Love Rebound รักต้องคว้า บทแรก-บทพิเศษของกวีและชัย part 10 end (อัพ 9/July/2018)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Love Rebound รักต้องคว้า บทแรก-บทพิเศษของกวีและชัย part 10 end (อัพ 9/July/2018)  (อ่าน 22201 ครั้ง)

ออฟไลน์ Shonennihon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 424
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +118/-1
“แกเป็นอะไรของแกอีกหลง!! วันนี้พ่อแกไม่ได้ดุแกเหมือนทุกทีเสียหน่อย?” แม่เดินขึ้นมาถึงหน้าประตูหัองผมที่เปิดค้างไว้ระหว่างที่ผมเตรียมของใส่กระเป๋า
“ผมแค่ไม่ชอบให้พ่อมาบงการชีวิตผมเยอะแยะขนาดนี้ ผมโตแล้วนะ!! ทำไมพวกผู้ใหญ่ถึงชอบบวการชีวิตพวกเราจัง!!”

“ลูกน่ะ จะโตแค่ไหนก็ยังเป็นเด็กในสายตาพ่อแม่อยู่ดีนะ! แล้ววันนี้แกเป็นอะไรถึงของขึ้นขนาดนี้ แล้วเตรียมของนี่จะไปไหน?”
“พ่อทำให้ผม นึกถึงแม่พี่เอิร์ธ ผมจะไปหาเขา!”
“หา!! ยัยอรมาเหรอเนี่ย! แอบมาไม่บอกแม่อีกแล้ว คงจะมาวุ่นวายกับพี่เอิร์ธอีกนะสิ”
“ใช่ครับ วุ่นมาก ผมต้องรีบแล้ว ผมอยากไปหาพี่เอิร์ธ ไปถามเขาให้แน่ใจเรื่องที่พี่เขาจะแต่งงานเนี่ย!”
“ว้าย! อะไรนะ ยัยอรเอาอีกแล้วนะ พยายามจะมาบังคับลูกตัวเองอีกแล้วสิเนี่ย หลง เกิดอะไรขึ้น? เล่าให้แม่ฟังได้ไหม? แม่รู้สึกเป็นห่วงพี่เอิร์ธน่ะ”

ผมถอนหายใจและพยายามเล่าทุกอย่างที่เจอมาเมื่อเช้าอย่างรวบรัดที่สุด เพราะผมร้อนใจอยากไปเคลียร์ให้รู้เรื่อง

“โห.... คราวนี้เล่นใหญ่ขนาดนี้เลย ทำไมถึงชอบทำแบบนี้กับลูกตัวเองขนาดนี้ด้วย สงสารตาเอิร์ธจัง!” แม่เหมือนพึมพำพูดกับตัวเอง
“โอเค! เท่าที่แม่ฟังนะ แม่ว่าเรื่องนี้มันแปลกจริงๆ แม่ของพี่เอิร์ธจะเป็นคนแปลกๆ แบบนี้แหละ และก็เป็นนักวางแผนตัวยงด้วย แม่บอกได้เลยว่าเรื่องนี้ไม่มีอะไรแน่นอน”

“แม่รู้ได้ยังไง?” ผมเอ่ยทัก
“แม่ไม่รู้หรอกว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แม่ว่าดีที่สุดคือลูกต้องไปฟังจากปากพี่เอิร์ธเอง”
“ครับ งั้นผมไปก่อนนะครับ ผมจะไปดักรอพี่เอิร์ธที่โรงพยาบาล เอ้อ! ฝากแม่คุยกับป๊าให้ผมด้วยนะครับ”
“ได้ลูก เดี๋ยวแม่คุยให้”
“เอ่อ.... แม่ ผมไม่ได้ให้บอกเรื่องผมกับพี่เอิร์ธนะ แค่คุยเรื่องที่ผมรีบร้อนออกไปแบบนี้!” ผมเอี้ยวตัวกลับมาหาแม่หลังจากจะเปิดประตูห้องออกไป
“เออน่ะ! แม่รู้หรอก!” แม่พูดพลางยิ้มเล็กๆที่มุมปาก

ผมรีบวิ่งลงมาผ่านห้องทานข้าว ผ่านเสียงพ่อที่พยายามเรียกให้ผมหยุดฟังเขาบ่นต่อโดยที่มีแม่เดินเข้ามาขัดตาทัพให้พ่อใจเย็นลง ผมเหลือบไปมองเพียงเล็กน้อย ผมเห็นว่าพ่อสงบลงและนั่งกินข้าวต่อผมก็โล่งใจไปเปราะหนึ่ง  และเร่งฝีเท้าไปขึ้นรถประจำทางตรงไปโรงพยาบาลทันที
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-02-2018 10:08:02 โดย Shonennihon »

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ Shonennihon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 424
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +118/-1
ผมเดินเข้าไปในโรงพยาบาลด้วยใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะ ผมคุ้นเคยกับการมาที่นี่ดี ผมมาหาพี่เอิร์ธบ่อยๆ จนเหมือนเป็นบ้านหลังที่สามของผม(หลังที่สองก็บ้านพี่เอิร์ธ) แต่การมาครั้งนี้ของผมมันไม่เหมือนทุกครั้ง เพราะทุกครั้งผมรู้ว่าพี่เอิร์ธยินดีที่จะเจอผม แต่ครั้งนี้ผมไม่รู้เลยจริงๆ ว่าพี่เอิร์ธจะยังรู้สึกแบบนี้หรือไม่

เนื่องจากว่าผมกับพี่เอิร์ธไม่ได้ติดต่อกันหลายวันเพราะเป็นช่วงสอบปลายภาคของผม วันนี้ผมเลยไม่แน่ใจว่าเขาจะเข้าเวรกี่โมงแล้วจะว่างเมื่อไหร่ นี่เป็นสาเหตุที่ผมต้องหิ้วกระเป๋าใบใหญ่มาซึ่งใส่อุปกรณ์ฆ่าเวลา ทั้งหนังสือการ์ตูนเกมส์แบบพกพาและอื่นๆอีกมากมายที่ทำให้ผมอยู่ที่โรงพยาบาลได้โดยไม่เบื่อ

ผมวางแผนว่าจะไปนั่งรอพี่เอิร์ธที่โถงสำหรับคนไข้นั่งรอบริเวณหน้าห้องตรวจแล้วอยู่รอจนกว่าพี่เอิร์ธจะว่าง ระหว่างที่คิดอะไรเรื่อยเปื่อย ผมก็เดินไปเจอพี่พยาบาลที่เป็นผู้ช่วยพี่เอิร์ธในห้องตรวจบ่อยๆ จึงรี่เดินไปทักแบบไม่ลังเล

“พี่พยาบาลคนสวยครับ” ผมมักจะเรียกเธอแบบนั้นเพราะจะทำให้เธอหายหน้าบึ้งจากภาระงานโดยทันที
“จ๋าน้องหลง ว้าย! พูดเสียงดังแบบนี้พี่เขินแย่” ดูจากลักษณะท่าทางน่าจะชอบมากกว่าเขิน
“วันนี้พี่ไม่ต้องอยู่ในห้องตรวจหรือครับ?”
“พี่ก็ต้องเบรกบ้างอะไรบ้างนะคะน้อง ยืนจนเส้นเลือดคอดหมดสวยหมดแล้วดูสิ” แล้วเธอก็โชว์ขาให้ผมดูซึ่งผมก็เห็นว่ามันก็ยังดูเรียบเนียนดี ผมได้แต่ยิ้มตอบไป
“ว่าแต่.... เป็นอะไรจ๊ะมาโรงพยาบาลทำไมคะ หมอเอิร์ธไม่ได้ขึ้นเวรเวลานี้เสียหน่อย”
“อ้าว!! เหรอครับ” ผมรู้สึกเสียดายที่ไม่ได้เจอในทันทีแต่ไม่เป็นไรผมอยู่รอได้ผมเตรียมความพร้อมมาดี
“แต่ก็น่าจะมาแล้วนะ อยู่รอก็ได้นะ หมอมักจะมาก่อนเวลาอยู่แล้วล่ะจ๊ะ ช่วงนี้ไม่เห็นน้องหลงเลย เรียนหนักเหรอจ๊ะ”
“ครับ ติดสอบน่ะครับ งั้นผมขอตัวนะครับ”
“จ้า เดี๋ยวพี่ไปหาอะไรกินก่อนเดี๋ยวหมดเวลาพัก พี่จะต้องเข้าเวรแล้ว”

ผมโบกมือลาพี่พยาบาลแล้วเดินทางต่อเข้าไปด้านในเพื่อหาที่นั่งรอตามแผน ผมเดินจนเกือบถึงที่หมายอยู่แล้วแต่ไอ้ท้องเจ้ากรรมมันดันร้องโวยวายขึ้นมาเสียงดัง อาจเพราะมื้อเที่ยงที่บ้านผมแทบไม่ได้กินอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลย ทำให้ผมตัดสินใจหักเลี้ยวไปหาอะไรกินบริเวณศูนย์อาหารของโรงพยาบาลเสียก่อน ค่อยมารอตามแผนต่อไป

ศูนย์อาหารของโรงพยาบาลนั่นปลูกอยู่ไม่ไกลจากตัวตึกหลักของโรงพยาบาลมากนัก เป็นอาคารชั้นเดียวเพดานสูงสีขาวออกเหลืองหลังคาทรงสูงเหมือนอาคารกีฬาที่ติดเครื่องระบายอากาศไว้บนหลังคามากกว่าปกติ เป็นศูนย์อาหารมีคนมาใช้บริการไม่มากนักเพราะบริเวณรอบๆ โรงพยาบาลมีร้านอาหารดีๆมาเปิดเยอะขึ้น รสชาติก็ดีกว่าราคาไม่ต่างกันมาก ที่นี่เลยมักจะเป็นของตายของบุคลากรที่นี่ ในกรณีเร่งด่วน ดังนั้นที่นี่มักจะคร่าคร่ำไปด้วยหมอและบุคลากรทางการแพทย์ที่ผมเห็นจนชินตา เพราะไม่ว่ามองไปทางไหนก็เจอแต่เสื้อยูนิฟอร์มสีขาวเต็มไปหมด (หมอส่วนใหญ่ไม่ใส่กราวด์มากินข้าวก็ยังใส่เสื้อเชิ้ตสีขาว) ผมเดินมาแถวนี้ทีไรรู้สึกตัวเองอยู่ในก้อนเมฆทุกที (ขาวโพลนไปหมด)

ผมเดินไปร้านที่ผมกับพี่เอิร์ธมักไปสั่งข้าวทานกันเป็นประจำ ขาของผมเดินไปที่โต๊ะประจำของผมแบบไม่ได้คิด สายตาผมก็ไปสะดุดที่ชายร่างสูงโปร่ง ผมยาวหวีเรียบร้อย ด้านหลังที่ผมคุ้นเคยไม่ว่าเขาจะยืนหรือนั่งอยู่ไกลแค่ไหนผมก็จำได้ แต่ครั้งนี้ผมไม่เห็นเขานั่งอยู่คนเดียว ไอ้หมอฝึกหัดหน้าเกาหลีนั่นก็อยู่ด้วยและพูดคุยใกล้ชิดด้วยความสนิทสนม

ผมเดินเลยร้านอาหารที่ตั้งใจจะไปซื้อ สาวเท้าเข้าไปหาเป้าหมายที่ผมตามหาอยู่โดยลืมว่าท้องกำลังส่งเสียงร้องขออาหารอย่างหนัก

“แล้วพี่จะบอกแฟนพี่เรื่องแม่ยังไง?”
ผมเข้าใกล้จนได้ยินเสียงไอ้ตี๋นั่นพูดออกมา
“พี่ไม่รู้จะเริ่มยังไงว่ะ”
เสียงพี่เอิร์ธที่ผมคิดถึงดังขึ้น แฝงไปด้วยความกังวล

“ก็เริ่มจากการเลิกหลบหน้าผมไง!!”
ผมหลุดปากออกไปในทันทีที่รู้ว่าพูดถึงผมในบทสนทนา
“หลง!! มาได้ไง!!”
พี่เอิร์ธหันมาเจอผมด้วยสีหน้าคาดไม่ถึง
“อ้าว!! น้องที่งานกีฬา ญาติพี่เอิร์ธเหรอครับ?”
ไอ้หมอหน้าเกาหลีหันมาทักบ้าง

“ไม่ใช่ญาติ!! ผัว!!”
“..........” ไอ้หมอหน้าตี๋มีสีหน้าตกใจกับสิ่งที่ผมโต้ตอบไป
“หลง!!! มานี่!! เรามีเรื่องที่ต้องคุยกัน!!”
พี่เอิร์ธลุกขึ้นแบบฉับพลัน และก้าวเข้ามาดึงมือผมไปตรงทางออกอีกทาง
“หรือว่า... นี่คือแฟนที่พี่พูดถึง??!!”
ไอ้หมอหน้าตี๋รำพันขึ้นมาและชี้มาทางพวกเรา พี่เอิร์ธหันไปยิ้มแห้งๆ ใส่และก้มหัวให้เป็นเชิงขอโทษ
“ดี!!! ผมก็มีเรื่องที่ต้องคุยกับพี่เยอะเลย!!”
ผมพูดเสียงเข้มและก้าวเดินตามพี่เอิร์ธไป

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
แม่พี่เอิร์ธ แปลกๆนะ  :angry2:
รอฟังจากปากพี่เอิร์ธ   :ling1:

ออฟไลน์ Shonennihon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 424
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +118/-1

พี่เอิร์ธจับมือผมแน่น ละลากผมออกมาไกลจากศูนย์อาหารมาพอสมควร บริเวณนี้ถูกจัดให้เป็นเหมือนสวนพักผ่อนเอนกประสงค์ของโรงพยาบาล มีร่มไม้ที่ร่มรื่นมากมายและมีคนไม่พลุ่กพล่านมากนัก

“นั่งลงนี่เลยไอ้ตัวดี!!”
พี่เอิร์ธลากผมมาหยุดที่ม้านั่งยาวใต้ร่มไม้ใหญ่ (น่าจะเป็นต้นหูกวาง) ผมกระแทกตัวนั่งลงไปด้วยความอารมณ์เสีย
“เป็นบ้าอะไรมาโวยวายเสียงดังแบบนั้นในศูนย์อาหาร??!!”
พี่เอิร์ธขึ้นเสียงดังใส่
“ผมต้องถามพี่มากกว่า จะแต่งงานอยู่แล้วยังจะไปจู๋จี๋กับไอ้ตี๋นั่นอีก!!! สรุปพี่จะเอายังไงวะ!”
“เดี๋ยวนะ! ใครจะแต่งงานนะ?”
“ก็พี่ไง! ผมไปหาพี่เมื่อเช้าที่บ้าน แม่พี่เล่าให้ผมฟังหมดแล้ว!!”
“อะไรนะ!! หลงไปเจอแม่พี่ด้วย? ว่าแล้วเชียว ว่าแล้วแม่ต้องมีแผนอะไรจริงๆ ด้วย! ร้อยวันพันปีไม่เคยคิดจะมาหาเสียหน่อย!”  พี่เอิร์ธเหมือนค่อยๆ เข้าสู่โหมดพูดคุยกับตัวเอง

“พี่เอิร์ธ!!”

ผมเรียกพี่เอิร์ธเพราะดูเหมือนพี่เขาจะลอยไปในความคิดตัวเองตั้งแต่ผมพูดคำว่า ‘แม่ของพี่เอิร์ธ’
“โอเค! ฮ่าฮ่าฮ่า......เรื่องนี้พี่อธิบายได้!!”
อยู่ๆ พี่เอิร์ธก็เหมือนเปลี่ยนโหมดอารมณ์ตัวเอง
“ดี!! นั่นเป็นสิ่งที่พี่ควรจะทำตั้งแต่เช้าแล้ว ไม่ใช่เอาแต่หลบหน้าผมอยู่หลังแม่และผู้หญิงคนนั้น!!”
“เอางี้.... เราเรื่องเมื่อเช้าให้พี่ฟังก่อนได้ไหม?”
“ได้!!!...........เมื่อเช้านี้..........”

.............................


“โอเค! เรื่องมันเป็นแบบนี้นี่เอง”
พี่เอิร์ธที่นั่งอมยิ้มฟังผมเล่าตลอดเวลา พูดขึ้นเมื่อผมเล่าจนจบประโยคสุดท้าย พร้อมยกมือขึ้นมาขยี้หัวผมเบาๆ

“พี่มีอะไรจะพูดกับผมไหม?”
ผมสบัดหัวให้พ้นมือพี่เอิร์ธและใช้สายตาจ้องหน้าพี่เอิร์ธเพื่อขอคำตอบ
“เฮ้อ!...... จะเริ่มจากตรงไหนดี?”
พี่เอิร์ธผ่อนลมหายใจออกยาวๆ ก่อนจะเอามือเกาหัวตัวเองจนเริ่มยุ่ง
“..............” ผมยังคงมองหน้าพี่เอิร์ธอย่างไม่ลดราวาศอก
“เฮ้อ......... งั้นพี่บอกเราเรื่องหนึ่งก่อนนะ เพื่อจะได้เห็นภาพชัดขึ้น?” พี่เอิร์ธดูท่าทางถอนหายใจถี่มากตั้งแต่ผมเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นจบ
“อะไรครับ? เช่นพี่ได้กับผู้หญิงคนนั่นยังไง และกำหนดการแต่งเมื่อไหร่? อย่างนี้ผมแม่งรับไม่ได้ว่ะ?”
“ใจเย็นๆ  ก่อนอื่นพี่ยอมรับว่า ลูกเกดมาขอพักด้วยจริง เพราะเธอหนีพ่อเธอมาที่บังคับแต่งงานกับคนที่เธอไม่ได้รัก...”
“พี่ก็เลย...” ผมสวนขึ้นเพราะไม่อยากคาดเดาประโยคถัดไปเอาเอง
“ฟังให้จบก่อนได้ไหม. ไอ้หมาบ้านี้!!” พี่เอิร์ธมักจะใช้คำพูดนี้กับผมเวลาผมงี่เง่าวอแว
“.........” ผมได้แต่จ้องตาเขาและหุบปากตัวเองลง พยายามสะกดจิตตัวเองให้ฟังพี่เอิร์ธก่อน
“พี่ให้เขานอนบนห้องพี่ ส่วนพี่ต้องลงมานอนโซฟาข้างล่างเพราะห้องรับรองแขกมันซ่อมอยู่ พี่รู้ว่าลูกเกดพยายามจะทำอะไร เขามาสารภาพรักกับพี่ พยายามจะมอบความเป็นสามีให้พี่ พี่ก็ไม่อยากพูดกับใครเพราะมันไม่ดี!  พี่ก็เคยพูดตามตรงว่าพี่ไม่ชอบผู้หญิง แต่ดูเหมือนลูกเกดจะดูกดดันมาก พี่เองก็เพิ่งรู้ว่ามีแม่พี่อยู่เบื้องหลังด้วยนี่แหละ!!”
“แปลว่า.... พี่ไม่ได้มีอะไรกับผู้หญิงคนนั้น ??”
“หลงน่าจะรู้นะ.... ว่าพี่.... เออ!! นั้นแหละ พี่ก็พิสูจน์ให้เรารู้หลายครั้งแล้วนะ” อยู่ๆ พี่เอิร์ธก็หน้าแดงขึ้นมาอีก
“อีกอย่าง พี่ก็ไม่ค่อยได้กลับบ้านด้วย เมื่อคืนก็นอนห้องพักเวรที่โรงพยาบาลนี่แหละ!!”

“อ้าว... แปลว่า.... เมื่อเช้า???” ผมยกมือขึ้นมาเกาหัวตัวเอง
“เออ! เอ็งโดนแม่พี่ปั่นหัวเข้าแล้ว ประเด็นคือพี่ไม่คิดว่า ลูกเกดก็จะร่วมมือด้วยแบบนี้!”

“อ้อ... แล้วไอ้หมอฝึกหัดนั่น?”
“ตี๋น่ะเหรอ เขาก็แค่เป็นแพทย์ฝึกหัดที่มาติดตามพี่ เห็นพี่สีหน้าไม่ดีก็เลยปรับทุกข์ด้วยนิดหน่อย ไม่มีอะไร”
“ก็ลองมีสิ!!”
“เราเข้าใจกันแล้วใช่ไหม?”
“ครับ.... ก็ได้ แต่ผมยังไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่? ทำไมแม่พี่ถึงต้องทำขนาดนี้?”
“เฮ้อ...... เรื่องมันไม่ซับซ้อนหรอก.....  แต่หลงจะเข้าใจไหมนะ?”
“เล่ามาก่อนสิจะได้รู้ว่าเข้าใจไหม?”
“อืม.........”

แล้วพี่เอิร์ธก็เริ่มเล่าตั้งแต่ที่แม่พี่เอิร์ธรู้ว่าพี่เอิร์ธมีแฟนคนแรกเป็นผู้ชายสมัยเรียน (ก็ไอ้หมอเอนั่นไง!! พูดถึงมันแล้วก็หงุดหงิด!!) แม่พี่เอิร์ธพยายามพูดแกมบังคับกับพี่เอิร์ธให้เลิกมาโดยตลอด เพราะแม่พี่เอิร์ธเห็นว่ามันไม่เหมาะไม่ควร ไม่อยากให้ลูกชายคนเดียวต้องเป็นแบบนี้!! หลังจากนั้นก็มีเรื่องระหองระแหงกับแม่มาโดยตลอด ทั้งพยายามหาคู่หมั้นหมายมาให้เรื่อยๆ พี่เอิร์ธก็หนีจากสถานการณ์น้่นๆมาได้ทุกครั้ง

เธอทำทุกวิถีทางให้พี่เอิร์ธกลับมาเป็นเหมือนปกติ (แล้วแบบนี้มันไม่ปกติตรงไหน?) ยิ่งตอนที่เลิกกับไอ้หมอนั่น แม่ของพี่เอิร์ธ นอกจากจะไม่ให้กำลังใจแล้วยังมาซ้ำเติมอีกด้วย และนี่เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่พี่เอิร์ธหนีมาอยู่ที่นี่โดยไม่ได้บอกแม่หรือเพื่อนคนไหนเลย

“แล้วตอนนี้ก็ไม่รู้ว่ามาตามหาพี่จนเจอได้ยังไง?!!”
เป็นประโยคสุดท้ายของพี่เอิร์ธที่พูดอย่างปลงๆ

“อืม.... แปลว่า..... แม่พี่ไม่ชอบที่พี่ชอบผู้ชาย?”
“อื้อ!”
“แต่พ่อพี่รู้ ?”
“พ่อไม่เคยว่าอะไรนะ แถมคนที่ช่วยพี่ย้ายหนีมาที่นี่ก็พ่อนี่แหละ!”
“พี่ลูกเกดคนนั้นก็ทำเป็นหลอกผม .....ให้ผมตัดใจ”
“งั้นมั้ง คงคิดแผนนี้มากับแม่พี่มาแล้ว... เธอดูพยายามจะรุกพี่อย่างมากจนพี่กลัวเลยล่ะ!”
“ผมก็นึกว่าพี่จะเปลี่ยนใจ....”
“พี่เป็นคนชัดเจนนะ ชอบแบบไหนก็แบบนั้น ไม่เคยคิดจะปิดรสนิยมตัวเองด้วย แค่ไม่ชอบป่าวประกาศให้คนทั้งโลกรู้ โดยเฉพาะเรื่องคนที่ชอบ ชอบใครแล้วชอบเลยไม่เปลี่ยนใจ รักแล้วรักเลย!!”  พี่เอิร์ธเอียงคอส่งสายตามาทางผม สายตาที่หวานฉ่ำแบบนั้น ทำเอาผมอยากกระโดดไปจัดการกอดรัดและเผด็จศึกเขาเสียตรงนี้ แต่คงไม่เหมาะ ผมเลยทำได้แค่ยิ้มตอบ สบตาเขาและขยับมือไปสัมผัสและประสานนิ้วมือเขา ให้ไออุ่นของเราส่งถึงกัน

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
เข้าใจกันแล้ว  :katai2-1:
ลูกเกด ก็ประหลาดๆ  o22
รู้ทั้งรู้ว่าเอิร์ธไม่ได้ชอบหญิง ยังยัดเยียดตัวเองให้  :angry2:
ข่มเขาโคขืนให้กินหญ้า   :fire:
      :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7

ออฟไลน์ Shonennihon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 424
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +118/-1
ของเราส่งถึงกัน

“อยากกลับบ้านไปนอนกอดพี่จังเลย”
“พูดอย่างนี้ทีไร พี่เจ็บตัวทุกที ไม่เคยจะกอดเฉยๆ สักที”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ใครใช้ให้พี่น่ารักจนผมอดใจไม่อยู่ล่ะ?”
“ไอ้เด็กบ้าเอ้ย.... เฮ้ย.... ตายแล้ว!! นี่มันเลยเวลาเข้าเวรพี่แล้ว โดยหัวหน้าตึกดุแน่เลย .. เฮ้ย!! พี่ไปก่อนนะ แล้วค่อยคุยกัน กลับบ้านไปก่อนเดี๋ยวพี่โทรหา”
“ได้ครับ..... เอ้อ.... พี่เอิร์ธ!!”
“อะไร!!?? พี่รีบ!!” พี่เอิร์ธที่ออกตัวไปสองก้าวแล้วหันกลับมาที่ผม
“เลิกเวรแล้วมาค้างบ้านผมนะ!!”
“หา!!!?!?”

..................................................






เอิร์ธ # 11

เสียงลมจากเครื่องปรับอากาศดังอื้ออึงอยู่เหนือศรีษะ ผมลืมตาขึ้นในสภาพแวดล้อมที่ไม่คุ้นเคย ไม่ว่าจะเป็นทีวีที่ปลายเตียง เครื่องเกมคอนโซลที่วางสะเปะสะปะที่ชั้นวางด้านล่าง ภาพโปสเตอร์รูปตัวการ์ตูนโปรดจากอนิเมะนินจาเรื่องดังทั้งสี่ด้าน หนังสือบนชั้นที่วางแบบไร้ระเบียบ กลิ่นหอมของผ้าห่มที่เพิ่งผ่านการซักและใส่น้ำยาปรับผ้านุ่มหอมตลบจมูก ผมนอนอยู่บนเตียงขนาดห้าฟุตที่ไม่คุ้นเคย เมื่อคืน(หรือเรียกว่าเช้ามืดดี) ผมโดนเซ้าซี้จากไอ้เด็กดื้อไม่ยอมนอน นั่งรอผมเลิกงาน ไลน์เข้าเครื่องผมเป็นระยะๆ ผมต้องออกเวรตั้งแต่ห้าทุ่มแต่ติดเรื่องงานเอกสารชาร์ตคนไข้จนเกือบสว่าง ผมต้องตกใจทุกครั้งที่ไอ้เด็กเวรนี่ไม่ยอมนอนและส่งข้อความผ่านไลน์แอปพริเคชั่นมาหาผมทุกๆ ครึ่งชั่วโมงจนผมใจอ่อนตอบยอมรับกับหลงไป

ผมมาถึงที่บ้านของหลงด้วยท่าทางอ่อนเพลียในขณะที่ที่หลงกลับมีทีท่าดีใจและกระตือรือร้นมาเปิดบ้านและเชิญผมขึ้นบ้านจนผมรู้สึกแปลกๆ

“ผมบอกแม่ไปว่าพี่จะมานอนด้วยนะครับ พอผมเล่าให้แม่ฟังแม่ก็ตอบตกลงเลย ผมยังพูดกับผมอีกว่า วันนี้อย่ามีกิจกรรมกันนะ พ่ออยู่!!”

“เฮ้ย!! จะบ้าเหรอ! ใครจะไปทำอะไรแบบนั้นในบ้านเธอ เดี๋ยวนะ! ลุงธีอยู่เหรอ?!” ผมค่อนข้างเกร็งๆเวลาอยู่กับลุงธีเพราะลุงธีเป็นคนพูดน้อย และสายตาที่คมกริดนั้นอีก
“ครับ ช่วงนี้พ่อกะจะมาพักผ่อนสักสองสามวัน”
“งั้นพี่ขอกลับไปนอนที่ห้องพักเวรดีกว่า”
“ไม่เอาน่าพี่  แม่ผมอุตส่าห์ช่วยผมเปลี่ยนผ้าปูที่นอนเลยนะ พอรู้ว่าพี่จะมานอนด้วย”
“น้ารุ่งสุดยอดเหมือนเคยเลย คงรู้ว่าพี่ไม่อยากนอนบนผ้าปูกลิ่นอับๆของหลง”
“พี่เอิร์ธ!! ผมก็เปลี่ยนบ่อยจะตาย สองสามเดือนครั้ง!”
“โอเคๆ นั่นบ่อยแล้วใช่ไหม?”
ผมที่โดนลากมาถึงหน้าประตูบ้านเลยต้องยอมใจอ่อนตกลงที่จะนอนกับหลงที่นี่

.......

ตอนนี้ผมกำลังให้สายตาปรับกับแสงสลัวในห้องที่ม่านปิดสนิทมีเพียงลำแสงเล็กๆ สามสี่เส้นลอดผ่านม่านสีเทาเข้ม ผมหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดูเวลาที่หน้าจอ แสดงให้เห็นว่าเวลาที่ผมตื่นนี่ใกล้เคียงกับเที่ยงวันมาก พอรู้เวลาท้องไส้ผมก็เริ่มทำงานเรียกร้องให้หาสารอาหารเข้าร่างกายทันที ยังมีเวลาอีกหลายชั่วโมงกว่าจะถึงเวลาเข้าเวรดึก ผมเลยเอื้อมมือไปวางโทรศัพท์ที่หัวเตียงที่เดิมเพื่อให้ร่างกายเข้าสู่ห้วงนิทราเพื่อพักผ่อนเพิ่มเติม แม้จะหิวแต่ร่างกายมันยังต้องการการพักผ่อนที่เพิ่มขึ้นมากกว่า

ระหว่างที่ผมกำลังถอนมือจากหัวเตียงและพร้อมจะพลิกตัวกลับมานอนใต้ผ้าห่มที่เดิม ก็มีมือเย็นๆมือหนึ่งมาคว้าโอบรอบเอวผมทำให้ถึงกับสะดุ้งตัวลอย

“เฮ้ย!!!”
ผมร้องเสียงหลง

“ตกในอะไรของพี่ ทีเมื่อคืนมานอนเบียดผมทั้งคืนผมยังไม่บ่นเลย”
“เออ! ขอโทษ..... ก็มือหลงเย็นจะตาย”
“ก็พี่เอิร์ธเปิดแอร์ฯ เสียเย็นขนาดนี้ แปลกคนจริงๆ เปิดเสียจนหนาวแล้วก็มาซุกผมทั้งคืนเลย ผมนี่ตื่นทั้งคืนเลย แทบไม่ได้นอน!”
“ตื่น??”
ผมทำเสียงสูงใส่คนที่อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งตัวมิดข้างๆ
“นี่ไง!!” หลงคว้ามือผมลงไปที่จุดยุทธศาสตร์ที่ตอนนี้มันพร้อมรบแข็งแรง
“ไอ้บ้า!! ไอ้ลามก!!.... ก็คนมันเคยชิน หากไม่อยู่ในอากาศแบบนี้พี่นอนไม่หลับนี่นา!”
ผมสะบัดมือของหลงและพลิกตัวนอนหันหลังให้เขาพร้อมใช้ผ้าห่มคลุมโปงทั้งตัว ถึงมันจะไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมจับมัน แต่ผมก็ไม่เคยชินกับกิจกรรมแบบนี้กับเขาเสีย ผมตื่นเต้นทุกครั้ง หลงทำให้ผมเหมือนเด็กน้อยใจแตกทุกที มันดูทะลึ่ง ไม่ค่อยนิ่มนวลแต่ตรงไปตรงมา มีความเร้าใจแบบที่ผมไม่เคยเจอใครทำกับผมแบบนี้มาก่อน ทุกครั้งที่เขารุกเข้ามาขนาดนี้ ผมมักจะหนีห่างไว้ก่อนทั้งที่ร่างกายตอนนี้พร้อมติบสนองกับความต้องการของเขาแทบจะทันที เหมือนน้ำมันที่พร้อมจะติดไฟทุกเมื่อ

“เอาน่า.... ผมก็รู้กาละเทศะดีอยู่ เราอยู่ใต้ชายคาแม่กับพ่อผมนะ ผมห้ามใจตัวเองได้อยู่” หลงพูดพลางขยับเข้าใกล้จนชิดพร้อมโอบกอดผมจากด้านหลังอย่างแผ่วเบา
“.........” ผมพูดไม่ออกเพราะกำลังทำสมาธิกับร่างกายตัวเองอยู่ แต่ทำได้ยากเพราะส่วนหน้าของหลงทุกส่วนตอนนี้อยู่แนบกับผม จนผมรู้สึกถึงทุกสัมผัสของเขาทั้งลมหายใจและ อวัยวะภายในร่มผ้า
“ซื้ด......” เสียงสูดลมหายใจจากคนทางด้านหลัง
“ตัวพี่หอมจัง  หอมแบบนี้ทุกวันเลยไม่รู้ทำไม...” หลงจรดจมูกที่ท้ายทอยของผมและสูดลมหายใจเข้าเต็มปอกอีกครั้งและพูดออกมา แล้วเขาก็กอดผมแน่นขึ้น....

ไอ้เด็กบ้านี่จะทำให้ผมตายเสียให้ได้ ผมรู้สึกถึงลมหายใจที่หอบถี่ของตัวเองและแรงสั่นจากการเต้นของหัวใจในช่วงอกที่ทำเอาที่นอนที่ผมนอนอยู่สั่นกระเพื่อมไปด้วย

“ไปนอนดีๆไป พี่จะขอนอนต่ออีกหน่อย”
ผมพูดกระแทกออกไป
“ไม่เอาอ่ะ ผมอยากอยู่ตรงนี้ รู้ไหมผมคิดถึงพี่ขนาดไหน?”
“ไม่รู้โว้ย พี่ง่วงพี่จะนอน!!”
“พี่เอิร์ธจะนอนก็นอนไปผมจะอยู่แบบนี้แหละ”
“เออ!! ตามใจ!!”
ผมดันตัวเองพลิกให้เป็นท่านอนหงายจนไอ้เด็กลามกนั่นกลิ้งขยับออกไปจนต้องร้อง ‘โอ้ย’ ออกมา ‘สมน้ำหน้า’ ผมคิดในใจ แต่ไม่ทันที่คิดผมจะหยุดนิ่งเพื่อทำใจให้หลับ ไอ้เด็กหลงก็เด้งตัวขึ้นมาคร่อมท่อนบนของร่ายกายจนผมแทบขยับไม่ได้

ออฟไลน์ Shonennihon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 424
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +118/-1

“เฮ้ย!! ทำอะไรอีกเนี่ย?? ไหนว่าแม่เธอห้ามแล้วไง! เรื่องแบบนี้”
ผมเสียงเข้มขึ้นใส่ใบหน้าของหลงที่ตอนนี้หย่อนลงมาเกือบจะชิดหน้าผมห่างกันอยู่ไม่กี่มิลลิเมตร
“ผมไม่ได้ทำอะไรอย่างที่พี่คิดหรอกน่า.... ร่างกายพี่มันโกหกไม่เก่งเลยนะดูสิ...”
หลงเอื้อมมือลงไปแตะจุดกลางลำตัวผมที่ตอนนี้มันทรยศกับความต้องการของผมเรียบร้อย
“ตื่นมาผู้ชายที่แข็งแรงทุกคนมันก็ต้องแบบนี้ทั้งนั้น!! เรื่องปกติโว้ย!! ปล่อยพี่ได้แล้วพี่หายใจไม่ออก!!”
“ไม่เอา!! ผมขอลงโทษพี่ก่อนที่ทำให้ผมเจ็บตัว!!”
พอหลงพูดจบก็แสยะยิ้มออกมา ตอนนี้ผมเสียวสันหลังวาบเหมือนมีพายุลูกใหญ่กำลังโหมกระหน่ำให้บ้านผมพังทลาย
“เฮ้ยๆ.. เดี๋ยวทำอะไรน่ะ........”

ปากของผมถูกอุดด้วยริมฝีปากสีชมพูธรรมชาติที่กดลงมาแบบอ่อนโยนกว่าที่ผมคิด ทั้งลิ้นและแรงขบของเขาทำให้ห้วงความคิดของผมขาดช่วงไป มือเท้าผมอ่อนแรงจนไร้การต่อต้าน หลงค่อยๆ ผ่อนแรงตัวเองลงและค่อยๆ คืบขยับลงมานอนคว่ำขนานกับผม ตอนนี้ผมไม่ได้รู้สึกอะไรกับแรงกดทับนั้น ทั้งที่ก่อนหน้านี้รู้สึกหนักมาก มือผมค่อยๆ โอบล้อมลำตัวเขาไว้ตามความรู้สึกที่พลุ่นพล่านพาไป ทำไมเขาถึงทำให้ผมเป็นไปถึงขนาดนี้ เดี๋ยวนี้หลงคล่องขึ้นจนผมยังรู้สึกกลัว
ก็อกๆๆๆๆ

เสียงเคาะประตูดังลั่น ทำให้ผมหลุดออดจากห้วงหฤหรรษ์นั้นมาสู่หัองสี่เหลี่ยนจัตุรัสในความมืดของเงาม่านที่หน้าต่าง หลงเป็นฝ่ายถอยห่างและพลิกตัวเด้งออกไปด้วยความเร็วที่เหลือเชื่อ

“ตื่นกันแล้วใช่ไหมลูก แม่ได้ยินเสียงคุยกัน?”
เสียงอู้อี้ดังมาจากอีกฝากของประตู
“เอ่อ... ครับ เพิ่งตื่นครับ”
หลงกระแอมสองสามรอบก่อนตอบกลับไป
“พี่เอิร์ธเขาตื่นยังล่ะลูก”
“ตื่นแล้วครับ” ผมตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงแหบพร่า
“เดี๋ยวอาบน้ำแต่งตัวแล้วรีบลงมากินข้าวกันนะ”
“ครับ / ครับ” ผมกับหลงตอบเป็นเสียงเดียวกัน
“เดี๋ยวแม่ขอเข้าไปเอาเสื้อผ้ามาซักให้ได้ไหมลูก?”
“เฮ้ย! แม่!! ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมเอาลงไปให้!”
หลังจากจบประโยคของน้ารุ่งผมถึงกับรีบดึงผ้าห่มมาคลุมให้มันหนาขึ้น เพราะตอนนี้สิ่งที่ยืนตรงอยู่มันไม่ใช่ร่างกายของผมน่ะสิ ส่วนหลงรีบลุกขึ้นกุมเจ้าหลงน้อยและตะโกนตอบไปทันที

“โอเคๆ รีบลงมาล่ะกัน”
น้ารุ่งพูดจบก็ตามด้วยเสียงฝีเท้าที่ก้าวไกลออกไป ทำให้ผมผ่อนลมหายใจยาวใส่กองผ้าห่มตรงหน้า
“เรามาต่อกันไหม?”
หลงกระโดดลงมานอนข้างผมพร้อมกระซิบที่ข้างหูเบาๆ
“ไอ้บ้า!! มันใช่เวลาไหม? รู้จักกาละเทศะบ้าง ไป๊!! ไปอาบน้ำ”
“นั่นสิเนอะ”
แล้วหลงก็กลิ้งตัวลงจากที่นอนและลุกขึ้นถอดเสื้อผ้าออกทันที หลงเปลือยกายมายืนตรงหน้าภายในเวลาไม่ถึงสิบวินาที (เป็นความเร็วที่ควรบันทึกไว้จริงๆ มีแข่งขันคงชนะ)
“งั้นไปอาบน้ำด้วยกันครับ” หลงเดินมายืนใกล้ๆผมที่ยังนอนอยู่บนเตียง
“จะบ้าเรอะ พ่อแม่เธออยู่ข้างล่างนะ อย่ามาทำอะไรบ้าๆ ได้ไหม?” ผมรู้สึกไม่กล้ามองภาพตรงหน้าที่มีหลงน้อยมาชี้หน้าผมอยู่อย่างแข็งขัน
“ผมรู้หรอกน่า.. แค่อยากจะแกล้งยั่วพี่ไปงั้นแหละ งั้นผมไปอาบก่อนนะ”
แล้วไอัเด็กนั่นก็เดินไปคว้าผ้าเช็ดตัว ปล่อยให้ผมใจเต้นอยู่บนเตียงกับอาการกระสับกระส่ายแบบอธิบายไม่ถูก

................

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
ทั้งตื่นเต้น สนุก และลุ้นไปพร้อมกัน กับคุณนายแม่พี่เอิร์ท
 :z2: :z2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Shonennihon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 424
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +118/-1
ผมเดินตามหลงมาในชุดลำลองของเขาที่ผมสวนใส่ได้เกือบจะพอดี เขายิ้มแย้มทักทายพ่อแม่ของเขาตามปกติ ส่วนผมหลังจากไหว้สวัสดีน้ารุ่งแล้วก็มากล่าวสวัสดีกับลุงธี ที่ผมรู้สึกเกร็งกับสายตาดุๆ ของเขาทุกที เขาเป็นคนเหมือนไม่พอใจอะไรอยู่ตลอดเวลา ผิดกับน้ารุ่งที่จะสีหน้าเปื้อนยิ้มตลอดทั้งวัน ถ้าเปรียบน้ารุ่งเป็นดวงตะวัน ลุงธีก็น่าจะเป็นเมฆฝนครึ้มๆ ที่มีฟ้าแล่บตลอดเวลา

“สวัสดีครับ ลุงธี” ผมรู้สึกถึงความสั่นของเสียงตัวเอง
“อืม... สวัสดี.... เป็นไง? ไม่เจอกันนานเลยนะ”
ลุงธีละสายตาจากหนังสือพิมพ์ที่ตนอ่านอยู่และมองผมจากหางตาวูบหนึ่งก่อนพูดทักทายตอบมา
“คะ...ครับ สบายดีครับ ลุงละครับ?”
“ก็สบายดีไม่ป่วยไม่ไข้ เมื่อคืนนอนสบายไหม? ไอ้เจ้าหลงมันกวนหรือเปล่า?”
“ไม่ครับ ผมเองก็หลับสนิทเพราะเหนื่อยด้วยล่ะครับเลยนอนสบายดี”
“ห้องไอ้หลงมันรกจะตาย ห้องว่างๆ ก็มีในบ้านทำไมน้ารุ่งแกไม่จัดให้ไปนอนก็ไม่รู้?”
ลุงธีเงยหน้าขึ้นมาจากหน้าหนังสือพิมพ์อีกครั้ง คราวนี้เหล่มองไปทางน้ารุ่งเป็นเชิงตั้งคำถาม
“คุณคะ ห้องนั้นฝุ่นเยอะจะตายเตรียมห้องไม่ทันหรอก!”
แม่พูดขึ้นขณะเตรียมจัดกับข้าวบนโต๊ะอาหาร
“แล้วให้ผู้ชายตัวใหญ่ๆสองคนนอนเบียดกันบนเตียง มันจะไปนอนสบายได้ยังไง?”
ลุงธีพูดขณะหันหน้ากลับไปจดจ่ออยู่กับตัวหนังสือบนหน้ากระดาษอีกครั้ง
“ผมโอเค ผมนอนเบียดได้สบายดี”
หลงพูดแทรกขึ้นมาพร้อมขำไปด้วย ทำให้ผมแอบตาเขียวใส่เขาไปยกหนึ่ง และผมไม่ลืมหันไปดูปฏิกิริยาของผู้ที่ผมยำเกรงที่สุดในบ้านอย่างลุงธีที่นิ่งเฉย ซึ่งผมเดาว่าน่าจะไม่ได้ยินหรือไม่ใส่ใจกับคำพูดของไอ้เด็กไม่รู้กาละเทศะอย่างหลง แต่ก็ทำให้ผมรู้สึกโล่งอก ในขณะที่น้ารุ่งก็แอบตีต้นแขนของหลงดัง ‘พั่บ’ ผมล่ะอยากเดินไปเขกหัวอีกสักรอบ

“คุณคะเสร็จแล้ว ไปกันเถอะคะ”
น้ารุ่งพูดขึ้นหลังจากเดินไปล้างมือมาเรียบร้อยแล้ว
“อืม..โอเค”
“อ้าว! แม่จะไปไหน? ไม่กินข้าวด้วยกัน?”
หลงพูดขี้นมาขณะนั่งประจำเก้าอี้ประจำตัว
“พ่อกับแม่กินกันแล้วจ๊ะ ก็เล่นตื่นกันเสียเกือบบ่าย น่าจะรู้ว่าพ่อเขาต้องกินข้าวตรงเวลา ใครจะไปรอจ๊ะ”
น้ารุ่งพูดจบก็ใช้มือตบหน้าผากหลงเบาๆ
“ขอโทษครับ..” ผมรีบขอโทษน้ารุ่งโดยอัตโนมัติ
“เอิร์ธน่ะ.. ไม่เป็นไรหรอกลูก แต่ไอ้ลูกน้าเนี่ย มันขี้เกียจไม่รีบตื่นขึ้นมาทำอย่างอื่นบ้างเอาแต่นอน!”
“แม่ก็... ปิดเทอมแล้วขอขี้เกียจบ้างดิครับ”
ผมโอดครวญ
“ก็ตื่นมาช่วยแม่แกทำงานบ้านบ้างไง สันหลังยาวจนถึงเพดานแล้ว!!”
ลุงธีเสริมขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่ทำเอาผมสั่นไปหมด
“ครับป๊า.....”
หลงดูจะหมดคำพูดกับการโต้กลับของลุงธีร์

“กินข้าวกันไปเลยนะ น้ากับลุงธีขอไปทำธุระข้างนอกสักหน่อย แล้ว น้าวานเป็นธุระดูเรื่องเกรดของไอ้ลูกไม่เอาไหนให้น้าหน่อยนะ ลงโทษให้หนักเลยหากเกรดมันไม่ได้เรื่อง?”
น้ารุ่งพูดด้วยท่าทางอมยิ้มเหมือนเคย ส่วนหลงก็ทำท่าไม่พอใจเล็กน้อยกับประโยคของแม่ตัวเอง

“อ้าว!! เกรดออกแล้วเหรอ??”
ผมหันไปทางไอ้ลิงทโมนที่อยู่อีกฝาก
“ยังไม่เป็นทางการ ผมไปถามคะแนนดิบจากอาจารย์มา แล้วก็ให้ไอ้ชัยมันคำนวนให้ก็น่าจะไม่ห่างจากนี้”
หลงพูดพลางลุกออกจากเก้าอย่างเกียจคร้านไปหยิบกระดาษขนาดเอสี่พับครึ่งจากน้ารุ่งมายื่นให้ผมแบบส่งๆ
”น้าไปก่อนนะ แล้วก็หลง... กินเสร็จก็เก็บโต๊ะให้เรียบร้อยด้วยนะ!”
“คร้าบ.......” หลงลากเสียงตอบยาวขณะที่มองกับข้าวหลากหลายบนโต๊ะ
“ไม่เป็นไรครับน้ารุ่ง เดี๋ยวผมจัดการเอง” ผมส่งเสียงให้น่ารุ่งที่กำลังเดินพ้นประตูบ้านไป
“ให้ไอ้หลงมันทำน่ะแหละ เอิร์ธเป็นแขกไม่ต้องไปทำให้มันหรอก!” ลุงธีเสริมขึ้นมาในขณะที่ตัวพ้นประตูไประยะหนึ่งแล้ว พลังเสียงของคนบ้านนี้สุดยอดทุกคน พอได้ยินแบบนั้นผมก็หันไปยิ้มให้ไอ้ตัวดีที่ทำหน้าบอกบุญไม่รับอยู่ฝั่งตรงข้าม

“อืม..... ไม่เลวนี่ เกรดถือว่าอยู่นเกณฑ์ดีนะ คะแนนก็ดีขึ้นเยอะเลย” ผมคลี่กระดาษเอสี่ที่พับอยู่ในมือออกมาและพิจารณาคะแนนแต่ละวิชาในหน้ากระดาษ
“ก็คนพยายามแทบตาย.... แต่ดันไปเจอเรื่องแบบนั้นที่บ้านพี่ เล่นเอาผมประสาทกินไปเลย” หลงพูดด้วยสีหน้าบึงตึงกับส่งสายตาที่เสียดแทงมาทางผม ผมรู้สึกเจ็บแปล๊บขึ้นมาจุดหนึ่งที่กลางอก ดูจากสีหน้าและน้ำเสียง เหตุการณ์นี้คงทำเขาเสียใจไม่น้อย

“โอ๋ๆ  เอาน่าเดี๋ยวพี่ให้รางวัลแห่งความพยายามนะ จะพาไปเที่ยวปิดเทอมเอาไหม?”
“โอเค!! ค่อยรู้สึกดีขึ้นมาหน่อย ว่าแต่จะไปไหนดีนะ”
“แล้วแต่เลย หลงคิดเลยเดี๋ยวพี่พาไป”
“งั้นขอคิดดูก่อนนะ... แต่ก่อนอื่น.....”
หลงเหล่มองมาทางผมด้วยสายที่หิวโหย
“อะไร? ไม่ต้องเลย รู้นะคิดอะไร?”
“อะไรพี่? ผมแค่อยากได้มัดจำแค่นั้นเอง! นะ.. ผมขอวันนี้ก่อนนะพี่นะ? ผมคิดถึงพี่จะแย่ ตั้งหลายวันเราไม่เจอกันเลย แค่เมื่อเช้าผมยังไม่หายคิดถึงเลย!”
หลงพูดไปพลาง ยื่นมือมาจับที่มือผม และยื่นหน้าหล่อๆ ของเขาเข้ามาใกล้ผมเสียจนผมสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นๆของเขา
โอย... ไอ้เด็กบ้า อย่าทำตัวน่ารักได้ไหม? หัวใจผมมันอ่อนแอกับการออดอ้อนแบบนี้

“กลับไปนั่งกินข้าวดีๆเลย!!”
ผมทำเสียงแข็งใส่
“โหย....พี่เอิร์ธน่ะ!”
“กินข้าวให้เสร็จก่อนค่อยว่ากันโอเคนะ ตอนนี้พี่หิว เวลาท้องหิวมันไม่คิดเรื่องอื่นเข้าใจป่ะ?”
“โอเคครับ!!”
หลงยิ้มร่าและกลับไปนั่งประจำที่พร้อมตักข้าวเข้าปากอย่างสบายใจ

...............




 :katai4:  งานเยอะ แต่ยังปั่นต้นฉบับอย่าขมักเขม้น

ออฟไลน์ Shonennihon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 424
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +118/-1
.......................

แสงสีส้มอ่อนๆ ส่องมาทางทิศตะวันตก พระอาทิตย์ลอยตัวต่ำลงเกือบเลียดพื้นสะท้อนกับผนังบ้านเดี่ยวสองชั้นของผมให้มีสีสวยที่แปลกตาไปอีกแบบ ผมยืนอยู่หน้าบ้านตัวเองหลังจากโดนลูกตื้อลูกอ่อยจากเด็กวัยสิบแปดที่ทำให้ผมอ่อนสะท้านจนยอมโดนคลุกวงในอยู่บนเตียงกับเขาตลอดช่วงบ่าย รู้สึกปวดเหมื่อยและแสบตัวไปหมด สงสัยเราคงออกกำลังกายน้อยไปจริงๆ

ผมกำลังทำใจเข้าบ้านตัวเองอยู่ เพราะอะไรน่ะเหรอ? ผมไม่แน่ใจว่า หลังจากก้าวข้ามธรณีประตูเข้าไปแล้ว ผมจะเจอกับอะไรบ้าง...... ผมนึกหน้าตัวเองไม่ออกว่าจะต้องทำหน้ายังไงหากเดินเข้าไปเจอลูกเกดที่ทำให้นึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวาน เรื่องเธอร่วมมือกับแม่ของผมในการหลอกลวงคนที่ผมรัก

และนี่ยังไม่รวมกับการที่ผมต้องกลับไปเจอแม่ของตัวเองนั่งหน้างออยู่ในบ้านและพยายามหว่านล้อมผมสารพัดให้ผมเลิกเป็นตัวของผมเอง ‘เลิกเป็นเกย์และหันมาทำตัวปกติเหมือนคนอื่นเขา’ แม่มักจะมีประโยคประมาณนี้ติดปากเสมอ แล้วเป็นแบบนี้มันผิดปกติตรงไหน? ผมละไม่เข้าใจแม่เสียเลย! ผมก็มักจะพูดประมาณนี้กับแม่เสมอ เราแสดงความคิดเห็นเรื่องนี้ไม่ตรงกันเสมอตั้งแต่ผมเริ่มเปิดตัวมาคบกับเอที่เป็นผู้ชาย และเราก็เริ่มมีปากเสียกัน สมัยผมคบกับเอ แม่ก็มักจะมาวางยาใส่ความสัมพันธ์ระหว่างผมกับเขาเสมอโดยการแอบมาคุยกับเอตามลำพัง ขนาดว่าเอเป็นมีความมั่นใจสูงและแน่วแน่ในความต้องการของตนเอง ยังโดนแม่ผมเล่นงานด้วยคำพูดเสียจนเสียศูนย์ไปพักใหญ่ๆ แต่อย่างหลงที่ภูมิคุ้มกันกับเรื่องแบบนี้ไม่ค่อยดี คงคิดเตลิดไปไกล แม่ของผมมักจะทำอะไรอย่างมีแผนที่แยบยลตลอด แต่ผมก็ทันแม่เรื่อยมา (มันคงตกทอดมาจากดีเอ็นเอ) และการกระทำครั้งนี้ทำให้ผมโกรธแม่อย่างจริงจัง

ผมก้าวขาเข้าบ้านอย่างเงียบเชียบ ภายในบ้านดูสงบเงียบเหมือนไร้ผู้คน ผมเดินตรวจดูตามห้องต่างๆ ที่ชั้นล่างก็ไร้วี่แววของคน ในขณะที่ที่ผมตั้งใจจะเดินไปดูชั้นบนของบ้าน เสียงเปิดประตูรั่วก็ดังขึ้น ผมตัดสินใจเดินไปที่ต้นเสียงทันที ผมพบว่าคนที่เข้าบ้านมาคือ ลูกเกด เธอทำสีหน้าตกใจเมื่อเห็นผมอยู่ในบ้าน

“พี่เอิร์ธ...พี่เอิร์ธกลับมาแล้วหรือคะ?”
เธอถามด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแบบแสแสร้ง
“อืม..... เรามีเรื่องต้องคุยกัน”
ผมตอบกลับไปเสียงเรียบ

“เรื่อง....  เรื่องอะไรคะ? คือลูกเกด... ไม่ได้ทำบ้านพี่เอิร์ธรกเลยนะคะ ลูกเกดช่วยแม่บ้านดูแลห้องพี่เอิร์ธด้วยนะคะ”
“ไม่ใช่เรื่องนั้น! เร็วหน่อยพี่ต้องรีบไปทำงาน”
ผมตอบและหันเดินไปทางสวนข้างบ้าน ทั้งที่ตอนแรกผมแค่จะเข้ามาเปลี่ยนเสื้อผ้าและจัดกระเป๋าเพื่อไปค้างที่อื่น (บ้านหลง) แล้วจะรีบไปทำงาน แต่พอเห็นหน้าลูกเกดผมก็อดไม่ได้ที่จะจัดการเคลียร์ทุกอย่างให้จบ!! ประจวบกับแม่ผมก็ไม่อยู่ด้วยโอกาสเหมาะมากเพราะลูกเกดพื้นฐานแล้วเป็นคนไม่มีพิษภัยอะไร แม่ผมนี่แหละตัวต้นคิด

“แม่พี่ล่ะ?” ผมถามขึ้นลอยๆ ขณะจัดแจงที่นั่งมี่ม้านั่งลายหินอ่อนในสวนข้างบ้าน
“เห็นว่าจะไปทำธุระกับเพื่อนนะคะ..เกดเลยขอตัวกลับมาก่อน.... อุ๊บส์!!”
“ไม่ต้องปิดพี่หรอก! พี่รู้แล้วว่าแม่พี่ยังไม่กลับกรุงเทพ!!”

ใช่ครับ ผมน่ะเข้าใจมาตลอดว่าแม่ผมกลับไปกรุงเทพแล้ว หลังจากตามหาผมจนเจอที่นี่ ผมไม่รู้หรอกว่าแม่ไปสืบรู้ได้ยังไง แต่ผมคิดว่าผมเคลียร์กับแม่จนแม่กลับกรุงเทพไปแล้วเสียอีก ส่วนลูกเกดนี่ผมก็เพิ่งรู้จากปากหลงว่าอยู่ด้วยกันกับแม่ผมเมื่อวาน แบบนี้น่าจะแปลว่า ลูกเกดน่าจะสมคบคิดทำเรื่องนี้กับแม่ผมแน่นอน การมาหาผมนี่คงไม่ใช่เรื่องบังเอิญแล้ว

“คือ.... ลูกเกด.... คือเกดจำเป็นจริงๆ นะคะพี่เอิร์ธ!”
ลูกเกดดูท่าทางร้อนรนและสำนึกผิดจนออกนอกหน้า คิดถูกจริงๆ ที่คุยกับลูกเกดก่อนเพียงลำพัง

“จำเป็นอะไร?”
ผมถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“พี่เอิร์ธรู้จัก ปิยะลูกอาฤทธิ์ไหมคะ?”
“อ้อ... จิม ลูกของอาฤทธิ์ ทำไมเหรอ?”
อาฤทธิ์คือหุ้นส่วนแม่อีกคนหนึ่ง

“พ่อจะจับหนูแต่งงานกับเขา!!”
“เฮ้ย!! เดี๋ยวนะ! เพิ่งเริ่มทำงานกันเองไม่ใช่เรอะ? ทำไมรีบร้อนจัง”
“คงเป็นเหตุผลของผู้ใหญ่เขาน่ะคะ เกดไม่รู้หรอก แต่ปิยะเขาน่ะ เจ้าชู้จะตาย เกดไม่ชอบคนแบบนั้นน่ะคะ  แล้วก็ไม่เคยสนิทด้วยเลย ออกจะเกลียดด้วยซ้ำ แม่พี่เอิร์ธรู้ก็เลย อาสาจะช่วย!!

“................”
พอมาถึงจุดนี้ ทำให้ผมคิดได้ทันที ไม่แปลกที่แม่จะอยากช่วยลูกเกด เพราะพ่อของลูกเกดถือว่าเป็นหุ้นส่วนใหญ่ของบริษัท แน่นอน! ไม่ว่าเป็นใครก็อยากจะดองด้วย แม่คงอยากจะส่งผมใส่พานให้ไปเป็นลูกเขยบ้านนี้แน่ๆ ส่วนลูกเกดก็คงหมดหนทางจริงๆ เลยมาพึ่งผมทั้งๆที่รู้ว่าผมไม่ชอบผู้หญิงแบบนี้ และยิ่งได้เห็นลูกเกดนั่งน้ำตาปริ่มที่เส้นขอบตาแบบนี้ทำเอาผมคิดไม่ตกเลยทีเดียว

“เกดรู้นะคะว่ามันไม่ดี แต่แม่พี่บอกว่า หากมาพูดคุยกับพี่ดีๆ พี่คงไม่เห็นด้วยเรื่องแผนนี้!”
ลูกเกดใช้หลังนิ่วชี้ปาดน้ำตาที่ปริ่มออกมาไม่ให้ไหลลมาอาบแก้ม

“ก็แน่ล่ะ เรื่องโกหกแบบนี้มันจะดีได้ยังไง!”
ผมตอบและกระแทกเสียงที่ท้ายประโยค
”เนี่ย!! ลูกเกดไม่รู้จะพึ่งใครก็เลยหนีออกจากบ้านไปอยู่กับคุณน้าอร น้าก็เลยคิดแผนช่วยลูกเกดแบบนี้”
“เดี๋ยวนะ... ไอ้แผนที่ว่าเนี่ยมันคืออะไร?”
“คือ.... แผนประมาณว่า... ให้พี่เอิร์ธไปขอเป็นคู่หมั้นเกด เพราะ....... ต้องรับผิดชอบเกด...... อะไรประมาณนี่คะ”

“รับผิดชอบ? รับผิดชอบอะไร? แล้วเรื่องโกหกแบบนี้ มันจะโกหกได้นานหรือไง? ลูกเกดก็น่าจะรู้ว่าพี่ไม่มีทางมีแฟนเป็นผู้หญิง!! พี่ว่าเรื่องแบบนี้... ไปคุยกับอาก้องดีกว่าไหม? พี่ว่าอาก้องเป็นคนมีเหตุผลพอต้องฟังลูกสาวคนเดียวของเขาแน่ๆ”
ผมพ่นความอัดอั้นออกมายาวเพราะไม่เข้าใจตรรกะของหญิงที่เป็นเหมือนน้องสาวของผมตรงหน้า เราเติบโตมาด้วยกันจนผมสามารถดุว่ากล่าวเขาได้เหมือนญาติผู้ใหญ่ แต่ผมไม่ถือสาเธอหรอก ผมจะโทษคนที่เอาความคิดพวกนี้มายัดเยียดให้น้องสาวผมคนนี้ ..... แม่ผมนั่นเอง....

ออฟไลน์ Shonennihon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 424
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +118/-1

“เกดขอโทษคะ เกดขอโทษ เกดไม่ได้อยากทำแบบนี้เลย แต่ป้าอรบอกว่า พี่เอิร์ธจะเข้าใจความหวังดีของป้าอรแน่นอน”
ลูกเกดตาแดงก่ำและมองมาที่ผมด้วยแววตาสำนึกผิด

“อืม.. ช่างมันเถอะ ดีนะที่พี่เคลียร์กับหลงเขาเรียบร้อยแล้ว”
“.............”  ลูกเกดใช้ฝ่ามือนวดคลึงบริวณรอบดวงตาและพยายามหลบตา เป็นท่าทางที่เธอมักทำ เวลามีความในใจบางอย่างที่อยากจะพูดแต่สะกดไว้

“เกดเป็นอะไรหรือเปล่า?”
“ไม่คะ เกดโอเค เกดคงต้องยอมกลับไปรับกรรมแล้วละคะ”
“ไม่ต้องหรอก พี่ตัดสินใจแล้ว... พี่กลับไปด้วย พี่จะกลับไปช่วยคุยกับอาก้องเอง พี่ว่าอากัองต้องเข้าใจ!!”
ผมยกมือสัมผัสที่ไหล่บางๆ ซึ่งกำลังสั่นเทาของลูกเกดและยิ้มให้ก่อนพูดด้วยน้ำเสียงที่มั่นคงหนักแน่น
“ขอบคุณคะ” ลูกเกดตอบด้วยรอยยิ้ม แม้ดวงตาจะยังเศร้าสร้อยอยู่

......................

ผมซึ่งตอนนี้อยู่ในชุดทักสิโด้ สำหรับออกงานเปิดตัวหมู่บ้านโครงการใหม่ของบริษัทของแม่ผม กำลังยืนลังเลว่าจะเข้าไปในงานเลี้ยงที่เต็มไปด้วยสื่อแบบนี้ดีหรือไม่?

งานเลี้ยงถูกจัดขึ้นที่โรงแรมหรูหราขนาดใหญ่แห่งหนึ่งย่านถนนสุขุมวิท ทั้งงานตกแต่งด้วยต้นไม้ขนาดเล็กและดอกกล้วยไม้สีขาวประดับประดาด้วยแสงไฟ LED สีขาวดูเย็นตา แซมด้วยของประดับบ้านหรูหราที่ทำจากแก้วและคริสตัล ผู้คนในงานที่คราคร่ำต่างแต่งตัวด้วยชุดออกงานสีเงินและสีขาว ผมรู้สึกเกร็งๆกับงานลักษณะแบบนี้ทุกครั้งที่มากับแม่ของผมตั้งแต่จำความได้ คนร่วมงานก็เยอะ ซึ่งส่วนใหญ่ผมก็ไม่รู้จัก และไหนแสงแฟลชจากกล้องของพวกสื่อมวลชนและประชาสัมพันธ์ประจำบริษัท มันทำให้ผมอึดอัดมาก ช่วงหลังๆ ก่อนที่ผมจะหนีแม่ออกจากบ้าน เลยพยายามหลีกเลี่ยงที่จะมางานลักษณะนี้กับแม่

แต่วันนี้ผมจำเป็นต้องมา! (ทั้งที่เกลียดงานแบบนี้มาก ชุดทักซิโด้แบบทางการแบบนี้ไม่เหมาะกับผมเสียเลย) ผมต้องมาพบและคุยกับอาก้องเรื่องลูกเกด ผมต้องเคลียร์เรื่องนี้ให้สำเร็จ ลูกเกดอุตส่าห์ไว้ใจให้ผมพากลับมาที่บ้านของเธอและเป็นตัวแทนเธอในการพูดกับพ่อของเธอให้  และเหตุที่ผมต้องมางานนี้ก็เพราะว่าอาก้องเป็นบุคคลที่เข้าพบได้ยากมาก บ้านก็แทบไม่ได้อยู่ ที่นี่น่าจะเป็นที่เดียวที่สามารถพบเขาได้โดยไม่ต้องนัดหมายเป็นเดือน ผมไม่มีเวลารอได้นานขนาดนั้น (วันลาของหมอมือใหม่อย่างผมมันน้อยเสียนี่กระไร)
ภายในงานคราคร่ำไปด้วยผู้คนจากหลากหลายอาชีพที่ถูกเชิญมา เสียงดนตรีในงานเลี้ยงด้านในเริ่มดังขึ้น เหล่าออแกนไนเซอร์ตามวิ่งกันอุตลุตในชุดทีมงานสีดำ ผมซึ่งตอนนี้ยืนอยู่บริเวณหน้างานกับลูกเกด รู้สึกเหนื่อยแทนพวกเขาเหล่านั้นจับใจ ภาพมันต่างจากคนที่แต่งชุดหรูหราอยู่ในงานที่ดูจะใช้ชีวิตวันนี้อย่างไม่รีบร้อนและครื้นเครง และภาพเหล่านี้ก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ผมไม่ค่อยชอบมางานแบบนี้ ผมว่ามันดูสิ้นเปลืองสิ้นดี

“พี่เอิร์ธคะ งานน่าจะเริ่มแล้ว หลังจากที่คุณพ่อกล่าวเปิดงานและประชาสัมพันธ์โครงการ ก็น่าจะมีเวลาว่างประมาณ 20 นาทีก่อนที่จะออกมาจากห้องพักหลังเวทีเพื่อมาพบแขกในงานและนักข่าวคะ”

ลูกเกดในชุดราตรียาวสีขาวประดับมุขและเกล้าผมแซมด้วยเครื่องประดับมุกสีขาวทำให้เธอดูโดดเด่นไม่น้อย ผมเชื่อว่าผู้ชายทุกคนในงานต่างต้องจับจ้องมาที่เธอแน่นอน เธอเดินเข้าคุยกับผมพร้อมคล้องแขนผมเพื่อเตรียมเข้างาน เพราะเธอคือบัตรเชิญของผมในการเข้างาน เพราะผมไม่มีบัตรเชิญและทุกคนต่างจำลูกสาวเจ้าของงานได้แน่นอน

ผมเดินเข้ามาในงานที่ตอนนี้แสงสีต่างๆในงานต่างดับแสงลงเหลือเพียงไม่กี่ดวงให้สว่างพอที่จะมองทางได้ แสงสีส้มและขาวเกือบครึ่งงานต่างถูกหันเหให้หันไปที่คนที่ยืนอยู่ที่กลางเวที คนที่เป็นประธานของงานในครั้งนี้ กล่าวสวัสดีทักทายทุกคนอย่างเป็นกันเอง กลังจากนั้นยังนำเสนอผลงานของบริษัทได้อย่างน่าทึ่ง ผมชอบฟังการขึ้นนำเสนอของอาก้องทุกครั้ง และอยากที่จะพูดได้น่าประทับใจและดึงดูดแบบนั้นบ้าง

เวลาผ่านไปเร็วมาก รู้สึกเหมือนผ่านไม่นานแต่อาก้องก็จบการนำเสนอโครงการได้อย่างน่าทึ่งเหมือนเช่นเคย ผมเลยต้องรีบแหวกฝูงชนไปที่มุมเวทีที่อาก้องเดินลงไปอย่างสง่าผ่าเผย ตอนนี้ลูกเกดมายืนรอผมอยู่ก่อนแล้วเพื่อพาผมเดินผ่านเจ้าหน้าที่ของงานเข้าไปหลังเวทีที่จัดเป็นที่พักผ่อนของอาก้องก่อนที่จะเดินไปพบปะกับแขกและสื่อมวลชนตามกำกนดเวลา

“สวัสดีครับอาก้อง”
ผมเดินเข้าไปในห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆที่สร้างจากฉากกั้นทำด้วยผ้าสีดำอย่างง่ายๆ สี่ด้าน อาก้องที่นั่งอยู่บนโซฟาขนาดใหญ่ท่าทางนั่งสบายหันมาหาผมด้วยรอยยิ้ม

“อ้าว!! เอิร์ธ ไม่เจอกันตั้งนาน สบายดีไหมเรา?”
“สบายดีครับ อาก้องครับ ผมขอคุยกับอาสักครู่ได้ไหมครับ?”
“ได้สิ! ได้ มานั่งนี่มา! คนกันเองไม่เป็นไร”
“ขอบคุณครับ ผมจะมาขอคุยเรื่อง น้องลูกเกดน่ะครับ คือ... เรื่องการหมั้นหมายของลูกเกดน่ะครับ”
“อ้อ.... เรื่องนั้นเอง ไม่เป็นไร แม่เราน่ะบอกอาหมดแล้ว ไม่มีปัญหาเลย!”
“........เอ่อ. ครับ?.....”  ผมรู้สึกแปลกใจทั้งประโยคของอาก้องตั้งแต่เรื่องที่แม่มาบอกอาก้องด้วยตนเองแบบนี้ (แม่ทำเรื่องดีๆ แบบนี้ก็เป็นด้วย ผมรู้สึกมาเสียเที่ยวขึ้นมาเลย วันหยุดของผม T-T) รวมถึงเรื่องที่อากัองเป็นคนพูดง่ายกว่าที่คิดมาก ผมอุตส่าห์ คิดหาเหตุผลมาคุยกับอาก้องทั้งคืนกลับไม่ได้พูดสักประโยค

“แม่เธอก็แปลก น่าจะพูดเรื่องนี้ตั้งนานแล้ว อาก็ไม่ค่อยสบายใจเลยที่ต้องยกลูกสาวคนเดียวให้กับคนไม่เอาอ่าวอย่างเจ้าปิยะมัน! แต่ก็ขัดใจอีกฝ่ายลำบาก ไม่งั้นโครงการวันนี้ล้มไม่เป็นท่าแน่หากทำเขาไม่พอใจ ดีนะที่แม่เอิร์ธเขามาอธิบายทุกอย่างจนอึกฝ่ายยอมยกเลิกเรื่องสู่ขอไปเอง”

“แม่ผม? อธิบาย??” ผมรู้สึกว่าเรื่องมันง่าย และจบดีเกินไป ผมว่าเรื่องที่อากัองเล่ามันยังแปลกๆ อยู่หลายจุดเลยกะว่าจะถามต่อ

“อ้าว!! ก็เรื่อง....”

“คุณก้องคะ ได้เวลาแล้วคะ ตอนนี้กองทัพสื่อฯ มารอพบท่านแล้วนะคะ”
อาก้องกำลังร่ายสิ่งที่ผมสงสัยแต่ก็ถูกพีอาร์สาวสวยปากแดงฉ่ำเดินเข้ามาขัดจังหวะ

“เอ้อ....อ้อ...... โอเค ขอคุยอีกเดี๋ยวได้ไหม?” อาก้องยกนาฬิกาเรือนสีทองชมพูที่ข้อมือขึ้นมาดู และยิ้มให้พีอาร์สาวปากสวยกลับไป

“ไม่ได้คะ หากออกไปช้ากว่านี้จะส่งผลให้งานเลิกช้าไปกว่านี้นะคะ!”
“โอเคๆ..... เอ้อ... เอิร์ธเดี๋ยวค่อยคุยกันต่อนะ”
อาก้องที่เป็นประธานกรรมการบริษัทตอบกลับไปด้วยท่าทางเกรงใจ และหันมาคุยกับผมในขณะที่อาก้องยืนขึ้นแล้ว
“ครับอา” ผมยืนขึ้นเพื่อส่งอาก้องเช่นกัน

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
ไม่ใช่กลายเป็นการประกาศหมั้นหรอกนะ

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
เหมือนคนละประเด็นกัน คนละเรื่องเดียวกัน
ต้องโทษเอิร์ธ พูดไม่ตรงเอง  ทำไมไม่พูดเรื่องไม่หมั้น
ไปพูดเรื่องหมั้น   มันก็เข้าทางแม่เอิร์ธน่ะสิ  :angry2: :fire:
เซ็งเอิร์ธ แล้ว   :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:

พอดีได้ออกข่าวการหมั้นระหว่างเอิร์ธ กับเกด แน่นอน  :z3: :z3: :z3:
         :L1: :L1: :L1:
   :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
เอิร์ท สงสัยงานนี้โดนกับดักเป็นแน่ เอาใจช่วยนะ อิอิอิ

ออฟไลน์ Shonennihon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 424
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +118/-1

“เออ! จริงสิ ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว เอิร์ธมากับอาหน่อยสิ อาคิดอะไรออกแล้ว!”
“ครับ???” ผมตอบไปด้วยอาการงงๆ

“ท่านคะ ห้ามมีเรื่องนอกตารางงานอีกนะคะ พูดแค่เรื่องที่จัดให้ก็พอนะคะ” พีอาร์สาวคอยปรามอาก้องซึ่งดูจากรูปประโยคแปลว่าอาก้องน่าจะทำบ่อย

“เออน่ะ นิดเดียว พอเป็นสีสันให้สื่อฯ”
“.....เฮ้อ......” พีอาร์สาวกลอกตาและพ่นลมหายใจออกมายาวๆ
“มาเอิร์ธมา เดินมากับอาหน่อย”
อาก้องกวักมือเรียกอย่างจริงจังจนผมขัดไม่ได้เลยเดินตามไปแบบงงๆ

................

อาก้องนอกจากจะเป็นที่รู้จักของคนทั้งงานแล้ว ยังโดนนักข่าวตามติดตั้งแต่ออกจากบริเวณห้องพักด้านหลังเวที เท่าที่ผมพยายามจับใจความคำถามได้ก็เป็นเรื่องที่จะจัดงานแต่งงานใหญ่ระหว่างลูกสาวกับลูกนักธุรกิจใหญ่อีกคนที่เป็นหุ้นส่วนของโครงการนี้ อาก้องมีฝีปากที่ดีในการตอบคำถามเพราะไม่ว่าใครจะถามคำถามแบบไหน อาก้องก็ไม่หลุดพูดเรื่องงานแต่งงานของลูกสาวเลย (เทพมาก) แถมยังทำได้แบบบัวไม่ให้ช้ำน้ำไม่ได้ขุ่นด้วย

จนกระทั่งพีอาร์สาวเดินมาจี้ให้อาก้องเดินไปที่จุดแบล็คดร๊อปหน้างานเพื่อให้สัมภาษณ์ แม้งานนี้จะมีเหล่าบรรดาเซเลปมากันอย่างคับคั่ง แต่เหล่าบรรดาเหยี่ยวข่าวที่มารุมล้อมอาก้องอยู่ก็ไม่ได้ลดจำนวนลงเลย มีแต่จะมากขึ้นด้วย อาจเพราะเจ้าของธุรกิจทางด้านอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่สองคนกำลังจะเกี่ยวดองกันเลยกลายเป็นข่าวที่น่าจับตามอง

“เอาล่ะๆ ไหนๆ ทุกคนก็อยากรู้เรื่องของลูกสาวผมมากขนาดนี้ เห็นทีผมคงจะไม่พูดไม่ได้ใช่ไหมครับ?”

หลังจากที่อาก้องได้ตอบคำถามเกี่ยวกับเรื่องโครงการอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ระดับเมก้าโปรเจ็คของอาจบลง ก็พูดประโยคทิ้งท้ายแบบนี้ออกมา ผมซึ่งยืนเป็นตัวประกอบอยู่ที่ฉากหลังกับพีอาร์สาวตั้งแต่แรก ก็เริ่มแปลกใจจนหันไปหาพีอาร์สาวและลูกเกดที่ตอนนี้เดินมาสมทบยืนเป็นเพื่อนอยู่ข้างๆผม ซึ่งตอนนี้เธอเริ่มหน้าเปลี่ยนสีขึ้นมาทันที คงเพราะเธอกลัวคำตอบที่พ่อตัวเองจะพูดขึ้นมา

“เรื่องที่เป็นข่าวลือที่ว่าผมจะยกลูกสาวของผมให้แต่งงานกับนายปิยะ ลูกชายคุณอิทธิภัทร หุ้นส่วนใหญ่อีกคนของโครงการนี้.... ผมจะบอกว่าเรื่องนั้นไม่จริงครับ!”

พออาก้องพูดจบประโยค สีหน้าของลูกเกดก็ดีขึ้นมามาก เธอยิ้มมาทางผมและขยับปากสีชมพูสดแวววาวเป็นคำว่าขอบคุณ เธอจับมือผมแน่นแสดงความจริงใจ ทั้งที่ผมเองก็งงมากเพราะผมยังไม่ได้พูดอะไรเลย แม่ผมต่างหากที่อยู่จัดการเสียทุกสิ่ง ผมเลยไม่เข้าใจเลยว่าที่ผ่านมาแม่น่าจะคุยกับอากัองให้ตั้งนานแล้วทำไมถึงเพิ่งมาคุยหลังจากไปทำวุ่นวายที่บ้านผม หลังจากคิดทบทวนไปมาเลยตัดสินใจไม่ตอบอะไรออกไปและยิ้มกลับไปทางลูกเกดและจับมือเธอแน่นขึ้นแสดงความดีใจ

“ผมยอมรับครับว่า.... เรื่องนี้มีมูลอยู่บ้าง ทางคุณอิทธิภัทรเคยมาพูดคุยกับผมจริง” อาก้องพูดต่อ
“แต่หลังจากที่มาทบทวนดู คุณก็รู้ว่านายปิยะ มีข่าวเยอะมากกว่าดาราหนังไทยเสียอีก! จะให้ผมยกแก้วตาดวงใจให้ได้ยังไง?” อาก้องพูดถึงตรงนี้ทำให้บรรดากองทัพสื่อส่งเสียฮือฮาบ้างเห็นด้วยและบ้างขบขัน

“โชคดีที่ คุณอรอนงค์ ที่ปรึกษาและหุ้นส่วนคนสำคัญของผมได้ทำให้ผมตาสว่างขึ้น” อาก้องชี้ไปที่จุดที่แม่ผมยืนยิ้มและยกแก้วไวน์ขึ้นสูงในชุดราตรียาวสีขาวมุก

“ทำให้ผมรู้ว่า ไม่มีอะไรดีไปกว่าความสุขของลูก!” อาก้องหันมาทางลูกสาวซึ่งตอนนี้ลูกเกดยังคงกุมมือผมอยู่

“ทำให้ผมได้รู้ว่า ลูกเกดตอนนี้มีคนที่คบกันอยู่แล้ว และผมก็ต้องการให้ลูกมีความสุข วันนี้ฤกษ์ดีผมเลยขอแนะนำคู่หมั้นของลูกสาวผม นายแพทย์ ปฐวี ชาญดำรงฤทธิ์ ณ อยุธยา หรือลูกชายของคุณอรอนงค์ นั่นเอง ผมทราบมาว่าพวกเขาชอบพอกันมานานแล้ว ดูจากท่าทางคุณน่าจะดูออกนะ”

!!!!!!!!

สภาพผมตอนนี้เป็นใครก็คงเข้าใจผิด ในที่สุดสื่อที่ดูท่าทางสงสัยว่าผมเป็นใครอยู่นานก็รู้เสียทีว่าผมดันตกไปเป็นลูกเขยของตระกูลนี้ไปเสียแล้ว ตากล้องทุกคนสาดแสงแฟลชใส่ผมทั้งที่ผมยังมีอาการตกใจกับบทสัมภาษณ์ของอาก้องและยังอยู่ในสภาพกุมมือของลูกเกดอยู่


ในใจผมตอนนี้ทั้งโกรธและอาย เลือดในกายพุ่งพล่าน อุณหภูมิในร่างกายสูงขึ้นจนผมรู้สึกหูและใบหน้าร้อนฉ่า หากถ่ายรูปผมตอนนี้คงเหมือนผมเขินอาย แต่ปล่าวเลย ผมโกรธมากต่างหากล่ะ มองหน้าอากัองที่ทำท่ายิ่มร่าด้วยความยินดี กับลูกเกดที่ยิ้มเจื่อนๆ ใส่กล้องที่เล็งมาทางเราสองคน ทำให้ผมเดาว่าเรื่องก็เป็นเรื่องคาดไม่ถึงเช่นกัน

ผมมองหาตัวต้นเหตุคือแม่ของผมท่ามกลางแสงแฟลช ผมเห็นเธอยิ้มเยาะมาทางผมและชูแก้วไวน์เหนือศรีษะ รอยยิ้มที่เธอแสดงออกมาถึงชัยชนะเหนือผมและพ่อของผม เพราะพ่อสนับสนุผมในทุกเรื่องและรับรู้ถึงรสนิยมทางเพศของผม พ่อปกป้องผมมาโดยตลอด แม่ผมเป็นคนมีความทะเยอทะยานสูง เธอมีเชื้อสายเป็นถึงขุนนางเก่า มียศถาบรรดาศักดิ์ที่ทำให้เธอจมไม่ลง แม้จะเคยมีจุดตกต่ำสุดในวัยเด็ก (ถึงได้เจอกับแม่ของหลง) แม่ได้แต่งงานกับพ่อเพราะพ่อเป็นราชการมีอนาคตไกลในกระทรวงสาธารณสุข แต่เพราะพ่อเป็นคนสมรรถะเรียบง่าย พอดีพอเพียง จึงขัดใจกับแม่บ่อยครั้งจนต้องเลิกกัน

ผมอยากจะโวยวายกรีดร้องออกมา แต่เพราะผมให้ความเคารพอาก้องเหมือนญาติผู้ใหญ่ ผมจึงไม่ต้องการหักหน้าท่านตอนนี้ เรื่องของข่าวกับสื่อเดี๋ยวค่อยมาเคลียร์ทีหลัง แต่ผมมีเรื่องจะต้องเคลียร์กับแม่ผมก่อน ผมรีบเดินออกจากพื้นที่ให้ข่าวทั่งที่ยังจูงมือของลูกเกดอยู่ ผมพยายามแหวกทางผู้สื่อข่าวที่กลุ้มรุมเข้ามาขอสัมภาษณ์แต่ผมไม่ได้สนใจคำถามใดๆ ได้แต่ขอโทษและขอทางเพียงอย่างเดียว ในขณะที่ลูกเกดยิ้มให้เหล่าบรรดาเหยี่ยวข่าวที่หื่นกระหายข้อมูลและขออภัยได้เป็นเรื่องเป็นราวกว่าผมมาก

“ขอโทษนะคะ ค่อนข้างกระทันหันเลยยังไม่พร้อมจะให้ข่าวน่ะคะ” เป็นประโยคที่ผมได้ยินซ้ำไปมาตลอดเส้นทางที่ผมแหวกสายธารผู้คนเดินไป

สิ่งที่ผมได้ยินเป็นสิ่งสุดท้ายจากทางด้านหลังคือ เสียงอาก้องหัวเราะร่ากับวงล้อมสื่อมวลชนที่ยังเหลืออยู่ เพราะตอนนี้สมาธิผมพุ่งตรงไปที่แม่ของผมที่อยู่ห่างไม่เกินสิบเมตร

..............

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
เอาละสิ เอิร์ท จะแก้สถานการณ์ยังไง สู้ๆ น้าา
 :L2:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
บอกไปซี้ ว่าคุณอาเข้าใจผิด  ผิดประเด็น
ยังไม่ทันตกลงแน่นอน ก็ประกาศไปซะแล้ว
ลัดขั้นตอนไปหรือเปล่า

แม่อย่างนี้ก็มีด้วย  :serius2:
ประหลาด แอนด์ประสาทชัดๆ   :fire: :fire: :fire:
เอิร์ธ  น่าจะประกาศไปเลยว่าที่ประกาศไปน่ะ.......
ผิดครับ  ผมไม่หมั้นครับ เม่ื่อไหร่ๆ ผมก็ไม่พร้อมครับ  (ผมเป็นเกย์ครับ)
ถึงคราวหลงออกโรงละม้าง เอาให้แม่พี่เอิร์ธยิ้มค้างเลย
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Shonennihon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 424
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +118/-1
“แม่ติดคำอธิบายผมอยู่ เยอะเลยด้วย!!!”
ผมเอ่ยประโยคแรกกับแม่หลังจาก เชิญแม่เข้าที่พื้นที่ปลอดสื่อฯ ที่หลังเวที โดยมีลูกเกดคอยดูต้นทางอยูที่ประตูทางเข้าให้
ตอนนี้ผมอยู่กับแม่ลำพัง ลูกเกดยืนอยู่ไม่ห่างจากจุดนั้นมากนัก ผมต้องการอยู่กับแม่แค่สองคนแต่ผมอนุญาติให้เธออยู่ในการสนทนานี้ได้เพราะผมคิดว่าเธอเป็นเหยื่อของเรื่องนี้เช่นกัน

“ก็เห็นแกอยากช่วยน้องเกด แม่ก็ช่วยด้วยนี่ไง”
แม่ตอบด้วยรอยยิ้มที่หวานปานน้ำผึ้งซ่อนใบมีด ผมรู้สึกเจ็บปวดทุกครั้งที่แม่สามารถมีรอยยิ้มที่แฝงไปด้วยชัยชนะเสมอมา
“แม่กำลังทำให้ทุกอย่างมันแย่ลงมากกว่า!! และยิ่งจะทำให้ลูกเกดรู้สึกแย่ลงอึก”
ผมเหวี่ยงคำพูดกลับไปด้วยน้ำเสียงที่แน่นหนัก

“แย่กว่าตรงไหน? แม่เห็นว่าลูกเกดน่ะได้ประโยชน์เต็มๆ เลย”
“มันจะได้ประโยชน์ได้ยังไง มันคือการแต่งงานแบบคลุมถุงชนอยู่ดี!!”
“ลูกนี่โง่หรือตาบอด? เอิร์ธไม่รู้จริงๆ เหรอว่า ลึกๆ แล้วลูกเกดเองก็อยากจะให้มันเป็นแบบนี้”

“??????”

ผมรู้สึกงงกับคำพูดของแม่ ผมหันไปทางลูกเกดที่ไร้ซึ่งคำพูดใดๆ มีเพียงสายตาที่เขินอายส่งกลับมาเท่านั้น

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
อ๊ะ มาน้อยจัง มาให้อยากแล้วจากไป รีบๆ มาต่อเลยน้าาา
 :katai4: :katai4: :katai4:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ทำไมเอิร์ธ อ่านลูกเกดไม่ออก  :hao4:
นางแสดงออกชัดเจนสุดๆ
เข้าทางนาง กับแม่ไปแล้ว

นางก็แปลกนะ รู้ทั้งรู้ว่าเอิร์ธ ชอบชายยังทู่ซี้จะหมั้น จะแต่งให้ได้
ได้ประโยชน์อะไรเนี่ย มีแต่จะยุ่งเหยิง ทุกข์ทั้งสองฝ่าย
ขอแค่ครอบครองเท่านั้นพอหรือ   :really2: :really2: :really2:
เอิร์ธ นายเสนอตัวไปตกหลุมหญิงเองแท้ๆ  :fire: :fire: :fire:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Shonennihon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 424
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +118/-1
“เดี๋ยวนะ..... ลูกเกด.... เอ่อ....”
ผมรู้สึกบ้านหมุนเล็กน้อย ไม่นึกว่าทั้งสองคนนี้ยังร่วมมือกันได้ถึงขนาดนี้
“พี่เอิร์ธคะ หนูรักพี่เอิร์ธจริงๆนะคะ ใช้โอกาสนี้ให้ลูกเกดได้ดูแลพี่เอิร์ธนะคะ”
ลูกเกดเดินเข้ามากุมมือผมไว้ทั้งสองข้าง
“แต่ลูกเกดก็รู้ว่าพี่....”
ผมมองหน้าเธออย่างจริงจัง

“เกดไม่สนใจอดีตหรอกคะ เรามาเริ่มต้นกันใหม่นะคะเรามาสร้างครอบครัวอย่างที่แม่พี่เอิร์ธต้องการ พี่เอิร์ธเองจะได้ไม่ต้องหักหน้าพ่อลูกเกด เห็นไหมคะ win win ทั้งสองฝ่าย”
ลูกเกดพยายามเข้ามาใกล้ชิดผมอีกในขณะที่ผมเริ่มถอยหลังมาทีละครึ่งก้าว

“มันจะ win win ได้ยังไง? แล้วพี่ล่ะ ความสุขของพี่อยู่ตรงไหนของสมการนี้ทุกคนเอาแต่ได้ประโยชน์กันหมด แล้วพี่ล่ะ??”
ผมสะบัดมือลูกเกดและเดินถอยห่างไปสองสามก้าวเพื่อตั้งหลัก
“คิดให้ดีก่อนที่จะทำอะไออกไปนะเอิร์ธ เรื่องวันนี้มันกลายเป็นข่าวใหญ่มากเลยนะ จะทำอะไรก็หัดคิดถึงหน้าตาแม่ และอาก้องบ้าง!”
แม่ผมพูดออกมาด้วยสายตาเย็นชา เธอเป็นผู้หญิงที่เย็นชาทึ่สุดเท่าที่ผมรู้จักคนหนึ่ง

“ผมไม่สนใจเรื่องหน้าตาของแม่หรอก!!.....” ผมประกาศกร้าวออกไป แต่ผมจะทำให้ครอบครัวอาก้องอับอายไม่ได้.... ผมต้องทำอะไรสักอย่าง!! ในหัวของผมตอนนี้มันสับสนไปหมด ความคิดมันขดกันยุ่งเหมือนก้อนไหมพรมที่พันกันยุ่งเหยิง

“พี่เอิร์ธคะ...” เสียงลูกเกดเรียกผมออกจากห้วงความคิดทำให้ผมกลับมาที่ห้องสี่เหลี่ยมจัตุรัสซึ่งมีแสงไฟน้อยกว่าปกติ
“พี่ขอตัวออกไปสูดอากาศข้างนอกหน่อย”
ผมเดินผ่านลูกเกดแบบเฉียดไหล่เธอแบบไม่ใยดี ไม่ใช่ว่าผมไม่แคร์เธอ ผมยังคิดกับเธอเหมือนน้อง แค่นั้นจริงๆผมต้องหาทางแก้ไขปัญหานี้ให้ได้ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป ผมไม่รู้ว่าข่าวที่เกิดขึ้นวันนี้จะไปลงหนังสืออะไรบ้าง และไปได้ไกลแค่ไหน ผมทำได้แค่ภาวนาให้ผมแก้ปัญหานี้ได้ก่อนที่เรื่องนี้จะไปถึงคนที่ผมรักที่สุดตอนนี้ “หลง’ ผมคิดถึงเขาจัง เวลาที่ผมมีอยู่ที่นี่มันน้อยเหลือเกิน ผมลางานมาได้แค่สองวัน ผมจะทำอย่างไรดี? ความคิดอันยุ่งเหยิงกลับมาขณะที่ผมเดินไปตามทางเดินเรื่อยๆ ผ่านกลุ่มคนงานที่กำลังเก็บของในงานอีเว้นท์ บรรดาแขกและผู้สื่อข่าวต่างทยอยกันกลับหมดแล้ว

ผมไม่เจออาก้องระหว่างทาง ซึ่งก็ดีผมยังไม่อยากเจอหน้าท่านตอนนี้ เพราะผมคงทำตัวไม่ถูกกับการที่ท่านโดนแม่ผมปั่นหัวเข้าเต็มๆ ผมเดินไปแบบไร้จุดหมายพยายามหลบเลี่ยงคนจนเดินไปจนถึงชั้นจอดรถของโรงแรมชั้นบนสุดที่เป็นที่โล่งไม่มีหลังคา สามารถมองเห็นท้องฟ้ายามค่ำคืนได้ ท้องฟ้ายามราตรีของกรุงเทพซึ่งเรืองแสงสีแดงจนบดบังแสงจากดวงดาวหมดไป มันช่างต่างจากที่ผมจากมาเสียจริง ที่ๆมีดาวเต็มฟ้าและคนที่ผมรักนอนอยู่ข้างๆ ผมออกมามองท้องฟ้าเพื่อเคลียร์เรื่องในหัวให้หมดจะได้วางแผนแก้ไขเรื่องนี้ได้ถูกต้อง ผมปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตที่คอและผมเดินวนเวียนอยู่นานจนเหนื่อยแต่ก็ยังหาวิธีที่ดีไม่ได้

“เฮ้ย!! มึง!! ไอ้เอิร์ธ!!”
เสียงตะโกนที่แค่ฟังก็รู้ว่าเจ้าของเสียงเสพของมึนเมามาเต็มที่ส่งมาจากทางด้านหลัง

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ค้างงงงงงงงงงงงง
ลูกเกด ไม่เข้าใจตัวเอิร์ธ จริงๆ
บอกไม่คิดเรื่องอดีตเอิร์ธ ถถถถถถถถ เปลี่ยนได้หรือการเป็นเกย์
ใครอยากจะหมั้นกับนางกัน
มีแต่ตัวเองกับแม่เอิร์ธที่คิดถึงแต่หน้าตาตัวเอง ไม่คิดถึงตวามสุขของลูก

แต่หวังว่า คนที่ทักเอร์ธ จะเป็นคนที่ทำให้สถานการณ์การหมั้นเปลี่ยนไป
        :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Shonennihon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 424
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +118/-1

“”ปอ!!”

ผมเรียกชื่อคนที่ผมหันไปเจอด้วยน้ำเสียงตกใจ เพราะเขาอยู่ในระยะแค่มือเอื้อม ผมคงคิดอะไรมากไปจนไม่ทันรู้สึกตัว ปอคือชื่อเล่นของปิยะ คนที่คาดว่าจะได้หมั้นหมายกับลูกเกด แต่ผมมักจะเรียกชื่อจริงเขามากกว่าเพราะไม่ได้สนิทกันมาก

“มึง!! กูไม่นึกเลยว่าจะเป็นมึง!!”
เขาเป็นคนแบบนี้แหละครับ พูดจาห้วนด้วยภาษาพ่อขุนรามฯ ตั้งแต่รู้จักกับเขาตั้งแต่เด็ก ผมไม่เคยถือสาแต่ก็ไม่ชินเสียที

“เดี๋ยวปอ! ใจเย็นๆ เราอธิบายได้!!” ผมเดินถอยไปครึ่งก้าวเพื่อทิ้งระยะห่างจากกลิ่นแอลกอฮอล์ที่แผ่ออกมาเข้มข้นเสียจนผมคิดว่าหากเกิดประกายไฟขึ้นตรงนี้ผมกับเขาคงระเบิดเป็นจุล

“กูไม่ต้องการคำอธิบาย มึงแย่งของๆกูไป! มึงจะมาอธิบายอะไรอีก!”  เขาเดินเข้ามาใกล้ผมเสียจนผมเผลอใช้มือยันเพื่อหยุดปอก่อนที่จะล้มใส่ผมเพราะอาการเมาโซเซ

“เฮ้ย!! เดี๋ยวๆ ทำไมต้องเมามาขนาดนี้ด้วยวะ?!!”
ผมถอยไปอีกครึ่งก้าวเพราะท่าทางเขาขาดสติมากกว่าเดิม เขาเดินมาพร้อมกำหมัดแน่นขึ้นมือหนึ่ง และอีกมือหนึ่งกำขวดเหล้าขึ้นมาซดอย่างจริงจัง (กินขนาดนี้อาจตายได้เลยนะ)

“มึงเอาของๆกูไป กูเสียใจ กูมีสิทธิ์จะเมา!!”
“อย่าบอกนะว่าที่นายเมาเพราะข่าวเรื่องลูกเกดน่ะ”
“ ใช่... ลูกเกดน่ะผู้หญิงของกู กูคบกันมาตั้งนาน อยู่มาวันหนึ่งเธอก็เปลี่ยนไป แค่กูพูดเรื่องแต่งงาน!!”

“............”
นี่มันเรื่องอะไรกันวะ? ผมงงไปหมดแล้ว ผมเข้าใจมาตลอดว่าลูกเกดถูกจับแต่งงานกับปอ แต่สิ่งที่ปอพูดทำให้ผมรู้สึกเหมือนนิยายคนละเรื่อง

“ปอ..... นี่นายคบอยู่กับลูกเกด?”
“มึงอย่าทำเป็นไม่รู้เรื่อง สามปี.... สามปีที่คบกันมา กูรู้ว่ากูน่ะนิสัยไม่ดีเจ้าชู้ แต่พอกูตกลงได้คบกับลูกเกดสำเร็จกูก็เลิกกับทุกคน แต่ถึงขนาดนั้น ลูกเกดก็ยังไม่ยอมเปิดเผยเรื่องที่เราคบกัน...”
“แปลว่าเรื่องนี้.... ไม่มีใครรู้....”

“ไม่..... กูกับลูกเกดจะทำท่าทางสนิทสนมกันก็ต่อเมื่ออยู่ต่างประเทศเท่านั้น.... สามปีที่กูพิสูจน์แล้วว่ากูทำได้ เรามีความสุขกันมา กูรักเธอ....แต่พอกูขอลูกเกดแต่งงานเท่านั้นแหละ.... เธอค่อยห่างเหินจากกูไป..... กูเลยไปบอกป๊าให้ไปขอเลย บอกให้ป๊าทำยังไงก็ได้ให้ได้แต่งงานกับเธอ แต่ดูเหมือนกูคงไม่ดีพอ!! แต่วันนี้กูจะมาง้อลูกเกด .........”
ปิยะหยุดไปพักหนึ่งเหมือนเครื่องยนต์ที่ต้องหยุดพักจากการทำงานหนักมานานแล้วนิ่งไป

“.... เพราะมึง!!!”
หลังจากอยู่ในโหมดเล่าความเศร้าจากฤทธิ์แอลกอฮอล์ก็เปลี่ยนมาเป็นโหมดแค้นเพราะความหึงจนตั้งตัวไม่ทัน ปอใช้ช่วงเวลาที่ผมตั้งใจฟังเหวี่ยงหมัดขวาของเขาเข้ามาเต็มแก้มข้างซ้ายของผมอย่างจัง โชคดีที่ฤทธิ์ของหมัดคนเมาไม่ได้สติไม่ได้รุนแรงอะไรแต่ก็ทำให้ผมหน้าหงายไปเหมือนกัน

“เฮ้ย!!..... ปอ.!!... ปิยะ!! หยุดก่อน!!” หลังจากเซไปเล็กน้อบผมก็ตั้งหลักได้ และใช้มือจับหมัดขวาที่เหวี่ยงมาอีกรอบได้อย่างแม่นยำ
“กูไม่หยุด!!” ปอสะบัดมือขวาให้หลุดจากการพันธนาการของผม และเซเข้ามาหมายจะเหวี่ยงหมัดใส่ผมอีกรอบ แต่คราวนี้ผมตั้งตัวได้แล้ว ไม่มีทางมีหนที่สองแน่นอน ผมจับหมัดเขาได้อีกครั้งและบิดแขนเขาในท่าไพล่หลัง เขาเสียสูญและเจ็บปวด จนปิยะถึงกับทิ้งขวดเหล้าที่ถือมาด้วยกลิ้งหกเลอะเทอะ

“โอ้ย!! ปล่อยกู!!!” ปอพยายามดิ้นแต่แรงคนเมาหรือจะสู้คนที่สมบูรณ์อย่างผมได้ ผมเคยเรียนศิลปะการป้องกันตัวมาบ้าง เรื่องแค่จึงไม่เหลือบ่ากว่าแรงของผมเท่าไหร่?

“ไม่ปล่อย!! จนกว่าจะมีสติพูดกันดีๆ”
“กูจะต่อยมึง กูจะให้มึงเจ็บอย่างที่กูเจ็บ”

“ปอ!! ฟังนะ ฟังดีๆ เราไม่เคยคิดกับลูกเกดเกินน้องสาว เราไม่เคยคบกัน และที่สำคัญ.... เราเป็นเกย์!!!!”
ผมตะโกนใส่หูไอ้คนเมาด้านหน้าเพื่อจะเรียกสติกลับมาได้บ้าง แต่ก็ได้ผล เขาค่อยๆสงบและเงียบลงไปทันที ผมเลยปล่อยและผลักเขาไปด้านหน้า เพื่อเว้นระยะห่างเผื่อเขาจะกระโจนขึ้นเข้ามาหาอีก ผมจะได้ตั้งตัวป้องกันได้ทัน แต่เขาดูนิ่งและใช้มือเสยผมตัวเองหลายครั้ง ผู้ชายมาดดีไฮโซ กลายมาเป็นไอ้ขี้เมาข้างถนนผมแทบไม่เชื่อสายตาว่าความรักทำให้เราเป็นไปได้ขนาดนี้ (มานึกอีกทีผมก็คงไปว่าคนอื่นไม่ได้ ผมผ่านจุดนี้มาเหมือนกัน เห็นแล้วโคตรเข้าใจปอเลย!!)

“เออ........ มันก็จริงนะ..... ตั้งแต่วัยรุ่น กูไม่เคยเห็นมึงเดทกับสาวเลยว่ะ!!”

“อืม!” ผมพยักหน้าตอบไปด้วย เหมือนเขาจะเรียกสติกลับมาแล้ว
“แล้วมึงก็ชอบมองกูแปลกๆ เวลาเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วยกัน!”
มันหันมาชี้หน้า แต่ก็ทำให้เห็นว่าสีหน้าเขาดีขึ้นมาก
“หลงตัวเองแล้ว คนอย่างนายเดินแก้ผ้ามาขอมีอะไรด้วย เราก็ไม่สนใจโว้ย!!”
“ฮ่าฮ่าฮ่า” อยู่ๆ เขาก็หัวเราะขึ้นมา ในที่สุดพ่อเทพบุตรเจ้าชู้ มากอารมณ์ขันก็ได้สติกลับมาแล้ว

“แต่กูไม่เข้าใจ ว่าเรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นได้ยังไง กูรู้แต่ว่าเกดมีคนที่แอบชอบมานานแล้ว แต่ไม่สมหวัง......”
เสียงของปอค่อยๆหายไปตามความยาวของประโยค เหมือนจมไปกับความคิดของตนเอง

“เฮ้ยๆ เดี๋ยว!! อย่าพูดคนเดียวสิ เล่าให้ฟังก่อนว่าเรื่องมันเป็นไงมาไงเนี่ย เรางงไปหมดแล้ว แล้วนี่นายไปคบกับลูกเกดตอนไหน? อะไรยังไง?”
ผมยิงคำถามเป็นชุด คำถามที่หากเป็นปอยามปกติคงไม่มีทางพูดเรื่องนี้แน่ๆ แต่แอลกอฮอล์ทำให้ ไฟร์วอลล์อันนั้นหายไป

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
อ๊าว พี่เอิร์ธ เปลี่ยนเป็นศิราณีไปแล้วหรือ
เอาใจช่วยทั้งตัวเอง และอีกฝ่ายนะ
 :3123: :3123:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ถถถถถถถถ บอกไปเล้ย บอกทั้งพ่อเกด ว่าเป็นเกย์
แล้วเปลี่ยนไม่ได้หรอกการเป็นเกย์ ไม่ใช่หวัดกินยาก็หาย
เกด หลอกคนหลายคน  หลอกตัวเองด้วยม้าง
มีแต่ตัวเองกับแม่เอิร์ธที่คิดถึงเรื่องหมั้น
แต่งไปใครจะมีความสุข มีสมองป่ะเนี่ย  :hao3: :hao3: :hao3:

ปอ มาทำให้สถานการณ์การหมั้นเปลี่ยนเถอะ
        :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Shonennihon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 424
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +118/-1

“อืม...... เรื่องมันยาว......ว่ะ”
“เฮ้ย!! เราว่าง เล่ามาเหอะ”
“เอ่อ... เออ เรื่องมันเป็นอย่างนี้นะ.......”
ปอเริ่มเล่าเรื่องราวความรักที่เกิดขึ้นระหว่างเขากับลูกเกด ขณะที่เล่าเขาก็ลากตัวเองค่อยๆ ก้าวเท้าเดินผ่านผมไปหยุดที่ระเบียงริมลานจอดรถ เขาเล่าขณะมองฟ้าที่ความมืดค่อยๆกลืนกินแสงสีฟ้าไปจนเกือบหมดไปทางทิศตะวันออก สีแดงเรื่อๆของท้องฟ้าเมืองหลวงที่ดูไม่ได้สวยสดเท่าใดเพราะขาดแสงจากดวงดาว ทำให้บรรยากาศในการเล่าดูหม่นหมองมากกว่าจะเป็นเรื่องรักๆใคร่ๆ ที่น่ารัก

เขาเล่าตั้งแต่เขาเริ่มแอบชอบลูกเกดตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมปลายที่เดียวกัน ตอนนั้นเป็นตอนที่ลูกเกดเริ่มเปลี่ยนจากเด็กกะโปโรข้างบ้านเป็นเด็กสาวแรกแย้มที่น่ารักน่าทะนุถนอม เธอกลายดาวของโรงเรียนภายในเวลาไม่ถึงปีนับตั้งแต่เริ่มเป็นนักเรียนมัธยมปลาย ในช่วงนั้นปอยอมรับว่าตัวเองเกเรและเจ้าชู้มาก เนื่องจากหน้าตาและฐานะทางบ้านดีจึงเป็นที่หมายปองของสาวๆมากมาย จึงยังไม่คิดที่จะสนใจลูกเกดมากนัก แต่ก็แอบมองเรื่อยมา ผมซึ่งอายุมากที่สุดในบรรดาสามคนนี้ ผมจบไปก่อนที่ลูกเกดจะเข้าเรียนมัธยมปลายเลยไม่ทันเรื่องพวกนี้ (ปออายุมากกว่าลูกเกดปีหนึ่ง)

เรื่องมันบรรจบถึงที่สุดตรงที่ ทั้งคู่ดันได้มาเจอกันอีกในตอนเรียนมหาวิทยาลัย ตอนนี้ลูกเกดเป็นสาวสะพรั่งและเป็นถึงดาวมหาวิทยาลัย และได้มีโอกาสได้ทำงานร่วมกับปอหลายครั้งในฐานะรุ่นพี่เดือนมหาวิทยาลัย ความใกล้ชิดทำให้เกิดเป็นความรัก และปอก็ตัดสินใจเดินหน้าเต็มตัวที่จะจีบดาวมหาวิทยาลัยคนนี้ให้ได้ในปีที่ตัวเองใกล้จะจบแล้ว

แต่เพราะชื่อเสียงของปอในทางที่ไม่ดีมีมาก มันเลยเป็นการยากที่ลูกเกดจะเล่นด้วย และด้วยที่ความสนิทกันของทั้งคู่ตั้งแต่เด็กทำให้ลูกเกดรู้ทันปอไปเสียทุกสิ่ง มันเลยเป็นการยากที่ปอจะจีบลูกเกดติดโดยง่าย แต่เพราะความตื้อและความจริงใจที่ปอแสดงออก ปอตื้อจีบจนกระทั้งลูกเกดใจอ่อนยอมคบด้วย

แต่ที่ผ่านมาลูกเกดไม่เคยยอมรับกับใครเรื่องคบกัน เรื่องนี้มันง่ายเพราะทั้งสองบ้านสนิทกันอยู่แล้ว การไปมาหาสู่กันมันเลยกลายเป็นเรื่องปกติ ลูกเกดรักษาระยะตัวเองตลอดเวลาอยู่ในสายตาคนอื่น แต่หากอยู่กันสองคนกับปอ ลูกเกดจะเปิดใจคุยกับปอได้ทุกเรื่อง และทำกิจกรรมทุกอย่างเยี่ยงคู่รักที่รักกันดี ปอรู้ดีมาตลอดว่า ลูกเกดมักจะมีที่ว่างในใจให้ใครอยู่เสมอ แต่ไม่รู้ว่าใคร ทำให้ปอรู้สึกด้อยมากเวลาที่ลูกเกดหลุดพูดถึงคนๆนั้น แล้วปอก็หยุดอยู่ตรงนี้ นั่งนิ่งไปเฉยๆ

“เราพูดตามตรงนะ” ผมพูดเพื่อทำลายบรรยากาศที่นิ่งและเย็นเหมือนแช่แข็งไว้
“............” อีกฝ่ายเหมือนยังหลุดเข้าไปห้วงความคิดของเขา
“เรารู้ว่า..... ใครที่ลูกเกดแอบหลงรักอยู่”
“มันเป็นใคร?!!” ดูเหมือนคำพูดประโยคล่าสุดของผมจะไปกระตุ้นความสนใจของเขาจนออกจากเขาวงกตในความคิดของเขา

“เราเอง!! ลูกเกดเพิ่งสารภาพตอนที่ข่าวมันออกไปแล้ว!!”
“...........” ปอทำหน้านิ่งเรียบจนเหมือนทุกอย่างหยุดนิ่งอีกครั้ง เขามองหน้าผมเหมือนพยายามนึกอะไรสักอย่าง

“อะไร?” ผมถามด้วยความสงสัย
“อย่างนี้มันก็เข้าเค้า...... บอกตามตรงว่ากูเคยสงสัยมึงอยู่ไม่น้อย แต่เพราะ.... พวกเราไม่ได้ใกล้ชิดกันเหมือนก่อน กูเลยตัดมึงออกไป.... ฮ่าฮ่าฮ่า ตลกว่ะ..... หากยัยนั่นรู้ว่านายเป็นเกย์คงช้อคว่ะ!!”
สุดท้ายปอก็หลัดหัวเราะในลำคอออกมา

“อืม..... จริงๆ แล้วนอกจากแม่กับพ่อ และเพื่อนสนิทบางคน คนที่รู้เป็นคนแรกๆ ก็ลูกเกดนี่แหละ เรารักเธอเหมือนน้องเลยไม่ค่อยปิดบังเรื่องอะไร”

“อ้าว!!! แล้วทำไมยัยนั่นถึงยังทำอะไรแบบนี้อีกล่ะ??”
“ลูกเกดบอกเราว่าเพราะความรัก แต่เราว่ามันไม่น่าจะใช่!!”
“โธ่เว้ย!! งงโว้ย อะไรกันวะ!!” ปอเริ่มเหวี่ยงแข้งขาโวยวาย ผู้ชายตัวกระทัดรัดแค่ 170เศษ ทำท่าแบบนี้มันเหมือนเด็กร้องโวยวายเวลาพ่อแม่ไม่ซื้อของเล่นให้เลย
“ใจเย็นๆ เรื่องนี้ ระหว่างเรายังอยู่ที่นี่ เราจะหาทางรู้ให้ได้ เพื่อจะได้แก้ไขเรื่องนี้ให้มันถูกต้อง!!”

.....................

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
เฮ้อ ดีใจกับเอิร์ธด้วยนะ ที่มีคนมาช่วยแก้ปัญหาให้
แทคทีมไปเลย ได้ทั้งคู่วินวิน ทั้งสองฝ่าย
 :katai2-1: :katai2-1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด