ตามหทัย(ครุฑ x นาค)หน้า ๕ ตอนที่ ๑๐ วันที่ ๒๙ / ๙/๖๑
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ตามหทัย(ครุฑ x นาค)หน้า ๕ ตอนที่ ๑๐ วันที่ ๒๙ / ๙/๖๑  (อ่าน 38301 ครั้ง)

ออฟไลน์ arjanlai

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 18
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
 :ruready เป็นกำลังใจให้นะครับ ้ขียนเรื่องแนวนี้ก็สนุกไปอีกแบบ รอติดตามต่อคับ

ออฟไลน์ LiqueuR

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 72
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
สนุกกกกกก
มาต่อไวไวน้าาาาา
 o13

ออฟไลน์ natsikijang

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 540
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-4
 
    ตอนที่ ๔


(ฝันว่าตนเองเข้าไปอยู่ในภาคอดีต)



      ศศิศมหานาคราชลืมพระเนตรตื่นจากขึ้นมา

        พระองค์รู้สึกว่ามีพระสุบินเหมือนเดิมอีกครั้งแต่ภาพในนั้นเลือนลาง เมื่อพระองค์ตื่นขึ้นมากลับจำอะไรแทบไม่ได้ พระองค์ปวดพระเศียรเหลือเกิน สายพระเนตรพร่ามัวไปหมด

            “เจ้าฟื้นแล้ว”

           “ที่นี่ที่ไหนไม่ใช่ถ้ำมรกต”
     
          ‘นี่ข้าฝันซ้อนฝันหรือ ข้ากรอกตาไปมาเห็นเพดานห้องตกแต่งเหมือนตำหนักวังของข้า’

 

           ตอนนี้พระองค์สัมผัสและรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นที่ปลายพระหัตถ์ ไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่จะตรัสใดๆ พระศอแห้งไปหมด รู้สึกเวียนพระเศียร ทรมานเหลือเกิน ตอนนี้พระวรกายเริ่มรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ

            “ไปตามหมอหลวงมาเร็ว นางฟื้นแล้ว”

           นาคราชหนุ่มอยากจะตรัสถามว่าข้ามายังที่นี่ได้อย่างไร แต่ก็ไม่มีแรงแม้แต่จะเอ่ยคำใดๆ พระวรกายตอนนี้อ่อนล้าเหลือเกิน

           ศศิศทอดพระเนตรบุรุษที่กุมเพราะหัตถ์ของพระองค์อยู่ซึ่งเป็นชายหนุ่มคิ้วเข้ม นัยน์ตาดุคมเหมือนเหยี่ยว จมูกโด่งเป็นสันได้รูป ริมฝีปากหยัก รูปหน้าหล่อคม ร่างสูงบ่ากว้าง รูปร่างดีจนน่าอิจฉา เขาใส่ชุดเสื้อกับกางเกงเข้าชุดกันสีครีมมีลายดิ้นปักสีทอง ดูอย่างไรก็มิใช่มนุษย์

           เมื่อทอดพระเนตรศิราภรณ์บนศีรษะแล้วอยากจะเลื้อยหนีทันที ราชาเผ่าปักษา ครุฑ !

           'ฆเคศวร ต้องเป็นเขาแน่ๆ'

          พญาครุฑตนนี้น่าจะเป็นตนที่ทำร้ายพระองค์จนบาดเจ็บปางตาย อิทธิ์ฤทธิ์และพละกำลังของมันมากมายมหาศาลเหนือกว่านาคราชชั้นสูงอายุพันปีห้าร้อยเจ็ดสิบกว่าวันหลายเท่านัก กายหยาบเดิมของศศิศมหานาคราชเป็นพญานาคสีทองเจ็ดเศียรขนาดใหญ่ ดวงเนตรสีฟ้า

            ในสามโลกนี้มีเพียงครุฑเพียงห้าตนซึ่งเป็นใหญ่บนสวรรค์ชั้นฟ้าเท่านั้นที่จะทำอันตรายนาคราชหนุ่มได้ได้ นอกจากนั้นมิใช่คู่ต่อสู้เลย

            “ถวายบังคมองค์ราชา ถวายบังคม...”

            “ไม่ต้องมากพิธี! รีบรักษานางเถอะ”   เขาตวาดเสียงดังท่าทางร้อนรน

           นาคราชเผลอสะดุ้งตกพระทัย เหงื่อออกชุ่มไปทั้งพระวรกาย พระกรสั่นไปหมดด้วยความกลัว เพียงแค่อยู่ใกล้ศศิศก็สัมผัสได้ถึงอำนาจที่ยิ่งใหญ่จากเสียงของเขา ราชาของเผ่าครุฑเป็นผู้ที่เก่งกาจจนได้ชื่อว่า ‘เทพสงคราม’

            “คราที่แล้วเจ้าบอกว่า นางเป็นปกติแล้ว แต่เหตุใดกลับเป็นเช่นนี้ หากนางเป็นอันใดไป ข้าจะสั่งตัดหัวเจ้า”

           เขากล้าดีอย่างไรจะสั่งตัดหัวใครก็ได้โดยไม่มีเหตุผล!

          ‘ถึงข้าจะหน้าหวาน แต่ข้าเป็นบุรุษนะ เจ้าครุฑตาบอด’ พระองค์นึกในพระทัย

           ตอนนี้ศศิศกล้าตรัสได้ว่า ‘ไม่ชอบขี้หน้าราชาครุฑตนนี้เลย’ เพราะมาหาว่าพระองค์เป็นสตรี !

           หมอหลวงดูลนลานเวลาตรวจชีพจรของนาคราชหนุ่ม หน้าเขาซีดเป็นไก่ต้มก่อนจะเปลี่ยนเป็นสีแดง สีเขียวและก็ขมวดคิ้ว เขามองคนไข้สลับกับราชาที่นั่งข้างๆ

            “พระมหาเทวีเจ้ายังทรงพระครรภ์อยู่พะย่ะค่ะ “ เขาตอบเสียงดังฟังชัด ก่อนจะรำพึงว่า “เป็นไปได้อย่างไรกัน”

           องค์ฆเคศวรแย้มพระสรวลน้อยๆ

            “น้องหญิง ลูกของเรายังอยู่”

           เขาเสกก้อนทองคำและมอบมันให้หมอหลวงแล้วหันมาสนใจศศิศ ตอนนั้นเขาลูบหน้าท้องนาคราชหนุ่มเบาๆอย่างทนุถนอม

            “ลูกพ่อ ลูกรักของพ่อ”

           ศศิศเบิกพระเนตรกว้าง นี่พระองค์ป่วยจนเพ้อไปแล้วหรือฟังไม่ชัดหรืออย่างไร

           ‘ข้ากำลังจะมีลูก’

            “นี่ข้ากำลังฝันอยู่หรือ”

            นอกจากท้องที่ยื่นออกมาแล้ว นาคราชหนุ่มสัมผัสได้ถึงดวงจิตของสิ่งมีชีวิตในพระวรกายของพระองค์ที่กำลังดิ้นน้อยๆอยู่

           ‘ข้าเป็นพญานาค แต่กำลังท้องลูกของพญาครุฑ ศัตรูคู่อาฆาตมาตั้งแต่สองหมื่นปีก่อน!’

            นี่มันฝันร้ายชัดๆ

            “น้องหญิง เจ้าไม่ได้ฝันไปหรอก เรากำลังจะมีลูก เจ้ารอคอยมันมา 5 ปีแล้วไม่ใช่หรือ”

            “ห๊ะ พูดเพ้อเจ้ออะไรของท่านน่ะ ข้าไม่ใช่คนรักของท่าน”

           ศศิศอุทานออกมาอย่างงุนงง

           ‘มันพูดอะไรของมัน ข้าไม่เห็นเข้าใจ’

           “เจ้าเพิ่งจะฟื้นขึ้นมา เจ้าได้รับบาดเจ็บหนักขนาดนี้อาจจะทำให้เจ้าอาจจะหลงลืมไปก็มิใช่เรื่องแปลก น้องหญิงตอนนี้เจ้าคงจะคอแห้งเช่นนั้นเจ้าจงดื่มน้ำเสียก่อนนะ คนดี”
       
          ครุฑราชตรัสด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน พระกรหนารินน้ำและยื่นมาตรงพระพักตร์

           นาคราชหนุ่มรวบรวมแรงทั้งหมดปัดแก้วน้ำจนกระเด็นหล่นลงพื้นแล้วมองพระพักตร์ของครุฑราชด้วยความแค้นเคือง

          แม้ว่าจะรู้สึกผิดอยู่บ้าง แต่พอนึกถึงตอนที่เขาทำร้ายพระองค์แล้ว พอเห็นท่าทางหงอยๆของเขาแล้วพระองค์ก็รู้สึกสะใจขึ้นมาทันที ศศิศเชิดคางขึ้นและแย้มพระโอรษฐ์เล็กน้อย

            “ท่านเพิ่งจะประสงค์ชีวิตของข้ามิใช่รึ ข้าจะกล้าดื่มน้ำที่ท่านรินให้ได้อย่างไรกันเล่า องค์ราชา”

           “พี่ไม่เคยประสงค์ชีวิตของเจ้า พี่รักเจ้าดั่งดวงหทัยจะทำเช่นนั้นได้เยี่ยงไร พี่อาจจะทอดทิ้งเจ้าไปนาน จนทำให้เจ้าถูกรังแก แต่พี่มีเหตุผล พี่ต้องออกไปรบ ท่านแม่บอกว่า ถ้าหากพี่รบชนะ ท่านแม่จะอนุญาตให้ประกาศว่า เจ้าเป็นราชินีของพี่ พี่ขอโทษ ครั้งนี้พี่ผิดจริง  “

            “พอเสียที ข้ามิอยากฟังท่านเสแสร้งแสดงละคร ไยข้าจะมิรู้ว่า ท่านทำดีกับข้าก็เพื่อโอรสของท่าน แต่ท่านสบายใจได้”

             “เจ้ากำลังเข้าใจพี่ผิด” ฆเคศวรตรัสด้วยน้ำเสียงเหนื่อยอ่อน 

             “อย่างนั้นรึ เอาเถอะอย่างไรเสีย ข้าไม่ใช่พวกใจร้ายไส้ระกำจนคิดจะกินยาขับเลือดหรือหาเรื่องให้แท้งโอรสของท่านหรอก”

             “พี่ขอขอบใจเจ้ามาก” ราชาครุฑรวบศศิศที่งุนงงเข้าสู่อ้อมพระอุระแกร่ง

             “ไม่ต้องมาขอบใจข้าหรอก ข้าทำเพื่อความสบายใจของข้าเพราะในอดีตข้าฆ่าคนบริสุทธิ์มามากแล้ว ข้าไม่อยากฆ่าใครอีก ถึงจะยังเป็นแค่ทารกที่ยังไม่ลืมตาดูโลก แต่เขาก็คือผู้บริสุทธิ์อีกหนึ่งชีวิตเหมือนกัน”

             “เจ้าไม่เคยฆ่าผู้ใด เอาเถอะไม่ว่าเจ้าจะคิดเช่นไร แต่ขอให้รู้ไว้พี่จะไม่มีวันทำร้ายเจ้าและลูกเด็ดขาด”

             “อย่าเพิ่งรีบดีใจไป ในเมื่อข้าต้องอุ้มท้องโอรสท่านกว่าจะคลอดข้าก็ต้องลำบากมิใช่น้อยย่อมถือว่าท่านติดหนี้บุญคุณข้า ท่านต้องรับปากว่าจะทำตามข้อแลกเปลี่ยนของข้าสองข้อก่อน”

            “เจ้าว่ามาสิ”

            “ดี ตอนนี้ข้ายังนึกไม่ออก เดี๋ยวถ้าข้านึกออกแล้วจะบอกท่าน” ศศิศตรัสอย่างเป็นต่อ

            “พี่รับปากเจ้า”

            “ท่านรับปากข้าเร็วไปหรือเปล่า ไม่คิดจะขอเวลาไตร่ตรองดูก่อนหรือ เกิดในอนาคตข้าคิดจะฆ่าท่านขึ้นมา ท่านจะกลายเป็นฝ่ายเสียเปรียบอาจจะโดนฆ่าตายก็ได้ไม่รู้ด้วยนะ ท่านไม่อยากต่อรองหรือตั้งเงื่อนไขอะไรบ้างหรือ ข้าจะให้โอกาสท่านกลับไปคิดอีกสองวันค่อยมาให้คำตอบข้า“

            “ไม่ต้องหรอก พี่คิดดีแล้ว หากในอนาคตเจ้าต้องการชีวิตของพี่ พี่ก็ยินดีจะมอบให้เจ้า ”

            “งั้นก็ตามใจท่าน ท่านร่างสัญญาเลือดมาให้ข้าสิ”

          “ได้”

         ฆเคศวรร่ายมนต์จนเกิดสร้อยที่มีจี้หยดเลือดและมันลอยเข้ามาปรากฎเป็นสร้อยห้อยพระศอของศศิศ เป็นเครื่องยืนยันสัญญาที่หากผู้ให้สัตย์บิดพริ้ว ผู้นั้นจะถูกตราสัญญานี้กัดกินดวงวิญญาณจนตาย เว้นแต่ผู้เป็นเจ้าของสร้อยจะเป็นฝ่ายยกเลิกสัญญาเอง

           “ ข้าให้โอกาสท่านแล้ว แต่ท่านเลือกที่จะปฎิเสธมันเอง พูดจบแล้วก็ออกไปสิ ข้าจะนอน”

            ศศิศมหานาคราชตรัสไล่ พระองค์ต้องรีบหาโอกาสหนีออกจากถิ่นครุฑ

            “เดี๋ยวก่อน พี่มีเรื่องจะขอร้องเจ้า”

            “ขอร้อง ราชาแห่งเผ่าสวรรค์ขอร้องข้า ท่านว่ามาสิแต่ข้ายังไม่รับปากท่านนะว่าจะให้ตามขอ ถ้าข้าฟังแล้วพอใจจะทำข้าถึงจะทำให้ตามที่ท่านขอ”

            “พี่ขออยู่ที่นี่กับจนกว่าเจ้า…เจ้าจะจำข้าได้ น้องหญิง ”

            เขายื่นข้อเสนอใหม่ล่าสุด ทำเอาศศิศชะงักกึกเงยหน้ามองคนพูดแทบไม่ทัน ประโยคนี้ทำเอานาคราชหนุ่มฉงน

            “นี่จะมากไปแล้วนะ ไม่รู้หรืออย่างไรว่าข้าน่ะเกลียดท่านเข้ากระดูกดำ เรื่องอะไรข้าจะยอมให้ท่านมาอยู่ที่นี่”

            “แต่ก่อนเราก็อยู่ด้วยกันนะ และพี่ห่วงเจ้ากลัวเจ้าจะเป็นอะไรไป”  ราชาครุฑเอ่ยเสียงแข็ง

            “ถ้าท่านไม่ไว้ใจข้านักทำไมไม่ท้องเองเสียเลยล่ะ”

            “ถ้าพี่ทำได้ พี่ทำไปเองแล้ว” ฆเคศวรเถียง และเอ่ยออกมาด้วยเสียงเศร้าๆ ว่า “พี่ไม่อยากให้เจ้าลำบาก”

            สายพระเนตรที่ทอดพระเนตรมาด้วยความห่วงใยทำให้พระทัยของนาคราชหนุ่มเต้นผิดจังหวะ

            “ท่านนี่มันชอบยั่วโมโหข้าเสียจริง ไม่ว่าอย่างไรข้าก็ไม่มีวันให้ท่านมาพักอยู่ที่นี่”

            “ถ้าอย่างนั้นเจ้าต้องไปนอนที่วิมานแก้วอากาศกับพี่แทนดีไหม คนดี”

            องค์ฆเคศวรตรัสตอบอย่างว่องไว ไม่แม้แต่จะคิดสักนิด แถมยังทำสีหน้าเหมือนไม่ทุกข์ร้อนกับสิ่งที่ตัวเองทำเมื่อในอดีตจนศศิศเกือบตายเสียด้วยซ้ำ

            “ฝันไปเถอะ”

            คำตอบสั้นๆนั้นเปลี่ยนสายตาของฆเคศวรให้กลายเป็นแข็งกร้าวเหมือนโกรธขึงในชั่ววูบหนึ่ง แต่วินาทีต่อมามันก็จางหายไปเหมือนไม่เคยเกิดขึ้น ช่างควบคุมอารมณ์ได้รวดเร็วเหลือเกิน

            “เจ้าก็น่าจะเดาได้นะ น้องหญิง ในวังนี้มีคนอิจฉาเจ้ามากมาย พวกเขาหาโอกาสกลั่นแกล้งเจ้าอยู่ ถ้าเกิดเจ้ากับลูกของเราเป็นอะไรแม้เพียงน้อยนิด พี่คงเสียใจไปจนตาย ”

            แม้ว่าฆเคศวรจะแสร้งทำกุเรื่องข่มขู่พระองค์ แต่ศศิศก็ไม่ใส่พระทัยแม้แต่น้อย

            “ท่านกล้าขู่ข้าอย่างนั้นรึ”

            “พี่มิได้ขู่ แม้พี่เป็นราชา แต่ก็มิอาจควบคุมจิตใจบริวารได้ทุกคน แต่หากพี่อยู่กับเจ้าที่นี่ หากมีเรื่องร้ายเกิดขึ้นข้าจะได้ช่วยเหลือเจ้าได้ทันท่วงที”

             “นึกว่าข้ากลัวงั้นรึ”

             “เจ้าแน่ใจนะว่าจะปฎิเสธคำขอร้องของพี่ ไม่ห่วงตัวเองก็ห่วงลูกเราบ้างเถอะ”

            เสียงทุ้มตรัสถามย้ำ

           องค์ศศิศทอดพระเนตรด้านนอกห้องที่ประทับที่ตอนนี้มีแต่เหล่าครุฑเดินไปเดินมา

           อันตรายจริงๆ ตอนนี้พระองค์ยังบาดเจ็บอยู่ด้วยถ้าหากโดนรุมคงจะรอดกลับไปยังบาดาลยากแน่ๆ

          ตอนนี้คงเหมือนกับขอนไม้ที่ลอยมามาใกล้นาคราชหนุ่มที่ลอยคอในทะเล หากพระองค์ไม่รีบไม่คว้าเอาไว้ พระองค์คงจมน้ำตายและก็คงไม่มีโอกาสอีก

           นาคราชหนุ่มหันไปมองหน้าเขาแล้วยักไหล่แล้วพูดว่า “ก็ได้ ข้าอนุญาตให้ท่านอยู่ที่นี่ได้ พอใจหรือยัง”

           “พี่พอใจมาก”

            องค์ศศิศมองดูเขาที่ส่งสายตากวนประสาทและสีหน้ายียวน รวมทั้งพยายามซ่อนรอยยิ้มไว้ที่มุมปากแล้วรู้สึกหมั่นไส้ขึ้นมาทันที

            “รู้ไว้เสียด้วยที่ข้ายอมครั้งนี้เพราะข้านึกเห็นใจท่านที่เป็นห่วงโอรสเพียงองค์เดียว มิใช่กลัวคำขู่ของท่านหรอกนะ”

            “แล้วพี่จะจำใส่ใจเอาไว้”

            เขาทำสีหน้าไม่ทุกข์ไม่ร้อนไม่มีสำนึกใดๆยิ่งทำให้รู้สึกอยากตบหน้าแรงๆสักที แต่ศศิศก็ได้แต่ขบกรามแน่น

          “แล้วนี่ท่านไม่มีธุระอะไรหรอ? เป็นถึงราชาครุฑทำไมดูว่างงานเสียจริง”

          “น้องหญิง เจ้าพูดเหมือนไล่”

          “ใช่ นี่ท่านรู้ตัวแล้วว่าข้าอยากไล่ยังไม่รีบไปอีกเหรอ ?”
 
        เขาหัวเราะอย่างข่มขื่น ก่อนจะเอ่ยว่า “สวรรค์คงจะลงโทษพี่แล้ว ตอนที่เจ้าเรียกร้องให้พี่อยู่เป็นเพื่อนพี่กลับบ่ายเบี่ยง พออยากจะชดใช้ให้เจ้า เจ้าก็ไม่ต้องการมันเสียแล้ว”

        “…”  ท่าทางเศร้าสร้อยเหมือนคนสูญเสียของสำคัญของฆเคศวร ทำให้องค์ศศิศรู้สึกสงสารจับพระทัย

    ร่างสูงฝืนแย้มพระโอรษฐ์ตรัสตอบ “เอาเถอะ อย่างไรเจ้ากับลูกก็ยังอยู่ตรงนี้กับพี่ เพียงเท่านี้ก็เพียงพอแล้ว พอแล้วล่ะ”

   องค์ศศิศปล่อยให้ฆเคศวรจับพระกรไว้ พระองค์ไม่ตรัสตอบอะไร

        “ น้องหญิง พี่ไม่รบกวนเจ้าแล้ว เจ้าพักผ่อนเยอะๆ เถอะ”

       หลังจากราชาครุฑออกจากห้องไป ศศิศเดินไปส่องกระจก ร่างบางไม่สนใจบาดแผลตามลำตัว ใบหน้าหวานบอบช้ำที่แก้มซ้ายมีรอยนิ้วมือ แขนขวามีรอยถลอก บนหน้าผากมีผ้าพันแผล

      นาคราชหนุ่มเปลื้องผ้าออกก็ต้องตกใจแทบสิ้นสติ

     พระองค์มีหน้าอก และเครื่องเพศเป็นสตรี!

       ร่างบางรีบใส่เสื้อผ้าทันทีแล้วกลับไปล้มตัวลงบนเตียงทันที

       'ข้าต้องยังฝันอยู่แน่ๆ'
 
       เมื่อลองหยิกต้นแขนก็ยังรู้สึกเจ็บ

       'ชักจะแปลกแล้วสิเนี่ย'

       องค์ศศิศเตรียมเข้าบรรทมอีกครั้งแล้วหลับพระเนตร

      'หนึ่ง สอง สาม'

      เมื่อลืมพระเนตรอีกครั้งก็ยังทรงประทับอยู่ที่เดิม

     "เอาใหม่สงสัยข้าจะนับเร็วไป คราวนี้นับให้นานๆหน่อย เอาให้ถึงร้อยเลย"

     นาคราชหนุ่มหลับพระเนตรแล้วนับเลขในพระทัย

    ' หนึ่ง สอง สาม สี่ ห้า หก เจ็ด แปด เก้า สิบ สิบเอ็ด สิบสอง สิบสาม...หนึ่งร้อย'


     เมื่อร่างบางลืมพระเนตรก็ต้องตกใจสุดขีด

      "อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกป"


        ร่างบางแทบจะลุกขึ้นมาเต้น ก็จะอะไรเสียล่ะถ้าไม่ใช่เจ้าครุฑบ้าลามกมันมาลักหลับจุมพิตพอดี พอลืมพระเนตรมาสบกันพอดีศศิศถึงได้ตกพระทัยสุดขีด


           " ไอ้ครุฑเฒ่าบ้ากาม!!!!!"


     (จบตอน)
 
         กลับมาแล้วค่า หลังจากนัทวุ่นวายกับการงานและก็แต่งเพิ่มตอนที่ 4 ใหม่แล้วลบแล้วก็แต่งใหม่ เพราะตอนเดิมที่แต่งไว้มันข้ามไปเลยแล้วเนื้อหามันงงก็เลยแต่งเพิ่ม แต่มันก็จะเป็นพาร์ทที่อ่านแล้วต้องตั้งสติดีๆ นะ มีเฉลยอะไรๆหลายอย่าง ส่วนปมอื่นๆจะทยอยแกะไปเรื่อยๆ ตอนต่อๆไปค่ะ

          ฝากติดตามด้วยนะคะ


 *******  ขอบคุณ คุณ sirin_chadada  ด้วยนะคะ สำหรับการตรวจสำนวน คำผิดและคำชี้แนะต่าง ๆ  นัทปรับแก้ตามแล้วค่ะ ขอบคุณสำหรับการติดตามด้วยค่ะ   
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-09-2018 22:00:26 โดย natsikijang »

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
ชักจะงงตามศศิศ (ตกลงชื่อ ศศิ หรือ ศศิศ คะ เคยเห็นในบทก่อน บางทีก็ศศิ/ศศิศ ไม่รู้คนเขียนแก้ไขหรือยัง)
คือ ศศิศมาอยู่ในร่างพระชายาของฆเคศวรตอนที่กำลังทรงครรภ์อยู่เหรอ (เหมือนจะย้อนเวลาไปในตอนที่นางยังไม่ตายเสียด้วย) ตอนนั้นนางก็ถูกทำร้ายบาดเจ็บแบบนี้เลยเหรอ
แปลกอะ ถ้ารักดั่งดวงใจจริงก็น่าจะดูแลดีกว่านี้หรือเปล่า
คงต้องรอดูต่อไปสินะ

คำผิดค่ะ
ท่าทางร้อนลน (รน)
นอกจากท้องที่ยืน (ยื่น)ออกมาแล้ว
พี่รักเจ้าดั่งดง (ดวง)หทัย
“พี่ไม่อยากให้เจ้าเห็นเจ้า (เลือก ให้เจ้า/เห็นเจ้า อย่างใดอย่างหนึ่ง)ลำบาก”
ในวังนี้มี (คน) อิจฉาเจ้ามากมาย
ถึงไป (ได้)ตกพระทัยสุดขีด

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7697
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ยังไงๆๆ ........... :katai1: :katai1: :katai1:
จากนาคราช มาเป็นพระชายาราชาครุฑ  o22
หรือดวงจิตของนาคราช มาเข้าร่างพระชายา  :z3: :z3: :z3:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ หมอตัวเปียก

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1875
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-3
แสดงว่าจริง ๆ แล้วมันเกิด time paradox ขึ้นมา ดวงจิตของศศิเข้าไปในร่างของพระชายาในอดีตรึเปล่า แล้วลูกที่อยู่ในท้องก็เลยเป็นลูกของศศิ แบบนี้ล่ะมั้ง เดา ๆ เอา

ออฟไลน์ oilzaza001

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 619
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
เอ้าาางงง

ออฟไลน์ natsikijang

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 540
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-4
 โอ้โห เดาถูกทุกอย่างเลยค่ะ ตอนนี้เกิด Time Paradox ระหว่างดวงจิตของของศศิศและพระชายา  ส่วนสาเหตุที่เกิดและความสัมพันธ์ของทั้งคู่เกี่ยวข้องกันยังไงนั้นต้องรอติดตามต่อนะคะ หรือจะลองเดาดูเล่นๆก็ได้นะคะ

แสดงว่าจริง ๆ แล้วมันเกิด time paradox ขึ้นมา ดวงจิตของศศิเข้าไปในร่างของพระชายาในอดีตรึเปล่า แล้วลูกที่อยู่ในท้องก็เลยเป็นลูกของศศิ แบบนี้ล่ะมั้ง เดา ๆ เอา

ออฟไลน์ neverland

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 653
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
ว่าแล้วต้องเกี่ยวกันจริงๆ ไม่งั้นศศิศจะฟัก(?)ไข่ได้ยังไง

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3709
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4

ออฟไลน์ Poseidon

  • Unconditional love
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5081
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-12
แบบนี้นี่เอง สู้ๆนะศศิศ

ออฟไลน์ ปักษธร

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 25
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
คืออยากถามว่าคนเขียนได้เขียนนิยายเรื่องนี้เป็นชายหญิงด้วยมั้ยค่ะพอดีเราเห็นนิยายเรื่องนึ่งมาในเด็กดีเห็นเนื้อเรื่องเหมือนกันเลยต่างแค่ชื่อตัวละครน่ะค่ะ

ออฟไลน์ JellyKei

  • ✧٩(の❛ᴗ❛ の)۶
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 211
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
งั้นแบบนี้เท่ากับว่าไข่นั่นก็ต้องเป็นลูกของศศิศสินะ ตอนแรกถึงมีปฏิกิริยาแปลกๆตอนเห็นไข่
แล้วจากคำโปรยเรื่องคงไม่ใช่แค่ศศิศหน้าเหมือนพระชายาแล้วมั้ง น่าจะเป็นเลยรึเปล่า(?)

ออฟไลน์ ตีสี่

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 412
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-5
    • 61'
คืออยากถามว่าคนเขียนได้เขียนนิยายเรื่องนี้เป็นชายหญิงด้วยมั้ยค่ะพอดีเราเห็นนิยายเรื่องนึ่งมาในเด็กดีเห็นเนื้อเรื่องเหมือนกันเลยต่างแค่ชื่อตัวละครน่ะค่ะ

แต่เราเหมือนอ่านเรื่องต่อของนิยายที่เราเคยอ่านในเด็กดีค่ะ เรื่องโดยย่อของเรื่องนั้น คือ พญาครุฑมีจิตปฏิพัทธ์กับธิดานาคถึงขั้นไปลักพาตัวมาซ่อนไว้ในวิมานฉิมพลี ธิดานาคจึงพยายามหาทางหนีแต่ก็ไม่เคยหนีรอด สุดท้ายแล้วด้วยความใกล้ชิดหรือเล่ห์กลทั้งหลายทั้งแหล่ของพญาครุฑ ธิดานาคองค์นั้นก็ตกหลุมรักพญาครุฑและแต่งงานกัน จบเรื่อง แต่ยาวและสนุก

แต่อ่านตอนที่สี่แล้วงงจริง ไม่ได้งงโดยพล็อตเรื่องนะ แต่งงโดยการเขียนบรรยายมากกว่า เราก็เข้าใจตามที่คุณหมอตัวเปียกเขียนคอมเมนต์ไว้ค่ะ ตอนที่สี่คือช่วงที่ดวงจิตขององค์ศศิศนาคราชย้อนกลับไปอยู่ในร่างพระชายาของพญาครุฑ แน่นอนว่าค่ะว่าตัวละครในเรื่องต้องงงว่าตอนนี้ตัวเองอยู่ที่ไหน แต่คุณคนเขียนควรจะเขียนให้คนอ่านเข้าใจชัดว่า ตัวละครอยู่ที่ไหน

     ‘นี่ข้าฝันซ้อนฝันหรือ ข้ากรอกตาไปมาเห็นเพดานห้องตกแต่งเหมือนตำหนักวังของข้า’ -> ท่อนนี้เป็นดำริในองค์ศศิศนาคราช ในขณะที่ตัวละครอยู่ในร่างของพระชายาของพญาครุฑ โดยตามธรรมชาติแล้วตำหนักครุฑกับนาคย่อมตกแต่งไม่เหมือนกันตามสภาพแวดล้อม จากประโยคที่ยกมา เราเลยเดาว่าองค์ศศิศนาคราชและองค์ฆเคศวร อยู่ในวังบาดาลมากกว่าวิมานครุฑ แต่ไปๆมาๆ กลับไปอยู่ตำหนักของครุฑ

          พระองค์ตายอีกแล้วหรือ? วิญญาณเลยกลับมายังที่นี่

           เป็นไปไม่ได้ เทพที่ตายแล้วต้องดับสูญคืนสู่ความว่างเปล่า พระองค์มิใช่มนุษย์ที่จะได้เวียนว่ายตายเกิดอีก


ส่วนสองประโยคนี้ มันดูขัดกับพล็อตเรื่องค่ะ
เราเดาว่า พระชายากับองค์ศศิศนาคราชคือดวงจิตเดียวกัน เพราะตอนที่องค์ศศิศนาคราชได้รับไข่มาเป็นของขวัญ ผู้เขียนระบุไว้ว่าพระองค์เกิดความรู้สึกผูกพันกับไข่ในกล่องของขวัญ กรณีถ้าเป็นคนละดวงจิตกับพระชายา กรณีนี้มันจะไม่เกิดค่ะ แม้จะอ้างอิงว่า ดวงจิตขององค์ศศิศนาคราชได้ย้อนไปอยู่ในร่างของพระชายา แต่การย้อนดวงจิตเกิดหลังจากที่ได้รับไข่มาแล้ว พล็อตเรื่องมันเลยยิ่งขัดกับสิ่งที่เป็นความจริง (Fact) ที่คุณเขียนระบุไว้ ในเมื่อเวียนว่ายไม่ได้ ทำไมดวงจิตของพระชายาถึงได้อุบัติเป็นองค์ศศิศนาคราชได้ ยังไม่นับรวมกับคำว่าโอปปาติกะที่คุณนำมาเขียนอ้างไว้อีกนะ

 ‘ในแต่ละชาติ ข้าต้องรับกรรมโดนใส่ความจนต้องโทษ เฆี่ยนตีทรมาน โดนประหารชีวิต ประสบเคราะห์กรรม อุบัติเหตุ ภัยพิบัติ สัตว์ร้ายกัดตายมิได้ตายดีเลยสักชาติ ชีวิตแลกชีวิต ข้าฆ่าคนนับร้อยชีวิต ข้าก็ต้องใช้กรรมนับร้อยชาติ แม้ข้าจะเป็นเทพชั้นสูงที่กำเนิดโดยโอปาติกะก็มิอาจหลีกเลี่ยงกรรมได้เพราะข้าไปยุ่งเกี่ยวกับชะตามนุษย์อันเป็นสิ่งต้องห้ามจึงต้องรับกรรมที่ทำไป’ (จากตอนที่ 1 )

"โอปปาติกะ" เป็นการกำเนิดของเหล่าสัตว์บางประเภทคือเมื่อสัตว์ได้ตายลง จุติจิตเกิดขึ้นก็เกิดขึ้นทันทีคือเป็นตัวผุดขึ้นทันที สมบูรณ์ทันที โตดั่งกับคนอายุ 16 ปี เป็นต้น โดยทั่วไปแล้ว  มนุษย์จะต้องอยู่ในครรภ์ก่อนค่อยเป็นจุดเล็กๆแล้วก็ค่อยๆโตขึ้น นี่คือกำเนิดในครรภ์      แต่ถ้าเป็นหมู่สัตว์ที่เป็นโอปปาติกะ เมื่อสัตว์นั้นตายก็โตเป็นตัวขึ้นทันที    ไม่ต้องรอให้โต  ดังนั้นจึงเป็นการเกิดขึ้นอย่างฉับพลัน       ซึงสัตว์ที่เกิดเป็นโอปปาติกะก็จะเป็น เทวดาทั้งหมด คือเมื่อสัตว์ใดจะไปเกิดเป็นเทวดา   เมื่อตายแล้วไปเกิดเป็นเทวดา ก็จะเป็นตัวโตผุดขึ้นทันที โดยฉับพลัน ไม่ต้องรอค่อยๆโตหรืออยู่ในครรภ์ ในไข่แล้วค่อยๆโต

โอปปาติกะจึงเป็นเหล่าสัตว์ที่เป็นพวกเทวดา เปรตและสัตว์นรก คือเมื่อบุคคคลใดจะต้องไปนรกเมื่อตาย ดังเช่น  พระเทวทัตเมื่อตายไปก็ไปเกิดในอเวจีมหานรก เกิดเป็นตัวใหญ่ขึ้นมาทันทีโดยฉับพลันแล้วก็ถูกทรมานในนรก   ส่วนมนุษย์โดยทั่วไปแล้วก็จะเกิดในครรภ์ มีบ้างที่เป็นโอปปาติกะคือเกิดมาแล้วโตทันที     เช่น มนุษย์ในยุคแรก     ตายจากความเป็นพรหมแล้วก็มาเกิดเป็นมนุษย์แต่โตเป็นตัวใหญ่ทันทีเหมือนบุคคลอายุ 16  ไม่ต้องอยู่ในครรภ์ ในไข่แล้วค่อยๆโต
(แหล่งข้อมูลจาก http://www.dhammahome.com/webboard/topic18345.html)
 
แต่องค์ศศิศนาคราชกลับมีพ่อแม่อ่ะ
คือเราไม่ได้มีข้อคัดค้านเกี่ยวกับทฤษฎีในนิยายหรอกนะ ถึงจะหยิบคำจำกัดความทีมีใช้จริงๆมาใช้ในนิยาย แต่ถ้าต้องการใช้ในความหมายที่ต่างจากเรื่องจริง คือต้องบัญญัติความหมายใหม่ในเรื่องด้วย และสิ่งที่เป็นความจริง (Fact) ในเรื่อง มันต้องไม่ขัดแย้งกันเอง อย่างประโยคที่เรายกมา

 เป็นไปไม่ได้ เทพที่ตายแล้วต้องดับสูญคืนสู่ความว่างเปล่า พระองค์มิใช่มนุษย์ที่จะได้เวียนว่ายตายเกิดอีก

ถ้าไม่อยากให้ประโยคเป็น Fact มันควรจะเป็น

"เป็นไปไม่ได้ ตามที่องค์ศศิศนาคราชทรงทราบ เทพที่ตายแล้วต้องดับสูญคืนสู่ความว่างเปล่า พระองค์มิใช่มนุษย์ที่จะได้เวียนว่ายตายเกิดอีก"

แต่ถ้าอ้างอิงตามทฤษฎีจริงๆ แม้จะเป็นโอปปาติกะก็ยังอยู่ในวัฏจักรนะ โอปปาติกะเกิดจากผลกรรม เมื่อสิ้นสุดผลกรรมย่อมต้องไปเกิดในภพภูมิอื่น เทพยังจุติเป็นมนุษย์ได้เลยเมื่อหมดผลบุญ และถ้าพูดถึงนาคที่เป็นโอปปาติกะจริงๆไม่น่าจะมีเยอะ เหมือนมนุษย์นั่นแหละ มนุษย์คนแรกกำเนิดแบบโอปปาติกะ มนุษย์คนที่หนึ่งร้อยต้องกำเนิดแบบโอปปาติกะด้วยเหรอ มันก็ไม่ใช่ไง

และการเขียนในตอนที่ 4 ของคุณก็รวนไปหมด เขียนใช้สรรพนามบุรุษที่หนึ่งผสมกับสรรพนามบุรุษที่สามปนกันติดๆเลย หรือเพราะเราแก่เกินไปแล้วก็ไม่รู้ ปกติเราก็ไม่ค่อยชื่นชอบอ่านนิยายประเภทที่ 'ย่อหน้าแรกบรรยายเรื่องด้วยสรรพนามบุรุษที่หนึ่ง พอย่อหน้าต่อมาเปลี่ยนไปเขียนบรรยายด้วยสรรพนามบุรุษที่สาม' เรารู้สึกว่าอารมณ์ของเรื่องมันจะไม่ค่อยต่อเนื่อง อ่านแล้วสะดุด แต่สมัยนี้นิยมเขียนแบบนี้กัน เราว่านะเขียนนิยายแนวแบบที่คุณเขียนมันไม่เหมาะกับการเขียนด้วยวิธีสลับสรรพนามไปมาหรอกนะ

ถ้าคุณไม่รู้ว่าจะแก้คำซ้ำที่คุณsirin_chadada เคยเขียนบอกไว้ยังไง เราแนะนำให้คุณไปอ่าน 'ดั่งดวงหฤทัย' ค่ะ ที่จริงมีนิยายอีกเยอะที่ใช้คำราชาศัพท์ แต่เราจำไม่ได้แล้ว แม้แต่นิยายวายเรื่องที่รู้สึกว่าคนเขียนใช้คำราชาศัพท์ได้เทพมากก็จำไม่ได้เหมือนกัน  จำได้แค่ว่าคนเขียนเรื่องนั้นเทพจริงๆ

สุดท้าย การเขียนนิยายแนวนี้ความรู้คุณต้องแน่น แม้เราจะบอกว่าสามารถสร้างทฤษฎีใหม่ในนิยายได้ แต่คนศึกษาทฤษฎีมาเขาจะไม่เชื่ออยู่แล้วค่ะ ไม่ใช่ว่าเราอ่านทฤษฎีมาเยอะนะ แต่เราพยายามหานิยายแนวนี้อ่าน เท่าที่อ่านมา ถ้าพูดเล่าถึงสัตว์ในหิมพานต์ หรือภพภูมิสวรรค์ จะไม่ค่อยมีนักเขียนคนไหนแตกจากทฤษฎีดั้งเดิม แต่มักจะเขียนให้ภพภูมิพิเศษเหล่านี้มีหลักความเป็นไปเหมือนมนุษย์ อย่างบุตรที่เกิดจากนาคชนชั้นปกครองย่อมมีอิทธิและศักดิ์เหมือนนาคที่เป็นบิดามารดา ขอแนะนำให้คุณลองไปหาไตรภูมิพระร่วงมาอ่านค่ะ หาอ่านจากในอินเทอร์เน็ตก็ได้ เราก็หามาแต่ยังไม่ได้อ่าน ตอนนี้ไฟล์ไปอยู่ไหนแล้วก็ไม่รู้ด้วย หนังสือแนะนำเรื่องนี้มาจากผู้รู้ในพันทิปค่ะ เคยมีนิยายเรื่องหนึ่งเขียนเกี่ยวกับภพภูมิพิเศษที่ว่า แล้วไปโดนสับเละอยู่ในพันทิปทั้งที่ดังมากในเด็กดี 

ถ้าคำที่ใช้ดูรุนแรงกระทบใจต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยค่ะ


ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8896
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ natsikijang

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 540
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-4
คืออยากถามว่าคนเขียนได้เขียนนิยายเรื่องนี้เป็นชายหญิงด้วยมั้ยค่ะพอดีเราเห็นนิยายเรื่องนึ่งมาในเด็กดีเห็นเนื้อเรื่องเหมือนกันเลยต่างแค่ชื่อตัวละครน่ะค่ะ


ใช่ค่ะ  มาจากเรื่องวิวาห์แห่งโชคชะตาค่ะ     เว็บเด็กดี   Username catear -a   ที่ใช้แต่งนิวายวายแสนนาน เจ้าจอม จอมใจจักพรรดิค่ะ   นึกว่าจะไม่ใครอ่านแล้ว  ดีใจมาก มากจริงๆ  ขอบคุณนะคะคุณ Gamemy ตามมาอ่านเว่อร์ชั่นนี้อีก

ออฟไลน์ ปักษธร

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 25
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
มาต่อเร็วนะค่ะ หนูชอบเรื่องนี้นะอ่านแล้วเข้าใจง่าย ไม่งงดีค่ะ ส่วนเรื่องเจ้าจอม หนูชอบมาเลยค่ะอ่านจบไปหลายรอบแล้ว o13 :katai2-1: :hao5:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-10-2017 12:02:17 โดย Gamemy »

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
ให้กำลังใจคนเขียนนะคะ (ยังรออ่านอยู่นะคะ)

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7579
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
ตามดูๆๆๆๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ PAiPEiPEi

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 459
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-3
รออ่านอยู่ค่าาาา

ออฟไลน์ flowerloveyaoi

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 61
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
สนุกมากค่ะ ถึงจะงงๆไปบ้าง5555 เรื่องนี้ดัดแปลงมาจาก ช-ญ ใช่มั้ย คืออ่านแล้วนายเอกของเราจะให้บรรยกาศเป็นผู้หญิงเลยสำหรับเรา และที่น่าสนใจคือแต่ละชาตินายเอกเกิดเป็นหญิงหมดเลยเหรอจากที่อ่านมาหรือมีที่เป็นชายด้วยแต่ยังมาไม่ถึง? เราอยากให้มีนะจะได้ดูไม่ขัดๆ หรือจะมีเหตุผลว่าต้องเกิดเป็นหญิงเท่านั้น มีเสริมตรงนี้นิดนึงก็ดีนะคะ
เราเป็นสาววายประเภทอ่านแต่วายอย่างเดียว ช-ญ ไม่แล อาจแสดงรสนิยมส่วนตัวมากเกินไปก็ขอโทษด้วยนะคะเพราะเราชอบเรื่องนี้ค่ะเลยอยากอ่านต่อเรื่อยๆแต่ถ้าให้ความ ช-ญ เกินไปเราจะเลิกอ่านทันที ซึ่งเราก็ไม่เข้าใจตรงนี้ของตัวเองเหมือนกัน5555 ยังไงก็ติดตามรออยู่นะคะ :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ natsikijang

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 540
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-4
          ตอนที่  ๕


 (ฝันว่า ตนเองอยู่ในภาคอดีต)



        หลังจากวันนั้น ผ่านมาเดือนกว่าแล้ว ฆเคศวรมักจะมาเฝ้านาคราชหนุ่มทุกครั้งที่ครุฑราชมีเวลาว่าง ทรงตามใจทุกอย่าง ข้าวของใช้ที่พระองค์ปรารถนาหากราชาครุฑรู้ก็จะหามาให้ทุกอย่าง


         แรกๆ พระองค์ก็รำคาญและอึดอัด แต่ในระยะหลังองค์นาคราชก็เริ่มชิน  พระองค์มีนางกำนัลประจำตัวชื่อ จำปาที่เป็นพระพี่เลี้ยงตั้งแต่เด็กและหิมาลายา พระภคินีเชื้อสายเผ่าครุฑที่ฆเคศวรสั่งให้มาดูแลร่างบาง


           
           ตอนนี้ศศิศยังคงอยู่ในร่างของพระธิดาลัญยาวดี พระราชธิดาแห่งอาณาจักรนันทปุระ 

          ในอดีตสตรีนางนี้ได้ช่วยรักษาอาการบาดเจ็บของฆเคศวรที่ปลอมตัวไปช่วยปราบฝูงอสูรวายุภักดิ์ เพราะเอาตัวเองรับเพลิงอสูรป้องกันชาวเมือง  แม้จะมิได้ทำอันตรายถึงชีวิตต่อพญาครุฑอย่างฆเคศวรได้ แต่ก็ทำให้บาดเจ็บไม่น้อย 


        ช่วงเวลานั้นพระธิดาลัญยาวดีกลับมิทรงรังเกียจมานพหนุ่มพเนจรและยังคอยเฝ้าดูแลรักษาจนฆเคศวรในร่างมนุษย์หายดีจนทั้งสองตกลงใจขอกษัตริย์แห่งอาณาจักรนันทปุระมาใช้ชีวิตร่วมกันที่กระท่อมท้ายเมือง นางก็มิได้ย่อท้อต่อความลำบากจนเมื่อนางตั้งครรภ์ ฆเคศวรถึงได้พานางมายังวิมานฉิมพลี


      “ เจ้าครุฑเฒ่าบ้ากาม  ข้าเบื่อ ข้าอยากทำงาน”


      ศศิศเอ่ยขึ้นในขณะที่ฆเคศวรประคองพระองค์มาชมสวนดอกไม้บนวิมานฉิมพลี พระองค์อยากจะเบี่ยงตัวหลบแต่ตอนนี้ครรภ์ของศศิศขยายใหญ่ขึ้นมากเดินเหินไม่สะดวกเลยจึงจำใจยอมให้เจ้าเวหาประคอง หมอหลวงบอกว่าอีกครึ่งเดือน พระองค์จะถึงกำหนดคลอด


      “ เจ้ากำลังท้องกำลังไส้ ข้าจะปล่อยให้ชายาที่กำลังท้องแก่ไปทำงานหนักได้อย่างไร ข้าเป็นห่วงเจ้า”


      “ เจ้าเป็นห่วงลูกของตัวเองเสียมากกว่า”

      ความคุ้นเคยกันในช่วงนี้ทำให้พระองค์เริ่มกล้าจะสนทนาเป็นกันเองกับราชาครุฑมากขึ้น

      “ ลูกของเรา”

      ฆเคศวรกล่าวเสียงเศร้า

          “ โอ๊ย”

         ศศิศรู้ถึงแรงถีบน้อยๆ แต่กลับเล่นเอาจุกเสียดจนต้องทรุดพระวรกายนั่งลงกับพื้นจนคนประคองตกใจตามไปด้วย

           “น้องหญิง เจ้าเป็นอะไรไป!”

          “ ทำตกใจไปได้ก็แค่ลูกดิ้น”

          “ ลำบากเจ้าแล้ว น้องหญิง” ราชาครุฑลูบท้องศศิศและทอดพระเนตรพระองค์เจือความห่วงใย  จู่ๆ ทหารองครักษ์คนสนิทก็เข้ามารายงานสถานการณ์การรบระหว่างเผ่าครุฑกับเผ่ายักษ์

          หลังจากสนทนากับเหล่าทหารเสร็จเรียบร้อยแล้ว ฆเคศวรก็หันมาตรัสกับศศิศว่า “น้องหญิง เจ้าชมอุทยานที่นี่ไปก่อนนะ  พี่จะไปประชุมสถานการการรบเสียหน่อย”

          “ก็รีบไปสิ ข้าอยู่ได้ นางกำนัลออกจะมากโข”

         “เดี๋ยวพี่จะรีบกลับมานะ”

           หลังจากตรัสลาจบแล้ว ฆเคศวรก็เสด็จจากไปทันที
   

           ในระหว่างทางที่กำลังจะเดินกลับตำหนัก

           “โอ๊ย”  ศศิศล้มลงไปกองกับพื้น  ร่างบางเงยพระพักตร์ขึ้นทอดพระเนตรผู้ประทุษร้ายด้วยสายพระเนตรคมกริบ

            “ ว้ายยยย พระธิดา” เหล่านางกำนัลถลามาประคองและปัดฝุ่นตามเนื้อตัว   

              “ นางมนุษย์ชั้นต่ำ อย่าคิดนะว่าข้าจะยอมรับเจ้าเป็นชายาของเสด็จพี่ของข้า”

             ศศิศเลิกคิ้วทอดพระเนตรคนที่มาขวางอย่างดูถูก

              “จำเอาไว้นะ คนเดียวที่จะมาเป็นพี่สะใภ้ข้าคือ พี่นาตยา ผู้นี้ผู้เดียว”

              “ อ่อ ข้าแจ้งใจแล้ว ถ้าไม่มีอะไรแล้วพวกข้าขอตัวก่อน พี่ลัญญาต้องการจะไปพักผ่อน” หิมาลายาคงนึกหมั่นไส้ส่งสายตาขออนุญาตจัดการพวกนาง พระองค์จึงพยักหน้าอนุญาต

               “หลบไป” เมื่อขอทางดีๆ แล้วนางจึงเดินเบี่ยงกระแทกไหล่สตรีผู้ซึ่งเป็นพระน้องนางฆเคศวรทันทีเพื่อเปิดทางให้ศศิศเดินตาม แต่สตรีเดินเข้าไปกระชากหิมาลายาที่จนล้มลงแล้วหัวเราะสะใจร่วมกับสตรีอีกคนข้างๆ เมื่อหิมาลายาลุกขึ้นได้ก็เข้าไปจิกผมนางทันที แต่อีกนางกลับมาตบตีหิมาลายาไม่นับจนคนของพระองค์เสียเปรียบ

                “ หยุด ข้าบอกให้หยุดทั้งสามคนนั่นแหล่ะ “ พระองค์ตะโกนร้องห้ามปรามแต่ไม่มผู้ใดฟังเลย”

               “ ว้าย! เจ้านี่มันรุมกันนี่น่า” หิมาลายาโวยวายร้องลั่นเมื่อเป็นฝ่ายเสียเปรียบสู้ไม่ได้

                “ หิมาลายา เจ้าก็มีสองคนเท่ากันจะมาหาว่า พวกข้ารุมเจ้าได้เยี่ยงไร”

                “พี่ลัญยาของข้าไม่ลดตัวลงมาตบกับพวกเจ้าหรอก ” หิมาลายายอกย้อนจนพวกนางโกรธควันออกหู แล้วแขกผู้มาใหม่เงื้อง่าจะตบหิมาลายาซ้ำแต่ต้องชะงักเพราะเห็นฆเคศวรเดินมาแต่ไกล ทำให้หิมาลายากลายเป็นฝ่ายรุมตบอยู่ฝ่ายเดียว

                “ หยุดได้แล้ว นพนภา นาตยา” เสียงห้ามปรามของฆเคศวรทำให้สองฝ่ายหยุดชะงัก

               นพนภาคงโกรธแค้นพวกศศิศน่าดู ขณะที่นางที่ชื่อนาตยาคลานเพระองค์ไปบีบน้ำตาแต่งเรื่องฟ้องฆเคศวรให้ลงโทษพระองค์

                 “หม่อมฉันไม่คิดเลยว่าพวกนางจะกล้าตบพระน้องนางกับหม่อมฉัน ทั้งที่พวกเราแค่ขอทางดีๆนะเพคะ ไม่เชื่อก็ทรงถามพระน้องนางดูได้เพคะ ขอพระองค์โปรดให้ความเป็นธรรมแก่พวกหม่อมฉันด้วยเพคะ”

                 “ ใช่เพคะ เสด็จพี่ต้องจับตัวมันมาลงโทษให้สาสมกับความผิด”

              นพนภาพยักหน้ารับร่วมกันเล่นละครหลอกตาคนดู ศศิศสบตากับหิมาลายา และจำปา ทอดพระเนตรด้วยสีพระพักตร์ที่เรียบเฉย แต่ในพระทัยนึกหมั่นไส้สองนางนี้เหลือทน

           ในตอนนี้พวกพระองค์คงจะกลายเป็นฝ่ายผิดแน่ แต่ดีแล้วพระองค์จะได้ถือโอกาสแสร้งทำเป็นโกรธและสลัดฆเคศวรออกเพราะราชาครุฑต้องเข้าข้างพระน้องนางของตนแน่ๆ

                 “ข้าต้องเชื่อพวกเจ้ารึ “

                ศศิศและจำปาหันขวับไปมองฆเคศวรที่เอ่ยด้วยนำเสียงเย็นชา นางเป็นลูกพี่ลูกน้องเขามิใช่หรือ ขณะที่หิมาลายายืนกอดอกยิ้มอย่างผู้กำชัย

                 “ เสด็จพี่แต่นางเป็นคนทำร้ายข้านะเพคะ พระองค์ก็เห็น”

                  “ข้าเห็นแค่พวกเจ้าตบตีกัน ดังนั้นข้าจำต้องลงโทษเจ้ามากกว่า เพราะเจ้าถือเป็นน้องข้าและอีกฝ่ายก็เป็นถึงชายา เจ้าควรให้ความเคารพนางถึงจะถูก และตอนนี้นางก็กำลังท้อง”

                  “ก็แค่นางมนุษย์ กล้าดีอย่างไรถึงมารังแกข้าที่เป็นถึงพระน้องนางแห่งวิมานฉิมพลี”

                  “ นางรังแกเจ้างั้นรึ นางน่ะอ่อนโยนและจิตใจดีมีเมตตาจะไปรังแกเจ้าก่อนได้อย่างไรกัน อีกอย่างนางน่ะกำลังท้อง”

                  “นางเนี่ยนะ อ่อนโยนและจิตใจดีมีเมตตา เสด็จพี่ท่านคงโดนนางหลอกแล้วแน่นอน รบกวนท่านช่วยมีสมองหน่อยได้ไหม นางน่ะ..”

                  “ หยุดได้แล้ว ข้าเป็นพี่เจ้า เจ้ากล้าก้าวร้าวกับข้าด้วยรึ”

                  “ ก็เสด็จพี่เข้าข้างนาง”

                  “ นางนิสัยเป็นเช่นไร ข้ารู้จักนางดีที่สุด ไม่ต้องให้คนอย่างเจ้ามาบอกหรอก นึกว่าข้าไม่รู้หรือว่าเจ้ามีนิสัยร้ายกาจเพียงใด พวกเราเป็นลูกหลานเชื้อพระวงศ์เผ่าครุฑ ความอ่อนน้อมถ่อมตนย่อมเป็นคุณธรรมหลักของพวกเรา แต่เจ้ากลับเที่ยวระรานชาวบ้านเขาไปทั่ว ข้าเห็นว่าเจ้าเป็นน้องจึงได้ตามใจ แต่ครั้นนี้ข้าจะต้องลงโทษเจ้า”

                  “ เสด็จพี่ใจร้าย นางรังแกข้านะ”

                  “ พอได้แล้ว ต่อไปนี้ข้าจะดัดนิสัยกลับไปสำนึกผิดในตำหนัก ห้ามออกไปไหนทั้งสิ้น 1000 ราตรี”

                  “เสด็จพี่!!!!!  ข้าเกลียดท่านที่สุด”

                  “ข้าสั่ง เจ้ายังไม่รีบไปอีกรึ”

                 เมื่อพวกนางจำใจเดินกลับตำหนักไปตามคำสั่งของฆเคศวร ศศิศจึงหันมาตรัสถามราชาครุฑว่า

                  “เจ้าครุฑเฒ่าบ้ากาม เจ้าไยไม่เข้าข้างพวกนาง”

                  “ ไยข้าต้องเข้าข้างพวกนาง”

                  “ คนทั่วไปเห็นสถานการณ์เช่นนี้มีแต่คนต้องปกป้องนางและนางก็เป็นน้องสาวแท้ของเจ้าด้วย แต่นี่เจ้ากลับไม่ปกป้องนางสักนิด ”

                  “ เจ้าอยากให้ข้าปกป้องนางงั้นหรือ”

                  “มิใช่ ข้าเพียงแต่สงสัยว่า ทำไมเจ้าถึงเลือกที่จะเข้าข้างข้าและลงโทษนางแทน”

                 “เพราะข้ารู้นิสัยนางดี และข้ารู้นิสัยเจ้าดี มนุษย์ที่จิต จประเสริฐเยี่ยงเจ้าไม่มีทางไปหาเรื่องใครก่อน”

                  ฆเคศวรตรัสตอบเสร็จแล้วก็หันมาจ้องพระพักตร์ศศิศ จ้องจนพระองค์เริ่มขัดเขินเลยตรัสตอบแก้เก้อไปว่า

                 “ เจ้าจะมารู้จักข้าดีได้อย่างไร เราเพิ่งจะเจอกันแค่ไม่สัปดาห์เองนะ”

                 เขาถอนหายใจแล้วเอ่ยว่า “ น้องหญิง ถึงเจ้าจะลืมข้าไป แต่ข้าไม่มีวันลืมเจ้าได้ เจ้าคือดวงใจของข้า”

                 องค์ศศิศเผลอแย้มพระโอษฐ์ออกมา พระทัยเต้นแรง พระหัตถ์ลูบพระนาภีเบาๆ พระองค์แอบทอดพระเนตรว่าฆเคศวรแย้มพระโอษฐ์บางๆ แต่เมื่อพระองค์หันไปเขากลับตีหน้าขรึม

                 “คนหนึ่งเป็นน้องสาวเจ้า ส่วนอีกคนพระองค์ดูสายตานางแล้วนางคงจะชอบเจ้า เจ้ายังทำอย่างนี้กับผู้หญิงที่ชอบเจ้าอีกหรือ”

                  “ แล้วเจ้าล่ะรู้สึกเช่นไร”

                  “ ตอนนี้ข้าเริ่มนึกสงสารนางเสียแล้ว ”

                  “ ข้ามิน่าถามเจ้าเลย”

                 เมื่อเอ่ยจบประโยค ราชาครุฑก็หันหลังเสด็จจากไป ศศิศหันไปสบตากับหิมาลายาที่เดินตามหลังพระองค์เงียบๆ มาตลอดทาง

                  “ เสด็จพี่คงน้อยใจมังเพคะ พี่ลัญยาพูดเหมือนมิมีเยื่อใยต่อพระองค์เลย อะไรกันไปสงสารหญิงอื่นที่จะมาแย่งคนรักของตน”

                  “ เพ้อเจ้อ ข้ากับฆเคศวรมิได้เป็นอะไรกันเสียหน่อยแถมเราเพิ่งจะเจอกันเพียงไม่กี่สัปดาห์เท่านั้น”

                  “ เมื่อไรความทรงจำของพี่จะกลับมานะ ข้าสงสารเสด็จพี่เหลือเกิน”

            องค์ศศิศไม่ได้ตรัสตอบอะไร ปล่อยให้หิมาลายาและทุกคนในวิมานฉิมพลิเข้าใจผิดว่า พระองค์ความจำเสื่อมจากการโดนวางยาครั้งที่แล้วไปเถอะ ดีกว่าต้องมารับรู้เรื่องแปลกประหลาดที่นาคราชเยี่ยงเขามาเข้าร่างพระชายาครุฑ

             หลังเสด็จกลับมายังตำหนัก องค์ศศิศก็คลื่นไส้อาเจียนแพ้ท้องอย่างหนักจนไม่เสวยทั้งอาหารและยาที่จำปาจัดมา

              “ อ้วกกกกก”

             จำปาประคองพระองค์ขึ้นมาจากแท่นบรรทมและคอยลูบพระวรกายพระองค์ตลอด

            “โธ่ พระธิดาเสวยอะไรหน่อยนะเพคะ วันนี้ทั้งวันทรงพระอาเจียนออกทั้งหมด”

             “ ข้ากินอะไรไม่ลงจริงๆ พวกเจ้า เอาไปเก็บเถอะ”  ศศิศตรัสเบาๆอย่างอ่อนแรง

            หิมาลายาเดินเข้ามาหน้าตื่น “ แย่แล้วเพคะ พระอัยยิกาเจ้าเสด็จมา พี่รีบไปหาที่หลบเร็ว”

            คำบอกกล่าวของหิมาลายา ทำให้ศศิศแทบอยากจะเสด็จหนีไปจากตำหนัก แต่พระองค์ได้ยินเสียงกุกกักอยู่ริมหน้าต่าง ทอดพระเนตรไปก็พบว่าขบวนเสด็จของพระพันปีหลวง และพระอัยยิกาเจ้าของฆเคศวรอยู่หน้าพระตำหนักเสียแล้ว เมื่อทั้งสองพระองค์เสด็จมาถึงนำหนักนี้ก็เปิดฉากทันทีด้วยการตรัสดูถูกร่างบางที่อยู่ในร่างมนุษย์ธรรมดา

              “ งามหน้าเหลือเกิน เจ้าหลานมิรักดี ไปคว้ามนุษย์มาเป็นเมียเช่นนี้แล้วข้าจะเอาหน้าไปไว้ที่ใด”  ไม่ขาดคำพระอัยยิกาเจ้าตวัดหลังมือตบร่างบางจนหน้าหันและรู้สึกถึงรสข่มปร่าของเลือดในปาก 

             “พระธิดา!  “ เหล่านางกำนัลกรูเข้ามาประคองศศิศทันที

              “ เสด็จย่าอย่าทรงกริ้ว โปรดพระทัยเย็นก่อนพะย่ะค่ะ” มณีจันทร์ ผู้เป็นพระภคินีของฆเคศวรอีกพระองค์มายื้อยุดพระอัยยิกาเจ้า

              “ เสด็จแม่โปรดพระทัยเย็นก่อนเพคะ”พระพันปีหลวงดึงตัวนาคราชหนุ่มในร่างสาวงามออกห่างและมายืนบังพระองค์ไว้ และโอบกอดปลอบใจพระองค์ที่ร่ำไห้น้ำตานองหน้าด้วยความน้อยใจ พระองค์ได้แต่ก่นด่าสาปแช่งผู้กำหนดโชคชะตาที่เมื่อมาอยู่ในร่างนี้กลายเป็นคนเจ้าน้ำตาเสียอย่างนั้น

              “ เจ้ามันปกป้องลูกเสียจนเสียคน”

             พระอัยยิกาเจ้าสะบัดพระพักตร์หนีแล้วรีบเดินออกไปทันที   

              “อย่าร้องไห้ น้ำตาของเจ้าจะทำให้เจ้ายิ่งทำเจ้าอ่อนแอ เจ้าต้องเร่งทำทุกอย่างให้มันถูกต้อง ผู้คนทั่วสามภพจะได้หยุดติฉิน
นินทาเสียที อย่าลืมว่าตัวเจ้าเป็นถึงพระชายาของราชาเจ้าเวหา จงหาทางรักษาเกียรติของตนไว้ เชื่อแม่และแล้วจำคำแม่ไว้ให้ขึ้นใจ ”

              “เพคะ”

             หลังจากนั้น พระพันปีหลวงก็ตามพระอัยยิกาเจ้าไป ทิ้งให้ศศิศเศร้าโศกเสียใจอยู่เพียงลำพังที่ต้องมารองรับอารมณ์ของเผ่าครุฑที่เจ้ายศเจ้าอย่างโดยที่ถ้าพระองค์โต้แย้ง จำปา หิมายาและนางกำนัลในตำหนักนี้ก็จะถูกลากไปรุมเฆี่ยนอย่างทรมาน ตอนนี้พระองค์สงสารเหล่าบริวารและต้องรักษาพระวรกายเพราะทรงตั้งพระครรภ์อยู่จึงต้องอดทน

           ‘ฝากไว้ก่อนเถอะ นางนกแก่หนังเหี่ยว’           
           
       ในห้องบรรทมในตำหนักเล็กๆ ที่มีศศิศรับใช้เพียงสองนาง

        “ น้องหญิง นี่เป็นยาบำรุงครรภ์ ข้าให้เทพโอสถเตรียมไว้ให้เจ้า รีบดื่มสิ เดี๋ยวจะเย็นเสียหมด”

         ศศิศพยักหน้าแล้วลูบท้องที่กำลังจะมีลูก พระองค์เสแสร้งยิ้มให้ผู้ที่ได้ชื่อว่า เป็นสามีของพระองค์

         “เดี๋ยวข้าดื่มเอง เจ้าไปที่ค่ายทหารเตรียมเสบียงเถิด อย่าได้เป็นห่วงข้าเลย การศึกสำคัญกว่านะ”

        “อืม งั้นเจ้ารีบดื่มยาแล้วพักผ่อนเสียเถิด”
         
      หลังจากฆเคศวรเสด็จไปรบ  ศศิศก็ต้องได้ยินบทสวดโบราณทุกคืน พระองค์รู้สึกร้อนรุ่มไปทั้งพระวรกาย บรรทมหลับๆตื่นๆ 
        คืนหนึ่งเมื่อพระองค์ทรงเจ็บพระครรภ์อย่างหนัก  หมอหลวงก็ทูลว่า พระองค์กำลังจะคลอด พระองค์เบ่งท้องคลอดลูกท่ามกลางเสียงของนางกำนัลที่คอยปรนนิบัติพระองค์

       ‘เจ็บ เจ็บเหลือเกิน’

      พระองค์ประคองสติเพื่อรอฟังเสียงลูกแต่หลังจากพระองค์คลอดลูกแล้วกลับไม่มีเสียงเด็กร้อง
      เสียงบทสวดคาถาโบราณดังก้อง

     “ ไย ข้าไม่ได้ยินเสียงลูก”  พระองค์รำพึงเสียงแผ่ว

     “พระธิดาเพคะ นี่คือพระโอรสของพระนางเพคะ เพียงแต่…”

     พระองค์มองไข่ฟองใหญ่สีชมพูอ่อนแปลกตาด้วยความแปลกใจ พระองค์คลอดลูกออกมาเป็นไข่อย่างนั้นหรือ?

     “ โอรสของพระชายาสิ้นพระชนม์แล้วพะย่ะค่ะ ข้าไม่อาจสัมผัสได้ถึงดวงจิตของพระโอรสในไข่ใบนี้ได้เลยพะย่ะค่ะ ”

    “ ไม่จริง ท่านหมอหลอกข้า ลูกข้าต้องยังไม่ตาย”

     พระองค์ตกใจจนคุมสติไม่อยู่ ตรัสทั้งน้ำพระเนตรไหลรินด้วยความเสียใจกอดไข่ฟองนั้นด้วยความหวงแหน แม้ว่าพระองค์จะไม่ใช่พระราชธิดาลัญญาวดี แต่ก็รู้สึกผูกพันธ์กับพระราชบุตรในพระครรภ์มาตลอด

     “ พระชายามีประสูติกาลก่อนกำหนด ทำให้ข้ามิอาจช่วยพระโอรสของพระนางไว้ได้ ข้าน้อยสมควรตาย”

     คืนนั้นพระองค์ทำพระทัยไม่ได้จึงกรรแสงตลอดทั้งคืน

     จนรุ่งเช้า พระองค์เริ่มรู้สึกเหนื่อยล้าและพระองค์รู้ตัวดีว่า พระองค์คงจะมิรอดแล้ว และความหวังของพระองค์คือลูกของพระองค์คลอดออกมาอย่างปลอดภัยและแข็งแรงถูกทำลายลงเสียแล้ว

      เสียงบทสวดดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ก่อนที่เสี้ยวสุดท้ายของชีวิตจะดับสูญ พระองค์ได้ยินชัดเจนบทสวดสองบทที่เคยเห็นในพระคัมภีร์โบราณในวัยเยาว์ก่อนจะแบ่งร่างไปจุติใช้กรรม

        ‘มนต์มลายวิญญา?  ’
   
         ร่างบางกระอักเลือดสีดำ ท่ามกลางความโศกเศร้าเสียใจของหิมาลายา จำปาและเหล่านางกำนัลในตำหนักหลังเล็กๆ ท้ายอุทยานหลวง




         
        (ภาคปัจจุบัน)
     
        หลังจากครุฑราชได้ทอดพระเนตรพระราชโอรสเสด็จออกมาจากไข่ พระองค์ก็ทรงดีพระทัยมาก  พระโอรสน้อยมีพระพักตร์เหมือนพระองค์มิได้ผิดเพี้ยนและทรงเจริญพระชันษาเรื่อยๆ จนหยุดที่พระชนมายุประมาณ 8 พระชันษา
     
        พระราชโอรสน้อยกลับถลาเสด็จเข้าไปหานาคราชที่มีเจ็ดเศียรที่นอนสลบอาบเลือดอยู่

        "เสด็จแม่! "  ครุฑน้อยตกรพระทัยที่เมื่อพระองค์เขย่าร่างนาคราชแล้วไร้เสียงตอบใดๆ  พระราชโอรสน้อยมิรู้จะทำเช่นไรได้แต่ทรงกรรแสงมิหยุด

        ครุฑราชรีบถลามายังพื้นและร่ายมนต์คืนเป็นกลายทิพย์แล้วตรัสว่า "ลูกพ่อ อย่าได้กรรแสงได้เลย"

        ครุฑน้อยจำเสียงระราชบิดาได้จึงเสด็จไปกอดพระเพลาและตรัสว่า "เสด็จพ่อช่วยเสด็จแม่ด้วย ฮื่อๆๆๆ"


         "หยุดร้องก่อนนะลูก เดี๋ยวพ่อจะรักษา เขาเอง"  พระทัยของพระองค์สั่นไหว เมื่อทอดพระเนตรพระโอรสกรรแสง  ครุฑราชรีบคืนร่างกลับเป็นครุฑและอุ้มพระโอรสบินขึ้นสู่ท้องฟ้าไปยังนครบาดาลฝั่งตะวันตก

       "พวกเจ้านำร่างนาคตัวนั้นมาด้วย"

        "พะย่ะค่ะ"  องครักษ์ครุฑทั้งสองตนช่วยกันคาบร่างศศิศมหานาคราชบินลงสู่นครบาดาลฝั่งทะเลตะวันออกทันที



         เมื่อเหล่าข้าราชบริภารเห็นสภาพพระวรกายขององค์เจ้าชีวิตก็รีบระดมหมอหลวงเข้ามารักษา

          องค์ศศิศมหานาคราชทรงประชวรด้วยพิศไข้นานถึง 9 วัน โดยมีอัญรัตน์เฝ้าดูพระอาการอย่างใกล้ชิด


         ขณะที่ปัณธรณ์ ผู้เป็นเสนาบดีคอยต้อนรับราชาครุฑและพระราชโอรสอย่างดี เขาไม่กล้าแม้จะเอ่ยปากถามองค์ฆเคศวรถึงสาเหตุใดๆ เพราะกรงกลัวสายพระเนตรดุ  และพระพักตร์นิ่งที่ไม่แสดงอารมณ์ใดๆ

     
   

        ภายในห้องบรรทมขององค์มหานาคราช

     

   
       “ พระองค์ฟื้นแล้ว” อัญรัตน์ในร่างกายทิพย์เอ่ยถามขึ้น

        องค์ศศิศค่อยๆ ลืมพระเนตรขึ้นมาอีกครั้งด้วยความอ่อนเพลีย

       “ น้ำ”

        พระองค์ทอดพระเนตรพระวรกายของพระองค์ในร่างนาคราชแล้วจึงได้ตระหนักว่า พระองค์ตื่นจากความฝันอันยาวนานแล้ว 
   
       “ ข้าฝันประหลาด”

      “ฝันว่าอะไรหรือเพคะ”

      “ ข้าฝันว่าข้าคือผู้หญิงที่ชื่อลัญญาวดี เป็นชายาของเจ้าครุฑเฒ่าบ้ากามมัน ช่างน่าตลกเหลือเกิน ยังแค้นใจไม่หายที่ถูกน้องสาวมันและย่ามันรุมรังแกทั้งที่ข้าท้อง เจ้าพวกนกชั่ว ดีนะที่เป็นแค่ความฝันมิเช่นนั้น ข้าจะไปสั่งสอนพวกมันเสียให้รู้สำนึก” ศศิศตรัสเบาๆ

     “ เจ้าครุฆเฒ่าบ้ากาม ? ”

        เสียงเปี่ยมด้วยพลังอำนาจเปี่ยมไปด้วยความปิติดังขึ้นจากด้านนอกของถ้ำจนพระองค์ต้องหันพระพักตร์ไป

         “ฆเคศวร !”


      ***************


           # มาแล้วค่ะ คราวนี้ภาคอดีตช -  ญ ก็จบไปแล้วนะคะ  จะเริ่มกลับมาช – ช ต่อค่ะ เรื่องราวเริ่มเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ  เพราะศศิศจะต้องตามหาคนฆ่าตัวเองในชาติก่อน ดูแลลูก ฆเคศวร และจัดการกับสองงูพิษ  นัทสึพยายามปรับสำนวนในตอนที่แล้วให้เป็นบุรุษที่สามหมดแล้วนะคะ  ส่วนให้ตอนนี้ก็พยายามเขียนให้ต่อเนื่องกับตอนที่แล้ว มีข้อสงสัยหรืองงตรงไหนบอกเลยนะคะ  เรื่องนี้ค่อนข้างซับซ้อนค่ะ นัทสึคิดพล็อตให้ค่อยๆเฉลยไปทีละปม แต่ก็ดูแล้วเดาถูกกันเกือบหมด คราวนี้มาสืบกันว่า   ’ ใครคือคนฆ่าลัญยาวดี ‘


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-09-2018 22:02:18 โดย natsikijang »

ออฟไลน์ natsikijang

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 540
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-4
สนุกมากค่ะ ถึงจะงงๆไปบ้าง5555 เรื่องนี้ดัดแปลงมาจาก ช-ญ ใช่มั้ย คืออ่านแล้วนายเอกของเราจะให้บรรยกาศเป็นผู้หญิงเลยสำหรับเรา และที่น่าสนใจคือแต่ละชาตินายเอกเกิดเป็นหญิงหมดเลยเหรอจากที่อ่านมาหรือมีที่เป็นชายด้วยแต่ยังมาไม่ถึง? เราอยากให้มีนะจะได้ดูไม่ขัดๆ หรือจะมีเหตุผลว่าต้องเกิดเป็นหญิงเท่านั้น มีเสริมตรงนี้นิดนึงก็ดีนะคะ
เราเป็นสาววายประเภทอ่านแต่วายอย่างเดียว ช-ญ ไม่แล อาจแสดงรสนิยมส่วนตัวมากเกินไปก็ขอโทษด้วยนะคะเพราะเราชอบเรื่องนี้ค่ะเลยอยากอ่านต่อเรื่อยๆแต่ถ้าให้ความ ช-ญ เกินไปเราจะเลิกอ่านทันที ซึ่งเราก็ไม่เข้าใจตรงนี้ของตัวเองเหมือนกัน5555 ยังไงก็ติดตามรออยู่นะคะ :mew1: :mew1:

    ยินดีต้อนรับนะ เรื่องนี้เน้นหลายชาติหลายภพค่ะ  มีทั้งชาติที่เกิดเป็น ญ และเกิดเป็นช  นัทสิเชื่อว่า คนที่คู่กันแล้ว ไม่ว่าจะเพศไหนก็เป็นคู่กัน เพราะฉะนั้นเดี๋ยวมีชาติที่เป็นคู่ช - ช ด้วยค่ะ แต่ที่เริ่มด้วยชาติที่เป็นผู้หญิงเพราะอยากจะให้เห็นความเชื่อมโยงระหว่าง ไข่ ฆเคศวรและศศิศค่ะ  ตอนต่อไปก็จะกลับมาช - ช เต็มตัวแล้วค่ะ  ย้อนไปให้เห็นว่า ชาติก่อนเกิดอะไรขึ้นและเพราะการที่ยังไม่ได้รับความเป็นธรรม และความรัก ความห่วงลูกของลัญยาวดีจึงทำให้ศศิศฝัน?  หรือว่าย้อนเวลาไปจริงๆ ?

ออฟไลน์ JellyKei

  • ✧٩(の❛ᴗ❛ の)۶
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 211
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
มาต่อแล้ว~~
ตอนแรกมีบอกว่าลูกดิ้นแสดงว่าจริงๆแล้วจะคลอดออกมาเป็นคนแต่มีอะไรบางอย่างที่ทำให้สุดท้ายกลายเป็นไข่รึเปล่านะ(?)
รอดูความสัมพันธ์ของศศิกับท่านพญาครุฑเลยค่ะ อยากรู้ว่าจะเดินหน้าไปยังไงกัน
เป็นกำลังใจให้ไรท์เตอร์นะคะ สู้ๆ นักอ่านตาดำๆคนนี้รอตอนต่อไปอยู่ :katai2-1: :pig4: :L1:

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ PAiPEiPEi

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 459
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-3
เฮ้ยยยยย   ตอนนี้รู้สึกได้ชัดเลยค่ะว่าวิธีบรรยายเปลี่ยนไปอ่านแล้วไหลลื่นขึ้นเยอะมาก   รู้สึกตื่นเต้นน่าติดตามขึ้นมากเลยค่ะจากตอนแรกเราอ่านเพราะคิดว่าพอร์ตน่าสนใจถึงภาษาจะขัดๆหน่อยแต่ก็ไม่เป็นไรเพราะอยากอ่าน แต่ตอนนี้พอเปลี่ยนวิธีบรรยายเราว่ามันดีขึ้นมากเลยค่ะทำเอาตื่นเต้นอยากรีบอ่านต่อเร็วๆเลยค่ะคุณคนเขียน   จะคอยติดตามนะคะ

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
รอตอนต่อไปค่ะ
ให้กำลังใจคนเขียนนะคะ

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7579
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3709
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
เรื่องนี้หายไปนานเลยนะนี่  :mew5:

ดีแล้วที่มาต่อ  :pig4:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด