Chapter 19: [Now] ติดตาม
“This way, sir.(ทางนี้ครับ)”
มธุวันเดินตามบอดี้การ์ดร่างยักษ์ที่พาพวกเขาไปยังห้องในโรงแรมห้องเดิมที่เขาและเมฆามาเจรจาธุรกิจกับคุณนิโคไลครั้งที่แล้ว คราวนี้มธุวันเตรียมแผนการก่อสร้างและงบประมาณของรีสอร์ทมาเรียบร้อยหมดแล้ว และได้แต่หวังว่าอีกฝ่ายจะยอมคุยธุรกิจกับเขาดีๆโดยไม่ต้องมีข้อต่อรองเหมือนครั้งก่อนหน้า
มธุวันรู้สึกว่าเขาไม่ได้รังเกียจอีกฝ่าย อยากจะเพราะนิโคไลไม่เคยทำอะไรยุ่มย่ามกับเขา แต่บรรยากาศรอบตัวของมาเฟียหนุ่มทำให้มธุวันรู้สึกอึดอัดใจอย่างบอกไม่ถูก
คงเป็นพวกบรรยากาศของโลกมืดที่คนธรรมดาอย่างเขาไม่เข้าใจล่ะมั้ง?
“สวัสดีครับคุณหมอก คุณเมฆา”
ร่างที่เดินออกมาจากห้องนอนพร้อมกับเสาน้ำเกลือดูเหมือนจะมีแผลเพิ่มจะที่เขาเจอครั้งที่แล้ว มธุวันไม่ค่อยมั่นใจว่าทำไมคนที่ควรจะแสดงตนว่าเป็นผู้แข็งแกร่งตลอดเวลาอย่างอีกฝ่ายถึงได้เปิดเผยจุดอ่อนให้กับคนที่ไม่รู้จักอย่างพวกเขาโดยไม่กลัวอันตรายสักนิด
จะว่ามั่นใจจนเกินพอดีกว่าตัวเองจะไม่เป็นไร หรือเป็นคนเชื่อใจคนง่ายดีล่ะ
จากประสบการณ์สั้นๆกับหนุ่มอีตาลีตรงหน้า มธุวันค่อนข้างมั่นใจว่าไม่น่าจะใช่อย่างหลัง
“ขอประทานโทษจริงๆครับคุณนิโคไล ผมไม่ทราบจริงๆว่าคุณ...” ร่างโปร่งเหลือบมองบาดแผลของชายหนุ่มอีกครั้ง “ไม่สะดวก”
“พูดอะไรอย่างนั้นครับ สำหรับคุณ ผมสะดวกเสมอ”
นิโคไลทรุดตัวลงบนเซฟาอย่างยากลำบากโดยมีลูกน้องเจ้าของแผลเป็นอันเป็นเอกลักษณ์ช่วยประคอง มธุวันอดนิ่วหน้าแทนอีกฝ่ายไม่ได้ จากที่เห็นคงจะเจ็บน่าดู
“ถ้าอย่างนั้นเริ่มกันเลยนะครับ”
มธุวันยื่นเอกสารให้กับนิโคไล โดยครั้งนี้มีเมฆาเป็นคนอธิบายรายละเอียดโปรเจ็คทั้งหมด ซึ่งเป็นอีกครั้งที่นิโคไลไม่ได้ว่าอะไรนอกจากพยักหน้าตามคำพูดของรองประธานผู้เป็นเจ้าของโปรเจ็ค และนั่นทำให้มธุวันเริ่มรู้สึกผิดเล็กน้อยที่เคยคิดว่าอีกฝ่ายไม่ได้สนใจงานนี้จริงจังเท่าไหร่นัก
“ถ้าอย่างนั้นคุณคิดว่าจะเริ่มงานตามแผนได้เมื่อไหร่ครับ?”
นิโคไลถามขึ้นหลังจากศึกษารายละเอียดทั้งหมด
“น่าจะราวๆต้นปีหน้าครับ” มธุวันตอบ “คุณนิโคไลมีปัญหาอะไรรึเปล่าครับ?”
“จะว่ามีก็มีแหละครับ” ร่างสูงถอนหายใจ ก่อนจะเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง “ผมต้องการให้คุณหมอกถอนตัวจากโปรเจ็กต์นี้”
“พอจะบอกเหตุผลได้มั้ยครับว่าทำไม?”
มธุวันขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ เขาคิดว่าอีกฝ่ายถูกชะตากับเขาซะอีก
“ผมไม่อยากให้คุณทำให้ผมไขว้เขวจากงานน่ะสิครับ”
สีหน้าจริงจังที่ดูไม่ออกว่ากำลังอำเขาเล่นหรือไม่ยิ่งทำให้มธุวันสับสน แต่ก่อนที่จะได้แย้งอะไร นิโคไลก็หัวเราะขึ้นมาเสียก่อน
“ผมล้อเล่นน่ะครับ”
มธุวันถอนหายใจอย่างโล่งอก แต่ประโยคถัดมาทำเอาเขาเงิบไปเลยทีเดียว
“ซินแสที่ให้คำแนะนำทางด้านธุรกิจของผมบอกว่าถ้าคุณมธุวันไปด้วยจะเกิดอันตรายร้ายแรง งานจะล่าช้า”
“นี่ผมเป็นคนรึตัวกาลากิณีครับ” ร่างโปร่งอดพึมพำเบาๆไม่ได้
“ผมเข้าใจครับ เราจะจัดการเปลี่ยนคนรับผิดชอบให้ตามความเหมาะสม”
คนที่เอ่ยขึ้นแบบนั้นกลับเป็นเมฆา ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่นักสำหรับคนที่รู้จักกับร่างสูงดี ยายของเมฆานั้นเชื่อเรื่องดวงชะตามากและการทำนายทายทักของซินแสประจำตระกูลของเธอมาก ถึงขั้นบังคับให้หลานชายคนรองของบ้านแต่งตัวเป็นผู้หญิงเพราะแบ่งเบาเคราะห์ทางสุขภาพให้มารดา ถึงมธุวันจะไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ แต่เขาก็ต้องยอมรับว่านั่นเป็นสิ่งที่คนอื่นยึดถือ เขาจะไม่ตัดสินใครจากความเชื่อนั้น
“ถ้าอย่างนั้นให้ผมเลี้ยงมื้อเย็นพวกคุณเป็นการไถ่โทษนะครับ ไหนๆก็อุตส่าห์ทำตามคำขอเอาแต่ใจของผมแล้ว”
นิโคไลชวน มธุวันพยักหน้าตามมารยาท อย่างน้อยรอบนี้ชายหนุ่มก็ชวนพวกเขาทั้งคู่ คงไม่มีอะไรให้ธีรเชษฐ์ต้องตามมานั่งเฝ้าเหมือนคราวก่อน
“ชอบแบบนั้นเหรอ”
จู่ๆเมฆาก็ถามขึ้นระหว่างที่พวกเขานั่งรอเจ้ามือเลี้ยงข้าวมื้อนี้อยู่ในห้องวีไอพีของภัตราคารของโรงแรมแห่งนี้ มธุวันที่กำลังชื่นชมการแต่งร้านหันกลับมาหาอีกฝ่ายอย่างไม่เข้าใจคำถาม
“แบบคุณนิโคไลอะไรนั่นน่ะ ชอบเหรอ?”
ร่างสูงกอดอกถามเสียงห้วนสั้น มธุวันขมวดคิ้ว
“อะไรของคุณ?”
“ก็เห็นมองเขาไม่วางตาเลยนี่”
เมฆาว่า มธุวันถอนหายใจ ทำไมจู่ๆผู้ชายคนนี้ถึงได้สนใจเรื่องของเขาขึ้นมานักนะ
“มาคุยงานกับลูกค้า จะให้ผมมองโป๊ะไฟข้างโซฟาเหรอ?”
“…”
เมฆาเป็นฝ่ายเบือนหน้าหนีเสียอย่างนั้น เมื่อเห็นอีกฝ่ายไม่ถามอะไรต่อ มธุวันจึงก้มลงอ่านเมลล์ในมือถือเพื่อฆ่าเวลา
“แล้ว...นายชอบผู้ชายแบบไหน?”
“แบบที่ไม่ชวนผมคุยเวลาทำงาน”
มธุวันตอบสวนแบบไม่ต้องคิด ดวงหน้าเรียวยังคงไม่เงยจากโทรศัพท์ ถึงแม้จะเป็นเพราะเขากลัวว่าหากเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายตอนนี้เขาอาจจะเผยพิรุธอะไรให้อีกฝ่ายเห็นได้ก็ตาม
ทำไมจู่ๆถึงถามอะไรแบบนี้ขึ้นมา?
“เหรอ..เห็นดุอย่างกับหมาก็นึกว่าจะชอบให้คนแหย่”
“คุณเมฆา!”
มธุวันตวัดสายตามองคนที่แกว่งปากหาเท้าซึ่งยิ้มยียวนชวนคันอวัยวะเบื้องล่างให้เขาทันที รอยยิ้มที่ตอนนี้มธุวันเริ่มจะคุ้นชินทั้งที่ไม่ได้อยากจะชินเลยสักนิด สรุปว่าที่ถามเมื่อกี้ก็แค่หาเรื่องหลอกด่าเขาสินะ
“แต่ถามจริงเถอะ นายเลิกกับแฟนมาตั้งนานแล้วนี่ ทำไมยังไม่มีแฟนใหม่ซะที” เมฆาเลิกคิ้ว “ถึงจะนิสัยไม่น่าคบยังไงก็น่าจะมีคนหลงมาติดกับบ้างสิ”
“ที่พูดมานี่ห้องไม่มีกระจกใช่มั้ยครับ”
มธุวันสวนออกไปก่อนที่จะยั้งปากของตัวเองได้ทัน แต่ก็เป็นอีกครั้งที่เมฆาไม่ถือสาสิ่งที่เขาพูด ทั้งที่ปกติร่างสูงเป็นคนอารมณ์ร้อนที่เวลาโกรธแล้วน่ากลัวที่สุดคนหนึ่ง
“หมายความว่าไง?” คนถูกว่าถามด้วยน้ำเสียงใคร่รู้อย่างจริงใจ
“….”
“ผมคิดว่าคุณเลขาปากกรรไกรจะกล้าพูดสิ่งที่คิดตรงๆออกมาซะอีกนะ” มธุวันนึกอยากจะฟ้อนเล็บข่วนเอารอยยิ้มบ้าๆนั่น
ออกจากใบหน้าของอีกฝ่ายเสียจริง “ผมไม่ไล่คุณออกหรอกน่า”
“คิดว่าผมกลัวรึไง?” มธุวันถามย้อน กอดอกไขว้ขาด้วยท่าทีไม่สบอารมณ์
“ไม่กลัวก็บอกมาสิว่าหมายความว่ายังไง”
เมฆายังคงไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายเลี่ยงคำถาม เอาจริงๆชายหนุ่มคิดว่าโอกาสที่เขาจะโดนบิดาไล่ออกเพราะไปกระตุกหนวดแมวป่าราคาแพงที่แสนจะพยศตัวนี้น่าจะมีมากกว่าด้วยซ้ำ
“ขี้เก็ก ขี้หงุดหงิด อ้าปากพูดแต่ละทีก็มีแต่ทำให้คนอื่นเหม็นขี้หน้า”
มธุวันพยายามอย่างมากที่จะไม่ขึ้นเสียงใส่คนตรงหน้า ถึงแม้พอได้ด่าแล้วจะรู้สึกติดลมบนอยู่หน่อยๆก็ตาม
“คนอื่นที่ว่าเนี่ย คุณคนเดียวรึเปล่า?”
เมฆายังคงเย้าแหย่คนที่ดูเหมือนจะของขึ้นง่ายมากหลังจากถูกเขาหลอกไปที่คอนโดเมื่อวาน
“ถ้ารับความจริงไม่ได้ทีหลังก็ไม่ต้องถาม”
มธุวันตัดบทสนทนาด้วยการก้มลงไปสนใจอุปกรณ์สื่อสารในมือต่อ ในที่สุดพวกเขาก็ได้ยินประตูของห้องวีไอพีเปิดออก ร่างในชุดสูทสีเลือดหมูขับผิวให้ดูสว่างขึ้นไปอีกฉีกยิ้มให้คนที่รอ ไม่มีเค้าของคนเจ็บก่อนหน้านี้สักนิด
“ขอโทษที่ให้รอนะครับ”
“ไม่เป็นไรครับคุณนิโคไล มาได้จังหวะพอดี”
มธุวันว่า เหลือบมองคนที่ยักคิ้วก่อกวนสายตาเขาอย่างไม่พอใจ นิโคไลหันมองระหว่างคนทั้งสองอย่างงุนงง ก่อนจะถามขึ้นเสียงซื่อ
“ผมไม่ยักรู้นะครับว่าพวกคุณคบกันอยู่”
“ไม่ใช่ครับ!”
มธุวันปฎิเสธเสียงเขียว ส่วนเมฆาเพียงแค่ยิ้มมุมปากโดยไม่พูดอะไร
“ครับๆ ไม่ใช่ก็ไม่ใช่”
แต่สายตารู้ทันของชายหนุ่มชาวต่างชาติที่ส่งให้เมฆานั้นบ่งบอกชัดเจนว่าเชื่อรอยยิ้มของร่างสูงมากกว่าคำแก้ตัวขอมธุวัน ซึ่งร่างโปร่งรู้ดีว่าถึงแก้ตัวไปก็คงไม่มีคนฟัง
มื้ออาหารดำเนินไปอย่างเรียบง่ายกว่าครั้งก่อน บทสนทนาบนโต๊ะอาหารมีเพียงเรื่องงานเท่านั้น ซึ่งนั่นทำให้อารมณ์ที่ขุ่นมัวก่อนหน้านี้ของมธุวันดีขึ้นมาหน่อย โดยเฉพาะได้อาหารอร่อยๆลงกระเพาะยิ่งทำให้มาตรวัดความสุขของเลขาหนุ่มพุ่งสูงอย่างที่ไม่ค่อยได้เห็น
“เห็นคุณมธุวันทานอย่างเอร็ดอร่อยแบบนี้ ผมอิจฉาจังครับ”
คนป่วยที่ถูกหมอสั่งให้ทานแต่อาหารจืดแสร้งถอนหายใจ ตักข้าวต้มเข้าปากอย่างไม่ค่อยอยากทานเท่าไหร่
“หายไวๆนะครับ”
ถึงแม้ใจจริงก็อยากจะถามอยู่หรอกว่าไปโดนอะไรมาอีก แต่มธุวันรู้สึกว่ารู้มากไปก็จะอันตรายต่อตัวเองเสียเปล่าๆจึงเลือกพูดไปแบบนั้น
“ขอบคุณนะครับ ได้คำอวยพรจากคุณ ผมต้องหายดีแน่ๆ”
นิโคไลยิ้ม แต่น่าแปลกที่รอยยิ้มกับคำพูดนั้นกลับไม่ทำให้มธวันรู้สึกว่าถูกคุกคามเหมือนพวกคู่ค้าโรคจิตที่ชอบมองเขาด้วยสายตาโลมเลียสักนิด
“ขอบคุณสำหรับมื้ออาหารนะครับ”
หลังจากจบมื้ออาหารเย็นลง เมฆาก็ขอตัวไปเข้าห้องน้ำ ทำให้มธุวันได้อยู่กับนิโคไลตามลำพัง ร่างโปร่งจึงถือโอกาสขอบคุณอีกฝ่าย นิโคไลยิ้มรับ
“ไม่เป็นไรครับ เอ้อ จริงสิ..”
ร่างสูงล้วงบางอย่างออกมาจากกระเป๋ากางเกงยื่นให้กับคนตรงหน้า มธุวันรับปากกาสีเงินเรียบหรูนั้นมาด้วยความงุนงง เลขาหนุ่มเงยหน้ามองคนให้ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยคำถาม
“รุ่นนี้ปรับปรุงแล้วครับ ดีกว่าอันที่คุณเอามาแน่นอน”
ชายหนุ่มผมบลอนด์ฉีกยิ้ม ชี้ไปที่คริสตัลเม็ดเล็กที่ประดับด้ามปากกาอยู่
“กดเม็ดบนสุดยิงลูกดอกยาสลบ เม็ดที่สองเป็นเครื่องสะเดาะกุญแจ เม็ดที่สามเป็นมีดแบบเดียวกับอันนั้นแหละครับ”
“ผมรับไว้ไม่ได้หรอกครับ”
มธุวันรีบส่งเจ้าอาวุธที่ควรมีแค่ในหนังสายลับคืนให้กับนิโคไล แต่อีกฝ่ายไม่ยอมรับกลับไป
“พกติดตัวไว้เถอะนะครับ ผมแค่อยากให้คุณมีอะไรไว้ป้องกันตัว โลกสมัยนี้ไว้ใจไม่ได้”
“ผมคิดว่าผมดูแลตัวเองได้ครับ” มธุวันว่า ยังคงพยายามคืนปากกาแท่งนั้นให้อีกฝ่าย
“ถ้าอย่างนั้นก็ถือซะว่าเป็นเครื่องรางเพื่อความสบายใจนะครับคุณหมอก”
ร่างสูงเอ่ยแกมขอร้อง มธุวันที่ไม่อยากให้เพื่อนร่วมธุรกิจของบริษัทรู้สึกไม่ดีจึงต้องรับไว้อย่างเสียไม่ได้ ถึงแม้จะแอบกลัวลูกดอกลั่นในกระเป๋าก็าม
“ไม่ต้องห่วงครับ จะกดได้ต้องใช้แรงพอสมควร ไม่ลั่นง่ายๆหรอกครับ”
นิโคไลเอ่ยอย่างรู้ทัน พอดีกับที่เมฆาออกมาจากห้องน้ำ มธุวันรีบเดินไปหาอีกฝ่าย ไม่เคยคิดว่าเขาจะดีใจที่ได้เห็นอดีตคนรักขนาดนี้
“ถ้าอย่างนั้นพวกเราขอตัวนะครับคุณนิโคไล”
“ครับ เดินทางปลอดภัยนะครับ”
มธุวันเดินกลับไปที่ลานจอดรถกับเมฆา แทนที่จะรู้สึกกังวลกับอาวุธที่ไม่ควรมาตกอยู่ในมือของคนรักสงบอย่างเขา น้ำหนักของปากกาในกระเป๋าอกเสื้อกลับทำให้เขารู้สึกปลอดภัยอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“นี่….”
หลังจากที่ขับออกมาได้ระยะหนึ่ง เมฆาที่นั่งเงียบอยู่ด้านหลังก็ส่งเสียงขึ้นมา มธุวันเหลือบมองผ่านกระจกหลังแวบหนึ่งเป็นเชิงถาม รองประธานหนุ่มมีสีหน้าครุ่นคิด ก่อนจะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยมั่นใจนัก
“รถคันนั้น....นายว่าตามเรามานานรึยัง”
มธุวันเหลือบมองกระจกข้าง เลนทางด้านซ้ายมีของเขามีรถสีดำคันหนึ่งที่ทิ้งระยะห่างสองคันรถกับพวกเขามาตลอดตั้งแต่ออกมาจากโรงแรม
“คงจะไปทางเดียวกันมั้งครับ”
มธุวันตอบ พยายามทำเสียงไม่คิดมาก ให้ร่างสูงสบายใจ
“กลับรถ”จู่ๆเมฆาก็เอ่ยขึ้น
“ครับ?”
“กลับรถ ดูซิว่ามันจะยังตามมาอยู่มั้ย”
มธุวันทำตามคำสั่งของเจ้านาย หมุนพวงมาลัยที่จุดกลับรถที่ใกล้ที่สุด ทว่ารถสีดำคันนั้นยังคงตามพวกเขามา ทิ้งระยะห่างสองคันรถที่เลนส์ทางซ้ายมือของพวกเขาอีกครั้ง
“อยู่บนถนนใหญ่ไว้”เมฆาเอ่ยด้วยน้ำเสียงใจเย็น “ค่อยๆเร่งเครื่อง ทิ้งช่วงห่างให้มากที่สุด”
“ครับ”
มธุวันตอบเสียงเรียบทั้งที่ในใจเริ่มสั่นๆ ร่างโปร่งเหลือบมองกระจกรถเป็นระยะ แต่ไม่ว่าจะพยายามเร่งเครื่องแค่ไหน อีกฝ่ายก็ยังคงเกาะพวกเขาด้วยระยะห่างเท่าเดิม
“คุณเมฆา...”
“หืม?”
“กล่องเหล็กที่วางอยู่ตรงเท้าของคุณ รบกวนเปิดหน่อยได้มั้ยครับ” มธุวันเพ่งสมาธิไปกับการขับบรถ แต่ก็ยังคงพูดกังบร่างสูงด้วยน้ำเสียงที่พยายามคุมสติไว้ “รหัสคือ3110”
สามสิบเอ็ดตุลา....
วันเกิดของเมฆา
ร่างสูงก้มลงเปิดกล่องปริศนาตามที่เจ้าของรถขอ ภายในบรรจุปืนพกสองกระบอกพร้อมแม็กกาซีนอีกสองซอง เมฆาเงยหน้ามองคนขับด้วยสีหน้าประหลาดใจ
“อะไรครับ? มาพบเจ้าพ่อมาเฟียทั้งทีคุณไม่คิดจะเตรียมตัวหน่อยเหรอ?”
มธุวันแก้ตัวก่อนที่อีกฝ่ายจะได้ถาม เขาไม่ได้เป็นคนคิดมากนะ แค่เตรียมพร้อมไว้ก่อน
“ก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่”
เมฆาตบแม็กเข้ารังเพลิงอย่างอย่างชำนาญ ก่อนจะถามสถานการณ์ในตอนนี้
“เป็นไงบ้าง”
“ไม่ดีครับ”
มธุวันเริ่มเหงื่อตกแต่ก็ควบคุมเสียงของตัวเองไม่ให้สั่น ไม่ต้องการให้คนถามแตกตื่นไปด้วย ทั้งที่เป็นถนนใหญ่ แต่ตอนนี้รถที่เขาหวังพึ่งให้ช่วยอำพรางกายกลับดูบางตาจนน่าใจหาย แถมเจ้ารถสีดำคันนั้นยังดูใกล้เข้ามาเรื่อยๆอีกด้วย
เดี๋ยวนะ....
มธุวันกวาดสายตามองสภาพรอบกายอีกครั้ง ถนนหกเลนที่รถของพวกเขากำลังวิ่งอยู่นั้นไม่มีเกาะกลางถนนคั่น และความเบาบางของจำนวนรถเว้นแต่รถบรรทุกที่วิ่งอยู่เลนซ้ายสุดส่งผลให้แผนการบางอย่างผุดขึ้นมาในหัวของมธุวัน
“คุณ เกาะไว้นะ”
“หะ? เฮ้ย!”
ร่างโปร่งดริฟท์รถหมุนข้ามเลนไปยังถนนอีกฝั่งโดยไม่มีคำเตือนอะไรมากไปกว่านั้น ถึงแม้จะมีเสียงแตรบีบลั่นของรถที่กำลังวิ่งมา แต่นอกนั้นก็ไม่มีอุบัติเหตุอะไร ร่างโปร่งเบี่ยงรถไปยังเลนซ้ายสุดเพิ่งใช้รถบรรทุกและรถพ่วงอำพรางตัวเอง ก่อนจะเลี้ยวรถเข้าไปในห้างขนาดกลางที่เขาสังเกตเห็นก่อนหน้านี้ เขาค่อนข้างมันใจว่าจากจุดที่รถคันนั้นอยู่ ไม่มีทางเห็นว่าพวกเขาหายไปไหนแน่
“เอาไงต่อ?”
เมฆาหันกลับไปดูให้แน่ใจว่าสลัดหลุด มธุวันถอยรถเข้าจอดในซอง ก่อนจะสูดหายใจเข้าลึกๆเพื่อลดความรู้สึกแตกตื่นในอกเมื่อครู่
“ผมคิดว่าคนพวกนั้นอาจจะแค่เห็นเราอยู่กับคุณนิโคไลเลยตามมา ไม่น่าจะเกี่ยวอะไรกับพวกเราโดยตรง ถ้าหาเราไม่เจอก็คงถอยไปเอง อีกอย่าง คนพวกนี้รู้ดีเกินกว่าที่จะทำให้ตัวเองเป็นจุดสนใจ คงไม่กล้าเข้ามาทำอะไรพวกเราในห้างหรอก”
คนขับเอ่ยขึ้นอย่างมีความหวัง แต่เมฆาดูจะไม่เห็นด้วยกันความคิดนั้น
“แต่ถ้าพวกมันเดาออกแล้วดักรอรถเราอยู่ล่ะ”
มธุวันหยิบโทรศัพท์ออกมา
“พวกเราถึงจะไม่ออกไปจากที่นี่ด้วยรถคันนี้ไงล่ะ”
“We loss them.(พวกผมไม่เห็นพวกเขาแล้วครับ)”
เสียงทุ้มของทารินที่แกล้งตามพวกมธุวันออกมาจากโรงแรมรายงานให้บอสของตัวเองทราบ นิโคไลเหลือบมองตำแหน่งที่เครื่องส่งสัญญาณจากปากกาในกระเป๋าของมธุวันบอกพิกัด ริมฝีปากหยักได้รูประบายยิ้มออกมาน้อยๆอย่างพึงพอใจ
“Well. He is an Alfonzo after all. (ก็นะ เขาคือสายเลือดอัลฟอนโซ่นี่นา)”
เขาแค่อยากรู้ว่าถ้าหากรู้ตัวว่าโดนตาม น้องชายของเขาจะมีปฎิกิริยาแบบไหน
แต่ไม่คิดเลยว่ามิคาเอลของเขาจะสามารถขับรถแบบนั้นได้ในสถานการณ์ที่คนทั่วไปคงจะขวัญเสียจนทำอะไรไม่ถูก คงต้องยกความดีความชอบให้คนสอนเจ้าของตำแหน่งแชมป์สนามแข่งรถอย่างเมฆาเสียล่ะมั้ง
ก็ต้องยอมรับล่ะนะว่าเจ้าเด็กนั่นก็มีประโยชน์บ้างเหมือนกัน
“ไม่ให้คนตามเข้าไปในห้างจะดีเหรอครับ”
วรินทร์ที่เพิ่งกลับมาถามด้วยสีหน้าเป็นห่วง แต่นิโคไลส่ายหน้า
“ยิ่งเราอยู่ห่างเท่าไหร่ เขาก็จะยิ่งมีอันตรายน้อยลงเท่านั้น”
อย่างน้อยนั่นก็เป็นสิ่งที่เขาพร่ำบอกตัวเองมานานหลายปี ถึงแม้จะคิดถึงน้องน้อยของเขาแทบขาดใจ แต่สิ่งที่เขาต้องคำนึงถึงก่อนอะไรทั้งหมด คือความปลอดภัยของร่างโปร่ง
“ริน…ฉันเป็นพี่ที่แย่รึเปล่า?”
มีน้อยคนนักที่จะได้มีโอกาสได้ยินน้ำเสียงที่สั่นเครือของชายหนุ่ม วรินทร์สำนึกอยู่เสมอว่าตนโชคดีแค่ไหน
“ไม่มีทางหรอกครับ”
ร่างสูงโปร่งเอ่ยอย่างจริงใจ ถึงแม้ว่าอีกฝ่ายจะไม่เคยได้ยินคำปลอบประโลมของเขาก็ตาม
--------------
ตอนนี้จะมีความยาาวหน่อยๆ//ความไม่สมดุลของแต่ละบทนี่มันอะไรกัน55555
เมฆาค่าตัวเจรจาง่ายขึ้นอย่างเห็นได้ชัด555555
รักคนอ่านที่สุด