Chapter 18: [Then] ปล้น
ทุกเช้าของเมฆาเริ่มต้นด้วยความรู้สึกวูบวาบที่บริเวณกลางลำตัวของร่างสูง
“อือ…หมอกครับ...”
เมฆาวางมือลงบนผ้าห่มผืนหนาที่มีผีผ้าห่มมุดอยู่ข้างใต้สักพักหนึ่งแล้ว ร่างสูงกัดฟันกรอด พยายามหักห้ามใจไม่ให้ขยับสะโพกสวนจังหวะรักที่โพรงปากอุ่นกำลังบรรเลง แต่เสียงครางหวานในลำคอของคนที่กำลังเล่นซุกซนอยู่ได้ผ้าห่มนั้นส่งแรงสั่นสะเทือนมาตามร่างของคนถูกปรนเปรอจนเมฆาแทบคลั่ง
“อึ่ก...หาเรื่องเองนะ”
มือใหญ่ตวัดผ้าห่มออกจากร่างของตน เผยให้เห็นร่างที่กำลังสนุกสนานอยู่ระหว่างของเขาโดยไม่ได้สนใจเลยว่าตัวเองมีเรียนเช้า เมฆาสอดมือเข้าใบในกลุ่มผมสีน้ำตาลอ่อนนุ่มแล้วดึงกระชากเบาๆให้คนรักยอมเงยหน้าขึ้นหาอากาศหายใจเหมือนคนปกติบ้าง ก่อนจะผลักอีกฝ่ายลงนอนราบไปกับเตียงโดยมีเขาขยับคร่อมร่างโปร่งไว้อย่างรู้งาน
“คิก…อย่าทำรอยนะ”
ร่างโปร่งหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ ย่นคอหนีอย่างจักจี้เมื่อถูกลิ้นยาวลากเลียวนบริเวณซอกคอขาว
“หมอกเรียนกี่โมง”
เมฆาถามด้วยน้ำเสียงแหบพร่า ไล่จุมพิตลงมาจนถึงแผ่นอกแบนราบ ริมฝีปากได้รูปเข้าครอบครองเม็ดทับทิมสีสดที่เขาแสนหลงใหลอย่างกระหาย
“อีก..สองชั่ว..โมง..อ๊ะ...”
มธุวันกัดริมฝีปากอย่างเสียวซ่านกับลิ้นร้อนที่หยอกเย้าร่างกายของเขาอย่างสนุกสนาน
“ถ้าอย่างนั้นเมฆขอชั่วโมงนึงนะครับ”
เมฆาฉีกยิ้มเมื่อได้ยินคนรักงึมงำประท้วงพอเป็นพิธี แต่เขารู้ว่าตราบใดที่มธุวันยังไปเรียนทัน ร่างโปร่งก็ไม่คิดจะห้ามอะไรเขาอยู่แล้ว
“แม่งงงง ปวดว้อยยยย”
ณัฐภาสโวยวาย ฟุบหน้าลงกับโต๊ะอย่างเหนื่อยล้า มธุวันกับญาวิกามองหน้ากันขำๆ เด็กสาวร่างเล็กแซวเพื่อนรักด้วยสีหน้าขบขัน
“ทำกับพี่ใหญ่ทั้งคืนเลยดิ”
“เออดิวะ คนบ้าอะไรแม่งอึดชิบหาย”
แต่นอกจากจะไม่อายแล้ว ณัฐภาสยังตอบกับมาราวกับเป็นเรื่องธรรมชาติ สร้างความประหลาดใจให้กับคนทั้งสองเป็นอย่างมาก ญาวิกาจึงลองแหย่ต่ออีกนิด ขณะที่มธุวันหันกลับไปสนใจอาหารเช้าทั้งสองจานของตนต่อ เล่นโดนเมฆสูบพลังงานไปขนาดนั้น ข้าวจานเดียวไม่อยู่หรอก
“ทำไมแก...ใหญ่มากเหรอ”
“แท่งเท่าแขนมึงคิดว่าใหญ่มั้ยล่ะ”
ยางอายที่หายไปของคนที่แค่แหย่นิดแหย่หน่อยก็แดงไปทั้งตัวสร้างความประหลาดใจแก่คนฟังเป็นอย่างมาก
“ถ้าขนาดนั้นแล้วแกจะโวยวายทำไมยะ” ญาวิกาถามอย่างไม่เข้าใจ "แกดูไอ้หมอก หน้าตามันยังดูเหมาะสมกับสถานการณ์มากกว่าแกอีก"
"ฮะ? อะ...อะไร? เราไม่ได้ทำหน้าอะไรซะหน่อย!"
คนร้อนตัวรีบปฎิเสธเสียงสูง ญาวิกายิ้มขำ
"เออ ก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่ แค่บอกว่าปฎิกิริยาคนปกติน่าจะเป็นแบบแกมากกว่า"
"คนปกติบ้าอะไรต้องมานั่งนวดขนมปังเอาเข้าเตาอบทั้งคืน แฟนรึเจ้านายวะ"
ณัฐภาสโวยวายทั้งที่ยังฟุบหน้าอยู่กับโต๊ะ ทำเอาเพื่อนทั้งสองเอ๋อไปอีกรอบ
"ขนมปัง?"
"เออ! ขนมปังฝรั่งเศสแท่งเบ้อเริ่ม พี่ใหญ่แม่งคิดสูตรซุปได้ตอนเที่ยงคืน ปลุกกูมาทำขนมปังให้ซะงั้นอ่ะ"
ร่างโปร่งบ่นอุบ ถึงแม้มธุวันจะดูออกว่าณัฐภาสไม่ได้ถือสาอะไรขนาดนั้น
"อ๋อ...ขนมปัง..."
ญาวิกาลากเสียง นึกเหนื่อยใจในความซื่อบื้อของณัฐภาส
เพราะแบบนี้ไงถึงโดนเชฟใหญ่รวบหัวรวบหางไปตั้งแต่ปีหนึ่งน่ะ
"เออ วันนี้มีตลาดนัดนี่ ไปหาอะไรกินกันมั้ย"
ญาวิกาชวนมธุวันด้วยรู้ว่าณัฐภาสจะต้องกลับไปช่วยงานแฟนซึ่งเป็นหัวหน้าเชฟของโรงแรมธารา เรียกได้ว่าเล่นเส้นกันสุดๆ แต่ฝีมือของณัฐภาสนั้นถือว่าคู่ควรกับครัวของโรงแรมหรูจริงๆ
"เอ่อ...เรา...."
มธุวันพยายามคิดทบทวนว่าตัวเองมีนัดอะไรกับเมฆารึเปล่า
"ไปเถอะนะหมอก น้านะ ตั้งแต่พวกแกย้ายไปที่อื่นฉันก็ไม่มีเพื่อนไปแรดด้วยเลยอ่ะ"เด็กสาวคนเดียวในกลุ่มงอแง
"แร...ฮะ?"
มธุวันตามคำพูดของเพื่อนไม่ทัน
"ไม่รู้ล่ะ สี่โมงเจอกันหน้าตลาด ไปเรียนละแก บรัยส์"
ญาวิกาลุกหนีไปโดยไม่รอฟังคำตอบของเพื่อน มธุวันได้แต่อ้าปากค้าง หันไปทางณัฐภาสอย่างขอความช่วยเหลือ
"ไม่ต้องมามอง" เพื่อนที่ฟุบอยู่ข้างเขาไม่มีความเห็นใจสักนิด "โชคดีกับการรอมันซื้อเสื้อผ้าละกัน"
มธุวันถอนหายใจ แต่เขาก็เบี้ยวนัดเพื่อนมาหลายรอบแล้วจริงๆนั่นแหละ
"ตัวนี้โป๊มั้ย?"
ญาวิกาหันไปถามมธุวันที่ยืนรออยู่ด้านหลัง เด็กหนุ่มมองชุดเปิดไหล่สีฟ้าเนื้อผ้าเบาบางลายดอกไม้เล็กๆนั้นด้วยสีหน้าชั่งใจ ไม่มั่นใจว่าตัวเองควรจะตอบว่าอย่างไร
“ก็…นิดหน่อยนะ”
“แล้วมันโป๊แบบแรดๆหรือโป๊แบบเซ็กซี่อ่ะ”เด็กสาวเอาชุดทาบตัวหน้ากระจก
“มันมีหลายแบบเหรอ?” มธุวันเริ่มแตกตื่น เขาควรจะตอบอย่างไรให้อีกฝ่ายพอใจ
“เฮ้อ ช่างเหอะ มากับแกก็ยังดีกว่ามากับไอ้นัท เดี๋ยวฉันไปลองชุดก่อน รอนี่นะ”
ญาวิกาก้าวเข้าไปในฉากกั้นเล็กๆที่คนขายเอาไว้ให้ลองชุด ส่วนมธุวันก็ยืนรอ กดโทรศัพทท์ดูเวลา เมื่อเห็นว่าค่อนข้างเย็นแล้วจึงคิดว่าจะขอตัวไปซื้อกับข้าวให้ตัวเองกับคนรักแล้วกลับคอนโดเลย แต่เสียงกรีดร้องจากด้านหลังฉากกั้นทำให้ทั้งเขาและแม่ค้าหันไปทางต้นเสียงอย่างตกใจ
“ยาหยี!เป็นอะไร? เราเข้าไปได้มั้ย?”
มธุวันตะโกนถามเพื่อนจากข้างนอกอย่างเป็นห่วง คนที่อยู่ข้างในเปิดผ้ากั้นออกมา เผยให้เห็นร่างเล็กที่ถูกราดด้วยของเหลวสีคล้ำที่มีกลิ่นคาวๆลอยออกมา เพื่อนของเขาที่มักจะเป็นสาวแกร่งและมั่นใจในตัวเองเสมอมีสีหน้าเหมือนจะร้องไห้
“เกิดอะไรขึ้น”
มธุวันถาม หยิบซองทิชชู่ออกมาให้เพื่อนเช็ดหน้าก่อนที่น้ำพวกนี้จะเข้าตา
“เฮ้ย!ใครเอาถังรองน้ำไปวะ?”
เสียงของพ่อค้าขายอาหารซีฟู้ดร้านข้างๆดังขึ้น มธุวันชะโงกออกไปดู ก่อนจะพบว่าถังพลาสติกที่ปกติจะเอาไว้รองน้ำที่ละลายจากน้ำแข็งทีี่ใช้คงความสดให้สัตว์ทะเลดิบพวกนี้หายไป
“คงเป็นพวกก่อกวนนั่นอีกแน่ๆ”
มธุวันพึมพำก่อนจะหันไปหาแม่ค้า
“ขอโทษนะครับ ผมขอซื้อชื้อที่เลอะไปแล้วกับชุดสะอาดอีกชุด แล้วก็ผ้าขนหนูได้มั้ยครับ?”
“ได้จ้ะ เดี๋ยวป้าลดให้พิเศษแล้วกันนะ ช่วยๆกัน เฮ้อ เด็กสมัยนี้นี่มันเล่นพิเรนทร์กันจริงจริ๊ง”
เนื่องจากพวกเขาทั้งสามไม่มีใครอยู่หอในกันแล้ว แถมเพื่อนที่เด็กสาวสนิทก็โดนกลั่นแกล้งจนย้ายหนีจากหอไปก่อนหน้านี้แล้วด้วย มธุวันจึงซื้อน้ำเปล่าให้เพื่อนล้างคราบน้ำที่มีกลิ่นทะเลนั้นออกแล้วขอยืมฉากกั้นของคุณป้าร้านขายเสื้อเปลี่ยนชุดอีกครั้ง โดยคราวนี้เขาไปยืนเฝ้าหลังร้านเพื่อความปลอดภัย ช่องว่างของผ้าใบที่ใช้คลุมร้านไม่ได้กว้างมากพอที่จะเห็นคนที่เปลี่ยนชุดข้างในก็จริงหากไปม่ได้มาเกาะส่อง แต่ก็กว้างพอที่จะราดน้ำลงบนหัวคนข้างในได้
“ฮึ่ย อย่าให้รู้นะว่าใคร แม่จะตบให้กลับบ้านไม่ถูกเลย”
ยาหยีที่ช็อกจนพูดไม่ออกในตอนแรก พอขึ้นแแท็กซี่ก็ปล่อยความโกรธออกมายาวเป็นหางว่าว เนื่องจากไม่มีชั้นในให้เด็กสาวเปลี่ยน มธุวันจึงให้อีกฝ่ายสวมเสื้อกันหนาวของเขาทับแก้ขัดแล้วขึ้นแท็กซี่มาส่งที่บ้านของญาวิกาด้วยกลัวว่าเพื่อนจะไม่ปลอดภัยหากเดินทางคนเดียว
“ขอบใจแกมากนะหมอก อ่ะนี่ ค่าเสื้อผ้ากับค่าแท็กซี่ แล้วไม่ต้องบอกเลยนะว่าไม่รับ ฉันจะจ่าย”
เด็กสาวยื่นแบงค์เทาให้กับเพื่อน มธุวันพยักหน้าขอบคุณ รู้ดีว่าเถียงกันไปก็ไม่มีทางชนะ
“ไปคอนโดXXXครับ”
ร่างโปร่งหันไปบอกคนขับแท็กซี่ต่อ ก่อนจะกดต่อสายหาคนรักของตัวเอง
"ว่าไงครับ ไปซื้อของกับเพื่อนสนุกมั้ย?"
เสียงทุ้มทักเมื่อรับสาย มธุวันอมยิ้มกับความใส่ใจของคนรัก หลังจากคบกันมาเกือบปี เพื่อนของเขาหลายคนมักจะบ่นว่าแฟนไม่ค่อยสนใจตัวเอง ความรักจืดจาง อยู่ในช่วงหมดโปร แต่นอกจากเมฆาสามารถจำทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาเล่าให้ฟังได้แล้ว อีกฝ่ายยังมักจะต่อบทสนทนาด้วยความสนใจเสมอ
"อื้อ พอดีเกิดเรื่องนิดหน่อย เลยพายาหยีมาส่งที่บ้าน ตอนนี้อยู่บนแท็กซี่ หมอกไม่ได้ซื้ออะไรกลับมาเลย เมฆมีอะไรทานตอนเย็นมั้ย?"
"ทำไมหมอกไม่ให้เมฆไปรับ?"
เมฆาถามขึ้นทันทีด้วยน้ำเสียงเป็นกังวลเมื่อได้ยินดังนั้น
"หมอกดูแลตัวเองได้ เมฆไม่ต้องห่วงหรอก"
มธุวันคุยกับเมฆาไปเรื่อยๆเพราะอีกฝ่ายดึงดันที่จะให้เขาถือสายไว้ตลอดทาง ถึงแม้จะเสียดายเงิน แต่เพื่อความสบายใจของคนรัก ร่างโปร่งจึงเลิกที่จะทำตามที่อีกฝ่ายขอ
"วินก็อยู่ด้วยเหรอ?"
ร่างโปร่งถามเมื่อได้ยินเสียงเพื่อนสนิทของคนรักตะโกนทักทายลอดลำโพงโทรศัพท์มา
"อือ มันชวนไปกินเหล้า แต่พอเมฆไม่ไปมันก็เลยแบกเหล้ามากินนี่แทน"
ร่างสูงตอยเสียงเหนื่อยหน่าย แต่มธุวันรู้ดีว่าเมฆาก็คิดถึงนาวินทร์ไม่แพ้กัน เพียงแค่ลูกเสี้ยวรัสเซียหนุ่มนั้นรู้ดีว่ามธุวันไม่ชอบให้เขาไปเมานอกบ้าน
แค่เรื่องแข่งรถเมฆาก็ทำให้ร่างโปร่งกังวลมากพอแล้ว
"เหรอ งั้นเดี๋ยวหมอกแวะซุปเปอร์หน่อยแล้วกัน อย่าเพิ่งกินเหล้านะ เดี๋ยวปวดท้อง"
มธุวันหันไปบอกคนขับให้จอดรถที่หน้าซุปเปอร์มาร์เก็ตซึ่งอยู่ห่างจากคอนโดเขาเพียงไม่กี่เมตร
"งั้นเดี๋ยวเมฆลงไปรับนะ"
ร่างสูงว่าก่อนที่มธุวันจะวางสายไป ถึงแม้จะไม่ห่างจากคอนโดนักแต่ตอนนี้ไฟทางเพิ่งขาดไป ทำให้แถวนั้นค่อนข้างมืดและเปลี่ยว
มธุวันรีบหยิบของสดที่ต้องการอย่างชำนาญ เมื่อจ่ายเงินเสร็จร่างโปร่งจึงเดินออกมาจากร้านเพื่อมองหาคนรัก ทว่าระหว่างที่เขากำลังมองหาเมฆาอยู่นั้น ชายที่โพกผ้าปิดหน้าจนมองไม่เห็นก็โผล่ออกมาจากมุมมืดพร้อมกับมีดพกในมือ
"เฮ้ย! เอาของมาให้หมด!"
ถึงแม้จะตกใจ แต่จากมือสั่นๆของโจรตรงหน้า เขาคิดว่าอีกฝ่ายคงไม่ใช่มืออาชีพเท่าไหร่
"ครับๆ อย่าทำอะไรผมเลยนะครับ"
ร่างโปร่งรีบพูดพร้อมกับส่งข้าวของในมือให้ คิดว่าหากคนตรงหน้าได้ของไปหมดแล้วก็คงจะไปเอง
พลั่ก!
แต่ก่อนที่อีกฝ่ายจะได้หนีไป ชายร่างไม่ค่อยสูงมากคนนั้นก็โดนใครบางคนกระโดดขาคู่ถีบเข้ากลางลำตัวจนมีดพกเล่มเล็กกระเด็นหลุดมือไป
พลั่ก!พลั่ก!
เมฆาง้างกำปั้นใส่หน้าโจรที่บังอาจชักมีดใส่คนของเขา มธุวันที่ยังคงนิ่งอึ้งกับเหตุการณ์ตรงหน้าเพิ่งได้สติรีบเข้าไปดึงตัวของคนรักออกจากคนที่ยกมือไหว้ขอชีวิตเลือดกบปาก ยามหน้าคอนโดที่ตามมารีบเข้ามาจับตัวของโจรคนนั้นไว้ทันที ร่าง
ของคนร้ายสั่นเทา ใบหน้าที่ไม่มีผ้าปิดแล้วมีบาดแผลเต็มไปหมด ดูหน้าตาน่าจะเป็นชายวัยสามสิบกว่าๆหน้าตาซูบตอบเหมือนไม่มีอะไรกินมาหลายวัน แต่แววตาไม่ได้เลื่อนลอยเหมือนพวกติดเหล้าติดยาแต่อย่างใด มธุวันถอนหายใจ ก่อนจะหยิบกระเป๋าเงินออกมาแล้วควักธนบัตรสีเทาหนึ่งใบให้อีกฝ่าย
"ทั้งตัวผมมีอยู่แค่นี้ ถ้าเหลือจากทำแผลก็เก็บไว้ซื้อข้าวทานนะครับ"
"ห๊ะ?"
ไม่ใช่แค่คนที่เพิ่งถือมีดขู่เขาอยู่หยกๆเมื่อกี้ ขนาดเมฆา ยามทั้งสอง และนาวิทร์ที่อยู่ในเหตุการณ์ก็สับสนกับการกระทำของร่างโปร่ง มธุวันก้มลงหยิบถุงซุปเปอร์มาร์เก็ตขึ้นมาเปิดสำรวจดูแล้วถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อเห็นว่าของข้างในไม่มีอะไรเสียหาย ร่างโปร่งหยิบขนมปังไส้หมูหยองกับนมสตรอเบอร์รี่ที่เขาแลกซื้อมาได้ยื่นให้อีกฝ่ายที่เอื้อมมือมารับด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยคำถาม
"สิ่งที่คุณทำวันนี้ ยังไงมันก็ผิด ผมเสียใจด้วยแต่นั่นเป็นผลของการกระทำของคุณ ยังไงคุณก็ต้องรับมันให้ได้"มธุวันเอ่ยขึ้น
อย่างเวทนา "ผมหวังว่าหลังจากวันนี้คุณจะหาทางที่ไม่ทำให้ตัวเองต้องมาจบลงแบบนี้นะครับ คนเรามีทางเลือกเสมอ ต่อให้จนตรอกแค่ไหน เราก็มีทางเลือก สู้ๆนะครับพี่"
ร่างโปร่งยิ้มให้คนที่ยังคงโดนล็อคตัวไว้ ชายหนุ่มร่างผอมโซยกมืออันสั่นเทาที่มีอาหารมื้อแรกในรอบไม่รู้กี่วันของตัวเองอยู่เพื่อไหว้คนที่อายุน้อยกว่าเขาเป็นสิบปีอย่างซึ้งใจ ก่อนจะโดนยามลากตัวไป มธุวันไม่คิดจะแจ้งตำรวจด้วยรู้อยู่แล้วว่ายังไงคอนโดก็ต้องดำเนินคดีเรื่องบุกรุกเพื่อไม่ให้คนคนนี้มาป้วนเปี้ยนแถวนี้ได้อีก
"หมอก เป็นอะไรมั้ย?"
เมฆาขมวดคิ้ว มองสำรวจร่างกายของคนรักอย่างเป็นกังวล มธุวันส่ายหน้าพร้อมรอยยิ้ม
"หมอกไม่เป็นไร กลับห้องกันเถอะ อยู่ตรงนี้หมอกใจคอไม่ค่อยดี"
"มา ฉันช่วยถือ"
นาวินทร์แย่งเอาของในมือไปถือจนหมด ส่วนเมฆาก็ประคองเขาเดินกลับคอนโดราวกับว่ามธุวันเป็นคนท้องที่ต้องระวังการกระทบกระเทือนทุกฝีก้าว
------------
มาล้าวววววว
เอาThenไปอ่านให้หายคิดถึง(?)ก่อนเน้อ เดี๋ยวNowจิตามมาาาาา
