บทที่ 17: นมจืดกับการเชิญชวน [100%]
ไม่รู้จะตื่นตระหนกหรือตื่นเต้นดีเว้ย!
พระเอกรู้สึกเหมือนตัวเองตัวพองลอยขึ้นสวรรค์
“อะไรของมึง” แต่ต้องเก็บอาการก่อน ตายห่า...หอบหืดจะขึ้น ขอยาด่วนๆ
“ไปดูหนังกัน”
ใบหน้าคมพยายามไม่ออกอาการเนื้อเต้น “กะด๊ายยย” ยักไหล่โชว์เหนือ
“อยากดูเรื่องอะไรเหรอ?” นมจืดกระตือรือร้น “เราอยากดูคุณกระต่าย”
กระต่ายไรวะ ไม่รู้เว้ย แต่ตอนนี้ไอ้แคระมันจะชวนดูก้านกล้วยกูก็ดูได้
“ได้” แต่อยากรู้อะไรบางอย่าง “ชวนไปทำไม?”
นมจืดเกาแก้ม “ก็...พระเอกช่วยเราตั้งหลายอย่าง แถมยังเอาของไปแขวนหน้าบ้านเราด้วย” นมจืดเห็นพระเอกแยกเขี้ยวบอกว่าเขาไม่ได้ไปแขวน แต่นมจืดมั่นใจว่าใช่ “เราชอบชุดจานชามมินเนี่ยนมากเลยนะ ขอบคุณจริงๆ”
ร่างสูงใหญ่เหลือกตาขึ้นฟ้าเหมือนพูดอะไรไม่ออก
“กูไม่เคยไปแขวนของหน้าบ้านมึงเว้ย” อย่างนี้เรียกร้อนตัวสุดขีด
“ฮื้ออออ ไม่โกหกน้า” นมจืดทำตาปริบ เม้มปากส่งเสียงในลำคอ
“มึงเลี้ยงนะเว้ย” รีบเปลี่ยนเรื่อง
คนตัวเล็กกว่าพยักหน้าหงึกหงัก “แน่นอนสิ เราเลี้ยงตอบแทนไง” พระเอกช่วยนมจืดไว้ตั้งหลายอย่าง
“ดีล...ไป!” โอ๊ยเนื้อเต้นฉิบตาย อยากจะเหาะไปโรงหนังเดี๋ยวนี้
...อยากดูหนังฟรี…
“เย่ งั้นเดี๋ยวค่อยมานัดเวลาน้า”
“เออ” พอคนตัวใหญ่หันหลังไป นมจืดก็รีบก้าวเท้าเข้าไปในตึกของตัวเอง
พระเอกเดินกลับมาที่คณะของตัวเองแบบลอยๆ
“ไอ้เชี่ย! มึงไปโดนกัญชาที่ไหนมาวะ” ไอ้เพื่อนมันออกไปด้วยหน้าตาบึ้งตึงแต่กลับมาหน้าบานเป็นดอกเห็ดเลยเว้ย
เพื่อนได้แต่มองไอ้คนตัวใหญ่เดินหน้าลอยไปโดยไม่หันกลับมาด่าเหมือนปกติ
แม่ง! มันไม่ปกติ!
มันต้องเมากาวไม่ก็หัวชนเสาไฟมาแน่นอน
แต่จนแล้วจนรอดนมจืดก็ยังไม่ได้พระเอกไปดูหนังสักทีเพราะว่ายุ่งๆกับรายงานและงานอื่นๆอีก
คนตัวใหญ่แห่งศิลปกรรมกำลังหัวหมุนกับงานพร้อมกับความร้อนบนหัวที่สุมเพิ่มขึ้นทุกวันแข่งกับนรกเข้าไปทุกที
นักศึกษาชั้นปีที่สองแห่งคณะศิลปกรรมได้แต่งุ่นง่าน มองจอโทรศัพท์มันทั้งวัน พอมองแล้วมีแต่หน้าจอดำๆมันก็พ่นลมหายใจแล้วก็กระแทกโทรศัพท์ลงไปใหม่ สักพักก็หยิบขึ้นมาใหม่แล้วก็ทำหน้าเหี้ยมจนเพื่อนที่นั่งๆข้างเริ่มขยับออกห่าง
“แม่ง! มึงชวนไปดูชาตินี้หรือว่าชาติหน้าตอนบ่ายๆกันแน่วะ ไอ้แคระ!” กัดฟันกรอดๆ แม่งหรือว่าที่พูดมานั่นพูดแบบขอไปทีเร๊าะ!
เอาสิ...วันหลังกูจะเล่นตัวไม่ไปด้วยแม่งเลยไอ้ห่านี่
ไอ้เตี้ยหมาตื่นขี้หลอกลวง ไอ้แคระจอมขี้จุ๊แบ๊ๆขี้ฮ่กตะล่าล้า ไอ้นมจืดตระบัดสัตย์ ไอ้มินเนี่ยนแดกแฟ๊บขี้โกหก
หลอกได้แม้กระทั่งพ่อพระเอกสุดหล่อพ่อรวยฟรวยใหญ่ไข่ตุงอย่างกู
ใบหน้าคมเข้มบูดบึ้งตลอดทั้งวันจนเพื่อนยังเข้าหน้าไม่ติด ขนาดสมชาติยังไม่กล้าแหยมหน้าเพราะกลัวโดนลูกหลง
...อะไรวะแค่น้องหนูนมจืดไม่ทักมาทำตัวเกรี้ยวกราดเกินเบอร์ไปได้นะคนเรา…
...ครืด…
ร่างสูงใหญ่รีบหันขวับไปคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาดูอย่างรวดเร็ว
‘พระเอก’
‘เราเองน้า’
‘นมจืดเอง’
โอ้โห ไอ้ฉิบหาย!
ไม่ส่งมาชาติหน้าเลยล่ะเว้ย
‘อะไร’
พิมพ์สั้นๆให้รู้ว่าไม่พอใจ เข้าใจนะ
‘พระเอกว่างวันไหนเหรอ?’
ไม่ว่างแล้วเว้ย
‘ทำไม?’
‘งื้อออ ที่เราชวนไปดูหนังไง’
‘ไม่มาชวนชาติหน้าเลยวะ’
‘ฮื้อออ ไม่งอนน้า เรางานยุ่งมากเลยอะ ขอโทษน้าาาาา’
‘เหอะ ใครงอน เดี๋ยวเตะให้ดิ้น’
เล่นตัวแม่งเลยดีกว่า เดี๋ยวหาว่าคนใจง่าย...ก็เลยชอบคนง่าย
‘พระเอกว่างวันเสาร์นี้ไหม?’
‘ว่าง...กะได๊’
‘กลัวมึงจะเสียใจร้องไห้ขี้มูกโป่งที่เห็นกูไม่ว่าง’
‘เย่ ดีเลยๆ เอารอบไหนดี’
‘รอบแปดโมงเช้า’
‘เย้ยยย จะไปช่วยเขาเปิดห้างเหรอพระเอก ไปทำไมเช้าขนาดนั้น’
ทำไมดูไอ้แคระพิมพ์แล้วแลดูมีความกวนตีนกูวะ ถ้าอยู่ใกล้ๆจะจับมาเขกกะโหลกแม่ง
‘สิบโมงครึ่ง หน้าสยาม มาช้าไม่รอ เข้าใจมะ?’
‘สิบโมงครึ่งเหรอ? ได้สิๆ’
‘เออ’
‘ได้เลย งั้นเจอกันน้า’
‘เออ’
หลังจากพระเอกมันกดยุกยิกกับโทรศัพท์ไม่ถึงห้านาที หน้าโหดเหี้ยมก็แปรเปลี่ยนเป็นความลิงโลด แม้จะไม่ได้ยิ้มแต่ลูกตาพราวระยิบระยับแข่งกับหางเครื่องลูกทุ่ง ไม่เก็บอาการหน่อยเหรอมึง เก็บบ้างก็ได้นะ ฮ่อมมม เห็นแล้วหมั่นไส้
เมื่อกี้ทำหน้าเป็นหมาโดนตัดไข่ ตอนนี้ละเปลี่ยนหน้ามือเป็นหลังตีนเชียว
คราวนี้ทุกคนในคณะยิ่งเขยิบตูดถอยห่างมันออกไปอีกเพราะแม่งอยู่ๆก็ผิวปากเหมือนอารมณ์ดีมีความสุขขึ้นมา
“พวกมึงจะเขยิบไปเบียดกันทำห่าอะไรวะ” ถามเสียงดังลั่น
“เป...เปล่าเว้ย” พวกกูไม่มีใครอยากนั่งเบียดกัน แค่ไม่มีอยากนั่งข้างมึงเท่านั้นเอง...
คนตัวเล็กดันแว่นขึ้นดั้งจมูกขณะที่นั่งแกว่งขาอยู่บนม้านั่งบนชานชะลาของสถานีรถไฟฟ้าสยามในตอนสิบโมงครึ่งพอดิบพอดี
เมื่อกี้พระเอกไลน์มาบอกนมจืดว่าอีกสถานีเดียวก็จะถึงแล้ว นมจืดเลยนั่งเล่นรอก่อน ช่วงสายของวันเสาร์ก็จริงแต่ว่าคนก็เริ่มเยอะแล้ว
นัยน์ตากลมโตมองขบวนรถไฟฟ้าที่เข้ามาเทียบจอดที่ชานชะลาพอดี ประตูเปิดออกพร้อมกับฝูงชนกรูกันลงมาจากตัวรถ คนตัวเล็กพยายามสอดส่องสายตามองหาเป้าหมาย จนเห็นร่างสูงใหญ่ที่โดดเด่นออกมาจากฝูงชนเพราะความสูงเกินหน้าเกินตาชาวบ้าน
“พระเอกๆ” คนตัวขาวเรืองแสงโบกไม้โบกมือเรียก
ขายาวก้าวมายังจุดที่นมจืดยืนอยู่ พระเอกแต่งตัวแปลกตาเล็กน้อย วันนี้ใส่เป็นเสื้อยืดโปโลสีดำกับกางเกงยีนส์ขาดๆแบบเดิม นมจืดเห็นแล้วขัดใจอยากหาเข็มกับด้ายมาเย็บให้ รองเท้าผ้าใบคู่เดิมที่เห็นประจำตอนไปมหาวิทยาลัย
“เออ...” คนหน้าเคราครึ้มส่งเสียงทีหนึ่งในลำคอ
พระเอกขมวดคิ้วมองคนตัวเล็กที่ยิ้มตาหยีแล้วอยากแยกเขี้ยว มีความสุขจริงเว้ย ไม่ใช่แแดกพระอาทิตย์แล้วสงสัยแม่งแดกกาแลกซี่เข้าไปด้วย
เข้าไปถึงนมจืดรีบดึงชายเสื้อคนตัวสูงให้เดินตาม แต่พระเอกเหมือนแกล้งเดินช้าๆต้องให้นมจืดออกแรงดึงอยู่นั่นแหละ
พอขึ้นมาถึงชั้นบนสุดได้นมจืดก็จัดแจงซื้อตั๋วเสร็จสรรพ ไม่ให้พระเอกออกค่าอะไรทั้งนั้นเพราะว่านมจืดบอกแล้วไงว่าเป็นการเลี้ยงหนังขอบคุณพระเอกโดยเฉพาะ ได้รอบหนังเป็นรอบอีกครึ่งชั่วโมงถัดไปพอดีและพระเอกก็เห็นด้วยว่าดูเสร็จแล้วค่อยออกไปหาอะไรกิน
พอกำลังจะไปซื้อป๊อบคอร์นที่นมจืดหมายมั่นปั้นมืออะไรไว้บางอย่าง คนตัวเล็กก็ได้แต่ร้อง
“อ๊า!” เสียงคนตัวเล็กร้องจนทำให้พระเอกหยุดชะงักกระทันหัน
“อะไรวะ”
นมจืดทำหน้านิ่ว ปากเริ่มแบะ มองไปที่ป้ายตรงเคาน์เตอร์ขายเครื่องดื่มและขนม “ฮื้อ...พระเอกโรงหนังที่พารากอนใช่เครืออะไรเหรอ? เมเจอร์?”
พระเอกพยักหน้า เท่านั้นแหละนมจืดทำหน้าจ๋อย เหลือบมองหน้าดุๆแล้วก็หลุบมามองพื้น ร่างสูงกลอกตาไปมา ไอ้แคระมันงอแงอะไรอีกละเนี่ย
“อะไร...” นมจืดเงยหน้ามามอง “ว่ามา...” พอพระเอกทำเสียงดุ นมจืดก็กลัวน้า อย่าทำหน้าดุสิ เสียงก็อย่าดุด้วยน้า
“คือ...เรา...อยากได้ป๊อบคอร์น”
เออ...ก็ซื้อสิวะ รอพ่อมึงมาตัดริบบิ้นหรือไงวะ
“แต่...ที่นี่...ไม่มีป๊อบคอร์นที่เราอยากได้อะ”
อะไรวะ? “ทำไม? มึงอยากได้ป๊อบคอร์นจากปาปัวนิวกินีหรือไงที่นี่ถึงไม่มีขาย” กูล่ะปวดประสาท
นมจืดส่ายหัวดิก ยื่นโทรศัพท์ที่อุตส่าห์ถ่ายรูปมาให้พระเอกดู นมจืดอยากได้อันนี้...อยากได้มากๆ
“ดิ ออริจินัล ฮิบ ฮอปเปอร์ เซ็ท” อะไรวะ ฮิปๆฮอปๆอะไรของมัน เห็นแค่กระป๋องป๊อบคอร์นกลมๆมีหูกระต่ายสองหูแค่เนี่ย?!
“ฮื้อ เราอยากได้อะ มันน่ารักมากเลย” แต่เหมือนนมจืดจะไม่ได้เช็กก่อนว่ามันเป็นของโรงอะไร
ใบหน้าคมดุทำหน้าปุเลี่ยน รู้สึกเหมือนปวดหัวตุบๆ
“นี่มึงปัญญาอ่อนเหรอวะ”
“งื้อ เราแค่ชอบสะสม”
เออ กูพอจะเข้าใจ สารพัดของสะสมของมึง ทั้งชามมินเนี่ยนเอย นี่มึงคิดว่าบ้านมึงเป็นดินแดนเนรมิตหรือไงวะ
สุดท้ายคนตัวเล็กต้องยอมเพราะมันไม่มีขายที่นี่ พระเอกสงสารเลยยอมควักเศษเหรียญบาทเลี้ยงไอติมแมคไอ้มินเนี่ยนเป็นการปลอบใจแทน นมจืดได้ไอติมโคนมาไว้ในมือหนึ่งโคน ริมฝีปากเล็กๆค่อยๆละเอียดไอติมนุ่มๆหอมๆขาวๆเข้าปาก ใบหน้าจ๋อยเริ่มมีรอยยิ้มเมื่อมีของหวานเข้าปาก
นัยน์ตาคมกริบมองคนตัวเล็กที่เริ่มอารมณ์ดีขึ้นมาเพราะได้กินของอร่อย ปากเล็กๆกัดเนื้อไอติมนุ่มๆเข้าปากจนครีมขาวๆเลอะรอบปาก คนตัวใหญ่กลืนน้ำลายเอือกจนลูกกระเดือกสั่น
...ฉิบหาย…
น่ากินสัสๆ
นมจืดมองอีกฝ่ายที่กลืนน้ำลายเอือกๆแล้วมองลงมาที่ไอติมของตัวเองแล้วก็ยื่นให้คนที่นั่งตรงข้าม
“อยากกินเหรอ?” เอียงคอถามตาโต “แบ่งกันกินเนอะๆ”
ชายหนุ่มมองไอติมโคนราคาไม่กี่บาทแล้วก้มลงกัดเข้าไปคำหนึ่ง ความเย็นแผไปทั่วปาก ทั้งที่เขาไม่ค่อยกินเท่าไร จะเข้าแมคก็ต่อเมื่อมีโปรหนึ่งแถมหนึ่งหรือลดครึ่งราคาเท่านั้น ไอติมก็ไม่ซื้อหรอกถ้าราคาสิบกว่าบาท ปกติจะรอให้มันลดเหลือเจ็ดบาทก่อนถึงได้แดกเงินกู
แต่นี่เป็นกรณีพิเศษ เห็นไอ้แคระแม่งทำปากแบะๆ งอแง เลยหาอะไรอุดปากมันก่อน
เสียไปตั้งสิบกว่าบาท
แต่ก็ดีแล้ว...มันจะได้เลิกทำปากแบะสักที
...ยิ้มตาหยีแก่มตุ่ยเชียวนะมึง เห็นแล้วหมั่นไส้…
.
.
.
“เฮ้ย! ไอ้เตี้ยหมาตื่น มึงพากูมาดูหนังไรวะเนี่ย”
“อ้าว...เราบอกแล้วนี่นาเราอยากดูคุณกระต่ายอะ”
“มึงบอกตอนไหนวะ?”
“อยากดูเรื่องอะไรเหรอ?” นมจืดกระตือรือร้น “เราอยากดูคุณกระต่าย”
กระต่ายไรวะ ไม่รู้เว้ย แต่ตอนนี้ไอ้แคระมันจะชวนดูก้านกล้วยกูก็ดูได้
“ได้” ไอ้ฉิบหาย!!!!
กูโดนป้ายยาแน่นอน ตอนนั้นกูถึงได้เบลอตอบตกลงไป
ฟหกด่าสวง!!!!!!!
---------------------------------------------------- 100% -----------------------------------------------------
สวัสดีค่า
วันนี้เอาอีกครึ่งตอนมาฝากกันแล้วนะคะ
สรุปเขียนไปเขียนมา ตอนนี้ยังไม่พาไปเต้นรำระบำชาวเกาะเลยค่ะ สงสัยอาจจะเป็นตอนหน้าแทน
หลังๆนี้ทุกท่านเริ่มเห็นนังพระมันเป็นพระเอกขึ้นมายังคะ นางเริ่มทำตัวดีแล้ว แม่ๆน้องนมเริ่มใจอ่อนกับมันยังค่า ฮ่าๆ
นังพระมันเริ่มทำตัวดี อิๆ
อ่านแล้วชอบคอมเม้นบอกฟี้ดแบ็คกันได้นะคะ หรือว่าจะหวีดกันได้ในทวิต #รักรสนมจืด
ขอบคุณทุกการติดตามนะคะ