♿เข็นรักขึ้นภูเขาᄿ ถ้าผมปล้ำคนพิการจะบาปไหม? - นิยายวายละมุน :)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ♿เข็นรักขึ้นภูเขาᄿ ถ้าผมปล้ำคนพิการจะบาปไหม? - นิยายวายละมุน :)  (อ่าน 92539 ครั้ง)

ออฟไลน์ GuoJeng

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1268
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
  เห้อออ อะตอม ไม่เป็นไรเริ่มใหม่
 รออ่านตอนต่อไป

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ดีกันแล้ว  :mew1: :mew1: :mew1:

อะตอม ยอมทุกอย่าง ทั้งขอโทษ ทั้งเนอให้กัปตันต่อยตัวเอง
และยอมเป็นเมียกัปตันซะด้วย

ชอบที่อะตอม บอก เรื่องความรู้สึกที่เสียไป
"กูจะเอากลับมาให้มึงเองกัปตัน กูจะเอากลับมาให้มึงเองนะเว้ย แต่มึงไม่ต้องห่วง ถ้ามึงได้คืนมาแล้ว มึงจะเอาไปให้ใครก็ได้ ไม่ต้องเป็นกูก็ได้ กูสัญญานะกัปตัน กูจะเอากลับมาให้มึง"
ไม่ใช่ว่ากัปตันจะต้องชอบอะตอมอีก ตรงนี้ยอดมาก

อั้ม แฟนเก่าอะตอม มาบอกเรื่องการประกวด
ที่พี่ๆไม่ชอบกัปตัน และเป็นเพราะอั้มเอง อยากคืนดีกับอะตอมอีก

อะตอม คิดหาทางช่วยกัปตันให้ได้ซ้อมการประกวด
และที่อะตอมบอกอั้ม เรื่องยังเป็นเพื่อนกัน ไม่ได้ยินดีที่จะกลับไปคบอั้มใหม่
ตรงนี้ทำให้รู้สึกว่าอะตอมให้ความสำคัญกับกัปตันอย่างเดียว
ซึ่งคิดถูกมากๆ  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ manami_01

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 980
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +72/-1
ห้ามมีคราวหน้าอีกนะ!!!!

ออฟไลน์ HuskyLover

  • นิยาย "วาย" ละมุน
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 95
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-3
EP16 (Part 1)
อุดมการณ์และความรัก



<<<ATOM>>>

แค่เห็นคิ้วขมวดและหน้ายุ่งยากใจปรากฎขึ้น ผมก็พอจะเดาท่าทีและความรู้สึกของผู้อาวุโสกว่าได้ไม่ยากนัก ในบรรดาสิ่งที่ซ่อนได้ยากสุดก็น่าจะเป็นสีหน้าของเรานี่แหละ

"เท่าที่ผมทราบ ในมหาลัยของเราแทบไม่มีคนพิการนั่งรถเข็นมาเรียนเลย เมื่อสองสามปีที่แล้วก็เพิ่งมีผู้หญิงจบไปแค่คนเดียว จากนั้นก็ไม่มีอีกเลย อีกอย่าง...ตอนที่เขาเรียน เขาก็ไม่เห็นจะมีปัญหาอะไร เพื่อนเขาก็ช่วยกันดี เขาก็เรียนจนจบ แสดงว่าเรื่องที่คุณเสนอมาไม่จำเป็น"

ว่าแล้วไหมล่ะ ที่จริงผมก็คิดๆ อยู่เหมือนกันว่าจะได้รับคำตอบแบบนี้ ถึงอย่างนั้น ผมก็สนใจตรงที่ว่าเคยมีผู้หญิงนั่งวีลแชร์มาเรียนที่นี่ด้วย ผมชักอยากรู้ว่าเธอไม่เจอปัญหาเลยหรือ ฟังดูไม่น่าเป็นไปได้เลย เห็นทีผมต้องสืบเรื่องนี้เพิ่ม จะได้มีแรงสนับสนุนจากผู้ประสบปัญหาตัวจริงมากขึ้น

"แต่ว่า"

"ผมเข้าใจความตั้งใจของคุณนะ แต่คุณก็ต้องเข้าใจเราด้วย เพราะถ้าให้ทำตามแผนที่คุณเสนอมาน่ะ มันต้องใช้เงินเป็นล้าน ถ้าผมเอาเรื่องนี้ไปเสนอในที่ประชุม คุณคิดว่าใครเขาจะอนุมัติงบเยอะขนาดนี้เพื่อนักศึกษาแค่คนเดียวล่ะ อีกอย่าง เราก็ทำๆ ไปบ้างแล้ว แต่จะให้ทำครบทุกจุดน่ะ เราทำทีเดียวไม่ไหวหรอก"

ผมพูดยังไม่ทันจบ ท่านอธิการบดีก็แย้งซะก่อน ที่จริงผมก็ไม่เถียงหรอกว่าทำไปบ้างแล้ว แต่ส่วนมากไม่ได้มาตรฐาน เพราะทางลาดชันจนไม่น่ามีคนพิการคนไหนเข็นขึ้นเองได้ หรืออย่างจุดที่ควรมีก็ไม่มี เช่น ศูนย์บริการนักศึกษาพิการหรือดีเอสเอสของที่นี่อยู่ชั้นสอง ไม่มีลิฟต์ ไม่มีทางลาด คนพิการส่วนใหญ่ที่มาใช้บริการเป็นคนตาบอดจึงไม่มีปัญหา แต่กัปตันขึ้นไปไม่ได้เลย

"แต่ว่าที่คณะสถาปัตย์มีน้อยมากนะครับ ผมกับเพื่อนๆ ต้องช่วยกันยกวีลแชร์ของกัปตันขึ้นตึกแทบทุกวันเลย ถ้าวันไหนเพื่อนไม่อยู่หรือไม่มา เขาก็ขึ้นเองไม่ได้ แล้วก็ไม่รู้จะมีใครช่วยหรือเปล่า ผมว่าถ้าเราทำไว้ ต่อไปก็จะมีคนพิการมาเรียนเยอะขึ้นนะครับ เป็นหน้าเป็นตาให้กับมหาลัยด้วย ผมได้ยินมาว่าหลายๆ ที่เขาก็ปรับไปเยอะแล้ว อย่างที่ธรรมศักดิ์เขาก็ทำเยอะมาก มีนักศึกษาพิการไปเรียนที่นั่นหลายคนครับ มีทุกปีเลย"

ก่อนจะมาพบท่านอธิการ ผมก็หาข้อมูลไว้พอสมควร โดยเฉพาะจากอาจารย์วิว แต่หากคนเราไม่เปิดใจซะอย่าง ต่อให้รู้ว่าดีก็อาจจะไม่ทำ

"ก็ให้เขาไปเรียนที่นั่นก่อนละกัน แต่ที่นี่เรายังไม่พร้อม คุณต้องเข้าใจนะ ในการทำงานน่ะ มันไม่ใช่นึกอยากจะทำอะไรก็ได้ ใช่...ของบางอย่างมันอาจจะดีจริงหรือน่าทำ แต่บางทีมันก็ทำไม่ได้เสมอไปหรอก คุณยังเป็นนักศึกษาอยู่ ไม่รู้หรอกว่าโลกของการทำงานที่แท้จริงมันเป็นยังไง เพราะฉะนั้น ก็ช่วยๆ กันไปก่อน นักศึกษาคณะคุณมีเป็นร้อย จะช่วยกันไม่ได้เลยเหรอ อีกอย่าง...ก็ได้ทำบุญด้วย"

คำพูดของท่านอธิการบดีทำเอาผมผิดหวังไม่น้อย ประเทศของเราจะพัฒนาไปข้างหน้าได้ยังไงถ้าหากผู้ใหญ่พากันคิดแบบนี้ น่าเห็นใจคนอย่างกัปตันจริงๆ วันไหนที่ผมไปงานและไม่ได้เข้าเรียน ผมจะรู้สึกไม่ค่อยสบายใจเพราะกลัวไม่มีคนช่วยยกกัปตัน น้ำหวานเคยบอกผมบ่อยๆ ว่าบางทีเพื่อนก็เกี่ยงกัน อาจจะไม่ถึงกับเกี่ยงกันจริงจัง หรืออาจจะแค่พูดเล่นสนุกๆ แต่ผมก็รู้ว่ากัปตันคงรู้สึกไม่ดี อย่าว่าแต่กัปตันเลย ถ้าผมเป็นกัปตันก็คงไม่ชอบที่ตัวเองต้องเป็นภาระของคนอื่นตลอดเวลา ทั้งๆ ที่ปัญหาเหล่านี้แก้ได้ด้วยการออกแบบ

ผมเข้าใจแล้วว่าทำไมคนเหล่านี้ถึงออกมาใช้ชีวิตข้างนอกไม่ได้ ไม่ใช่เพราะไม่อยากออกมา แต่สังคมบีบบังคับให้พวกเขาอยู่บ้านด้วยการไม่จัดสิ่งอำนวยความสะดวกให้ ในขณะที่ประเทศอื่นๆ เปลี่ยนแปลงในเรื่องนี้ไปมากแล้ว ไม่ใช่แค่สะดวกสำหรับคนพิการเท่านั้น ผมว่าคนแก่ คนท้อง นักท่องเที่ยว แม่ที่ใช้รถเข็นเด็ก หรือคนที่เจ็บป่วยชั่วคราวก็ได้ประโยชน์ อย่างน้อยวันหนึ่งทุกคนก็ต้องแก่ ถึงไม่ใช้วันนี้ แก่ตัวลงก็อาจจะได้ใช้ สุดท้ายมันก็คือการทำเพื่อทุกคน ไม่ใช่แค่คนพิการ

อ้อ เป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกว่าคำว่า "ทำบุญ" ไม่ได้มีความหมายในทางที่ดีในกรณีนี้เลย ผมจะลองถามกัปตันดูว่าเขาคิดยังไงถ้ามีคนมาช่วยเขาแล้วบอกว่าทำบุญ สำหรับผมมันฟังดูเหยียดกลายๆ

"แล้วถ้าผมหาเงินมาได้หนึ่งล้าน อธิการจะให้ผมทำไหมครับ"

ไม่รู้ว่าอะไรทำให้ผมกล้าพูดไปแบบนั้น อยู่ๆ มันก็แวบขึ้นในความคิด แถมยังส่งพลังรุนแรงต่อความรู้สึกข้างในของผมทันทีที่เข้ามา คำพูดนั้นของผมจึงหลุดลั่นออกไป อาจจะเป็นสัญชาตญาณหรืออะไรบางอย่างที่บอกให้ผมพูดอย่างนั้นก็ได้

ท่านอธิการบดีถึงกับอึ้ง แต่สักพักก็ยิ้มแปลกๆ และหัวเราะ

"ถ้าหามาได้จริง ผมก็จะให้คุณทำ" รอยยิ้มของคนพูดเหมือนเย้ยหยัน ลึกๆ คงไม่เชื่อหรอกว่านักศึกษาปีหนึ่งอย่างผมจะทำได้ ยิ่งทำให้ความรู้สึกอยากเอาชนะของผมทวีกำลังมากขึ้น

คงจะเป็นเพราะความรู้สึกนั้น หลังคุยกับท่านอธิการบดีแล้ว ผมก็รีบพาตัวเองมาที่ตึกตุลาสแควร์ด้านหน้าติดรถไฟฟ้าใต้ดินทันที ก่อนมองหาธนาคารที่ผมใช้บริการฝากเงินอยู่ เมื่อเจอแล้วผมก็ถอนเงินหนึ่งหมื่นบาทออกมาจากบัญชีของตัวเอง สำหรับผมแล้วถือว่าเป็นเงินที่เยอะพอสมควร แต่น่าแปลกที่ครั้งนี้ผมกลับไม่ลังเลใจเลย ขนาดตอนคบกับอั้ม จะพาเขาไปกินหรือซื้ออะไรทีก็ยังต้องคิดแล้วคิดอีก แม้ว่าสุดท้ายก็ต้องยอมเพื่อความรัก ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าถูกหรือเปล่า

ผมเปิดบัญชีใหม่ขึ้นมาหนึ่งบัญชีกับอีกธนาคาร และมุ่งมั่นตั้งใจว่าจะทำให้เงินฝากหนึ่งหมื่นบาทแรกนี้ค่อยๆ เพิ่มเป็นหนึ่งล้านบาทให้ได้ภายในหนึ่งปี ถ้าเป็นไปได้ก็จะให้เร็วกว่านั้น

เมื่อทำธุระที่ธนาคารเรียบร้อย ผมก็โทรนัดอาจารย์วิว โชคดีที่แกยังไม่มีสอนตอนเช้า จึงบอกให้ผมไปหาที่ภาควิชาออกแบบภายในได้เลย ผมรีบไปทันที ระหว่างนั้นกัปตันส่งไลน์มาถามว่าอยู่ไหน ผมเพียงแต่ตอบไปว่ายังทำธุระไม่เสร็จ คงไม่ได้เข้าเรียนตอนเช้า มันตอบมาว่าจะเก็บชีทไว้ให้

เมื่อมาถึงผมก็ตรงดิ่งไปที่ห้องของอาจารย์วิว ทันทีที่นั่งเก้าอี้ลงฝั่งตรงข้าม ผมก็ส่งสมุดบัญชีให้อาจารย์วิวดูก่อนอย่างอื่น

"อาจารย์ครับ ผมว่าเราเปิดชมรมยูนิเวอร์ซัลดีไซน์ให้เร็วที่สุดดีไหมครับ เงินในบัญชีนี้ ผมจะขอมอบให้ทางชมรมเอาไว้ใช้ปรับปรุงสิ่งอำนวยความสะดวกในมหาลัย มันยังไม่พอหรอกครับ แต่ผมเชื่อว่า...เราจะหาได้มากกว่านี้"

เพียงเท่านี้ก็พอจะทำให้คู่สนทนาตรงหน้าของผมอึ้งได้แล้ว อาจารย์วิวครุ่นคิด ไม่นานก็ยิ้มบาง "งั้น...ตอนนี้...เราต้องหาสมาชิกชมรมก่อน ถ้าอาจารย์จำไม่ผิด เราต้องมีสมาชิกสองร้อยคนขึ้นไปจากอย่างน้อยสี่คณะถึงจะตั้งเป็นชมรมได้"

"สองร้อยก็สองร้อยครับ ผมจะหาให้ครบภายในหนึ่งเดือน ผมเชื่อว่าเราทำได้ครับอาจารย์" ผมยืนยันหนักแน่น ตั้งแต่เกิดมา ผมไม่เคยรู้สึกถึงพลังของการอยากทำสิ่งใดมากขนาดนี้มาก่อนเลย จะว่าไปผมก็แปลกใจตัวเองไม่น้อย

"โอเค งั้นเบื้องต้น เธอหาคนที่สนใจมาสักสิบคนก่อนนะ แต่ถ้าไม่ถึงก็ไม่เป็นไร เอาคนที่สนใจจริงๆ มาคุยกันก่อน จากนั้นเดี๋ยวเราค่อยวางแผนขั้นต่อไป อาจารย์ว่าเธอทำคนเดียวไม่ไหวหรอก ต้องหาคนมาช่วย" อาจารย์วิวยิ้มด้วยแววตาชื่นชม

แค่มีคนเข้าใจและเห็นด้วย เท่านี้ผมก็รู้สึกดีขึ้นมากแล้ว ส่วนเรื่องข้อเสนอผมก็เห็นด้วย ถ้าทำคนเดียวคงเหนื่อย ต้องหาคนมาร่วมขบวนการ แต่ผมก็เชื่อว่าจะหาได้ไม่ยาก อย่างน้อยก็มีกัปตัน น้ำหวาน แบงค์และกวิน รวมผมด้วยก็ห้าคนแล้ว ถ้ามีพี่โดมอีกคนก็เป็นหก จากนั้นก็หาเพิ่มอีกสี่คน หรือจะมีแค่นี้ก็เริ่มทำงานได้แล้ว

ผมยิ้มด้วยความรู้สึกขอบคุณ สายตาเต็มเปี่ยมไปด้วยความหวัง

"ได้ครับอาจารย์ ผมจะหามาให้ครับ"


<<<ATOM>>>

เสียงเพลงจังหวะเต้นรำดังไปทั่วห้องซ้อม นักศึกษาราวยี่สิบคนที่ผ่านการคัดเลือกกำลังซ้อมเต้น มีผู้หญิงคนหนึ่งคอยคุมการซ้อมอยู่ น่าจะเป็นคนสอนเต้นนั่นเอง ผมได้ข่าวว่าเธอเป็นรุ่นพี่ของคณะนี้ ชื่อซินดี้ จบไปสองสามปีแล้ว มีความสามารถด้านการเต้น จึงถูกขอให้มาช่วยงานนี้

หลังจากเลิกเรียนภาคบ่าย ผม น้ำหวาน แบงค์และกวินก็พากัปตันมาที่นี่ ตอนแรกกัปตันทำท่าจะไม่มาเพราะไม่อยากมีปัญหา แต่เราก็คะยั้นคะยอให้มาจนได้ เพราะถ้ายอมง่ายๆ ต่อไปการเลือกปฏิบัติแบบนี้ก็จะเกิดขึ้นอีก คนทำก็จะยิ่งได้ใจ

การปรากฎตัวของกัปตันที่นี่คงเป็นเรื่องไม่คาดคิดอย่างมาก เมื่อสองสาวซึ่งเป็นแอดมินเพจตุลาคิวท์บอยหันมาเจอโดยบังเอิญ พวกเธอก็ถึงกับหน้าตาเลิ่กลั่ก ก่อนรีบเดินแกมวิ่งมาหาพวกเราด้วยสีหน้าไม่ค่อยดีนัก

"อ้าวกัปตัน ทำไมเพิ่งมาล่ะ เขาซ้อมกันมาตั้งหลายวันแล้ว ไม่สะดวกเหรอ" พี่สาออกตัวเป็นคนแรก พยายามทำหน้าตาให้ดูไร้เดียงสา แต่ก็วางหน้าไม่สนิทอยู่ดี ไม่มีทางที่พวกเธอจะซ่อนพิรุธหรือความรู้สึกผิดจากสีหน้าได้เลย

"สงสัยจะไม่มีใครบอกเพื่อนผมน่ะครับ" ผมตอบคำถามแทน

"อ้าว กัปตันไม่ทราบเรื่องเหรอ ตายแล้ว...สงสัยอั้มจะลืมบอกแน่ๆ เลย พอดีเรามีคนช่วยงานน้อยน่ะ มีกันแค่ไม่กี่คนเอง ก็เลยอาจจะหลุดๆ บ้าง พี่ขอโทษด้วยนะคะ" พี่ปริมรีบแก้ตัวแทนพี่สาซึ่งทำท่าเหมือนไม่รู้จะตอบยังไง น่าขำที่เธอยังอุตส่าห์โบ้ยความผิดไปให้แฟนเก่าผมอีก

"อ๋อเหรอครับ นอกจากกัปตันแล้วยังลืมใครอีกหรือเปล่าครับพี่" แบงค์ถามกวนๆ

"เอ่อ..." พี่ปริมกับพี่สามองหน้ากัน จากนั้นก็หันมาหัวเราะแหะๆ แต่ไม่ตอบคำถามใดๆ

"ถ้างั้น...ผมให้กัปตันซ้อมเลยนะครับ" ผมบอกเสียงเรียบ

"จะดีเหรอ" พี่สารีบแย้ง "เขาซ้อมกันไปเยอะแล้ว ถ้าให้กัปตันไปซ้อมด้วย มันต้องเปลี่ยนเยอะเลยนะ พี่กลัวจะไม่ทัน เหลือแค่ไม่กี่วันเอง"

"อ้าว แล้วพี่จะให้กัปตันทำอะไรล่ะคะ" น้ำหวานชักสีหน้าใส่รุ่นพี่ ในขณะที่กัปตันยังดูเงียบๆ

"อ๋อ...พี่ได้ยินว่ากัปตันจะร้องเพลงแล้วก็เล่นกีตาร์ไม่ใช่เหรอ ก็น่าจะ..."

"แต่มันเป็นการแสดงความสามารถส่วนตัวของแต่ละคนนะพี่ คนอื่นๆ ก็แสดงเหมือนกัน ทีคนอื่นยังแสดงสองอย่างได้ ทำไมกัปตันได้แสดงแค่อย่างเดียวล่ะคะ" น้ำหวานเถียงพี่สาก่อนที่เธอจะพูดจบประโยค

พี่ปริมกับพี่สาทำหน้าลำบากใจ ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่หยุดความตั้งใจเดิมที่จะไม่ให้กัปตันแสดงในช่วงนี้ด้วย

"แต่ว่า...คนสอนเต้นเขาไม่เคยสอนวีลแชร์เต้นไง ถ้ากัปตันมาซ้อมการแสดงช่วงนี้ด้วย มันต้องใช้เวลาเยอะ แล้วงานมันก็ฉุกละหุกด้วย มันจะไม่ทันแล้ว พวกพี่มีเวลาเตรียมนิดเดียวเอง พี่ก็เลย..." เสียงของพี่ปริมกลืนหายลงคอไป

"อ้าว ตกลงพวกพี่ลืมบอก หรือว่าไม่อยากให้กัปตันซ้อมกันแน่ครับ" กวินช่วยถามอีกแรง หลายๆ คนช่วยกันต้อน รับรองสองสาวนี้ต้องจนมุม

"ไม่ใช่อย่างงั้นหรอก" พี่สาแย้ง

"แล้วมันยังไงครับ" กวินขมวดคิ้วสงสัย

"เอ่อ..." สองสาวมองหน้ากันอีกครั้ง สีหน้าดูเหมือนหนักใจมากทีเดียว

"มหาลัยของเราเป็นมหาลัยอันดับหนึ่งนะพี่ แล้วที่นี่เขาก็เน้นเรื่องสิทธิเสรีภาพ แล้วก็เรื่องของความเท่าเทียมกัน ถ้าเกิดมีคนรู้เรื่องนี้เข้า มหาลัยเราจะเสียหายนะคะ ที่สำคัญนะ ถ้ากัปตันไม่ได้แสดงด้วย พวกหนูจะถือว่าเป็นการเลือกปฏิบัติ แล้วก็จะเอาเรื่องนี้เข้าสภานักศึกษา" น้ำหวานขู่ตามที่เราวางแผนกันไว้

"เดี๋ยวก่อนนะ พี่ว่ามันจะไปกันใหญ่แล้ว พวกเราไม่ได้เลือกปฏิบัติซะหน่อย แต่มันมีข้อจำกัดไง แล้วอีกอย่าง...กัปตันเขาก็ใช้วีลแชร์ เขาจะเต้นได้ยังไง โอเค เรื่องการมีส่วนร่วมมันสำคัญ แต่คนอื่นๆ เขาก็จะเสียเวลาไปด้วย ต้องเข้าใจคนจัดงานด้วยนะว่าเราก็มีข้อจำกัด ถ้ารู้ว่าตัวเองเป็นแบบนี้ ก็ต้องยอมรับสิ จะมาทำให้คนอื่นเขาเสียเวลาทำไม" พี่ปริมเถียง ดูท่าทางจะโกรธเหมือนกันที่โดนน้ำหวานต่อว่า

แต่หาใช่แค่พี่ปริมเท่านั้นที่โกรธ พวกเราก็ควันออกหูด้วย ถ้าไม่ติดว่าเป็นผู้หญิง ผมคงต่อยปากแตกไปแล้ว

"กลับเหอะว่ะ กูไม่ซ้อมก็ได้" กัปตันเอ่ยขึ้นมาบ้างหลังเงียบอยู่นาน สีหน้าดูไม่ดีเลย คงรู้สึกแย่ไม่น้อยกับสิ่งที่พี่ปริมพูดเมื่อกี้

"ไม่ได้เว้ยกัปตัน มึงอย่ายอมง่ายๆ อย่างงี้สิวะ" เพื่อนๆ ผมพากันหันมาดุกัปตัน กัปตันจึงต้องหยุดพูด ไม่ใช่ว่าพวกเราจะบังคับให้กัปตันซ้อมให้ได้หรอก ถ้าเกิดกัปตันไม่อยากซ้อมก็โอเค แต่พวกเราจำเป็นต้องให้บทเรียนพี่สองคนนี้ก่อน

"สรุปว่าพวกพี่ไม่ได้ลืม แต่จงใจไม่บอกให้กัปตันรู้ใช่ไหมครับ" ผมถามเสียงแข็ง

เมื่อโดนต้อนมากเข้า พี่ปริมกับพี่สาก็ดูเหมือนจะจนมุม พวกเธอไม่เถียงอะไรอีก เท่ากับยอมรับความจริงไปแล้ว เพราะถ้าขืนยังเถียงต่อ ผมว่าพวกเธอสองคนคงเกินจะเยียวยา คนแบบนี้ไม่น่าจะมีใครคบได้ ยกเว้นว่าเป็นพวกเดียวกัน

"แล้วจะเอายังไงครับ พวกพี่จะให้กัปตันซ้อม หรือว่าจะไม่ให้ซ้อม" แบงค์คาดคั้นเสียงดุ

"เดี๋ยวพี่ไปคุยกับครูสอนเต้นก่อนละกัน" พี่ปริมพูดอย่างไม่เต็มใจนัก แต่เมื่อโดนขู่แบบนี้ พวกเธอคงไม่มีทางเลือกอื่น ถ้าเรื่องนี้ไปถึงสภานักศึกษาคงไม่เป็นผลดีกับพวกเธอแน่

ในที่สุดกัปตันก็ได้ซ้อมกับคนอื่นๆ พี่ซินดี้ไม่มีปัญหาอะไรเลย แถมดีใจด้วยซ้ำที่มีกัปตันมาซ้อมด้วย เธอตั้งใจสอนกัปตันมาก แถมยังขอให้ผู้ผ่านเข้ารอบคนอื่นๆ ช่วยดูแลกัปตันด้วย กัปตันเต้นด้วยการทำท่ามือ บางจังหวะก็จะใช้วีลแชร์แดนซ์เข้ามาช่วยสร้างสีสัน เป็นที่ถูกอกถูกใจของพี่ซินดี้ไม่น้อย ในขณะที่พี่ปริมกับพี่สาก็ดูจะยอมรับกัปตันมากขึ้น

ผมกับเพื่อนๆ ที่เหลือก็หามุมยืนดูการซ้อมและคุยกันไปด้วย น่าแปลกที่วันนี้ผมไม่เห็นอั้มมาช่วยงานเลย สงสัยเธอคงติดธุระอื่น ถึงอย่างนัันก็ยังมีเพื่อนๆ ของเธอและคนในคณะสลับกันมาช่วย ก็ไม่ถึงกับขาดคนช่วยงานอย่างที่พี่ปริมกับพี่สาอ้างตอนแรกซะทีเดียว

เมื่อได้รับการยอมรับ กัปตันก็ดูมีความสุขไม่น้อยที่ได้ซ้อมกับเพื่อนๆ ในบรรดาคนที่ผ่านเข้ารอบทั้งหมด ผมว่ากัปตันคิวท์สุดละ อย่างน้อยก็ในสายตาของผม คนอื่นๆ นอกนั้นไม่อยู่ในสายตาผมแม้แต่คนเดียว

อีกเรื่องที่น่าแปลกคืออินเข้ามาช่วยสอนกัปตันด้วย ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นมันถึงเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้ แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังไม่ให้อภัยมันเรื่องนั้นหรอก นึกถึงทีไรก็ยังโมโหไม่หาย

ประมาณหกโมงเย็นพี่ซินดี้ก็ให้หยุดพักครึ่งชั่วโมง ทีมงานหาข้าวกล่องมาให้บรรดาคิวท์บอยกินในระหว่างนี้ โชคดีมีเหลืออยู่จำนวนหนึ่ง เพราะปกติก็จะซื้อเผื่อไว้ให้คนที่กินกล่องเดียวไม่อิ่ม ผมกับเพื่อนๆ จึงได้อานิสงฆ์ไปด้วย พี่ปริมกับพี่สาเป็นคนมาเชื้อเชิญให้กินด้วยกันเองเลย ทำให้ความรู้สึกของพวกเราที่มีต่อพวกเธอสองคนดีขึ้นพอสมควร

กัปตันมากินข้าวกับพวกเราด้วย ที่นี่ไม่มีโต๊ะนั่งจึงต้องนั่งกินกับพื้น ผมอุ้มกัปตันลงจากวีลแชร์มานั่งข้างล่างกับเพื่อนๆ จะได้ไม่รู้สึกแตกต่างกันเกินไป หลังจากรู้จักกัปตันมาได้สักพัก ผมก็เริ่มเข้าใจเรื่องเล็กๆ น้อยๆ พวกนี้มากขึ้น

แทนที่เราจะได้คุยกันในกลุ่มเพื่อนของเราเอง หนุ่มคิวท์บอยคนหนึ่งก็เดินมานั่งลงและขอร่วมวงด้วย

"ขอนั่งด้วยได้ไหม"

กัปตันหันไปพยักหน้า เพราะคนที่มาดูเหมือนจะถามกัปตันเพียงคนเดียว ไม่ได้ถามคนอื่นๆ

"ชื่อกัปตันเหรอ" นายหมอนั่นถาม

"ใช่" กัปตันยิ้มให้

"เราชื่อคอปเตอร์ อยู่อักษร กัปตันล่ะ" นายที่ชื่อคอปเตอร์ถามต่อ

"ถาปัตย์"

"โห เก่งจัง เรียนถาปัตย์ด้วยเหรอ สุดยอดเลย" คอปเตอร์ชมและยิ้มจนตาหยี

"ก็ไม่ขนาดนั้น" กัปตันหัวเราะ ดูเหมือนไอ้หมอนั่นจะไม่สนใจคุยกับคนอื่นๆ ที่นั่งอยู่ด้วยเลย มันชวนกัปตันคุยอย่างเดียว

"ตั้งแต่เคยเห็นคนแบบกัปตัน เอ่อ...เรียกว่าคนพิการจะโกรธเปล่าเนี่ย"

กัปตันส่ายหน้า "ไม่โกรธหรอก จะโกรธทำไม"

คอปเตอร์ทำหน้ายิ้มยาก คงจะกระดากปากที่ต้องใช้คำนี้ แม้ว่าอีกฝ่ายจะบอกว่าไม่เป็นไรก็ตาม "เหรอ เออ นั่นแหละ เราเคยเห็นคนพิการมาหลายคนแล้ว ส่วนมากจะดูน่าสงสาร เพิ่งเห็นกัปตันนี่แหละที่ดูน่ารัก"

ไม่ใช่แค่กัปตันเท่านั้นที่อึ้ง ผมกับเพื่อนๆ ก็อึ้งด้วย ถึงกับมองหน้ากันไปมาด้วยความสงสัย

"เฮ้ย จริงๆ ไม่ได้พูดเล่น" คอปเตอร์ยืนยันเป็นมั่นเหมาะ "เข้าไปกดไลค์ในเพจคิวท์บอยให้ด้วย ของกัปตันมีคนมาไลค์ให้เยอะเหมือนกันนะ ล่าสุดนี่ก็หลายพันคนแล้ว"

คอปเตอร์น่าจะหมายถึงรูปที่ทีมงานนัดไปถ่ายคราวนั้น นอกจากเพื่อนๆ แล้วก็มีญาติๆ มาช่วยกดไลค์ให้อีกหลายคน จำนวนไลค์ที่ได้ไม่น้อยหน้าคนอื่นๆ เลย แต่ก็ยังไม่ถือว่าเยอะที่สุดซะทีเดียว

"ขอบใจนะ เดี๋ยวจะไปกดไลค์คืนให้" กัปตันยิ้มอีกระลอก หากคนที่นั่งอยู่ข้างๆ แอบชอบกัปตันอยู่ รอยยิ้มนี้คงกระชากใจใครคนนั้นอย่างรุนแรง แต่นี่ไม่ใช่สิ่งที่ผมควรจะรู้สึกดีเลย

"ก็ดีเหมือนกัน ยังได้ไลค์ไม่เยอะเลย สงสัยจะได้ที่โหล่แล้วมั้งเนี่ย" คอปเตอร์หัวเราะตัวเอง

ไม่รู้ว่าผมรู้สึกไปเองหรือเปล่า แต่นายคอปเตอร์แสดงความสนใจกัปตันจนพอสังเกตได้ น้ำหวาน แบงค์และกวินก็น่าจะรู้สึกไม่ต่างกัน แต่พวกเราก็ได้แต่นั่งสังเกตดูเงียบๆ

หลังกินข้าวเสร็จกัปตันก็ไปซ้อมต่อ เลิกซ้อมอีกทีก็สองทุ่มกว่า เพื่อนอีกสามคนของผมขอตัวกลับไปก่อนแล้วตั้งแต่ยังไม่สองทุ่ม แต่ผมยังอยู่รอพากัปตันกลับคอนโด ดูเหมือนนายคอปเตอร์นั่นยังสนใจกัปตันไม่เลิก มันพากัปตันมาส่งให้ผมด้วย แต่กว่าจะแยกไปมันก็ชวนคุยอ้อยอิ่งจนผมชักรำคาญ โชคดีที่มันไปได้เสียที

จังหวะที่เราจะกลับ ใครบางคนก็โผล่เข้ามาในห้องซ้อมพอดี

"พี่โดม" กัปตันร้องเรียกลูกพี่ลูกน้องของตัวเองอย่างดีใจ

ไม่รู้ว่าผมคิดไปเองหรือเปล่า พี่โดมดูเหมือนตกใจมากกว่าจะดีใจที่เห็นน้องชาย กระนั้นก็รีบเดินมาหากัปตัน แต่ผมก็รู้สึกว่าพี่แกมองหาอะไรบางอย่างไปด้วย

"พี่โดมมาหาใครเหรอ" กัปตันถาม

"อ๋อ ก็ว่าจะแวะมาดูกัปตันซ้อมนั่นแหละ แล้วเป็นไง โอเคไหม" พี่โดมยิ้มอบอุ่น

"ก็โอเคอยู่ครับ เพิ่งเลิกนี่เอง เอ๊ะ แล้วพี่โดมรู้ได้ไงว่าผมมาซ้อม" กัปตันฉงน เพราะเขาเพิ่งมาซ้อมวันนี้ น่าจะยังไม่ได้บอกพี่โดมด้วยซ้ำ

"อ๋อ ไอ้อินมันไลน์ไปบอกพี่ว่ากัปตันมาซ้อมไง พี่ก็เลยแวะมาดู เสร็จงานกับเพื่อนก็รีบมาเลย แล้วนี่จะกลับคอนโดแล้วเหรอ" พี่โดมรีบแก้ตัวเป็นพัลวัน

"ครับพี่ พี่โดมไปคอนโดผมไหม ผมอยากคุยกับพี่โดมน่ะ ไม่ได้คุยหลายวันแล้ว เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยไปหาผมเลย" กัปตันท้วงและทำท่าน้อยใจ

"อ๋อ...เอ่อ..." พี่โดมอึกอักอีกแล้ว ทำตัวน่าสงสัยจริงๆ

ยังไม่ทันพูดอะไรต่อ เสียงใครบางคนก็ดังมาจากข้างหลังของเรา

"พี่โดม มาแล้วเหรอครับ นึกว่าจะไม่มาแล้วซะอีก"

เมื่อหันกลับไปดูก็เห็นอินเดินแกมวิ่งมาหา สร้างความแปลกใจให้ผมกับกัปตันไม่น้อย

"พี่โดมมารับอินเหรอ" กัปตันหันกลับมาถามพี่ชายด้วยสีหน้าแปลกใจ

อินเดินมาถึงพอดี พี่โดมยิ่งหน้าตาเลิ่กลั่กเข้าไปใหญ่ "อ๋อ...คือ..."

"ไม่เป็นไรพี่ ถ้าพี่โดมนัดอินไว้ก็ไปกับอินก็ได้ครับ เดี๋ยวผมกลับกับอะตอมเอง" กัปตันพูดแทนเมื่อเห็นพี่ชายไปไม่เป็น ถึงพวกเราจะไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ แต่ก็ยังไม่อยากละลาบละล้วงเรื่องส่วนตัวของพี่โดมมากนัก

"งั้นผมไปแล้วนะพี่ เดี๋ยวค่อยนัดกันอีกทีนะครับ" กัปตันบอกลาพี่ชาย

"อืม เดี๋ยวพี่โทรหานะ" พี่โดมบอกน้องชายด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก ถึงแม้จะพยายามยิ้มๆ ก็ตาม

"ผมไปแล้วนะพี่ ไปแล้วนะอิน" กัปตันโบกมือให้พี่ชายและหันไปยิ้มบางๆ ให้กับอิน ก่อนเข็นนำออกไป ส่วนผมรีบยกมือเป็นเชิงบอกลาพี่โดม แต่ไม่ชายตาแลอินแม้แต่น้อย จากนั้นก็รีบตามกัปตันไป



TBC


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-11-2017 10:45:39 โดย HuskyLover »

ออฟไลน์ silverspoon

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +275/-12
ชอบความมุ่งมั่นฟันฝ่าของตัวละครเรื่องนี้จัง  :mew1:

ออฟไลน์ HuskyLover

  • นิยาย "วาย" ละมุน
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 95
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-3
EP16 (Part 2)
อุดมการณ์และความรัก



<<<ATOM>>>

เมื่อกลับมาถึงห้อง กัปตันก็ลงจากรถวีลแชร์และขึ้นไปนั่งบนโซฟา กางแขนขาออก ท่าทางคงจะเหนื่อยพอสมควร ทันทีที่ผมตามลงมานั่งข้างๆ เขาชวนผมคุยเรื่องที่สงสัยทันที

"มึงว่าพี่โดมกับอิน...แปลกๆ ไหมวะ"

"มึงกลัวเขาชอบกันเหรอ" ผมย้อนถาม

กัปตันทำหน้าไม่แน่ใจ "ไม่รู้ว่ะ แต่กู..."

"ไม่อยากให้พี่โดมชอบอินใช่ไหม" ผมถามดัก

กัปตันชะงัก สักพักก็พยักหน้ายอมรับ แต่สีหน้าดูกังวล "มึงว่า...มันจะเป็นไปได้ไหมวะ"

ผมทำท่าครุ่นคิด พลันก็นึกบางอย่างออก วันนั้นที่ผมโทรหาพี่โดมตอนอยู่ที่เกาะเสม็ด ผมรู้สึกว่าพี่โดมดูอึกๆ อักๆ ชอบกล ก่อนจะคุยกับผมก็หันไปบอกใครคนหนึ่ง เหมือนจะเรียกชื่อว่าอิน แต่ตอนนั้นผมมัวแต่เครียดอยู่ ก็เลยไม่สนใจเท่าไหร่ ถ้าใช่อย่างที่ผมจำได้ก็น่าจะมีเค้าสูง

"กูว่ามึงต้องรีบหาทางช่วยพี่โดมแล้วว่ะ คบกับไอ้อิน ฉิบหายแน่มึง เดี๋ยวมันชวนไปทำอะไรอุบาทว์ๆ"

"ทำอะไรวะอุบาทว์ๆ" กัปตันหันมามองอย่างสงสัย

ผมชะงักเล็กน้อยที่เผลอพูดเรื่องนี้ ถึงจะไม่ชอบไอ้อินแค่ไหน แต่ผมก็ไม่อยากเอาเรื่องของมันที่ผมเพิ่งรู้มาประจานเท่าไหร่ เพราะผมก็ไม่อยากทำให้ใครเสียอนาคต แต่เมื่อมันทำแบบนี้ ผมจำเป็นต้องบอกกัปตันแล้วล่ะ

"มึงไม่รู้เหรอ ไอ้อินน่ะ มันชอบเอาท์ดอร์ แล้วก็เอาไปลงทวิตเตอร์"

"เอาท์ดอร์ยังไงวะ แล้วมันอุบาทว์ยังไง" กัปตันสงสัย ถึงยังไม่รู้ว่าเอาท์ดอร์คืออะไร แต่สีหน้าก็ดูเป็นห่วงพี่ชาย

"มันนัดผู้ชายไปทำอนาจารในที่สาธารณะ ก็ไม่ถึงกับเอากันหรอก แต่มันทุเรศว่ะ ระวังมันชวนพี่โดมนะเว้ย"

"จริงเหรอวะ แล้วมึงไปรู้เรื่องนี้มาจากไหน" กัปตันหน้าตื่นตกใจ

"พี่รหัสกูเคยโดนมันนัดไป ในทวิตเตอร์ ไอ้อินมันถ่ายรูปไม่ให้เห็นหน้า พี่เขาก็เลยไม่รู้ว่าเป็นมัน พอไปเจอเท่านั้นแหละ ก็เลยรู้ว่าเป็นไอ้อิน พวกพี่ๆ เขารู้กันหลายคนแล้ว"

"เฮ้ย จริงเหรอวะ เอ๊ะ แต่พี่รหัสมึงเขามีแฟนเป็นผู้หญิงไม่ใช่เหรอวะ ทำไมถึงไป..."

"เดี๋ยวนี้คนเป็นไบมีเยอะแยะ"

"รวมมึงด้วยใช่ไหม" กัปตันย้อนถาม

ผมชะงักไปทันที พลางก็นึกหาคำตอบให้ตัวเองไปด้วย "อืม...กูไม่แน่ใจว่ะ แต่ถ้ากูชอบมึงได้ ก็คงจะอย่างงั้นมั้ง"

"แล้วมึงเคยมองผู้ชายคนอื่นเปล่า" กัปตันถามต่อ ความสนใจมาอยู่ที่เรื่องของผมแทนพี่ชายชั่วครู่

"ไม่เคยว่ะ เพิ่งจะมามองมึงนี่แหละ เห็นปุ๊บก็ชอบปั๊บเลย" ผมยิ้มกรุ้มกริ่มและยักคิ้วใส่สองสามที

กัปตันเพียงแต่ยิ้มๆ และส่ายหัวไปมา ก่อนวกกลับมาสนใจเรื่องพี่ชายต่อ "มึงว่ากูโทรหาพี่โดมดีไหมวะ กูกลัวว่ะ แต่...กูว่านะเว้ย พี่โดมเขาไม่ทำอย่างงั้นหรอก เขาเป็นคนดีมาก เป็นเด็กเรียน กูไม่เคยเห็นเขาทำตัวเกเรเลย"

"แต่มึงก็ต้องระวังนะเว้ย ไอ้อินมันร้ายจะตาย เดี๋ยวจะเสียทีมัน เกิดพี่โดมพลาดไปมีอะไรกับมัน แล้วมันก็เอามาลงทวิตเตอร์ ซวยเลยนะมึง" ผมเตือน

กัปตันกลับมาหน้าเครียดอีกครั้ง คงจะกลัวเป็นอย่างที่ผมว่า "ก็จริงว่ะ เอาไงดีวะ"

"แป๊บนะ" ผมหยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองขึ้นมา เปิดแอพทวิตเตอร์ พี่รหัสให้ผมเข้าไปดูทวิตเตอร์ของไอ้อินเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ ผมกดฟอลโล่ว์ไปแล้วน่าจะหาได้ไม่ยาก แต่เมื่อมองหาบัญชีที่ชื่อ DARKSIDEME กลับไม่เจอ มีข้อความแจ้งว่าบัญชีถูกลบไปแล้ว

"มันลบแอคเคาท์ไปแล้วว่ะ หรือว่ามันจะเลิกทำแล้ววะ" ผมหันไปบอกกัปตันและมุ่นคิ้ว ก่อนพูดต่อ "แต่ยังไงๆ ก็ต้องคอยดูพี่โดมให้ดีๆ นะเว้ย อย่าเพิ่งไว้ใจไอ้เชี่ยอินมัน"

"อืม" กัปตันพยักหน้ารับ สีหน้าก็ยังดูเครียดอยู่

"เฮ้ย ไม่ต้องเครียดหรอก มึงบอกเองไม่ใช่เหรอว่าพี่โดมเขาไม่ใช่คนแบบนั้น ไม่แน่นะเว้ย พี่โดมเขาอาจจะรู้แล้ว ก็เลยบอกให้มันเลิกทำก็ได้ เห็นไหม...ไอ้อินมันปิดทวิตเตอร์ไปแล้ว" ผมปลอบใจคนหน้าเครียด

"อืม...ก็น่าจะเป็นไปได้" กัปตันค่อยยิ้มออก

เรื่องอินและพี่โดมน่าจะพอหมดห่วงไปได้แล้ว คราวนี้คงเป็นเรื่องของผม เมื่อคิดจนพร้อมแล้ว ผมก็เกริ่นเรื่องของตัวเองบ้าง

"เออ...กัปตัน กูว่าช่วงนี้...กูจะรับงานเซ็กซี่เยอะหน่อย มึงคิดว่าไงวะ"

กัปตันมุ่นคิ้ว ไม่ถึงกับตกใจหรือแปลกใจมาก แต่สีหน้าก็มีความรู้สึกบางอย่าง "มึงต้องใช้เงินเยอะเหรอ"

ผมพยักหน้ายอมรับ "อืม ก็...เยอะพอสมควร"

"เท่าไหร่ กูช่วยได้ไหม"

"เป็นล้าน" ผมบอกยิ้มๆ

กัปตันถึงกับตาโต "เป็นล้านเลยเหรอ ทำไมเยอะขนาดนั้นวะ ติดหนี้เหรอ หรือว่า..." กัปตันพยายามนึกหาสาเหตุอื่นแต่ก็นึกไม่ออก

"เปล่า ไม่ได้ติดหนี้ใครหรอก แต่มีความจำเป็นต้องใช้เงินล้านเว้ย"

ยิ่งผมพูด กัปตันก็ยิ่งสงสัย "มันยังไงวะ แล้วมึงจะต้องถ่ายแบบกี่งานวะถึงจะได้เงินล้าน"

"ถ่ายจนไข่หลุดก็คงได้ไม่ถึงหรอก ต้องทำอย่างอื่นด้วย" ผมพูดให้ฟังดูตลกๆ จะได้ไม่เครียดมาก

เท่านี้กัปตันก็ถึงกับหัวเราะ "ถึงกับไข่หลุดเลยเหรอวะ"

"กูไม่ให้หลุดหรอกเว้ย เดี๋ยวไม่ได้ใช้กับคนพิเศษ" ผมยิ้มกรุ้มกริ่ม สักพักก็เปลี่ยนน้ำเสียงกลับมาเป็นจริงจัง "มึงโอเคไหมวะถ้ากูจะทำแบบนี้"

กัปตันนิ่งคิด สักพักก็ยิ้มบางๆ ให้ผม "กูไม่มีปัญหาหรอก ทุกคนมีเหตุผลของตัวเองเว้ย แต่กูเป็นห่วงมึงน่ะ ถ้ามันโป๊มาก ทางมหาลัยเขาอาจจะไม่โอเคก็ได้นะเว้ย มึงต้องระวังให้เยอะๆ นะ"

สายตาที่กัปตันทอดมองผมอยู่ตอนนี้ส่งผ่านความห่วงใยมาให้ แม้จะฟังดูเหมือนเพื่อนห่วงเพื่อน แต่ผมก็รู้สึกได้ถึงความพิเศษบางอย่างที่มากกว่านั้น

"เออ กูจะระวัง"

"ตอนไปถ่ายแบบ ให้กูไปดูด้วยได้เปล่า" กัปตันถามทีเล่นทีจริง

"อยากเห็นเหรอ เดี๋ยวกูโชว์ให้มึงดูตอนนี้เลย" ผมทำท่าจะถอดเสื้อออก

"เปล่า กูแค่อยากไปดูว่าเขาถ่ายยังไงเฉยๆ เว้ย ของมึงกูเห็นบ่อยแล้ว" กัปตันส่ายหน้าไปมาและหัวเราะ

"ไปก็ไปดิ ดีเหมือนกัน กูจะได้มีเพื่อน" ผมยิ้มยินดี ก่อนจะเอ่ยชวนไปทำสิ่งสำคัญตอนนี้ "สามทุ่มกว่าแล้ว อาบน้ำกันไหม"

"อาบกับมึงเหรอ" กัปตันเลิกคิ้ว

"เออ หรือไม่อยาก อยากอาบคนเดียวเหรอ หรืออยากเข้าไปทำอะไรส่วนตัวในห้องน้ำ" ผมทำหน้ายิ้มๆ เหมือนรู้ทัน

"เออ" กัปตันรับคำหน้าตาเฉย

"อ้าว แต่ว่า...วันนี้อาบกับกูก่อนนะ ดึกๆ มึงค่อยเข้าห้องน้ำอีกรอบก็ได้ กูอยากอาบน้ำกับมึงน่ะ" ผมอ้อนให้ดูสงสาร

"เออ" กัปตันหัวเราะ แต่สักพักมันก็หยุดและทำหน้าตกใจเมื่อผมเอื้อมมือไปปลดกระดุมเสื้อให้มัน

"ทำไรวะ"

"ถอดเสื้อผ้าให้มึงไง หรือมึงจะอาบน้ำทั้งชุด" ผมย้อน

กัปตันนิ่งเงียบ ผมจึงถือว่ามันอนุญาตให้ทำต่อ นอกจากถอดเสื้อมันแล้วผมก็ยังถอดกางเกงให้ด้วย มือไม้และใจสั่นไปหมดเลย แต่ก็พยายามห้ามใจและรีบถอดออกไวๆ พอถอดของกัปตันเสร็จ ผมก็ทวงบ้าง

"ถอดให้กูมั่งดิ"

กัปตันเหน้าเหวอเล็กน้อย แต่ไม่นานมันก็ยอมทำให้แต่โดยดี ตอนถอดกางเกงผมออกมันแซวผมด้วย

"เกงในมึงขาดเป็นรูแล้ว เมื่อไหร่จะเปลี่ยนวะ"

"ยังใส่ได้อีกหลายเดือนเว้ย กูเป็นคนใช้ของคุ้ม"

"แล้วเวลามึงไปไหนกับสาวๆ ไม่อายเกงในขาดเหรอวะ"

ผมยื่นหน้าเข้าไปใกล้กัปตันคล้ายกับจะจู่โจม มันถอยหนีเล็กน้อย "ตอนนั้นกูก็เลือกใส่ที่มันพอดูได้เว้ย แต่ตอนนี้...กูใส่ยังไงก็ได้ เพราะคนที่กูจะให้ดู...เขาน่าจะโอเคไม่ว่ากูจะใส่เกงในแบบไหน"

"ขยันหยอดจริงนะมึง" กัปตันพูดเหมือนประชด แต่หน้าก็แดงเหมือนกำลังเขิน

"กูรู้ว่ามึงชอบ" ผมยิ้มหวาน ก่อนก้มมองต่ำลงไปยังกางเกงในดีจีสีขาวที่กัปตันใส่อยู่ "เกงในมึงสวยนะ"

กัปตันมองหน้าผมแปลกๆ คงไม่รู้ว่าผมต้องการอะไรกันแน่

"ตั้งแต่เกิดมา กูเพิ่งเคยใส่เกงในยี่ห้อนี้ตอนเดินแบบวันนั้นแหละ เป็นบุญไข่ฉิบหาย เนื้อผ้าโคตรดีแล้วก็โคตรนุ่มเลย กูขอลองจับหน่อยได้ไหมวะ กูอยากรู้ว่าถ้าใส่ไปนานๆ มันจะยังนุ่มอยู่ไหม เพราะว่าที่กูซื้อมาสามตัวร้อยมันนุ่มแค่ตอนแรกๆ ว่ะ แต่ใส่ไปไม่กี่วันมันก็ไม่ค่อยนุ่มแล้ว" ผมไม่พูดเปล่า แต่เอามือลูบเนื้อผ้ากางเกงในดีจีของกัปตันตรงต้นขาขวาไปด้วย กัปตันห้ามไม่ทันจึงปล่อยเลยตามเลย

"เนื้อผ้าโคตรดีเลยว่ะ" ผมชมและเงยหน้าขึ้นมอง

"อยากลองใส่ไหม ในตู้เสื้อผ้ากูมีหลายตัว ถ้าไม่รังเกียจ ลองได้นะเว้ย ซักสะอาดแล้ว" กัปตันพูดทีเล่นทีจริง

ผมหรี่ตา ก่อนค่อยๆ คลี่ยิ้มหวานให้อีกครั้ง "มึงชวนกูแล้ว ต่อไป...ห้ามมึงชวนใครแบบนี้อีกนะเว้ย"

ผมไม่รู้ว่ากัปตันเข้าใจหรือเปล่า แต่ไม่จำเป็นต้องเข้าใจตอนนี้หรอก วันหนึ่งมันจะเข้าใจเอง ในระหว่างนี้ ผมมีหน้าที่ต้องพิสูจน์หัวใจก่อน ผมต้องทำสิ่งนี้ผ่านอุดมการณ์ที่แรงกล้าบางอย่าง โชคดีที่ผมคิดว่าผมค้นเจอแล้ว สำหรับคนอย่างกัปตัน นี่คือสิ่งที่ดีที่สุดที่ผมจะทำให้เขาได้ ถึงใครจะว่าถ่ายแบบเซ็กซี่ไม่น่าภูมิใจ แต่สำหรับผม มันจะเป็นสิ่งหนึ่งที่ผมจะทำเพื่ออุดมการณ์และความรัก

"อาบน้ำเหอะ"

ผมชวนซ้ำ พลันก็ช้อนตัวกัปตันขึ้นอุ้ม เมื่อตัวมันแนบชิดกับอกผม ความรู้สึกบางอย่างก็ยิ่งรุนแรงขึ้น เพราะมันขึ้นตั้งแต่ตอนที่ถอดเสื้อให้กันแล้ว ผิวขาวจัดของมันช่างน่าลูบไล้และสูดดมเหลือเกิน ปากแดงเรื่อของมันก็น่าจูบและบดบี้หนักๆ ให้สาแก่ใจสักครั้ง ยิ่งมองเลยมาถึงเม็ดทับทิมสีชมพูบนหน้าอก ผมก็ยิ่งอยากลงลิ้นชิมรสเนื้อผิวหวานๆ ให้หนำใจ แต่สุดท้ายก็ทำได้เพียงแค่คิด ไม่ว่าจะอดใจยากแค่ไหนผมก็จะอดใจให้ได้ จนกว่าจะถึงวันนั้น

ผมรู้ดีว่าทำให้กัปตันชอบผมไม่ใช่เรื่องยาก หรือจะเลยเถิดจนถึงขั้นมีอะไรกันก็เป็นไปได้ตั้งแต่วินาทีนี้ ผมมีประสบการณ์เรื่องนี้มาบ้างแล้วจึงพอดูออก แต่สิ่งที่ยากที่สุดคือทำให้กัปตันรักและเชื่อใจผมต่างหาก



TBC


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-11-2017 10:45:48 โดย HuskyLover »

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ GuoJeng

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1268
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
ชอบอะตอมหยอดกัปตัน 555 หยอดทุกๆวันเลย
  รออ่านตอนต่อไป

ออฟไลน์ HuskyLover

  • นิยาย "วาย" ละมุน
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 95
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-3
อัปเดตแล้วนะครับ แต่ตกไปอยู่หน้าหลังๆ ไวมากๆ เลย (เพราะไม่ค่อยมีคนเมนต์)
ใครที่ติดตาม อย่าลืมมาอ่านนะครับ

ออฟไลน์ me12inzy

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 458
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
อะตอมว่างๆเป็นหยอด :hao7:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ゚゚ღ✿ศิลินส์✿ღ゚゚

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 247
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-4
เป็นห่วงอะตอมจัง หวังว่างานถ่ายแบบคงไม่เซ็กซี่จนเกินไปจนทำให้เกิดเรื่องหรอกนะ

เป็นกำลังใจให้กัปตันสู้ ๆ นะจะคอยเชียร์

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2685
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
ถูก จะทำให้เชื่อใจอีกครั้งมันยากมากขึ้นแล้วนะ

สงสารกัปตันเนาะ ต้องมาเจอแต่เรื่องแย่ๆ ดีที่เพื่อนๆ โอเค

อะตอมทุ่มเทมาก นอกจากจะช่วยกัปตัน คนอื่นก็ได้ใช้นะ มันจริง

โดมออกอาการเวอร์ สมควรโดนสงสัย

ออฟไลน์ wutwit

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 259
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-2
คิดถึงกัปตันและอะตอมแล้ว มาต่อเถอะครับ

ออฟไลน์ กบกระชายไทยนิยม

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 502
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
โอ้ย~ ตายสถานเดียวเลยค่ะ หวานกันขนาดนี้ #บทฆ่าคนโสด ชัดเลย ><

ออฟไลน์ HuskyLover

  • นิยาย "วาย" ละมุน
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 95
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-3
วันเสาร์นี้นะครับ

ขอโทษที่หายไปนานนะครับ ไม่ใช่อะไร รู้สึกผิดหวังพอสมควร
ตอนที่แล้วผมตั้งใจเขียนมาก ใช้เวลาเขียนตั้งแต่เจ็ดโมงเช้าถึงสี่ทุ่ม
แต่ผลตอบรับกลับไม่ค่อยดีเท่าไหร่
ตอนนี้พอทำใจได้แล้ว :)


ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0
 :L2: :L1: :3123: :3123: :L1: :L2:

มาให้กำลังใจคุณคนเขียนโดยเฉพาะ   สู้ๆนะครับ รออ่านอยู่นะครับ     :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Mosskerr

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 4
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
รออ่านยุน๊าาา เป็นกำลังใจให้ครัชชช #คิดถึงอะคอมกัปตันมากกกกก
 :heaven :ling1:

ออฟไลน์ fay 13

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5635
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +286/-44

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ wutwit

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 259
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-2
มาให้กำลังใจคนเขียนอีกคน ไม่รู้สิสำหรับเรา เนื้อหามันละมุน ไม่ต้องเครียด ดำเนินเรื่องไปเรื่อยๆๆๆเห็นพัฒนาการความรักของกัปตันกับอะตอมเริ่มตะสดใส เลยอยากติดตามต่อไปเรื่อยๆๆๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11

ออฟไลน์ ชัดเจนกาบ

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1695
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-23
ก็สนุกดี  ก็รู้ว่าทุกอย่างมันต้องมีอุปสรรค  มีการดำเนินชีวิตไปข้างหน้า  แต่มันก็รู้สึกแย่บ้างบางช่วงที่กระทบจิตใจ  มันคอนข้างทำร้ายความรู้สึก  คนเรามันก็มีตัณหากันทุกคน  แต่กะนะ  เฮ้อ  เหมือนมันจะมีอุปสรรคแบบไม่ให้ตั้งตัวบ่อยจัง แบบนี้ผมคงยอมเป็นโสดคงจะดีกว่า  ความรักมันถูกเสมอ  แต่คนเราแสดงความรักออกมาแตกต่างกันไป  มันทั้งทำให้สุขและทุก  ขึ้นอยู่กับจิตใจว่าจะยอมรับมันได้ไหม  ถ้ายอมรับได้คงมีความสุข  แค่คนรักกันไม่ทำร้ายความรู้สึกกันก็พอ  เฮ้อ  มันน่าติดตาม  แต่มันก็ทรมานหัวใจผมก็คงเหมือนกัปตันไม่มั่นใจในความรัก  ว่ามันมีรักจริงรออยู่จริงรึเปล่า

ออฟไลน์ fay 13

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5635
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +286/-44

ออฟไลน์ warin

  • รถไฟขบวนนั้น ได้แล่นผ่านไปแล้ว
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1938
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
    • -
ขอบคุณค่ะ  เป็นกำลังใจให้นะ  อยากรู้เรื่องอิน  ว่าทำไมสงบขึ้น  อิอิ

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ HuskyLover

  • นิยาย "วาย" ละมุน
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 95
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-3
EP17 (Part 1)
เมื่อผมต้องการพิสูจน์



<<<CAPTAIN>>>

"เดี๋ยวกูมานะเว้ย" เพื่อนร่างสูงชะลูดสมกับเป็นนายแบบบอกพลางยกมือโบกเบาๆ

"เดี๋ยว" ผมร้องเรียกก่อนที่ขายาวๆ จะก้าวออกไปก่อน เมื่อเขาชะงักผมก็รีบถาม "มึงไปคุยกับอาจารย์วิวเรื่องอะไรวะ เห็นคุยกันบ่อยจังช่วงนี้"

คนถูกถามหัวเราะเบาๆ "ความลับเว้ย เอาไว้ให้เรียบร้อยแล้วกูจะบอก ตอนนี้สงสัยไปก่อน"

ผมมุ่นคิ้วสงสัย แต่อยู่ๆ ก็เลิกอยากรู้กะทันหัน "เออ ช่างเหอะ อยากบอกเมื่อไหร่ก็บอกละกัน"

"เดี๋ยวเจอกันเว้ย"

เมื่อจบการสนทนา อะตอมก็พาขายาวๆ เดินออกไปจากห้องซ้อม ผมได้แต่มองตามด้วยความสงสัย หลังๆ มานี้อะตอมดูมีลับลมคมใน เหมือนกับกำลังทำอะไรบางอย่างที่ไม่อยากให้ผมรู้ แต่ถามเท่าไหร่ก็ไม่ยอมบอก

"กัปตัน มาแล้วเหรอ"

เสียงเรียกของใครบางคนทำให้ผมตื่นจากความคิด ผมหันไปมองเจ้าของเสียงที่เดินแกมวิ่งมาหา พอเห็นว่าเป็นใครก็ยิ้ม ไม่เชิงดีใจหรอก เพราะเป็นเพียงความรู้สึกที่ได้เจอคนรู้จักเท่านั้น

"ว่าไงคอปเตอร์ มาถึงไวจัง" ผมทักกลับและยิ้มให้คนที่กำลังเดินมาหา

หนุ่มหน้าใสสมกับเป็นคิวท์บอยยิ้มจนแก้มแทบปริ ทำเอาผมอดสงสัยไม่ได้ว่าเจ้าตัวจะดีใจอะไรนักหนาที่ได้เจอผม เมื่อมาถึงผมเขาก็บอก

"ก็เผื่อกัปตันมีอะไรให้ช่วยไง เนี่ย…เรากำลังคิดว่าวันหลังจะไปรับกัปตันที่คณะดีไหม"

"ไม่เป็นไรหรอก มาเองได้" ผมปฏิเสธ แต่สีหน้าก็ยิ้ม อีกฝ่ายคงคิดว่าผมปฏิเสธตามมารยาท

"เกรงใจเหรอ ไม่เป็นไรหรอก แค่นี้เอง พรุ่งนี้ให้เราไปรับไหม จะได้มาด้วยกัน" คอปเตอร์คะยั้นคะยอ

"เอางั้นเหรอ แต่ปกติเราก็มีเพื่อนมาส่งอยู่แล้ว หรือถ้าไม่มีเราก็มาเองได้" ผมแย้ง

"แต่ก็อยากไปรับอยู่ดี ได้หรือเปล่าล่ะ เราอยากมีเพื่อนแบบกัปตันไง ยังไม่เคยมีเพื่อนแบบนี้เลย" คอปเตอร์ยิ้มตาหยี ดูจากหน้าตาแล้วน่าจะมีเชื้อจีนแบบเต็มๆ เพราะตาตี่ ในขณะที่ผมเป็นลูกครึ่งจีน-ไทย แต่โชคดีมีตาสองชั้น แถมยังได้ผิวขาวๆ จากป๊ามาด้วย

"ตามใจ ว่าแต่…นึกยังไงอยากมีเพื่อนแบบเรา" ผมรู้สึกกระดากปากเล็กน้อย เพราะปกติในกลุ่มเพื่อนเราจะพูดมึง-กู แต่ดูเหมือนคอปเตอร์จะมาแนวแปลกไปนิด เขาพูดเพราะผิดจากเพื่อนคนอื่นๆ

คอปเตอร์หัวเราะ จะว่าไปหน้าก็ดูแดงๆ ด้วย ไม่รู้ว่าเขินอะไรหรือเปล่า "ก็…ไม่เคยเห็นคนนั่งวีลแชร์หล่อขนาดนี้ไง"

ผมทำหน้าไม่เข้าใจหรือไม่ก็คงฟังไม่ถนัด

"ล้อเล่น เราชื่นชมกัปตันต่างหาก ดูสิ เป็นอย่างงี้แล้วก็ยังไม่ยอมแพ้เลย ทำอะไรได้ตั้งหลายอย่าง เก่งกว่าคนดีๆ เยอะเลย"

"อ๋อ" ผมพยักหน้าหงึกๆ แต่โดยส่วนตัวผมไม่รู้สึกว่าเป็นการให้กำลังใจหรือชมเชยเท่าไหร่ โดยเฉพาะคำว่า "เป็นอย่างนี้แล้วยัง…" เพราะเหมือนดูถูกว่าผมไม่ควรจะทำได้ รวมทั้งคำว่า "คนดีๆ" ด้วย เพราะเหมือนจะบอกว่าผมเป็นคนไม่ดีหรือไม่ปกติยังไงยังงั้น แต่ช่างเถอะ คนทั่วไปชอบพูดแบบนี้กับผมบ่อยๆ ฟังไปฟังมาก็ชิน หรือไม่ก็เบื่อที่จะอธิบาย

"แต่…กัปตันก็หล่อจริงๆ นะ รู้ไหมว่าผลโหวตของกัปตันน่ะ ติดหนึ่งในห้าเลยนะ ของเรายังได้น้อยกว่ากัปตันเลย" คอปเตอร์วกกลับมาเรื่อง "หล่อ" อีกครั้ง แสดงว่าเมื่อกี้ผมคงฟังไม่ผิดหรอก

ผมได้แต่หัวเราะแหะๆ ที่จริงก็แปลกใจเหมือนกันที่จำนวนคนกดไลค์รูปผมเยอะขนาดนั้น หลังๆ มานี้รู้สึกได้ว่าสาวๆ เริ่มมอง บ้างก็มาขอถ่ายรูปด้วย บ้างก็เข้ามาคุยด้วยทางเฟสบุ๊ค แต่ประสบการณ์คราวนั้นยังทำให้ผมรู้สึกแหยง ก็เลยคุยเล่นทั่วไปมากกว่าจะมองหาคนถูกใจ ที่สำคัญ หัวใจของผมกำลังมีเป้าหมายใหม่ที่ต่างไปจากเดิม อาจจะเป็นอย่างหลังก็ได้ที่ทำให้ผมเหยียบเบรกเอาไว้

"ไปซ้อมกันเหอะ เพื่อนๆ มากันแล้ว" ผมตัดบทด้วยสีหน้ายิ้ม การสนทนาจึงหยุดลงแต่เพียงเท่านี้

วันนี้พี่ซินดี้คงให้เราเลิกค่ำอีกเช่นเคย ช่วงนี้ผมต้องแบ่งเวลาและยอมนอนดึกหน่อย เพราะอาจารย์เริ่มให้งานทำมากขึ้น ต่อไปผมคงต้องลดกิจกรรมอื่นๆ ลงบ้าง ใครๆ ก็รู้ว่าเด็กถาปัตย์งานเยอะแค่ไหน ยิ่งเรียนก็ยิ่งไม่มีเวลา แต่ตอนนี้ผมยังพอทำอย่างอื่นได้บ้าง

เมื่อเริ่มซ้อมไปได้หน่อย สายตาผมก็เหลือบไปเห็นอิน ดูมันเหม่อๆ ชอบกล วันนี้มันไม่เข้าเรียนทั้งวันเลย ไม่รู้ว่าไปไหน ผมว่าจะแอบถามมันเรื่องพี่โดมซะหน่อย ครั้นจะถามพี่โดมเองผมก็ยังไม่กล้า แต่จะว่าไป ถ้าจะต้องคุยกับอิน ผมก็แหยงปากมันอยู่ดี

ช่วงใกล้พัก อะตอมกลับมาพอดี น่าจะคุยกับอาจารย์วิวเสร็จแล้ว เขายืนกอดอกดูผมซ้อมกับเพื่อนๆ บางครั้งก็หยิบมือถือมาถ่ายรูปผมด้วย สงสัยจะส่งไปให้แม่กับป๊าผมดู เดี๋ยวนี้อะตอมเข้ากับสองคนนี้ได้ดีกว่าผมอีก คุยโทรศัพท์กันบ่อยพอๆ กับผม เหตุผลหนึ่งที่ป๊ากับแม่ผมเอ็นดูอะตอมเพราะอะตอมขาดแม่นี่แหละ ยิ่งบวกกับความขยันและรู้จักหาเงินตั้งแต่ยังเด็ก ที่บ้านผมก็ยิ่งชอบ

ผ่านไปพักใหญ่ๆ เมื่อหันกลับมาดูอีกที ผมก็เห็นอะตอมกับอั้มยืนคุยกันอยู่ คุยไปคุยมาก็ยิ้ม ยิ้มไปยิ้มมาก็หัวเราะ ทำเอาผมอดนึกสงสัยไม่ได้ว่าถ่านไฟเก่าจะปะทุขึ้นมาหรือเปล่า

ผมไม่เคยรู้จักอะตอมตอนที่เขารักอั้มมากๆ ก็เลยนึกภาพไม่ออกว่า "รักมาก" ของอะตอมเป็นแบบไหน แต่สายตาที่สองคนมองกันตอนนี้ ทำให้ผมพอนึกออกรางๆ ไม่อย่างนั้นผมก็คงคิดไปเอง เพราะอะตอมเป็นคนสายตาเจ้าชู้ ตัวจริงๆ ของมันเจ้าชู้หรือเปล่าผมยังตอบไม่ได้ เพราะเรายังรู้จักกันไม่นานพอ แต่เวลามันยิ้ม สายตามันดูเจ้าชู้กรุ้มกริ่ม ถ้ายิ้มให้ผู้หญิงคนไหน ใครๆ ก็คงคิดว่ามันคิดอะไรด้วยแน่ๆ

ไม่ถึงห้านาทีต่อมา พี่ซินดี้ก็ให้เราพักเบรกครึ่งชั่วโมง ทีมงานรีบพากันเอาอาหารกล่องและน้ำมาเดินแจก ราวกับกลัวว่าพวกเราจะหมดพลังไปซะก่อน อะตอมกุลีกุจอช่วยทีมแจกอาหารด้วย

"กัปตันจะลงมานั่งบนพื้นไหม" คอปเตอร์ถลาเข้ามาถามขณะที่ผมเข้ามาล้อมวงกับเพื่อนๆ คนอื่นๆ นั่งอยู่บนพื้น บ้างก็เริ่มเปิดข้าวกล่องกินแล้วด้วยความหิว

"ไม่เป็นไร นั่งกินบนวีลแชร์ก็ได้" ผมปฏิเสธและยิ้มอีกตามเคย

"นั่งด้วยกันเหอะ จะได้คุยกันสะดวกๆ เมื่อวานกัปตันก็นั่งบนพื้นนี่ เราจำได้ เดี๋ยวเราช่วย เราอุ้มกัปตันได้น่า เราเข้ายิมเกือบทุกวัน" คอปเตอร์คะยั้นคะยอพร้อมกับเบ่งกล้ามให้ดู คงกลัวว่าผมจะไม่มั่นใจว่าเขาอุ้มผมได้

ตอนแรกผมว่าจะปฏิเสธ แต่คอปเตอร์ก็รีบวางข้าวกล่องของตัวเองลงบนพื้น ก่อนเดินมาหาผม ย่อตัวลง เอามือซ้ายสอดใต้เข่าสองข้างของผมในท่าเตรียมยกขึ้น ผมรู้สึกตกใจพอสมควร เพราะไม่ชอบให้คนช่วยโดยไม่ถามหรือขออนุญาต

"ขอลองหน่อยนะ อยากรู้ว่าเราจะยกกัปตันไหวหรือเปล่า แต่เราคิดว่าไหว"

คงเป็นเพราะผมไม่อยากมีปัญหากับเพื่อนใหม่ตอนนี้ ก็เลยพยักหน้าเป็นเชิงอนุญาต เพราะดูท่าหมอนี่จะเซ้าซี้ไม่เลิก คอปเตอร์ยิ้มดีใจ เขาเอามือขวาสอดใต้รักแร้ผมและยกตัวผมขึ้น ผมเอามือซ้ายกอดคอมันไว้เพราะกลัวตก อึดใจเดียวคอปเตอร์ก็ย่อตัวลงและวางผมลงนั่งบนพื้น เสียงเพื่อนๆ โห่และแซวกันใหญ่ ไม่รู้ว่าถูกอกถูกใจอะไรกัน

พอผมนั่งเรียบร้อย คอปเตอร์ก็เลื่อนข้าวกล่องของเขามาให้ผม "กินเลย เดี๋ยวเราไปเอามาใหม่"

พูดจบคอปเตอร์ก็ดีดผึงขึ้นยืนราวกับขาติดสปริง พลันก็พุ่งไปเอาข้าวกล่องมาเพิ่ม ผมไม่ทันได้พูดอะไรอีกตามเคย จึงหันมาสนใจข้าวกล่องตรงหน้า แต่ก่อนที่ผมจะเปิดกล่องข้าวกิน พลันก็รู้สึกว่ามีคนมองดูอยู่ เมื่อหันไปดูก็เห็นว่าเป็นอะตอม น่าจะมองผมอย่างนี้มาได้สักพักแล้ว หน้าดูบึ้งๆ ชอบกล ทำเอาผมร้อนๆ หนาวๆ ไปเลย

หรือว่ามันไม่พอใจที่มีคนมาอุ้มผม! เพราะปกติมันจะเป็นคนอุ้มผมเอง

สงสัยจะเป็นอย่างที่ผมคิด เพราะหลังจากนั้นอะตอมก็ไม่มาหาผม พอแจกกล่องข้าวเสร็จ ผมเห็นมันนั่งกินข้าวกับอั้มอยู่อีกมุมหนึ่ง ในขณะที่ผมก็มีคอปเตอร์นั่งประกบและชวนคุยไม่หยุด

กินข้าวไปได้สักพัก ผมก็มองหาน้ำเพราะคอปเตอร์ลืมหยิบมาให้ด้วย แต่ก่อนที่ผมจะเอ่ยปากถามใครให้ช่วยเอาน้ำให้ อยู่ๆ ก็มีขวดน้ำยื่นมาให้จากทางด้านหลังพอดี เมื่อผมหันไปมอง ก็เห็นว่าเป็นอินนั่นเอง สีหน้าท่าทางมันดูแปลกๆ จะยิ้มก็ไม่ยิ้ม จะเฉยก็ไม่เชิง

"ขอบใจนะ" ผมบอกมันสั้นๆ ก่อนรับน้ำจากมือของอินและเอามาวางไว้บนพื้น

"ไม่เป็นไร" อินพูดเสียงเรียบ

ตอนแรกผมว่าจะพูดกับมันแค่นั้น แต่ก็เกรงว่าจะแล้งน้ำใจมากไปหน่อย ถึงยังไงอินก็อุตส่าห์เอาน้ำมาให้ ที่จริงผมว่าหลังๆ มันก็เปลี่ยนไปเยอะพอสมควร ถึงจะไม่ค่อยได้คุยกัน แต่มันก็ไม่มาหาเรื่องผมอีก แต่ก็ใช่ว่าผมจะไว้ใจอินซะที่ไหน เพราะตอนนี้มันดูจะสนิทกับพี่โดมจนน่าสงสัย อ้อ ไม่รู้ว่าวันนี้พี่โดมจะมารับอินอีกหรือเปล่า

"ทำไมวันนี้ไม่มาเรียนล่ะ" ผมเงยหน้าถามเพราะอินยืนอยู่

"ไม่ค่อยสบาย" น้ำเสียงตอบมาเนือยๆ

"ดีขึ้นแล้วเหรอ" ผมถามอย่างเป็นห่วง ขณะที่คอปเตอร์ก็หยุดชวนผมคุย แต่มิวายแอบชำเลืองมอง

"อืม ไปก่อนนะ"

ตอบแล้วอินก็เดินฉับๆ ออกไปนั่งกับเพื่อนอีกวง ผมมองตามมันไปด้วยแววตาสงสัย แต่ไม่นานก็หันกลับมาสนใจข้าวกล่องของตัวเองต่อ บางขณะก็แอบชำเลืองมองอะตอมด้วย มันยังคงนั่งคุยกับอั้มและเพื่อนๆ ของอั้มอีกสองสามคน บางจังหวะก็สลับไปดูแลบรรดาคิวท์บอยเรื่องอาหารการกินด้วย

ใช้เวลาไม่กี่นาทีผมก็กินข้าวหมดจาน คอปเตอร์อาสาช่วยอุ้มผมขึ้นมานั่งบนรถเข็นอีกตามเคย เสียงโห่แซวของเพื่อนๆ ทำให้อะตอมหันมามองจนได้ หน้ามันดูบึ้งๆ อีกแล้ว ตามันดูดุจนผมรู้สึกกลัวไปเลย ที่จริงผมก็ไม่เข้าใจนักว่าพวกเพื่อนๆ จะโห่แซวกันทำไมนักหนา บางคนถึงกับบอกว่าคอปเตอร์อุ้มผมเหมือนอุ้มเจ้าสาวเลย

เมื่ออยู่บนวีลแชร์ ความเป็นอิสระก็คืนกลับมา เพราะถ้าไม่มีเจ้าอุปกรณ์นี้ ผมก็จะไปไหนมาไหนไม่ได้ พอดีผมรู้สึกปวดฉี่มาสักพักแล้ว พอจับล้อวีลแชร์ได้ผมก็รีบเข็นตรงไปยังห้องน้ำ

"กัปตันจะไปไหน" คอปเตอร์ร้องถามขณะที่กำลังจะนั่งลงกินข้าวต่อ

"ไปห้องน้ำ เดี๋ยวมา" ผมตอบโดยไม่หันไปมอง ห้องซ้อมนี้มีห้องน้ำที่วีลแชร์พอเข้าไปได้ ผมก็เลยว่าจะไปเองโดยไม่ต้องให้ใครมาช่วย

"ไปด้วย" เสียงคอปเตอร์ดังมาตามหลัง

ขณะที่ผมกำลังปั่นไปด้วยความเร็วพอสมควร พลันใครบางคนก็วิ่งมาจับที่เข็นด้านหลังรถวีลแชร์ผม ก่อนพาเข็นออกไปทันที โมเมนตั้มการเคลื่อนที่ของผมจึงเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว แรงที่มาใหม่กลายเป็นแรงผลักที่แรงขึ้น ร่างของผมจึงพุ่งกระเด็นออกจากวีลแชร์ไปข้างหน้า ตัวผมลอยหวือและหล่นลงไปนอนกองบนพื้น โชคดีที่ผมเอามือยันพื้นไว้ได้ทัน หัวจึงไม่กระแทกกับพื้นแข็งๆ

ตุ๊บ!

"เฮ้ย/ว้าย!!!"

เสียงหญิงชายร้องอุทานพร้อมกันฟังเซ็งแซ่ ตามด้วยเสียงฝีเท้าจำนวนนับไม่ถ้วนวิ่งเข้ามาใกล้ แต่คนที่มาถึงผมก่อนใครคืออะตอม สีหน้าของมันทั้งตกใจระคนโมโห

"ไอ้เหี้ยเอ๊ย! มึงจะช่วยเข็นทำไมไม่ถามก่อนวะ!" เสียงอะตอมตวาดลั่นด้วยความโมโห คนที่อยากช่วยแต่ลืมถามหน้าเสียจนเหลือแค่สองนิ้ว

"เราขอโทษ เราไม่รู้" คอปเตอร์ตอบด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก พอทำท่าจะมาช่วยอุ้มผมขึ้นรถวีลแชร์ อะตอมก็ตวาดอีก

"ไม่ต้องมายุ่งเลย!"

พอว่าคอปเตอร์จบ อะตอมก็ถลามาหาผม ย่อตัวลงนั่งข้างๆ และถามด้วยสีหน้ากังวลและเป็นห่วง "มึงเป็นไรเปล่าวะ เจ็บตรงไหนหรือเปล่า"

"ไม่เป็นไรๆ" ผมรีบบอกให้อะตอมสบายใจ เพราะดูท่าทางมันจะเป็นห่วงผมมากทีเดียว ใจหนึ่งผมก็แอบเคืองคอปเตอร์พอสมควร แต่ก็ไม่อยากโวยวายมากเพราะรู้ว่ามันไม่ตั้งใจ ผมเคยเจอคนช่วยโดยไม่ถามและตกรถเข็นมาแล้วสองสามครั้ง แต่ไม่เคยว่าคนช่วยให้เสียใจซ้ำหรอก เพราะทุกคนล้วนแต่หวังดีอยากช่วยทั้งนั้น

"ไม่เป็นไรจริงนะเว้ย" อะตอมถามย้ำ ผมพยักหน้ายืนยัน

"แล้วมึงจะซ้อมไหวไหม"

"ไหวดิ ไม่เจ็บตรงไหนเลย"

"ต่อไปห้ามใครมาช่วยมึงอีกนะเว้ย ช่วยไม่เป็นแล้วยังเสือกอยากจะช่วยอีก แม่ง!" อะตอมแขวะคอปเตอร์อีกจนได้ ดูท่าทางมันจะไม่ชอบเพื่อนใหม่ของผมคนนี้เอาซะเลย

"เออ" ผมตอบเบาๆ

อะตอมยิ้มพอใจเล็กน้อย ก่อนค่อยๆ อุ้มผมขึ้นกลับไปนั่งบนวีลแชร์ตามเดิม พี่ซินดี้รีบเดินเข้ามาถามทันที

"ซ้อมไหวไหมกัปตัน ถ้าไม่ไหวจะกลับบ้านก่อนก็ได้นะ"

"ไหวครับพี่" ผมยิ้มยืนยัน พี่สาวคนสวยทำหน้าไม่ค่อยมั่นใจนัก

"ไหวแน่นะ"

"ครับผม" ผมยืนยันหนักแน่น

"โอเค งั้นเดี๋ยวค่อยซ้อมต่อนะ" พี่ซินดี้ยิ้มเหมือนให้กำลังใจ

"ครับ"

อั้มมายืนดูด้วย เธอมองดูผมกับอะตอมด้วยความรู้สึกบางอย่างที่ผมเองก็บอกไม่ถูก

"จะไปห้องน้ำเปล่า เดี๋ยวกูพามึงไปเอง ทีหลังจะทำอะไรบอกกูนะเว้ย ถ้าจะให้ใครช่วย มึงต้องให้คนที่มึงไว้ใจมากที่สุดช่วยนะเว้ย กูไม่อยากให้มึงเจ็บตัวฟรีๆ รู้เปล่า" อะตอมบ่นอีกคำรบ

"เออ" ผมบอกเสียงเบา อยู่ดีๆ ก็รู้สึกประหม่าเมื่อเห็นสายตารายรอบมองผมกับอะตอมแปลกๆ คงเป็นเพราะอะตอมแสดงอาการห่วงหวงผมมากไป

เมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรแล้ว ทุกคนจึงแยกย้ายกันกลับที่ของตัวเอง ส่วนผมก็ไปห้องน้ำกับอะตอม ที่จริงก็รู้สึกดีที่มันกลับมาดูแลผมได้เหมือนเดิม แต่ลึกๆ ก็อดสงสัยไม่ได้ อะตอมทำท่าห่วงผม หวงผมและหึงผม บางครั้งผมก็ไม่อยากเชื่อว่าจะมีใครรู้สึกกับผมแบบนี้เลย โดยเฉพาะหลังกลับจากเกาะเสม็ดไม่กี่วัน

อะตอมไม่รังเกียจผมจริงเหรอ? ห่วงผมจริงเหรอ? หวงผมจริงเหรอ? หึงผมจริงเหรอ? ผมจะพิสูจน์ยังไงดี?



TBC


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-11-2017 10:45:55 โดย HuskyLover »

ออฟไลน์ oki

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 300
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
นั่นสินะ เป็นเราก็ยังไม่ไว้ใจอะตอมง่ายๆ ถึงแม้เจ้าตัวจะแสดงออกขนาดนี้ก็เถอะนะ

ออฟไลน์ HuskyLover

  • นิยาย "วาย" ละมุน
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 95
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-3
EP17 (Part 2)
เมื่อผมต้องการพิสูจน์



<<<CAPTAIN>>>

หลังเกิดอุบัติเหตุ พี่ซินดี้ให้เราซ้อมต่ออีกแค่ครึ่งชั่วโมง จากนั้นก็ปล่อยพวกเรากลับบ้าน คอปเตอร์ไม่กล้ามาส่งผมเหมือนเมื่อวานเลย เขายืนมองผมด้วยแววตารู้สึกผิด ที่จริงผมก็อยากจะเข็นไปบอกอยู่หรอกว่าไม่ต้องคิดมาก แต่ติดที่ผมกลัวอะตอมจะไม่พอใจ เพราะหน้ามันบอกบุญไม่รับ เราก็เลยต้องแยกย้ายกันกลับทางใครทางมัน

เมื่อกลับถึงคอนโด ผมก็รีบอาบน้ำก่อน เสร็จก็รีบทำงานส่งอาจารย์ให้ทันพรุ่งนี้เช้า ขณะที่ผมทำงาน อะตอมก็รีบไปอาบน้ำบ้าง ไม่นานผมก็เห็นมันมานั่งที่โต๊ะทำงานด้วย ใส่แต่กางเกงขาสั้น ส่วนผมใส่กางเกงขาสั้นเหมือนกัน แต่มีเสื้อกล้ามด้วย

เราทำงานไปคุยกันไปด้วย ส่วนมากก็เป็นเรื่องงานนั่นแหละ ตรงไหนไม่เข้าใจเราก็โทรถามเพื่อนๆ โดยเฉพาะกวิน เพราะไอ้หมอนี่ค่อนข้างหัวดีกว่าใครๆ งานที่ควรจะใช้เวลานานก็เลยมีแววว่าจะเสร็จเร็วขึ้น

ก่อนงานจะเสร็จ อยู่ๆ ผมก็นึกถึงอั้ม ที่จริงผมก็อยากจะถามตั้งแต่ตอนเดินทางกลับกับอะตอมแล้วล่ะ แต่รู้สึกไม่ค่อยมั่นใจก็เลยปล่อยตก ทว่าอยู่ๆ เรื่องที่อยากถามก็ผุดขึ้นในหัวอีกครั้ง ผมหยุดเคาะแป้นพิมพ์คอมพิวเตอร์ สายตาเปลี่ยนเป็นครุ่นคิด หลังชั่งใจสักพักก็ตัดสินใจถาม

"มึงกับอั้ม…หายโกรธกันแล้วเหรอวะ"

อะตอมถึงกับชะงักและหันมามองผม พลันมันก็หัวเราะ "หึงเหรอ"

"เปล่า" ผมรีบแก้ตัว

"โธ่ นึกว่าจะหึงซะอีก" อะตอมทำหน้าเสียดาย ครู่เดียวก็เปลี่ยนสีหน้าเป็นจริงจังเล็กน้อย "อืม…กูกับเขา…ต้องโกรธกันด้วยเหรอวะ"

"ไม่รู้ดิ เพราะว่าที่กูเคยเจอน่ะ…โกรธกันไปเลย แล้วก็ไม่เคยคุยกันอีก" พูดแล้วผมก็หน้าหม่น เหตุการณ์ในอดีตย้อนมาให้นึกถึงอีกครั้ง

ความเห็นใจฉายขึ้นในแววตาของอะตอม แววตาอ่อนโยนที่มองมาทำเอาผมร้อนๆ หนาวๆ มือหนักๆ ของมันเอื้อมมาบีบเบาๆ บนไหล่ผมเป็นเชิงให้กำลังใจ "อย่าคิดมาก ตอนเลิกกันใหม่ๆ น่ะ ส่วนมากก็เป็นแบบนี้แหละ แต่พอเวลาผ่านไป ความโกรธมันก็น้อยลง ให้อภัยกันได้ มันก็ยังพอเป็นเพื่อนกันได้นะเว้ย แต่ก็ไม่ทุกคนหรอก บางคนน่ะ...ไม่เจอกันอีกน่ะดีแล้ว"

ผมพยักหน้ารับรู้ ทว่าคำอธิบายนั้นก็ไม่ทำให้สีหน้าผมดีขึ้นเท่าไหร่ ความกังวลบางอย่างยังคงปรากฎรางง บนใบหน้า

"กลัวถ่านไฟเก่าคุขึ้นมาอีกเหรอ" อะตอมถามอย่างรู้ทัน

ผมไม่ตอบ แต่เมื่อไม่มีท่าทีจะปฏิเสธสิ่งที่มันพูด ก็เท่ากับว่าผมยอมรับความคิดนั้นไปแล้ว

"ก็แสดงว่ามึงหึงกูน่ะสิ" อะตอมยื่นหน้ามาใกล้ ยิ้มคล้ายภูมิใจ สงสัยจะชอบที่ผมหึงมัน

"หึงบ้าอะไรล่ะ" ผมทำเสียงรำคาญ ก่อนกดเซฟงานที่ทำเสร็จแล้วและปิดคอมพิวเตอร์

อะตอมยังคงเล่นหูเล่นตาใส่ผม ดูเหมือนมันจะมั่นใจมากว่าผมหึงมัน "ถ้าไม่หึง มึงจะถามทำไมวะ ถ้าถามก็แปลว่าหึงดิ"

"ไม่เห็นจำเป็นเลย ก็ถามไปงั้นแหละ" ผมเถียง ปิดฝาหน้าจอคอมพิวเตอร์แล้วก็เข็นรถออกไป

"เฮ้ย หึงก็บอกมาตรงๆ สิวะ อย่างวันนี้…กูยังหึงมึงเลย เกือบได้ตื้บคนแล้ว" อะตอมตะโกนบอกตามหลัง

ผมหยุดเข็นรถและครุ่นคิด อะตอมบอกว่าหึงผมอย่างนั้นเหรอ ที่จริงผมก็พอรู้สึกได้ แต่ก็ไม่ถึงกับมั่นใจว่ามันหึงผม ความรู้สึกยังคงก้ำกึ่งระหว่างหึงกับแค่…ไม่ชอบหน้าเท่านั้น

"ไม่เชื่อเหรอ" อะตอมย้อนถาม

"ไม่รู้เว้ย ไปนอนแล้ว ง่วง" ผมตัดบท ก่อนจะรีบเข็นวีลแชร์เข้าไปในห้องนอน ปล่อยให้อะตอมทำงานของมันต่อคนเดียว แต่อีกไม่นานก็น่าจะเสร็จแล้วล่ะ

ผมขึ้นไปนอนบนเตียง ดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัวจนถึงอก แต่แทนที่จะนอนก็กลับคิดฟุ้งซ่านต่อ

อะตอมหึงผมเหรอ? ทำยังไงผมถึงจะเชื่อได้อย่างสนิทใจล่ะ?

ผมไม่ชอบความรู้สึกครึ่งๆ กลางๆ แบบนี้เลย การอยู่ในสภาวะไม่ตัดสินใจมันเริ่มน่าอึดอัดมากขึ้นและมากขึ้น แต่ก็นั่นแหละ สิ่งที่เป็นอยู่ตอนนี้ก็ยังไม่เพียงพอให้ผมตัดสินใจได้ ก็คงต้องรอต่อไปจนกว่าจะถึงวันนั้น

แต่เรื่องรอไม่ใช่ปัญหา สิ่งที่รบกวนจิตใจผมตอนนี้คือ…ผมไม่เชื่อร้อยเปอร์เซ็นว่าอะตอมไม่รังเกียจผมต่างหาก มันชอบผมเพราะอะไรกันแน่ มันรู้สึกกับผมอย่างนั้นจริงหรือเปล่า ผมจะพิสูจน์ยังไงดี

ไม่นานความคิดทั้งหมดของผมก็ต้องหยุดลงชั่วครู่ อะตอมเดินเข้ามาในห้องพอดี ไม่นานก็ทิ้งตัวลงบนเตียงของมัน วันนี้ต่างคนก็ต่างเหนื่อย เพราะกว่าจะทำงานเสร็จก็เกือบเที่ยงคืน นี่ถ้าไม่ได้กวินช่วยให้คำแนะนำ เผลอๆ จะได้นอนตีหนึ่งตีสองด้วยซ้ำ ความ "ตาโหล" เริ่มส่อเค้าให้เห็นรางๆ แล้ว

"นอนแล้วเหรอ" อะตอมถามขณะที่มันกำลังห่มผ้าห่มเสียงขลุกขลัก

"อืม" ผมตอบเบาๆ สั้นๆ

"งั้นกูปิดไฟแล้วนะเว้ย"

"อืม"

สิ้นเสียงตอบของผม ไฟในห้องก็ดับมืด แต่ในหัวผมกลับสว่างจ้า ตอนนี้ผมคิดหาวิธีพิสูจน์ความสงสัยของตัวเองได้แล้ว แต่ยังนึกไม่ออกเลยว่าจะทำจริงๆ ได้ยังไง อีกทั้งก็ไม่แน่ใจด้วยว่าต้องทำถึงขนาดนี้หรือเปล่า แต่ผมก็ไม่อยากให้ความรู้สึกสงสัยแบบนี้รบกวนจิตใจผมต่อไป เพราะมันทำให้ผมคิดถึงความล้มเหลวจากรักครั้งแรก ผมไม่อยากคิดถึงมันอีกแล้ว

เธอคนนั้นทำเหมือนชอบผม ทำเหมือนหึงผม ทำเหมือนเป็นห่วงเป็นใย แต่สุดท้าย…ผมก็เป็นเพียงแค่เครื่องมือประชดแฟนของเธอ เธอแค่ต้องการให้แฟนของเธอรู้สึกหึงหวงและกลับมาคืนดีกัน เธอได้สิ่งที่ต้องการไปแล้ว แต่กลับทิ้งความรักของผมให้ค้างเติ่งและไปต่อไม่ได้ แถมยังจบลงด้วยความรู้สึกอับอายที่แทบไม่กล้าจะบอกใคร โดยเฉพาะคำว่า "ไม่เจียมสังขาร" แฟนของเธอมอบให้ผมเป็นของขวัญสุดพิเศษ ตอบแทนที่ผมอุตส่าห์ช่วยให้เขาสองคนกลับมารักกันเหมือนเดิม

ผมกำลังจะกลายเป็น "ไอ้เป๋ไม่เจียมสังขาร" อีกครั้งหรือเปล่า!?

ผมยอมรับว่ากลัวความรู้สึกนี้มาก เพราะมันทำให้ผมรูสึกสมเพชตัวเอง ที่จริงมันก็เกิดไปแล้วตอนไปเที่ยวเกาะเสม็ด แต่อะตอมก็ยังพยายามยื้อไว้ ทว่าความรู้สึกของผมที่มีต่อความรักก็ติดลบไปแล้ว ความกลัวนั้นจึงกลับมาอีก

ถ้ามัวแต่คิดฟุ้งซ่านไปก็คงไม่ได้คำตอบแน่ ป๊าเคยสอนผมว่าคนที่กลัวความเสี่ยงและไม่ทำอะไร ถึงแม้จะปลอดภัย แต่ก็จะไม่ได้สิ่งที่ต้องการ แถมยังไม่ได้เรียนรู้อะไรด้วย โดยเฉพาะการแก้ปัญหา ถ้าอยากก้าวหน้าหรืออยากได้คำตอบล่ะก็ เราต้องกล้าออกจากหลุมสบาย เพราะความสบายและความกลัวเป็นอุปสรรคสำคัญที่สุด

ถ้าอยางนั้น…ผมจะมัวรออะไรอยู่ล่ะ!?

เมื่อตัดสินใจแน่วแน่ ผมก็ลุกขึ้นนั่ง หันไปมองอะตอมซึ่งนอนอยู่ในความมืดสลัว ไม่รู้ว่าหลับไปหรือยัง แต่ผมต้องปลุกมันขึ้นมาตอนนี้และเดี๋ยวนี้

"หลับยังวะ" ผมถามออกไป ครู่เดียวก็มีเสียงตอบมา

"ยัง มีอะไรเปล่า"

"มาหากูหน่อยดิ" ผมพูดด้วยเสียงปกติ แต่ที่จริงใจผมเริ่มสั่นไปแล้ว

ไม่นานอะตอมก็ลุกขึ้น เปิดไฟหัวเตียง ห้องพลันสว่างโพลง ความประหม่าที่หลบซ่อนในความมืดจึงไร้ที่กำบัง แต่ช่างเถอะ เมื่อตัดสินใจแล้ว ผมก็พร้อมจะเปลือยความรู้สึกต่างๆ ให้อะตอมรู้

อะตอมเดินมานั่งที่เตียงผม ไม่แสดงท่าทีหงุดหงิดใดๆ แม้จะถูกรบกวนเวลานอน

"มีอะไร จะคุยกับกูต่อเรื่องเมื่อกี้เหรอ" อะตอมถามทีเล่นทีจริง

"อืม" ผมรับคำ เสียงที่พูดเริ่มสั่นบ้าง แต่ก็ยังพอพูดประโยคต่อไปได้ "มึง…หึงกูจริงๆ เหรอ"

อะตอมมุ่นคิ้วคล้ายสงสัยหรือไม่เข้าใจ ไม่งั้นก็คงรำคาญที่ผมไม่เลิกสงสัยเรื่องนี้ซะที แต่สักพักมันก็พยักหน้ายอมรับโดยไม่มีท่าทีลังเล

"เออ"

ถึงมันจะยืนยันอีกครั้ง แต่สำหรับผม แค่คำพูดไม่พอหรอก ผมต้องการสิ่งยืนยันที่มีน้ำหนักมากกว่านั้น ว่าแล้วผมก็คว้าตัวของอะตอมมาและผลักมันนอนลงไปบนเตียง ก่อนรีบโถมตัวลงไปหา จับแขนสองข้างของมันกดไว้

​"มึงจะทำอะไรกัปตัน" สีหน้าของอะตอมประหม่าและหวาดระแวง อาจเป็นเพราะเขาไม่เคยเจอผมทำแบบนี้มาก่อนก็ได้

"ไม่ต้องถามหรอก มึงต้องการแบบนี้ไม่ใช่เหรอ" ผมก้มหน้าลงไปใกล้ หัวใจผมเต้นแรงจนแทบทะลุออกมาจากอก ยิ่งใบหน้าเราอยู่ใกล้กันเท่าไหร่ จังหวะก้อนเนื้อก็ยิ่งเต้นถี่ขึ้น

"มันจะดีเหรอวะ" อะตอมยังคงไม่แน่ใจ

"ก็ไม่เห็นเป็นไร กูไม่ใช่ผู้หญิง ไม่มีอะไรเสียหาย หรือว่ามึงรังเกียจกูที่เป็นแบบนี้" สีหน้าผมเครียดขึ้นเล็กน้อย แต่หัวใจก็ยังเต้นรัว ประสาทสัมผัสที่มีทั้งหมดตื่นเต็มที่ เตรียมพร้อมรับทุกสิ่งทุกอย่างที่อาจจะเกิดขึ้นในอีกไม่ถึงนาทีข้างหน้า

"ไม่ใช่เว้ย แต่..."

"แต่อะไร มึงบอกว่ามึงชอบกูไม่ใช่เหรอ แล้วมึงรออะไร" ผมถามเหมือนคาดคั้น

"กู..."

อะตอมพูดได้คำเดียวก็เบิกตากว้าง เพราะผมส่งริมฝีปากของผมลงไปประกบกับปากของมันแล้ว ตอนนี้ใบหน้าเราอยู่ใกล้กันเกินกว่าจะเห็นรายละเอียดได้ชัด เราจึงหลับตาพริ้ม ปล่อยให้ริมฝีปากและสัมผัสทางกายของเราสื่อสารกันแทน

เพียงครู่เดียวอะตอมก็พลิกตัวขึ้นมาอยู่ข้างบนบ้าง ก่อนรีบประกบปากลงมาอย่างรวดเร็วเพราะกลัวจูบของเราขาดตอน ตัวผมสั่นเทิ้มเพราะอะตอมจูบเก่งเหลือเกิน แม้จะหนักหน่วง แต่ก็ไม่หนักเกินไปจนรู้สึกว่าหยาบ อีกทั้งก็ไม่เบาไปจนไม่รู้สึกถึงความปรารถนาที่ร้อนแรง

อะตอมขบริมฝีปากแดงเรื่อผมและดูดดึงเล่นเบาๆ ทั้งบนและล่าง ปากที่แดงอยู่แล้วก็คงจะแดงขึ้นไปอีก ด้วยความที่มันคลั่งริมฝีปากแดงเรื่องของผมเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว อะตอมจึงระดมจูบผมหนักขึ้น มันสอดลิ้นควงคว้านชอนไชไปทั่วริมฝีปากผมโดยไม่รังเกียจ รสหวานในปากผมแทบจะถูกดูดกินหมด ผมก็พลอยได้ชิมรสหวานในปากของมันไปด้วย ไม่น่าเชื่อว่าจะหวานลิ้นน่าลิ้มลองอย่างนี้

ความเสียวซ่านทั่วกายพุ่งสูงขึ้นจนผมนึกอยากจะร้องคราง แต่เมื่อปากไม่ว่าง ผมจึงต้องระบายออกด้วยการกอดมันแน่นขึ้น มือไม้ลูบไล้สะเปะสะปะไปทั่วแผ่นหลังเปลือยเปล่าของอะตอม ร่างของเราเบียดกันมากขึ้นจนแทบจะรวมเป็นเนื้อเดียว แท่งทวนที่เคยนอนสงบนิ่งก็ตื่นเต็มที่ แถมยังกวัดแกว่งเบียดกันไปมาราวกับรำดาบ ทว่าเป็นดาบที่ฟันกันแล้วไม่เสียเลือดเนื้อ ตรงกันข้ามกลับได้ความเสียวกระสันพริ้งเพริดมาแทน

เสื้อของผมถูกถอดออกไปตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้ แต่ก็ดีแล้วเพราะอะตอมเลื่อนตัวลงต่ำหลังจากนั้น ปากผมจึงว่างพอร้องครางได้ แต่ก็ยังไม่กล้าร้องเสียงดังเท่ากับความเสียวซ่านที่เกิดขึ้นจริง

"อาห์…"

อะตอมสูดดมตามซอกคอผมอย่างหลงใหล ไม่ว่าจะเคลื่อนจมูกไปตรงจุดไหนก็มีเสียงสูดหอมดอมดมทุกที่

"ตัวมึงหอมจัง กูชอบ"

พูดจบอะตอมก็เลื่อนจมูกลงต่ำมายังลานอกผม ถูไถจมูกไปบนเนินเนื้อและสูดดมกลิ่นอย่างหิวกระหาย ความเสียวทวีขึ้นอีกแล้ว ผมได้แต่กัดฟันไว้จนตัวสั่น จะร้องครางให้สะใจก็ไม่กล้า ทั้งที่มาถึงขั้นนี้แล้วก็ไม่ควรจะกลัวอะไรด้วยซ้ำ

ครู่เดียวผมก็สัมผัสได้ถึงความหยุ่นเย็นของลิ้น อะตอมดูดและเลียวนบนเม็ดตุ่มของผมเข้าให้แล้ว บางครั้งก็ดูดดึงหนักๆ จนผิวตรงนั้นแดงเป็นปื้น ผมถึงกับผวาและกำผ้าปูที่นอนแน่น ใบหน้าบิดเบี้ยวเหยเก แทบควบคุมตัวเองไม่ได้เลย

"ปลดปล่อยสิวะ มึงจะเก็บไว้ทำไม" อะตอมหยุดชั่วคราวและเตือนผม ไม่รู้ว่ามันรู้ได้ยังไงว่าผมยังไม่เต็มที่

"ตัวมึงทั้งขาว ทั้งหอม กูอดใจไม่ไหวแล้วว่ะ" อะตอมบอกเสียงสั่น ก่อนบุกรุกพานนมอีกฝั่งของผม คราวนี้ผมร้องครางเสียงดังมากกว่าเดิม

"อาห์…ซี๊ด…อูย…เสียว…อาห์…"

อะตอมบีบนมผมให้ชูสูงขึ้น ก่อนเอาลิ้นเขี่ยรัวๆ เบาๆ ผมเสียวจนต้องบิดตัวและร้องครางอย่างสุดกลั้น

"โอว…อะตอม…กูเสียว…"

"เสียวก็ร้องออกมา" บอกเสร็จอะตอมก็ดูดเลียพานนมของผมต่อ ไม่สนใจว่าผมจะดิ้นเร่าหรือครางดังสักแค่ไหน มันคงชอบด้วยซ้ำที่เห็นผมเสียวแทบขาดใจขนาดนี้

พอหนำใจ อะตอมก็เลื่อนต่ำลงไปอีก กางเกงผมถูกถอดออกไปนานแล้ว เหลือแต่กางเกงในลายเส้นขวางสีขาวสลับแดงถี่ๆ ยี่ห้อโปรดของผม ตอนนี้มันตุงจนแทบจะขาดทะลุแล้ว

"กางเกงในมึงโคตรสวยเลย"

อะตอมบอกเสียงกระเส่า แต่แทนที่มันจะทำอะไรกับตรงนั้นของผม มันกลับลุกขึ้นนั่ง เอามือยกขาขวาซึ่งมีแรงน้อยของผมขึ้น ก่อนก้มมาไล่สูดดมกลิ่นตั้งแต่โคนขาของผมไปจนถึงปลาย ใช้ลิ้นสัมผัสบ้างในบางจุดให้เสียวเล่นๆ จากนั้นก็สลับไปทำแบบเดิมกับข้างซ้ายบ้าง

"มึงหอมไปทั้งตัวเลย รู้เปล่า"

อะตอมเอ่ยชมและสูดดมไป ไม่นานก็หยุด ผมเองก็หยุดครางและผงกหัวดูไปด้วย แต่พอรู้ว่ามันคิดจะทำอะไร ผมก็รีบร้องห้ามด้วยความตกใจและครดไม่ถึง

"เฮ้ยอะตอม ไม่ต้อง ไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้"

แต่ช้าไปซะแล้ว ปลายนิ้วเท้าของผมหายเข้าไปในปากของอะตอมในที่สุด ถึงแม้จะรู้ว่ามันไม่สกปรก เพราะเท้าผมไม่เคยสัมผัสดิน แต่ผมก็ไม่เคยคิดจะให้ใครทำแบบนี้กับเท้าของตัวเองหรอก กระนั้นผมก็ยอมรับว่ามันให้ความรู้สึกดีไม่น้อย

เสร็จจากหนึ่งข้าง อะตอมก็ย้ายไปอีกข้าง ส่วนผมได้แต่นอนครางและมองดูภาพตรงหน้าด้วยความรู้สึกที่ยากจะบอก อะตอมคงรู้แล้วว่าผมต้องการพิสูจน์อะไร มันจึงพิสูจน์ให้ผมเห็นว่ามันรังเกียจร่างกายที่ไม่เหมือนคนอื่นของผมหรือเปล่า ผมได้คำตอบที่ชัดเจนที่สุดแล้ว

ไม่นานขาสองข้างผมก็ถูกวางลง ใบหน้าหล่อคมจ้องมองผม ขณะเดียวกันก็โน้มลงต่ำสู่จุดที่เขาเพิ่งละเลยไป ไม่นานเสียงสูดดมก็ดังขึ้นตรงแท่งทวนที่แข็งดังหินของผม จมูกของอะตอมเสียดสีไปมาตามเนื้อกางเกงในซึ่งลื่นและนุ่มผิว ผมเสียวจัดจนเผลอเอามือกดหัวมันลงตรงนั้น จากสูดดมก็เปลี่ยนเป็นเอาปากคาบและดูดดึงเล่น ผมเสียวจนแอ่นอกสะท้าน ที่จริงครั้งแรกก็ย่อมเสียวมากเป็นธรรมดาอยู่แล้ว ไม่ว่าจะสัมผัสจุดไหนก็เสียวไปหมด แต่จุดที่เสียวที่สุดอยู่ตรงนี้นี่แหละ เสียวจนผมไม่อาจหยุดใจเอาไว้ได้ คิดอยากจะไปให้สุดทางแม้ไม่รู้เลยว่าจะต้องทำยังไง

แต่สวรรค์ก็พลันล่มอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย อะตอมหยุดทุกอย่า ก่อนเลื่อนตัวขึ้นมาหาผมและมองหน้ากัน ผมถึงกับถอนหายใจด้วยความเสียดายสุดชีวิต อารมณ์เสียวจัดค้างเติ่งอยู่สูง แต่ตอนนี้หาทางลงไม่ได้ หัวผมตื้อไปหมดเพราะไม่เข้าใจว่าอะตอมหยุดทำไม

"มึงได้คำตอบหรือยัง" อะตอมถามด้วยเสียงหอบ ดูจากสีหน้าแล้ว มันเองก็คงเสียวและเสียดายไม่น้อย

เมื่อแปลความสิ่งที่อะตอมพูดได้แล้ว ผมก็พยักหน้าเบาๆ มันทำให้ผมถึงขนาดนี้ จะไม่รู้สึกหรือไม่รับรู้เลยก็คงเกินไปหน่อย

"อืม กู…โคตรรู้สึกดีกับมึงเลย"

อะตอมยิ้มพอใจ รอยยิ้มอบอุ่นและอ่อนโยนนั้นช่วยลดอารมณ์ที่ค้างลงได้บ้าง แต่ก็ไม่หมดง่ายๆ ซะทีเดียว

"กูอยากทำต่อนะ กูอยากทำให้มึงมีความสุขกับกู แต่กูสัญญาไว้แล้ว กูไม่อยากผิดสัญญากับมึงอีก อีกอย่าง…กูรู้ว่ามึงไม่ได้อยากให้กูทำแบบนี้หรอก มึงแค่อยากได้คำตอบไม่ใช่เหรอ ตอนนี้มึงก็ได้ไปแล้วไง”

"แต่อารมณ์กูค้างเว้ย" ผมประท้วงอย่างไม่อาย เป็นใครก็ต้องทำเหมือนผมแน่นอน

อะตอมหัวเราะเบาๆ อยู่ๆ ผมก็รู้สึกว่ามันดูน่ารัก นึกอยากจะดึงลงมาจูบอีกสักครั้งให้รู้แล้วรู้รอด

"แล้วมึงคิดว่ากูไม่ค้างเหรอ" อะตอมย้อนถาม

"แล้วจะเอาไง" ผมถามเสียงสั่นๆ อารมณ์ตอนนี้คือยากไปต่อจนไม่กลัวอะไรทั้งนั้น ถึงทำไม่เป็นหรือไม่เคยก็ต้องหาทางทำจนได้

อะตอมไม่ตอบคำถามผม มันรีบลงไปยืนข้างเตียง พลันก็ก้มลงมาช้อนร่างเปลือยเกือบหมดของผมขึ้นอุ้ม ก่อนจ้องหน้าผมซึ่งอยู่ใกล้แค่เพียงคืบ

"หาเรื่องไม่หลับไม่นอนนะมึง"

อะตอมว่าผม แต่ยิ้มเจ้าเล่ห์กลับคลี่ออกกว้าง แววตาเจ้าชู้ส่งประกายวิบวับ จากนั้นผมก็ถูกมันอุ้มหายเข้าไปในห้องน้ำเพื่อสานต่อภารกิจบางอย่าง

มันคงจะหาวิธีช่วยให้ผมปลดปล่อยได้แล้ว และผม…ก็คงจะต้องหาวิธีปลดปล่อยให้อะตอมเช่นเดียวกัน



TBC


// หวังว่าตอนนี้จะไม่แป้กนะครับ ไม่งั้นก็ไม่รู้จะเขียนอะไรให้อ่านแล้ว เหอๆ


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-11-2017 10:46:05 โดย HuskyLover »

ออฟไลน์ fay 13

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5635
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +286/-44

ออฟไลน์ warin

  • รถไฟขบวนนั้น ได้แล่นผ่านไปแล้ว
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1938
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
    • -
เซ็กซี่  วาบหวิว  อิอิ  เขียนได้สวยงามดี  ไม่อนาจาร 
ชื่นชมค่ะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด