THE​ HEARTBREAK HOLIDAYS : พ่ายรักมาพักร้อน Episode 10 END [25-JUNE-2018]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: THE​ HEARTBREAK HOLIDAYS : พ่ายรักมาพักร้อน Episode 10 END [25-JUNE-2018]  (อ่าน 17663 ครั้ง)

ออฟไลน์ lolito

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 156
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-1
EPISODE 10 EPILOGUE

          “ขอบคุณมากครับ โอกาสหน้าเชิญใหม่นะครับ”

          ภูบอกลาลูกค้าโต๊ะสุดท้ายประจำวันก่อนจะล็อกประตูหน้าร้านจากนั้นจึงถอดผ้ากันเปื้อนวางพาดบนพนักพิงของเก้าอี้แล้วนั่งพัก เขาดูเวลาจากนาฬิกาบนผนังสลับกับมองไปยังบริเวณด้านนอกร้านด้วยสีหน้าเป็นกังวล เพราะรู้ดีว่าหากต้องการจะเดินทางไปถึงโรงแรมอันเป็นสถานที่จัดงานแต่งงานของสาลี่ให้ทันเวลานัดหมายเขาก็ควรจะออกจากบ้านได้แล้ว ด้วยเหตุนั้นเขาจึงเลือกที่จะปิดร้านไวกว่าเวลาปกติแต่ก็ดูจะเป็นการตัดสินใจที่เสียเปล่าเพราะถึงแม้จะรีบปิดร้านแต่หัววันทว่าท้ายที่สุดเขาก็ยังไปไหนไม่ได้ทั้งนั้นจนกว่ากรรณจะกลับมาถึงและออกไปพร้อมกัน

          เด็กหนุ่มเอนหลังคลายความเมื่อยล้า สายตากวาดมองไปยังทุกสิ่งที่รายล้อมอยู่รอบตัว ถ้านับตั้งแต่วันแรกที่เปิดบริการร้านนี้ก็มีอายุได้หนึ่งปีเศษแล้ว หลังจากหมดสัญญากับทางช่องภูก็เริ่มใช้เวลาว่างมองหาสิ่งที่ตนต้องการจะทำจริงๆ เริ่มแรกเขาไปเข้าคอร์สเรียนทำขนมและเครื่องดื่มที่สถาบันแห่งหนึ่งจนเมื่อฝึกปรือฝีมือจนชำนาญแล้วจึงได้ตัดสินใจใช้พื้นที่บริเวณบ้านของกรรณเปิดร้านกาแฟเล็กๆแห่งนี้ขึ้นโดยมีคอนเซปต์ของร้านเป็นกึ่งๆแกลลอรี่สำหรับแสดงภาพถ่ายจากฝีมือของเจ้าของบ้านด้วย กิจการเรียกได้ว่าประสบความสำเร็จอย่างรุ่งโรจน์ ชื่อเสียงของเด็กหนุ่มผู้เป็นเจ้าของร้านสามารถใช้เป็นเครื่องมือประชาสัมพันธ์ร้านได้เป็นอย่างดี ร้านของภูกลายเป็นที่รู้จักในวงกว้างและมีลูกค้ามาอุดหนุนอย่างเนืองแน่นทุกวัน ทั้งที่อยากมาเพื่อสัมผัสใกล้ชิดกับเจ้าของร้านคนดังและอยากมาลิ้มลองตามคำรีวิว แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าการที่ลูกค้ากลับมาใช้บริการซ้ำแล้วซ้ำเล่าอีกจนคุ้นหน้านั้น ส่วนหนึ่งก็มาจากติดใจในบรรยากาศและรสชาติของอาหารกับเครื่องดื่มด้วย

          ภูไม่อาจทิ้งงานในวงการไปได้ร้อยเปอร์เซ็นต์อย่างที่ตั้งใจเอาไว้ ด้วยยังคงเกรงใจบรรดาผู้จัดละครและผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือกันซึ่งคอยดูแลเขามาตลอดช่วงเวลาที่สังกัดกับทางช่องจึงทำให้เด็กหนุ่มยังต้องกลับไปรับงานแสดงบ้างประปราย ซึ่งเขาก็พยายามมองในแง่ดีว่าอย่างน้อยการรักษาชื่อเสียงของตนให้ยังเป็นที่รู้จักของผู้คนอยู่บ้างก็อาจจะช่วยให้เป็นผลดีกับกิจการร้านในระยะยาว ไม่จำเป็นต้องโด่งดังจนใช้ชีวิตลำบากเหมือนแต่ก่อน แค่พอให้ชื่อไม่เลือนหายไปจากกระแส

          ต่างจากกรรณ ซึ่งหลังจากหมดสัญญากับสำนักข่าวที่ต่างประเทศแล้วกลับมาใช้ชีวิตอยู่ไทย กราฟชื่อเสียงของเขาก็พุ่งทะยานขึ้นจนสูงลิบ มันเริ่มมาจากการไปปรากฏตัวในรายการเรียลลิตี้โชว์ค้นหานายแบบและนางแบบ ซึ่งกรรณถึงแม้จะไปในฐานะตากล้องที่ทำหน้าที่ถ่ายภาพผู้เข้าแข่งขันระหว่างทำตามโจทย์ที่ได้รับมอบหมาย แต่ด้วยรูปร่างหน้าตาที่จัดได้ว่าเด่นเกินหน้าผู้เข้าแข่งขันก็ทำให้สามารถขโมยซีนดึงความสนใจจากคนดูจนเกิดเป็นกระแสพูดถึงอย่างต่อเนื่องหลังรายการจบ และลามมาจนพาให้กรรณติดอันดับหนุ่มโสดในฝันของนิตยสารหัวใหญ่ระดับประเทศ แน่นอนว่าอดีตอันไม่น่าจดจำของทั้งคู่อย่างเรื่องภาพหลุดก็ถูกขุดขึ้นมาอีกครั้งด้วยเช่นกัน ทว่าหลังจากผ่านมันมาได้หลายต่อหลายครั้ง ในยามนี้ทั้งสองก็ดูจะชินชาจนไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับมันอีกต่อไปแล้ว

          ภูพอใจกับทุกอย่างที่เป็นอยู่ในเวลานี้ แม้จะไม่มีอะไรหวือหวาและออกจะน่าเบื่อในบางวันแต่ก็ยังมีความสุขกว่าชีวิตช่วงที่อยู่ในวงการแบบเต็มตัวอย่างเทียบไม่ได้ เขาได้มีเวลาให้ตัวเอง ครอบครัว คนรักและเพื่อนฝูง ไม่ต้องมีกฎเกณฑ์ยิบย่อยวุ่นวายมาคอยกำกับควบคุมชีวิตว่าอะไรทำได้หรืออะไรทำไม่ได้ เรื่องความรักก็เป็นไปอย่างราบรื่น กรรณยังคงเสมอต้นเสมอปลายเหมือนอย่างที่เคยเป็นนับตั้งแต่เริ่มแรกคบกัน มีเพียงเรื่องความขี้หึงที่ดูจะเพิ่มมากขึ้นตามวันเวลา ยิ่งเมื่อภูไม่ได้อยู่ในวงการกรรณก็ยิ่งแสดงความเป็นเจ้าของเด็กหนุ่มคนรักออกมาได้เต็มที่ แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาสำหรับภูเพราะอย่างน้อยมันก็ทำให้เขารู้สึกอุ่นใจอยู่เสมอว่าตนยังเป็นสิ่งสำคัญที่อีกฝ่ายหวงแหน

          “ทำไมยังไม่ไปเปลี่ยนชุดอีกล่ะเนี่ย?” กรรณถามขณะเปิดประตูเข้ามาในชั้นล่างของบ้านซึ่งทำการรีโนเวทให้กลายเป็นร้านกาแฟและแกลลอรี่ภาพ

          “ก็รอพี่มานี่แหละ ใส่สูทแล้วมันลุกนั่งลำบากไม่ถนัด รอพี่มาค่อยไปเปลี่ยนแล้วออกไปเลย” ภูตอบก่อนจะลุกขึ้นเหยียดตัวยืดเส้นยืดสายอีกรอบ “กลับมาช้าจัง อุตส่าห์บอกแต่เช้าแล้วนะว่าต้องรีบออก โรงแรมมันไกล รถก็ติดด้วย”

          “นี่ก็รีบสุดแล้วครับ” กรรณแทบจะไม่มีเวลาพักหายใจด้วยซ้ำ ทันทีที่เสร็จงานเขาก็รีบออกจากสตูดิโอแล้วตรงดิ่งกลับมาทันที “ถ้ายังพึ่งพารถไฟฟ้าเหมือนเมื่อก่อนก็น่าจะกลับมาถึงเร็วกว่านี้แหละ”

          “จะโทษว่าเป็นความผิดของผมอีกสิ ที่ให้พี่ซื้อรถ” ภูดักคอเอาไว้ก่อน “ทั้งที่ตอนนั้นตัวเองก็เห็นดีเห็นงามด้วยแท้ๆ”

          “ไม่ได้พูดอย่างนั้นซักคำเลย” กรรณยื่นมือไปผลักศีรษะเด็กหนุ่มจอมหาเรื่อง “รถน่ะต่อให้นายไม่ยุยังไงพี่ก็ต้องซื้อ ไม่ใช่ปัญหาหรอก แค่วันนี้การจราจรมันไม่เป็นใจให้กลับมาเร็วเท่านั้นเอง”

          “งั้นก็รีบไปเปลี่ยนชุดกันเถอะครับ” ภูมองดูเวลาอีกรอบพลางคิดวางแผนเส้นทางในการเดินทางที่จะสามารถประหยัดเวลาได้มากที่สุดเอาไว้ในหัว

          หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ ทั้งคู่ก็เตรียมพร้อมออกเดินทางทันทีเพราะเสียเวลาไปมากแล้ว ภูวางกล่องของขวัญที่เตรียมไว้ให้กับคู่บ่าวสาวเอาไว้เบาะหลังของรถในขณะที่กรรณติดเครื่องรอและใช้กระจกมองหลังตรวจเช็คสภาพความเรียบร้อยของตัวเองเป็นครั้งสุดท้ายก่อนออกจากบ้าน ในตอนนั้นภูนึกบางอย่างขึ้นมาได้จึงเดินตัดผ่านส่วนที่เคยเป็นรั้วบ้านซึ่งปัจจุบันถูกทุบออกเพื่อเชื่อมอาณาเขตของทั้งสองบ้านเข้าด้วยกันเพื่อกลับไปหาพ่อและแม่ยังบ้านของตน เด็กหนุ่มรับฝากซองเงินช่วยงานแต่งจากพ่อและแม่ที่ไม่สะดวกไปร่วมงานเพื่อนำไปมอบให้กับเจ้าภาพก่อนจะรีบกลับมาขึ้นรถ

          กรรณขับไปตามเส้นทางที่ภูคอยกำกับบอก ถึงแม้จะซื้อรถมาได้เกือบหนึ่งปีแล้วแต่ชายหนุ่มก็ยังอ่อนด้อยเรื่องเส้นทางในกรุงเทพ เขาจดจำได้แต่เส้นทางที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันเท่านั้นหากต้องไปที่อื่นที่ไม่คุ้นเคยก็จำเป็นต้องมีภูคอยเป็นผู้นำทางให้เสมอ หลังจากฝ่าการจราจรที่ติดขัดของช่วงเย็นหลังเลิกงานมาเกือบหนึ่งชั่วโมงในที่สุดทั้งคู่ก็มาถึงโรงแรมระดับสี่ดาวอันเป็นจุดหมายปลายทาง ภูรีบลงที่ด้านหน้าของโรงแรมในขณะที่กรรณเข้าไปวนหาที่จอดรถแล้วจะตามเข้าไปในงานทีหลังเนื่องจากในฐานะเพื่อนเจ้าสาวเขายังมีบางสิ่งที่ต้องจัดการประสานงานให้เรียบร้อยก่อนที่งานจะเริ่ม

          ทันทีที่มาถึงบริเวณห้องจัดเลี้ยง ภูกดยกเลิกสายที่กำลังโทรออกหาจอสเมื่อเห็นอีกฝ่ายมานั่งรออยู่บริเวณด้านหลังเวทีแล้ว สมาชิกคนอื่นๆในวงกำลังเตรียมความพร้อมของเครื่องดนตรีและระบบเสียงเพื่อการแสดงในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า ในขณะที่จอสเมื่อเห็นภูมาถึงก็รีบทิ้งทุกอย่างที่กำลังทำแล้วตรงเข้ามาหาเหมือนเช่นที่เคยทำจนติดเป็นปกติวิสัย เด็กหนุ่มมองร่างสูงที่กำลังมุ่งมาทางตนด้วยสายตาพินิจพิเคราะห์ เกือบหนึ่งปีแล้วที่ไม่ได้พบกัน จอสดูเปลี่ยนไปจากที่เห็นครั้งสุดท้าย เขาดูโตขึ้น บางสิ่งในแววตาบ่งบอกถึงความสุขในชีวิต ไม่มีวี่แววของคนที่หิวโหยความรักและความผูกพันจากใครสักคนอีกต่อไป

          “นึกว่าจะยังมาไม่ถึง กำลังจะโทรตามพอดีเลย” ภูโล่งอกที่เห็นทุกอย่างเกือบจะพร้อมแล้ว

          “คนเค้ามารอตั้งนานแล้วมั่งเหอะ” จอสเกทับ “มีแต่คนที่ติดต่อจ้างงานมานี่แหละ ที่ไม่รู้ว่าหายไปไหน นึกว่าโดนหลอกให้มาเก้อแล้ว”

          “ก็ไม่โทรมาล่ะ ทีเรื่องจำเป็นน่ะไม่รู้จักโทร” ภูย้อนเข้าให้ “ทีเวลาทะเลาะกับแฟนดึกๆดื่นๆนี่โทรมาจัง”

          “พูดมากน่ะ” จอสเถียงไม่ได้เมื่อโดนเอาเรื่องจริงมาย้อน “แต่โทรไปทีไรก็รับสายทุกทีไม่ใช่หรือไง?”

          “ก็สัญญาเอาไว้แล้วนี่” ภูยังจดจำทุกคำที่บอกกับอีกฝ่ายในคืนนั้นได้ “เดี๋ยวจะหาว่าเราไม่รักษาสัญญา”

          “ก็ดี…” จอสยิ้มออกมา เขาเองก็จดจำทุกอย่างได้ดีเช่นกัน “แล้วไอ้ลุงนั่นไม่มาด้วยเหรอ?”

          “จอดรถอยู่เดี๋ยวตามมา” ภูตอบ “แล้วลุงของนายล่ะ ไม่มาด้วยหรือไง?”

          “ไม่รู้ ไม่สนใจ” จอสตอบแบบปัดๆ

          “ทะเลาะกันมาอีกแล้วสิท่า” ภูเดาออกทันที

          “พอรู้ว่ามาทำอะไรก็ตามที่เกี่ยวข้องกับนาย เค้าก็ออกอาการทุกทีนั่นแหละ” จอสบอกสาเหตุ “รู้งี้แค่บอกว่ามานอนบ้านพ่อก็ดี”

          “เอาน่า ก็เค้ารักของเค้า เค้าก็ต้องหวง” ภูพยายามบอกให้อีกฝ่ายไม่คิดมาก แต่ในใจก็รู้ดีเช่นกันว่าจอสก็เพียงแค่บ่นไปอย่างนั้น สุดท้ายแล้วพอเจอหน้ากันทั้งคู่ก็กลับไปหวานชื่นเหมือนเดิมอยู่ดี

          “ถ้านายคบเรา เราก็คงหวงแบบนี้เหมือนกันมั้ง” จอสแอบแหย่ลองดูท่าทีของภู

          “แต่ตอนนี้แกหวงไม่ได้ ชั้นหวงได้คนเดียว” กรรณที่เพิ่งตามขึ้นมาถึงได้ยินประโยคนั้นเข้าพอดี “ไปไกลๆเลย เค้าจ้างมาร้องเพลงก็เก็บปากไว้ร้องเพลง ไม่ต้องมาวุ่นวายกับแฟนคนอื่นเค้า”

          “นี่ไอ้ลุง หัดจำซะบ้างนะ ว่าถ้าไม่ได้ผู้มีพระคุณคนนี้ช่วยเอาไว้ ป่านนี้ภูก็เป็นแฟนคนอื่นไปแล้ว” จอสลำเลิกบุญคุณเมื่อครั้งก่อน “รู้งี้ไม่ช่วยหรอก เอาเองซะตอนนั้นเลยก็ดี”

          “แล้วเค้าจะเอาแกเหรอหา? มั่นใจเหลือเกินนะ” กรรณเริ่มขึ้น

          “พอได้แล้ว ทั้งคู่เลย จอสนายทำอะไรค้างไว้ก็ไปทำต่อเถอะไป” ภูปวดหัวกับการที่ไม่ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหนสองคนนี้ก็ไม่อาจลงรอยกันได้ “พี่ก็จะไปหาเรื่องเค้าทำไม ตัวเองเป็นผู้ใหญ่กว่านะ”

          “นี่ปกป้องมันเหรอ? เดี๋ยวนี้เห็นมันดีกว่าพี่แล้วใช่ไหม?” กรรณหันมาโวยภูในขณะที่จอสทำหน้าตาสะใจอยู่ห่างๆขณะเดินกลับไปหาเพื่อนร่วมวงของตนเอง

          “ก็มันจริงไหมล่ะ?” ภูแสดงออกชัดเจนว่าไม่เข้าข้างแฟนตัวเองในครั้งนี้

          กรรณออกอาการงอนภูด้วยการปิดปากเงียบไม่เถียงต่อ เพราะรู้ว่าเถียงไปก็ไม่ชนะสำหรับเรื่องนี้ เขาแยกไปที่โต๊ะเพื่อเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการถ่ายภาพในงาน งานแต่งงานครั้งนี้จะว่าภูเป็นผู้อยู่เบื้องหลังของงานก็คงจะไม่ผิด เพราะตั้งแต่การจองโรงแรมยันหาบุคลากรในด้านต่างๆเด็กหนุ่มก็เป็นคนวิ่งเต้นจัดหามาให้ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นวงดนตรีสำหรับเล่นในงานซึ่งภูก็ติดต่อไปหาจอสและอีกฝ่ายก็ตอบรับมาเป็นอย่างดีถึงแม้ในตอนนี้ชื่อเสียงของวงจะติดลมบนจนคิวแน่นขนัด แต่เขาก็ยังจัดการเคลียร์ตัวเองจนว่างในวันนี้ได้ ซึ่งภูก็ตอบแทนด้วยการยืนยันจะให้ค่าจ้างแม้อีกฝ่ายจะออกตัวแต่แรกว่ายินดีมาช่วยโดยไม่คิดเงิน  ส่วนหน้าที่การเก็บภาพบรรยากาศในงานแน่นอนว่าจะตกเป็นของใครไปไม่ได้นอกจากกรรณ ซึ่งเมื่อองค์ประกอบพิเศษทั้งสองอย่างนี้มารวมเข้าด้วยกันก็ทำให้งานแต่งงานครั้งนี้ดูเลิศเลอสมบูรณ์แบบราวกับหลุดมาจากความฝัน

          เมื่อถึงเวลางาน ภูนั่งอยู่ที่โต๊ะซึ่งจัดไว้สำหรับเพื่อนเจ้าสาวโดยมีนฤดลนั่งประกบอยู่ข้างๆ ทั้งสองมองภาพคุ่บ่าวสาวบนเวทีแล้วก็เกิดความรู้สึกที่ต่างกันออกไปในหัว สำหรับภูมันคือความดีใจที่เห็นเพื่อนเป็นฝั่งเป็นฝาแม้จะยังประหลาดใจไม่หายที่สุดท้ายสาลี่ก็กลับมาลงเอยกับตฤณผู้เป็นเพื่อนร่วมคณะมาตลอดสี่ปีของชีวิตนักศึกษามหาวิทยาลัย มันไม่มีเค้าลางใดๆส่อให้เห็นถึงเรื่องนี้มาก่อนแต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่จะยอมรับไม่ได้ เพราะเด็กหนุ่มรู้ดียิ่งกว่าใครว่าความรักมักทำให้คนเราประหลาดใจได้อยู่เสมอ

          “ไอ้ฉิบหาย…” นฤดลบ่นออกมาเบาๆเหมือนพูดกับตัวเอง “เผลอแป๊บๆ มีผัวมีเมียกันหมดแล้ว ทำไมมีแต่กูยังโสดเนี่ย?”

          “เพราะสันดานมั้ง” ภูพูดลอยๆกลับไป

          “นี่มึงยังไม่หายโกรธกูอีกเหรอ?” นฤดลหันมาหาเพื่อนแล้วถามด้วยสีหน้าจริงจัง “จะให้กูขอโทษอีกรอบก็ได้นะ”

          “ไม่ต้องอ่ะ” ภูไม่คิดว่าสิ่งนั้นเป็นเรื่องจำเป็นอีกต่อไปแล้วในเวลานี้ “รอบเดียวกูก็เข้าใจแล้ว ที่พูดเมื่อกี้ก็แหย่มึงเล่นเฉยๆ ไม่ได้โกรธ เมื่อก่อนก็กัดกับกูอยู่ทุกวัน เดี๋ยวนี้ดัดจริตทำมาเป็นอ่อนไหวเปราะบางนะ”

          “ก็กูรู้สึกแย่นี่หว่า” นฤดลเสียงอ่อย

          ย้อนกลับไปในวันที่ภูเรียนจบ ในขณะที่ทุกคนกำลังสนุกอยู่ในงานเลี้ยงหลังรับปริญญา จู่ๆนฤดลก็ลากตัวภูออกมาข้างนอกโดยบอกว่ามีบางเรื่องที่จำเป็นต้องขอคุยด้วยเป็นการส่วนตัว ก่อนจะสารภาพสิ้นไส้ว่าเขาเป็นผู้ปล่อยภาพหลุดของภูและกรรณที่ได้ถ่ายเอาไว้หลังจากบังเอิญผ่านไปเจอทั้งสองตอนอยู่ด้วยกันในวันนั้นพอดี เริ่มแรกการตัดสินใจกระทำลงไปแค่เพราะนึกสนุกและอยากแฉความลับที่ได้รู้มา แต่สุดท้ายเรื่องราวกลับเลยเถิดจนลุกลามใหญ่โตจนชีวิตของภูต้องสะดุดไปพักใหญ่ นฤดลไม่กล้าออกมาแสดงความรับผิดชอบได้แต่ปกปิดความผิดตัวเองเอาไว้ แต่ยิ่งเวลาผ่านไปเขาก็ยิ่งรู้สึกแย่กับตัวเองมากขึ้นเรื่อยๆ จนนำมาซึ่งการสารภาพบาปในครั้งนี้ ภูตกใจกับสิ่งที่ได้ยินเพราะไม่คิดว่าต้นเหตุแห่งความวุ่นวายในชีวิตจะเป็นคนสนิทใกล้ตัวถึงเพียงนี้ ทว่าก็ได้คำอธิบายสำหรับข้อสงสัยที่ค้างอยู่ในใจว่าทำไมช่วงสองปีหลังอีกฝ่ายจึงตีตัวออกห่างจากตนและกลุ่มเพื่อนโดยไม่ทราบสาเหตุคล้ายกับไม่กล้าสู้หน้า และเมื่อตั้งสติได้เด็กหนุ่มก็ตระหนักดีว่าไม่มีเหตุผลที่จะต้องถือโทษโกรธเคืองนฤดลอีกต่อไป เพราะถึงแม้จะโกรธเกลียดให้ตายก็ใช่ว่าจะแก้ไขสิ่งที่เกิดขึ้นไปแล้วได้ อีกทั้งอีกฝ่ายก็แสดงออกอย่างจริงใจว่าสำนึกในการกระทำของตนเองแล้ว ดังนั้นเขาจึงให้อภัยทุกอย่างและไม่เคยปริปากบอกใครที่เกี่ยวข้องถึงสิ่งที่นฤดลทำ เพราะรู้ดีว่าถึงแม้ตนจะไม่ถือสาแต่คนอื่นๆอาจไม่คิดเช่นนั้น

          หลังจากเสร็จสิ้นงานเลี้ยง ภูในฐานะเพื่อนเจ้าสาวมาส่งสาลี่ยังรถที่ทางโรงแรมเตรียมเอาไว้ แม้จะอ่อนเพลียจากการที่ต้องตื่นตั้งแต่เช้ามาเตรียมตัวและยังไม่ได้พักจนถึงบัดนี้แต่สาลี่ก็ยังดูสวยหยาดเยิ้มในชุดเจ้าสาวสีขาว ในฐานะเพื่อนเขามาส่งได้ไกลสุดเพียงเท่านี้ นับจากนี้จะเป็นส่วนของทางครอบครัวของเจ้าสาวแล้วที่จะทำการส่งตัวเข้าห้องหอ ก่อนจะขึ้นรถสาลี่ก็หันกลับมาสวมกอดเพื่อนรักของเธอเป็นครั้งสุดท้าย


ออฟไลน์ lolito

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 156
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-1
          “ขอบใจมากนะภู งานวันนี้แกช่วยเอาไว้หลายอย่างเลย” สาลี่บอกขอบคุณ

          “ไม่เป็นไร วันสำคัญของแก เพื่อนจะมีผัวทั้งที แค่นี้เล็กน้อย” ภูบอกก่อนจะเหลือบมองบนไหล่ของตนว่าเลอะเครื่องสำอางจากหน้าของอีกฝ่ายหรือไม่ เพราะมันช่างดูฉ่ำเยิ้มจนแทบจะละลายไหลออกมาเป็นสายได้เลยทีเดียว

          “แกเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของชั้นเลยนะรู้ไหม?” สาลี่ตื้นตันจริงๆ กับทุกสิ่งที่ผ่านมาในมิตรภาพระหว่างคนทั้งสอง

          “ส่วนแกก็เป็นเพื่อนที่แย่มาก” ภูแกล้งว่าเหน็บแนมเพื่อน “ตอนเรียนก็ทิ้งชั้นหนีกลับบ้านบ่อยๆ ชอบเห็นละคร เห็นบอยแบนด์เกาหลี เห็นผู้ชายสำคัญกว่าชั้น พอมาตอนนี้ก็ยังทิ้งชั้นไปแต่งงาน”

          “เอาจริงๆ แกน่ะเหมือนแต่งงานมาก่อนชั้นตั้งนานแล้วนะ” สาลี่ลองนึกเปรียบเทียบดู “มีอย่างที่ไหนพอเรียนจบ แฟนกลับจากเมืองนอกก็ทิ้งพ่อแม่ย้ายไปอยู่บ้านแฟนเลย ไวไฟเวอร์”

          “บ้านแฟนที่ว่ามันก็บ้านข้างๆ ป่ะ” ภูพยายามหาข้ออ้างให้ตัวเอง “แล้วอีกอย่างตอนนี้จะเรียกว่าเป็นบ้านเดียวกันก็คงได้ เพราะไม่มีกำแพงแบ่งเขตแล้ว ใช้พื้นที่ร่วมกัน”

          “ค่ะ แล้วแต่เถอะค่ะ คิดว่าดีก็ทำไป” สาลี่ไม่เถียงสู้ “ชั้นไปก่อนนะแก”

          “เออ ไปเหอะ รีบไปเข้าหอได้แล้ว ป่านนี้เจ้าบ่าวนั่งตบยุงรอแล้วมั้ง” ภูเองก็เห็นว่าสมควรแก่เวลาแล้วเช่นกัน “แล้วเดี๋ยวเจอกันคราวหน้ามาเล่าให้ชั้นฟังด้วยว่าไอ้ตฤณมันทำเป็นมั้ย”

          “แกไม่ต้องห่วงหรอกเรื่องนั้น เค้าทดลองขับกันตั้งนานแล้ว” สาลี่ทำหน้ามีเลศนัยเป็นอันรู้กันโดยไม่ต้องพูดตรงๆ

          “ไปได้แล้ว” ภูพยายามกลั้นหัวเราะจนหน้าแดงเมื่อรู้ความหมายของประโยคเมื่อครู่

          ระหว่างที่รถวิ่งออกไป สาลี่ยังโผล่หน้าออกมาจากหน้าต่างและโบกมือลาภูกับคนอื่นๆ ที่มาส่งไปจนกระทั่งลับสายตา เมื่อไม่มีอะไรต้องทำอีกต่อไปแล้วภูจึงกลับเข้าไปในห้องจัดเลี้ยงที่ซึ่งกรรณกำลังนั่งฟุบหน้าอยู่บนโต๊ะจากอาการเมาไวน์ที่มีให้ดื่มแบบไม่อั้นในงาน ภูมองคนรักของตนที่กำลังนอนหมดสภาพแล้วก็ถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย ถึงแม้ในเวลาปกติกรรณจะไม่ใช่พวกติดเที่ยวหรือชอบการดื่มสุรา แต่ถ้ามีโอกาสได้สังสรรค์ครั้งใดเขาก็มักจะเต็มที่กับมันจนผลมาลงเอยในรูปแบบนี้เสมอ เด็กหนุ่มนึกถึงพลังงานที่ต้องใช้ในการแบกอีกฝ่ายไปขึ้นรถแล้วก็ตัดสินใจปล่อยให้กรรณได้นอนพักต่ออีกสักครู่ก่อนจะเดินไปหาจอสที่กำลังเก็บของเตรียมตัวเดินทางกลับอยู่อีกด้านหนึ่งของห้อง

          “ทางนั้นเค้าให้ค่าจ้างมาเรียบร้อยแล้วใช่ไหม?” ภูถามเพื่อความมั่นใจ

          “อ่ะฮะ” จอสพยักหน้า “เรียบร้อยแล้ว แต่ก็นะ อุตส่าห์บอกแต่แรกแล้วว่าไม่ต้องก็ได้ งานนี้ถือว่าช่วยกัน”

          “เค้าให้ก็รับไปเถอะ มานี่ก็เสียค่าน้ำมันรถ เสียอะไรตั้งหลายอย่าง” ภูขอรับไว้แค่น้ำใจ “แล้วนี่นายจะกลับไปที่ไหน บ้านตัวเอง บ้านพ่อ หรือบ้านแฟน?”

          “คงบ้านแฟนมั้ง ดูอารมณ์ก่อน เหนื่อยมากก็ขี้เกียจกลับไปง้อ” จอสพยายามทำเป็นไม่สนใจวินทร์ แต่ก็ปกปิดอาการกระวนกระวายใจเอาไว้ไม่มิด “เมื่อกี้ก็โทรมาถามว่าเสร็จงานหรือยัง แค่ฟังเสียงก็รู้ว่ายังงอนอยู่”

          “ง้อเค้าหน่อย” ภูแนะนำ “นิดเดียวก็หายแล้ว แค่ให้เค้ารู้สึกว่าตัวเองยังเป็นที่หนึ่ง”

          “ผู้เชี่ยวชาญด้านการคบลุงมาแนะนำเองแบบนี้ต้องเชื่อแล้วล่ะ” จริงๆ แล้วไม่ต้องให้ภูบอก จอสก็ตั้งใจเอาไว้ว่าจะต้องทำเช่นนั้น “งั้นเรากลับก่อนนะ ต้องเดินทางอีกไกล”

          “โอเค มีอะไรก็โทรมาล่ะ ถ้าวันไหนมากรุงเทพแล้วมีเวลาว่างค่อยเจอกัน” ภูโบกมือลาอีกฝ่ายขณะที่อีกฝ่ายหิ้วกระเป๋าใส่กีตาร์ขึ้นสะพายบนบ่า

          “นี่…” จอสยังหันกลับมาเหมือนนึกอะไรขึ้นได้

          “หือ?” ภูเลิกคิ้วขึ้นคล้ายจะถามว่ามีอะไร

          “ขอบใจนะ ที่รักษาสัญญามาตลอด” จอสพูดสิ่งที่ตั้งใจจะบอกอีกฝ่ายมาหลายต่อหลายครั้งแล้วแต่ไม่มีโอกาส

          “ขอบใจเหมือนกันที่กลับมาเป็นเพื่อนกับเรา” ภูยิ้มออกมา เขาเองก็รอโอกาสจะพูดประโยคนี้มานานแล้วเช่นกัน

          หลังจากจอสกลับไปแล้ว ภูก็ยังมีงานหนักที่ต้องทำอีกหนึ่งอย่างนั่นคือการพยุงกรรณซึ่งคอพับคออ่อนไม่ได้สติกลับไปขึ้นรถ เด็กหนุ่มวางร่างของชายคนรักลงบนเบาะข้างคนขับด้วยความแรงในระดับเกือบจะเป็นการโยนทิ้งก่อนจะพักหายใจอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงค่อยขึ้นมาสตาร์ทเครื่องจากนั้นจึงขับออกไปจากบริเวณลานจอดรถของโรงแรม

          เวลาขณะนี้ได้เลยผ่านเข้าสู่วันใหม่มาได้เกือบสามชั่วโมงแล้ว แต่น่าแปลกที่ถึงแม้จะไม่ได้พักผ่อนมาตลอดทั้งวันแต่ภูก็ยังไม่รู้สึกง่วงหรือเพลียแม้แต่น้อย เอ็นโดรฟินที่ฉีดพล่านในกระแสเลือดจากความยินดีกับวาระสำคัญของเพื่อนกอปรกับความสุขจากการได้พบเจอเพื่อนฝูงที่ห่างหายไปนานทำให้เด็กหนุ่มยังตื่นตัวอยู่ได้ เขาผ่อนแรงเท้าที่เหยียบคันเร่งลงเพื่อลดความเร็วจนอยู่ในระดับต่ำกว่าปกติก่อนจะกดเลื่อนเปิดกระจกหน้าต่างทั้งสองด้านลงเพื่อรับลมจากภายนอกแทนเครื่องปรับอากาศในรถ

          "หือ…” กรรณรู้สึกตัวตื่นขึ้นเมื่อสัมผัสถึงอากาศเย็นเจือความชื้นของค่ำคืนยามใกล้รุ่ง

          “ตื่นแล้วเหรอครับ ตาแก่ขี้เมา” ภูละสายตาจากถนนเบื้องหน้าแล้วหันมาถามกรรณซึ่งยังตื่นไม่เต็มตาอยู่บนเบาะข้างคนขับ

          “เรียกขี้เมาไม่ว่า แต่ตาแก่นี่เคืองนะ” กรรณพูดเสียงงัวเงีย “ใช่สิ เดี๋ยวนี้รักกันน้อยลงแล้วนี่ เข้าข้างไอ้เด็กแว้นนั้นไม่พอ ยังมาเรียกเราว่าตาแก่อีก”

          “จะเมาก็เมาไป ไม่ต้องดราม่าเพิ่ม” ภูรีบหยุดอีกฝ่ายไม่ให้ทำตัวน่าสงสารจนเกินกว่าเหตุ

          “อยากได้น้องภูคนเดิมคืนมา คนที่แคร์พี่กรรณทุกลมหายใจเข้าออก ไม่พูดจาทำร้ายจิตใจ” กรรณยังงอแงเป็นเด็กจนภูไม่มั่นใจว่านี่เป็นเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์หรือเป็นนิสัยที่แท้จริง

          “น่าถ่ายคลิปไว้ให้ดูตอนหายเมาจริงๆ เลย” ภูกลั้นขำ “ทำตัวแบบนี้ระวังคณะกรรมการคัดเลือกหนุ่มโสดในฝันเค้าจะคัดชื่อออกนะ”

          “เอาออกสิดี นี่ก็ไม่โสดนะ คุณสมบัติไม่ครบ ไม่รู้เข้ารอบมาได้ไง” กรรณไม่เคยอยากจะเข้าร่วมอะไรแบบนี้แต่แรกอยู่แล้ว

          “แล้ววันนี้พี่ต้องไปทำงานหรือเปล่าครับ?” ภูถาม เพราะเมื่อมองจากสภาพแล้วเมื่อถึงบ้านกรรณคงจมอยู่ในเตียงนอนทั้งวันแล้วตื่นอีกทีตอนตะวันใกล้ตกดินเป็นแน่

          “ไม่มี… มั้ง…” กรรณตอบพลางนึกดูให้แน่ใจเท่าที่สมองอันชุ่มแอลกอฮอล์จะระลึกได้ “จะมีก็แค่จัดการกับรูปงานแต่งที่เพิ่งถ่ายมาเตรียมส่งให้เจ้าภาพก็เท่านั้นแหละ”

          “อืม ผมก็ว่าจะปิดร้านซักวัน” ภูเองก็รู้ตัวดีว่าคงไม่มีแรงพอจะตื่นขึ้นมาเตรียมของเปิดร้านได้เช่นกัน

          กรรณผล็อยม่อยหลับไปอีกครั้งหลังจากนั้นไม่นาน ภูยังคงรักษาระดับความเร็วในการขับรถเอาไว้เท่าเดิมจนกระทั่งมาถึงบริเวณสะพานข้ามแม่น้ำ เด็กหนุ่มค่อยๆ เหยียบเบรคหยุดรถอย่างแผ่วเบาเพื่อไม่ให้เกิดแรงกระชากรบกวนชายหนุ่มคนรักที่หลับสนิทส่งเสียงกรนอยู่บนเบาะข้างๆ จากนั้นจึงถอดเสื้อคลุมตัวนอกของสูทที่ใส่มาออกวางไว้ข้างเบาะก่อนจะเปิดประตูและลงมายืนชิดยังขอบราวของสะพาน ตามองออกไปยังท้องฟ้าที่อีกไม่นานก็จะเรืองรองไปด้วยแสงทองของวันใหม่ ลมหายใจสุดท้ายของยามค่ำคืนโชยมาปะทะใบหน้าและอาบไล้ร่างกาย ภูยกแขนทั้งสองข้างขึ้นมากอดอกเพื่อเพิ่มความอบอุ่นให้ตนเอง

          วันเวลาหมุนผ่านไปอย่างไม่เคยหยุดยั้ง ดอกไม้เบ่งบานและร่วงโรยไปก่อนจะกลับมาผลิดอกอีกครั้งเมื่อฤดูกาลเวียนกลับมาถึง ไม่ว่าจะชอบหรือไม่แต่ทุกสิ่งก็กำลังเปลี่ยนแปลงไปอยู่ตลอดเวลา ภูยืนนิ่งอยู่ตรงจุดนั้นเฝ้ามองดูจุดเล็กๆ ของชีวิตที่กำลังจะเริ่มต้นและเมืองหลวงที่กำลังจะฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง เสียงประตูรถเปิดออกและปิดกลับเข้าไป เด็กหนุ่มหันไปมองตามเสียงและพบว่ากรรณตื่นขึ้นมาแล้วและกำลังเดินตามมายังจุดที่ยืนอยู่

          “ไม่อยากกลับบ้านหรือไง?” กรรณถามขณะเข้ามายืนขนาบข้างภู

          “อยากดูพระอาทิตย์ขึ้นก่อนครับ” ภูตอบพลางขยับเอาตัวเข้าเบียดชิดอีกฝ่าย

          “คิดมากอะไรอยู่หรือเปล่า?” กรรณยกแขนขึ้นโอบไหล่เด็กหนุ่มเอาไว้

          “เปล่านี่ครับ” ภูส่ายหน้าปฏิเสธ “มีอะไรต้องคิดมากด้วยเหรอ?”

          “ก็แค่เป็นห่วงตามประสา” กรรณดูโล่งใจขึ้น “นึกว่าเห็นเพื่อนแต่งงานแล้วจะคิดมาก อยากแต่งตามเพื่อน”

          “อยู่แบบนี้ก็มีความสุขดีแล้วครับ” ภูเอนศีรษะเข้าหาอีกฝ่าย “มามีความสุขกันแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ เถอะนะครับ”

          “เรื่อยๆ ไปจนแก่เลยก็ได้” กรรณพยักหน้าเห็นดีเห็นงามด้วย “จนกว่าจะตายไปข้างนึงเลยยิ่งดี”

          “ตอนนี้ยังไม่แก่อีกเหรอ?” ภูแกล้งแหย่จี้ใจดำแฟนตัวเอง “ขึ้นเลขสามแล้วนะพี่น่ะ”

          กรรณปล่อยแขนที่โอบไหล่ภูออกแล้วยกมือขึ้นผลักศีรษะเด็กหนุ่มจนตัวเซ ภูหัวเราะชอบใจแล้วรีบง้อด้วยการเข้าไปสวมกอดอีกฝ่ายเอาไว้เอง กรรณก้มหน้าลงมาหาภูพลางเหลือบสายตามองรอบตัวก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้นอีกต่อไปแล้วเขาจึงจูบเข้าที่หน้าผากของเด็กหนุ่มเบาๆ ภูหลับตาพริ้มรับสัมผัสอันอ่อนโยนนั้นด้วยหัวใจที่เปี่ยมสุข

          ความมืดเริ่มละลายหายไปที่ปลายขอบฟ้า แสงแดดอันอ่อนโยนของอรุณรุ่งส่องประกายทั่วผืนน้ำและฉายประทับลงบนตึกรามบ้านช่องของเมืองใหญ่ ภูเหม่อมองออกไปไกลเท่าที่จะทำได้และรู้ว่ากรรณก็คงมองไปยังจุดนั้นเช่นกัน วันใหม่ได้มาถึงอีกครั้งพร้อมกับความเปลี่ยนแปลงอีกมากมายที่ชีวิตจะต้องเผชิญ แม้จะไม่รู้ว่าอนาคตจะต้องพบเจอกับอะไรในบทถัดไปอีกบ้างแต่ภูก็มั่นใจว่าเขาจะมีความสุขกับมันได้

          ขอเพียงยังมีกันและกันอย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้ก็พอ…


The End
[/i]

ออฟไลน์ lolito

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 156
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-1
จบแล้ว สำหรับเรื่องของจอส จบซะที  :ling3:

ขอโทษด้วยที่ตอนสุดท้ายมาช้านิดหน่อย เพราะมัวแต่เป็นหวัดอยู่สัปดาห์นึงเต็มๆ อาการไม่หนักมากแต่พอกินยาแล้วมันจะมึนง่วงทำอะไรไม่ได้เลย กลัวจะเขียนออกมาแล้วงงๆเลยพักไว้รอหายค่อยเขียนต่อดีกว่า

ตอนนี้กำลังเร่งพิสูจน์อักษรกับปรับเนื้อหาเตรียมส่งต้นฉบับให้สำนักพิมพ์อยู่นะครับ คาดว่าอีกไม่นานรวมเล่มคงออกมาให้เห็นตามร้านหนังสือ ตอนแรกว่าจะทำเองแต่ก็ไม่มีประสบการณ์ทางทำหนังสือเลย กลัวจะออกมาไม่ดีเลยปล่อยให้เป็นหน้าที่มืออาชีพที่ติดต่อมาขอทำดีกว่า

ยังไงถ้ารักน้องภู พี่กรรณ น้องจอส ก็รอสนับสนุนรวมเล่มกันด้วยนะครับ  :hao5:

ขอบคุณที่ติดตามกันมาตั้งแต่เนื้อเรื่องหลัก จนถึงเนื้อเรื่องพิเศษนี้ หวังว่าคงถูกใจและได้ความรู้สึกดีๆกลับไปไม่มากก็น้อยนะครับ ยินดีที่ทั้งหมดนี้ทำให้เราได้เจอกัน ขอบคุณจริงๆครับ

 :bye2: :bye2: :bye2:




ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

เอ...นี่คือเรื่องราวความรักของจอส   แต่ไฉนตอนจบนุ้งจอสออกนิดเดียว  แถมกลายเป็นตอนจบของคู่หลักอีกเรื่อง กรรณภู ซะงั้น 555

Thanks for your novel.

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ใจร้ายอ่ะ ไม่เห็นมีตอนหวาน ๆ ของจอสกับวินทร์เลย  :hao5:

ออฟไลน์ nunda

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3004
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-2
ขอบคุณค่ะ
การได้อ่านตอนจบดีๆมันทำให้ยิ้มได้แล้วก็รู้สึกดีชะมัด ^^

อยากได้ตอนจบที่เป็นบทของจอสบ้างอ่ะค่ะ ^^

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ nOn†ღ

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4390
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +502/-6

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด