ตอนที่ 20 : ห้างแตก...ผมก็ตัวแตก 100%
“ขอเสียงปรบมือให้มิสเตอร์เอส หรือจิระด้วยค่า!”
เสียงกรีดร้องและปรบมือดังสนั่น ผมค่อยๆ แงะตัวเองออกจากตู้โชว์ ไม่ลืมคว้าเอาโทรศัพท์ที่วางอยู่บนนั้นติดมือมาด้วย
“แนะนำตัวกันหน่อยสิคะ”
“สวัสดีครับ ผมจิระ หรือที่รู้จักในบทของมิสเตอร์เอสครับ” ผมมืออ่อนเป็นทุนเดิม พอไหว้ก็เลยก้มตัวโค้งอ่อนน้อมสี่สิบห้าองศาพอดีเป๊ะ
“ตัวจริงสุภาพน่ารักกว่าที่เห็นนะคะเนี่ย ตอนแรกฉันติดตามซีรีส์เช็กเมทเพราะอัครเดช แต่พอได้ดูตอนล่าสุดที่เพิ่งออกฉายไปทำเอาผันตัวเป็นแฟนคลับมิสเตอร์เอสแทบไม่ทันเลยค่ะ”
“ขอบคุณครับ” ผมยิ้มหวาน เรียกเสียงกรี๊ดรับเป็นระยะ
“ตอนได้รับเลือกเป็นพรีเซนเตอร์รู้สึกยังไงบ้างคะ”
“ผมรู้สึกดีใจมากครับ เพราะผมเองก็เป็นดาราหน้าใหม่ การถูกเลือกให้เป็นพรีเซนเตอร์โทรศัพท์รุ่นดังขนาดนี้นับว่าเป็นโอกาสครั้งสำคัญที่ไม่ต้องคิดก็ตกปากรับทันทีเลยครับ”
อย่า...อย่าคิดว่าทำไมตัวกระผมนั้นถึงได้พูดจาสุภาพอ่อนน้อมถ่อมตนได้กระชับสั้นไม่ยืดเยื้อ นี่น่ะ...เป็นบทที่คุณสันเขียนให้ผมท่องมาตั้งแต่สามวันก่อน จริงจังยิ่งกว่าตอนท่องบทเข้ากองซะอีก!!
“ปากหวานจริงๆ เชียว แล้วคุณจิระประทับใจอะไรในโทรศัพท์รุ่นนี้บ้างคะ”
“ครับ...ผมชอบฟังชั่นที่มีการแสกนม่านตาและ...”
ท่องยาวกันไปกับการขายของ พยายามพรีเซ็นท์สินค้าสุดชีวิต พอไล่จบตามสคริปก็โล่งอกโล่งใจเป็นอย่างมากจนเผลอลูบอกถอนหายใจเฮือก เรียกเสียงปรบมือและเรียกชื่อให้กำลังใจจนหลุดยิ้มซื่อเซ่อผิดภาพลักษณ์อย่างจัง
ผมรีบเปลี่ยนมายิ้มมั่นใจแบบจิระ โชคดีที่พิธีกรไม่ทันสังเกต เพราะคิวต่อไปคือการจับฉลากผู้โชคดีขึ้นมาเล่นเกมแข่งกับมิสเตอร์เอส โดยมีวอยเชอร์เงินสดมูลค่ากว่าหนึ่งพันบาทเป็นรางวัล
งานดำเนินไปอย่างราบรื่น จนจบงานหลายคนก็ยังไม่แยกย้ายเพราะผมถูกนักข่าวดึงตัวมาสัมภาษณ์ตรงแท่งโชว์โทรศัพท์ที่ผมต้องเอาของมาวางคืน
“ตอนถ่ายทำโฆษณาเกิดอุบัติเหตุขึ้นจริงใช่มั้ยคะ”
“มีคนบอกว่าคุณได้รับบาดเจ็บ ไม่ทราบว่าแจ้งอาการได้มั้ยคะ”
“ตอนนี้ตามจับคนทำได้รึยังคะ”
“คิดเห็นอย่างไรกับแอนตี้แฟนคนนั้นคะ”
เอาแล้วไง ความดีที่ทำมาเป็นต้องโดนกลบหมดด้วยเรื่องที่ผมไม่อยากจะนึกถึง
สายตาสอดส่ายมองหาใครบางคน ก่อนหยุดตรงที่ร่างในชุดสูทซึ่งยืนห่างออกไปข้างๆ กับพี่เบิ้มแถวทางหนีไฟ
“ผมได้รับบาดเจ็บแค่เล็กน้อยครับ เหมือนแมวข่วนเลย แต่ทุกคนตื่นตูมไปเอง เลยโดนสั่งหยุดงานชั่วคราว” ผมตอบทั้งรอยยิ้มนางงามที่โดนคุณสันเคี่ยวเข็ญอย่างดี คำถามนี้ใช่ว่าจะไม่ได้เตรียมตัวมาก่อนสักหน่อยนี่ พี่เลี้ยงเด็ก เอ๊ย เลขาของเสี่ยคนนั้นน่ะรอบคอบจะตายไป ไม่ปล่อยให้ผมมาฆ่าตัวตายกลางห้างดังได้หรอก “สำหรับแอนตี้แฟนคนนั้น ผมไม่ได้แจ้งความครับ ผมถือเป็นความรับผิดชอบของตัวเองที่ต้องระวังตัว และจะพยายามทำงานให้ดีที่สุด ให้สมกับที่แฟนคลับให้กำลังใจและสนับสนุนมาตลอดครับ”
เสียงตะโกนเรียกชื่อมิสเตอร์เอสดังรับคำนั้นอย่างประจวบเหมาะ
“แหม กำลังใจล้นเหลือเลยนะคะนี่ แล้วนอกจากโฆษณาสองตัวที่เปิดตัวไล่เลี่ยกันแล้วยังมีผลงานอะไรใหม่อีกมั้ยคะ”
“มีงานถ่ายแบบนิตยสารที่กำลังจะออกเดือนหน้าครับ ขอฝากด้วยนะครับ” ผมตอบโดยไม่ลืมทิ้งท้ายตามหน้าที่ “แล้วอย่าลืมติดตามซีรีส์เช็กเมทด้วยนะครับ”
“จะมีตอนเฉพาะของมิสเตอร์เอสอีกรึเปล่าคะ”
“คนร้ายคนเก่าจะกลับมาอีกมั้ย”
“มิสเตอร์เอสจะมีโอกาสได้รับบทเด่นกว่านี้มั้ยคะ”
“ผมขอให้ทุกคนติดตามชมเองดีกว่าครับ ขอบคุณครับ” ผมยกมือไหว้แล้วรีบเดินหลบไปด้านหลังเวที เปลี่ยนเสื้อกลับเป็นชุดธรรมดา ยกมือไหว้ผู้จัดงานและ สตาฟฟ์ก่อนจะเดินสะพายเป้ใบโปรด สวมวิกสีดำที่ไอ้น้องชายเคยซื้อมาให้ จัดทรงให้หน้าม้าปรกตานิดๆ ทับด้วยแว่นตากรอบดำอีกที ก่อนจะเดินเนียนๆ ก้มหน้าก้มตาขึ้นชั้นบนสุด
เสี่ยนั่งรออยู่ตรงเก้าอี้หน้าโรงหนัง ไขว่ห้าง หลังเหยียดตรง ตาจ้องมาตรงบันไดเลื่อนไม่กะพริบ ทำเอาคนที่เดินขึ้นมาพลอยรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ กันในหลายๆ ความหมาย ผมหลุดยิ้ม เดินเข้าไปนั่งตรงข้ามเสี่ย
พอมีเสี่ยช่วยดึงดูดสายตาเลยแทบไม่มีใครสนใจผมเลย
“พี่เบิ้มล่ะครับ”
“เดินเล่น” เสี่ยตอบอย่างไม่ใส่ใจ ก่อนจะส่งตั๋วหนังให้ผมสองใบ เป็นหนังซอมบี้ภาคต่อชื่อดังที่ผมอยากดูมาก ใช่แล้วครับ พวกเราวางแผนเดตครั้งที่สองกันในห้าง ก็นานๆ จะได้ออกมาทั้งที ผมเลยชวนเสี่ยดูหนังด้วยกันซะเลย
ตอนแรกเสี่ยเก๊กพอเป็นพิธี แต่สุดท้ายก็ตกลง ไม่สิ ออกจะกระตือรือร้นมากๆ ด้วยซ้ำ
ผมซื้อป็อปคอร์นแล้วรีบเดินเข้าโรงตั้งแต่โฆษณายังไม่ทันเริ่มฉาย เสี่ยจองที่นั่งฮันนีมูนแบบโซฟาสำหรับสองคนด้านหลังสุด สะดวกสบายไม่ต้องกลัวคนจับสังเกต พอไฟดับ ผมก็ถอดวิกออก ตัวเอนพิงไปทางเสี่ย หยิบป็อปคอร์นเข้าปากตัวเองสลับกับป้อนแฟนเป็นระยะ เพราะเขากลัวมือเลอะ!
กลัวมือเลอะไม่ว่า...แต่ไอ้ลิ้นน่ะอย่าเลียจะได้มั้ย!
ผมศอกใส่เสี่ยเป็นครั้งที่สามเมื่อถูกกัดนิ้วเบาๆ แถมเสี่ยยังเลียปลอบใจอีก ครั้งแรกยังพอเข้าใจว่ามันมืด มองไม่เห็น เลยกะจังหวะกินป็อปคอร์นไม่ถูก แต่พอเกิดซ้ำก็ชักมั่นใจว่าเขาจงใจนี่หว่า!
“เสี่ย อย่ากินนิ้วผมสิ” ผมปรามคนที่ตั้งใจดูหนัง แต่สมาธิดันจดจ่อกับการขบนิ้วแฟน ขนาดรีบป้อนรีบชักมือออกยังจะตามงับทันอีก เชื่อเขาเลย “เป็นซอมบี้รึไงเนี่ย”
“งับ งับ”
เสี่ยโคตรเด็ก อะไรคือการตอบรับโดยการอ้าปากงับๆ ผมหมั่นไส้เลยยัดป็อปคอร์นใส่ปากเสี่ยทั้งกำมือ เล่นเอาเขาสำลักพรวด
“เฮ้ย ผมขอโทษ” ผมกระซิบพลางช่วยลูบหลังคนแก่กว่า ตกใจจนป็อปคอร์นพุ่ง ตลกชะมัด
แม้ในโรงจะมืด แต่ผมคล้ายจะเห็นเสี่ยส่งสายตาคาดโทษให้
“โอ๋ๆ ดูหนังกันนะครับ” ผมนั่งพิงไหล่เสี่ยเหมือนเดิม หยิบป็อปคอร์นเข้าปากตัวเองสลับกับป้อนเสี่ย แม้จะโดนเขาทั้งเลียทั้งขบทั้งกัดก็ว่าอะไร เพราะพอหนังเริ่มเข้าสู่ช่วงไคล์แมกซ์ ทั้งผมทั้งเสี่ยก็มัวแต่ลุ้นจนลืมกินไปเลย
หลังหนังจบ พวกเรารอให้ทุกคนในโรงลุกออกไปก่อน ผมถึงค่อยสวมวิก แล้วเดินจูงมือกับเสี่ยออกมาเป็นคู่สุดท้าย แต่พอออกมาข้างนอกก็รีบปล่อยมือ ไม่ใช่อะไร ผู้ชายสองคนจูงมือกันมันเด่น กลัวโดนถ่ายรูปแล้วไปโป๊ะแตกว่าเป็นจิระจะซวยเอา
ดูหนังจบพวกเราก็รีบเดินไปที่รถ พี่เบิ้มนั่งรออยู่ฝั่งคนขับแล้ว พอประตูปิดสนิท เสี่ยก็คว้ามือผมไปจับ ประสานนิ้วแนบแน่นอย่างแสดงความเป็นเจ้าของ
“หิวรึยัง”
“นิดหน่อยครับ” ผมลูบท้อง “ป็อปคอร์นมันพองอยู่ในท้อง จะบอกว่าหิวก็หิวไม่สุด แต่จะบอกว่าอิ่มก็ไม่ใช่เหมือนกัน ถ้าเป็นพวกอาหารจานเดียวยังพอไหว แต่ถ้าเสี่ยสั่งกับข้าวสามสี่อย่างเห็นจะไม่รอด”
“ไม่เป็นไร กว่าจะไปถึงร้านอาหารที่ฉันจองไว้ก็หิวพอดี” เสี่ยดื้อดึง เขาพยายามจะพาผมไปร้านอาหารโปรดให้ได้ เนื่องในโอกาสเราครบกันครบ...สามวัน
“แล้วถ้าผมยังไม่หิวล่ะ”
“...งั้นแวะข้างทางให้ฉันกินเธอก่อนมั้ย” เสี่ยพลิกมือผมขึ้น ใช้ฟันกัดเบาๆ ตรงปลายนิ้ว
ผมงี้สยิวไปทั้งตัว
“กินแบบคนปกติเถอะครับ ผมขอล่ะ”
แทบจะยกมือไหว้ คุยกับเสี่ยแล้วทั้งสุขทั้งขำทั้งขนลุกเป็นพักๆ ผมไม่ค่อยซีเรียสเรื่องเซ็กซ์ อาจเพราะยังรู้สึกตงิดๆ กับร่างกายที่ไม่ใช่ของตัวเอง แต่เสี่ยคงจะบันเทิงมาก ถึงได้หาเรื่องมุดโปงอยู่เลย แล้วไอ้จิทำไงได้ นอกจากเคลิ้มตามอย่างเดียว
ก็ยังดีที่ครั้งนี้เสี่ยแค่ล้อเล่น
แต่กลับบ้านไปน่าจะเอาจริง จิตรินฟันธง!
------------
ช่วงนี้ให้เสี่ยได้ใจไปก่อนค่ะ ตอนนี้น้องเริ่มดังแล้ว เรื่องของธนัทก็ยังไม่เคลียร์ สรุปว่า...ค่ะ เสี่ยกำลังจะโดนตัดบท
เสี่ย : นี่ฉันเป็นพระเอกหรือตัวประกอบกันแน่
จิ : เป็นพระเอกสิครับ เป็นพระเอกที่...ผ่านมายี่สิบตอนแล้วนักอ่านยังจำชื่อไมได้เลย
#ฝอยตกเสี่ย
เพจนักเขียนที่บันเทิงกับการทับถมเสี่ย