2
“ที่นี่พวกเราคุยกันได้เต็มที่ เชิญเล่าเลยว่าคุณเกี่ยวข้องยังไงกับแม่ผม” ความจริงจังที่เผยออกมาทางซีหน้า รายล้อมด้วยบรรยากาศส่วนตั๊วส่วนตัวในร้านกาแฟที่กั้นโซนเป็นคอกๆ(?) ผมกำลังโดนลูกชายตัวเองซักฟอกครับ
ถามว่ากลัวไหม? ขอตอบเลยว่ากลัว ไม่รู้จะบอกลูกชายยังไงดีว่าผมกลับชาติมาเกิดใหม่แล้วนะ ชาติที่แล้วเป็นแม่ขอนาย ขอโทษทีที่ชิงตายก่อนลูกจะเป็นฝั่งเป็นฝามันก็ไม่ใช่เรื่องปะ ใครมันจะบ้าเชื่อ ขนาดผมยังใช้เวลาตั้งหลายปีกว่าจะทำใจได้เลย
ผมว่าจะบอกปัดไป ให้เป็นญาติสักคนห่างๆ แบบห่างมากๆ แต่พอเห็นแววตาของลูกชาย ทำให้ผมพูดอะไรไม่ออก
อเล็กซ์ลูกชายคนโตของผมเป็นอัลฟ่า ดูเผินๆ เขานิสัยเหมือนผม โผงผางตรงไปตรงมา แต่ความจริงลึกๆ แล้ว เขาเหมือนกับเดวิด พวกชอบเก็บความรู้สึกไว้ภายใน แม้ตอนนี้เขาจะทำเหมือนไม่เป็นไรเวลาพูดถึงเรื่องแม่ที่เสียไปหลายปี ในฐานะคนที่เคยตั้งท้อง คลอดและเลี้ยงเขามา ผมย่อมมองออกว่าทุกครั้งที่พูดคำว่าแม่ แววตาของอเล็กซ์จะสั่นไหว มันมีความคาดหวังและเจ็บปวดในเวลาเดียวกัน
ผมเลยตัดสินใจบอกไป
“นายจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ได้ แต่ฉันเป็นแม่ของนาย ที่กลับชาติมาเกิดใหม่โดยมีความทรงจำเดิมอยู่” บอกไปรวดเดียวแบบไม่มีกั๊ก อเล็กซ์ทำสีหน้าน่ากลัวทันที ด้วยความที่ดวงตาเขาเหมือนเดวิด เวลาที่เขาขมวดคิ้วจึงดูน่ากลัวมาก แต่ไม่ใช่กับผม ไม่ว่ายังไง ต่อให้ตัวโตสูงใหญ่แค่ไหน ในสายตาของพ่อแม่ก็ยังเห็นลูกเป็นเด็กตัวน้อยเมื่อวันวานอยู่ดี
“โกหก...คุณต้องการอะไร เงินงั้นเหรอ ถ้างั้นผมจะเอาเงินมาให้แล้วเลิกแสร้งทำเป็นแม่ผมสักที ท่านสูงส่งเกินกว่าที่คนแบบคุณจะมาเลียนแบบ” น้ำเสียงเหยียดหยามอย่างปิดไม่มิด ช่วงเวลาที่ผมไม่อยู่อเล็กซ์คงเติบโตได้อย่างน่าดูชม จนอยากจะเอาขี้หมาไปปาหน้า(อดีต)สามี เลี้ยงลูกยังไงทำไมถึงเข้าโหมดดาร์คไซด์ได้ขนาดนี้!
ถึงจะดีใจที่ลูกยังเคารพรักผมเหมือนเดิมก็เถอะ ความจริงสมัยที่ผมยังมีชีวิตอยู่ อเล็กซ์ติดผมมาก แทบจะไปไหนไปด้วย พอเริ่มโตถึงค่อยๆ ห่างไป แต่สุดท้ายก็ยังมาอ้อนผมเป็นลูกแหง่อยู่ดี คิดถึงวันวานแล้วชวนให้มีความสุข ผมเผลอยิ้มละมุนออกมาโดยไม่รู้ตัว ดวงตาเหม่อมองแก้วกาแฟในมือ ทำให้ไม่ทันสังเกตว่าคนฝั่งตรงข้ามกำลังสั่นไหว รอยยิ้มที่อเล็กซ์ไม่เคยลืม แม้จะไม่ได้เห็นรอยยิ้มนั้นนานแล้ว แต่ยังคงตราตรึงในความทรงจำจนยากจะลบเลือน
“คุณ...” สิ่งที่เกิดขึ้นส่งผลให้น้ำเสียงอเล็กซ์อ่อนลงโดยไม่รู้ตัว
“ลูกมีไฝสองเม็ดที่ก้นอย่างละข้างและตรงปลายช้างน้อยหนึ่งเม็ด”
“!”
“ตอนกลางคืนชอบร้องไห้งอแงหอบตุ๊กตาหมีเน่ามาขอนอนกับแม่ และเหมือนจงใจมาขัดจังหวะเดวิดได้ทุกทีจนเจ้าเดวิดหัวเสียไปหลายวัน”
“!!”
“พออายุ 15 ลูกกังวลเรื่องการตรวจร่างกายกลัวว่าจะเป็นโอเมก้าจนมาร้องไห้สะอึกสะอื้นซบอกแม่ แต่พอทำใจได้ ประกาศตัวว่าจะเป็นโอเมก้าที่น่าภาคภูมิใจเหมือนแม่ ผลตรวจดันออกมาเป็นอัลฟ่า หน้าแตกหมอไม่รับเย็บ”
“พอ…”
“ฝันเปียกครั้งแรก ลูกเข้าใจว่าตัวเองฉี่รดที่นอนทั้งที่โตเป็นหนุ่มแล้ว อับอายจนแอบเอาผ้าไปซักในห้องน้ำตอนกลางคืน สุดท้ายทำไม่เป็นจนต้องย่องมาเคาะเรียกแม่ตอนกลางดึก อ่อ แล้วยังมีเรื่องหนังสือโป๊กับหนัง AV ที่ซ่อนในกล่องซีดีเพลงคลาสสิกของเดวิดจนเกือบถูกเดวิดจับได้”
“หยุดเถอะ ขอร้องล่ะ...” เสียงอ่อนระโหยโรยแรงราวกับจะตายซะให้ได้ ผมเงยหน้าขึ้นมองเห็นลูกชายคนเก่งฟุบหน้ากับโต๊ะ แม้จะเห็นใบหน้าไม่ชัด แต่หูแดงก่ำแทบมีควันขึ้น ผมหัวเราะอย่างเอ็นดู
“เอาเรื่องอะไรอีกดี อ๊ะ เรื่องนี้เป็นไง ตอนเด็กท้องผูกต้องใช้ยาสอดแล้วลูก...”
“หยุด!! ผมเชื่อแล้ว เชื่อก็ได้ โอเค เลิกพูด เหลือภาพพจน์อัลฟ่าให้ผมบ้างเถอะ!!” หลุดมาดแหกปากแทบคว่ำโต๊ะ ผมยกแก้วกาแฟหลบหัวเราะปรายตามอง
“เหอะๆ คิดจะวัดกับฉันมันยังเร็วไปล้านปีไอ้ลูกชาย ขนาดเดวิดยังต้องพ่ายแพ้ให้กับฉันคนนี้...”
“ถ้าเป็นแม่จริง ทำไมถึงไม่รีบกลับมาตั้งแต่แรก” อเล็กซ์รีบตัดบท พลางชูคออย่างเหนือกว่าเมื่อยิงคำถามเด็ด ทั้งที่ในใจหวั่นเกรงกับคำตอบจนเผลอกำมือแน่นไม่รู้ตัว ถึงเรื่องที่อีกฝ่ายพูดมาทั้งหมดจะเป็นเรื่องราวลับๆ ระหว่างเขากับแม่ก็ตาม แต่มันก็น่าเหลือเชื่อเกินไป ตายแล้วกลับมาเกิดใหม่โดยมีความทรงจำเดิม แถมหน้าตานิสัยยังเหมือนเดิม ที่สำคัญดูๆ แล้วอายุห่างจากเขาไม่กี่ปี ความจริงต้องอายุน้อยกว่าน้องสาวเขาด้วยซ้ำ
“จู่ๆ เสนอหน้ากลับไปคิดว่าเดวิดกับพวกลูกจะเชื่อเรอะ อีกอย่าง ฉันเพิ่งจะระลึกทุกอย่างได้ละเอียดเมื่อไม่กี่เดือนก่อน”
โครม!!
อัลฟ่าที่ใครๆ พากันชื่นชมร่วงลงไปกองกับโต๊ะเมื่อเจอคำตอบขวานผ่าซากที่เป็นจริงจนน่าสะอึก ขนาดตอนนี้อเล็กซ์ยังเชื่อไม่ 100% เลย
“จะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ตามใจ ตอบคำถามพอ ตอนนี้ลูกมีความสุขรึเปล่า” ผมถามสิ่งที่อยากถามมากที่สุด อเล็กซ์ชะงักไป ก้มหน้าลงไม่ยอมสบสายตา
“มี...”
“ฉันต้องการคำตอบจริงๆ”
“ผม...ผมจะมีความสุขได้ยังไง เมื่อโลกนี้ไม่มีแม่” ความสั่นเครือของน้ำเสียงทำให้ผมเป็นห่วง ลุกจากที่นั่งตัวเองไปนั่งด้านข้าง สองมือตะปบแก้มลูกชายขึ้นมอง เห็นดวงตาคมดุเวลานี้แดงก่ำ
“อเล็กซ์ ไม่ว่าเมื่อไหร่แม่ก็ยังรักลูกเสมอ ตอนนี้แม่กลับมาแล้ว ถึงจะกลับมาแบบครึ่งๆ กลางๆ แต่ช่วยมีความสุขได้มั้ย อย่างน้อยก็เพื่อแม่”
“คุณ...แม่ยังเอาแต่ใจเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน! คิดจะไปก็ไป คิดจะมาก็มา ยังไงผมก็ยังไม่ยอมรับเต็มที่ว่าคุณเป็นแม่ผมหรอกนะ!” อัลฟ่าปากแข็งทำเป็นผละออก ทั้งที่กลั้นน้ำตาจนจมูกแดง ผมกลอกตาเอือมระอา แล้วดึงลงมาให้หนุนตัก พร้อมกับลูบหัวเบาๆ อย่างที่เขาชอบให้ผมทำ
“ขี้โกงที่สุด ทำแบบนี้...อึก ผมจะ” กลั้นน้ำตายังไง... ท้ายประโยคที่ไม่อาจเอนเอ่ย เพราะกำลังซุกหน้ากับตักอุ่น ปล่อยให้น้ำตาไหลรินระบายความอัดอั้นที่กักเก็บมาหลายปี วงแขนโอบกอดแน่นราวกับกลัวว่าอีกฝ่ายจะหายไป
ความจริงอเล็กซ์จับได้แต่แรกแล้วว่ามีใครบางคนกำลังสะกดรอยตามเขา ใจจริงคิดจะแจ้งรปภ.จัดการให้รู้แล้วรู้รอด แต่พอแผ่นหลังกับบรรยากาศที่คุ้นเคย สัมผัสได้ว่าอีกฝ่ายไม่มีเจตนาร้ายจึงปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไป จนกระทั่งวันนี้ได้เห็นเสี้ยวหน้าชั่วพริบตา เขาถึงตัดสินใจเข้าไปทัก
มันอาจจะเป็นสายสัมพันธ์ที่มองไม่เห็น เพราะเขายังคงระลึกและคิดถึงแม่เสมอ
“เจ้าเด็กขี้แย โตจนป่านนี้แล้วยังบ่อน้ำตาตื้นอีกนะ” ความรู้สึกอบอุ่น ละมุนละไมที่โอบล้อมกายทำให้อเล็กซ์เมินความปากเสียของใครบางคน หรือจะบอกว่ามันเป็นสิ่งที่เขาคุ้นเคยก็ไม่ผิดนัก
“เงียบไปเลย เพราะใครที่ทำให้ผมเป็นแบบนี้”
“โอเคๆ แม่ผิดก็ได้” ผมหัวเราะอย่างยินดี ปากบอกไม่ยอมรับแต่กล้างอแงใส่ ช่างเป็นลูกชายที่น่าเอ็นดูซะจริง
ผมปลอบใจเด็กโข่งอยู่พักใหญ่ พอเริ่มตั้งสติได้ อเล็กซ์ก็ลุกขึ้นเช็ดน้ำตาราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น มาดเยอะจนผมหมั่นไส้ แต่ก็ถือว่าผ่านไปหนึ่งด่านแล้วล่ะนะ
“ตอนนี้ที่บ้านเป็นไงบ้าง” เรื่องที่สองที่ผมอยากรู้ อเล็กซ์เลิกคิ้วมองผมนิ่งๆ พอเห็นสีหน้าคาดคั้นสุดท้ายก็ยอมบอก
“ก็ดี แต่คงดีกว่านี้ถ้ามีแม่อยู่”
ไอ้เด็กนี่ ดราม่าอีกแล้ว เดี๋ยวผมก็กลั้นไม่อยู่บ้างหรอก ได้เจอได้กอดลูกอีกครั้งแบบไม่คาดฝันมันชวนให้ตื้นตันจนจุกตื้อในอกเหมือนกันนะ แต่ผมเป็นพวกเก็บอารมณ์เก่ง คนที่ดูออกมีเพียงเดวิดคนเดียว...
อเล็กซ์คอยสังเกตสีหน้าอีกฝ่ายตลอดเวลา พอเห็นความรู้สึกโหยหาที่แสดงออกมาก็อดเปิดปากไม่ได้ “ถ้าแม่คิดถึงพ่อกับน้องก็กลับบ้านสิ พวกเขาต้องดีใจแน่ๆ” ผิดคาด คนฟังกลับส่ายหัวทันที
“ตอนนี้ยังไม่ได้ สุ่มสี่สุ่มห้าเข้าไป นิสัยอย่างเดวิดคงต่อต้านแบบหัวชนฝาพอดี เจ้าหมอนั่นมันพวกยึดติดจะตาย ตอบมาเถอะว่าเป็นยังไง ต่อให้เดวิดแต่งงานใหม่ฉันก็รับได้” ปากบอกรับได้ ในใจผมนี่เสียววาบ ยิ่งพอนึกผู้ชายคนนั้นแต่งงานกับคนอื่นก็ยิ่งเจ็บปวด บางที ที่ตรงนั้นอาจจะไม่ใช่ของผมแล้วก็ได้
“เหลวไหล! พ่อรักแม่จะตาย จะกล้าพาโอเมก้าคนอื่นเข้ามาได้ยังไง ขนาดพวกตาแก่หัวโบราณบอกให้พ่อแต่งงานใหม่ พ่อยังไม่ยอม ขู่ว่าจะพาพวกผมออกจากตระกูลและหนีไปทำหมัน!”
ผมสะดุ้งกับคำตอบและอารมณ์ฉุนเฉียวของลูกชาย เดวิดเป็นลูกชายคนเดียวของตระกูล ‘โฮราทิโอ้’ พวกตาแก่ต้องไม่ยอมปล่อยมือทายาทเพียงหนึ่งไปแน่ๆ แล้วยังมีอเล็กซ์ที่เป็นอัลฟ่าอีก แต่...ให้ตายเถอะ ขู่บอกจะทำหมันเนี่ยนะ
“บ้าจริง ทำไปแล้วฉันจะใช้อะไร” ผมบ่นพึมพำ ลูกชายมองด้วยดวงตาว่างเปล่า
“ทำหมันไม่ได้หมายความว่าตอนทิ้งสักหน่อย ยังแข็งใช้งานได้เหมือนเดิมแค่ไม่ทำให้ท้องเท่านั้นเอง”
ผมหันไปมองตาโตอ้าปากค้าง เวร เผลอหลุดปาก ลูกชายยิ้มมองด้วยสายตารู้ทัน
“ความจริงแม่ก็คิดจะกลับไปอยู่แล้วใช่มั้ยล่ะ ไม่งั้นคงไม่ตามเป็นสตอล์กเกอร์พวกเราหรอก ประเด็นคือพ่อกับอลิส” เห็นลูกชายพยายามช่วยคิดหาทางออกผมก็ซึ้งใจ “ว่าแต่ตอนนี้แม่อยู่ที่ไหน ทำไมถึงใส่เสื้อเก่าแบบนี้ล่ะ แล้วยังหมวกเน่าๆ นี่อีก เก็บมาจากกองขยะหรือไง” หมวกแก๊ปเจ้ากรรมที่วางโครมลงบนโต๊ะ
“ถ้าบอกว่ากองขยะจริงจะตกใจมั้ยล่ะ” ผมเลิกคิ้วถาม ไอ้ท่านี้ลูกชายเอามาจากผมนั่นแหละ ดังนั้นผมไม่ได้เป็นคนก๊อปนะ
พอเห็นสีหน้าตกตะลึงเหมือนจะช็อคผมเลยเลิกพูดเล่น อย่างว่า สมัยก่อนผมช่วยเดวิดบริหารธุรกิจตั้งมาก เงินทองเหลือเฟือ ลูกๆ ถึงได้เรียนแต่โรงเรียนโคตรแพงแบบนี้ไง
“ความจริง ตอนนี้ฉันเป็นเด็กกำพร้าอยู่ที่สถานเลี้ยงเด็กน่ะ เงินอะไรก็ไม่ค่อยมี ต้องไปตบตีซื้อของถูกๆ ไม่ก็ขอของมือสองจากคนอื่นมา”
ลูกชายทำสีหน้ารับไม่ได้
