◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| *แจ้งข่าวหนังสือ* || 5-3-63 หน้า 54 ||
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| *แจ้งข่าวหนังสือ* || 5-3-63 หน้า 54 ||  (อ่าน 302297 ครั้ง)

ออฟไลน์ cheezett

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
คือรอตั้งแต่เมื่อคืน ยังไม่ลงก็มาให้ความหวังกันน้อออ สงสารกันบ้างจ้าา จะลงแดงงงง ยังไม่มาต่อยังไม่เจ็บเท่ามาเปลี่ยนหัวข้อแต่ไม่มี TT

ออฟไลน์ nekko

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1467
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +422/-4
ขอรบกวนแจ้งข่าวนะจ้า เห็นคุณ Lady mellow แจ้งในเฟสนะ

" เอาไก่วัด กับ ตัวกินไก่มาส่ง
ตอนนี้ไก่ก้าวข้ามวิถีแห่งความเป็นปั๋วไปอีกขั้น ได้สกิลแบบไหนไปดูกัน 555
ปล.1 = โพสต์ลงเล้าบ่ได้ เอาลิงก์ธัญวลัยไปก่อน ถ้าโพสต์ได้แล้วจะมาทิ้งลิงก์เพิ่มนะจ๊ะ
ปล.2 = น้องต่ายน่าจะมาพรุ่งนี้นะ หรือมะรืน //แฮร่ "

ออฟไลน์ cheezett

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
ขอบคุณเม้นบนที่มาบอกบุญค่าาา  :call: :call: :pig4:

ออฟไลน์ TachibanaRain

  • มาโกโตะเทนชิ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-3
ทำไมคนเขียนหลายคนเดียวนี้ชอบเปลี่ยนชื่อตอนเหมือนว่าตอนใหม่มาแล้ว  แต่พอเข้ามาดูคือยังไม่ลง ทำทำไม???

ไม่ใช่ไม่ลงค่ะ แต่มันลงไม่ได้เมื่อคืนเหมือนเล้าจะมีปัญหา ลองตามจากเพจนักเขียนดูนะคะ

ออฟไลน์ mkianit

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 298
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-3

ออฟไลน์ เก้าแต้ม

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1290
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-3

ออฟไลน์ natchaya

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 39
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
อยากจะได้เพจนักเขียนจังเลยค่ะ ใครใจดีแบ่งปันให้หน่อยย

ออฟไลน์ Januarysky

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 507
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4

ออฟไลน์ naplatoo

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 249
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-2
อยากจะได้เพจนักเขียนจังเลยค่ะ ใครใจดีแบ่งปันให้หน่อยย

แปะเพจค่าาา >>> Lady Mellow ใน FB

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ kkmm

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 357
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2

ออฟไลน์ L@DYMELLOW

  • กำลังงงๆ เพราะหาทางลงจาก “คาน” ไม่เจอ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 356
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +826/-4
    • facebook
ขอโทษอีกครั้งนะคะที่เปลี่ยนหัวข้อแล้วไม่ได้ลงเนื้อเรื่อง
อย่างที่แจ้งในเพจว่า พอจะโพสต์ในส่วนเนื้อหามันก็โหลดหน้าไม่ได้ค่ะ ทำแล้วรอบแล้ว TT วันต่อมาก็ทำงานติดๆ กันเลยไม่ว่างมาอัพเดตต่อ
ขออภัยในความไม่สะดวกด้วยนะคะ
L@DY MELLOW





ตอนที่ 10 _โลกทั้งใบ ของใครสักคน_




พี่ปูนฉีกทุกกฎของแฟนที่ผมเคยมี

ไม่ใช่ฉีกธรรมดาด้วยนะ แต่เป็นการ ‘แหก’ แบบกระจุยกระจายเลยเชียวล่ะ!

ผมจะไม่พูดถึงเรื่องที่มีแฟนเป็นผู้ชายหรอกนะเพราะยังไงมันก็เป็นไปแล้ว และพี่ปูนก็มีสองเพศแบบไส้เดือนไม่ได้ แต่เรื่องพื้นฐานทั่วไปต่างหากที่มันแตกต่างออกไปอย่างเห็นได้ชัดเจน หนึ่งคือผมไม่เคยคบใครที่สูงกว่าตัวเอง ด้วยความที่เป็นชายไทยไซซ์มาตรฐาน ด้วยส่วนสูงที่ 169 พอดิบพอดี อันที่จริงก็อยากสูงมากกว่านี้นะ พยายามอัดนมตั้งแต่เด็กหวังโตขึ้นมาหล่อเหลาเหมือนเจมส์ บอนด์ แต่ได้เท่านี้จริงๆ แถมมีอยู่ช่วงหนึ่งที่เอ็นจอย อีทติ้งมากไปหน่อยเลยอ้วนแล้วเตี้ย โดยรวมแล้วเชี่ยมาก ผมก็เลยพยายามคุมปากตัวเองจนน้ำหนักกลับไปเท่าเดิม กำลังกายก็ออกบ้างแต่ไม่ออกซะมากกว่า กล้ามเนื้อมันก็เลยนิ่มนวล โดยเฉพาะแขนกับแก้มนี่จะถูกไอ้โป้ยทารุณเป็นพิเศษ ส่วนไอ้พี่ปูนก็ชอบขยำตูดผมซะเหลือเกิน ทั้งเคล้นทั้งคลึง บางวันมีกัด บางวันทะลึ่งนอนหนุนอีก แถมยัง...เอ่อ...เหมือนจะออกทะเลไปใหญ่แล้ว ผมกลับมาที่ประเด็นเดิมก่อนแล้วกัน

เพราะงั้นผมเลยเสาะหาผู้หญิงที่ตัวเล็กบอบบาง   กว่ามาเป็นแฟน แต่แล้วพี่ปูนก็ลบความเคยชินนั้นออกไปด้วยส่วนสูงที่มากกว่าหนึ่งร้อยแปดสิบ สูงกว่าเพื่อนสนิทผมทุกคน สูงเลยพี่กรซึ่งเป็นดารามานิดหน่อย สูงชนิดที่ว่าถ้ายืนบนรถไฟฟ้าผมคงจะมองเห็นพี่ปูนได้แม้อยู่คนละตู้โดยสาร สูงแบบที่ผมต้องเงยหน้ามอง สูงได้น่าบัดซบจนหัวผมเสมอเท่าปลายคาง สูงจนอยากจะถามว่าญาติฝั่งไหนเป็นยีราฟครับพี่! แถมยังใหญ่โตมโหฬารประหนึ่งพ่อพันธุ์ชั้นดีให้ต้องชีช้ำเพิ่มเติมอีก

ความเท่าเทียมกันอยู่ตรงไหน

อีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญที่แตกต่างเลยคือ กระเป๋าสตางค์ของผมยังอยู่ดีมีสุขเสมอเวลาไปไหนต่อไหนด้วยกัน พี่ปูนมักจะออกทุกอย่างทั้งค่ากิน ค่าเที่ยว หรือแม้แต่ขนมที่ผมต้องตาซื้อมาพี่ปูนก็หยิบกระเป๋าเงินจ่ายได้รวดเร็วกว่าผมนัก ถ้าไม่ยืนกรานว่าจะต้องหารกันแล้วพี่ปูนยอมบ้างไม่ยอมบ้างล่ะก็ ผมคงได้เรียกพี่แกว่าเสี่ยยอดนักเปย์เข้าให้จริงๆ

และอีกหนึ่งอย่างที่ผมยังค้นหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้ ว่าทำไมผมถึงยอมพี่ปูนได้มากขนาดนี้...ความกวนโมโหอันเป็นเอกลักษณ์ของพี่ปูนนั้นผมเห็นได้อย่างชัดเจนตั้งแต่ยังเป็นเพียงแค่ลูกน้อง แต่พอได้ใกล้ชิดมากขึ้น ถึงเนื้อถึงตัวมากขึ้น ผมกลับพบว่าพี่ปูนไม่ได้มีแค่ด้านนั้นด้านเดียว ในผู้ชายคนนี้ยังมีมุมสงบราวกับพระสงฆ์ อารมณ์ผ่อนคลายประหนึ่งจิบมาลิบูข้างชายหาด มีความเป็นผู้ใหญ่มากจนผมรู้สึกเกรง สร้างพลังโจมตีสูงปรี๊ดเวลาเข้าโหมดหื่นกามณ์ และก็ดูเหงาเอามากๆ เหงาทั้งที่ไม่ควรจะเหงา เพราะงั้นในบางครั้งพี่ปูนเลยเหมือนเด็กที่ต้องการความอบอุ่น ชอบสัมผัส ชอบให้นอนกอด

นอกจากได้ตำแหน่งสามีแล้ว ผมยังรู้สึกว่าได้ตำแหน่ง 'พ่อ' เพิ่มมาอีกหนึ่งด้วย หรือเพราะฮอร์โมนความเป็นพ่อมันพลุ่งพล่านนะ ผมถึงได้ยอมพี่ปูนง่ายดายขนาดนั้น ขออะไรได้! สั่งอะไรได้! ให้ใส่อะไรก็...ได้! บัดซบจริงๆ นี่ผัวนะไม่ใช่อับดุล!

“คุณพัทลุงคะ?”

เสียงหวานสุภาพเรียกชื่อผมค่อนข้างดังกว่าที่ควรจะเป็น ทำเอาผมสะดุ้งเฮือกกับสติที่วกกลับเข้าปัจจุบันแบบหนังยางถูกดีด ผมเพิ่งรู้สึกตัวว่าสองมือยังถือกล้องคู่ชีพยกค้างอยู่ เบื้องหน้าคือจุดชมวิวที่คุณพนักงานคนสวยพามา ภูเขาสีเขียวหลายลูกกำลังถูกเผาไหม้ด้วยแสงสีของดวงอาทิตย์ที่กำลังคล้อยตัวลงแฝงเร้นหลังภูผาสูง กลิ่นดอกไม้หอมลอยวนอยู่รอบๆ ผสานกับเสียงไม้ไหวจากแรงลมเอื่อยๆ บรรยากาศเงียบสงบเหมาะแก่การนั่งชื่นชมข้างคนรู้ใจเหลือเกิน

คุณอุ๋มผู้ได้รับมอบหมายหน้าที่ให้พาผมเดินถ่ายภาพบรรยากาศยามเย็น กำลังชะโงกหน้ามองผมด้วยสายตาเป็นห่วง เธอคงคิดว่าไอ้ตากล้องบ้านี่เป็นอะไรแน่ๆ เพราะน้ำเสียงถามนั้นแม้จะออกเเววกังวล แต่สีหน้าออกจะกลัวผมเล็กน้อย   “เป็นอะไรหรือเปล่าคะ?”

“ขอโทษครับ เผอิญวิวมันสวยจนตะลึงไปเลย”   ผมแถแกมยกยอ แต่คุณอุ๋มก็ตอบรับกลับมาโดยการฉีกยิ้มที่แปลเป็นคำพูดlสั้นๆ ได้ว่า 'เหรอยะ!’

