❥ ริน รัก ล้น ใจ [ตอนที่ 10 P.4] 11/5/2019
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ❥ ริน รัก ล้น ใจ [ตอนที่ 10 P.4] 11/5/2019  (อ่าน 39396 ครั้ง)

ออฟไลน์ มะเขือม่วง

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 435
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
Re: ❥ ริน รัก ล้น ใจ [ตอนที่ 7 P.2] 3/9/2017
«ตอบ #90 เมื่อ24-11-2017 13:55:16 »

 :mew6: :mew6:

ออฟไลน์ unicorncolour

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1006
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
Re: ❥ ริน รัก ล้น ใจ [ตอนที่ 7 P.2] 3/9/2017
«ตอบ #91 เมื่อ24-11-2017 14:43:10 »

ติดตามจ้า  o13 o13 o13

ออฟไลน์ ทั่วหล้า

  • ไม่ช่างพูดแต่ช่างพิมพ์
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1051
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-3
Re: ❥ ริน รัก ล้น ใจ [ตอนที่ 7 P.2] 3/9/2017
«ตอบ #92 เมื่อ01-12-2017 14:34:22 »

เด็กๆน่ารักกกกกกกก
ครูรินเหมือนเป็นหัวหน้าแก็งค์มากกว่าจันอีกนะ

ออฟไลน์ PKKER

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 1
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: ❥ ริน รัก ล้น ใจ [ตอนที่ 7 P.2] 3/9/2017
«ตอบ #93 เมื่อ11-12-2017 16:22:05 »

คิดถึงครูรินมากเลยค่ะ รอนะคะ
 :z3: :hao5:

ออฟไลน์ พัดลม

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 542
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-2
Re: ❥ ริน รัก ล้น ใจ [ตอนที่ 7 P.2] 3/9/2017
«ตอบ #94 เมื่อ13-12-2017 18:42:52 »

 :L2:

ออฟไลน์ Nocto

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 70
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
Re: ❥ ริน รัก ล้น ใจ [ตอนที่ 7 P.2] 3/9/2017
«ตอบ #95 เมื่อ31-01-2018 12:56:09 »

ยังรออยู่นะคะ  :hao5: :hao5:

ออฟไลน์ ดาวลูกไก่

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 257
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
Re: ❥ ริน รัก ล้น ใจ [ตอนที่ 7 P.2] 3/9/2017
«ตอบ #96 เมื่อ06-02-2018 01:29:00 »

แอบรอเธออยู่นะจ๊ะ  :katai2-1: คิดถึงจังเลยค่าา

ออฟไลน์ Trystan

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 69
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: ❥ ริน รัก ล้น ใจ [ตอนที่ 7 P.2] 3/9/2017
«ตอบ #97 เมื่อ01-04-2018 02:51:12 »

แอบมาบอกว่ารออยู่นะคับ  :hao5:

ออฟไลน์ toomild

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-1
Re: ❥ ริน รัก ล้น ใจ [ตอนที่ 7 P.2] 3/9/2017
«ตอบ #98 เมื่อ30-04-2018 14:41:11 »

น่ารักกกกกกกก ทั้งครูรินทั้งเด็กๆน่ารักมากเลยค่ะ รอนะคะ :katai2-1:

ออฟไลน์ JAMNIN

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 12
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
Re: ❥ ริน รัก ล้น ใจ [ตอนที่ 8 P.4] 21/4/2019
«ตอบ #99 เมื่อ21-04-2019 18:20:37 »

8


ประโยคง่ายๆ




เปิดภาคเรียนมาได้สองเดือนนิดๆ ฤดูกาลสอบกลางภาคก็มาถึง สองสามวันมานี้สามแสบไม่มาป้วนเปี้ยนแถวบ้านครูรินเหมือนเช่นเคย เป็นเพราะโดนคุณครูไล่ให้ไปอ่านหนังสือ บ้านครูรินจึงเงียบสงบกว่าเดิม เป็นโอกาสอันดีให้นรินทร์เตรียมการเรียนการสอนและสวมวิญญาณนักแปล แปลบทความคืบหน้าไปได้มากโข


วันสอบไม่มีนักเรียนคนไหนมาสาย โต๊ะไม้ตัวเล็กถูกจัดให้เว้นระยะห่างมากกว่าเดิมเพื่อป้องกันการลอกข้อสอบ ที่บอร์ดให้ความรู้สองฟากของห้องเรียนถูกปิดทับด้วยกระดาษแผ่นใหญ่ไม่ให้เด็กๆ แอบดูข้อมูลได้ ห้องเรียนเงียบเชียบกว่าทุกวันเนื่องจากไม่มีเสียงคุยกันของเด็กๆ จนได้ยินเสียงพัดลมเพดานดังหึ่งๆ และเสียงนกร้องดังลอดเข้ามาในห้อง


นรินทร์แจกข้อสอบจนครบทุกคน ชี้แจงกฎเกณฑ์ของข้อสอบ แล้วจึงให้นักเรียนเปิดข้อสอบทำได้ คุณครูหนุ่มเดินดูนักเรียนทำข้อสอบไปเรื่อยๆ โดยเว้นระยะห่างจากโต๊ะของเด็กๆ พอสมควร และไม่ยืนดูเด็กคนใดคนหนึ่งทำข้อสอบนานจนเกินไป ด้วยเข้าใจความรู้สึกของเด็กที่กำลังทำข้อสอบอย่างขะมักเขม้น


ตอนที่เขาเป็นเด็กเขาไม่ชอบให้คุณครูมายืนดูข้างหลังเอาเสียเลย จะทำข้อสอบก็รู้สึกเกร็งไปหมด หัวสมองไม่แล่นเพราะกลัวจะตอบผิดให้คุณครูเห็น เป็นเรื่องน่าอาย พอมาเป็นครูเสียเองตามบทบาทหน้าที่แล้วจะไม่ให้เดินดูเด็กๆ ก็เป็นไปไม่ได้ เพราะต้องตรวจตราความเรียบร้อยและคอยสังเกตว่านักเรียนเขียนชื่อเลขที่ถูกไหม แอบโกงข้อสอบกันหรือเปล่า อีกทั้งนรินทร์ยังไม่ชอบนั่งเฉยๆ ให้เวลาผ่านไปโดยเสียเปล่า


การสังเกตเด็กๆ ก็เป็นอะไรที่เพลิดเพลินอย่างหนึ่ง บางคนทำเสร็จแล้วก็วาดการ์ตูนบนกระดาษข้อสอบ บางคนก็ฟุบหลับลงไปกับโต๊ะ หรือมีอีกบางจำพวกที่ยังทำไม่เสร็จ แต่ดูท่าจะทำไม่ได้แล้ว ก็เอายางลบตัดเป็นลูกเต๋า เขียนตัวเลือก ก ข ค แล้วทอยเสี่ยงดวงว่าจะออกข้อไหนก็กากบาทข้อนั้น หรืออีกวิธีที่ยอดฮิตไม่แพ้กันก็คือหลับตาแล้วเอาดินสอจิ้ม ปลายดินสอไปโดนคำตอบข้อไหนก็ถือเป็นคำตอบที่ใช้


นรินทร์ได้แต่ยิ้มๆ


จะให้ไปห้ามเด็กไม่ให้ใช้วิธีเดาข้อสอบแบบนั้นก็ไม่ใช้เรื่อง


ปฏิเสธได้ที่ไหนว่าทุกคนไม่เคยทำแบบนี้มาก่อน ในเมื่อเป็นเรื่องพื้นฐานไม่ได้โกงข้อสอบจนผิดกฎ ก็ไม่ใช่เรื่องที่ต้องห้ามจริงไหม


จะมีบ้างที่นึกโทษตัวเอง ว่าตัวเองสอนไม่รู้เรื่องจนเด็กไม่เข้าใจจึงต้องเดาข้อสอบเลยหรือนี่


พอหมดเวลาสอบครูรินก็บอกให้นักเรียนวางดินสอและเก็บข้อสอบ เมื่อเลขที่สุดท้ายส่งกระดาษคำตอบครบ เสียงจอแจก็เริ่มดังขึ้นในห้องเรียนอีกครั้ง มีทั้งโอดครวญ ทั้งดีใจที่ทำข้อสอบได้ หรือทั้งโล่งใจที่สอบเสร็จซักที


นรินทร์ถือปึกกระดาษคำตอบของนักเรียนเข้ามาในห้องพักครู เมธินีเงยหน้าขึ้นมาส่งยิ้มทักทายให้ แต่ครูรินไม่ได้ยิ้มตอบ ซ้ำยังมีท่าทางเคร่งขรึมผิดกับบุคลิกสบายๆ ตามปกติ


"พี่เมย์ ตอนทำภาษาไทยเด็กหน้านิ่วคิ้วขมวด" คุณครูหนุ่มว่าขึ้น สีหน้าจริงจังของนรินทร์ทำเอาครูสอนภาษาไทยรู้สึกกังวลตาม


"ข้อสอบพี่ยากขนาดนั้นเลยเหรอ" เมธินีถาม เธอคิดว่าข้อสอบก็ออกตามที่เคยสอน ไม่ได้ออกยากจนเกินไปนะ


"เด็กปวดท้องอยากเข้าห้องน้ำ พอผมอนุญาตนี่รีบวิ่งปรู๊ดไปเลย"


คำเฉลยของคนอายุน้อยกว่าทำให้ครูเมย์มองค้อน คงโดนคนขี้แกล้งหลอกเข้าให้แล้ว "เฮ้อ พี่ก็นึกว่าเกี่ยวกับข้อสอบ"


"เกี่ยวสิพี่ เด็กหน้าเครียดจ้องข้อสอบตั้งนานสองนาน" ทว่าคนคุมสอบมาหมาดๆ ยังคงไม่เลิกทำหน้าขรึม จนครูเมย์ลังเลใจอีกครั้ง


"จริงเหรอ"


"ใช่ กว่าจะนึกว่าจะวาดรูปอะไรลงไปดี เวลาเหลือเยอะมาก ข้อสอบง่ายจัด" ท้ายประโยคจากน้ำเสียงเรียบๆ ก็เปลี่ยนเป็นกลั้วหัวเราะ   


"แหม มุกห้าบาทสิบบาทก็ยังจะเล่น" ครูเมย์เท้าเอว แกล้งเบ้ปากใส่


เท่านั้นเองนรินทร์ก็หัวเราะออกมา ได้แกล้งพี่เมย์วันละนิดจิตแจ่มใส แกล้งเด็กไม่ได้ก็มาแกล้งครูนี่แหละ สนุกดี   


เขาคุยเล่นกับเมธินีอีกหน่อย ก่อนที่จะจัดการเก็บกระดาษคำตอบวิชาของตัวเองใส่กระเป๋าเพื่อเอากลับบ้านไปตรวจ





พอสอบเสร็จแล้วบ้านพักครูหลังเล็กๆ ก็กลับมาเป็นจุดหมายยามเย็นของสามหน่อดังเดิม


แต่แทนที่เพื่อนซี้ต่างสายชั้นมารวมตัวกันจะเล่นกันสนุกสนาน เด็กอายุมากสุดกลับมีสีหน้าเคร่งเครียด คิ้วขมวด เหมือนกำลังครุ่นคิดอย่างหนัก นรินทร์เห็นแล้วก็สงสัยว่าเรื่องอะไรกันที่ทำให้เด็กทะเล้นอย่างจันจริงจังขึ้นมาได้ ขนาดตอนคิดคำตอบข้อสอบภาษาอังกฤษข้อปราบเซียนที่เขาเป็นคนออกยังไม่หน้านิ่วคิ้วขมวดขนาดนี้


อ้อ ข้อนั้นตอบถูกด้วย เก่งมากลูกศิษย์ใครกัน


"จันเครียดอะไรหือ สอบเสร็จแล้วหนิ" เขาถามด้วยความสงสัย


"ไม่เครียดได้ไง นี่เป็นเรื่องใหญ่" จันเอามือลูบคางเหมือนผู้ใหญ่ตอนกำลังใช้ความคิด ไม่รู้ว่าไปเลียนแบบมาจากหนังเรื่องไหน


"เรื่องอะไร"


"อีกสองวันก็วันเกิดยายแล้ว ไม่รู้จะให้ของขวัญอะไรยายดี" จันว่า ใบหน้ายังคงยุ่งเหยิง


เรื่องนี้นับว่าเป็นเรื่องเครียดสำหรับเด็กที่รักยายมากจริงๆ


พอรู้สาเหตุ รอยยิ้มเอ็นดูก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของครูริน ส่งมือวางแปะบนหัวเล็กแล้วโยกเบาๆ เขาอยากจะบอกไปว่าแค่จันเป็นเด็กดีก็เป็นของขวัญที่ดีสำหรับคุณยายแล้ว แต่ความจริงจันก็เป็นเด็กดีกับยายมาโดยตลอดอยู่แล้ว


"ผมนับเงินในกระปุกแล้วมีอยู่ห้าร้อยกว่าบาท" จันบอก แบมือห้านิ้วประกอบคำพูด


"หืม จะเอาเงินเก็บมาใช้เหรอ"


นรินทร์ก็พอจะรู้อยู่บ้างว่าจันหยอดกระปุกทุกวัน นึกว่าจะเก็บเอาไว้ซื้อของเล่น ที่แท้แล้วจุดประสงค์จะนำมาซื้อของขวัญให้คุณยายนี่เอง


"ช่าย เก็บวันละสามสี่บาท ตอนนี้หมูอู๊ดๆ ใกล้เต็มแล้ว" จันอวดด้วยแววตาเป็นประกายภาคภูมิใจ


"อื้ม...ครูว่าทำอะไรให้คุณยายโดยไม่ต้องใช่เงินจะดีกว่าไหม" ครูรินออกความคิดเห็น เท่าที่รู้จักกับคุณยาย แกอยู่อย่างประหยัดอดออม คงไม่ได้อยากได้อะไรเป็นพิเศษ "ถ้าจันทำให้ยายด้วยตัวเอง ยายคงจะดีใจมาก"


"งั้นทำอะไรดี" เจ้าตัวแสบถาม


"อะไรที่แสดงความรัก ความเคารพ"


"ผมรักยายเลยหอมแก้มก่อนนอน เคารพผมก็ไหว้ยายอยู่ทุกวัน"


"ผมก็ไหว้พ่อแม่ทุกวันเลย" เนมว่าขึ้นมาบ้าง


"หนูไปไหว้พระที่วัด ที่วัดมีติดไว้ว่าพ่อแม่คือพระในบ้าน" โมเล่าเสียงเจื้อยแจ้ว "พระบอกว่าต้องเคารพพระในบ้าน ให้เป็นเด็กดีเชื่อฟังพ่อแม่ หนูก็ทำตาม"


นรินทร์ลูบผมม้าเต่อๆ ของเจ้าตัวเล็กพลางอมยิ้ม เอ่ยชม "ดีมาก"


"พ่อแม่เป็นพระในบ้าน ถ้างั้นยายก็คือพระพุทธเจ้า!"


แค่ก! คนเป็นครูแทบสำลักน้ำลายเมื่อจันโพลงขึ้นมา


"พระพุทธเจ้าเลยเหรอ"


"ใช่แล้ว เพราะยายยิ่งใหญ่ที่สุด"


นรินทร์ยิ้มเจื่อน เด็กคนนี้สูสีกับพวกที่ส่งมีมพระในโซเชียลเลยนะเนี่ย


จันไม่ได้จะลบหลู่ศาสนาหรอกเขารู้ดี ในเมื่อสำหรับจันแล้วยายสำคัญที่สุดเพราะเลี้ยงเจ้าตัวมา ยายเลยเป็นคนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในใจ ถ้าพ่อแม่คือพระ ระดับความสำคัญของยายก็คือศาสดาเลยทีเดียวเชียว


"อย่างนั้นต้องไหว้ยายเป็นพิเศษเลยสิ" โมทำตาโต


พอโมพูดจบ จันก็เหมือนจะมีความคิดดีๆ ขึ้นมา


"ผมคิดออกแล้ว!" เจ้าตัวยิ้มแฉ่งตีปีกพั่บๆ อย่างดีอกดีใจ "ถ้าไปไหว้พระก็ต้องมีพวงมาลัย งั้นผมจะให้พวงมาลัยยาย"


“เป็นความคิดที่ดีเลย” นรินทร์ชม


คุณยายคงไม่อยากให้จันใช้เงินเก็บซื้อของแพงๆ ให้ตัวเองหรอก พวงมาลัยมีราคาไม่แพง ทั้งยังแสดงถึงความเคารพ เป็นของขวัญที่ดี


"ผมจะร้อยพวงมาลัยให้ยาย"


คำกล่าวอย่างกระตือรือร้นของจันทำให้ครูรินเลิกคิ้ว นึกว่าจะซื้อให้ยายเฉยๆ แต่จะร้อยให้ด้วยตัวเองเลยซะงั้น


"แต่ว่า...ผมร้อยไม่เป็นง่ะ" จันหน้าจ๋อยอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะหันขวับมาหาคนเป็นครูด้วยสายตามีความหวัง "ครูรินร้อยเป็นไหม"


นรินทร์ส่ายหน้าหวือ "ครูก็ร้อยไม่เป็น"


เขาเป็นครูสอนภาษาอังกฤษ ไม่ได้สอนการงานอาชีพซะหน่อย


"แล้วอย่างนี้ผมจะทำได้ไง" เจ้าตัวแสบออกอาการหงอยออกมาอย่างเห็นได้ชัด


"ในเน็ตน่าจะมีสอนอยู่นะ"


"จริงด้วย!"


นรินทร์หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเข้ายูทูปแล้วเสิร์ชหาวีธีร้อยมาลัย เด็กๆ ทั้งสามล้อมวงกันเข้ามาดูจนหัวกลมๆ ชนกัน


"ยากจังเลย" ดูไปซักพักจันก็บ่นออกมา


"ไม่ยากหรอก ร้อยเข้าไปซ้อนๆ กัน ต้องหมุนให้แต่ละดอกเหลื่อมกันให้สวยๆ" เขาให้กำลังใจ


"ว้าว ครูรินเก่งจัง ดูครั้งเดียวก็รู้เลย" เนมชม


"งั้นครูก็ร้อยเป็นแล้วน่ะสิ ครูรินสอนผมหน่อย"


"เอ่อ..."


เอาแล้วไงไอ้ริน ดูในคลิปก็ไม่น่ายาก แต่จะทำจริงได้ไหมนั้นอีกเรื่อง


คนเป็นครูไม่แน่ใจในตัวเอง แต่เด็กๆ ดูจะเชื่อใจกันเหลือเกิน ทำหน้าออดอ้อนแล้วเขย่าขาของเขากันใหญ่ 


"น้าาาา" จันยิ้มเผล่ ทำตาปิ๊งๆ ใส่


"พวกเราก็อยากทำด้วย" อีกสองหน่อก็เห็นเป็นเรื่องน่าสนุก ขอร้องกันเสียงอ่อนเสียงหวาน


"น้าาาา"


จนแล้วจนรอดก็จบลงด้วยการที่นรินทร์คว้ากุญแจเปิดห้องของโรงเรียนเดินไปหาอุปกรณ์สำหรับร้อยมาลัยในห้องการงานอาชีพ เด็กๆ ก็มาช่วยหาด้วย จึงใช้เวลาไม่นานก็ได้เข็มยาวสำหรับร้อยมาลัย ด้าย แล้วก็กรรไกรมาสามสี่อัน


สิ่งสำคัญที่จะขาดไปไม่ได้เลยก็คือดอกไม้


เช้าวันรุ่งขึ้น นรินทร์ขี่มอเตอร์ไซด์กลางเก่ากลางใหม่โดยมีจันนั่งซ้อนท้ายกอดเอวไปยังตลาดเพื่อซื้อดอกไม้สด เจ้าตัวแสบอารมณ์ดีร้องเพลงหงุงหงิงไปตลอดทางสลับกับชวนครูรินคุย พอเขาตอบกลับไปจันดันได้ยินไม่ชัดเพราะลมตีหน้า เลยเอาแต่ถามย้ำๆ


"ตัวแค่เนี่ยหูตึงแล้ว" เขาแซว


"ครูโตแล้วก็พูดเสียงดังๆ เซ่"


ถ้าไม่ติดว่าต้องจับแฮนมอเตอร์ไซด์นะ อยากจะบิดหูเด็กขี้เถียงให้เข็ด


ขากลับจากตลาด นอกจากดอกไม้ที่ต้องการแล้วที่ตะกร้าหน้ารถยังเต็มไปด้วยของกิน โจ้กหมูใส่ไข่ไม่เอาขิงเป็นอาหารเช้าของครูริน น้ำเต้าหู้ ปลาท่องโก๋ สังขยาเอาไว้เป็นขนมหวานท้ายมืออาหาร แล้วยังมีขนมหม้อแกง สังขยาฟักทองที่ซื้อไปเผื่อเจ้าสามหน่อ


ก่อนที่จะกับถึงบ้านของเขาต้องผ่านบ้านของอัลวิน นรินทร์เผลอชะลอรถให้ช้าลงพลางหันไปที่ตัวบ้านเพื่อมองหาเพื่อนบ้านตัวใหญ่โดยไม่รู้ตัว


ดวงตาสองคู่สบกันพอดิบพอดีเมื่ออัลวินก็มองมาทางนี้ด้วยเหมือนกัน นรินทร์นิ่งไปชั่วครู่เพราะไม่คาดคิดว่าอีกคนจะมานั่งเล่นอยู่ใต้ถุนบ้านอยู่พอดี เขาหยุดรถเพื่อจะทักทายอัลวินโดยการส่งยิ้มให้


"ไปไหนมาเหรอ" เป็นอัลวินที่เป็นฝ่ายถามขึ้นมาก่อน ร่างสูงใหญ่ลุกขึ้นจากที่นั่งแล้วเดินเข้ามาหาใกล้ๆ


"ไปตลาดมาน่ะครับ ไปซื้อของกินแล้วก็ดอกไม้มาร้อยมาลัย"


"มาลัย?" อัลวินทวน


"ดอกไม้ร้อยเป็นพวงที่เอาไว้ไหว้พระ คุณเคยเห็นไหม" นรินทร์อธิบายเพิ่มเติมเมื่อเห็นว่าคนต่างชาติเหมือนจะไม่เข้าใจ


อัลวินทวนความจำในตอนที่ไปทริปไหว้พระกับคนตรงหน้า ตอนหย่อนกล่องบริจาคค่าธูปเทียนเหมือนจะได้ดอกไม้ร้อยเป็นพวงมาเหมือนกัน


"ผมนึกออกแล้วว่าเคยเห็นที่วัด" อัลวินว่า มองถุงใส่ดอกไม้สดแล้วถาม "คุณจะร้อยเองหรือ"


"จะสอนจันทำครับ เด็กนี่จะร้อยไปไหว้คุณยายในวันเกิด" ครูรินตอบยิ้มๆ


อัลวินพยักหน้ารับรู้ จากนั้นจึงเลื่อนสายตามาหาคู่สนทนาที่แต่งกายด้วยเสื้อยืดสีขาวกางเกงขาสั้น เป็นชุดง่ายๆ ใส่สบายที่เขามักเห็นนรินทร์ใส่ตอนอยู่บ้านไม่ได้ออกไปไหน พอเทียบกับชุดคล้ายๆ กันของเด็กชื่อจันที่กอดเอวบางอยู่เหมือนลูกลิงเกาะแม่ลิงแล้ว สองคนนี้ก็ดูเหมือนพี่น้องกันมากกว่าคุณครูกับลูกศิษย์เสียอีก


"น่าสนใจ ผมขอไปดูด้วยสิ"


"มาเลยครับ แต่ผมไม่ให้ดูเฉยๆ นะ คุณต้องมาช่วยร้อยด้วย" นรินทร์ยิ้มมุมปากรีบบอกอย่างมัดมือชก


"ผมทำไม่เป็น" อัลวินเลิกคิ้วเล็กน้อย


"ไม่ต้องห่วง ผมก็ร้อยไม่เป็นครับ แต่เรามีตัวช่วยคือคลิปยูทูป" คนเป็นครูยิ้มเหมือนเด็กๆ


ได้ผู้ใหญ่มาช่วยศึกษาวิธีร้อยจากยูทูปด้วยอีกคน ถ้ายังร้อยออกมาไม่สำเร็จ หน้าแตกก็ไม่ต้องหน้าแตกคนเดียวแล้วล่ะ


ไม่กี่นาทีต่อมาภายในบ้านหลังเล็กๆ ของครูรินก็ถูกจับจองพื้นที่ไปกว่าครึ่งของห้องนั่งเล่น นรินทร์แจกเข็มให้แต่ละคนก่อนจะหยิบดอกไม้แต่ละถุงมากองอยู่กลางวง


อัลวินดูจะสนใจกองหนึ่งเป็นพิเศษ มือใหญ่หยิบดอกสีขาวเล็กๆ ที่ดูไม่เหมือนดอกไม้เท่าไหร่ในความคิดของเขาขึ้นมาดู


"นี่ดอกอะไร"


"ขั้วดอกรักน่ะครับ เด็ดออกมาจากดอกรักอีกที"


นรินทร์ไม่รู้ว่าดอกรักภาษาอังกฤษคืออะไร เลยบอกเป็นภาษาไทยไป


"รัก...love น่ะเหรอ" อัลวินถาม


เขาพยักหน้า





"ผมรักคุณ"





น้ำเสียงทุ้มต่ำเอ่ยออกมาอย่างชัดถ้อยชัดคำ เป็นตอนเดียวกับที่เด็กๆ หยุดคุยกันพอดี นรินทร์จึงได้ยินประโยคนี้อย่างชัดเจน


เกิดความเงียบคั่นกลางขึ้นมา เมื่อรอบข้างไร้ซึ่งเสียงนรินทร์จึงรู้สึกได้ว่าหัวใจของตัวเองเต้นผิดจังหวะไปชั่วครู่ ก่อนจะรีบเสตาหลบนัยน์ตาสีเข้มที่จับจ้องมายังใบหน้าของเขาอย่างไม่วางตา


"ผมรักคุณ เป็นคำบอกรักภาษาไทยใช้ไหม"


ประโยคที่ตามมาจึงค่อยทำให้คนที่เผลอกลั้นใจไปหนึ่งจังหวะพรูลมหายใจออกมา


นรินทร์กะพริบตารัวๆ ก่อนจะหัวเราะแห้งๆ ออกมา


"ถูกต้องครับ"


บ้าจริง ไม่ใช่ว่าหูแดงอยู่หรอกนะ


ไม่เห็นจะต้องเขินกับน้ำเสียงทุ้มต่ำ กับแค่ประโยคง่ายๆ ที่คนต่างชาติออกเสียงได้ชัดเจนเหมือนเจ้าของภาษา แม้ว่าคนต่างชาติคนนี้จะหน้าตาหล่อเหลาอย่างกับพระเอกซีรีย์ แล้วยังย้อมผมบลอนด์ที่แสนดูดีมากๆ ก็เถอะ ยังไงก็ผู้ชายเหมือนกันหรือเปล่า


นรินทร์ยังไม่กล้าหันไปมองหน้าคนที่ใฝ่เรียนภาษาไทยผิดเวลา เอาแต่หมุนเข็มในมือเล่นไปมา


"I love you แปลว่าผมรักคุณ แต่ถ้าผมรักครูต้องบอกว่า I love teacher"


ความรู้สึกประดักประเดิดเล็กน้อยของนรินทร์ถูกทำลายลงด้วยเสียงของจันที่ร้องออกมาเป็นทำนองเพลง พอมีหัวโจกเป็นแกนนำทั้งเนมและโมจึงร้องตามแล้วหัวเราะคิกคักกันใหญ่


ครูรินกลั้นยิ้มแทบไม่อยู่ที่จู่ๆ ก็โดนนักเรียนบอกรักขึ้นมา


"ส่วนผมรักยายต้องบอกว่า I love grandmother"


ก่อนจะตามมาด้วยประโยคบอกรักอีกหลายๆ คน หลายอาชีพตามที่จันจะนึกคำศัพท์ออกมาได้ ครูรินจึงชวนเล่นเกมต่อคำศัพท์ ให้เด็กๆ ได้ฝึกภาษาไปในตัวระหว่างที่ร้อยมาลัยกันไปด้วย


แม้ว่าจะทำดอกไม้เสียไปหลายดอก โดนเข็มทิ่มจนมีเสียงแหลมๆ ร้องจ๊ากอย่างโอเวอร์ของตัวป่วนทั้งสามไปหลายรอบ ท้ายที่สุดแล้วทุกคนก็ได้ผลงานมาลัยพวงแรกเป็นของตัวเอง


ถึงจะบิดๆ เบี้ยวๆ ไปบ้าง ดอกไม้ช้ำไปบ้างแต่ก็ทำจากใจ นรินทร์คิดว่ายายของจันจะต้องดีใจมากแน่ รวมถึงพ่อแม่ของโมกับเนมที่เจ้าตัวเล็กบอกว่าจะเอาไปไหว้คุณพ่อคุณแม่ด้วย ทำให้คนสอนยิ่งชื่นใจเข้าไปใหญ่


ส่วนมาลัยของครูรินกับอัลวิน ก็วางคู่กันอยู่บนหิ้งพระนั่นเอง























ตลาดยามเช้าวันอาทิตย์ก็เหมือนกับทุกวัน แตกต่างตรงที่นรินทร์ไม่ต้องขี่มอเตอร์ไซด์มาเอง ได้นั่งสบายๆ ตากแอร์เย็นๆ คอยบอกทางเพราะมีคนขับรถให้


เขาเหลือบมองคนที่เดินอยู่ข้างๆ ซึ่งตอนนี้หน้าแดงจางๆ และมีเหงื่อออกตามขมับ ไม่ใช่เพราะว่าอากาศร้อน แต่เกิดจากฤทธิ์ของน้ำจิ้มซีฟู้ดรสเด็ดราดปลาหมึกย่างซึ่งเพิ่งกินไป


แม้จะเผ็ดแต่ก็กินจนเกลี้ยง ดูเหมือนว่าจะอร่อยจริงๆ


"เผ็ดขนาดนี้ซื้อน้ำไหมครับ"


พออัลวินพยักหน้า นรินทร์ก็พาอีกคนเดินเลี้ยวไปซื้อน้ำส้มปั่น


สืบเนื่องมาจากเมื่อวานหลังจากร้อยมาลัยกันเสร็จ นรินทร์ก็ชวนกินขนมที่ซื้อมาจากตลาด สังขยาฟักทองที่ตั้งใจซื้อฝากเด็กๆ โดนคนตัวโตจัดการจนเกลี้ยง เห็นคนต่างชาติตัวโตๆ ติดใจขนมไทยก็เห็นว่าน่าเอ็นดูดี เขาเลยโม้ไปว่ายังมีของอร่อยอีกเพียบต้องมาลองกินดู เป็นผลให้อีกฝ่ายขอตามมาตลาดด้วย อัลวินเลยมาเดินถือถุงของกินเดินตามนรินทร์ต้อยๆ อย่างตอนนี้


"ร้านนี้เจ้าดังเลย อร่อยมากครับ" เขาพาอัลวินมาหยุดหน้าร้านขายโรตีที่มีคนต่อแถวอยู่หลายคน การันตีเลยว่าอร่อยจริง "คุณต่อแถวก่อนนะ เดี๋ยวผมมา ไปซื้อเนื้อแป๊บนึง"


ขอดีของการมีคนมาจ่ายตลาดด้วยคือมีคนต่อแถวให้ ไม่ต้องเสียเวลา นรินทร์แอบยิ้มกริ่ม ก่อนจะผละออกไปยังร้านขายเนื้อซึ่งอยู่ไม่ไกล ตู้เย็นที่บ้านแทบจะโล่งแล้ว ต้องซื้อของสดไปตุนเสียหน่อย


อัลวินต่อแถวถึงคิวแล้วคนที่บอกว่าไปแป๊บเดียวก็ยังไม่กลับมา คนตัวสูงกวาดตามองก็ไม่เห็นตัวคุณครูคนเก่งของเด็กๆ ตาคมจึงหันกลับมามองป้ายที่เขียนเมนูเอาไว้ก่อนจะเอ่ยสั่งอย่างไม่ติดขัด


"ใส่กล้วยด้วยนะครับ"


"เอานมข้นหวานเยอะไหมพ่อหนุ่ม" 


"ไม่ต้องเยอะมากครับ"


"ได้เลยจ้า" 


"ราคาเท่าไหร่ครับ"


"ยี่สิบบาทจ้า"


"ขอส้อมอีกอันหนึ่งได้ไหมครับ"


อัลวินรับโรตีมาจากแม่ค้าแล้วจ่ายเงิน พอหันหลังกลับมาก็เห็นนรินทร์ยืนทำตาโตอยู่


"คุณพูดภาษาไทยได้"


อัลวินยักไหล่ ตอบกลับอย่างง่ายๆ "ผมมาอยู่ไทยก็ต้องเรียนบ้าง"


"คุณเรียนที่ไหนเหรอครับ"


นรินทร์เอียงคอ ส่วนใหญ่ก็เห็นว่าอัลวินอยู่บ้านตลอด ไม่เห็นจะออกไปเรียนตอนไหนเลย


"ผมศึกษาด้วยตัวเอง"


"เรียนมานานหรือยัง"


อัลวินนึกใช้เวลาเพียงครู่เดียวก็ตอบ "ก็สองสามอาทิตย์แล้วล่ะนะ"


"แล้วคุณพูดคล่องปร๋อขนาดนี้เนี่ยนะครับ" นรินทร์ทำหน้าประหลาดใจ


"ผมพูดได้นิดหน่อย เขียนประโยคง่ายๆ ได้บ้าง"


"คุณเขียนได้ด้วย ไม่จริงน่า" จากตาที่กลมโตอยู่แล้วยิ่งโตกว่าเดิม


อัลวินเห็นท่าทีตื่นตกใจของคนตรงหน้า จากแววตาที่เรียบสนิทก็ปรากฏรอยขบขันขึ้นมา เขาถามพร้อมกับรอยยิ้มเล็กๆ ที่มุมปาก "คุณตกใจอะไรขนาดนี้"


"จะไม่ให้ผมตกใจได้ยังไงกันครับ ภาษาไทยน่ะขึ้นชื่อว่าเป็นภาษาที่ยากจะตาย"


"อย่างนั้นเหรอ" อัลวินมีท่าทีสบายๆ ราวกับจะบอกว่าไม่เห็นจะยากตรงไหน


"อย่างนี้คุณก็ฟังผมพูดออกน่ะสิ"


"ก็ฟังออกบ้าง คุณพูดช้าและชัด"


สำหรับอัลวินแล้วเขาคิดว่าสำเนียงของนรินทร์ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษนั้นฟังง่าย โดยเฉพาะเวลาสอนเหล่าเด็กๆ จะมีน้ำเสียงเนิบๆ ทว่าไม่น่าเบื่อ ฟังแล้วให้ความรู้สึกเพลิดเพลิน ซึ่งเหมาะสมกับการเรียนรู้ เขาหัดฟังภาษาไทยจากคลิปและภาพยนตร์อยู่บ้าง แต่ทักษะการฟังของเขาพัฒนาไปได้เยอะก็เพราะฟังคนตรงหน้าพูด


อาจเป็นเพราะว่าเขาตั้งใจฟังนรินทร์พูดเพราะอยากรู้ว่าอีกคนกำลังพูดอะไรกับเด็กๆ อยู่ ประกอบกับมองไปยังปากบางๆ นั่นด้วยว่ากำลังขยับแบบไหนอยู่บ่อยครั้ง 


"แต่บางครั้งก็ฟังไม่ออก คุณพูดเป็นภาษาถิ่นใช่ไหม"


"ใช่ครับ เป็นภาษาที่คนภาคเหนือพูดกัน เรียกว่าอู้กำเมือง"


อย่างเช่นคำว่าอู้ ต้องทำปากยื่นออกมาเป็นตัวโอ...ลักษณะเหมือนตอนกำลังจะจูบ


อัลวินยิ้มมุมปาก ก่อนจะออกเสียงตาม "อู้กำเมือง?"


"ว้าว คุณพูดชัดจัง"


"เพราะผมเก่ง"


อัลวินมองคนที่หัวเราะออกมาจนตาหยีเพราะเขาชมตัวเองได้อย่างหน้าตาเฉย


"จริงครับจริง ผมเชื่อ" นรินทร์ทำเป็นพยักหน้าเห็นด้วยอย่างแรง พร้อมกับยกนิ้วโป้งให้ ก่อนจะจิ้มโรตีที่อัลวินถืออยู่เข้าปาก เคี้ยวตุ้ยๆ


"คุณจะซื้ออะไรอีกไหม"


"ของสดครบแล้วครับ คุณล่ะ อยากกินอะไรอีกไหม"


อัลวินส่ายหน้า


"งั้นก็กลับกันเถอะ" นรินทร์ว่า ก่อนออกเดินไปยังที่จอดรถ


ครูรินกินโรตีอย่างเอร็ดอร่อย เดินไปกินไป ดูเหมือนว่าคนที่ไปต่อแถวซื้อจะได้กินน้อยกว่าเขาซะอีก


เอ๊ะ


เดี๋ยวก่อนนะ


นรินทร์หันไปมองเสี้ยวหน้าด้านข้างของคนตัวโตกว่า สลับกับโรตีที่อัลวินเป็นคนสั่งได้อย่างคล่องแคล่ว ถ้าพูดเก่งได้ถึงขนาดนี้ แล้วประโยคเบสิกอย่างเมื่อวาน


...ทำมาเป็นถามว่าคือประโยคบอกรักหรือเปล่า ทั้งที่น่าจะเป็นประโยคแรกเริ่มที่ต้องเรียนอยู่แล้วแท้ๆ


โดนแกล้งใช่ไหมเนี่ย


นรินทร์ทำหน้ายู่ ฝีเท้าก้าวช้าลงเพราะกำลังใช้ความคิด ปล่อยให้อีกฝ่ายเดินนำหน้าไปก่อนเล็กน้อย เขามองคนที่มีแผ่นหลังกว้างกับท่าเดินหนักแน่นอย่างคนมั่นใจในตัวเองที่เดินนำไปที่รถ แล้วก็รู้สึกได้ถึงความร้อนที่จู่ๆ ก็เกิดขึ้นบนใบหน้า


ยังเช้าอยู่เลย ทำไมอากาศร้อนชะมัด


















------------------------


#รินรักล้นใจ


กลับมาต่อแล้วค่ะ :hao5: :hao5:









CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ❥ ริน รัก ล้น ใจ [ตอนที่ 8 P.4] 21/4/2019
« ตอบ #99 เมื่อ: 21-04-2019 18:20:37 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ cchompoo

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-4
Re: ❥ ริน รัก ล้น ใจ [ตอนที่ 7 P.2] 3/9/2017
«ตอบ #100 เมื่อ22-04-2019 07:26:45 »

 :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ JAMNIN

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 12
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
Re: ❥ ริน รัก ล้น ใจ [ตอนที่ 9 P.4] 24/4/2019
«ตอบ #101 เมื่อ24-04-2019 18:29:48 »

9



ฝึกภาษา




"เดทที่ตลาดกับคุณอัลวินเป็นไงบ้าง"



ระหว่างที่นรินทร์กำลังดื่มน้ำเต้าหู้ใส่วุ้นเยอะๆ อย่างที่โปรดปราน ครูสาวร่างอวบก็เดินมาหยุดลงหน้าโต๊ะที่เขานั่งอยู่ ก้มลงมาเท้าคางมอง ก่อนจะพูดประโยคที่ทำให้เขาแทบสำลัก



นรินทร์รีบกลืนน้ำเต้าหู้อึกๆ ก่อนจะปฏิเสธอย่างรวดเร็ว 



"ไม่ได้เดทซักหน่อย!"



"แซวเล่นแค่นี้ ทำไมต้องจริงจัง"



"ผมเปล่า!"



ครูเมย์หรี่ตามองอย่างจับผิดท่าทีที่ลุกลี้ลุกลนจนเกินไปของรุ่นน้องคนสนิท สายตาที่มองมาทำให้นรินทร์รู้สึกหนาวๆ ร้อนๆ อย่างบอกไม่ถูก เมธินีเหมือนจะสื่อว่า 'มีพิรุธจังนะริน' ออกมาทางสีหน้า



นรินทร์อยากจะถอนหายใจออกมาที่ตัวเองแสดงอาการตกใจมากเกินไปหน่อย ไม่ใช่ว่าเขินหรืออะไรหรอกนะ ที่ทำหน้าไม่ถูกเพราะพี่เมย์ใช้คำเหมือนเขากับอัลวินเป็นแฟนกันนี่แหละ ห่างหายไปจากการโดนพวกสาวๆ จับจิ้นกับหนุ่มๆ ไปตั้งแต่ช่วงมหา'ลัย พอมาโดนแซวแบบนี้เลยตั้งตัวไม่ทัน



"ตกใจเกินกว่าเหตุนะ"



เธอเลือกที่จะพูดออกมาแค่นี้ด้วยเสียงไม่จริงจังปนหัวเราะ



"แล้วพี่รู้ได้ไงว่าผมไปเดินตลาดกับคุณอัลวิน"



นรินทร์ไม่ปล่อยให้เมธินีถามเกี่ยวกับอาการของเขาไปมากกว่านี้ จึงรีบเป็นฝ่ายถามกลับไปเอง



"ฉันมีสายข่าวเยอะ" ครูเมย์ยักไหล่พลางอมยิ้ม



"พูดอย่างกับเป็นปาปารัสซี"



"ไม่ใช่ก็ใกล้เคียง" เธอหัวเราะ "อย่างคุณอัลวินก็หล่ออย่างกับดาราได้เลยนะ



"พี่เคยเห็นเขาแล้วเหรอ"



"เขามาอยู่สักพักแล้วถ้าไม่เคยเห็นสิแปลก สีผมโดดเด่นซะขนาดนั้น"



นรินทร์หัวเราะ พยักหน้าเห็นด้วย และแล้วภาพของเพื่อนบ้านหน้านิ่งก็ปรากฏขึ้นในหัว จะว่าไปผมสีบลอนด์ของอัลวินตรงโคนก็เป็นสีดำแล้ว แม้จะมีผมสองสีก็ยังดูดี ไม่ได้ดูเหมือนเด็กแว้นแต่อย่างใด เห็นได้ชัดว่าเบ้าหน้าก็สำคัญจริงๆ



หน้าหล่อมีชัยไปกว่าครึ่ง แล้วไหนจะบุคลิกภายนอกที่แสนจะดูดีนั่นอีก



"สนิทกันแล้วเหรอ"



"หืม"



ความคิดเพลินๆ ของครูหนุ่มถูกขัดจังหวะโดยเมธินี



"เห็นมีการไปไหนมาไหนด้วยกัน" ครูเมย์เห็นว่านรินทร์ไม่ตอบทันทีเลยพูดเสริมขึ้น



ครูรินนิ่งคิดไปครู่ ก่อนจะว่า "ก็สนิทกันมากขึ้น...เกินกว่าที่คิดเอาไว้" ประโยคหลังพูดเสียงเบาลง แต่ก็ไม่รอดพ้นที่เมธินีจะได้ยิน



"ยังไงกัน"



"ตอนแรกผมไม่คิดว่าจะสนิทกับเขาได้ อย่างที่เคยเล่าให้พี่ฟัง เจอกันครั้งแรกก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่ตั้งแต่ผมไปขอให้เขาช่วยจัน ก็ดีขึ้นเรื่อยๆ เหมือนเขายอมให้เข้าถึงมากกว่าเดิมจากตอนแรกที่เข้าถึงยากสุดๆ"



"แล้วตอนนี้"



"ก็...สนิทกันแล้ว"



"แล้วไม่สงสัยในตัวเขาแล้วเหรอ"



นรินทร์มองออกไปยังหน้าต่างห้อง จับจ้องยังท้องฟ้าสดใสยามใช้ความคิด แน่นอนว่าเขายังตงิดใจอยู่ว่าอัลวินไม่ได้เป็นนักท่องเที่ยวธรรมดาทั่วไป แต่จากการที่ได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันเป็นส่วนใหญ่มาสักพัก เขาก็พบว่าอีกฝ่ายไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร ดังนั้นความสงสัยจึงถูกปัดตกไป แล้วเลือกที่จะรู้ในสิ่งที่อีกฝ่ายต้องการให้รู้เท่านั้น จะได้สบายใจทั้งสองฝ่าย



บางทีอัลวินอาจจะมีเหตุผลส่วนตัวทำให้บอกความจริงไม่ได้



แต่ยังไงเขาก็คิดว่าอัลวินนั้นไว้วางใจได้ ไม่ใช่คนไม่ดีเสียหน่อย



"ผมว่าก็ไม่มีอะไรหรอก สงสัยไปก็เท่านั้น" นรินทร์ตอบปัดๆ ไปอย่างไม่สนใจอะไรมาก ขณะใช้หลอดดูดคนน้ำเต้าหู้ในแก้วอย่างเพลินๆ ก่อนจะเอ่ยเปลี่ยนเรื่องสนทนา "แล้วตรวจข้อสอบเป็นไงบ้างพี่เมย์ เด็กๆ ทำได้ไหม"



"คะแนนน่ะเหรอ คะแนนเฉลี่ยก็ถือว่าปานกลางนะ ดีที่ไม่มีใครตก"



"ดีแล้ว"



"ของรินล่ะ"



"ก็โอเคอยู่นะพี่ คนสอนเก่งก็งี้" นรินทร์อมยิ้มพลางยักคิ้ว



"จ้า จ้า"



"รวมปอสามกับปอหกก็มีได้เต็มตั้งแปดคนแหนะ ตอนแรกผมซื้อของรางวัลมาแค่ห้าอัน เลยต้องไปซื้อมาเพิ่ม"



นรินทร์ชี้ๆ ไปที่ถุงใส่ของซึ่งข้างในมีขนมกับตุ๊กตาเป็นรางวัลให้เด็กที่ได้เต็ม ตอนแรกตั้งใจไว้ว่าจะให้ห้ารางวัลกับคนที่ได้คะแนนมากที่สุดเพื่อแสดงความยินดีให้กับลูกศิษย์และเป็นแรงกระตุ้นให้คนอื่นๆ ตั้งใจเรียนมากขึ้น แต่นึกไม่ถึงว่าเด็กๆ จะทำได้คะแนนเต็มตั้งแปดคน น่าปลื้มใจเป็นที่สุด



"เดี๋ยวนี้ภาษาสำคัญ เห็นเด็กๆ เก่งอังกฤษตั้งแต่ยังเด็กก็ดีเนอะ เป็นพื้นฐานทั้งนั้น"



"ใช่พี่ ผมสอนสุดฝีมือเลย"



"ได้เรียนอังกฤษกับครูริน ถือเป็นโชคดีของเด็กๆ"



"แหม อวยกันอย่างนี้เลย ผมจะลอยแล้ว" นรินทร์แกล้งทำเป็นยกมือขึ้นปิดหน้าและทำทีเป็นเขินอาย



"งั้นขอกลับคำแล้วกัน" ครูเมย์ชักจะหมั่นไส้



"ไม่ได้สิ ชมแล้วชมเลย" นรินทร์หัวเราะ

















 

ร่างผอมของนรินทร์เดินตรวจตราไปตามชั้นต่างๆ ของตึกเรียน คนเป็นครูที่เป็นเวรวันนี้ไล่ดูไปทีละห้องอย่างไม่เร่งรีบ ในขณะที่เดินมาจนถึงห้องเรียนของระดับชั้นป.สี่ เขาก็ได้ยินเสียงของเด็กคนหนึ่งที่กำลังแจกแจงหน้าที่ให้เพื่อนๆ



"เรา จิน คุกกี้ แล้วก็ว่านช่วยกันกวาดห้องกับถูห้องนะ"



ดูเหมือนว่าเด็กชายขมจะเป็นหัวหน้าเวรทำความสะอาดห้องเรียน จึงมีหน้าที่มอบหมายงานให้เพื่อน



นรินทร์ชะงักฝีเท้าเมื่อหยุดอยู่ข้างห้องเรียน จากจุดนี้เขาสามารถมองเห็นในห้องเรียนได้ แต่คนในห้องไม่น่าจะมองเห็นเขา ครูรินเลือกที่จะยืนสังเกตการณ์อยู่นอกห้องก่อนแทนที่จะเข้าไปดู



เขาเห็นขมหันไปสั่งเด็กผู้ชายใส่แว่นอีกคนที่ยืนอย่างโดดเดี่ยวอยู่คนเดียวนอกวงด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยเป็นมิตรเท่าไหร่



"ส่วนยอด นายต้องยกเก้าอี้ขึ้นบนโต๊ะ ทิ้งขยะ เปลี่ยนน้ำต้นไม้ แล้วก็เคาะแปรงลบกระดานด้วย"



ได้ยินดังนั้นคิ้วเรียวของนรินทร์ก็ขมวดเข้าหากันทันที ยอดโดนสั่งงานมากกว่าเพื่อนคนอื่น ซ้ำยังเป็นงานที่หนักกว่า ทั้งที่น่าจะช่วยๆ กันทำหลายคนแท้ๆ



เขาถอนหายใจ



เอาอีกแล้ว เด็กชายยอดโดนขมแกล้งอีกแล้ว



เขาพยายามสังเกตท่าทางของเด็กที่ก้มหน้าแล้วรับคำเบาๆ อย่างไม่หือไม่อือว่ากำลังรู้สึกแบบไหน เห็นท่าทางหงอยๆ แล้วนึกสงสารขึ้นมาจับใจ



ขมก็จริงๆ เลย เก่งนักเรื่องแกล้งเพื่อน



จะแก้ไขปัญหานี้ยังไงดีนะ



ครูรินเผลอกัดริมฝีปากตัวเองอย่างไม่ได้ตั้งใจเมื่อกำลังครุ่นคิด คิดไปสักพักก็คิดไม่ตกเสียที จะให้เข้าไปห้ามตรงๆ ว่าอย่าแกล้งเพื่อน ก็เป็นวิธีที่แก้ไขสถานการณ์ได้เพียงแค่ตอนนี้เท่านั้น ภายหน้าขมก็คงยังแกล้งยอดต่อไปโดยไม่สำนึกอยู่ดี ยิ่งแย่ไปกว่านั้น ถ้าเกิดขมคิดว่าเขาลำเอียงเอาแต่เข้ามาปกป้องยอด อาจจะแค้นเคืองแล้วหาเรื่องแกล้งยอดหนักยิ่งขึ้นไปอีกก็ได้ 



คราวนี้นรินทร์จึงปล่อยไปก่อน เขาก้าวเท้าออกไปจากบริเวณนั้น แต่คิ้วเรียวก็ยังไม่คลายลง



คนเป็นครูเดินดูความเรียบร้อยเหมือนอย่างที่เคยทำเป็นประจำ จนกระทั่งเดินจนทั่วโรงเรียนแล้ว เขาก็เดินกลับมานั่งที่ม้านั่งใต้ต้นทองกวาวข้างสนามฟุตบอล



ถัดไปแค่สองโต๊ะ เขาก็เห็นเด็กชายที่เพิ่งแกล้งเพื่อนมาหมาดๆ นั่งอยู่คนเดียวด้วยสีหน้าไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ขมเหม่อมองไปกลางสนามที่เพื่อนๆ เล่นบอลกันอยู่ แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่เข้าไปร่วมวงเสียที



"ไม่ไปเล่นบอลกับเพื่อนเหรอ"



ขมเงยหน้าไปก็เห็นคุณครูสอนภาษาอังกฤษมายืนอยู่ข้างๆ ก่อนที่จะนั่งลงยังเก้าอี้ซึ่งอยู่ตรงข้ามกัน



เด็กชายส่ายหน้า "ผมไม่ค่อยมีอารมณ์เล่น"



นรินทร์มองเด็กชายที่ถือว่าตัวใหญ่เกินเด็กวัยเดียวกัน พูดจาเหมือนผู้ใหญ่เชียว



"เห็นมองสนามตั้งนาน ครูก็นึกว่าอยากเล่นซะอีก"



"..." ขมไม่ได้ตอบกลับแต่อย่างใด



"มีอะไรกังวลหรือเปล่า เล่าให้ครูฟังได้นะ" นรินทร์เอียงคอ และโน้มเข้าไปพูดใกล้ๆ เด็กชายมากขึ้นด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล 



ขมมองอดีตคุณครูประจำชั้นของเขาเมื่อปีที่แล้ว สีหน้าของครูชวนให้ผ่อนความกังวลลง เขาไม่สนิทกับครูคนไหนเป็นพิเศษ เพราะส่วนใหญ่ก็โดนหาว่าดื้อแล้วก็เกเร จะมีก็แต่ครูรินนี่แหละที่พูดกับเขาดีสุดเมื่อเทียบกับครูจนอื่น น้ำเสียงไม่ดุ แล้วยังมีท่าทางเข้าอกเข้าใจเด็กทุกคนเสมอ



ขมนิ่งไปสักพัก ก่อนจะยอมเล่า



"ผมสอบตก"



นรินทร์ไม่เปลี่ยนสีหน้า แค่พยักหน้ารับรู้เบาๆ แล้วถามต่อ "วิชาอะไรกัน บอกได้ไหม"



"ภูมิศาสตร์" พอได้พูดออกไปก็บ่นตามมา "มันยากมากเลย ผมจำไม่ได้สักที"



"ครูเข้าใจ วิชานี้ใช้ความจำเยอะ" ครูรินเอ่ยปลอบ



"ครูก็สอนไม่รู้เรื่อง จะให้ผมสอบซ่อมอีก จะไปทำได้ไง เซ็งชะมัด" ขมหน้าบูด



"คนเราก็มีสิ่งที่ถนัดต่างกัน แต่ถ้ารู้ว่าตัวเองไม่เก่งอะไรก็อย่าเพิ่งสิ้นหวังท้อแท้ ต้องพยายามให้เต็มที่ที่สุด"



"ผมก็พยายามแล้วนะ"



"อืม..." นรินทร์เว้นช่วงไปครู่หนึ่งเพื่อคิดหาคำแนะนำ และแล้วก็มีความคิดอย่างหนึ่งแล่นเข้ามาในหัว "เอาอย่างนี้ไหม ครูเห็นว่ามีคนหนึ่งเก่งภูมิศาสตร์มาก น่าจะให้ช่วยติวได้"



"ใครเหรอ" ขมสนใจขึ้นมานิดๆ



"ยอดไง เพื่อนห้องเดียวกัน"



"เฮ้อ ครูก็รู้เหรอว่ามันได้คะแนนเต็ม" หน้าของขมแสดงอาการเบื่อหน่ายอย่างสุดๆ



นรินทร์ไม่รู้มาก่อนหรอกว่ายอดสอบได้คะแนนเต็มวิชานี้ เขาแค่คาดเดาจากการที่คลุกคลีอยู่กับเด็กชายใส่แว่นตลอดปีการศึกษาที่แล้ว เด็กคนนั้นเก่งเรื่องดูเส้นทาง ศึกษาแผนที่ น่าจะเชี่ยวชาญในวิชาภูมิศาสตร์



"ยอดไม่ติวให้หรอก แล้วผมก็ไม่อยากติวกับมันด้วย" ขมพูดด้วยอาการไม่สบอารมณ์



"ทำไมล่ะ"



ขมไม่ตอบ เพียงแต่นั่งนิ่งๆ แต่เหมือนกับคิดอะไรอยู่



นรินทร์จึงเอ่ยต่อ "เอางี้ ไปลองคิดดูก่อนแล้วกัน ถ้าอยากติวก็มาบอกครู เดี๋ยวครูลองไปคุยกับยอดให้"



ขมเหมือนจะปฏิเสธออกมาเดี๋ยวนั้น แต่ก็เก็บอาการ แล้วพยักหน้าแกนๆ อย่างขอไปที 



นรินทร์ยิ้มให้ ก่อนจะผละออกมา ให้เวลาขมคิดอยู่คนเดียว



ไม่รู้ว่าจะเป็นวิธีที่เข้าท่าหรือเปล่า แต่เขาก็อยากลองดู



บางทีถ้าเด็กคนนี้ได้เห็นข้อดีของเพื่อนที่ตัวเองคอยกลั่นแกล้งมาตลอด อาจจะทำให้เปลี่ยนความคิดก็เป็นได้



















เสียงเจี๊ยวจ๊าวของเด็กๆ ในโรงอาหารของโรงเรียนยามพักกลางวันลดระดับความดังลง เนื่องจากส่วนใหญ่กินมื้อเที่ยงของตนเองหมดแล้ว จึงออกไปเล่นด้านนอกแทน เด็กๆ ทยอยลุกออกไปเก็บชามทำให้โต๊ะไม้ทาสีฟ้าสดใสโล่งขึ้นเรื่อยๆ



มีสายตาหลายคู่มองไปที่โต๊ะหนึ่งในโรงอาหารอย่างสนอกสนใจ



ครูรินนั่งอยู่กับใครกันนะ หล่อจัง



คนสองคนเพิ่งทานก๋วยเตี๋ยวหมูน้ำตกเจ้าเด็ดประจำโรงเรียนหมด ก่อนจะต่อด้วยขนมโตเกียวที่นรินทร์ไปต่อแถวซื้อมา ครูรินเคี้ยวขนมขณะลอบมองคนตรงหน้าไปด้วย



แค่ชวนมาโรงเรียน ต้องแต่งตัวดีขนาดนี้เชียว



เพื่อนบ้านของเขาอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตสีน้ำเงินอ่อน กางเกงสีดำ หวีผมเปิดหน้าผากขึ้น ไม่ได้ปล่อยให้ยุ่งเหมือนตอนอยู่บ้าน ภาพลักษณ์ดูน่าเชื่อถือกว่าเขาที่เป็นครูเสียอีก เขาคิดอย่างขบขัน



"ปกติคุณกินข้าวที่โรงอาหารเหรอ" อัลวินถามคนที่กำลังมองสำรวจตนเองอยู่



"กินที่ห้องพักครูบ้าง กินที่โรงอาหารบ้าง สลับกันน่ะครับ"



ปลายเท้าของอัลวินเลื่อนมาชนกับเท้าของนรินทร์ในตอนที่คนตัวโตกว่าขยับตัว หัวเข่าของพวกเขาชนกันเป็นบางครั้ง อัลวินขยับตัวอย่างยากลำบากอยู่สักหน่อย เนื่องจากที่นี่เป็นโรงเรียนประถม โต๊ะจึงออกแบบมาให้ตัวเล็กเหมาะกับเด็ก พอคนส่วนสูงกว่าร้อยแปดสิบมานั่งจึงดูอึดอัดอยู่ไม่น้อย ขายาวๆ งอแล้วก็ยังชนกับโต๊ะ   



"โต๊ะตัวเล็กก็ลำบากหน่อยนะครับ" นรินทร์ว่าพลางยิ้มน้อยๆ



"ไม่เหมือนคุณ ดูนั่งได้สบายๆ" อัลวินเอ่ยด้วยใบหน้านิ่งเรียบ



"คุณว่าผมเตี้ยเหรอ" 



"ผมยังไม่ได้พูดสักคำ"



นรินทร์เผลอเบ้ปากออกมาอย่างขัดใจ พออีกฝ่ายเห็นอาการดังนั้นก็มีรอยยิ้มเกิดขึ้นที่มุมปาก ยิ่งเห็นยิ่งน่าหมั่นไส้กว่าเดิม จะหาว่าเขาร้อนตัวไปเองน่ะสิ



"ผมไม่ได้เตี้ยนะครับ มาตรฐานชายไทย" คนที่ไม่ยอมถูกหยามเรื่องส่วนสูงแก้ตัว



"แต่ผมคิดว่าคุณน่ะตัวเล็ก"



"ว่าไงนะครับ" นรินทร์ส่งสายตาไม่ยอมแพ้ไปให้ "ผมให้โอกาสพูดใหม่"



อัลวินหัวเราะในคอ "คุณตัวเล็ก...กว่าผม"



"คุณน่ะตัวใหญ่ไปเอง" คนตัวเล็กกว่าออกอาการฮึดฮัดเล็กน้อย



อัลวินอมยิ้ม ไม่ได้พูดอะไรต่อ



นรินทร์ดูดน้ำเปล่าเย็นๆ ในแก้วสเตนเลสหลังจากกินอาหารจนหมด ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าควรกำชับอัลวินเสียหน่อยก่อนที่จะพาอีกคนขึ้นตึกเรียน 



"คุณอย่าทำหน้านิ่งเกินไปนะครับ เดี๋ยวเด็กๆ กลัว"



"แล้วคุณกลัวไหม" คนตรงข้ามไม่รับคำในทันที แต่ดันถามกลับมา



ถ้าเกิดไม่ได้กำลังคุยกับเขาอยู่ โดยส่วนมากแล้วอัลวินก็ยังคงมีใบหน้าราบเรียบเช่นเดิม แต่เพราะได้อยู่ด้วยกันเยอะขึ้นจึงคิดว่าไม่น่ากลัวเท่าตอนแรก นึกๆ ดูแล้วก็ต่างจากตอนพบกันแรกๆ อยู่พอควร สีหน้าเคร่งขรึมนั้นอ่อนลง ยิ้มเยอะขึ้น แม้ส่วนใหญ่จะเป็นยิ้มมุมปากก็ตาม แต่ก็นับว่าเป็นรอยยิ้มล่ะนะ



นอกจากนั้น...ดวงตาดุดันเหมือนราชสีห์ที่เมื่อสบตาแล้วให้ความรู้สึกกดดันนั้นลดลงมากแล้ว แต่ก็ยังรู้สึกได้ถึงอำนาจไม่เคยเปลี่ยน



เหมือนสิงโตที่เคยอยู่ในป่าถูกจับมาเลี้ยงให้เชื่อง แต่เจ้าป่าก็ยังคงเป็นเจ้าป่า ยังมีสัญชาตญาณของนักล่าอยู่เต็มเปี่ยม



นึกไปถึงนู่นได้ไงนะ สงสัยเมื่อวานดูสารคดี Discovery แล้วอินเกินไปจนเอามาเปรียบเทียบกับอัลวินซะได้



ยังไงก็ตาม เขาเดาว่าอีกฝ่ายต้องเป็นคนรวย ผู้ดีตีนแดงอะไรแบบนี้แน่ๆ ถึงได้มีภาพลักษณ์ที่ข่มคนอื่นอยู่กลายๆ



"ไม่รู้สิครับ" นรินทร์ยักไหล่ แล้วเบนหน้าหนีจากคนที่จ้องรอคำตอบ



"ผมน่ากลัวอย่างนั้นเหรอ"



"ถ้าไม่ทำหน้านิ่งๆ ไร้อารมณ์มันก็ไม่ได้น่ากลัวหรอกครับ ถ้าคุณยิ้มด้วยจะยิ่งดีเลย เด็กๆ จะได้กล้าเข้ามาคุยด้วย" นรินทร์หันมาหาอัลวินพลางพูดอย่างขำๆ



"ผมไม่ชอบยิ้มพร่ำเพรื่อ"



ก็อย่างเนี่ย เวลาพูดด้วยใบหน้าเรียบเฉย บรรยากาศก็หนักอึ้งขึ้นทันที



"ก็ไม่ต้องยิ้มตลอดเวลาไงครับ แค่ทำหน้าให้เป็นมิตรหน่อย" นรินทร์ยังคงคะยั้นคะยอ



"งั้นผมคงต้องเรียกค่าตอบแทนเพิ่ม" อัลวินว่า



ความงุนงงฉายชัดบนหน้าขาวใสของครูริน ก่อนหน้านี้พวกเขาไม่ได้ตกลงเรื่องค่าตัวกันมาก่อน แค่เอ่ยปากชวนอัลวินก็รับปากทันที



"ผมไม่ได้จะเอาเงิน" อีกฝ่ายบอก เหมือนอ่านสีหน้าของเขาออก



"แล้วจะเอาอะไรครับ"



บทสนทนาขาดช่วงไป นรินทร์เงยหน้าขึ้นมอง อีกคนเหมือนจะคิดอยู่ ดูไม่น่าไว้วางใจชอบกล จนคนเป็นครูชักจะหวั่นๆ



"เลี้ยงข้าวผมซักมื้อ"



คำตอบนั้นทำให้นรินทร์คลายความเกร็งที่เกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัว



"โถ่ นึกว่าอะไร เลี้ยงข้าวนี่เอง" นรินทร์เดาะลิ้นเล่น แค่นี้สบายมาก



"ฝีมือคุณ"



"หือ?"



"ผมมีเมนูที่อยากกิน ให้คุณทำให้หน่อย" อัลวินว่าต่อ



นรินทร์เอียงคอ "ทำไมไม่ให้แฟนลุงขามทำให้ล่ะครับ"



อัลวินก็จ้างให้เมียลุงขามทำอาหารมาส่งให้เป็นประจำอยู่แล้ว ป้าเขาน่าจะทำอร่อยกว่าฝีมือผู้ชายอย่างเขา



"ถ้าให้คนอื่นทำก็ไม่ใช่สิ่งตอบแทนจากคุณน่ะสิ" อัลวินกล่าว ถ้ามองไม่ผิด เหมือนแววตาจะมีร่องรอยขบขันอยู่



นี่ก็อีกอย่าง ชอบพูดจาไล่ต้อนจนสุดท้ายบรรลุความต้องการ ส่วนเขาก็ปฏิเสธไม่ได้ ทั้งที่ตอนแรกเริ่มมาจากแค่ขอให้ยิ้มให้เด็กๆ ด้วยเท่านั้นเอง



"ผมพอทำอาหารได้บ้าง ถ้าเมนูยากเกินผมก็ทำไม่ได้หรอกนะครับ" ครูรินพูดดักเอาไว้ก่อน



"ไม่ยากหรอก"



เมื่อเวลาพักกลางวันใกล้สิ้นสุดลงนรินทร์จึงเดินนำอัลวินขึ้นตึกเรียน พลางพูดนัดแนะกันไปด้วยว่าจะทำอะไรบ้าง



นรินทร์สอนภาษาอังกฤษให้เด็กๆ ป.สามกับป.หก เขามีแผนการสอนว่าสัปดาห์นี้ต้องจบบทไหน โชคดีที่บทล่าสุดนั้นไม่ยากเขาเลยสอนเด็กป.หกจบเร็วกว่าที่คาดไว้ ในขณะที่กำลังคิดว่าจะจัดกิจกรรมอะไรให้นักเรียนดี ครูรินก็ปิ๊งไอเดียขึ้นมาได้ ถ้าเด็กๆ ได้ลองพูดคุยกับคนต่างชาติตัวเป็นๆ คงจะดี



แล้วคนต่างชาติก็ไม่ต้องไปหาจากที่ไหนไกล เจอหน้ากันแทบทุกวัน คิดว่าจะต้องขอร้องกันนานหน่อย แต่แค่พูดจบอัลวินก็ยอมมาอย่างง่ายดาย



เมื่อออดเริ่มคาบใหม่ดังขึ้น นรินทร์ก็เข้าห้องเรียนไปพร้อมกับอัลวิน



พอเด็กๆ เห็นว่าวันนี้คุณครูไม่ได้มาคนเดียว ห้องเรียนจึงเงียบกริบกว่าทุกวัน หัวหน้าห้องบอกทำความเคารพ นรินทร์ทักทายกับลูกศิษย์ ก่อนจะแนะนำตัวอัลวินเป็นภาษาอังกฤษให้ฟังสลับกับพูดแปลไปด้วยถ้าประโยคไหนเห็นว่ายากเกินไป



กิจกรรมในคาบนี้คือจะให้เด็กๆ ไปคุยอะไรกับอัลวินก็ได้ แล้วมาเล่าให้คุณครูฟัง เขาจะติ๊กชื่อให้คะแนนแล้วปั๊มตัวการ์ตูนให้ ถ้าใครได้ตัวการ์ตูนเยอะจะแจกขนมให้เป็นรางวัล



ออกจะเป็นการบีบบังคับไปหน่อย แต่ก็ต้องมีแรงกระตุ้น ไม่งั้นเด็กๆ คงไม่ค่อยกล้าคุยกับคนต่างชาติแน่



เขาให้อัลวินคุยกับลูกศิษย์โดยพูดแปลให้เพื่อสร้างความผ่อนคลายกันก่อน จึงค่อยพูดเชียร์ให้เด็กๆ เข้าไปคุยด้วยตัวเอง



อัลวินนั่งอยู่มุมหนึ่ง นรินทร์นั่งอีกมุมหนึ่ง เว้นระยะออกมาเพื่อให้เด็กๆ ไปรวมตัวกันได้



ตอนแรกเหล่าเด็กๆ ก็กล้าๆ กลัวๆ ที่จะเข้าไปคุย แต่เมื่อมีคนหนึ่งกล้า ก็พบว่าไม่ใช่เรื่องยากจนเกินไป เลยต่อแถวเข้าไปคุยด้วย ไปๆ มาๆ จากแถวก็เปลี่ยนไปเป็นล้อมวงคุยกับชาวต่างชาติอย่างไม่เคอะเขิน



นับเป็นเรื่องดีที่นักเรียนไม่กลัวอัลวินอย่างที่กังวลมาก่อนหน้า ครูรินลองถามเด็กๆ ว่าไม่กลัวใช่ไหม เด็กๆ ก็ว่าไม่เห็นน่ากลัว เด็กผู้หญิงชมว่าอัลวินหล่อมาก ส่วนเด็กผู้ชายก็ยกย่องว่าพี่ชายคนนี้เท่ชะมัด 



ได้ยินเด็กๆ เรียกอัลวินว่าพี่ แต่เรียกเขาว่าคุณครู จู่ๆ ก็รู้สึกแก่ขึ้นมา



นรินทร์เลยแก้ไปว่าให้เรียกอัลวินว่าอาดีกว่า อายุเท่านี้ไม่เรียกพี่แล้ว ก่อนจะแอบขำคิกๆ อยู่คนเดียว



นักเรียนสลับกันเดินมาเล่าให้ครูรินฟัง บางคนคิดไม่ออกว่าภาษาอังกฤษพูดยังไงก็มาถามครู บ้างก็ฟังอัลวินไม่ออกก็มาให้ช่วยแปล



"ครูรินๆ หนูอยากถามพี่เขาว่ามีแฟนหรือยัง"



เด็กหญิงผมเปียเข้ามาถามด้วยใบหน้าแจ่มใส แฝงความเขินอาย จนคนเป็นครูถึงกับชะงัก 



เอาน่า เด็กสมัยนี้ก็แก่แดดกันทั้งนั้น



"แฟนสาวภาษาอังกฤษคืออะไร"



"หนูนึกไม่ออก"



เด็กอีกคนที่อยู่ข้างกันนึกออก "หนูรู้ๆ girlfriend"



"ใช่แล้ว ประโยคคำถามต้องเรียงประโยคยังไง"



นรินทร์ค่อยๆ สอนอย่างเป็นขั้นเป็นตอน เจ้าหนูผมเปียพอรู้เรื่องก็รีบวิ่งไปถาม



ผ่านไปไม่นานเด็กหญิงคนเดิมก็กลับมาด้วยสีหน้าเคลิ้มฝันเหมือนได้เจอดาราที่ชอบ





"ครูรินๆ พี่ชายสุดหล่อเขาบอกว่าให้มาบอกครูรินว่าเขายังไม่มีแฟน"





นรินทร์รู้สึกแปลกๆ กับคำพูดของลูกศิษย์



"เขาให้มาบอกครู?" คนเป็นครูถามพลางเลิกคิ้ว



"ใช่ค่ะ เขาบอกมาเป็นภาษาไทย"



ได้ฟังคำตอบอย่างนั้นนรินทร์ก็นิ่งไป ก่อนจะหันไปมองอัลวินที่มองมาทางนี้อยู่ก่อนแล้ว ดวงตาคู่คมวิบวับอยู่เพียงเสี้ยววินาทีก่อนจะก้มหน้าลงไปคุยกับเด็กต่ออย่างเป็นธรรมชาติ



"อย่าพูดภาษาไทยสิครับ ผมอยากให้เด็กๆ ใช้ภาษาอังกฤษ" นรินทร์บอกเป็นภาษาอังกฤษอย่างรวดเร็ว



อัลวินเงยหน้าขึ้นมองมาที่เขาอีกรอบพร้อมกับรอยยิ้มมุมปากก่อนจะให้เหตุผล "ผมกลัวเธอจะไม่ได้บอกคุณ เดี๋ยวไม่ได้คะแนน"



"ผมให้คะแนนเด็กทุกคนอยู่แล้วน่า"



อัลวินไม่ได้ตอบกลับบทสนทนา เมื่อชายเสื้อถูกเด็กสะกิดยิกๆ คนตัวโตหันไปตอบคำถามเด็กๆ ต่อ



"ครูริน แล้วถ้าจะถามว่าสเปคพี่เขาเป็นแบบไหน ต้องถามยังไง"



นรินทร์ถึงกับยิ้มแห้งออกมา อยากจะยกมือกุมขมับ แล้วเขาต้องสอนเด็กถามจริงๆ ใช่ไหม



เอาวะ คิดซะว่าเพื่อการศึกษา



นรินทร์ปั๊มตัวการ์ตูนให้นักเรียนคนอื่นต่อไป เวลาผ่านไปประมาณสิบนาทีกระดาษใบหนึ่งก็ถูกยื่นมาให้



"ประโยคมันยาวหนูแปลไม่ออก เลยให้พี่เขาเขียนมาให้" เด็กหญิงยิ้มแฉ่ง



ลายมืออัลวินเขียนอยู่กลางกระดาษทดเลข นรินทร์กวาดตามองวูบเดียวก็อ่านให้ฟัง 



"เขาบอกว่าชอบคนอายุน้อยกว่า"



"งุ้ย หนูเขิน" เด็กผมเปียยืนบิดไปมา กุมหน้าที่ร้อนฉ่า



เก็บอาการหน่อยลูก



นรินทร์เกือบหลุดขำเพราะท่าทางตลกๆ ของเด็กหญิง



"แล้วก็อ่อนโยน มีรอยยิ้มสดใส รักเด็ก"



กลุ่มเด็กผู้หญิงฟังแล้วก็เขิน ไม่มีใครสังเกตเห็นว่าแก้มของคุณครูสีระเรื่อขึ้นเล็กน้อย นรินทร์โบกมือเพื่อให้เด็กคนต่อไปเข้ามาเล่าบ้าง ไม่ได้หันไปมองตัวการที่ทำให้เด็กๆ ในปกครองทำตัวแก่แดดแม้แต่น้อย



เขาทำปากขมุบขมิบ



สเปคของอัลวิน คงต้องไปหาตามกองประกวดนางสาวไทย

























-------------------------





#รินรักล้นใจ



ช่วงนี้อยู่ในช่วงพัฒนาความรู้สึก ปล่อยให้หนุ่มฮ่องกงจีบต่อไปค่ะ หมั่นไส้เขานะคะ ฮ่า









ออฟไลน์ JAMNIN

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 12
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
Re: ❥ ริน รัก ล้น ใจ [ตอนที่ 10 P.4] 11/5/2019
«ตอบ #102 เมื่อ11-05-2019 17:59:51 »

10

ในบ้านข้างๆ


ในตอนเย็นของวันหนึ่ง ท่ามกลางฝนที่ตกลงมาปรอยๆ ร่างผอมของคุณครูหนุ่มอยู่ภายใต้ร่มเล็กๆ สีน้ำเงินเข้ม สองเท้าก้าวไปตามพื้นดินชุ่มชื้น กลิ่นดินจางๆ ลอยฟุ้งอยู่ในอากาศ เป็นกลิ่นที่นรินทร์โปรดปราน เมื่อโชยเข้าจมูกทำให้รู้สึกถึงบรรยากาศชุ่มฉ่ำ เย็นสบาย และสดชื่น

รองเท้าแตะที่มีหยดน้ำเกาะพราวหยุดลงที่หน้าบ้านหลังที่อยู่ใกล้ที่สุดจากบ้านพักครูของเขา ยังไม่ทันที่จะเคาะประตูส่งสัญญาณ ประตูบ้านก็เปิดขึ้นได้จังหวะพอดีราวกับว่าคนข้างในรู้ว่าเขามาถึงแล้ว

นรินทร์เอียงคอ แปลกใจเล็กน้อย "เปิดประตูเร็วจังครับ ยังไม่ทันได้เคาะเลย"

"ผมได้ยินเสียงคุณเดินน่ะ" อัลวินตอบขณะยืนพิงกรอบประตู

ครูรินกะพริบตา เขาว่าตัวเองก็ไม่ได้เดินเสียงดังขนาดนั้นนะ แล้วไหนจะเสียงฝนตกน้อยๆ อีก ยังจะได้ยินเสียงฝีเท้าเขาด้วย ประสาทหูดีชะมัด

เขาวางร่มตากเอาไว้ด้านนอก และถอดรองเท้าเอาไว้เป็นที่เป็นทาง

เป็นครั้งแรกที่ได้เข้าบ้านของอัลวิน ไม่สิ บ้านของป้าชุ่มที่อัลวินเช่าอยู่ต่างหาก นรินทร์ก้าวตามร่างสูงใหญ่เข้ามา ก่อนจะลอบสังเกตรายละเอียดในบ้าน

นัยน์ตากลมกวาดมองไปรอบๆ ห้องนั่งเล่น ภายในนี้สะอาดสะอ้าน มีเฟอร์นิเจอร์ครบทุกอย่างที่จำเป็น ไม่ได้มากหรือน้อยเกินไป ดูจากลักษณะการเลือกซื้อแล้วน่าจะเป็นของเดิมของป้าชุ่ม ไม่ได้ซื้อเข้ามาใหม่ ข้าวของที่เป็นของอัลวินนั้นแทบจะไม่มี ที่พอจะเห็นอยู่บ้างก็มีแค่โน้ตบุ๊กกับหนังสือแบบเรียนภาษาไทยหลายเล่มวางซ้อนกันอย่างเป็นระเบียบบนโต๊ะเขียนหนังสือที่มุมห้อง

"มาสิ ผมจะพาไปที่ครัว"

เสียงของอัลวินขัดจังหวะคนที่กำลังมองสำรวจ นรินทร์รู้สึกอายนิดๆ อีกฝ่ายรู้แล้วแน่ๆ ว่าเขาแอบพิจารณาบ้านอยู่ เขารีบหันไปยิ้มแหะๆ เจ้าของบ้านมองมาแล้วก็ไม่ได้ว่าอะไร ขายาวๆ ก้าวนำไปยังอีกห้องหนึ่ง

ห้องครัวก็เช่นกัน ของทุกอย่างจัดเรียงอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย เหมือนว่าอัลวินจะไม่ได้มาแตะต้องอุปกรณ์ทำอาหารซักเท่าไหร่ เท่าที่มองดูก็มีครบครัน พร้อมสำหรับประกอบอาหาร

"คุณใช้ได้ตามสบาย"

พอเจ้าของเอ่ยอนุญาต พ่อครัวจำเป็นก็พยักหน้า ก่อนจะเดินไปเปิดตู้เย็น ทั้งผักทั้งเนื้อสัตว์นั้นมีพร้อม

จะไม่พร้อมได้อย่างไร ดูเหมือนอัลวินจะติดใจตลาดเข้าเสียแล้ว เมื่อวานก็ขับรถพานรินทร์ไปซื้อของกิน ทั้งยังให้เขาช่วยเลือกซื้อของสดกลับมาด้วย ตอนนั้นก็นึกว่าจะซื้อให้เมียลุงขามเอามาทำกับข้าวให้ ที่ไหนได้กลับกลายเป็นชวนเขามาทำกับข้าวให้ที่บ้าน ตามสัญญาที่ให้ไว้ว่าจะให้เลี้ยงข้าว

"คุณเป็นคนซื้อวัตถุดิบมา แล้วจะเรียกว่าผมเลี้ยงข้าวได้ไงล่ะครับ" นรินทร์บ่นอย่างไม่จริงจังนัก พลางหยิบของออกมาจากตู้เย็น

"งั้นไม่ต้องเลี้ยงข้าว เลี้ยงผมแทน" อัลวินเอ่ยเป็นภาษาไทย นรินทร์ที่ถือถุงใส่ผักอยู่ถึงกับหันมามองหน้าคนพูด คนฮ่องกงยิ้มมุมปาก ก่อนจะอธิบายต่อ "เลี้ยงดู ทำอาหารให้ผมกิน"

ภาษาไทยพัฒนาขึ้นไปอีกขั้น

"เดี๋ยวนี้หัดเล่นคำนะครับ" ครูรินส่ายหัวยิ้มๆ

"เรียนภาษาให้เก่ง ต้องฝึกใช้จริง" อัลวินอ้างเหตุผล เหมือนประโยคที่นรินทร์พูดตอนชวนให้ไปคุยกับเด็กๆ เด๊ะ

นรินทร์ทำเป็นย่นจมูก ก่อนจะยิ้มร่า "แล้วคุณรู้จักนี่ไหม...เลี้ยงดูปูเสื่อ"

คนฝึกใช้ภาษาเงียบคิดไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเลิกคิ้วน้อยๆ อย่างงุนงง

"ปูที่มีกระดองเกี่ยวอะไรกับเสื่อ"

นรินทร์หลุดขำ เผลอลากเสียงยาวเหมือนเวลาพูดกับเด็กๆ "นั่นสิน้า"

"อ้อ ปูที่เป็นกิริยา"

ลูกศิษย์จำเป็นไม่ทำให้ผิดหวัง

ครูรินถึงกับปรบมือให้ พยักหน้าแล้วกล่าวชม "รู้ศัพท์เยอะเหมือนกันนะครับเนี่ย เลี้ยงดูปูเสื่อ มีความหมายประมาณว่า เลี้ยงอาหารอย่างดี"

อัลวินประมวลผลได้อย่างรวดเร็ว

"คุณเลี้ยงดูปูเสื่อผมด้วยนะ" เสียงทุ้มต่ำว่าเป็นภาษาไทย

"คุณออกค่าวัตถุดิบ ผมแค่ทำอาหารให้เฉยๆ เหมือนจะใช้คำนี้ไม่ได้นะครับ" นรินทร์หัวเราะ เขาถือถุงใส่ผักไปที่อ่างล้างจาน ก่อนจะหันมาบอกเป็นภาษาไทยเช่นกัน "อีกอย่างนะครับ ผมไม่มีเสื่อ ปูไม่ได้แล้วแหละ"

อัลวินมีสีหน้าเรียบเฉยขึ้นมาทันใด

นรินทร์ส่ายหัวให้กับมุกตัวเอง แต่ก็ยังหลุดขำออกมาเพราะอนาถใจ เล่นเองก็แป๊กเอง มุกไม่ฮาพาต่างชาติเครียด

หลังจากเตรียมวัตถุดิบเสร็จเรียบร้อย คุณครูผู้ผันตัวมาเป็นพ่อครัวชั่วคราวก็เริ่มต้นทำอาหาร โดยคนที่รีเควสเมนูเอาแต่นั่งมองอย่างเดียว มาดนิ่งจนครูรินรู้สึกเหมือนอยู่ในรายการทำอาหาร ส่วนอัลวินเป็นกรรมการ 

พะแนงไก่และไข่เจียวกุ้งสับส่งกลิ่นหอม ไม่รู้คนอยากกินคิดว่าหอมหรือเปล่า แต่คนทำน้ำลายสอนำไปแล้ว เพราะนรินทร์หิวมากด้วยแหละ ยังดีที่ท้องไม่ร้อง

อัลวินเข้ามาช่วยยกไปยังโต๊ะอาหาร จากนั้นทั้งคู่ก็ตักข้าวสวยร้อนๆ ใส่จานและเริ่มทาน

"ผมคิดถึงตอนที่เจอคุณครั้งแรกเลย คุณบอกว่าไม่กินของคนแปลกหน้า" นรินทร์กลืนคำแรกเสร็จก็ว่าขึ้นมาเสียงเจือหัวเราะ ไม่ได้บ่นแบบจริงจัง

ตอนนั้นอุตส่าห์ทำอาหารมาผูกมิตร ดันโดนคนข้างบ้านตอกกลับมาจนแทบไปต่อไม่ถูก

"ตอนนี้คุณไม่ใช่คนแปลกหน้าแล้ว"

"คุณอย่าบอกว่าไม่ใช่คนแปลกหน้า แต่เป็นคนหน้าแปลกแทนนะ" นรินทร์พูดคำว่าแปลกหน้ากับหน้าแปลกเป็นภาษาไทย

"แปลกหน้า หน้าแปลก?" อัลวินทวน ผ่านไปเพียงสองวิก็หัวเราะออกมา

หาได้ยากนะเนี่ยที่คุณเขาจะหัวเราะออกเสียง ทุกทีก็มักจะหัวเราะหึสั้นๆ ในคอ จนเคยคิดว่าอีกคนกลัวหัวเราะดังแล้วจะเสียมาดขรึมๆ หรือยังไง นรินทร์ถึงกับไม่รู้จะดีใจกับมุกที่ประสบความสำเร็จ หรือฉงนใจที่มุกแสนเชยของเขาทำให้อัลวินหัวเราะออกมาได้ก่อนกัน

อัลวินหยุดขำแล้ว ใบหน้าก็ยังเจือด้วยยิ้มบางเบา

"ไม่หน้าแปลก คุณน่ารัก"

คำชมที่ถูกเอ่ยออกมาทำให้ครูรินนิ่งไป ริมฝีปากบางเผลอเม้มเข้าหากัน ก่อนจะก้มหน้ามองจานข้าว ตักข้าวกินอีกคำอย่างไม่รู้จะตอบว่าอะไร

ทำมาเป็นเล่นคำพ้องเสียง ชักจะเรียนภาษาไทยได้รวดเร็วเกินไปหน่อยแล้ว

"เขาไม่ค่อยชมผู้ชายว่าน่ารักหรอกนะครับ" ครูรินแก้ให้

"แต่ก็ชมได้ใช่ไหม" 

พอเงยหน้าไปมองอีกทีก็เห็นว่าอัลวินยังมีรอยยิ้มอยู่ที่มุมปาก นรินทร์ยกแก้วน้ำขึ้นมาจิบ พะแนงเผ็ดไปหรือเปล่าถึงได้ร้อนๆ ที่หน้า

"จะว่าไปตอนเจอกันครั้งแรก คุณดูน่ากลัวมากเลย ผมกับถึงคิดว่าไม่อยากยุ่งด้วยอีกแล้ว" นรินทร์เบี่ยงประเด็น เขาเองกับอัลวินก็สนิทกันแล้ว เลยกล้าบอกออกมาอย่างตรงไปตรงมา

"งั้นเหรอ"

"คนอะไรหน้าอย่างดุ ตัวก็ใหญ่ แถมยังตำหนิคนที่ไม่รู้จักได้อย่างหน้าตาเฉย เหมือนมีรังสีดำๆ แผ่รอบตัวคุณเลย ผมนี่เกร็งไปหมด"

พอได้บ่นก็เลยพ่นออกมายาว รู้ตัวว่าบ่นมากไปก็ชะงักกึก ตายล่ะหว่า จะโดนโกรธไหมเนี่ย

ตากลมลอบมองสีหน้าคนตรงข้าม อัลวินฟังเขาพูดอยู่ขณะเคี้ยวข้าวไปด้วย ท่าทางดูปกติ คงไม่โกรธล่ะมั้ง

"เอ่อ ผมพูดมากไปหน่อย อย่าใส่ใจเลยนะ" ถึงอย่างนั้นก็ต้องแก้ตัวไปก่อน

"ตอนนั้นคุณกลัวผมขนาดนั้นเลย?" อัลวินถาม

"ไม่ใช่แค่ตอนนั้นนะครับ จำได้ไหมที่นั่งรถไปกับลุงขาม ผมก็ไม่รู้จะทำตัวยังไง" นรินทร์พูดเสียงอ่อย เกาคอพลางสารภาพ 

"ผมก็ต้องวางมาดหน่อย"

"ไม่หน่อยแล้วครับยังงั้นน่ะ" นรินทร์เผลอสวนไปตามความคิด จะตะครุบปากก็ไม่ทันเสียแล้ว

อัลวินนั่งกอดอก มองมาเหมือนกำลังพิจารณา "อื้ม ผมว่าผมควรจะกลับวางมาดใหม่"

"อย่างนี้แหละดีแล้ว ไม่ต้องวางมาดแล้วครับ" นรินทร์รีบยิ้มประจบ แจกแจงข้อดีต่ออย่างลื่นไหล "คนอื่นๆ จะได้กล้าเข้าใกล้ เนี่ยเด็กๆ ชมกันใหญ่ว่าคุณหล่อ เท่"

คนฟังยิ้มน้อยๆ ครูรินคิดว่าเขาโน้มน้าวมาถูกทางจึงรีบเอ่ยต่ออย่างเร็ว

"มีการมาถามด้วยนะว่าคุณจะมาอีกไหม อยากคุยกับคุณอีก แต่เสียใจด้วยเด็กน้อย ไม่มีคาบเหลือแล้ว"

"คุณพูดเหมือนอิจฉาผม" อัลวินเลิกคิ้ว

"เปล่านะครับ" นรินทร์ปฏิเสธตาโต

"กลัวเด็กเห่อผมมากกว่าคุณล่ะสิ" คนรู้ทันพูดตรงๆ พร้อมกับยิ้มมุมปากที่ปรากฏขึ้นอีกครั้ง

ครูรินนิ่งอึ้งไป ทำหน้าเหวอออกมาอย่างเห็นได้ชัด อัลวินพูดแทงใจดำดังฉึก คุณครูผู้เป็นที่โปรดปรานของเด็กๆ ถูกคนมาใหม่วันเดียวแย่งความปลาบปลื้มไป จึงอดไม่ได้ที่จะเก็บไปคิดเล็กคิดน้อยอยู่บ้าง 

นรินทร์หน้าขึ้นสีจางๆ อย่างอับอายที่โดนอ่านใจถูก เสียภาพลักษณ์ครูที่ดีหมด เขากระแอมแล้วเลือกที่จะไม่ตอบคำถามนั้น

"เอ่อ ยังไงก็ขอบคุณอีกครั้งนะครับที่ยอมไปช่วย รบกวนเวลาของคุณไปตั้งเยอะ ปอหกมีหลายห้องคุณก็เข้าครบทุกห้อง ต้องขอบคุณจริงๆ" 

"ไม่เป็นไร ผมเต็มใจอยู่แล้ว ไม่ได้รบกวนเวลาหรอก"

"ถ้าอยากกินอะไรก็บอกผมได้อีกนะ รู้สึกว่ายังตอบแทนได้ไม่ครบเลย" รอยยิ้มเกิดขึ้นบนใบหน้าครูริน "ผมคิดว่ากิจกรรมนี้ประสบความสำเร็จเลย ผลตอบรับก็ดี เด็กๆ เก่งมากที่กล้าพูดภาษาอังกฤษ ผมก็ดีใจ"

"ผมก็ยินดีด้วยนะ"

พวกเขาทานข้าวจนหมดก็อิ่มพุงกาง ไม่เหลือข้าวในหม้อ และกับข้าวก็เกลี้ยงจานเช่นกัน

"อร่อยไหมครับ" นรินทร์ถามขึ้นขณะยกจานไปที่อ่างล้างจาน

"เพิ่งมาถามตอนกินเสร็จแล้ว"

"ก็ตอนกินมันลืมนี่นา"

"คุณเห็นจานไหม นั่นล่ะคำตอบ"

พ่อครัวมองจานที่เหลือแต่เพียงคราบน้ำแกงแล้วหัวเราะถูกใจ

"จริงด้วยนะ อีกนิดก็ใสกิ๊งแล้ว แทบไม่ต้องล้างจานเลยทีเดียว" เขาถกแขนเสื้อขึ้นด้วยท่าทางทะมัดทะแมง มือก็หยิบฟองน้ำล้างจานขึ้นมา "เดี๋ยวผมจัดการ บริการพิเศษหลังมื้ออาหาร"

อัลวินเดินเข้ามา ก่อนจะใช้ร่างกายสูงใหญ่เบียดให้คนตัวเล็กกว่ากระเถิบออกไปจากข้างหน้าอ่างล้างจาน

"ปล่อยให้เจ้าของบ้านทำดีกว่า จะให้แขกล้างให้ได้ยังไง"

นรินทร์เท้าเอว แล้วโต้กลับ "ฟังไม่ขึ้นครับ จะมาห่วงเรื่องนี้หลังจากให้แขกทำกับข้าวให้กินไปแล้วเนี่ยนะ"

เถียงกันไปมาหนึ่งยกจึงได้ข้อตกลงว่าช่วยกันล้างก็แล้วกัน ด้วยบริเวณหน้าอ่างล้างจานที่มีเนื้อที่จำกัด พวกเขาเลยยืนเบียดๆ หัวไหล่ชนกัน ต้นแขนเสียดสีกันไปมา ใช้เวลาเพียงแป๊บเดียวก็ล้างจานไม่กี่ใบจนสะอาด ก่อนจะคว่ำลงบนที่เก็บจานให้น้ำแห้งเป็นอันเสร็จ

คุณครูหนุ่มนั่งเล่นอยู่ที่โซฟารออาหารย่อย โทรทัศน์ที่เปิดอยู่ฉายละครช่วงหัวค่ำซึ่งอัลวินเปิดดูเพื่อฝึกภาษา บังเอิญว่าเป็นเรื่องเดียวกับที่นรินทร์มักเปิดทิ้งไว้ให้มีเสียงอยู่เป็นเพื่อน บ้านจะได้ไม่เงียบ 

"จะว่าไปก็คิดถึงพ่อกับแม่เหมือนกันนะเนี่ย" นรินทร์หลุดพึมพำออกมายามตัดเข้าโฆษณาเนื่องจากละครชูโรงเกี่ยวกับเรื่องครอบครัว

"พ่อแม่คุณอยู่ที่ไหนเหรอ" อัลวินหันมามองแล้วถามขึ้น

"อยู่ลำพูนครับ ผมเป็นคนลำพูน จังหวัดติดกับเชียงใหม่"

ทั้งที่เปรยอยู่กับตัวเอง คนที่นั่งข้างๆ กลับให้ความสนใจ เขาเลยเล่าให้ฟัง หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเสิร์ชแผนที่ประเทศไทยแล้วชี้ให้ดู "ไม่ค่อยได้กลับเลย สองสามเดือนถึงจะกลับบ้านที ผมโทรไปคุยประจำ แต่พวกท่านไม่ค่อยบอกคิดถึงผมเลย ไม่รู้ว่าไม่อยากให้เป็นห่วง หรือไม่เหงาเพราะมีลูกรักอยู่แล้วก็ไม่รู้" ประโยคหลังเบ้ปากเหมือนเด็กขี้น้อยใจ

"คุณมีพี่น้องเหรอ"

นรินทร์ขำออกมา อมยิ้มแล้วกดเข้าแกลลอรี่ภาพเปิดรูปให้ดู

"นี่ครับลูกรัก"

อัลวินยื่นหน้าเข้ามาใกล้ มือใหญ่จับโทรศัพท์จนเหมือนจับมือเจ้าของเครื่องอยู่ นรินทร์ปล่อยมือและให้อัลวินถือดูรูปเอง

"พันธุ์ไทยแท้ไม่มีผสม ผมเก็บมาจากวัดเมื่อตอนมอปลาย ชื่อน้องโอเล่"

คนฟังหัวเราะหึๆ เมื่อลูกรักที่นรินทร์ว่าดันเป็นหมา

"คุณเป็นลูกคนเดียวเหรอ"

"ก็เพิ่งบอกไปว่าผมเป็นลูกตกกระป๋อง" ครูรินยักคิ้วอย่างขี้เล่นพลางยิ้มเผล่ "ถ้าเป็นคน ก็เป็นลูกคนเดียวครับ" เขาถามกลับ "แล้วคุณล่ะ มีพี่น้องไหม"

"ก็...มีนะ น้องชาย"

ท่าทีสบายๆ ผ่อนคลายเหมือนมีความเย็นชาเข้ามาแทนที่เพียงชั่วขณะจนแทบไม่รู้สึกถ้าไม่ได้สังเกตดีๆ แต่นรินทร์นั้นมองหน้าคู่สนทนาอยู่ตลอดเวลา ดวงตาคู่คมมีแววที่เขาอ่านไม่ออก คนข้างตัวตอบสั้นๆ เพียงเท่านั้น ไม่ได้เล่าอะไรต่อเพิ่มเติม ครูรินเลยไม่ได้เซ้าซี้ถามต่อ ด้วยคิดว่าอีกฝ่ายคงไม่สะดวกจะเล่าเท่าไหร่

นิ้วของอัลวินเผลอเลื่อนไปปัดภาพ บังเอิญว่าภาพถัดจากเจ้าสุนัขไปดันเป็นภาพเจ้าของเครื่องพอดี รูปเด็กหนุ่มตัวผอมในชุดนักเรียนทำหน้าตลกๆ ให้กล้อง เป็นนรินทร์ตอนมอปลาย สมัยหัวยังเกรียนเพราะเรียน รด.

ครูรินอายเลยรีบคว้ามือถือกลับ แต่ไม่ทันอัลวินที่โยกแขนหลบได้ทัน

"เอาคืนมานะครับ" เขาร้อง

"หืม นี่ชุดนักเรียนไทยหนิ" ยังดีที่อีกฝ่ายไม่ล้ออะไร เพียงแต่ยิ้มๆ แล้วมองดูรูปอีกครั้ง "ตอนนี้คุณอายุเท่าไหร่

"สิบเจ็ดสิบแปดได้มั้ง" นรินทร์เกาแก้ม

"หน้าเหมือนเดิมเลย"

"ขอบคุณที่ชมว่าหน้าเด็กครับ" เขากระแอม เมื่ออีกฝ่ายเลื่อนไปดูรูปอื่นอีกซึ่งก็เป็นภาพเซทเดียวกัน "คุณอัลวิน! พอเลยๆ"

โดนดูรูปตอนมอปลายที่ทำตัวเกรียนๆ รั่วๆ ก็ต้องมีเขินกันบ้าง

"มีแต่ตอนมอปลายเหรอ อยากเห็นรูปคุณตอนเด็กๆ" อัลวินยังไม่หยุดค้นหารูปในเครื่อง นรินทร์สบโอกาสที่อีกฝ่ายดูรูปเพลินๆ แย่งมือถือกลับมาซุกเข้ากางเกงอย่างฉับไว "เดี๋ยวก่อนสิ ผมยังดูไม่หมดเลย"

"ใจคอจะไม่ขอผมก่อนเลยเหรอครับ"

"ขอก่อนคุณก็ไม่ให้ดูน่ะสิ"

"มันก็แน่ล่ะ" คนหวงรูปแยกเขี้ยว

"แค่ดูรูปเองไม่เห็นจะเป็นอะไรสักหน่อย"

"งั้นเอารูปคุณมาแลกสิ" นรินทร์ยื่นข้อเสนอ

"ผมไม่มีรูปในโทรศัพท์เลย" อัลวินว่า

"งั้นผมก็ไม่ให้ดู ไม่ยอมเสียเปรียบหรอก" ครูรินบอกอย่างเด็ดขาด ก่อนที่จะเหลือบไปเห็นนาฬิกาตรงผนัง "สองทุ่มแล้วเหรอเนี่ย ผมว่าผมกลับดีกว่า"

"คุณจะไปทำงานต่อเหรอ"

"ก็ไม่มีงานหรอกครับ แค่ไม่อยากรบกวน" 

แผนการสอนเตรียมแล้ว งานแปลบทความภาษาอังกฤษก็เพิ่งเคลียร์เสร็จส่งอีเมลล์ไปเมื่อคืน ส่วนการบ้านของเด็กๆ ก็ตรวจเสร็จไปตั้งแต่ตอนพักกลางวัน นรินทร์จึงไม่มีเรื่องที่ต้องทำเป็นพิเศษ 

"ถ้าเป็นคุณน่ะ ไม่ได้รบกวนเลย"

ได้ยินอัลวินว่าแบบนี้นรินทร์จึงไม่รู้จะตอบว่าอะไร ถ้าไม่คิดเข้าข้างตัวเองจนเกินไป อัลวินเดิมนั้นดูเข้าถึงยากและมีโลกส่วนตัวสูง แต่ช่วงนี้พวกเขาสนิทกันแล้ว คงหมายความว่าอยู่ด้วยกันแล้วทำตัวสบายๆ ได้อย่างไม่อึดอัดใจ ไม่เป็นการรบกวน 

"อยู่ต่อก่อนได้ไหม อย่าเพิ่งกลับ"

"อา..." นรินทร์เกาคออย่างเก้กัง ก่อนถาม "คุณจะทำอะไรต่อเหรอครับ"

"ผมว่าจะอ่านหนังสือภาษาไทย ถ้าไม่เข้าใจจะได้ถามคุณได้"

อ้อ ที่แท้ก็อยากได้คนสอนภาษาไทยนี่เอง

"ให้ผมสอนไหม" คนมีจิตวิญญาณความเป็นครูอยู่เต็มเปี่ยมเสนอตัว

ถ้าอย่างนั้นอยู่ต่อก็ได้ ไม่มีปัญหา ไหนๆ กลับบ้านไปก็ว่างไม่มีอะไรทำอยู่ดี   

"ไม่เป็นไร ผมติดตรงไหนค่อยถามดีกว่า"

นรินทร์พยักหน้าให้ หลังจากนั้นอัลวินก็ไปนั่งอ่านหนังสือที่โต๊ะ ส่วนเขาที่ไม่อยากลุกจากโซฟานิ่มๆ ที่นั่งสบายจึงหยิบหมอนอิงมาวางไว้บนตักแล้วเก็บขาขึ้นมานั่งขัดสมาธิ หยิบมือถือขึ้นมาเล่นอินเทอร์เน็ตไปเรื่อยๆ ครูรินไม่ค่อยติดโซเชียล ในอินสตราแกรมของเขาส่วนใหญ่เป็นรูปดอกไม้ใบหญ้า หมาแมวที่เจอแถวนี้แล้วเห็นว่าน่ารักจึงถ่ายมาลง มีรูปตอนไปเที่ยวซึ่งนานๆ ครั้งจะลงที กับรูปสมัยเรียนที่เพื่อนแท็กมา ส่วนเฟสบุ๊คนั้นแทบร้าง จะมีก็แต่ทวิตเตอร์ที่เล่นบ่อยสุด เอาไว้ตามข่าวกับเรื่องกระจุกกระจิกทั่วไป   

ฝนที่ตกพรำๆ มาตั้งแต่ตอนเย็นคงหยุดแล้วเพราะไม่ได้ยินเสียงฝนอีกต่อไป ทิ้งไว้เพียงแต่ความเงียบสงบที่เจือไปด้วยเสียงจิ้งหรีดเรไรร่ำร้องยามค่ำคืนให้ได้ยินแว่วๆ อากาศเย็นสบายและความชื้นน้อยๆ หลังฝนตกทำให้นรินทร์รู้สึกสบายตัว ขยับตัวสองสามทีเปลี่ยนท่านั่งให้ไม่เมื่อย ก่อนที่จะหลับตาลงเพื่อพักสายตาหลังจากตามข่าวคราวความเคลื่อนไหวในโซเชียลจนหมดแล้ว 

ความง่วงเข้ามาจู่โจมแม้จะยังไม่ดึกมาก เนื่องจากเมื่อวานเห็นว่าบทความที่แปลใกล้เสร็จแล้วเลยทำให้เสร็จไปเลยจนรู้ตัวอีกทีก็ดึกดื่นค่อนคืน เหลือเวลานอนน้อยกว่าปกติ นรินทร์หาวแล้วปาดน้ำตาที่ซึมออกมาตรงหางตาออก

อัลวินพลิกหน้ากระดาษ อ่านจนถึงหน้าเป้าหมายที่กำหนดไว้จนเสร็จ ไม่ต้องหันไปมองอีกคนที่อยู่ร่วมห้อง ประสาทสัมผัสก็บอกว่าคุณครูตัวผอมได้เผลอหลับไปเสียแล้ว คนฮ่องกงปิดหนังสือแบบเรียนภาษาไทยแล้วหยิบไปวางบนกองหนังสืออย่างเป็นระเบียบ ก่อนจะลุกขึ้นเดินไปปิดหน้าต่างไม่ให้ลมเย็นพัดเข้ามาเพราะอากาศภายในบ้านชักจะเริ่มหนาว 

เขาเข้ามาใกล้คนบนโซฟา สีหน้าเรียบนิ่งไร้ร่องรอยอารมณ์ ตาคู่คมมองนรินทร์ที่หายใจเข้าออกเป็นจังหวะสม่ำเสมอ หลับไปทั้งที่ยังอยู่ในท่านั่ง หัวพิงพนักเก้าอี้คอพับคออ่อนเอียงลงตามแรงโน้มถ่วง สองแขนกอดอกแน่นเพิ่มความอบอุ่นให้ตัวเอง

อัลวินย่อตัวลงไปให้ระดับใบหน้าเทียบเท่าอีกคน มือใหญ่ปัดผมม้าที่ตกลงมาปรกหน้าออกไปอย่างแผ่วเบา ก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปใกล้จับจ้องไปยังใบหน้าเนียนใส แพคนตาทาบลงบนผิวขาว ริมฝีปากสีระเรื่อเผยอออกเล็กน้อย

เขามองนรินทร์อยู่อย่างนั้นนานนับนาที เหมือนมีแรงดึงดูดบางอย่างให้ส่งมือไปไล้แก้มอีกฝ่ายเบาๆ ก่อนจะเลื่อนวนลงมาสัมผัสยังกลีบปากบาง

ความรู้สึกนุ่มนิ่มและอุณหภูมิอุ่นๆ ส่งผ่านมายังปลายนิ้ว เขาจงใจกดน้ำหนักลงไปอีกเล็กน้อยเพื่อสัมผัสได้เพิ่มขึ้น คลึงไปตามรอยหยักของกระจับปากอย่างแช่มช้า แล้วเลื่อนกลับมาที่แก้มอีกครั้ง

เขาจ้องมองนิ้วมือที่ได้สัมผัสความเนียนละเอียดของผิวเนื้อ นัยน์ตาสีเข้มเปิดเปลือยความปรารถนาที่มากขึ้น

กลิ่นหอมอ่อนๆ ชักจูงให้ใบหน้าหล่อเหลาเลื่อนเข้าไปใกล้จนรู้สึกได้ถึงลมหายใจของอีกฝ่าย

จมูกโด่งกดลงที่แก้มคนเผลอหลับ นิ่งค้างไว้เผื่อเก็บเกี่ยวความนุ่มเนียนและสูดดมกลิ่นหอมให้สมกับที่ได้แต่จับจ้องมานาน

อัลวินถอยใบหน้าออกมาอย่างรู้จังหวะ ขยับตัวออกห่างไม่ให้ดูใกล้ชิดมากจนผิดสังเกต ก่อนที่นรินทร์จะขยับตัวเล็กน้อยเมื่อถูกรบกวนการนอน เปลือกตาขยุกขยิกอยู่เพียงนิด แต่แล้วคนอดนอนก็ยังคงหลับพักผ่อนต่อไปโดยไม่รู้ตัวว่ามีคนมองอยู่ด้วยดวงตาเป็นประกายวาววับและมีรอยยิ้มวาดยังมุมปาก

ความต้องการไม่หยุดเพียงเท่านั้น เมื่อเห็นว่าคุณครูตัวผอมยังหลับสนิทอยู่ บุคคลที่มักจะมีสีหน้าเรียบเฉยอยู่เสมอก็มีสีหน้าพออกพอใจ ตาคมเต็มไปด้วยความกริ่มใจ โครงหน้าคมคายขยับเข้าใกล้นรินทร์อีกครั้ง

หากคราวนี้จุดหมายที่ครอบครองคือเรียวปากบาง

เขาซึมซับสัมผัสนุ่มที่แสนถูกใจอย่างช้าๆ และนุ่มนวล ก่อนจะผละออกมามองดูหน้าคุณครูหนุ่ม แล้วยิ้มอย่างพึงใจ 

ผ่านไปไม่นานนรินทร์ก็รู้สึกตัวตื่น เขากะพริบตาด้วยความงัวเงีย หลับไปช่วงหนึ่งแล้วตื่นขึ้นมาก่อนเวลานอนไม่กี่ชั่วโมงทำให้สมองเขามึนงง ก่อนดวงตาที่เต็มไปด้วยความง่วงงุนจะเหลือบไปเห็นเจ้าของบ้านที่เล่นโน้ตบุ๊กอยู่ นี่เขาเผลอหลับไปในบ้านอัลวินได้ยังไงนะ 

"ตื่นแล้วเหรอ" อัลวินหันมาเห็นพอดี

"คุณไม่ปลุกผมล่ะครับ" นรินทร์ถามเสียงงัวเงีย สางผมที่ยุ่งนิดๆ เพราะเสียดสีกับโซฟา

"คุณขี้เซาขนาดนั้นปลุกไปก็ไม่ตื่น" 

"ผมไม่ขี้เซาเสียหน่อย ทุกทีผมตื่นไม่ยากนะ" นรินทร์ขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่ออัลวินพูดหยอกเล่นและยิ้มมุมปาก เขาหยิบหมอนอิงออกจากตักไปวางที่เดิม ก่อนจะว่า "ดึกแล้ว งั้นผมกลับแล้วนะครับ"

"ผมเดินไปส่งแล้วกัน คุณดูยังไม่ตื่นดี เดี๋ยวจะไปเดินสะดุดอะไรเข้า"

"ไม่ต้องหรอก บ้านผมก็อยู่แค่นี้เอง" นรินทร์ส่ายหน้า รีบปฏิเสธ เขาไม่ใช่เด็กเสียหน่อย   

อัลวินเดินมาส่งแขกที่หน้าประตูบ้าน ครูรินหยิบร่มที่วางตากไว้หน้าบ้านขึ้นมาและเตรียมที่จะเดินกลับ

"ราตรีสวัสดิ์" อัลวินว่า

"ราตรีสวัสดิ์เช่นกันครับ" นรินทร์กล่าวลา

ระหว่างช่วงสั้นๆ ที่เดินกลับบ้านท่ามกลางอากาศชื้นๆ และกลิ่นดอกไม้ยามราตรี นรินทร์ก็กำลังครุ่นคิดบางอย่าง

ครั้งหนึ่งที่ไปเข้าห้องน้ำบ้านอัลวินต้องเดินผ่านห้องนอนของอีกฝ่าย เขาเผลอมองเข้าไปในห้องผ่านช่องว่างของประตูที่เปิดแง้มเอาไว้ คนอย่างอัลวินนั้นไม่น่าลืมปิดประตู อาจเป็นเพราะกลอนที่ล็อกประตูไม่แน่นหรืออาจจะเก่าแล้วทำให้หลุดออกมาจนบานประตูเปิดอ้าเสียมากกว่า แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นที่ต้องเก็บมาคิด

สิ่งที่ทำให้เขาสงสัยคือกรอบรูปที่วางอยู่บนหัวเตียงต่างหาก

รูปของหญิงสาวคนหนึ่ง   

เป็นใครกันนะ

ต้องเป็นคนสำคัญแน่ๆ ถึงได้วางรูปเอาไว้ที่หัวเตียง

อัลวินบอกว่าไม่มีแฟน แต่ไม่ได้หมายความว่าเมื่อก่อนไม่มี บางทีเธอคนนั้นอาจจะเป็นคนรักเก่าก็เป็นได้

นรินทร์หมุนร่มในมือขณะก้าวเดินอย่างเหม่อๆ จนมาถึงบ้าน ก่อนที่ครูหนุ่มจะบอกตัวเองให้เลิกสนใจเรื่องไม่เป็นเรื่อง จะคิดอะไรให้มากมาย เขาย่นจมูกด้วยความหงุดหงิดแกมหมั่นไส้

ระดับอัลวินถ้าไม่เคยมีแฟนสิถึงจะแปลก





-------------------------------

#รินรักล้นใจ

อะแฮ่ม คนขี้ฉวยโอกาสคือพระเอกของเราเอง บรรยากาศเป็นใจ หลังฝนหยุดตกอะเนอะ ในบ้านตัวเองอีกอะเนอะ ตอนนี้ก็ได้แต่แอบๆ ไปก่อน ต่อไปก็คงจะชัดเจนกว่านี้อะเนอะ

ส่วนครูริน จะรู้หรือเปล่าน้า



ออฟไลน์ cchompoo

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-4
Re: ❥ ริน รัก ล้น ใจ [ตอนที่ 10 P.4] 11/5/2019
«ตอบ #103 เมื่อ11-05-2019 19:53:08 »

อัลวินนี่นิ่งๆแต่ขี้ฉวยโอกาสจังนะ :oni1: :oni1:

ออฟไลน์ Panamapaper

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 49
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
Re: ❥ ริน รัก ล้น ใจ [ตอนที่ 10 P.4] 11/5/2019
«ตอบ #104 เมื่อ11-07-2019 22:57:21 »

 :oo1: ละมุนมากกกก

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด