ความเสี่ยงที่ 6
ผมเจอหวานแล้ว หวานเป็นน้องปีหนึ่งของผม
หวานเป็นรุ่นน้องภาคผม เรียนเต็ก
หวานอยู่สายรหัสเดียวกันกับฟ้าแฟนเก่าผม
และ
…
…...
หวานเป็นผู้ชาย
หวานเป็นคนอุ้มผมตอนเป็นลมอีกต่างหาก
วอทดาฟัก… อะไรจะแจ็คพอตขนาดนี้วะครับ..
หลังจากจบการผูกข้อไม้ข้อมือก็ได้เวลาพักเพื่อจะเตรียมตัวขึ้นรถไปมีตติ้งกันที่ระยองต่อ
ผมก็นั่งหน้ามึนรอพวกเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ แบ่งกลุ่มเพื่อรอขึ้นรถบัสที่จอดรอไว้ น้องหมิวบอกว่าปีนี้คนจะไปทริปมีทั้งหมดเกือบๆ สามร้อยคน น้องปีหนึ่งแปดสิบนิดๆ พวกปีสองถึงปีสี่อีกร้อยห้าสิบ ปีห้าน้อยหน่อย (ตั้งใจทำทีสิสไปเถอะพวกมึงน่ะ!!)
รวมกันกับพี่ปีแก่ๆ อย่างพวกผมอีกราวๆ สามสิบคน เสียงขานชื่อดังล้งเล้งไปหมด
ผมนั่งอยู่ที่ม้านั่งหน้าคณะ
“มีหวานเดียวแหละพี่ ไอ้หวานที่พี่เคยถามไง หล่อๆ มีไฝตรงนี้” เต้ หลานรหัสสุดรักของผมเอามือชี้หน้าตัวเอง
เออ กูแค่ถามเพื่อความมั่นใจไง
เผื่อชื่อมันจะโหล..
“เอาข้าวป่ะเฮีย” มันยื่นข้าวกล่องมาให้ ขณะที่ตัวมันเคี้ยวตุ้ยๆ
“ไม่เอาอ่ะ กินไปเมื่อตอนเย็นก่อนเข้าคณะ”
“เออ วันนี้ตอนผูกข้อมือนี่เฮียป๊อบนะ น้องต่อคิวกันเป็นแถวเลย บางคนไม่ได้บ่นเสียดายกันใหญ่” มันพูดแล้วนั่งลงข้างๆ ผม
“เหอะ มึงเห็นของไอ้พีท ไอ้น้ำ ไอ้บอยรึเปล่า ยังกะงานแจกลายเซ็น โน่น ยังยืนอ่อยน้องอยู่นู่น” ผมพยักหน้าไปทางคอร์ทกลาง นี่งานมีทแอนด์กรีทหรือเปล่าครับ ยืนหัวเด่ยิ้มร่าเริงอยู่สามคนในดงผู้หญิง
“เออจริง เดินมาดอยสายสิญจ์จากพวกผมตั้งสามสี่รอบ” เต้เห็นด้วย
“ทริปนี้จัดรถไปกี่คันอ่ะ” ผมถามขึ้นมา
“ไปกันสี่คันอ่ะพี่ ให้น้องเป็นหลัก พวกปีโตบางคนก็ขับรถไป”
“เออ ดีแล้ว ไม่เปลือง กูก็ไปกับเดอะแก๊งค์ พีท อาร์ต น้ำ”
“ขับดีๆ พี่ไม่ต้องรีบ ไปถึงก็น่าจะเช้ามืดแหละ เข้าที่พักก่อน กิจกรรมจริงๆ เริ่มสิบเอ็ดโมงโน่น”
“ดีๆ กูจะได้นอนก่อน ไม่ไหวๆ” ผมส่ายหัว
“เออ ไม่เป็นไรแล้วใช่ป่ะ ที่วันก่อนเฮียเป็นลมอ่ะ” เต้ถามขึ้นเร็วๆ “ผมงี้โคตรตกใจเลย”
“เออ ไม่เป็นไรละ นอนน้อย โรคกระเพาะด้วย” ผมเสมองไปทางอื่น อายอ่ะครับไม่ใช่อะไร...
“โอ้ย ดูแลตัวเองบ้างเฮีย โค้กอ่ะเลิกๆเหอะ” มันบ่นครับ มันบ่นผม!
“มึงกินเหล้า ดูดบุหรี่งี้แย่กว่ากูแดกโค้กป่ะเต้..” ผมทำหน้ายุ่ง
“พอกันอ่ะ..” น้ำเดินนำเข้ามา อ้าว งานมีทติ้งมึงจบแล้วเรอะ “นี่อาร์ตกับพีทไปไหนอ่ะ” มันถาม
“พีทไม่รู้ มันอยู่กับมึงไม่ใช่เรอะ แต่อาร์ตกูเห็นมันเดินไปกับพวกน้องหมิวปีสี่ทางนู้นเมื่อกี้” ผมบอก “เดี๋ยวกูโทรหาให้”
ผมกดโทรศัพท์หาอาร์ต บอกมันว่ารออยู่หน้าคณะบวกกับฝากมันตามหาไอ้พีทให้ด้วย พูดจบผมก็วางสายไป
“พี่น้ำ เป็นไงบ้างพี่ บริษัทดีไซน์ที่ทำอยู่” ไอ้เต้ถาม “ผมกำลังมองหาที่ฝึกงานตอนปีสี่อ่ะ”
“ก็ดี แต่มาถึงต้องดราฟก่อนอ่ะ นี่กูเขียนห้องน้ำมาสามเดือน เพิ่งได้แตะบันไดหนีไฟเมื่ออาทิตย์ก่อน” มันพูดเซ็งๆ
“โห งี้คือลืมเรื่องดีไซน์ไปได้เลย” น้องผมถอนหายใจหนักๆ “อยากออกแบบว่ะพี่ เข้าไปจะได้ทำมั้ยอ่าา”
“ทีละขั้นไงมึง อย่าใจร้อน รักจะเป็นเทพดีไซน์ล่ะก็” น้ำพูดอย่างใจเย็น
“ก่อนอื่นมึงก็จะได้เป็นเทพห้องน้ำ ต่อไปก็เป็นเทพบันไดหนีไฟเหมือนไอ้น้ำไง” ผมแทรกขึ้น
“เออ ถูกของมึง ตอนนี้หลับตาตีแคดห้องน้ำได้ละ สบาย” ไอ้น้ำพูดเสียงไร้อารมณ์
“ถ้าอยากออกแบบ มึงต้องไปบริษัทเล็กๆหน่อย จะได้มีโอกาสทำทุกอย่าง” น้ำแนะนำ
“อือ เห็นด้วย เข้าบริษัทใหญ่ต้องอดทน” ผมเสริม “มึงลองถามพวกไอ้เฟิร์สดูดิ่ รายนั้นบริษัทเล็กจริง มีเต็กอยู่สามคน ทำแม่งทุกอย่างตั้งแต่ออกแบบยันส่งเอกสาร เหนื่อยหน่อย”
“แต่ลองดูก็ดี กูเคยฝึกงานแบบนั้นแล้วอ่ะ จบมาเลยมาอยู่บริษัทใหญ่ดูบ้าง” น้ำพูดขึ้น
หลายๆคนในรุ่นผมก็ทำงานกันหลากหลายนะครับ คนที่ยังทำสถาปนิกสายออกแบบก็เยอะ หน้าไซท์ก็มีบ้าง ส่วนคนที่ออกไปทำอย่างอื่นเลยก็มี แต่มีผมเนี่ยแหละครับ ออกมาทำที่ปรึกษาอยู่คนเดียว
ผมเป็นมนุษย์ตรรกะตรงแด่วครับ จะมาออกแบบเอาใจลูกค้า ให้แก้แล้วแก้อีกงี้คงทนไม่ได้ (ไอ้ประเภท ทำไมออกแบบออกมาแล้วดูไม่แพงเลย หรือบอกว่างานไม่สวยแต่อธิบายเหตุผลไม่ได้ว่าไม่ชอบตรงไหนน่ะ) หรือจะให้ไปอยู่ราชการที่ต้องมีการเมืองเยอะๆ ก็คงไม่ได้อีก อาจารย์ที่ปรึกษาผมเลยแนะนำว่าผมน่าจะทำได้ดีกับอะไรที่มีข้อเท็จจริง มีตัวเลขให้เห็น จับต้องได้มากกว่า
ผมมันพวกต้องเอาเหตุเอาผลมาเป็นที่ตั้งน่ะครับ ไม่ชอบเดาเอาสุ่มๆ
เลยมาเป็นนักวิเคราะห์อยู่นี่ไง..._ _ _ _
“เต็กปีหนึ่ง เต็กปีสอง รถคันที่หนึ่งนะคะ ส่วนอินปีหนึ่งปีสอง รถคันที่สอง เต็กอินปีสาม รถคันที่สาม นอกนั้นอยู่คันที่สี่เลย” น้องหมิวเจ้าประจำประกาศเสียงดัง “ตัวแทนรถออกมารับน้ำดื่มด้วยค่าาา”
ลานหน้าคณะตอนนี้เต็มไปด้วยคนมากมายครับ ปีสี่กำลังช่วยเชคตามรายชื่อเพื่อให้มั่นใจว่าไม่ได้หลงลืมใครไว้ที่คณะ ส่วนพวกที่ขับรถตามไปเองก็ต้องรายงานตัวนะครับ เดี๋ยวจะไม่มีที่นอนเอา ส่วนพวกผมปีโตแล้วก็ใช้ไอ้น้องเต้ที่นั่งคุยกันเมื่อกี้นี่แหละครับไปจัดการให้ ลอยตัวครับพูดเลย
เวลาตอนนี้ประมาณสี่ทุ่มครึ่ง หลังจากมองดูน้องๆ บางส่วนทยอยกันเดินแถวขึ้นรถ พวกผมก็ได้เวลาเคลื่อนตัวกันบ้าง นอกเหนือจากพวกผมที่แบ่งรถกันไปสามคัน (ของพีท บอย และก็ปั่น) เพื่อนๆที่เข้าคณะมาวันนี้แต่ไม่ได้ไปทริปก็เตรียมตัวกลับบ้านเหมือนกัน
ตอนที่กำลังยืนรอระหว่างแบ่งรถกันอยู่สายตาผมก็เหลือบไปเห็นร่างสูงเด่ไอ้น้องหวาน
คนนั้น..
อืม ผู้ชายอะไรวะชื่อหวาน พ่อแม่มันคิดอะไรอยู่วะตอนตั้งชื่อ ชอบกินของหวานตอนท้องงี้ ตอนเด็กๆมันจะโดนล้อมั้ยอ่ะครับ หรือว่ามันเพิ่งมาเปลี่ยนเองตอนโต หรือตอนเด็กๆหน้ามันจะหวาน
เอ่อ.. อันนี้ไม่น่าจะใช่แฮะ..
หรือมันจะมีพี่ชื่อเปรี้ยว เออ อันนี้เข้าท่า.. ผมคิดหาเหตุผลไปเรื่อย จนรู้ตัวอีกที เจ้าของชื่อคนนั้นก็ยืนยักคิ้วให้ผมจึกๆ มองกลับมาทำให้ผมต้องรีบหันหน้าหนี
ก็ไม่ได้อยากมองหรอกครับ แต่มันตัวสูงไง
แล้วกูก็แค่สงสัยเรื่องชื่อมึงเท่านั้นแหละ “นั่งเบียดๆ กันไปหน่อยละกันนะ แป๊บเดียว รถไอ้บอยกับปั่นเต็มแล้วอ่ะ”
พีทบอกหลังจากที่เอ้กับฟ้าเดินมาขอติดรถออกจากคณะ
“สบายมาก เราไม่เกี่ยงอ่ะ” เอ้ ผู้หญิงผมสั้นเกรียนสุดจะคูลบอกปัดๆ
อย่างที่ว่าอ่ะครับ เอ้เป็นหนึ่งในสามมือกลองคณะ ตอนที่ปีผมออกไปเชียร์โต้กับที่อื่น สาวๆงี้กรี๊ดกันแทบสลบ ถึงขนาดมีคนถ่ายรูปเอาไปลงเพจคณะอะไรนั่นเช่นเดียวกับพวกไอ้น้ำ พีท และบอยผู้เป็นสมบัติคณะ (ตามที่คนอื่นเขาเรียกกัน) คนกดไลค์กันเป็นร้อยเป็นพัน
ไม่อยากจะพูดว่าผมยังไม่เคยได้ลงเลยอ่ะครับ ว่าแต่เป็นชัตเตอร์กดติดวิญญาณอยู่ข้างหลังพวกมันนี่นับมั้ยอ่ะครับ ถ้านับก็ได้ลงเยอะอยู่นะผมกะไอ้อาร์ตเนี่ย
“โอเค เอาของขึ้นรถหมดแล้วใช่ป่ะ” พีทถามแล้วกดเปิดประตูรถ BMW สีแดงของมัน
“กูนั่งหน้า!” อาร์ตรีบพุ่งตัวไปที่ประตูรถข้างคนขับทันที “กูเมารถ”
“เห้ยย ไม่เอาา กูเมากว่ามึงอีกเชี่ยอาร์ต มึงก็รู้” ผมแย้ง
“มึงนั่งข้างหลังตรงกลางไปก่อน เดี๋ยวกูเปลี่ยนให้” มันไม่ยอมครับ
“ต้องเปลี่ยนนะมึง พีท ถ้าไม่เปลี่ยนกูจะอ้วกใส่รถมึง!” ผมรีบขู่
พีทส่ายหัวด้วยความเซ็ง “เออๆ พวกมึงไปนั่งไป เดี๋ยวตอนแวะพักกูให้เปลี่ยน”
ผมเปิดประตูเข้าไปนั่งเบาะหลังตรงกลาง น้ำอยู่ด้านขวา ส่วนฟ้ากับเอ้นั่งเบียดกับผมที่ฝั่งซ้าย จะได้ลงง่ายๆ
อาร์ตรับหน้าที่กดเลือกเพลงสำหรับการเดินทางอยู่เบาะหน้า “เอาเพลงไรดีอ้ะ”
“ไม่เอาบอสซ่า เดี๋ยวกูหลับ” พีทตอบ อาร์ตกดสุ่มเพลงร็อคขึ้นมาจากไอโฟนของมัน “จัดไป”
ฟ้าย่นหน้า “นี่ต้องไปทะเลด้วยความเมทัลระดับนี้เลยเหรอ”
“ปลุกใจๆ” อาร์ตตอบขำๆ “เออ นี่ฟ้าทำอยู่ที่เดิมป่ะ ที่ทำคอนโดเยอะๆ” มันถามต่อ
“ช่ายย อยู่ห้องแบบเลยอ่ะ เหนื่อยดี ต้องคุยกับมาร์เก็ตติ้งด้วย แต่คงเหนื่อยไม่เท่าเอ้เนาะ” ฟ้าพยักหน้าไปทางอีกคน
“ใครจะอยากอยู่หน้าไซท์แบบเร๊าา” เอ้พูดขึ้น “ไอ้อาร์ตยังไม่เอาด้วยเลย แม่งเลือกฝ่ายแบบเฉย”
“ใช่ดิ่ ใครจะอยากออกไปตากแดดเหมือนมึงครับทอม ร้อนจะตาย” อาร์ตเบ้หน้าใส่ “กูชอบห้องแอร์”
“หวาย อ่อนนน ผู้ชายอะไรไม่แมนเลอออ” เอ้พูดล้อๆ
“ครับ ครับ บนรถนี่มึงแมนสุดละครับทอม” อาร์ตประชด
อย่างที่ผมเคยบอกครับ อาร์ตกับเอ้ทำงานที่เดียวกันแต่คนละฝ่าย อาทิตย์นึงจะเจอกันสักครั้ง เอาจริงๆสองคนนี้ตอนเรียนก็ไม่ได้สนิทกันมากนักนะครับ เพิ่งเห็นว่าแซวเล่นกันก็หลังจากเริ่มทำงานนี่เอง จริงๆ สมัยก่อนเอ้สนิทกับน้ำและบอยมากกว่าเพราะฝึกกลองด้วยกันตลอด กินนอนด้วยกันเป็นเดือนๆ
“เออ นี่ เมื่อกี้เราไปดูฝ่ายพยาบาลมา เลยขอยามาเผื่ออ่ะ” ฟ้ายื่นซองยามาให้ผม “แก้โรคกระเพาะ จะได้ไม่เป็นลมอีกไง”
“เอ้ย อย่าแซวดิ่ อายนะเนี่ย! แต่ขอบคุณมากฟ้า ช่วยได้เยอะเลย ขอบคุณมากๆ” ผมหยิบของมาจากมือแล้วพลิกซ้ายพลิกขวาดู
“สบายมาก” ฟ้าตอบ
ผมว่าทั้งรถเงียบนะ เงียบจนถึงขนาดได้ยินเสียงแอร์คลอไปกับเพลงร็อคของไอ้อาร์ตเลย
“อ้ะ เราลงตรงนี้แหละ” ฟ้าพูดขึ้น พีทเปิดไฟเลี้ยวและชิดซ้ายให้ตามคำขอ
“ขอบคุณมาก เที่ยวให้สนุกล่ะ”
“ขอบใจๆ” ทั้งสองคนพูดขณะก้าวลงจากรถ
“กลับบ้านดีๆล่ะ” อาร์ตเปิดกระจกแล้วพูดลา
“อย่ากินเหล้าเยอะล่ะ” ฟ้าเสริม “พีทขับรถดีๆนะ”
“คร้าบ” เจ้าตัวตอบรับเสียงยานคาง
“บายยย” ต่างฝ่ายต่างก็ร่ำลากัน อาร์ตกดกระจกข้างตัวขึ้นจนสุด
หลังจากพีทเลี้ยวรถออกมาได้ไม่เท่าไหร่อาร์ตก็ถามขึ้นทันที
“ตี๋ มึงกับฟ้านี่คุยกันได้เหมือนเดิมเลยเหรอวะ”
“เออ นั่นดิ่ กูกำลังจะถามเลย” พีทอดไม่ไหว
“กูก็คุยกะเขาแบบนี้ตลอดแหละ” ผมตอบ “ทำไม แปลกเรอะ”
“แปลกสิ มึงเป็นแฟนเก่ากันนะ ตอนนั่งแจกรุ่นน้องก็นั่งติดกัน แถมยังเอายามาเผื่อมึงอีกอ้ะ” อาร์ตหันหลังกลับมามองหน้าผม
“ไม่มีแบบ เข้าหน้ากันไม่ติดบ้างเหรอวะ กูกับแฟนเก่าที่เป็นเด็กอักษรนี่ เขาไม่มองหน้ากูเลยนะ” พีทถาม
“ใช่ๆ พวกมึงเหมือนเดิมมาก เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยอ่ะ” อาร์ตพูด
“โว๊ะ หนึ่ง เชี่ยพีท มึงบอกเลิกเขา สอง เชี่ยอาร์ต ทำไมกูกับฟ้าจะเป็นเหมือนเดิมไม่ได้ ไม่ได้มีเรื่องอะไรกันนี่หว่า คบกัน เลิกกันก็จบ เป็นเพื่อนกันมาตั้งหลายปี กูก็เหมือนพวกมึงที่เป็นเพื่อนเขาแหละ แค่ไม่ได้คบเป็นแฟนแค่นั้นเอง” ผมเถียง
“รู้ได้ไง เขาอาจอยากกลับมาเป็นแฟนกับมึงก็ได้” พีทโต้
“ไม่อ่ะ ฟ้ากับกูตกลงกันแล้วว่าตอนนี้เป็นเพื่อนกันดีกว่า มันไม่รู้สึกเหมือนแฟนแล้วอ่ะ” ผมตอบหนักแน่น
“แม่ง คนจริง” น้ำพูด “ตรงชิบหายยยยเลยยย” มันลากเสียงยาว
“เออสิวะ! ไม่มีใครกั๊กเหมือนมึงหรอก!” ผมพูดเสียงดัง โดยมีพีทหัวเราะเป็นลูกคู่ และอาร์ตนั่งพยักหน้าเห็นด้วยอยู่ข้างๆ
“เอ้า กูกั๊กอะไร” น้ำทำเสียงสูง
“น้องพลอยไง น้องพลอย ยังต้องถามอีกเหรอวะ” พีทเฉลย
“ไม่มีไรแล้วอ่ะ พี่น้องกัน ปกติๆ”
“ไอ้ตี๋อ่ะกูเชื่อ ว่ามันเลิกกับฟ้าจริงแต่ยังเป็นเพื่อนกัน แต่มึงน่ะ ให้ตายกูก็ไม่เชื่อ น้องพลอยยังเมนต์ยังกดไลค์เหมือนเดิมอยู่เลย แหววกว่าเดิมอีก” อาร์ตพูดรัวๆ
“แฮชแท๊ก bettertogether ก็ยังอยู่ ห่าา ไม่เนียน ไปเรียนมาใหม่” มันหยิบโทรศัพท์ให้ดูหน้าไอจีด้วยครับ ทำเอาไอ้น้ำเงียบไปเลย
“เออ กูไม่ได้เป็นไรกันแล้วจริงๆ เชื่อกูเห้อะ” มันพูดโอดโอย
“เอาที่มึงสบายใจเถอะครับคุณน้ำ” ผมประชดใส่ มันมองผมแล้วทำเบื่อโลก ทำเอาไอ้อาร์ตที่หันมาคุยอยู่หัวเราะพรูด ก่อนจะเลิกสนใจแล้วหันกลับไปเลือกเพลงในไอโฟนของมัน ส่วนพีทก็ได้แต่ส่ายหัวแล้วตั้งใจขับรถต่อ
สรุปพวกผมก็ยังเค้นมันไม่ได้อยู่ดีครับ แต่ก็ไม่ใช่ธุระอ่ะนะ ถ้ามันจะไหลไปได้เรื่อยๆก็ตามใจเหอะครับ
ผมขอนอนสักงีบแล้วกัน ถือซะเป็นการตุนล่วงหน้านะ
_ _ _ _
“นี่ๆ กูจะแวะปั๊มข้างหน้านะ พวกมึงจะเอาอะไรกันมั้ย” เสียงพีทพูดขึ้นทำให้ผมลืมตาตื่นมาแบบงงๆ
“อาร์ต ตี๋กับน้ำมันหลับป่ะวะนั่น หันไปปลุกพวกมันดิ้”
ผมลืมตามาพอดีกับที่อาร์ตหันหลังกลับมาดู ผมมองไปข้างๆ ไอ้น้ำที่เอาหัวพิงกระจกอยู่ก็เงยหน้าขึ้นมาพอดี
“พวกมันตื่นละ” คนตัวเล็กสรุป
ผมกระพริบตาปริบๆ บิดขี้เกียจแล้วหาวออกมาวอดใหญ่
“เดี๋ยวออกจากนี่กูเปลี่ยนขับให้มั้ย พวกมึงจะได้หลับบ้าง” ผมเสนอระหว่างพีทเลี้ยวรถ
“ไม่เป็นไร อีกชั่วโมงนึงก็ถึงแล้วแหละ น่าจะถึงซักตีสามพอดี นอนทีเดียว” ไอ้พีทตอบ “จอดนี่เนอะ”
มึงไม่ได้นอนหรอกเชื่อดิ่ แม่งต้องมีวงเหล้ากันตั้งกะไปถึงชัวร์..
“อือ โอเค เดี๋ยวกูไปเข้าห้องน้ำก่อน” อาร์ตขยับตัว
“ไปด้วยดิ่” ผมบอก
“กูก็ปวด” พีทก็ด้วย
“ไปกันให้หมดนี่แหละ โว้ะ” อาร์ตบอกตัดหน้าไอ้น้ำที่กำลังจะอ้าปาก
หลังจากพวกผมทำธุระกันเสร็จ ก็ได้เวลาเดินหาของกินในเซเว่นแล้วครับ
ผมเดินเลือกหยิบขนมกรุบกรอบใส่ตะกร้าไปเรื่อย ตามจริงแล้วผมไม่ค่อยชอบกินขนมถุงๆแบบนี้เท่าไหร่หรอกครับ นานๆ จะกินซักทีนึง แต่งวดนี้ผมตั้งใจจะไม่กินเหล้าครับ! เลยว่าจะหาของกุบกิบไปนั่งกินในวงแทน
“พวกมึงจะกินน้ำอะไรกัน.. ไอ้ตี๋… มึงห้ามแดกโค้ก” ไอ้พีทที่ยืนอยู่หน้าตู้แช่เย็นอยู่หันขวับมาบอก ขณะผมกำลังจะอ้าปาก
“เอ้า….” ผมร้อง
“เออ เอาน้ำเปล่าไปให้หมดนี่แหละ” พีทพูดแล้วหยิบน้ำขวดใหญ่ออกมาสามสี่ขวด “เผื่อตอนกินเหล้าด้วย”
“พวกกูอดเป็นเพื่อนมึงเลยนะเนี่ย” อาร์ตเดินมาโยนขนมใส่ตะกร้าที่ผมถืออยู่ “ขอบคุณพวกกูซะ”
“กราบขอบพระคุณครับคุณเพื่อน ผมจะไม่ลืมน้ำใจทุกท่านในครั้งนี้เลย”
“มากไปแสด” อาร์ตเอาศอกกระทุ้งผมเบาๆ
“ไปกันยัง” ไอ้น้ำที่กำลังเดินมาตามถามขึ้น
“กูอยากนอนต่อแล้วอ่ะ” มันพูด
_ _ _ _
ขึ้นรถมาผมก็นั่งหน้ามึนอยู่บริเวณเบาะหลังเหมือนเดิมครับ (ไอ้อาร์ตไม่ยอมแลกที่กับผมซะงั้น มันบอกว่าอยากจะเอนเบาะนอน) ไหนๆอีกชั่วโมงเดียวก็จะถึงรีสอร์ทละ ผมก็เลยไม่อยากหลับบนรถ ไอ้อาร์ตน่าจะหลับ (ไม่งั้นก็ต้องได้ยินเสียงจ้อมัน) ส่วนไอ้น้ำก็คอพับไปแล้วครับ ตื่นมาคุยกับไอ้พีทที่กำลังขับรถดีกว่า
“เดี๋ยวนี้มีตติ้งทะเลนี่เขาทำอะไรกันบ้างวะ ตอนพวกเราปีหนึ่งนี่เป็นไง กูลืมไปแล้วอ่ะ” ผมถามขึ้น
พีททำท่านึก “อืมมม รุ่นพวกเราปีหนึ่งก็เล่นเกม.. กินเหล้า แล้วก็เล่นโปโลน้ำแบบถอดกางเกง ที่พอลงไปแล้วพวกพี่ว้ากเอากางเกงไปซ่อนอ้ะ แม่ง.. ต้องเดินโทงๆ ขึ้นมาขุดหากางเกงที่ฝังไว้ในทราย เกมอะไรทุเรศชิบเป๋ง”
เออ ชัดเลย ภาพงี้ย้อนมาเป็นฉากๆ เกมอะไรเนี่ยจำไม่ได้หรอกครับ แต่เอะอะก็จะให้ถอดกางเกงลงทะเลอย่างเดียว พวกพี่ผู้ชายน่ะไม่เท่าไหร่ คือของมันก็เหมือนๆกันจะกลัวอะไร แต่พวกพี่ผู้หญิงนี่ดิ่! น่ากลัวมากครับพูดเลย นั่งมองอยู่ริมชายหาดไม่พอ บางคนยังเอากล้องขึ้นมาส่องด้วย
โหย ขนลุกพรึ่บ
“เออ กูจำอย่างอื่นไม่ได้เลยว่ะนอกจากการแก้ผ้า” ผมพูด “กูเคยถามฝั่งผู้หญิง เล่นเกมชิวๆ ทายคำงี้ บอลชายหาดงี้ เล่นน้ำทะเลงี้”
“จริง ภาพงี้ติดตากูไปเป็นเดือน” พีทพูดแล้วทำหน้ายู่
“ปีนี้ต้องมีอีกแหงๆ ไปนั่งไกลๆกันเหอะมึง กูไม่อยากเห็น ห้าปีที่ผ่านมานี่มันมากพอละ ทำไมชีวิตกูจะต้องมาเห็นของผู้ชายเป็นร้อยเป็นพัน” ผมโอดโอย
“ฮ่าๆ ไอ่เชี่ยตี๋นี่ มึงก็ว่าไป แต่พวกไอ้ปาล์มบอกว่าปีนี้ไม่มีแก้ผ้านะ” พีทว่า “มันว่าจะรับรวมกันทั้งหญิงชาย”
“เชื่อก็โง่ละ” ผมพูด “ไม่มีกูให้เตะเลย”
ไอ้พีทหัวเราะเสียงดัง
ผมกับมันนั่งคุยเรื่อยเปื่อยไปอีกสักพัก จู่ๆมันก็ถามขึ้น
“เออนี่ตี๋ กูถามอะไรหน่อยสิ”
ผมพยักหน้า “อือ ถามมาดิ่”
“มึงไม่เหงาบ้างเหรอวะ” มันพูด “ไม่มีแฟนอ่ะ”
“หือ ยังไง เหงาอะไรวะ”
“กูเหงา” พีทพูด “กูต้องมีคนคุยด้วยตลอด”
“เหอ.. มึงก็เลยคุยไปทั่วงี้”
“ตื่นเช้า ทำงาน กินข้าว ทำงาน กินข้าว กลับบ้าน จบ” มันพูด “มันเงียบไปว่ะ”
ผมทำท่าคิด “กูว่า… มึงแค่ปรับตัวไม่ได้เท่านั้นแหละ ปกติมึงเจอหน้าเพื่อนทุกวันเพราะอยู่หอเดียวกัน พอมาตอนนี้ ทุกคนแยกไปทำงานที่นั่นที่นี่ ไม่ได้เจอกันเหมือนเดิม ออฟฟิสมึงคนน้อยด้วยนิ่ มึงรู้สึกว่าสังคมมึงแคบลง มึงเลยรู้สึกเหงา”
มันพยักหน้า
“ซึ่งกูจะบอกว่า ที่มึงคุยกับหญิงไปทั่ว แม่งไม่ใช่ทางแก้ว่ะ” ผมพูดแทรกมันที่กำลังจะอ้าปาก
“มึงลองหาอย่างอื่นทำ หาเวลาอยู่กับตัวเองบ้าง อ่านหนังสือ ดูหนัง อะไรก็ได้คนเดียว มันดีกว่าที่คิด เชื่อกู”
มันถอนหายใจ “มึงนี่ให้คำปรึกษาได้ทุกครั้งจริงๆ”
“ก็กูรู้สันดานมึงไง” ผมตอบ
“เอ๊ะตี๋ รีสอร์ทมันชื่ออะไรนะ” พีทชะลอรถแล้วถามขึ้น “ใช่อันนี้รึป่าววะ”
“บ้านใกล้ทะเล” น้ำที่ไม่รู้ตื่นมาตั้งแต่เมื่อไหร่ตอบให้ “คุยกันขนาดนี้ใครจะหลับลง” มันบ่น
“ไอ้อาร์ตยังกรนอยู่เลอ” ผมชี้ไปหาอาร์ตที่เบาะหน้า
“มีแต่แม่งแหละหลับได้หลับดี” พีทพูดขำๆ แล้วหมุนพวงมาลัยเลี้ยวเข้าไปยังรีสอร์ท
ผมมองไปยังลานจอดรถ
“อ้าว ยังไม่มีใครถึงเลยว่ะ” พีทพูด ผมจับเบาะด้านหน้าแล้วชะโงกไปดู “จริงด้วย”
“เห้ย ดีๆ งั้นกูจะได้เชคอินแล้วนอนเอาแรงก่อน” พีทพูดอย่างดีใจ
“เย้ ได้นอนบนเตียงแล้ว” จู่ๆไอ้อาร์ตก็ทะลึ่งดีดตัวขึ้นมาจากเบาะ
“เชี่ย!” ผมอุทาน ตกใจหมดห่านี่
“ฮ่าๆ ขวัญอ่อนว่ะมึง” มันขำใส่ ผมเลยโบกไปที่กลางกบาลมันไปหนึ่งที
“โอ๊ย! ไม่เห็นต้องตีกูเลยอ้ะ!” มันโวย
“อ่ะๆ พอๆนะครับพวกมึง ลงไปได้ละ กระเป๋าใครก็หยิบเอาเองนะครับ” น้ำพูดตัดบท
“เอ้า ลงๆ” ผมเปิดประตู
_ _ _ _
พวกผมเช็คอินเข้าที่พักเป็นกลุ่มแรก
หลังจากโทรถามคันของบอยกับปั่นแล้ว พวกมันว่าอีกครึ่งชั่วโมงจะถึง ส่วนรถบัสน่าจะอีกชั่วโมง น่าจะถึงช่วงตีสี่นิดๆ
กิจกรรมคงได้เริ่มกันสิบเอ็ดโมงละครับ
ตอนนี้เป็นเวลาตีสาม แต่ทางรีสอร์ทก็ยังมีพนักงานอยู่ที่ฟร้อนท์นะครับ ดีจริงๆ นึกว่าจะต้องไปเคาะเรียกซะแล้ว
“เซ็นชื่อตรงนี้เลยค่ะ” สาวต้อนรับเงยหน้าขึ้นบอกพวกผม แหม่.. น้องกับเพื่อนนี่จ้องไอ้พีทกับไอ้น้ำซะจะทะลุแล้วครับ
“บ้านหลังนี้จองไว้ว่านอน 15 คน มีห้องนอน 3 ห้องใหญ่ ทางเราจัดเตียงไว้ห้องละ 5 คนนะคะ ตามมาทางนี้เลยค่า” อีกคนที่อยู่ด้วยกันพูดขึ้น แล้วสาวสองคนก็เดินนำพวกผมออกไปที่บ้านพัก
โฮลี่ชิท
มืด ชิบ หาย เลย ครับ
พนักงานสาวสองคนที่นำหน้าผมถือไฟฉายส่องทางเดินด้วยความคล่องแคล่ว นี่พรี่ต้องมีญาณวิเศษหรือพลังจิตก่อนมั้ยครับ ถึงจะเดินได้แบบน้อง ผมหันไปสบตากับอาร์ตแล้วพยักหน้าให้กัน
ถ้าโดนหลอกไปฆ่ากูก็จะมีเพื่อนละนะ
ผมมองดูแล้ว รีสอร์ทนี่ถือว่าเป็นระดับกลางๆ ไม่ได้หรูหราอะไรมาก ห้องพักส่วนใหญ่เป็นบ้านพักหลังใหญ่ ปลูกอยู่ห่างๆกันพอให้มีบริเวณเป็นส่วนตัว คงเอาไว้สำหรับคนที่มากันเป็นกลุ่มใหญ่ๆแบบนี้แหละครับ นี่พวกปีสี่ก็น่าจะเหมาทั้งรีสอร์ทไว้ หาที่ได้ดีเหมือนกันนะ หลังจากเดินตามสองสาวผู้นำทางไปสักพัก พวกผมก็ถึงที่นอนคืนนี้แล้วครับ บ้านหลังใหญ่มีสามห้องนอน สามห้องน้ำ หนึ่งห้องนั่งเล่น มีครัวเล็กๆ อยู่ที่มุมหนึ่ง พนักงานแนะนำบ้านคร่าวๆ แล้วก็ขอตัวกลับไป
พวกผมเดินสำรวจบ้านอยู่สักพักก็ยกของเข้าไปไว้ในห้องนอนห้องหนึ่ง ฟูกเดี่ยว 5 เตียงถูกวางปูไว้ที่พื้นอย่างดีพร้อมหมอนและผ้าห่มมุมหนึ่ง อีกฟากเป็นห้องโล่งๆ ที่พวกผมวางกระเป๋าเป้กองไว้
“พวกเราก็นอนห้องนี้ไปเลยละกัน แล้วพอพวกมันมาถึงค่อยว่ากัน” ผมสรุป
“โอเค รับทราบ ลาก่อน กูจะนอนละ” อาร์ตเดินแล้วทิ้งตัวจองที่
“มึงนอนมาตลอดทางยังไม่พออีกเรอะ” พีทบ่น “กูเนี่ยคนขับ” มันนั่งลงรื้อของออกจากกระเป๋า
“รีบๆ อาบน้ำ ล้างหน้าล้างตาแล้วนอนเหอะ พวกแม่งมาถึง ไม่ได้นอนแล้วแน่ๆ” น้ำพูดออกมา
พวกผมพยักหน้าเห็นด้วย ก่อนจะลุกขึ้นไปล้างหน้าล้างตากันทีละคนสองคน แล้วกลับมานอนเอาแรง
_ _ _ _
เสียงคุยกันที่อยู่ด้านนอกทำให้ผมงัวเงียตื่นขึ้น ท่าทางว่าพวกแม่งจะมาถึงกันแล้ว ผมคว้าแว่นสายตาข้างตัวมาใส่ลวกๆ ก่อนเปิดประตู ชะโงกหน้าออกไปดูคนที่มาใหม่
“เอ้า มึงหลับกันแล้วเหรอ” ไอ้นัททักผม
“อือ ไม่รู้แหละ กูนอนตุนก่อน” ผมหาวใส่มัน “แล้วนี่พวกเด็กมากันยัง” ผมมองเพื่อนๆคนอื่นๆเดินเข้าเดินออกห้องนอนอีกสองห้องอย่างง่วงๆ
“บัสมาถึงหลังกูสักสิบนาทีได้ กูเลยต้องช่วยต้อนทุกคนเข้าบ้านพัก ตอนนี้เรียบร้อยละ” นัทตอบ
“อ่ออ มิน่ามาช้า” ผมดูนาฬิกา ตีสี่ครึ่งแล้วเหรอเนี่ย
ผมกวาดสายตาไปทั่วๆ แล้วก็สะดุดกับลังเบียร์กระป๋องที่เฟิร์สเพิ่งยกเข้ามา “นี่พวกมึงจะกินกันตั้งแต่ตอนนี้เลยเรอะ” ผมตกใจ
“แหม่ เอามาวางไว้ก่อนไง หรือมึงอยากเปิดก่อนก็ได้นะครัช” บอยที่กำลังยกมาอีกสองลังพูดสมทบ
“ไม่เอา แสด กูกลับไปนอนต่อละ” ผมทำหน้าเซ็ง กลับไปนอนดีกว่าครับ “เออ ห้องนี้นอนได้อีกคนนะ ใครจะเข้ามานอนก็เอาเลย” ผมบอก
_ _ _ _
(มีต่อ)