█ ▌รักเต็มใจ ➽ HEART IS FULL ▌█
┠ 18 ┨
หลังงานหมั้นอะไรหลายๆ อย่างก็เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น เราสามารถเปิดเผยความรู้สึกที่จริงใจต่อหน้าผู้ใหญ่และสาธารณชนอย่างถูกกาละเทศะได้โดยไม่อึดอัดและตะขิดตะขวงใจ แม้ว่าคุณแม่ของผมจะยังหลังชนฝาไม่เห็นด้วยกับเรื่องของเต็ม แต่ในเมื่อคุณพ่อยืนยันว่าไม่เป็นไรและไม่ต้องกังวลอะไรทั้งนั้นผมจึงต้องปล่อยเรื่องคุณแม่ไปก่อน
กลับมาที่เรื่องของผมกับเต็มใจ ตอนนี้คนทั้งโลกก็คงได้รู้แล้วล่ะครับว่าเราทั้งคู่เป็นอะไรกันเพราะส่วนหนึ่งของภาพในงานหมั้นถูกใช้โปรโมทคอลเลคชั่นใหม่ของเสื้อผ้าแบรนด์ TJ แถมกระแสตอบรับก็ดีเกินคาด ดูได้จากยอดคอมเม้นต์ในอินสตาแกรมของอีกฝ่ายที่มีสาวน้อยสาวใหญ่ตลอดจนหนุ่มๆ มากมายเข้าไปคร่ำครวญร้องห่มร้องไห้ แต่ก็มีอีกเกินครึ่งที่แสดงความยินดีกับเราทั้งคู่ซึ่งในส่วนนี้ผมก็ขอขอบคุณด้วยนะครับ
ผมวางไอโฟนลงพร้อมกับที่บานประตูห้องน้ำเปิดออก คู่หมั้นของผมเดินออกมาพร้อมกลิ่นหอมอ่อนๆ ของสบู่ ร่างกายบอบบางถูกห่อหุ้มไว้ด้วยชุดคลุมอาบน้ำสีขาวสะอาดเพียงชิ้นเดียว ยามที่เรียวขาก้าวเดินเผยให้เห็นผิวขาวเนียนตรงรอยแยกของชุดคลุม ว่าแต่ทำไมผมถึงรู้สึกลำคอแห้งผากขนาดนี้ด้วยนะ ดวงตาคู่เรียวหันมามองผม เราสบตากัน ผมยักคิ้วและจุดยิ้มมุมปากให้อีกฝ่าย
“หื่นชะมัด”
คนพูดส่งขวดเจลให้ผมก่อนจะขึ้นมานั่งบนเตียงข้างๆ กัน กลิ่นหอมอ่อนของครีมน้ำนมที่เจ้าตัวใช้บำรุงผิวหลังอาบน้ำช่างยั่วยวนชวนน้ำลายสอแถมยังส่งผลให้พี่ยักษ์กลางลำตัวกำเริบชูคออย่างผยอง ผมฝังจมูกลงตรงซอกคอเนียนพร้อมขบกัดด้วยความหมั่นเขี้ยว
ตรงส่วนกลางลำตัวของผมมันพร้อมยิ่งกว่าพร้อม ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อครับว่าตั้งแต่เจออีกฝ่ายนั้นนางเอกสาวเอวีหุ่นดีชวนปล้ำได้หายไปจากวงจรความคิดของผมแบบไม่เหลือแม้แต่เงา
จับร่างเล็กขึ้นมานั่งคร่อมตัก สองขาเรียวที่แยกออกจากกันโชว์ส่วนกลางลำตัวสีสวยที่เพิ่งจะเริ่มตื่นตัว มันน่ารักซะจนผมต้องแอบกลืนน้ำลายอึกใหญ่ ผมจูบบดขยี้ริมฝีปากนิ่มพร้อมกับนวดเคล้นผิวเนียนตรงโคนขาอ่อนด้านในและบิดคลึงยอดอกทั้งสองข้างพร้อมกัน
“อ่ะ”
มือบางชะโลมเจลเหลวอุ่นรูดรั้งทั่วท่อนยักษ์ใหญ่ของผมในขณะที่ผมก็ปรนเปรอให้อีกฝ่าย ความปรารถนาของเราทั้งคู่ไต่ระดับขึ้นสูงอย่างรวดเร็ว เพียงไม่นานแท่งเนื้อน่ารักสีจัดก็ปล่อยความสุขสมออกมาเต็มฝ่ามือของผม
“อ๊า”
แนบจูบลงบนขมับชื้นเหงื่อแล้วใช้ของเหลวขุ่นผสมเจลอุ่นเตรียมช่องทางด้านหลังให้พร้อม
“อะ ท เทมป์”
“อืม เทมป์อยากเข้าไปในตัวเต็ม”
ไม่ใช่แค่พูดนะครับ ผมเพิ่มเป็นสามนิ้วขยับวนเปิดช่องทางจนร่างบางขมวดคิ้วแน่นด้วยความทรมาน ใบหน้าที่ขึ้นสีเรื่อซบลงบนบ่าด้วยลมหายใจที่ติดขัด
“เข้ามาเร็วๆ สิ”
ได้รับอนุญาตด้วยน้ำเสียงเซ็กซี่แหบพร่าขนาดนี้ถ้ายังขืนชักช้าก็โง่เต็มทน ผมกัดริมฝีปากบางแล้วดูดดึงลิ้นเล็กและขยี้จูบจนอีกฝ่ายหายใจแทบไม่ทัน ในขณะที่ช่วงล่างก็เริ่มขยับสอดใส่ช้าๆ
“อ๊ะ อะ”
แม้จะมีสารหล่อลื่นคอยช่วยแต่ช่องทางที่ร้างราไปนานนั้นคับแน่นเสียจนทำให้ผมต้องฝืนเบียดตัวเองเข้าไปให้ช้าที่สุดจนปวดหนึบไปหมด ผมกระหน่ำจูบอีกรอบ มือข้างหนึ่งบดขยี้ยอดอก อีกข้างก็ช่วยรูดรั้งจุดกึ่งกลางลำตัวให้อีกฝ่าย เมื่อร่างบางเริ่มผ่อนคลายท่อนเนื้อของผมก็สามารถเข้าไปได้จนสุดลำ
“อืม เต็ม..”
ค่อยๆ วางร่างบนตักให้นอนหงายลงบนเตียงแล้วยกสองขาพาดไว้บนบ่าโดยที่ไม่ให้ส่วนที่เชื่อมต่อกันหลุดออก จากนั้นก็ขยับสะโพกเนิบนาบควบคู่ไปกับการจูบและเน้นคลึงหน้าอก
“อ๊ะ อ๊ะ”
ช่องทางอุ่นนุ่มตอดรัดจนผมแทบคลั่ง ผมเร่งจังหวะจนอีกฝ่ายร้องครางไม่ได้ศัพท์ ผิวขาวเนียนถูกย้อมเป็นสีแดงระเรื่อ ร่างบอบบางโยกไหวไปตามแรงกระแทก และเพื่อให้การสอดใส่ลึกล้ำยิ่งขึ้นผมจึงปรับเปลี่ยนท่วงท่าอีกครั้งโดยจับขาเรียวที่พาดบ่ากดเข้าหาอกบางแล้วแยกออกเป็นรูปตัววีจากนั้นผมก็โน้มตัวทับสะโพกลงไป ดวงตาของเราสบกัน
“ท เทมป์ อ๊ะ”
ร่างด้านล่างกรีดร้องกระเส่าสยิวเพราะท่วงท่าที่ทำให้ผมสามารถเข้าไปสำรวจอีกฝ่ายได้ลึกจนถึงจุดกระสัน ผมจูบซับหยดน้ำไหลกลิ้งจากดวงตาคู่สวยแล้วขยับโยกสะโพกไปพร้อมกัน
“รักเต็ม.. เทมป์รักเต็มใจ”
กระซิบคำรักจากใจก่อนจะโถมแรงขย่มให้ถึงจุดเสียว ร่างบอบบางบิดเร่าส่งเสียงครางสลับเรียกชื่อผมไม่หยุด ส่วนกลางลำตัวของอีกฝ่ายถูไถไปกับหน้าท้องของผมจนปลายยอดบวมแดงปริ่มน้ำจวนเจียนจะถึงฝั่งเต็มทนไม่ต่างกันกับผมที่ใกล้จะถึงสวรรค์ชั้นสุดอยู่รอมร่อ ผมจึงขยับลงลึกเน้นให้ถึงจุดซ้ำๆ กันหลายครั้งไม่นานนักคนใต้ร่างก็กรีดร้องลั่นฉีดน้ำสีขาวข้นออกมาเต็มหน้าท้องของผมในขณะที่ผมก็ปล่อยความสุขสมทั้งหมดเติมจนเต็มช่องทางรัก
หอบหายใจตั้งสติกันครู่หนึ่ง ผมจึงค่อยๆ ถอนกายออกน้ำรักมากมายไหลออกมาจากช่องทางสีหวาน ผมพรมจูบทั่วใบหน้าสีระเรื่อ ริมฝีปากที่ถูกบดขยี้จนแดงจัดระบายรอยยิ้มขบขัน
“ปล่อยมาซะเยอะเชียว”
“ความผิดใครล่ะ?”
จะโทษผมคนเดียวไม่ได้หรอกนะ ต้นเหตุที่ทำให้ผมกลายเป็นไอ้หล่อโคตรหื่นแบบนี้ก็มีแค่คนเดียวนี่แหละครับ ผมล้มตัวลงนอนตะแคงแล้วดึงร่างบางมากอดไว้ ฝ่ายนั้นยกขาข้างหนึ่งก่ายเอวของผม มือบางก็บดขยี้หน้าอกผมเล่นทำเอาลูกชายตัวโตที่เพิ่งออกรบกลับมาเบ่งกล้ามโชว์ความแข็งแรงอย่างรวดเร็ว
หน้าจอไอโฟนของเราทั้งคู่สว่างวาบพร้อมกัน ผมจึงเอื้อมหยิบของตัวเองขึ้นมาดู ออมกับดักแด้ส่งข้อความมาแซ็วเล็กน้อยและออมปิดท้ายด้วยประโยคที่ว่าให้ผมดูแลน้าเต็มของเธอดีๆ ส่วนดักแด้ก็ส่งสติ๊กเกอร์ไฟท์ติ้งมาให้ ผมส่งสติ๊กเกอร์
‘โอเค’ กลับไปแล้วเปลี่ยนไปหยิบไอโฟนของอีกฝ่ายก่อนจะปลดล็อคแล้วตอบพี่โบว์ไปว่า
‘ช้อปปิ้งให้สนุกนะครับ’อ่อ.. มัวแต่หลงเมียจนลืมบอกทุกคนไปเลยว่าตอนนี้เราอยู่ที่ฮ่องกงกันครับ หลังจากเสร็จงานหมั้นพวกเราก็รีบเคลียร์ภาระหน้าที่ทุกอย่างของตัวเองและหาวันว่างได้ตรงกัน 4 วัน จึงตัดสินใจมาเที่ยวฮ่องกงตามใจสาวๆ เขาหน่อย เรามาถึงที่พักเมื่อ 2 ชั่วโมงที่แล้ว ซึ่งในตอนนี้พี่ซัน พี่โบว์ ออมและดักแด้ ออกไปช้อปปิ้งกันส่วนผมกับเต็มใจก็...
“เราต้องรับผิดชอบร่วมกัน”
โทษฐานที่เราทั้งคู่ทุ่มเวลาให้กับการเรียนจนไม่ได้ทำกิจกรรมเข้าจังหวะเสียนานเพราะฉะนั้นเราต้องรับผิดชอบร่วมกันครับ คนฟังหัวเราะขำแต่ก็ยอมนอนในท่าคลานเข่าโดยใช้ศอกยันไว้กับเตียง ดวงตาคู่เรียวตวัดมองผมอย่างยั่วยวน ร่องรอยความรักจากรอบก่อนที่ไหลเยิ้มเต็มดอกตูมช่วยให้ความมโหฬารของผมแทรกผ่านเข้าไปได้ง่ายยิ่งขึ้น
“อืม”
ถ้าจะแน่นฟิตและตอดรัดขนาดนี้สงสัยผมคงต้องส่งข้อความไปให้ดักแด้ซื้อเครื่องดื่มบำรุงกำลังมาให้สัก 3-4 ขวดคงจะดีนะครับ แต่ถึงไม่ต้องใช้ตัวช่วยเรื่องแบบนี้ผมว่าผมอึดได้จนถึงยันเช้าเลยทีเดียว
.
.
.
.
เช้าวันถัดมากว่าจะลืมตาตื่นขึ้นก็เลยเที่ยงมาหลายสิบนาที ไม่ต้องตั้งคำถามนะว่าเสร็จไปกี่ยกและจบลงตอนกี่โมงกี่ยาม เพราะผมจะบอกอยู่นี่แหละว่าฝ่ายรุกอย่างผมหน่ะเกิน 3 ไปหลายยกแน่นอน ส่วนฝ่ายรับอย่านับเลยครับเอาเป็นว่าผมปรนเปรอซะจนน้ำแทบหมดตัว
นอนมองคนที่นอนคว่ำซุกอยู่ในอ้อมแขนของผมด้วยความรู้สึกหื่นกระหายอย่างกับคนโรคจิต ผิวขาวเนียนมีรอยจ้ำแดงที่ผมตีตราไว้แทบทุกพื้นที่ไม่เว้นแม้แต่แก้มก้นและขาอ่อนด้านใน ร่างกายนี้เป็นของผมและหัวใจของเจ้าตัวก็มีผมเพียงคนเดียวเท่านั้น แหน่ะ อิจฉาผมล่ะสิ
ระหว่างรอให้สุดสวาทขาดใจของผมตื่น ผมก็หยิบไอโฟนขึ้นมาเช็คข้อความ วันนี้ผู้ร่วมทริปคนอื่นๆ ออกจากที่พักตั้งแต่เช้าเพื่อข้ามไปเที่ยวฝั่งเกาลูน ผมไล่กดถูกใจรูปภาพของทุกคน จนมาหยุดตรงที่ภาพของพี่นาย คิ้วของผมขมวดเล็กน้อยพร้อมกับอ่านจุดที่พี่นายเช็คอินซ้ำไปซ้ำมา
“ดูอะไรอยู่?”
เสียงงัวเงียที่ดังขึ้นทำให้ผมต้องรีบละสายตาจากหน้าจอเครื่องมือสื่อสารแบบอัตโนมัติ ยิ่งได้เห็นคนเพิ่งตื่นยู่หน้าตอนขยับตัวก็ยิ่งดูน่ารักน่าฟัดเข้าไปใหญ่ ผมช่วยประคองร่างบางลุกขึ้นนึ่งพิงหัวเตียงท่าทางพิษรักของผมจะทำให้อีกฝ่ายระบมพอตัว ปัดปอยผมยุ่งเหยิงให้คนรักแล้วจูบรับขวัญอีกหลายม๊วฟ
“ยังไม่ตอบเลยนะ”
อ้าว เหรอ? มัวแต่จูบเพลินไปหน่อย ฮ่า
“พี่นายเขามาคุยงานกับลูกค้าที่ฮ่องกงแล้วเช็คอินที่โรงแรมนี้”
“หืม?”
ยื่นหลักฐานให้ดูว่าไม่ได้โกหก ฝ่ายนั้นก็พยักหน้าอืมๆ จากนั้นก็มองผมตาแป๋ว
“อยากอาบน้ำแล้วก็หิวด้วย”
“อ่อ.. รอแพร๊พนะจ๊ะที่รัก เดี๋ยวสามีจะไปเตรียมน้ำอุ่นให้ก่อน”
กระตือรือล้นอย่างไว แต่ก็ขอจูบหนักๆ อีกจ๊วฟใหญ่ก่อนจะรีบวิ่งเข้าเตรียมน้ำอุ่น แต่เพิ่งนึกได้ว่าเมื่อกี้คุณเมียบอกว่าหิวด้วยผมจึงวิ่งกลับมาคว้าโทรศัพท์กดเบอร์ภายในสั่งอาหารที่ดีที่สุดชุดใหญ่โดยเน้นย้ำว่าอีก 1 ชั่วโมงค่อยเอาขึ้นมาเสิร์ฟ เสร็จแล้วจึงเข้าไปเตรียมน้ำอุ่น จุดเทียนอโรมา แล้วออกมาอุ้มผู้บังคับบัญชาของนายกองทัพลงแช่น้ำในอ่างอย่างสบายใจ อยากให้นวด คลึง ลูบ ไล้ หรือถูไถตรงไหนแค่ออกคำสั่งมาพี่กองทัพจัดให้ได้หมดทุกกระบวนท่า แต่สุดท้ายไอ้น้องชายตัวโตของผมมันก็ไม่รักดีเบ่งกล้ามผิดที่ผิดเวลาผมจึงโดนไล่ให้รีบอาบน้ำแล้วออกมารอข้างนอกซะงั้น
อาหารมาส่งตรงเวลาเป๊ะครับ คนรักเดินกะเผลกออกมาจากห้องน้ำก็ยิ้มหน้าบานกับอาหารที่ผมเตรียมไว้ให้ ซึ่งล้วนเป็นอาหารขึ้นชื่อของเกาะฮ่องกง มีทั้งหมูหันห้าชั้นที่ย่างจนหนังกรอบเหลืองนวลและหอมเครื่องเทศ เสิร์ฟพร้อมกับมัสตาร์ดรสชาติเค็ม เปรี้ยว และเผ็ดนิดๆ เมนูถัดมาเป็นเนื้ออกวัวตุ๋นที่เคี่ยวในซอสสูตรพิเศษจนเปื่อยนุ่มและละลายเมื่อสัมผัสลิ้นซึ่งทางโรงแรมจัดบะหมี่หยกมาให้ทานคู่กันด้วย จานสุดท้ายเป็นก้านคะน้าผัดน้ำมันหอยดูธรรมดาแต่ความสดและกรอบของผักก็ถือว่ายอดเยี่ยม ส่วนของหวานเป็นขนมปังสัปปะรดสูตรลับของฮ่องกงเขาครับ ขนมปังอบจนแป้งด้านบนกรอบด้านในนุ่มกลิ่นหอมแตะจมูกมากๆ ถ้าให้เด็ดต้องทานคู่กับชานมที่ทั้งหอม หวาน และมัน นี่ผมอธิบายรายการอาหารละเอียดขนาดนี้คงไม่ต้องบอกหรอกนะครับว่าถูกใจและถูกปากคนกินขนาดไหน ถึงขนาดที่ผมยกหมี่หยกของตัวเองให้อีกฝ่ายไปแทบหมดถ้วย เข้าใจครับว่าคงจะหิวจริงๆ ก็ผมเล่นสูบพลังงานของอีกฝ่ายจนแทบจะหมดตัวนี่นา เห็นคนรักกินได้แบบนี้ผมก็อิ่มทิพย์แล้วล่ะครับ
“อิ่ม”
“ถ้าเต็มยังบอกว่าไม่อิ่ม เทมป์คงต้องยอมสละตัวเองให้เต็มกินแล้วล่ะ”
นี่ผมพูดจริงนะครับ ปั้นหน้าจริงจังด้วย
“โอ๊ย!”
ไม่พูดไม่จาแต่ยกขาถีบอย่างแรงแบบไม่ทันตั้งตัวแถมเฉียดกล่องดวงใจของไปนิดเดียว
“อย่าเล่นเสียวแบบนี้สิจ๊ะเมียจ๋า”
ทำหน้าออดอ้อนแล้วบีบเสียงเล็กให้ดูน่าเอ็นดู แต่ทำไมคนฟังเอาแต่นั่งขำละเนี่ย
“เลิกเล่นได้แล้ว เต็มอยากไปช้อปปิ้ง”
“รับบัญชาขอรับท่านผู้การ!”
ยืนตรงแอ่นอกตะเบ๊ะหนักแน่นให้ผู้บังคับบัญชา เจ้าตัวก็ยิ่งหัวเราะขำจนหน้าแดง คนเราเมื่อมีความสุขมันก็จะบ้าๆ บวมๆ แบบนี้หน่อยนึงโปรดอย่าถือสาหรืออิจฉาผมเลยนะครับ
กว่าจะแต่งตัวกันเสร็จเรียบร้อยก็เกือบบ่ายสามโมงเย็น เรานัดกับคนอื่นๆ ว่าจะเจอกันที่ห้างหรูย่านคอสเวย์เบย์ตอนบ่ายสี่โมงครึ่งเพื่อไปเดินช้อปปิ้งและหาอะไรอร่อยๆ ทานกัน แต่ตอนนี้ผมว่าผมไม่อยากจะไปไหนแล้วล่ะครับ
“เป็นอะไร?”
คนถามเลิกคิ้วแล้วเอียงคอน้อยๆ มองผมด้วยความสงสัยกับอาการหน้านิ่วคิ้วขมวดของผม ก็จะไม่ให้ผมทำหน้าดุได้ยังไง ดูคนตรงหน้าของผมซะก่อนแต่งตัวน่ารักสัส! แบบนี้จะปล่อยให้เดินออกจากห้องไปได้ง่ายๆ นะเหรอ แล้วเสื้อหน่ะคอจะคว้านลึกไปไหน กางเกงอีกถ้าจะสั้นโชว์เรียวขาขาวขนาดนี้ก็อยู่แต่ในห้องจะดีกว่ามั๊ย?
“เสื้อนี่ตอนซื้อไปแย่งกับใครมารึเปล่าคอถึงได้ย้วยขนาดนั้น แล้วกางเกงอะหนูแทะรึไงถึงได้ขาดจนเลยเหนือเข่าขึ้นนมาซะเยอะเชียว”
ดวงตาคู่เรียวเบิกกว้างมองผมยังกับเพิ่งเคยพบเจอความหล่อระดับนี้เป็นครั้งแรก พูดเรื่องจริงแล้วมาทำเป็นอึ้ง ริมฝีปากสีกลีบซากุระขยับอ้าแล้วหุบเหมือนปลาทองขาดน้ำอยู่อย่างนั้นจนผมต้องเป็นฝ่ายพูดเอง
“ถ้าอยากจะไปช้อปปิ้งก็เปลี่ยนเสื้อผ้าซะ”
พูดเด็ดขาดหน้านิ่งๆ แบบนี้แหละครับ พูดเสร็จก็ไปนั่งรอที่โซฟา มองอีกฝ่ายเดินขมวดคิ้วตีหน้ายุ่งแบบที่นานทีปีหนจะได้เห็นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างว่าง่าย ไม่นานก็เดินมายืนตรงหน้าผมคล้ายเด็กน้อยให้ผู้ใหญ่ตรวจการแต่งกาย เสื้อยืดสีขาวทับด้วยเสื้อเชิ้ตกำมะหยี่สีเหลื่อมใส่คู่กับกางเกงวอร์มขายาวสีแดงแถบขาว รองเท้าผ้าใบสีดำ อืม.. ไม่น่าเชื่อว่ารวมกันบนร่างบอบบางแล้วจะดูดีมากขนาดนี้ ผมเชื่อแล้วล่ะครับว่าเต็มใจเป็นผู้ชายที่ใส่อะไรก็ดูดีและยิ่งดูดีมากเมื่อไม่ใส่อะไรเลย
ยักคิ้วให้เป็นอันว่า
‘ผ่าน’ แล้วยกขึ้นโอบไหล่คนรักอย่างอารมณ์ดี แม้จะแอบได้ยินเสียงประชดเบาๆ ว่า
‘ตาแก่เอ้ย!’ แต่ก็ไม่ทำให้ผมสะเทือนได้หรอกครับ ฮ่า
น้องไอโฟนในกระเป๋าของผมสั่นครืดๆ ขณะที่กำลังยืนรอลิฟท์ หยิบขึ้นมาดูชื่อผมก็กดรับทันที
“ครับพี่นาย”
[คุณแม่บอกพี่ว่าตอนนี้นายอยู่ฮ่องกง]
“ใช่ครับ ผมกับเพื่อนๆ มาถึงเมื่อวาน แล้วพี่นายล่ะครับ?”
[มาคุยงานกับลูกค้า ถึงเมื่อเช้าและจะกลับคืนนี้]
“กลับคืนนี้เลยเหรอครับ?”
ประตูลิฟท์เปิดพอดี ผมกุมมือบางไว้แล้วก้าวเข้าไปในลิฟท์ด้วยกัน
[อืม.. แล้วตอนนี้นายอยู่ไหน?]
ผมหันไปมองคนที่กำลังสนใจตัวเลขที่ไล่ระดับลดลงเรื่อยๆ
“ผมกับเต็มกำลังจะออกไปเที่ยวครับ แล้วตอนนี้พี่นายอยู่ไหนเหรอครับ?”
พี่ชายเงียบไปครู่หนึ่ง แว่วได้ยินเสียงผู้หญิงลอดเข้ามาในสาย
[มาเจอพี่ที่ล็อบบี้]
สั้นง่ายได้ใจความและสายก็โดนตัดไป คำถามหนึ่งผุดขึ้นในหัว
‘พี่นายรู้ว่าผมพักอยู่โรงแรมนี้?’ แต่ก็คงจะไม่แปลกเพราะพี่นายคงจะรู้มาจากคุณแม่
ผมเผลอถอนหายใจขณะเก็บไอโฟนใส่ลงไปในกระเป๋ากางเกง ทำให้คนที่ยืนอยู่ข้างๆ เลิกคิ้วแล้วเอียงคอมองผมด้วยความสงสัยปนแปลกใจแต่ก็ไม่ได้เอ่ยถามอะไรออกมาหรือต่อให้ถามผมก็คงจะไม่มีคำตอบใดๆ เพราะผมเองก็ยังไม่เข้าใจความรู้สึกของตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงได้รู้สึกอึดอัดขึ้นมาอย่างน่าประหลาด เจ้าของดวงตาคู่เรียวที่มองผมอยู่วาดรอยยิ้มสดใสและกุมมือผมแน่นขึ้นราวกับว่าต้องการจะแบ่งเบาความหนักอึ้งใจหัวใจของผม
อย่างที่ผมเคยบอกครับว่าความสัมพันธ์ระหว่างผมกับพี่ชายนั้นเป็นไปอย่างปกติตามประสาพี่น้อง เพียงแต่ช่วงระยะหลังมานี้พี่นายเองก็ยุ่งกับงานจนผมแทบจะจำไม่ได้ว่าได้นั่งทานข้าวและคุยเล่นกับพี่ชายครั้งสุดท้ายคือเมื่อไหร่
ผมกับพี่ชายไม่เคยมีเรื่องขัดแย้ง ขัดใจ หรือทะเลาะกันเลยสักครั้ง พี่นายพลเป็นพี่ชายที่ดีแม้จะไม่ได้เติบโตมาด้วยกันและความสนิทสนมของเราก็อาจจะมีไม่เท่าคู่พี่น้องทั่วไปสักเท่าไหร่แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหาของพวกเรา พี่นายเป็นผู้ชายที่แม้จะเพลย์บอยไปหน่อยแต่ด้วยความเป็นคนที่มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดีและด้วยบุคลิคที่ดูสบายๆ จึงสามารถดึงดูดลูกค้าได้มาก แตกต่างจากผมที่ถ้านิ่งเมื่อไหร่คงมีแต่คนวิ่งหนี
“พี่นายรอเราอยู่ที่ล็อบบี้”
“อ่อ”
คนฟังพยักหน้าหงึกหงัก และประตูลิฟท์เปิดก็เปิดออกพอดี
“ยังพอมีเวลา แต่เดี๋ยวเต็มไลน์ไปบอกเพื่อนๆ ก่อนละกัน”
พูดจบเจ้าตัวก็หยิบไอโฟนมาพิมพ์ข้อความ ผมจึงหันมองไปรอบๆ พี่นายนั่งอยู่ในคอฟฟี่ช้อปและกำลังมองมาทางผมแต่ผมเลือกที่จะรอให้คนรักพิมพ์ข้อความคุยกับเพื่อนๆ เสร็จก่อนแล้วจึงค่อยเดินไปหาพี่ชายพร้อมกัน
“ฮ้ายยย เท้มม!”
เดินเข้ามาในร้านก็มีสาวหัวทองตะโกนเรียกจนคิ้วของผมกระตุก สาบานได้ว่าผมไม่เคยรู้จักผู้หญิงผมทองคนนี้มาก่อน และที่สำคัญก็คือผมไม่เคยอนุญาตให้ใครมาเรียกชื่อเล่นของผมแบบนี้
“ฮาย ลิซ่า”
เฮ้ย! คนที่ทักสาวสวยหมวยอึ๋มหัวทองกลับไปไม่ใช่ผมนะครับ แต่เป็นเมียของผมต่างหาก สาวหมวยโผเข้ากอดสุดที่รักของผมทั้งตัวชนิดที่ว่าหน้าอกหน้าใจเบียดเสียดแนบเนื้อ แค่นั้นยังไม่พอยังมีหอมแก้มซ้ายขวากันอีกหลายฟอดชนิดที่ว่าต่อหน้าต่อตาไม่มีเซ็นเซอร์สักนิด
ร่างกายไวเท่าความคิด ผมจับแขนบางดึงออกจากการจู่โจมเนื้อนมไข่แล้วเปลี่ยนมาอยู่ในอ้อมแขนของผมแทน ส่งสายตาดุให้รู้ว่าไม่พอใจเป็นอย่างมากแล้วจึงเดินไปหาพี่นายโดยไม่สนใจผู้หญิงที่ยืนทำหน้าเหวอแบบอึ้งๆ
“สวัสดีครับพี่นาย”
พี่นายรับไหว้ จากนั้นคนเป็นพี่ก็แนะนำผมให้รู้จักกับผู้หญิงรุ่นราวคราวแม่ที่นั่งอยู่ข้างๆ กัน
“นี่กองทัพน้องชายของผมครับ และนี่คือคุณโชติกา วองส์ กรรมการผู้จัดการฝ่ายการตลาดของบริษัทวองส์กรุ๊ป และนี่ลูกสาวของเธอคุณลิซ่า วองส์”
เราทั้งคู่ยกมือไหว้ฝ่ายตรงข้ามแต่ดูเหมือนว่าคุณโชติกาจะไม่ได้สนใจว่าผมมีตัวตนอยู่ตรงนี้ ดวงตาที่กรีดกรายคู่นั้นจ้องมองเต็มใจแบบไม่วางตา
“เคยได้ยินลิซ่าพูดถึงบ่อยๆ เพิ่งจะได้เจอตัวจริง คุณเต็มใจหล่อเหลาและมีสเน่ห์เกินกว่าที่ฉันคิดไว้จริงๆ”
“ขอบคุณครับ คุณโชติกาเองก็ยังสวย นี่ถ้าไม่บอกว่าเป็นคุณแม่ของลิซ่าผมเองก็คงไม่เชื่อ”
เต็มใจคงจะพูดจาเข้าหูคนฟัง ฝ่ายนั้นจึงหัวเราะชอบใจด้วยท่าทางเขินอาย ส่วนแม่สาวเนื้อนมไข่ก็ใช้สะโพกดินระเบิดเบียดเข้ามานั่งแทรกระหว่างผมกับเต็มหน้าตาเฉย
“เชิญคุยกันตามสบายก่อนนะครับ เดี๋ยวผมขอไปทำธุระกับกองทัพสักครู่”
อ้าวเฮ้ย! เห็นอยู่ว่าผมไม่สามารถปล่อยแมวไว้กับปลาย่าง เฮ้ย! ปล่อยเมียไว้กับผู้หญิงสายแข็งคนนี้ได้แล้วทำไมพี่นายถึงยังได้มาดึงผมออกไปแบบนี้ล่ะครับ ผมรีบส่งสายตาขอความเห็นใจจากพี่ชายแต่คนเป็นพี่ก็ทำเป็นไม่สนใจ ดังนั้นก่อนจะลุกตามพี่นายไปผมหันไปคาดโทษคนรักไว้ให้รู้ตัวไว้ตั้งแต่ตอนนี้เลยว่าผัวไม่พอใจมาก!
เดินตามพี่นายมาจนถึงมุมหนึ่งของล็อบบี้ พี่นายยืนไขว้มือไว้ด้านหลังและหันหน้ามองถนนหน้าโรงแรม มองจากมุมนี้พี่นายดูเหมือนคุณพ่อมาก จะต่างกันก็ตรงที่ความหนุ่มแน่นฉายชัดมากกว่า ผมเดินเข้าไปยืนข้างๆ พี่ชายและเหลือบมองเล็กน้อย ฝ่ายนั้นไม่ได้หันมามองผม ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะที่ผมรู้สึกว่าเราสองคนพี่น้องมีช่องว่างห่างกันจนแทบจะเอื้อมไม่ถึงขนาดนี้
“คุณโชติกาแต่งงานกับมิสเตอร์แดเนียล กรรมการผู้จัดการใหญ่ของบริษัทว๊องส์กรุ๊ป และด้วยความสามารถของเธอทำให้ทีมผู้บริหารตลอดจนผู้ถือหุ้มของบริษัทไว้วางใจให้เธอให้ดูแลฝ่ายการตลาด ซึ่งตอนนี้ทางบริษัทมีแผนจะเปิดตัวเครื่องใช้ในครัวเรือนชุดใหม่ และยังไว้วางใจให้บริษัทของเราเป็นคนทำโฆษณาให้”
ได้แต่ฟังเงียบๆ ครับไม่มีข้อสงสัยหรือต้องการจะซักถามใดๆ เพราะผมเองก็เคยได้ยินชื่อเสียงของบริษัทว๊องส์กรุ๊ปอยู่บ้างว่าเป็นอันดับหนึ่งในด้านเครื่องใช้ในครัวเรือน
“พี่มาฮ่องกงรอบนี้เพื่อจะคุยงานกับคุณโชติกา”
พี่นายหันมามองผม ใบหน้าที่มีส่วนผสมของคุณพ่อและคุณแม่เหน็บยิ้มตรงมุมปาก เรามองตากันและมันก็ทำให้ผมมีความรู้สึกคล้ายกับว่าผมไม่เคยรู้จักคนตรงหน้ามาก่อน
“คุณลิซ่าเป็นลูกสาวคนเดียวของคุณโชติกากับมิสเตอร์แดเนียล เธอเป็นนางแบบชื่อดัง ดังนั้นเธอจึงเป็นพรีเซ็นเตอร์หลักในครั้งนี้ แต่เธอมีเงื่อนไขว่าพรีเซ็นเตอร์ที่จะคู่กับเธอต้องเป็น
‘เต็มใจ ฉัตรรักษ์บริบูรณ์’ เท่านั้น”
บางทีผมก็เกลียดความฉลาดของตัวเองนะครับ พี่นายยังไม่ทันจะพูดจบผมก็เดาความหมายได้หมดแล้ว
“น้องชายของพี่ไม่ใช่คนโง่ พี่พูดขนาดนี้คงจะพอเข้าใจแล้วใช่มั๊ย.. นี่เป็นโปรเจคใหญ่ของพี่ หากพี่ทำมันสำเร็จคุณพ่อคงจะพอใจเป็นอย่างมาก”
“ครับ”
ที่ตอบรับนี่คือเข้าใจว่างานชิ้นนี้สำคัญกับพี่นายมาก
“เอาล่ะ พี่จะขอพูดตรงๆ เลยละกัน ว่าพี่อยากจะให้นายช่วยพูดกับเต็มใจให้พี่ด้วย ก็แค่ร่วมงานกับคนรักเก่างานโฆษณาคงไม่ได้เสียหายอะไร อีกอย่างดูจากที่ทั้งคู่ได้เจอกันเมื่อครู่ก็พอจะดูออกว่าเมื่อก่อนคงจะรักกันน่าดู”
อืม.. นี่ผมไม่ได้คิดไปเองใช่มั๊ยครับเนี่ยว่าพี่นายจงใจเน้นคำว่าคนรักเก่า และเน้นท้ายประโยคเป็นพิเศษ ผมมองหน้าพี่ชายแท้ๆ ของตัวเองอย่างตั้งใจ พยายามค้นหาพี่ชายที่แสนดีในความทรงจำแต่ทำไมมันช่างลางเลือนเหลือเกิน
“ผมเข้าใจครับว่างานนี้สำคัญสำหรับพี่นายมาก แต่เกี่ยวกับเรื่องเต็ม.. ผมไม่สามารถตัดสินใจแทนเขาได้จริงๆ ครับ”
“พี่ก็แค่คนยืนคุย.. ส่วนนายคนนอนคุย แค่เอาใจสักนิดสักหน่อยคงจะยอมแล้วละมั้ง”
คิ้วของผมกระตุกแทบจะทันที นี่ถ้าไม่ใช่พี่ชายในสายเลือดผมได้ตั๊นหน้าไปสักหมัดสองหมัดให้เลือดได้กบปากไปนานแล้ว
“ต่อให้นอนคุยกันถึงเช้าผมก็คงจะช่วยพี่นายไม่ได้จริงๆ ต้องขอโทษด้วยนะครับ”
สะกดอารมณ์แล้วหันหลังกลับ ผมรู้ว่าพี่นายคงจะโกรธผมมากแน่ๆ และยังรู้อีกว่าไม่กี่นาทีหลังจากนี้คุณแม่คงจะได้โทรมาโวยวายใส่ผมแน่นอน เอาเป็นว่าผมจะพยายามสงบสติอารมณ์อย่างถึงที่สุดแล้วกันนะครับ
กลับมาที่ร้านคอฟฟี่ช็อปแค่มองจากด้านนอกเห็นภาพคู่รักเก่ากำลังหัวเราะคิกคักก็ทำเอาผมแทบคลั่งอีกรอบ ผมจึงตัดสินใจเดินไปกดลิฟท์กลับขึ้นห้องแทน ยังไม่ทันจะแตะคีย์การ์ดปลดล็อคประตูห้อง ไอโฟนของผมก็กรีดร้องขึ้นมาเสียก่อน ผมหยิบมาดูชื่อหน้าจอก็ได้แต่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ คิดไว้ไม่มีผิดว่าคุณแม่จะต้องโทรมาแน่นอน แต่ผมไม่พร้อมจะรับสายท่านจริงๆ ครับ ผมจึงปล่อยให้มันดังอยู่อย่างนั้นจนเงียบไปเองแล้วก็ปิดเครื่องไปเลย
ทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาแล้วหลับตาครู่ใหญ่เพื่อให้อารมณ์ค่อยๆ ไต่ลงสู่ระดับปกติ เมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้งเสียงกริ่งหน้าห้องก็ดังขึ้น ผมจึงลุกขึ้นไปปลดล็อคประตูแล้วเดินกลับมานั่งที่เดิมโดยไม่คิดจะมองหน้าอีกฝ่าย และเจ้าตัวก็คงจะจับอารมณ์ของผมได้จึงเลือกที่จะเงียบแล้วเดินมานั่งบนโต๊ะตรงหน้าของผม ชนิดที่ว่าเผชิญหน้ากันตรงๆ
“ลิซ่าเป็นแฟนคนที่เท่าไหร่?”
คนถูกถามเอียงคอทำท่าคิดเล็กน้อย แต่สุดท้ายคำตอบก็มีเพียงรอยยิ้มที่เหมือนเด็กน้อยส่งมาให้ผมเท่านั้น
“คำถามยากไปใช่มั๊ย? งั้นถามใหม่ ที่ผ่านมาเต็มมีแฟนมาแล้วทั้งหมดกี่คน?”
“เรื่องนี้มันสำคัญกับเทมป์เหรอ?”
“จะไม่สำคัญได้ไงล่ะวะ แหกตาดูบ้างว่าแต่ละคนไม่ใช่ย่อยทั้งนั้น เลือกสเป็คนิสัยผู้หญิงได้แมร่ม!”
จะพูดคำหยาบออกมาก็กระดากปากเหลือเกินครับ เดี๋ยวจะหาว่าผมเป็นผู้ชายปากจัดด่าผู้หญิงอีก ฝ่ายตรงข้ามทำท่าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะมองหน้าผมแล้วพยักหน้างึมงำแถมยังทำตาปริบๆ
“อืม.. แต่คนปัจจุบันเด็ดสุด”
อ่าว.. เหี้ย พูดแบบนี้ไปต่อไม่ถูกเลยสิครับ แล้วยังมานั่งทำหน้าทำตาเป็นเด็กน้อยไร้เดียงสาอีก
“พี่นายขอให้เทมป์ช่วยพูดเรื่องงานโฆษณาใช่มั๊ย?”
“อืม”
“ก็ถ้าจะให้เต็มรับงานคู่ก็ได้อยู่นะ แต่เทมป์ก็ต้องมาคู่กับเต็มสิ ต่อให้เป็นถ่ายหนังเรทอาร์เต็มก็รับนะขอแค่ต้องคู่เทมป์คนเดียว”
อื้อหือ พูดออกมาด้วยเสียงเนิบนาบไม่มีท่าทีเดือดร้อน แถมยังขยิบตาให้ผมอีกต่างหาก เจอแบบนี้แล้วผมจะไปทางไหนต่อดีล่ะครับ ผมต้องยกธงขาวยอมแพ้แล้วล่ะ ฝ่ายชนะแอบหรี่ตามองผมพร้อมกับอมยิ้ม
“ไปช้อปปิ้งพรุ่งนี้ก็ได้ ยังไงซะง้อแฟนก็สำคัญกว่า”
ยิ้มหวานอย่างเดียวไม่พอยังลุกขึ้นถอดเสื้อผ้าตัวเองเสร็จสรรพเล่นแบบนี้น้องชายของผมก็ลุกขึ้นมายืนตัวตรงเลยทีเดียว เอาเป็นว่าเหตุการณ์ต่อจากนี้ผมขอเซ็นเซอร์ไว้ละกันนะครับ แต่ที่แน่ๆ ผมต้องจัดหนักเอาให้น็อคหลับไปเลยคอยดูสิ!
.
.
.
.
.
.
.
.
TBC....