หลง (11)
ผมเดินออกจากบ้านพี่เอิร์ธแบบไร้จุดหมาย หลังจากคำพูดของพี่เอิร์ธที่ตัดเยื่อใยแบบไร้ความผูกพันธ์กับผม ผมว่าผมไม่ได้คิดไปเองฝ่ายเดียว ผมรู้สึกว่าพี่เอิร์ธเองก็ต้องมีความรู้สึกดีๆกับผมบ้างไม่มากก็น้อย
แต่พอมาเจอความเป็นจริงจากปากพี่เขา ในหัวผมถึงกับว่างเปล่า เท้าของผมก้าวไปเรื่อยๆด้วยความเร็วเหมือนวิ่งไล่แย่งบอลจากมือคู่แข่ง นัยตาผมร้อนเหมือนมีถ่านไฟมารุมอยู่เนืองๆ มารู้ตัวอีกทีก็มาหยุดอยู่ที่สวนสาธารณะเคียงบึง ที่ๆผมเจอกับน้ำตาของพี่เอิร์ธครั้งแรก สถานที่ที่ทำให้ผมรู้สึกหวั่นไหวกับเขาจริงจังเป็นครั้งแรก ผมยืนมองจนกระทั้งเท้าของผมค่อยๆสาวเข้าไปในบึง น้ำเย็นสัมผัสสูงขึ้นจนถึงหัวเข่า ผมอยากให้น้ำเย็นจากบึงช่วยลบความรู้สึกแปลกแยกเหล่านี้ออกไป ไม่ใช่ความว่างเปล่าแบบนี้ ผมหยุดให้ความเย็นเหล่านั้นอยู่เพียงแค่เข่าจ้องมองฟ้าที่ค่อยๆมืดลง เสียงฝีเท้าและความจอแจรอบข้างค่อยๆ หายไป ตอนนี้เหลือผมและธรรมชาติโดยรอบเท่านั้น
ขณะที่ผมคิดว่าจะก้าวเข้าไปในบึงอีกก้าว อยากเอาหัวกดน้ำให้มันหายเบลอ เสียงริงโทนพื้นๆ จากโทรศัพท์ผมก็ดังเรียกสติผมเป็นเสียงที่ผมตั้งไว้เฉพาะเพื่อนสนิท ‘ไอ้ชัย’
“เชี้ย…. เป็นไง สรุปเผด็จศึกกับพี่หมอไปยัง? อย่าช้าแบบคราวนิ่มอีกล่ะมึง”
“พี่เอิร์ธ……. แม่ง…ไล่กูออกมา แถมพูดตัดเยื่อใยจนกูไม่อยากฟังต่อ”
“เฮ้ยๆ เดี๋ยวๆ เกิดอะไรขึ้น?”
ผมเล่าให้มันฟังหมดเลยครับ ทั้งๆ ที่ยังยืนอยู่ในบึงนั่นแหละ พอได้ระบายออกก็เริ่มรู้สึกคันๆ ที่ฝ่าเท้าแล้ว
“แล้วมึงอยู่ไหนเนี่ย?”
“สวนสาธารณะริมบึง”
“ไปทำเชี้ยอะไรที่นั้นวะ? เล่นมิวสิคอีกเพลง? มึงนี่นิสัยน่ารำคาญนะ ดราม่าฉิบหาย”
“ไอ้สัด ทางกลับบ้านกูไหม? กูจะแวะตรงไหนมันหนักหัวมึงเรอะ”
“เออๆ เอางี้เดี๋ยวกูไปหาที่บ้าน กูว่ากูมีแผน”
“………”
เอาอีกแล้ว แผนของมันอีกแล้ว แผนของไอ้ชัยมันล่มมากี่งานแล้ว
“กูก็รู้สึกนะว่าพี่หมอชอบมึงเหมือนกัน เพื่อนกูออกจะหล่อนิสัยดี ถึงจะน้อยกว่ากู”
“สัด”
“เออน่า…..คราวนี้กูว่าได้ผล”
“อืม” เชื่อมันสักหนล่ะกัน ผมค่อยๆ หันหลังกลับและเดินทางกลับบ้านทั้งๆที่ปลายขากางเกงขาสั้นชื้นเปียก
………………
แผนของไอ้ชัยเรียบง่ายกว่าที่คิด มันบอกว่าให้ผมวัดใจกับพี่เขาไปเลย ลองแสร้งทำเป็นไม่สนใจไม่ตอบไม่อ่านข้อความ ไม่โทรศัพท์ไปหา ไม่รับสาย สักสองสามสัปดาห์ หากในระยะนี้เขาพยายามตามหาผมแปลว่าเขามีใจให้ ผมสามารถเดินหน้าต่อได้ แต่หากเขาหายไปในระยะเวลานี้ก็ให้รีบตัดใจ
ตอนแรกผมก็โวยวายเพราะหลังจากกลับถึงบ้าน ผมเห็น miss call จำนวนหนึ่งจากพี่เอิร์ธ รวมถึงข้อความที่เขาส่งมาเป็นระยะๆ แค่นี้ก็ทำให้ผมร้อนใจอยากจะโทรหา หรือตอบกลับจะแย่ แต่ไอ้ชัยมันกล่อมผมจนผมยอมทำตาม
ผ่านมามากว่าหนึ่งสัปดาห์แล้วที่ผมต้องทนกับการมองดูพี่เอิร์ธโทรมาและส่งข้อความมา มองแต่โต้ตอบไม่ได้ ผมกำมือแน่นทุกครั้งที่เห็นชื่อเขาแสดงอยู่ที่หน้าจอสมาร์ทโฟนของผม มีหลายครั้งที่ผมเผลอตัวเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ในช่วงที่ชื่อเขาแสดงอยู่ แต่ก็เจอไอ้ชัยมันห้ามไว้เสียทุกครั้ง จนบางครั้งเกือบจะทะเลาะกันแต่ผมก็ผ่านมันมาได้ ผมใช้การตั้งใจกับการซ้อมกีฬาทำให้ลืมเรื่องใจพังพังของผม ใจที่แห้งแล้งเหมือนทะเลทราย
วันนี้เป็นอีกวันผมเกือบจะหมดแรงกับการซ้อมของอาจารย์โค้ชที่หนักหน่วงขึ้นทุกวัน ใจที่ห่อเหี่ยวร่างกายที่ใกล้ชำรุดเพราะการออกแรงหนักอย่างต่อเนื่อง ชีวิตช่วงนี้ไม่มีอะไรดีเลย นับวันจำนวนของมิสคอลและข้อความจากพี่เอิร์ธก็ทยอยน้อยลงเรื่อยๆ แสงสว่างแห่งความสุขในจิตใจของผมก็ค่อยๆ ผ่อนแสงลงเรื่อยๆ
“เฮ้อ……..” ผมทิ้งตัวลงที่ขอบสนามบาสฯหลังจากซ้อมแบบแบ่งทีมแข่ง
“โอ้ย….เหนื่อยฉิบหาย” ไอ้บอลเพื่อนร่วมทีมของผมบ่นออกมาเสียงดังแบบไม่เกรงใจอาจารย์โค้ชเลย
“เดี๋ยวแข่งเสร็จกูจะพาน้องเจนไปเที่ยวสักสองคืนสามวันเลย คิดถึงโคตร” ไอ้อาร์ม เพื่อนร่วมทีมของผมพูดอย่างอวดๆ ว่าจะพาแฟนไปเที่ยว (ใช่สิวะ แฟนแม่งสวยแถมยังนิสัยดี คบกันนานจนคนอื่นตาร้อนไปหมด)
“เป็นเชี่ยอะไรวะมึง?” ไอ้บอลถามผมด้วยความสงสัย นี่หน้าผมมันบอกอารมณ์ขนาดนั่นเลย
“เปล่านี่”
“ก็ดูมึงทำหน้าเหมือนใกล้จะตาย”
“……….”
“อย่าไปแซวมันมาก มันกำลังจะอกหัก!” ไอ้ชัยซึ่งมันควรจะอยู่อีกทีมหนึ่งมาจากไหนก็ไม่รู้
“สัด!!”
“เฮ้ย นี่มึงยังไม่หายเฮิร์ตเรื่องนิ่ม?” ไอ้บอลโผเข้ามาร่วมวงด้วย
“…….” กูไม่มีอารมณ์จะตอบพวกมึง
“ไม่ใช่ๆ คนใหม่” ไอ้ชัยไอ้ปากมอม
“เย้…ด……… โห…. พ่อคัสโนว่า!!” ไอ้อาร์มร้องลั่น
“แยกๆ อย่าไปล้อมันกูขอร้อง” มันก็เริ่มมามึงนั่นแหละไอ้ชัย
“…….” ผมเดินหนีออกมาจากกลุ่มที่จ๊อกแจ๊กจอแจนั่นไปที่ริมรั่วที่กั้นสนามออกจากลานวิ่งและลานออกกำลังเอนกประสงค์ด้านนอก
“เฮ้ย….มึง แค่นี้โกรธเหรอ?”
“……….” ผมไม่มีอารมณ์จะครื้นแคลงเท่าไหร่ เพราะใจผมมันนับเวลาเคาท์ดาวน์อยู่ ถอยหลังลงสู่ช่วงเวลาตัดใจจากเขา
“เชี้ย…!!!!!!!” ไอ้ชัยสบถออกมาพร้อมกับสะกิดผมถี่ๆ ที่ไหล่จนผมรำคาญอยากชกหน้ามันสักที
“เป็นเชี้ยอะไร สัด”
“นั่นๆ” ผมมองตามที่มันชี้ไปที่สนามกีฬาเอนกประสงค์ด้านนอกที่คราคร่ำไปด้วยผู้คนที่มาออกกำลังกาย ที่นี่เป็นโรงเรียนที่สนับสนุนด้านกีฬาจึงอนุญาติให้บุคคลภายนอกเข้ามาใช้พื้นที่ได้หลังโรงเรียนเลิก
“เชี้ยอะไรของมึง?”
“มึง!!!….ไปตัดแว่นไป ที่วิ่งอยู่ตรงนั้นไง” มันชี้ไปทางมุมหนึ่งลู่วิ่งด้านนอกที่มุมทางซ้ายมือ
“เฮ้ย!!!” ผมเห็นคนที่ผมคอยสายโทรศัพท์อยู่วิ่งเยาะๆอยู่ไกลๆ
ขาของผมเมื่อไม่กี่นาทีก่อนที่แทบจะก้าวไม่ออกกลับก้าวสาวออกไปที่จุดปลายสายตา ใกล้เข้าไปใกล้เข้าไป พี่เอิร์ธถึงจะขายาวแต่ก็วิ่งไม่เร็วครับ ผมใช้เวลาไม่นานก็ตามพี่เขาทัน ผมไม่ขอทักเขาครับ แค่ได้เห็นแผ่นหลัง ได้อยู่ในระยะสายตาผมก็รู้สึกพลังใจถูกเติมเต็ม
“เฮ้ย!!!!”
เหมือนพี่เอิร์ธรู้ว่ามีคนจ้องผมอยู่ (ก็คือผม) เลยหันหน้ามาทางผม พอเห็นหน้าผมที่ยิ้มอ่อนๆ ให้ เขาเลยทำท่าตกใจพร้อมร้องเสียงหลง ด้วยความที่หันมาด้วยความเร็วทำให้เท้าเสียศูนย์ เซล้มไปข้างหน้า ด้วยความเร็วของผมทำให้วิ่งไปคว้าตัวเขาได้ทัน
ตอนนี้เขาอยู่ในอ้อมแขนผม หน้าทิ่มเข้ามาในแผงอกที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อ
“อี๋.. เหงื่อเต็มเลย”
“ก็ผมเพิ่งซ้อมบาสฯเสร็จนี่ ….ผมแปลกใจนะเนี่ยนึกว่าพี่จะอายที่โดนผมกอดเสียอีก”
“ไอ้บ้า!!”
“ไม่เคยเห็นพี่มาแถวนี้เลย?”
“นานๆ ก็อยากมาโรงเรียนเก่าบ้าง ไม่เห็นแปลก แล้ววันนี้ก็มาออกกำลังกายด้วย”
เออ….จริงด้วยสิผมคิด
“แต่แถวโรงพยาบาลก็มีลานออกกำลังกายนี่?”
“…………..” ดูพี่เอิร์ธพยายามนึกคำตอบอยู่
“หรือแอบมาดูผมเล่นบาสฯ?”
เป็นความคิดไอ้ชัยมันให้ส่งรูปผมไปที่เพจอะไรของมันนั่น ให้กระจายข่าวว่าตอนนี้พวกเราอยู่ที่ไหนเห็นจะใช้ได้อยู่เหมือนกัน
“ไม่ใช่โว้ย!!” เขาตอบด้วยสีหน้าอมชมพู (สงสัยจะวิ่งจนเหนื่อย) แล้วก็วิ่งนำผมไป
“เริ่มมืดแล้วนะครับ งั้นผมขอกลับก่อนนะครับ เดี๋ยวไอ้ชัยไปส่งบ้าน”
ผมค่อยๆ วิ่งออกจากเขาห่างออกมา
“เดี๋ยว!!” เขาหยุดวิ่งและหันมาทักผม
“ครับ?” ผมเปลี่ยนท่าวิ่งเป็นเดินช้าๆ พลางหันไปหาพี่เอิร์ธ
“พี่…ก็จะกลับแล้ว กลับด้วยกันหรือเปล่า?”
“……..จะดีหรือครับ?”
“………” ดูเขาทำสีหน้างงๆ แล้วอดยิ้มไม่ได้แต่ต้องข่มตัวเองให้นิ่งไว้
“ผมไม่อยากหวั่นไหวกับพี่แล้ว ผมว่าที่พี่ให้เราอยู่ห่างๆ กันน่าจะดีกว่า”
“…….เอ่อ….คือ…..เรื่องนั่น…..” สีหน้าเขาดูสับสนมากรู้สึกเหมือนมีเทวดากับปีศาจตัวน้อยสู้กันในหัวของเขา
“งั้นผมไปล่ะนะ เพื่อนรอ”
“หลง!!!!!” เขาตะโกนเรียกชื่อผม เพิ่งจะเคยเห็นเขาเรียกชื่อผมแบบตั้งใจแบบนี้
“พี่อยากไปกินข้าวกับหลง ไปเป็นเพื่อนพี่หน่อยได้ไหม?”
โอย…..สายตาแบบนั้น น้ำเสียงแบบนั้น ผมจะทนไม่ไหวแล้วนะ หากเรียกชื่อผมอีกที ผมคงวิ่งเข้ากอดแบบไม่สนใจสายตาใครแถวนี้แน่”
“พี่อยากคุยกับเราเรื่องนั้นด้วย… คุยไปกินไปได้ไหม?”
“…….” ผมทำท่าคิด แต่ในใจผมตอบตกลงไปตั้งแต่จบประโยคนั่นแล้ว จริตพวกนี้ไอ้ชัยมันสอนมา
“……….” พี่เอิร์ธทำท่ารอด้วยการเตะโน่นเตะนี่ไปเรื่อย
“โอเคครับ งั้นผมขอไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน”
“โอเค วั้นพี่ขับรถไปรอที่สนามบาสฯนะ”
“ครับ” วิ่งออกจากจุดที่เรายืนคุยกันแบบรักษาระยะห่าง ผมแอบเห็นสีหน้าพี่เอิร์ธสว่างวาบขึ้นแว่บหนึ่ง ความกังวลของเขาดูหายไปบางส่วน
ณ ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า ผมรีบอาบน้ำแต่งตัวและวิ่งออกมาทั้งๆที่หัวยังเปียกอยู่จนเพื่อนทั้งทีมแปลกใจ ไอ้ชัยรีบเดินมาคว้าแขนผมและพูดด้วยสีหน้ายินดีว่า
“วันนี้ก็ปิดบัญชีเลยมึง”
“สัด กูนะไม่ใช่มึง”
“พี่หมอไปชอบคนน่าเบื่อแบบมึงได้ไงวะ”
ผมยกนิ้วกลางให้มันก่อนที่จะวิ่งไปหาหัวใจของผม ผมวิ่งมาจนถึงถนนใกล้กับลานกีฬาเอนกประสงค์ เห็นพี่เอิร์ธในชุดกีฬาชุดเดิม เสื้อแขนกุดกางเกงขาสั้นถึงเข่า หน้าสีอมชมพู ผมเผ้ายุ่งเล็กน้อย รับกับตากลมโตสีน้ำตาลอ่อน ดูมีเสน่ห์ไปอีกแบบไม่เจอกันตั้งหลายวันนี่ผมโคตรคิดถึงเลย
“เร็วไปไหมเนี่ย?” เขายกนาฬิกาขึ้นดู
“ปกติครับ” ผมเก็บอาการหอบของตัวเองไว้ และพยายามสะบัดหัวที่เปียกเผื่อมันแห้งเร็วขึ้น ผมเห็นพี่เอิร์ธยิ้มที่มุมปากก่อนที่จะเปิดประตูขึ้นรถไป ผมเดินตามไปขึ้นอีกฝั่งทันที
“ไปกินไหนดีพี่?” หลังจากคาดเบลท์ผมก็เอ่ยถาม
“ปกติเราเป็นคิดนะ” เขาสตาร์ทรถ ทำให้ลมจากช่องแอร์เริ่มทำงาน ผมของพี่เอิร์ธปลิวไสวเบา ทำให้เขาพยายามลูบเพื่อเก็บผมดีๆ
“ตัดผมใหม่หรือครับ?”
“อืม….ยาวแล้ว เลยไปตัด แต่ก็ไม่สั้นเท่าไหร่ ช่างไม่ยอมตัดให้” ผมพินิจกับทรงใหม่อีกรอบ ช่างเขาทำได้ดีทีเดียว เพราะหน้าหวานๆ อย่างพี่เอิร์ธตัดสั้นคงไปลดความน่ารักลงไป
“เฮ้ย…หลง…. อย่าเหม่อ” พี่เอิร์ธโบกมือใส่หน้าผม ผมพยายามทำตัวห่างเหินกับพี่เขาตามที่ไอ้ชัยมันสั่งมาแล้วนะแต่พอมาอยู่ด้วยกันสองต่อสองแบบนี้มันสุดจะทัดทานความรู้สึกจากข้างในจริงๆ
“เอ่อ…. ไปร้านหน้ามอ(มหาวิทยาลัยประจำจังหวัด)ก็แล้วกันครับ ผมว่าจะไปกินกับไอ้ขัยวันนี้”
“คนเยอะหรือเปล่า”
“ก็เยอะนะ มันอยู่หน้ามอนี่”
“มีที่อื่นแนะนำไหม วันนี้พี่ไม่ค่อยอยากเจอคนน่ะ เหงื่อเยอะ ตัวเหม็น” จากคำพูดของพี่เอิร์ธทำให้ผมสำรวจคนตรงหน้าผมอีกครั้งและพยายามพิสูจน์กลิ่นในรถยนต์ที่เปิดแอร์เย็นฉ่ำ
“ก็ไม่นะครับ” ผมไม่ได้แสร้งทำนะแต่ผมคิดแบบนั้นจริงๆ พี่เขายังดูน่ารักและมีกลิ่นที่น่าค้นหาอยู่ ผมสามารถกอดได้ก็จะกระโดดกอดเลยนะเนี่ย
“อย่าเลย”
“งั้นหาซื้ออาหารร้านนั้นไปกินที่บ้านพี่ไหม?”
“……” พี่เอิร์ธดูหน้านิ่งๆ
“หรือ….หรือ…. ไปกินที่ร้านเดิมตรงหน้าที่ทำการฯ ก็ได้”
“อืม…..ก็ได้”
“…….” เออเฮ้ย ได้ด้วย ผมพยักหน้าและรีบมองออกไปทางอื่นเพราะกลัวผมจะแสดงสีหน้าให้เขาเห็น การที่เขายอมให้ผมไปที่บ้านอีกแปลว่า เขาอาจจะยอมรับผมแล้วก็ได้ แค่ก็อดดีใจออกนอกหน้าไม่ได้
ร้านอาหารหน้ามอ เป็นร้านที่ขายอาหารประเภทสเต็กครับ ที่เสิร์พในจานยักษ์ใหญ่แต่บนจานนี่อัดแน่นไปด้วยเนื้อสัตว์นานาชนิดที่แล้วแต่เราจะสั่ง ผมทั้งสองคนแน่นอนว่าสั่งจานที่ใหญ่ที่สุดครับ ผมน่ะหิวมากครับ แต่พี่เอิร์ธน่าจะสั่งแบบนี้เป็นเรื่องปกติ
พอกลับมาถึงบ้านพี่เอิร์ธ พวกเราต่างช่วยกันจัดลงจานซึ่งหนึ่งชุดจัดลงได้เต็มสองจาน รวมๆจานบนโต๊ะทั้งสิ้นสี่จาน
“โห..เยอะกว่าที่คิดนะเนี่ย ที่วิ่งไปเมื่อกี้สูญเปล่าเลย”
“เขาถึงบอกว่าอย่างสั่งอาหารตอนหิวไงครับ”
แล้วก็หัวเราะกัน ภาพเวลาทานมื้อค่ำแบบนี้กลับมาเป็นเหมือนเช่นที่เคยเป็นมา พี่เอิร์ธดูมีความสุขกับการกินเหมือนเคย ผมก็พยายามเล่าเรื่องตลกๆ ให้พี่เอิร์ธหัวเราะเหมือนเช่นปกติ พี่เอิร์ธก็พยายามนั่งฟังและพยายามหัวเราะกับมุกที่ผมรู้เขาเข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง (ก็อายุไม่เยอะนี่หว่าแต่ชอบคิดไม่ทันเหมือนคนแก่เลย)
ผมอาสาเก็บจานไปล้างทำความสะอาดเช่นเคย ส่วนพี่เอิร์ธก็เก็บโต๊ะปัดกวาดด้วยความคุ้นเคย การที่เราทำแบบนี้มันเหมือนคู่สามีภรรยาเลย ผมมองภาพเหล่านั้นอย่างอบอุ่นในใจ
หลังจากล้างและเก็บจานเรียบร้อย ผมเห็นพี่เอิร์ธนั่งอยู่ที่เก้าอี้นวมยาวในห้องรับแขกหน้าบ้าน เหม่อออกไปที่สวนด้านนอก ที่เปิดแสงไฟสีส้มสลัวๆสายลมเย็นพัดไปมาเบาๆ ให้ยอดไม้ในสวนสั่นไหวระริก ผมเดินไปนั่งข้างเขาอย่างไม่รู้ตัวเหมือนมีมนต์สะกดให้ผมทำแบบนั้น
“อ้าวเฮ้ย!! ตกใจหมด ที่ทางออกจะเยอะแยะช่วยขยับไปนั่งไกลๆ หน่อยสิ”
“ก็ผมอยากนั่งตรงนี้!!”
“หลง…..” พี่เอิร์ธจ้องผมและลากเสียงชื่อผมยาว
“อ่ะ…ครับได้ครับ” ผมขยับออกมานิดหน่อยเว้นที่ไว้ขนาดครึ่งไม้บรรทัด
“ขอบใจนะที่มากินข้าวเป็นเพื่อน”
“ไม่เป็นไรครับ พี่จะชวนทุกวันก็ได้”
“ไม่โกรธ ที่พี่พูดไม่ดีใส่เราวันนั้นเหรอ?”
“โกรธ….แต่ก็เข้าใจที่พี่พูดนะ”
“อืม…. งั้นเรากลับไปเป็นเหมือนเดิมได้ไหม? เป็นพี่น้องที่ดีเหมือนเดิม”
“ไม่ได้!!!!” ผมเน้นเสียง
“…..” พี่เอิร์ธทำหน้าเสียและดูซีดลงไป ผมเลยใช้โอกาสนี้ จู่โจมเข้าไปหาพี่เอิร์ธยืนค่อมเขาอยู่โดยหน้าของเราอยู่ห่างกันแค่คืบ
“เฮ้ย! ทำอะไร?”
“พี่ก็รู้ว่าผมคิดกับพี่มากว่าพี่น้อง พี่ไม่ได้แบบเดียวกับผมเหรอ พี่อย่าใจร้ายกับผมนักเลยนะ” ผมจ้องตาเขาและพูดด้วยน้ำเสียงที่พยายามสื่อถึงใจเขามากที่สุด แต่พี่เอิร์ธพยายามเบี่ยงหน้าหลบตาผมไปทางอื่น แต่เขาก็ไม่ได้ขยับตัวหนีไปไหน
“เอ่อ..เอ่อ…. คือ…”
“ พี่เอิร์ธครับ….. รับรักผมนะครับ”
“หลงคือว่าพี่…..” จังหวะที่เขาหันมาผมกดริมฝีปากตัวเองลงไปที่อีกฝ่ายอย่างเร่าร้อน ผมพยายามใช้ริมฝีปากของผมงับริมฝีปากล่างของของพี่เอิร์ธ ผมได้ยินเสียงพี่เอิร์ธครางเบาๆ ในคอ เขาหลับตาพยายามขยับปากไปตามจังหวะของผม ผมใช้มือของผมลูบไล้ไปตามความยาวของคอและเลื่อนลงมาด้านล่างเรื่อยๆ จนถึงช่วงอก ผมโอบกอดพี่เขาและกระชับให้เข้ามาใกล้ผมมากขึ้นจนผมได้ยินเสียงครางในคอดังขึ้นและรู้สึกถึงลมหายใจที่หอบถี่ ผมไต่มือลงไปเพื่อล้วงเข้าไปในเสื้อยืดสำหรับเล่นกีฬาของเขา กลิ่นตัวของพี่เอิร์ธช่วงยั่วยวนให้ผมคิดเตลิดไปไกล
“เดี๋ยวๆ” พี่เอิร์ธถอนหน้าออกจากผมและใช้มือดันหน้าอกผมให้ห่างออกไป
“พี่เอิร์ธครับ…” ผมรู้สึกถึงความหื่นออกจากเสียงของตัวเองและพร้อมที่จะรุกไล่เขาอีกระลอก
“หลง….” เสียงและสายตาพี่เอิร์ธเย็นมาก
“…..” ผมค่อยๆ ถอนตัวออกจากพี่เอิร์ธ
“…แฮ่ม…” พี่เอิร์ธหน้าแดง ลูบหัวจัดเสื้อผ้าตัวเองแบบเขินๆ
“พี่เอิร์ธครับ ผม…”
“เอางี้….เข้าใจแล้ว งั้นเรามาตกลงกันก่อน”
“แปลว่าพี่รับเป็นแฟนผมแล้วใช่ป่ะ?” ผมขยับเข้ามาใกล้ชิดพี่เอิร์ธ
“ใจเย็นๆ ยังไม่ถึงขั้นนั้น พี่ขอดูพฤติกรรมเราก่อน ค่อยเป็นค่อยไปนะ”
“เยส!!” ผมกระโดดตัวลอย
“เฮ้ยๆ บ้านพี่จะพังไหม?” พี่เอิร์ธพยายามปรามด้วยรอยยิ้มที่มุมปาก
“ได้ครับผมจะพิสูจน์ให้พี่เห็นว่าพี่รักผมแล้วจะไม่ผิดหวัง….งั้นผม….ขอมัดจำไว้ก่อนได้ไหมครับ” พูดจบผมก็ก้าวไปหาพี่เอิร์ธและกดริมฝีปากตัวเองลงบนริมฝีปากพี่เอิร์ธอย่างแผ่วเบา
“ไอ้เด็กบ้า!”
พี่เอิร์ธผลักผมออกไปด้วยแรงแขนที่มีทั้งหมดพร้อมเสียงดังลั่นบ้าน แต่สีหน้ากลับแสดงออกตรงข้าม ผมเซไปทางด้านหลังแต่ก็สามารถยันตัวเองให้ตั้งตรงพร้อมยิ้มให้กับคนตรงข้าม
“พี่เตรียมรักผมแบบหัวปรักหัวปรำได้เลย” ผมยักคิ้วให้คนที่นั่งอยู่
……………………………………………
หากมีผิดพลาดจะขอกลับมาแก้ไขเพิ่มเติมทีหลังครับ