“ไหน ๆ มะขาม พี่ขอเหตุผลของการลาออกของเธอหน่อย” เสียงเหี้ยม ๆ แบบนี้จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากพี่หญิงนั่นเองครับ
พี่หญิงเรียกผมไปหาในตอนเย็นหลังเลิกเรียน และหลังจากรู้ว่าผมจะขอลาออกจากชมรม เลยจัดประชุมเฉพาะกิจ โดยมีสมาชิกทั้งหน้าเก่า หน้าใหม่พร้อมหน้า
ผมไม่ตอบ ได้แต่นั่งก้มหน้า เพราะไม่รู้ว่าจะทำหน้ายังไง ได้แต่เหลือบตามองพี่โมบายที่นั่งหน้าเศร้าเป็นระยะ ๆ
“มะขาม ถ้าพี่จะขอไม่ให้เธอลาออกหละ จะได้ไหม” พี่หญิงลดเสียงลงถามผมที่นั่งก้มหน้าอยู่ข้าง ๆ
“เออ...แต่ว่า”
“เอาหละ พี่จะให้เวลาเธอคิดสองวัน กลับไปคิดทบทวนดูให้ดี ๆ” พี่หญิงให้โอกาสผมกลับไปคิดมาใหม่
“แต่ว่าพี่ค่ะ มะขามเขาก็ลาออกไปแล้ว และก็ไม่มีใครบังคับเขาด้วยนิค่ะ แล้วพี่จะไปขวางไว้ทำไมหละค่ะ จริงไหมค่ะพี่โมบาย” นังสายป่าน ที่นับวันจะร้ายขึ้นทุกที พูดแทรกขึ้นมา
“อะแฮ่ม อะแฮ่ม จริงด้วยหญิง ปล่อยให้มะขามเขาตัดสินใจเอาเองดีกว่านะครับ อย่าไปบังคับเขาเลย” อีตาพี่โอ้ รีบพลอยพยักไปกับนังสายป่าน
“ฉันเป็นหัวหน้าชมรม ฉันตัดสินใจเอง และอีกอย่าง ชมรมนี้ เป็นชมรมที่มีตำนาน ไม่ใช่ว่าจู่ ๆ ใครคิดจะเข้าก็เข้า คิดจะออกก็ออก” ถ้าผมเดาไม่ผิด ผมว่าพี่หญิงแอบกัดนังสายป่านแน่ ๆ หรือว่าแอบกัดกรูว่ะ
“มะขาม เธอก็รู้ว่ามันยากแค่ไหนที่กว่าเธอจะเข้ามาเป็นสมาชิกชมรมนี้ได้ และจู่ ๆ จะออกไปง่าย ๆ เนี่ยนะ เธอกำลังดูถูกตัวเอง และพี่อยู่นะ” กรูว่าที่กรูเข้าชมรมนี้ได้เพราะโดนบังคับไม่ใช่หรอว่ะ แต่ผมไม่ได้พูดออกไปนะครับ ได้แต่คิด
“เอาหละ พอแค่นี้ก่อนนะ เพราะว่าเดี๋ยวฉันต้องไปเตรียมงานเดือนหน้าอีก มะขามจำได้ไหมที่เธอรับปากว่าจะช่วยฉัน มันไม่ใช่ง่าย ๆ เลยที่ฉันจะทำคนเดียว หนุ่ม กับโมบายมันก็มีหน้าที่ของมัน”
เอ๊ะๆๆๆ กรูไปรับปากว่าจะช่วยงานพี่หญิงเมื่อไหร่วะ
“แต่ว่าพี่หญิงค่ะ” นังสายป่าน ยังไม่เลิก
“ไม่มีแต่ สิ่งที่สำคัญที่สุดของทีม ก็คือ คนทำงาน หากในทีมปราศจากคนทำงานแล้ว ทีมจะอยู่ได้ยังไง และชมรมเรา จะอยู่ได้ยังไง อย่าให้พี่พูดเลยนะ ชมรมของเราใกล้จะถึงจุดตกต่ำที่สุด รวมถึงความศรัทธาของนักเรียนทีมีต่อชมรมก็ใกล้จะหมดอยู่รอมร่อแล้ว ตั้งแต่เธอเข้ามาอยู่ในชมรมเราง่าย ๆ”
คริ คริ ผมแอบหัวเราะ สะใจยัยสายป่านอยู่ในใจ สมน้ำหน้า โดนพี่หญิงกัดไปหนึ่งดอกกกก
“พี่หญิงไม่ชอบอะไรป่านหรอค่ะ ทำไมถึงพูดยังงั้นหละ” นังสายป่านถามเมื่อถูกตอกไปหนึ่งดอก ท่าทางจะยังไม่เข็ด
“พี่พูดหรอว่าไม่ชอบสายป่าน” ยังพี่หญิงก็สวนกลับไปเต็ม ๆ เป็นดอกที่สอง
ตอนนี้นังสายป่านทำท่าจะเถียง แต่คงถูกพี่โมบายสะกิดไว้ เลยได้แต่นั่งกระฟัดกระเฟียดอยู่ข้าง ๆ พี่โมบาย ชิส์ ปกป้องกันไปเถอะเมิง
“พอแค่นี้ก่อน มะขามไปเรียนได้” นังพี่หญิงตัดบท ก่อนที่จะลุกออกไป ท่าทางพี่หญิงคงจะโกรธอีพี่มาริโอ้ และอีพี่โมบายอยู่ไม่น้อย ส่วนผมก็ค่อย ๆ เก็บของก่อนจะวิ่งออกไปนอกห้อง เปล่าหรอก ไม่ได้ว่ากลัวอีพี่โมบายหรอกนะ แต่ขี้เกียจคุยด้วย ไม่มีอะไรจะคุย แต่ว่า...
“มะขาม เดี๋ยว รอพี่ด้วย” กรูว่ากรูจะหรีแล้วเชียวนะ ผมชั่งใจดูแล้ว ถึงหนีก็หนีไม่พ้น เลยหยุดรอมันก่อน
“อะไรอีกหละครับพี่”
“อ้าว ก็จะกลับบ้านไม่ใช่หรอ ไปสิ กลับด้วยกัน”
“แล้วสายป่าน สายเปื่อยอะไรนั่นหละ ทุกทีเห็นเกาะพี่เป็นตุ๊กแกเกาะผนัง”
“555 มะขามก็เข้าใจเปรียบเทียบเน้อะ เขาก็กลับบ้านของเขานะสิ”
“เอาจริง ๆ” ยังไงตุ๊กแก มันก็เป็นตุ๊กแกอยู่วันยังค่ำ ทำไมมันเลิกเกาะง่ายจังวะ
555 พี่ก็บอกว่าจะไปห้องน้ำ และก็แอบออกมาเนี่ย” ป่านนี้มันไม่กรี๊ดลั่นป่าแล้วหรอ
“แล้วทำไมพี่ไม่กลับกับเขาหละ”
“อ้าว พี่ ก็จะกลับกับแฟนพี่จะสิ”
“ไหน ๆ แฟนพี่คนไหน” ผมทำเป็นมองซ้ายมองขวา
“ไม่ต้องมองแล้ว ก็อยู่ตรงหน้านี่ไง”
ผมจะยิ้มก็กลัวเสียฟอร์ม ตัดสินใจหุบปาก ก่อนเดินนำไปป้ายรถเมล์
++++++++
“จะลาออกจากชมรมจริง ๆ หรอ” พี่โมบายถามผมขณะที่ลากผมขึ้นแท็กซี่ ตอนแรกผมจะนั่งรถเมล์ อีพี่โมบายก็ไม่ยอม เพราะกลัวผมโดนเบียด ลากผมขึ้นแท็กซี่มาจนได้
“ไม่รู้”
“อ้อ.....”
“แล้วนี่แม่กลับมาเมื่อไหร่เนี่ย” พี่โมบายถามผมอีก
“ไม่รู้”
“อ้อ....”
“เย็นนี้จะกินอะไรกันดีเนี่ย” พี่โมบายถามผมอีกแหระ
“ไม่รู้”
“อ้อ....”
“จะให้จอดตรงไหนครับ”
“ไม่รู้......เอ้ย!! ซอยข้างหน้านี่แหละครับ” ผมรีบบอกพี่แท็กซี่ ดีนะไหวตัวทัน ลืมไป นึกว่าพี่โมบายถาม ดีนะไม่โดนพี่คนขับแท็กซี่หันมาต่อย
ผมจ่ายเงินค่าแท็กซีเสร็จแล้ว ก็เดินลงมาจากรถ โดยมีพี่โมบายเดินตามมา ในระหว่างที่ผมกำลังควาหากุญแจในกระเป๋าอยู่นั้น
“เซอร์ไพร้ส์สสสสสสสสสส”
เสียงเซอร์ไพร้ส์ดังลั่นหน้าประตูบ้าน ทำให้ผมต๊กใจ จะไม่ให้ผมตกใจได้ยังไงหละครับ ก็มีผู้หญิงที่ไหนไม่รู้อยู่ในบ้านผม
“อ้าว อึ้ง ๆ นี่อย่าบอกนะว่าจำแม่ตัวเองไม่ได้”
“อ๊ากกกกกก มะ..แม่” ผมถึงกับอึ้งเมื่อผู้หญิงคนนั้นบอกว่าเป็นแม่ผม จะว่าไม่เชื่อก็ไม่เชิง เพราะเสียงก็ใช่ แต่ว่า...อะไรทำให้เธอเปลี่ยนไปถึงเพียงนี้
แม่ผมค่อย ๆ เดินนวยนาดออกมาเปิดประตูบ้านให้ นี่แม่ผมโดนผีเกาหลีเข้าสิงหรอวะเนี่ย ดูสิ แต่งตัวอะไรเนี่ย
เสื้อยืดเข้ารูปสีดำ
กระโปรงยีนส์สั้นเต่อ
แล๊กกิ้งสีม่วง
รองเท้าคัชชูส้นสูงปรี๊ดสีเดียวกับเสื้อ
แถมใส่ขนตาวิ้ง ๆ กับบิ๊กอายส์อีกต่างหาก
อะไรของหล่อนเนี่ยยยยยยย!!! พี่โมบายเองยังตะลึงกับความงาม ขากรรไกรค้างไปเลยนะนั่น
“มามะ มาให้แม่กอดที” แม่ผมค่อย ๆ วิ่งแบบสโลโมชั่นเข้ามากอดผม...
“อี้ แม่ตัวเหม็นเปรี้ยวจัง ม่ได้อาบน้ำมากี่วันแล้วเนี่ย”
“เออ...จะบ้าหรอ คงจะเป็นกลิ่นกิมจิมั้ง แม่กินไปตั้งเยอะ”
“อย่ามาแก้ตัว”
“ก็มันหนาวนิ แม่ก็เลย เออ..ขี้เกียจอาบ”
ผมรู้ความลับของแม่ครับ ว่าขี้เกียจอาบน้ำขนาดหน แถมยังกลัวความเย็นอีก และนี่ไปถึงเกาหลี แถมอากาศหนาวอีกต่างหาก สงสัยคงมันส์จนลืมอาบน้ำ
“นี่ๆๆ มานี่ แม่มีของมาฝากด้วยนะ อ้าว โมบายอยู่ด้วยหรอลูก มานี่ เข้าบ้านก่อน แม่มีของมาฝากเยอะแยะเลย” อิอิ จะรักแม่มากขึ้นถ้าของฝากเป็นหนุ่มเกาหลีจมูกโด่ง ๆ ซักคน
“มีของผมด้วยหรอครับ” พี่โมบายถามขึ้น
“มีสิ อุตส่าห์ช่วยแม่ดูแลมะขามให้อย่างดี” ชิส์ อยากให้แม่รู้จักว่ามันทำอะไรไว้บ้าง เห็นหน้ามันเจื่อนไปนิดนึง มันก็คงจะคิดได้ว่ามันทำให้ผมสียใจขนาดไหน
“ไหนครับแม่ ของฝาก” ผมไม่รอให้แม่หยิบให้ จัดแจงวิ่งไปเปิดกระเป๋า
“มีสิ ดูดี ๆ”
“ไม่เห็นมีเลยครับแม่” มีแต่ถุงใส่น้ำอะไรก็ไม่รู้เนี่ย!!
“มีสิ นี่ไง” ผมถึงกับงง เมื่อแม่ผมหยิบถึงพลาสติกใส่น้ำออกมา และยื่นให้ผมถุงนึง อีกถุงนึงยื่นให้พี่โมบายที่ยืนเกาหัวอยู่
“แม่ นี่น้ำอะไรเนี่ย”
“เอ้า สงสัยจะละลายไปซะละ ตอนแม่เก็บมามันยังเป็นหิมะอยู่เลย”
“หา!!! แม่เก็บอะไรมาให้ผมนะ”
“อ้าว ก็หิมะไง เห็นลูกไม่เคยเห็น แม่ก็เลยเก็บมาฝาก และแม่ก็เก็บมาฝากโมบายด้วยนะ”
โอ้ยจะบร้าตาย แม่กรู
“แล้วมีหิมะอย่างเดียวหรอ” ผมถามเผื่อว่าจะฟลุ๊กมีอะไรอีก
“ก็มีอีกอย่างนึง แต่แม่เก็บไว้ในตู้เย็นเรียบร้อยแล้ว”
“อะไรหรอครับแม่”
“นั่นก็คืออออ กิมจิดองงงงงงงงง” เสียงของแม่ชวนตื่นเต้น แต่ผมอึ้งจนลืมเต้นไปแล้ว กิมจิดองเนี่ยนะ -=-