“ออกมาจากที่นั่นเถอะ เดี๋ยวผมจะบอกพ่อให้รับแม่เป็นลูกบุญธรรมอีกคนก็ได้”
ผมถลึงตาใส่ มันใช่เรอะ
“ตั้งใจเรียนไปเถอะ ฉันมีวิธีของฉัน ไม่ต้องเป็นห่วงไปหรอก”
“จะไม่ให้เป็นห่วงได้ยังไง ระหว่างที่พวกเราสุขสบายกับสมบัติที่แม่สร้าง ตัวแม่เองกลับต้องตกระกำลำบาก แถมยัง...”
ผมเข้าใจเจตนาและความหวังดีของลูกชาย เด็กกำพร้าในโลกนี้ไม่ค่อยดีนัก ที่สำคัญผมยังเป็นโอเมก้าที่มีค่าใช้จ่ายสูงโดยเฉพาะเรื่องยาที่ต้องกินทุกวัน แม้ตอนนี้ยังโชคดีที่ร่างกายผิดปกติยังพอเลื่อนเวลาเสียเงินออกไปได้ แต่อนาคตยังไงก็ต้องใช้ และมีแต่ต้องจ่ายมากขึ้น
“แม่เอายาของผมไปก่อน ไว้ผมจะเอามาให้อีก จะเอาเงินไปบริจาคให้ที่สถานเลี้ยงเด็กด้วย แล้วเราค่อยคิดหาทางให้แม่กลับบ้าน”
กระเป๋ายาสามแผงกับยาฉีดสองเข็มถูกเลื่อนมาให้ผม อัลฟ่าไม่จำเป็นต้องพกยาอะไร ที่อเล็กซ์พกเพราะคำสั่งของผมเอง
“ยังพกอยู่เหรอ คิดว่าจะไม่เชื่อฟังกันซะแล้ว” ผมรับกระเป๋าใบนั้นมามอง ตรงมุมมีปักชื่อโย้เย้ว่าอเล็กซ์ ฝีมืออันห่วยแตกของผมเอง
“พกสิ ผมเข้าใจความจำเป็นที่แม่พร่ำบอก ไม่ใช่แค่โอเมก้าที่ต้องดูแลตัวเอง พวกอัลฟ่าก็เช่นกัน เพราะหากพลาดไปแล้ว คงเรียกกลับคืนไม่ได้ ผมเองก็ไม่อยากรับผิดชอบคนที่ไม่ได้รัก ถ้าเป็นไปได้ผมอยากหาคู่เหมือนพ่อกับแม่มากกว่า” พูดจารึออกจะเท่ กลับเขินหน้าขึ้นสี ผมหัวเราะในคอ
“ดีใจที่ลูกยังเชื่อฟังคำสั่งนะ ฉันออกมาจากสถานเลี้ยงเด็กนานแล้ว คงต้องถึงเวลากลับสักที” ผมเหลือบมองนาฬิกาบนฝาผนัง ใครจะไปคิดล่ะว่าอเล็กซ์ดันลุกขึ้นยืนด้วย
“ผมจะไปด้วย ไปดูให้เห็นกับตาว่าที่แม่อยู่เป็นยังไง ไม่งั้นผมไม่วางใจ”
“ตามใจแล้วกัน” ผมยักไหล่ไม่ขัดศรัทธา สุดท้าย การกลับสถานเลี้ยงเด็กรอบนี้เลยมีลูกชายที่อายุมากกว่าติดสอยห้อยตามไปด้วย
ทันทีที่อเล็กซ์เห็นสถานเลี้ยงเด็กก็ทำสีหน้ารับไม่ได้อย่างแรง หลังจากนั้นก็ถือวิสาสะขอให้ผมพาเดินทัวร์โดยรอบ ก่อนจะโล่งใจที่อย่างน้อยที่นี่มีแค่เบต้าเท่านั้น อย่างที่บอก อัลฟ่าส่วนใหญ่มักเกิดกับพวกมีชาติตระกูล หรือต่อให้เป็นลูกเมียน้อยแต่ถ้าลูกออกมาเป็นอัลฟ่าก็ได้รับสิทธิ์พิเศษกว่าคนอื่น ส่วนโอเมก้าคือของหายาก บางครั้งใช้ในการเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างตระกูล โยงใยไปถึงธุรกิจ ที่เหลือจึงเป็นเหล่าเบต้าที่ถูกทอดทิ้ง อเล็กซ์มองอย่างสะท้อนใจ
“โลกภายนอกไม่ได้สวยงามอย่างที่แม่เคยบอกจริงๆ ความโสมมที่ผมเห็นระหว่างอยู่ข้างกายพ่อมันไม่ถึงเสี้ยวของทั้งหมดด้วยซ้ำ”
ผมตบบ่าลูกชายอย่างปลอบใจ
“คนเราเลือกเกิดไม่ได้ แต่เลือกที่จะเป็นได้ แม้เด็กพวกนี้จะไม่มีพ่อแม่หนุนหลัง แต่อนาคตข้างหน้า หากเขาขยันและมีความมุ่งมั่นพอก็จะเลี้ยงตัวรอดในสังคม และอาจจะน่าอิจฉากว่าเราอัลฟ่าและโอเมก้าด้วยซ้ำ เพราะเขามีอิสระที่จะทำอะไรตามใจ” ผมทอดสายตามองยังสวนผักพื้นที่น้อยนิดในสถานเลี้ยงเด็ก
“ทุกคนมักมองเห็นแต่ตัวเอง ไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์ ก็มักมองคนอื่นแตกต่าง ทั้งที่ความจริงก็เหมือนๆ กัน อัลฟ่ามีความทุกข์แบบอัลฟ่า อย่างภาระที่หนักอึ้งบนบ่า ส่วนเบต้าคิดว่าตัวเองต้อยต่ำไร้ความสำคัญทั้งที่มีอิสระกว่าใคร”
“แล้วโอเมก้าล่ะ” อเล็กซ์ถามเสียงเบา แววตาฉายความเป็นห่วง
“ก็มีวิถีของโอเมก้าไง! ความจริงข้อผูกมัดในฐานะโอเมก้าก็ดี ฉันถึงได้กับเดวิดจนมีพวกนายมายืนหัวโด่เป็นพยานรักอยู่นี่” ผมหัวเราะเบิกบาน อเล็กซ์ยิ้มอย่างโล่งใจ
“สมกับเป็นแม่จริงๆ วันนี้ผมกลับบ้านก่อน ไว้จะมาเยี่ยมใหม่ เวลาไปหาผมที่มหา’ลัย แม่ไม่ต้องหลบๆ ซ่อนๆ บอกให้คนแถวนั้นเรียกผมออกมาได้เลย ความจริงแบบนี้ก็ติดต่อยาก งั้นผมจะเอามือถือกับเงินบริจาคมาให้ ไปล่ะครับ” ก้มลงมาชิงหอมแก้มเร็วๆ หนึ่งทีก่อนวิ่งหนีไป ผมกอดอกมองตามแผ่นหลังนั้นอย่างระอา ก่อนหันกลับมามองสถานเลี้ยงเด็กซอมซ่อ
วันนี้ได้เกินจากที่หวังด้วยซ้ำ ผมไม่คิดเลยว่าจะได้คุยกับอเล็กซ์แบบนี้อีก แม้ลึกๆ คิดอยากกลับไปยืนที่จุดเดิมก็ตาม แต่เอาเถอะ ได้ลูกชายคนโตมาเป็นพวกก็ดี อะไรๆ คงง่ายขึ้นเยอะ
บ้านโฮราทิโอ้
ชายหนุ่มร่างสูงแผ่บรรยากาศกดดันนั่งจิบกาแฟพลิกสมุดภาพกับลูกสาวตัวน้อยที่น่ารักเหมือนกับตุ๊กตา หูคอยฟังเสียงเจื้อยแจ้วพลางตอบคำถามเป็นระยะ กระทั่งดวงตาเหลือบเห็นเงาร่างของใครอีกคน
“วันนี้กลับช้านะ” น้ำเสียงเรียบเย็นดูห่างเหิน แต่สำหรับคนในครอบครัวรู้ว่านั่นเป็นนิสัยปกติที่แก้ไม่หาย อเล็กซ์จึงไม่รู้สึกกลัวพ่อเหมือนกับคนอื่นๆ
“ผมไปเจอเรื่องดีๆ มาน่ะ จริงสิ ผมขอเงินสักก้อนได้มั้ย” มือวางกระเป๋าเดินเข้าไปนั่งฝั่งตรงข้าม ยิ้มให้กับน้องสาวที่ส่งเสียงใสมาทักทาย
“จะเอาไปทำอะไร”
“บริจาคให้สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า” อเล็กซ์ตอบไปตามตรง พ่อเกลียดคนโกหกที่สุด อีกอย่าง บอกแบบนี้มีโอกาสได้มากกว่าโกหกและถูกจับได้ภายหลัง
“ตามใจ ขึ้นไปอาบน้ำซะ แล้วลงมาทานมื้อเย็น” พยักหน้าเนิบๆ ไม่คิดติดใจ เพราะเชื่อมั่นในตัวลูกชายที่ภรรยาสุดรักเลี้ยงมากับมือ
“คุณพ่อคะ กาแฟจะหกแล้วนะคะ” เสียงใสเอ่ยทัก ดึงสติเดวิดที่หวนระลึกไปถึงเรื่องราวในอดีต เขาก้มมองลูกสาวคนเล็กด้วยรอยยิ้มบาง นางฟ้าตัวน้อยที่มีใบหน้าคล้ายกับภรรยา
“ขอบคุณที่เตือนนะ อลิส ลูกเองก็ไปอาบน้ำได้แล้ว อาบดึกๆ เดี๋ยวจะไม่สบาย” แม้จะยังไม่อยากไป แต่อลิสไม่กล้าขัดใจคุณพ่อ จึงยอมปิดหนังสือภาพเดินจูงมือพี่เลี้ยงขึ้นชั้นบน เหลือเพียงพ่อกับพี่ชายตามลำพัง
“สมเป็นพ่อ รู้ด้วยว่าผมมีเรื่องจะพูด” อเล็กซ์เอนกายสบายๆ ไม่สนอีกฝ่ายที่คิ้วขมวดจ้องอย่างดุๆ ที่ทำตัวผ่อนคลายเกินไป ชวนให้อ่อนใจจริงๆ แต่ก็ว่าไม่ลง เมื่อลูกชายคนโตถอดแบบนิสัยจากภรรยา
ร่างสูงใหญ่ผ่อนลมหายใจ สลัดภาพความเจ็บปวดแต่หอบหวานออกไปจากหัว พยายามดึงสติสู่ปัจจุบัน
“มีอะไรรีบพูดมา ลูกก็รู้ว่าพ่อไม่ชอบคนอ้อมค้อม”
“ต้องตรงแบบแม่สินะถึงจะชอบ”
“อเล็กซ์” เสียงเยือกเย็นทำให้อเล็กซ์รู้สึกตัวว่าเผลอหลุดไปหน่อย มีสิ่งหนึ่งที่เขาไม่ได้บอกแม่ แม้พ่อจะไม่แต่งงานใหม่ แต่ชื่อของแม่ รูปภาพ ทุกอย่างที่เกี่ยวกับแม่นอกจากพวกเขาสองคนพี่น้อง พ่อลบออกจากบ้านทั้งหมด ช่างน่าตลกซะจริง
“พ่อคิดจะหนีความจริงไปถึงเมื่อไหร่”
“เราจะไม่พูดเรื่องนี้กันอีก” แก้วกาแฟถูกวางกระทบจนเกิดเสียงดังก้อง เหล่าคนใช้พากันหลบออกไปไม่มีใครกล้าเข้ามาในห้องนั่งเล่นเลยสักคน บรรยากาศรอบตัวนายใหญ่กับนายน้อยตอนนี้น่ากลัวเกินไป ไม่ต่างจากระเบิดเวลาที่กำลังนับถอยหลัง
“ถ้าแม่รู้ว่าพ่อปิดหูปิดตาอลิส ไม่ยอมเล่าเรื่องเกี่ยวกับแม่เลย แม่เขาคงจะเสียใจน่าดู”
“อเล็กซ์! ขึ้นไปข้างบนเดี๋ยว-นี้!!”
“ผมไม่ขึ้น! พ่อเลิกหลอกตัวเองสักที แล้วแบบนี้แม่จะกลับมาได้ยังไง กับบ้านจอมปลอมที่แสร้งหลอกตัวเองไปวันๆ ว่าสบายดี!!”
ใจความหนึ่งในประโยคทำให้เดวิดชะงัก
“ลูกหมายความว่ายังไง...”
“แม่กลับมาแล้ว ผมเชื่อว่าสักวันแม่ต้องกลับมา ตอนนี้แม่กลับมาแล้วจริงๆ”
“ลูกต่างหากที่หลอกตัวเอง! อลันตายไปแล้ว ทำไมถึงไม่ยอมเข้าใจบ้าง”
“คนที่ไม่เข้าใจคือพ่อต่างหาก พ่อหลอกตัวเอง เก็บทุกอย่างที่เกี่ยวกับแม่เข้าตู้เซฟ หลอกอลิสว่าแม่แค่ไปที่ไกลแสนไกล ช่างเถอะ ผมขี้เกียจคุยกับคนหัวแข็งแบบพ่อ อยากทำอะไรก็ตามใจละกัน ผมเองก็จะทำตามใจเหมือนกัน” อเล็กซ์ตัดสินใจแล้ว ถ้าเขาพาแม่กลับมาที่นี่ไม่ได้ เขาจะดูแลแม่เอง
จังหวะที่เดินผ่านเจ้าบ้านเพื่อขึ้นชั้นสอง กลิ่นบางอย่างโชยติดจมูก กลิ่นหอมที่คุ้นเคย...
เดวิดคว้าแขนลูกชายแน่น เอ่ยถามด้วยสีหน้าจริงจัง “ลูกไปเจอกับใครมา”
“ถ้าผมบอกว่าเจอแม่ พ่อจะเชื่อรึเปล่าล่ะ” อเล็กซ์เลิกคิ้วมองอย่างท้าทาย
“อย่าโกหก พูดความจริงมา”
“ก็บอกแล้วไงว่าไปเจอแม่ จะเชื่อไม่เชื่อก็เรื่องของพ่อ ผมไปล่ะ อยากอาบน้ำ” ลูกชายขอยืมคำแม่มาใช้ ก่อนดึงแขนออกจากมือพ่อ แล้วผิวปากขึ้นชั้นสองราวกับเหตุการณ์ปะทะวาจาเมื่อครู่ไม่ได้เกิดขึ้น ก่อนที่จะถึงชั้นบน ปรายหางตาเหลือบมองคนที่ยืนนิ่งอย่างโดดเดี่ยวชั้นล่าง
ที่ควรทำก็ทำไปแล้ว ค่อยๆ สะกิดพ่อไปเรื่อยๆ สักวันเดี๋ยวก็ยอมรับได้เองนั่นแหละ แต่ก็สมกับเป็นพ่อจริงๆ นี่ขนาดแค่กลิ่นที่ติดตัวมาตอนกอดแม่ยังสัมผัสได้ ถ้าเกิดเจอตัวเป็นๆ ขึ้นมาจะเป็นไงนะ ชักตื่นเต้นกับแผนการขั้นต่อไปแล้วสิ
เขาไม่ยอมให้แม่เป็นของใครเด็ดขาด แม่ต้องเป็นของพ่อและกลับมาอยู่กับพวกเราเท่านั้น!