Heartbeat: A Retelling of Beauty and the Beast เอาเล่มตัวอย่างมาอวดค่ะ (p.8)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Heartbeat: A Retelling of Beauty and the Beast เอาเล่มตัวอย่างมาอวดค่ะ (p.8)  (อ่าน 62577 ครั้ง)

ออฟไลน์ minemomo

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 89
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-1
***************************************************************************************
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*****************************************************************************************










Heartbeat 










: A Retelling of Beauty and the Beast













นิยายเรื่องใหม่ค่ะ  อย่างที่เห็นจากชื่อเรื่องเลยว่าเรื่องนี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก Beauty and the Beast   พอได้ข่าวเวอร์ชันคนแสดงของดิสนีย์ก็ปิ๊งไอเดีย และเลือดวายก็แผ่ซ่านจนกลายเป็นโฉมงามกับเจ้าชายอสูรในเวอร์ชันใหม่ที่รับรองว่าจะน่ารัก มุ้งมิ้ง อ่านแล้วฟินๆ เพลินๆ เชิญจิกหมอนกันได้ตามสบาย



















แม้ว่าจะได้แรงบันดาลใจจากเรื่องโฉมงามกับเจ้าชายอสูร
แต่เนื้อเรื่องก็มีการปรับ เปลี่ยน หักมุมบ้างในบาง/หลายจุด   
สำหรับตัวละครหลักแน่นอนว่าต้องเป็น เจ้าอสูร (the Beast)
แต่สำหรับบิวตี้ของเรื่องนี้มีนามว่า โจชัวร์ (Joshua)   
พ่อโฉมงามของเราจะเป็นใคร มาจากไหน แล้วจะต้องฟันฝ่าอะไรบ้างกว่าจะถึงตอนจบที่
ทั้งคู่ก็ได้ครองรักกันอย่างมีความสุขตลอดไป 
ไปติดตามรับชมกันได้เลยจ้าาาาา














PS: อีกหนึ่งช่องทางติดตามข่าวสารนิยายของ minemomo ค่ะ
 https://www.facebook.com/Minemomo-241717489520199/?ref=bookmarks (ftp://www.facebook.com/Minemomo-241717489520199/?ref=bookmarks)













Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-10-2017 19:18:52 โดย minemomo »

ออฟไลน์ PKT

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast
«ตอบ #1 เมื่อ23-04-2017 20:04:52 »

น่าอ่านๆ :katai2-1: :katai2-1: รอค่ะ ติดตาม

ออฟไลน์ แฟนตาเซีย

  • หืมม...?
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 557
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast
«ตอบ #2 เมื่อ23-04-2017 21:39:26 »

น่าสนใจค่ะ จะรออ่านนะ o13

ออฟไลน์ minemomo

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 89
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-1
Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast
«ตอบ #3 เมื่อ24-04-2017 05:21:35 »






Heartbeat 


: A Retelling of Beauty and the Beast









เบิกฤกษ์ตอนแรกเลยค่ะ
บอกกันไว้นิดนึงก่อนอ่านว่านิยายเรื่องนี้ใช้ภาษาเขียนเวิ่นเว้อ ยืดยาด
บางทีประโยคยาวเบื๊อยอาจสรุปง่ายๆได้ไม่กี่คำ  ใครไม่ชินอ่านแล้วอาจจะเหนื่อย

แต่ความยาวตอนๆหนึ่งกลับสั้นจู๋ ตีเป็นหน้าเวิร์ดก็ประมาณสี่ถึงห้าหน้าต่อตอนเท่านั้น
ค่อยๆทำความคุ้นเคยกันไปนะ แต่ถ้าชอบขอคำหวานๆเป็นกำลังใจให้หนูโจชัวร์กันสักนิดนะจร๊า














1




ณ ใจกลางป่ากว้างที่ไม่น่ามีสิ่งมีชีวิตใดออกมาเตร็ดเตร่นอกจากสัตว์กินเนื้อชนิดที่ออกล่าเหยื่อตอนกลางคืนกลับปรากฏร่างๆหนึ่งล้มลุกคลุกคลานอยู่เพียงลำพัง เมื่อมองดูให้ดีนั่นคือชายวัยกลางคนรูปร่างท้วมใหญ่ในชุดเสื้อคลุมขนสัตว์ราคาแพงแต่เสียดายที่ตอนนี้ทั้งซอมซ่อและมีรอยฉีกขาดอันเกิดจากการเดินทางสมบุกสมบัน สภาพของเสื้อผ้าก็ไม่ต่างจากผู้สวมใส่ หากใครที่เคยได้พบหรือเพียงได้ยินชื่อเสียงของ คุณมอร์ริส เจ้าของเรือเดินทะเลนับสิบลำที่เวียนเข้าออกเพื่อขนถ่ายสินค้าเป็นประจำที่ท่าเรือหลักของเมืองก็คงไม่อยากเชื่อสายตา พ่อค้าใหญ่ผู้มั่งคั่งยามนี้เป็นแค่ชายตกอับที่ไม่มีแม้แต่ม้าสักตัวจะโดยสาร ในกระเป๋าที่เคยตุงด้วยเหรียญทองและตั๋วแลกเงินกลับเต็มไปด้วยใบแจ้งหนี้ และจดหมายด่าทอของบรรดาคู่ค้าที่ถูกเบี้ยวเงิน
เขาไม่มีเงินสักแดง ไม่มีอะไรตกถึงท้องมาตั้งแต่เย็นวาน และหากยังหาทางออกจากป่าไม่ได้ เขาก็คงไม่มีชีวิตกลับไปเจอหน้าลูกๆเป็นแน่

.


มือหยาบกุมสาบเสื้อให้กระชับตัวเพื่อกันลมหนาว ดวงตาพร่ามัวพยายามมองฝ่าละอองหิมะในขณะที่สองเท้าก้าวต่อไปแม้จะรู้สึกสิ้นหวัง เขาภาวนาต่อพระเจ้า อ้อนวอนขอเพียงให้ได้กลับถึงบ้าน เขาแค่อยากกลับไปเจอลูกๆเป็นครั้งสุดท้าย หากจะตายก็ขอให้ได้หมดลมลงบนเตียงนอนของตัวเอง รายล้อมด้วยคนในครอบครัว ไม่ใช่กลางป่ากว้างแล้วกลายเป็นอาหารให้สัตว์ป่ารุมทึ้ง

.


“ขอได้โปรด...” คำขอดังแผ่วติดริมฝีปากแห้งผาก น่าผิดหวังที่กลายเป็นแค่ไอขาวแล้วสลายไป อาจส่งไม่ถึงพระผู้เป็นเจ้าบนสวรรค์

.


“โปรดประทานพร... ขอร้อง... สักครั้ง... แค่ครั้งเดียว...”

.


ร่างนั้นพลันหยุดชะงักราวถูกสาปให้กลายเป็นอนุสาวรีย์น้ำแข็ง ดวงตาอ่อนล้าเบิกโพลง สองมือทำท่าไขว่คว้าขณะที่สองขาขยับเร็วขึ้น พละกำลังที่เหลือน้อยนิดทำให้เขาหกล้มอยู่หลายครั้ง แต่ยิ่งเข้าใกล้สิ่งที่กำลังมองเห็น ความปีติก็เติมเรี่ยวแรงให้กลับฟื้น ไม่เหลือเค้าความเหนื่อยล้าอย่างเมื่อครู่อีกเลย

.


“ขอบคุณสวรรค์ ขอบคุณพระผู้เป็นเจ้า ขอบคุณ...”

.


เขาพร่ำพรรณนาให้กับภาพตรงหน้าที่อาจเป็นทางรอดเดียว จนเมื่อเข้าใกล้ความเป็นจริงแค่เอื้อมมือสัมผัส เขาก็พบว่ากำลังยืนอยู่ต่อหน้าสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่ บรรยากาศโดยรอบมืดสนิทจนมองไม่เห็นรายละเอียดใดๆ แต่เพียงแสงไฟริบหรี่ที่ลอดออกมาจากหน้าต่างบานหนึ่งก็เพียงพอจะชุบหัวใจให้กลับมามีชีวิตได้อีกครั้ง

.


“มีใครอยู่บ้างมั้ย” เขาพยายามตะโกนแม้จะไม่ดังอย่างที่ต้องการ “ข้าหลงทางมา ได้โปรดขอให้ข้าได้พักที่นี่สักคืน”

.


เขาพยายามเคาะจนกลายเป็นออกแรงทุบที่ประตู มีเพียงความเงียบและเสียงลมหวีดหวิวตอบกลับมา ยิ่งทำให้เขาสะท้านด้วยกลัวว่าความหวังเดียวจะเปล่าประโยชน์

.


“ใครก็ได้ โปรดมีเมตตา ข้าแค่ขอที่ซุกหัวนอน เศษอาหารสักมื้อ แค่เท่านี้จริงๆ ขอร้องเถอะ”

.


เขาทรุดตัวลงคุกเข่าอยู่หน้าประตู พร่ำวอนซ้ำไปซ้ำมาจนลำคอแห้งผากเป็นผง สายลมปนละอองหิมะปลิวฟุ้งยิ่งทำให้รู้สึกยะเยือกจนชาไปทั้งตัว ความหวังที่กำลังจะดับลงพร้อมลมหายใจสุดท้ายพลันสว่างขึ้นเมื่อมีสัญญาณความเคลื่อนไหวจากภายใน ประตูเปิดออกช้าๆพร้อมกับเสียงบานพับดังลั่น แต่สำหรับคนที่รอคอยนั้นประหนึ่งเสียงจากประตูแห่งสวรรค์

.


เมื่อเขาก้าวเท้าเข้าไป แสงเทียนก็เหมือนถูกจุดขึ้นด้วยมือที่มองไม่เห็น จากหนึ่งเป็นสองและสามสี่เรียงรายเป็นทางให้เดินตามจนมาถึงห้องๆหนึ่ง ที่กลางห้องปรากฏโต๊ะตัวยาวแต่มีเก้าอี้เพียงตัวเดียว เขารีบนั่งลงอย่างจดจ่อกับสิ่งที่วางอยู่ตรงหน้า

.


“เอ่อ... ถ้าข้าจะขอ...” เหมือนพูดกับตัวเองเพราะรอบด้านคือความมืดสนิท เทียนสว่างอยู่แค่เล่มเดียวและเพียงพอให้เห็นแค่อาหารค่ำอย่างง่ายๆ ขนมปัง ซุปร้อนๆ และเนื้อเสต็ก แต่แค่นั้นก็ทำให้เขาต้องกลืนน้ำลายอยู่ตลอด

.


“ถ้าอย่างนั้นก็... ขอบคุณนะครับ” เขาถือความเงียบเป็นคำตอบและเริ่มลงมืออย่างหิวโหย ชั่วพริบตาทุกอย่างก็หายเข้าไปอยู่ในท้อง ไม่เว้นแม้แต่เศษขนมปังป่นๆยังถูกหยิบเข้าปากอย่างระวัง ทั้งที่ในยามปกติมักจะถูกปัดลงพื้นแล้วกวาดทิ้งเป็นขยะ

.


เมื่อไวน์ทั้งเหยือกล่วงเข้าริมฝีปากหมดจนหยดสุดท้าย แสงเทียนก็สว่างขึ้นอีกครั้ง เขาลุกเดินตามอย่างว่าง่าย แม้ปลายทางจะยังเป็นห้องมืดเหมือนเดิม แต่เตียงหลังเล็กๆที่ตั้งอยู่ทำให้เขาไม่รอช้าที่จะล้มตัวลงนอนโดยไม่ลืมเอ่ยคำขอบคุณให้ทันก่อนที่ดวงตาจะปิดลงและหลับสนิท

.


มอร์ริสรู้สึกตัวอีกครั้งเมื่อดวงอาทิตย์ฉายแสงจ้าจนไม่อาจนอนต่ออย่างสงบ บรรยากาศรอบตัวทำให้เขายิ่งตื่นตาตื่นใจ ห้องมืดที่มองไม่เห็นอะไรเมื่อคืนแท้จริงแล้วงดงามราวกับความฝัน แม้เตียงที่เขานอนจะดูธรรมดาแต่ก็เป็นเตียงไม้หอมชั้นดีที่สงวนไว้เฉพาะราชวงศ์หรือชนชั้นสูง เมื่อประกอบกับเฟอร์นิเจอร์และเครื่องตกแต่งชิ้นอื่นๆที่ดูงดงาม มีราคาก็ยิ่งทำให้ห้องนี้หรูหราเกินกว่าจะเป็นที่พักแรมของชายหลงทางคนหนึ่ง

.


เขาลุกลงจากเตียงไล่ดูสิ่งของมีค่ามากมาย นึกเปรียบอย่างอดสูว่าครั้งหนึ่งก็เคยได้ครอบครองสมบัติล้ำค่าไม่ต่างจากของพวกนี้ แต่เพราะการคิดคำนวณที่ผิดพลาด คาดหวังกำไรมหาศาลจนประมาทและถูกหักหลัง ซ้ำร้ายมรสุมหลงฤดูก็กลืนกินเรือสินค้าของเขาไปจนเกลี้ยง เขากับลูกๆต้องรีบเก็บข้าวของที่พอหยิบฉวยย้ายออกไปอยู่นอกเมือง อาศัยปลูกผัก ทำไร่พอเลี้ยงตัวไปวันๆ วันหนึ่งได้รับข่าวดีว่าพบเรือที่หายไป เขาก็รีบเข้าเมืองด้วยความหวังว่าครอบครัวจะได้ลืมตาอ้าปาก แต่กลายเป็นว่าถึงขายไม้กระดานเรือแผ่นสุดท้ายยังไม่พอใช้หนี้ โชคดีเหลือเกินแล้วที่บรรดาเจ้าหนี้ยังมีมนุษยธรรม ไม่ถึงกับจะให้เขาชดใช้ด้วยชีวิต
.


นั่นคือเหตุผลที่เขาต้องซมซานกลับบ้าน โชคร้ายซ้ำหลงทางกลางป่า แถมเจอพายุเกือบตายจนได้มาพบที่แห่งนี้เข้า
เสียงดนตรีดังแว่วเรียกสติกลับมาจากคืนวันอันโหดร้าย เมื่อคืนเขาเดินไปตามแสงเทียน มาตอนนี้จึงเรียนรู้ที่จะก้าวตามเสียงเพลง รายทางที่เดินผ่านยิ่งเรียกความตื่นตาตื่นใจให้อ้าปากค้างอยู่ตลอด เครื่องตกแต่งทุกชิ้นบ่งบอกรสนิยมของผู้เป็นเจ้าของ และมูลค่าก็บ่งบอกฐานะชนิดที่ตัวเขาในอดีตเทียบไม่ติด หากได้ออกไปด้านนอกและเห็นทั่วทั้งบริเวณ เขาเชื่อว่าที่นี่จะต้องเป็นคฤหาสน์ที่งดงาม ตระการตาหลังหนึ่ง ไม่อยากเชื่อว่าจะมีสถานที่เช่นนี้อยู่กลางป่ากลางเขา

.


เสียงเพลงเงียบลงเมื่อเขากลับมายังที่เดิมซึ่งได้มีของกินตกถึงท้อง ห้องนี้ไม่เพียงแต่กว้างแต่ยังเป็นโถงสูง กลางเพดานคือช่อโคมไฟระยิบระยับ ผนังแบ่งเป็นช่องกรุกระจกใสโดยรอบทำให้ห้องดูโปร่งตา เสียแต่ว่าม่านหนาถูกปล่อยลงเกือบหมดทำให้พื้นที่ส่วนหนึ่งตกอยู่ในความมืดไปโดยปริยาย

.


“เชิญ” เสียงห้าวดังก้องมาจากหัวโต๊ะด้านหนึ่ง เจ้าของเสียงเหมือนซ่อนอยู่ในเงามืดทำให้ไม่เห็นหน้าค่าตา แต่เค้าร่างน่าจะเป็นชายตัวสูงใหญ่ แนวบ่ากว้าง ช่วงไหล่และแผงอกหนากว่าคนทั่วไป

.


มอร์ริสมองรอบตัวและเห็นที่นั่งเดิมของตนมีอาหารจัดวางพร้อมจึงเดินไปนั่งลงอย่างมีมารยาท อาหารเช้าอย่างง่ายๆแต่ดูน่ากินจนเขาไม่อาจรอช้า เมื่อไม่มีสัญญาณขัดขวางใดๆจึงลงมือกินอย่างหิวโหย ไม่ช้าก็หมดลงไม่เว้นแม้แต่เศษขนมปังเช่นเดิม

.


“เอ่อ... ขอบคุณมากสำหรับที่พักและอาหาร” เขาพยายามเพ่งมองหัวโต๊ะฝั่งตรงข้ามแล้วตะโกนบอก แม้จะดูเสียมารยาทก็ดีกว่าพูดปกติแล้วอาจจะไม่ได้ยินเพราะระยะที่ห่างกันเหลือเกิน

.


“ถ้าท่านต้องการสิ่งใดเป็นการตอบแทน...”

.


“แล้วเจ้าจะให้สิ่งใดตอบแทนได้บ้างล่ะ” เสียงห้าวสวนตอบจนคนถามเผลอสะดุ้ง ขนาดแก้วน้ำที่วางอยู่ยังเกิดอาการสั่นไหว

.


“เอ่อ... คือจริงๆข้าก็ไม่มีอะไรจะตอบแทนท่านได้หรอก” เขาตอบทั้งที่ก้มหน้า ความทดท้อกับโชคชะตาพาลให้ไม่อยากพูดอะไรต่อ หากเป็นเมื่อก่อนเขาคงควักกระเป๋า หยิบเหรียญทองโยนลงบนโต๊ะแล้วเดินออกไปอย่างผ่าเผย แต่ตอนนี้กลับจนตรอกจนต้องซานเข้ามาขออาหารประทังชีวิตไม่ต่างจากหมาข้างถนนตัวหนึ่ง

.


“เรื่องของเจ้า เล่ามา ข้าอยากฟัง”

.


เพียงเท่านั้นก็เหมือนประกายไฟจุดติดเศษฟางแล้วลามไหม้ไปทั้งทุ่งหญ้า เรื่องราวความเป็นมาของตัวเอง ชีวิตครอบครัวที่ต้องสูญเสียภรรยา เหลือเพียงพ่อและลูกๆสี่คน การต่อสู้บากบั่น เริ่มทำงานตั้งแต่เป็นลูกจ้างท่าเรือตัวเล็กๆจนกระทั่งมีเรือสินค้าในครอบครอง การค้าขายที่นำมาซึ่งความมั่งคั่งแต่ก็จบลงแบบสิ้นเนื้อประดาตัว การเดินทางจากบ้านพร้อมความหวังสุดท้าย แล้วต้องพบกับความผิดหวังอีกครั้งจนเกือบจะต้องจบชีวิตลงกลางป่า มอร์ริสบอกเล่าทุกอย่างโดยไม่ลังเลราวกับว่าที่อีกด้านหนึ่งของโต๊ะตัวยาวคือหลุมดำซึ่งจะช่วยดูดกินความโชคร้ายของเขาให้หมดไป เมื่อประโยคสุดท้ายจบลง เขาก็โล่งอก หัวใจที่เคยหนักอึ้งเบาสบายอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน

.


“ม้าเตรียมไว้พร้อมแล้วครับนายท่าน”

.


มอร์ริสสะดุ้ง ความวังเวงในค่ำคืนที่ผ่านมาชวนให้คิดว่าที่นี่ไม่น่าจะมีใครอาศัยอยู่ คนที่อีกฝั่งโต๊ะก็ดูแปลกเกินคน จนทำให้รายที่เพิ่งโผล่มาดูธรรมดาจนน่าตกใจ

.


“เชิญครับคุณมอร์ริส” ร่างสูงในชุดพ่อบ้านกล่าวซ้ำ

.


คนถูกเรียกลนลาน ถึงจะลุกจากเก้าอี้แต่ยังไม่กล้าขยับตัวไปทางไหน

.


“นายท่านสั่งให้เตรียมม้าไว้ให้คุณแล้ว เจ้าสโนว์เชื่องและถูกฝึกมาอย่างดี รับรองว่าคุณจะเดินทางกลับถึงบ้านได้แน่นอน ส่วนเรื่องอาหารและที่พักนั้นอย่าถือเป็นเรื่องต้องตอบแทน เพราะนายท่านต้องการให้คุณกลับไปหาครอบครัวอย่างปลอดภัยโดยมีน้ำใจของท่านติดตัวไปเท่านั้นก็พอ”

.


“ขอบคุณมากครับ ข้าสัญญาว่าจะไม่เอาสิ่งใดติดตัวไปอย่างที่นายท่านต้องการ ขอบคุณอีกครั้งสำหรับความกรุณาและขอลา”

.


เขาเข้าใจว่านั่นคือการเชิญตัวกลับและคำขู่ไม่ให้ทำตัวเป็นพวกมือไวใจเร็วอย่างสุภาพ จึงรีบเอ่ยลาและเดินตามออกมาที่ประตู ผู้นำทางหายตัวไปโดยไม่ทันให้สังเกต เรียกว่าพริบตาเดียวก็เหลือเพียงเขากับม้าตัวโตสีขาวปลอดราวหิมะ

.


“เจ้าคงชื่อสโนว์สินะ” เขาถูมือให้อุ่นแล้วค่อยๆลูบไปบนสันจมูกและหัวของม้าแสนเชื่องเพื่อสร้างความคุ้นเคย มันส่งเสียงร้องตอบแล้วยืนรอให้เขาเหยียบโกลน เหวี่ยงตัวขึ้นหลังอย่างง่ายดาย

.


สโนว์ค่อยๆเหยาะย่างและคงจะคุ้นทางเหมือนอย่างที่เจ้าของอ้าง เขาจึงวางใจและใช้เวลาช่วงสุดท้ายสำรวจคฤหาสน์รูปทรงโบราณที่อาจดูทรุดโทรมตามกาลเวลาแต่ยังคงความสง่างาม น่าเกรงขาม บริเวณโดยรอบคงจะเป็นสวนที่จัดตกแต่งอย่างดีแต่เสียดายที่ตอนนี้ถูกปกคลุมด้วยหิมะหนาจนขาวโพลนไปหมด

.


“เดี๋ยวๆ หยุดประเดี๋ยวนะเจ้าเพื่อนยาก” เขารีบดึงรั้งสายบังเหียนแล้วเบนทิศไปยังจุดที่หมายตา ที่กลางลานโล่งมีพุ่มไม้ใหญ่โดดเด่น แม้กิ่งก้านจะแห้งกรังไม่มีสีเขียวแซมสักจุด แต่กลับปรากฏดอกไม้สีแดงที่ยิ่งโดดเด่นสะดุดตาท่ามกลางสีขาวของหิมะ

.


“ทำไมอากาศอย่างนี้ถึงยังเหลือกุหลาบให้เห็นอีกนะ” เขารำพึงกับตัวเองด้วยความประหลาดใจ พลันคิดถึงเมื่อตอนออกจากบ้าน ลูกๆต่างรบเร้าขอของฝากมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า เครื่องแต่งตัว เครื่องสำอาง แต่หนึ่งในนั้นก็คือกุหลาบนี่ล่ะ

.


‘นะคะพ่อ แค่กุหลาบสักช่อ หรือดอกเดียวก็ได้ ลูกคิดถึงบ้านเก่าของเรา คิดถึงสวนดอกไม้ของแม่ ที่นั่นดอกไม้จะออกดอกงดงามทั้งปี แต่ที่นี่มองไปมีแต่ทุ่งหญ้าแห้งแล้ง ลูกเลยอยากได้กุหลาบมาทำให้รู้สึกสดชื่นขึ้นสักหน่อย’

.


ตอนนั้นเขารู้สึกขำความคิดแปลกๆของ เบลล่า ลูกสาวคนเล็กอยู่ไม่น้อย ถึงกับตกปากรับคำว่าจะขนกลับไปให้สักคันรถหนึ่ง แต่ตอนนี้คงเหลือแค่กุหลาบสักดอกอย่างที่เธอต้องการ แต่ทันทีที่เขาหักก้านริดกุหลาบดอกหนึ่งออกจากต้น เสียงคำรามอย่างสัตว์ป่าก็ดังกึกก้องไปทั่วทั้งบริเวณ เจ้าสโนว์หวีดร้อง ยกขาตะกุยตะกาย ตัวเขาที่ไม่ทันระวังตกลงมานอนกองที่พื้น สัญชาติญาณบอกว่าถึงหนีก็คงไม่รอดจึงได้แต่หมอบคู้ ตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว

.


“เจ้าผิดคำพูด” เสียงโฮกดังอยู่เหนือหัวเต็มไปด้วยอำนาจ แรงโทสะบันดาลให้พื้นดินสะเทือนลั่นจนเขาไม่กล้าเงยหน้ามอง “เจ้าสัญญาแล้วว่าจะไม่นำสิ่งใดติดตัวกลับไป”

.


“ขะ..ข้า ขะ..ขอโทษ” แม้จะเอ่ยสั้นๆ ปากคอก็พาลสั่นจนแทบฟังไม่รู้เรื่อง

.


“ตัวเจ้าก็ไม่ต่างกับดอกไม้ที่ถูกปลิดทิ้ง”

.


ดอกไม้ตัวปัญหาหล่นลงมาอยู่ต่อหน้าทำให้เขายิ่งหวาดผวา สีแดงสดบนพื้นหิมะดูไม่ต่างจากหยดเลือดแดงฉาน

.


“ข้าขอร้อง โปรดเมตตาเถิด ข้าไม่ได้ตั้งใจจริงๆ ข้าอยากจะทำตามคำขอของลูกสาวคนเล็ก นางต้องการแค่กุหลาบสักดอก ข้าเห็นว่าเพียงแค่นั้นคงไม่ใช่เรื่องหนักหนาอะไร”

.


“แค่ดอกเดียวที่ไม่ใช่ของเจ้าย่อมไม่ได้”

.


“ข้าทราบ ข้ารู้ว่าทำผิด แต่นายท่านช่างมีน้ำใจ โปรดอภัยให้พ่อผู้โง่เขลาคนนี้ด้วยเถิด ข้าทำไปเพราะความรักที่มีต่อลูก ได้โปรดเห็นใจสักครั้ง”

.


“หนึ่งชีวิตแลกหนึ่งชีวิต”

.


มอร์ริสขุดความกล้าอึดสุดท้ายขึ้นมาใช้ เขาอยากจะรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใครกันถึงได้มีอำนาจเที่ยวพิพากษาชีวิตคนอื่นราวผักปลา แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นเขาถึงได้รู้จักคำว่ากลัวจนแทบสิ้นสติ เขาผงะหงายและค้างอยู่อย่างนั้น ไม่กล้าขยับตัว ลืมแม้แต่วิธีหายใจ เพราะสิ่งที่อยู่ตรงหน้าไม่ใช่ตุลาการ แต่เป็นอสูรร้ายในคราบมนุษย์ ตัวมันสูงใหญ่กว่าชายหนุ่มทั่วไป เนื้อตัวมีขนปกคลุม โดยเฉพาะท่อนหัวมีขนยาวหนาคล้ายแผงคอราชสีห์ ดวงตาสีเหลืองอำพันเป็นประกาย ทั้งสันจมูก แนวกรามก็ดูใหญ่โต ซี่ฟันวาววับรับกับเขี้ยวแหลมที่ในปาก โครงร่างสูงใหญ่สวมเครื่องแต่งกายงดงามแต่ก็ไม่อาจปิดบังรังสีอำมหิต แค่ตวัดมือครั้งเดียว กรงเล็บใหญ่นั่นก็คงบั่นคอเขาขาดเป็นสองท่อน

.


 “ชีวิตของเจ้าแลกกับลูกคนเล็ก ถ้าชีวิตของพ่อมีค่ามากกว่าทุกสิ่งที่ปรารถนา ลูกของเจ้าต้องยินยอมอยู่แล้ว”

.


เงื่อนไขของเจ้าอสูรนั้นเลวร้ายจนมอร์ริสไม่อาจทนได้ นับจากภรรยาตายไป เขาเฝ้าเลี้ยงดูลูกๆด้วยความรัก แม้ยามที่ตกยากก็ยังพยายามทำให้พวกนางได้รับสิ่งที่ดีที่สุด แล้วจะให้เขาทนดูลูกตายไปต่อหน้าต่อตาได้อย่างไร

.


“ไม่นะครับ ลูกข้ายังเด็กนัก นางจะได้พบเจออะไรอีกมาก นางควรจะได้แต่งงาน มีครอบครัว มีลูก อย่าให้ชีวิตบริสุทธิ์ต้องจบสิ้นลงเพราะความโง่เขลาของข้าเลย”

.


ไอขาวพรูออกจากปลายจมูกใหญ่ ดวงตาสีอำพันส่อแววหงุดหงิดขึ้นเรื่อยๆ

.


“ข้ายังไม่ได้บอกว่าจะฆ่าใครสักหน่อย”

.


“แล้วท่านจะให้นาง...” เขาไม่กล้าต่อความ แค่จะคิดยังนึกหวาดว่าสัตว์หน้าขนตรงหน้าจะเอาผู้หญิงตัวเล็กๆไปใช้ประโยชน์อะไรได้

.


“ข้าจะแต่งงานกับลูกของเจ้า เขาได้จะมีชีวิตที่สุขสบาย ได้เป็นเจ้าของคฤหาสน์ใหญ่โต มีข้าทาสบริวารคอยรับใช้ แลกกับการที่เขาจะต้องอยู่กับข้าไปจนตราบลมหายใจสุดท้าย”

.


มอร์ริสแทบสิ้นสติอีกครั้ง หัวใจคนเป็นพ่อสั่งให้ปฏิเสธแต่ความหวาดกลัวยังทำให้อึกอัก

.


“หากเจ้าไม่ตกลงก็เตรียมตัวเป็นปุ๋ยบำรุงกุหลาบต้นนี้” อุ้งมือใหญ่ตวัดชี้ ปลายเล็บยาวแทงทะลุกุหลาบดอกใหญ่พาลให้คนมองตามรู้สึกเหมือนหน้าอกตัวเองเป็นรูไปพร้อมกัน

.


“ไม่นะ! ข้า...”

.


“ข้าจะให้เวลาเจ้ากลับไปเตรียมตัว อีกสามวันให้หลังข้าต้องได้พบลูกของเจ้าที่นี่ ไม่เช่นนั้นพวกเจ้าทั้งครอบครัวต้องชดใช้”

.


ประกายสีอำพันสะท้อนเข้ามาในดวงตาขลาดขาวราวกับจะผนึกคำประกาศิต จอมอสูรส่งเสียงคำรามกร้าวให้ร่างสั่นเทารีบหมอบกราบรับบัญชา เมื่อเงยหน้าเห็นเพียงรอยเท้าใหญ่บนพื้นหิมะ เหลียวมองรอบตัวแล้วเหมือนเพิ่งตื่นจากฝันร้ายที่สุดในชีวิต แต่เขารู้ตัวดีว่านี่คือความจริงที่โหดร้ายยิ่งกว่า

.


“นายท่านให้จัดเตรียมของขวัญสำหรับคุณและลูกๆ เจ้าสโนว์จะอยู่กับพวกคุณจนถึงวันที่กำหนดแล้วมันจะพาลูกของคุณกลับมาที่นี่เพียงลำพัง ไม่จำเป็นต้องนำอะไรติดตัวมาเพราะเราได้จัดเตรียมทุกอย่างไว้พร้อมแล้ว ขอให้คุณไม่ต้องเป็นห่วง”

.


มอร์ริสกำลังจะอ้าปากก็ถูกตัดบทและพาขึ้นนั่งบนรถเลื่อนขนาดเล็กที่มีม้าขาวเป็นกำลังขับเคลื่อน รอบตัวเขามีหีบและถุงสัมภาระหลายชิ้นแต่ทั้งหมดนี้ก็เทียบไม่ได้กับความหนักอึ้งในหัวใจ เขากำลังกลับไปหาครอบครัวพร้อมแก้วแหวนเงินทองที่ต้องแลกด้วยชีวิตของลูกสาวตัวเอง และนี่คงเป็นครั้งแรกที่เขานึกอยากเจอพายุหิมะแรงๆสักลูกเพื่อที่จะได้หลงทางแล้วตายอยู่กลางป่าดีกว่ากลับถึงบ้านแล้วต้องทำให้ทั้งเขาและลูกตายทั้งเป็น




--------------------------










จบไปแล้วสำหรับตอนแรก เปิดมาก็รันทดกันเลยทีเดียว

 :mew2:

หวังว่าจะชอบกันนะคะ










^__^


----- Mine -----





ออฟไลน์ PKT

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast
«ตอบ #4 เมื่อ24-04-2017 16:10:30 »

ฮือออออออ อยากอ่านต่ออออ
บรรยายดี ชอบๆ

ออฟไลน์ แฟนตาเซีย

  • หืมม...?
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 557
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast
«ตอบ #5 เมื่อ24-04-2017 20:02:03 »

และแล้วโจชัวร์ก็กำลังจะได้พบกับผั----

ออฟไลน์ darinsaya

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast
«ตอบ #6 เมื่อ24-04-2017 21:55:23 »

 :o8: :o8: :o8: :o8: :o8:

ออฟไลน์ Nupammee

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 9
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast
«ตอบ #7 เมื่อ24-04-2017 23:50:09 »

อืมมมมมมมม ไม่น่าเข้ามาอ่านอ่ะค่ะ .... ค้างชิบหาย เฮียยเอ้ยยย   :katai1:  :katai1:  :katai1: / ขอโทษที่หยาบค่ะ มาต่อเร็วๆนะไรต์รู้สึกแบบ ฮรืออออ อยากอ่านต่อออออววววว

ออฟไลน์ ซีเนียร์

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 778
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast
«ตอบ #8 เมื่อ25-04-2017 00:06:12 »

ติดตามจ้า  :L2:

ออฟไลน์ minemomo

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 89
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-1
Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 2
«ตอบ #9 เมื่อ30-04-2017 18:56:22 »






Heartbeat 





: A Retelling of Beauty and the Beast







ตอนที่สองมาแล้วค่ะ ไปรู้จักหนูโจชัวร์ของเรากันเลย












2






เสียงแม่ไก่ร้องระงมดังออกมาจากกรงที่ตีขึ้นด้วยแผ่นไม้หยาบ มองเข้าไปจะเห็นพื้นฟางแห้งดูหนานุ่มและสะอาด ไม่มีกลิ่นน่ารังเกียจเหมือนเล้าไก่ของบ้านอื่น แม่ไก่หลายตัวนอนจุมปุ๊ก หรุบปีกอูมกกสิ่งล้ำค่าที่เพิ่งหลุดออกจากตัว ดวงตาสอดส่ายระแวดระวัง แต่เมื่อดวงหน้าขาวคุ้นเคยเยี่ยมมองเข้ามาก็ยินดีขยับตัวลุกอย่างรู้งาน ไข่ไก่สีนวลอ่อนยังอุ่นจัดถูกเก็บอย่างระวัง แล้วตอบแทนด้วยถ้อยคำไพเราะ น้ำเสียงหวานละมุนเหมือนเช่นทุกเช้า


.



“ขอบคุณนะคุณเดซี่ คุณลิลลี่ คุณไวโอเลต วันนี้ก็อยู่กันดีๆเหมือนเคยนะ อ้อ! มีลาภปากด้วยล่ะ เมื่อวานนายแกสตันให้คนขนอาหารไก่มาให้ตั้งกระสอบแน่ะ บอกแล้วว่าไม่เอาก็ไม่ยอมฟัง แต่ช่างเถอะ เขาอยากให้เราก็รับไว้ ถ้ากินแล้วอร่อยพวกคุณๆก็ช่วยออกไข่เยอะๆ จะได้มีเหลือพอทำขนม เอาไปให้เขาเป็นการตอบแทนแล้วกันเนอะ”


.


เสียงร้องตอบราวรู้ภาษาเรียกรอยยิ้มขณะที่เจ้าตัวหยิบอาหารที่เตรียมมาโปรยปรายลงรอบๆเพื่อให้บรรดาแม่ไก่ออกมาจิกกิน ทีแรกตั้งใจจะเก็บกวาดเศษฟางหญ้าเก่าให้เรียบร้อยในคราวเดียวแต่เสียงเรียกดังมาจากตัวบ้านทำให้ต้องรีบวางมือ


.


“โจ! หายหัวไปไหนเนี่ย คิดจะอู้แต่เช้าเลยหรือนะ โจ! ยัยโจจจจจจแอนนนนน!”


.


ร่างเพรียวบางในชุดทะมัดทะแมงแทบจะปาไม้กวาดในมือลงพื้น แต่รู้ว่าทำไปก็พาลจะเสียของโดยไม่เกิดประโยชน์ใดๆ ตั้งแต่การค้าของพ่อประสบปัญหา ทุกคนในบ้านต้องช่วยกันประหยัด ไม้กวาดพังไปสักอันก็ถือเป็นเรื่องเดือดร้อนได้เลย


.


สิ่งเดียวที่ โจชัวร์ ทำได้และต้องทำมาตลอดตั้งแต่รู้ความคือการอดทน ถึงครึ่งหนึ่งในตัวเขาจะเป็นสายเลือดของพ่อ แต่การมีแม่เป็นคนรับใช้ทำให้กระดากที่จะบอกใครๆว่าเป็นเจ้าของบ้านคนหนึ่ง ยิ่งเมื่อเสียแม่ไป แถมครอบครัวยังมีปัญหาจนต้องย้ายออกมาอาศัยอยู่นอกเมือง ตัวเขาจึงไม่ต่างอะไรจากคนรับใช้ของพี่สาวต่างพ่อทั้งสามคน


.


“เลิกเรียกชื่อแม่ข้าได้มั้ย พี่จะเอาอะไรก็บอกมาดีๆ” เขากัดฟันบอก พยายามไม่ตะโกนเพราะนั่นจะยิ่งเป็นการยั่วอารมณ์ของ เบตตี้ พี่สาวคนที่สอง เจ้าของร่างเจ้าเนื้อและเสียงดังแปดหลอดที่สาบานได้ว่าเพื่อนบ้านที่อยู่ห่างไปอีกสามไมล์ก็ยังได้ยิน


.


“แหม! ก็มันติดปากนี่ เคยเรียกมาแต่ไหนแต่ไร แต่ก็ดีนะ ถึงตัวแม่จะตายก็เหลือลูกมาให้ใช้งานต่อ จริงมั้ยล่ะ เจ้าลูกคนใช้”


.


โจชัวร์ไม่เห็นประโยชน์ที่จะยืนฟังคำด่าที่ได้ยินมาตั้งแต่เด็ก จึงตั้งใจจะเลี่ยงเข้าครัวไปทำงานที่ค้างอยู่


.


“หยุดเดี๋ยวนี้นะ กล้าหันหลังให้ฉันเหรอโจแอน!”


.


“เลิกเรียกชื่อแม่ข้าซะที!” เขาเสียงดังตอบ ความอดทนที่มีถ้าใช้มากๆเข้าคงหมดลงได้สักวัน


.


เบตตี้ตั้งท่าจะเล่นงานน้องต่างแม่ให้หมดฤทธิ์ และยิ่งยิ้มกว้างเมื่อมีผู้ช่วยชั้นดี แมรี่ พี่สาวคนโตส่งเสียงเนือยๆลงมาจากชั้นสอง ไม่ช้าร่างซูบผอมที่ชอบใส่เสื้อรัดเอวให้ยิ่งคอดจนเหมือนจะหักคามือได้ก็เดินลงบันไดมา น้ำเสียงเย็นชาเข้ากันได้ดีกับใบหน้าเรียบตึง สีหน้านิ่ง และเหยียดมองคู่สนทนาอยู่เสมอ


.


“เอะอะเสียงดังอะไรกันแต่เช้า”


.


“พี่เบ็ตตี้ล้อชื่อแม่ข้า” โจชัวร์ฟ้องอย่างอดไม่ได้แม้จะรู้ผลลัพธ์อยู่แล้ว


.


“โธ่เอ๊ย! ทะเลาะกันเรื่องไร้สาระเนี่ยนะ กะอีแค่ชื่อ จะเรียกอะไรลูกคนใช้ก็ยังเป็นลูกคนใช้วันยังค่ำ ไปเอากาแฟมาเสิร์ฟไป๊”


.


เสียงเหยียดหยันบอกส่งๆแล้วเดินนำไปยังโต๊ะอาหาร แน่นอนว่ามีแค่สองพี่น้องที่นั่งรอทานมื้อเช้า บ้านหลังนี้ไม่มีคนใช้ คนทำงานมีเพียงโจชัวร์ กับพี่สาวคนที่สาม แต่รายนั้นก็สุขภาพอ่อนแอ ขี้โรคมาตั้งแต่เด็ก เขาจึงเหมาทำทุกอย่างทั้งงานบ้าน ทำอาหาร ซักล้าง ทำความสะอาด เลี้ยงไก่เพื่อให้ได้ไข่และเนื้อมาทำอาหาร และปลูกพืชผักไว้เพื่อกินเองและอาจขายได้เงินอีกเล็กน้อย


.


“แล้วเช้านี้มีอะไรกินก็ยกมาพร้อมกันเลยนะ นี่ก็ไม่รู้เมื่อไหร่คุณพ่อจะกลับมาสักที ถ้ากลับช้าก็น่าจะส่งข่าวมาบอกกันบ้าง ไม่รู้ว่าชุดที่สั่งไปจะได้เรียบร้อยหรือเปล่า ถ้าไม่ทันอาทิตย์หน้าล่ะแย่แน่ ไม่มีอะไรใหม่ๆใส่ไปงานวันเกิดยัยซูซานนาเป็นได้ถูกเมาท์จนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน ยัยนั่นก็ช่างกะไร กะอีแค่วันเกิดกระแดะจะจัดปาร์ตี้ โธ่เอ๊ย! ก็แค่งานเลี้ยงของพวกบ้านนอก นี่ถ้าได้เห็นปาร์ตี้ที่พวกเราเคยจัดกันทุกอาทิตย์ล่ะก็คงได้ตาค้าง ไม่มีหน้ามาดูถูกกันอย่างนี้หรอก”


.


ระหว่างรอทั้งคู่ก็เริ่มรำพึงรำพันถึงชีวิตรุ่งเรืองในอดีต และหากมีเวลาพอก็จะชวนกันออกไปเข้าสมาคมซึ่งไม่พ้นการหาเรื่องซุบซิบนินทากัน


.


“นั่นสิคะพี่แมรี่ จัดเบิร์ทเดย์ปาร์ตี้เพราะงกอยากได้ของขวัญเท่านั้นแหละ เค้กเอย ขนมเอยจะมีเลี้ยงมั้ย หรือถึงมีก็ไม่รู้จะกระเดือกลงหรือเปล่า น้องว่าเค้กที่คนใช้บ้านเราทำยังอร่อยเสียกว่า”


.


“ใช่สิ ฝีมือทำขนมของนังโจแอนน่ะขึ้นชื่อไปถึงไหนต่อไหน ไม่งั้นจะไต่เต้าจากห้องครัวมาถึงเตียงคุณพ่อได้ยังไงล่ะ”


.


โจชัวร์วางอาหารเช้าลงแล้วถอยห่าง ไม่อยากจะสู้รบในเกมที่ไม่มีวันชนะ เขารู้อยู่แล้วว่าเรื่องจริงๆของพ่อกับแม่ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่ถูกกล่าวหา พ่อเสียภรรยาไปหลายปีก่อน ความเหงาเลยทำให้หันมามองสาวใช้ในบ้าน แม้จะไม่ได้ยกย่องเชิดชูแต่พ่อก็ให้เกรียติแม่เสมอ ฝ่ายแม่ของเขาไม่ใช่คนทะเยอทะยาน แม้จะให้กำเนิดลูกชายซึ่งถือเป็นทายาทโดยชอบธรรมก็ไม่เคยแสดงตัวเป็นใหญ่ จะมีก็แต่คุณหนูทั้งสองที่คอยระรานข่มเหง แม่ถูกทำร้ายน้ำใจสารพัดแต่ต้องกล้ำกลืนฝนทน เมื่อจิตใจบอบช้ำร่างกายก็พลอยอ่อนแอทำให้จากเขาไปก่อนเวลาอันควร


.


“ไม่ต้องอู้ไปเที่ยวเล่นที่ไหนล่ะ ขึ้นไปเก็บกวาดห้องของพวกฉันด้วย เอาเสื้อผ้าเก่าออกจะได้เตรียมตู้ไว้ใส่ชุดใหม่ๆที่คุณพ่อจะเอากลับมา พวกหมวกเอย รองเท้าเอย เก็บออกมาทำความสะอาด ขัดให้เป็นเงาเลยนะ เผื่ออันไหนใส่เบื่อแล้วจะได้แจกให้พวกบ้านนอกที่ไม่เคยมีของดีๆใช้ แต่หีบเครื่องแต่งตัวน่ะอย่าได้ริอาจแตะต้องเชียว ของดีๆแพงๆโดนมือคนใช้แล้วจะเสียราคาหมด”


.


โจชัวร์รับคำแล้วก้าวขึ้นบันไดไปยังชั้นสองของบ้านทั้งที่ยังมีงานครัวค้างอยู่ เพราะหากรีรอก็จะโดนดุว่าไม่เชื่อฟังคำสั่งอีกกระทง


.


“โจ”


.


น้ำเสียงอ่อนๆเรียกให้เขาเงยหน้ามองและรีบก้าวขึ้นไปยังบันไดขั้นบนสุดที่ เบลล่า พี่สาวคนที่สามและอาจเรียกว่าเป็นคนเดียวที่เห็นเขาเป็นน้องยืนรออยู่


.


“โดนดุแต่เช้าเลย ขอโทษนะที่พี่ช่วยอะไรเราไม่ได้ ถ้าพี่เข้มแข็งกว่านี้ก็คง...”


.


“ไม่ต้องห่วงหรอก แค่นี้เอง สบายมาก” เขาส่งยิ้มให้ร่างบอบบางน่าทะนุถนอม พี่สาวคนนี้สุขภาพอ่อนแอทำให้ทุกคนในบ้านต้องคอยดูแลจนบางครั้งเขายังรู้สึกว่ามีน้องสาวมากกว่า เธอเป็นคนเดียวที่ปฏิบัติกับเขาอย่างเท่าเทียม แม้จะห้ามปรามพี่ทั้งสองไม่ได้ก็ยังช่วยปลอบโยนและเป็นกำลังใจให้อยู่เสมอ


.


“จ๊ะพี่รู้ โจของพี่เก่งเสมอ” รอยยิ้มอ่อนๆยิ่งส่งให้เธอดูสวยน่ารัก และแม้จะไม่ใช่สาวสังคมเหมือนอย่างพี่ๆแต่เธอเป็นคนเดียวที่มีคู่หมั้นเป็นตัวเป็นตน แม้ครอบครัวตกยาก เขาคนนั้นก็ยังมั่นคง เพียงแต่หน้าที่การงานทำให้ไม่สามารถตามมาที่นี่ แต่เขาให้สัญญาว่าจะรีบจัดการแต่งงานและรับเธอไปอยู่ด้วยโดยเร็วที่สุด


.


“โจไม่ต้องขึ้นมาทำความสะอาดหรอกนะ เดี๋ยวพี่ทำเอง จะทำส่วนของพี่แมรี่กับเบตตี้ด้วย โจเสียสละยอมลงไปนอนที่ห้องเก็บของก็น่าสงสารพออยู่แล้ว ไหนจะต้องทำทั้งงานในบ้าน นอกบ้านอีกสารพัด พวกพี่สิได้แต่นั่งๆนอนๆ ไม่ได้ช่วยอะไรเลย”


.


“อย่าเลย เจอฝุ่นมากๆจะไม่สบายไปอีก ตอนนี้รีบลงไปทานมื้อเช้าดีกว่า ข้าทำไว้ให้แล้ว” เขารุนหลังร่างบางให้ก้าวลงบันได “ไปเร็วๆสิครับ ทำตัวดีๆ ว่าง่ายๆน๊า พี่บ็อบจะได้มาสู่ขอเร็วๆ”


.


เขาส่งยิ้มตามจนพี่สาวลับสายตาไปจึงหันกลับเพื่อเผชิญหน้ากับงานที่รออยู่ ต้องขอบคุณที่บ้านหลังนี้เล็กกว่าบ้านที่เคยอาศัยในเมือง ห้องของพ่อและพี่สาวทั้งสามอยู่ชั้นบนส่วนเขาอาศัยนอนที่มุมหนึ่งของห้องเก็บของที่ชั้นล่าง ห้องนอนของแมรี่กับเบตตี้เป็นห้องใหญ่ที่สุดของบ้านและไม่น่าเชื่อว่าจะรกที่สุดเช่นกัน เสื้อผ้าใช้แล้วพาดไว้กับโซฟาบ้าง เก้าอี้บ้าง รองเท้าครบคู่บ้าง หายไปอยู่คนละมุมห้องบ้าง หน้าโต๊ะกระจกเต็มไปด้วยผงแป้งและสีเครื่องสำอาง ขนาดหีบที่เจ้าของหวงนักหวงหนายังเปิดอ้า แหวน สร้อย ต่างหูที่ควรถูกวางเป็นสัดส่วนรวมกันเขละขละชวนให้นึกถึงเครื่องประดับราคาถูกที่วางขายแบกะดินในตลาดนัดของหมู่บ้าน


.


โจชัวร์ส่ายหน้าน้อยๆและเริ่มลงมือเก็บกวาดเหมือนที่ต้องทำเป็นประจำอยู่แล้ว ไม่ถึงขึ้นรื้อของทุกชิ้นออกจากตู้เพราะเชื่อว่าพี่สาวคงไม่ได้ตั้งใจให้ทำอย่างนั้นจริงๆ แต่แค่ทำความสะอาด เก็บกวาด จัดของให้เข้าที่เข้าทางก็กินเวลานานพอดู จนเกือบจะถึงเวลามื้อเที่ยงที่เขาพบตัวเองยืนอยู่กลางห้องกว้างที่ดูเรียบร้อย แต่ก็เชื่อได้เลยว่าจะคงสภาพนี้อยู่ได้ไม่นาน


.


เขาเหลียวมองรอบห้องเพื่อความแน่ใจแล้วก็สะดุดกับเงาในกระจกบานสูงที่ตั้งอยู่มุมหนึ่ง คนในกระจกนั้นอายุเกือบจะยี่สิบแล้วแต่ยังดูเหมือนเด็กชายไม่รู้จักโต รูปร่างเพรียวบางสมส่วนค่อนไปทางผอม แขนขาเรียวยาว ผิวเนื้อนวลสีอ่อนราวกับเปลือกไข่ เมื่อก้าวเข้าไปมองใกล้ๆจะเห็นดวงหน้าเรียวรูปหัวใจ ดวงตาสุกใสสีน้ำตาลอ่อนรับกับเรือนผมยาวเคลียไหล่ที่มัดไว้เป็นหางม้า จมูกโด่งปลายเล็กเรียว ริมฝีปากได้รูปสีสดตามธรรมชาติ ทุกคนต่างบอกว่าเขาคล้ายแม่มาก ซึ่งอาจจะมากเกินไปจนบางครั้งถูกทักผิดว่าเป็นผู้หญิง แต่เขาก็ไม่ทุกข์ร้อน ถ้าส่องกระจกแล้วเห็นแม่ได้ก็ถือเป็นความสุข นี่ถ้าโลกนี้มีกระจกวิเศษที่จะทำให้เห็นคนที่อยากพบได้ เขาจะรีบหามาไว้ในครอบครองสักบาน


.


เขายิ้มให้ตัวเองอีกครั้งแล้วออกจากห้องเพื่อกลับลงไปด้านล่าง ในหัวกำลังนึกทวนสิ่งที่ต้องทำเป็นลำดับต่อๆไป อย่างแรกคือมื้อเที่ยง เสร็จแล้วก็เก็บกวาดทำความสะอาดบ้าน พอแดดร่มลมตกก็ออกไปจัดการแปลงผัก แวะไปดูพวกแม่ไก่สักหน่อยค่อยกลับมาทำมื้อเย็น เวลาหนึ่งวันคิดไปไม่นานเลยถ้ามีเรื่องมากมายให้จัดการ ยังสงสัยว่าพวกพี่ๆทำไมถึงชอบบ่นว่าวันเวลาช่างยาวนานจนพวกเธอเบื่อจนไม่รู้จะเบื่อยังไงแล้ว


.


ทว่าแผนการทั้งหมดต้องสะดุดเมื่อพบว่า... พ่อกลับมาแล้ว!


.


พ่อกลับมาพร้อมกับม้าสีขาวที่มีชื่อสมตัวมาก เขารับอาสาพาเจ้าสโนว์ไปหาน้ำและหญ้ากินในขณะที่พวกพี่ๆช่วยกันขนสัมภาระกองโตเข้าบ้านด้วยความกระตือรือร้น


.


“ขอโทษนะที่เราไม่มีคอกม้าให้เจ้าอยู่ แต่ต้นไม้ตรงนี้ก็ร่มดี ข้าจะผูกเชือกไว้ให้ยาวๆเจ้าจะได้เดินไปเดินมาได้ไกลๆดีมั้ย” เขาบอกพลางลูบขนคอยาวสลวยของเจ้าม้าที่กำลังจุ่มปากลงในถังน้ำอย่างกระหาย เมื่อยกหัวขึ้นมาก็สะบัดจนละอองน้ำกระเซ็นไปทั่ว


.


“หวา เปียกหมดเลย อย่าแกล้งกันสิสโนว์” เขาร้องอู้แล้วต้องยืนหลับตาปี๋ด้วยความตกใจเมื่อเจ้าม้าแสนรู้แลบลิ้นเลียแก้มเบาๆเหมือนอยากจะไถ่โทษ


.


เขาอยู่เล่นกับเจ้าสโนว์อีกพักใหญ่ก็ปล่อยให้มันได้เล็มหญ้าไปตามประสา เมื่อกลับเข้ามาในบ้านก็พบพี่ใหญ่ทั้งสองกำลังวุ่นรื้อค้นข้าวของและจัดสรรแบ่งปันกันด้วยความตื่นเต้น ขนาดเบลล่ายังเอาแต่ลูบคลำชุดเย็บปักถักร้อยกับชื่นชมพับผ้าแพรสีสวยไม่วางตา


.


“เรื่องเรือสินค้าเรียบร้อยดีหรือเปล่าครับ” เขานั่งลงที่ด้านข้าง อดแปลกใจกับสีหน้าของผู้เป็นพ่อไม่ได้


.


“เป็นเรือของเราจริงแต่พ่อก็ต้องขายใช้หนี้เขาไปหมด ตอนนี้พวกเราหมดตัว ไม่เหลืออะไรแล้ว”


.


มอร์ริสบอกเสียงเศร้า ดวงตาแดงชื้นเฝ้ามองลูกทีละคน แมรี่อายุสามสิบกว่าแล้ว คงหมดหวังเรื่องคู่ครอง แต่นิสัยไว้ตัวอย่างนั้นก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ผู้ชายต่างพากันส่ายหน้า เบตตี้ แม้จะยังมีหวัง แต่รูปร่างอวบเกินงามกับนิสัยเอะอะโวยวายก็คงเป็นอุปสรรคใหญ่ เบลล่า ลูกสาวที่ได้เค้าแม่มาทั้งหน้าตาและสุขภาพอนามัย แต่โชคดีที่เธอมีคนดีๆรอที่จะปกป้องดูแล นับเป็นลูกที่เขาห่วงน้อยที่สุด และเจ้าคนเล็ก โจชัวร์ มองกี่ครั้งก็ชวนให้นึกถึงแม่ของเขา เจ้าของรอยยิ้มสวยและกลิ่นหอมหวานของขนม เด็กคนนี้มีความฉลาดเฉลียว นิสัยใจคอน่าคบหา เชื่อว่าจะเอาตัวรอดและสืบสายเลือดของตระกูลให้ยืนยาวได้ต่อไป


.


“แล้วมีปัญหาอย่างอื่นหรือเปล่าคะ ทำไมสีหน้าพ่อดูไม่ดีเลย” เบลล่าเอ่ยถาม พาให้พี่อีกสองคนเลิกแย่งรองเท้าแล้วหันมาให้ความสนใจพ่อตัวเองบ้าง


.


“ถ้าไม่เหลืออะไรแล้วของพวกนี้พ่อเอามาจากไหนล่ะคะ แค่จับดูหนูก็รู้แล้วว่าของดีๆแพงๆทั้งนั้น แล้วไหนจะ...” เบตตี้สอดส่ายตาสำรวจ “หีบนั่นอีก มีอะไรอยู่ในนั้น เมื่อกี้ตอนยกเข้ามาหนั๊ก หนัก”


.


โจชัวร์ไม่ทันสนใจจึงเพิ่งเห็นว่ามีหีบใบย่อมๆวางอยู่ข้างเก้าอี้ พี่สาวส่งสายตาเป็นคำสั่ง เขาจึงยกหีบนั้นขึ้นมาแล้วเปิดออกต่อหน้าทุกคน


.


“ทอง!!” ลำพังเบตตี้ก็เสียงดังอยู่แล้ว เมื่อรวมพี่น้องทุกคน ไม่เว้นแม้แต่ตัวเขา เสียงจึงดังก้องตัวบ้าน


.


“เรารวยแล้ว! ทองทั้งหีบ มากพอจะเอาบ้านของเราคืนมาด้วยซ้ำ ทำไมพ่อยังบอกว่าหมดตัวอีกล่ะ?!” แมรี่ร้องถามขณะถลาเข้ามาดึงหีบไปไว้ใกล้ตัวเพื่อสำรวจปริมาณเหรียญทองที่อยู่ด้านใน


.


“แล้วทีนี้เราก็จะซื้อทุกอย่างที่เราเคยมี เสื้อผ้า รองเท้า แหวน ต่างหู เราจะจัดปาร์ตี้เชิญทุกคนในเมืองเพื่อประกาศว่าเราไม่ได้จนตรอกอย่างที่ใครๆคิด ใครที่เคยดูถูกเราจะต้องหน้าแตก พวกผู้ชายที่เคยเมินเราก็จะต้องเสียใจ” เบตตี้รีบเสริม


.


“หมายความว่าหนูกับบ็อบก็จะได้แต่งงานกันเร็วกว่าที่คิดด้วยใช่มั้ยคะพ่อ โอว สวรรค์ หนูดีใจที่สุดเลย อยากให้บ็อบได้รู้ข่าวดีนี้เร็วๆจัง” แม้แต่เบลล่าผู้เคยเซื่องซึมยังสดใสร่าเริงขึ้นทันตา


.


มอร์ริสมองลูกสาวทั้งสามแล้วถอนหายใจหนักๆ ทุกคนต่างยินดีกับสิ่งที่ไม่ใช่ของตนจนลืมสงสัยถึงที่มาที่ไป ถ้าได้รู้ว่าของทุกอย่างล้วนมีราคาและหนึ่งในพวกเธอกำลังจะต้องจ่ายราคาที่แพงแสนแพงนี้จะเกิดอะไรขึ้น


.


“ฟังพ่อก่อนเถอะลูก”


.


เขาข่มกลั้นความอดสูแล้วค่อยๆลำดับเรื่องราวนับตั้งแต่หลงทางกลางป่า การพักแรมที่คฤหาสน์ลึกลับ จนถึงการทำผิดพลาดครั้งใหญ่และโทษที่ตามติดมาพร้อมสมบัติมากมายที่กองอยู่ตรงหน้า เพียงแต่ยังละรายละเอียดสำคัญบางอย่างไว้ ทุกคนจึงมีสีหน้าใคร่รู้ ท่าทางแมรี่กับเบตตี้อยากจะอาสาไถ่โทษนี้ให้ด้วยซ้ำ


.


“เจ้าของคฤหาสน์ใหญ่โตแสดงว่าต้องรวยมาก แล้วรูปร่างหน้าตาเป็นยังไง แก่หรือว่าหนุ่มคะ”


.


“เขาบอกว่าให้พ่อส่งลูกสาวไปคนนึง หมายถึงคนไหนก็ได้ใช่มั้ยคะ”


.


คนเป็นพ่อถอนหายใจอีกครั้ง เค้าร่างสูงใหญ่ หน้าตาน่ากลัวอย่างสัตว์ป่ายังติดตา


.


“เขา...” ดวงตาทุกคู่จ้องมาเป็นจุดเดียว คำสรุปสั้นๆจึงหลุดปากออกไป “...ไม่ใช่มนุษย์”


.


ลูกๆทุกคนยังเงียบ สีหน้าแสดงอาการสนเท่ห์


.


“เขาตัวใหญ่มาก สูงกว่าเจ้าหนุ่มแกสตันนั่นอีกเป็นฟุต ทั้งตัวมีขนรุงรัง หัวใหญ่ ผมพองฟูเหมือนสิงโต ทั้งตา จมูก ปากยิ่งดูก็ยิ่งเหมือน แถมมีเขี้ยวซี่ยาว อุ้งมือก็ใหญ่แล้วยังกรงเล็บนั่นอีก!” เขาบรรยายพร้อมอาการปากคอสั่น


.


“แต่พ่อบอกว่าเขาพูดคุยกับพ่อ แถมยังเป็นนายท่านของคฤหาสน์ มีคนรับใช้ แล้วจะเป็นเสือเป็นสิงห์ไปได้ยังไง”


.


“พ่อก็ไม่รู้ เขาพูดจารู้เรื่อง เดินสองเท้า ใส่เสื้อผ้าแต่งตัวเหมือนอย่างกับเราแต่ดูยังไงก็ไม่ใช่พวกเรา เขาเหมือนสัตว์ป่าในร่างมนุษย์เท่านั้นเอง”


.


“แล้วพ่อบอกว่าเขาน่ากลัว ยังไงคะพ่อ เขา..เขาจะกินคนมั้ย?!”


.


“เขาเสียงดัง เวลาโกรธจะคำรามลั่น ท่าทางจะอารมณ์ร้อน ขี้หงุดหงิดมาก กรงเล็บยาวก็คมเหมือนมีด”
ลูกสาวทั้งสองไม่เหลืออาการกระตือรือร้นให้เห็น ส่วนอีกคนหน้าซีดยิ่งซีดลง ท่าทางเหมือนจะเป็นลม


.


“ถ้าอย่างนั้น... เราทำเฉยๆไปก็ได้นี่ เขากับเราอยู่ห่างกันตั้งไกล คงไม่มาตามถึงที่นี่หรอก หรือถึงมาเราก็คืนของพวกนี้ให้เขาแล้วปฏิเสธเรื่องการแต่งงานนั่นซะ ใครจะบ้าไปแต่งกับสัตว์ได้ล่ะ อี๋ แค่คิดก็ขนลุกแล้ว!” แมรี่รีบปิดหีบเหรียญทองแล้วผลักออกจากตัวราวกับของร้อน


.


“แต่ถ้าพ่อไม่ส่งลูกสักคนไป เขาบอกว่าจะฆ่าเราทั้งครอบครัว”


.


“งั้นก็ให้ยัยเบลล่าไปสิ หล่อนเป็นคนอยากได้กุหลาบจนเกิดเรื่องก็ต้องรับผิดชอบ”


.


“ใช่ๆ เธอทั้งสวยทั้งน่ารัก เจ้าอสูรนั่นต้องชอบแน่ๆ” เบตตี้รีบหันไปบอก แถมด้วยเสื้อผ้ากองโตก็โดนกวาดไปไว้ตรงหน้าน้องสาว


.


“ไม่เอานะ” เบลล่าน้ำตาเอ่อ “ไม่ได้นะคะพ่อ หนูกับบ็อบกำลังจะได้แต่งงานกันอยู่แล้ว อย่าส่งหนูไปเลยนะคะ”


.


แม้น้องสาวจะอ้อนวอนด้วยน้ำตานองหน้า พี่สาวทั้งสองก็ยังยืนกราน ภาพนั้นราวกับมีดกรีดใจคนเป็นพ่อ ไม่ว่าจะทางไหนก็เหมือนเฉือนเนื้อตัวเองเพื่อสังเวยให้สัตว์อสูร หยดน้ำตาที่ไม่เคยหลั่งนับตั้งแต่สูญเสียภรรยาคนแรกเอ่อคลอ ก้อนเนื้อในอกเต้นระส่ำจนปวดแปลบ


.


“พ่อ!” โจชัวร์ร้องลั่นแล้วถลันเข้าไปประคองพ่อที่กำลังคอพับคออ่อน เสียงของเขาเรียกสติพวกพี่ๆที่กำลังทุ่มเถียง
สถานการณ์สงบลงชั่วครู่ก่อนที่ลูกสาวคนโตของบ้านจะลุกขึ้นประกาศิต


.


“งั้นก็ให้โจไป!”


.


สายตาเยียบเย็นกดให้เจ้าของชื่อไม่กล้าแม้แต่จะเผยอปาก เขามองตอบดวงตาคู่นั้นแล้วยิ่งสงสัยว่าสายเลือดที่เหมือนกันอย่างน้อยครึ่งหนึ่งนอกจากไม่ช่วยให้เขาได้รับความรักแล้ว ยังอาจจะเป็นชนวนความเกลียดชังบางอย่างที่ก่อสุมในจิตใจของผู้หญิงตรงหน้า แต่เมื่อไม่เคยเห็นแก่ความเป็นพี่เป็นน้อง เธอถือสิทธิ์อะไรมาพิพากษาชีวิตของเขาเช่นนี้









ขอยืนยันอีกทีว่านี่เป็นเรื่องโฉมงาม ไม่ใช่ซินเดอเรลลาแน่นอน ขี้เกียจคิดหาตัวร้ายก็จับยัยสองเจ๊สวมบทนี้ซะเลย 555


ปล. เรื่องนี้ขออัพสัปดาห์ละตอน นัดกันคร่าวๆ ไม่วันอาทิตย์ก็วันจันทร์นี่ล่ะ แล้วพบกันค่ะ









^__^




----- Mine -----











CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 2
« ตอบ #9 เมื่อ: 30-04-2017 18:56:22 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Boom890

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 26
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 2
«ตอบ #10 เมื่อ01-05-2017 00:35:59 »

ม่ายน้าาาา. ค้างง :ling1: :ling1: :ling1: :ling1:

ออฟไลน์ Nupammee

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 9
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 2
«ตอบ #11 เมื่อ01-05-2017 02:56:45 »

ไรต์เขียนวันที่ ที่เอามาลงด้วยได้ไม๊คะ :hao7: ไรต์คะ มาต่อเร็วๆนะคะ เรื่องนนี้น่าติดตาม ฮรือออ อยากอ่านแบบทุกวัน  แต่ก็รู้เป็นไปไม่ได้~~ แต่มาเร็วๆนะคะ รออ่านค่าาา

ออฟไลน์ minemomo

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 89
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-1
Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 3 (7/5/17)
«ตอบ #12 เมื่อ07-05-2017 05:29:24 »







Heartbeat 







: A Retelling of Beauty and the Beast












ตอนนี้น่าจะเรียกได้ว่าเปิดตัวตัวละครสำคัญอีกตัว ส่วนจะร้ายไม่ร้ายต้องตามกันไปยาวๆค่ะ








3






ความยินดีที่ได้ต้อนรับผู้เป็นพ่อสลายไปพร้อมกับข่าวร้ายที่ตามกลับมาด้วย แม้ทุกอย่างจะดำเนินไปตามปกติแต่บรรยากาศของบ้านยิ่งอึมครึมขึ้นเรื่อยๆ ไม่มีเสียงพูดคุย ไม่มีการมองหน้าหรือสบตา ทุกคนทำราวกับไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นทั้งที่สมบัติทุกชิ้นยังเรียงรายอยู่มุมหนึ่งของบ้านแต่กลับไม่มีใครกล้าแตะต้อง


.



โจชัวร์เอนหลังพิงต้นไม้แล้วปล่อยลมหายใจทิ้งไปกับสายลมเอื่อยๆยามบ่าย มือเรียวลูบแผงคอของสมาชิกใหม่ที่ทำตัวคุ้นเคยกับเขาได้อย่างเหลือเชื่อ อาจเป็นเพราะหัวแครอทสดๆที่เขาลงแรงขุดขึ้นมาเลี้ยงถังใหญ่ ผลคือเจ้าม้าขาวชอบมาก กินอิ่มก็เดินตามต้อยๆ และตอนนี้ก็ล้มตัวนอนอยู่ข้างๆแถมยังพาดคอมาบนตักให้เขาเกาคางเล่น ทำตัวเหมือนหมามากกว่าม้าเสียอีก


.



เขามองเจ้าม้าที่กำลังหลับสบายแล้วยิ่งนึกหวั่นกับอนาคตตัวเอง วันนี้คือวันสุดท้ายของการตัดสินใจ พรุ่งนี้จะต้องมีหนึ่งคนกลับไปกับสโนว์และโอกาสของเขาก็เหลือน้อยเต็มที


.



“ยู้ฮูโจแอนนนน” คำทักทายดังมาแต่ไกล เจ้าของเสียงกวนประสาทคือร่างสูงกำยำของลูกชายนายอำเภอซึ่งถือเป็นผู้ชายครบสูตร คือรูปหล่อ พ่อรวย คารมดี มีสตรีมากมายหมายปอง


.



“วันนี้ก็ยังคงสวยน่ารักเหมือนเดิมเลยนะ”


.



โจชัวร์กลอกตาขึ้นฟ้าอย่างสุดจะทน ปวดหัวกับเรื่องในบ้านแล้วยังต้องมาเจอคนนอกที่เอาปัญหามาให้อีก เขาไม่เข้าใจจริงๆว่ามันเกิดอะไรขึ้น เมื่อตอนอยู่ในเมืองมีคนชมว่าเขาหน้าตาน่ารักเหมือนผู้หญิงก็จริงแต่ไม่เคยมีใครเหมือนอย่าง นายแกสตัน คนนี้ ที่พอเห็นหน้าเขาเข้าก็ทำอาการตกหลุมรัก จากนั้นก็ตามเฝ้าจีบเช้าจีบเย็น เอาของมากำนัล เอาคำหวานเลี่ยนมาฝากจนเขากลายเป็นตัวประหลาดของหมู่บ้าน บางคนยังกล่าวหาว่าเขาเป็นตัวอาเพศที่ทำให้ผู้ชายดีๆที่เคยควงสาวไปทั่วหันมาชอบผู้ชายด้วยกันเอง


.



“ถ้ายังไม่หยุดเรียกข้าด้วยชื่อนั้น ข้าสาบานจะทำให้เจ้าร้องไห้กลับไปแน่” นี่ก็เป็นอีกรายที่ชอบเรียกเขาด้วยชื่อแม่ แต่ต่างจากพวกพี่สาวที่ใช้เพื่อดูหมิ่น เพราะเจ้าหมอนี่กลับบอกว่าอยากเรียกชื่อที่สมกับตัวเขามากกว่า


.



“แหมๆ ขนาดโกรธก็ยังน่ารัก”


.



“แกสตัน!”


.



เสียงตวาดลั่นทำให้เจ้าม้าขี้เซาตกใจตื่น พอเห็นคนแปลกหน้าก็จ้องตาขวาง ส่งเสียงหายใจฟืดฟาด ลุกขึ้นเตรียมพร้อมจู่โจม


.



“โอเคๆ ยอมแล้วจ้า” แกสตันยกมือยอมแพ้แล้วก้าวถอยหลังอย่างระวัง เขาไม่ได้กลัวคนหน้าสวย แต่เจ้าม้าตัวใหญ่ดูจะเอาเรื่องอยู่ไม่น้อย “ข้าไม่อยากเห็นเจ้านั่งทำหน้าหงอยอย่างนั้นนี่ มีอะไรหรือเปล่า บอกข้าได้นะ เจ้าก็รู้นี่ว่าข้ายินดีและพร้อมจะดูแลเจ้าเสมอ”


.



“ข้าขอบอกอีกครั้งนะแกสตัน ข้าเป็นผู้ชาย และข้าไม่สนใจเจ้า ถ้าเจ้ายังไม่ฟังก็ไปตายซะ!” เขาลุกขึ้นเต็มความสูง นึกเจ็บใจว่ายังสูงได้แค่ปลายคางของอีกฝ่ายเท่านั้น แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่อ่อนข้อ เรื่องจะยอมรับรักอะไรนั่นยิ่งเลิกคิด ถึงเขาจะไม่เคยมีสาวในดวงใจก็ไม่ได้หมายความว่าจะต้องชอบผู้ชายเสียหน่อย


.



แกสตันแกล้งถอนหายใจเหมือนสิ้นหวัง แล้วรีบตามร่างบางที่เดินหนีโดยมีเจ้าม้าเจ้าเล่ห์คอยระวังหลังให้


.



“โจชัวร์ ข้าอยากช่วยเจ้าจริงๆนะ”


.



หนุ่มหล่อประจำหมู่บ้านส่งเสียงเว้าวอนอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน การพบกันครั้งแรกยังประทับอยู่ในใจไม่สร่างซา ทีแรกเขาไม่นึกสนใจครอบครัวอดีตพ่อค้าคนดังที่ย้ายหนีหนี้มา และบ่ายวันนั้นเขาก็กำลังรีบไปเจอสาวสวยที่อยู่หมู่บ้านถัดไป แต่พอมีกลิ่นหอมของสโคนอบเสร็จใหม่ๆลอยมา เขาก็ได้แต่ยืนค้างอยู่หน้าประตู เอาแต่จ้องทั้งขนมและคนที่เอามาฝาก


.



‘นายอำเภออยู่มั้ย ข้ามาจากบ้านคุณมอร์ริสที่เพิ่งย้ายมา จะเอาขนมมาฝากน่ะ’


.



พอเขาไม่ตอบอะไร เด็กหนุ่มก็ยิ้มเก้อ แล้วตีความเอาเองเสร็จสรรพ


.



‘ไม่อยู่เหรอครับ งั้นข้าฝากขนมไว้ก่อนแล้วกัน วันหลังค่อยมาแนะนำตัวอีกที’


.



ร่างเพรียวก้าวเข้ามาหาแล้วเกิดสะดุด ตะกร้าขนมหลุดจากมือ โชคดีเขาช่วยรับไว้ทันและได้สบตากันแบบใกล้ชิด เป็นเด็กผู้ชายที่หน้าสวย ขนตายาว ริมฝีปากก็แดงฉ่ำน่าจูบเป็นที่สุด


.



‘ขอโทษ ข้านี่ซุ่มซ่ามจริงๆ’


.



จังหวะที่กำลังลุกขึ้นทั้งคู่ เขายื่นหน้าออกไปโดยไม่ทันคิดแต่ก็ทำให้รู้ว่ากลิ่นสโคนยังสู้แก้มนุ่มๆนั่นไม่ได้ ดวงตาวาวใสเบิกโพลงแต่ไม่มีอาการเอียงอายอย่างสตรี ท่าทางคงตกใจแบบงงๆ รีบยื่นตะกร้าขนมให้แล้วก็จากไปโดยไม่หันกลับมาอีก


.



ตัวเขานี่สิที่ยืนมองตามจนร่างนั้นลับสายตา ไม่อยากเชื่อว่าจะได้พบประสบการณ์ที่เหมือนกับความฝัน ทั้งที่รู้ว่าอะไรเป็นอะไรแต่กลับไม่เข้าใจว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น และยิ่งไม่เข้าใจว่าทำไมเลิกคิดถึงเด็กหนุ่มไม่ได้สักที จากนั้นก็มีแต่คนหาว่าเขาบ้าที่ตามจีบผู้ชาย บ้างว่าจะเป็นเหตุให้เกิดอาเพศกับหมู่บ้าน แต่เขาไม่สนใจหรอก อยู่ที่นี่ไม่ได้ก็ออกท่องเที่ยวไป ขอแค่ได้อยู่กับคนๆนี้ จะที่ไหนก็เหมือนสวรรค์สำหรับเขา


.



ส่วนตอนนี้ใช่ว่าเขาจะเย็นใจเหมือนอย่างที่แสดงออก การกลับมาของคุณมอร์ริสเป็นที่รู้กันไปทั่ว ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าเขาจะกลับมามั่งคั่งเหมือนเดิมและอาจย้ายกลับเข้าเมือง แต่ทั้งครอบครัวกลับเก็บตัวเงียบเชียบยิ่งกว่าปกติ ไม่มีข่าวหรือข้อมูลใดๆเล็ดลอดออกมา ยิ่งพอมาเจอเด็กน้อยนั่งตาละห้อยราวกับแบกโลกไว้ทั้งใบ ใจเขาก็ยิ่งร้อนรน อยากช่วย อยากปลอบ อยากทำอะไรก็ได้ที่จะเรียกรอยยิ้มหวานๆคืนมา


.



ทว่าฝ่ายหนุ่มน้อยเจ้าของรอยยิ้มกลับไม่ได้คิดแบบเดียวกัน


.



“โธ่เอ๊ย! ก็เจ้านั่นแหละที่ทำให้ข้ามีปัญหา”


.



เหตุผลของแมรี่ยังดังอยู่ในหัวเหมือนปัญหาที่วนเวียนไม่เจอทางออก


.



‘โจชัวร์ของเราน่ะเสน่ห์แรงจะตาย ดูอย่างนายแกสตันยังมาหลงหัวปักหัวปำ ไม่สนสักนิดว่าเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย นี่ถ้าลองจับใส่กระโปรง ทำผม แต่งหน้าทาปากสักหน่อย ขี้คร้านเจ้าอสูรอะไรนั่นเห็นคงรีบจับทำเมีย’


.



แววตาเกลียดชังคือสิ่งที่คุ้นเคยมาตั้งแต่เด็ก พี่สาวทั้งสองตั้งป้อมรังเกียจเขากับแม่มาแต่ไหนแต่ไร พอโตขึ้นก็มีความริษยาเจือปนเข้ามา ยิ่งมีคนสนใจ มีคนบอกว่าสวยเหมือนแม่ เขาก็ยิ่งถูกพี่ๆมองเป็นตัวประหลาด เวลามีใครมาที่บ้านจะถูกไล่ให้ไปไกลๆ ห้ามออกมาเสนอหน้าให้เห็น ตอนนี้เขาพอเข้าใจขึ้นมารางๆ คงกลัวเขาจะไปแย่งความสนใจจากผู้ชายของพวกเธอล่ะสินะ


.



‘แต่จะได้เหรอพี่ ถ้าเราย้อมแมวไป เกิดความลับแตกขึ้นมา เจ้าอสูรนั่นไม่ตามมาล้างแค้นพวกเราด้วยเหรอ’


.



‘เราไม่ได้ผิดคำพูด ก็มันบอกเองว่าให้พ่อส่งลูกคนเล็กไปให้ ไม่ได้บอกสักหน่อยว่าลูกสาวหรือลูกชาย ถือว่าเราทำตามสัญญาแล้วนี่’


.



‘แต่ว่า... ยังไงน้องก็เป็นผู้ชายนะแมรี่ เป็นลูกชายคนเดียวของบ้าน ถ้าเกิดเป็นอะไรไปแล้วใครจะสืบสกุลเราล่ะ’


.



ตอนนั้นเขายังคงพูดไม่ออก แม้ความหมายจะมุ่งไปที่เรื่องอื่น อย่างน้อยเขาก็รู้สึกว่าพ่อยังห่วงเขาอยู่บ้าง


.



‘โธ่! พ่อคะ ตอนนี้อย่าเพิ่งไปคิดถึงอนาคตข้างหน้าขนาดนั้นเลย เอาชีวิตของพวกเราให้รอดก่อนดีกว่า พ่อให้โจไปน่ะดีแล้ว ถึงยังไงเจ้าอสูรนั่นก็คงเหลือความเป็นคนอยู่บ้าง คงไม่ถึงกับจับลูกพ่อกินลงท้องไปหรอก มันอาจจะเลี้ยงไว้ดูเล่นสักพัก พอเบื่อหรือคิดว่าเลี้ยงไปก็เปลืองซะเปล่าๆก็ปล่อยกลับมาเองนั่นแหละ’


.



เขาเริ่มรู้สึกหายใจไม่ออก เหมือนมีบางอย่างจุกขึ้นมาที่คอ มันมากกว่าความน้อยเนื้อต่ำใจ เขารู้ว่าพี่สาวไม่เคยเห็นเขาเป็นน้องแต่ก็ไม่นึกว่าจะต่ำต้อยถึงเพียงนี้


.



‘พอส่งโจไปแล้ว เราก็จะได้ใช้สมบัติพวกนั้นอย่างไม่ต้องกังวลอะไรอีก พอครอบครัวเรากลับมาลืมตาอ้าปาก พวกผู้ชายดีๆ รวยๆก็จะเข้ามาสนใจลูกกับเบตตี้ ส่วนเบลล่าก็อาจจะเจอใครที่ดีกว่าเจ้ายาจกบ็อบนั่นก็ได้ จากนั้นพอพวกเราแต่งงานก็จะมีหลานๆให้พ่อ แค่นี้ตระกูลของเราก็ยืนยาวไปถึงไหนต่อไหนแล้วเห็นมั้ยคะ’


.



เขาพยายามกลืนก้อนแข็งๆลงคอ กลั้นความร้อนระอุไม่ให้ไหลออกจากตา กำลังจะอ้าปากค้านกลับถูกตอกหน้า


.



‘ถ้าทำเพื่อครอบครัวแค่นี้ไม่ได้ข้าก็ไม่บังคับหรอกนะ แต่คิดดูให้ดีๆ ยังไงก็ต้องมีคนใดคนหนึ่งกลับไปหาเจ้าอสูร ไม่ใช่แกก็เบลล่า เลือกเอาเองแล้วกัน’


.



นั่นคือบทสรุปที่บังคับให้เขากลืนคำปฏิเสธกลับลงคอ เพียงหันไปสบตากับเบลล่า เขาก็ทนไม่ได้แล้วที่จะส่งพี่สาวที่ดีกับเขาที่สุดไปสู่เงื้อมมือของเจ้าอสูรที่ไม่รู้ว่าจะมีความเป็นมนุษย์หลงเหลืออยู่บ้างหรือเปล่า ที่สำคัญคือชีวิตของเธอยังมีความหวังรออยู่ บ็อบเป็นผู้ชายที่เขาเชื่อว่าจะรักและดูแลพี่สาวเขาได้เป็นอย่างดี แล้วเขาจะเห็นแก่ตัวผลักเธอลงสู่ขุมนรกทั้งที่กำลังจะขึ้นสวรรค์ได้อย่างไร


.



“โจ... เป็นอะไรไป สีหน้าเจ้าดูไม่ดีเลย”


.



เสียงนั้นเรียกเขากลับมาและพบความห่วงใยจากดวงตาสีน้ำเงินเข้มที่สะท้อนเงาของตนเสมอ ความจริงแล้วแกสตันเป็นคนดีมากคนหนึ่ง มีน้ำใจ ให้ความช่วยเหลือ คอยรับฟังปัญหาและช่วยปรับทุกข์ ถ้าเขาจะไม่อยากไปจากที่นี่ ส่วนหนึ่งก็เพราะไม่อยากเสียเพื่อนดีๆเช่นนี้ไป


.



“เปล่าหรอก” เขารีบปรับน้ำเสียงและสีหน้าให้สดใสขึ้น “อ้อ เกือบลืมบอก ข้าต้องไปอยู่ที่อื่นสักพัก ถ้าไม่ลำบากข้าฝากเจ้าดูแลพวกแม่ไก่กับพืชผักในไร่หน่อยได้มั้ย ถ้ามีใครพอจะรับไปเลี้ยงต่อได้ก็คงดี ส่วนผักถ้าเก็บเกี่ยวได้แล้วก็วานแจกจ่ายไปให้ทั่วๆ ไม่ต้องเอาเงินหรอก ถือเสียว่าเป็นน้ำใจเล็กๆน้อยๆ”


.



เพียงเท่านี้ก็เท่ากับหมดไปอีกห่วง พวกแม่ไก่นอกจากให้ไข่แล้วยังคอยอยู่เป็นเพื่อน ถ้าไม่มีเขาสักคนก็คงไม่มีคนดูแล ใครจะให้ข้าวให้น้ำ คอยเปลี่ยนฟางในกรงนอน ส่วนผักที่ปลูกไว้ยิ่งไม่มีคนสนใจ พ่อกับเบลล่าไม่มีกำลังพอสำหรับงานไร่ ส่วนพี่สาวอีกสองคนอย่าว่าแต่รดน้ำ แค่ลงมาเดินแถวแปลงผักก็ยังไม่เคยเลย


.



“เจ้าบอกว่าไปสักพักแต่ทำเหมือนจะไม่กลับมาอย่างนั้นแหละ”


.



เขาเงียบ ไม่อยากบอกความจริงว่ายังไม่รู้กำหนดกลับ หรือซ้ำร้ายจะได้มีชีวิตรอดกลับมาหรือเปล่า


.



“เจ้าจะไปที่ไหน ไกลหรือเปล่า ให้ข้าไปเป็นเพื่อนมั้ย”


.



ความกังวลห่วงหาที่มากมายจนเขาสัมผัสได้ทำให้ไม่อยากตัดรอนให้อีกฝ่ายต้องเจ็บช้ำ


.



“อย่าลำบากเลย ข้าไปคนเดียวน่ะดีแล้ว”


.



“โจชัวร์” แกสตันกดเสียงเรียกจริงจังให้คนตรงหน้ายอมสบตา “เจ้ารู้ใช่มั้ยว่าข้าคิดอย่างไรกับเจ้า ข้าจริงจังนะ ข้ารักเจ้าจริงๆ ไม่เคยรู้สึกอย่างนี้กับใครมาก่อนเลย”


.



“ข้าบอกไปพันรอบแล้วนะว่าไม่ได้ชอบผู้ชาย” เขาบอกยิ้มๆแม้จะดูฝืนเต็มที


.



“ต่อให้เจ้าตะโกนใส่หน้าข้าอีกเป็นแสนเป็นล้านรอบ ข้าก็จะยังรักเจ้าเหมือนเดิม”


.



น้ำเสียงหนักแน่นจริงจังทำให้โจชัวร์ฝืนยิ้มไม่ออกอีกแล้ว


.



“ทำไมเจ้าไม่ไปชอบใครที่เขา... ชอบเจ้า”


.



“เพราะข้าชอบเจ้า แค่เจ้าคนเดียว และข้าหวังว่าสักวันเจ้าจะชอบข้าเช่นกัน” แกสตันดึงร่างบางมาใกล้ เขากำรอบต้นแขนเล็กอย่างทะนุถนอม ไม่สนใจสายตาขุ่นๆของเจ้าสี่ขาตัวใหญ่ เพราะสายตาของเขาจดจ้องแต่ลูกแก้วสีน้ำตาลอ่อนที่ช่างสวยงาม แวววาวจับใจ


.



“ข้าขอที่จะรอเจ้าได้มั้ยโจชัวร์ ข้าขอรอให้เจ้ากลับมา รอวันที่เจ้าจะสนใจและหันมาชอบข้า ไม่ว่านานแค่ไหนข้าก็จะรอ”


.



ชายหนุ่มพรั่งพรูความรู้สึกออกมากับทุกอณูของลมหายใจ โจชัวร์ทำให้เขากลายเป็นอีกคนที่เขาไม่เคยรู้จัก คนที่เจอกับรักแรกพบ คนที่ทุ่มเทให้กับความรู้สึก ขวนขวายพยายามเพียงให้อีกฝ่ายหันมามอง และตอนนี้ก็กำลังทุรนทุรายอยากได้ความรักตอบ แต่เจ้าของหัวใจดวงน้อยเอาแต่ยืนนิ่ง ดวงตาไหวระริกราวกับจะร้องไห้ เขาจึงรวบตัวเข้ามากอดเพื่อหยุดหยดน้ำตาไว้


.



“ข้าจะรักและหวังดีกับเจ้าอย่างนี้เสมอไป ถ้าเจ้ามีภัย ไม่ว่าอันตรายแค่ไหนข้าจะรีบไปช่วย ไม่ว่าจะต้องเจอกับอะไร ต่อให้เป็นอสูรร้าย ข้าก็จะกำจัดมัน ข้าจะไม่มีวันยอมให้ใครหรืออะไรมาพรากเจ้าไปจากข้าเด็ดขาด ข้าขอสาบาน”


.



แกสตันกอดรัดร่างน้อยอย่างคนที่กลัวจะสูญของรัก ความรู้สึกของเขาท่วมท้นจนโจชัวร์เองก็ไม่อาจฝืน ไร้กำลังจะทำร้ายน้ำใจมากมายที่ได้รับ ทั้งสองอยู่ในสัมผัสสนิทแนบนานจนฝ่ายที่ถูกบังคับให้เป็นพยานรับรู้ทนไม่ได้ เจ้าสโนว์ส่งเสียงฟืดฟาดแล้วงับชายเสื้อดึงโจชัวร์ออกห่าง เท่านั้นไม่พอยังก้าวมาแทรกลาง หันสะโพกใหญ่และสะบัดปลายหางใส่หน้าคนตัวโตเสียอย่างนั้น


.



“ม้าของใครกัน ข้าไม่ยักเคยเห็น หรือว่าพ่อเจ้าซื้อกลับมาจากในเมือง” แกสตันเท้าสะเอวมองเจ้าม้าแสนกลด้วยความหมันไส้


.



“เอ่อ.. ก็... มีคนให้ยืมมาน่ะ เดี๋ยวก็ต้องเอาไปคืนแล้ว”


.



“ดูท่ามันจะหวงเจ้าซะเหลือเกิน ไม่รู้ว่าหวงให้ตัวเองหรือใคร แต่หวังว่าข้าจะไม่ต้องสู้กับมันเพื่อแย่งเจ้าหรอกนะ”


.



โจชัวร์อดขำไม่ได้ เขายืนส่งสหายผู้มีน้ำใจด้วยรอยยิ้ม แต่เมื่อกลับเข้าบ้าน รอยยิ้มนั้นก็เหือดหายไปเหมือนน้ำค้างต้องไอแดด


.



“ปากบอกไม่มีอะไร แต่ร่ำลากันดูดดื่มเชียว” แมรี่ยืนอยู่ข้างหน้าต่างและคงเห็นภาพของสองหนุ่มแล้วจึงได้เอ่ยทักพร้อมรอยยิ้มเหยียด “ที่จริงเหลือเวลาอีกคืนก็น่าจะใช้ให้คุ้มค่า แต่ขอบอกก่อนว่าถ้าจะทำเรื่องบัดสี...”


.



“หยุดปากของพี่สักทีเถอะ ถ้าไม่มีอะไรจะใช้ ข้าจะได้ขอตัว”


.



“เอาของพวกนี้ไปด้วย” เธอชี้นิ้วไปยังเสื้อกระโปรงชุดใหม่กับกล่องของแต่งตัวที่ถูกเลือกออกมาจากกองสมบัติ “ชุดนั่นดูจะพอดีกับตัวแกจนน่าแปลก สงสัยเจ้าอสูรคงชอบรูปร่างแบบนี้ล่ะมั้ง แกก็เอาไปให้เบลล่าช่วยแต่งตัวให้แล้วกัน ทำผม แต่งหน้าให้ดูเป็นผู้หญิงกว่านี้ด้วย อ้อ! เรื่องชื่อ อยู่ที่โน่นให้เปลี่ยนเป็นโจแอนล่ะ จะได้แนบเนียน เพราะยังไงแกก็คุ้นที่ถูกใครๆเรียกด้วยชื่อนั้นอยู่แล้วนี่จริงมั้ย”


.



“แค่นี้ใช่มั้ย” เขารวบของทุกอย่างมาถือไว้ พร้อมจะเดินหนีทันที


.



“ใช่ ที่จะสั่งมีแค่นี้ ไปเตรียมตัวเตรียมใจของแกให้ดีๆ อย่างไรเสียก็ขออวยพร ขอให้อยู่รอดปลอดภัย แต่ถึงได้ดีเป็นเมียเจ้าอสูรแล้วก็ไม่ต้องกลับมาหรอกนะ เพราะถึงตอนนั้นพวกเราก็คงย้ายกลับเข้าเมือง กลับไปใช้ชีวิตที่มีความสุขเหมือนเดิมแล้วล่ะ ลาก่อน”


.



ร่างผอมบางในชุดรัดทรงคอดกิ่วสะบัดหน้าเดินกลับขึ้นบันไดไปแล้ว แต่โจชัวร์ก็ยังถูกพี่สาวอีกคนรั้งไว้ ท่าทางของเธอดูอึกอัก ลังเลผิดจากทุกที


.



“เอ่อ... คือ... รู้ใช่มั้ยว่าพี่ก็ขัดพี่แมรี่เขาไม่ได้ โจคงเข้าใจ” เบตตี้ยอมรับว่าเกรงใจพี่สาวคนโตไม่น้อย แต่สิ่งที่กำลังจะพูดก็สำคัญกับชีวิตของเธอมากจนไม่อยากพลาดโอกาสสุดท้ายนี้ “พี่เป็นห่วงโจเหมือนกันนะ ไปอยู่ที่นั่นแล้วก็ส่งข่าวมาบ้างแต่ไม่ต้องให้พี่แมรี่รู้หรอก แล้วถ้าที่คฤหาสน์มีคนอื่น พี่หมายถึงถ้าเจ้าอสูรพอจะมีพี่หรือน้องหรือญาติที่ยังโสด แต่เอาแบบที่เป็นคนปกตินะ โจก็ลองแนะนำมาให้พี่รู้จักบ้าง เผื่อว่าโชคดีพี่จะได้แต่งงานกับเขาแล้วย้ายไปอยู่ที่นั่น เราจะได้อยู่เป็นเพื่อนกันไง โจก็คิดว่าดีใช่มั้ยล่ะ”


.



โจชัวร์นิ่งงัน รู้สึกละอายแทนจนพูดไม่ออก แต่เบตตี้ก็ถือเอาอาการนั้นแทนคำตอบตกลง


.



 “ตกลงตามนี้นะ พี่ต้องรีบไปก่อน เดี๋ยวพี่แมรี่จะหงุดหงิดโวยวายขึ้นมาอีก”


.



เขามองตามร่างเจ้าเนื้อวิ่งขึ้นบันไดจนแผ่นไม้สะเทือนลั่นแล้วก็ต้องส่ายหน้า คิดไม่ถึงจริงๆว่าพี่สาวทั้งสองจะใช้ประโยชน์จากตัวเขาจนวินาทีสุดท้าย สำหรับคำถามของพี่สาวคนรองนั้น เขาลองคิดแล้วก็ได้ข้อสรุปว่าขออยู่กับอสูรตามลำพังยังจะดีเสียกว่า


.



“อยากรู้จริงๆว่าจิตใจของสองคนนั้นทำด้วยอะไร” เบลล่ารำพึงด้วยความรู้สึกเดียวกัน เธอเห็นเหตุการณ์ทุกอย่างและยิ่งสงสารในชะตากรรมของน้องชายคนเดียวที่เหมือนถูกขับไล่ไสส่งไปจากบ้านตัวเอง


.



“ช่างเขาเถอะ ข้าชินแล้วล่ะ ถ้าอยู่ดีๆพวกเขามาทำดีด้วยคงทำให้ข้าขนลุกมากกว่า เป็นแบบนี้ก็ดีแล้ว ตอนนี้ที่ข้าห่วงก็คือพ่อ แต่พวกพี่ๆก็คงดูแลท่านได้ ส่วนพี่เบลล่า เตรียมตัวพร้อมแล้วใช่มั้ย”


.



โจชัวร์สบตากับเงาของพี่สาว เธอเข้ามาช่วยแปรงผมและกำลังคิดว่าจะทำทรงไหนจะได้เข้ากับชุดที่ต้องใส่เดินทาง แต่เขาคิดแล้วว่าจะแค่มัดเป็นหางม้าอย่างเดิม เพราะพรุ่งนี้ยังมีธุระหลายอย่างให้จัดการ และหนึ่งในนั้นก็คือเรื่องของพี่สาวที่เขารักที่สุด
ในหีบใบนั้นมีเหรียญทองอยู่เป็นพันเหรียญ เขาจึงแลกอิสรภาพตัวเองกับหนึ่งร้อยเหรียญทองเพื่อมอบให้เบลล่าและบ็อบ เขาส่งจดหมายแจ้งข่าวและนัดเวลาให้ว่าที่พี่เขยแล้ว พรุ่งนี้จึงไม่ได้มีแต่เขาที่ออกเดินทาง คนทั้งคู่ก็จะจากบ้านหลังนี้ไปสร้างครอบครัวและมีชีวิตใหม่เช่นกัน


.



“แต่มันจะดีเหรอโจ ถ้าพี่แมรี่กับเบตตี้รู้”


.



“เขารู้ก็ช่างสิ” เขาหันหลังกลับ กุมมือคู่บอบบางของเธอไว้ “สัญญานะว่าพอไปจากที่นี่ พี่จะแต่งงานกับพี่บ็อบแล้วสร้างครอบครัวที่มีความสุข อย่ากลับมาจนกว่าพี่จะเข้มแข็งกว่านี้”


.



“สิ่งที่เธอทำให้มันมีความหมายมาก พี่กับบ็อบคงไม่รู้จะตอบแทนเธอได้อย่างไร ขอบคุณจริงๆนะโจ” เบลล่าตอบรับเสียงเครือ เธอโผเข้ากอดน้องชายคนเดียวเป็นครั้งสุดท้าย หยดน้ำตานั้นมีทั้งคำขอโทษและขอบคุณซึ่งหลั่งออกจากใจอย่างแท้จริง


.



“แค่พี่มีความสุขก็ถือว่าตอบแทนข้าแล้วล่ะ”


.



โจชัวร์ยิ้มรับความรู้สึกของคนในอ้อมแขนด้วยหัวใจอิ่มสุข เขาหมดห่วงไปได้อีกเปลาะ ส่วนเรื่องของพ่อพอจะวางใจว่าท่านดูแลตัวเองได้ พี่ทั้งสองแม้จะร้ายกาจกับเขาแต่ก็เป็นลูกที่ดีของพ่อเสมอมา พวกเธอคงดูแลท่านเป็นอย่างดี ตอนนี้เขาพร้อมแล้วสำหรับการเดินทางที่ยังไม่รู้ชะตากรรม พรุ่งนี้จะเป็นอย่างไรก็สุดรู้ คงได้แต่หวังว่าจะไม่มีอะไรที่แย่ไปกว่านี้อีกแล้ว












เฮ่อ... รันทดได้อีกนะชีวิตนายเอกของฉัน






^__^






----- Mine -----







ออฟไลน์ Nupammee

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 9
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 3 (7/5/17)
«ตอบ #13 เมื่อ08-05-2017 02:15:04 »

เห้อออ รอตอนต่อไปนะคะ 5555 สู้ๆค่ะไรต์

ออฟไลน์ แฟนตาเซีย

  • หืมม...?
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 557
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 3 (7/5/17)
«ตอบ #14 เมื่อ08-05-2017 08:38:00 »

 :pig4:

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 3 (7/5/17)
«ตอบ #15 เมื่อ08-05-2017 08:50:49 »

ตัวร้ายของคนเขียนนี่ช่างร้ายได้อย่างน่าเกลียดและน่าหมั่นไส้จริงเชียวค่ะ

ออฟไลน์ minemomo

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 89
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-1
Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 4 (14/5/17)
«ตอบ #16 เมื่อ14-05-2017 04:37:30 »










Heartbeat 






: A Retelling of Beauty and the Beast










มาแล้วๆ พาหนูโจมาเสิร์ฟแล้วจ้า ตอนนี้เดินทางมาตามหารัก (ใช่เหรอ???) ได้มาเจอกับเจ้าอสูรแล้ว ผลจะออกมาเป็นยังไงได้รู้กันล่ะค่ะ










4








ทุกอย่างดำเนินไปอย่างที่โจชัวร์วางแผน บ็อบเดินทางมารับเบลล่าตามสัญญา พ่ออนุญาตให้ทั้งคู่แต่งงานกันด้วยความยินดี แมรี่กับเบตตี้จึงได้แต่หงุดหงิด ไม่วายส่งสายตาอาฆาตมาที่เขาในฐานะคนต้นคิด เมื่อทั้งสองจากไปก็ถึงคราวที่เขาจะออกเดินทาง สีหน้ากังวลของพ่อทำให้เขารู้สึกดีที่ยังมีคนเป็นห่วง พ่ออวยพรให้เขาโชคดี เดินทางถึงที่หมายและเอาตัวรอดอยู่ที่คฤหาสน์ลึกลับนั้นด้วยความปลอดภัย ซึ่งตอนนี้เขาก็คิดว่าเขาต้องการโชคอย่างมากทีเดียว


.


เขาเดินทางเพียงลำพัง ไม่มีสัมภาระจึงอาศัยขี่เจ้าม้าขาวออกมาจากบ้าน พยายามจดจำเส้นทางเผื่อว่าจะมีโอกาสหนี แต่ผ่านไปไม่นานก็รู้สึกหมดหวัง เจ้าสโนว์ไม่ได้พาเขาไปตามทางโดยสารทั่วไปแต่กลับเดินลึกเข้ามาในป่า ลัดเลาะวนเวียนจนดูเหมือนชินทางหรือหลงทางก็ไม่ต่างกัน ต้นไม้รกครึ้มจนไร้แสงแดดลอดผ่านทำให้รอบตัวดูทึบทึมน่ากลัว พอใกล้พ้นแนวป่าคิดว่าจะสบาย พายุหิมะกลับตั้งเค้าและพัดกระหน่ำราวจงใจให้คนเดินทางพลัดจากจุดหมาย ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมพ่อถึงหลงทางจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด


.


“สโนว์” เขาตะโกนสู้พายุ แรงลมทำให้ต้องโน้มตัวลงกอดเจ้าสี่ขาที่ยังพยายามก้าวไปข้างหน้าทีละก้าว “พายุแรงมาก ไหวหรือเปล่า พักกันก่อนดีมั้ย”


.


สโนว์สะบัดหน้าแรงๆแล้วก้าวต่อจึงได้แต่ฝากความหวังไว้กับความอึดของมัน ส่วนตัวเขาที่มีแค่ชุดกระโปรงเนื้อผ้าบางพลิ้วกับเสื้อคลุมขนสัตว์ก็กำลังหนาวจนชาไปหมด สมองเริ่มงุนงง ไม่แน่ใจว่ากอดเจ้าสโนว์แน่นพอหรือเปล่า หรือมือของเขาจะแข็งจนทำให้พลัดหล่นลงจากหลังของมัน ทำไมจู่ๆถึงได้รู้สึกตัวเบาราวกับลอยอยู่ในอากาศ ความหนาวเหน็บถูกแทนที่ด้วยความรู้สึกเหมือนถูกห่ออยู่ในผ้าขนสัตว์หนานุ่ม อุ่นสบายจนเขาคิดว่าคงจะเคลิ้มหลับและฝันไป


.


เขามารู้สึกตัวอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงเรียก จากเสียงกระแอมในคอเบาๆ หลายครั้งและดังขึ้นจนคล้ายอาการไอโขลก เขาลืมตาและพบตัวเองยังอยู่บนหลังเจ้าสโนว์  ท้องฟ้าโปร่งกำลังฉายแสงสุดท้ายของวัน แสงสีส้มอาบไล้ตัวคฤหาสน์หลังใหญ่ให้ดูแดงฉานน่ากลัว


.


“อะแฮ่ม”


.


เขาละสายตาจากกอเถาวัลย์ที่ส่งกิ่งก้านใหญ่ขนาดลำแขนเลื้อยเกาะไปตามผนังอิฐกลับมายังเจ้าของเสียง ชายวัยคราวเดียวกับพ่อในชุดสูทดำผูกหูกระต่ายกำลังยืนอยู่ตรงหน้า มือสองข้างแนบชิดลำตัว ใบหน้าเรียบเฉยเชิดขึ้นเล็กน้อยฉายแววเจ้าพิธีรีตอง แต่ดวงตาหลังแว่นเลนส์ทรงกลมทอดมองเขาอย่างเป็นมิตร


.


“กระผม คอกซ์เวิร์ธ เป็นพ่อบ้านดูแลคฤหาสน์แห่งนี้ ขอยินดีต้อนรับคุณผู้หญิง”


.


โจชัวร์นิ่งขึงด้วยความตะลึง กระทั่งมีเสียงกระแอมอีกครั้งจึงค่อยรู้สึกตัวเต็มที่ รีบลงจากหลังเจ้าสโนว์มายืนบนพื้นด้วยอาการทรงตัวลำบาก การเดินทางบนหลังม้านานนับชั่วโมงทำให้รู้สึกเหมือนผืนดินเคลื่อนไหวได้ราวกับคลื่นในทะเล


.


“นายท่านของเราเสียใจเป็นอย่างมากที่การเดินทางของคุณผู้หญิงไม่ค่อยสะดวกเท่าที่ควร ถ้ายังไงรีบเข้าด้านในไปพักให้สบายตัวเสียก่อน นายท่านจะมาพบคุณตอนทานมื้อค่ำ เชิญตามมา”


.


โจชัวร์ลูบแผงคอเจ้าสโนว์แทนการเอ่ยลาแล้วรีบตามคนนำทางที่ล่วงหน้าไปก่อน เมื่อก้าวผ่านประตูก็เหมือนทิ้งความหนาวเย็นไว้ด้านนอก ภายในคฤหาสน์อาจไม่เจิดจ้าสว่างไสวแต่ก็ไม่ดูทึบทึมน่ากลัวอย่างที่คิด แม้จะไม่เห็นเตาผิงหรือแสงไฟแต่ไออุ่นก็แผ่ซ่านทำให้สบายเนื้อตัวขึ้นมาก ตามทางที่เดินผ่าน ประตูส่วนใหญ่จะปิดสนิท บรรยากาศเงียบเชียบ ไม่มีใครคนอื่นออกมาปรากฏตัวให้เห็น กระทั่งขึ้นมายังชั้นสอง เลี้ยวไปทางซ้ายจนมาถึงที่หมายซึ่งเป็นห้องพักขนาดใหญ่ห้องหนึ่ง
ร่างท้วมในชุดสูทยืนรอหน้าประตูห้องที่เปิดกว้าง


.


“นายท่านจัดพื้นที่ทั้งหมดของปีกนี้ไว้สำหรับคุณผู้หญิง...”


.


“เรียกข้าว่าโจแอน เอ่อ... แค่โจสั้นๆดีกว่านะ” คำสั่งของแมรี่ยังคงมีผลกับเขาแม้จะไม่อยากทำตาม แต่ก็คงดีกว่าถูกเรียกขานด้วยคำที่ทำให้รู้สึกขนลุกทุกครั้ง


.


“พลูมแมทจะเป็นสาวใช้ประจำตัวคุณโจแอน ต้องการอะไรบอกเธอได้ทุกอย่าง แต่ไม่ต้องฟังเธอมากก็ได้” คอกซ์เวิร์ธผายมือไปยังสาวใช้ที่ยืนรออยู่ด้านใน น่าแปลกตรงประโยคสุดท้ายที่ลดเสียงลงราวกับคำเตือน


.


“อาหารค่ำจะพร้อมในอีกหนึ่งชั่วโมง กระผมขอตัวก่อน” บอกเสร็จแล้วก็ก้าวถอยราวกับไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปในพื้นที่ส่วนตัวของหญิงสาว


.


“เดี๋ยวก่อน” เขาหลุดเสียงเรียกด้วยอาการประหม่า เพราะไม่เคยต้องอยู่ตามลำพังกับผู้หญิงแปลกหน้ามาก่อน แต่หากบอกออกไป ความลับคงแตกตั้งแต่ยังไม่ทันทำอะไร “คือ... ขอบคุณมาก”


.


“ด้วยความยินดี” คุณพ่อบ้านยิ้มน้อยๆแล้วค้อมตัวให้อีกครั้ง


.


ประตูถูกปิดลงเมื่อโจชัวร์เดินผ่านเข้ามา ห้องกว้างสว่างไสวงดงามมีเตียงนอนหลังใหญ่เป็นจุดศูนย์กลาง ด้านหนึ่งมีประตูบานเล็กคงจะเป็นห้องน้ำส่วนตัวซึ่งถือเป็นความสะดวกสบายอย่างหนึ่งของคนมีฐานะ ถัดมาเป็นมุมแต่งตัว กระจกเงาบานสูงเท่าตัวคนกับโต๊ะเครื่องแป้งวางคู่กัน ตู้ไม้ขนาดใหญ่ตั้งเรียงราย ข้างในคงมีเสื้อผ้า เครื่องแต่งตัวมากมายให้เลือกหยิบใช้ ผนังห้องอีกด้านกรุกระจกใสมีประตูเปิดออกไปยังระเบียงซึ่งจะเห็นภาพพระอาทิตย์ยามลับทิวเขา บรรยากาศโพล้เพล้ชวนหดหู่ไม่ต่างจากอารมณ์ของเขาในตอนนี้สักเท่าไหร่


.


“นายหญิง อุ๊ย ไม่ใช่สิ คุณโจแอนเดินทางมาเหนื่อยๆ จะพักสักครู่ก่อนมั้ยเจ้าคะ”


.


โจชัวร์หันไปตามเสียงเรียก พลูมแมทคงรุ่นราวคราวเดียวกับแมรี่แต่ดูเป็นคนอัธยาศัยดี เธอเดินไปตลบผ้าคลุมเตียงออกแล้วยืนรอพร้อมรอยยิ้มกว้าง


.


“เมื่อกี้เรียกข้าว่าอะไรนะ”


.


“คุณจะมาเป็นภรรยาของนายท่านก็เท่ากับเป็นนายหญิงของพวกเรา แต่คงจะเขิน ไม่ค่อยชินใช่มั้ยเจ้าคะ ถ้ายังไงก็รอให้เข้าพิธีเป็นเรื่องเป็นราวก่อนค่อยเรียกนายหญิงยังไม่สาย ตอนนี้เรียกคุณผู้หญิงหรือคุณโจแอนไปก่อนแล้วกัน ค่อยเปลี่ยน...”


.


เขาเริ่มจะเข้าใจสิ่งที่พ่อบ้านกระซิบบอก เธอคงเป็นผู้หญิงประเภทที่ต้องการคนฟังมากกว่าคนคุยด้วย เหมือนอย่างตอนนี้ที่เธอหลุดเข้าไปในโลกส่วนตัว แก้มแดงขึ้นทั้งที่ยังไม่ได้ทำอะไร สีหน้าเคลิบเคลิ้ม นัยต์ตาเพ้อฝัน อาจจะคิดว่าตัวเองได้เป็นส่วนหนึ่งของนิยายรักโรแมนติค ซ้ำร้ายตัวเขาคงถูกจินตนาการให้ตกเป็นภรรยาเจ้าของคฤหาสน์ไปเรียบร้อยแล้ว


.


“พลูมแมท!”


.


“อุ๊ย! ขอโทษเจ้าค่ะ ดิฉันลืมตัวทีไรชอบพล่ามไปเรื่อยอย่างนี้ทุกที ขอโทษจริงๆนะเจ้าคะ ดิฉันนี่แย่จริงๆ ไม่น่า...”


.


“พลูมแมท” เขาเรียกอีกครั้งเพื่อรั้งสติเธอไว้ก่อน “เอาล่ะๆ ข้าไม่ได้จะว่าอะไร แต่ขอร้องล่ะ ต่อไปช่วยเรียกข้าว่าโจก็พอ แล้วไม่ต้องเจ้าคะ เจ้าขาให้มากพิธีหรอก ข้ามาที่นี่เพื่อชดใช้ความผิดแทนพ่อ ไม่ได้มีฐานะพิเศษเหนือกว่าใครเลย ขอให้คิดว่าเราเป็นเพื่อนกัน พูดกันแบบธรรมดาๆเถอะนะ”


.


“คุณนี่น่ารักจริง ไม่ถือเนื้อถือตัวเลย พวกเราทุกคนน่ะตั้งตารอให้คุณมาอยู่ที่นี่จริงๆนะคะ นายท่านก็เหมือนกัน”


.


“ข้ายังไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเขาเลย เธอพอจะเล่าอะไรได้บ้างมั้ย” เขาถามขณะนั่งลงบนเก้าอี้ตัวสวยด้วยอาการล้าทั้งกายและใจ


.


“ได้สิคะ แต่ดิฉันก็ไม่ได้รู้รายละเอียดมากนัก ต้องเป็นคุณคอกซ์เวิร์ธกับมิสซิส พอทส์ที่อยู่ที่นี่มาตั้งแต่สมัยนายท่านคนก่อน”


.


“นายท่านคนก่อน เธอหมายถึงพ่อกับแม่ของ...?”


.


“โถ คุณโจก็ช่างสงสัย นายท่านของเราก็ต้องมีพ่อมีแม่สิคะ ไม่ได้เกิดมาจากกระบอกไม้ไผ่สักหน่อย ท่านพ่อของนายท่านเป็นถึงญาติห่างๆของพระราชา แต่ชอบความสงบ รักสันโดษก็เลยพาครอบครัวมาสร้างคฤหาสน์ไกลถึงขนาดนี้ นายท่านเป็นทายาทคนเดียว พอเสียท่านพ่อท่านแม่ไปก็อาศัยอยู่ที่นี่เพียงลำพังมาโดยตลอด”


.


“แต่พ่อของข้าบอกว่ารูปร่างหน้าตาของเขา... เอ่อ... ไม่ค่อยเหมือนคนสักเท่าไหร่ เกิดอะไรขึ้นเหรอ”


.


“เรื่องนี้ไม่มีใครรู้ต้นสายปลายเหตุ คุณคงต้องไปถามนายท่านเองแล้วล่ะค่ะ” หญิงสาวเหมือนจะตัดบท แต่คงเพราะสีหน้าไม่สู้ดีของอีกฝ่ายจึงรีบพูดต่อ “แต่ดิฉันยืนยันได้ว่านายท่านทั้งใจดีและมีเมตตามาก อาจจะยกเว้นเวลาโกรธก็จะโมโห ฉุนเฉียวกว่าปกติบ้าง แต่คุณไม่ต้องกลัวหรอกเพราะเวลาที่นายท่านรู้ตัวว่าอารมณ์ไม่ดีก็จะเก็บตัวเงียบอยู่ในห้อง มีแต่อีตาลูมิแยร์นั่นล่ะที่พลอยโดนหางเลขอยู่เรื่อย”


.


โจชัวร์รู้สึกใจชื้นขึ้นนิดหน่อย เขาซักถามถึงคนอื่นๆจึงได้รู้ว่าที่คฤหาสน์นี้มีเพียงเจ้าอสูรกับคนรับใช้จำนวนหนึ่ง คุณคอกซ์เวิร์ธเป็นพ่อบ้านคอยดูแลทุกอย่าง ลูมิแยร์ คือเพื่อนวัยเด็กที่รั้งตำแหน่งคนรับใช้ส่วนตัว มิสซิส พอทส์ เป็นผู้ควบคุมงานครัวและดูแลบรรดาสาวใช้ เดบูตองท์ กับ พลูมแมท รับหน้าที่ทำความสะอาด กับดูแลเรื่องเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย และสุดท้ายคือ พินช์ หลานชายวัยซนของมิสซิส พอทส์ ที่แม้จะไม่มีหน้าที่แต่ก็ช่วยสร้างสีสันให้คฤหาสน์อยู่เสมอ


.


ในส่วนของอาณาเขตกว้างใหญ่รอบตัวคฤหาสน์ถูกจัดสรรให้ใช้ประโยชน์หลากหลายทั้งคอกม้า ทุ่งเลี้ยงสัตว์ เรือกสวน ไร่นา คนงานจะมีที่พักแยกออกไปเป็นสัดส่วน แม้แต่ชาวบ้านทั่วไปก็ยังได้รับผืนดินสำหรับทำมาหากินแล้วส่งผลผลิตกลับเข้ามาเป็นสิ่งตอบแทน ฐานะของเจ้าอสูรจึงเปรียบเสมือนชนชั้นปกครองที่คอยดูแลทุกข์สุขของราษฎรในแถบนี้แม้จะไม่มีฐานันดรใดๆก็ตาม


.


“อีกประเดี๋ยวจะได้เวลาอาหารค่ำแล้ว คุณจะล้างหน้าล้างตาหรือเปลี่ยนชุดก่อนมั้ยคะ” พลูมแมทวกกลับเข้าเรื่องสำคัญ “ห้องนี้เดิมเป็นของท่านแม่ของนายท่าน นายท่านสั่งให้เก็บรักษาเสื้อผ้าข้าวของทุกชิ้นไว้ในสภาพเดิม ดูอย่างชุดที่คุณใส่สิ เหมือนของใหม่เลยใช่มั้ยคะ น่าแปลกเหมือนกันที่คุณใส่ชุดนี้ได้พอดีอย่างกับเป็นขนาดของตัวคุณเอง เพียงแต่...”


.


สายตาเพ่งพินิจทำให้คนถูกชมรู้สึกร้อนตัว กลัวจะเผยพิรุธให้จับได้


.


“ช่วงบนอาจจะดูน้อยไปนิด แต่ไม่ว่ายังไง ถ้านายท่านได้เห็นจะต้องพอใจมากแน่ๆค่ะ”


.


โจชัวร์ก้มมองตัวเองแล้วลอบถอนใจ เขาเป็นผู้ชายแต่ต้องมาใส่ชุดผู้หญิงแบบนี้จะเอาอะไรมาเป็นส่วนเว้า ส่วนโค้งให้ดูได้ล่ะ


.


“ข้าไม่เหมาะกับของพวกนี้หรอก และที่จริงไม่ควรจะได้อยู่ห้องนี้เลยด้วยซ้ำ น่าจะมีห้องข้างล่างที่ว่างๆสักห้องหรือห้องพักแขกยังน่าจะเหมาะกว่า”


.


“ไม่ต้องกังวลไปหรอกค่ะ คุณคอกซ์เวิร์ธก็บอกแล้วว่านายท่านสั่งให้จัดปีกนี้ไว้สำหรับคุณโดยเฉพาะ แล้วที่นี่ก็ไม่ได้รับแขกมานานมากจนจำไม่ได้แล้ว ข้างบนนี้มีแต่ห้องของคุณกับนายท่านเท่านั้น ดิฉันว่าดีออกนะคะ คุณทั้งคู่จะได้มีความเป็นส่วนตัวเพื่อจะได้ทำความรู้จักกันมากขึ้น คุณอยู่ทางปีกนี้ นายท่านอยู่อีกฝั่งหนึ่ง ตื่นเช้าก็ออกจากห้องมาพบกัน อากาศดี มีเสียงนกร้อง...”


.


โจชัวร์ปล่อยให้พลูมแมทหลุดไปอยู่ในโลกส่วนตัวตามลำพัง เพราะตัวเขาเองก็ต้องการสมาธิในการทำใจและเตรียมพร้อมสำหรับการเผชิญหน้า เมื่อได้เวลาเขาถูกนำมายังห้องอาหารซึ่งเป็นห้องโถงกว้างประดับด้วยแสงเทียนที่ช่วยให้ดูอบอุ่นนุ่มนวล โต๊ะตัวยาวมีที่นั่งจัดไว้สุดปลายทั้งสองด้าน ชุดจานชามวางเรียงเต็มพิธีการโดยมีคุณพ่อบ้านยืนรออยู่


.


“ต้องขอประทานโทษจริงๆที่ไม่ได้เรียนถามก่อนว่าคุณต้องการรับอะไรเป็นพิเศษ หรือว่ามีส่วนผสมอะไรที่ต้องการเลี่ยงบ้างหรือไม่”


.


“ไม่มีหรอก ข้าทานได้ทุกอย่าง” เขารีบตอบแต่คิดในใจว่ากลัวมื้อนี้จะกินอะไรไม่ลงเลยมากกว่า


.


ระหว่างฟังคอกซ์เวิร์ธบรรยายถึงรายการอาหารค่ำเลิศรสที่ถูกจัดเตรียมไว้เป็นพิเศษ หัวใจของโจชัวร์ก็เต้นแรงขึ้นเรื่อยๆจนตระหนักว่าแรงสั่นสะเทือนที่สัมผัสได้ไม่น่าจะออกมาจากหน้าอกฝั่งซ้ายของตัวเองเท่านั้น


.


“นายท่านมาถึงแล้วครับ”


.


แรงสะเทือนสงบลง หัวใจของโจชัวร์ก็เหมือนจะหยุดเต้นในทันทีที่โครงร่างสูงใหญ่เกินคนปรากฏตัว เจ้าของคฤหาสน์คือสัตว์ประหลาดคล้ายสิงโตที่อยู่ในเครื่องแต่งกายและมีท่าทางการเคลื่อนไหวคล้ายมนุษย์อย่างที่พ่อบอก ดวงตาสีเหลืองอำพันตวัดมองเขาแวบหนึ่งก่อนจะเดินไปนั่งลงประจำที่ จากนั้นอาหารก็ถูกนำเข้ามาเสิร์ฟตามลำดับท่ามกลางความเงียบเชียบระหว่างผู้ร่วมโต๊ะที่ทำให้ห้องอาหารวังเวงราวกับป่าช้า


.


แม้จะมีคมเขี้ยวและอุ้งมืออย่างสัตว์ป่า เจ้าอสูรกลับแสดงมารยาทบนโต๊ะอาหารได้ดีอย่างไม่น่าเชื่อ ทั้งการใช้ช้อนตักซุบ ใช้มีดกับซ่อมหั่นชิ้นเนื้อ แม้กระทั่งถ้วยน้ำชาหลังมื้ออาหารก็ยกจรดริมฝีปากและวางลงโดยไม่มีเสียงดังสักกริ๊ก โจชัวร์เสียอีกที่กินจานละคำสองคำด้วยอาการประหม่า ท่าทางเหมือนไม่รู้ด้วยซ้ำว่ากลืนอะไรลงท้องไปบ้าง เมื่อเจ้าของบ้านทำราวกับนั่งทานมื้อค่ำเพียงลำพัง ไม่ได้แสดงท่าทางคุกคาม ข่มขู่ ความตื่นตระหนกจึงค่อยๆบรรเทาลงแต่ไม่วายชำเลืองหาทางหนีทีไล่อยู่ตลอด


.


“ไม่ถูกปากหรือ” เสียงห้าวจากสุดปลายโต๊ะทำให้คนอีกฝั่งสะดุ้งจนพาลทิ้งถ้วยชาลงจานรองทั้งที่ยังไม่ได้ดื่มสักอึก เมื่อไม่ได้คำตอบก็พูดต่อเหมือนไม่เห็นอะไรผิดปกติ “ดูเจ้าไม่ค่อยกิน กลัวอาหารจะไม่ถูกปาก ถ้าอยากกินอะไรก็บอก มิสซิสพอทส์คงจัดการให้ได้ ใช่มั้ยคอกซ์เวิร์ธ”


.


“ขอรับนายท่าน” คนยืนรอทำหน้าที่ส่งเสียงรับโดยสายตายังตกลงตรงแจกันซึ่งตั้งอยู่กึ่งกลางโต๊ะอาหารตัวยาว มีกุหลาบดอกโตปักลดหลั่นเป็นทรงสวยงาม


.


โจชัวร์ลอบถอนใจที่การสนทนาเลี่ยงไปทางอื่น เพราะแม้อีกฝ่ายจะพูดรู้เรื่อง เขาก็ยังทำใจไม่ได้ที่จะคุยกับสิงโต


.


“แขกของเราผอมเหลือเกิน ควรกินให้เยอะๆจะได้มีเนื้อมีหนังมากกว่านี้ ไม่อย่างนั้นข้าจับทีคงแหลกคามือ เจ้าคิดอย่างนั้นมั้ย”


.


“ขอรับนายท่าน”


.


“เรื่องที่พัก ถ้าไม่มีอะไรขาดตกบกพร่องก็ดี แล้วอย่าลืมที่ข้าสั่งให้เปิดทุกห้องออกดูแลให้เรียบร้อย เริ่มจากห้องหนังสือก่อนแล้วกัน เวลาว่างๆแขกของเราจะได้มีอะไรทำเพลินๆช่วยให้รู้สึกคุ้นเคยเหมือนที่นี่เป็นบ้านได้เร็วขึ้น เข้าใจใช่มั้ย”


.


“ขอรับนายท่าน”


.


โจชัวร์ตัดใจเรื่องดื่มชาเพราะกลัวอารมณ์ตัวเองจะพาลทำหูถ้วยน้ำชาที่แสนบอบบางหักคามือ การมีพี่สาวอย่างแมรี่และเบตตี้อาจทำให้เขาชินแต่ไม่ได้หมายความว่าต้องชอบที่ถูกทำเสมือนไร้ตัวตน เขารู้สึกว่ากำลังถูกท้าทาย และชักอยากจะลองแหย่หนวดสิงโตจอมยั่วโมโหตัวนี้ดูบ้าง


.


“ถ้ามีสิ่งใดที่แขกของเราต้องการ เจ้าต้องจัดเตรียมให้พร้อม...”


.


“ข้าไม่ได้ต้องการอะไร!” เขาจงใจขัดจังหวะ อาศัยเสียงดังเบี่ยงเบนอาการสั่นในน้ำเสียง   


.


“ขอรับนายหญิง”


.


พ่อบ้านยังรับคำอย่างไม่เห็นสิ่งผิดปกติ ผู้เป็นนายกลับแสยะยิ้ม ดวงตาสีแปลกมีรอยเหยียดหยัน ร่างสูงใหญ่ลุกขึ้นเดินตรงมาทีละก้าว เมื่อหยุดตรงแจกัน ปลายเล็บแหลมจงใจสะกิดเอากุหลาบกลีบหนึ่งร่วงลงบนผ้าปูโต๊ะสีขาว


.


“เป็นไปไม่ได้ที่เจ้าจะไม่ต้องการอะไร มนุษย์ทุกคนย่อมมีความโลภอยากได้อยากมีด้วยกันทั้งนั้น ดูอย่างพ่อของเจ้ายังกล้าหยิบฉวยในสิ่งที่ไม่ใช่ของตนเลยไม่ใช่หรือ”


.


“พ่อไม่ได้ตั้งใจ ข้ายืนยันได้”


.


“ถ้าเขาไม่ตั้งใจ แล้วตัวเจ้าจะมาอยู่ต่อหน้าข้าได้อย่างไรกัน”


.


“นั่นแหละที่ข้าอยากจะ...”


.


“อ่าาา” เสียงห้าวคำรามอย่างพึงใจ “ดูเหมือนเจ้าจะมีความต้องการขึ้นมาแล้วสินะ” 


.


“ขะ..ข้า...!” เขาไม่นึกว่าจะโดนย้อนไม้นี้ พลันรู้สึกว่าตนถูกทำเหมือนเหยื่อตัวเล็กๆที่ถูกสิงโตแหย่เล่นก่อนจะจับกิน จึงควรรีบเข้าประเด็นก่อนจะตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบมากไปกว่านี้ “ข้าก็แค่อยากเจรจา ถ้าท่านยอมปล่อยข้าไป ข้าสัญญาจะหาทางชดใช้ให้กับความผิดของพ่อที่ปลิดกุหลาบของท่านไปดอกหนึ่ง”


.


“เจ้าพูดถึงกุหลาบดอกเดียว แต่ข้ากลับคิดถึงชีวิตหนึ่งชีวิตที่ต้องสูญไปด้วยน้ำมือคนที่ไม่รู้คุณค่า”


.


ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนตวัดมองแจกันใบเขื่อง นึกค่อนในใจว่าหากเป็นเจ้าของจะตัดกุหลาบจากต้นมาปล่อยทิ้งให้เหี่ยวแห้งมากแค่ไหนก็ได้สินะ


.


“ก็แค่กุหลาบดอกเดียวไม่ใช่หรือไง!”


.


“เจ้าดูไม่ใช่คนที่จะไม่เห็นค่าของทุกชีวิต” 


.


“แล้วท่านล่ะเห็นคุณค่าของชีวิตคนอื่นบ้างมั้ย ท่านถือสิทธิ์อะไรมาตัดสินความผิดของพ่อ เอาอำนาจอะไรมาบังคับให้ข้าต้องอยู่เป็นนักโทษของท่านที่นี่”


.


“พ่อเจ้าไม่ได้บอกหรือว่าเจ้ามาที่นี่ทำไม” เจ้าอสูรเลิกคิ้วถามด้วยสีหน้าแปลกใจ


.


“ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรข้าก็ไม่อยากอยู่ที่นี่!” ร่างเพรียวลุกขึ้นประกาศกร้าว “บอกมาเลยดีกว่าว่าท่านต้องการอะไร ข้าจะทำให้ทุกอย่าง ต่อให้ต้องบุกน้ำลุยไฟข้าก็จะไปหามาให้ แต่ท่านต้องสัญญาว่าจะปล่อยข้าไปและไม่ยุ่งเกี่ยวกับครอบครัวของข้าอีกเด็ดขาด”


.


เจ้าอสูรแสยะยิ้มโชว์เขี้ยวขาว จ้องมองดวงหน้าเรียวที่กำลังขึ้นสีของความโกรธ แล้วบรรจงดึงกุหลาบดอกใหญ่ที่สุดจากแจกันวางลงเบื้องหน้าอย่างมีความหมาย


.


“ความต้องการของข้ามีเพียงอย่างเดียวคือได้แต่งงานกับเจ้า” เจตนานั้นถูกตอกย้ำด้วยประโยคสุดคลาสสิคที่ผู้ชายทุกคนจะมอบให้หญิงสาวที่ตนรัก “เจ้ายินดีจะแต่งงานกับข้าหรือไม่”


.


โจชัวร์มองดอกกุหลาบสีสดแล้วรู้สึกชาวาบ สมองขาวโพลนไปชั่วครู่ รู้ตัวอีกทีกุหลาบดอกนั้นก็ลอยไปตกอยู่บนพื้นเสียแล้ว


.


“นั่นคือคำตอบของเจ้าสินะเด็กน้อย” ดวงตาสีอำพันมองตามแล้วรำพึงพร้อมรอยยิ้มซ่อนแววขมขื่น


.


“ฟังให้ดี!” ดอกกุหลาบถูกเก็บขึ้นมากระแทกวางลงที่เดิม “ตราบใดที่เจ้าไม่ตกลงก็จงอยู่ที่นี่ไม่ว่าจะเต็มใจหรือไม่ก็ตาม เจ้ามีสิทธิ์จะทำอะไรก็ได้ ไปที่ใดก็ได้ในอาณาเขตการปกครองของข้า หน้าที่ของเจ้ามีเพียงอย่างเดียวคือต้องมาทานมื้อค่ำกับข้าทุกวัน ไม่ว่าเจ้าจะเข้าใจหรือไม่ก็จงจำใส่ใจและปฏิบัติตาม ไม่อย่างนั้นอย่าหวังว่าข้าจะเห็นชีวิตของเจ้ามีค่ามากไปกว่าดอกกุหลาบแค่ดอกเดียว”


.


เจ้าอสูรจากไปราวพายุ แรงโกรธเกรี้ยวสั่นสะเทือนคฤหาสน์ทั้งหลังพาให้คนที่เหลืออยู่ทรุดตัวอย่างหมดท่า แววตาสิ้นหวังทอดมองดอกกุหลาบกลีบช้ำราวกับเห็นชะตากรรมของตัวเอง น่าหัวเราะให้กับเงื่อนไขประหลาดที่ไม่ว่าจะเลือกทางไหนก็คือการสูญสิ้นอิสรภาพ ต้องจองจำชีวิตที่เหลืออยู่ที่คฤหาสน์หลังนี้ อยากรู้นักหากเจ้าอสูรรู้ความจริงเกี่ยวกับตัวเขาจะยังยืนกรานให้ตอบรับคำขอนั้นอยู่หรือไม่
















ขอกำลังใจให้เด็กน้อยกันเยอะๆนะคะ   :mew6:











^__^








----- Mine -----









ออฟไลน์ oilzaza001

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 619
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 4 (14/5/17)
«ตอบ #17 เมื่อ14-05-2017 13:00:53 »

 :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 4 (14/5/17)
«ตอบ #18 เมื่อ14-05-2017 13:51:14 »

สนุกดีค่ะ

ออฟไลน์ แฟนตาเซีย

  • หืมม...?
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 557
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 4 (14/5/17)
«ตอบ #19 เมื่อ15-05-2017 13:11:35 »

 :pig4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 4 (14/5/17)
« ตอบ #19 เมื่อ: 15-05-2017 13:11:35 »





ออฟไลน์ minemomo

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 89
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-1
Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 5 (21/5/17)
«ตอบ #20 เมื่อ21-05-2017 05:14:33 »










Heartbeat 









: A Retelling of Beauty and the Beast














5





พระอาทิตย์ค่อยๆลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า แสงสว่างบ่งบอกถึงการเริ่มต้นวันใหม่ โดยปกติแล้วเวลาอย่างนี้ โจชัวร์กำลังอยู่ในครัว จุดเตาไฟให้พร้อมเตรียมอบขนมปังและทำซุปสำหรับมื้อเช้า จากนั้นก็ออกไปที่ลานด้านหลังตักน้ำจากบ่อมาสำรองไว้สำหรับคนทั้งบ้าน ออกแรงพอได้เหงื่อก็ไปทำความสะอาด เก็บไข่ ให้อาหารพวกแม่ไก่ ทำงานในแปลงผัก หรือออกไปรับจ้างตามไร่ของชาวบ้านจนหมดไปอีกหนึ่งวันที่แสนเหนื่อยแต่ก็ถือว่ามีความสุขตามอัตภาพ นี่จึงเป็นเช้าวันแรกที่เขาได้ฝังตัวอยู่บนเตียงที่ทั้งนุ่มและอุ่น ไม่ต้องรีบลุกไปทำงาน ไม่ต้องวิ่งตามแต่กลับนอนรอให้แสงแดดค่อยๆเคลื่อนมาทาบทับร่างกายของตน
เสียงเคาะและคำร้องขออนุญาตดังจากหน้าประตู ครู่หนึ่งพลูมแมทก็ก้าวเข้ามาพร้อมคำทักทายเสียงสดใส แต่พอได้เห็นสีหน้าของคนที่ยังนอนอยู่บนเตียง





“ตายแล้ว! ไม่สบายหรือคะ หน้าซีดเชียว!” เธอรีบเข้ามาแตะหน้าผากดูอาการด้วยความร้อนใจ “ไม่มีไข้นี่ ปวดหัวหรือเปล่า สงสัยเมื่อคืนนอนไม่หลับใช่มั้ย คงจะแปลกที่ อีกสักพักก็ชิน ไม่เป็นไรหรอกนะคะ”





โจชัวร์พยักหน้าเนือยๆแล้วยันตัวขึ้นนั่งพิงหัวเตียง ชั่วคืนที่ผ่านมาเขาพยายามข่มตา ภาวนาว่าตื่นมาจะพบตัวเองนอนอยู่บนฟูกเก่าๆในมุมหนึ่งของห้องเก็บของ แต่ทำอย่างไรก็นอนไม่หลับ เมื่อไม่หลับก็ไม่ฝัน แล้วพอลืมตามา มองรอบๆห้องยิ่งอยากร้องไห้ เพราะทุกสิ่งตอกย้ำว่าเขาจะต้องอยู่ในสภาพนักโทษของเจ้าอสูรตลอดไป





“พอจะลุกไหวมั้ย ล้างหน้าล้างตาสักหน่อย ดิฉันเตรียมชุดใหม่ไว้ให้แล้ว ดูสิคะ สวยมั้ย”





โจชัวร์มองตามไปยังชุดกระโปรงที่สวมอยู่บนหุ่น แค่เห็นก็รู้สึกได้ถึงเนื้อผ้าและฝีมือการตัดเย็บชั้นเลิศ ถ้าแมรี่กับเบตตี้มาเห็นคงกระโจนเข้าใส่ อาจถึงขั้นยื้อแย่งจนเสื้อขาด





“เอ่อ... ออกไปก่อนได้มั้ย” เขาก้มลงมองสภาพตัวเองแล้วรีบบอก เมื่อคืนเขาอ้างความเหนื่อยล้าและเข้านอนเลย ผ่านมาหนึ่งคืนแล้วจะทำแบบเดิมคงฟังไม่ขึ้น จะให้ทนใส่ชุดเดิมต่อไปอีกก็ไม่ไหว





“แหม ไม่ต้องเกรงใจหรอกค่ะ ดิฉันมีหน้าที่คอยดูแลคุณอยู่แล้ว ช่วยอาบน้ำแต่งตัวแค่นี้สบายมาก”





“คือว่า...” เห็นประกายตาซื่อๆของสาวใช้ประจำตัวแล้วยิ่งอึดอัด เขาไม่ได้คิดจะปิดบังเรื่องที่เป็นผู้ชายไปตลอดอยู่แล้ว แต่คงต้องรอจังหวะอีกสักหน่อย “ข้า... ข้ามีแผลเป็นที่ไม่ค่อยน่าดูเท่าไหร่ก็เลยไม่อยากให้ใครเห็น เธอออกไปรอข้างนอกก่อนเถอะนะ ขอร้องล่ะ”





“ถ้าอย่างนั้นให้นายท่านช่วยดูให้สิคะ นายท่านของพวกเรามีความรู้เรื่องยาและการรักษาโรค โดยเฉพาะเรื่องบาดแผลนี่เชี่ยวชาญมากทีเดียว ขนาดพวกสัตว์ที่ติดกับดัก หรือถูกพรานเถื่อนซุ่มยิง นายท่านยังช่วยรักษาจนหายดี วิ่งปร๋อกลับเข้าป่ามานักต่อนักแล้ว อ้อ! เกือบลืม น้ำในท่อน้ำวันนี้ค่อนข้างอุ่นจัด ถ้าร้อนไปก็เปิดทิ้งไว้สักพักค่อยใช้นะคะ”





“ในห้องนี่มีน้ำร้อนด้วยเหรอ?!” เขาหลุดปากถามอย่างคาดไม่ถึง เมื่อตอนอยู่บ้านหลังเก่าในเมือง มีแต่ห้องนอนใหญ่ของพ่อและพวกพี่ๆที่มีห้องน้ำในตัวซึ่งถือว่าหรูหราและสะดวกสบายสำหรับคนอยู่ คนรับใช้นี่สิที่ต้องเหนื่อยหิ้วน้ำขึ้นไปเตรียมไว้ทุกวัน พอช่วงหน้านาวยิ่งเพิ่มงานต้มน้ำให้ทางห้องครัวอีกเป็นเท่าตัว





“นายท่านสั่งให้ชักน้ำขึ้นไปเก็บบนหอสูงเพื่อเพิ่มแรงดันก่อนจะปล่อยลงมา แล้วต่อท่อเอาความร้อนจากห้องครัวมาใช้ ทั่วทั้งคฤหาสน์เลยอุ่นสบายโดยแทบไม่ต้องจุดเตาผิง และถึงจะอยู่ชั้นบนก็มีน้ำร้อนให้ใช้ตลอด ไม่ต้องคอยต้มน้ำ หาบน้ำกันให้เหนื่อยเลยค่ะ” หญิงสาวอวดรอยยิ้มกว้างแสดงถึงความชื่นชมเจ้านายของตนที่ทั้งเก่งและมีความคิดรอบด้าน “นายท่านยังสั่งว่าคุณควรอาบน้ำอุ่นจัดสักหน่อยเพราะร่างกายยังไม่ชินกับอากาศของที่นี่ นี่ดีนะคะที่เช้านี้อากาศดี ถ้าเป็นวันที่มีพายุหิมะแรงๆ คุณคงไม่สบายแน่ๆ”





น้ำอุ่นจัดช่วยคลายความเหนื่อยล้า ทำให้รู้สึกสบายเนื้อตัวจนแทบหลับคาอ่างอาบน้ำ หลังจากเสียเวลาใส่เสื้อผ้าด้วยตัวเองแล้วยังต้องนั่งให้พลูมแมทช่วยทำผมแต่งตัวอีกพักใหญ่ โจชัวร์ก็ลงมายังชั้นล่าง แอบโล่งอกเมื่อพบว่ามื้อเช้าจัดไว้ที่ระเบียงด้านตะวันออกเพียงชุดเดียว แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะได้กินมื้อเช้าตามลำพัง





รอจนเลื่อนเก้าอี้ให้ว่าที่คุณผู้หญิงของคฤหาสน์นั่งลงเรียบร้อย คุณคอกซ์เวิร์ธก็ผายมือไปยังกลุ่มคนที่ยืนเรียงราย ใบหน้าแต่ละคนมีรอยยิ้ม ท่าทางตื่นเต้นชวนให้ผู้มาใหม่รู้สึกถึงการต้อนรับที่แสนอบอุ่น





“ขอให้กระผมได้แนะนำมิสซิส พอทส์ แม่ครัวใหญ่ของเรา” หัวแถวคือหญิงเจ้าเนื้อ วัยเดียวกับคุณพ่อบ้าน แววตาใจดี และมีกลิ่นหอมของอาหารติดตัว





“เดบูตองท์” หญิงสาวท่าทางร่าเริงแจ่มใส่แต่คงพูดน้อยกว่าเพื่อนของเธอทำอาการถอนสายบัวแล้วก็เอาแต่จ้องโจชัวร์ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่





“แล้วก็...” รายสุดท้ายคือเด็กชายตัวเล็กที่กำลังเกาะโต๊ะเขย่งตัวให้สูงขึ้น แถมยังยกไม้ยกมือขอโอกาสแนะนำตัวเอง





“พินช์ฮะ!” เสียงใสรีบบอกพร้อมทำท่าโค้งราวกับอัศวินหนุ่ม “อรุณสวัสดิ์ฮะคุณโจแอน คุณสวยจัง”





“ขอบใจจ๊ะพินช์ เธอก็น่ารักมากนะหนุ่มน้อย” เขาวางมือลงบนกลุ่มผมสีทอง ลูบเบาๆด้วยความเอ็นดู นึกขันกับคำชมแต่ก็คงต้องรับไว้





“เดี๋ยว! เดี๋ยวก่อนสิ ยังมีข้าอีกคนนะลืมได้ไง” เสียงตะโกนดังมาแต่ไกล คนที่กำลังวิ่งตรงมาสุดฝีเท้าคือชายหนุ่มร่างผอมสูงในชุดขี่ม้า คำแนะนำตัวจากคุณพ่อบ้านจึงไม่พ้นเสียงตวาด





“ลูมิแยร์!”





“กระผมลูมิแยร์” เจ้าตัวกลับยิ้มรับและทำท่าโค้งคำนับเต็มพิธีการยิ่งกว่าเจ้าหนูพินช์ “เป็นเกรียติเหลือเกินที่ได้พบคุณผู้หญิง ขอให้กระผมได้เป็นทาสรับใช้ผู้แสนต่ำต้อยของคุณด้วยเถอะนะขอรับ”





พวกสาวๆหัวเราะคิกคัก แต่โจชัวร์ไม่รู้สึกสนุกไปด้วย 





“เอ่อ... ไม่ต้องถึงขนาดนั้นก็ได้ ข้าก็ยินดีมากที่ได้รู้จักกับทุกคน แต่อย่างที่ทุกคนก็คงรู้อยู่แล้วว่าข้ามาที่นี่ในฐานะอะไร ถ้ายังไงก็ช่วยเลิกคิดว่าข้าจะมาเป็นเอ่อ... คุณผู้หญิงหรือนายหญิงอะไรนั่นเลยนะ ขอให้พวกเราเป็นเพื่อน เป็นพี่น้องกันดีกว่า มีอะไรเราก็พูดคุยกัน ช่วยเหลือกัน ตกลงมั้ย”





เขามองตาและโล่งอกที่ทุกคนยอมให้ความร่วมมือ ยกเว้นชายหนุ่มรายสุดท้ายที่ยังทำท่าอิดออด





“แต่นายท่านจะตำหนิพวกเราได้...”





เพียงประโยคเดียวก็ทำให้เกิดความลังเลโดยทั่วหน้า โจชัวร์จึงรีบตัดบทด้วยน้ำเสียงเด็ดเดี่ยว ส่วนผลที่ตามมาจะเป็นอย่างไรค่อยว่ากันอีกที





“ถ้านายท่านของเจ้ามีปัญหา ข้าจะเป็นคนรับผิดชอบทุกอย่างเอง”





ทุกคนตอบตกลงและอยู่ทำความคุ้นเคยกับเพื่อนร่วมคฤหาสน์คนใหม่อีกครู่ใหญ่จึงแยกย้ายกันไปทำงาน คนที่เหลืออยู่มีเพียงหนูน้อยพินช์และหนุ่มใหญ่ลูมิแยร์





“นายท่านให้กระผมคอยดูแลและอำนวยความสะดวกคุณในการทำความคุ้นเคยกับที่นี่ขอรับ”





“หมายความว่าข้าจะไม่มีวันได้ไปจากที่นี่อย่างนั้นสินะ”





“พี่โจจะไม่อยู่กับพวกเราเหรอฮะ” พินช์ร้องลั่นแล้วรีบเข้ามากอดเอวราวกับพี่สาวคนใหม่จะหายตัวไปเสียเดี๋ยวนั้น “ที่นี่กว้างมากๆ วิ่งเล่นทั้งวันยังไม่ทั่วเลย ทุกคนก็ใจดี ขนมของป้าก็อร่อย มีอะไรสนุกๆให้ทำตั้งเยอะแยะ พี่โจอยู่เถอะนะ อย่าไปไหนเลยนะฮะ น๊าาาา”





“พี่... พี่ก็ยังไม่ได้บอกว่าจะไปสักหน่อย” เขาบอกอย่างหมดท่าเมื่อเจอลูกอ้อนชุดใหญ่เข้าไป





“พี่โจจะไม่ไปจากที่นี่แล้วจริงๆนะ พี่โจสัญญาแล้วนะฮะ”





ลูมิแยร์ยิ้มมองหนูน้อยออกอาการร้องลั่นดีใจ ตัวเขาเองก็พลอยโล่งอกที่มีคนช่วยแบ่งเบาภาระบางอย่างไปบ้างแล้ว





“อย่าเพิ่งคิดว่าการอยู่ที่นี่จะมีแต่เรื่องแย่ๆ ลองเปิดใจดูแล้วคุณจะได้พบกับความสุขอย่างที่หาจากที่ไหนไม่ได้ เรื่องราวอันแสนอัศจรรย์ยังรอคุณอยู่อีกมากเชียวขอรับ”





“หมายถึงนายท่านของเจ้าด้วยหรือเปล่า” โจชัวร์รีบถามดักคอ อีกฝ่ายเป็นคนรับใช้ส่วนตัวก็น่าจะรู้จักเจ้าอสูรดีกว่าใคร “ข้าอยากรู้ว่าเขาเป็นใคร ทำไมถึงได้ดู... เป็นอย่างนั้น พอจะเล่าให้ข้าฟังบ้างได้มั้ย”





“คำบอกเล่าหรือจะสู้การพิสูจน์ด้วยตนเองได้” คนรับใช้หนุ่มอมยิ้ม นอกจากไม่ตอบยังกระตุ้นให้ยิ่งอยากรู้ “คุณอาจคิดว่านายท่านของพวกเราน่ากลัว ใจคอโหดเหี้ยมผิดมนุษย์มนา แต่หากลองใช้หัวใจมอง รับรองว่าคุณจะพบกับบางสิ่งที่ซ่อนอยู่ ตัวตนที่แท้จริงของอสูรร้ายอาจจะงดงามอย่างที่คุณนึกไม่ถึงก็ได้นะขอรับ”





“ตกลงว่าเจ้าจะไม่ช่วย”





“กระผมยินดีช่วยพาคุณสำรวจรอบปราสาทและพื้นที่ในอาณาเขตการปกครองของนายท่านแน่นอน แต่เนื่องจากที่นี่กว้างขวางมาก ถ้าให้เดินไปคงไม่ไหวเลยได้เตรียมม้าไว้ให้แล้ว คุณคงดีใจที่ได้เจอเพื่อนเก่า...”





อาศัยว่าทำงานกับคนขี้โมโหมานาน ลูมิแยร์จึงนับว่ามีทักษะในการจัดการกับอารมณ์ของคู่สนทนาได้เป็นอย่างดี และเพียงให้สัญญาณ อาชาสีขาวปลอดก็ควบตะลุยมาหยุดตรงหน้าแขกคนสำคัญราวกับสั่งได้





“นายท่านมอบสโนว์ให้เป็นม้าประจำตัวของคุณ หวังว่าคุณจะพอใจ”





“ที่สุดเลยล่ะ” โจชัวร์ตอบพร้อมรอยยิ้มเต็มหน้า เจ้าสโนว์ก็ร้องรับได้จังหวะกัน





“ถ้าอย่างนั้นเราเริ่มจากคอกม้าก่อนเลยดีมั้ย สโนว์จะได้พาคุณไปรู้จักเพื่อนๆของมันด้วย”





แม้จะอยู่ในชุดกระโปรงแต่โจชัวร์ก็ส่งพินช์ขึ้นหลังม้าแล้วโหนตัวตามขึ้นไปอย่างคล่องแคล่ว ลูมิแยร์ขี่ม้าสีน้ำตาลอีกตัวพานำออกไปยังโรงเรือนซึ่งกว้างขวางใหญ่โตไม่แพ้ตัวคฤหาสน์ พื้นที่ด้านในถูกซอยย่อยเป็นซองสำหรับม้าสายพันธ์ดีซึ่งมีลักษณะพิเศษและท่าทางแสนรู้ไม่ผิดจากสโนว์ ถัดออกไปคือโกดังเก็บอุปกรณ์และอาหารสำหรับม้า ที่พักคนงาน และส่วนสุดท้ายคือพื้นดินปรับเรียบที่ถูกใช้เป็นลานฝึกซึ่งตอนนี้มีอาชาสีดำปลอดตัวใหญ่กำลังวิ่งควบจนได้ทั้งจังหวะและความเร็วที่สมบูรณ์แบบ





“ธันเดอร์เป็นม้าประจำตัวของนายท่าน” คนนำชมสถานที่บอกเสียงไม่ดังนัก ทั้งยังกางแขนออกเป็นสัญญาณห้าม “อย่าเพิ่งเข้าไปใกล้มากจะดีกว่า มันเป็นม้าฝีเท้าดีแต่อารมณ์ยังไม่คงที่ สมาธิยังไม่นิ่งเท่าสโนว์ เลยต้องแยกฝึกเดี่ยว ไม่ให้ทั้งม้าหรือคนเข้าไปยุ่มย่ามใกล้ๆ”





โจชัวร์มองตามความเร็วชนิดหาตัวจับยาก แต่สังเกตให้ดีเหมือนเป็นการควบไปตามสัญชาติญาณ กล้ามเนื้อโปนชัดบอกว่ามันเร่งความเร็วโดยไม่คำนึงถึงขีดจำกัด ไม่รู้จักกำลังตัวเอง หากไม่มีผู้ฝึกคอยคุมก็อาจเกิดอาการบาดเจ็บและล้มลงหมดสภาพ ขนาดเจ้าสโนว์มองแล้วยังส่ายหัว ส่งเสียงฟืดฟาดไม่ชอบใจ





“หมายความว่าสโนว์เก่งกว่าเจ้านั่นใช่มั้ย” เขาลูบแผงคอแถมคำชม หนูน้อยพินช์ก็ชอบใจ โน้มตัวลงกอดมันแน่น





“สโนว์เคยเป็นม้าประจำตัวนายท่าน เป็นสุดยอดอาชาที่ยากจะหาได้ในรอบหลายสิบปี ทั้งฉลาด กำลังดี และมีความเป็นผู้นำฝูง พอนายท่านมอบให้คุณ เราเลยต้องรีบฝึกม้าตัวใหม่ขึ้นมาแทน”





โจชัวร์มองอย่างอดทึ่งไม่ได้ เจ้าม้าขาวพอได้ฟังยิ่งลำพอง เชิดหัวขึ้นรับคำชมยกใหญ่





“ถ้าอย่างนั้นก็บอกให้นายท่านของเจ้าเอาคืนไปสิ ข้าไม่ได้ต้องการอะไรจากเขาสักหน่อย”





“แปลกที่บางครั้งม้าก็เป็นฝ่ายเลือกคนขอรับ โดยเฉพาะสโนว์ดูจะอยากอยู่กับคุณมากกว่า เรื่องนี้ถึงเป็นนายท่านก็คงบังคับใจมันไม่ได้ ใช่มั้ยล่ะเจ้าเพื่อนยาก”





สโนว์ร้องรับแต่โจชัวร์กลับเกิดความสงสัย เขาไม่ปฏิเสธเรื่องที่ถูกชะตากับมันมาก แต่พอได้รู้ที่มาที่ไปพาลให้นึกถึงความรู้สึกของเจ้าของคนเก่า เคยได้ยินว่าการมีม้าคู่ใจสักตัวนั้นต้องอาศัยจิตใจที่สัมพันธ์กันทั้งสองฝ่าย การเสียม้าคู่ใจก็เหมือนสูญเสียเพื่อนที่รู้ใจที่สุด ทำไมเจ้าอสูรถึงยอมมอบสิ่งล้ำค่าขนาดนี้ให้เขากันนะ





“พักสักครู่ก่อนมั้ยขอรับ” ลูมิแยร์เอ่ยถามเมื่อเห็นคนที่ตามกันมาเงียบเสียงไป





“ไม่ต้องหรอก นี่ก็แค่ขี่ม้ามาเฉยๆ ยังไม่ได้ทำอะไรเลย ปกติข้าอยู่บ้านต้องทำงานทั้งวัน เหนื่อยกว่านี้เยอะ”





“แต่หนูเหนื่อย หิวแล้วด้วยฮะ”





พินช์ชูแขนบอก ดวงหน้าใสมีรอยย่นหัวคิ้วเป็นสัญญาณว่ากำลังจะออกอาการงอแงตามประสาเด็ก ลูมิแยร์จึงนำทั้งสองมายังที่พักในบริเวณโรงม้าซึ่งมีขนมและน้ำชาจัดไว้พร้อม





“ข้าไม่ค่อยมีความรู้เรื่องม้าแต่ก็พอจะดูออกว่าที่นี่มีแต่ม้าสายพันธ์เยี่ยม การเลี้ยงดูเอาใจใส่ก็ดีมาก นายท่านของเจ้าคงจะรักพวกมันมาก” โจชัวร์เอ่ยปากขณะเดินชมสถานที่ต่อ ทิ้งสโนว์ไว้เป็นพี่เลี้ยงเด็กน้อยที่กำลังมีความสุขกับขนมแสนอร่อย





“นายท่านมีความเชี่ยวชาญเรื่องม้าเป็นพิเศษทั้งในเรื่องสายพันธ์และการเลี้ยงดู อย่างอาหารที่ใช้เลี้ยงนอกจากฟางหรือหญ้าตามปกติแล้ว ยังมีอาหารที่ปรุงขึ้นตามสูตรเพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อและบำรุงสุขภาพของม้าโดยเฉพาะ”





“ขอเดาว่าหนึ่งในส่วนผสมต้องมีแครอทแน่เลย สโนว์ถึงได้ชอบกินแครอทสดๆมาก กินได้เป็นถังๆเชียวล่ะ”





“เราไม่เคยให้ม้ากินแครอทสดๆ ถ้าเป็นผักส่วนใหญ่จะทำให้แห้งแล้วเอามาผสมในอาหารเสียก่อน แต่ก็ฟังดูน่าสนใจ กระผมจะนำไปปรึกษาเผื่อนายท่านจะปรับสูตรอาหารใหม่ๆบ้าง เรื่องผักผลไม้สดก็ไม่ได้หายากเพราะเรามีทั้งแปลงผักและไร่ผลไม้ ถ้าคุณสนใจ วันหลังคงได้ไปชมกัน”





“ไปตอนนี้เลยก็ได้นี่” โจชัวร์รีบบอกเพราะไม่อยากกลับคฤหาสน์ไปแล้วไม่มีอะไรทำ ได้แต่นั่งรอจนถึงเวลาทานมื้อค่ำที่ถูกบังคับให้ต้องพบกับใครบางคน





“อาณาเขตของนายท่านกว้างขวางกว่าที่คุณคิด อาจต้องใช้เวลาตะลุยขี่ม้ากันทั้งวัน เอาไว้ให้คุณเตรียมตัวให้พร้อมกว่านี้ดีกว่า” ลูมิแยร์ยิ้มมองชุดสวยของอีกฝ่ายอย่างสุภาพ “ที่สำคัญคือเราคงต้องพาเจ้าหนูกลับไปส่งที่คฤหาสน์เสียก่อน ใกล้จะได้เวลานอนกลางวันแล้ว กระผมไม่ถนัดงานพี่เลี้ยงเด็กสักเท่าไหร่”





โจชัวร์ยิ่งเห็นด้วยกับเหตุผลข้อหลังเพราะเมื่อกลับมาถึงโต๊ะน้ำชาก็พบเด็กน้อยกำลังนั่งตาปรือ พอกลับถึงคฤหาสน์ เขาจึงใช้เวลาที่เหลือจัดการเรื่องส่วนตัวบางอย่าง





“เกิดอะไรขึ้นคะเนี่ย ทำไมจู่ๆคุณจะใส่แต่ชุดพวกนี้ นี่มันชุดสำหรับขี่ม้าทั้งนั้นเลย” พลูมแมทร้องเสียงหลงเมื่อเห็นกองเสื้อผ้าที่ถูกคัดออกจากตู้ ทั้งหมดล้วนเป็นกางเกงหนังพอดีตัว รองเท้าบู้ท เสื้อแขนยาวแบบเรียบ ไม่มีลูกไม้หรือชายกรุยกรายเลยสักตัว





“ข้าไม่อยากอยู่ว่างๆก็เลยจะออกไปสำรวจพื้นที่กับลูมิแยร์สักหน่อย แล้วถึงจะไม่ได้ออกไปไหนก็ไม่อยากใส่ชุดกระโปรงยาวลากพื้นพวกนั้น จะลุกจะนั่งก็ลำบาก ต้องคอยระวังตัวทุกฝีก้าว ส่วนเสื้อลูกไม้ใส่แล้วมันคันยิบๆ ไม่เห็นจะสบาย หรือชุดเปิดไหล่เห็นไปตั้งครึ่งตัวนั่นยิ่งแล้ว อากาศหนาวจะแย่ เดี๋ยวก็ได้แข็งตายพอดี ข้าอยากได้เสื้อผ้าที่ใส่สบาย ดูทะมัดทะแมง เวลาจะทำอะไรก็สะดวกคล่องตัวน่ะ”





“แต่บรรดาชุดที่คุณพูดมานั่นสวยออกนะคะ เหมาะกับคุณมากๆเลยด้วย” พลูมแมทค้านเสียงอ่อย “ถ้าขืนใส่แต่เสื้อกับกางเกงก็กลายเป็นเด็กผู้ชายกันพอดี นายท่านเห็นแล้วคงไม่ค่อยพอใจ”





“ก็ดีสิ งั้นต่อไปข้าจะใส่แต่เสื้อกับกางเกงนี่ล่ะ ขอบใจนะที่ช่วยแนะนำ”





โจชัวร์ยิ้มกว้าง รีบคว้าเสื้อกับกางเกงชุดหนึ่งตรงไปยังห้องอาบน้ำแต่ถูกอีกฝ่ายยื้อไว้สุดแรง





“ไม่ได้นะคะ! ยังไงตอนมื้อค่ำคุณก็ต้องใส่ชุดที่เตรียมไว้ ไม่อย่างนั้นข้าอาจจะโดนนายท่านตำหนิเอาได้”





“แต่ว่า...” เขาเหลือบมองหุ่นเสื้อแล้วต้องถอนหายใจ ชุดกระโปรงยาวเนื้อผ้ามันเงา ชิ้นบนเป็นเกาะอกโชว์ไหล่ ด้านหลังประดับโบว์ทิ้งชายยาวพลิ้ว สำหรับผู้หญิงก็คงสวยอยู่หรอก แต่ผู้ชายอย่างเขาจะให้ใส่ไปโชว์อะไร แถมจะเอาหน้าอกที่ไหนมาให้เกาะ ทุกทีกว่าจะใส่ได้เรียบร้อยก็ต้องหาตัวช่วยมายัดเพิ่มส่วนสัดจนอึดอัดไปหมด





“ได้โปรดเถอะนะคะ ตอนอื่นคุณจะใส่อะไรก็ได้ แต่เวลาอยู่ต่อหน้านายท่าน ขอให้ดิฉันได้ช่วยแต่งตัวคุณให้งดงามที่สุดเถอะ”





ค่ำนั้นโจชัวร์จึงจำใจปรากฏตัวที่ห้องทานอาหารในชุดสวยของพลูมแมท โชคดีที่เธอยอมแถมผ้าคลุมไหล่อีกผืนทำให้เขาไม่ต้องรู้สึกเปลือยเปล่ามากนัก เขารอไม่นาน เพื่อนร่วมโต๊ะก็ปรากฏตัวพร้อมท่าทางแบบเดิมๆคือมองเขาเพียงแวบเดียวก็นั่งลงทานมื้อค่ำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่นั่นก็ทำให้เขารู้สึกสบายใจและทานได้มากขึ้น กระทั่งได้เวลาน้ำชาหลังอาหารการสนทนาจึงเริ่มขึ้น





“ฝากไปบอกมิสซิส พอทส์ด้วยว่ามื้อค่ำวันนี้รสดีมาก แขกของเราท่าทางจะพอใจ ขอให้เป็นอย่างนี้และดีขึ้นเรื่อยๆ”





ยังคงเป็นคุณคอกซ์เวิร์ธที่ตอบรับเจ้านายของตน ส่วนโจชัวร์แสร้งจิบชาไม่สนใจ พยายามไม่รู้สึกร้อนตัวว่าคำชมนั้นอาจมาจากการที่เขาจัดการอาหารทุกจานได้หมดจดเรียบร้อย





“ส่วนเรื่องสาวใช้ประจำตัวแขกของเรา ลองหาคนอื่น...”





“เดี๋ยวก่อนนะ!” โจชัวร์แทรกขัด และจ้องใบหน้าที่ไม่ได้ดูน่ากลัวเหมือนอย่างครั้งแรกที่เห็น “พลูมแมทไม่ได้มีปัญหาอะไร ทำไมต้องหาคนอื่นมาแทนด้วย”





เจ้าอสูรยังนั่งพิงเก้าอี้สบายใจ ละหน้าที่ตอบปัญหาให้คนกลาง





“กระผมขอเสียมารยาทสังเกตเห็นว่าคุณไม่ค่อยพอใจกับเสื้อผ้าที่เธอจัดเตรียมให้ซึ่งเท่ากับว่าเป็นการบกพร่องต่อหน้าที่ และยังไม่พูดถึงการดูแลคุณในด้าน...”





“พอแล้ว!” เขารีบตัดบท “ข้าแค่เคยชินที่ทำทุกอย่างด้วยตัวเองมาตลอด เอาเป็นว่าต่อไปจะยอมให้เธอทำหน้าที่ได้มากขึ้น ส่วนเรื่องเสื้อผ้า ข้าแค่ไม่ชอบใส่ชุดแบบนี้แต่ไม่ได้หมายความว่าพลูมแมททำงานไม่ดี เธอไม่ได้สร้างปัญหาอะไรเลย เพราะฉะนั้นไม่จำเป็นต้องหาใครมาแทน”





“ขอรับนายหญิง”





คุณคอกซ์เวิร์ธรับคำแล้วนิ่งพาลให้คนออกคำสั่งรู้สึกเขินที่อาจจะร้อนรนเกินกว่าเหตุ ฝ่ายที่ยังดูสบายใจที่สุดลุกขึ้นย่างเท้าเข้ามาหาจนโจชัวร์ต้องถอยร่น นึกอยากจะเอามีดทิ่มลูกตาสีเหลืองอำพันที่ส่งประกายวิบวับนั่นเหลือเกิน





“ทำไมถึงไม่ชอบล่ะ ข้าว่าเจ้าใส่ชุดนี้ก็ดูสวยดี”





“ข้าไม่ชอบก็คือไม่ชอบ! ท่านบังคับให้ข้าอยู่ที่นี่แต่ไม่ได้หมายความว่าจะบังคับให้ข้าชอบหรือไม่ชอบอะไรก็ได้”





“เจ้าคงเห็นข้าเป็นพวกชอบบังคับใจคน”





เจ้าอสูรแสยะยิ้ม ท่าทางไม่ทุกข์ร้อนกับเสียงตะโกนใส่หน้า นิ้วใหญ่ประกอบด้วยขนรุงรังกับเล็บแหลมประคองดอกกุหลาบที่วันนี้ถูกตัดมาเพียงดอกเดียวขึ้นจากแจกันแก้วใบเล็ก





“แต่เจ้าอาจจะลืมว่ามีเรื่องหนึ่งที่ข้าไม่ได้บังคับเจ้า”





โจชัวร์ถลึงตาสู้ แต่ในสายตาคนอื่นคงเหมือนลูกแมวพองขนขู่ราชสีห์





“ก็เรื่องที่ข้าอยากได้เจ้ามาเป็นคู่ชีวิตยังไงล่ะ” ดอกกุหลาบถูกยื่นมาต่อหน้า พร้อมทั้งสายตาและประโยคเชิญชวนให้รับไว้ “เจ้ายินดีจะแต่งงานกับข้าหรือไม่”





แน่นอนว่าโจชัวร์ไม่มีทางยื่นมือออกไปสัมผัสกุหลาบดอกนั้น แถมยังกล้าตอบเจ้าของดอกไม้ด้วยน้ำเสียงท้าทาย





“ต่อให้ท่านบังคับ ข้าก็ไม่มีวันยอม!”





“เป็นคำตอบที่ชัดเจนดี” ดอกกุหลาบถูกกระแทกวางไม่ต่างจากวันวาน แววตากร้าวขึ้นไม่แพ้น้ำเสียง “ตราบเท่าที่ข้ายังบังคับให้เจ้าอยู่ที่นี่ได้ก็เท่ากับเจ้ายังมีเวลาคิดเรื่องนี้อีกนาน ลองคิดดูให้ดีเถอะ ส่วนข้าคงได้แต่หวังว่าที่สุดแล้วจะไม่ต้องบังคับใจเจ้า... ทุกเรื่อง!”





อีกครั้งที่เจ้าอสูรจากไปด้วยอาการคล้ายพายุที่กวาดเอาทุกอย่างพังพินาศ แต่โจชัวร์กลับไม่ได้ตกอยู่ในความสิ้นหวังอย่างเคย ดวงตาสีน้ำตาลมองตามและยังจ้องอยู่ตรงประตูเป็นครู่ใหญ่ก็เริ่มเกิดข้อสงสัย คำขอที่ได้ยินอีกครั้งชวนให้ฉุกคิดว่าเพราะเหตุใดเจ้าอสูรถึงได้พยายามทำให้ตัวเองถูกปฏิเสธอยู่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า และในเมื่อเขายังต้องอยู่ที่นี่อีกนานอย่างว่า การลองพยายามทำความเข้าใจเจ้าของกรงขังแห่งนี้ก็คงไม่ใช่เรื่องเสียเวลาหรือเปล่าประโยชน์นัก






 












^__^





----- Mine -----







ออฟไลน์ minemomo

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 89
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-1
Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 6 (28/5/17)
«ตอบ #21 เมื่อ28-05-2017 05:10:40 »












Heartbeat 










: A Retelling of Beauty and the Beast




















6









เช้านี้โจชัวร์ลืมตาขึ้นด้วยความรู้สึกสดชื่นจนอดแปลกใจตัวเองไม่ได้ ชีวิตที่ผ่านมาสอนไม่ให้เป็นคนอยู่ยากจึงสามารถทำตัวให้คุ้นเคย ไม่อึดอัดกับบรรยากาศรอบตัวได้อย่างรวดเร็ว เขาลุกลงจากเตียง รูดม่านหนาและเปิดประตูออกไปยังระเบียงกว้างก็พบว่าแสงแดดอุ่นกำลังดี มีเสียงนกร้องพลอยให้รู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า เขาหยิบเสื้อผ้าที่เลือกไว้เข้าไปอาบน้ำแต่งตัว






เมื่อมายืนที่หน้ากระจกเงาบานเท่าตัวจึงได้พบกับหนุ่มน้อยหน้าตาสดใสในชุดทะมัดทะแมง แต่ก็ชวนให้สงสัย ไม่เข้าใจว่าทำไมคนทั้งคฤหาสน์ถึงได้ยังเชื่อว่าเขาเป็นผู้หญิง เขาหันซ้ายหันขวาพลางนึกว่าอาจจะเป็นรูปร่างผอมเพรียว มือไม้เรียวยาว หรือผิวขาวสว่าง พยายามเพ่งเข้าไปใกล้ก็เดาว่าคงเพราะใบหน้าเรียวเล็ก ดวงตาสีน้ำตาลกลมโต แก้มใสระเรื่อ หรือริมฝีปากสีสดนี่ล่ะมั้งที่ทำให้เจ้าอสูรปักใจเชื่อและเอ่ยประโยคชวนขนลุกอยู่ได้ทุกคืน






โจชัวร์เท้าสะเอว ย่นจมูกใส่คนในกระจกแล้วเลิกสนใจ ป่วยการจะคิดหาเหตุผล และเมื่อหมุนตัวไปตามเสียงเรียกก็พบเรื่องเฉพาะหน้าให้จัดการโดยด่วน






“พลูมแมทล่ะ” เขารีบถามถึงสาวใช้ประจำตัวแต่หญิงสาวตรงหน้ายังเอาแต่อึกอัก “พาข้าไปหานางเดี๋ยวนี้!”






คนออกคำสั่งเดินนำลิ่วจนลงมาถึงชั้นล่างกลับยืนคว้าง ต้องรอจนเดบูตองท์วิ่งตามมาทันและพาไปตามทางที่ไม่เคยเดินผ่าน เพราะเอาเข้าจริงๆเขาเพิ่งรู้จักแค่ห้องนอนกับห้องทานมื้อค่ำ จึงบอกตัวเองว่าหากจะต้องอยู่ที่คฤหาสน์นี้อีกนานก็ควรรีบทำการสำรวจให้ทั่วทุกซอกมุมโดยเร็วที่สุด






ทั้งคู่หยุดฝีเท้าเมื่อเกือบชนเข้ากับประตูบานหนึ่งที่เปิดออก คุณพ่อบ้านก้าวออกมาและส่งสายตาขุ่นเคืองไปยังคนในปกครอง






“ข้าเป็นคนสั่งให้พามาเอง” โจชัวร์รีบออกตัวรับ “ข้าอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมพลูมแมทถึงไม่ได้มาทำหน้าที่เหมือนเดิม”






“เจ้าไม่ได้เรียนคุณโจแอนหรอกหรือ”






คุณคอกซ์เวิร์ธหันไปถามเดบูตองท์ซึ่งยังยืนบิดผ้ากันเปื้อนจนแทบขาด ฝ่ายที่รอคำตอบยิ่งร้อนจนกลายเป็นขัดใจเพราะกลัวว่าจะช่วยคนไม่ทันกาล






“ไม่ต้องไปตำหนิเธอ คุณเป็นพ่อบ้านก็ควรรู้สิว่าใครอยู่ใครหาย หายไปไหน ทำไมถึงหาย มีอะไรที่ต้องปิดบัง บอกมานะว่าพลูมแมทอยู่ไหน เมื่อคืนข้าก็บอกแล้วว่าไม่ต้องเปลี่ยนใครมาแทน หรือว่าเป็นคำสั่งของใคร?!”






คุณคอกซ์เวิร์ธยังคงยิ้มเย็น ท่าทางไม่ตระหนกและรู้จักจัดการกับความเจ้าอารมณ์ของคนได้เป็นอย่างดี






“ใจเย็นลงก่อนเถอะครับ พลูมแมทสบายดีและยังอยู่ที่คฤหาสน์นี้ เพียงแต่เมื่อเช้าเกิดอุบัติเหตุนิดหน่อย กระผมเลยให้เดบูตองท์ขึ้นไปดูแลคุณแทน ถ้าพลูมแมทหายดีแล้วก็จะกลับไปทำหน้าที่ตามเดิม”






“คือดิฉันก็กำลังจะบอก แต่บอกไม่ทันน่ะค่ะ” เดบูตองท์รีบอธิบายเหมือนเพิ่งหาเสียงตัวเองเจอ “พลูมแมทซุ่มซ่ามจนทำข้อมือเคล็ด ตอนนี้นางพักอยู่ที่ห้อง พรุ่งนี้ก็คงหายกลับมาทำงานได้เหมือนเดิม ไม่ต้องเป็นห่วงไปหรอกนะคะ”






“เอ่อ... งั้นข้าก็... ขอโทษด้วยที่ทำตัววุ่นวายเกินกว่าเหตุ แล้วก็ยังโวยวายใส่คุณคอกซ์เวิร์ธ”






โจชัวร์เอ่ยเสียงอ่อย คุณพ่อบ้านไม่ถือสา ทั้งยังเอ่ยเตือนถึงมื้อเช้าที่จัดรอไว้และขอตัวไปทำงานของตนต่อ เดบูตองท์กลัวแขกคนสำคัญจะใจเสียจึงรีบปลอบใจ






“อย่าคิดมากเลยค่ะ พลูมแมทจะต้องดีใจมากแน่ถ้ารู้ว่าคุณเป็นห่วงนางขนาดนี้”






“แต่ข้าทำตัวเสียมารยาทมากเลยนะ”






“โธ่ ถ้าเป็นเรื่องคุณคอกซ์เวิร์ธยิ่งไม่ต้องห่วงไปใหญ่ พวกเราทุกคนชินกับความเจ้าอารมณ์ของนายท่านอยู่แล้ว เวลาหงุดหงิดทีไรนายท่านจะยิ่งขี้โมโห เอะอะอาละวาด บางครั้งถึงกับพังข้าวของเป็นแถบๆ อย่างคุณโจน่ะเบากว่าเยอะ แค่ใจร้อนไปหน่อย แล้วก็เสียงดังกว่าปกตินิดเดียวเองค่ะ”






มื้อเช้าถูกจัดไว้ที่เดิม โจชัวร์นั่งลงแต่ความอยากอาหารถูกแทนที่ด้วยความอยากรู้อยากเห็น






“ถ้าอย่างนั้นเล่าเรื่องนายท่านของพวกเจ้าให้ข้าฟังได้มั้ย เขาเคยเป็นคนมาก่อนหรือว่าอยู่ในสภาพนี้มาตั้งแต่แรก เกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงเป็นแบบนั้น แล้วปกติวันๆเขาทำอะไร ทำไมถึงได้มาพบข้าตอนทานมื้อค่ำเท่านั้นล่ะ”






“เอ่อ...คือว่า...”






“จะเล่ามาดีๆหรือจะต้องให้ข้าโมโหก่อน!”






เดบูตองท์ต่างจากพลูมแมทตรงที่ไม่ช่างคุย ยิ่งถูกกดดันจะยิ่งพูดไม่ออก แต่สวรรค์ก็ส่งตัวป่วนประจำคฤหาสน์มาเป็นตัวช่วยได้ทันใจ พินช์วิ่งร่ามาเกาะขอบโต๊ะชวนออกไปเที่ยว โจชัวร์จึงถือเป็นโอกาสได้สำรวจให้ทั่วคฤหาสน์อย่างที่ตั้งใจไว้ โดยเฉพาะเรื่องราวเกี่ยวกับตัวเจ้าของผู้แสนลึกลับ ในเมื่อทุกคนเอาแต่ปิดปากเงียบ เขาไปหาคำตอบให้เห็นกับตาตัวเองก็ได้






หลังอาหารเช้า หนูน้อยกับแขกคนสำคัญจึงเริ่มออกสำรวจ ที่ชั้นล่างไม่มีอะไรน่าสนใจเพราะนอกจากห้องทานอาหารซึ่งโจชัวร์คุ้นเคยดีอยู่แล้ว ส่วนใหญ่เป็นห้องโถงโล่งๆที่ไม่มีการใช้งานเฉพาะเจาะจง ส่วนของห้องครัวยังไม่ทันได้ก้าวเท้าเข้าไปก็ถูกมิสซิส พอทส์เชิญออกมา ซึ่งข้อนี้เขายอมทำตามโดยดีเพราะขืนให้รู้ว่าเขาถนัดงานบ้าน งานครัวคงได้ถูกตั้งข้อสงสัยหนัก ส่วนสำคัญต่อมาคือห้องหนังสือซึ่งยังไม่เรียบร้อยและไม่เป็นที่ดึงดูดใจเด็กน้อย แต่เขาหมายตาว่าจะได้ใช้เวลาอยู่ในห้องนี้มากแน่ๆ






เมื่อขึ้นมายังชั้นสอง แม้พื้นที่ทางปีกขวาจะยั่วยวนแค่ไหน โจชัวร์ก็ยังไม่กล้าพอจะเข้าไปสำรวจ พินช์จึงพาขึ้นไปยังส่วนใต้หลังคาซึ่งอาจเรียกได้ว่าเป็นชั้นที่สามของคฤหาสน์เพราะมีขนาดใหญ่พอจะแบ่งสรรเป็นห้องต่างๆ ความสูงของเพดานก็ให้ความรู้สึกโล่งโปร่งไม่ต่างจากด้านล่าง พอพ้นจากบันไดวน เขาก็มาหยุดตรงหน้าประตูบานหนึ่ง ในขณะที่ไกด์ตัวน้อยเดินนำไปอีกทาง กระทั่งรู้สึกว่าไม่มีคนตามมาจึงมองหาและรีบร้องบอก






“เข้าไปไม่ได้นะฮะ!”






“ห้องอะไรน่ะพินช์ ใส่กุญแจดอกโตเชียว” กุญแจทรงโบราณดอกใหญ่ เก่าคร่ำแต่ไม่มีฝุ่นจับแสดงว่ายังถูกใช้งานอยู่เสมอ






“ไม่รู้ฮะ แต่ป้าบอกว่าถึงไม่ล็อกก็ห้ามเข้า ไม่งั้นจะโดนตี” พินช์วิ่งมาสมทบ สีหน้าตื่นๆเหมือนกลัวว่าผู้เป็นป้าจะปรากฏตัวเมื่อไหร่ก็ได้






“แสดงว่าบางครั้งก็ไม่ได้ล็อกกุญแจไว้เหรอ”






“หนูเคยแอบฟังก็ได้ยินเสียงเหมือนมีคนอยู่ข้างในด้วยฮะ ลูมิแยร์บอกว่าเสียงผี ถ้าเขาไปจะโดนผีหลอก พี่โจคิดว่าผีมีจริงมั้ยฮะ” หนูน้อยเข้าไปแนบหูกับประตูให้ดูเป็นตัวอย่าง แต่ถึงจะไม่ได้ยินเสียงแปลกๆก็ยังนึกกลัวอยู่ดี “ไปตรงโน้นดีกว่า หนูมีอะไรจะอวดพี่โจด้วย”






โจชัวร์ยิ้มแล้วรีบวิ่งตามแรงดึงของมือคู่น้อย หลังประตูบานหนึ่งปรากฏบันไดลิงสูงพอประมาณ พินช์ปีนนำขึ้นไป พอถึงขั้นบนสุดมีประตูลับที่ดันเปิดขึ้นเหนือหัว และของดีของเขาก็คือหอระฆังซึ่งนับเป็นส่วนที่สูงที่สุดของคฤหาสน์ น่าเสียดายที่ตัวระฆังถูกถอดออกไปแล้วแต่แค่ได้ขึ้นมาถึงตรงนี้ก็นับว่าไม่เสียแรงเปล่า






“สวยไหมฮะ หนูชอบขึ้นมาที่นี่แต่ต้องไม่ให้ป้ารู้ ไม่งั้นโดนหยิกเนื้อเขียวเลย”






โจชัวร์มองตามการชี้ชวนและเหมือนได้สำรวจอาณาเขตกว้างไกลสุดลูกหูลูกตา รอบปราสาทคือพื้นที่ที่ถูกจัดสรรให้ชาวบ้านทำมาหากินอย่างที่ลูมิแยร์เคยบอก แล้วผืนดินทั้งหมดก็จะถูกห้อมล้อมด้วยแนวป่าที่เหมือนเป็นปราการธรรมชาติมีหน้าที่ทั้งป้องกันและกักขังอยู่ในที






“พินช์เคยเข้าไปในป่านั่นมั้ย”






โจชัวร์ชี้ไปยังแนวไม้รกครึ้ม หนูน้อยรีบส่ายหัว ท่าทางไม่ต่างจากตอนพูดถึงห้องที่ล็อกด้วยกุญแจดอกโต






“ป้าบอกว่าในป่าอันตราย เด็กๆห้ามเข้าไปในป่าเด็ดขาด ถ้าเข้าไปจะหลงทาง ไม่ได้กลับออกมาอีกเลย”






“นั่นสินะ พ่อของพี่ถึงได้หลงอยู่ในนั้น ขนาดพี่เองก็ยังแทบเอาตัวไม่รอดเลย”






“แต่นายท่านไม่หลงนะฮะ แถมยังพาพี่โจมาที่นี่ได้ด้วย”






“พี่เดินทางมากับสโนว์ต่างหาก”






“สโนว์เป็นม้าที่เก่งที่สุดในโลกเลย!”






โจชัวร์ยิ้มไปกับความร่าเริงของเด็กน้อยที่คุยจ้อไม่หยุด แต่สายตาครุ่นคิดจดจ่ออยู่กับผืนป่ากว้าง เขายังจำความลำบากครั้งที่เดินทางมาที่นี่ได้ราวกับเกิดขึ้นเมื่อวาน หนทางลดเลี้ยวจำต้องอาศัยสัญชาติญาณในการเดินทางอย่างสูง แต่ต่อให้ชำนาญแค่ไหนก็ยังมีพายุหิมะเป็นอุปสรรคใหญ่ ทั้งไม่มีสัญญาณบอกล่วงหน้าแล้วยังโหมกระหน่ำ คลุ้มคลั่งราวกับสัตว์ป่าหมายจะคร่าชีวิตนักเดินทางทุกคน ถือว่าสโนว์เป็นสุดยอดม้าอย่างแท้จริงถึงได้พาเขาผ่านมาได้อย่างปลอดภัย ลองมีมันอยู่ด้วยสักตัวจะไปที่ไหนก็คงไม่ยาก แต่เขาคงได้แค่ฝัน ถึงเจ้าม้าขาวจะดูมีอิสระแต่ก็เป็นม้ามีนาย มันอาจจะถูกยกให้เป็นม้าของเขาก็ใช่ว่าเขาจะมีสิทธิ์สั่งอะไรได้ทุกอย่าง ลองว่าเจ้าของที่แท้จริงไม่ยินยอม มีหรือมันจะกล้าพาเขาหนีออกจากที่นี่ไปได้






เขาถอนหายใจและทอดสายตาผ่านทิวไม้กลับไปยังบ้านในคะนึงความคิด ป่านนี้พ่อและพี่ทั้งสองคงมีความสุขอยู่กับทรัพย์สมบัติมากมาย อาจจะย้ายกลับเข้าไปในเมือง หรือถึงจะอยู่ที่หมู่บ้านต่อก็สามารถเชิดหน้าคุยกับทุกคนได้อย่างทัดเทียม เบลล่าก็ได้อยู่กับครอบครัวใหม่ บ็อบจะต้องเป็นสามีที่ดีและทำให้เธอมีความสุขได้แน่ ส่วนตัวเขาก็คงผ่านแต่ละวันไปโดยไม่รู้ชะตากรรม เพราะไม่รู้ว่าเจ้าอสูรจะปล่อยให้นักโทษอยู่ขวางหูขวางตาไปถึงเมื่อไหร่






พอหันกลับมาดูข้างตัวก็เพิ่งรู้ว่าพินช์หายไป เขารีบชะโงกดูรอบหอระฆังให้แน่ใจว่าเด็กน้อยไม่ได้หล่นลงไปจึงค่อยปีนลงมาที่ชั้นใต้หลังคา เดินกลับมาตามทางจนถึงบันไดวนที่จะพาสู่ชั้นสอง ทว่าสายตากลับไปสะดุดเข้ากับบางสิ่งที่ไม่เหมือนเดิม เขาเดินไปดูสิ่งนั้นใกล้ๆอย่างอดใจไม่ได้ แม่กุญแจตัวใหญ่ถูกปลดล็อกออกแล้ว






“พินช์”






เขาลองเรียกเผื่อจะมีเสียงตอบกลับมา ความเงียบไม่ได้กดดันแต่เชิญชวนให้ผลักบานประตูอย่างช้าๆ ด้านในน่าจะเป็นห้องกว้างแต่มืดมากจนมองไม่เห็นว่ามีอะไรบ้าง สิ่งที่ดึงสายตาให้ค่อยๆก้าวต่อไปคือกุหลาบประหลาดดอกหนึ่งซึ่งมีขนาดใหญ่เกือบเท่าฝ่ามือปักอยู่ในแจกันแล้วมีโถแก้วครอบอยู่อีกชั้นหนึ่ง กลีบดอกสีแดงราวกับเคลือบด้วยอณูบางอย่างที่ส่งประกายวิบวับจนดูเหมือนเรืองแสงได้ จึงกลายเป็นแสงสว่างเพียงอย่างเดียวในห้องที่มืดสนิท แต่พอพิจารณากลีบดอกสองสามกลีบที่หลุดร่วงก็พบว่าเหี่ยวเฉาเหมือนกุหลาบทั่วๆไป บนโต๊ะข้างๆครอบแก้วมีกระจกแบบที่ผู้หญิงใช้ถือส่องหน้าวางอยู่ เขาเอื้อมมือไปกำลังจะหยิบก็ต้องรีบเข้าไปหลบหลังผ้าม่านเมื่อประตูเปิดออกโดยไม่มีสัญญาณบอกล่วงหน้า โครงร่างสูงใหญ่ก้าวผ่านความมืดอย่างคุ้นชินในขณะที่เขายิ่งเกร็งจนแทบไม่กล้าหายใจเพราะกลัวถูกจับได้






เจ้าอสูรเดินไปทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ตัวใหญ่ แล้วนั่งนิ่งอยู่อย่างนั้นไม่ต่างจากเฟอร์นิเจอร์ชิ้นหนึ่ง จนคนที่แอบเข้ามาเริ่มกังวลว่าจะต้องซ่อนตัวไปอีกนานแค่ไหน






“วันนี้แปลก เจ้าเงียบไปนะ”






โจชัวร์สะดุ้งจนเผลอกลั้นหายใจอีกรอบ อากาศไม่ร้อนแต่เหงื่อเม็ดใหญ่กำลังไหลผ่านแผ่นหลังพาลให้ขนลุกซู่ไปทั้งตัว แต่ถ้านั่นคือความตกใจธรรมดา สิ่งที่เกิดขึ้นต่อไปคงเป็นระดับที่ทำให้สิ้นสติเอาได้






“นึกว่านายท่านชิงชังเสียงบ่นของข้าเสียอีก”






“รู้ตัวด้วยรึว่าขี้บ่น”






“คำว่าขี้บ่นออกจะฟังดูใจร้ายสำหรับสิ่งที่ไม่มีปากอย่างข้าหรือเปล่านายท่าน”






โจชัวร์พยายามจะมองหาที่มาของเสียงที่ตอบเจ้าอสูร จนเมื่อพบ...!






เขาต้องรีบยกมือปิดปากที่เม้มสนิทอยู่แล้ว ดวงตาเบิกกว้างจ้องมองไปยังต้นเสียงซึ่งอยู่ใกล้เหมือนเม็ดไฝบนปลายจมูก นั่นก็คือกระจกที่วางอยู่บนโต๊ะตรงหน้าซึ่งจะมีอาการสั่นเล็กน้อยขณะที่เสียงดังขึ้น
แน่นอนว่าเจ้าอสูรต้องไม่เห็นสิ่งใดผิดปกติ มันส่งเสียงหัวเราะในคอเบาๆแล้วนั่งเหม่อต่อ กลายเป็นกระจกวิเศษที่เซ้าซี้ชวนคุย






“เวลาผ่านไปราวติดปีก หากเป็นข้าคงไม่มานั่งปล่อยลมหายใจทิ้งไปอย่างเปล่าประโยชน์เช่นนี้”






“แต่หากข้าเป็นเจ้าจะสงบปากสงบคำเท่ากับเป็นการรักษาชีวิตน้อยๆนั่นไว้”






“ท่านขู่จะทุบข้าทิ้งจนข้าคร้านจะกลัวแล้วล่ะ” กระจกสั่นเบาๆและเหมือนจะเขยิบเข้าใกล้ครอบแก้วนิดหน่อย “หากนายท่านไม่ได้สังเกต กลีบกุหลาบเริ่มร่วงหล่นแล้ว”






“แล้วยังไง” เจ้าอสูรตอบรับเสียงเนือยๆ ไม่ได้สนใจจะหันมาดู






“จากไม่เคยเหี่ยวเฉากลับโรยรา กลีบดอกบางร่วงหล่น  เป็นสัญญาณว่าเวลางวดเข้ามาทุกที”






“เหมือนว่าข้ากำลังโดนตำหนิ”






“หามิได้ ข้าแค่นึกสงสัย ในเมื่อนายท่านได้คนผู้นั้นมาแล้ว เหตุใดยังรีรอ”






“ไม่ใช่กงการของเจ้า เงียบเสียที ข้าจะพักสักหน่อย”






“ตามบัญชาขอรับ”






โจชัวร์แอบชำเลืองมองเจ้าอสูร ดอกกุหลาบในครอบแก้ว และกระจกวิเศษไปมา บทสนทนานั้นชวนให้คิดถึงสถานะของตัวเองซึ่งเพิ่งตกมาเป็นนักโทษของที่นี่ ดูเหมือนว่าเจ้าอสูรอาจกำลังถูกบังคับให้ทำอะไรสักอย่าง ซึ่งอาจจะเป็นได้ทั้งข่าวดีและข่าวร้ายสำหรับตัวเขา






“นายท่านหลับแล้ว ถ้านั่นคือสิ่งที่เจ้าอยากรู้”






สิ่งที่ได้ยินทำให้เขาตัดสินใจขยับตัวออกจากที่ซ่อน ค่อยๆก้าวไปที่โต๊ะและหยิบของวิเศษขึ้นมาดู ทั้งน้ำหนักและรูปทรงไม่ต่างจากกระจกที่เคยเห็น ตัวกรอบทำจากโลหะแต่มีน้ำหนักเบา ด้านหลังเรียบ ไม่ได้แกะลวดลาย ด้านหน้าก็เป็นกระจกเงาสะท้อนภาพได้ตามปกติ เขายืดมือออกจนสุดก็แล้ว พยายามเพ่งจนติดลูกตาก็ยังเห็นแต่ใบหน้าของตัวเอง






“ถึงจะเขย่าจนข้าตาลาย ก็จะไม่เห็นอะไรนอกจากเงาของเจ้าหรอก”






เขาหยุดมือแล้วค่อยๆยกกระจกขึ้นดูสีหน้าประหลาดใจของตัวเองอีกครั้ง หากเป็นในนิทานอาจจะมีปีศาจถูกสะกดให้สิงอยู่ในกระจก ซึ่งอย่างน้อยก็น่าจะมีตาหรือปากลอยไปมาให้เห็น แต่เจ้าสิ่งนี้กลับดูธรรมดาจนเหมือนไม่มีความวิเศษเลยสักนิด จริงๆเขาอยากถามกระจกว่าทำไมถึงพูดได้แต่นั่นคงเป็นคำถามที่ฟังดูงี่เง่าเกินไป






“สีหน้าเจ้าเหมือนมีคำถาม”






กระจกเอ่ยเหมือนเข้ามานั่งอยู่ในหัว ชวนให้สงสัยว่าตกลงแล้วกระจกพูดได้หรือเป็นแค่อาการหูแว่ว หรือจริงๆเขากำลังคุยกับตัวเองอยู่กันแน่






“แต่ข้าขอแนะนำว่าไม่มีสิ่งใดจะดีไปกว่าตำตอบที่เราค้นหามาได้ด้วยตัวเอง แล้วบางครั้งคำถามก็ไม่ได้ต้องการคำตอบ หรือบางทีคำตอบอาจอยู่ตรงหน้าก่อนที่เจ้าจะถามเสียอีก”






เขาเผลอเหลือบตาไปยังเจ้าอสูร ดูเหมือนว่าตอนนี้ชีวิตของเขาเต็มไปด้วยคำถามและทุกคำถามล้วนเกี่ยวพันถึงอสูรตัวนี้






“หากเจ้าอยากรู้เรื่องของนายท่าน เขาก็อยู่ตรงหน้าเจ้าแล้ว ไม่เห็นจะต้องมาถามข้าหรือใครคนอื่นเลยนี่”






เขาหันกลับมาดูใบหน้าในกระจกที่กำลังขมวดคิ้วแสดงถึงอาการครุ่นคิด   






“แต่มีอยู่เรื่องหนึ่งที่ข้าจะบอกและเจ้าสามารถเชื่อได้โดยปราศจากข้อสงสัย นั่นก็คือนายท่านกำลังจะตื่น”






คนในกระจกยิ่งขมวดคิ้วหนักจนหลุดปากกระซิบกลับออกไป






“หมายความว่า...”






“ยังจะต้องให้ข้าแปลอีกหรือเจ้าเด็กโง่ ถ้าเจ้าไม่อยากหลบอยู่ที่นี่ไปจนถึงเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ก็รีบๆกลับออกไปได้แล้ว!”






เขาสะดุ้งเหมือนเพิ่งหลุดออกจากมนต์สะกด ถึงจะเห็นเจ้าอสูรยังนั่งนิ่งแต่เชื่อกระจกวิเศษเสียหน่อยก็คงไม่เสียหาย แต่กว่าจะตัดใจวางกระจกกลับลงที่เดิมได้ก็ตอนที่ได้ยินคำลาที่เหมือนการอนุญาตกลายๆ






“ถ้าอยากจะกลับมาเมื่อไหร่ก็ตามใจเถอะ ข้าก็ไม่ได้รีบร้อนไปไหน อันที่จริงตัวข้าเองก็คงไปไหนไม่ได้อยู่แล้ว”






ความคิดของโจชัวร์ยังคงหมกมุ่นอยู่กับเรื่องลึกลับที่เพิ่งพบมาสดๆร้อนๆ แต่เมื่อได้มาเผชิญหน้าตรงๆก็จนใจจะเริ่มต้นหาคำอธิบาย มื้ออาหารเย็นผ่านไปโดยไร้คำพูดหรือบทสนทนา มีเพียงเสียงดนตรีบรรเลงคลอเบาๆ กระทั่งจานของหวานถูกเลื่อนออก






“มีอะไรหรือเปล่า”






“ขอรับ?”






คุณคอกซ์เวิร์ธขานรับทันควันโดยไม่ทันสังเกตฝ่ายที่ออกอาการสะดุ้งเมื่อถูกสายตาคมกริบจับจ้อง จนเมื่อเขามองตามจึงได้เข้าใจว่าผู้เป็นนายคงกำลังหาเรื่องคุยกับเพื่อนร่วมโต๊ะ วันนี้หญิงสาวปรากฏตัวในชุดไม่คุ้นตา แม้จะต่างจากชุดกระโปรงกรุยกรายแต่กลับยิ่งเสริมร่างโปร่งบางให้สง่างาม ใบหน้าหมดจดผุดผาดด้วยสีสันของเลือดฝาดตามธรรมชาติ และดวงตาวาวใสคู่นั้น... ถ้าเขามองไม่ผิดก็กำลังมองนายท่านด้วยแววตาสงสัยใคร่รู้ ซึ่งถือเป็นลางดีที่ทำให้เขาอดยิ้มกับตัวเองไม่ได้






“คุณโจแอนต้องการอะไรเพิ่มหรือเปล่าครับ” คอกซ์เวิร์ธเอ่ยตามหน้าที่และเพื่อทำลายความเงียบที่น่าอึดอัด เมื่อไม่มีคำตอบ เขาจึงรินชาเติมให้และยืนรอรับคำสั่งตามเดิม






“คือว่า... จริงๆก็มีเรื่องหนึ่ง ที่นี่พอจะมีงานอะไรให้ทำบ้างมั้ย ข้าไม่อยากอยู่ว่างๆให้เป็นภาระของใคร” โจชัวร์เอ่ยกับคุณพ่อบ้าน พยายามทำเป็นไม่สนใจคนร่วมโต๊ะ ปกติเจ้าอสูรจะเป็นฝ่ายลุกหนีไปด้วยอาการปึงปัง แต่วันนี้กลับเอาแต่นั่งนิ่ง ทอดสายตามองจนเขายิ่งรู้สึกกดดัน จะลุกจากโต๊ะก่อนก็ไม่ได้ จะชวนคุยกลับก็ไม่กล้า 






“ไม่ได้หรอกครับ คุณอยู่ในฐานะ...”






“ฐานะของข้าก็แค่นักโทษคนหนึ่งเท่านั้น” น้ำเสียงเรียบๆเอ่ยขัด แถมตอกย้ำสถานะตนเองแบบไม่คิดจะประชดใคร “ข้ามาที่นี่เพื่อรับโทษแทนพ่อ ตอนนี้ข้าพอจะรู้จักสถานที่และเริ่มคุ้นเคยกับผู้คนบ้างแล้วก็ควรจะทำตัวให้เป็นประโยชน์เสียที จะให้มานั่งๆนอนๆหรือเที่ยวเล่นไปวันๆคงไม่ดีหรอกคุณคอกซ์เวิร์ธ”






“เอ่อ...” คุณพ่อบ้านชำเลืองมองนายก่อนจะถามต่อ “แล้วคุณมีความถนัดในเรื่องไหน หรือว่ามีอะไรที่อยากทำเป็นพิเศษบ้าง กระผมจะได้พอให้คำแนะนำได้”






“ข้าทำได้ทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นงานบ้าน งานครัวหรืองานในสวน และถึงจะมีอะไรที่ไม่เคยทำก็พร้อมจะเรียนรู้ รับรองว่าจะไม่ขี้เกียจและไม่เกี่ยงงานหนักแน่นอน”






พอโฆษณาตัวเองจบก็รอคอยด้วยความคาดหวัง แต่ไม่นึกว่าคำตอบจะมาจากคนที่เขาพยายามไม่สนใจ






“บอกเขาไปสิคอกซ์เวิร์ธว่าเราเองก็กำลังต้องการคนที่มีคุณสมบัติแบบนั้นอยู่พอดี เป็นตำแหน่งสำคัญที่เราค้นหาผู้ที่เหมาะสมมานานทีเดียว”






คอกซ์เวิร์ธก้มหน้าแอบยิ้มยิ่งทำให้คนรอใคร่รู้จนต้องยอมหันไปเผชิญหน้า เจ้าอสูรไม่ได้ตอบในทันที ร่างสูงใหญ่ลุกขึ้นแล้วเคลื่อนไหวไม่รีบร้อน ดวงตาสีอำพันสะกดร่างบางในชุดรัดกุมให้นิ่งค้างอยู่กับที่  ปลายเล็บแหลมสะกิดดอกกุหลาบที่ถูกจัดประดับโต๊ะไม่เคยขาด อาการหยอกล้อประกอบรอยยิ้มบางๆยั่วให้ดวงตาสีน้ำตาลใสเริ่มขุ่นด้วยโทสะ สุดท้ายกุหลาบดอกหนึ่งก็ถูกยื่นมาต่อหน้าพร้อมกับประโยคเดิมๆที่ถูกเอ่ยเมื่อจบมื้ออาหาร






“คู่ชีวิตของข้าจะต้องเป็นคนที่มีความสามารถรอบด้าน ไม่เกี่ยงงานหนัก และกระตือรือร้นที่จะเรียนรู้อยู่เสมอ ถ้าเจ้าพร้อมก็สามารถเริ่มงานได้ทันที เจ้ายินดีจะแต่งงานกับข้าหรือไม่ล่ะ”






โจชัวร์สูดลมหายใจเข้าลึกแล้วจ้องตอบแววตาพราวระยับอย่างที่ไม่เคยกล้าทำมาก่อน






“ข้าไม่ยินดี!”






เขาตะเบ็งเสียงข่มแล้วเป็นฝ่ายลุกหนีจากโต๊ะเป็นครั้งแรก ก่อนจะพ้นจากห้องอาหาร เสียงหัวเราะห้าวเรียกให้หยุดฝีเท้า เมื่อตวัดสายตากลับไปก็พบว่าเจ้าอสูรยังคงยืนอยู่ที่เดิม อาจเป็นความรู้สึกคุ้นชินที่ทำให้รูปลักษณ์ผิดมนุษย์ดูไม่น่าหวาดกลัวเหมือนครั้งแรกที่เจอ แววตาอย่างนักล่าคู่นั้นก็ไม่ชวนขนลุกขนพองสักเท่าไหร่ และโดยเฉพาะตอนนี้ที่ฝ่ายนั้นกำลังสนใจดอกกุหลาบในมือ สายตาที่จดจ่อ อาการไล้ริมฝีปากกับกลีบบอบบางชวนให้เขารู้สึก... ราวกับเป็นกุหลาบดอกนั้นเสียเอง


















^__^








----- Mine -----









ออฟไลน์ donut4top

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 396
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 6 (28/5/17)
«ตอบ #22 เมื่อ28-05-2017 20:23:15 »

ชอบมากกกกกกกกกกกกกกกกกกเลยค่ะ ยกทั้งใจให้เรื่องนี้ :katai2-1:

ออฟไลน์ ดาวลูกไก่

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 257
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 6 (28/5/17)
«ตอบ #23 เมื่อ29-05-2017 00:16:27 »

รอตอนต่อไปอย่างใจจดใจจ่อค่ะ อยากให้อสูรรู้ความจริงเร็วๆจัง  :katai2-1:

ออฟไลน์ korinasai

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 309
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 6 (28/5/17)
«ตอบ #24 เมื่อ30-05-2017 16:25:53 »

ถูกขอแต่งงานทุกวันเลย
เมื่อไรอสูรจะรู้ว่าเป็นผู้ชาย หรือรู้แล้ว?

ออฟไลน์ magarons

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 969
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +68/-6
Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 6 (28/5/17)
«ตอบ #25 เมื่อ30-05-2017 18:35:33 »

ดีอ่ะ  สนุกมากก เป็นกำลังใจให้นะค่ะ

ออฟไลน์ Aly-Q

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 155
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-2
Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 6 (28/5/17)
«ตอบ #26 เมื่อ30-05-2017 18:50:13 »

น่ารักๆ นายท่านรู้หรือยังว่าโจเป็นผู้ชายยยย กลัวดราม่าอ่ะ :katai1: :katai1: :katai1:

ออฟไลน์ Pin_12442

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 248
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 6 (28/5/17)
«ตอบ #27 เมื่อ31-05-2017 13:07:56 »

เพิ่งได้เข้ามาอ่านค่ะ บอกได้คำเดียว ฟินนนนนนนนนนน
ตรงใจมากเลย อยากได้โฉมงามกับเจ้าชายอสูร เวอร์ชั่นวายมาตั้งแต่หนังฉาย
และก็เจอออออ

ออฟไลน์ kail

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 130
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 6 (28/5/17)
«ตอบ #28 เมื่อ01-06-2017 22:20:47 »

คิดว่านายท่านต้องรู้แล้วแน่ๆว่าโจเป็นผู้ชาย ชอบมาก น่ารักมากๆค่ะ

ออฟไลน์ monetacaffeine

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 681
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-5
Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 6 (28/5/17)
«ตอบ #29 เมื่อ02-06-2017 20:56:22 »

สนุกมากกกก เป็นกำลังใจให้โจชัวร์นะ! อยากให้ความลับแตกไวๆจะได้ไม่ต้องคอยลุ้นคอยเกร็ง
แล้วก็อยากรู้จักอสูรมากกว่านี้ด้วยค่ะเพราะดูจะมีความคิดมีสติมากกว่าเวอร์ชั่นดิสนีย์อยู่เยอะเลย

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด