Chapter 5: [Now] กางเกงในสีดำ
เมฆาตัดสินใจว่าจะไม่ทำให้ไก่ตื่นเขารู้แล้วว่าทักษะการหาข้ออ้างของอีกฝ่ายไหลลื่นยิ่งกว่าบิดาของเขาตอนโดดประชุมบอร์ดบริหาร เพราะฉะนั้นเขาจะหลอกให้อีกฝ่ายตายใจ แล้วเผลอหลุดคายความลับออกมาด้วยตัวเอง
แต่ก่อนอื่น มีสิ่งหนึ่งที่เขาต้องทำ
รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง
ในเมื่ออีกฝ่ายมีข้อมูลของเขาขนาดนี้ แล้วทำไมเขาจะเล่นสกปรกแบบมธุวันไม่ได้
“ขอโทษนะคะ ดิฉันคงให้ไม่ได้”
หัวหน้าแผนกทรัพยากรบุคคลเงยหน้าขึ้นจากหน้าจอคอมพิวเตอร์หลังจากได้ยินคำสั่งของเขา เมฆาขมวดคิ้ว
“คุณหมายความว่ายังไง?”
“ถ้าไม่ได้กรอกแบบฟอร์มคำร้องขอดูเป็นลายลักษณ์อักษรพร้อมกับเอกสารเห็นชอบจากเจ้าตัว ต่อให้เป็นคุณเมฆาดิฉันก็คง
ให้ไม่ได้”
หญิงสาวอธิบายอย่างใจเย็น วันนี้เธอเข้ามาทำงานเช้ากว่าลูกน้องในแผนกของเธอมากเพื่อตรวจเช็คเอกสารของพนักงานใหม่ ไม่คิดว่าจะได้เจอท่านรองประธานที่ทั้งบริษัทร่ำลือถึงความเฉียบขาด สุขุม และเยือกเย็น แทบจะถลาเข้ามาหาเธอ แถมยังขอดูเอกสารประวัติของพนักงานโดยไม่ผ่านการยื่นคำร้องแบบปกติอีกด้วย
“คุณจะบอกว่า คุณยอมให้พ่อของผมเอาแฟ้มประวัติของผมไปให้คนอื่นอ่าน แต่ผมตำแหน่งสูงไม่พอที่จะทำแบบนั้น?”ร่างสูงกอดอก แต่คำตอบที่ได้รับมีเพียงสีหน้าสับสนของหญิงสาว
“คุณเมฆาคะ เอกสารที่อยู่ในห้องนี้จะถูกเปิดเผยได้ต้องผ่านความเห็นชอบของดิฉัน และดิฉันก็ยืนยันได้เลยค่ะว่าไม่มีใครแตะต้องแฟ้มของคุณตลอดสามปีที่ผ่านมา”
อะไรนะ?
“ถ้าอย่างนั้น ผมขอดูแฟ้มของผมได้มั้ย?” เขาจำได้ว่าตอนนั้นตัวเองยังต้องทำกายภาพบำบัด เรื่องการกรอกข้อมูลบิดาของ
เขาเป็นคนทำให้ทั้งหมด เขาจึงไม่รู้ว่าข้อมูลที่อยู่ในนั้นมีมากน้อยเพียงใด
“ได้ค่ะ” หญิงสาวในชุดสูททำงานเดินกลับเข้าไปในห้องเก็บเอกสาร ก่อนจะกลับออกมาพร้อมกับแฟ้มเอกสารขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ เมฆารับมาเปิดอ่าน ทว่ายิ่งเห็นสิ่งที่อยู่ตรงหน้า ชายหนุ่มยิ่งสับสนมากกว่าเดิม
เพราะนอกจากชื่อ เลขประจำตัวประชาชน วันเกิด ศาสนา และเบอร์โทรศัพท์ที่สามารถติดต่อได้ ธีรเชษฐ์ไม่แม้แต่จะกรอกกรุ๊ปเลือดหรือที่อยู่ของเขาลงไปด้วยซ้ำ
“คุณแน่ใจนะว่ามีแฟ้มนี้แค่อันเดียว?”
“แน่นอนค่ะ” หญิงสาวตอบอย่างมั่นใจ
เมฆาขมวดคิ้ว ยิ่งพยายามเค้นหาคำตอบถึงสาเหตุที่มธุวันรู้จักตนดีขนาดนั้น ยิ่งพบแต่ทางตันและข้อสงสัยที่เพิ่มพูนขึ้นเรื่อยๆ
น่าหงุดหงิดชะมัดทางฝ่ายเลขาคนเก่งยังคงทำงานของตัวเองอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง ไม่ได้รับรู้เลยว่ามีใครบางคนกำลังสืบหาเรื่องของตนอยู่
เอ...รายงานการประชุมรอบที่แล้ว
“อ๊ะ..อ๊า..พี่เชษฐ์...อ๊า...”
เสียงครางกระเส่าที่เป็นเหมือนเสียงแมลงหวี่แมลงวันสำหรับร่างโปร่งไปแล้วดังขึ้นไม่หยุดหย่อน ตอนแรกๆที่มาทำงาน มธุวันจำได้ว่าตนหน้าแดงจนต้องซื้อผ้าปิดปากมาปิด ยังพอรับรู้ได้ว่าหลายคนที่เข้าไปในห้องนั้นเป็นผู้ชาย ยิ่งทำให้เขารู้สึกหน้าร้อนผ่าว
แต่ตอนนี้น่ะเหรอ
“ท่านประธาน เอกสารด่วนครับ”
มธุวันก้าวหลบเสื้อผ้าและเข็มขัดทีกองระเกะระกะอยู่บนพื้นอย่างคล่องแคล่ว ร่างสูงนั่งอยู่บนเก้าอี้ทำงานของตนโดยมีชายหนุ่มร่างโปร่งที่มธุวันจำได้ว่าเคยเห็นตามโฆษณาและนิตยาสารแฟชั่นบ่อยๆนั่งคร่อมอยู่บนตัก ร่างขาวเนียนไม่มีอาภรณ์ปิดบังกล้ามเนื้อสมส่วนซักชิ้น เผยให้เห็นแผ่นหลังนวลเนียนบางส่วนซึ่งพ้นจากการถูกปกปิดโดยเส้นผมสีดำสนิทยาวถึงสะโพกมนที่หากไม่ได้เห็นแบบใกล้ชิดติดขอบจออย่างเขาจะแทบไม่สังเกตเห็นริ้วแผลเป็นจางๆประปรายซึ่งอาจเกิดจากกิจกรรมเข้าจังหวะแบบเฮฟวี่เมทัลที่เขาไม่อยากจินตนาการถึงก็เป็นได้ ถึงแม้โต๊ะทำงานตัวเขื่องจะบดบังอะไรก็ตามที่กำลังเกิดขึ้นด้านล่าง ร่างโปร่งก็เดาได้ไม่ยากว่าทั้งสองกำลังทำอะไรอยู่
“อ๊ะ..อ๊า..”
ร่างโปร่งบนตักสะดุ้งเฮือกเมื่อร่างสูงโน้มตัวมาข้างหน้าทั้งที่สะโพกสอบยังขยับไม่หยุด ใบหน้าสวยหวานดุจนางพญาเหยเกด้วยความเจ็บปวดระคนสุขสม เส้นผมยาวสลวยสีดำสนิทชื้นไปด้วยเหงื่อแต่กลับไม่ทำให้อีกฝ่ายดูดีน้อยลงไปเลย ประธานหนุ่มเซ็นเอกสารจังหวะเดียวกับที่ชายหนุ่มบนตักเกร็งไปวูบหนึ่ง ก่อนจะอ่อนยวบลงไปกับแผงอกแกร่งของธีรเชษฐ์
“อีกสิบนาทีแขกจะเข้ามานะครับ รบกวน...อยู่ในสภาพที่พร้อมรับแขกด้วย”
“ได้ยินแล้วนะ เดี๋วพี่โทรหานะครับ” ร่างสูงเชยคางมนขึ้นมามอบจุมพิตดูดดื่มให้ ใบหน้าสวยยิ้มอย่างรู้ทัน
“ไม่ต้องพูดให้ผมรอเก้อหรอกครับ”
“รินเนี่ย รู้ใจพี่จริงๆ”
“ปากหวานไปก็ไม่ได้อะไรเพิ่มหรอกนะครับ แต่งตัวได้แล้ว” แม้จะพูดอย่างนั้น แต่ดวงตาคมสวยสื่อความหมายไปอีกทาง ร่างโปร่งลุกขึ้นจากตักของชายหนุ่ม มธุวันหลุบตาลงมองเอกสาร พยายามไม่ใส่ใจร่างเปลือยเปล่าที่ก้มลงเก็บเสื้อผ้าของตนที่กระจายทั่วห้องขึ้นมาสวม
“เอ๊ะ...พี่เชษฐ์เห็นกางเกงในผมมั้ยครับ?”
คนเรามันจะต้องเปิดเผยขนาดนี้เลยเหรอ?
มธุวันได้แต่ทอดถอนใจเงียบๆ อยู่คนเดียว เมื่อลับร่างของคู่นอนหมายเลขห้าร้อยแปดสิบสี่ ร่างโปร่งหยิบแฟ้มขึ้นมากอดไว้แนบอก เหลือบมองดูนาฬิกาบนผนังพบเวลาอีกแค่สองนาทีจะถึงเวลาที่นัดไว้ ทว่าใต้นาฬิกาแขวนซึ่งมีตู้เอกสารสูงตั้งอยู่ มีบางสิ่งบางอย่างห้อยอยู่บนถ้วยรางวัลนักธุรกิจดีเด่นของประธานคนเก่ง
“มัน…ขึ้นไปอยู่บนนั้นได้ยังไงครับ?”
มธุวันถาม ลืมความสุขุมเยือกเย็นที่สั่งสมมาตลอดสามปีจนหมดสิ้น ทั้งที่เขาคิดว่าเขาเห็นมาหมดทุกอย่างแล้วแท้ๆ แต่ธีรเชษฐ์ก็ยังสามารถทำให้เขาประหลาดใจได้เสมอ
“อ๋อ…คงจะเป็นตอนที่...”
“ผมไม่ได้ต้องการคำตอบ”ร่างโปร่งรีบห้ามก่อนที่ชายหนุ่มจะได้วาดภาพติดเรทในหัวของเขา “ผมต้องการวิธีที่จะเอามันลง
มา”
ภาพที่ประธานบริหารของเครือบริษัทยักษ์ใหญ่กับเลขาผู้มากความสามารถที่ถูกขนานนามจากคนในบริษัทว่าเป็นปีศาจน้ำแข็งที่ไร้หัวใจเงยหน้ามองกางเกงชั้นในสีดำเนื้อดีราคาเพงบนยอดถ้วยรางวัลที่อยู่บนตู้สูงสามเมตรเป็นภาพที่หาดูได้ยาก มธุวันถอนหายใจก่อนจะกดโทรศัพท์ต่อสายไปหาเจนจิรา
“คุณแจนครับ รบกวนช่วยพาแขกของท่านประธานไปที่ห้องรับรองชั้นล่างแล้วเอาแฟ้มที่อยู่บนโต๊ะผมให้อ่านรายละเอียดคร่าวๆก่อนได้มั้ยครับ?”
“เอ๊ะ? ทำไมไม่ไปที่ห้องท่านประธานล่ะคะ โมเดลโครงการอยู่ที่นั่นแล้วนี่คะ แถมคุณวีรภัทรก็ถือเรื่องเวลามากๆด้วย”
ใช่ ปัญหาคือโมเดลโครงการบ้านจัดสรรที่บริษัทเพิ่งเริ่มทำเป็นหมู่บ้านแรกขนาดเท่าโต๊ะทานข้าวสำหรับครอบครัวใหญ่ยังอยู่บนโต๊ะรับเเขกในห้องนี้ ทำให้พวกเขาไม่สามารถใช้โต๊ะนั่นเป็นที่ต่อตัวขึ้นไปหยิบ และไม่สามารถหลีกเลี่ยงการที่จะให้คู่ค้าเข้ามาในห้องนี้ได้
แถมยังเป็นเพื่อนสนิทที่ขึ้นชื่อเรื่องความตรงต่อเวลาของธีรเชษฐ์อีกด้วย...
“ยังไงก็ถ่วงเวลาให้ผมหน่อยนะครับ” มธุวันขอร้องก่อนจะตัดสาย พยายามหาอุปกรณ์ที่จะช่วยเขาให้ปีนขึ้นไปได้จากในห้อง ก่อนจะไปสะดุดกับเก้าอี้ที่ชายหนุ่มเพิ่งทำกิจกามกับคู่ขาคนล่าสุดเสร็จต่อหน้าต่อตาเขา
“อันตรายไปรึเปล่าหมอก ฉันว่าเราเรียกช่างให้เอาบันไดมาดีกว่ามั้ย?” ประธานบริษัทเสนอเหมือนรู้ความคิดของเขา แต่กลับถูกสายตาของเลขาของตนทำให้หงอไปในทันที
“ไม่ทันหรอกครับ ท่านประธานจับเก้าอี้ไว้นะครับ ผมจะขึ้นไปเอา”
“ไม่ต้อง นายนั่นแหละจับ ฉันสูงกว่า น่าจะหยิบถึง”
มธุวันไม่มีทางเลือกเมื่ออีกฝ่ายยืนกรานเช่นนั้น ร่างโปร่งจับฐานเก้าอี้ไว้แน่น ธีรเชษฐ์ถอดรองเท้าและถุงเท้าออก ก่อนจะปีนขึ้นไปยืนแล้วค่อยๆเขย่งเท้าพร้อมกับเอื้อมมือไปยังเจ้าชิ้นผ้าสีดำ แต่ทว่าชายหนุ่มยังคงไม่สามารถเอื้อมถึง
“คุณวีรภัทรคะ คุณเมฆาคะ เข้าไปไม่ได้นะคะ”
เสียงของเจนจิราจากข้างนอกห้องทำมธุวันเสียสมาธิเผลอปล่อยมือออกจากเก้าอี้เพียงเสี้ยววินาที แต่นั่นก็มากพอที่จะทำให้ธีรเชษฐ์เสียหลัก
“เหวอ!!”
โครม!
ร่างสูงใหญ่ยิ่งกว่ายักษ์ของท่านประธานร่วงลงมาจากเก้าอี้และทับเขาจนล้มลงไปนอนกองกับพื้น โชคดีที่ธีรเชษฐ์ใช้แขนยันพื้นไว้ทำให้น้ำหนักตัวของชายหนุ่มไม่ทับเข้าจนเครื่องในปลิ้นออกมาเสียก่อน แต่โชคร้ายอยู่ตรงที่เจ้าชั้นในเจ้ากรรมที่ห้อยต่องแต่งอยู่บนถ้วยรางวัลอย่างหมิ่นเหม่ที่พวกเขาพยายามแทบตายเพื่อเอาลงมากลับถูกแรงสั่นสะเทือนเมื่อครู่ทำให้ปลิวตกลงมา...
…แล้วแปะลงบนศีรษะของธีรเชษฐ์อย่างพอดิบพอดี
“ทั้งที่กูคิดว่ากูทนนิสัยแบบนี้ของมึงได้แล้วนะเชษฐ์..”
เสียงที่เขาคุ้นเคยดีว่าเป็นของคุณวีรภัทร เพื่อนสนิทที่อายุน้อยกว่าคุณธีรเชษฐ์ถึงสองปี และเป็นอาจารย์สอนภาษาอังกฤษที่มหาวิทยาลัยที่เขาเรียนจบมา ดังขึ้นจากหน้าประตู มธุวันหน้าร้อนด้วยความอับอาย ไม่กล้าแม้แต่จะหันไปมองผู้มาใหม่ นึกอยากจะให้ธรณีแยกออกแล้วสูบตัวเองลงไปเสียตอนนี้
“ผมส่งแค่นี้นะครับอาวี” เสียงของเมฆาดังขึ้น ก่อนที่เขาจะได้ยินเสียงฝีเท้าหนักๆของชายหนุ่มเดินจากไป
ช่างเถอะ...เขาไม่ติดค้างคำอธิบายอะไรกับเมฆาอยู่แล้วนี่
“จะลุกขึ้นมาได้รึยัง เดี๋ยวกูต้องพาลูกไปซื้อชุดนักศึกษา” วีรภทัรเดินมาหาร่าางที่นอนกองกันอยู่บนพื้น กอดอกก้มมองทั้งสองพร้อมกับเลิกคิ้ว
“เออๆ รู้แล้วๆ”ธีรเชษฐ์ลุกขึ้น หยิบสิ่งที่อยู่บนหัวออกจากศีรษะอย่างหงุดหงิด พร้อมกับยื่นมือให้เลขาที่นอนอยู่บนพื้น แต่มธุวันไม่ยอมรับความช่วยเหลือ ยันตัวลุกขึ้นมาด้วยตัวเอง
“สวัสดีครับคุณวีรภัทร ต้องขออภัยในความล่าช้า..”
“ไม่เป็นไรหรอกครับคุณมธุวัน เพราะผมว่ามันไม่น่าใช่ความผิดของคุณ” วีรภัทรถอนหายใจ “เริ่มกันเลยดีกว่า”
“หมอก...”
“…”
“หมอกจ๋า...”
“…”
“น้องหมอกคนเก่ง...”
“เฮอะ!”
พนักงานที่เดินผ่านไปผ่านมาถึงกับสะดุ้งตัวเกร็งเมื่อได้เห็น ‘ปีศาจน้ำแข็ง’ สะบัดหน้าหนีการง้องอนของประธานบริษัทราวกับเด็กๆ จริงอยู่ที่พวกเขาเห็นท่านประธานตามง้อเลขาหนุ่มหลังจากทำเรื่องให้มธุวันปวดหัวจนเป็นภาพชินตาแต่ปกติคุณมธุวันจะทำเพียงแค่นั่งทำงานเงียบๆ ปล่อยให้ท่านประธานล่าถอยไปเอง
ครั้งนี้สงสัยจะโกรธจริง...
“ง่า..หมอก อย่างอนเลยน้าาาา” มธุวันหอบเอกสารเดินจ้ำอ้าวเข้าไปในลิฟต์ที่มีเพียงตนและประธานบริษัทที่มีสิทธิ์ใช้ พร้อมกับกดปิดก่อนที่ร่างสูงจะตามทัน ธีรเชษฐ์คอตก ไม่รู้จะง้อร่างโปร่งอย่างไรดี
มธุวันซุกหน้าลงกับแฟ้มเอกสารในอ้อมกอด
เขาแค่โกรธคุณเชษฐ์เพราะทำให้งานล่าช้า แถมยังทำให้คุณวีรภัทรที่เคยเป็นอาจารย์ของเขามาเห็นภาพชวนสงสัยนั่นก็เท่านั้น ไม่ได้โกรธที่อีกฝ่ายทำให้เมฆาเข้าใจผิด
ไม่ใช่ซักนิด..
ตอนนี้ก็ใกล้เวลาพักเที่ยงของมธุวันแล้ว แต่ประธานบริษัทของเขากลับหายศีรษะไปตั้งแต่เกิดเรื่องเมื่อเช้า ถึงแม้จะเป็นช่วงที่ร่างสูงไม่มีนัดอะไร แต่มธุวันก็อดสงสัยไม่ได้ว่าอีกฝ่ายหายไปไหน
คงไม่ได้กลับไปสานต่ออะไรๆกับคุณนายแบบสุดเอ็กซ์นั่นหรอกนะ....
ตอนบ่ายมีประชุมด้วย...โทรไปตามก่อนแล้วกัน
ทว่ายังไม่ได้ยกหูโทรศัพท์ คนที่เขากำลังจะโทรหาก็โผล่หน้าออกมาจากลิฟต์พร้อมรอยยิ้มกว้าง ในมือถือถุงกับข้าวเต็มสองมือ กลิ่นหอมตลบอบอวลชวนน้ำลายสออันแสนคุ้นเคยทำให้เขาและพนักงานที่เดินผ่านไปมาหลายชีวิตเผลอสูดเข้าไปเฮือกใหญ่
“หมอก กินข้าวกัน ฉันซื้อมาฝาก”
“….”ร่างโปร่งเลิกคิ้ว จริงๆเขาก็หายงอนเรื่องเมื่อเช้าแล้ว แต่อยากรู้ว่าเจ้านายจะมาไม้ไหน
“ส้มตำ ต้มแซ่บกระดูกหมู ลาบปลาดุก ไก่ย่าง คอหมูย่าง ของโปรดเธอทั้งนั้นเลยนะ”
การได้เห็นลูกครึ่งรัสเซียร่างยักษ์ในชุดสูทเต็มยศหน้าแดงก่ำและเหงื่อแตกพลั่กจากการเข้าคิวต่อแถวเพื่อซื้อส้มตำให้เขาทำให้มธุวันนึกย้อนไปถึงลูกชายคนโตของชายหนุ่มที่มักจะทำอะไรแบบนี้ทุกครั้งที่ทำให้เขาโมโห
แล้วเขาก็ต้องใจอ่อนทุกทีสิน่า...
“ร้านไหนครับ”
“เจ้าประจำของหมอกที่อยู่ถัดไปสองซอย นี่ต่อคิวตั้งสองชั่วโมงเลยนา” ร่างสูงรีบอวดสรรพคุณเมื่อเห็นว่าเลขาของตัวเองเริ่มสนทนาด้วย
“ส้มตำอะไรครับ?”
“ตำไทยไข่เค็มพริกขี้หนูสามเม็ดครึ่งพริกชี้ฟ้าอีกหนึ่งเม็ดตำละเอียดๆ ไม่หวานครับพ้ม” ธีรเชษฐ์รายงาน “ต้มแซ่บกระดูกหมูเพิ่มพริก เพิ่มมะนาว พิเศษกระดูกหมู คอหมูย่างติดมันน้อย ไก่ย่างไม่แห้ง ไม่อร่อยให้ต่อยเลยครับ”
“พูดเองนะครับ” มธุวันตอบเสียงเรียบ พยายามกลั้นยิ้มกับการพรีเซ้นท์ที่แสนจะโอเว่อร์ประหนึ่งพรีเซ้นท์งานร้อยล้านให้ลูกค้า “จานล่ะครับ”
“ยกโทษให้ฉันแล้วใช่ม้า เดี๋ยวจัดจานให้เดี๋ยวนี้เลยครับ” ธีรเชษฐ์ยิ้มกว้าง ผลุบหายเข้าไปในห้องพักเบรกที่อยู่ไม่ไกลจากโต๊ะของเขา
มธุวันส่ายหัวยิ้มๆแล้วก้มลงทำงานต่อเงียบๆ รอกินข้าวฟรีที่เจ้านายอุตส่าห์ถ่อไปซื้อมาให้
---(ครึ่งแรก)
พี่เมฆมีความตัวประกอบ