^
^
^
ขอบคุณทุกความคิดเห็นนะคะ

บทที่ 21 ค่ำคืนของสองเรา
“ไม่ต้องกลัว เดี๋ยวคืนนี้นอนเป็นแฟนเอง”
“จะบ้าหรอ! น่ากลัวกว่าอยู่คนเดียวอีก” ผมรีบปฎิเสธ ปกติต้องพูดว่านอนเป็นเพื่อนไม่ใช่หรอวะ พอบอกว่านอนเป็นแฟนนี่...กูคิดไกลนะเว้ย
“แน่ใจ อยู่คนเดียวได้ว่างั้น?”
“...เดี๋ยวโทรตามไอ้ตงก็ได้เหอะ”
“แล้วคิดว่ากูจะยอมให้ผู้ชายคนอื่นมานอนกับมึงไหม หึ?” คริสพูดเสียงเข้มแล้วเอามือบีบแก้มผมทั้งสองข้างพร้อมกัน
“ฮึ่ยยย กูคบกับไอ้ตงมานานกว่ามึงอีก ไม่ง้อหรอก..”
บึ้ม!!!!
พรึ่บ
เกิดเสียงดังสนั่นไปทั่วตามด้วยไฟดับมันทั้งหลัง ทำให้ผมกับไอ้คริสตกอยู่ในความมืดจนมองไม่เห็นหน้ากัน ถึงจะยังไม่ดึกมากแต่เพราะว่าบ้านผมเป็นตึกทาวน์เฮ้าส์แถมปิดผ้าม่านทึบอีก เลยมึดตึดตื้อไปใหญ่
“เชี่ยไรวะเนี้ย ไฟดับทำไมตอนนี้” ฮือออ ไอ้ปิ่นปิ๊นอยากร้องไห้ออกมาจริงๆแล้วครับ ไฟดับแบบเหมือนรู้อะว่าพี่ผมไม่กลับแล้วผมต้องอยู่บ้านคนเดียว แม่มมาดับได้ถูกเวลาโคตรๆ
“สงสัยเสียงหม้อแปลงระเบิดมั้ง กูออกไปดูก่อนว่าหลังอื่นเขาดับหรือเปล่า”
“ไม่เอาอ่ะ นั่งอยู่เป็นเพื่อนกูนี่แหละ” ผมรีบคลำมือไปคว้าชายเสื้อไอ้คริสไว้ แต่ดันจับโดน...โคนต้นขามันซะงั้นรีบเปลี่ยนตำแหน่งแทบไม่ทัน เกือบโดนอย่างอื่นแล้วไหมล่ะ -///-
แต่ด้วยความกลัวที่มีมากกว่าผมเลยไม่ยอมนั่งอยู่คนเดียว ไม่เอาเด็ดขาดอ่ะ นาทีนี้ฉากหนังผีวิ่งเข้ามาในหัวเป็นร้อยๆฉากเลยครับ ฮือออ
“อ้าวไหนตะกี้บอกว่าไม่ง้อกูไง” เสียงไอ้คริสพูดล้อเลียน
“ก็สถานการณ์มันเปลี่ยนไปแล้วไง นั่งอยู่นี่แหละ ไม่ให้ไปไหนแล้วเข้าใจไหม” กระตุกเสื้อมันอีกทีทำเหมือนกระตุกสายจูงหมาสั่งให้มันนั่งยังไงยังงั้นเลย ถ้ายังไม่ยอมนั่งอีก สาบานเลยว่าจะกระชากลงมาทั้งตัวแน่
“ฮ่าๆๆ โอเคๆ แต่กูไม่เข้าใจไฟดับก็มืดอยู่แล้ว มึงยังจะหลับตาปี๊อีกทำไมเนี่ย ลืมตาดิ”
“ไม่เอาอ่ะ”
“ทำไม ขอเหตุผล”
“ก็มันมืดไงถ้ากูลืมตาแล้วเห็น.ผ..ผีทำไงอ่ะ กลัวนะเว้ย” ผมบอกมันไปตามจริง แค่คิดก็ขนลุกแล้ว
“ฮ่าๆๆ ตลกว่ะ นี่บ้านมึงแท้ๆนะเนี่ย แล้วใจคอจะนั่งอยู่แบบนี้อะนะ”
“เออดิ” ผมบอกมันไปอย่างมั่นใจ โดยลืมไปว่า
โครกกกก
เสียงพยาธิประท้วงร้องขออาหารขึ้นมาอีกรอบแล้วครับ จะมาหิวอะไรนักหนาตอนนี้วะเนี้ย ไม่เห็นหรอว่าไฟมันดับ ไอ้พยาธิเฮงซวย!
“ท้องร้องดังซะขนาดนี้ หิวมากเลยอะดิ”
“แค่นี้ทนไหวน่า เดี๋ยวมันก็สงบเองแหละ”
โครกกกกกกก
“หึหึหึ แต่กูว่ากระเพาะมึงไม่ยอมทนวะ ที่ครัวมีอะไรกินบ้างไหมล่ะ”
“ไม่รู้ดิ ปกติไม่ค่อยได้เปิดตู้เย็นดูอะ” ปกติคือรอกินอย่างเดียวครับ แหะๆ
“งั้นไปในครัวกัน หิวมากๆเดี๋ยวจะปวดท้องหนักไปอีก”
ไอ้คริสพูดแค่นั้นเราก็พากันไปในครัวครับ เอาจริงๆคือผมเกาะหลังไอ้คริสเดินตามมันไปในครัว ฟิลลิ่งเดี๋ยวกับตอนไปเล่นบ้านผีสิงเลยอ่ะ
ไอ้คริสก็เปิดไฟฉายในโทรศัพท์นำทางไป นึกโชคดีอยู่เหมือนกันนะครับที่มีมันอยู่ด้วยในสถานการณ์มืดมิดแบบนี้ ถ้าไม่มีคริสอยู่ด้วยผมคงข่มตานอนที่โซฟาทั้งที่หิวอยู่แบบนั้นล่ะ ไม่คิดย้ายที่ไปไหนแน่ แล้วเราก็ไปหาเทียนมาจุดกันเพราะผมจำได้ว่าซื้อเก็บไว้อยู่กล่องหนึ่ง มีอยู่เทียนอยู่สามอันผมก็จัดการจุดหมดทั้งสามอันเลยครับ เปลืองไม่ว่าขอสว่างๆไว้ก่อน
“ในตู้เย็นมีไส้กรอกอยู่แน่ะ แล้วก็มีผักกับเนื้อหมูมั้ง จะกินอะไรล่ะปิ๊น” คริสถามหลังจากที่เปิดตู้เย็นเพื่อหาของกินกัน
“เอาไส้กรอกก็ได้เวฟเอาง่ายดี” นาทีนี้ผมแค่ขอให้มันอยู่ท้องก็พอแล้วครับ ไม่ต้องการอาหารเลิศหรูอะไรทั้งนั้น อยากขึ้นห้องไปคลุมโปงนอนแล้วอ่ะ
“ตลกล่ะ ไฟดับจะเอาไปเวฟได้ไง”
แป่ววววว
“เออว่ะ ลืมเลย แหะๆ งั้นแล้วแต่มึงเลย” ผมผลักภาระให้ไอ้คริสทั้งหมดเลยครับ ไม่อยากคิดอะไรแล้วมัวแต่ยืนกลัวผีอยู่เนี่ย
“แล้วมีมาม่าหรือโจ๊กซองอะไรแบบนี้ตุนไว้บ้างไหม”
“มีๆอยู่บนตู้อ่ะ” ผมชี้ไปที่ตู้เก็บของด้านบนของเคาน์เตอร์
คริสมันก็ค้นๆรื้อๆเอาแล้วก็หยิบโจ๊กซองออกมาสี่ห่อครับ ตอนแรกผมนึกว่ามันจะเลือกหยิบมาม่าซะอีกเพราะมันน่าจะอยู่ท้องมากกว่าโจ๊กซอง
“กินโจ๊กแล้วกันเนอะ มึงหิวจนท้องร้องขนาดนั้นน้ำย่อยคงออกมาเต็มกระเพาะแล้วแหละ มาม่าก็มีแต่รสเผ็ด ขืนกินเข้าไปได้นอนปวดท้องทั้งคืนแน่ พี่ปูนเคยบอกว่าถ้ามึงกินเผ็ดเยอะเกินไปจะปวดท้องด้วยกูจำได้ เดี๋ยวต้มโจ๊กแล้วก็ทอดไส้กรอกดีไหม ง่ายดีด้วย แก๊สยังมีอยู่ใช่ไหม”
“อือ” ผมพยักหน้าไป แอบอึ้งนิดๆที่มันใส่ใจจดจำรายละเอียดของผมขนาดนี้ ก็ขนาดตัวผมเองยังไม่เคยจำเลยครับว่าตัวเองกินเผ็ดมากไม่ได้จริงๆ คือผมเป็นแผลในกระเพาะด้วยน่ะครับ ที่ผ่านมาก็มีพี่ปูนที่คอยระวังอาหารการกินให้ตลอด
ไอ้คริสก็เดินไปหยิบหม้อกับกะทะมาตั้งเตาแก๊ส ซึ่งก็มีผมที่ประนึงเป็นจูออนค่อยเดินจับชายเสื้อตามมันไปทุกที่ไม่ยอมปล่อยจนแทบจะสิงร่างมันอยู่แล้วครับ
แต่ถึงกระนั้นผมก็ช่วยมันทำอาหารนะครับ บอกไว้ก่อนเดี๋ยวจะหาว่าผมรอกินอย่างเดียว ผมน่ะทั้งฉีกซองโจ๊ก ทั้งเทใส่หม้อ ทั้งเติมน้ำ ทั้งเปิดแก๊สเลยนะครับ ทำเยอะสุดๆ แต่เพราะขั้นตอนมันเยอะผมเลยเปลี่ยนจากจับชายเสื้อมาเป็นคล้องแขนมันไว้แทน ยึดแขนมันข้างหนึ่งมาเป็นของผมเลยละครับ ไม่สนใจเลยว่ามันต้องทอดไส้กรอกเพียงมือข้างเดียว
ตอนแรกก็กลัวมันรำคาญนะแต่พอหันไปมองหน้ามัน ก็เห็นว่าไอ้คริสมันยิ้มอย่างมีความสุขไม่มีสีหน้ารำคาญผมเลยเหมือนมันชอบที่ผมสกินชิพกับมันมากขนาดนี้อะครับ ผมเองก็แอบอายนะ...แต่ก็ไม่ปล่อยหรอก ถ้าไฟยังไม่มากูไม่แยกจากมึงเด็ดขาด ฮ่าๆๆๆ
ตอนนี้สภาพเราทั้งคู่ก็คือคล้องแขนกันไว้ ผมคนโจ๊ก คริสทอดไส้กรอก
ก็เป็นการทำอาหารที่แปลกๆดีนะครับ...ว่าไหม
(มีต่อ)