“สถานที่ตอนเย็นก็จะมีเท่านี้ค่ะ แล้วพรุ่งนี้ตีห้าจะให้คนไปรับนะคะ เพราะต้องเดินเท้าขึ้นผาอีกประมาณเกือบครึ่งชั่วโมง ไกลหน่อยนะคะแต่คุ้มกับการชมจริงๆ ค่ะ”

"ถ้าชมกับคนสวยอย่างคุณอุ๋ม ผมว่าที่ไหนก็คุ้มทั้งนั้นล่ะครับ"  ว่าแล้วก็หัวเราะร่ากับคำหยอดของตัวเอง แต่ก็เหมือนทุกครั้งนั่นแหละ ปฏิกิริยาตอบรับนั้นเงียบกริบอย่างกับตีเทนนิสไม่มีคนโต้ นี่ถ้าเปลี่ยนเป็นเพื่อนโป้ยหรือเสี่ยอ่ำคงได้มีตีโต้กันบ้างแน่

คุณอุ๋มยิ้มหวานให้เป็นครั้งสุดท้ายก่อนขอแยกตัวไปทำหน้าที่ต่ออย่างไร้เยื่อใย ทิ้งผมให้ยืนเพียงลำพังกับธรรมชาติและความกริบ แขกที่มาพักสองสามคู่ที่อยู่ห่างกันเพื่ออิงแอบตามจุดต่างๆ ผมมองซ้ายมองขวาและเลือกปีนขึ้นไปนั่งบนหินก้อนใหญ่ที่เหมือนจงใจเอามาตั้งไว้ประดับ ผมยกกล้องขึ้นมาย้อนดูภาพทั้งหมดที่ถ่ายไปวันนี้ ภาพหลายภาพผ่านตาไปเรื่อยๆ มีทั้งจุดถ่ายรูปที่มีอยู่ทั่วไปหมด ห้องอาหารแนวคันทรี่ ห้องพักแบบต่างๆ ผมเลื่อนดูพลางกดลบบางรูปที่ไม่สมบูรณ์ จนกระทั่งถึงรูปสุดท้าย

รูปพี่ปูนที่ผมเผลอถ่ายเก็บไว้

เซ็กซี่กายประจำชาตินี้และชาติหน้ากำลังยิ้มพริ้มพรายแบบนักธุรกิจ มันเป็นยิ้มที่ดูดีเอามากๆ แต่ผมรู้ดีว่ามันไม่ใช่ยิ้มที่มาจากใจ ซึ่งบางครั้งผมมองพี่ปูนคุยยิ้มกับลูกค้าก็แยกไม่ออกเหมือนกันว่ามันเป็นการสร้างภาพลักษณ์ หรือความจริงใจ อาจจะคล้ายๆ กับวงการบันเทิงที่พี่กรโลดแล่นอยู่ก็ได้ ใส่หน้ากากเข้าหากันอย่างที่พี่กรให้นิยามไว้ สำหรับผม...แม้จะดูเจ้าเล่ห์เลวระกำขนาดไหน แต่รอยยิ้มชั่วๆ ของพี่ปูนที่ผมเห็นบ่อยครั้ง ก็ดูจริงใจกว่ารอยยิ้มจอมปลอมนี่ตั้งเยอะ ...ถึงจะคิดอย่างนั้นก็เถอะ...แต่ผมก็ตัดใจลบรูปนี้ไม่ได้สักที

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นแทรกความเงียบ ผมรีบเก็บกล้องเข้ากระเป๋าแล้วคล้องคอไว้ ก่อนล้วงหยิบมือถือขึ้นมาจากกระเป๋ากางเกง ชื่อพร้อมใบหน้าที่คัดมาจากหนึ่งในร้อยรูปยกยิ้มให้ผมแบบดูดีที่สุด ผมกดรับสายแต่โดยดีโดยไร้ซึ่งคำทักทายอย่างเป็นทางการ

“ไงมึง”

“ไงไอ้หมา"  โป้ยตอบกลับอย่างอารมณ์ดี  "สบายดีนะมึง"

“คิดถึงกูแล้วเหรอไง?”   

“มากกกก"  เสียงก.ไก่ลากยาวอย่างกวนประสาทสุดๆ ดังมาตามสายตามด้วยเสียงหัวเราะเบาๆ  "ตอนแรกกูก็นึกว่ามึงไปกับพี่กรซะอีก แต่เห็นพี่แกเดินลอยไปลอยมาในออฟฟิศ ก็สงสัยอยู่ว่ามึงไปกับใคร ที่ไหนได้ หึหึ”

“อ้าว? กูก็นึกว่าพี่กรติดธุระซะอีก ไหงงั้นวะ?”   ผมไถลตัวลงจากก้อนหินแล้วเริ่มเดินมุ่งหน้ากลับที่พัก

“จะไปรู้เหรอ แต่วันนี้ก็เห็นพี่แกอยู่ออฟฟิศทั้งวันนะ นี่ก็นึกครึ้มอะไรไม่รู้พากูกับพี่เปี๊ยกมาเลี้ยงข้าว ร้านที่วันนั้นมึงไปแล้วชมว่าเด็กเสิร์ฟนมโตอ่ะ”

“จำได้แต่เรื่องเชี่ยๆ กูบอกว่าอาหารอร่อยด้วยนี่ไม่ได้ฟังเลยสินะ"  ผมเดินทอดน่องไปตามทางซึมซับอากาศดีๆ เพื่อนแลกเปลี่ยนกับมลพิษทางเสียงที่หูกำลังเสพอยู่   “อิจฉาเชี่ยๆอ่ะ ทีตอนกูอยู่ด้วยไม่มีพาไปเลี้ยงหรอก มึงตลอด พี่กรลำเอียงว่ะ รักมึงมากกว่ากู”

"ก็กูมันคนน่ารัก"  ตลอดอะ ไม่มีถล่มตัวสักนิดหรอกเพื่อนผมน่ะ  "ว่าแต่...ร่างกายมึงยังอยู่ดี?"

“ดีใจอะ วีรภาพห่วงลุงด้วย” 

“กูห่วงประตูชัยของมึงต่างหาก”

“ประตูชัยอะไรวะ?”

“ตูดมึงไง…อย่ามาตีหน้าซื่อตาใส ทำอะไรอย่าคิดว่ากูไม่รู้ดูไม่ออก”

เงียบสิครับจะรออะไร…ผมชักจะเกลียดเพื่อนตัวเองแล้วอะ ทำยังไงดีวะ ขายมันทอดตลาดได้มั้ย? จุดเด่นคือหล่อรวยนิสัยดี ข้อเสียคือขี้เสือกมากไปหน่อย  ใครจะซื้อผมให้ถูกๆ ถือว่าเป็นเพื่อนมือสอง ถุ้ย! ถ้าไอ้เพื่อนเวรมาอยู่ตรงหน้าผมคงจะกระโดดตบบ้องหูมันแล้ว ต่อให้มันรู้ดีเรื่องอะไรมา แต่บอกเลยครับว่าคุณลุงคนนี้ไม่มีทางเสียประตูชัยให้ใครแน่! แล้วถ้าเกิดผมไม่ให้เกียรติเมียตัวเองล่ะก็คงได้เผยความจริงให้โป้ยมันรู้ไปแล้วว่าอะไรเป็นอะไร ใครได้ใคร หรือใครที่ต้องเสียประตูชัยไชโยกัน

"มึงไม่รู้อะไรก็อย่ามาพูด"  ผมพูดได้เท่านี้แหละ สุภาพบุรุษไม่ควรโพนทะนาเรื่องบนเตียงให้ใครฟังหรอก

"งั้นมึงก็บอกกูให้รู้ดิ ว่าเจ้าของรอยจูบบนต้นคอมึงอะเป็นใคร"

ตอนนี้ผมชักเกลียดไอ้พี่ปูนแล้ว... ชาติก่อนมันคงเป็นปลาเทศบาลถึงได้ช่างดูดช่างตอดขนาดนั้น ชอบเหลือเกินไอ้เรื่องทำรอยเนี่ย ในร่มผ้าก็ว่าอนุโลมให้แล้วนะนี่มันยังจะทำในที่ที่เห็นง่ายอีก แล้วไอ้เพื่อนคนนี้ก็ไม่เคยจะปล่อยผ่านเลย! ผมนึกว่ามันลืมไปแล้วด้วยซ้ำเพราะขนาดผมยังลืมไปเลยว่ามันเคยทัก

"แฟนกูไง ที่กูเคยบอก"  เป็นอีกครั้งที่ผมเฉไฉแล้วได้เสียงหัวเราะตอบกลับมา  "ทำไม อิจฉารึไงที่กูมีแฟนเร่าร้อน"

"คุณลุงครับ นี่วีรภาพเพื่อนมึงนะ"

"รู้! แล้ว?"

"กูมีหู มีตา และกูเป็นคนช่างสังเกต"  แล้วมันก็หัวเราะออกมาอีกครั้ง  "ไว้กลับมาก่อนเถอะมึง กูจะเค้นความจริงออกมาจากปากมึงเอง"

วีรภาพเพื่อนรักหัวเราะอย่างสะใจอีกครั้งแล้วก็วางสายไปโดยไม่ร่ำรา เหลือทิ้งไว้เพียงความรันทดชีวิตในบรรยากาศอันสวยงามของธรรมชาติ ผมไม่เคยปิดอะไรไอ้เพื่อนคนนี้ได้นานเลยจริงๆ ไม่ว่าอะไรมันก็ทำเป็นรู้ดีกว่าตัวผมไปหมด จะเรื่องเล็กเรื่องใหญ่หรือเรื่องลับขนาดไหน ผมปิดบังมันได้ไม่เคยเกินสามเดือน ถ้าไม่เพราะผมคันปากอยากจะเล่าเองก็เป็นเพราะถูกจับไต๋ได้นั่นแหละ และส่วนมากก็มักจะเป็นอย่างหลังซะทั้งนั้น

แต่เรื่องนี้มีบุคคลที่สามเข้ามาเกี่ยว พี่ปูนเป็นทั้งผู้ชาย เป็นเจ้านาย แถมยังเป็นฝ่ายรับ เพราะฉะนั้นผมต้องถามพี่ปูนก่อนว่าต้องการที่จะเปิดเผยตัวหรือไม่ เพราะถ้าโป้ยรู้ ด้วยความเป็นเพื่อนสนิทสนมกันผมคงปิดอีกสองคนที่เหลือไม่ได้ ส่วนตัวผมไม่มีปัญหาที่จะเปิดเผยในเรื่องแบบนี้เท่าไหร่ เพราะผมเชื่อว่ายังไงซะเพื่อนคงรักผมที่ใจใช่เรื่องรสนิยมทางเพศ แต่ก็นั่นแหละ ผมต้องถามคนใกล้ตัวเสียก่อนจะให้สัมภาษณ์สื่อใดๆ

“จะเดินไปถึงไหน”   เป็นอีกครั้งที่เสียงของคนอื่นเรียกสติผมให้กลับมา

ผมหยุดเดินแล้วหันกลับไปมองเจ้าของเสียงที่เจือแววขบขันแม้จะเปล่งออกมาดังจนผมตกใจก็ตาม  พี่ปูนยืนกอดอกมองผมห่างออกไปสองเมตรได้ หัวคิ้วเข้มขมวดมองผมด้วยความสงสัย เปล่งออร่าความหล่อบ้านๆ ออกมาจากชุดเสื้อยืดพอดีตัวสีเทากับกางเกงสามส่วนสีน้ำเงินและเกิบยี่ห้อดัง

“ผมก็จะกลับบ้านพักไง แล้วพี่ไปไหนมา?”

“แล้วบ้านพักอยู่ทางไหน?”   เป็นพี่ปูนที่ย้อนถาม แล้วกลายเป็นผมที่เริ่มตั้งสติมองดูรอบๆ ตัว   “พี่นั่งรออยู่ตรงระเบียง เห็นเราเดินกลับมาแต่ดันเลี้ยวไปอีกทางหนึ่งก็เลยรีบเดินตามมาดู”   พี่ปูนอธิบายขณะเดินเข้ามาหาผมที่กำลังยืนยิ้มแห้งๆ กับความมึนของตัวเอง

“ผมกะมาเดินดูรอบๆ ไง”

“แถได้ตลอดเลยนะ”   พี่ปูนส่ายหน้าหล่อเหลาไปมาพร้อมกับวาดแขนวางบนไหล่ผมอย่างถือสิทธิ์ ผมมองมือที่โผล่มาจากไหล่ด้านหนึ่งและหันกลับไปมองเจ้าของมือที่อยู่ทางไหล่อีกข้าง ผมต้องเงยหน้าขึ้นอีกเล็กน้อยถึงจะเห็นว่าพี่ปูนฉีกยิ้มได้เจ้าเล่ห์ขนาดไหนตอนที่พาผมเดินผ่านชายหญิงคู่หนึ่งที่เดินสวนกัน

ท่ามกลางอาทิตย์อัสดงกลางหมู่มวลธรรมชาติ มันคือความโรแมนติกอ่อนๆ ที่ผมเคยสัมผัสมาก่อนกับแฟนสาวในอดีต ผมเคยโอบไหล่บางๆ ของแฟนเก่าแล้วรู้สึกว่าตัวเองแข็งแกร่งเสียเหลือเกิน เราเดินคุยชมนกชมไม้ไปเรื่อย ต่อเมื่อหันมามองหน้ากัน ผมเห็นว่าคนที่อยู่ในอ้อมกอดผมน่ารักน่าทะนุถนอมเพียงใด แต่ในเวลาที่สถานการณ์มันกลับกันแบบนี้มันเป็นความรู้สึกโคตรแปลกอย่างที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน ในวงแขนของผู้ชายคนหนึ่งผมกลับรู้สึกว่าตัวเองกลายเป็นสัตว์กินพืชตัวเล็กๆ ที่ไร้กำลังจะไปปกป้องใครได้แม้แต่ตัวเอง

ช่างเป็นความรู้สึกที่จั๊กจี้นิดๆ บัดซบหน่อยๆ แต่ก็...ชอบไม่น้อยล่ะนะ

ผมปล่อยให้พี่ปูนเดินกอดคอมาจนถึงที่พัก ก่อนจะขอตัวไปล้างหน้าล้างตาเพื่อเตรียมตัวมากินอาหารค่ำที่พี่ปูนสั่งเตรียมไว้รอ เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจก็เดินออกมาสมทบกับพี่ปูนที่รออยู่ตรงระเบียง ผมยืนมองชายหนุ่มตำแหน่งเซ็กซี่กายแห่งโลกอนาคตกำลังจัดแจงจานอาหารบนโต๊ะไม้ร่วมกับพนักงานที่เพิ่งมาส่งราวกับรู้เวลา และเมื่อมองเห็นผม พี่ปูนก็ไม่รีรอที่จะยิ้มเผล่ออกมาได้อย่างน่ามองจนพนักงานสาวที่เห็นยังเขินอาย

ผมแสร้งทำไม่สนใจ ไม่ใช่อายหรอกนะแต่กลัวว่าจะกลั้นยิ้มตอบกลับไปไม่ได้ ค่าการโจมตีนั้นรุนแรงมากพอที่ทำผมกระอักเลือดได้เชียวล่ะ ผมจงใจยืนเกาะขอบประตูนิ่งๆ รอจนกระทั่งพนักงานวัยสาวเดินจากไปถึงได้เข้าไปหาพี่ปูนที่ยืนรออยู่ เราต่างนั่งลงประจำตำแหน่ง พี่ปูนอมยิ้มพลางมองหน้าผม แต่ผมกลับเม้มปากมองอาหารบนจานอย่างทำอะไรไม่ถูก

พระอาทิตย์กำลังฉายแสงสุดท้ายก่อนจะจมหายผ่านช่องว่างระหว่างภูเขาไป เสียงลมพัดเอื่อยกระทบหมู่ไม้เกิดเป็นทำนองไพเราะพากลิ่นหอมของดอกไม้ให้ลอยอบอวล บรรยากาศโรแมนติกแบบไม่ต้องพยายามสร้างให้เสียเวลา แม้กระทั่งโคมเทียนเล็กๆ บนโต๊ะก็ยังดูเข้ากันได้อย่างลงตัว

นอกจากกลิ่นดอกไม้ ก็มีกลิ่นหอมของสเต็กบนจานที่ทำเอากระเพาะผมร้องโครกคราก แต่ผมกลับไม่กล้าลงมือเปิบอย่างเคย มันดูทางการแบบแปลกๆ แถมรอยยิ้มของพี่ปูนก็ดูน่าขัดเขินชอบกล ทำไมพี่แกถึงไม่หยุดยิ้มแล้วสั่งข้าวง่ายๆ ให้กินได้อย่างสะดวกใจมากกว่านี้นะ

“กินสิ”  ผมเงยหน้ามองคนเชื้อเชิญ พี่ปูนดูอารมณ์ดีสุดๆ ในท่าเท้าคางกับหลังมือ ยิ่งทำให้ผมเกร็งอย่างไร้สาเหตุเข้าไปใหญ่  “ทำไม? ไม่หิวเหรอ?”

“...หิว”  ผมตอบอย่างซื่อสัตย์ แต่ก็ยังนั่งอึดอัดอยู่กับตัวเอง

“เป็นอะไร?”

“เกร็ง...ไม่ชินกับอะไรแบบนี้อะ”  พอได้พูดออกไปมันก็โล่งออกมาหน่อย แต่รอยยิ้มของคนตรงหน้ากลับสว่างไสวใต้แสงเทียนยิ่งกว่าเดิม

“แล้วลุงชอบแบบไหน?”

“อะไรก็ได้ แต่แบบ...”  ผมยู่หน้าด้วยความขัดใจ  “มันโรแมนติกเกินไปรึเปล่า ผู้ชายเหมือนกันไม่ต้องทางการแบบนี้ก็ได้”

“บรรยากาศมันพาไปน่า”  พี่ปูนยิ้มพลางหยิบขวดไวน์แดงจากถังน้ำแข็งรินใส่แก้วของผมก่อน  “ใช่ว่าพี่พาเรามากินที่ร้านหรูเสียเมื่อไหร่”

“ร้านอย่างนั้นผมก็ไม่ชอบนะ มันทำตัวไม่ถูก”  ผมมองดูหนุ่มผู้ช่ำชองรินน้ำสีแดงสวยลงแก้วตัวเอง ถึงจะไม่ใช่พวกผู้ดีอะไร แต่ผมก็พอรู้ว่าพี่ปูนดื่มไวน์เป็น แถมยังดูดีพิลึกยามหมุนแก้วเบาๆ แล้วค่อยสูดกลิ่นหอม ช่างขัดกับเสื้อยืดกางเกงขาสามส่วนที่ใส่ แต่ก็ยังดูหล่อมากอยู่ดี

“พี่รู้ว่าลุงชอบแบบไหน แต่ที่นี่มีแค่เราสองคน ไม่ต้องเกร็งขนาดนี้ก็ได้”  คนตรงหน้าวางแก้วทรงสูงลงหลังจากจิบไปเล็กน้อย ผมเองก็ยังนั่งนิ่งมองคนพูดลงมือหั่นเนื้อในจานด้วยท่าทางคล่องแคล่ว เนื้อชิ้นหนาถูกเผยให้เห็นถึงเนื้อในที่ยังชุ่มฉ่ำอมชมพู ขณะที่กำลังกลืนน้ำลายด้วยความหิว เนื้อชิ้นนั้นก็ถูกส้อมจิ้มส่งมาลอยตรงหน้า

ผมเองก็อ้าปากรับอย่างลืมตัว มันก็จั๊กจี้หน่อยๆ ล่ะนะ ที่มีคนป้อนอาหารให้น่ะ

“ถ้าลุงเกร็งกับบรรยากาศ ก็ไม่ต้องไปสนใจมันสิ”  ปากผมยังเคี้ยวหยับๆ ขณะฟังพี่ปูนพูด แต่ส้อมก็ถูกจิ้มลงกับผักเคียงส่งเข้าปากผมอีกครั้งพร้อมกับรอยยิ้มที่ทำให้หน้าผมขึ้นสีทั้งที่ยังไม่ได้จิบไวน์

“สนแค่พี่ก็พอ...”

บ๊ายบายธรรมชาติร่มรื่นยามแสงโพล้เพล้ ลาก่อนนะบรรยากาศสุดโรแมนติกชวนจั๊กกะดึ๋ยหัวใจ ตอนนี้ผมไม่รับรู้อะไรแล้วนอกจากใบหน้ามีความสุขเต็มขั้นของพี่ปูน

.
.
.


หลังจบมื้ออาหารเย็น ผมก็เดินไปล้มตัวแผละบนเตียงนอนแบบขี้เกียจสุดๆ แม้รสชาติอาหารจะไม่ได้จัดว่าดีเลิศ แต่พวกกินง่ายอยู่ง่ายอย่างผมกับพี่ปูนก็จัดการฟาดแบบไม่เหลือหลอ ในระหว่างที่พี่ปูนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่น ผมก็เหยียดตัวยาวพลิกคว่ำลงกับที่นอนเด้งๆ หลับตาลง เสียงฝีเท้าพี่ปูนเดินมาหยุดข้างๆ ก่อนจะทิ้งน้ำหนักตัวลงนั่งกับเตียงอีกฝั่ง

“พรุ่งนี้ไปถ่ายที่ไหนต่อ”   

“จุดชมพระอาทิตย์ขึ้นของที่นี่อ่ะพี่ แต่ต้องเดินเท้าไป”   ผมยังคงหลับตาเหมือนเดิม ไอ้ที่เขาหนังท้องตึงหนังตาหย่อนเนี่ยใช้กับผมได้จริงสุดๆ เลย   “ตีห้าจะมีคนมารับ”

“พี่ไปด้วย”   เสียงตอบกลับมาแบบไร้ความกระตือรือร้น ทำให้ผมต้องเปิดเปลือกตาแล้วหันหน้าไปจ้องคนที่กำลังนั่งเล่นมือถืออย่างสบายอารมณ์

“ต้องเดินขึ้นเขานะ”

“แล้ว?”   เป็นพี่ปูนที่หันกลับมาจ้องหน้าผมด้วยความไม่เข้าใจ

“มันเหนื่อย ไม่ต้องไปหรอก”

“ทำไม?”

“ผมไม่อยากให้พี่ไปลำบาก”   ผมงัดความจริงใจพูดออกมา แต่ไอ้พี่ปูนแม่งกลับหัวเราะขึ้นจมูกใส่ผมซะงั้น

“ฮัลโหลคุณพัทลุง ผมเป็นผู้ชายครับ”

“ก็รู้...แต่ผมก็ไม่ชอบให้แฟนตัวเองลำบาก”   ผมชิงหลับตาหนีความเขินกับเสียงหัวเราะเบาๆ ของคนเตียงข้างเคียง บางทีผมก็ลืมไปทุกครั้งว่าแฟนตัวเองไม่ใช่ผู้หญิงผอมบาง แต่เป็นผู้ชายตัวโต สูงหนา กล้ามแน่น เพราะงั้น ถึงพี่ปูนจะเป็นเมียผม แต่ก็คงไม่ได้ต้องการการดูแลขนาดนั้น   “แต่ถ้าพี่อยากไปก็ดีครับ เห็นคุณอุ๋มว่าวิวสวย”

“คุณอุ๋ม?”

“พนักงานที่พาผมเดินถ่ายรูปอ่ะพี่ น่ารักดีนะพี่ พาผมเดินดูไปทั่วแถมมารยาทดีอีก”

“...........”

สิ้นคำชมเชยถึงบุคคลที่สามของผมก็เกิดเดดแอร์ขึ้นกะทันหัน ผมนอนรอฟังเสียงสนทนาโต้ตอบกลับ แต่พี่ปูนก็เงียบกริบไม่มีการสื่อสารกับผมต่อแต่อย่างใด จะมีก็เพียงเสียงขยับตัวเล็กน้อยที่ทำให้ผมอดที่จะลืมตาขึ้นมองไม่ได้ สองตาผมจับจ้องพี่ปูน แต่พี่แกไม่ได้กำลังมองผมเพราะพี่ท่านกำลังจดจ่ออยู่กับการถอดเสื้อ ...เชี่ย!!

“พี่ถอดเสื้อทำซากอะไร!”   ผมเด้งตัวลุกขึ้นนั่งทันที พอดีกับที่เสื้อยืดหลุดออกจากหัวพี่ปูนเป็นที่เรียบร้อย ลอนกล้ามท้องยั่วสายตาผมแบบที่อดใจแอบดูไม่ไหว แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ! มันใช่เวลาที่ผมจะมามัวสนใจซิกส์แพคใครที่ไหน เพราะพี่ปูนแม่งลุกขึ้นยืนถอดกางเกงเพิ่มแล้ว   “ไม่อายผมบ้างรึไง”

“อายทำไม?”   ไอ้หน้าด้านย่นคิ้วมองผม เหมือนกับคำถามผมมันประหลาดโคตรๆ   “มากกว่านี้ก็เห็นมาแล้ว”

“มันเหมือนกันที่ไหน!”   ผมเถียงมันเสียงดัง ทั้งที่หน้าเริ่มขึ้นสี   “แล้วคุยกันอยู่ดีๆ ทำไมถึงแก้ผ้าเล่า!!”

“ก็พี่จะอาบน้ำ”

“ก็ไปถอดในห้องน้ำดิ๊!!”   โอยแม่ง~ ผมจะทำยังไงกับผู้ชายหน้าหนาที่ยืนลอยหน้าไปมากะกางกางในตัวเดียวคนนี้ดีวะ 1. ร้องกรี๊ดวี๊ดว้ายแล้ววิ่งออกไปอายนอกห้อง  2. เตะมันให้รู้สำนึก  3. แก้ผ้าเป็นเพื่อนมันไปเลย 

“ไปอาบน้ำกัน”   พี่ปูนเอ่ยชวนแบบสบายๆ ประหนึ่งว่าชวนออกไปชมนกชมไม้ข้างนอก   “เร็วๆ ถอดเสื้อ...”


มึงบ้าแล้ว!!


“ประสาทป่ะ!? คิดว่าผมจะแก้ผ้าทันทีที่พี่ชวนเลยรึไง”   ผมตอกกลับขณะกระเถิบตัวหนี สถานการณ์เริ่มไม่น่าไว้วางใจเข้าไปทุกที ยิ่งมันส่งยิ้มชั่วๆ มาให้ ขนแขนผมก็พร้อมใจกันลุกเกรียวทันที   “ถอยไปนะพี่ปูน ไม่งั้นโดนต่อยแน่”

“หึหึ ดุจังวะ”   

“เออ!! ดุมาก ยังไม่ได้ฉีดยาด้วย”

“พี่แค่อยากให้ถูหลังให้หน่อย นะ...พัทลุง””   ไอ้พี่โรคจิตทำหน้าสลดขึ้นมา ตามันเศร้า คอมันตก ชนิดที่ผมรับมือไม่ถูก อะไรมันจะเปลี่ยนสีหน้าได้รวดเร็วปานนี้วะ   

“...มันก็ได้ แต่ทำไมต้องให้ผมถอดเสื้อด้วยอ่ะ”

“ก็มันจะเปียก -- เอาน่า”   พี่ปูนปีนขึ้นมาบนเตียงเพื่อประชิดตัวผม   “จะไม่ทำหน้าที่ผัวที่ดีหน่อยเหรอ”

“ห้ามทำอะไรแปลกๆ นะเว่ย”

“แปลกแบบไหนล่ะ?”   มันเอียงคอถาม ทำทีน่ารักได้ไม่สมกับหน้าตาเลยแม้แต่น้อย แถมยังอยู่ในสภาพอนาจารแบบนี้อีก แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ...ผมก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ ผมเกลียดตัวเองจริงๆ ที่เหมือนจะยอมพี่ปูนซะทุกทีไป ถ้าเป็นเมื่อก่อนล่ะก็ ไม่มีทางเสียหรอกที่จะต้องตกมาเป็นรองอย่างนี้ ถ้าชะตาชีวิตผมมันถึงคราววิกฤตแล้วล่ะก็ หัวใจของผมก็คงถึงคราววิบัติแล้วเหมือนกัน

สุดท้ายน่ะเหรอ? ก็เป็นผมที่เดินตามพี่ปูนเข้าห้องน้ำไป ถอดเสื้อด้วยมือตัวเอง ถอดกางเกง...เอิ่ม ก็ไม่ได้เต็มใจหรอกนะ แต่ผมก็มายืนโป๊เปลือยประจันหน้ากับผู้ชายทั้งแท่งอีกคนในห้องน้ำแคบๆ แล้วกำลังรู้สึกว่า ‘กูพลาดไปแล้ว’

“หันหลังไปซะที”   ผมข่มความอายสะบัดเสียงใส่พี่ปูนห้วนๆ มันกวาดสายตามองทั่วตัวผมอีกครั้งพร้อมกับเสียงหัวเราะขึ้นจมูกก่อนจะยอมหันหลังไปแต่โดยดี แผ่นหลังพี่ปูนแม่งกว้างสมชาย กล้ามเนื้อแน่น เอวสอบ ก้นปอด ไม่ว่าจะเห็นกี่ครั้งผมก็อดพูดกับตัวเองไม่ได้ว่า ‘นี่เมียกูจริงๆ เหรอวะ’ แล้วดูผัวอย่างผมสิ...แพ้ตั้งแต่ยังไม่แก้ผ้า

ผมสะบัดความต่างทางสรีระออกไปจากหัว และเริ่มลงมือปฏิบัติการถูหลังด้วยความกระอักกระอวนที่สุด เป็นอีกหนึ่งช่วงเวลาที่พี่ปูนช่างรังสรรค์ให้ผมจริงๆ แถมแต่ละเรื่องแม่งบัดซบชีวิตลูกผู้ชายสุดติ่ง ถ้ามันไม่ได้เป็นเมียอ่ะนะ  ขาอ่อนผมมันก็ไม่ได้เห็นหรอก!

“ถูให้มันดีดีสิ”   เสียงกลั้วหัวเราะดังออกมาจากปากเจ้าของแผ่นหลัง ผมแอบเบ้หน้าให้หนึ่งดอก แล้วลากเลื้อยฝ่ามือเปื้อนฟองครีมอาบน้ำหอมๆ ไปทั่วแผ่นหลัง ทั้งกดทั้งย้ำแบบใส่อารมณ์สุดๆ มีเสียงซี๊ดซ๊าดบ้างยามผมจงใจครูดเล็บลงไปแต่ผมกลับรู้สึกว่าไอ้พี่ปูนมันสนุกสนานยังไงก็ไม่รู้

“เสร็จแล้ว -- โอ๊ะ!”   ผมตบหลังมันแรงๆ หนึ่งที ไอ้พี่ปูนร้องโอ๊ยเสียงดัง แต่กรรมก็ตามติดทันควันเพราะเศษฟองสบู่กระเด็นเข้าตาเพราะแรงตบ ผมปิดตาขวาแน่นโดยอัตโนมัติ พยายามใช้ตาอีกข้างที่ไม่ได้ลืมเต็มที่ช่วยในการเดินไปหาแหล่งน้ำ   “ปุริมๆๆ น้ำๆ!!”

“หึ สมน้ำหน้า”   น้ำเสียงมันลากความสะใจมาเต็ม แต่ถึงอย่างนั้นพี่ปูนก็ยังอุตส่าห์ดันร่างผมให้ไปในทิศทางที่ถูกต้อง   “ทางนี้... ยืนเฉยๆ เดี๋ยวล้างให้”

“เร็วๆ มันแสบอ่ะ”   ผมกลั้นใจรอไม่นานก็มีน้ำไหลลงมาชะล้างความแสบที่ตาให้หมดไป สองมือผมถูหน้าถูตาได้สะดวกคล่องเพราะมีมือพี่ปูนรวบผมหน้าไม่ให้มันปรกลงมาเกะกะ เมื่อเห็นผมทำท่าจะหายใจไม่ออกก็ดึงฝักบัวออกห่าง เมื่อเห็นผมโอเคแล้วก็ยื่นน้ำให้ใหม่ นับว่าเป็นความสามัคคีที่ยอดเยี่ยมพอดู

“กรรมเดี๋ยวนี้มันติดจรวดจริงๆ”   พี่ปูนจัดน้ำเสียงเยาะเย้ยให้หนึ่งดอกทันทีที่ผมใช้กรรมหมด   “หลังพี่ยังแสบอยู่เลยนะเนี่ย มันน่าโดนอีกสักข้าง”

“งั้นผมจะข่วนพี่ให้หลังเหวอะไปเลย”

“หึ ปากดีตลอด -- ไหนมาดูซิว่าตาแดงมากมั้ย?”   พี่ปูนก้าวประชิดตัวพร้อมกับจับหน้าผมด้วยสองมือให้เงยขึ้น ใบหน้าของเซ็กส์ซี่กายก้มลงมาใกล้จนผมทนมองไม่ไหวเลยชิงหลับตาปิดกั้นการรับรู้ไปซะ แต่สองหูยังคอยรับฟังเสียงทุ้มต่ำบรรยายอาการให้ฟังอย่างเนิบๆ ขณะเลิกเปลือกตาผมขึ้น  “ตาแดงแปร๊ดเลยว่ะ ยังแสบอยู่มั้ย?”

“ไม่แล้วพี่ แต่ยังเคืองอยู่”   ถึงผมจะพูดอย่างนั้น แต่พี่ปูนก็ยังจับหน้าผมไม่ยอมปล่อย ผมรับรู้ได้ถึงปลายนิ้วที่ลูบไล้เปลือกตาผมแผ่วเบา ปัดป่ายไปตามพวงแก้มลามไปถึงริมฝีปาก มันชักจะห่างไกลจากตาขึ้นเรื่อยๆ จนผมต้องฝืนลืมตาขึ้นมองอีกครั้ง

ใบหน้าของพี่ปูนยังอยู่ระดับเดิม ใกล้จนลมหายใจรินรดเบาๆ ตาโตที่คมเหมือนมีดกำลังจับจ้องปลายนิ้วตัวเองที่ลูบคลึงริมฝีปากผมอยู่ คล้ายจะเหม่อลอยนิดๆ แต่ผมเข้าใจว่านั่นเป็นท่าทางที่กำลังคิดอะไรอยู่ ผมกลั้นใจรอไม่นานสายตาพี่ปูนก็เลื่อนสบสายตาผมพร้อมกับฉีกรอยยิ้มน้อยๆ ...ผมคิดว่าตัวเองกำลังหน้าแดงอยู่แน่ๆ จะมีใครมองใบหน้าและรอยยิ้มของผู้ชายคนนี้แล้วไม่ขัดเขินบ้าง ต่อให้เป็นนักเพาะกล้ามเลยเอ้า...ต้องเป็นกันบ้างสิ คงไม่ใช่แค่ผมคนเดียวหรอก

“อยากจูบ”   คล้ายจะเหมือนคำบอกเล่ากึ่งขออนุญาต แต่ผมยังไม่ทันได้ตอบรับ ยังไม่ทันได้ตกลง ใบหน้าของพี่ปูนก็เลื่อนต่ำลงจนแนบชิด ริมฝีปากอุ่นๆ แนบเนากับริมฝีปากของผมอย่างพอเหมาะพอดี ความนุ่มละมุนทำให้ผมหลับตาลงซึมซับความรู้สึกแปลกในอก --ผมไม่ได้ต่อต้าน นี่คือการยินยอมพร้อมใจแบบสุดๆ

มันยังไม่ได้ล่วงล้ำเข้าไป แค่แนบชิดถูไถกันเท่านั้นเหมือนจูบของเด็ก แต่เท่านั้นก็ทำผมเคลิ้มจนควบคุมมือของตัวเองไม่อยู่ ในขณะที่มือข้างหนึ่งของพี่ปูนประคองท้ายทอยผมไว้แล้วขยุ้มสางเส้นผมด้วยปลายนิ้วไปมา มือข้างหนึ่งของผมก็เลื่อนไปตามลำคอแข็งแรงกรุยเส้นผมพี่ปูนบ้าง และในขณะที่มืออีกข้างของผมไหลไปตามแผ่นหลังกว้าง ลูบไล้ไปมาแทบจะทุกตารางนิ้ว มือข้างที่เหลือของพี่ปูนก็ลัดเลาะไปตามสีข้างผม นวดคลึงต่ำลงเรื่อยๆพอดีกับที่ปลายลิ้นของพี่ปูนแทรกผ่านริมฝีปากเข้ามา



.
.
.

[มีต่อจ้า]
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-07-2017 14:49:16 โดย L@DYMELLOW »

ออฟไลน์ L@DYMELLOW

  • กำลังงงๆ เพราะหาทางลงจาก “คาน” ไม่เจอ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 356
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +826/-4
    • facebook
[ต่อค่ะ]
.
.
.


ท้ายทอยผมถูกปล่อยให้เป็นอิสระขณะที่ร่างกายถูกดันจนชิดติดผนังห้องน้ำ ริมฝีปากของเราสองคนบดแน่นพอๆกับร่างกายที่แนบสนิทไร้ช่องว่าง ผมกำลังเคลิ้มไปกับจูบหนักๆ ที่พี่ปูนมอบให้เลยทำไม่สนใจฝ่ามือใหญ่ที่เคลื่อนตะปบลงกับแก้มก้นทั้งสองข้าง ผมกอดพี่ปูนราวกับคนไร้สติแถมยินยอมให้หน้าขาแกร่งแทรกเข้ามากลางหว่างขาตัวเอง ยิ่งปลายลิ้นแสนช่ำชองเลาะเล็มในปากผมมากเท่าไหร่ ผมก็ยิ่งปล่อยตัวมากขึ้น...ยอมแม้กระทั่งให้พี่ปูนขยำก้นผมไปมา เคล้าคลึงมันด้วยสองมือแสนซุกซน

เมื่อเนื้อตัวเปล่าเปลือยแนบชิดถูไถกันไปมา มันก็ไม่ยากนักที่ความต้องการจะจุดติดขึ้น ดาบสองเล่มค่อยๆ พองขยายตัวบดเบียดผิวเนื้อกันไปมา พี่ปูนเริ่มแนบน้ำหนักตัวเข้ามามากขึ้นพร้อมๆ กับที่ลมหายใจของเราเริ่มขาดห้วง เมื่อริมฝีปากผละออกจากกันพี่ปูนก็ไม่ได้ปล่อยให้มันว่างงาน  มันยังคงตามมาเลาะเล็มลำคอเรื่อยจนถึงลาดไหล่ ปล่อยให้ริมฝีปากแสนว่างของผมเปล่งเสียงครางเครือเป็นระยะ

ผมอยู่ในอารมณ์ที่พร้อมทุกอย่าง... ถ้าพี่ปูนต้องการผมอาจจะทำกับพี่ได้เลยในตอนนี้ ผมจะชดเชยในครั้งแรกของเราที่ผมทำไปโดยไร้สติ ถ้าครั้งนั้นมันห่วยแตก ครั้งนี้มันจะต้องดีกว่าเป็นร้อยเท่า ผมหมายมาดในใจพลางเริ่มรุกมากขึ้น ผมจูบปลายคางพี่ปูนเบาๆ แลบลิ้นไล้เลียลงมาจนถึงเนินอกแล้วครอบความร้อนรุ่มบนตุ่มไตสีน้ำตาล เรียกเสียงครางยาวออกมากจากปากเจ้าของ พี่ปูนดูจะไม่ชินเท่าไหร่ที่มีคนมาดูดนมให้ แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังรับรู้ได้ถึงความเสียวที่พาให้แตงร้านที่แนบท้องผมอยู่พองตัวขึ้น

 ผมเดาว่าความอยากเข้าครอบงำพี่ปูนอย่างเต็มรูปแบบแล้ว วัดจากการที่มันไซ้คอผมแรงขึ้น กัดบ้าง ขบบ้าง ซึ่งผมก็ไม่ปล่อยให้มันทำอยู่ฝ่ายเดียว ผมเล่นยอดอกพี่ปูนจนหนำใจพลางจูบหนักๆ ไปทั่ว ทิ้งรอยไว้บ้างเพื่อเป็นการเอาคืน และเมื่อพี่ปูนเรียกร้องจูบจากปากผมอีกครั้งสมองของผมก็หมุนติ้วไปหมด เราไม่ได้แตะต้องแก่นกายกันเลยด้วยซ้ำแต่มันก็ยังแข่งกันเบ่งบานเพราะหน้าท้องที่บดบี้ไปมา ลมหายใจของเราเริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆ ผมคงต้องเริ่มทำอะไรสักอย่างเพื่อสานต่อ ขณะที่ในหัวผมกำลังเลือกตัดสินใจว่าจะพลิกตัวพี่ปูนติดกำแพงดี หรือจะพากันเดินออกไปทำบนเตียงแบบปกติดี...บางอย่างก็คืบคลานเข้ามา

ผมสะดุ้งเฮือกกับสิ่งที่ไม่คาดคิด อารมณ์วาบหวามและความมาดมั่นหดลง ผมมองสบสายตาหื่นๆ แบบยั้งไม่อยู่ของพี่ปูนแล้วขนลุกซู่ไปทั่วร่าง สถานการณ์เริ่มไม่น่าไว้ใจอย่างร้ายแรงที่สุด ผมเริ่มดิ้นหนี ไอ้พี่ปูนก็ออกแรงกดผมติดกำแพงมากขึ้น มันใช้ปากไซ้คอผมแรงจนรู้สึกเจ็บนิดๆ ขณะที่ฝ่ามือนั้นก็แหวกแก้มก้นผมออกแล้ว...แล้วใช้นิ้วมือ...นิ้ว...เอิ่ม...เขี่ย ต...ตูดผม

“ไม่เอา”   ผมกัดฟันพูด

“น่านะ...”   ไอ้พี่ปูนก็ตอบกลับพลางขบใบหูผมเบาๆ

“ไม่ได้”

“ได้...มันเข้าได้”

เชี่ย!!! เข้าอะไร!? เข้าไปไหนวะ!?   “ไม่ๆ พี่ทำอย่างนี้ไม่ได้”

“...คนเป็นผัวเมียกันจะทำอะไรกันก็ได้”

“แต่พี่จะทำกับผัวตัวเองแบบนี้ไม่ได้!!”

ได้ผล! ไอ้พี่ปูนชะงักกึก มันเลื่อนมือออกจากปราการด่านสุดท้ายมาจับเอวผมไว้แทน ใบหน้าหล่อเหลาจ้องมองผมนิ่ง หัวคิ้วขมวดแน่น ริมฝากขยับไปมาคล้ายอยากจะพูดอะไรสักอย่าง แต่สุดท้ายก็เลือกที่จะเก็บกลืนแล้วซบหน้าลงกับไหล่ผมแทน อารมณ์ที่เปลี่ยนไปกระทันของพี่ปูนทำให้ผมเป็นห่วงนิดๆ

“ไม่ได้จริงๆ เหรอ”

เชี่ย! เสียงอ่อยแบบนี้นี่คือคุณมึงอ้อนใช่มั้ย? นี่ผมโดนอ้อนเหรอวะเนี่ย

“มันก็...”  ผมรีบหุบปากฉับทันที ความดีใจเกือบทำให้ประตูชัยของผมถึงกับอยู่ในจุดวิกฤตอย่างที่ไอ้โป้ยเป็นห่วงเสียแล้ว นี่สินะคือการคบกันของผู้ชายกับผู้ชาย มันคงสามารถสลับด้านกันได้ตลอดเวลาเหมือนบอลเปลี่ยนฝั่งสนามสินะ เวรแล้วไงไอ้ลุง! หมายความว่าผมต้องเป่ายิงฉุบเลือกข้างเวลาจะทำสวนกันงั้นสิ แล้วคนเป่ายิงฉุบไม่เก่งอย่างผมมิต้องถูกพรวนจนหลุมกลายเป็นบ่อหรอกเรอะ!

“ไม่ได้ๆ ไม่เอาอะ”  ผมปฏิเสธขาดใจทั้งที่ยังแนบชิดอยู่ในอ้อมกอดชาวสวนผู้หวังถลุงหลุมเล็กๆ ให้เบิกบาน หัวเด็ดตีนขาดผมก็ไม่ยอมเด็ดขาด ดูขนาดตัวไอ้พี่ปูนสิ ถ้าขืนให้มันกดผมล่ะก็คงได้เละคาที่นอนแน่ ไหนจะแตงเกรดพิเศษของมันอีก ชิบเป๋ง!! ต่อให้ซื้อดินมาเป็นคันรถก็คงกลบหลุมผมให้เรียบตึงเหมือนเดิมไม่ได้หรอก

“นิดนึงก็ไม่ได้เหรอ”  ไม่ว่าเปล่า ไอ้พี่ปูนมันยังซุกปากลงกับแก้มผมไปมา ...หมาชัดๆ นี่มันเซนต์เบอร์นาร์ดใช่มั้ย

“มันมีนิดหน่อยด้วยหรือไงวะพี่ เรื่องแบบนี้น่ะ!”

“ก็มีนะ”  เจ้าของมือที่เริ่มลูบคลำก้นผมอีกครั้งตอบด้วยเสียงกรุ้มกริ่มชวนขนหัวตั้ง  “อย่างเช่น...ใส่นิ้วเข้าไป”


พ่อครับช่วยลุงด้วย!


ไอ้พี่ปูนกอดผมไว้แน่นจนแทบจะฝังตัวลงไปในกำแพงห้องน้ำ ในขณะที่ผมดิ้นรนเหมือนลูกหมูรอขึ้นเขียง ไอ้นิ้วเวรตะไลก็แหวกแก้มก้นผมออก นวดคลึงเมามันเหมือนนวดแป้งซาลาเปา แถมยังเอานิ้วถูๆ วนๆ ตรงช่องทางวันเวย์ไปด้วย ยอมรับเลยว่ากลัวมาก กลัวจนฉี่จะราดเลยด้วยเอ้า! สมองก็เอาแต่นึกถึงคำสอนของพ่อไปมา ‘ถ้าเราชนะความกลัวได้ เราจะกลายเป็นลูกผู้ชายที่แท้จริง’

ผมยอมเป็นกิ้งก่า ไส้เดือนเลยครับพ่อ! แต่พี่ปูนแม่งน่ากลัวขนาดนี้ ผมจะเอาชนะมันได้ยังไง!!

“ฮือ~ ไม่เอานะพี่ปูน”  น้ำตาลูกผู้ชายหยดแหมะ มันน่าอายจนแทบแทรกแผ่นดินหนีแต่ใครสนล่ะ! ขอแค่ให้เมียเห็นใจไว้ชีวิตประตูชัยของผม ต่อให้ปล่อยโฮออกมาผมก็ยอม

“ร้องไห้ทำไม?”  พี่ปูนถามเสียงนุ่มที่เจือความขบขัน

“ไว้ชีวิตตูดผมเถอะนะ”  ผมเบะปากบอกเสียงสะอื้น แต่อย่างน้อยไอ้เมียเฮงซวยก็ยกมือออกจากก้นแล้วเปลี่ยนมาประคองสองแก้มผมแทน หน้าตามันเหมือนคนอยากจะยิ้มแต่ก็ยิ้มไม่ออกที่เห็นน้ำตาผมไหลออกมาเป็นทางอย่างหมดสภาพ  “แตงยักษ์ของพี่ต้องทำมันฉีกแน่ เลือดสาดกระจายต้องกลายเป็นริดสีดวง”

ผมหวังว่าคำอ้อนวอนของตัวเองจะเป็นผล แต่ในขณะที่หนอนผมเหี่ยวเฉาด้วยความหวาดกลัว แตงร้านคัดเกรดของพี่ปูนกลับเบ่งบานแทงหน้าท้องผม ไม่ต้องมองก็พอเดาได้จากประสบการณ์ว่าตอนนี้หัวแตงนั้นบานฉ่ำน่ากลัวแค่ไหน ผมจะไม่รอดใช่มั้ย? ผมต้องโดนแน่ๆ เลยใช่มั้ย? ผมอยากจะผลักมันออกใจจะขาด แต่ติดที่ว่าตัวพี่ปูนใหญ่จนบังผมมิด แถมสถานะแฟนมันค้ำคอผมอยู่ ถ้าเกิดผลักมันออกไปพี่ปูนก็จะคิดว่าผมรังเกียจและขยะแขยงซึงผมไม่ได้คิดแบบนั้นเลยสักนิด...ผมแค่กลัว

พี่ปูนจับหน้าผมให้เงยขึ้นรับจูบ ไล้ลิ้นเลียน้ำตาผมที่กำลังสั่นเทาเพราะความหวาดระแวง  แต่เมื่อลืมตามองคนตรงหน้า ผมกลับพบเพียงว่าพี่ปูนกำลังอยู่ในโหมดของขึ้น หน้าตามันมีความต้องการฉายชัดเจนมาก ทั้งดวงตายังส่องประกายพรึบพรับน่าหวาดหวั่น

“เมียจ๋าอย่าทำผัวเลย”  ผมส่ายหน้าพรืด

“งั้นอ้อนพี่หน่อย”

“ปุริม~ ที่รักครับ”  ผมหมดความอายอย่างสิ้นเชิง เลื่อนมือเข้าโอบหลังพี่ปูนแน่น  “ลุงกลัวอะ อย่าทำลุงเลยนะ ลุงสัญญาว่าจะเป็นแฟนที่ดี นะๆ ปุริม”

“แค่นี้เองเหรอ?...แต่พี่อยากกอดลุงนี่นา”  น้ำเสียงคล้ายไม่พอใจทำเอาผมใจแป้ว ตามมาด้วยการกลืนน้ำลายเอื้อก เมื่อมือของพี่ปูนเลื้อยลงมาที่จุดล่อแหลมอีกครั้งพร้อมกับนวดเฟ้นอย่างเมามัน พี่ปูนจูบขมับผม ซุกไซ้ซอกคอด้วยลมหายใจแรงร้อน  “ของพี่มันปวดไปหมดแล้ว พี่อยากจะใส่มันเข้าไปในนี้ ให้ช่องทางเล็กๆ นี่บีบรัดเอาไว้ กระแทกเข้าไปจนกว่าตรงนี้จะจำรูปร่างของพี่ได้ จนกว่าพี่จะแน่ใจ...ว่าลุงจะเป็นของพี่คนเดียว”

ทำไมมันเป็นคำพูดหยาบโลนที่ทำให้ผมหน้าร้อนได้อย่างนี้นะ

พี่ปูนดูมีความมุ่งมั่นมาก และหน้าผมก็ร้อนจนจะไหม้ แถมหัวใจก็ยังเต้นแรงด้วยความตื่นเต้น ผมอาจจะไม่รอดเป็นแน่ แต่พัทลุงจะยอมแพ้ง่ายๆ ได้ยังไง ในขณะที่ริมฝีปากของพี่ปูนเริ่มทำให้ผมเคลิ้มขึ้นอีกครั้ง ในหัวผมครุ่นคิดไปถึงกฎการแลกเปลี่ยนที่เท่าเทียมกัน ใช่! หนังสือการ์ตูนที่ผมอ่านเรื่องนั้น ‘พี่น้องเหล็กไหลแห่งวงการนักแปรธาตุ’ แม้ไม่รู้ว่ามันจะแลกเปลี่ยนได้เท่าเทียมหรือไม่ แต่ผมก็ต้องดิ้นรนเฮือกสุดท้าย

ไวเท่าความคิด ผมก็ลดมือลงไปจับแตงร้อนๆ ที่ใกล้เคียงขีปนาวุธเข้าไปทุกที เป็นผลให้พี่ปูนสะดุ้งเล็กน้อยพลางส่งเสียงครางแผ่วเบาอยู่ข้างหูผม

“ปุริม...”  ผมพลิกใบหน้า กระซิบข้างหูเจ้าของแตง  “ลุงอมให้นะ”

พี่ปูนมองหน้าผมในทันที และชั่วเสี้ยวเวลาก่อนที่มือใหญ่จะเปิดน้ำจากฝักบัวให้ราดรดฟองสบู่แห้งกรังออกไปจากตัวเราทั้งสองคน ผมเห็นแต้มสองตาว่าพี่ปูนแย้มยิ้มออกมา ...เป็นรอยยิ้มแห่งความชั่วช้าไร้ซึ่งคำบรรยาย นี่ผมไม่ได้ทำเรื่องอะไรให้ตัวเองต้องเสียใจทีหลังใช่มั้ย? หรือไม่ใช่? ผมกำลังงุนงง จับต้นชนปลายกับรอยยิ้มชั่วๆ นั้นไม่ได้ แต่มันสำคัญที่ไหนล่ะ ในเมื่อพี่ปูนลากผมที่เนื้อตัวเปียกปอนออกจากห้องน้ำไปด้วยความรื่นเริง

แรงเหวี่ยงทำให้ร่างตกลงบนที่นอนพอดิบพอดี ผมตะเกียกตะกายลุกขึ้นมานั่งทำใจก่อน มองพี่ปูนที่เดินผึ่งผายตามมา เนื้อตัวเปลือยเปล่าไม่ต่างกันหากสรีระนั้นน่ามอง หยดน้ำเกาะพราวไปทั่วร่างยิ่งเพิ่มความเซ็กซี่ให้ผู้ชายคนนี้เป็นเท่าทวี ผมกลืนน้ำลายอึกใหญ่เมื่อพี่ปูนเดินตรงเข้ามา อวดสายพันธุ์แตงที่ชาวสวนทุกคนอยากมีไว้ครอบครอง

ผมไม่เคยกินแตงของใครมาก่อนเลยในชีวิต หวังว่าแตงดุ้นแรกนี้จะไม่ทำให้ผมกรามค้างนะ

“ผมไม่เคยนะพี่”  ผมชิงออกตัวไว้ก่อน พยายามไม่สบสายตาหรือว่าแตงที่ลอยเด่นอยู่ตรงหน้า พี่ปูนยืนประชิดติดขอบ ใช้นิ้วเชยคางผมขึ้น ผมมองเหลือบตามองรอยยิ้มกริ่มสมใจของพี่ปูน ก่อนจะผสานสายตาเข้ากับแตงร้านที่กำลังสั่นระริกตรงหน้า

“อย่าให้ฟันครูดนะ”  พี่ปูนหอบหายใจแรงอย่างตื่นเต้น  “ทำแบบที่พี่ทำให้ลุงไง”

โอ้โห!! ผมจะไปดูดจ๊วบๆ อย่างนั้นได้ยังไง ของๆ พี่มันไม่ใช่แตงกวาจุ๋มจิ๋มน่ารักนะ! แค่เข้าปากยังว่าไม่น่าจะรอดเลย แล้วถ้าอมจนมิดผมไม่ขย้อนมื้อเย็นออกมาเลยเรอะ! บ้าเอ๊ย... น่ากลัวเกินไปแล้ว

ห้องเงียบๆ ยิ่งขับเสียงลมหายใจอย่างหื่นกามของพี่ปูนให้ฟังดูน่าขนลุก ผมเองก็จับจ้องสิ่งตรงหน้าด้วยลมหายใจรุนแรงไม่แพ้กัน แต่ไม่ใช่เพราะอารมณ์ขึ้นอยากจะพุ่งเข้างับหรอกนะ แต่เป็นเพราะผมกำลังต่อสู้กับตัวเองไม่ให้กรีดร้องต่างหาก เหมือนตกอยู่ในหนังสยองขวัญเรื่องหนึ่ง ที่พระเอกอย่างผมต้องมานั่งเผชิญหน้ากับปิศาจตาเดียว มันจ้องหน้าผมเขม็ง พยายามสะกดผมให้ขวัญเสียจนต้องตกอยู่ในอำนาจของมัน

ผมกลืนน้ำลายก้อนโตลงคอ จ้องหน้าปิศาจตรงหน้าสลับกับมองพญามารอย่างชั่งใจ ในที่สุดวันนี้ก็เกิดขึ้นกับผมจนได้ แต่ถ้าเพื่อรักษาเอกราชให้ยั้งยืนสืบไปแล้วนั้น...การเสียสละแม้เพียงเล็กน้อยก็ถือว่าคุ้ม

“เดี๋ยวก็ท้องหรอกลุง”

“ผมแยกเขี้ยวให้กับเสียงแซว ไม่มีประโยชนืที่จะยื้อเวลาต่อไป! ผมสูดหายใจเข้าลึกๆ เป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปใกล้มากขึ้น ผมหลับตาปี๋ยามที่ริมฝีปากจรดประทับลงบนหัวแตง ขนทั่วร่างลุกชันอย่างสุดจะห้าม ได้แต่ร้องครวญครางหาพ่อผู้ล่วงลับอยู่ในใจ ปากผมสูญเสียความบริสุทธิ์ไปแล้วครับพ่อ~ ปากที่ไม่เคยแตะต้องหอยแครงหรือแตงของใครมาก่อนตอนนี้ได้แปดเปื้อนเจือราคีไปแล้วครับ

“ฮึ่ม!” 

เสียงครางในลำคอดังขึ้นอย่างพึงพอใจเมื่อผมครอบปากลงอย่างกล้าๆ กลัวๆ พยายามห่อริมฝีปาก ไม่ให้แตงร้านถูกกระทบกระเทือนด้วยซี่ฟัน พี่ปูนครางยาวราวกับสาสมใจ ปลายนิ้วขยุ้มเส้นผมจนเจ็บด้วยแรงอารมณ์ แต่ผมละความเจ็บนั้นไป มุ่งสมาธิจดจ่ออยู่กับของในปาก รู้สึกว่ากรามเริ่มปวด นึกไปถึงว่าถ้ากรามดันค้างขึ้นมา ผมจะเอาหน้าที่ไหนไปให้หมอรักษา ดังนั้นแม้ว่าผมจะมีความตั้งมั่นแค่ไหน แต่ก็ไม่ควรละเลยสุขภาพตัวเอง

ผมเหลือบมองพี่ปูนหลังจากคายของออกมา น้ำลายปะปนกับหยาดน้ำลื่นๆ จนแยกกันไม่ออก เพื่อไม่ให้ขาดช่วง ริมฝีปากก็แนบไปตามความยาว จูบบ้าง เม้มบ้าง พี่ปูนขยับตัวอย่างอึดอัด แต่ก็ยังปราณีมากพอที่จะไม่สวนสะโพกให้มันดูน่ากลัวไปกว่านี้ แม้เทคนิคจะยังไม่ดีเลิศ แต่พี่ปูนควรจะให้คะแนนความตั้งใจของผมเต็มสิบ มือใหม่อย่างผมพยายามเขมือบของร้อนเข้าปากจนน้ำหูน้ำตาเล็ด เป็นสภาพที่ดูไม่ได้เอาเสียเลย

อ้วกเกือบพุ่งออกมาหลังจากผมพยายามกลืนแตงเข้าไปตามการกระตุ้น แต่ยังได้ไม่หมดผมก็ต้องรีบคายมันออกมา ไม่เห็นเหมือนตอนพี่ปูนทำให้ผมเลยสักนิด อย่างน้อยตอนนั้นพี่ปูนก็ดูเซ็กซี่ไม่ได้อนาถเหมือนผมตอนนี้ 

“อา...ลุง”  เสียงต่ำยังครางต่อเนื่องเมื่อหน้าที่ของผมยังไม่บรรลุ อะไรที่พี่ปูนเคยทำให้หนอนน้อยผมมีความสุขผมก็พยายามงัดเทคนิคนั้นออกมาเท่าที่สามารถ ยิ่งพี่ปูนครางเท่าไหร่ราวกับว่าผมยิ่งฮึกเหิมมากเท่านั้น ยิ่งเมื่อผมเหลือบตามองขึ้นไปก็จะเห็นดวงตาคมทอดมองมาที่ผมเสมอ มันฉ่ำปรือด้วยแรงพิศวาสที่ริมฝีปากผมเสกสรรขึ้น เซ็กซี่เสียจนหนอนน้อยตรงหว่างขาผมพองตัวขึ้นเรื่อยๆ

พี่ปูนยิ้มกริ่ม มองมันด้วยสายตาเร่าร้อนจนใบหน้าผมแทบไหม้เป็นจุล มือหนาลูบแก้มผมไปมาขณะเคลื่อนตัวเนิบนาบกับปากผม แต่ก่อนที่ผมจะหมดลมตาย เจ้าของแตงก็ถอนตัวออกไปให้ผมได้โกยอากาศเข้าปอดอย่างหิวกระหาย ผมหอบจนตัวโยนปล่อยให้พี่ปูนลูบหัวลูบแก้มผมเพื่อผ่อนคลาย ใบหน้าผมเปื้อนน้ำอะไรต่อมิอะไรเต็มไปหมด ทั้งน้ำมูก น้ำตา น้ำลาย แล้วก็น้ำยางใสๆ จากหัวแตง แต่พี่ปูนก็ยังโน้มตัวลงมาจับหน้าผมไปจูบ กวาดลิ้นไปทั่วจนผมเสียวสันหลังวืด ผมทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากยึดแขนพี่ปูนเอาไว้ยามที่ถูกดันจนหลังแตะลงกับที่นอนนุ่มๆ

“อืม...”  พี่ปูนครางอย่างมีความสุข ใบหน้าหล่อเหลาผละออกมามองผมด้วยสายตาเชื่อมหวาน เอ่ยคำพูดที่ผมชอบฟังด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะพาผมดำดิ่งลงห้วงหฤหรรษ์ช้าๆ  “เด็กดีของพี่...”


อย่าเลยนะครับ


อย่าให้ผมต้องบรรยายอะไรมากไปกว่านี้เลย แค่นี้ผมก็แทบจะเลือดออกจากทวารทั้งเจ็ดแล้ว เอาเป็นว่า...คืนนี้ผมได้ลองท่วงท่า 69 ที่เคยเห็นแต่ในคลิปวีดีโอเป็นครั้งแรก มันช่าง...น่าอาย! ถ้าไม่ต้องไปปีนป่ายยกก้นลอยเหนือหน้าใครคงจะดีกว่านี้มาก


.
.
.


ฮัดชิ่ว!!

ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาเพราะเสียงและการสั่นสะเทือน สองตากระพริบปริบๆ ท่ามกลางแสงสว่าง เมื่อตั้งสติได้จึงพบว่าตัวเองนั้นนอนซบอยู่บนอกพี่ปูน แขนขากอดก่ายอย่างกับอีกฝ่ายกลายเป็นหมอนข้างอย่างสมบูรณ์ หัวผมเคลื่อนไหวขึ้นลงตามแรงหายใจของพี่ปูน มันเป็นความรู้สึกแปลกพิกลแต่ก็คันหัวใจพิลึก ได้นอนฟังเสียงหัวใจเต้นของพี่ปูนมันก็มีความสุขดีเหมือนกัน เสียงตุบๆ ดังสม่ำเสมอเกือบจะทำให้ผมเคลิ้มหลับไปอีกรอบ 

ฮัดชิ่ว!!

แต่เสียงจามจากหมอนข้างใบโตก็ทำให้ผมต้องขยับตัวโงนเงนขึ้นมานั่ง มิน่าผมถึงว่าอากาศมันเย็นเหลือเกิน ก็เราสองคนเล่นนอนโป๊กันแบบที่ว่าหาผ้าห่มไม่เจอนี่เอง เพราะงี้พี่ปูนถึงได้จามถี่ขนาดนั้น ผมจำต้องขยับตัวลุกขึ้นจากเตียงเดี่ยวที่นอนเบียดกันมาตลอดคืน แล้วก้มหยิบผ้าห่มที่ตกลงพื้นขึ้นมาห่มให้พี่ปูนจนมิดถึงคอ แต่แทนที่พี่แกจะหลับพริ้มเหมือนพวกนางเอกในนิยาย กลับผวาเฮือกลืมตาขึ้นมองผมเสียอย่างนั้น

“...ลุง?”

“หืม?”  ผมโน้มตัวลงไปให้คนนอนเห็นหน้าอย่างชัดเจน  “หลับเหอะนะ ผมแค่ห่มผ้าให้”

“...ต้องไปถ่ายรูป”   พี่ปูนพูดราวกับคนละเมอ ใบหน้าที่ยังติดงัวเงียอยู่ทำให้ผมยิ้มขันพลางเมองไปยังนาฬิกาติดผนัง เพิ่มตีสี่ครึ่งเท่านั้นเอง กว่าพระอาทิตย์จะขึ้นยังพอมีเวลาถมเถ...

เอ๋?

“เชี่ย!!”  ผมร้องเสียงดัง หลังจากนั้นผมก็วิ่งเหมือนอยู่ในดงระเบิดเลยครับ ลืมไปเลยว่าจะมีคนมารับตอนตีห้า ผมคว้าผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำแบบที่ไม่สนใจพี่ปูนอีกเลย กว่าจะชำระคราบแห้งเกรอะกรังตามผิวจนสะอาดก็เล่นเอาหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาดื้อๆ เมื่อเหตุการณ์มันตีวนเข้าหัวสมอง แต่ด้วยความรีบเร่งผมจึงขจัดความเขินอายด้วยการถูสบู่อย่างรุนแรงแล้วรีบออกมาแต่งตัว

“ทำไมไม่นอน”  พี่ปูนนั่งเหม่ออยู่บนที่นอน เนื้อตัวยังเปลือยเปล่าแต่มีผ้าเช็ดตัวพาดไหล่เตรียมพร้อมอยู่

“บอกแล้วว่าจะไปด้วย”  ผมเดินออกมาให้พ้นจากประตูห้องน้ำเมื่อพี่ปูนลุกขึ้นเตรียมเดินสวนเข้าไป  “พี่วางเสื้อที่ซื้อมาให้ไว้บนเตียงนู้นนะ รอพี่ด้วยล่ะ”

สั่งความเสร็จก็เดินเบลอๆ หายเข้าไปในห้องน้ำบ้าง ผมเดินตรงไปยังเตียงว่างที่ยังไม่ได้ผ่านการใช้งาน บนผ้าปูสีขาวมีเสื้อผ้าครบชุดวางไว้อย่างลวกๆ ผมไม่รู้ว่าพี่แกไปหาซื้อมาให้ตอนไหน แต่...โอย~ หัวใจผมคันยิบๆ อีกแล้วอะ


.
.
.


แม้ว่าจะเลยเวลาที่นัดมาเกือบสิบนาที แต่เจ้าหน้าที่ที่รออยู่ก็ยังคงยิ้มให้เมื่อพวกเราเดินไปสมทบ ระหว่างนั่งรถกอล์ฟไปยังตีนเขา พี่ไกด์ก็อธิบายโน่นนี่นั่นไปเรื่อยอย่างชำนาญ ดูรื่นเริงขัดกับเวลามาก ไม่เหมือนพวกผมสองคนที่ยังนั่งกันเงียบ ร่างกายผมยังเพลียอยู่เลยด้วยซ้ำแต่ดูจะดีกว่าพี่ปูนเล็กน้อย รายนั้นผมว่าน่าจะเริ่มเข้าสู่อาการหวัดรับประทานแล้วล่ะ

ขณะนี้เวลา 5 นาฬิกา 45 นาที

ผมก้าวเท้าอีกเป็นก้าวสุดท้ายก่อนจะหยุดยืนหอบแฮ่กๆ เป็นหมาหอบแดดสะท้านสายลมบนผากว้าง ที่สูงพอจะเห็นทิวทัศน์รอบๆ ได้ ถ้าไม่ติดว่าพี่ไกด์ที่เดินขึ้นเขามาพร้อมกันยังอยู่ในอาการสบายๆ แล้วล่ะก็ ผมคงทิ้งตัวลงไปนั่งกับพื้นแบบหมดแรงแล้ว การเดินขึ้นเขานี่มันนรกแตกจริงๆ สำหรับคนที่ไม่ค่อยได้ออกกำลังกายแบบผม มันเหนื่อยจนหัวใจเต้นตุ้บๆๆๆ รัวเร็วน่ากลัวจะทะลุออกมา กระเป๋ากล้องห้อยคอที่ไม่ได้หนักอะไรมากมาย ตอนนี้เหมือนผมห้อยเหล็ก 10 กิโลเอาไว้ โงหัวแทบจะไม่ขึ้นเลยทีเดียว

“โชคดีจังครับ ผมกลัวว่าจะไม่ทันเหมือนกัน”   พี่ไกด์หนุ่มหน้าเข้มหุ่นนักกีฬา เดินยิ้มแฉ่งมาหาผมพร้อมกับขวดน้ำในมือยื่นส่งให้ ผมซึ่งใกล้ตายก็ฉวยรับไว้แบบไม่อิดออด   “ช่วงนี้พระอาทิตย์ขึ้นเร็วครับ...คุณพัทลุงนั่งพักตรงโขดหินแถวนั้นก่อนเถอะครับ”

“ขอบคุณนะครับ แล้วก็ต้องขอโทษด้วยครับที่ทำให้ต้องรอ”   ผมก้มหัวให้อย่างจริงใจไปหนึ่งที ซึ่งไกด์ก็ดูจะไม่ติดใจอะไร

“ไม่ต้องคิดมากเลยครับ เดี๋ยวผมจะรออยู่แถวโน้นจะได้ไม่เกะกะนะครับ”  พี่ไกด์เอ่ยอย่างใจดี  “แต่อย่าไปใกล้ผามากนักนะครับ ถึงจะตีไม้กั้นไว้ แต่บางจุดก็ยังเปิดโล่งอยู่”

“ผมไม่ใช่คนถ่ายรูปผาดโผนขนาดนั้นหรอกครับ”

“ได้ยินอย่างนั้นก็สบายใจครับ”  พี่ไกด์หัวเราะออกมาพาให้ผมยิ้มตามไปด้วย

“ขอบคุณมากครับ”  พี่ปูนโพล่งขึ้นมากลางสนทนาที่แสนละมุน เสียงเข้มๆ นั้นตัดอารมณ์เสียจนพี่ไกด์ถึงกับตีหน้างง  “ไปทางโน้นกันดีกว่า พี่ว่าสวยดี” 

แล้วผมก็ถูกลากออกไปยังทิศทางที่พี่ปูนนำเสนอ แต่พอไปถึงพี่ปูนกลับปลีกตัวไปยืนเป็นนายแบบการท่องเที่ยว แล้วปล่อยให้ผมได้ทำงานไปตามเรื่อง  ขณะที่พระอาทิตย์เริ่มขึ้นจากชอบฟ้าอย่างเชื่องช้า ผมก็ตามเก็บภาพเหล่านั้นได้หลายภาพ แสงสีทองคล้ายจะขับไล่ความมืดครึ้มให้หายลับไป สาดแสงปะทะความเขียวขจีให้ส่องประกายระยิบระยับ ผมสูดอากาศสดชื่นเข้าปอดให้มากที่สุดท่ามกลางเสียงไพเราะของเหล่านกที่เริ่มออกหากิน ผมยกกล้องขึ้นเก็บภาพแหล่งกำเนิดสรรพสิ่งอีกครั้งขณะมันลอยเอื่อยเหนือหมู่เมฆหมอกจางๆ ถ้าตอนนี้เป็นฤดูหนาว ภาพตรงหน้าผมจะสวยงามแค่ไหนกันนะ

“สวยนะ...”   ผมหันไปมองคนที่ก้าวมายืนข้างผม พี่ปูนจับจ้องแสงแรกตรงหน้าด้วยความนิ่งงัน แม้ปากจะพูดอย่างนั้น แต่ผมกลับรู้สึกว่าความสวยงามมันไม่ได้ตราตรึงลงไปในใจพี่ปูนเลย

“พี่ไม่ชอบเหรอ?”   ผมลดกล้องลง พยายามบังคับสายตาให้จับจ้องแต่ภาพตรงหน้า

“ทำไมคิดอย่างนั้น...พี่บอกว่าสวยนี่นา”

“ไม่รู้สิ สีหน้าพี่ นัยน์ตาของพี่ มันไม่ได้บอกอย่างนั้น”   ผมเริ่มรู้สึกว่าตัวเองพูดมากเกินไป ก็เลยต้องรีบเสริมขึ้นมาในทันที   “ผมก็แค่เดาเอาน่ะ”

“ใช่...สำหรับพี่เมื่อก่อนนั้น ภาพตรงหน้านี้มันก็แค่ดวงอาทิตย์ที่โลกหมุนรอบตัวเองเพื่อกลับมาเจอมันอีกครั้ง เปลี่ยนจากกลางคืนเป็นกลางวัน มันก็เป็นของมันอยู่แบบนี้ตามกฎเกณฑ์ เสียเวลาเปล่าที่จะมัวไปชื่นชม”

  ผมรพอมองออกว่าพี่ปูนเป็นพวกขี้เหงา...แต่ ณ ช่วงเวลานี้ที่ผมพึ่งค้นพบอีกอย่างว่า ส่วนหนึ่งของพี่ปูนนั้น มันช่างมืดมิดและอ้างว้างเหลือเกิน มันคล้ายกับว่าถ้าบอกให้คนๆ นี้ เดินไปเพียงลำพัง เขาก็คงไม่คิดอ้อนวอนใครให้ร่วมทางแน่

ผมคว้ามือพี่ปูนมาจับไว้ราวกับจะถ่ายทอดความอบอุ่นให้ ผมเหลือบตามองพี่ปูนซึ่งเลิกคิ้วมองผมอย่างไม่เข้าใจด้วยรอยยิ้มน้อยๆ ผมยิ้มตอบกลับความสงสัยนั้นด้วยการเงียบ คงไม่มีใครอยากจะปล่อยให้คนคุ้นเคยเดินเปียกฝนในป่าชื่นที่อ้างว้างหรอก ต่อให้ในอนาคตคนที่อยู่เคียงข้างนี้ไม่ใช่ผม...แต่ผมก็ยังหวังให้มีใครสักคนที่พี่ปูนอนุญาตให้เดินจับมือเคียงกันไป

“พี่แค่ยังไม่เจอครับ...”   ผมไม่เคยคิดว่าน้ำเสียงตัวเองจะฟังดูอ่อนโยนได้ขนาดนี้ แต่เมื่อนึกถึงภาพที่ผมคิดไว้มันก็ทำให้ใจมีความสุขขึ้นมา   “คนที่จะทำให้พี่ไม่เหงายามค่ำคืน คนที่จะทำให้พี่อยากอยู่ด้วยไปทั้งวัน พี่แค่ยังไม่เจอ...คนที่จะมาเป็นโลกทั้งใบของพี่ก็เท่านั้นเอง”

พี่ปูนนิ่งมองผม แต่แล้วริมฝีปากก็ผุดรอยยิ้มขึ้นมา มันสว่างสดใสราวกับแสงแรกที่ฉายส่องอยู่ในตอนนี้  “ถ้าความหมายของมันเป็นแบบที่ลุงว่า...”  พี่ปูนละสายตาจากผม หันไปทอดมองภาพความงามเบื้องหน้าแล้วอมยิ้มออกมาอีกครั้ง ผมมองคนข้างๆ เนิ่นนานจนกระทั่งพี่ปูนคว้ามือผมไปจับเอาไว้แน่น แล้วพูดคำต่อประโยคด้วยเสียงหนักแน่น

“พี่เจอคนๆ นั้นแล้วล่ะ”

“...........”

“และสำหรับพี่ในตอนนี้ ภาพตรงหน้า...มันสวยงามจริงๆ”

ผมจะคิดเข้าข้างตัวเองได้มั้ยว่า ‘คนนั้น’ คือผม?

ก็ในเมื่อฝ่ามือของพี่ปูนนั้นกุมมือผมไว้แน่นเสียขนาดนี้ มองตาผมอย่างนี้ ยิ้มให้ผมแบบนี้...คงไม่ได้พูดถึงพี่ไกด์หรอกใช่มั้ย? แต่ความเขินมันมากจนเกินกว่าจะขอคำยืนยันเป็นกิจจะลักษณะได้ ผมเลยได้แต่ทำตีเนียนอมยิ้ม แล้วเอียงหัวซบไหล่แก้เก้อ นึกกลัวว่ามันจะถามกลับให้ผมต้องลงไปชักดิ้นชักงอให้อายพี่ไกด์ แต่พี่ปูนก็ทำเพียงแค่กุมมือผมเอาไว้เงียบๆ ให้ผมได้ปล่อยใจเพื่อคิดในเรื่องเดียวกันนี้

โลกของผมชื่อว่าปุริมแล้วรึยังนะ?   



______________________________________________________________________________TBC.

ช่วงนี้ลงช้าไปมาก
หัวหน้าใจร้ายจัดเวรเยอะมากจริงๆ T^T ครึ่งเดือนหน้าเห็นเวรแล้วแทบสิ้นใจ
ลงนิยายช้าหน่อยนะคะ ถึงจะยังเป็นหอยทาก แต่ก็พยายามเป็นหอยทากเพิ่มเทอร์โบน้าาาา
ขอบคุณที่รออ่านกันนะคะ
 :pig4: :กอด1: :pig4:

ออฟไลน์ Petit.K

  • Petit parapluie
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 840
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
พี่ปูนคือดีที่สุดดดดด รักกกกกก

ออฟไลน์ TachibanaRain

  • มาโกโตะเทนชิ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-3
อ่านแล้วก็อ่านอีก ฮ่าๆๆๆอยากจะสมน้ำหน้าอิพี่ปูนก็คงได้แต่แทะเล็มเท่านี้แหละพี่ต้องยอมรับนะคะว่าเป็นเมียทำมากกว่านี้ไม่ได้หรอก หึหึ :hao3:

ออฟไลน์ nekko

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1467
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +422/-4
พี่ปูนร้ายยยยยยมากแทะเล็มน้องไปเรื่อยๆๆสักวันคงได้กลืนนะ

 :pig4: :กอด1: :L1:



ออฟไลน์ Januarysky

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 507
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
โลกของปุริมก็คือ พัทลุง เช่นกัน
และต่อไปต้องปลูกแตงเยอะๆ
จะได้คุ้นเคย
 :hao6:

ออฟไลน์ somakimi

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 154
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
 :z3: กรี้ดดดดดๆๆๆๆๆๆ เมียจ๋าาาอย่าทำผัวโอยยยฮา

ออฟไลน์ Krajeeqx

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 83
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
ฮือ พี่ปูนคนดีของน้อง ต่อไปโลกของพี่จะไม่ได้มีแค่สีเทากับดำแล้วนะ
เป็นตอนที่ทั้งเขินและหื่น อยากบอกคุณลุงว่า ฮอกวอตต์ไม่ปลอดภัยอีกแล้วนะ /ยิ้มชั่ว  :hao6:

ออฟไลน์ Aube

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 32
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-2
    • facebook
ชอบเรื่องนี้มากค่ะ ชอบมุมมองของลุงงงงง

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ darling

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1741
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-7
โอ้ยยยยยย ลุงค่ะมันจะหวานไปไหน  :o8: :-[

ออฟไลน์ เก้าแต้ม

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1290
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-3
 :fire:ไก่ของปุริมช่างน่ารักและมีหัวใจอ่อนโยนจริงๆ :mew1:

ออฟไลน์ xหยกน้อยx

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 113
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ beerby-witch

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 565
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4

ออฟไลน์ naplatoo

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 249
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-2
ฮือ พี่ปูนคนดีของน้อง ต่อไปโลกของพี่จะไม่ได้มีแค่สีเทากับดำแล้วนะ
เป็นตอนที่ทั้งเขินและหื่น อยากบอกคุณลุงว่า ฮอกวอตต์ไม่ปลอดภัยอีกแล้วนะ /ยิ้มชั่ว  :hao6:

ชอบการเปรียบเปรยย 5555 :laugh:

เป็นกำลังใจให้คนเขียน และพี่ปูนให้ได้กินไก่ค่ะ  o13

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
รู้สึกเหมือนพี่ปูนมีความอยากแกล้งลุงเสมอ ๆ

ออฟไลน์ WilpeR

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1556
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-2
สุดท้ายก็ยังไม่เรียบร้อยโรงเรียนพี่ปูน 5555

เมื่อไรลุงจะรู้ตัวเนี่ย

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด