{{ I'm Not Him }} เขาให้ผมเป็นดารา - ตอนพิเศษเฉพาะกิจ [P.48 - 26/6/61]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: {{ I'm Not Him }} เขาให้ผมเป็นดารา - ตอนพิเศษเฉพาะกิจ [P.48 - 26/6/61]  (อ่าน 252922 ครั้ง)

ออฟไลน์ myd3ar

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-4
สนุกมากค่า เสี่ยนี่คิดว่าน้องจิเรียกร้องตลอดเนอะ

ออฟไลน์ Paracetamol

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 660
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +39/-2
สนุกมากเลย จิเท่ห์มากกกก

ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4
รอตอนต่อค่ะ

ออฟไลน์ YounIn

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1524
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-8
สนุกดีๆ

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
เท่เนอะ

ออฟไลน์ Minty

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 743
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
สนุกมากกก ชอบๆ :katai2-1:

ออฟไลน์ Red_sister

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 440
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-2
สนุกกกก ชอบนิยายอ่านเบาสบายสมองง

ออฟไลน์ kaokorn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 903
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-2
สนุกมากฮะ ถึงจะไม่มีบทพระ-นายคู่กันมากๆ แต่กลับสนุกสนาน น่าติดตาม อ่านได้รื่นไหล
ชอบมากๆเลยฮะ ถ้ายังไง ขอให้ลงให้จบนะฮะ ไม่อยากค้างคากับตอนจบของเรื่อง
ขอบคุณล่วงหน้าฮะ  :L2:

ออฟไลน์ มาจะกล่าวบทไป

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +666/-7
    • เพจ 'มาจะกล่าวบทไป'


ตอนที่ 9 : ตัวปลอมของมิสเตอร์เอส

ผลตอบรับของซีรี่ส์ดังกระฉูดฉุดไม่อยู่

ไม่ว่าจะเป็นเรื่องพระเอกที่มีฉากโชว์ซิกแพคตอนเปลี่ยนเสื้อ ไม่ว่าจะเป็นนางเอกสาวสวยที่สุดท้ายกลายเป็นผู้ร้ายและโดนจับไปซะอย่างนั้น ไม่ว่าจะเป็นการไขคดีที่ชิงไวชิงพริบ และแน่นอนว่า...มิสเตอร์เอสเองก็เป็นที่พูดถึงสุดๆ!

ใครคือมิสเตอร์เอส?

เพียงข้ามคืน ชื่อของจิระก็ถูกเสิร์ชหามากที่สุด แต่แทบไม่มีใครหาข้อมูลเจอ เพราะจิระไม่เคยถ่ายภาพลงเฟสบุ้ค แถมเฟสของเขาก็ล็อกส่วนตัวซะด้วยสิ ทวิตเตอร์เองก็ไม่เล่น อินสตาแกรมอย่าพูดถึง เรียกว่าจิระไม่เคยมีภาพหลุดในโซเชี่ยลเลย

ยกเว้นก็แต่...

ภาพตอนเป็นเด็กเสิร์ฟที่ร้านเหล้าโอบีวาย แต่ถึงจะเป็นแค่ไม่กี่ภาพ แถมบางรูปยังไม่ชัด ก็ทำให้โลกโซเชี่ยลปั่นป่วนด้วยความอยากรู้ ประวัติของจิระนั้นคลุมเครือและไม่ค่อยเป็นที่พูดถึง ช่างคล้ายคลึงกับมิสเตอร์เอสที่ยังไม่เปิดเผยประวัติในซีรี่ส์เลยนี่นา! ไปๆ มาๆ คนที่ชื่นชมในมิสเตอร์เอส ก็หลงใหลในจิระ ถึงขนาดนำตัวละครนั้นมาปนกับชีวิตจริง เชื่อว่าจิระนั้นมีนิสัยเหมือนกับที่แสดงออกไป

ทั้งที่...แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง!

“ผมอยากให้คุณตั้งเฟสบุ้คใหม่สำหรับการเป็นนักแสดงโดยเฉพาะ แต่ไม่ต้องอัพรูปมากหรอกนะครับ ตอนนี้กระแสของคุณกำลังดังมากเพราะเล่นกับความอยากรู้อยากเห็นของคน ยิ่งหาไม่ได้ก็ยิ่งต้องการ ฉะนั้นหลังเปิดแอดเคาท์ใหม่ คุณควรจะลงภาพโปรไฟล์แค่ภาพเดียว จากนั้นก็เว้นช่วงนานๆ ในการลงแต่ละภาพ ให้คนกระหาย มีอาการลงแดงเป็นพักๆ ยิ่งเว้นนานแล้วลงรูปก็จะยิ่งได้รับการสนใจ ต่อให้ลงซ้ำเวลาเดียวกับอัครเดช คุณก็จะเป็นที่พูดถึงมากกว่าเพราะเป็นของหายาก!”

คุณสันกลายเป็นผู้จัดการส่วนตัวอีกคนของผมที่ควบคุมการกระทำทุกอย่าง ผมเลยยกให้ผู้ถือแอดเคาท์ของจิระเป็นคุณสันซะเลยจะได้จบเรื่องจบราว

“ตอนนี้มีโฆษณาติดต่อเข้ามา ผมคิดว่าเราควรจะรับไว้เพราะตอนนี้เป็นช่วงขาขึ้น ยิ่งหารูปคุณในโซเชี่ยลไม่ได้ การถ่ายทำโฆษณาออกทีวีก็ยิ่งมีแต่จะทำให้ผลตอบรับออกมาดีเป็นเท่าตัว ผมคัดงานที่เข้ากับคาเรคเตอร์ของมิสเตอร์เอสเพื่อไม่ให้หลุดกรอบความต้องการของลูกค้าให้คุณเลือกสามชิ้น นอกนั้นผมปฏิเสธไปหมดแล้วเพราะไม่เหมาะกับสถานการณ์ตอนนี้”

“คุณสันครับ” ผมมองแฟ้มสามแฟ้มซึ่งมีรายละเอียดงานโดยไม่คิดเปิดอ่าน

“ครับ”

“แล้วคุณสันไม่ต้องทำงานกับเสี่ยเหรอครับ หน้าที่คัดงาน เป็นของพี่เบิ้มไม่ใช่เหรอ”

“การทำประโยชน์ให้บริษัทคืองานของผมครับ การติดตามเสี่ยเป็นหน้าที่ แต่เสี่ยมีเลขาหลายคน ทำให้ผมสามารถควบคู่ทำงานให้คุณได้ จิระถือเป็นทรัพย์สินที่มีค่าของบริษัทเรา ผมจะต้องคุมภาพลักษณ์ของคุณตั้งแต่แรกเพื่อชื่อเสี่ยงที่ยั่งยืนในอนาคต อีกอย่างเสี่ยก็มีบิ๊กอีกคน...น้องชายของเบิ้มน่ะครับ อายุเท่ากับคุณจิ หมายถึงจิตรินนะครับ”

พี่ชื่อเบิ้ม น้องชื่อบิ๊ก

เข้าคู่กันสุดๆ ไปเลย

“คุณสันอยากจับจิระเป็นดารานานแล้วสินะครับ”

“ถ้าคุณจิต้องเจอหน้าจิระทุกวัน และทำงานในบริษัทเอนเตอร์เทนเมนต์ที่ต้องเจอคนหลากหลาย แต่ก็ยังเห็นว่าจิระนั้นดูดีที่สุด คุณจะไม่รู้สึกเสียดายและต้องการเหรอครับ”

“เอ่อ ผมเข้าใจแล้วครับ” ผมยอมแพ้กับความกระตือรือร้นจนเกินเหตุของคุณสัน ก่อนจะหยิบงานขึ้นอ่านรายละเอียด ตัวแรกเป็นโฆษณาโทรศัพท์รุ่นใหม่ เข้ากับมิสเตอร์เอสที่ต้องตามทันเทคโนโลยี เนื้อหาอิงกับตัวซีรี่ส์ น่าจะเป็นการจับมือร่วมทุนกับสปอนเซอร์เพื่อยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว นั่นคือมิสเตอร์เอสที่ออกจากห้อง (สักที) เป็นฝ่ายโดนไล่ล่า จนต้องหาทางหนีโดยใช้สินค้าแทนคอมพิวเตอร์เครื่องประจำ

โฆษณาตัวที่สอง เป็นโฆษณาเครื่องนอน...แม้ฉากสุดท้ายของมิสเตอร์เอสจะเป็นที่พูดถึงมาก แต่ยอดวิวเฉพาะฉากตอนตื่นนอนและบิดขี้เกียจนั้นทะลุหลักล้านเข้าไปแล้ว บ่งบอกว่าท่าลืมตาสลึมสลือนั้นน่าสนใจไม่แพ้กัน พลอตคร่าวๆ คือมิสเตอร์เอสที่เพิ่งทำภารกิจสำเร็จกำลังจะเดินมานอนโซฟา แต่เกิดลังเลขึ้นมาแล้วไปนอนเตียงแทนเพราะผ้าปูนั้นนุ่มและสบายกว่ามาก

โฆษณาตัวที่สาม ไม่สิ นี่ไม่ใช่โฆษณา แต่เป็นการถ่ายแบบเสื้อผ้าลงนิตยสาร เจ้าของแบรนด์เล็งเห็นว่ามิสเตอร์ชอบใส่เสื้อเก่าๆ ซ้ำๆ เดิมๆ เลยคิดอยากแปลงโฉมใหม่โดยที่ผมยังต้องคงคาเรคเตอร์มิสเตอร์เอสไว้ อารมณ์เหมือนจับขอทานไปใส่สูท คาดว่าจะต้องทำให้แฟนคลับตกตะลึงและชื่นชอบมากๆ แน่นอน

ทั้งสามงานน่าสนใจมาก ไม่มีเหตุผลให้ต้องปฏิเสธ

“นับจากนี้ตารางงานจะมีการปรับเปลี่ยนและแน่นขึ้น คุณจิคงต้องลดเวลาไปฟิตเนสหน่อยนะครับ”

“ไม่เป็นไรครับ จัดตามที่คุณสันเห็นสมควรได้เลย” แม้ไม่คิดว่าจะจับพลัดจับพลูโด่งดังชั่วข้ามคืน แต่ผมเองก็ชอบความตื่นเต้นท้าทาย ไม่อย่างนั้นคงไม่เป็นสตั้นท์แมน พอเห็นงานน่าสนใจก็อยากลองอยู่เหมือนกัน

“แล้วก็...”

ตอนนี้พวกเราอยู่ในร้านกาแฟของบริษัท ซึ่งจำกัดให้เข้าเฉพาะดาราในสังกัดเท่านั้น

“วันนี้จะเป็นการถ่ายทำสำหรับซีรี่ส์ในตอนที่หก คุณจิพร้อมนะครับ”

สองเดือนที่ผ่านมาก่อนตอนแรกฉาย ทางกองได้ถ่ายทำตุนไว้ก่อนห้าตอนเพื่อดูกระแส ตัดตอนใส่ซีจีเสร็จเรียบร้อยพร้อมออนแอร์ทันที และในเมื่อผลตอบรับของมิสเตอร์เอสออกมาดีเกินคาด พลอตยาวสองตอนจบที่ผมเคยคิดและเสนอผู้เขียนบทจึงถูกหยิบยกมาใช้ หากสามารถตัดต่อได้ไว ก็อาจจะแทรกฉายก่อนได้เลย

คนร้ายที่มีลักษณะคล้ายมิสเตอร์เอส...หลอกให้พระเอกและคนดูสับสนว่ามิสเตอร์เอสทรยศหรือไม่!

“ไม่ต้องห่วงหรอกครับ”

การถ่ายทำที่ผ่านมา ผมเจอนักแสดงแค่พระเอกคนเดียวเท่านั้น แต่ในวันนี้จะเจอเด็กคนเดิมที่ควรได้รับบทมิสเตอร์เอส คุณสันเลยกังวล เพราะกระแสออกมาดีขนาดนี้ ไม่รู้ว่าฝ่ายนั้นจะยิ่งแค้นผมรึเปล่า

“ถ้าต้องกังวลว่าจะโดนใครหมั่นไส้บ้างจนไม่เป็นตัวเอง ผมก็ไม่ใช่จิตรินสิ!”

เมื่อได้เวลา พี่เบิ้มที่ยืนรออยู่หน้าร้านกาแฟไม่อยากขัดขวางการคุยของผมกับคุณสันก็เดินเข้ามาตามเพราะใกล้เวลาไปสตูดิโอชั้นสี่แล้ว คาดว่าทั้งคู่คงคุยเรื่องงานใหม่ทั้งสามงานก่อนจะมานัดเจอผมซะอีก เพราะคุณสันส่งแฟ้มให้พี่เบิ้มถือแล้วบอกเรื่องวันเวลาเซ็นสัญญา ราวกับว่าหากผมปฏิเสธก็เตรียมตัวที่จะเกลี้ยกล่อมให้รับงานให้ได้

หลังแยกกับคุณสัน ผมกับผู้จัดการจำเป็นก็ขึ้นไปที่กองถ่าย หลังผ่านมาสองเดือน ผมสนิทสนมกับทุกคนมาก โดยเฉพาะกับโปรดิวเซอร์ ผู้กำกับ คนเขียนบท และช่างแต่งหน้าในกองที่ออกจะเอ็นดูจิระเป็นพิเศษ เพราะแทบไม่ต้องแต่งเพิ่มอะไรเลย

“ดังใหญ่แล้วสิเรา” พี่ช่างแต่งหน้าพูดชมอย่างภูมิใจประหนึ่งเห็นจิระเป็นลูกชายสุดที่รักที่พอมีคนชมก็พลอยปลื้มไปด้วย “ขอลายเซ็นหน่อยสิจ๊ะมิสเตอร์เอส เอ๊ย น้องจิ”

“ผมยังไม่ได้ฝึกเซ็นเลยครับ” ผมหัวเราะ “ว่าแต่ผมต้องเซ็นตัวเอสหรือตัวเจล่ะเนี่ย”

“ถ้าคิดไม่ออกก็เซ็นมาสองอย่างเลยก็ได้จ้ะ พี่จะเอาไปประมูล”

“โห พี่ ใครจะซื้อ”

“กระแสมิสเตอร์เอสฟีเวอร์กำลังมา ถ้าจะขายก็ต้องตอนแฟนคลับหน้ามืดตามัวนี่ละ เอ้า เร็วๆ สิ”

“ลายมือผมเหมือนไก่เขี่ยหน่อยนะครับ ขนาดตอนไปเรียนครูยังเคยซื้อสมุดคัดลายมือมาให้ผมโดยเฉพาะเลย บอกว่าทำเพื่อครูเถอะ ไม่งั้นครูคงตรวจการบ้านผมไม่ได้” ผมพูดหลังโดนยัดเยียดกระดาษและปากกาใส่มือ คาดว่าถ้าไม่เซ็นให้ พี่ช่างแต่งหน้าก็คงไม่ปล่อยผมออกจากห้องแต่งตัว

“ต๊าย ว่าที่แพทย์ของไทย”

“ไม่ไหวๆ ไอ้จิไม่อาจเอื้อมถึงขั้นนั้นหรอกคร้าบ” ผมหัวเราะเริงร่า หลังเซ็นเสร็จก็มองซ้ายมองขวา หาเป้าหมายที่ไม่ยักจะเจออย่างที่คิด “แล้ว...เขาล่ะครับ”

“มาเข้ากองก่อนทุกคนเชียวล่ะ แต่งหน้าทำผมเรียบร้อยแล้ว นั่งรออยู่ข้างนอกนู้นน่ะ”

“ขอบคุณครับ” ผมยกมือไหว้ทุกคนก่อนจะขอตัวเดินหาเด็กคนนั้น ไปเจอเอาตรงมุมห้องที่ค่อนข้างปลีกวิเวก เขาสวมเสื้อตัวเดียวกับผม ทำทรงเดียวกัน แต่งหน้าคล้ายกัน แต่ถึงอย่างนั้นก็เป็นคนละคนกันอยู่ดี

เด็กหนุ่มกำลังท่องบทอย่างขะมักเขม้น เห็นความตั้งใจนั้นแล้วผมก็อดชื่นชมไม่ได้ แม้จะแปลกใจว่าทำไมถึงไม่เข้าหาคนอื่นๆ ไม่รู้ว่าเพราะเสียหน้าที่ถูกตัดบทรึเปล่า ทั้งที่ไม่มีใครโทษว่าเป็นความผิดของเขาแท้ๆ

การถ่ายทำในวันนี้มิสเตอร์เอสจะมีบทเยอะกว่าตอนอื่นๆ และเป็นการถ่ายยาวรวดเดียวสองตอน เพราะทั้งผมและเด็กคนนี้ยังไม่มีคิวงานแทรก ซึ่งตั้งแต่อาทิตย์หน้าเป็นต้นไป ผมจะกันคิวยากขึ้นกว่าเดิม

ส่วนพลอตคร่าวๆ ของตอนนี้ผมภูมิใจนำเสนอมาก เพราะช่วยกันคิดกับคนเขียนบท เด็กคนนั้น จะรับบทเป็นนักรับจ้างอัจฉริยะที่เก่งด้านการปลอมเสียง เขาเลียนเสียงพระเอกเพื่อหลอกมิสเตอร์เอสจนถูกทำร้ายหมดสติ จากนั้นจึงสวมรอยเป็นมิสเตอร์เอสเพื่อหลอกพระเอกอีกต่อ แทนที่จะได้ทางหนีทีไล่ เลยกลายเป็นยุให้พระเอกเดินหากับดัก โดนกลุ่มคนร้ายอีกกลุ่มที่ไม่ถูกกันในคดีก่อนจับตัวไปง่ายๆ และเกือบฆ่าทิ้ง

โชคดีที่สายลับผู้หญิงที่เคยมีบทในตอนที่สามซึ่งหลงรักพระเอกไปช่วยทัน ทำให้พระเอกรอดตายมาได้หวุดหวิด ก่อนที่ทั้งคู่จะมาช่วยมิสเตอร์เอสซึ่งถูกจับ โดยที่ตัวปลอมหลบหนีไปได้

การถ่ายทำจะแบ่งเป็นสองตอน ผมจะได้แสดงแค่ในตอนที่สองเท่านั้น เพราะตอนแรกจะเน้นถ่ายตัวปลอมโดยให้แสดงเหมือนเป็นมิสเตอร์เอส มุมกล้องจะทำให้ดูลึกลับหรือมีเงาบังหน้าให้น่าสงสัยว่าเป็นคนเดียวกันหรือคนละคน และจะจบในตอนที่พระเอกโดนล้อม โดยทิ้งความสงสัยให้คนดูว่ามิสเตอร์เอสหักหลังพระเอกหรือไม่

พอขึ้นตอนที่สอง จะเป็นการเฉลยว่าเป็นคนละคนกัน โดยจะเริ่มย้อนในช่วงที่ตัวปลอมหลอกมิสเตอร์เอสแล้วจับไปขังไว้ที่ห้องใต้ดิน นับเป็นฉากปะทะคารมระหว่างผมกับเด็กคนนั้นโดยเฉพาะ เอาจริงๆ นะ ผมค่อนข้างกลุ้มใจเพราะบทมิสเตอร์เอสนั้นถือว่าแสดงง่าย แค่เดินๆ นั่งๆ พูดเสียงเรียบเรื่อยติดขี้เกียจหน่อยๆ แล้วเน้นหน้าตาให้ดูดีก็ฉลุยแล้ว พอต้องมาแสดงอารมณ์กรุ่นโกรธเพราะโดนสวมรอยไปหลอกพระเอก ผมเลยไม่มั่นใจ อย่างไรซะผมก็แค่มือสมัครเล่นเมื่อเทียบกับนักแสดงจริงๆ

ฉะนั้นคนที่ควรกลุ้มน่ะไม่ใช่เขา แต่เป็นผมต่างหาก!

“คัต!”

ไม่รู้ว่าเพราะเกร็งเกินไปรึเปล่า นับตั้งแต่เริ่มถ่ายฉากในตอนแรก เด็กคนนั้นก็โดนสั่งคัตยกใหญ่

อย่าเพิ่งสงสัยว่าแล้วผมมาทำอะไร มานั่งดูงั้นหรือ ขอตอบเลยว่าใช่ เพราะเด็กคนนี้จะต้องสวมรอยตั้งแต่แรก เพื่อโดยไม่ให้คนดูจับได้ ผมเลยต้องเป็นคนแสดงไกด์ก่อนว่าจะออกท่าทางอย่างไร แล้วให้เขาเลียนแบบ ป้องกันไม่ให้หลุดคาเรคเตอร์ของมิสเตอร์เอส

จริงๆ แล้วเด็กคนนี้แสดงได้ดีมาก แต่ถึงอย่างนั้นผู้กำกับก็สั่งคัตหลายครั้ง ผมรู้ว่าทำไม เพราะเขาไม่แสดงตามที่ทำไกด์ให้ดู แต่พยายามใส่ความเป็นตัวเองเพิ่มลงไป หวังให้เป็นที่จดจำในแบบของคนร้ายไม่ใช่มิสเตอร์เอส ทั้งที่เป็นตอนหลอก เป็นส่วนสำคัญของเนื้อเรื่อง การจงใจทำแบบนั้น มีแต่จะทำให้ผู้กำกับหัวเสียมากกว่า

“ถ่ายตอนสองก่อนดีมั้ยครับ” ผมเสนอผู้กำกับ “ให้เผชิญหน้ากันตรงๆ ก่อน เขาอาจจะจับความรู้สึกได้ดีขึ้น”

“ถ้าจิเห็นว่าดีกว่าก็ลองดูแล้วกัน” ผู้กำกับตอบตกลงเพราะค่อนข้างเกรงใจกลัวผมรอนาน รีบออกคำสั่งใหม่ให้แต่ละคนเตรียมตัวเปลี่ยนเซ็ทติ้งฉากเป็นห้องใต้ดิน

ผมถูกแต่งหน้าให้ซีดลงเหมือนคนอดข้าวอดน้ำ ปากแห้งผาก มือสองข้างถูกไขว้มัดติดกับเสาด้านหลัง สภาพสะบักสะบอม ที่ข้างขมับมีรอยเลือดจางๆ เพราะตามบทแล้วผมต้องถูกคนร้ายตีหัวสลบ ทำให้สภาพมิสเตอร์เอสตอนนี้น่าสงสารจับใจ

ถ้าออกฉายเมื่อไหร่เชื่อได้เลยว่าถ้าภาพนี้จะต้องถูกแพร่ในอินเตอร์เน็ตพอๆ กับภาพตอนเพิ่งตื่นนอนแน่ๆ

เมื่อผู้กำกับสั่งเดินกล้อง ผมก็รีบทำทีเป็นสลบไสลไม่ได้สติ นับหนึ่งถึงสามในใจตามจังหวะการก้าวเดินของตัวปลอมที่จะต้องมาปลุกมิสเตอร์เอสให้ตื่นจากนิทราหวาน

“โอ๊ย!”

“คัต!”

ผู้กำกับผุดลุกอย่างตกใจเมื่อได้ยินเสียงผมร้องลั่น เด็กคนนั้นรีบพูดขอโทษผมทำเป็นไม่ตั้งใจ ทั้งที่เมื่อกี้น่ะ...เขากระชากหัวผมขึ้นจนกระแทกกับเสาดังโป๊ก น่ากลัวว่าจะหัวโนในอีกไม่ช้านาน

ทั้งที่ตามบทให้กระชากอย่างเดียวแท้ๆ

“ขอโทษครับ ผมกะแรงไม่ถูก”

“ระวังหน่อยสิ!” ผู้กำกับพูดอย่างไม่พอใจ เพราะข้างตัวเขามีผู้จัดการของผมที่ผุดลุกทันทีและพร้อมจะพุ่งเข้าฉากหากร่างกายของจิระบุบสลาย เป็นอันรู้ว่าเด็กเส้นคนนี้ต้องได้รับการดูแลอย่างดี ห้ามบาดเจ็บเป็นอันขาด

“ขอโทษครับ ขอโทษจริงๆ ครับ”

“งั้นเริ่มใหม่ เอาตั้งแต่เดินเข้าห้องมาเลยนะ”

“ครับ ขอโทษอีกครั้งนะครับ”

เด็กคนนั้นไหว้แล้วไหว้อีกอย่างใจเสีย น่าจะเพราะถูกพี่เบิ้มของผมส่งส่ายตาขู่ ทำให้ครั้งนี้ผมหลับตาอย่างวางใจว่าคงไม่โดนแกล้ง ใครจะคิดล่ะว่าเขาจะกล้าทำร้ายจิระท่ามกลางสายตาคนในกอง มีแต่เสียกับเสียทั้งนั้น

“หลับสบายมั้ย มิสเตอร์เอส”

เมื่อถูกเรียกชื่อ ผมซึ่งถูกกระชากหัวบังคับให้เงยหน้าขึ้นก็ค่อยๆ กระตุกเปลือกตาลืมตื่นอย่างจับต้นชนปลายไม่ถูก เมื่อเห็นคนที่หน้าตาคล้ายตัวเองก็ยิ่งตกใจ แต่ระงับอารมณ์ได้อย่างรวดเร็ว เพราะมิสเตอร์เอสไม่ใช่คนที่จะแสดงอารมณ์อย่างโจ่งแจ้ง

          “ตกใจล่ะสิ หึ ไม่ใช่แค่นายหรอก คู่หูของนายก็คงกำลังทำอะไรไม่ถูกเพราะเข้าใจผิดคิดว่าโดนหักหลัง”

          ผมขมวดคิ้ว พยายามตามความคิดอีกฝ่ายให้ทัน ขณะเดียวกันนั้นก็พยายามแก้เชือกมัดมือด้านหลัง

“โอ๊ย!”

อันนี้เป็นไปตามบทครับ มิสเตอร์เอสถูกเหยียบมืออย่างแรงเพื่อไม่ให้กระดุกกระดิก ตัวปลอมหัวเราะในลำคออย่างชอบใจ เขาแสดงได้สมจริงมากทีเดียว ทั้งสีหน้าแววตา เต็มไปด้วยความสาแก่ใจ

“ฉันไม่มีธุระกับนายหรอกนะ ที่มาบอกก็เพราะทำตามที่ถูกจ้างวานเรียบร้อยแล้ว เลยจะมาลา”

“ลา?” ผมถามด้วยสีหน้าที่พยายามเก็บอารมณ์

“ใช่ ลาโดยทิ้งนายไว้ในห้องใต้ดินที่ไม่มีน้ำไม่มีอาหารไงล่ะ แม้นายจ้างจะไม่ต้องการชีวิตนาย แต่ก็ไม่มีความจำเป็นที่ฉันต้องปล่อยตัวนายออกมาเหมือนกัน ถ้ามีคนเจอก็ถือว่าโชคดีไป เพราะกว่าจะถึงตอนนั้นฉันคงหนีไปแล้ว แต่ถ้าไม่...ก็ตายตามคู่หูตัวเองไปแล้วกัน”

“เขาจะไม่ตาย!”

เป็นครั้งแรกที่มิสเตอร์เอสตะโกนออกมา ใบหน้าที่มักแสดงออกแค่อาการง่วงนอน หงุดหงิด และเหนื่อยหน่ายเผยความร้อนรนด้วยกลัวว่าคู่หูจะโดนฆ่า

“คัต!”

“จิระ ตรงนี้แม้จะหลุด แต่ช่วยฝืนกลั้นสีหน้าหน่อยนะ มิสเตอร์เอสไม่แสดงอารมณ์ออกมาหมดขนาดนั้นหรอก”

“ครับ”

ผมพยักหน้ารับ โจทย์คือ มิสเตอร์เอสที่ห่วงคู่หูจนหลุดตะโกนแสดงความเป็นห่วง ถึงอย่างนั้นก็พยายามเก็บสีหน้าไม่ให้คนร้ายเห็น ยากจังแฮะ ผมไม่ถนัดแสดงอะไรที่มันซับซ้อนซะด้วยสิ

“คัต! จิระ แบบนั้นอารมณ์มันพุ่งออกมาน้อยไป ดูไม่ออกเลยว่าเราห่วงคู่หูน่ะ”

“คัต! จิระ อันนั้นโหดไปแล้ว เราแค่ห่วง ไม่ได้อยากฆ่าคนร้ายให้ตายนะ เราฆ่าคนเป็นที่ไหนล่ะ”

“คัต! เกือบได้แล้วแต่ยังไม่ใช่ ลองอีกรอบนะ”

“คัต!”

“คัต! เอ่อ...พักปรับอารมณ์ก่อนแล้วกัน ตะโกนจนคอแห้งหมดแล้ว พักกอง!”

เป็นวันแรกก็ว่าได้ที่ผมโดนคัตรัวๆ ผมรับน้ำดื่มจากผู้จัดการหน้าบากที่ปฏิบัติหน้าที่ดูแลจิระได้ดีจนคนอื่นไม่กล้าเข้าใกล้ ยกเว้นก็แต่เด็กคนนั้นที่รีบเดินมาหาผมทันทีเมื่อแต่ละคนแยกย้ายกันพักชั่วคราว ราวกับแทบรอไม่ไหวแล้วที่จะมาเย้ยหยันด้วยน้ำเสียงดูแคลน

“ฉันแสดงไกด์ให้เอามั้ยล่ะคุณจิระ”

“เอาสิ” ผมตอบรับทันที ต่อให้ไม่เดินมาเสนอตัว ผมก็ว่าจะไปขอคำแนะนำจากเขาพอดี

“ฮะ?”

“ยังไงนายก็ถือเป็นรุ่นพี่ในวงการ มีประสบการณ์มากกว่า ลองแสดงไกด์ให้ดูหน่อยสิ ไม่ว่ายังไงผมก็ไม่เห็นจะเข้าใจเลยว่าให้หลุดสีหน้าแต่ก็กลั้นไว้มันคืออะไร สรุปจะให้หลุด หรือกลั้น แล้วต้องหลุดแค่ไหน ต้องกลั้นถึงประมาณไหนล่ะ งงไปหมดแล้ว” ผมเอ่ยออกมาหมดเปลือกอย่างยอมแพ้ พูดจริงไม่ได้แกล้งด้วยเอ้า

“แล้วทำไมฉันต้องช่วยศัตรูด้วย”

“อ้าว แต่คนที่อยากมาช่วยไกด์คือนายเองนะ” ผมเอียงคอสงสัย “ถ้าเสนอตัวมาขนาดนี้แสดงว่าต้องทำได้ไม่ใช่เหรอ หรือว่าทำไม่ได้ แต่เอ...ก็ขนาดแสดงเป็นมิสเตอร์เอส ยังทำไม่ได้จนโดนผู้กำกับสั่งคัตเหมือนกันนี่นา”

“มองนี่!” เด็กคนนั้นตะโกนลั่นก่อนจะรีบแสดงให้ชมเป็นขวัญตา สีหน้าอดกลั้นที่จะไม่โมโหใส่ผม นั่นแหละคือสิ่งที่ต้องการ

“นายเก่งจัง” ผมชมจากใจจริง ทั้งที่โกรธผมมากจนหลุดตวาดแท้ๆ แต่กลับฝืนกลั้นอารมณ์ได้ดี ที่ฉายออกมาชัดเจนก็มีแต่แววตาเท่านั้น แบบนี้ทำให้ไม่หลุดมาดมิสเตอร์เอสเกินไป ที่แท้ก็ให้แสดงอย่างนี้นี่เอง “ขอบคุณนะ ผมพอจะจับจุดได้แล้วล่ะ ช่วยได้เยอะมากเลย”

“มันต้องไม่ใช่แบบนี้สิ” เด็กคนนั้นพึมพำ

“ไม่ใช่แบบนี้คือแบบไหน” ผมถามสงสัย “ไม่ใช่ว่าต้องกลั้นสีหน้าแล้วฉายแววตาสื่ออารมณ์เหรอ หรือว่าไม่ใช่ต้องตะโกนเสียงดังขนาดนั้นแต่ต้องกลั้นเสียงด้วย หรือว่าต้องเม้มปากตอนท้ายด้วยมั้ย ประมาณว่าไม่ได้ตั้งใจจะตะโกนแต่เพิ่งรู้ตัวทีหลังน่ะ หรือว่า...”

“ไม่ใช่แบบนี้ คือไม่ใช่ว่าฉันต้องมาออกความเห็นช่วยให้นายแสดงดีต่างหาก!” เด็กคนนั้นพูดจบก็เดินหนี ทิ้งให้ผมเกาหัวอย่างแสนเสียดาย อุตส่าห์คิดว่าจะผูกมิตรได้แล้วเชียว

“ผมพูดผิดตรงไหนรึเปล่า” ผมหันไปถามพี่เบิ้ม แน่นอนว่าคำตอบจากนินจาคือความเงียบ

ครบสิบนาที ผู้กำกับก็เรียกให้นักแสดงเตรียมเข้าฉากอีกครั้ง แถมยังเดินมาจับบ่าผมอย่างเป็นห่วงว่าไหวรึเปล่า ถ้าไม่ไหวให้มาแสดงต่อในวันพรุ่งนี้ก็ได้นะ การโอ๋ผมเป็นพิเศษนั้นทำให้เด็กคนนั้นยิ่งหมั่นไส้ ผมเลยรีบปฏิเสธแล้วเดินไปนั่งนิ่งๆ โดนมัดกับเสา แสดงต่อจากฉากเมื่อครู่โดยไม่ต้องเริ่มใหม่แต่ต้น

“จริงๆ แล้วฉันไม่มีธุระกับนายหรอกนะ ที่มาบอกก็เพราะทำตามที่ถูกจ้างวานเรียบร้...”

“คัต! ตอนนี้เหมือนอยากฆ่ามิสเตอร์เอสมากกว่าตัวพระเอกซะอีก เก็บอารมณ์หน่อย”

“ขอโทษครับ” เด็กคนนั้นหันไปยกมือไหว้ผู้กำกับ ก่อนจะสูดหายใจเข้าลึกเหมือนสงบอารมณ์ เมื่อได้รับสัญญาณเริ่มถ่ายทำ เขาก็สวมบทบาทได้อย่างดีเยี่ยม “จริงๆ แล้วฉันไม่มีธุระกับนายหรอกนะ ที่มาบอกก็เพราะทำตามที่ถูกจ้างวานเรียบร้อยแล้ว เลยจะมาลา”

“ลา?” ผมเงยหน้าสบตาด้วยความกังวล ยิ่งเห็นเด็กคนนั้นแสยะยิ้มพอใจ ผมก็หวนนึกถึงภาพที่เขาแสดงไกด์ให้ดูก่อนหน้านี้

“ใช่ ลาโดยทิ้งนายไว้ในห้องใต้ดินที่ไม่มีน้ำไม่มีอาหารไงล่ะ แม้นายจ้างจะไม่ต้องการชีวิตนาย แต่ก็ไม่มีความจำเป็นที่ฉันต้องปล่อยตัวนายออกมาเหมือนกัน ถ้ามีคนเจอก็ถือว่าโชคดีไป เพราะกว่าจะถึงตอนนนั้นฉันคงหนีไปแล้ว แต่ถ้าไม่...ก็ตายตามคู่หูตัวเองไปแล้วกัน”

“เขาจะไม่ตาย!”

เก็บสีหน้า แต่เผยแววตา ตะโกนออกมาเสียงดัง ก่อนจะหยุดชะงักชั่วครู่เหมือนตกใจตัวเอง

สมบูรณ์แบบ

ผมโล่งใจมากเพราะผู้กำกับไม่ได้สั่งคัต ทำให้เราสามารถแสดงต่อได้จนจบ ผมอ้อมไปดูหลังจอมอนิเตอร์ว่าแสดงออกมาเป็นยังไง ก่อนจะพบว่าตัวเองไม่ได้เก่งขนาดทำได้ดีในครั้งเดียวหรอก แต่เพราะสายตาของจิระนั้นสะกดได้อยู่หมัด ทำให้แม้สีหน้าออกจะแข็งไปบ้าง แต่ก็ถูกแววตาดึงดูดจนพอปล่อยผ่านได้

“เพราะนายเลยนะเนี่ย” ผมตบไหล่เด็กคนนั้นที่เดินมาดูผลงานเช่นเดียวกัน “ขอบคุณนะ”

เขาสะบัดหน้าหนี ส่วนผมเดินไปเปลี่ยนเสื้อเตรียมตัวกลับ เพราะฉากที่ต้องถ่ายต่อนั้นต้องรอคิวของพระเอกและนักแสดงหญิงอีกคน ทั้งสองเป็นคนมาช่วยมิสเตอร์เอสที่กำลังขาดน้ำหลังตัวปลอมหลบหนีไปแล้ว

“ไม่เป็นอะไรนะจิระ”

“ไม่เป็นอะไรครับ” ผมขานตอบผู้กำกับที่มองอย่างเป็นห่วง แม้หัวจะโนขึ้นมานิดๆ มือแดงก่ำเพราะถูกกระทืบและมีรอยเชือกบาดก็ตาม ร่างกายของจิระ...ช่างบอบบางจนน่าใจหายจริงๆ  คนผิวขาวมักทำให้รอยช้ำดูน่ากลัวกว่าปกติหลายเท่า จึงไม่แปลกที่ผู้กำกับจะใส่ใจผมเป็นพิเศษ

“จิกลับได้เลยนะ”

พี่เบิ้มช่วยเก็บของให้ผมแล้ว พอเปลี่ยนเสื้อเสร็จก็พร้อมกลับทันที ส่วนเด็กคนนั้นยังต้องถ่ายซ่อมในตอนแรกที่ปลอมตัวเป็นมิสเตอร์ซึ่งผมแสดงไกด์ให้แล้ว จึงไม่จำเป็นต้องอยู่ต่อ

“ไม่เป็นไรครับ ผมขอยืนดูอีกหน่อย”

เด็กคนนั้นชักสีหน้าทันที และนั่นก็ทำให้เขายิ่งแสดงแย่กว่าเดิม เหมือนอยากจะเอาชนะผมให้ได้

ทั้งที่ผมยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเราแข่งกันตั้งแต่เมื่อไหร่

“ขอเวลาพักสักครู่ได้มั้ยครับ” ผมหันไปบอกผู้กำกับ ก่อนจะเดินไปหาเด็กคนนั้น ที่ผมให้ยกฉากสุดท้ายมาแสดงก่อน เพราะอยากให้เขาเห็นว่าผมนั้นไม่ใช่มืออาชีพ เขาไม่จำเป็นต้องพยายามเกินความจำเป็น แต่กลายเป็นว่าหลังถ่ายทำฉากนั้นเสร็จ เขากลับยิ่งพยายามโชว์ความสามารถมากกว่าเดิมจนกลายเป็นล้น

“จะมาเยาะเย้ยช่วยแสดงไกด์อีกรึไง”

“ผมรู้ว่านายโกรธเพราะโดนแย่งบท แต่ในเมื่อแก้ไขตรงนั้นไม่ได้แล้ว ก็อย่าเอามาทำให้งานเสียสิครับ”

“นายไม่ใช่คนโดนแย่งงานก็พูดได้สิ!”

“วงการนี้มีเส้นสายเป็นเรื่องปกติ โอกาสมีเข้ามาก็ต้องมีจากไป สู้คว้าสิ่งที่คว้าได้ดีกว่านะครับ”

“ไม่ต้องมาพูดดี ถ้าเป็นนายล่ะ...ถ้าเป็นคนโดนแย่งบ้างล่ะ!”

“ถ้าเป็นผม ผมจะตั้งใจแสดงจนผู้กำกับรู้สึกเสียดาย จนคนดูเกิดข้อเปรียบเทียบว่าทำไมถึงไม่เอาคนนี้มาแสดงแทน นั่นคือการแก้แค้นที่ดีที่สุด ไม่ใช่ดึงดันอยากแสดงในสิ่งที่ตัวเองอยากให้เห็นจนงานเละ ผู้กำกับต้องการอะไร คนดูคาดหวังอะไร ผมว่านายน่าจะรู้อยู่แล้วนะ” ผมเอ่ยเสียงเรียบเรื่อยเหมือนไม่ได้ยินคำค่อนแคะ เพราะผมไม่ได้เก็บเอามาใส่ใจเหมือนที่เขาเป็น “โอกาสครั้งนี้เมื่อมาถึงแล้วก็ทำให้ดี เพราะถ้าทำไม่ได้ก็รู้ไว้เถอะว่าผลต่อจากนี้ ไม่ใช่เพราะโดนผมแย่งงาน แต่เพราะคุณทำตัวเองต่างหาก”

เด็กคนนั้นนิ่งทันทีเหมือนเถียงไม่ออก ผมเห็นใจเขานะ เพราะอย่างนั้นเลยอยากให้เขาสลัดเรื่องไร้สาระออกไป ความสามารถก็มีพร้อม จะต้องมีคนเห็นแววแน่นอน และถึงตอนนั้น ต่อให้เจอเด็กเส้นอีกสักสิบคน หากเขามีความสามารถจริงก็ไม่มีใครทำอะไรได้

“สู้ๆ นะ”

พูดจบก็หันไปไหว้ผู้กำกับและคนในกอง เผื่อว่าหากผมไม่อยู่ให้เห็นหน้า เขาอาจจะแสดงได้ดีขึ้นก็ได้ สิ่งที่อยากบอกก็บอกไปแล้ว ถ้าเขาคิดไมได้ ก็ถือว่าเขาทำตัวเอง ผมไม่ใช่คนดีถึงขนาดต้องคอยโอ๋คอยช่วยคนอื่นตลอดเวลา แต่ก็ไม่ใช่คนเลวร้ายที่จะไปเหยียบย่ำซ้ำเติมคนอื่น

ทำเท่าที่ทำได้ ในสิ่งที่อยากจะทำ

นั่นแหละจิตริน




“เหนื่อยหรือ”

“ครับ?”

ตอนเย็น ผมนั่งรถไปกับเสี่ย ผ่านไปสองเดือนร่างกายของจิระแข็งแรงขึ้นมาก อย่างน้อยก็ไม่ได้ปวกเปียกขยับตัวนิดหน่อยเป็นต้องหอบจะเป็นจะตายอีก อาการลงแดงก็ดีขึ้นเรื่อยๆ แม้จะต้องมาตรวจร่างกายทุกสองวัน แต่การให้ยาแบบลดปริมาณลงนั้นเริ่มเว้นช่วงมากขึ้นเรื่อยๆ ผมเชื่อว่าอีกไม่นานจะสามารถหย่าขาดกับยาเสพติดได้ด้วยดี

“ปกติเธอจะคุยจ้อ ทำไมวันนี้ถึงสงบได้ล่ะ สันให้ทำงานมากเกินไปรึไง”

“ผมเปล่านะครับท่าน” คุณสันสะดุ้งเฮือก

“เอ่อ...วันนี้มีเรื่องนิดหน่อยน่ะครับ”

“เล่าสิ”

เป็นครั้งแรกที่เสี่ยบอกให้ผมเล่า ทั้งที่ปกติเหมือนฟังหูซ้ายทะลุหูขวาตลอด

ผมเลยเล่าความลำบากใจที่ไปปาดบทของเด็กคนนั้นมา แต่พอพูดถึงเรื่องหัวโดนกระแทก เสี่ยก็รีบจับหลังศีรษะผมทันที

“หัวโน”

“ครับ...” ผมเอ่ยเสียงอ่อน รู้สึกผิดที่ทำให้ร่างกายจิระบาดเจ็บ แต่พอจะยกมือไหว้ขอโทษ เสี่ยก็ตาดีไปเห็นรอยบาดเชือกตรงข้อมือเข้าให้

“ทำไมไม่ทำแผล”

“แผลแค่นี้เลียเอาก็หาย...เสี่ย!”

ผมร้องเสียงหลงเมื่อเสี่ยก้มหน้าเลียข้อมือผมแบบไม่คิดอะไรเลย...เฮ้ย คิดหน่อยก็ได้นะเสี่ย!

“ไม่ได้เล่าเพราะอยากให้ฉันช่วยเลียแผลปลอบใจหรอกรึ”

โอ๊ย เสี่ย...ทำไมถึงชอบคิดเข้าข้างตัวเองขนาดนี้ คนที่บอกให้เล่าคือเสี่ยเองนะ!

“เปล่าครับ!” ผมรีบชักมือกลับ

“วันนี้ให้พ่อครัวทำปูผัดผงกะหรี่แล้วกัน”

“เสี่ยจำได้ด้วยเหรอว่าผมชอบกิน”

เสี่ยมองตรงไปข้างหน้าไม่ยอมตอบ แต่แค่นั้นก็ทำให้ผมยิ้มไม่หุบแล้ว

เป็นครั้งแรกที่เสี่ยใส่ใจผมที่เป็นจิตรินไม่ใช่จิระอย่างที่ทำเสมอ

แล้วจะไม่ให้ผมดีใจได้ยังไง

--------------

รู้สึกเสี่ยเป็นพระเอกที่น่าสงสาร โดนน้องแกล้งตอนแรกๆ แล้ว พอเข้าเรื่อง ก็ถูกการงานของจิแย่งบทจนเหลือช่องออกมาทำคะแนนนิดเดียว อดทนหน่อยนะเสี่ย! คนอ่านจะไม่ลืมเสี่ยหรอก สู้!

ปล.เสี่ยเริ่มคิดถึงเสียงจิล่ะสิถึงขอให้พูด #ฝอยตกเสี่ย

เพจนักเขียนที่บีบบ่าเสี่ยอย่างปลอบโยน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-07-2017 08:45:18 โดย มาจะกล่าวบทไป »

ออฟไลน์ Red_sister

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 440
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-2
เสียยยยย เสี่ยมาสามบรรทัด แต่เก็บเรียบค่าาาา

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ rockiidixon666

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-3

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
จิ นิสัยดีนะ รู้ทั้งรู้ว่านักแสดงที่จิไปแย่งบทไม่ชอบจิระ
แต่ก็ไม่คิดราวีตอบ นี่ถ้าบอกว่าเขาได้งาน
เพราะจิบอกให้ดึงตัวกลับมาจะเปลี่ยนแปลงอะไรมั้ย

เสี่ย เริ่มคิดถึงตัวตนของจิตริน สั่งอาหารโปรดให้ซะด้วย
แถมจิ เงียบไม่พูดมากเหมือนทุกครั้ง ก็ถามอีก เสี่ยสนใจจิตรินแล้ว
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ suikajang

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 813
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
ออกมาน้อยแต่เน้นคุณภาพนะ เสี่ยสามารถจร้า o13

ออฟไลน์ TachibanaRain

  • มาโกโตะเทนชิ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-3
เราไม่เคยหมั่นไส้พี่จิเลยนะ หมั่นไส้เสี่ยซะมากกว่าก็ดูสิ ชอบจังเลยนไอ่เรื่องมโนคิดไปเองเนี่ย

ออฟไลน์ fay 13

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5635
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +286/-44

ออฟไลน์ พิศตะวัน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 496
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-3

ออฟไลน์ flimflam

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 881
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-4
อยากดูซีรีส์ด้วยคน ฮึก มิสเตอร์เอสสสส
สัมผัสได้เลยว่าจิต้องออกมาสมบูรณ์แบบมากแน่ๆ โอ๊ย อยากดู
ป.ล.เสี่ยคือใครคะ

ออฟไลน์ myd3ar

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-4
คิวเสี่ยท่าจะแพง ออกทีน้อยมาก

ออฟไลน์ loveview

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1912
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-10
จิจะเป็นคนดีไปไหนนี่ น่าร้ากกกกก

ออฟไลน์ aiyuki

  • รักแท้ไม่แบ่งแม้เพศพันธุ์
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2636
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-6
เสี่ยค่าตัวแพงเลยออกมาน้อย เข้าใจๆ นุ้งจินี่ เป็นคนดีมากๆเลยอ่าา

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ ammchun

  • Don't Worry,Be Happy
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1389
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-4
สนุกขึ้นเรื่อยยๆๆ มิสเตอร์เอสเรามโนเป็นแอลในเดธโน๊ตแหละ หมายถึงบุคลิกท่าทางลึกลับประมาณนั้น :katai2-1:

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
เสี่ยค่าตัวแพงจริงๆ  :hao7:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ Spenguin

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 173
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
เสี่ยยังคงความมโน เลียเลยค่าา :hao7: :hao7:

ออฟไลน์ t2007

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-5
เสี่ยมโน จิชอบอ่อยโดยไม่รู้ตัว

ออฟไลน์ คนคิ้วท์คิ้วท์

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 339
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
จิน่ารักมากกกก มาหาเราเถอะ เราสามารถเลี้ยงปูผัดผงกะหรี่ได้ทั้งชีวิต

ออฟไลน์ thyme812

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 313
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-3

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ ♥lvl♀‘O’Deal2♥

  • หานิยายถูกใจยากจัง!
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2665
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +176/-4

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด