้คนรักเกาะกุมและเปิดประตูเดินออกจากห้องไป




----------------------------------------

ตอนนี้จะเอื่อยๆ เบลอๆ หน่อยนะคะ คนเขียนเปื่อยไปห้าวัน ไม่มีอารมณ์จะเข็นงานเลยจริงๆ ก็เลยมาช้าหน่อยค่ะ

วันนี้ชวนกันกินเบอเกอร์อร่อยๆ อีกดีกว่า คราวที่แล้วนำเสนอร้าน Beast Burger ไป วันนี้มาต่อด้วยร้านดังอย่าง Rock Me Burger&Bar แล้วกันนะคะ ร้านนี้มีสองสาขา สาขาหลักอยู่ที่โรงแรมระมิงค์ ลอดจ์ ถนนลอยเคราะห์ อีกร้านอยู่ที่ถนนนิมมานเหมินท์ ซ. 15 เมนูของทั้งสองร้านจะต่างกันบ้างตรงที่ของสาขาหลักจะมีอาหารหลากหลายกว่าค่ะ แต่ถ้าอยากดื่มพีนัท บัตเตอร์ มิลค์เช้คแบบที่เจ้าเจมันชอบ ต้องไปที่สาขานิมมานฯ เท่านั้นค่ะ คนเขียนชอบเนื้อเบอเกอร์ของเขาแต่ไม่ค่อยเท่าไหร่กับขนมปัง แต่ก็แล้วแต่คนชอบค่ะ เบอเกอร์ของสารพัดร้านในเชียงใหม่นี่ราคาดีมากๆ ค่ะ ถ้าเทียบแล้วยังถูกกว่าไปกิน Whopper ในร้านฟาสต์ฟู้ดอย่างเบอเกอร์คิงอีกค่ะ แต่เสียดายว่าล่าสุดตอนไปกิน มันทอดของเขาไม่ค่อยอร่อยเท่าไหร่ เย็นไปนิดเหมือนทอดทิ้งไว้ ส่วนเบอเกอร์ยังอร่อยเหมือนเดิม ครั้งล่าสุดที่ไปกิน สั่ง Rock Me Supreme หรือแซนวิชไส้เนื้อสเต๊กที่นำไป sous vide หรือต้มด้วยไฟอ่อนจนเนื้อนุ่ม แพงหน่อยคือ 750 แต่ได้เนื้อ Rib eye ออสเตรเลียหนัก 250 กรัมก็นับว่าโออยู่ค่ะ กับอีกสองอย่างที่สั่งคือ Fat Boy Sandwich ที่เขียนไว้ในเรื่อง กับ AppleBee เป็นเบอเกอร์หมูที่นำเอาเบค่อนไปพันห่อเนื้อหมูบดแล้วทอด เวิร์คค่ะ


Rock Me Burger&Bar

Facebook https://www.facebook.com/Rockmeburger/

รีวิวจาก Wongnai http://bit.ly/2RflZSe


ว่าด้วยเบอเกอร์อย่างหรู http://bit.ly/2DyKfuZ

อลังการงานสร้าง เบอเกอร์ราคา 1,785 ปอนด์ http://bit.ly/2Ugd05b

หวังว่าคนอ่านจะอ่านแล้วหิวเหมือนคนเขียนนะคะ ตอนนี้ท้องร้องจ๊อกๆ มากเลย ตอนหน้าจะพยายามมาให้ตรงเวลาค่ะ ไว้พบกันใหม่นะคะ ระหว่างนั้นก็แวะเม้ากันได้ตามช่องทางต่อไปนี้ค่ะ


เพจค่ะ https://www.facebook.com/LaVidaSinTuAmor/

ทวิตเตอร์ค่ะ (ไม่ค่อยคุยอะไรมาก เน้นชมบ่าวค่ะ)

https://twitter.com/VidaSinTuAmorTH




CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ La Vida Sin Tu Amor

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-1
@@@The Taste of Love...อิ่มรักรสโอชา - Scandal (4/2/62)
«ตอบ #441 เมื่อ04-02-2019 18:41:47 »




---- Scandal ----




"ครับ คุณ หืมม์? อ๋อ ไม่ครับ ช่วงนี้งานไม่ยุ่งเท่าไหร่ครับ มีเรื่อยๆ แต่ไม่ได้เร่งมาก"

เจยิ้มหวานให้กับคนที่อยู่บนหน้าจอคอมของเขา คนตัวโตกลับฮ่องกงไปได้หนึ่งสัปดาห์แล้ว หากพวกเขาก็ไม่ได้รู้สึกว่าอยู่ไกลกันมากนักเพราะบรรดาเทคโนโลยีทั้งหลายซึ่งช่วยเชื่อมต่อพวกเขาให้ได้พูดคุยกันทุกครั้งที่ต้องการ

"แล้ววันนี้คุณกินข้าวหรือยัง? ไหนบอกผมว่าจะส่งรูปมาให้ผมดูทุกมื้อไงว่ากินอะไรบ้างแล้ว"

เจขมวดคิ้วถามคนที่มักละเลยสุขภาพตนเอง ฆาเบียร์หัวเราะเบาๆ เมื่อเห็นแก้มป่องๆ ที่มักพองน้อยๆ อย่างลืมตัวของคนรักยามที่เขาไม่พอใจ

"อย่าพึ่งงอนสิ mi alma กินแล้วจ้ะ แต่เที่ยงนี้ฉันไปกินข้าวกับลูกค้ามาเลยไม่สะดวกที่จะถ่ายรูปส่งไปให้ เสียดายเหมือนกันเพราะวันนี้ไปกิน set lunch ที่ Caprice"

เจนยุทธทำตาโตเมื่อได้ยินชื่อร้านอาหารฝรั่งเศสระดับสามดาวมิเชแลงแห่งโรงแรมโฟร์ ซีซันส์ ฮ่องกง

"หูย อยากไปมั่ง อาหารเป็นไงครับ คุณ?"

เจทำตาแป๋วนั่งฟังฆาเบียร์บรรยายถึงอาหารมื้อเที่ยงของเขา



"ซอสแซฟฟรอนที่เสิร์ฟมากับปลา Turbot นี่อร่อยสุดๆ ไปเลยจ้ะ เนื้อแกะย่างกับกระเทียมดำก็อร่อย ฉันว่าโอเคทุกอย่างเลยนะ"

คนตัวโตเล่าให้คนที่นั่งยิ้มกริ่มอยู่ที่หน้าจอของเขาฟัง

"หัวเราะอะไรล่ะ? ฉันพูดอะไรตลกเหรอ?"

ฆาเบียร์ถามเมื่อเห็นเจนยุทธหัวเราะคิกออกมา เจยิ้มกริ่มและมองตาคนรักผ่านกล้องของเขา

"ผมขำที่ว่าคุณกินเซ็ต ลันช์แบบ 5 คอร์สน่ะสิครับ ติดกินข้าวกับผมมาแล้วใช่ไหมล่ะ?"

คนตัวโตหน้าแดงระเรื่อ จริงอย่างที่เจว่า ถ้าเป็นเขาในสมัยก่อน ถ้ามากินอาหารมื้อเที่ยงเป็นเซ็ตแบบที่ให้เลือกได้ว่าจะเอาอาหารแค่ 3 4 หรือ 5 คอร์สแบบนี้ เขาก็คงสั่งแค่สามอย่างซึ่งต้องเลือกระหว่างจานเรียกน้ำย่อยหรือซุป จานเนื้อหรือจานทะเล และของหวาน หากในวันนี้ เขาเลือกแบบห้าคอร์สซึ่งได้กินครบทุกอย่าง

"ฉัน...ฉันแค่จะชิมเพื่อจะได้มาเล่าให้นายฟังไงล่ะ"

คนตัวโตแก้ตัวทันที

"แล้วหมดไหมครับ?"

เจถามอย่างยั่วเย้า เขาชอบเห็นสีแดงระเรื่อบนแก้มสีแทนของคนรักและตอนนี้แก้มของฆาเบียร์ก็กำลังสุกปลั่งไปด้วยเลือดฝาด

"หมด!"

คนตัวโตกระแทกเสียงตอบด้วยความเขินอายเมื่อนึกถึงว่าตัวเขาในอดีตนั้นมักกินเหลือจานละหน่อยถึงแม้จะสั่งแค่สามคอร์สเท่านั้น เขามองใบหน้าน้อยๆ ที่แดงก่ำเนื่องจากพยายามกลั้นหัวเราะอย่างสุดกำลังอย่างจนปัญญา



"บ้าจริง เจนยุทธ นายทำให้ฉันกลายเป็นคนตะกละไปแล้วนะ!"

ฆาเบียร์โวยออกมาพร้อมๆ กับเสียงหัวเราะที่คนตัวเล็กทนกลั้นไม่ไหวแล้ว

"โอ๋ๆๆ ผมไม่แซวแล้วก็ได้ ฆาบี้ ไม่เห็นเป็นไรเลย เจอของอร่อยก็กินไปสิครับ ยังไงคุณก็เข้ายิมอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?"

เจเช็ดน้ำตาป้อยๆ และพยายามปลอบคนที่นั่งทำหน้าเซ็งอยู่ตรงหน้า

"ก็ใช่ ฉันเข้ายิม แต่เจจ๊ะ ฉันเลขสี่แล้วนะ เป็นลุงแล้ว กินอะไรนิดหน่อยก็พุงออกแล้ว ถ้าขืนฉันยังติดกินแบบเจ อีกไม่นานนายต้องมีแฟนเป็นตาลุงพุงยื่นแน่ๆ"

คนตัวโตที่ชักเริ่มไม่มั่นใจในรูปร่างของตนบ่นขึ้นมาเบาๆ

"ก็ไม่เห็นเป็นอะไรนี่ครับ ผมก็เคยบอกแล้วนี่ ต่อให้คุณกลายเป็นลุงหมีตัวโตพุงป่องหรือหัวล้านยังไง ผมก็ยังรักคุณอยู่ดี ดีซะอีก จะได้ไม่ต้องห่วงว่าจะมีหนุ่มที่ไหนมาคอยจ้องงาบแฟนผม"

"เอ่อ ถ้าถึงขนาดนั้น ฉันก็รับสภาพตัวเองไม่ไหวเหมือนกันนะ"

ฆาเบียร์บ่นเบาๆ

"พุงยื่นนี่ฉันคงปลงกับมันแล้ว แต่หัวล้านนี่ ฉันไม่ยอมแน่ๆ"

คนตัวโตประกาศลั่น เขาเคยคุยกับเจแล้วว่าถ้าผมของเขาเริ่มบางเมื่อไหร่ เขาจะยอมเสียเงินไปปลูกผมไม่ว่าจะแพงเท่าไหร่ก็ตาม เจหัวเราะจนตัวงออีกครั้งเมื่อเห็นท่าทีไม่มั่นใจของคนรัก



“แล้วนายล่ะ วันนี้กินอะไรหรือยัง? อย่าแปลงานเพลินนักล่ะ เมื่อเช้าซักแปดโมงที่นี่ฉันยังเห็นนายออน messenger อยู่เลย บ่นแต่ฉัน นายเองก็ต้องรักษาสุขภาพด้วยนะ เข้าใจไหม?”

คนตัวโตบ่นเจนยุทธเบาๆ นิสัยหนึ่งของเจนยุทธที่เขาทำให้เขาเป็นห่วงช่วงที่คนตัวเล็กรับงานแปลคือ เจมักใช้เวลาช่วงกลางคืนในการแปลงานและจะทำไปเรื่อยๆ จนยันสว่างหรือจนกว่าร่างกายจะไม่ไหว จากนั้นจึงเข้านอนแล้วตื่นมาทำอีกทีตอนบ่ายๆ ในวันนี้ก็คงไม่แคล้วเป็นแบบเดิม เจคงนอนหลังเจ็ดโมงในไทยซึ่งเป็นเวลาที่เขาเห็นเจยังออนไลน์ และน่าจะเพิ่งตื่นเอาตอนหลังบ่ายโมงแล้วจึงได้โทรคุยกับเขา

“ก็งานมันติดพันอ่ะครับ…”

เจพูดเสียงแผ่วเบาเมื่อเห็นสายตาที่แฝงแววตำหนิจากเมียตัวโตของเขา

“แต่จริงๆ วันนี้ผมหลับก่อนสว่างนะ ที่เห็นออนอยู่เพราะเปิดคอมทิ้งไว้ ส่วนมื้อเที่ยงก็กินแล้วด้วย”

เจแก้ตัว หากเขาไม่ได้บอกฆาบี้ว่าที่เขาบอกว่าหลับนั้นคือการฟุบนอนหน้าคอมที่เคาเตอร์ครัว คนตัวโตที่รู้ทันโคลงหัวเบาๆ

“นายนี่เหลือเกินจริงๆ นะ เอาเถอะ ตามใจแล้วกัน อยากทำอะไรก็ทำ แต่ขอให้รู้ลิมิตตัวเองด้วย ฉันจะไม่บ่นนายแล้ว”

“อย่าโกรธสิครับ เมีย ผมจะพยายามนอนให้เป็นเวลากว่านี้แล้วกัน”

เจทำหน้าจ๋อยเมื่อเห็นว่าคนตัวโตมีท่าทีขัดเคืองจริงๆ ฆาเบียร์ถอนหายใจ เมื่อเห็นใบหน้าสลดของเจแล้ว เขาอยากเข้าไปกอดมันแน่นๆ แล้วปลอบว่าเขาไม่ได้โมโหอะไรมากมาย แต่ในตอนนี้เขาควรปล่อยให้เจนยุทธคิดไปแบบนั้นเพื่อสุขภาพของเจ้าตัวเอง



“แล้วที่บอกว่ากินอะไรแล้วเนี่ย ไม่ใช่ต้มบะหมี่ซองกินอีกใช่ไหม?”

คนตัวโตรีบดักคอคนรัก ถึงเจจะดูกินเยอะยามอยู่กับเขาและเพื่อนๆ หากเมื่ออยู่คนเดียวและมีงานติดพัน ถ้าขี้เกียจมากๆ เจก็จะต้มบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปทีละสองถึงสามห่อหรือกินอาหารแช่แข็งเพื่อให้หายหิวไปแค่นั้น

“ก็กินมาม่าจริงๆ แหละครับ…”

เจหัวเราะแหะๆ แต่ก็รีบพูดต่อเมื่อเห็นไฟที่ติดวาบขึ้นในตาของคนรัก

“…เดี๋ยวๆ อย่าพึ่งด่า ผมใส่ไข่ ผักแล้วก็เนื้อสัตว์ลงไปด้วย อีกอย่าง ที่กินแค่นี้เพราะเย็นผมมีนัดไปกินบุฟเฟต์หมูย่างเกาหลีกับพี่นพครับ”

คนตัวโตร้องอ๋อแล้วหัวเราะหึๆ

“มิน่าล่ะ นี่ล้างท้องรอกินมื้อเย็นเลยใช่ไหม?”

เจนยุทธยิ้มกริ่มและพยักหน้าตอบรับ

“ร้านไหนจ๊ะ? ร้านล้ำลำที่อยู่แถวบ้านนพเหรอ? ฉันจำได้ว่าร้านนั้นอร่อย”

คนตัวโตพูดถึงร้านอาหารเกาหลียอดนิยมอันดับต้นๆ ของเชียงใหม่อย่างร้าน Lum้ Lum ในมีโชคพลาซ่าซึ่งอยู่ไม่ห่างบ้านของนพ อดีตรูมเมทของเขาเคยพาเขาไปกินสองสามครั้งยามที่เจไม่ว่างดูแลเขาในช่วงแรกๆ ที่เขามาอยู่เชียงใหม่ เขาจำได้ว่าที่นั่นมีอาหารทั้งแบบบุฟเฟต์หมูย่างและอาหารเกาหลีแบบอาลาคาร์ท จากที่เคยชิมทั้งสองแบบ เขาก็ไม่สงสัยว่าทำไมมันจึงเป็นร้านยอดนิยม หากเจปฏิเสธว่าพวกเขาไม่ได้ไปกินที่ร้านนั้น



“พี่นพบอกว่าจะไปลองร้านใหม่กันครับ เพิ่งเปิดเมื่อก่อนช่วงปีใหม่เมือง เป็นร้านปิ้งย่างอย่างเดียว มีอาหารอย่างอื่นที่ไม่ใช่ปิ้งย่างอีกแค่สองสามอย่างมั้ง”

“เหรอ? แล้วร้านอยู่ที่ไหนล่ะ?”

คนตัวโตถามพลางเงยหน้าจากจอคอมและยกมือขึ้นบอกเมลิน่าที่เปิดประตูเข้ามาในห้องว่าเขายังติดสายอยู่

“อยู่ในมีโชคพลาซ่าเหมือนกันครับ เอ นี่คุณยุ่งอยู่หรือเปล่าฆาบี้? ไว้ค่อยคุยก็ได้นะครับ”

เจนยุทธพูดอย่างเกรงใจเมื่อเห็นทีท่าของคนรักเมื่อสักครู่ หากคนตัวโตส่ายหัว

“มีพวกเอกสารต้องดูหน่อยจ้ะ แต่คุยต่ออีกนิดก็ได้ เมื่อกี้นายว่าร้านอยู่ในมีโชคพลาซ่าเหรอ? กล้ามากเลยนะที่มาเปิดใกล้ๆ ร้านดัง”

เจพยักหน้า เขาเองก็คิดเช่นกัน

“ผมว่ามันต้องอร่อยแน่ๆ เลยคุณ ไม่งั้นคงไม่กล้ามาเปิดข้างร้านล้ำลำแบบนี้ ไว้ผมจะมาเล่าให้คุณฟังนะว่าเวิร์คไหม”

ฆาเบียร์รับคำ พวกเขาคุยเรื่องสัพเพเหระกันต่ออีกครู่หนึ่งก่อนที่เจจะปล่อยให้ฆาเบียร์กลับไปทำงานต่อ



“เออ เจจ๊ะ ตอนค่ำถ้านายเข้าบ้านแล้วจะโทรมาหาฉันก็ได้นะ”

คนตัวโตบอกเจนยุทธ

“อ้าว ไหนเมื่อวานคุณว่าต้องไปงานเลี้ยงไม่ใช่เหรอครับ? ผมโทรไปจะเป็นการรบกวนหรือเปล่า?”

เจถาม คนตัวโตบอกเขาว่าต้องไปงานเลี้ยงของหน่วยงานสักแห่งที่เกี่ยวข้องกับด้านการท่องเที่ยวของฮ่องกงซึ่งเหล่าผู้เข้าร่วมงานคือบรรดาองค์กรธุรกิจในท้องถิ่นและองค์กรข้ามชาติที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว ฆาเบียร์ยิ้มบางๆ ให้คนรักที่ยังจำคำพูดของเขาได้

“โทรมาได้จ้ะ แค่งานสังสรรค์เข้าสังคมธรรมดา ถ้าไม่สะดวกฉันจะตัดสายเอง โอเคไหม?”

เจนยุทธพยักหน้า ชีวิตประจำวันของพวกเขายามห่างกันก็เป็นแบบนี้ คนตัวโตบอกให้เขาโทรมาหาบ่อยได้ตามที่ต้องการ บางครั้งก็เป็นการคุยกันสั้นๆ แค่ไม่กี่นาทีเพียงให้หายคิดถึงกัน มีเพียงไม่กี่ครั้งที่ฆาเบียร์กดตัดสายยามที่เขาติดธุระสำคัญจริงๆ หากคนตัวโตก็โทรกลับทันทีที่ว่าง สำหรับฆาเบียร์ แทนที่เขาจะรู้สึกรำคาญเหมือนที่เคยรู้สึกยามที่คู่ขาคนก่อนๆ โทรหาบ่อยๆ เขากลับรู้สึกว่าเจโทรหาเขาน้อยไปเสียด้วยซ้ำ และบางครั้งเขาเองกลับเป็นฝ่ายโทรหาเจนยุทธทันทีที่เจออะไรซึ่งทำให้เขาคิดถึงคนตัวเล็กขึ้นมา

“จำไว้นะเจ นายเป็นเจ้าของเวลาของฉัน ฉะนั้นอย่าได้เกรงใจ ถ้าอยากคุยก็โทรมา ไม่ต้องเป็นวีดีโอคอลล์ก็ได้ ฉันแค่อยากได้ยินเสียงนายนะ”

เจยิ้มหวานให้คนรักของเขาซึ่งส่งสายตาแพรวพรายมาให้ผ่านทางจอคอม

“ผมก็อยากได้ยินเสียงคุณครับ ฆาบี้ คิดถึงนะครับ”

คนตัวเล็กยกนิ้วแตะริมฝีปากตัวเองแล้วแตะลงบนกล้องที่ติดคอมพิวเตอร์โน้ตบุ้คของเขา คนตัวโตทำเช่นเดียวกันก่อนที่จะบอกลากันแล้วตัดการสนทนาไป



“เฮ้อ…”

เจนยุทธถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่พลางฟุบหน้าลงไปบนเคาเตอร์ครัว เจดึงคอเสื้อยืดตัวโคร่งของฆาเบียร์ที่เขาใส่อยู่ขึ้นมาสูดดมเบาๆ ฆาเบียร์ทิ้งเสื้อตัวนี้ไว้ให้เขาเอาใส่หมอนข้างไว้เพื่อกอดให้หายคิดถึง แต่วันนี้เจเอามันมาใส่ตัว

"กลิ่นจางแล้ว..."

เจบ่นกับตัวเองเบาๆ กลิ่นกายของคนรักบนเสื้อตัวนั้นแทบไม่เหลือแล้ว เจถอนหายใจอีกครั้งก่อนที่จะลงจากเก้าอี้ เขาถอดเสื้อของคนรักออกมากอดไว้แนบอกครู่หนึ่งและค่อยๆ วางมันลงตะกร้าผ้า จากนั้นเดินกลับเข้าไปหยิบเสื้อยืดตัวใหม่ของตนจากในห้องมาใส่

"ทำงานๆๆ"

เจพึมพำแล้วใช้ฝ่ามือตบแก้มตัวเองเบาๆ แล้วหยิบหูฟังขึ้นมาครอบหูอีกครั้ง จากนั้นเปิดโปรแกรมเวิร์ดขึ้นเพื่อทำงานแปลของเขาต่อไป



"เฆเฟ่คะ มีอะไรให้ฉันทำอีกไหมคะ?"

เมลิน่าโผล่หน้าเข้ามาถามนายของเธอซึ่งกำลังง่วนกับการอ่านและเซ็นเอกสารกองใหญ่อยู่ ฆาเบียร์เหลือบมองนาฬิกา

"ห้าโมงกว่าแล้ว เธอกลับไปก่อนได้เลย ฉันนัดคุณเหลียงไว้หกโมงครึ่งที่หน้างาน เดี๋ยวเซ็นนี่เสร็จก็จะรีบไปแต่งตัวเลย"

ฆาเบียร์บอกเลขาฯ คู่ใจ งานที่เขาต้องไปร่วมวันนี้จัดที่ศูนย์ประชุมของโรงแรมริทซ์ คาร์ลตันที่ชั้นสามของอาคาร ICC เขาจึงไม่ต้องเสียเวลาเดินทางออกไปที่งานและยังมีเวลาทำงานต่ออีกสักนิด หากเมลิน่าขมวดคิ้วแล้วบ่นเบาๆ

"จริงๆ งานแบบนี้น่าจะให้ฉันไปแทนคุณเหลียงนะคะ เพราะฉันจะคุ้นกับคนที่มาร่วมงานคนอื่นมากกว่า"

เมลิน่าพูดถึงบรรดานักธุรกิจในวงการท่องเที่ยวจากนานาประเทศที่เธอเคยพบหน้าอยู่เนืองๆ ตามงานสังคมสมัยยังอยู่ที่สำนักงานใหญ่ที่สหรัฐฯ

"เธอก็เป็นซะแบบนี้นะ เมลิน่า ไม่ยอมปล่อยเสียทีแล้วคนอื่นเขาจะเป็นงานได้ยังไงกัน ไม่ต้องห่วงหรอก เธอลืมไปแล้วเหรอว่าฉันเองตอนยังทำด้านประชาสัมพันธ์ก็คุ้นกับพวกนั้นเขาดีอยู่แล้ว ตัวคุณเหลียงเอง ต่อให้เขายังใหม่กับบริษัทเรา แต่เขาก็เคยทำงานกับฉันมาก่อนที่บริษัทของอาปา ไม่เป็นไรหรอกน่า"

ฆาเบียร์หัวเราะเบาๆ แม่เลขาฯ อันดับหนึ่งของเขาคนนี้มักจะห่วงเรื่องที่เกี่ยวกับเขาและมองว่าใครทำอะไรก็ไม่ถูกใจจนสุดท้ายก็รวบทุกอย่างเข้ามาทำเองเสียหมด ขนาดคุณเหลียง เลขาฯ อันดับสองซึ่งเป็นมือดีที่บริษัทเขาไปขอตัวมาจากบริษัทของครอบครัวอาปาที่ฮ่องกงก็ยังต้องใช้เวลาพิสูจน์ตัวเองกับเมลิน่านับเดือน ในตอนนี้ แม้เธอจะไว้ใจพอให้ทำงานสำคัญๆ ใส่ส่วนของบริษัทแล้ว แต่ถ้าเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับตัวเขาโดยตรง เลขาฯ สาวคนสนิทของเขาก็ยังคงอยากจะจัดการด้วยตัวเองอยู่ดี



"แต่..."

"ไม่ต้องมีแต่แล้ว เมลิน่า กลับบ้านไปเถอะ ริคกี้เขากลับมาฮ่องกงทั้งที ไปใช้เวลากับแฟนให้เต็มที่เถอะไป๊ แล้วนี่เคลียร์งานหมดแล้วใช่ไหม? พรุ่งนี้กับมะรืนก็หยุดงานซะ ฉันให้เธอหยุดได้สองวันแค่นั้นนะ ใช้เวลาให้คุ้ม"

เลขาฯ สาวของฆาเบียร์หน้าแดงระเรื่อ หลังกลับมาจากเชียงใหม่ช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา เธอกับริคกี้ก็ได้มีโอกาสนั่งคุยเพื่อเปิดใจซึ่งกันและกัน ช่วงที่ไปมาเก๊ากับฆาเบียร์และเจนยุทธ หนุ่มรุ่นน้องคนนี้ก็ได้ขอคบหากับเธออย่างเป็นทางการตอนที่พวกเขาทั้งคู่ไปทานมื้อเย็นแสนโรแมนติกที่ร้านอาหารฝรั่งเศส The Tasting Room แม้ตอนนี้พวกเขาจะคบหากันทางไกลเพราะริคกี้ต้องไปเตรียมตัวเพื่อเข้าเรียนต่อระดับปริญญาโทที่สหรัฐฯ ในเดือนสิงหาคมที่กำลังจะมาถึง เธอก็ยังรู้สึกเหมือนได้ใกล้ชิดกับเขาเพราะเทคโนโลยีการสื่อสารสมัยใหม่โดยยึดเอาคู่ของนายรักของเธอเป็นแบบอย่าง

"เอ้า ยืนเขินอะไรอยู่ ไปได้แล้ว ฉันจะเซ็นงานต่อ"

ฆาเบียร์ซ่อนยิ้มพลางโบกมือไล่เลขาฯ สาวที่เขาเห็นหน้าค่าตากันมาตั้งแต่เธอยังเป็นวัยรุ่น เมลิน่าทำท่าอิดออดเล็กน้อยจนโดนโบกมือไล่อีกรอบเธอจึงยอมกลับไป ฆาเบียร์โคลงหัวเบาๆ และก้มหน้าก้มตาทำงานต่อไป



"เฮ้ ว่าไง ฆาบี้ ไม่เจอกันนานเลยนะ"

ฆาเบียร์หันหลังไปตามเสียงเรียกแล้วก็ต้องยิ้มกว้างเมื่อเห็นดวงตาสีฟ้าสดใสบนใบหน้างดงามของเพื่อนหนุ่มตัวแสบของเขา

"เฮ้ย ฌอง ไปไงมาไงวะ? งานนี้ใหญ่ขนาดที่ลูกชายประธานเครือโรงแรมต้องมาเองเลยเหรอ?"

หนุ่มละตินสวมกอดร่างกำยำของเพื่อนร่วมวงการ ฌอง ริเชลิเยอยิ้มกริ่มแล้วตอบคำถามนั้น

"ไม่ๆ วันนี้กูมาในฐานะประชาสัมพันธ์ของเว็บน่ะ พอดีว่ามาทำงานที่ฮ่องกงพอดี ก็เลยได้ทีมางานนี้ด้วย"

ฆาเบียร์ย่นจมูกเมื่อได้ยินชื่อเว็บไซต์ชื่อดังที่เป็นคู่แข่งโดยตรงกับเว็บของเขา

"มึงยังไม่เลิกทำงานที่นั่นอีกเหรอวะ? นี่คุณป๋ามึงไม่บ่นตายแล้วเหรอ?"

ฌองหัวเราะเบาๆ เขาบ่ายเบี่ยงไม่ยอมกลับไปรับช่วงเครือโรงแรมยักษ์ใหญ่ของพ่อมาหลายปีดีดักแล้ว

"กูยังไม่อยากเหนื่อยว่ะ งานตอนนี้หนักก็จริง แต่ยังรับผิดชอบน้อยกว่าโรงแรมของพ่อเยอะ"

คนตัวโตหัวเราะหึๆ หนุ่มฝรั่งเศสรูปงามคนนี้มีหนีงานบริหารของที่บ้านไปทำงานด้านประชาสัมพันธ์ให้กับเว็บไซต์แห่งนี้ตั้งแต่ตอนฝึกงานซึ่งก็เป็นช่วงหลังจากที่เขาและฆาเบียร์พบกันได้ไม่นาน พวกเขาเจอกันตอนลงเรียนเพื่อเอาวุฒิบัตรด้านการบริหารจัดการและการตลาดที่เกี่ยวกับโซเชียลมีเดียที่ม. S  ทั้งคู่รู้สึกถูกชะตากันแทบจะทันทีด้วยไลฟ์สไตล์ที่คล้ายคลึงกันและคบหาเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่ตอนนั้นรวมไปถึงการขึ้นเตียงกันนานๆ ครั้ง



"แล้วนี่หนุ่มน้อยน่ารักคนโปรดของกูไม่มาด้วยเหรอวะ? ทำไมปล่อยให้มึงมากับแค่ตาลุงเลขาฯ ได้ล่ะ?"

ฌองกระซิบถามยามคุณเหลียง เลขาฯ วัยกลางคนของฆาเบียร์เดินห่างออกไป เขาขมวดคิ้วเมื่อนึกอะไรขึ้นมาได้และซักต่อทันทีโดยไม่ปล่อยให้หนุ่มละตินได้มีโอกาสตอบ

"หรือว่าข่าวนั้นจะเป็นเรื่องจริงวะ?"

ฆาเบียร์ทำหน้าฉงน

"หือ? ข่าวอะไรวะ?"

ถึงคราวหนุ่มฝรั่งเศสทำตาปริบๆ บ้าง

"เอ๊า นี่มึงตกข่าวเหรอวะ? นี่ไง ข่าวนี้ มันว่อนในเน็ตมาครึ่งวันแล้วนะ"

ฌองหยิบมือถือของเขามาเปิดเพจกอสซิปเกย์ของสหรัฐฯ ซึ่งเน้นทำข่าวของกลุ่มเกย์ระดับเซเล็บให้เพื่อนซึ่งเป็นคู่แข่งอยู่ในทีของเขาดู

“อ๋อ เหอะๆ”

หนุ่มละตินแค่นหัวเราะออกมา แม้เขาจะเตรียมใจอยู่แล้วว่าต้องเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น แต่ภาพที่เห็นและสิ่งที่เขียนในนั้นก็ยังทำให้เขารู้สึกฉุนกึ้กขึ้นมาอยู่ดี ระหว่างที่ในหัวเขากำลังคิดเรื่องที่จะต้องทำต่อไป หูของเขาแว่วเสียงเพื่อนพูดอยู่ข้างๆ

"กูก็รู้นะ ว่ามึงชอบหนุ่มๆ ที่อายุน้อยกว่าแต่ก็ไม่นึกว่าจะชอบวัยกระเตาะขนาดนั้น อ้าว เฮ้ย นี่จะไปแล้วเหรอ?"

ฌอง ริเชลิเยอรีบเดินตามหลังคนที่เดินจ้ำอ้าวกลับขึ้นไปยังออฟฟิศโดยมีเลขาฯ เหลียงเดินตามไปอย่างรวดเร็ว



"หวัดดีครับ พี่นพ อ้าว ปรินซ์ ซันซัน นี่มาด้วยกันเหรอ?"

เจซึ่งมาถึงร้านปิ้งย่างเกาหลีช้ากว่าที่นัดเล็กน้อยเพราะการจราจรที่ติดขัดของแยกรวมโชค เขากล่าวทักทายเพื่อนๆ ก่อนที่จะนั่งลงบนเก้าอี้กลมที่หน้าตาเหมือนถังน้ำมันขนาดย่อมๆ

"โห เหมือนร้านในซีรีส์เกาหลีเลยอ่ะ พี่นพ"

เจนยุทธหันมองไปรอบๆ บรรยากาศในร้านน้อยๆ ขนาดประมาณไม่เกิน 30 ที่นั่งนี้ทำให้เขารู้สึกเหมือนนั่งกินปิ้งย่างอยู่ในร้านบ้านๆ แบบเกาหลีไม่มีผิด หากนพไม่ตอบรับคำพูดของเจนยุทธทันทีเพราะมัวแต่ไถหน้าจอมือถือ เช่นเดียวกับอีกสองหนุ่มซึ่งดูมีท่าทางอึดอัด

"เจ เอ่อ..."

ซันซันพูดตะกุกตะกักขึ้น หากถูกนพขัดคอทันที

"น้องซัน พี่ว่าเรากินให้เสร็จก่อนแล้วค่อยคุยดีกว่านะ"

ซันซันกลืนคำพูดของเขาลงท้องไป เจหันไปมองหน้าคนนั้นคนนี้ทีด้วยความงุนงง หากนพพูดปัดไปเรื่องอื่นและส่งเมนูอาหารให้เจนยุทธเลือกทันที เจกวาดตามองเมนูซึ่งเป็นแผ่นกระดาษเคลือบพลาสติกใบใหญ่ใบเดียว

"อ๋อ มันเป็นหมูย่างแบบนี้นี่เอง"

เจพยักหน้าหงึกหงัก หมูของร้าน "ลำโพชะ" แห่งนี้มีทั้งแบบเป็นชิ้นใหญ่หนาอย่างคอหมูหมักเกลือและสามชั้น คนกินต้องใช้กรรไกรตัดหมูทั้งสองแบบนี้เป็นชิ้นเล็กๆ ตามใจชอบเอง ทางร้านยังมีแบบหมูสไลซ์บางหมักซอสผลไม้และหมักซอสเผ็ดอีกด้วย เครื่องปรุงของร้านนี้มีทั้งแบบซอสถั่วหมักเกาหลีกับน้ำมันงาผสมเกลือพริกไทยแบบที่พบได้ตามร้านทั่วไป กับของแปลกตาอย่างหัวหอมสไลซ์ในซอสรสอ่อนที่เกิดจากการผสมกับซอสถั่วเหลืองกับเครื่องปรุงรสอย่างอื่น



"เอ ผมว่ากิมจิที่นี่รสชาติคุ้นๆ แฮะ"

เจเปรยขึ้นหลังจากคีบผักกาดขาวดองแบบเกาหลีเข้าปาก

"ก็ต้องคุ้นสิ รสเดียวกับร้านล้ำลำนี่"

นพพูดยิ้มๆ

"อ้าว สรุปว่าเจ้าของเดียวกันเหรอพี่นพ?"

คนตัวเล็กถามพลางคีบสามชั้นชิ้นใหญ่หนาลงวางบนเตาร้อนๆ เบื้องหน้า เพื่อนรุ่นพี่ของเจพยักหน้า

"ใช่ เจ้าของเดียวกับล้ำลำ"

"งั้นอร่อยชัวร์"

เจพูดสั้นๆ แล้วหันไปให้ความสนใจกับพวกของสดที่ทยอยลงมาวางเรียงรายบนโต๊ะ

"ตอนแรกมึงก็คิดเหมือนกูใช่ไหมเจ ว่าร้านนี้อาจหาญมากมาเปิดแข่งกับเจ้าถิ่นอย่างล้ำลำ"

ปรินซ์พูดยิ้มๆ เจพยักหน้ารับคำแล้วหันไปทำท่ากลืนน้ำลายเอื้อกใหญ่เมื่อเห็นซันซันใช้กรรไกรตัดหมูสามชั้นและคอหมูหมักเกลือเม็ดชิ้นหนาที่ย่างจนสีเริ่มเปลี่ยนออกเป็นชิ้นพอดีคำ



"ตัดเร็วๆ มึง ให้ไว"

เจนยุทธส่งเสียงเร่งเพื่อนเชฟของเขา

"มึงนี่ อยากแดกเร็วๆ ก็กินหมูสไลซ์ไปก่อน อย่ามาเร่งกู ไม่งั้นมึงได้แดกหมูดิบแน่"

หนุ่มลูกร้านเพชรซึ่งพิถีพิถันกับการปรุงอาหารบ่นเพื่อนจอมตะกละของเขา เจคีบหมูแผ่นบางหมักซอสพริกเกาหลีลงนาบบนตะแกรงร้อนๆ จนสุกแล้วส่งเข้าปากโดยไม่จิ้มอะไรทั้งนั้น

"อูย อร่อยๆ ไม่เผ็ดเกินแถมหมูก็นิ๊ม นิ่ม เต็มสิบเลย"

เจร้องเพลงหงุงหงิงในคออย่างมีความสุขก่อนจะคีบหมูสไลซ์ซึ่งหมักซอสผลไม้รสออกหวานเค็มขึ้นมาชิมอีกชิ้น

"นี่ก็ดี แต่รสมันคล้ายๆ หมูหมักซอสถั่วเหลืองข้าวสาลีของร้านนู้นไปหน่อยเนาะ"

เพื่อนๆ ของเขาผงกหัวรับคำกันถ้วนหน้า เจคีบคอหมูย่างหมักเกลือที่สุกแล้วซึ่งซันซันตัดเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมลูกเต๋าขึ้นจุ่มในซอสหมักหัวหอม เขาเอากิมจิวางบนใบผักกาดหอม ตามด้วยข้าวสวยคำเล็กๆ หมูย่างและซอสเต้าเจี้ยวเกาหลี เขาห่อมันเป็นคำ จากนั้นเอาห่อผักนั้นจิ้มน้ำมันงาผสมเกลือพริกไทยแล้วส่งเข้าปาก

“โอย มีฟามสุข อร่อยอ่ะ หมูไม่เหนียวเลยอ่ะ หมักเกลือมารสกำลังดี กินกับหอมหมักซอสนี่ก็อร่อย”

เจนยุทธทำหน้าตามีความสุข เพื่อนๆ ของเขาทั้งสามคนมองหน้ากัน พวกเขาควรให้เจกินจนอิ่มหนำสำราญก่อน เพราะคนตัวเล็กคงไม่ชอบใจในสิ่งที่พวกเขากำลังจะบอกแน่ๆ



“ฮ้า อิ่มอร่อยมากเลยครับพี่นพ ขอบคุณที่ชวนนะครับ หมูร้านนี้ดีมากเลย ซอสอร่อย ไอ้เจ้าไข่ตุ๋นในถ้วยหินร้อนนั่นก็เริ่ด ซุปกิมจิก็รสชาติเข้มข้น บิงซูที่ให้กินตบท้ายก็ดี ผมแฮ้ปปี้มากเลย”

เจนยุทธลูบพุงเขาที่ป่องขึ้นน้อยๆ อย่างสมใจ พวกเขาสี่คนกินหมูสันคอและสามชั้นชิ้นโตๆ หมดไปอย่างละเกินสิบชิ้นจนทางร้านคงอยากขึ้นแบล็คลิสต์ ไหนจะหมูสไลซ์หมักซอสที่สั่งเพิ่มกันไปเกือบสิบจาน ไข่ตุ๋นสามถ้วยและแกงกิมจิอีกสี่หม้อเล็กๆ ภายในเวลาหนึ่งชั่วโมงครึ่ง เจถือวิสาสะดึงเอาบิลล์ที่นพถือไว้มาดู

“หัวละ 299 เหรอพี่นพ? ก็ถูกกว่าที่ล้ำลำสิเนาะ?”

คนตัวเล็กพูดแล้วหยิบกระเป๋าเงินออกมาจ่ายส่วนของเขา เขาสั่งชาเขียวแบบรีฟิลมาเพิ่มด้วยเพื่อตัดเลี่ยน รวมๆ แล้วเขาหมดเงินกับมื้อนี้ไปเพียง 358 บาทเท่านั้น

“กูแน่นท้องไปหมดแล้วว่ะ”

ซันซันโอดครวญอย่างน่าสงสาร ปรินซ์รีบเปิดกระเป๋าแบบ messenger ของเขาแล้วหยิบแผงยา Pudin Hara เม็ดกลมสีเขียวจากอินเดียส่งให้เพื่อนของเขาทันที เจเมียงมองอย่างสนใจ ปรินซ์บอกเพื่อนของเขาว่ามันเป็นน้ำมันสะระแหน่ซึ่งมีฤทธิ์ช่วยย่อยและลดกรด

“แหม พวกมึงนี่รู้ใจกันจริงนะ อ่านใจกันออกเหรอ”

เจอดแซวขึ้นมาไม่ได้ หากเพื่อนทั้งสองของเขาทำหูทวนลมแล้วเสคุยกับนพเรื่องอื่น เจจิ๊ปากเบาๆ แต่ก็ไม่ได้แซวอะไรเพิ่มอีก







(ต่อคอมเมนท์ถัดไปค่ะ)



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-02-2019 19:09:27 โดย La Vida Sin Tu Amor »

ออฟไลน์ La Vida Sin Tu Amor

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-1
@@@The Taste of Love...อิ่มรักรสโอชา - Scandal (4/2/62)
«ตอบ #442 เมื่อ04-02-2019 18:55:24 »



---- Scandal (ต่อ) ----





“งั้น เดี๋ยวไปนั่งคุยกันต่อที่แมคโดนัลด์อีกหน่อยไหม? กูอยากได้โค้กซักแก้วช่วยย่อยหน่อย”

นพชวนสามหนุ่มเดินข้ามถนนในโครงการไปนั่งต่อที่แมคโดนัลด์ หลังจากสั่งเครื่องดื่มกันเสร็จแล้วพวกเขาก็พากันลงนั่งที่โต๊ะ

“นี่มึงยังกินไอติมไหวอีกเหรอวะ?”

เพื่อนรุ่นพี่ของเจถามขึ้นด้วยความทึ่งเมื่อเห็นเจสั่งไอศกรีมโคนมากินอีกโคนหนึ่ง

“น่า ของหวานกับของคาวมันคนละกระเพาะกันนะพี่นพ…”

เจยกหลักอนาโตมั่วขึ้นมาอ้างอีกครั้ง



“…แล้วพวกพี่มีอะไรจะคุยกับผมเหรอ?”

คนตัวเล็กถาม เขายังจำได้ว่าซันซันทำท่าจะพูดอะไรสักอย่างกับเขาเมื่อก่อนหน้านี้ เพื่อนๆ ของเขาทั้งสามคนสบตากันและมีทีท่าอึดอัดอีกครั้ง

“กูจะให้มึงดูอะไร มึงดูแล้วอย่าเพิ่งหัวร้อนนะ”

หนุ่มลูกร้านทองพูดแทนเพื่อนสนิทของเขาที่ทำหน้าจ๋อยอยู่ข้างๆ พร้อมกับส่งมือถือให้เจอ่านข่าวๆ หนึ่ง เจนยุทธรับมาอ่านอย่างงๆ หากสีหน้าเขาเปลี่ยนจากความสงสัยเป็นความขุ่นเคืองในชั่วพริบตา

“เชี่ยเอ๊ย เขียนงี้ได้ไงวะ? มั่วชิบ”

เจร้องลั่นออกมาเสียงดังอย่างลืมตัว คอลัมน์นั้นในเว็บกอสซิปเกย์ของสหรัฐฯ ทำให้เจนยุทธเลือดขึ้นหน้าจนแทบปาโทรศัพท์ทิ้ง



"ภาพหลุดบล็อกเกอร์หนุ่มชื่อดัง ผู้บริหารสุดฮ็อตแห่งวงการท่องเที่ยวออนไลน์กับกิ๊กใหม่วัยใสของเขา"



ใน "ข่าว" สั้นๆ นั้น แม้จะไม่ได้กล่าวชื่อออกมาชัดเจนว่า "ผู้บริหารสุดฮ็อตแห่งวงการท่องเที่ยวออนไลน์" นั้นคือใคร หากก็เห็นได้ชัดเจนพอว่าหนุ่มใหญ่ซึ่งถูกเอาแถบดำคาดตาไว้นั้นคือฆาเบียร์ ส่วน "กิ๊กใหม่วัยใส" ที่ยืนหันหลังให้กล้องอยู่​นั้นก็ไม่ใช่ใคร แต่เป็นตัวเจเองในชุดพละซึ่งถูกถ่ายไว้ในวันที่พวกเขาไปเตะบอลกัน ในบทความนั้นยังมีรูปเขาที่เห็นหน้าชัดๆ อีกสองสามรูป หากก็ถูกคาดตาไว้เช่นเดียวกับคนตัวโตของเขา เจเลื่อนอ่านต่อด้วยมืออันสั่นเทา



"...แม้ในปีที่ผ่านมาเพลย์บอยหนุ่มใหญ่ซึ่งไม่เคยคบหาใครเป็นตัวเป็นตนคนนี้จะได้เปิดตัวแฟนหนุ่มชาวไทยในงานสังคม แต่ในตอนนี้ดูเหมือนว่าความรักที่เคยหวานชื่นนั้นได้จืดจางลงไปแล้ว เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ในแฟนเพจของหนุ่มเจ้าเสน่ห์คนนี้ซึ่งเป็นบล็อกเกอร์ชื่อดังได้มีการลงรูปของเขากำลังนัวเนียกับหนุ่มน้อยวัยเรียนคนหนึ่ง..."



เจกัดกรามแน่น สิ่งที่ทำให้เขาโมโหจนหน้าดำหน้าแดงไม่ใช่ข้อความในคอลัมน์แสนมั่วนั้น หรือการที่คนเขียนข่าวเอาภาพของเขากับฆาเบียร์ที่ซันซันถ่ายและโพสต์ไว้ใน Jay x Valentin FC ไปลงโดยที่ไม่ได้อ่านให้ดีว่าเด็กหนุ่มคนที่ว่านั้นคือเขาเอง แต่มันเป็นการเขียนที่พยายามเน้นย้ำว่าคู่นอนคนใหม่ของ "บล็อกเกอร์หนุ่มชื่อดัง" คนนี้ยังเป็นผู้เยาว์



"...เมื่อลองตรวจสอบดูแล้ว พวกเราพบว่าชุดที่หนุ่มน้อยปริศนาคนนี้สวมใส่อยู่นั้น เป็นชุดพละของโรงเรียนเอกชนชื่อดังแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ซึ่งอยู่ทางภาคเหนือของประเทศไทย..."




ในคอลัมน์สุดมั่วนั้นยังเล่าเป็นตุเป็นตะว่าเมื่อดูจากทรงผมที่สั้นมากของ "เด็ก" ของฆาเบียร์แล้ว เป็นไปได้ว่าเขาอาจจะอยู่เพียงม.ต้น หรืออย่างมากก็ม.ปลายปีแรกซึ่งหมายถึงว่าฆาเบียร์กำลังยุ่งกับเด็กอายุประมาณ 15-16 ปี ซึ่งไม่แน่ใจว่าไปเจอกันได้อย่างไร อาจจะมีการใช้เงินเป็นตัวล่อและที่เลวร้ายที่สุดคือการเขียนทิ้งท้ายว่าสำหรับประเทศไทยแล้ว แม้จะมี "ชื่อเสีย" มานานเรื่องการเป็นเมืองค้ากาม หากการมีสัมพันธ์ทางเพศกับเด็กที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะนั้นก็ถือเป็นความผิดทางอาญา และ "บล็อกเกอร์หนุ่ม" คนนี้ควรได้รับการลงโทษ



"มั่วชิบเป๋งเลย มันไม่อ่านในคำบรรยายใต้รูปในเพจเหรอวะว่านั่นคือรูปกูเอง หน้ากูก็โชว์หราอยู่ทนโท่ แค่เปลี่ยนทรงผม ไอ้ฝรั่งเวรพวกนั้นก็แยกไม่ออกแล้วเหรอวะ? กูไม่ได้หน้าเด็กขนาดแอ๊บเป็นเด็กมัธยมได้แล้วนะโว้ย จ้าดง่าว!"

เจนยุทธด่าลั่น ซันซันยิ่งหน้าซีดหนักเมื่อเห็นเพื่อนรักโมโหจนหน้าแดงก่ำ

"เจ กูขอโทษ กูไม่น่าให้พี่อิ่มเอารูปมึงไปลงเลยอ่ะ"

หนุ่มลูกร้านเพชรทำหน้าจ๋อยเหมือนจะร้องไห้ เจหยุดโวยทันทีแล้วหันมาปลอบเพื่อนของเขาแทน

"ไม่ใช่ความผิดมึงหรอก ซันซัน ในเพจนั้นก็เขียนอธิบายอยู่ทนโท่แล้ว เป็นภาษาอังกฤษด้วย จะมาอ้างว่าอ่านไม่ออกก็ไม่ได้..."

เจถอนหายใจเฮือกใหญ่ เขานึกกังวลตั้งแต่แรกที่ฆาเบียร์ให้เขาดูภาพนั้นแล้วว่ามันดูไม่ดีนัก แต่ก็ไม่นึกว่าจะมีคนเอาภาพนั้นไปเป็นประเด็นโดยที่ไม่สนใจจะอ่านข้อเท็จจริง

"...กูว่ามันจงใจเอาลงเพื่อทำลายชื่อเสียงฆาบี้เลยว่ะ กูไม่เชื่อว่ามันจะไม่อ่านก่อนว่าคนในรูปเป็นใคร"

คนตัวเล็กขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน เขานึกเป็นห่วงคนรักขึ้นมาทันที เขาเลื่อนลงอ่านคอมเมนท์ในหน้าข่าวนั้น มันมีทั้งคอมเมนท์จากคนในแฟนเพจของฆาเบียร์ที่มาปกป้องพวกเขาทั้งสองคนโดยบอกว่าที่จริงแล้วแฟนใหม่ที่ว่านั้นยังเป็นคนเดิม บางคอมเมนท์ก็มาถามอย่างไม่รู้ว่าเพลย์บอยหนุ่มคนนั้นเป็นใคร บางคอมเมนท์ก็เขียนวิจารณ์อย่างสนุกปากถึงเรื่องบนเตียงของฆาเบียร์และ "กิ๊กเด็ก" ของเขา แต่ก็มีคอมเมนท์ส่วนหนึ่งที่แสดงความโกรธแค้นและด่าทอที่ฆาเบียร์ไปมีสัมพันธ์กับผู้เยาว์โดยเรียกเขาว่าเป็น child molester และ pervert ที่แปลว่าพวกล่วงละเมิดเด็กและพวกวิตถาร หรือกระทั่งใช้คำที่มีความหมายผิดอย่าง pedo หรือพวกชอบมีสัมพันธ์กับเด็กวัยก่อนวัยรุ่น   หรือมีกระทั่งพวกที่ด่ากระทบมาถึงประเทศไทยว่าจริงๆ แล้วเรื่องนี้น่าจะเป็นเรื่องธรรมดาของ “เมืองค้ากาม” และสวรรค์ของพวกชอบเด็กชายอย่างไทย



"เออ แล้วนี่พี่อิ่มเห็นหรือยังวะ?"

เจนยุทธกดปิดหน้าจอโทรศัพท์แล้วรีบถามถึงพี่สาวของตนซึ่งเป็นแอดมินเพจนั้น

"น้องอิ่มเขาเห็นแล้วน่ะ มีคนเอาลิงค์ไปแปะไว้ในแฟนเพจตั้งแต่บ่ายละ พวกแฟนๆ ก็ปรี๊ดแตกกันแล้วก็ช่วยเข้าไปถล่มเว็บนั้นกันอยู่ ตัวน้องอิ่มเขาร้อนใจแต่ยังไม่กล้าบอกมึงก็เลยรีบโทรไปหาซันซันก่อน ซันก็โทรมาปรึกษากับกูอีกที"

นพตอบแทนและหันไปพยักหน้าให้เพื่อนของเจเพื่อให้เขาพูดต่อ

"เอ่อ พี่อิ่มเค้าไม่รู้จะบอกมึงยังไงอ่ะ กูเลยบอกว่าจะคุยกับมึงเอง"

ซันซันพูดเสียงอ่อยๆ พอถึงเวลาเข้าจริงๆ เขาก็ไม่รู้ว่าจะโทรไปบอกเจอย่างไรดี ก็เลยโทรไปขอคำปรึกษากับคนที่เจให้ความนับถือกว่าอย่างนพ นพจึงชวนพวกเขาทั้งสองมาเจอเจซึ่งนัดกับเขาไว้ก่อนแล้ว

"นี่ไม่รู้ว่าฆาบี้ได้เห็นข่าวนี้หรือยัง"

เจพึมพำออกมาอย่างเป็นห่วง หลายคอมเมนท์ในข่าวนั้นช่างร้ายกาจจนไม่อยากเชื่อว่านี่คือคำพูดที่ใช้วิจารณ์เรื่องที่ตัวเองก็ยังไม่รู้แน่ชัดว่าเป็นอย่างนั้นจริงหรือไม่



“เดี๋ยวกลับบ้านมึงก็โทรหาไอ้ฆาบี้มันซะ กูก็ห่วงมันนะ แต่ไม่อยากกวนมันเพราะคิดว่าต้องหัวปั่นและยุ่งกับเรื่องข่าวนี้แน่ๆ รอฟังจากมึงดีกว่า”

นพพูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียดทำให้เจยิ่งเป็นกังวล

“มันจะร้ายแรงขนาดนั้นเลยเหรอ พี่นพ?”

“พูดยากว่ะ อาจจะแค่โดนด่าในเน็ตแป๊บๆ แต่ไม่มีผลอะไร หรืออาจจะถึงขั้นกระทบกับธุรกิจก็ได้ เดาไม่ได้ว่ะ”

คนที่มองโลกในแง่ร้ายอยู่บ้างอย่างนพถอนหายใจเฮือกใหญ่ เจใจหายวาบ ถ้าฆาเบียร์ยังเป็นแค่ประชาสัมพันธ์เจ้าสำราญ เรื่องนี้ก็คงมีผลแค่ชื่อเสียงของตัวเขา แต่ในตอนนี้เขาออกหน้าออกตาในสังคมในฐานะรองประธานบริษัท และเป็นผู้บริหารสูงสุดของสาขาเอเชีย - แปซิฟิค การที่มีข่าวว่าเขาทำผิดกฎหมายอย่างการมีเพศสัมพันธ์กับผู้เยาว์ชาวเอเชียนั้นอาจกระทบกับภาพลักษณ์และความน่าเชื่อถือของบริษัทในสายตาของผู้ถือหุ้นและคู่ค้าโดยเฉพาะที่มาจากเอเชียได้



“กูฝากมึงขอโทษป๋าด้วยนะเจ ก็ไม่นึกว่ามันจะเป็นเรื่องเป็นราวขนาดนี้”

ซันซันที่ทำท่าเหมือนจะร้องไห้กล่าวขอโทษอีกครั้ง เจถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วตบไหล่เพื่อนเบาๆ

“กูก็บอกแล้วว่าไม่ใช่ความผิดมึง ก่อนโพสต์ฆาบี้ก็เห็นแล้ว แถมแกยังเป็นคนเขียน caption ชวนเข้าใจผิดนั้นเองด้วย ฉะนั้นตาลุงแกน่าจะประเมินไว้แล้วว่าถ้ามีอะไรขึ้นมาก็ยังสามารถจัดการได้ มึงไม่ต้องคิดมากนะ”

เจปลอบเพื่อนในสิ่งที่ตัวเขาเองก็ยังไม่แน่ใจ ซันซันกับปรินซ์มองหน้ากันด้วยความงุนงงเมื่อรู้ว่าฆาเบียร์เป็นคนเขียนคำบรรยายที่ชวนเข้าใจผิดอย่าง ‘Valentin and his new boy toy?’ ด้วยตนเอง

“เออ นั่น ปันเจริญ เขียนฆ่าตัวเองซะงั้น ไอ้ฆาบี้เอ๊ย”

นพโคลงหัวแล้วบ่นเบาๆ เป็นคำเมือง แม้กำลังเครียด เจก็อดหัวเราะน้ำเสียงและท่าทีระอาของเพื่อนรุ่นพี่ของเขาไม่ได้

“เอาน่ะ ทุกคน ผมมั่นใจว่าตาลุงตัวแสบของพวกเราต้องเอาตัวรอดได้ งั้นเดี๋ยวผมขอกลับก่อนนะ จะไปโทรคุยกับแกก่อน ถ้าได้เรื่องราวอัพเดทอะไรมาจะรีบโทรบอกนะ”

เจลุกขึ้นยืนและบอกลาเพื่อน เขาพูดย้ำกับซันซันอีกครั้งว่าเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ใช่ความผิดของตี๋แว่นและไม่ใช่เรื่องที่ต้องเก็บไว้ในใจ



“เฮ้อ ยุ่งกันไปหมดเลยน้อ”

เจซึ่งนั่งประจำที่อยู่หน้าคอมพูดกับตัวเองเบาๆ ระหว่างทางกลับบ้านเขาโทรหาอิ่มใจและบอกพี่สาวเช่นเดียวกับที่บอกซันซัน เขาไม่อยากให้ทั้งคู่คิดว่าเป็นความผิดของตนและยังพูดปลอบใจไปอีกหลายอย่าง เมื่อถึงห้อง ระหว่างที่เขาเตรียมตัวเพื่อพูดคุยกับฆาเบียร์ เขาก็ได้รับโทรศัพท์จากแตงโมผู้เป็นเพื่อนของพี่สาวและเคยเป็นหนึ่งในสาวในคอลเล็คชั่นของเขา สาวรุ่นพี่ซึ่งเล่นหุ้นเป็นอาชีพผู้นี้โทรมาแสดงความกังวลในสิ่งที่เธอเพิ่งรับรู้มา



“พี่นั่งเช็คหุ้นอยู่เมื่อกี้แล้วเจอว่าตอนตลาดที่นิวยอร์คเปิด หุ้นบริษัทของฆาเบียร์เขาตกทั้งๆ ที่พวกหุ้นกลุ่มไอทีมันขึ้น ก็เลยหาข่าวอ่านดูแล้วก็เจอข่าวนี้…”



เจกุมขมับอย่างหนักใจเมื่อรู้ว่านอกเหนือจากเว็บไซต์ต้นฉบับแล้ว ยังเริ่มมีเว็บกอสซิปอื่นๆ หรือเว็บข่าวออนไลน์ที่มุ่งเน้นข่าวของเหล่าเซเลบริตี้เริ่มหยิบเรื่องประเด็นนี้ไปลงบ้างโดยไม่มีใครสนใจที่จะไปอ่านความจริงจากเพจของอิ่มใจเลย เขาอธิบายให้แตงโมได้รู้ถึงสถานการณ์โดยอดีตคนเคยร่วมเตียงของเขาก็มีท่าทีเข้าใจและผ่อนคลายความกังวลลง

"พี่ก็ว่ามันน่าจะเป็นเรื่องเข้าใจผิดหรืออะไรแบบนี้เหมือนกัน แต่ทางบริษัทของฆาบี้เขาก็ตอบโต้เร็วดีนะ ตอนนี้ กี่โมงแล้วนะ? สามทุ่มครึ่ง? ที่นิวยอร์กก็สิบโมงครึ่ง ตลาดเปิดมาได้ชั่วโมงนึงก็เหมือนจะมีข้อความออกมาแล้วว่าเดี๋ยวจะมีแถลงการณ์จากทางเจ้าตัว"

เพื่อนสาวรุ่นพี่ของเจอ่านตัววิ่งบนหน้าเพจหลักของบริษัทของฆาเบียร์ให้เจฟัง พร้อมกับปลอบใจอดีตคู่ขาของเธอว่าดูๆ แล้วปัญหาน่าจะคลี่คลายได้ เธอให้กำลังใจเจอีกครู่หนึ่งแล้วจึงวางสายไป



'ตอนนี้สะดวกคุยแล้วจ้ะ โทรมาได้เลย'

เจถอนหายใจเฮือกใหญ่ เมื่อครู่เขาลองโทรไปหาคนรักรอบหนึ่งแล้วแต่ถูกตัดสายทิ้งซึ่งแปลว่าเจ้าตัวยังไม่สะดวกคุย หากเมียตัวโตของเขาก็ปล่อยให้เขารอไม่นาน ฆาเบียร์ส่งไลน์มาหาเขาเมื่อครู่และบอกว่าตอนนี้ตัวเขาว่างแล้ว เจส่งวีดีโอคอลล์ไปแล้วก็ต้องยิ้มกว้างเมื่อเห็นใบหน้าของคนที่เขาแสนห่วงปรากฎขึ้นบนหน้าจอ

"คุณเป็นยังไงบ้างครับ ฆาบี้ เครียดหรือกังวลมากหรือเปล่า? ไอ้เว็บบ้านั่นมันเลวมากเลย"

เจนยุทธแสดงความห่วงใยออกมาหลังจากที่พวกเขาทักทายกันเสร็จแล้ว เขาทำท่าขบเขี้ยวเคี้ยวฟันเมื่อพูดถึงเว็บไซต์ที่ลงข่าวมั่วซั่วนั้น หากฆาเบียร์กลับมีทีท่าผ่อนคลายมากกว่าที่เขาคิดมาก คนตัวโตหัวเราะเบาๆ เมื่อเห็นทีท่าเป็นเดือดเป็นแค้นแทนเขาของคนรัก

"ยังไหวอยู่จ้ะ เรื่องที่มันไม่ใช่เรื่องจริงจะต้องไปกังวลทำไม เดี๋ยวฉันจะไลฟ์แถลงออนไลน์ก่อนรอบนึง แล้วพรุ่งนี้ก็จะตั้งโต๊ะเชิญสื่อมาด้วย ตอนนี้พวกลูกทีมกำลังจัดการเตรียมกันอยู่"

เจมองไปยังด้านหลังของคนรักซึ่งนั่งอยู่ในห้องประชุมของที่ทำงาน ผนังห้องส่วนหนึ่งเป็นกระจกใสทำให้เขาเห็นคนเดินไปมาขวักไขว่อยู่เบื้องหลัง



"...คนอื่นเลยต้องเดือดร้อนกันไปด้วยเลยแท้ๆ ผมไม่น่าทะลึ่งใส่ชุดบ้านั่นไปเตะบอลเลย"

เจบ่นเบาๆ เขารู้สึกเหมือนเป็นความผิดของตัวเองด้วยส่วนหนึ่ง

"โธ่ เจ ไม่ต้องคิดมากน่า เรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดของเจหรอก มันเป็นที่ตัวฉันเอง ไอ้บ้านั่นมันตั้งใจเล่นงานฉันแต่แรกอยู่แล้ว..."

คนตัวโตทำท่าจะพูดต่อแต่ก็ถูกขัดจังหวะโดยคนที่เปิดประตูกระจกของห้องประชุมและเดินพรวดเข้ามาโดยไม่เคาะก่อน

"เฮ้ กูจัดการติดต่อทนายมือดีที่สุดที่บ้านกูเคยใช้ให้แล้วนะ อ้าว Bonsoir mon amour!"

เจนยุทธทำหน้าตูมทันทีที่เห็นหน้าคนซึ่งทักทายสวัสดีตอนค่ำกับเขาแถมยังเรียกเขาว่า 'ที่รัก' อีกต่างหากฌอง ริเชลิเยอ หนุ่มฝรั่งเศสผู้มีใบหน้าสวยหวานขัดกับร่างกายสูงใหญ่กำยำเดินปรี่เข้ามาที่โต๊ะประชุมทันทีที่เห็นหนุ่มน้อยคนโปรดของเขาบนหน้าจอ เขาถือวิสาสะลากเก้าอี้มานั่งข้างฆาเบียร์และส่งสายตาหวานเชื่อมให้เจนยุทธ



"สบายดีไหมจ๊ะน้องเจ ผมทรงนี้น่ารักมากเลยนะ พี่ชอบ"

เมื่อแปลเป็นไทย คำพูดของฌองที่ทักทายเจด้วยเสียงอ่อนเสียงหวานก็คงออกมาโทนนี้ คนตัวโตเกาหัวแกร่กๆ เมื่อได้ยินคำพูดของเพื่อนตัวแสบของเขา

"เฮ้ย น้อยๆ หน่อยไอ้ฌอง นี่มึงกล้าจีบแฟนกูต่อหน้ากูเลยเหรอวะ?"

ถึงรู้ว่าโดนแกล้ง ฆาเบียร์ก็ยังอดไม่ได้ที่จะแสดงท่าทีหวงคนรักออกมา ฌองยักคิ้วให้เพื่อนซึ่งยังเป็นคู่แข่งของเขาอีกด้วย คนตัวโตของเจโคลงหัวเบาๆ อย่างระอา หนุ่มฝรั่งเศสทำท่าไม่สนใจคนที่บ่นพึมพำอยู่ด้านข้างและคุยเจ๊าะแจ๊ะกับเจนยุทธต่อ เจพยายามปั้นยิ้มและสนทนาสั้นๆ กับหนุ่มฝรั่งเศส เมื่อฟังจากคำพูดของฌองเมื่อครู่แล้ว เขาคงกำลังช่วยฆาเบียร์จัดการกับสถานการณ์แย่ๆ นี้อยู่ ฉะนั้นเขาจึงควรทำดีกับคนที่เขารู้สึกเขม่นตั้งแต่แรกเห็นคนนี้ไว้บ้าง



"งั้น พี่ไปก่อนนะ ไม่กวนเวลาน้องเจกับไอ้เวรนี่แล้ว..."

ฆาเบียร์แยกเขี้ยวใส่เพื่อนตัวแสบที่เรียกเขาว่า "that prick" ซึ่งมีความหมายตรงตัวอักษรไม่น่ารักนัก แต่เจ้าตัวก็มีท่าทีไม่ใส่ใจและชวนเจคุยต่อ

"...ถ้าเลิกกับมันขึ้นมาจริงๆ วันไหนก็ติดต่อพี่ได้นะ พี่พร้อมอ้าแขนรับน้องเจเสมอ"

หนุ่มฝรั่งเศสโปรยจูบให้แฟนเพื่อนที่เขาถูกใจนักหนา คนตัวโตทำหน้าตึงขึ้นมาทันที ฌองหัวเราะอย่างสมใจเมื่อเห็นท่าทีหึงหวงที่เขาไม่เคยเห็นฆาเบียร์ทำกับใครที่ไหนมาก่อน

"เออๆ กูไปก็ได้ กูให้เวลามึงอีกห้านาทีนะ ข้างนอกเขาพร้อมกันแล้ว"

ฌอง ริเชลิเยอพูดกับฆาเบียร์และออกจากห้องประชุมไป ฆาเบียร์หันกลับมาหาคนรักของเขา

"เดี๋ยวจะแถลงแล้วเหรอครับ?"

เจถามสั้นๆ ฆาเบียร์พยักหน้ารับคำ

"จ้ะ จัดการให้มันเสร็จๆ ไป"

คนตัวโตถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ต่อให้เขาพอจะเดาถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นไว้ล่วงหน้าแล้ว แต่มันก็ยังสร้างปัญหาให้เขาพอสมควรอยู่ดี

"ผมอยากไปอยู่ข้างๆ คุณด้วยจัง"

เจนยุทธพูดอย่างคับแค้น เขาอยากไปอยู่เป็นกำลังใจให้คนรักที่กำลังเผชิญกับช่วงเวลาแสนวุ่นวายนี้ด้วยตัวเอง ไม่ใช่ผ่านหน้าจอแบบนี้

"แค่นี้ฉันก็ชื่นใจแล้วนะ เจ ไม่ต้องห่วงหรอกนะ"

คนตัวโตยิ้มกว้างให้กับขวัญและกำลังใจของเขาผู้อยู่ห่างไปกว่าพันห้าร้อยกิโล พวกเขาทั้งคู่แลกเปลี่ยนคำหวานสั้นๆ ก่อนที่ฆาเบียร์จะดูนาฬิกาและขอตัวไปจัดการเรื่องราว

"ไว้ทำอะไรเรียบร้อยแล้วฉันจะโทรหานะ"

ฆาเบียร์พูดทิ้งท้ายไว้ก่อนที่จะตัดการสนทนาไป



"สวัสดีครับ ผม ฆาเบียร์ บาเลนติน มาร์ติเนซ เด ลา โรซ่า หลายๆ คนอาจจะรู้จักผมในชื่อ บาเลนติน เด ลา โรซ่า บล็อกเกอร์ของเว็บ xxxx..."



เจนยุทธนั่งจ้องคนรักซึ่งกำลังแถลงออก live ในเพจเฟซบุ๊คของเขา ฆาเบียร์แถลงด้วยใบหน้าเคร่งขรึม เขาโกนหนวดออกจนดูสะอาดสะอ้านและเลือกที่จะรวบผมตึงจนเห็นสันกรามและแข็งแรงและโหนกแก้มสูงเด่นชัดเจน มันทำให้เขาดูดุดันและทำให้มองเห็นดวงตาคมวาวของเขาได้อย่างชัดเจน เขาได้พูดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นและภาพที่หลุดออกไป เขาได้เกริ่นนำว่าสิ่งที่เว็บนั้นนำเสนอเป็นข่าวผิดและไม่มีมูลความจริงใดๆ เลย และยังได้เปิดภาพจากแฟนเพจของเขาและเจมาเทียบกับสิ่งที่เว็บนั้นลงไป เขาชี้ให้เห็นถึงข้อความที่เขียนบอกชัดเจนว่าหนุ่มน้อยในชุดพละนั้นที่จริงก็คือเจ เขายกภาพของเจก่อนที่จะตัดผมมาเทียบ อีกทั้งภาพที่พวกเขาไปสังสรรค์กันกับเพื่อนของเจหลังเกมเลิก ภาพพวกนั้นทำให้เห็นชัดขึ้นถึงอายุที่พ้นวัยรุ่นไปแล้วของเจนยุทธ



"...แค่นี้พวกคุณคงเห็นได้ชัดแล้วว่าเนื้อหาของบทความนี้เป็นการนั่งเทียนเขียนข่าวที่เกิดจากคาดเดามั่วๆ ไปอย่างหาสาระไม่ได้…”



หากสิ่งที่ฆาเบียร์พูดต่อมาทำให้เจแทบหยุดหายใจ เขาไม่เคยรู้เรื่องพวกนี้มาก่อนเลย



"...ที่ผ่านมา ผมตกเป็นเป้าในการโจมตีจากเว็บไซต์นี้มาตลอดเวลาหลายปี ผมถูกละเมิดสิทธิ์ด้วยการนำเสนอภาพและรายงานในสิ่งที่ควรเป็นเรื่องส่วนตัวโดยเฉพาะเรื่องคนที่ผมเคยคบหาหรือมีความสัมพันธ์ด้วย ถูกขุดคุ้ยในสิ่งที่ควรจะเป็นเรื่องของคนสองคนและไม่ควรจะถูกเปิดเผยให้คนอื่นได้รู้ ผมยังเคยถูกเรียกในบทความเหล่านั้นด้วยคำที่ไม่ควรมีใครถูกเรียกอย่าง man slut หรือ hole hunter และถูกตั้งฉายาต่างๆ นานา..."

ฆาเบียร์หยุดและทำท่าเหมือนกลืนก้อนสะอื้นลงคอ เจขมวดคิ้วเมื่อสังเกตว่าคนรักของเขาดูมีท่าทีทุกข์ระทมไม่เหมือนกับตอนที่คุยกับเขาเมื่อสักครู่ เขาโคลงหัวน้อยๆ เมื่อคิดว่านี่คงเป็นทริคในการแถลงข่าวของคนรัก หากสิ่งที่เขาได้ยินก็ทำให้เขารู้สึกเจ็บแค้นแทนฆาเบียร์อยู่ดี เขาขบกรามแน่นเมื่อเปิดหาบทความเก่าๆ ในเว็บนั้นดูโดยหาจากชื่อของฆาเบียร์แล้วพบบทความมากมายเกี่ยวกับคนรักของเขาจริง บางส่วนเขาเคยผ่านตามาแล้ว แต่เป็นการอ่านผ่านๆ หรือเพียงแค่ดูรูปบรรดาหนุ่มๆ ที่คนรักเคยควงแค่นั้น หากเมื่ออ่านเนื้อหาดูอย่างละเอียดแล้ว แทนที่คนเขียนจะนำเสนอแค่ว่าคนตัวโตคบหาใครอยู่ บทความนั้นกลับเขียนเสียดสีและแสดงความเห็นที่ค่อนข้างรุนแรงออกมาอย่างเห็นได้ชัด ในบางครั้งก็ถึงกับมีการขุดคุ้ยเรื่องบนเตียงหรือใช้ปาปารัสซี่ไปแอบตามถ่ายภาพของคนตัวโตและคู่ควง เขาก้มหน้าอ่านบทความจากมือถือไป เงี่ยหูฟังคำแถลงของคนรักไปด้วย หากสิ่งที่เขาได้ยินต่อไปนั้นทำให้เขาต้องเงยหน้าขึ้นจ้องหน้าคนรักในหน้าจอ



"...ผมไม่ทราบว่าเหตุผลที่ผมถูกโจมตีหนักนั้นเป็นเพราะอะไร แต่คนที่รู้จักผมอาจทราบว่าผมเคยมีประเด็นกับคนในกองบรรณาธิการของเว็บนี้คนหนึ่งเมื่อหลายปีมาแล้ว โดยส่วนตัวผมไม่คิดว่ามันเป็นเหตุให้เกิดเรื่องนี้ขึ้น แต่หากมันใช่ ผมก็อยากจะขอให้คนๆ นั้นหยุดพฤติกรรมนี้เสียที..."



ฆาเบียร์พูดด้วยเสียงที่แข็งกร้าวขึ้น



"...ผมจำต้องทนกับพฤติกรรมต่ำช้านี้มานานมากแล้ว ผมได้แต่คิดว่าปล่อยมันไปเพราะมันแค่ทำให้ผมรำคาญเท่านั้น แต่ในครั้งนี้พวกเขาทำเกินไป ข้อมูลผิดๆ ที่เขานำเสนอ ข้อหาล่อลวงและมีเพศสัมพันธ์กับเด็กที่เขาเอามายัดเยียดให้ผมนั้นมันแรงเกินจะรับไหว อีกทั้งอาจส่งผลเสียหายร้ายแรงต่อธุรกิจของผมได้ มันยังทำให้คนที่ผมแคร์และคนที่เป็นเหมือนครอบครัวของผมต้องเสียใจโดยเฉพาะเจนยุทธ คนรักของผมเขารู้สึกผิดมากและเอาแต่โทษตัวเองแต่งตัวแบบนั้น ทั้งๆ ที่เขาใส่ไปเพื่อจะไปเตะบอลกับเพื่อนสมัยมัธยมเท่านั้น เขาไม่ควรต้องมาเป็นกังวลเพราะเรื่องไร้สาระนี้เลย…”

 


คนตัวโตทิ้งช่วง เจมองลึกเข้าไปในดวงตาของคนที่ปั้นหน้าเคร่งเครียด เขาเห็นหยาดน้ำตาที่เอ่อคลอน้อยๆ คนตัวเล็กใจหายวูบ เขาหวังว่าอาการแพนิคและคุมตัวเองไม่อยู่ของคนตัวโตจะไม่มากำเริบเอาตอนนี้ หากเขาก็สบายใจขึ้นเมื่อเห็นฆาเบียร์สูดลมหายใจเข้าลึกๆ เพื่อข่มความรู้สึก



“…ในครั้งนี้ผมจะไม่ทนอีกต่อไป ผมต้องลุกขึ้นมาปกป้องชื่อเสียงของตนเองและคนที่ผมรัก อีกทั้งผลประโยชน์ของบริษัท ผมได้ทำการหารือกับฝ่ายบริหารคนอื่นแล้ว สุดท้ายก็ได้ข้อสรุปว่าพวกเราจะทำการยื่นฟ้องคณะผู้บริหารและผู้ดูแลเว็บไซต์ดังกล่าวเพื่อที่เขาจะได้รู้สึกหลาบจำและไม่ใช้คำโกหกหลอกลวงไปทำลายชีวิตผู้อื่นแบบนี้อีก ส่วนรายละเอียดของการฟ้องร้องนั้น ทางเราจะได้ทำการแถลงต่อไปหลังจากที่ได้ข้อสรุปแล้วนะครับ..."



เจนยุทธแทบจะลุกขึ้นปรบมือดังๆ เมื่อได้ยินคำกล่าวของคนรัก เขาตบโต๊ะเบาๆ อย่างสะใจ

"มันต้องแบบนี้สิ เล่นมันหนักๆ เลย ฆาบี้"

เจส่งเสียงเชียร์แม้รู้ว่าคนรักไม่ได้ยินเสียงของเขา ฆาเบียร์ซึ่งไลฟ์สดอยู่ได้กล่าวเน้นย้ำอีกว่าการที่เขาฟ้องครั้งนี้ เขาไม่ได้ต้องการเงิน หากเขาอยากทำให้เป็นตัวอย่างว่าเหล่าสื่อมวลชนไม่มีสิทธิ์ที่จะไปทำลายชีวิตของใครโดยอ้างว่าเป็นการรายงานข่าว



"ในฐานะสื่อ สิ่งที่เขาทำกับผมมันไม่ต่างกับการ cyber bully เขากล่าวหาผมและปลุกปั่นทำให้ผมถูกสาธารณชนเกลียดชังโดยที่ไม่มีมูลความจริง เมื่อผมอ่านในคอมเมนท์ท้ายข่าวนั้นแล้วก็ต้องสะท้อนใจเพราะมีคนจำนวนมากเลือกที่จะเชื่อสิ่งที่เขาเสนอออกมาโดยที่ไม่ใส่ใจว่ามีคนมาแก้ต่างแทนผมแล้ว การถูกคนที่ไม่รู้จักกัน ไม่เคยรู้เรื่องราวหรือสถานการณ์จริงๆ มาก่อนเรียกว่าเป็น cherry popper​ เป็น child molester หรือกระทั่ง pervert นั้นมันเจ็บปวดนะครับ..."



เจมองหน้าคนรักในจอคอมพิวเตอร์ เขาไม่แน่ใจว่าสิ่งที่เขาดูอยู่นั้นเป็นการแสดงหรือไม่ หากเขาใจอ่อนยวบไปกับสายตาและรอยยิ้มเศร้าๆ บนริมฝีปากของคนรัก เขายกมือขึ้นลูบรอยยิ้มนั้นเบาๆ อย่างอดไม่ได้ พอรู้ตัวอีกที น้ำตาเขาก็หยดเผาะลงบนแป้นพิมพ์ เจเริ่มร้องไห้ออกมาอย่างคับแค้นใจ เขาอยากไปอยู่ตรงนั้นเพื่อลบรอยยิ้มอันแสนเศร้าหมองนั้นออกจากใบหน้าของคนรัก หากระยะทางคือสิ่งที่กั้นกางระหว่างเขาทั้งสอง



"...แต่ผมก็ไม่โทษคนเหล่านั้นหรอกครับเพราะพวกเขาก็เป็นเหยื่อของความไว้วางใจที่มีให้กับสิ่งที่เว็บไซต์นั้นนำเสนอออกมา พวกเขาเชื่อโดยไม่มีข้อกังขาเพราะมองว่ามันเป็นสื่อมวลชนที่ควรต้องนำเสนอแต่ความเป็นจริง..."



คนตัวโตของเจหยุดชั่วขณะหนึ่งและก้มหน้าลงต่ำเพื่อระงับอารมณ์ เขาแค่นเสียงออกจากลำคอและพูดพึมพำกับตัวเองเบาๆ



"เฮอะ...ความจริงงั้นเหรอ? เหลวไหลทั้งเพ..."



หนุ่มละตินยกนิ้วขึ้นปาดหางตา เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วเงยหน้าขึ้นกล่าวต่อ



"...จากภาพข่าวในวันนี้ เราคงเห็นกันแล้วนะครับว่า 'ความจริง' ของเว็บนี้เป็นอย่างไร นี่จึงเป็นเหตุให้ผมต้องลุกขึ้นมาปกป้องตัวเองในวันนี้เพราะผมทนถูกโจมตีแต่เพียงฝ่ายเดียวไม่ไหวอีกแล้ว และผมก็อยากขอถือโอกาสนี้เชิญชวนผู้อื่นที่เคยต้องเจ็บช้ำหรือเสื่อมเสียชื่อเสียงจากการนำเสนอข่าวที่ไม่เป็นความจริง หรือถูกละเมิดสิทธิส่วนบุคคลโดยสื่อรายนี้ให้ออกมาแสดงพลัง มาช่วยกันทำให้เห็นว่าพวกเราจะไม่ทนอีกต่อไป!"



เจสะดุ้งเฮือกเมื่อฆาเบียร์ทุบโต๊ะดังปัง เขาแทบอยากลุกขึ้นปรบมือให้กับถ้อยแถลงอันทรงพลังของคนรักอีกครั้ง เขาโทรหาเมียตัวโตของเขาทันทีที่การ live นั้นจบลง หากฆาเบียร์ไม่รับสาย เขาส่งข้อความกลับมาหลังจากนั้นว่าเขายังประชุมติดพันเรื่องการแถลงข่าวต่อหน้าสื่อมวลชนในวันรุ่งขึ้นและจะโทรหาเจเมื่อเสร็จงานและกลับขึ้นห้องแล้ว เจตอบรับคำเสร็จสรรพ เขานั่งเหม่ออยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ของตนพักหนึ่งแล้วจึงได้ขยับเม้าคลิกเปิดโฟลเดอร์เพื่อค้นหาภาพๆ หนึ่ง



"ไงจ๊ะ? หลับหรือยัง?"

"แค่งีบๆ ครับ ฮ้าว..."

เจหาวหวอดๆ แล้วส่งยิ้มหวานให้กับคนรักยิ้มละไมอยู่บนหน้าจอแท็บเล็ต เขาไม่มีอารมณ์ทำงานหลังจากดูแถลงการณ์เสร็จแล้ว เขาจึงเข้ามานอนกลิ้งเล่นเกมอยู่ในห้องนอนจนเผลอหลับไป

"เสร็จแล้วเหรอครับ? กี่โมงแล้วเนี่ย?"

"ตีหนึ่งที่ฮ่องกงจ้ะ"

"เฮ้ย ดึกขนาดนี้แล้ว? แล้วนี่คุณเพิ่งเตรียมการเสร็จเหรอครับ? แล้วพรุ่งนี้นัดคุยกับนักข่าวกี่โมง?"

จากเดิมที่นอนคุยโดยเอาแทบเล็ตวางตั้งบนหมอน เจลุกพรวดขึ้นนั่งคุยแทน

"เก้าโมงเช้าจ้ะ แต่คงต้องลงไปเตรียมตัวตั้งแต่เจ็ดโมง"

คนตัวโตถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วเอามือลูบหน้าอย่างเหนื่อยล้า

"งั้นคุณไปนอนเถอะครับ ไม่งั้นเดี๋ยวจะตื่นไม่ไหว"

เจนยุทธทำท่าจะตัดสาย หากคนตัวโตยกมือห้าม

"ฉันยังไหว ตอนนี้ฉันอยากคุยกับเจมากเลย อยากได้ยินเสียง"

เจนยุทธใจละลายเมื่อได้ยินน้ำเสียงออดอ้อนของคนรัก

"แล้วอยากคุยอะไรล่ะครับ? "




(ต่อคอมเมนท์ถัดไปค่ะ)



ออฟไลน์ La Vida Sin Tu Amor

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-1
@@@The Taste of Love...อิ่มรักรสโอชา - Scandal (4/2/62)
«ตอบ #443 เมื่อ04-02-2019 19:05:30 »



---- Scandal (ต่อ) ----




"เจนยุทธ พอ!..."

ฆาเบียร์ตวาดคนรักเบาๆ

"ฉันบอกแล้ว มันไม่ใช่ความผิดของนายสักนิด หรือซันซัน หรืออิ่ม มันไม่ใช่ความผิดของทางเราเลย เข้าใจไหม? แต่เป็นไอ้เวรนั่นที่จงใจเอาเรื่องราวของฉันไปบิดเบือน"

"แต่..."

เจพูดเสียงอ่อยๆ

"ไม่มีแต่อะไรแล้วเจ ห้ามคิดมาก เข้าใจไหม?"

เจทำหน้าจ๋อยแล้วพยักหน้าเบาๆ เขาอ้อมแอ้มถามสิ่งที่ติดอยู่ในใจเขา

"เอ่อ ที่คุณบอกว่าไอ้เวรนั่น คุณหมายถึงใครอ่ะ? คนเขียนข่าวหรือว่าไง? คุณบอกว่าคุณเคยมีประเด็นกับคนที่นั่นมาก่อน ก็คือคนนี้เหรอ?"

 เจถามเบาๆ เขาไม่แน่ใจว่าฆาเบียร์จะตอบเขาได้หรือเปล่า ใจเขานึกไปถึงว่าเมียตัวโตของเขาอาจจะเคยเดทกับใครสักคนที่ทำงานในเว็บนั้นแล้วอาจจะจบกันไม่สวยจนอีกฝ่ายไม่ยอมเลิกราและคอยตามรังควาญอยู่ร่ำไป เขาถามคนรักของเขาตามที่ตัวเองคาดเดาไป หากคนตัวโตหัวเราะน้อยๆ แล้วส่ายหัว

"ไม่ใช่เลยจ้ะ ไม่ใช่ว่าฉันไปคบหากับใครในนั้น..."

"อ้าว แล้วเรื่องอะไรครับ? เรื่องงาน เรื่องธุรกิจ หรือเรื่องเงินทอง?"

"ก็ไม่ใช่ทั้งนั้นแหละ มันก็คือเรื่องบนเตียงนั่นแหละเจ แต่ไม่ใช่ระหว่างฉันกับคนๆ นั้น"

ฆาเบียร์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ สิ่งที่เขามองว่าเป็นเรื่องไม่เป็นเรื่องที่สุดกลับกลายมาเป็นสิ่งที่ทำให้เขารำคาญใจมาตลอดหลายปีนี้



"ฉันเคยเดทกับหนุ่มคนหนึ่งเมื่อหลายปีมาแล้ว เขาเป็นนายแบบดาวรุ่งที่กำลังจะเริ่มก้าวเข้าวงการแสดง พวกเราคบหากันอยู่หลายเดือนเหมือนกัน แต่มันก็แค่เรื่องเซ็กส์น่ะเจ​ เป็นแค่เพื่อนนอนกันนานๆ ครั้ง แล้วช่วงไหนที่ฉันไปออกงานสังคม ถ้าเขาว่างฉันก็ชวนไปในฐานะ plus one ภาพเวลาถ่ายรูปออกมาก็ดูดี เขาได้ข่าว ได้พื้นที่สื่อ ฉันก็ได้ควงหนุ่มหน้าตาดีไปงาน เรามีสัมพันธ์กันแค่นั้น ไม่ได้มีความรู้สึกอะไรให้ พอเขามีแฟนเป็นตัวเป็นตน ฉันก็ถอยออกมา"

คนตัวโตเล่าเรื่องราวในอดีตของเขาให้เจฟัง คนตัวเล็กทำตาปริบๆ แล้วพยายามทำความเข้าใจสถานการณ์

"เอ่อ แล้วอีตาคนที่ทำงานในเว็บข่าวนั้นก็คือแฟนใหม่ของเด็กคุณเหรอ?"

ฆาเบียร์ส่ายหัว

"ผิดถนัดจ้ะ"

"อ้าว แล้วไงล่ะเนี่ย?"

เจนยุทธเกาหัวแกร่กๆ คนตัวโตยิ้มบางๆ

"คนที่มีปัญหากับฉัน คือคนที่เป็น 'แฟนเก่า' ของหนุ่มคนนั้นต่างหาก"

เจขมวดคิ้ว

"งั้นฉันเริ่มเล่าใหม่แล้วกัน ก่อนที่จะมาเดทกับฉัน นายแบบหนุ่มคนนี้เคยคบหากับผู้ชายคนหนึ่งมาตั้งแต่สมัยเขายังเพิ่งเข้าวงการนายแบบใหม่ๆ ผู้ชายคนนั้นอายุมากกว่าและเลี้ยงดูเขาแบบออกหน้าออกตา คือ คบหาจริงจังว่างั้นเถอะ เขาใช้หน้าที่การงานในการช่วยผลักดันคนรักให้ได้ออกงานสังคม ออกข่าว จนมีแบรนด์นั้นแบรนด์นี้เริ่มสนใจเรียกใช้งาน เรียกได้ว่าคนๆ นั้นเป็นป๋าดัน..."

คนตัวเล็กร้องอ๋อ เขาพอจะเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นต่อไปแล้ว

"แล้วคุณก็มาแย่งแฟนตาลุงคนนั้นไป แกก็เลยโกรธ?"

คนตัวโตส่ายหน้าอีกครั้ง



"พวกเขาเลิกกันจริง แต่ไม่ใช่เพราะฉัน หนุ่มคนนั้นเขาเลิกกันกับแฟนเก่าไปก่อนที่จะมาเริ่มเดทกับฉันแล้ว ที่เลิกน่ะก็เพราะแฟนเก่าเขานั้นขี้หึงมากแล้วก็มีอารมณ์รุนแรง พอไม่พอใจก็ด่าทอลำเลิกบุญคุณ มีต่อยตีทำร้ายร่างกายด้วย เขาก็เลยทนไม่ได้แล้วก็แตกหักกันไป"

"เอ๊า แล้วตาลุงแฟนเก่าเขาจะมาโกรธคุณทำไมอ่ะ?"

"ก็เขาคิดว่าที่เขาโดนบอกเลิกก็เพราะมีฉันเข้าไปเป็นมือที่สามน่ะสิ ฉันก็บอกแล้วว่ามันไม่ใช่ แกก็ไม่เชื่อ"

ฆาเบียร์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ นั่นก็เป็นสิ่งที่เขาพยายามอธิบายครั้งแล้วครั้งเล่า แต่คู่กรณีของเขานั้นก็ไม่เคยพยายามทำความเข้าใจ

"คือก่อนหน้านั้น ฉันเคยทำงานร่วมกันกับนายแบบคนนี้ บริษัทเราจ้างเขามาถ่ายแบบให้และเขียนบล็อกเป็นช่วงสั้นๆ แต่ตอนนั้นพวกเราก็ยังไม่ได้สปาร์คกันอะไรนะ เพราะฉันไม่ยุ่งกับคนที่มีแฟนแล้ว พอหมดสัญญาจ้าง เราก็ไม่ได้ติดต่อกันอีก มาเจอกันอีกทีก็ในงานสังคมสักงาน ตอนนั้นฉันก็ได้ข่าวแล้วว่าเขาเพิ่งเลิกกับแฟนได้ไม่นาน เราไปดื่มกันต่อตามประสาคนเคยทำงานด้วยกันแล้วก็เลย..."

คนตัวโตอ้อมแอ้มพูดด้วยความเกรงใจคนรัก เขาบอกเจว่าเพราะช่วงเวลาที่ต่อเนื่องกันทำให้คนรักเก่าของหนุ่มคนนั้นเข้าใจผิดคิดว่าคนรักของตนแอบคบซ้อน



"หวยเลยออกที่คุณเต็มๆ เลย เย้!"

เจนยุทธกระเซ้าคนรัก หนุ่มละตินทำหน้าตูม

"เออ สิ หลังจากนั้นเป็นต้นมา ฉันก็โดนเละเลย ก่อนหน้านั้น ถ้าถูกเอาไปลงคอลัมน์กอสซิป อย่างมากก็มีแค่รูปตอนออกงานกับคนดังนั้นคนนี้ เป็นเหมือนไม้ประดับ ถูกเขียนแซวเล่นขำๆ อะไรพวกนั้น แต่พอหลังจากมีเรื่องนี้แล้ว มันกลายเป็นว่าฉันถูกติดตามอย่างใกล้ชิด มีการเสนอข่าวเสียดสี จิกกัด ขุดคุ้ยหาเรื่องนั้นนี้มาติมาด่า พอฉันไปออกงานกับแฟนเก่าเขา ก็โดนถ่ายรูปมาวิจารณ์ รายนั้นก็โดนเรียกว่า cheater ฉันก็กลายเป็นแมวขโมย อะไรแบบนั้น..."

"เล่นกันแรงขนาดนั้นเลยเหรอคุณ? แล้วคุณไม่ฟ้องมันเลยอ่ะ?"

เจตบเตียงผัวะใหญ่ด้วยความโมโหแทนคนรัก

"ฉันก็ไม่อยากมีเรื่องไง อีกอย่าง ฉันก็ชินแล้วกับเรื่องแบบนี้ มีพวกแฟนเก่าของคู่ควงของฉันหลายคนที่ไม่ยอมรับความจริงว่าตัวเองโดนทิ้งเพราะพฤติกรรมของตัวเอง พวกนั้นก็จะมาโทษคนที่แฟนตัวเองคบหาหรือมีข่าวด้วยหลังจากนั้น ฉันก็ไม่ใส่ใจนะ ถือว่าเราไม่ได้คบซ้อนอย่างที่โดนกล่าวหา แล้วมันก็มักจะเป็นแค่เรื่องเซ็กส์ชั่วครั้งชั่วคราว ฉันไม่เก็บเอามาเป็นปัญหาหรอก เพราะเดี๋ยวก็เลิกกันแล้ว"

เจโคลงหัว เมียตัวโตของเขานั้นช่างร้ายจริงๆ

"ในเคสนี้ ฉันก็มองว่าถ้าฉันจบกับหนุ่มคนนั้นไป ก็คงหมดปัญหา แต่มันกลายเป็นว่าคนๆ นั้นเขาแค้นฉันมาก ถึงจะไม่ได้ออกงานคู่กันกับหนุ่มคนนั้นอีก เขาก็ยังหาเรื่องแซะฉันได้ไม่หยุดหย่อน ถึงจะเบาลงกว่าตอนแรกๆ ที่ยังคบกับนายแบบคนนั้นอยู่ก็เถอะ แต่มันก็มีเรื่องให้น่ารำคาญใจได้ทุกครั้ง อย่าง เอาไงดี? ช่วงที่ฉันควงเฟลิเป้ ก็เอาไปเขียนเสียๆ หายๆ ว่าฉันใช้เงินฟาดหัวซื้อตัวเขามาอะไรแบบนั้น"



"เออ ใช่ๆ อันนั้นผมอ่านเจอแล้ว แรงจริงอ่ะคุณ หลายๆ เรื่องด้วย ที่เรียกคุณว่า serial heartbreaker อีก แล้วอีกหลายคำเหมือนกับที่คุณไลฟ์ไปอ่ะ ใช้คำทุเรศมากอ่ะ"

คนตัวโตพยักหน้า

"รู้ไหมว่าตอนช่วงเปิดตัวบริษัทที่ฮ่องกง หลังจากที่ฉันป่วยคราวนั้นน่ะ มีข่าวออกมาจากสื่อนี้ด้วยนะว่าฉันดูผอมโทรม หวังว่าจะไม่ใช่เพราะสำส่อนมากจนติด HIV มานะ"

"เฮ้ย เชี่ยมาก มันเขียนแบบนี้ได้ไงวะ?!"

เจนยุทธร้องลั่น

"เป็นผมจะฟ้องมันตั้งแต่เรื่องนี้แล้วอ่ะ"

คนตัวเล็กขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ฆาเบียร์หัวเราะเบาๆ แล้วบอกว่าในช่วงนั้นเขายุ่งจัดจนไม่ได้มาสนใจเรื่องไร้สาระนี้ อีกทั้งข่าวนั้นไม่ได้รับความสนใจอะไร เพราะสื่ออื่นมุ่งความสนใจไปกับการที่เขาเปิดตัวเป็นทายาทของอาปามากกว่าจนกลบข่าวที่ไม่มีมูลนี้ไปเสียหมด

"แต่ก็ นะ มันชักจะหนักข้อเกินไปละ จนฉันชักทนไม่ไหวแล้ว"

คนตัวโตสรุป แต่เขาก็ไม่ได้เล่าให้เจฟังว่านอกจากตัวเขาเองแล้ว คนที่เป็นคู่ควงของเขาก็มักจะโดนหางเลขไปด้วย เขายังไม่กล้าบอกคนตัวเล็กว่าตัวเจเองก็เป็นหนึ่งในผู้โชคร้ายนั้น เขาคาดว่าคนตัวเล็กก็ยังอ่านไม่เจอข่าวเหล่านั้นเพราะไม่อย่างนั้นเจคงโวยวายมากกว่านี้แน่นอน ​



"ตาลุงคนนั้นมันมีพาวเวอร์ขนาดที่สั่งให้คนเขียนข่าวแย่ๆ เกี่ยวกับคุณได้ขนาดนี้เลยเหรอครับ?"

เจถามอย่างสงสัย คนตัวโตหัวเราะหึๆ

"ก็เขาเป็น editor-in-chief ของเว็บนี้นี่ ใหญ่สุดแล้ว ขนาดเจ้าของยังต้องเกรงใจล่ะมั้ง?"

"เฮ้ย แต่ข่าวมันแย่มากเลยนะครับ เขียนแบบนี้ ไม่กลัวโดนฟ้องกันมั่งเหรอ?"

เจเกาหัวอย่างสงสัย

"เจจ๊ะ ก็ไอ้เจ้าเว็บนี้มันเป็นเว็บกอสซิปนะ ยิ่งมีข่าวแรงๆ มี scandal คนยิ่งชอบเข้ามาอ่าน อีกอย่างเขาคงถือว่าเขาลง 'เรื่องจริง' ถึงจะมีการแต่งเติมเสริมแต่งบ้าง แต่ก็ based on true story อะไรแบบนี้..."

เจพยักหน้าหงึกหงัก เขาเล่าให้ฆาเบียร์ฟังถึงคอลัมน์ซ้อเจ็ดของหนังสือพิมพ์ผู้จัดการออนไลน์ซึ่งถือคติความจริง 60% เรื่องแต่ง 40% ที่บางครั้งพี่อิ่มผู้ชอบข่าวเม้าข่าวแซ่บเคยส่งมาให้เขาอ่าน เขาอ่านผ่านๆ แล้วก็รู้สึกตกใจว่าทำไมต้องเขียนแรงกันขนาดนี้ แล้วไม่กลัวถูกฟ้องกันบ้างหรือไร คนตัวโตหัวเราะเบาๆ

"ฉันว่าพวกนี้ไม่แคร์หรอก เผลอๆ ยิ่งโดนฟ้องก็ยิ่งเป็นที่สนใจของคน ยิ่งมีคนเข้ามาอ่านมาติดตาม ฉันถึงเลือกที่จะอยู่เฉยๆ ไม่ไปต่อล้อต่อเถียงเพื่อเพิ่มยอดวิวให้เขามาตลอด แต่จากข่าวที่ออกมาช่วงนี้ฉันทนไม่ไหวแล้วจริงๆ ก็เลยต้องหาแผนจัดการขั้นเด็ดขาด...อ๊ะ"

คนตัวโตตะครุบปากตัวเอง แต่ไม่ทันเสียแล้ว เจร้องออกมาดังลั่น



"I knew it! นี่คุณจัดฉากเรื่องนี้ใช่ไหม?"

ฆาเบียร์ได้แต่ยิ้มแหยๆ เขาเริ่มคิดจัดการกับเว็บไซต์นี้ตั้งแต่เจนยุทธเริ่มตกเป็นข่าวกับเขา ในช่วงหลังงานเปิดตัวบริษัท เมื่อเว็บ Page Six อันโด่งดังนำเสนอข่าวว่าเขาได้เปิดตัว 'เพื่อนคนสนิท' ในงานนั้นด้วย เว็บไซต์กอสซิปนี้ก็ได้ลงข่าวทันทีโดยคอมเมนท์ว่าอีกไม่นานเด็กคนนี้คงโดนเขาหักอกและทิ้งไปเหมือนกับคนอื่นๆ แน่นอน หากเมื่อความสัมพันธ์ของพวกเขามั่นคงขึ้นและเจเริ่มออกงานคู่กับเขาในฐานะคนรัก ทางเว็บนั้นได้ลงรูปพวกเขาในงานแต่งงานของลูกชายวิคเตอร์ ลี โดยเขียนประมาณว่าไม่รู้ว่า 'รู' ของหนุ่มไทยคนนี้มีดีแค่ไหนจึงสามารถมัดใจเพลย์บอยอย่างเขาไว้ได้ หากข้อความที่แรงที่สุดจนทำให้ฆาเบียร์รับไม่ได้คือ



'...Or perhaps this Thai twink might live up to the reputation of his fellow Thais. This tiny mouth might just be as good at sucking as others'. So, beware, Mr. Serial Heartbreaker!. This new love of yours will probably suck you dry."

'...หรือไม่แน่นะ หนุ่มไทยคนนี้อาจรักษาชื่อเสียงของหนุ่มไทยคนอื่นๆ ไว้ได้ ปากน้อยๆ นี้อาจเชี่ยวชาญการดูดเช่นเดียวกับคนอื่นๆ ฉะนั้น ระวังตัวไว้ พ่อนักหักอก รักใหม่ของนายนี้อาจสูบนายจนหมดตัวได้'




และนั่นคือฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้ฆาเบียร์ตัดสินใจลุกขึ้นมาชนกับเว็บไซต์นี้

"ว่าไงครับ? คุณคิดอยู่แล้วใช่ไหมว่าจะต้องเป็นแบบนี้?"

ฆาเบียร์ถอนหายใจและตอบออกมาเมื่อเจถามเขาซ้ำอีกครั้ง​

"มันก็ส่วนหนึ่งนะ ตอนแรกฉันกะแค่ให้มันลงข่าวมั่ว ลงประมาณว่าฉันคบหนุ่มคนใหม่ จากนั้นจะได้ตอกหน้ามันคืนไปว่ามันลงข่าวมั่ว ไร้สาระ เชื่อถือไม่ได้..."

"คุณถึงเตรียมการตอบโต้ จัดแถลงข่าวอะไรต่างๆ นานาได้แทบจะทันทีใช่ไหมครับ?"

เจถามแทรกขึ้น ฆาเบียร์พยักหน้า

"ใช่จ้ะ ฉันมีในหัวแล้วว่าถ้ามีข่าวมาว่าฉันเลิกกับนายแล้วและกำลังหลงเด็กใหม่ฉันจะทำอะไรบ้าง แต่ไม่นึกว่ามันจะไปขุดถึงว่าชุดที่เจใส่เป็นชุดพละโรงเรียนมัธยม แล้วเอามาเขียนมั่วซั่วไปว่าฉันไปนอนกับเด็กยังไม่บรรลุนิติภาวะ ก็เรียกว่าเดินเกมพลาดไปเหมือนกัน..."



"หุ้นตกเลย"

เจพูดออกมาเบาๆ

"อืมม์"

คนตัวโตตอบรับแผ่วเบาเช่นกัน เมื่อรู้ข่าว เขารีบโทรไปขอโทษขอโพยคริสกับบอร์ดบริหารคนอื่นด้วยตัวเองพร้อมกับให้คำมั่นว่าจะรีบจัดการกับเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด และเมื่อได้ไฟเขียวจากทางสหรัฐฯ เขาจึงเดินหาทนายเพื่อทำเรื่องยื่นฟ้องอย่างถึงที่สุด

"เล่นเอาเหนื่อยกันไปหมดเลย ขนาดยัยเมลิน่าที่ฉันให้หยุดงานไปหาริคกี้ยังรีบแจ้นกลับมาทันทีที่รู้เรื่องเลย ริคกี้ก็เข้ามาช่วยเหมือนกัน ไอ้ฌองเองก็ช่วยเยอะ มันจัดการหาทนายที่เก่งที่สุดด้านนี้มาให้ ก็หวังว่าผลมันจะออกมาคุ้มที่ทุกคนต้องเหนื่อยนะ"

ฆาเบียร์ถอนหายใจยาวอีกครั้ง เว็บไซต์นั้นเลือกปล่อยข่าวในช่วงดึกสงัดที่สหรัฐฯ ซึ่งเป็นช่วงบ่ายของทางฮ่องกงเพื่อหวังให้ข่าวสะพัดไปก่อนเวลาเปิดทำการของตลาดหลักทรัพย์ที่นิวยอร์ค มันประจวบเหมาะกับช่วงที่เมลิน่าซึ่งเป็นหัวหน้าดูแลเรื่องข่าวออนไลน์ของเขาเร่งเคลียร์งานด้านอื่นก่อนจะลาหยุด จึงไม่มีใครได้ทันเห็นและจัดการกับข่าวนี้ก่อนที่จะแพร่สะพัด

"ก็หวังว่าวันพรุ่งนี้จะเคลียร์เรียบร้อย จริงๆ ฉันอยากแถลงข่าวอย่างเป็นทางการก่อนตลาดหุ้นนิวยอร์คปิดวันนี้ด้วยซ้ำ แต่พวกลูกทีมเขาแย้งมาว่าเตรียมการไม่ทัน"

"ก็แหงล่ะ มันก็จะเท่ากับประมาณตีสามตีสี่ฮ่องกงใช่ไหมครับ? ผมว่าเอาเวลาที่เราพร้อมที่สุดนั่นแหละ"

คนตัวโตพยักหน้า

"ก็หวังว่าทุกอย่างจะเป็นไปได้ด้วยดีนะ หลังจากแถลงฉันก็จะจัดการคุยกับทนายอีกรอบ จากที่คุยกันรอบแรกเขาบอกว่าจากหลักฐานทุกอย่างที่ฉันเตรียมไว้แล้ว ก็ไม่น่าพลาดอะไร..."



เจพยักหน้าหงึกหงัก

"ดีแล้วครับ ฟ้องมันให้เข็ด หาตังค์กินหนมกัน"

คนตัวเล็กพูดยิ้มๆ ฆาเบียร์หัวเราะเบาๆ

"จริงๆ ฉันก็ไม่ได้หวังจะเอาอะไรหรอก ในตอนแรกฉันหวังแค่คำขอโทษอย่างเป็นทางการแค่นั้น แต่หลังจากเกิดเรื่องนี้แล้ว ฉันจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด และถ้าเป็นไปได้ฉันก็อยากเห็นคนตกงาน"

คนตัวโตยิ้มเย็น เจมองตามด้วยความรู้สึกหนาวเยือกในใจ บรรณาธิการคนนั้นคงได้รู้เสียทีว่าไม่ควรทำให้คนอย่างฆาเบียร์โกรธ

"แล้วตัวคุณโอเคไหมอ่ะ ที่ต้องมาเป็นคดีความกับเรื่องแบบนี้?"

เจถามเสียงอ่อยๆ ฆาเบียร์ยิ้มบางๆ แล้วพยักหน้า

"สบายมากจ้ะ แต่นี่มันไม่ใช่แค่เรื่องของตัวฉันคนเดียวนะ มันเป็นการปกป้องเกียรติของนายด้วย เจนยุทธ ฉันเองต่างหากที่ควรเป็นฝ่ายถามว่านายโอเคไหมที่ต้องมีชื่อพัวพันกับเรื่องยุ่งๆ นี้ด้วย?"

คนตัวโตถามกลับ ในการแถลงข่าวเขาจำต้องพูดพาดพิงถึงเจหลายครั้ง

"สบายมากครับ ไอ้เรื่องถูกเม้า เรื่องอื้อฉาวแบบไม่มีมูลพวกนี้ก็ไม่ใช่ว่าผมจะไม่เคยผ่านมา คุณจำได้ไหมล่ะที่ผมเคยเล่าให้ฟังถึงเรื่องไอ้รุ่นพี่ที่เป็นแฟนเก่าของครีมอ่ะ"

ฆาเบียร์ร้องอ๋อ

"จำได้จ้ะ ที่นายบอกว่าเขาเอานายไปพูดถึงเสียๆ หายๆ น่ะเหรอ?"

เจพยักหน้า

"นั่นแหละครับ ตอนนั้นผมโดนโจมตีทั้งในเว็บบอร์ดของภาควิชา ในกลุ่มสนทนาของทางภาค โดนส่งจดหมายสนเท่ห์ถึงนายจ้าง เยอะสิ่งครับ..."

คนตัวเล็กเล่าใหัฟังว่านอกเหนือจากเรื่องในคราวนั้นแล้ว ตอนเป็นนักศึกษาเขาก็เคยถูกปล่อยข่าวลือเสียๆ หายๆ นับครั้งไม่ถ้วน ส่วนใหญ่ก็เนื่องจากความเป็นเพลย์บอยของเขา



"ไหนจะข่าวว่าผมเป็นเด็กเลี้ยงของพวกป้าๆ มั่งล่ะ โดนหาว่าขายตัวก็มี คนในม. นี่แหละที่เอาไปพูดไปถึงขั้นว่าเพื่อนเขาเล่าว่าเคยจ่ายตังค์ให้ผมมานอนด้วยมาแล้ว ลีลาเด็ดแบบนั้นแบบนี้ พูดกันไปเรื่อยเปื่อยมาก บางทีก็เม้ากันที่ข้างหูผมนี่ พอได้ยินผมงี้ลุกไปถามเลยว่าเพื่อนคนไหนที่บอกว่าเคยจ่ายตังค์ให้ผม ปรากฎว่าแม่งก็ตอบไม่ได้..."

เจหลุดปากพูดคำหยาบออกมาพร้อมกับโคลงหัวอย่างระอา

"แล้วไม่นับข่าวที่ว่าผมไปทำคนนั้นคนนี้ท้อง หรือว่าเป็นพวกฟันแล้วทิ้ง พวกล่าแต้ม ล่าพรหมจรรย์สาว ขอโทษนะครับ คนอย่างไอ้เจนี่ ถ้าไม่ใช่พวกรักสนุกเหมือนกัน ผมไม่เคยยุ่งนะ ขี้เกียจมาสอนงานกัน แค่พวกสาวรักสนุกไม่ชอบผูกมัดก็มีมากพอให้ผมเอาไม่หวาดไม่ไหวแล้ว ไม่ต้องเสียเวลาจีบด้วย แค่มองตากันก็โอเคแล้ว เออ แล้วไหนจะข่าวเรื่องที่ว่าผมเป็นเอดส์มั่ง ซิฟิลิสมั่งอีก คือ พอผมไม่สบาย เป็นไข้เป็นหวัดทีก็จะมีข่าวแนวนี้มาให้ได้ยินปีละหนสองหนตลอด มันจะอะไรนักหนาวะ?..."

คนตัวโตหัวเราะก๊ากเมื่อเห็นแก้มป่องๆ ที่ขึ้นสีีเพราะความเดือดดาล

"ใจเย็นจ้ะ ใจเย็น"

ฆาเบียร์พยายามปลอบคนรัก เจทำหน้ามุ่ย

"ก็มันน่าโมโหไหมล่ะ? ถ้ามันเป็นข่าวลือประเภทเจมันเสือผู้หญิง ไปผับแล้วได้สาวกลับมาตลอดไม่เคยได้ว่างได้เว้น เซ็กส์จัด อะไรประเภทนี้ที่มันเป็นเรื่องจริงผมก็ไม่โกรธนะ อ่ะ อาจจะลือกันเวอร์เกินจริงไปบ้างก็พอให้อภัย แต่ขอให้มันมีมูลความจริง แต่ไอ้ประเภทเต้าข่าวขึ้นมาเองโดยที่ไม่มีมูลเลยนี่ ผมไม่โอเคอ่ะ แล้วคนฟังอีก ไม่รู้อะไรนักหนา พร้อมที่จะเชื่อแล้วเอาไปเม้าต่อเหลือเกิ๊นโดยที่ไม่สนล่ะว่ามันใช่เรื่องจริงหรือเปล่า น่าเบื่อ!"

เจกระแทกเสียงหนักๆ



"อืมม์ เรื่องเซ็กส์จัดนี่ ฉันว่ามันไม่ใช่ข่าวลือเกินจริงแน่นอนนะ"

คนตัวโตพูดยิ้มๆ พร้อมส่งสายตาแพรวพรายให้คนรัก เจแลบลิ้นให้เมียตัวโตของเขา ฆาเบียร์หัวเราะเบาๆ ด้วยความเอ็นดู

"เจอกันคราวหน้าคุณได้พิสูจน์แน่ฆาบี้ ว่ามันเกินจริงหรือเปล่า รู้ไหม เขาลือกันว่าผมน่ะทั้งอึดทั้งทน เข้าคิวเรียงหน้ากันมาสามคนผมก็ทำให้หมดแรงสลบทั้งสามคนได้เลยนะเฟ้ย"

คนตัวเล็กขู่ฟ่อดแฟ่ด ฆาเบียร์หัวเราะก๊ากออกมาอีกครั้ง ความเครียดของเขาที่มีเมื่อก่อนหน้านี้ละลายไปกับรอยยิ้มบนริมฝีปากน้อยๆ ช่างจำนรรจาของเจนยุทธหมดแล้ว

"...เอาสิ มาแข่งกันเลยก็ได้ว่าข่าวลือของใครจะเป็นจริงกว่ากัน คนเขาก็ลือเหมือนกันว่าฉันน่ะเอาเก่งเอาทนปิดห้องมีอะไรกันกับหนุ่มสามวันสามคืนก็ทำมาแล้ว"

ฆาเบียร์ยกเอาคำร่ำลือเกี่ยวกับตัวเขาที่มาร์วิน เพื่อนของเจเคยพูดถึง เจทำตาปริบๆ มองหน้าคนรัก แล้วก็ต้องหัวเราะออกมาพร้อมกันด้วยความขบขัน



(ฮืออออออออ ตัดพลาด ตัวอักษรเกิน ต่ออีกคอมเมนท์แล้วกันนะคะ)


ออฟไลน์ La Vida Sin Tu Amor

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-1
@@@The Taste of Love...อิ่มรักรสโอชา - Scandal (4/2/62)
«ตอบ #444 เมื่อ04-02-2019 19:07:42 »



---- Scandal (ต่อ) ----




"ให้ตายสิ พวกเรานี่ต่างก็เป็นเหยื่อของข่าวลือเนาะ"

เจพูดออกมา คนตัวโตพยักหน้ารับ

"ฉันว่ามนุษย์ทุกคนก็ต้องเคยโดนแบบนี้กันทั้งนั้นแหละ แต่อยู่ที่ว่าจะโดนมากโดนน้อยและมันส่งผลมากถึงขนาดไหน..."

คนตัวเล็กพยักหน้าหงึกหงัก คนตัวโตพูดต่อ

"สำหรับฉันแล้ว โดยมากฉันเลือกที่จะไม่สนใจและปล่อยมันให้ผ่านไป ถ้ามันมีมูลความจริง ก็พูดไปเหอะ เม้ากันจนสนุกปากก็เม้าไป พอเราไม่ไปตอบโต้ ไม่ไปเติมเชื้อไฟ พอหมดสนุกแล้วมีเรื่องใหม่ของคนอื่นมาให้เม้า เขาก็เลิกพูดไปเอง แต่ถ้ามันเป็นเรื่องไม่จริง ถ้าไม่ได้กระทบต่อชีวิตเราก็ปล่อยมันเม้ากันไป เราไปห้ามปากคนไม่ได้หรอก..."

ฆาเบียร์เปลี่ยนไปพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียดขึ้น

"...แต่ไอ้ทั้งสองแบบนี้ถ้ามันส่งผลกระทบหรือส่งผลเสียต่อชื่อเสียงหรือคนรอบตัวเรา ฉันก็ต้องลุกขึ้นมาปกป้องตัวเอง..."

เจพยักหน้าระรัว

"ใช่ๆ สำหรับผมนะ ถ้าเป็นเรื่องที่แรงมากๆ ผมก็ไปเผชิญหน้ากับคนที่พูดเลยอ่ะ ไปชี้แจงเลยว่ามันไม่จริงแบบนั้นแบบนี้ เขาจะไม่เชื่อก็เรื่องของเขา แต่อย่างน้อยเราได้อธิบายในส่วนของเราแล้ว แต่ถ้าหนักข้อจริงๆ ผมก็คงต้องให้กฎหมายจัดการ แต่ก็ไม่เคยเจอเรื่องร้ายแรงขนาดนั้นอ่ะนะ"

เจนยุทธถอนหายใจและเล่าว่าเท่าที่ผ่านมา ข่าวลือเรื่องของเขาก็อยู่แค่ในสังคมมหาวิทยาลัยหรือในกลุ่มเด็กเที่ยวด้วยกันแค่นั้น และมักเป็นเรื่องหยุมหยิมหาสาระไม่ได้ ที่ร้ายที่สุดก็คงจะเป็นตอนถูกอดีตแฟนของครีมรังควานจนเขาตัดสินใจลาออกงาน หากนั่นเป็นเพราะเขายังด้อยประสบการณ์และไม่อยากให้เพื่อนสาวของเขาต้องลำบากใจ แต่ถ้าเป็นตัวเขาในปัจจุบัน หากเขามีหลักฐานค่อนข้างมากพอที่จะมัดตัวคนปล่อยข่าวให้ร้ายเขาเหมือนในตอนนั้นแล้ว เขาก็คงตัดสินใจฟ้องหมิ่นประมาทไปแน่นอน



"เออ พูดถึงเรื่องฟ้อง เดี๋ยวผมจะส่งนี่ให้"

เจคลิกเปิดโฟลเดอร์ภาพที่เขาโหลดจากคอมมาลงแท็บเล็ตเแล้วลากรูปสองสามรูปไปใส่ไว้ใน facebook messenger ให้คนรัก

"เป็นรูปผมตอนมัธยม ใส่ชุดพละตัวนั้นแหละ เอาไปเทียบเลยว่ามันเป็นชุดเดียวกัน ในไฟล์มันน่าจะมีบอกวันเดือนปีที่ถ่ายไว้มั้ง? แต่ดูจากรูปก็น่าจะรู้อ่ะครับว่าเก่าแล้ว เทียบกับหน้าไอ้มาร์วินตอนนี้ก็ได้"

เจยังส่งภาพให้อีกสองสามภาพโดยบอกว่าเป็นรูปชุดพละของเด็กโรงเรียนเขาในปัจจุบัน ซึ่งมีความแตกต่างจากของรุ่นเขาเล็กน้อยแต่ก็ยังพอเห็นได้ชัดเจน เจชี้ให้เห็นถึงความแตกต่างพวกนั้น

"เอาไปยันได้ครับ ว่าที่ทางนั้นพูดมาน่ะ มั่ว เพราะถ้ามันหาข้อมูลมาจริง มันต้องเห็นแล้วว่ามันต่างกัน"

"ดีเลยจ้ะ จะได้เป็นข้อมูลเพิ่มอีกว่าทางนั้นจงใจให้ข้อมูลเท็จ นี่ถ้าฟ้องได้ค่าเสียหายมาฉันจะเอามาแบ่งนายด้วยดีไหม?"

คนตัวโตพูดยิ้มๆ เจส่ายหัว

"ไม่เอาอ่ะ ผมไม่ได้ทำอะไรให้สักหน่อย ทำให้คุณลำบากล่ะสิไม่ว่า"

เจนยุทธทำหน้าสลดอีกครั้ง ฆาเบียร์อยากจะยื่นมือเข้าไปลูบหัวทุยๆ ของคนรักที่อยู่ในจอตรงหน้าเหลือเกิน หากที่เขาทำได้ก็แค่เพียงสัมผัสหน้าจอแท็บเล็ตของตนแค่นั้น



"คิดมากอีกแล้ว ฉันบอกนายว่าไง หืมม์? เราเลิกคุยกันเรื่องเครียดๆ นี่ดีกว่านะ"

คนตัวโตส่งยิ้มละไมให้คนรัก

"ไหน นายเล่านักหนาว่ามีข่าวลือแซ่บๆ เกี่ยวกับตัวเองตอนเรียนอยู่ ยกตัวอย่างให้ฟังหน่อยซิ ที่บอกว่าเป็นความจริงน่ะ"

คนตัวเล็กยิ้มกริ่มและเริ่มบรรยายสรรพคุณของตน

"เขาว่ากันว่าผมเป็นกระต่ายน้อย ดูนุ่มนิ่มน่ารัก แต่เวลาอื่นผมก็ขยันเหมือนกระต่ายเหมือนกัน ไม่ต้องให้อธิบายนะ?"

เจหัวเราะคิกคักและละประโยคนั้นไว้ในฐานที่เข้าใจ ฆาเบียร์ขมวดคิ้วและจุ๊ปากเบาๆ

"นี่ลือกันขนาดนั้นเลยเหรอ?"

"อ๊ะ แน่นอน เจซะอย่าง วันๆ มีแต่สาวๆ ครางเรียก อ๊า พี่เจคะ พี่เจขา พี่เจเก่งมาก อึดมาก หนูเมื่อยไปหมดแล้ว พี่เจสุดยอด ทั้งใหญ่ทั้งยาวเท่าแขนหนูเลย..."



"เดี๋ยวๆๆ หยุดก่อน เจ ฮ่าๆๆ"

คนตัวโตหัวเราะก๊ากใส่คนรักที่ดัดเสียงเล็กเสียงน้อย

"ไอ้เรื่องใหญ่ยาวเท่าแขนน่ะ เราต่างรู้กันดีนะ ว่านายน่ะไม่ได้ขนาดนั้นแน่ๆ "

เมียตัวโตของเจส่งสายตากรุ้มกริ่มกวาดขึ้นลงสำรวจส่วนที่เจ้าตัวกล่าวอ้างซึ่งถูกผ้าห่มปกคลุมไว้

"เฟ้ย ก็บอกแล้วไงว่าข่าวลือๆ ขออวดหน่อยไม่ได้หรือไง? ชิ เกลียด!"

เจนยุทธค้อนพ่อพันธุ์ฟาร์มม้าที่นั่งหัวเราะร่วนอยู่ในจอคอมของเขา

"ดูถูกมันนัก ระวังอย่าให้ติดคอเข้าสักวันแล้วกั๊น"

คนตัวเล็กหน้าคว่ำ

"ติดไม่กลัว กลัวไม่ติด"

เมียตัวโตของเจลอยหน้าลอยตาตอบ เจนยุทธอ้าปากค้าง นับวันฆาเบียร์ยิ่งแสดงนิสัยห่ามๆ และทะลึ่งตึงตังอันเป็นเนื้อแท้ของเขาให้เจได้เห็นมากขึ้นทุกที คนตัวโตยิ้มกริ่มเมื่อเห็นทีท่าไปไม่เป็นของเจ สำหรับฆาเบียร์แล้ว เมื่ออยู่กับเจนยุทธ เขาเหมือนจะลืมเรื่องร้ายๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตของเขาไปได้หมดสิ้น การพูดคุยกับคนตัวเล็กยังช่วยปลดเปลื้องความตึงเครียดจากงานซึ่งในอดีตเขาจะทำเช่นนั้นได้ด้วยการออกไปดื่มสังสรรค์และมีเซ็กส์อย่างสุดเหวี่ยงเท่านั้น ต่อหน้าเจเขาเหมือนกลับไปเป็นฆาบี้วัยหนุ่มที่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและรอยยิ้ม เพียงแค่ได้พูดคุยกัน ได้เจอหน้า ได้เห็นรอยยิ้มอันแสนสดใสของบนใบหน้าของคนรัก ความเครียดและกังวลทั้งหลายของเขาก็แทบจะมลายสิ้นไป เจเป็นเหมือนที่พักใจ เป็นโอเอซิสท่ามกลางความวุ่นวายทั้งหลายที่รายล้อมรอบตัวเขา



"เจจ๊ะ..."

คนตัวโตเรียกคนรักของเขาด้วยเสียงอ่อนหวาน เจนยุทธส่งเสียงตอบรับแผ่วเบา เขารู้ดีว่าเมื่อคนตัวโตอ้อนแบบนี้มันหมายถึงอะไร

"ฉันอยากกอดนายจนทนไม่ไหวแล้วนะ"

ฆาเบียร์โอดครวญ ความตึงเครียดในวันนี้ส่งผลให้เขาต้องการเจนยุทธมากกว่าทุกวัน เจยิ้มพริ้มพรายและจ้องลึกเข้าไปในตาของคนรัก

"ผมก็อยาก 'กอด' คุณเหมือนกันครับ ฆาบี้"

คนตัวเล็กที่ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ ตอบกลับอย่างไม่ยอมกัน ฆาเบียร์ยิ้มละไม

"ได้ งั้นเรามาแข่งกันดีกว่า ถ้าใครชนะ เจอกันคราวหน้าจะได้เป็นฝ่ายกอดก่อน"

"Bring it, mi amor!"

เจตอบรับ

"แข่งอะไร ว่ามาเล้ย เจจัดให้ครับ คนสวย"

เจนยุทธยักคิ้วให้ "คนสวย" ของเขา ฆาเบียร์ได้แต่โคลงหัว



"เอ้า ไหนนายอวดนักอวดหนาว่าคนลือกันว่านายทั้งอึดทั้งทน..."

คนตัวโตยิ้มกริ่มพร้อมกับท้าคนรักของเขา เขาจัดการบอกกติกาเสร็จสรรพ

"...ใครออกก่อนแพ้ ห้ามยั้ง ห้ามกั๊ก ห้ามหยุดมือ แต่ในขณะเดียวกันก็ยั่วอีกฝ่ายผ่านทางหน้าจอได้เต็มที่ โอเคไหม?"

"ด๊ายยยย คุณวอนหาเรื่องเองนะ ฆาบี้ งั้นผมขอเวลาเตรียมตัวอาบน้ำอาบท่าอะไรก่อน เดี๋ยวอีกไม่เกินครึ่งชั่วโมงเจอกัน"

เจนยุทธบอกและทำท่าจะกดตัดสาย  คนตัวโตรีบส่งเสียงเตือน

"เฮ้ๆ ห้ามไปชักออกก่อนรอบนึงนะ แฟร์ไฟท์นะ mi alma"

"เฮ้ย บ้า ใครจะไปทำงั้นล่ะ วู้"

คนตัวเล็กทำหน้าเจื่อนเมื่อโดนจับไต๋ได้ ฆาเบียร์หัวเราะเบาๆ

"ฉันให้เวลานายสิบห้านาที ถ้าช้ากว่านั้นปรับแพ้"

เจตาเหลือก เขารีบดูนาฬิกาและบอกลาคนรักก่อนที่จะตัดสายไป คนตัวโตโคลงหัวพร้อมกับหัวเราะเบาๆ ก่อนที่จะไปจัดการเตรียมตัวให้พร้อมบ้าง



------------------------------------

ช้าอีกแล้ว ลืมไปซะสนิทว่าติดตรุษจีน แหะๆๆ ทำนั่นทำนี่เสร็จแล้ว ก็เตรียมเสิร์ฟสองหนุ่มให้ผู้อ่านด้วยแล้วกัน พอดีว่าตอนนี้ยิ่งเขียนก็ยิ่งมันมือ ก็เลยยาวเฟื้อยเลื้อยซะขนาดนี้นะคะ หวังว่าจะให้ความบันเทิงกันได้บ้างนะคะ

ลืมบอกไปว่าต้องขออภัยในภาษาอังกฤษอันแสนอ่อนด้อยของคนเขียนด้วยนะคะ อยากเขียนประโยคออกมาสวยๆ แต่ร้างราการใช้ภาษาอังกฤษดีๆ มานานก็เลยได้แค่นี้ แกรมม่งแกรมม่าป่นปี้ นึกไม่ออกแหล่ว​


ในตอนนี้ก็มีร้านอาหารมาแจกอีกเช่นเคย วันนี้แจกร้านเกาหลีสองร้านที่กินบ่อยค่ะ ทั้งสองร้านนี้เป็นร้านพี่ร้านน้องกัน ร้านแรกที่อยู่ในเรื่องคือร้าน Lumpocha (ลำโพชะ) ร้านบุฟเฟต์น้องใหม่ที่กำลังมาแรง ถ้าเป็นช่วงมื้ออาหารแนะนำให้จองไปก่อนเพราะว่าแน่นตลอดเวลาค่ะ อาหารก็ตามที่โพสตในเรื่องค่ะ เป็นบุฟเฟต์หมูอย่างเดียว แต่มาแบบชิ้นใหญ่ๆ ให้ตัดเองตามใจชอบ คนเขียนติดร้านนี้มาก กินแล้วกินอีกเท่าไหร่ก็ไม่เบื่อ ที่ชอบที่สุดอีกอย่างคือไข่ตุ๋นนุ่มๆ ของเขาค่ะ ไปกันสองคนก็สั่งสองถ้วย กินจนจุกเลย

ร้านลำโพชะ เฟซบุ้คค่ะ https://www.facebook.com/Lumpocha/

รีวิวจากเพจ Wongnai ค่ะ http://bit.ly/2G8aWcn


ส่วนอีกร้านที่กินบ่อยคือร้าน Lum้ Lum (มีไม้โทด้วยนะคะ เพราะอ่านว่า ล้ำลำ :-D) ร้านนี้เปิดมาร่วมสิบปีแล้วและตีตลาดร้านเก่าแก่อื่นๆ กระจุยไปหมดจนขึ้นครองอันดับหนึ่งได้อย่างงดงาม เมนูโปรดของคนเขียนคือบิบิมบับกะทะร้อนและข้าวต้มเนื้อ (ไม่อยู่ในรูปทั้งคู่ แหะๆๆ) กิมจิ(ผักกาดขาว) ของร้านนี้ก็เด็ดที่สุด รสชาติกำลังพอดี แต่หลังๆ มาเริ่มเปรี้ยวน้อยไปหน่อยเพราะขายดีจัดหมักไม่ทัน ฮ่าๆๆ ส่วนเมนูปิ้งย่างนั้น มีทั้งแบบบุฟเฟต์ในราคา 329 บาทหรือจะสั่งเป็นจานๆ ก็ได้ และยังมีเซ็ตเนื้อนอกด้วยแต่ไม่บุฟฯ ค่ะ ตอนนี้ร้านมีสองสาขาคือที่มีโชคพลาซ่า (ใกล้ๆ กับลำโพชะ) แล้วก็ที่ชิล พาร์ค หางดง แต่หลังๆ มาคนเขียนไปกินที่หางดงมากกว่าเพราะถ้าไปที่มีโชคพลาซ่าก็จะเลี้ยวเข้าลำโพชะตลอด ร้านที่มีโชคก็ควรจองก่อนเช่นกันนะคะ

เฟซบุ้คร้านล้ำลำค่ะ http://bit.ly/2DQxkob







จริงๆ ร้านเกาหลีที่กินบ่อยอยู่บ้างอีกร้านคือร้าน Godam ไก่ทอดเกาหลีของร้านนี้อร่อยสุดๆ ค่ะ ถึงจะไม่ขนาดบอนชอนแต่ก็เกือบๆ แต่ข้อที่ทำให้ไปได้ไม่บ่อยเท่าที่อื่นก็เพราะอาหารที่นี่จานใหญ่มากค่ะ แต่ช่วงหลังนี้ได้ข่าวว่าเปลี่ยนเจ้าของแล้วอาหารจานเล็กลง ไว้ได้ไปแล้วจะมาบอกนะคะ ขอเก็บไว้รีวิวในโอกาสถัดไปค่ะ ไม่งั้นก็อาจจะเอาลงในเฟซบุ้คค่ะ


ว่างๆ ก็แวะเม้ากันได้นะคะ

​เพจค่ะ  https://www.facebook.com/LaVidaSinTuAmor/

ทวิตเตอร์ค่ะ (ไม่ค่อยคุยอะไรมาก เน้นชมบ่าวค่ะ)

https://twitter.com/VidaSinTuAmorTH


ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
Re: @@@The Taste of Love...อิ่มรักรสโอชา - Scandal (4/2/62)
«ตอบ #445 เมื่อ04-02-2019 21:28:12 »

เชียงใหม่ของกินของอร่อยเพียบเลยนะ

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0
Re: @@@The Taste of Love...อิ่มรักรสโอชา - Scandal (4/2/62)
«ตอบ #446 เมื่อ05-02-2019 00:05:58 »

 :3125:


 :L1: :pig4: :L1:

ออฟไลน์ La Vida Sin Tu Amor

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-1




---- ฆาเบียร์สู้ๆ ----





“ตรงเวลาเป๊ะเลยนะ นี่ฉันนึกว่าจะได้ปรับนายแพ้ซะแล้ว”

คนตัวโตพูดยิ้มๆ พลางดูนาฬิกาเจนยุทธโทรหาเขาในเวลาสิบห้านาทีตรงตามที่เขากำหนดให้ไว้

“ชิ ใครจะยอมง่ายๆ ครับ”

คนตัวเล็กหอบน้อยๆ เขารีบวิ่งผ่านน้ำพร้อมกับจัดเตรียมนั่นนี่เพื่อเอาชนะคนรักของเขาให้ได้ เขามองดูฆาเบียร์ที่อยู่ในจอ คนตัวโตเตรียมตัวพร้อมอยู่บนเตียงนอนของเขาแล้ว

“พร้อมหรือยัง mi vida?”

ฆาเบียร์ถาม เขากึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียง ร่างกำยำของเขาถูกปกคลุมด้วยชุดคลุมอาบน้ำสีขาวปักตราโรงแรมริทซ์ คาร์ลตัน

“พร้อมแล้วครับ ไหน จะเริ่มหรือยัง?”

เจเขม้นมอง เขาอยากเห็นเต็มทีแล้วว่าภายใต้ชุดคลุมนั้นคนตัวโตใส่อะไรอยู่บ้าง

“อยากรีบแพ้ขนาดนั้นเลยเหรอ เจ? ได้สิ เริ่มเลยก็ได้ ไหน ให้ฉันดูหน่อยซิว่านายพร้อมแค่ไหน?”

คนตัวโตพูดยิ้มๆ เจไม่ตอบ เขาจัดแจงตัวเองให้อยู่ในท่าที่พร้อม เขาดึงผ้าเช็ดตัวที่ห่มคลุมกายออกเผยให้เห็นเสื้อบอลทีมเรียลมาดริดที่เขาสวมใส่อยู่ ฆาเบียร์แอบยกยิ้ม บางครั้งเจก็เดาง่ายเหลือเกิน



“ชอบไหมครับ ฆาบี้”

เจทำเสียงกระเส่าพร้อมใช้มือลูบกายตัวเองเบาๆ เขายกขาขึ้นตั้งข้างหนึ่งจนชายเสื้อที่ยาวคลุมสะโพกเลิกขึ้น ภายใต้เสื้อนั้นคือกางเกงในสีขาวสะอาด คนตัวโตแอบกลืนน้ำลายลงคอเมื่อเห็นถุงเท้ายาวเท่าเข่า เขานึกถึงตอนตัวเองจูบไล่จากต้นขาด้านในของคนรักลงมาถึงเข่าแล้วค่อยๆ ใช้ฟันดึงถุงเท้ายาวนั้นลง เขาสบถเบาๆ เมื่อแก่นกายไม่รักดีชูคอผงาดขึ้นและดันเสื้อคลุมอาบน้ำขึ้นจนโผล่พ้นรอยแยกของเสื้อคลุม

“อย่าทำหัวเราะไป mi alma นี่แค่เริ่มต้น วัดอะไรไม่ได้ เอ้า เริ่มได้แล้ว จะให้จับเวลาด้วยไหม?”

คนตัวโตดุเจที่หัวเราะคิกคักเบาๆ พลางใช้มือเริ่มรูดไล้แก่นกายเบาๆ เจยักไหล่แล้วเริ่มทำตามบ้าง

“แล้วคุณล่ะครับ ที่รัก มีอะไรมานำเสนอผมบ้าง”

“ใจเย็นสิจ๊ะ เปิดไพ่ตั้งแต่ตอนนี้มันไม่น่าตื่นเต้นหรอก”

ฆาเบียร์พูดพลางเริ่มเร่งจังหวะ เจขยับตาม เขาไม่กลั้นเสียงตัวเองและพยายามแสดงสีหน้าและอารมณ์ออกมาให้มากที่สุด

“โอย ฆาบี้ครับ มันเสียวมากเลย คุณรู้สึกเหมือนผมไหม? ผมอยากให้คุณอยู่ที่นี่ อยากให้คุณ...Gosh I really need to fxxx you now! ”

เจครางกระเส่าและสูดปากลั่น คนตัวโตกัดกรามทั้งเสียงอันชวนวาบหวามและสีหน้าที่แสนเร้าอารมณ์ของเจนยุทธทำให้เขารู้สึกมากกว่าทุกครั้ง หากเขาก็พยายามข่มกลั้นไว้ หากเขาต้องการชนะ เขาควรต้องเริ่มจัดการยั่วคนรักที่ยังดูมีทีท่าจะลากยาวไปได้เรื่อยๆ คนนี้



“เจนยุทธ…”

เจสะดุ้งไปเล็กน้อยที่จู่ๆ คนรักของเขาก็เอนกายเข้ามาหากล้อง

“ฉันก็อยากให้นาย…ฉันหนักๆ”

คนตัวโตกระซิบเสียงกระเส่า เขาจูบกล้องและขยับกายออกห่างพร้อมด้วยรอยยิ้มพรายบนริมฝีปาก เจมองตามอย่างไม่ไว้วางใจ

“ฉันอยากจูบนายทั้งตัว อืมม์…”

ฆาเบียร์นิ่วหน้าน้อยๆ และพยายามข่มความรู้สึกเสียวซ่านที่เกิดจากน้ำมือตัวเอง

“…อยากกลืนกินนายทั้งตัว…”

“เฮ้ย! โกงนี่หว่า ใช้อุปกรณ์เสริมได้ไง ฆาบี้!”

เจนยุทธว๊ากลั่นเมื่อเห็นสิ่งที่อยู่ในมือคนรัก ฆาเบียร์ค่อยๆ จูบไล้ดิลโด้ขนาดเขื่องในมือ เขากวาดลิ้นไล้วนตามแท่งเทียมนั้นช้าๆ และดูดกลืนมันเข้าปาก เจขบกรามเมื่อฆาเบียร์ใช้มือเสยผมยาวที่ตกลงปรกหน้ายามก้มและชะม้ายตามองเขาประหนึ่งนางเอกเอวี คนตัวเล็กสบถออกมาดังๆ เมื่อรู้สึกถึงอาการของน้องชายในมือว่ามันพร้อมที่จะพ่นพิษออกมาในไม่ช้า

“เจจ๊ะ อย่าหยุดมือสิ ถ้าหยุดหรือดึงจังหวะโดนปรับแพ้นะ”

คนตัวโตข่มใจพูด เขาเองก็จวนเต็มทนแล้ว แต่ยังพยายามข่มใจไว้ด้วยหวังชัยสักครั้ง

“…แล้วฉันไม่ได้ห้ามใช้อุปกรณ์เสริมซักหน่อย”

คนตัวเล็กหน้าคว่ำและทำท่าจะโวย หากเขาก็ต้องเปลี่ยนเป็นอ้าปากค้างแทน เมื่อฆาเบียร์ขยับเปลี่ยนท่า เมียตัวโตของเจซึ่งยังอยู่ในชุดคลุมขยับกายนั่งพิงหลังกับหัวเตียง มือของเขายังง่วนอยู่กับแก่นกายตน เจนยุทธเพิ่งสังเกตว่าใบหน้าของฆาเบียร์ดูเหยเกกว่าทุกครั้งที่พวกเขาร่วมรักกันผ่านจอแบบนี้



“ฆาบี้ นี่คุณทำอะไรอยู่กันแน่?”

เจถามเสียงสั่น คนตัวโตยิ้มยั่วและชันเข่าขึ้นหนึ่งข้าง เจสบถออกมาอีกครั้งทันทีที่เมียตัวดีของเขาตลบชายเสื้อคลุมอาบน้ำให้เปิดออกเผยให้เห็นบั้นท้ายเปล่าเปลือย สิ่งที่สะดุดตาเจที่สุดคือสิ่งที่จุกอยู่ตรงปากช่องทางด้านหลัง

“พอนายไม่อยู่ ฉันคิดถึงนายมากเลยรู้ไหม เจนยุทธ...”

คนตัวโตทำหน้าสลด

“บางครั้งถ้าฉันนึกถึงนายมากๆ แค่ใช้มือมันก็ไม่พอแล้ว ฉันคิดถึงเรื่องที่มีแค่นายที่ให้ฉันได้...”

ฆาเบียร์ซี้ดปากเมื่อเขาดึงสิ่งที่ช่วยขยายช่องทางของเขาออก จากนั้นหยิบเอาแท่งเทียมที่เขาเพิ่งใช้มันยั่วเย้าเจนยุทธมาและเทเจลลงไปบนแท่งนั้น คนตัวโตขยับมือขึ้นลงเพื่อชะโลมเจลให้ทั่ว ส่วนมืออีกข้างยังคงขยับกระตุ้นเร้าแก่นกายตน เจขยับมือตามภาพเบื้องหน้าอย่างใจลอย ตาเขาจับจ้องที่มือข้างที่กำลังส่งแท่งเทียมมันปลาบนั้นเข้าตัว ฆาเบียร์ครางกระเส่าออกมาด้วยเสียงแบบที่เขาเคยได้ยินหนุ่มๆ ของเขาทำ คนตัวเล็กกัดปากเมื่อเห็นปากแดงก่ำที่เผยอน้อยๆ ของคนรัก คนตัวโตหรี่ตามองภาพเจนยุทธที่กำลังพยายามอดกลั้นอย่างสุดกำลังแล้วตัดสินใจพูดประโยคเด็ดของเขา

“เจจ๊ะ แต่นายรู้ไหม ถึงจะใช้ไอ้นี่แล้ว มันยังแทนที่นายไม่ได้ ฉันอยากได้นายเหลือเกิน เจนยุทธ ฉันคิดถึงเจ คิดถึง...”

ภาพคนรักที่กำลังเสือกสอดดิลโด้อันเขื่องเข้ากายตนย้ำๆ พร้อมกับครางเรียกชื่อเขาไปด้วยทำให้เจทนไม่ไหวอีกต่อไป

“Fxxx!!”

เจนยุทธสบถออกมาดังลั่นเมื่อความเสียวซ่านพลุ่งพล่านถึงขีดสุด เขาสบถออกมาเบาๆ เป็นภาษาไทยอีกครั้งเมื่อรู้ตัวว่าเขาเสียท่าให้กับตาลุงเจ้าเล่ห์ที่สูดปากครางลั่นอยู่ในจอเสียแล้ว



“ชิ ขี้โกงๆๆๆ”

เจนยุทธทำหน้าง้ำเรียกคนรักว่า cheater ซ้ำๆ คนตัวโตที่ถึงจุดหลังจากเจนยุทธเพียงครู่เดียวหัวเราะร่วน เขาอยากยื่นมือเข้าไปในจอเพื่อหยิกแก้มป่องๆ ที่แดงก่ำของเจ้าตัวดีเสียจริงๆ

“โกงอะไรกัน ฉันไม่ได้ห้ามนายใช้อุปกรณ์เสริมด้วยนี่ อีกอย่างทำแบบนี้ มันก็เสี่ยงที่ฉันจะถึงจุดก่อนนายด้วยซ้ำ มันโกงตรงไหนกัน? นายไก่อ่อนทนยั่วไม่ได้เองนี่นา”

ฆาเบียร์พูดยิ้มๆ พร้อมจ้องปากรูปกระจับที่เม้มแน่นของคนที่กำลังจัดการทำความสะอาดตัวเอง เจจะรู้ไหมว่าเขาอยากจูบมันใจแทบขาดแล้ว

“รักษาสัญญาด้วยนะ เจนยุทธ”

“ครับๆๆ ทวงเองด้วยแล้วกัน ถ้าลืมก็ช่วยไม่ได้นะ”

เจสะบัดเสียง ที่ฆาเบียร์พูดก็มีเหตุผล เขาคงต้องโทษตัวเองที่อดตื่นเต้นไปไม่ได้กับการที่เห็นคนรักทำในสิ่งที่เขาไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะทำ

“ว่าแต่ คุณครับ เวลาที่ห่างกันนานๆ คุณใช้ของพวกนั้นแทนตัวผมจริงๆ เหรอ?”

เจทำตาแป๋วเอียงคอมองหน้าคนรัก ฆาเบียร์หัวเราะเบาๆ

“เอ ไม่รู้สินะ ฉันอาจจะแค่โกหกเพื่อยั่วนายก็ได้”

คนตัวโตยิ้มร่าเมื่อเห็นรอยยิ้มกว้างนั้นหุบลง

“ฆาบี้!!”

เจแว๊ดลั่นพร้อมกับเสียงหัวเราะอย่างถูกใจของฆาเบียร์ เขาหลอกเจเพื่อผลลัพธ์ที่ตนอยากได้จริงๆ และนี่เป็นครั้งแรกที่เขาใช้อุปกรณ์เสริมที่เขามักมีติดห้องไว้นานแล้วเพื่อใช้กับคู่ขาคนก่อนๆ กับตัวเอง



“คุณนี่มันร้ายนักนะ เรื่องนี้ก็เรื่องหนึ่ง แล้วไหนจะเรื่องอิตาลุงบรรณาธิการคนนั้นอีก แผนสูงนักนะครับ”

คนตัวโตพ่นลมออกจมูกอย่างไม่สบอารมณ์เมื่อคนรักพูดถึงคนที่ทำให้เขาต้องลำบากมานับครั้งไม่ถ้วนคนนั้น

“อย่าพูดถึงมันเลยจ้ะ เสียอารมณ์เปล่าๆ ฉันทนกับมันมานานจนเกินพอแล้ว...”

ฆาเบียร์ถอนหายใจเฮือกใหญ่พร้อมกับเอามือลูบหน้าเบาๆ

“เมื่อก่อนฉันก็เคยปล่อยไปเฉยๆ เพราะสงสารเขานะ อารมณ์เป็นแบบเกย์เฒ่าที่อุตส่าห์เจอเด็กหนุ่มที่ถูกใจแล้วกะเลี้ยงดูอุ้มชูออกหน้าออกหน้า แต่สุดท้ายก็มาโดนอีกฝ่ายทิ้งไป ก็คงรู้สึกเหมือนโดนหลอกใช้น่ะ...”

เจพยักหน้าหงึกหงัก เขาก็พอเข้าใจได้ถึงข้อนี้ จากที่เขาฟังคนตัวโตเล่า นายแบบหนุ่มคนนั้นเป็นที่รู้จักและมีชื่อเสียงขึ้นมาด้วยการดันของบรรณาธิการวัยดึกคนนั้นจริงๆ

“แต่มันก็ใช่เรื่องที่เขาต้องเอามาลงกับคุณด้วยอ่ะ ที่เลิกกันไป คุณก็ไม่เกี่ยวเลยไม่ใช่เหรอครับ?”

“ไม่เกี่ยวเลยจริงๆ ฉันสาบานเลยก็ได้เจ”

คนตัวโตยกมือปาดที่อกซ้ายให้สมกับที่พูดว่า I cross my heart เจหัวเราะเบาๆ

“นี่ถึงขั้นต้องสาบานกันขนาดนั้นเลยเหรอครับ? ยิ่งทำแบบนี้ยิ่งน่าสงสัยนะ”

เจนยุทธกระเซ้าคนรัก เขายิ้มกริ่มเมื่อคนตัวโตมีท่าทีกระวนกระวาย

“โธ่ เจ อย่าพูดแบบนี้สิ ฉันยังงงอยู่เลยว่าทำไมตาลุงนั่นถึงมาปักใจเชื่อหนักหนาว่าฉันเป็นมือที่สามกับเด็กเขา...”

“ก็ต้องโทษชื่อเสียงของคุณล่ะมั้ง ฆาบี้ ฟาดเรียบทั่วทุกวงการซะขนาดนั้น”

เจพูดยิ้มๆ เขาเห็นจากในเพจนั้นแล้วว่าคนรักของตนเปลี่ยนคู่ควงบ่อยแค่ไหน คนตัวโตทำหน้าเจื่อนๆ เขาเถียงเจในข้อนี้ไม่ได้จริงๆ

“ก็ใช่ ฉันควงคนนั้นคนนี้และเป็นข่าวบ่อยจริง ฉันก็เลยพยายามไม่ตอบโต้ตาลุงนั่นเพราะฉันก็มองว่าส่วนหนึ่งสิ่งที่เขาเขียนมันก็มีความจริงอยู่บ้าง อีกส่วนหนึ่งก็เพราะฉันไม่อยากไปต่อความยาวสาวความยืด ไม่อยากไปเพิ่มยอดวิวให้เขา แต่ไอ้ข่าวเกี่ยวกับเจที่มันโพสต์ล่าสุดก่อนที่จะเกิดเรื่องนี้น่ะมันเกินไปจริงๆ”

“ห๊ะ? มีอะไรเกี่ยวกับผมอีกเหรอ?”

คนตัวเล็กรีบถามทันที ฆาเบียร์อ้ำอึ้ง เขาหลุดปากพูดสิ่งที่ทำให้เขาเจ็บใจถึงขั้นสุดออกไปจนได้



“ห่านเอ๊ย!”

เจสบถคำติดปากออกมาและต่อด้วยคำด่าทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษอีกยาวเหยียดหลังจากที่เขาบังคับให้ฆาเบียร์ส่งข่าวที่เรียกเขาว่าเป็น sucker มาให้ดู

“ฟ้องแม่งให้หมดตัวเลยนะครับ ฆาบี้ ให้ตกงานเลยก็ได้ ฟ้องมันทั้งเว็บนั่นแหละโทษฐานที่ปล่อยให้คนของตัวเองลงข่าวมั่วใส่ไคล้คนอื่นโดยที่ไม่มีมูล แล้วทำไมคุณไม่เอาให้ผมดูตั้งแต่เนิ่นๆ วะ?”

เจฟาดเสียงใส่คนรักด้วยอารมณ์พาลอย่างลืมตัว

“ใจเย็นจ้ะ ใจเย็น...”

คนตัวโตปลอบคนที่โกรธหน้าดำหน้าแดงจนตัวสั่นเทิ้ม เขาถอนหายใจเบาๆ

“เห็นไหม ฉันถึงไม่อยากให้นายดูไงล่ะ ดูแล้วนายก็ต้องโกรธแต่ก็ยังทำอะไรไม่ได้ เพราะมันเซ็นเซอร์หน้ากับชื่อนาย ฉันก็เลยต้องรอโอกาสเหมาะๆ แบบนี้ไง”

เจเม้มปากแน่น เขาบอกคนตัวโตว่าเมื่อเทียบกับครั้งที่เขาโดนรังควานในเว็บบอร์ดม. และโดนส่งจดหมายสนเท่ห์แล้ว เขาโมโหกับครั้งนี้มากกว่า

“ผมเป็นใครมันก็ยังไม่รู้จักดีเลย แล้วไปเอามาเขียนเป็นตุเป็นตะว่าผมเป็นงั้นงี้ แล้วที่รับไม่ได้ที่สุดคือการที่ดูถูกผมกับคนไทยคนอื่นๆ อีกว่าเป็นพวกที่จะมาคอยสูบเลือดสูบเนื้อ มาเกาะคุณกิน ห่านเอ๊ย!”

คนตัวเล็กที่เกลียดการถูกมองเป็นแบบนั้นที่สุดกระแทกเสียงหนักๆ

“นั่นแหละ ฉันถึงคิดว่าต้องจัดการขั้นเด็ดขาดแล้ว นี่มันเกินไปจริงๆ”

ฆาเบียร์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ เขาทำท่านึกอะไรขึ้นมาได้



“เอางี้ เจนยุทธ นายอยากจะฟ้องทางนั้นร่วมกับฉันด้วยไหม?”

หากเจส่ายหน้าทันควัน

“ไม่เป็นไรครับ คุณจัดการของคุณไปเถอะ ตัวผมมันไม่ใช่คนดังอะไร โดนเข้าใจผิดไปมั่งก็คงช่างมันมั้ง...”

เจนยุทธถอนหายใจเฮือกใหญ่

“อันที่จริงผมก็ทำใจไว้บ้างแล้วตั้งแต่เริ่มคบคุณนะว่าต้องมีคนมองว่าผมเป็นไอ้หนูของคุณ เป็นคนที่มาเกาะ ผมรู้ดีว่าการที่เป็นคนเอเชียและมีอายุน้อยกว่าน่ะ มันทำให้ภาพมันออกมาดูไม่ดีนัก ผมถึงพยายามนักหนาที่จะแสดงให้คนเห็นไงล่ะว่าผมไม่ใช่แบบนั้น...”

เจยิ้มหยัน

“...แต่ผมก็ไม่นึกนะว่าจะโดนเรียกเป็น money sucker ออกสื่อไปทั่วโลกแบบนี้”

“โธ่ เจ...”

คนตัวโตครางออกมาเบาๆ เขาอยากดึงคนรักในหน้าจอมากอดเพื่อปลอบประโลมนัก

“แล้วนายเสียใจไหม ที่ต้องมามีข่าวแบบนี้...”

ฆาเบียร์ถามเบาๆ หากเจส่ายหัวอีกครั้ง

“ไม่เสียใจครับ ถึงจะเซ็งบ้าง โมโหบ้าง แต่ไม่เสียใจ และผมรู้ดีว่าในอนาคตก็คงต้องเจอแบบนี้อีกหลายครั้ง ฉะนั้นผมพร้อมรับครับ แต่ถ้าจะให้ดี ขอเป็นแบบพูดให้ได้ยินหรือว่ากันซึ่งๆ หน้าให้ผมได้ด่ากลับบ้าง...”

เจหัวเราะเบาๆ ถ้ามาด่ากันตัวๆ เขาไม่กลัวและไม่ยอมแน่ๆ แต่ถ้าเป็นพวกหมาลอบกัด แอบโพสต์กันเงียบๆ แบบนี้ เขารับไม่ได้ คนตัวโตถอนหายใจเฮือกใหญ่อีกครั้ง เขานึกห่วงคนรักต่างเชื้อชาติของเขายิ่งนัก ในอนาคตเจอาจยังต้องเจอคำนินทาและสายตาที่มองมาอย่างเคลือบแคลงนี้อีกมากมายหลายครั้ง เขาสัญญากับตัวเองว่าจะคอยปกป้องคนตัวเล็กของเขาให้ดีที่สุดและได้แต่หวังว่าเจเองจะสามารถผ่านมันไปได้



“ที่รักครับ…”

เจเรียกฆาเบียร์ที่นิ่งเงียบไปพักหนึ่ง

“…คุณไม่ต้องห่วงผมนะ ใครจะพูดอะไรก็ช่างมันไป ผมโมโหแป๊บๆ เดี๋ยวก็หาย ไม่เก็บมาคิดให้เสียสมองหรอก”

เจนยุทธพูดให้คนรักของเขาได้สบายใจ เขาสังเกตได้จากสีหน้าที่ดูกังวลของฆาเบียร์ว่าพ่อเจ้าประคุณคงห่วงเขาในเรื่องนี้ไม่น้อย

“ขอบคุณนะครับฆาบี้ ที่อุตส่าห์ยอมมีเรื่องเพื่อจัดการตาลุงนั่นให้ผม”

เจจรดจูบลงที่ปลายน้ิวแล้วประทับมันลงที่หน้ากล้อง คนตัวโตทำตาม

“ไม่ต้องขอบคุณหรอก ฉันทำเพื่อตัวเองด้วยน่ะ ถึงเวลาต้องลงมือทำอะไรสักอย่างกับคนๆ นั้นแล้วเหมือนกัน ฉันโดนรังควานแบบนี้มานานเกินไปแล้วเหมือนกัน แล้วมันควรต้องหยุดได้แล้ว”



เจพยักหน้า เขาดูนาฬิกาแล้วก็สะดุ้งโหยง

“ตายล่ะ จะตีสามแล้ว นี่คุณจะได้นอนถึงสามชั่วโมงไหม? ไปนอนเถอะครับ พรุ่งนี้ต้องแถลงข่าวไม่ใช่เหรอ?”

คนตัวโตยิ้มบางๆ

“นอนน้อยๆ นี่แหละดี พรุ่งนี้ฉันจะได้ดูโทรมเหมือนกับว่านอนไม่หลับเพราะคิดมากเรื่องนี้”

เจทำตาปริบๆ เมียตัวโตของเขาช่างเจ้าแผนการเหลือเกิน

“นี่ตอนผมไปเจอคุณที่ฮ่องกงครั้งแรกนั่น คุณแกล้งทำตัวโทรมเพื่อหลอกผมเหมือนคราวนี้หรือเปล่าครับ?”

เจแกล้งถาม หากฆาเบียร์เบิกตาโพลง

“ตายล่ะ นายจับไต๋ฉันได้ซะแล้ว ฉันลงทุนอดข้าวซะหลายวันเลยนะ”

“ฆาบี้!”

เจว๊ากขึ้นมาอีกครั้ง คนตัวโตที่แกล้งตอบเพื่อยั่วคนรักหัวเราะก๊ากออกมาเมื่อได้ยินคำที่คุ้นหูจากปากคนรักที่บ่นเป็นภาษาไทยออกมายาวยืด

“Ok, ok...I just want to ‘kuan teen’ you.”

เจโคลงหัวเมื่อคนรักพูดคำไทยที่เขาและนพเคยสอน เขาคิดว่าอีกไม่นานฆาเบียร์คงเริ่มพูดประโยคภาษาไทยง่ายๆ ได้แน่นอน

“ไปๆๆ นอนครับนอน พรุ่งนี้ผมไม่ตื่นมาดูคุณแถลงข่าวนะ ไว้ค่อยส่งให้ผมดูทีหลังก็ได้ ไงก็...สู้ๆ นะครับ ฆาบี้ จัดการมันให้อยู่หมัดเลย”

เจกำหมัดแล้วทำท่าชกลม ฆาเบียร์ยิ้มกว้าง

“จ้ะ นายก็พักผ่อนเถอะนะ ถ้าจะแปลงานต่อก็อย่าให้เลทมากนัก โอเคไหม?”

เจนยุทธทำหน้าคว่ำ

“หึ คืนนี้ไม่มีอารมณ์แปลงานต่อแล้วครับ เซ็งคนแก่!”

คนตัวโตหัวเราะดังๆ ออกมาอีกครั้งเมื่อเห็นใบหน้าซังกะตายของคนที่แพ้พนัน เจรีบโบกมือไล่คนรักให้ไปนอน ฆาเบียร์ส่งจูบให้คนรัก เจทำเช่นเดียวกันกลับคืน



“Buenas noches, mi vida.”

เจกล่าวราตรีสวัสดิ์ด้วยภาษาแม่ของคนรัก

“Fun dee krab, tee rak”

คนตัวโตยิ้มบางๆ และตอบด้วยประโยคใหม่ที่บูมเพิ่งสอนเขาเมื่อวันก่อน

“โอ้โห พูดชัดเชียว อีกไม่นานคุณคงพูดไทยได้คล่องแน่ๆ”

เจอุทานด้วยความทึ่ง

“ประโยคอื่นฉันก็พูดได้นะ…”

คนตัวโตยิ้มกริ่ม

“…แต่พูดให้ฟังตอนนี้ไปก็เท่านั้น ไว้ตอนเจอหน้ากันอีกที ฉันค่อยพูดให้ฟังนะ”

“หึ ต้องเป็นประโยคลามกแหง”

คนตัวเล็กหน้าแดงซ่าน เขานึกออกมาได้หลายประโยคที่พูดได้ต่อเมื่อมีคนรักมายืนอยู่ต่อหน้าเท่านั้น

“เปล๊า ลามกอะไรกัน นายคิดทะลึ่งไปถึงไหนแล้ว”

ฆาเบียร์พูดยิ้มๆ เขาหยอกเย้าคนรักที่หน้าแดงก่ำต่ออีกเล็กน้อยก่อนจะตัดการสนทนา




(ต่อคอมเมนท์ถัดไปค่ะ)


ออฟไลน์ La Vida Sin Tu Amor

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-1




---- ฆาเบียร์สู้ๆ (ต่อ) ----




"ดอกไม้นี่มาจากไหน?"

ฆาเบียร์ที่เพิ่งเดินเข้าห้องทำงานมาขมวดคิ้วและส่งเสียงถามเลขาฯ หน้าห้องคนใหม่ของเขาซึ่งมาแทนริคกี้

"เอ่อ..."

หมวยสาวพนักงานใหม่ซึ่งนั่งเฝ้าหน้าห้องของฆาเบียร์อ้ำๆ อึ้งๆ อยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงตอบว่าเธอลุกไปเข้าห้องน้ำครู่เดียว เมื่อกลับเข้ามา แจกันดอกไม้ขนาดใหญ่อันนั้นก็มาวางอยู่ที่โต๊ะของเธอแล้ว เธอรีบเอาเข้าไปไว้บนโต๊ะทำงานของนายทันทีที่เห็นการ์ดจ่าหน้าถึงนายของเธอ

"ให้ตายสิ ถ้ายัยเมลิน่ารู้คงบ่นอีกหลายตลบแน่ๆ"

คนตัวโตบ่นกับตัวเองเบาๆ โดยปกติแล้วถ้ามีของมาส่งถึงเขา นอกจากจะผ่านแผนกต้อนรับที่ด้านหน้าออฟฟิศมาแล้ว เมื่อมาถึงหน้าห้องของเขา เลขาฯ ต้องซักถามให้รู้แน่ชัดก่อนว่าของเหล่านั้นมาจากไหน ใครเป็นผู้ส่งมาและจัดการลงบันทึกไว้ให้เรียบร้อยเพื่อที่เขาจะได้จัดการขอบคุณหรือส่งของตอบแทนกลับไปให้อีกฝ่ายได้ ฆาเบียร์หยิบการ์ดในซองน้อยจ่าหน้าชื่อเขาที่เสียบอยู่กับแจกันดอกไม้สูงกว่าครึ่งเมตรขึ้นมาดู รอยยิ้มผุดขึ้นมาบนใบหน้าที่เคร่งเครียดของเขาทันที



"เธอไปได้แล้ว แจกันนี้ไม่ต้องลงบันทึกก็ได้"

ฆาเบียร์โบกมือบอกเลขาฯ ของเขาซึ่งมายืนรอรับคำสั่งอยู่ให้ออกห้องไปได้ เขาดึงกุหลาบขาวดอกงามดอกหนึ่งจากแจกันที่มีแต่ดอกไม้โปรดของเขาอย่างพีโอนีหรือโบตั๋น ไฮยาซินธ์ และไฮเดรนเยียขึ้นมาสูดดมกลิ่นหอมจรุง คนตัวโตลงนั่งเอนหลังบนเก้าอี้ทำงานและเปิดการ์ดอ่านอีกครั้ง



Dearest Mia,

This is to celebrate your victory! Also to let you know that you always have all my supports no matter what you are doing.

With all the love that I possess...I remain yours,

Jay                                   



คนตัวโตโคลงหัวน้อยๆ พร้อมกับรอยยิ้มกว้างบนหน้า นอกจากจะกล้าเขียนคำขึ้นต้นโดยแทนชื่อคำด้วยคำว่าเมียแล้ว เจยังลงท้ายจดหมายด้วยการยกเอาคำลงท้ายจากจดหมายในหนังเรื่อง A Knight's Tale ที่พวกเขาเคยดูด้วยกันในช่องเคเบิลที่คอนโดของเจมาหน้าตาเฉย ฆาเบียร์กดปุ่มเพื่อเลื่อนม่านไฟฟ้าที่ผนังกระจกหน้าห้องของเขาลง มันเป็นสัญญาณบอกให้คนที่อยู่นอกห้องของเขารู้ว่าห้ามรบกวน คนตัวโตเปิดคอมพิวเตอร์ของเขาและคลิกเชื่อมต่อ



"ไงครับ แถลงเสร็จแล้วเหรอ?"

เจหาวน้อยๆ และยิ้มให้คนรัก ฆาเบียร์ยิ้มตอบให้คนที่ยังนอนซุกตัวอยู่บนเตียง สุดท้ายคนตัวเล็กที่ปากบอกว่าไม่มีอารมณ์ทำงานเมื่อคืนก็คงลุยทำงานจนเช้าเหมือนเคย จึงได้ยังหมกตัวอยู่บนเตียงทั้งที่เวลาล่วงเลยไปจนถึงหลังเที่ยงแบบนี้ เจนยุทธหยิบแทบเล็ตของเขามาตั้งไว้บนหมอนส่วนตัวเองนอนตะแคงคุยกับคนรัก ตาที่หรี่ปรือและใบหน้าที่ยังแสดงความง่วงงุนของเจทำให้เขาอยากไปอยู่ใกล้ๆ และล้มกายลงนอนกอดร่างเพรียวอันแสนอบอุ่นนั้นไว้เหลือเกิน

"เรียบร้อยแล้วจ้ะ ขอโทษนะที่โทรมารบกวนเวลานอนของนาย ฉันแค่อยากจะบอกว่าฉันได้รับนี่แล้ว"

คนตัวโตตอบและหันกล้องเว็บแคมที่เสียบไว้บนจอคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะของเขาให้หันไปหาแจกันดอกไม้โทนสีขาว ฟ้าและชมพูพาสเทล

"อ๋อ มาถึงแล้วเหรอ? เร็วดีจัง มันใหญ่เหมือนกันเนาะ ผมนึกว่ามันจะเล็กกว่านี้"

เจหัวเราะแหะๆ เมื่อเห็นว่าแจกันที่เขาสั่งให้คนรักนั้นใหญ่จนเบียดพื้นที่บนโต๊ะของฆาเบียร์ไปมาก

"ไม่หรอกจ้ะ ไม่ใหญ่ไปเลย ขอบใจนะเจนยุทธ มันสวยมาก ฉันชอบมากๆ เลย"

ฆาเบียร์พูด เขาบอกเจว่าจะนำมันไปตั้งไว้ที่โต๊ะมุมห้องเพื่อที่จะได้มองเห็นมันได้ชัดๆ



"คราวนี้ไม่มีแชมเปญด้วยเหรอ?"

คนตัวโตถามยิ้มๆ เขาจำได้ว่าคราวที่แล้วที่เจส่งดอกไม้ให้เขาที่สหรัฐฯ เพื่อฉลองการปิดดีลขายบริษัทที่เขาไปลงทุนไว้นั้น มันมาพร้อมกับคุกกี้และแชมเปญขวดน้อย เจนยุทธหัวเราะแหะๆ

"งบหมดครับ คราวนี้ได้แค่ดอกอย่างเดียว"

ฆาเบียร์ขมวดคิ้วทันที

"เจ นี่นายเสียค่าดอกไปเท่าไหร่กัน? ฉันก็บอกแล้วว่านายไม่ต้องมาเปลืองเงินเปลืองทองกับฉันมากนักก็ได้"

“It’s the least I can do to cheer you up.”

เจถอนหายใจและพูดด้วยเสียงแผ่วเบา ถึงเขาจะอยากบินไปอยู่เคียงข้างคนรักแค่ไหน การหาตั๋วในเวลากระชั้นแบบนี้ก็ไม่ได้ง่ายนัก อีกทั้งเขายังไม่รู้ว่าช่วงนี้เมียตัวโตของเขายุ่งแค่ไหน เขาจึงเลือกเปลี่ยนค่าตั๋วเครื่องบินให้เป็นดอกไม้แจกันใหญ่ราคากว่า 2,000 เหรียญฮ่องกงนี้แทน

"โธ่ mi alma ที่จริงนายไม่ต้องเสียเงินเสียทองขนาดนี้หรอกนะ แค่นายอยู่คุยกับฉันแบบนี้ก็ทำให้ฉันสบายใจได้แล้ว"

หนุ่มละตินถอนหายใจบ้าง เขารู้เสียยิ่งกว่ารู้ว่าการที่ได้แต่นั่งดูคนรักเผชิญปัญหาอยู่ในที่ห่างไกลนั้นทำให้รู้สึกอย่างไร

"ก็ผมอยากให้ดอกไม้คุณด้วยนี่นา ไม่ได้ให้ตั้งนานแล้ว ไม่ดีเหรอครับ?"

ฆาเบียร์มองไปยังดวงตาที่ฉายแววไม่มั่นใจของเจนยุทธ

"ดีจ้ะ ดี ฉันชอบมากๆ เลย ห้องทำงานฉันดูสดชื่นขึ้นมาทันตาเลยล่ะ ฉันเองก็รู้สึกสดชื่นด้วย"

คนตัวโตยกกุหลาบขาวในมือขึ้นมาไล้ริมฝีปากเบาๆ พร้อมกับส่งรอยยิ้มยั่วเย้าให้เจนยุทธ

"คุณชอบ ผมก็ดีใจแล้วครับ..."

เจพยายามเมินคนแก่ขี้ยั่วที่จัดการเขาเสียอยู่หมัดเมื่อคืนนี้ คนตัวโตหัวเราะเบาๆ แล้ววางกุหลาบลงบนโต๊ะเมื่อเห็นว่าการกลั่นแกล้งของตนไม่เป็นผล



"แล้วการแถลงข่าวเมื่อเช้าเป็นไงมั่งครับ?"

เจนยุทธถาม ฆาเบียร์ยิ้มบางๆ เขาเล่าเรื่องการแถลงข่าวในตอนเช้าให้เจฟัง ในวันนี้เขาเน้นการนำเสนอข้อมูลหักล้างข่าวเท็จนั้นมากกว่าที่จะแสดงอารมณ์อย่างในการไลฟ์เมื่อคืนที่ผ่านมา

"จากนั้นก็มีให้สัมภาษณ์ ตอบคำถามนั่นนี่ ก็น่าจะเคลียร์ไปได้เรียบร้อยนะ"

ฆาเบียร์ตอบด้วยสีหน้าผ่อนคลาย เจมองดูคนรักของเขา วันนี้คนตัวโตแต่งกายด้วยชุดสูทสามชิ้นสีชาร์โคลหรือเทาเข้มพร้อมด้วยเชิร์ตขาวสะอาดและเนคไทสีเบอร์กันดี เนื้อผ้าที่มีลายทางหรือ pinstripes ทำให้สูทแบบอังกฤษของฆาเบียร์ชุดนี้ดูมีสไตล์แต่ในขณะเดียวกันก็ให้ความรู้สึกทรงอำนาจ

"วันนี้ทำผมมาด้วยเหรอครับ?"

เจทักเมียตัวโตของเขา แทนที่จะรวบผมตึงจนดูดุดันเหมือนเมื่อคืนวาน ฆาเบียร์ใช้บริการช่างทำผมให้เซ็ตผมที่เริ่มยาวจนเกือบประบ่าของเขา ผมสีน้ำตาลยาวสลวยของเขาถูกเสยไปด้านหลังเพื่อเปิดให้เห็นหน้าผากชัดเจน หากใบหน้าของเขาที่ควรจะได้รับการประทินโฉมเพื่อออกกล้องกลับดูอิดโรยกว่าทุกครั้ง

"แล้วทำไมปล่อยให้หน้าโทรมขนาดนั้นล่ะครับ นี่เขาทาแป้งอะไรให้แล้วยังดูโทรมเลยนะ?"

เจมองใต้ตาที่ดูคล้ำกว่าทุกทีของคนรักด้วยทีท่าเป็นห่วง หากคนตัวโตหัวเราะเบาๆ พลางใช้มือป้ายไปที่ใต้ตาแล้วยกให้กล้องดู

"เม้คอัพจ้ะ"

เจนยุทธทำตาปริบๆ ดูสีน้ำตาลอมแดงเข้มที่ติดนิ้วคนรักออกมา

"เนียนดีใช่ไหมล่ะ? นี่ฉันลงทุนจ้างมืออาชีพมาเลยนะ"

คนตัวเล็กพูดไม่ออกและได้แค่พยักหน้ารับคำเท่านั้น ใบหน้าของฆาเบียร์ในตอนนี้ดูเหมือนคนที่ผ่านการแต่งหน้ามาแต่ยังไม่สามารถอำพรางร่องรอยของการอดนอนและการหลั่งน้ำตาได้

"เขาแต่งให้ดูโทรมก่อนแล้วค่อยตบแป้ง แต่งคิ้วนั่นนี่แล้วก็ใส่ลิปให้ปากมีสีนิดหน่อย แต่ไม่ให้มันพรางความโทรมหมด"

ฆาเบียร์ซึ่งชินกับการเติมแต่งสีบนใบหน้ายามต้องออกงานหัวเราะเบาๆ เขาเองยังรู้สึกทึ่งกับใบหน้าของตัวเอง ถึงเขาจะอดนอนเมื่อคืนที่ผ่านมา แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ตาเขาดูลึกโหลและหน้าซูบตอบดูโทรมเท่ากับตอนนี้



"คุณนี่มันเจ้าเล่ห์จริงๆ นี่กะเหยียบตาลุงนั่นให้จมธรณีเลยใช่ไหมครับ?"

ฆาเบียร์ยิ้มบางๆ และผงกหัว

"ทั้งหมดนี้เพื่อนายนะ เจนยุทธ"

คนตัวโตจรดจูบที่ปลายนิ้วและแตะเบาๆ ที่หน้ากล้อง เจเม้มปากแน่นเพื่อสะกดกลั้นความรู้สึกที่เอ่อท้นขึ้นมา

"คุณ..."

เจกลั้นก้อนสะอื้นที่จุกขึ้นมา เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ

"ที่จริงคุณไม่ต้องทำขนาดนี้เพื่อผมก็ได้ ฆาบี้ ผมมีค่าพอที่จะเสียสมอง เสียเวลาและเสียเงินเสียทองให้ขนาดนี้เลยเหรอ? แล้วไหนจะชื่อเสียงคุณอีกล่ะ..."

เจพูดเสียงเครือ เมื่อเขามานั่งคิดทบทวนดู การฟ้องร้องในครั้งนี้คนตัวโตคงต้องเสียค่าทนายและเสียเวลาอีกพอสมควร อีกทั้งเป็นเหมือนการเอาชีวิตของตนมาตีแผ่ให้กับสังคมที่กว้างขึ้นรับรู้ คนตัวโตถอนหายใจเบาๆ หากเจอยู่ตรงหน้าเขา เขาคงดึงเจ้าตัวดีเข้ามากอดไว้แน่นๆ เพื่อปลอบประโลมแล้ว

"มันไม่ได้เดือดร้อนอะไรขนาดนั้นหรอก อีกอย่าง มันก็ถึงเวลาที่ต้องจัดการเรื่องนี้แล้วเหมือนกัน อย่างที่ฉันบอก ฉันเองก็เบื่อที่จะถูกจิกกัดแบบนี้แล้ว แล้วไม่ต้องคิดหรอกว่ามันเสียเงินเสียทองอะไร เผลอๆ เรื่องนี้อาจจะจบกันได้นอกศาลก็ได้ ถ้าเจ้าตัวเขายอมมาเจรจาและยอมมาขอขมา ฉันก็ไม่ใจร้ายขนาดที่จะบี้เอาถึงตายหรอกนะ"

เจพยักหน้าหงึกหงัก ถึงเมื่อคืนนี้เขาจะโมโหมากและบอกคนตัวโตว่าให้เล่นงานจนถึงที่สุด แต่พอมานึกดูอีกครั้ง เขาไม่จำเป็นต้องไปจองเวรจองกรรมคนที่ไม่เคยรู้จักด้วยซ้ำคนนั้น ถ้าทางนั้นยอมขอโทษและเลิกรังควานพวกเขา แค่นี้เจก็พอใจแล้ว

"อืมม์ สำหรับฉัน ตอนนี้ก็ขอแค่ให้เขาเลิกยุ่งกับฉันเสียทีและให้ออกมาขอโทษแล้วบอกว่าที่ผ่านมานั้นเป็นเรื่องเข้าใจผิด จะได้ไม่กระทบกับบริษัทอีก"

ฆาเบียร์พูดเมื่อเจบอกความคิดของเขาให้ฟัง



"เออ แล้วเรื่องหุ้นเป็นไงมั่งครับ ยังตกอยู่ไหม?"

เจนยุทธถามอย่างเป็นห่วง คนตัวโตถอนหายใจเฮือกใหญ่

"หลังจากที่มีข่าวออกมาช่วงดึก ในช่วงเช้าหลังเปิดตลาดหุ้นก็ร่วงเอาเรื่องเหมือนกัน ก็อย่างว่าแหละ ผู้บริหารไปมีข่าวล่วงละเมิดเด็ก ถ้าเป็นเรื่องจริงฉันก็คงต้องลาออก นั่นนี่นู่น พวกนักลงทุนก็เลยเทขายหุ้นกัน  แต่ก็ยังดีที่ช่วงบ่ายหลังจากที่ไลฟ์สดไปแล้วมันเริ่มกระเตื้องขึ้นบ้าง คนคงเริ่มรู้กันแล้วว่าข่าวนั้นเป็นข่าวไม่จริง แต่ก็ยังติดตัวแดงอยู่ ก็ลองดูว่าวันนี้หลังจากแถลงข่าวเป็นทางการแล้วว่าจะดีขึ้นไหม"

"เหรอ? เสียดายจัง..."

เจหลุดปากเปรยออกมาเบาๆ คนตัวโตขมวดคิ้ว

"เสียดายอะไรจ๊ะ?"

เจรู้ตัวและหัวเราะแหะๆ ออกมา

"แหะๆ เสียดายว่าผมซื้อหุ้นคุณเพิ่มไม่ทันอ่ะดิ"

ฆาเบียร์จิ๊ปาก

"เฮ้ๆ แบบนี้เดี๋ยวฉันก็โดนเล่นเรื่องให้ข้อมูลวงในหรอก"

"ครับๆ ไม่ซื้อๆ แต่พี่นพ กับเจ้าสองแสบน่ะ เห็นว่าช้อนซื้อกันสนุกมือเลยนะ เจ๊แตงโมด้วยมั้ง แต่ก็ไม่ได้ซื้อเยอะจนโดนเพ่งเล็งหรอกครับ"

"ให้ตายสิ พวกนายนี่แสบจริงๆ นี่ถ้าได้กำไรก็อย่าลืมเลี้ยงข้าวฉันด้วยล่ะ"

คนตัวโตหัวเราะเบาๆ เจย่นจมูกให้คนรัก

"คร้าบ เดี๋ยวผมจะไปบอกพวกนั้นให้แล้วกัน อย่างปรินซ์กับซันซันน่าจะซื้อเก็บไว้ แต่พี่นพกับเจ๊แตงโมนี่เป็นพวกซื้อๆ ขายๆ ทำกำไรระยะสั้น คงเอามาแบ่งขายมั่ง ไว้ไปทวงขนมกับสองคนนั่นแล้วกันนะ"



ฆาเบียร์ทำท่าครุ่นคิดเมื่อเจพูดถึงชื่ออดีตคู่นอนซึ่งเป็นเพื่อนของพี่สาว

"แตงโมเหรอ? อืมม์ ฉันไม่ได้เจอพวกสาวๆ ของเจเลย คราวหน้ากลับบ้านฉันคงต้องนัดเจอบ้างแล้ว จะได้ให้เขารายงานพฤติกรรมนายด้วย"

เจอ้าปากหวอ

"อ้าว เฮ้ย นี่พวกเจ๊ๆ เขาเป็นสายให้คุณกันไปหมดแล้วเหรอ? นี่คุยกันบ่อยด้วยใช่ไหม? เห็นพี่แตงโมเขาบอกผมว่างั้น"

คนตัวเล็กแยกเขี้ยวใส่คนรัก ฆาเบียร์หัวเราะเบาๆ ในบรรดาสาวๆ ของเจที่คนตัวโตเคยพบหน้าตอนช่วงปีใหม่ เขาติดต่อกับแตงโมและหมอพลอยบ่อยครั้งที่สุด

"นี่ เจนยุทธ ไม่ต้องมาบ่นเลยนะ ที่นี่ก็มีสายของนายเต็มไปหมด ยัยเมลิน่านั่นก็คนนึง คิดว่าฉันไม่รู้เหรอว่านายคุยกับยัยตัวดีนั่นบ่อยแค่ไหน"

"เรื่องงานโว้ย เรื่องงาน ชิ"

เจแกล้งโวยวายเพื่อแก้เกี้ยว คนตัวโตหัวเราะออกมาดังๆ เมื่อเห็นทีท่าขวยเขินของคนรัก พวกเขาคุยหยอกล้อกันด้วยใบหน้ายิ้มแย้มอีกครู่หนึ่งจนเจนึกถึงสิ่งหนึ่งขึ้นมาได้



"เออ ผมว่าจะถามคุณตั้งแต่เมื่อวานแล้วก็ลืม..."

"ถามอะไรเหรอ เจนยุทธ?"

"ก็ไอ้เรื่องข่าวเม้าท์นี่แหละครับ ขนาดคุณที่ดวงซวยโดนลูกหลงยังโดนหนักขนาดนี้ แล้วอีตานายแบบที่เป็นเด็กเก่าของตาลุงนั่นไม่โดนด่าเช้ากลางวันเย็นเลยเหรอ?"

เจถามอย่างสงสัย คนตัวโตหัวเราะหึๆ ด้วยความสงสารตัวเอง

"โดนอะไรล่ะ ไอ้ช่วงแรกๆ ที่ยังควงกับฉันน่ะ ใช่ กระดิกไปไหน ออกงานด้วยกันก็จะโดนวิจารณ์แหลกลาญทั้งเรื่องเสื้อผ้าหน้าผม การแต่งตัวและอื่นๆ แต่จำได้ไหมที่ฉันบอกว่าพอเขามีแฟน ฉันก็ห่างจากเขาไป..."

เจพยักหน้า

"นั่นแหละ พอหลังจากนั้น ตาลุงนั่นก็เลิกจิกกัดนายแบบคนนั้นแล้วหันมาเล่นงานฉันคนเดียว"

"อ้าว เฮ้ย ไหงงั้นล่ะคุณ?"

เจร้องลั่น คนตัวโตยิ้มหยัน

"ต้องบอกนายไว้ก่อนว่าไอ้เด็กนั่นมันก็ไม่ใช่เป็นเด็กดีอะไรนักหนาหรอกนะเจ ฉันก็พอดูออกแล้วว่าที่มาเดทกับฉันช่วงแรกๆ น่ะเขาอยากจะมาเกาะฉันเหมือนกัน แต่นายก็รู้นิสัยฉันดี ฉันก็เลยคุยกับเขาให้ชัดเจนไปว่า เราจะมีแค่เรื่องเซ็กส์เท่านั้นและมีการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์กันตามสมควร ก็แบบที่ฉันเล่าให้นายฟังไปแล้วน่ะ..."

เจพยักหน้า เขาจำได้ที่คนตัวโตบอกว่านายแบบคนนั้นก็ได้ออกงานสังคมและได้โผล่หน้ามาในเว็บของฆาเบียร์บ้าง ส่วนคนตัวโตก็ได้คู่ควงที่ดูดีเวลาออกงาน

"ทีนี้ พอเด็กนี่มีแฟน เขาก็เลือกแต่คนที่มีอำนาจพอที่จะทำให้ตาลุงบรรณาธิการนั้นเลิกยุ่งกับทางนั้น อย่างคนล่าสุดนี่ก็เป็นโปรดิวเซอร์ชื่อดังในฮอลลีวู้ด มีอิทธิพลพอตัวเลยจนตาลุงนั่นไม่กล้ายุ่ง นี่ก็ได้ข่าวมาว่ากำลังหลงกันสุดๆ เลย..."

ฆาเบียร์เล่าว่านายแบบคนนี้อยากเข้าวงการแสดงมานานแล้วและได้รับบทตัวประกอบในหนังเรื่องนั้นเรื่องนี้ หากล่าสุด เขาก็มีชื่อได้รับบทเด่นพอสมควรในหนังฟอร์มยักษ์ นั่นก็เพราะการผลักดันจากป๋าคนล่าสุดของเขา

"อ๋อ ตาลุงนั่นเลยยิ่งเล่นงานคุณหนักเพราะเก็บกดที่ไปลงกับทางนั้นไม่ได้?"

คนตัวโตพยักหน้าพร้อมถอนหายใจดังๆ อย่างระอา

"ฉันก็หวังว่าจะได้มีโอกาสเจอหน้าบรรณาธิการคนนั้นอีกสักทีจะได้บอกให้ชัดๆ ไปอีกทีว่าฉันไม่เกี่ยวเรื่องที่พวกเขาเลิกกันจริงๆ"



"เฮ้อ..."

เจพลอยถอนหายใจตามคนรักไปด้วย

"เนี่ยน้า กิ๊กเยอะ เด็กเยอะก็ปัญหาเยอะงี้แหละ"

"อื้อหือ คนที่มีสาวเป็นร้อยอย่างนายกล้าบ่นฉันเรื่องนี้ด้วยเหรอ เจนยุทธ"

คนตัวโตครางเบาๆ อย่างไม่เชื่อหูตัวเอง เจแลบลิ้นให้คนรักอย่างยั่วเย้า ฆาเบียร์โคลงหัวและได้แต่คิดในใจว่าถ้าเจทำแบบนี้ต่อหน้าเขาอีกครั้ง เขาจะจับเจ้าตัวเล็กจูบจนแลบลิ้นไม่ออกเลยทีเดียว เจทำท่าจะอ้าปากพูดอะไรเมื่อมีเสียงเคาะประตูห้องทำงานของฆาเบียร์

"เฆเฟ่คะ คุณวูมาแล้วค่ะ"

เมลิน่าซึ่งเป็นคนเดียวที่สามารถเข้ามารบกวนฆาเบียร์ระหว่างที่คุยกับเจนยุทธอยู่โผล่หน้าเข้ามาแจ้งให้นายของเธอทราบ

"โอเค เดี๋ยวอีกแป๊บนึงฉันออกไป ขอเวลาไม่เกินห้านาที"

คนตัวโตเงยหน้าขึ้นบอกเลขาฯ ของเขา เธอรับคำและรีบหลบฉากออกไปอย่างรู้งาน



"ฉันให้ทีมของอลันกับแพทริคช่วยประสานงานกับทีมกฎหมายที่ฌองแนะนำให้ที่สหรัฐฯ จ้ะ..."

ฆาเบียร์หันกลับมาอธิบายให้เจฟัง

"...หลักๆ ฉันก็ให้ทีมทางนู้นเขาเดินเรื่อง sue ทางเว็บนั้นไปแล้ว แบ่งเป็นสองส่วนคือฟ้องบริษัทเจ้าของเว็บกับแยกฟ้องตัวบรรณาธิการต่างหากด้วย ฉันยังไม่ลงรายละเอียดแล้วกันนะ"

คนตัวโตเล่าให้เจนยุทธฟังคร่าวๆ ถึงสิ่งที่เขาจะทำต่อไป

"แล้วมีโอกาสชนะไหมครับ?"

เจถาม ส่วนตัวเขามองว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร แต่เขาไม่แน่ใจเกี่ยวกับเรื่องข้อกฎหมายของดินแดนแห่ง free speech อย่างสหรัฐอเมริกา

"อืมม์ ดูๆ ก็น่าจะไม่มีปัญหานะ เมื่อก่อนฉันไม่ได้ฟ้องอะไรเพราะตัวฉันมันก็เข้าข่ายเป็นบุคคลสาธารณะ เวลาโดนขุดเอาเรื่องที่ควงคนนั้นคนนี้มาลงแล้วจะไปฟ้องอะไรก็ยาก  แต่เคสนี้ฉันคิดว่าฟ้องได้แน่นอนเพราะมันเป็นการนำเสนอข้อมูลที่เป็นเท็จทำให้เกิดความเสียหายขึ้นกับบริษัท และรับรองว่าฉันไม่ยอมความง่ายๆ แน่"

เมียตัวโตของเจเล่าต่ออีกว่าตอนนี้เขาและทางทีมกฎหมายกำลังดูว่าจะทำได้ไหมถ้าให้ทางบริษัทของเขามาร่วมเป็นโจทก์ยื่นฟ้องด้วย

"ไม่ได้หวังผลอะไรหรอกจ้ะ แต่แค่ให้ดูน่ากลัวเท่านั้น จริงๆ ฉันก็คิดว่ามันน่าจะจบด้วยการประนีประนอมยอมความนอกศาลน่ะ"

หนุ่มละตินยิ้มมุมปาก ที่สุดแล้วที่เขาต้องการคือให้คนๆ นั้นได้หลาบจำและเลิกยุ่งกับเขาและคนที่เขารักเสียที

"งั้น ผมไม่กวนคุณแล้วครับ ฆาบี้ ไปทำธุระของคุณเถอะ ถ้าเสร็จงานแล้วอยากโทรมาก็โทรมาได้ตลอดเวลานะครับ"

เจยกนาฬิกาขึ้นดูและกล่าวลาคนรักของเขา

"จ้ะ ไว้ฉันจะโทรไป ขอบใจสำหรับดอกไม้อีกทีนะ มันช่วยได้มากเลย"

ฆาเบียร์พูดพร้อมกับส่งรอยยิ้มกว้างให้สุดที่รักของเขา เจส่งยิ้มกลับคืน พวกเขากล่าวคำอำลาและจบการสนทนาลง



เจกดปิดโปรแกรมสนทนาของเขาลงและเปิดทวิตตอร์ขึ้นมาดู เขาคลิกหาแฮชแท็ก #RespectPrivacy และ #StopOnlineHarassment ซึ่งฆาเบียร์ได้พูดถึงในการไลฟ์เมื่อคืนก่อน เขาได้ขอร้องให้เหล่าแฟนคลับและผู้ที่รู้สึกว่าถูกบรรณาธิการและเว็บข่าวกอสซิปนั้นทำร้ายจิตใจติดแฮชแท็กเหล่านี้เพื่อแสดงพลัง เจยิ้มอย่างพึงใจเมื่อเห็นว่ามันยังติดเทรนด์อยู่ เขาคลิกๆ ดูก็เห็นชื่อของดาราและเซเล็บหลายคนของสหรัฐฯ ได้เขียนข้อความที่ติดแท็กนี้ในช่วงหลังจากที่คนรักของเขาได้ออกแถลงข่าวไป

“สรุปว่าพี่แกก็เป็นคนดังเหมือนกันเนาะ…”

เจพูดกับตัวเองเบาๆ เขาไม่ได้รู้สึกว่าตาลุงสุดแซ่บของเขาเป็นเซเล็บอะไรจนกระทั่งวันสองวันมานี้ ในทวิตเตอร์และเพจเฟซบุ๊คของเขามีคนมีชื่อเสียงหลายคนจากหลากหลายวงการมาแสดงความเห็นใจและให้การสนับสนุน คนตัวเล็กถอนหายใจเบาๆ เมื่ออ่านข้อความจากคนเหล่านั้นแล้วเขายิ่งรู้สึกได้ถึงความแตกต่างระหว่างพวกเขาทั้งสอง

"ผมจะอยู่ข้างๆ คุณได้จริงๆ เหรอ ฆาบี้"

เจพึมพำเบาๆ กับตัวเอง แม้จะเคยไปออกงานสังคมร่วมกับฆาเบียร์มาบ้างแล้วทั้งที่ฮ่องกงและกรุงเทพฯ แต่นั่นก็ยังไม่ใช่สังคมที่คนตัวโตใช้ชีวิตอยู่จริงๆ หากในอนาคตพวกเขาลงเอยถึงขั้นใช้ชีิวิตร่วมกันและฆาเบียร์ต้องกลับไปยังสหรัฐฯ เขาจะสามารถยืนเคียงข้างคนตัวโตได้อย่างสมภาคภูมิจริงหรือ

"เห้อ คิดไปก็ปวดหัว ค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไปวะ"

เจถอนหายใจเฮือกใหญ่ ทุกวันนี้เขาก็พยายามปรับปรุงตัวให้เข้ากับฐานะของคนรักทั้งด้านการแต่งกายและอื่นๆ เขาพยายามปัดฝุ่นมารยาทสังคมที่เคยเรียนรู้จากตอนเป็นนักศึกษา พยายามติดตามข่าวสารบ้านเมืองและข่าววงการธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสายงานของคนรักและอื่นๆ ส่วนภาษาสเปนที่เป็นภาษาพ่อแม่ของคนรักนั้น แม้จะพักการเรียนกับครูเอาไว้ เขาก็พยายามเรียนด้วยตัวเองผ่านสื่อออนไลน์ ถึงเขาจะไม่แน่ใจว่าอนาคตของเขาและฆาเบียร์จะเป็นอย่างไร จะเดินเคียงข้างกันไปได้นานแค่ไหน แต่ ณ ตอนนี้ ขณะที่ยังอยู่ด้วยกัน เขาต้องไม่ทำให้คนรักของเขาได้อายเป็นอันขาด



"เฆเฟ่คะ คุณเจส่งข้อความมาบอกว่าอีกสักพักจะไลฟ์รีวิวร้านอาหารค่ะ เผื่อเฆเฟ่จะอยากดู"

เมลิน่าโผล่หน้ามาบอกนายของเธอซึ่งยังง่วงกับการเซ็นเอกสารแม้จะเป็นเวลากว่าทุ่มแล้ว

"ได้ เธอก็กลับได้แล้ว เมลิน่า ริคกี้มารอแล้วไม่ใช่เหรอ?"

ฆาเบียร์เงยหน้าจากกองเอกสารมาคุยกับเลขาฯ ของเขา เมลิน่าซึ่งจริงๆ ต้องได้หยุดงานสละเวลาเพื่อมาช่วยจัดการเรื่องการแถลงข่าวและติดต่อประสานงานส่งข่าวให้กับสื่ออื่นๆ ที่ไม่ได้มาเข้าร่วมงาน ริคกี้ซึ่งตอนนี้พักงานเพื่อไปเรียนต่อก็เข้ามาช่วยงานด้วย เขาผละไปจัดการธุระส่วนตัวเมื่อการแถลงข่าวเสร็จสิ้นและกลับมารับแฟนสาวเมื่อตกเย็น

"ปล่อยรอไปเถอะค่ะ เฆเฟ่กลับเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้นค่ะ"

เมลิน่าพูด เธอเป็นห่วงนายรักซึ่งเพิ่งเจอกับข่าวลือแย่ๆ ที่ทำให้เสียชื่อเสียง หากฆาเบียร์ส่งยิ้มให้เลขาฯ คนสนิทแล้วโบกมือไล่

"ไปเถอะ ไม่ต้องห่วงฉัน เดี๋ยวฉันอยู่นี่ไม่นานหรอก เซ็นกองนี้แล้วก็เช็คระบบนั่นนี่กับพวกไอทีที่สหรัฐฯ เสร็จก็จะขึ้นไปนอนแล้ว วันนี้ฉันง่วงเอาเรื่องเหมือนกัน อ้อ ต้องเปิดดูเจไลฟ์ด้วยสินะ"

นายของเมลิน่ายิ้มออกมาเมื่อพูดถึงสุดที่รักของเขา

"เฆเฟ่จะให้ฉันสั่งอาหารหรืออะไรให้หรือเปล่าคะ?"

เลขาฯ สาวถามอย่างเป็นห่วง กว่านายของเธอจะทำนั่นทำนี่เสร็จก็คงหลังสามทุ่มเหมือนทุกครั้ง ฆาเบียร์มักอยู่ทำงานต่อจนดึกดื่น แม้ที่สำนักงานนี้จะมีแผนกอื่นที่ยังทำงานต่อเป็นกะเกือบ 24 ชั่วโมง แต่พวกเขาก็ไม่ได้มายุ่มย่ามกับฆาเบียร์เว้นแต่มีปัญหาที่ต้องรายงานกับเจ้าตัวโดยตรง โดยปกติแล้วเธอจะคอยอยู่ดึกด้วย หากในวันนี้นายของเธอได้ไล่เธอให้กลับตามเวลา

"แล้วพรุ่งนี้กับมะรืนไม่ต้องโผล่หน้าเข้ามาให้ฉันเห็นนะ เข้าใจไหม? ไปใช้เวลากับริคกี้ซะ ถ้าเข้ามาฉันจะหักเงินเดือนเธอ"

"แต่..."

เมลิน่าทำท่าจะประท้วง เรื่องฟ้องร้องของนายเธอเพิ่งกำลังจะเริ่มต้น เธออยากช่วยเรื่องการประสานงานต่างๆ ให้เป็นไปได้อย่างราบรื่น

"ไม่ต้องมีแต่แล้ว เมลิน่า มีคุณเหลียงกับลูกทีมของเธออยู่ก็พอแล้ว วันนี้เราจัดการส่วนที่ยากไปแล้ว ที่เหลือก็กำลังอยู่ในขั้นเตรียมการ เธอลาไปสองสามวันก็ไม่เป็นไรหรอกน่า เอ้า ไปได้แล้ว ฉันจะทำงานต่อ"

คนตัวโตโบกมือไล่เลขาฯ คนสนิทของเขาและก้มหน้าลงอ่านเอกสารต่อ เมลิน่าจำต้องล่าถอยห้องไป ฆาเบียร์อดหัวเราะออกมาไม่ได้เมื่อเห็นท่าทีจนใจของเลขาฯ ที่เขารู้จักมาตั้งแค่วัยรุ่น เมลิน่าควรได้ใช้เวลากับคนรักที่ตอนนี้อยู่ห่างไกลบ้าง



(ต่อคอมเมนท์ถัดไปค่ะ)



[/font][/size]
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-02-2019 23:53:18 โดย La Vida Sin Tu Amor »

ออฟไลน์ La Vida Sin Tu Amor

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-1



---- ฆาเบียร์สู้ๆ (ต่อ) ----





'ติ๊ง'

ฆาเบียร์หยิบมือถือของเขาขึ้นมาดูพร้อมกับยิ้มบางๆ เจส่งมาบอกเขาว่าเจ้าตัวกำลังจะไลฟ์สดเผื่อว่าเขาจะอยากดู คนตัวโตพิมพ์ตอบกลับไปแล้วจึงจัดการเปิดจอคอมของตน

"สวัสดีครับ ผมเจ เจนยุทธ..."

ฆาเบียร์ยิ้มกว้างเมื่อเห็นใบหน้าที่มีรอยยิ้มละไมของคนรัก เจนั่งอยู่ที่ร้านอาหารไม่ติดแอร์แห่งหนึ่ง มันเป็นเพิงง่ายๆ ที่มีหลังคาเมทัลชีทซึ่งดูเป็นส่วนต่อเติมจากลานของบ้านหลังหนึ่ง

"ผมและฆาเบียร์ต้องขอขอบคุณทุกกำลังใจและการสนับสนุนจากทุกท่าน..."

คนตัวเล็กกล่าวขอบคุณลูกเพจที่ให้การสนับสนุนพวกเขาหลังจากเกิดข่าวลือแย่ๆ นั้น และบรรยายว่าพวกเขาทั้งคู่รู้สึกซาบซึ้งเพียงใดกับกำลังใจที่ได้รับ ฆาเบียร์อดรู้สึกภูมิใจกับคนรักของเขาไม่ได้ นับตั้งแต่เจเริ่มมาช่วยเขาและเมลิน่าดูแลเพจนี้ เจนยุทธพัฒนาตัวเองขึ้นมากและเรียนรู้การทำคอนเทนท์ได้อย่างรวดเร็ว ลูกเพจของฆาเบียร์เองก็ให้การตอบรับเขาอย่างดีและเจก็เริ่มมีแฟนๆ ที่รอติดตามดูเขาโดยไม่ต้องมีฆาเบียร์เข้ามาร่วมซีนด้วย

"วันนี้ผมพาพวกคุณมากินข้าวต้มปลาเจ้าอร่อยที่เชียงใหม่ครับ เปิดมาหลายสิบปีแล้ว ย้ายมาก็หลายที่จนตอนนี้มาอยู่ใกล้ๆ ตลาดที่คนเชียงใหม่เรียกว่า กาดก้อม เดี๋ยวผมจะลงลิงค์แผนที่ให้ทีหลังนะครับ"

เจนยุทธแพนกล้องมือถือของเขาไปรอบๆ ให้ดูบรรยากาศที่โล่งโปร่งสบายของร้าน คนตัวโตดูจากคนที่เต็มแทบทุกโต๊ะแล้วก็พอจะรู้ว่าร้านนี้มีดีจริง

"ในวันนี้ผมไม่ได้มาคนเดียวครับ แต่มีสมาชิกมาช่วยกินด้วยอีกสองคน เอ้า ส่งเสียงหน่อย"

เจสลับกล้องให้เห็นเพื่อนทั้งสองของเขา ฆาเบียร์หัวเราะออกมาเบาๆ เมื่อเห็นใบหน้าที่เหรอหราของคนที่ออกสื่อโดยไม่รู้ตัวทั้งสอง ปรินซ์และซันซันโบกมือให้กล้องอย่างเขินๆ โดยมีเจหัวเราะคิกคักอยู่ด้านหลัง เขาส่งเสียงบอกให้เพื่อนทั้งคู่ของเขาแนะนำตัวซึ่งทั้งสองก็ทำอย่างตะกุกตะกักโดยเฉพาะซันซันที่เขินจนหน้าแดงไปหมด



"เฮ้ย ปรินซ์ มีสาวบอกว่ามึงหล่ออ่ะ"

เจส่งเสียงภาษาไทยบอกเพื่อนของเขาหลังจากอ่านเจอข้อความของสาวจีนหน้าตาสะสวยคนหนึ่ง เขาสลับกล้องให้เห็นหนุ่มลูกร้านทองที่ยิ้มแป้นเมื่อโดนชม หากเจ้าตัวสะดุ้งโหยงและหุบยิ้มทันทีที่ถูกคนนั่งข้างแอบชักศอกถองสีข้างเข้าตุ้บใหญ่ เจกลั้นหัวเราะจนกล้องไหวเมื่อเห็นซันซันทำหน้าตูมโดยไม่รู้ตัว คนตัวโตที่นั่งดูอยู่ที่ฮ่องกงก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ ถึงเขาจะฟังสิ่งที่เจพูดกับปรินซ์ไม่ออก แต่เขาเข้าใจคำว่าหล่อและก็เห็นคำชมที่ขึ้นบนหน้าจอด้วย

"เอ้าๆ กูไม่แซวแล้วก็ได้ มะ เรามาเริ่มกินกันดีกว่า..."

เจเปลี่ยนจากถ่ายเพื่อนทั้งสองของเขามาถ่ายอาหารที่ลงครบแล้วบนโต๊ะแทน

"ข้าวต้มร้านนี้จะใช้เนื้อปลากะพงขาวไซส์ใหญ่แบบที่เห็นแขวนอยู่ในตู้นะครับ..."

เจซูมภาพเนื้อปลากะพงตัวใหญ่ยาวเกือบเมตรที่แขวนไว้ในตู้หน้าร้าน

"เราสามารถสั่งได้ว่าจะเอาส่วนไหน เนื้อปลา หัวปลา ส่วนหนัง ครีบ หรือที่ผมชอบที่สุดคือส่วนท้องปลา มันไม่ได้มันจัดและมีกลิ่นคาวเหมือนพวกพุงปลาแซลมอนหรือละลายในปากแบบโอโทโร่นะครับ แถมส่วนที่ติดหนังก็ยังให้สัมผัสกรุบๆ อร่อยครับ"



คนตัวเล็กแอบปาดน้ำลายและบรรยายต่อ

"เนื้อปลาทุกส่วนนี้ นอกจากจะทำเป็นข้าวต้มแล้ว ยังสั่งเป็นหม้อไฟ ยำ ผัดต่างๆ อย่างผัดคึ่นช่าย หรือผัดพริกไทยดำก็ได้ หลากหลายครับ..."

เจนยุทธสาธยายต่อว่าโดยปกติแล้วเขาไม่ชอบกินปลาต้มนัก แต่ปลาของร้านนี้ไม่คาวเลยสักนิดทำให้เขากินได้ทีละมากๆ

"ในวันนี้พวกเราสั่งข้าวต้มกันมาคนละชามครับ ของผมเป็นท้องปลาล้วน ส่วนของปรินซ์เป็นท้องปลากับหอยนางรม ส่วนของซันซันเป็นท้องปลากับครีบ เอ้า โชว์หน่อย"

เจย้ายกล้องไปถ่ายชามข้าวต้มของเพื่อนๆ ทีละชาม ทั้งสองคนตักของที่อยู่ในชามให้ดูอย่างรู้งาน เจบรรยายต่อว่าน้ำซุปของร้านนี้รสชาติกลมกล่อมเพียงใดและถ่ายให้ดูน้ำจิ้มเต้าเจี้ยวรสเด็ดของทางร้าน ฆาเบียร์ดูไปพลางพิมพ์ข้อความลงไปในกล่องข้อความ



"อ๊ะ มีคนบ่นมาว่าทำไมผมถึงไม่เคยพาเขามากินที่ร้านนี้ครับ..."

เจหัวเราะเบาๆ เมื่อเห็นคำบ่นของคนรักบนหน้าจอ เขาบอกว่าเขาเองก็ลืมและไม่ได้มาที่ร้านนี้นานมากแล้วเช่นกันจนกระทั่งซันซันชวนเขามาในวันนี้

"อย่างอนนะครับคนดี คราวหน้าถ้าคุณกลับมาบ้าน ผมไม่พลาดพาคุณมาแน่ๆ เพราะที่นี่มีของอย่างอื่นที่ผมอยากให้คุณกินเหมือนกัน..."

คนตัวเล็กส่งยิ้มละไมให้คนรักที่เขารู้ว่ากำลังดูอยู่

"ไหน มาดูซิว่าของกินอย่างอื่นของเรามีอะไรอีก..."

เจนยุทธถ่ายภาพของอย่างอื่นบนโต๊ะให้คนดูของเขาได้ชม

"เฮ้ย ซันซัน มึงสั่งมาทั้งออส่วนทั้งยำหอยนางรม แล้วนี่ไอ้ปรินซ์ก็สั่งข้าวต้มหอยนางรมมาอีก จะโด๊ปกันไปถึงไหนวะ เดี๋ยวก็ได้ตะกายฝาให้ได้ลำบากกันอีกหรอก"

เจรีบลดเสียงประโยคท้ายลงเมื่อนึกได้ว่าเขากำลังพูดแซวเพื่อนออกอากาศอยู่ แม้เขาจะพูดเป็นภาษาไทยและคนดูของเขาส่วนมากเป็นชาวต่างชาติ หากบรรดาแฟนๆ คนไทยในเพจของฆาเบียร์ก็มีเพิ่มขึ้นมากหลังจากที่เมียตัวโตของเขาเปิดตัวว่ามีคนรักเป็นคนไทย เขาหัวเราะแหะๆ พลางก้มหัวน้อยๆ เพื่อขอโทษเพื่อน ปรินซ์ได้แต่โคลงหัวและบ่นพึมพำไปตามเรื่อง ส่วนซันซันนั้นหน้าแดงแปร๊ดและก้มหน้าก้มตาตักข้าวต้มใส่ปาก



"มาแล้วๆ นี่ครับ อีกอย่างหนึ่งที่พวกผมสั่งทุกครั้งที่มากินคือปลาต้มเผือก น้ำซุปที่ใช้น่าจะเป็นซุปเดียวกับข้าวต้ม แต่จะเติมกระเทียมและหอมเจียวลงไป มีผักคึ่นช่ายและต้นหอม สาหร่าย และที่ขาดไม่ได้คือเผือกชิ้นโตๆ ครับ"

เจใช้ช้อนตักส่วนผสมในหม้อหยวนโล้ใบเขื่องขึ้นมาให้ผู้ชมดู

"ส่วนปลานั้น วันนี้ผมสั่งเป็นส่วนเนื้อปลากับหนังปลาครับ เนื้อปลานั้นจะทอดมาก่อนเพื่อไม่ให้คาวและเละ ส่วนหนังปลานั้นอร่อยสุดๆ ครับ เพราะมันจะชิ้นหนาและเต็มไปด้วยคอลลาเจน ตอนแรกผมก็ไม่กล้ากินนะ เพราะกลัวคาว แต่พอได้กินแล้ว ติดเลย เพราะมันไม่คาวสักนิด แถมยังหยุ่นๆ กรุบๆ ไม่เหมือนกินหนังปลาเลย ไปคล้ายๆ กับกินแมงกะพรุนหรือกระเพาะปลาสดมากกว่า ส่วนหนังนี่นอกจากต้มแล้ว เอาไปยำก็อร่อยนะครับ..."

คนตัวโตดูตามอย่างสนใจ กระเพาะของเขาเริ่มส่งเสียงประท้วงขึ้นมาแล้ว เจหัวเราะคิกเมื่อคนรักของเขาพิมพ์บ่นมาอีก

"ใครบางคนส่งมาบอกครับว่าผมทำให้เขาหิว หิวก็ไปกินข้าวสิครับคุณ ทางนู้นเกือบสองทุ่มแล้วใช่ไหม? ยังไม่ได้กินมื้อเย็นอีกเหรอครับ? อย่ามัวแต่ทำงานเพลินล่ะ รักษาสุขภาพด้วย"

เจนยุทธอดบ่นคนตัวโตที่เขารู้ว่าคงยังอยู่ที่ทำงานอยู่ไม่ได้ ฆาเบียร์พิมพ์ตอบไปว่าเดี๋ยวเขาทำอะไรอีกนิดหน่อยก็จะไปกินข้าวแล้ว คนตัวโตอมยิ้มเมื่อเห็นคนรักหน้าแดงซ่านเมื่อมีคนพิมพ์แซวเรื่อง 'แฟนเด็ก' ของเขา

"ไม่เอาๆ เราไม่พูดถึงเรื่องนั้นกันดีกว่านะครับ เรามาดูของกินกันต่อดีกว่า..."



เจยื่นมือไปรับจานหมูสะเต๊ะมาวางไว้บนโต๊ะ

"นี่ครับ หมูสะเต๊ะ กี่ไม้นะมึง?..."

เขาหันไปถามหนุ่มลูกร้านเพชรซึ่งเป็นคนเดินไปสั่งมาจากแผงสะเต๊ะที่ตั้งอยู่หน้าร้านข้าวต้ม

"ร้อยไม้"

ซันซันตอบสั้นๆ พลางรีบหยิบสะเต๊ะเข้าปากทันทีสองไม้ เจพยักหน้าหงึกหงักแล้วหันมายิ้มให้กล้อง

"คุณจำได้ไหมครับ ฆาเบียร์ ร้านสะเต๊ะร้านนี้คือสะเต๊ะพิชัยที่พี่นพเอาไปให้พวกเรากินตอนปีใหม่ครับ เพียงแต่ว่านี่เป็นสาขาสอง อร่อยเหมือนกัน ผมอยากให้คุณมากินด้วยจัง..."

เจทอดเสียงแผ่วเบา คนตัวโตอดสงสารคนรักไม่ได้เมื่อรู้สึกถึงความเปลี่ยวเหงาในน้ำเสียงนั้น

"ผมเห็นไอ้นี่ก็นึกถึงคุณนะ ผมรู้ว่าคุณชอบ"

คนตัวเล็กยกจานอาจาดที่เพิ่งทำเสร็จใหม่ๆ มาวางไว้หน้ากล้อง

"ถึงจะไม่อร่อยเท่าของร้านแซนวิชบาร์ แต่ก็ถือว่าดีครับ สดชื่นดี รสก็ไม่แหลมมากนัก เข้ากับสะเต๊ะได้ดี..."

เจพูดกับหน้ากล้อง เขาหันไปเพื่อจะหยิบสะเต๊ะ แล้วก็ต้องสะดุ้งโหยง



"เฮ้ย ห่านพวกนี้ กินช้าๆ หน่อยรอกูบ้าง!"

เจนยุทธว๊ากลั่นเป็นภาษาไทย ฆาเบียร์หัวเราะจนตัวโยนเมื่อเจทำเสียงขุ่นโวยเพื่อนทั้งสอง แม้จะฟังไม่เข้าใจเขาก็เห็นได้จากภาพว่าเจคงว๊ากเรื่องที่เพื่อนทั้งสองกินสะเต๊ะด้วยความเร็วสูงจนหมดไปเกือบครึ่งจานแล้ว

"เหลือให้กูบ้างดิ..."

เจบ่นพึมพำพลางดึงจานสะเต๊ะมาและนับจำนวนไม้ เขาหยิบส่วนของตัวเองมาใส่จานแบ่งไว้เสร็จสรรพเพื่อกันการมั่วนิ่มจากเพื่อนๆ

"อูย อร่อยๆ"

เจตั้งมือถือไว้บนโต๊ะและถ่ายให้เห็นภาพเขากำลังกินสะเต๊ะราคาไม้ละ 4 บาทนี้อย่างมีความสุข ฆาเบียร์ยิ้มตาม คนรักของเขาดูดีที่สุดยามที่ได้กินของอร่อย

"ถึงสะเต๊ะของไทยจะรสชาติไม่เข้มข้นและจัดจ้านเท่ากับสะเต๊ะสไตล์มาเลย์หรืออินโดนีเซีย แต่มันก็มีความอร่อยของมันครับ ของร้านนี้ผมชอบที่มันหอมกะทิและเนื้อไม่ได้แห้งแกร๋งเหมือนบางร้าน ถือเป็นร้านในดวงใจของผมเลยครับ"

เจพูดพลางยกหมูสะเต๊ะไม้หนึ่งไปจ่อที่กล้องให้เห็นชัดๆ ฆาเบียร์กลืนน้ำลายลงคอเบาๆ คนรักของเขาช่างยั่วเก่งนัก



"งั้น ผมขอจบการไลฟ์ไว้แค่นี้นะครับ ขืนยังคุยต่อสงสัยจะไม่เหลืออะไรให้ผมกินแล้ว ไอ้สองตัวนี่มันเล่นกินกันแบบไม่เงยหน้ามาดูกันเลย"

เจหัวเราะหึๆ พลางสลับกล้องให้ดูเพื่อนทั้งสองของเขาที่ก้มหน้าก้มตากินอย่างไม่สนใจใคร

"เฮ้ย คุยกันบ้างก็ได้..."

เจแซวเบาๆ หากเพื่อนๆ ของเขาทำหูทวนลม

"ถ้ามึงไม่กินกูกินหมดนะ"

ซันซันเอื้อมมือมาเพื่อตักเผือกจากหม้อไฟเพิ่ม เจใช้ตะเกียบตีมือเพื่อนดังเพี๊ยะ

"นี่แน่ เหลือเผือกให้กูบ้าง กูยังไม่ได้กินซักชิ้นเลย"

คนตัวเล็กบ่นพึมพำพลางรีบตักเผือกชิ้นงามใส่ถ้วย เขายิ้มให้กล้องอีกครั้ง

"นี่แหละครับ ลิ้มฮานง้วน ร้านข้าวต้มปลาเจ้าเก่าจากตลาดอนุสารฯ เป็นอีกหนึ่งร้านที่ผมอยากจะกินพร้อมกับคุณครับ mi amor"

เจยิ้มกว้างให้กล้อง ฆาเบียร์ยิ้มตอบด้วยรู้ว่ารอยยิ้มนั้นเป็นของเขา คนตัวเล็กกล่าวปิดท้ายอีกเล็กน้อยและกดปุ่มจบการไลฟ์สดลง









"ไงจ๊ะ ข้าวต้มอร่อยไหม?"

คนตัวโตทักคนรักของเขา ฆาเบียร์โทรหาเจประมาณหนึ่งชั่วโมงหลังจากนั้น

"อร่อยสิครับ ไว้คราวหน้าเรามากินด้วยกันนะ ผมว่าคุณต้องชอบแน่ๆ"

เจนยุทธพูดพลางขับรถไปด้วย เขาสาธยายถึงความอร่อยของข้าวต้มร้านโปรด

"ในข้าวต้ม นอกจากจะมีกระเทียมเจียวแล้ว เขายังใส่ข่าป่นด้วยครับ หอมมากเลย เนื้อปลาก็ดี๊ดี แต่ต้องรีบมากินหน่อย เพราะเนื้อปลาเขาหมดแล้วหมดเลย ยิ่งถ้าอยากกินส่วนที่มีน้อยๆ อย่างท้องปลาก็ต้องรีบ อย่างวันนี้พวกผมไปกันสามคนกินท้องปลาทุกคน โต๊ะอื่นก็น่าจะสั่งด้วย พอก่อนผมออกร้าน ประมาณซักทุ่มกว่าๆ ได้ยินเขาบอกโต๊ะอื่นว่าท้องปลาหมดแล้ว"

ฆาเบียร์ส่งเสียงรับคำ เจคุยสัพเพเหระกับเขาอีกหลายอย่างจนกระทั่งเขาเข้าจอดรถที่คอนโด



"แล้วนี่คุณกินอะไรหรือยังครับเนี่ย? ยังไม่กลับห้องอีกเหรอ?"

เจขมวดคิ้ว เมื่อครู่เขากดวางสายและเปลี่ยนเป็นวีดีโอคอลแทนเมื่อกลับขึ้นมาถึงห้อง เขาซักคนรักเมื่อเห็นฉากหลังของฆาเบียร์ยังคงเป็นในออฟฟิศของเขา

"ที่นี่สองทุ่มกว่าแล้ว แปลว่าที่นู่นก็สามทุ่มกว่า คุณยังไม่ได้กินข้าวอีกเหรอครับ?"

"ฉันพึ่งจัดการกับเอกสารเสร็จจ้ะ กำลังจะกลับขึ้นห้อง เดี๋ยวจะสั่งรูมเซอร์วิสขึ้นมากิน"

คนตัวเล็กถอนหายใจ

"กินที่มันอิ่มท้องหน่อยนะครับ ไม่ใช่สั่งมาแต่สลัด"

เจดักคอคนตัวโตไว้ก่อนด้วยรู้จักนิสัยคนรักของเขาดี

"ไม่ต้องห่วง วันนี้ฉันกะกินอะไรหนักๆ อยู่แล้ว ก็มีคนยั่วฉันไว้ซะจนหิวขนาดนี้ ยั่วเก่งนักนะเรา"

ฆาเบียร์พูดยิ้มๆ เขาอยากจะยื่นมือเข้าไปดึงแก้มใสๆ ที่ของคนที่ยิ้มให้เขาจนตาหยีอยู่เบื้องหน้าจริงๆ



"...ยั่วเก่งทั้งเรื่องกินและเรื่องอื่นเลยนะ"

"แล้วที่ว่าหิวน่ะ หิวอะไรแน่ครับ ฆาบี้"

เจพูดสวนกลับมาทันควันพร้อมกับส่งสายตาแฝงความนัยให้คนรัก

"พอเลย เจนยุทธ ขอฉันกลับขึ้นห้องก่อนแล้วฉันจะโชว์ให้นายดูเองว่าที่ฉันหิวน่ะ หิวอะไร"

คนตัวโตพูดอย่างมันเขี้ยว เจหัวเราะเสียงใส

"กินข้าวกินปลาให้เรียบร้อยก่อนเถอะครับ ส่วนอย่างอื่นน่ะ ไว้กินกันทีหลัง"

คนตัวเล็กขยิบตาให้คนรัก ฆาเบียร์ได้แต่โคลงหัวให้กับความทะเล้นของเจ้าตัวแสบของเขา

"งั้นคุณเก็บข้าวเก็บของเถอะครับ กินอะไรให้เสร็จแล้วก็ค่อยมาคุยกันต่อนะ"

เจพูดพลางโบกมือไล่คนรักให้ไปจัดการข้าวของเสีย ฆาเบียร์พยักหน้าแล้วจึงตัดการสนทนา เขาจ้องมองหน้าจอที่ว่างเปล่าพลางยิ้มให้กับตัวเอง แม้สองวันนี้จะมีเรื่องยุ่งๆ มากมายที่ทำให้เขาต้องปวดหัวไปบ้าง แต่สุดท้ายแล้วรอยยิ้มและกำลังใจที่เขาได้จากเจนยุทธก็คือสิ่งที่ทำให้เขาผ่านมันไปได้

"นายจะรู้ตัวไหมนะว่านายสำคัญกับฉันแค่ไหน"

เขาพึมพำกับตัวเองเบาๆ พลางหยิบภาพของเจที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมาจุมพิตเบาๆ เขายิ้มให้ภาพนั้นอีกครั้งแล้วจึงจัดการเก็บข้าวของใส่กระเป๋าเอกสารต่อไป




-------------------------------------------


นึกว่าจะจบไม่ทันวาเลนไทน์ซะแล้ว กะโพสต์ตอนนี้วันนี้เต็มที่เลยค่า เนื้อเรื่องยังไม่ค่อยเดินไปไหน เรื่อยๆ เอื่อยๆ ตามประสาสองหนุ่มเนาะ แล้วทายกันถูกไหมคะว่าใครเป็นฝ่ายชนะ? รอบนี้ป๋าแกไม่ยอมแล้วแพ้แล้วนะคะ จ๋อยเลยนุ้งเจ


ของฝากวันนี้ อย่างแรกคือเรื่องลายเสื้อสูทค่ะ ไม่รู้เลยว่าแต่ละลายมันเรียกว่าอะไรแล้วเหมาะกับรูปร่างแบบนั้นนี้

ลายสูท http://bit.ly/2N2m8Ij

นี่ก็ดีค่ะ เป็นภาษาไทยด้วย เขียนอ่านเข้าใจง่ายดี http://bit.ly/2RXc1W5

สูท เบลเซอร์และสปอร์ต โค้ท ต่างกันอย่างไร http://bit.ly/2GnBh6t


ต่อกันด้วยร้านข้าวต้มปลาลิ้มฮานง้วนค่ะ ร้านนี้ขอแนะนำ เป็นร้านอร่อยที่เปิดมานานหลายสิบปีแล้ว รสชาติก็ตามในเรื่องเลยค่ะ ที่กำลังติดใจคือหนังปลาและท้องปลาค่ะ รายละเอียด แผนที่และเบอร์โทรของร้านก็ตามในลิงค์เลยนะคะ

ข้าวต้มปลาลิ้มฮานง้วน (กาดก้อม) http://bit.ly/2TLeNze




 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด