[จบแล้ว]Your Stranger รัก||ไม่||ลืม ตอนพิเศษ คห.1998 P.67 (13/3/63)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [จบแล้ว]Your Stranger รัก||ไม่||ลืม ตอนพิเศษ คห.1998 P.67 (13/3/63)  (อ่าน 501840 ครั้ง)

ออฟไลน์ littlepig

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 429
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +413/-5
ตอนพิเศษ วันวาเลนไทน์ของหมอคเชนทร์


วันวาเลนไทน์ สำหรับคเชนทร์แล้วเป็นเพียงหนึ่งวันในปฏิทินที่ไร้ซึ่งความสลักสำคัญใดๆในชีวิต ต่อให้ในตอนนี้เขามีคนรักเป็นตัวเป็นตนนอนหลับสนิทอยู่ข้างกาย วันที่ดูจะเป็นวันสำคัญของคู่รักนี้ยังคงเป็นวันธรรมดาสำหรับเขาอยู่ดี


“อรุณสวัสดิ์ครับคราม…”


แม้จะไม่มีเหตุผลอะไรให้นิโคไลต้องตื่นเช้าพร้อมเขา แต่เจ้าพ่อมาเฟียหนุ่มยังคงชันตัวลุกขึ้นจากเตียงพร้อมคเชนทร์ในทุกเช้า นายแพทย์หนุ่มไม่รู้ว่าชีวิตคู่ของคนที่คบหาดูใจกันมาได้เพียงไม่กี่เดือนจะต้องเป็นอย่างไร หากเพื่อนสนิททั้งสองมาเห็นกิจวัตรประจำวันของพวกเขา คำนิยามนั้นคงหนีไม่พ้นคำว่า ‘จืดชืด’ แต่เมื่อนิโคไลดูจะไม่ถือสาอะไรกับชีวิตเรียบง่ายของเขา คเชนทร์ก็ไม่คิดที่จะเปลี่ยนอะไรเช่นกัน



ชายหนุ่มใช้เวลาอาบน้ำแต่งตัวเพียงไม่นานก่อนจะก้าวออกมาจากห้องน้ำในชุดทำงาน ร่างสูงของชายชาวต่างชาติหายไปจากเตียงของพวกเขา มีเพียงกลิ่นหอมของกาแฟร้อนที่ลอยมาแตะจมูกที่บอกคเชนทร์ว่าคนรักของเขาหายไปไหน



“วันนี้กลับกี่โมงเหรอครับ ให้ผมไปรอรับมั้ย?”



นิโคไลที่ยังอยู่ในกางเกงนอนผ้าลื่นสีดำตัวเดียววางจานใส่ไข่ดาว ไส้กรอก และขนมปังลงตรงหน้าของเขา คเชนทร์เป็นคนไม่ค่อยกินอาหารเช้า แต่เขารู้ดีว่าเถียงกับนิโคไลไปก็ป่วยการเสียเปล่า



“ไม่ต้องหรอก วันนี้ผมอยู่เวร”



คเชนทร์ยกแก้วกาแฟดำหอมกรุ่นขึ้นดื่มอึกใหญ่ จัดการกับอาหารเช้าที่นิโคไลตั้งใจทำให้อย่างรวดเร็ว แม้กระเพาะที่ยังไม่ชินกับการมีอาหารตกลงไปในยามเช้าจะยังคงบิดมวนอย่างสับสนอยู่บ้างก็ตาม



ยามเช้าของพวกเขามีเพียงเท่านี้ คเชนทร์วางจานเปล่าลงในอ่างล้างจานแล้วคว้ากระเป๋ากับกุญแจรถ โดยมีนิโคไลเดินตามมาส่งที่หน้าบ้าน



ไม่มีจูบอรุณสวัสดิ์ ไม่มีการหอมแก้มก่อนออกจากบ้าน หรืออะไรก็ตามที่คเชนทร์เคยเห็นผ่านตาในละครน้ำเน่า ถึงแม้เขาจะไม่เคยมีแฟนจริงจังที่สามารถนำมาเปรียบเทียบกับความสัมพันธ์ของเขากับนิโคไลได้ในตอนนี้ แต่คเชนทร์ก็ยังอดคิดไม่ได้
ว่าเขาควรจะเป็นฝ่ายทำอะไรแบบนั้นบ้างรึเปล่า



เอาเถอะ เรื่องนั้นไว้คิดหลังจากผ่านวันนี้ไปดีกว่า



ตั้งแต่ก้าวเข้ามาในรั้วโรงพยาบาลในฐานะนักศึกษาแพทย์ปีสี่ แพทย์ทุกคนจะมีโอกาสสร้างความประทับใจแรกเพียงไม่กี่ครั้ง ก่อนจะถูกจัดเข้าหมวดหมู่ต่างๆโดยเพื่อนร่วมงาน ไม่ว่าจะเป็นพยาบาลหรือแม้กระทั่งเพื่อนและรุ่นพี่ของตัวเอง โดยตราบาปนั้นหากถูกประทับแล้วครั้งหนึ่งยากที่จะสามารถหลุดพ้นจากภาพลักษณ์ที่ทุกคนจดจำ ซึ่งคเชนทร์เป็นหนึ่งในผู้เคราะห์ร้าย



คนที่อยู่ในหมวดหมู่เดียวกับเขาถูกเรียกว่า ‘ดวงมหันตภัย’



คนประเภทนี้ ต่อให้เซ่นไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์รอบทิศ ตรวจตราของแสลงเข้มงวดยิ่งกว่าตรวจหาวัตถุระเบิด ก็ไม่สามารถทำอะไรความเยินที่จะเกิดขึ้นทันทีที่เขาตบเท้าเข้ามาในวอร์ด คเชนทร์เคยถูกเพื่อนร่วมงานแลกเวรหนีเพียงแค่เห็นชื่อของเขา สมัยเรียนแพทย์รุ่นพี่ถึงขั้นแทบจะอัญเชิญเขาออกจากวอร์ดทุกครั้งที่อยู่เวร ขนาดวอร์ดที่เงียบสงัดยิ่งกว่าป่าช้า หากคเชนทร์ย่างเท้าเข้ามาจะกลายเป็นสมรภูมิรบในทันที



คเชนทร์ไม่ใช่คนที่เชื่อเรื่องโชคลาง แต่หลังจากการอยู่เวรครั้งที่สิบในชีวิตการเป็นนักศึกษาแพทย์ เขาก็ตระหนักเช่นกันว่าสถิติการรับคนไข้เข้าใหม่ของเขาเมื่อเทียบกับเพื่อนคนอื่นนั้นไม่ใช่เรื่องปกติ



“ตายแล้ว วันนี้หมอคเชนทร์อยู่เวรเหรอคะ?” พยาบาลประจำวอร์ดถามด้วยน้ำเสียงกึ่งขบขันกึ่งเหนื่อยหน่ายใจ “ถ้าอย่างนั้นพี่ไปซื้อข้าวรอไว้เลยดีกว่า”



“ผมฝากซื้อด้วยครับพี่” คเชนทร์ที่ยอมรับชะตากรรมไม่ต่างจากเพื่อนร่วมงานเอ่ยอย่างปลงตก



กว่าจะราวน์เช้าเสร็จก็ถึงเวลาตรวจคนไข้นอก คเชนทร์นึกขอบคุณฟ้าดินและนิโคไลที่แหกขี้ตาตื่นขึ้นมาทำอาหารเช้าที่ทำให้เขามีอะไรตกถึงท้องก่อนออกจากบ้าน ทำให้เขาไม่ต้องทนหิ้วท้องว่างๆไปจนถึงเที่ยง



แค่เห็นใบคิวคนไข้ที่วางเรียงกันคเชนทร์ก็แทบจะม้วนตัวเดินหนีออกจากห้องตรวจไปในตอนนั้น นายแพทย์หนุ่มสูดหายใจเข้าลึกๆก่อนจะเปิดประตูหลังเพื่อเข้าไปในห้องตรวจของตัวเอง



คนไข้คนแรกยังคงนั่งรอเรียกชื่ออยู่หน้าห้องตรวจ แต่ภายในห้องมีสิ่งมีชีวิตแปลกปลอมสองชีวิตในชุดกาวน์ยาวสีขาวที่ยืนตาแป๋วทำตัวลีบติดผนังเพื่อไม่ให้เกะกะพื้นที่รอเขาอยู่



“อาจารย์สวัสดีครับ” เด็กทั้งสองประสานเสียง คเชนทร์พยายามควบคุมสีหน้าไม่ให้ยิ้มออกมาอย่างเอ็นดูแต่ไม่เป็นผล
หากเป็นเด็กคนอื่น เขาจะไม่มีปัญหากับเรื่องแบบนี้ แต่เขาอยู่กับธารธาราตั้งแต่วินาทีที่เด็กน้อยลืมตาดูโลก ไม่สิ ก่อนหน้านั้นเสียด้วยซ้ำ ในขณะที่ธีรเชษฐ์กำลังวุ่นวายกับการหาเงิน เขากับวีรภัทรเป็นคนช่วยเกศราเลี้ยงดูลูกน้อยทั้งสองซึ่งในขณะนั้นประกอบด้วยเมฆาและธารธารา เรียกได้ว่าคเชนทร์รักลูกชายของธีรเชษฐ์ราวกับเป็นลูกในไส้ของตัวเอง



และนั่นทำให้เขาทำตัวห่างเหินกับหลานชายของตัวเองคนนี้ไม่ได้จริงๆ



“กินอะไรมารึยังอุ่น?” ชายหนุ่มถาม



“ยังเลยครับอาคราม เมื่อเช้าตื่นสาย” ธารธารายิ้มเผล่ด้วยสีหน้าสำนึกผิด คเชนทร์ส่ายหัวยิ้มๆแล้วหันกลับไปหยิบขนมปังสอดไส้สองก้อนที่เขาซื้อจากพยาบาลที่เอามาขายแล้วยื่นให้เด็กทั้งสอง



“เร็ว อาให้ครึ่งนาที”



ถ้าเป็นคนปกติ เวลาครึ่งนาทีนั้นอย่าว่าแต่กินขนมปังเข้าไปทั้งก้อนเลย แค่กระเดือกคำแรกลงไปยังไม่เสร็จ แต่เด็กคณะแพทย์มีทักษะการกินที่ฝึกฝนและสั่งสมมาจนแก่วิชา ทำให้ครึ่งนาทีต่อมา ขนมปังก้อนเท่ากำปั้นนั้นอันตรธานหายไปอย่างรวดเร็ว



คนไข้คนแรกก้าวเข้ามาในห้อง คเชนทร์ลอบถอนหายใจกับวันอันยาวนานที่รอคอยเขาอยู่อีกหนึ่งวัน และถึงแม้เขาจะไม่เคยให้ความสำคัญกับวันแห่งความรักที่เด็กๆดูจะคลั่งไคล้กันนี้ การต้องอยู่เวรในวันวาเลนไทน์ยังคงเป็นอะไรที่เขารู้สึกผิดกับคนรักอยู่บ้าง



“อุ่น เย็นนี้ไอ้แทนมารับมึงป่ะ?”



โดยเฉพาะเมื่อเขาได้ยินว่าแม้แต่เด็กน้อยที่เขาเลี้ยงมากับมือยังมีเวลาไปสวีทกับแฟนทั้งที่อยู่วอร์ดศัลยกรรมซึ่งมีคนไข้นอนรอทำแผลเรียงรายกันเป็นทางยาวและพี่หัวหน้าสายราวน์ที่ติดอยู่ในห้องผ่าตัดจนตะวันตกดิน ทำให้เวลาเลิกเรียนเฉลี่ย
ของเหล่านักศึกษาแพทย์มักจะอยู่ที่หลักหนึ่งทุ่มขึ้นไปเสมอ



“ไม่อ่ะ เราแลกเวรกับพราวแล้ว”


คราวนี้ไม่ใช่แค่ติณณภพที่กระซิบคุยกับเพื่อนสนิทอยู่ข้างหลังเท่านั้นที่สนใจ คเชนทร์ที่นั่งรอคนไข้รายต่อไปก็หูผึ่งกับคำตอบนั้นเช่นกัน



“หือ? วาเลนไทน์เนี่ยนะ? น้องมันไม่ลงแดงตายไปแล้วเหรอ?”



คเชนทร์รู้สึกเหมือนคำพูดนั้นมันทิ่มแทงจิตใจเขาแทนที่จะเป็นธารธารา



“อือ พราวเขามีปัญหาที่บ้านต้องกลับเย็นนี้ หาคนแลกไม่ได้จริงๆ” ธารธาราตอบ “อีกอย่าง เราไม่ได้ซีเรียสอะไรกับ
วาเลนไทน์อยู่แล้ว ก็แค่วันวันนึง แทนเขาเข้าใจ”



คเชนทร์หยุดตัวเองไว้ได้ทันก่อนจะเผลอพยักหน้าตามคำพูดของหลานชาย ใช่ มันก็เป็นแค่วันวันนึง เขาไม่เห็นจำเป็นต้องรู้สึกผิดที่มาทำงานตามหน้าที่ของตัวเองเลย ถ้าขนาดเด็กปีสองอย่างแทนไทยยังรู้เรื่องพอที่จะไม่งอแง เขาเชื่อว่าคนรักของเขาก็น่าจะเข้าใจความจำเป็นนี้



“มึงโดนหลอกแล้ว ไอ้พราวมันนัดแฟนไว้ กูได้ยินมันคุยกับพวกผู้หญิง”



ติณณภพกระซิบเสียงไม่สบอารมณ์ ถึงแม้คเชนทร์จะรู้ดีว่าไม่ควรเอาเรื่องส่วนตัวมาปะปนกับเรื่องงาน แต่ขนาดเขายังคิ้วกระตุกกับการกระทำของเด็กสาว



“ไม่เป็นไรหรอก เราแลกแล้ว เขาจะทำอะไรก็ไม่เกี่ยวกับเรา”แต่คนโดนหลอกนอกจากจะไม่โกรธแล้วยังเอ่ยด้วยน้ำเสียงเข้าอกเข้าใจ “ดีออก เราจะได้อยู่เวรกับติณณ์ด้วย”



เขาพอจะเข้าใจแล้วว่าทำไมถึงมีแต่คนเรียกธารธาราว่าน้องนางฟ้า


“มึงแน่ใจนะว่าอยากอยู่วันนี้...” แม้จะไม่ได้หันกลับไป แต่คนโดนนินทาระยะเผาขนรู้ดีว่าคนกำลังโดนนินทาเรื่องอะไร



“นั่นสิอุ่น แน่ใจนะว่าอยากอยู่กับอา”



เช่นเคย หากเป็นปกติคเชนทร์คงไม่คิดจะหันกลับไปคุยกับลูกศิษย์นอกจากการหันไปดุไม่ให้กระซิบกระซาบกัน แต่การเห็นเดือนคณะปีห้าที่เป็นหนุ่มมาดขรึมขวัญใจสาวสะดุ้งโหยงก็ทำให้อารมณ์ที่ขุ่นมัวของเขาดีขึ้นเล็กน้อย ธารธาราเหลือบมองเพื่อนสนิทด้วยสีหน้าขบขันแล้วพยักหน้า



“ครับ ปกติเวรผมแทบไม่มีเคสรับใหม่เลย ยิ่งเวรติณณ์ยิ่งแล้วใหญ่ อยู่กับอาครามเปลี่ยนบรรยากาศดี”



ติณณภพเลิกคิ้วกับคำพูดของเพื่อนสนิท แต่คเชนทร์ไม่ถือสา ชายหนุ่มยิ้มมุมปากกับสีหน้าใสซื่อจริงใจของหลานชายที่เขารู้ว่าไม่ต่างอะไรกับสีสันสดใสของสัตว์มีพิษร้ายแรง นั่นคือวิถีที่สิ่งมีชีวิตบนโลกถูกสร้าง ยิ่งสวยงามเท่าไหร่ยิ่งน่ากลัวเท่านั้น
โชคดีที่เขาไม่ได้อยู่ในวิถีกระสุนของหลานชายเหมือนกับบิดาแท้ๆอย่างธีรเชษฐ์



“เอ้า อยากลองของเวรอา อาก็ไม่ขัด”



ธารธารายิ้ม ก่อนที่ทุกคนในห้องจะหันไปสนใจคนไข้รายใหม่ที่เปิดประตูเข้ามา







ใครจะรู้ ว่าดวงของเขาสามารถถูกกลบได้ด้วยความเย็นของหลานชายและเพื่อนสนิทจริงๆ



“ไม่มีซักเคสจริงๆเหรอ?” คเชนทร์ถามย้ำแพทย์เวรที่โทรมาหาเขาเพื่อความมั่นใจ หันไปมองหลานชายที่นั่งละเลียดขนมหวานอยู่ฝั่งตรงข้ามของโต๊ะอย่างไม่อยากเชื่อ ธารธารายักคิ้วให้เขา แล้วหันไปขโมยไอศกรีมเพื่อนอีกคำ ซึ่งติณณภพยังคงบ่นเป็นหมีกินผึ้งตั้งแต่เข้ามากับปริมาณน้ำตาลที่ธารธารากิินเข้าไป



ซึ่งมันก็น่าเป็นห่วงจริงๆนั่นแหละ


“อาครามอยากโทรตามแฟนมากินข้าวด้วยก็ทันนะครับ” ธารธารายกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู “ผมลงเวรห้าทุ่ม”



“นี่เห็นอาเป็นคนเชื่อเรื่องดวงขนาดนั้นเลยเหรอ?” คเชนทร์ถามย้อน



“อ้าว แล้วคนที่ลากอาวีกับพ่อไปแก้ชงเสริมดวงที่ไต้หวันนี่ไม่ใช่อาครามเหรอครับ” เด็กหนุ่มยิ้มกริ่ม โน้มตัวมาหาเขาราวกับสิ่งที่จะพูดเป็นความลับสุดยอด “อาวีให้ผมเก็บเป็นความลับ แต่จริงๆแล้ว วัดที่พวกอาไปเขาเอาไว้เสริมดวงความรักครับ ไม่ใช่การงาน"



“….”


โอเค เขาพอจะเข้าใจแล้วว่าทำไมวัดที่เขาได้ยินมาว่าศักดิ์สิทธิ์หนักหนาถึงได้ไม่มีผลอะไรกับคนไข้ที่ไหลทะลักเข้ามาในเวรของเขาเลย



และนั่นน่าจะสามารถอธิบายได้ว่าทำไมจู่ๆมนุษย์ที่ไร้ซึ่งความสามารถในการมีความสัมพันธ์ที่ยั่งยืนทั้งสามหน่ออย่างพวกเขาถึงได้มีคนเข้ามาในชีวิตพร้อมๆกันแม้จะในรูปแบบที่แตกต่างกัน



เขาอาจจะต้องเขียนรีวิววัดนั้นให้คนอื่นบ้างเสียแล้ว


“พี่อุ่นนนน...!!!”



แทนไทย เดือนคณะแพทยศาสตร์ปีหนึ่งกระโดดโลดเต้นเข้ามาในร้าน ก่อนจะเบรกเอี๊ยดตัวโก่งเมื่อเห็นติณณภพและคเชนทร์ที่หันมาตามเสียงของตนก่อนเจ้าของชื่อเสียอีก



“อ้าวแทน มาแล้วเหรอ มากินขนมด้วยกันสิ อาครามเลี้ยง” ธารธาราเอ่ยอย่างอารมณ์ดีที่ได้เห็นคนรัก แทนไทยเหลือบมองผู้ใหญ่อีกสองคนอย่างไม่มั่นใจว่านั่นเป็นกลอุบายอะไรหรือไม่ ก่อนจะตัดสินใจก้าวมาหาพวกเขาทีละก้าวอย่างเชื่องช้า



“มึงจะมั่นใจในความดวงเย็นของมึงจนออกนอกหน้าไปแล้วนะอุ่น” ติณณภพกระซิบอย่างเหนื่อยใจ ซึ่งธารธาราเพียงแค่ยิ้มให้เพื่อนสนิทแล้วขยับให้คนรักนั่งลงข้างๆ



“อาคราม ผมพูดจริงๆนะครับ อย่างน้อยว่างๆแบบนี้โทรหาเขาหน่อยก็ยังดี” หลานชายของเขาหันมาพูดกับคเชนทร์ด้วยสีหน้าจริงจัง “ต่อให้เขาบอกว่าเข้าใจ แต่ผมว่าถ้าเขาได้ยินเสียงอาครามต้องดีใจแน่ๆ”



“…เตือนอาด้วยนะว่าทีหลังอย่ามาปรึกษาเรื่องชีวิตส่วนตัวกับไอ้เชษฐ์” คเชนทร์ถอนหายใจ เพื่อนของเขากับลูกชายคนรองกำลังอยู่ในระหว่างการสร้างความสัมพันธ์จากสิ่งที่เคยแตกหักไปเมื่อหลายปีก่อน และดูเหมือนว่าชายหนุ่มจะมีนโยบายใหม่ในการบอกทุกสิ่งทุกอย่างกับธารธาราโดยไม่ปิดบัง



แม้จะบอกตัวเองว่ามันเป็นเรื่องไร้สาระ แต่เมื่อเห็นหลานชายกับคนรักอายุน้อยกว่าป้อนขนมให้กันอย่างสวีทหวานโดยไม่สนใจคนรอบข้าง เขาก็เริ่มรู้สึกผิดกับคนที่รออยู่ที่บ้านขึ้นมาแล้ว



“เดี๋ยวมานะ”



คเชนทร์ลุกขึ้นจากเก้าอี้ จงใจเมินรอยยิ้มรู้ทันของหลานชายแล้วก้าวออกไปนอกร้าน หยิบมือถือของตัวเองออกมากดต่อสายหาคนรักอายุน้อยกว่า


“คราม? โทรมามีอะไรรึเปล่าครับ?”



เสียงของนิโคไลทำให้เขารู้สึกอุ่นวาบในอกทุกครั้งที่ได้ยิน คเชนทร์ใช้เวลาอยู่นานกว่าจะเคยชินกับความรู้สึกนั้น และตอนนี้เขาคิดว่าตัวเองเริ่มจะเสพติดการได้ยินเสียงทุ้มข้างหูทุกวันเสียแล้ว



“ผมลืมแกงส้มไว้ในไมโครเวฟรึเปล่า เช็คให้หน่อยสิ” คเชนทร์เอ่ยสิ่งแรกที่วาบเข้ามาในหัว นึกอยากเขกหัวตัวเองแรงๆกับข้ออ้างที่ไม่มีความน่าเชื่อถือสักนิด



“ไม่นะครับ ผมเพิ่งใช้ไมโครเวฟไปเมื่อตอนกลางวัน ไม่มีอะไรอยู่ในนั้น” นิโคไลตอบ “ว่าแต่คุณซื้อแกงส้มมาด้วยเหรอครับ?”



“….” คเชนทร์นิ่งไปอย่างไม่รู้จะแก้ตัวอย่างไร



“คราม? คุณยังอยู่รึเปล่าครับ?” ปลายสายถามขึ้นเมื่อไม่ได้ยินคำตอบ คเชนทร์ถอนหายใจกับความงี่เง่าของตัวเอง พวกเขาเป็นคนรักกัน แค่เขาอยากได้ยินเสียงอีกฝ่ายแค่นี้ต้องมีข้ออ้างอะไรด้วยรึไง?


“ทำอะไรอยู่?”



“ผมออกมาซื้อของที่ร้านหน้าหมู่บ้านน่ะครับ คุณจะเอาอะไรรึเปล่า?”



“ฝากซื้อผงซักฟอกด้วย เมื่อวานมันหมดแล้ว ผมลืมซื้อ” คเชนทร์นวดขมับตัวเองอย่างหงุดหงิด นี่คือโรแมนติกที่สุดที่เขาคิดได้แล้วใช่มั้ย?



“ครับ เจอกันพรุ่งนี้นะครับ” นิโคไลเอ่ยด้วยน้ำเสียงสดใส ไม่มีวี่แววของความน้อยใจที่ถูกเขาทิ้งไว้คนเดียวในวันแห่งความรักสักนิด ซึ่งคเชนทร์ไม่อยากยอมรับเลยว่านั่นยิ่งทำให้เขารู้สึกอยากกลับไปหาอีกฝ่ายมากขึ้นไปอีก



“อือ เจอกัน”



“ขอให้อยู่เวรอย่างราบรื่นนะครับคราม ผมเป็นกำลังใจให้”



“อือ…” คเชนทร์นิ่งไปอย่างครุ่นคิด ก่อนจะเอ่ยสิ่งที่อยู่ในใจออกมาด้วยน้ำเสียงติดขัด “ฝันดี”



“…ฝันดีครับคราม”



คเชนทร์ไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน



เขาไม่เคยมีใครให้กลับไปหา ชีวิตอุทิศให้โรงพยาบาลและการรักษาคนไข้ นายแพทย์หนุ่มไม่เคยคิดเลยว่าจะมีวันที่ตนก้มมองนาฬิกาบนข้อมือแล้วนึกสงสัยว่าคนทางนั้นกำลังทำอะไรอยู่



จะมองตามเข็มวินาทีอย่างที่เขาทำอยู่ตอนนี้หรือไม่



“พบคนปากแข็งหนึ่งอัตราหน้าร้านขนมคุณหมีครับ”


เสียงของเจ้าหลานชายตัวแสบทำให้คเชนทร์ตวัดสายตาดุ แต่รู้ดีว่าความน่ากลัวของเขาไม่มีผลอะไรเลยกับเด็กที่เคยเอาลิปสติกแม่วาดหนวดแมวเหมียวบนหน้าของเขาด้วยรอยยิ้มกว้าง



รอยยิ้มที่คเชนทร์ไม่คิดว่าตัวเองจะได้เห็นอีกครั้งจนกระทั่งแสงสว่างที่ชื่อแทนไทยเดินเข้ามาในชีวิตของธารธารา



“อาก็เป็นของอาแบบนี้ ตอนที่มาตามตื๊ออา เขาก็ดูไม่มีปัญหาอะไรนี่” คเชนทร์ว่า หลานชายของเขาเอียงคอ



“แล้วที่ผ่านมา...เขาเป็นคนที่ต้องเปลี่ยนตัวเองเพื่ออาครามมาตลอดเลยเหรอครับ?”



“เขาไม่ได้...”


คำพูดของคเชนทร์ถูกกลืนหายลงไปในลำคอแทบจะในทันที



ไม่ได้เปลี่ยนอะไรล่ะ...



เพื่อที่จะได้อยู่กับเขา นิโคไลยอมข้ามน้ำข้ามทะเล จากประเทศที่เป็นบ้านเกิดเมืองนอนมาอยู่ในที่ที่ทั้งภาษาและวัฒนธรรมแตกต่างกันอย่างสุดขั้ว จากคฤหาสน์หรูพื้นที่กว้างขวางมาอยู่ในบ้านเดี่ยวหลังเล็กขนาดสองห้องนอนที่คเชนทร์ซื้อไว้ไม่ไกลจากโรงพยาบาล มอบอำนาจการดูแลตระกูลของตนให้กับทาริน ญาติผู้พี่ที่แม้จะไม่เต็มใจรับมันนักแต่ก็ไม่อาจขัดความต้องการของเจ้านาย แล้วเริ่มต้นชีวิตใหม่ในฐานะนักธุรกิจมือสะอาดและคนสวนเฉพาะกิจที่มักจะหาต้นไม้ดอกไม้มาลงดินให้สวนของเขาเสมอ กระทั่งเวลานอนเวลาตื่นของอีกฝ่ายยังต้องปรับเปลี่ยนเพื่อที่จะได้ไปรับไปส่ง หรือกระทั่งเพื่อที่จะได้เห็นหน้าเขาสักนิดในแต่ละวัน นิโคไลรู้ดีว่าคเชนทร์ลากสังขารตัวเองกลับมาถึงบ้านทุกครั้งด้วยสภาพปางตาย เหนื่อยจนแค่คำว่า ‘กลับมาแล้ว’ยังยากจะเอื้อนเอ่ยออกมา ดังนั้นการได้หน้าเขาของอีกฝ่ายคือการได้เตรียมอาหารไว้ให้เขา แล้วนั่งมองเขาทานเงียบๆราวกับกลัวว่าหากพูดอะไรออกมาจะทำให้คนที่เหนื่อยสายตัวแทบขาดสติหลุดผึงขึ้นมาได้



คิดถึง...



ความคิดนั้นผุดขึ้นมาในหัวสมอง คเชนทร์ก้มลงมองโทรศัพท์ในมือของตัวเองอีกครั้งด้วยความปรารถนาแรงกล้าที่จะได้ยินเสียงของคนปลายสายนานขึ้นอีกสักนิด



“ผมว่า...การเปลี่ยนแปลง ถึงจะน่ากลัว แต่ก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายหรอกนะครับ” หลานชายของเขาหันกลับไปมองคนรักที่เริ่ม
ชะเง้อหาตนจากโต๊ะ “โดยเฉพาะถ้าเรามีใครสักคนที่เราอยากจะเปลี่ยนเพื่อเขา”



คเชนทร์ก้มมองโทรศัพท์ของตัวเองอีกครั้ง ทว่าก่อนที่จะได้กดโทรออกตามที่ใจต้องการ เสียงเรียกเข้าพร้อมกับเบอร์ของแพทย์อยู่เวรที่แสดงบนหน้าจอก็ดังขึ้นเสียก่อน







กว่าเรื่องราวจะสงบลงได้ก็ปาไปเกือบเที่ยงคืน หลังจากนี้เขาคงจะได้หายใจหายคออยู่บ้างก่อนจะมีเคสใหม่เข้ามา แต่
โอกาสที่จะได้โทรหานิโคไลของเขาได้หมดลงแล้ว ดูท่า เขาคงจะได้เจอคนรักในมื้อกลางวันของวันรุ่งขึ้นจริงๆ
คเชนทร์วักน้ำขึ้นล้างหน้าให้ตนรู้สึกสดชื่นขึ้น ดวงตาสีนิลที่ไร้ซุึ่งแว่นกรอบเหลี่ยมบดบังจ้องใบหน้าของตัวเองนิ่ง มือเรียวไล้ไปตามร่องรอยแห่งความอ่อนล้าที่แม้จะแทบไม่มีให้เห็นทว่ายังคงเด่นชัดหากเทียบกับเมื่อไม่กี่ปีก่อน



หากเป็นตัวเขาก่อนหน้านี้คงจะไม่สนใจการพักผ่อนหรือดูแลตัวเองและปล่อยให้ร่างกายทรุดโทรมไปตามการเวลา แต่สิ่งที่เขาคิดในตอนนี้ มีเพียงคำถามว่าในอีกห้าปีข้างหน้า นิโคไลจะยังถูกดึงดูดเข้าหาเขาอย่างที่เป็นในตอนนี้หรือไม่



ร่างสูงโปร่งตบหน้าตัวเองเบาๆเพื่อเรียกสติแล้วเปิดประตูห้องพักแพทย์ออกไป ขมวดคิ้วเมื่อเห็นว่าเหล่าพยาบาลกะดึกกำลังรุมกันมุงร่างสูงใหญ่ของชาวต่างชาติผมทองตัวสูงใหญ่ที่ทำหน้าลำบากใจไว้ ใบหน้าหล่อเหลาคมคายชะงักค้างเมื่อเห็นเขา ก่อนจะเป็นเป็นสีหน้าขอโทษขอโพยที่คเชนทร์รู้จักดี



แต่ในตอนนี้สิ่งเดียวที่คเชนทร์อยากทำคือฝ่าวงล้อมของกลุ่มหญิงสาวเข้าไปกอดคนตรงหน้าไว้แน่นๆด้วยความคิดถึง แม้ว่าปกติแล้วแม้ว่าจะอยู่กันแค่สองคนในบ้าน เขาไม่เคยเป็นฝ่ายเริ่มกอดร่างสูงเลยสักครั้ง



นั่นเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่เขาต้องเปลี่ยน



“หมอคราม! แฟนหล่อขนาดนี้หามาจากไหนคะเนี่ย อื้อหือ พี่นึกว่าดาราฮอลีวูด” พี่หัวหน้าพยาบาลกะนั้นถาม คเชนทร์ยิ้มเจื่อน แม้ว่าเรื่องที่คนรักของเขาเป็นชายชาวต่างชาติจะเป็นสิ่งที่บางคนในโรงพยาบาลเริ่มสังเกตได้จากการเห็นนิโคไลมา
รับมาส่งเขาอยู่ตลอด แต่คเชนทร์ไม่เคยยืนยันสมมติฐานนั้นออกมาตรงๆ




“ไม่ได้หาครับ เขามาเอง” และนั่นเป็นสิ่งที่เขาจะเปลี่ยนในวันนี้



“ขอโทษครับคราม...” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นอย่างสำนึกผิด คเชนทร์เงยหน้าขึ้นมองคนตัวสูงที่ทำตัวเหมือนลูกหมาตัวน้อยขดตัวรอเจ้านายทำโทษอย่างงุนงง เขายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอีกฝ่ายมาทำอะไรที่นี่ “ผมแค่อยากเจอคุณ...ก็เลยลองมาดู พี่พยาบาลเขาเลยให้เข้ามา”



“แหม ไม่ต้องเกรงอกเกรงใจกันหรอกค่ะ ทีหลังให้เรียกคุณหมอให้ก็ได้” หญิงวัยกลางคนกล่าวอย่างอารมณ์ดี



“มะ…ไม่เป็นไรครับ ผมเกรงใจ” อดีตหัวหน้ามาเฟียที่เป็นที่กล่าวขานในโลกมืดส่ายหน้าพรืดอย่างหวาดกลัว ตอนนี้ไม่กล้าแม้แต่จะสบตาคนรักของตัวเอง



“เข้าไปคุยกันในห้อง” คเชนทร์เอ่ยเสียงเรียบ นิโคไลที่กลัวโดนดุอยู่แล้วหงอยลงไปอีกจนสาวๆทั้งหลายต้องรีบปลอบด้วยรู้กิตติศัพท์ความเข้มงวดของศัลยแพทย์หนุ่มดี ร่างสูงเดินตามอีกฝ่ายไปยังห้องพักแพทย์ ไหล่หนาลู่ลง คอตกอย่างน่าสงสาร



“คราม...”


มือเรียวกระชากคอเสื้อของคนรักเข้ามาบดจููบอย่างโหยหาทันทีที่ล็อคประตูห้องเสร็จ นิโคไลที่ยังสับสนกับปฏิกิริยานี้ตอบรับจุมพิตดูดดื่มจากคนรักอย่างหิวกระหายไม่แพ้กัน ริมฝีปากได้รูปบดคลึงเรียวปากหวานล้ำของคเชนทร์อย่างไม่ยอมแพ้ หวังให้สัมผัสรุกล้ำตรึงติดริมฝีปากของอีกฝ่ายไปจนจบเวร



“..คิดถึง...” คำสั้นๆจากปากคนเงียบๆทำเอานิโคไลนึกอยากจะผลักอีกฝ่ายลงบนเตียงเล็กอมฝุ่นที่ดูราวกับผ่านการใช้งานมานับสิบปีนั้น แต่เขารู้ดีว่านั่นต้องทำให้ร่างโปร่งโกรธขึ้นมาจริงๆแน่



“ผมก็คิดถึงครามครับ...คิดถึงจนแทบบ้า...” เสียงทุ้มกระซิบ คลอเคลียริมฝีปากนุ่มสีหวานที่ตนหลงใหลไม่ยอมห่าง
“ขอโทษนะครับที่มาแบบนี้ ผมรู้ว่าคุณไม่ชอบเอาเรื่องงานมาปนกับเรื่องส่วนตัว”



“ไม่เป็นไร อย่าทำบ่อยแล้วกัน” แม้จะดีใจ แต่การกระทำแบบนี้ของอีกฝ่ายถึงอย่างไรก็ไม่เหมาะสม



“ครับ” นิโคไลรับคำเสียงอ่อย คนอายุมากกว่าลอบยิ้มอย่างเอ็นดู ประทับริมฝีปากลงบนหว่างคิ้วของคนรักเบาๆ



“แต่ก็ขอบใจนะที่มา มีกำลังใจทำงานขึ้นเยอะ”



“…” คำตอบที่ไม่เคยได้รับจากคนรักทำให้นิโคไลนิ่งค้างไป ก่อนจะยิ้มกว้างออกมาอย่างมีความสุข



บางครั้งคนตรงหน้าก็ดูเหมือนเด็กน้อยที่มีความสุขกับความอ่อนโยนเพียงน้อยนิดที่เขาหยิบยื่นให้จนบางครั้งคเชนทร์ก็หลงลืมไปว่าอีกฝ่ายคือเจ้าพ่อมาเฟียคนหนึ่ง



“ครับ!”


“หลังจากนี้ผมน่าจะว่างอีกซักพักจนกว่าจะมีเคสใหม่เข้ามา” ร่างโปร่งก้มมองนาฬิกาข้อมือของตน ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองคนรักที่จ้องเขาตาแป๋วราวกับลูกสุนัขที่กำลังรอคำสั่งจากเจ้าของ “ไปรับลมที่ระเบียงทางเดินกันหน่อยมั้ย?”



“ไปครับ!”



นิโคไลยิ้มกว้าง ร่างสูงเว้นระยะห่างให้เขาได้ก้าวออกจากห้องเป็นคนแรกและก้าวตามเขาออกมาโดยรักษาระยะห่างนั้นไว้ตลอดเพื่อหลีกเลี่ยงภาพไม่เหมาะสม หารู้ไม่ว่าคนที่ชะเง้อชะแง้มองตามคนรักของอาจารย์หมอร่างโปร่งนั้นกำลังหิวกระหายภาพไม่เหมาะสมที่ว่ากันอย่างถึงที่สุด


------------------

ออฟไลน์ littlepig

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 429
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +413/-5



ท้องฟ้าคืนนี้มีเพียงเมฆหมอกบดบังทั้งแสงจันทร์และดวงดาว สมกับเป็นคืนที่คเชนทร์คิดอยากจะเป็นคนโรแมนติกพาคนรักของมาดูดาวจริงๆ



เขาอยากจะถอนหายใจกับโชคชะตา แต่ดูเหมือนว่าคนข้างๆจะไม่ได้คิดเหมือนกัน




“ครั้งแรกเลยนะครับ ที่ได้มองท้องฟ้ากลางคืนกับคุณหมอแบบนี้” ทั้งที่พูดอย่างนั้นทว่าดวงแก้วสีมรกตกลับไม่ละไปจากใบหน้าของคนรัก แววตาอ่อนโยนของอีกฝ่ายทำให้คเชนทร์รู้สึกถึงอุณหภูมิบนใบหน้าที่ร้อนผ่าวขึ้นมา



แก่ปูนนี้แล้วยังจะหน้าแดงเพราะแฟนมอง เขานี่เป็นเอามากจริงๆ



“ผมเอาของว่างมาฝากคุณ ฝากไว้กับเคาท์เตอร์พยาบาล แล้วก็....” ในตอนนั้นเองที่คเชนทร์เพิ่งสังเกตว่ามือข้างหนึ่งของนิโคไลซ่อนอะไรบางอย่างไว้ข้างหลังอยู่ตลอดเวลา ร่างสูงยิ้มให้เขาอย่างประหม่า ก่อนจะยื่นช่อดอกไม้เล็กๆที่ถูกห่อด้วยกระดาษสาสีครามผูกริบบิ้นสีทองที่แม้จะดูไม่เหมือนฝีมือของมืออาชีพแต่ก็บ่งบอกว่าคนทำคงตั้งใจน่าดู คเชนทร์เม้มปากแน่นจนเป็นเส้นตรงเพื่อกลั้นเสียงหัวเราะเมื่อเห็นว่าดอกไม้ในนั้นคือดอกเข็มและดอกมะลิที่นิโคไลปลูกไว้หลังบ้านหลังรู้ว่าเป็นดอกไม้โปรดของเขา “ไม่ชอบเหรอครับ?”



“เปล่า ชอบมาก...ขอบใจนะ” ร่างในชุดขาวรีบพูดเมื่อเห็นสีหน้าเป็นกังวลของอีกฝ่าย นิโคไลมีสีหน้าดีขึ้นเล็กน้อย แม้จะยัง
ดูเป็นกังวลกับของขวัญทำมือของตัวเองอยู่มากก็ตาม



“ขอโทษนะครับ...ผมไม่รู้ว่าจะให้อะไรคุณจริงๆ”



“ผมสิต้องขอโทษ” คเชนทร์ส่ายหน้า “ผมไม่มีอะไรให้คุณเลย”



“แค่มีคุณอยู่ข้างๆแบบนี้ ผมก็ไม่ขออะไรอีกแล้วล่ะครับ” นิโคไลตอบ เรียกแววตาเอ็นดูจ่กคนอายุมากกว่าได้เป็นอย่างดี
ถ้าหากพวกเขาไม่ได้อยู่ที่โรงพยาบาลล่ะก็...



แต่ว่า...ตอนนี้ก็ไม่มีใครอยู่ตรงนี้นอกจากพวกเขานี่นะ



ใบหน้าเกลี้ยงเกลาของอาจารย์หมอโน้มเข้าไปใกล้เจ้าพ่อมาเฟียแต่ในนามอย่างเชื่องช้า ราวกับจะรอให้นิโคไลที่เอ๋อไปครู่หนึ่งจากท่าทีของคนรักได้ประมวลผลให้เสร็จแล้วเป็นฝ่ายปิดช่องว่างระหว่างพวกเขาด้วยตัวเอง



ซึ่งคนหัวไวก็โฉบลงมาหาริมฝีปากนุ่มลิ้นนั้นแต่โดยดี ทว่าก่อนที่จะได้สัมผัสกับความนุ่มหยุ่นที่เขาเสพติดยิ่งกว่าสิ่งใด โทรศัพท์ของคเชนทร์ก็ดังขึ้นมาเสียก่อน



คนอยู่เวรเป็นฝ่ายผละออกมาด้วยสีหน้าขอโทษขอโพยแล้วกดรับสาย รับฟังปลายสายที่กำลังรายงานเคสคนไข้เข้าใหม่ราวกับกลัวค่าโทรหมดแล้วสั่งการรักษาเบื้องต้นก่อนจะกดตัดสายแล้วหันมาหาคนรัก



“ผมต้องไปแล้ว”



“เจอกันนะครับ” นิโคไลพยักหน้ารับยิ้มๆแม้ความเสียดายฉายชัดในแววตา



คเชนทร์หมุนกายเดินกลับไปยังทางที่ตัวเองจากมา ก่อนจะหยุดชะงักเมื่อเสียงของหลานชายตัวดียังคงไม่ยอมออกไปจากในความคิด



ชายนหุ่มชุดขาวหันกลับไปหาคนรักชาวต่างชาติที่ยืนมองเขาด้วยสีหน้างุนงงก่อนจะดึงคอเสื้อของอีกฝ่ายลงมาเพื่อประทับริมฝีปากกับริมฝีปากได้รูปที่ในตอนนี้เขาสามารถยอมรับได้อย่างไม่อายว่าเริ่มจะเสพติดรสจูบหวานล้ำที่อีกฝ่ายมอมเมาเขาตั้งแต่คบกันขึ้นมา แม้จะอยากฉีกกระชากเสื้อเชิ้ตที่ขยุ้มอยู่นี้ให้พ้นทางแต่เขารู้ว่าเวลาของตัวเองในตอนนี้มีจำกัด



“เอาใส่แจกันให้ผม” เขายัดช่อดอกไม้กลับใส่มือใหญ่ ขโมยจุมพิตผะแผ่วจากมุมปากของคนรักอีกครั้งอย่างไม่รู้จักพอ
“กลับถึงบ้าน...ผมจะเป็นของคุณ”



“คุณทำแบบนี้คืนนี้ผมจะข่มตานอนยังไงไม่ได้คิดถึงแต่คุณครับคราม” นิโคไลโอดครวญ แม้ว่าน้ำเสียงนั้นจะไม่มีแววทุกข์ใจสักนิด




“ดี…คิดถึงผมจนไม่เป็นอันกินอันนอนยิ่งดี” คเชนทร์ยิ้มมุมปาก กดจูบหนักๆทิ้งท้ายลงบนริมฝีปากของคนรัก “แล้วพรุ่งนี้ผมจะได้ชดเชยวันวาเลนไทน์ให้คุณ ทั้งวัน...ทั้งคืน....”




แม้จะฝืนใจเพียงใดแต่ในตอนนี้หน้าที่ต้องมาก่อน คเชนทร์บอกตัวเองไม่ให้หันกลับไปมองปฏิกิริยาของคนรักที่มีต่อคำพูดของเขาเมื่อครู่ ด้วยกลัวว่ามันจะทำให้หัวของเขามีแต่ความคิดฟุ้งซ่านที่ไม่ควรมีอยู่ในตอนนี้








ธารธารากล่าวไว้ไม่ผิด


การเปลี่ยนแปลง แม้จะน่ากลัว แต่ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายเสมอไป


“รักนะครับ คราม”



“อือ…ผมก็รักคุณ”



เรือนกายขาวเนียนเปลือยเปล่าที่มีเพียงรอยรักสีกลับกุหลาบเป็นอาภรณ์ประดับกายถูกดึงเข้าไปในอ้อมกอดแกร่งจนเขาแทบหายใจไม่ออก คเชนทร์หลุดหัวเราะออกมาอย่างจั๊กจี้เมื่อเจ้าเด็กโข่งเอาหน้าถูไถกับซอกคอขาวอย่างออดอ้อนเมื่อได้ยินคำบอกรักที่หาได้ยากกว่าสุริยุปราคาจากปากของคนอายุมากกว่า



“รัก รัก รักที่สุดเลยครับคราม!!”


“พอเลย พรุ่งนี้เอเดรียนจะมาไม่ใช่เหรอ ต้องตื่นไปรับลูกแต่เช้านี่” คเชนทร์ปรามคนมักมากที่เริ่มเลื้อยมือปลาหมึกผ่านหน้าท้องแบนราบลงไป



“ให้นิกิต้าไปรับก็...โอ๊ะ เจ็บๆๆๆ คร้าบบบบ ไม่ทำแล้ว นอนแล้วคร้าบบบ” นิโคไลร้องจ้ากเมื่อถูกบิดหูอย่างไม่ออมแรง ยอมผละจากร่างเปลือยเปล่าชื้นเหงื่อที่ถูกเขาแต่งแต้มสีสันไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งอย่างนึกเสียดาย



คเชนทร์ถอนหายใจ



“อีกรอบเดียวนะ”



“ครับ! รอบเดียวรับ!”



คนที่ได้รับอนุญาตแทบจะกระโจนใส่ร่างโปร่งทันทีที่คำพูดนั้นหลุดจากปาก แต่มือเรียวยันแผงอกแกร่งไว้ได้อย่างทันทีท่วงทีก่อนที่จะดันให้ร่างสูงนอนราบลงไปบนเตียงนุ่ม ขาเรียวตวัดโอบคาดสะโพกสอบ สะโพกมนขยับบดเบียดความเป็นชายของคนรักอย่างหยอกเย้า



“ให้คุณทำเดี๋ยวยืดเยื้ออีก...อึ่ก...พิรี้พิไร”



“โธ่คุณหมอครับ...ชอบจุกๆก็ไม่บอกครับ”



นิโคไลยังคงปากดีแม้ว่าช่องทางคับแคบที่ค่อยๆกดลงมาเพื่อโอบรัดความต้องการของเขาทีละนิดจะกำลังทำให้ร่างสูงกลายเป็นบ้า เขาไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้วันนี้คเชนทร์กลายเป็นคนปากตรงกับใจขึ้นมา แต่หากอีกฝ่ายทำตัวแบบนี้ทุกวันใจ
บางๆของเขาคงหยุดเต้นเพราะทนคลื่นความน่ารักที่ถาโถมใส่ไม่ได้เข้าสักวัน



“ชอบ..อ๊ะ...” สะโพกมนนวดคลึงความคับแน่นภายในร่าง ใบหน้างดงามที่มักจะซ่อนไว้ภายใต้กรอบแว่นสะบัดเชิดอย่างสุขสมเมื่อความใหญ่โตนั้นบดเบียดเสียดสีกับจุดไวสัมผัสอย่างที่ตนต้องการ คิ้วเรียวขมวดมุ่นเพื่อรวบรวมสมาธิ คเชนทร์กัดริมฝีปากร่างของตนจนห้อเลือด มือเรียวจิกต้นขาแข็งแรงไว้เพื่อพยุงให้ตนขยับขึ้นลงตามจังหวะที่ต้องการ มือข้างหนึ่งละจากของเขาเมื่อสามารถขยับได้ดังใจนึกให้มือให้สะกิดเขี่ยเม็ดทับทิมสีหวานที่ยังคงเงาวาวจากการถูกลิ้มลองไปหลายคราในค่ำคืนนี้ ร่างสูงที่อดใจไม่ไหวครอบครอบติ่งไตชูชันนั้นอีกครั้งขณะที่มืออีกข้างเกลี่ยไล้วนหยอกเย้าไม่ให้ติ่งเนื้อสีหวานอีกข้างน้อยอกน้อยใจ



“อ๊ะ…นิค...ลึก..มะ...มันลึก....ฮ๊า ละ...เลียอีก...อื้อ...”



ทั้งเสียงครางแว่วหวานออดอ้อนขอสัมผัสจากเขา ทั้งความอ่อนนุ่มเร่าร้อนที่ตอดรัดเขาแน่นเป็นจังหวะและภาพอีโรติกของคนบนตักทำให้นิโคไลถึงกับภาพตัดไปชั่วขณะเมื่อถูกอีกฝ่ายฉุดกระชากลากถูขึ้นสวรรค์อย่างรวดเร็ว
เขาต้องซื้อเครื่องกระตุ้นคลื่นไฟฟ้าหัวใจมาติดบ้านไว้จริงๆเสียแล้ว




นิโคไลเป็นเด็กดีพอที่จะทำตามสัญญา ครั้งสุดท้ายในคืนนั้นคือครั้งสุดท้ายสำหรับเขา ร่างสูงเริ่มจะถอดวิญญาณจากกายหยาบไปครึ่งทางแล้วด้วยซ้ำเมื่อนิ้วเรียวสะกิดหัวไหล่หนาเบาๆ



“นี่คุณ...หลับรึยัง?”



“ยังครับ คุณหมอมีอะไรรึเปล่า” ร่างสูงพลิกตัวกลับมาหาคนรัก คเชนทร์ขมวดคิ้วด้วยสีหน้าที่จริงจังคนง่วงตาสว่างขึ้นมาทันใด ทว่าคำพูดต่อไปอีกฝ่ายทำให้เขาแทบเซตกเตียง



“บอกนิกิต้าให้ไปรับลูกได้มั้ย”



“ทำไมล่ะครับ ไหนว่า...”


“ผมยังไม่อิ่ม”




คงไม่ต้องบอกว่าเอเดรียนตัวน้อยที่เดินทางมาพักอาศัยกับบิดาในเมืองไทยหลังจากปิดเทอมนั้นงุนงงเพียงใดที่ได้เห็นคุณพ่อที่มักจะหล่อเนี๊ยบอยู่เสมอของตัวเองนั่งตอกไข่ลวกสองฟองใส่กาแฟแล้วยกดื่มด้วยสีหน้าอิดโรย ส่วนพ่อเลี้ยงของเขาที่เด็กน้อยเรียกว่าพ่อครามนั้นกลับดูอิ่มเอิบมีชีวิตชีวากว่าทุกครั้งที่ได้เจอกัน




สงสัยพ่อครามคงดูดพลังชีวิตไปจากคุณพ่อของเขาแน่ๆเลยล่ะ!

-------------

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
 :hao3: :hao3: :hao3: หมอครามสูปพลังเด็กมา เลยเป็นอมตะ

ออฟไลน์ O-RA DUNGPRANG

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-5

ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
อาครามเวอร์ชั่นนี้ไฉไลดีต่อใจจริงๆ
มาเฟียฟ้าเหลืองเปรี้ยไปเลยจ้า คริๆ

ออฟไลน์ Hoya

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 65
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
 :laugh: :laugh: :laugh: :pigha2: :pigha2: :pigha2: วงวาร นิโคไล  :mew4: :mew4:
เจอ องค์แม่ลง  นิโคไล ต้องไปปรึกษา เมฆ ละ  :katai4: :katai4: :katai4:

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
หมอครามเวอร์ชั่นนี้เล่นเจ้าพ่อมาเฟียฟ้าเหลืองเลยแฮะ.  :laugh:

ออฟไลน์ Gatjang_naka

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 619
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0

ออฟไลน์ Nongsea13

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 12
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
มีเรื่องของวรินทร์ กับ มาเฟียฮ่องกงป่าวคะ

ออฟไลน์ ChabaSri

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 602
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ littlepink

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 340
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
แก้ปมหนักมากในที่สุดก็คลี่คลาย

ออฟไลน์ JJAY.K

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 30
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
 :haun4:  คุณหมอร้อนแรงมากกกกก   ฮ่า ๆๆ  นิคจะไปไหนรอด 

ออฟไลน์ เก้าแต้ม

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1290
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-3
แซ่บ!!! และคิดว่าสมแล้วที่หมอเป็นหนึ่งในก๊วนแก๊งสามเพื่อน แบบว่าอึด  :mew4:

ออฟไลน์ Majariga

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
กรี๊ดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ชอบเนื้อเรื่องมากกกกกกกกก มากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ :sad4:
รักที่นายเอกทุกคู่มีความสตรอง ทำให้พระเอกสลบคาเตียง ไม่ค่อยเจออะไรแบบนี้เลย เลิฟมากๆๆๆๆ :laugh:
ทั้งหมอกทั้งอาคราม ชนะเลิศศศศ แซ่บมากค่าาาาาาา
เป็นนายเอกในดวงใจทั้งคู่เลย เลิฟๆ :mew1:

ออฟไลน์ van16

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 875
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2
สนุกมากๆ ผูกเรื่องสนุกน่าติดตาม อ่านแล้ววางไม่ลง  :กอด1:  :pig4:  :pig4:

ออฟไลน์ Kfc_Pizza

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2195
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-1

ออฟไลน์ Kfc_Pizza

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2195
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-1

ออฟไลน์ Monkey D lufy

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +245/-4
สนุก ครบรสมาก อ่านเพลินเลย อยากอ่านอีกจัง

ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ

ออฟไลน์ littlepig

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 429
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +413/-5
“แว้~~”



“หมอก ลูกร้อง…”


มธุวันไม่มั่นใจว่าเสียงร้องไห้ของเด็กชายวัยเจ็ดเดือนตอนตีสามหรือเสียงงัวเงียของบิดาแต่ในนามของเด็กน้อยที่นอกจากจะ
ทำตัวเอาแต่ใจกับเขามาตลอดทั้งคืนจนแทบไม่ได้หลับไม่ได้นอนแล้ว ยังมีหน้ามาปลุกเขาให้ไปดูลูกน้อยที่ญาวิกาฝากไว้เนื่องจากต้องไปทำงานที่ต่างประเทศแทนตัวเองอีกที่ทำให้เขาลืมตาตื่นจากนิทรารมณ์อันแสนสุข



“ลูกเมฆ เมฆก็ไปดูสิ” มธุวันบ่นงึมงำ พลิกตัวหนีคนรักที่สะกิดเขายิกๆ



ใครที่บอกว่ามธุวันรักเด็กนั้นเป็นคนที่ไม่ได้รู้จักเขาจริงๆ ชายหนุ่มรักและเอ็นดูเด็กๆก็จริง แต่การตื่นขึ้นมาปลอบเด็กน้อยที่ร้องไห้ไม่ยอมเอาใครกลางดึกทุกคืนนั้นทำให้มธุวันตระหนักได้ว่าต่อให้เขาสามารถมีลูกได้ เขาก็คงไม่อยากจะมีเท่าไหร่นัก
แต่นอกจากเสียงกรีดร้องนั้นจะไม่เงียบแล้ว เขายังได้ยินเสียงหายใจเข้าออกสม่ำเสมอแสนน่าหมั่นไส้ของคนรักเป็นดนตรีบรรเลงคู่กันไป



เมื่อมั่นใจแน่แล้วว่าเมฆาผล็อยหลับไปทันทีหลังพูดจบ มธุวันจึงจำเป็นต้องขุดสังขารของตนขึ้นจากเตียงเพื่อจัดการกับมลพิษทางเสียงในเตียงเด็กขนาดยักษ์ที่ตั้งอยู่อีกฟากของห้อง



“หิวนมเหรอครับกันต์?” มธุวันพึมพำกับเด็กน้อยที่แน่นอนว่าไม่สามารถโต้ตอบเป็นคำพูดได้ หันไปชงนมใส่ขวดที่จัดเตรียมไว้ข้างเตียงด้วยสีหน้าสะลึมสะลือ ก่อนจะอุ้มเจ้าตัวน้อยที่ร้องไห้บริหารปอดอยู่นานแล้วแนบอกเพื่อจับขวดนมใส่ปากที่อ้ากว้าง



จ๊วบๆๆ



ในที่สุดความสุขสงบก็กลับคืนสู่มธุวันอีกครั้ง ร่างโปร่งที่นั่งสัปหงกอยู่บนพื้นสะลึมสะลือตื่นขึ้นอีกครั้งเมื่อรู้สึกว่าขวดนมเบาลงจนใกล้หมด อุ้มเด็กชายตัวเล็กวางบนเตียงเด็กที่มีลูกกรงล้อมรอบอย่างเบามือ ก่อนจะคลานกลับขึ้นไปบนเตียงของตัวเอง ไม่ลืมที่จะกระชากผ้าห่มผืนใหญ่มาจากคนรักทั้งผืนเป็นการเอาคืน




เมฆาไม่ได้เชื่อเรื่องไสยศาสต์มากนัก แม้ว่าเขาจะไม่ได้ต่อต้านมันจนหัวชนฝาก็ตาม



แต่เมื่อเขารู้สึกถึงอะไรบางอย่างหนักๆที่ทับอยู่บนอก ชายหนุ่มที่พร่ำบอกว่าตัวเองไม่ใช่คนขวัญอ่อนก็แทบจะร้องจ้ากออกมา



แอ๊ะ…แอ๊ะ…



แว้กกกก ผีแม่งตบหน้าเขาได้ด้วย!



“คิก…”



เสียงหัวเราะเบาๆของคนรักทำให้เมฆาค่อยๆลืมตาขึ้น ใบหน้าอ้วนกลมของเด็กชายวัยเจ็ดเดือนที่กำลังตบหน้าเขาแปะๆอย่างสนุกสนานบดบังทัศนียภาพของผู้อยู่เบื้องหลังที่ยืนขำอยู่ไม่ไกล เมฆาอุ้มเจ้าก้อนกลมๆบนอกยกขึ้นอย่างยากลำบาก



“หมอก เล่นอะไรครับเนี่ย”



“ก็ลูกอยากเล่นด้วยนี่” มธุวันเอ่ยเสียงกลั้วหัวเราะ



หลังจากที่เมฆารับกันตพิชญ์เป็นลูกชายที่ถูกต้องตามกฏหมาย ร่างสูงก็ยืนกรานที่จะให้เด็กน้อยเรียกเขาว่าพ่อเมื่อเจ้าตัวเล็กโตพอที่จะพูดได้ มธุวันรู้ว่าชายหนุ่มไม่ต้องการให้เจ้าตัวน้อยที่ไม่ได้ทำอะไรผิดถูกล้อว่าเป็นลูกไม่มีพ่อ แต่จากที่เห็นทั้งเชฟโตมร ณัฐภาส หรือแม้กระทั่งลูกน้องหลายคนในทีมของนิโคไลหลงเด็กน้อยหน้าตาน่ารักน่าชังจนโงหัวไม่ขึ้น เขาสังหรณ์ใจว่าเด็ก
ชายจะมีพ่อหลายคนจนสับสนเสียมากกว่า



ยิ่งไม่ต้องพูดถึงพ่อแท้ๆทางสายเลือดที่ยังคงใช้เวลาทุกวินาทีพยายามพิสูจน์ให้ญาวิกาเห็นว่าตนสำนึกผิดแค่ไหน แต่เพื่อนของเขาหัวแข็งพอๆกับปากและหัวใจ เขาจึงไม่คิดว่าโรเบิร์ตจะได้กลับเข้ามาในชีวิตของสองแม่ลูกในเวลาอันสั้น


“เอ้า ไปอาบน้ำกันได้แล้ว ทั้งพ่อทั้งลูกเลย เดี๋ยวหมอกไปทำข้าวเช้าให้”



ร่างโปร่งออกปากไล่เมื่อเห็นคนรักเตรียมจะวางลูกน้อยกลับลงไปบนอกแล้วผล็อยหลับไปอีกรอบ เมฆาส่งเสียงงึมงำอย่างขัดใจ แต่ก็ยอมเลื้อยลงจากเตียงพร้อมเจ้าตัวกลมที่ส่งเสียงอ้อแอ้ในมือ




มธุวันกำลังบดฟักทองนึ่งของโปรดของเจ้าตัวเล็กอย่างขะมักเขม้นเมื่อเขารู้สึกถึงอะไรหนักๆบนไหล่ทั้งสองข้าง พร้อมกิ่นหอมอ่อนๆของสบู่เด็กที่เขารู้ว่าไม่ได้มาจากเด็กน้อยแค่คนเดียว



“ป้อหมอก มีอะยัยกินฮับ~” เสียงทุ้มที่ดัดให้ดูเหมือนเด็กน้อยไม่ได้ดูน่ารักเลยสักนิด ทั้งที่เป็นอย่างนั้นมธุวันยังคงเผลอหลุดยิ้มออกมา



“ไปนั่งรอที่โต๊ะก่อนนะเด็กเก่ง จะเสร็จแล้วล่ะครับ”



มธุวันบอกเจ้าตัวน้อย แม้ในความเป็นจริงคนที่เขากำลังพูดด้วยคือเด็กโข่งตัวยักษ์ข้างหลังเขาต่างหาก



“ฮ้าบ~~”



วันๆของพวกเขาสองคนก็มีอยู่เพียงเท่านี้



จริงๆในวันที่ไม่ได้เลี้ยงกันตพิชญ์ พวกเขาก็ยังออกไปไหนมาไหนได้ แม้ว่าที่จริงแล้วพวกเขาจะไม่ค่อยชอบออกไปไหน แต่ในวันแบบนี้ มธุวันอดคิดไม่ได้ว่าบรรยากาศเอื่อยเฉื่อยในบ้านทำให้พวกเขาเหมือนตายายที่นั่งเลี้ยงหลานอยู่ในบ้านไม่มีผิด


“คิดอะไรไม่เป็นเรื่องอีกแล้วล่ะสิ”



เมฆายังคงเป็นเมฆา แม้จะทำตัวเหมือนรู้ไม่เท่าทันเขาแค่ไหน แต่ชายหนุ่มก็ยังคงอ่านเขาออกอย่างทะลุปรุโปร่งในช่วงเวลา
แบบนี้




“เปล่าซะหน่อย” ร่างโปร่งปฎิเสธ ทำหน้ามุ่ยกลบเกลื่อน เมฆามีสีหน้าไม่เชื่อ แต่ไม่คิดจะกดดันเขาให้ลำบากใจ ก้มหน้าเล่นกับเด็กน้อยบนตักต่อ หลอกล่อให้กันตพิชญ์อ้าปากงับช้อนข้าวบดจากมธุวันจนหมดถ้วย



“เก่งมากเลยครับกันต์ สมเป็นลูกพ่อจริงๆ” คุณพ่อแต่ในนามยอตัวเองอย่างภาคภูมิใจ ส่วนคนป้อนข้าวป้อนน้ำเพียงแค่กลอกตามองบนกับความขี้ตู่ของคนรัก



”หมอกไปอาบน้ำก่อนนะ ดูลูกด้วยนะ”แม้จะรู้ว่าอีกฝ่ายไม่เคยปล่อยให้ลูกน้อยคลาดสายตาอยู่แล้วแต่มธุวันก็อดกำชับตามประสาคนขี้เป็นห่วงไม่ได้



“คร้าบบบ ป้อหมอกมาเย็วๆนะน้องกันต์คิดถุงงง” คนเป็นพ่อดัดเสียงทำตัวมุ้งมิ้งไม่ได้สมกับหน้าตาเลย



มธุวันหอบสังขารของตัวเองเข้าไปในห้องน้ำอย่างอ่อนเพลีย แทบจะไหลลงไปกองอยู่ในก้นอ่างอาบน้ำแล้วนอนหลับสักงีบ
ต่อให้น้องกันต์เป็นแก้วตาดวงใจของเขาขนาดไหน มธุวันก็ยังคงรู้สึกว่าร่างกายของเขาไม่ได้ถูกออกแบบมาในรับมือกับเด็กทารกสักนิด เขารู้สึกชื่นชมผู้ปกครองที่ต้องเลี้ยงลูกของตัวเองตามลำพังขึ้นมา นี่ขนาดขนกันมาแทบจะทั้งตำบลเขายังรู้สึกว่าร่างกายต้องการการนอนหลับอย่างสุดซึ้ง




เมื่อมีคุณแม่เป็นดีไซน์เนอร์ดาวรุ่งพุ่งแรงแห่งวงการแฟชั่น จึงไม่แปลกที่น้องกันต์จะใช้เวลาส่วนใหญ่ของชีวิตน้อยๆไปกับการเกลือกกลิ้งอยู่ในห้องของเล่นคฤหาสน์ทรัพย์ดำรงที่ธีรเชษฐ์สั่งทำขึ้นมาให้หลานชายหัวแก้วหัวแหวนเพียงหนึ่ง ประกอบกับการที่มธุวันไม่ชอบให้เด็กน้อยอุดอู้อยู่ในคอนโด ทำให้ทุกครั้งที่น้องกันต์ได้มาอาศัยอยู่กับคุณพ่อกลายเป็นวันรวมญาติขนาดใหญ่ของบ้านทรัพย์ดำรง ไม่ใช่แค่เพียงครอบครัวของสามพี่น้อง กระทั่งลูกน้องของพี่ชายของมธุวันยังมายืนเกาะกระจกห้องของเล่นชี้ชวนกันให้มองดูเด็กน้อยตาไม่กระพริบ เรียกได้ว่ากันต์พิชญ์นั้นเป็นขวัญใจของทุกคนที่พบเห็น ไม่เว้นแม้กระทั่งเอไลจาห์ บุตรชายวัยสิบปีของทารินผู้เป็นมือขวาของนิโคไล ที่ติดเด็กน้อยแจตั้งแต่ได้เห็นดวงหน้าจิ้มลิ้มเป็นครั้งแรก และดูจากที่กันต์พิชญ์หัวเราะเอิ๊กอ๊ากทำเสียงอ้อแอ้ทุกคราที่อยู่บนตักของเอไลจาห์ เด็กน้อยก็ติดคนพี่ไม่แพ้กัน



“เมฆไม่ชอบสายตาเจ้าเด็กนี่เลย” เมฆาบ่นอุบ มธุวันเลิกคิ้ว สั่นศีรษะกับความหวงลูกของคนรัก



“เมฆ น้องสิบขวบนะ”


“จะกี่ขวบก็ไม่ชอบ” ร่างสูงกอดอกกล่าวอย่างดื้อดึง มธุวันยิ้มขำ กดจมูกลงบนแก้มสากของคนรักฟอดใหญ่อย่างมันเขี้ยว



“แบบนี้คุณพ่อต้องรีบไว้หนวดแล้วรึเปล่าครับ หืม?”



“หมอกอยากให้เมฆไว้หนวดก็บอกน่า” เมฆายักคิ้วอย่างยียวน



ถึงแม้มธุวันจะไม่ได้พูดอะไรเรื่องหนวดของเขามากนัก แต่เมฆาสังเกตว่าทุกครั้งที่เขาไม่โกนหนวดสักวันสองวัน คนรักของเขาที่แม้ในยามปกติจะไม่เคยอิดออดยามถูกสะกิดใต้ผ้าห่มอยู่แล้วดูจะกระตือรือร้นมากขึ้นเป็นพิเศษ



“ไม่เอาอ่ะ เดี๋ยวเมฆเนื้อหอมกว่านี้หมอกก็แย่สิ” มธุวันกล่าวทีเล่นทีจริง ก่อนจะเปิดประตูห้องเข้าไปหาเด็กน้อยทั้งสองในห้องของเล่น เอไลจาห์เงยหน้าขึ้นมองผู้มาใหม่ ทั้งที่อายุเพียงแค่สิบขวบแท้ๆ แววตาที่เด็กชายมองมาที่เขากลับให้ความรู้สึกเหมือนอีกฝ่ายผ่านร้อนผ่านหนาวมาหลายสิบปีแล้วอย่างไรอย่างนั้น “น้องกันต์ น้องจาห์ ได้เวลาหม่ำๆแล้วครับ”
สำหรับเด็กชายเชื้อสายอิตาลีที่ไม่เคยรู้จักภาษาไทยจนกระทั่งเจ็ดเดือนก่อน การที่เอไลจาห์สามมารถพยักหน้าตามมธุวันอย่างเข้าใจได้นั้นสร้างความประทับใจให้กับเลขาหนุ่มอยู่ไม่น้อย



“แอ๊ะ...แอ๊ะ...”



เจ้าตัวกลมเมื่อได้ยินว่าถึงเวลาของกินก็ร้องออกมาอย่างดีใจ กระเด้งกระดอนบนตักของพี่เลี้ยงจำเป็นจนเอไลจาห์ต้องคว้าร่างนุ่มนิ่มเอาไว้ไม่ให้ไหลตกไปจากตัก กันตพิชญ์เงยหน้าขึ้นยิ้มหวานโชว์เหงือกให้กับพี่ชายคนโปรด มือกลมป้อมเอื้อมคว้าปอบผมสีน้ำตาลบลอนด์ของเด็กชายเอาไว้กระจุกใหญ่ เอไลจาห์นิ่วหน้า แต่แทนที่จะดึงเส้มผมของตัวเองกลับมาจากมือน้อยๆนั้น เด็กชายกลับเป็นฝ่ายก้มลงไปหาให้เจ้าตัวน้อยได้เล่นผมของตัวเองอย่างถนัดถนี่ เห็นได้ชัดว่าตามใจเด็กน้อยในอ้อมกอดมากเพียงใด



“แอ๊ะ..จุ๊บ...”



เจ้าตัวแสบน้ำลายเยิ้มแปะปากกับแก้มของคนที่ก้มลงมา หัวเราะเอิ้กอ้ากชอบอกชอบใจ เช่นเดียวกับมธุวันที่หลุดหัวเราะออกมาเมื่อเห็นน้ำลายของน้องกันต์เปรอะแก้มเด็กชาย



ก่อนที่เสียงหัวเราะนั้นจะถูกกลืนหายไปในลำคอเมื่อเห็นใบหูที่ขึ้นสีแดงเรื่อของเด็กฝรั่งที่นั่งกอดลูกน้อยของเขา น้องกันต์ที่เห็นพ่อหมอกหัวเราะยิ่งกระดี๊กระด๊าตบหน้าของพี่ชายคนโปรดด้วยมือกลมป้อมเปาะแปะอย่างสนุกสนาน



“น้องกันต์ มาหาพ่อหมอกมา ไปหม่ำๆกัน” มธุวันอุ้มเด็กน้อยมาไว้ในอ้อมกอดของตัวเองแล้วลุกกลับขึ้นมา ร่างโปร่งก้าวนำเด็กชายชาวต่างชาติออกมาหาเมฆาที่ยืนกอดอกจดจ้องเอไลจาห์ด้วยสีหน้าทะมึน กระซิบข้างหูคนรักด้วยน้ำเสียงอ่อนใจ “หมอกให้เมฆไว้หนวดก็ได้”


ใครจะรู้ล่ะว่่าลูกชายของเขาเสน่ห์แรงเบอร์นี้



น้องกันต์เงยหน้าขึ้นยิ้มหวานให้เขา ส่งเสียงอ้อแอ้คล้ายกำลังเล่าเรื่องราวให้กับบิดาทั้งสองของตนตลอดทางไปห้องอาหาร จนมธุวันอดคิดไม่ได้ว่าหากโตขึ้นเจ้าตัวน้อยคงพูดเจื้อยแจ้วจนลิงวิ่งหนีไม่ต่างจากน้องโช หลานชายของคุณจอมทัพเป็นแน่
นอกจากเอไลจาห์แล้ว น้องโชนี่แหละที่เป็นพี่ชายคนโปรดอีกคนที่น้องกันต์ติดหนึบยิ่งกว่าอะไร แต่ด้วยบุคลิกนิสัยเหมือนลูกหมาวิ่งเข้าหาคนเกาพุงของน้องโชนั้น เป็นการยากที่ใครจะรู้สึกไม่ชอบเด็กชาย



“น้องกันต์ อยู่ไหนเอ่ย คุณปู่มีของเล่นมาฝากน้องกันต์ด้วยล่ะ”



เจ้าของเสียงนั้นจะเป็นของใครไปไม่ได้นอกจากคุณปู่เห่อหลานที่ทุกวันนี้มีตัวตนในบริษัทน้อยลงเรื่อยๆหลังจากฟื้นตัวจากอุบัติเหตุในโรงแรมคราวนั้นที่ก้าวเข้ามาในห้องอาหารพร้อมตุ๊กตาคณกระต่ายที่ตัวใหญ่กว่าคนรักของเจ้าตัวที่เดินต้อยๆตามมาเสียอีก



มธุวันกลอกตาอย่างเหนื่อยหน่าย รู้ว่าต่อให้ทักท้วงไปธีรเชษฐ์ก็มีแต่จะสวนกลับมาว่าตุ๊กตาที่สั่งมาทำจากผ้าอย่างดีไม่มีสารก่อภูมิแพ้ และหลานชายคนเดียวของตระกูลทรัพย์ดำรงนั้นจะมีตุีกตาแค่ยี่สิบสามสิบตัวได้อย่างไร หากใครรู้เข้าคงหมดความเชื่อถือในตัวเขา มธุวันจำคำโต้เถียงของเจ้านายได้ทุกประโยคจนขึ้นใจ แม้จะไม่ค่อยเข้าใจนักว่าการถือตุ๊กตาขนปุยตัวเท่าคนเข้ามาในบ้านไม่ซ้ำกันในแต่ละวันนั้นเป็นการสร้างความเชื่อถือประเภทใด แต่อะไรที่ธีรเชษฐ์ทำแล้วไม่ทำให้เส้นเลือดบนหน้าผากของเขาเต้นตุบอย่างแต่ก่อน มธุวันก็ยินดีที่จะปล่อยผ่านไป



“น้องกันต์ ตัวโตขึ้นอีกแล้วนะครับ” มีนายิ้มให้กับเด็กน้อยในเก้าอี้เด็ก ดวงตาสีม่วงสดใสของกันตพิชญ์เป็นประกายเมื่อเห็นเด็กหนุ่มร่างเล็ก ชูแขนทั้งสองข้างให้มีนาอุ้มโดยไม่สนใจตุ๊กตาในอ้อมกอดของธีรเชษฐ์ มีนายิ้มขำกับสีหน้าเศร้าสลดของคนรัก อุ้มร่างของเด็กน้อยที่กอดคอเขาเอาไว้แน่นโยกไปมา ฮัมเพลงกล่อมเด็กที่น้องกันต์ชื่นชอบเบาๆ เรียกเสียงอ้อแอ้อย่างมีความสุขของแฟนคลับตัวน้อยได้เป็นอย่างดี




อีกสิ่งหนึ่งที่มธุวันได้เรียนรู้เกี่ยวกับมีนาหลังจากรู้จักกัน คือเด็กหนุ่มเป็นคนร้องเพลงเพราะมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพลงกล่อมเด็กที่พอน้องกันต์ได้ยินที่ไรก็มักจะนั่งตาแป๋วรอฟังเพลงต่อไปอย่างไม่ยอมหลับยอมนอน ซึ่งไม่ใช่เรื่องดีสำหรับคุณพ่อมือใหม่ทั้งสองเท่าไหร่นัก




“น้องกันต์รักแต่คุณย่าอ่ะ” คนที่ยังคงกอดตุ๊กตากระต่ายตัวโตเอาไว้ทำปากยื่นหน้ามุ่ยเรียกคะแนนสงสาร ทว่านอกจากลูกโป่งน้ำลายที่เด็กน้อยเป่าเล่นและเสียงร้องเพลงของมีนาแล้ว น้องกันต์ไม่ได้คิดจะสนใจคุณปู่ของตัวเองสักนิด



“ก็คุณปู่โผล่มาทีไรก็มีแต่ตุ๊กตาบังหน้ามิดเลยนี่ครับ” มีนาเอ่ยเสียงกลั้วหัวเราะ แม้ว่าสีหน้าของมีนาตอนที่ถูกทินกรแซวว่าเป็นคุณย่าครั้งแรกจะน่าขบขันจนมธุวันต้องห้ามตัวเองไม่ให้ยกโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูป เด็กหนุ่มร่างบางในยามนี้ดูจะไม่มีท่าทีกระอักกระอ่วนใจอะไรกับคำเรียกนั้นแล้ว



“ไม่เป็นไร” ธีรเชษฐ์ส่งตุ๊กตาตัวยักษ์ให้บุตรชายคนโตแล้วรับเด็กน้อยมาจากมีนา กระตุกยิ้มมุมปากด้วยแววเนตรหยอกเย้า



“คุณปู่ก็รักแต่คุณย่าเหมือนกันครับ”



“ถ้าอ้วกใส่กระต่ายเมฆต้องซักมั้ยอ่ะ” เสียงทุ้มกระซิบข้างหูมธุวัน



“ทิ้งไปสักตัวคงไม่รู้หรอก” แค่นี้ลูกน้อยของพวกเขาก็แทบจะกลืนหายไปกับทะเลของเล่นในห้องแล้ว



“คิดถึงจังเลยครับคนเก่ง”



คุณปู่คุณย่าที่ยังหาผมหงอกไม่เจอสักเส้นกอดรัดฟัดเหวี่ยงเจ้าตัวน้อยในอ้อมกอดอย่างแสนคิดถึง ทั้งที่เมฆาเพิ่งพาพวกเขามาค้างคืนที่บ้านเมื่อสองวันก่อน



ดูท่า เจ้าของบ้านทั้งสองคงไม่ยอมปล่อยพวกเขากลับไปง่ายๆเสียแล้ว




ผิดจากที่เขาคิดไว้เสียที่ไหนกัน?



“เฮ้อ...หมอกไม่ได้เตรียมเสื้อผ้ามาค้างเลยนะ”



มธุวันทิ้งตัวลงนอนแผ่หลาบนเตียงกว้างในห้องนอนของเมฆาอย่างอ่อนเพลีย เจ้าตัวน้อยในเตียงเด็กอ่อนนอนหลับปุ๋ยน้ำลายยืดไปตั้งแต่หัวค่ำ แค่เห็นก็รู้แล้วว่าคืนนี้เขาต้องลุกมากชงนมกลางดึกอีกแน่



“เสื้อผ้าที่หมอกทิ้งไว้ที่นี่ก็เยอะออก ยืมเสื้อเมฆก็ได้” เมฆาที่เพิ่งก้าวออกมาจากห้องน้ำทรุดลงนั่งบนเตียง ใช้ผาขนหนูเช็ดศีรษะที่เปียกโชก “หรือจะไม่ใส่อะไรก็ได้นะ เมฆไม่ว่า”



“บ้า ลูกอยู่ตรงนี้”



มือเรียวฟาดเพียะไปยังไหล่หนาเบาๆ แม้ว่าประกายสีฟ้าในดวงตาสีเทาจะบ่งบอกว่าสนใจความคิดนั้นแค่ไหน
แค่เห็นสีหน้ามธุวัน เมฆาก็พอจะเดาได้แล้วว่าอีกฝ่ายอย่างจะกลืนเขาเข้าไปทั้งตัวตอนนี้เสียด้วยซ้ำ และร่างสูงก็พูดได้ไม่เต็มปากว่าความอดทนของตนจะมีมากพอจนถึงวันที่ญาวิกามารับลูกกลับบ้าน



“ทนหน่อยนะครับหมอก” มือใหญ่ลูบใบหน้าเรียวของคนรักเบาๆอย่างนึกสงสารทั้งอีกฝ่ายและตัวเอง ยิ่งอยู่ใกล้กันแค่นี้ยิ่งทำให้การควบคุมตัวเองนั้นยากเสียยิ่งกว่ายาก “เดี๋ยวกลับคอนโดค่อยว่ากันนะ”



อย่างน้อยในคอนโดของพวกเขา หลังจากน้องกันต์หลับไป คุณพ่อทั้งสองยังมีห้องน้อแขกข้างๆให้ชวนกันไปเล่นจ้ำจี้ห้องน้องสักสองสามคนให้เด็กน้อยก่อนจะกลับมา



“เมฆ หมอกไม่ไหวแล้ว” เมื่อเห็นดวงตาคู่สวยเว้าวอน คนตบะอ่อนอย่างเมฆาก็เริ่มจะธาตุไฟเข้าแทรก



“หมอก ไหนหมอกบอกว่าไม่อยากให้ลูกเป็นแผลใจไปตลอดชีวิตไง...อึก...” ร่างสูงพยายามเอ่ยติดตลก แม้ว่าปลายเสียงจะสะดุดกึกเมื่อมือเรียววางทาบลงบนต้นขาหนาที่ดผล่พ้นผ้าขนหนูออกมา



“ลูกหลับแล้วน่าเมฆ...”



“หมอก... อะ....”


ร่างสูงกลืนน้ำลายเมือมือเรียวของคนรักเริ่มไต่สูงขึ้นไปจากต้นขาของเขา  ดวงเนตรสีควันบุหรี่สลับมองระหว่างคนรักกับลูกน้อยไปมาอย่างตื่นตระหนก ในชีวิตนี้เขาไม่เคยปฏิเสธมธุวันได้ โดยเฉพาะกับเรื่องนี้ที่เมฆาไม่สามารถฝืนใจตัวเองให้เข้มแข็งเพื่อลูกได้



ก่อนที่ควมคิดแสนบรรเจิดจะแล่นเข้ามาในหัวทันเวลาก่อนที่เมฆาตัวไม่น้อยจะโผล่มาเซย์ไฮจากใต้ร่มผ้า





ก๊อกๆๆๆ



เสียงเคาะประตูรัวเร็วทำให้ร่างทั้งสองที่หอบหายใจจากกิจกรรมเข้าจังหวะแต่หัวค่ำมองหน้ากันอย่างประหลาดใจ มีนาคว้าเสื้อคลุมมาห่อตัวเองเอาไว้ลวกๆเช่นเดียวกับธีรเชษฐ์ที่ลุกไปเปิดประตูด้วยสีหน้าหงุดหงิด ทว่าสิ่งที่เขาเห็นมีเพียงเด็กน้อยที่นอนหลับอุตุอยู่ในเตียงเด็กอ่อนที่ถูกเข็นมาไว้หน้าห้องของเขา



‘เห็นว่าคุณปู่คุณย่าคิดถึง คืนนี้น้องกันต์นอนด้วยนะครับ’




กระดาษโน๊ตที่แปะอยู่บนซี่ลูกกรงเตียงเขียนเอาไว้ด้วยลายมือหวัดๆของลูกชายตัวดี



ร่างสูงสั่นศีรษะ ก่อนจะดึงลากเตียงติดล้อของหลานชายเข้ามาในห้องอย่างเบามือด้วยกลัวว่าจะทำให้ร่างข้างในตื่นขึ้นมา



ที่เขาไม่ได้เอาน้องกันต์ไปคืน เพราะว่าเขาคิดถึงหลานหรอกนะ



ไม่ใช่เพราะเขาหวาดกลัวลูกสะใภ้ใหญ่ของบ้านจับจิตจนไม่กล้าขัดจังหวะจ้ำจี้ของคุณพ่อมือใหม่ทั้งสอง



ไม่ใช่เลยสักนิด


-------------------------

น้องกันต์โดนป๊ะป๋าลอยแพ5555
น้องกันต์คือลูกของยาหยีนะคะ จะเดบิวต์ในตอนพิเศษของหนังสือเรื่องรักไม่ลืม และมีเรื่องสั้น(?)เป็นของตัวเองด้วยฮับ

หนังสือเรื่องรักไม่ลืมจะวางจำหน่ายงานหนังสือนี้กับสนพ.Hermit Booksเจ้าเดิมนะคะ

ออฟไลน์ Hoya

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 65
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
 :กอด1: :กอด1:

ฮือ ชอบบบบบบบบ
แต่แอบงง (จำไม่ได้ ) ใครคือ ญาวิกา หว่า...

แต่ ขำความหลงหลาน ของคุณปู่ และ "ย่า"มีนนนนนนน

เราเห็น ภาคต่อ ของนิวเจนฯ ตระกูลทรัพย์ดำรงค์ แหะ ....

 :o8: :o8: :o8:  บ้า....น้องเค้ายังเด็ก อยู่เลยยยย  :impress2: :impress2: :impress2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
น่ารักมากกกก
คิดถึงทุกตัวละคร

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1

ออฟไลน์ samsung009

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 587
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-1

ออฟไลน์ sugarcane_aoi

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 301
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
สนุกทุกเรื่องของผู้เขียนเลยค่ะ ทั้งเชษกับมีน,ซันกับภรันยู,จนมาถึงเมฆกับหมอก มีความสุขที่ได้อ่าน ขอบคุณมากค่ะ :pig4:

ออฟไลน์ nOn†ღ

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4390
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +502/-6

ออฟไลน์ อิ๊อ๊ะชะเอิงเอย

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 128
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
นับถือคนแต่งจริงๆที่เขียนจักรวาลเรื่องนี้ได้ขนาดนี้ ขอบคุณที่ทำให้ได้อ่านเรื่องสนุกๆเพิ่มอีกเรื่องนะคะ

ออฟไลน์ Freezz

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 271
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
น่ารักมากกๆๆ เลยครับ
ถึงจะมึนๆ เวลาสลับไปมา  แต่ชอบมากๆ เลยครับ

ออฟไลน์ NewYearzz

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2544
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +346/-2

ออฟไลน์ sakura_sung

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 31
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ชอบ สนุก อ่านรวดเดียวจบ สว่างคาตา5555  o13

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด