แอ๊บที่ 19: ก็อย่ามาจิ๊จ๊ะให้มันมากไป
“มึง...พี่แมนเขายังไม่ยอมให้มึงกลับไปนอนที่ห้องอีกเหรอ?”
นักศึกษาเอกดนตรีเงยหน้าขึ้นมาจากกีตาร์ที่กำลังฝึกซ้อมอยู่มองเพื่อนสาวคนพี่ที่ถามขึ้น ก่อนจะพยักหน้ารับอย่างเนือยๆ จริงๆ ก็ไม่รู้หรอกว่าเขายอมให้กลับไปนอนหรือยัง? แต่สืบเนื่องจากสถานการณ์เมื่อเย็น...ยังไงคืนนี้แยกกันอีกสักคืนจะดีกว่า
หลังจากพี่แมนดึงเขามากอดเมื่อตอนเย็น เจ้าตัวก็ไม่พูดอะไรอีกเลย รวมทั้งไม่ยอมลงไปเตะบอลกับแก๊งค์เพื่อนๆ อีก ได้แต่นั่งดูอยู่ข้างสนามอย่างเหม่อๆ จนกระทั่งพี่ๆ ทั้งแก๊งค์เขาต้องกลับไปทำงานกันต่อนั่นแหละ ทั้งสามคนจึงได้กลับหอมาก่อน
“อย่าคิดมากเลยมึง...นะ”
แฝดคนน้องเดินเข้ามาโอบไหล่เพื่อแล้วโยกตัวปลอบเหมือนคุณแม่ คนถูกปลอบหัวเราะหึๆ ก่อนจะพยักหน้ารับอีกครั้งเบาๆ แล้วปล่อยให้สองสาวเขาดูรายการเชฟกระทะเหล็กกันต่อ ในขณะที่ตัวเองก็เกาคอร์ดกันเหงามือต่อไป
<RRRRrrrrr>
เอ็มหยิบไอโฟนขึ้นมาดูสายเข้าและก็รู้สึกดีใจวูบขึ้นมาทันที มองเวลาแล้วพี่เขาคงเพิ่งกลับถึงหอ
“ฮัลโหล”
‘อืม...ทำไรอยู่?’
“ซ้อมกีตาร์ครับ...พี่แมนอาบน้ำยัง?”
‘ยัง’
เอ็มทำหน้ายู่ทั้งที่ปลายสายมองไม่เห็น
“ซกมกจัง อาบน้ำซะสิครับ”
‘ยังไม่ถึงหอเลย’
เอ็มเลิกคิ้ว ทำสีหน้าแปลกใจ
“อยู่ไหนแล้วครับ?”
‘...........’
“พี่แมน?”
‘อยู่ใต้หอมึง’
“ห๊ะ?”
คนป่วยผุดลุกขึ้นอย่างตกใจ จนสองสาวที่กำลังดูเชฟในทีวีเลาะเนื้อจระเข้อยู่ต้องเบนความสนใจมามอง
‘กูมารับ...กลับห้องกันนะ’
พอได้ยินดังนั้น เอ็มก็รับคำแล้วเก็บของเท่าที่จำเป็นวิ่งลงมาข้างล่างทันที ไฟด้านล่างของหอเพื่อนหญิงเปิดสว่างไสวไม่ได้น่ากลัว แต่ก็เงียบมากเพราะเวลานี้คนก็อยู่ในหอ หรือไม่ก็ยังไม่กลับจากแหล่งอโคจรแถวนี้กัน คนตัวบางยืนพิงฟีโน่คันโปรดอยู่หน้ามินิมาร์ท พอเห็นหน้าคุณแฟนก็ก้าวขึ้นรถสตาร์ทเครื่องรอให้อีกฝ่ายมาซ้อนอย่างรู้งาน
แกนคณะฯบิดฟีโน่ออกจากหอเพื่อนหญิงไปเงียบๆ ไม่ได้มีคำพูดอะไรให้เมียรักจวบจนถึงห้องหอของตนเอง พี่แมนเดินนำอีเอ็มมี่เข้าลิฟต์ขึ้นสู่ชั้นเจ็ดอันเป็นที่พำนักได้โดยสวัสดิภาพ พอเข้ามาถึงพี่แมนก็เข้าห้องน้ำชำระร่างกายแล้วออกมามองกะเทยร่วมห้องที่ปูที่นอนบนพื้นเตรียมตัวนอน
“มึง...นอนพื้นไม่ปวดหลังเหรอ?”
เอ็มทำหน้าไม่เข้าใจ ถ้าจำไม่ผิดคุณพี่เป็นคนไล่กระผมลงมานอนเองนะครับ?
“ก็มีบ้างอ่ะ”
“เหรอ?”
พี่แมนรับคำเสียงเรียบๆ เอ็มก็เลยล้มตัวลงนอนไม่ได้นึกเอะใจอะไร พอหลับตาไปได้สักพักใหญ่เห็นไฟยังไม่ปิดก็เลยลืมตาขึ้นอีกครั้ง จึงได้เห็นเจ้าของห้องนั่งห้อยขาอยู่บนเตียง ดวงตากลมโตจับจ้องมาทางเขา ทำท่าเหมือนจะพูดอะไรสักอย่างแต่ก็ไม่พูด ยิ่งพอเห็นเขาลุกขึ้นนั่งก็ทำสีหน้าเหมือนดีใจอะไรสักอย่าง
เอ็มล้มตัวลงนอนโดยที่ยังไม่ละสายตาไปจากหน้าพี่แมน เจ้าตัวทำสีหน้าเหมือนเสียดายนิดๆ พอเอ็มลุกขึ้นนั่งอีกหน พี่แมนก็ทำตาเป็นประกายจนน่าขย้ำ
กูว่ากูรู้ละ...
“พี่แมน...นอนด้วยได้ไหมอ่ะ?”
คนถูกร้องขอทำหน้าเหมือนกลั้นยิ้ม
“ก็เอาสิ”
พอได้ดั่งใจ พี่แมนก็ล้มตัวนอนชิดริมหนึ่งของเตียงแคบๆ เหลือที่ไว้ให้อีกคนมานอนด้วย เสียงสวิตซ์ไฟปิดลงตามด้วยสัมผัสยวบลงของพื้นที่ข้างเคียง คนนอนก่อนหลับตารออยู่พักใหญ่ ไอ้คนข้างตัวก็นิ่งไปเสียเฉยๆ แกนคณะคนดีเลยต้องชะโงกหน้ามามองเมียรักที่หลับไปโดยไม่มีสัญญาณใดๆ อีก
พี่แมนจิ๊ปากอย่างไม่พอใจ ก่อนจะล้มตัวลงนอนอีกครั้ง นอนเตียงเดียวกันแท้ๆ หันหลังให้กันแบบนี้หมายความว่าไงวะ? หน้าสวยๆ ยู่ลงอย่างขุ่นข้อง เหลียวหน้ามองอีกครั้งก็ไม่เห็นว่าเมียรักจะมีทีท่าอยากจะเข้ามาคลอเคลียเหมือนทุกที
“...............”
“หือ?”
เอ็มที่เคลิ้มใกล้หลับสะดุ้งเบาๆ เมื่อวงแขนเล็กๆ ของอีกคนบนเตียงวาดโอบเอวหนาไว้ ใบหน้าของแกนคณะจอมโหดซุกซบอยู่กับแผ่นหลังกว้างของคุณแฟน เอ็มนอนนิ่งปล่อยให้คนข้างกายซบอยู่พักใหญ่ก่อนจะถอนหายใจแล้วลุกขึ้นเปิดโคมไฟที่หัวเตียง
“พี่แมน...”
คนถูกเรียกลุกขึ้นนั่งบนเตียง ก้มหน้านิ่ง หลุบสายตาลงต่ำไม่ยอมเงยขึ้นมองคนเรียก
“คิดมากเหรอ?”
พี่แมนส่ายหัวตอบ แต่ยังคงก้มหน้าอยู่อย่างนั้น เอ็มเลยสรุปเอาเองในใจว่าคำตอบคือใช่นั่นแหละ
“กู...กลัวมึงคิดมาก”
“..............”
แกนคณะคว้ามืออีกฝ่ายไปคลึงเล่นเหมือนพยายามเบี่ยงจุดสนใจหรือทำอะไรสักอย่างเพื่อให้หลุดพ้นจากบรรยากาศเงียบๆ ที่พุ่งตรงมาหาแต่ตัวเอง
“มึงรู้ใช่เปล่าว่ากู...รักมึงอ่ะ”
แม้สามคำหลังจะเบาไปหน่อยแต่มันชัดเจนมากในห้องที่เงียบขนาดนี้ เอ็มผุดยิ้มบางๆ เพราะไม่บ่อยนักที่จะได้ยินคำบอกรักจากพี่แมน
“รู้ครับ...รักพี่แมนเหมือนกัน ที่ผมถามพี่แมนว่าอายไหม? ผมไม่ได้น้อยใจ...จริงๆ ก็นิดหน่อยนั่นแหละ แต่ผมเป็นห่วงความรู้สึกพี่แมนมากกว่านะครับ รู้ไหม?”
หัวกลมๆ ส่ายไปมาจนยุ่งเหยิง ดูแล้วน่ารักดีแต่ก็น่าตีไม่หยอก
“มึงอย่าน้อยใจสิ”
เสียงนั้นแข็งเกินกว่าจะเรียกว่าขอร้อง แต่ก็อ่อนเกินกว่าจะเรียกว่าคำสั่ง
“...ห้ามได้ด้วยเหรอครับ?”
ดวงตากลมโตที่ถอดคอนแทคเลนส์แล้วเงยมองหน้าเมียรักเป็นครั้งแรกเมื่อได้ยินคำพูดไม่เข้าหู แก้มป่องๆ แบบนั้นมันน่าหอมซ้ายหอมขวาให้ช้ำนักเชียว
“ผมดีใจนะที่พี่แมนเป็นห่วงความรู้สึกผมอ่ะ...แต่ก็ไม่อยากให้พี่แมนคิดมากนะ ผมบอกแล้วว่ารอได้ ก็หมายความตามนั้นจริงๆ”
พอพูดเสียงอ่อนโยนด้วยหน่อย แกนคณะในร่างแมวเหมียวก็กลับไปก้มหน้าเล่นมือคนอื่นอีกรอบ เห็นแบบนั้นแล้วมันอดวางมือบนหัวกลมๆ แล้วขยี้ไปมาเบาๆ เหมือนปลอบเด็กไม่ได้จริงๆ
“ลามปาม”
พี่แมนปัดมือออก ว่ากล่าวด้วยน้ำเสียงไม่จริงจังนัก แต่ก็มิวายทั้งเกาทั้งคลึงมือคนอื่นเขาต่อไปโดยไม่คิดจะปล่อยให้เจ้าของเขาได้ปลีกตัวไปนอน
“พี่แมน...”
“หือ?”
“ง่วงยัง?”
“อื้ม”
อื้ม...แต่ก็ไม่ปล่อย
“พี่แมน...อยากจูบอ่ะ”
มือที่เขี่ยคลึงอยู่เมื่อครู่ชะงักกึก คนตัวบางเงยหน้ามองเมียรักอย่างหวาดระแวง
“นะ?”
มึงอย่าอ้อนด้วยตาลูกหมาแบบนั้นเสะ!
เอ็มถือว่าขออนุญาตแล้วยังไม่โดนเตะกลิ้งลงไปกองกับพื้นก็แปลว่าสามารถทำได้ เพราะจะให้พี่แมนเอ่ยปากตรงๆ ว่า ‘เอาเลย กูอนุญาต’ เห็นทีชาตินี้คงจะไม่ได้ทำในสิ่งที่อยาก...
“จูบนะ?”
มิวายย้ำอีกทีเพื่อความแน่ใจในสวัสดิภาพ เวลาขัดใจพี่แมนโมโหร้ายแรงแค่ไหน เฝือกที่คอนี่ก็เป็นหลักฐานชั้นดี
“จิ๊...ถามมากว่ะ”
แปลสารนั้นได้อีกทีว่า ‘เออ...อนุญาต!’ กะเทยเสิ่นเจิ้นเลยได้รางวัลค่าน้อยใจเป็นจูบนิ่มๆ หวานๆ จากท่านแกนคณะ ยิ่งพี่แมนเงยหน้าหลับตาพริ้มไม่ท้วงติง รสชาติละมุนติดปลายลิ้นมันก็ยิ่งหวานซ่านจนหยุดไม่ได้ ปลายลิ้นชื้นเกี่ยวกระหวัดรัดพันกันไปมาอย่างสัมพันธ์ กว่าความหวามไหวจะดำเนินมาสู่จุดยุติได้ก็เล่นเอาหอบหายใจกันไปทั้งคู่
“อืม...”
“พี่แมน...อยากทำอ่ะ”
“ไม่ได้!”
คราวนี้พี่แมนปฏิเสธทันควัน คนที่แอบหวังอยู่นิดๆ ก็หน้าม่อยทันตา
“...อึดอัดอ่ะ”
พี่แมนมองต่ำลงไปสู่จุดอึดอัดที่เมียรักว่า ก่อนจะรีบหันหน้าหนีเกี่ยวผมตัวเองทัดหูเผยแก้มแดงเรื่อเหมือนสีมะเขือเทศ
“ไปทำในห้องน้ำไป”
คนหน้าบางเอ่ยปากไล่
“พี่แมนอ่า...จะไม่ให้จริงๆ เหรอ? ไม่สงสารเค้าเหรอ?”
“จิ๊...พรุ่งนี้กูมีเรียนนะ”
“งั้นคืนวันศุกร์ได้ใช่ป่ะล่ะ?”
คนป่วยต่อรอง
“เสาร์อาทิตย์กูทำละคร”
“งั้น 7 วันก็ทำไม่ได้เลยอ่ะดิ!”
เอ็มทำเสียงเหวี่ยง หน้างอง้ำเป็นม้าหมากรุกโดนตื้บ
“จิ๊...ก็บอกว่าละครจบก่อนไง!”
ไม่รู้ว่าวันนี้พี่แมนจิ๊ปากไปกี่ครั้งแล้ว แต่ถือว่าครั้งนี้เอ็มได้กำไรสุด ตุ๊ดจอมปลอมทำตาวาว ยิ้มกว้างปากแทบถึงไส้ติ่งอย่างมีความหวัง
“จริงนะ? หมดละครแล้วทำได้จริงนะ?”
“ฮื่อออออ”
แกนคณะโยกตัวหลบอาการเซ้าซี้พร้อมทำเสียงให้รู้ว่ากูรำคาญ
“สัญญาก่อนเร็ว”
“เซ้าซี้ว่ะ เข้าห้องน้ำไปเอาลูกมึงออกได้แล้วไป กูง่วง!!”
พูดจบ พี่แมนก็ล้มตัวนอนห่มผ้าแทบมิดเป็นสัญญาณว่าไม่ต้องรับรู้สรรพเสียงเซ้าซี้ใดๆ อีก แต่ถึงอย่างนั้นก็มิอาจบั่นทอนความร่าเริงของเอ็มที่ลุกขึ้นไปเขียนรูปหัวใจสีแดงแบบเด่นๆ เน้นๆ บนปฏิทินในวันสุดท้ายของการแสดงละครเวทีสถาปัตย์เพื่อเตือนตาเตือนใจทั้งตัวเองและคนร่วมห้อง ก่อนจะเข้าไปปฏิบัติกิจผ่อนคลายความอึดอัดอยู่ครู่ใหญ่ แล้วค่อยกลับออกมาล้มตัวนอนลงบนเตียงเคียงข้างใครอีกคนที่คงหลับไปก่อนแล้ว
จุ๊บ!
“ฝันดีนะครับ...สุดโหดของผม”
เอ็มเก็บกำไรสุดท้ายของคืนนี้ก่อนจะสวมกอดเอวบางไว้จากทางด้านหลังอย่างแนบชิด แล้วผล็อยหลับไปอย่างรวดเร็วเนื่องจากเลยเวลานอนของตัวเองมามากแล้ว แต่ก่อนที่การรับรู้จะหมดไป...เขาก็ยังได้ยินเสียงส่งเข้านอนจากคนในอ้อมได้อย่างชัดเจนแม้มันจะแผ่วเบา
“ฝันดีเหมือนกัน...อีหื่นของกู”
โปรดติดตามแอ๊บต่อไป