♿เข็นรักขึ้นภูเขาᄿ ถ้าผมปล้ำคนพิการจะบาปไหม? - นิยายวายละมุน :)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ♿เข็นรักขึ้นภูเขาᄿ ถ้าผมปล้ำคนพิการจะบาปไหม? - นิยายวายละมุน :)  (อ่าน 92710 ครั้ง)

ออฟไลน์ netich

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 227
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0

ออฟไลน์ numay

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1035
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-1

ออฟไลน์ HuskyLover

  • นิยาย "วาย" ละมุน
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 95
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-3
EP14 (Part 1)
เกาะเสม็ดเสร็จทุกราย



<<<CAPTAIN>>>

นี่เป็นครั้งแรกในรอบปีที่ผมเดินทางออกต่างจังหวัด ที่ผ่านมาก็ไปนั่นไปนี่บ้าง แต่ก็อยู่ในกรุงเทพหรือปริมณฑลเป็นส่วนใหญ่ การได้ออกมาสูดอากาศที่เบาขึ้น เห็นทิวทัศน์ไร้สิ่งกีดขวางได้กว้างไกลขึ้น ได้สัมผัสสายลมแสงแดดมากขึ้น ร่ายกายและจิตใจก็ดูเหมือนจะเบาขึ้นตามไปด้วย

เมื่อวานเรามาถึงที่เกาะเสม็ดกันเกือบๆ หกโมงเย็น แม่ให้ลูกน้องที่โรงงานขับรถมาส่งผมกับอะตอมที่ท่าเรือบ้านเพ จากนั้นก็กลับไป วันกลับถึงจะมารับอีกที ตอนแรกผมว่าจะขับรถมาเองอยู่แล้ว แต่แม่ยังไม่ไว้ใจก็เลยหาคนมาขับให้ ผมก็ต้องยอมตามที่แม่บอก เพราะไม่งั้นอาจจะไม่ได้มา เพราะฝีปากอะตอมแท้ๆ ผมจึงได้พาตัวเองมาอยู่ที่นี่

การเดินทางด้วยเรือลำบากพอสมควร โชคดีมีผู้ชายมาด้วยถึงสามคน ก็เลยช่วยกันยกวีลแชร์ผมขึ้นเรือได้ไม่ยาก พอมาขึ้นฝั่งที่เกาะเสม็ด เราก็เดินทางด้วยรถสองแถว ผมนั่งหน้าข้างคนขับ ส่วนรถเข็นก็พับเก็บไว้ด้านหลัง ใช้เวลาเดินทางไม่นานก็มาถึงที่พักแถวๆ หาดทรายแก้ว

ผมกับอะตอมพักด้วยกันสองคนที่ห้องชั้นล่าง อะตอมเป็นคนหาข้อมูลว่ามีรีสอร์ทที่ไหนบนเกาะเสม็ดที่วีลแชร์มาพักได้บ้าง ก็พอดีเสิร์ชมาเจอที่นี่ อะตอมจึงบอกให้ติ๊งเปลี่ยนที่พัก ติ๊งก็ยอมเปลี่ยนเพราะอะตอมขู่ว่าถ้าไม่เปลี่ยนจะไม่มาด้วย แต่ถึงจะเคยมีวีลแชร์มาพักก่อนหน้านี้ ก็ใช่ว่าผมจะไปได้ทุกจุด บางจุดก็มีบันไดสองสามขั้น พาให้รู้สึกอัดอัดบ้างเพราะถูกจำกัดพื้นที่ด้วยอุปสรรคทางกายภาพ

เมื่อวานมาถึงเราก็ออกไปกินข้าวเย็นที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ดื่มกันนิดหน่อย มีการแสดงกระบองไฟให้ชมด้วย น่าตื่นตาตื่นใจทีเดียว เราอยู่กันไม่ดึกมากนัก ไม่ถึงห้าทุ่มก็กลับมานอน ตื่นเช้ามาเราก็มานั่งทานอาหารเช้าริมทะเล ก็ไม่ถึงกับริมมาก เพราะลานไม้ที่เรานั่งกินข้าวอยู่ห่างจากทะเลสิบกว่าเมตร แต่ก็มองเห็นทะเลสีฟ้าได้กว้างไกลสุดลูกหูลูกตา แดดแรงพอสมควรเพราะเก้าโมงกว่าแล้ว แต่ลมทะเลก็ช่วยให้เย็นสบาย

"สองสาวยังไม่ตื่นอีกเหรอ" พี่ที่ชื่อฝางถาม ผู้ชายอีกสองคนที่มาด้วยชื่อฝางกับเอิร์ธ เป็นพี่ที่อะตอมเคยทำงานด้วยบ่อยๆ ก็เลยสนิทกัน

"ตื่นแล้ว แต่ไม่รู้ออกไปไหน" พี่เอิร์ธบอก พี่ทั้งสองคนอยู่ในชุดเสื้อกล้ามและกางเกงขาสั้นสบายๆ รวมทั้งอะตอมด้วย มีแต่ผมที่แต่งตัวเรียบร้อยหน่อย ใส่เสื้อยืดโปโล กางเกงยีนส์ขายาวและสวมรองเท้าผ้าใบ

"สงสัยจะไปเดินเล่นมั้งพี่" อะตอมเดา ก่อนหันมาถามผม "ไงมึง ชอบไหมที่นี่"

ผมพยักหน้าเร็วๆ "อืม ก็โอนะ เคยได้ยินแต่ชื่อ ไม่คิดว่าจะสวยขนาดนี้"

"แต่ไม่ค่อยมีทางลาดเลยว่ะ สงสัยแถวนี้ยังไม่ค่อยรู้เรื่องยูดี" อะตอมบ่น แล้วก็หันไปบอกพี่สองคนที่นั่งฝั่งตรงข้าม "เนี่ย เมื่อก่อนนะพี่ จะไปไหนผมไม่เคยสนใจเรื่องทางลาดหรือห้องน้ำคนพิการเลย แต่พอมีเพื่อนใช้วีลแชร์ ไปไหนผมก็จะคอยสังเกต"

"เดี๋ยวนี้ก็มีเยอะขึ้นนะ ห้างก็มีแทบทุกห้างแล้วมั้ง อย่างปั๊มใหญ่ๆ ตามต่างจังหวัดก็มีห้องน้ำ มีทางลาด ขามาพี่ก็เห็นหลายปั๊มเลย" พี่ฝางเออออ

"อย่างรีสอร์ทนี้ก็เกือบสะดวกนะ แต่พี่รู้สึกว่าตรงสระว่ายน้ำน่าจะลงไม่ได้ เห็นมีแต่บันได" พี่เอิร์ธเสริม

"ไม่เป็นไรหรอกพี่ เดี๋ยวผมพากัปตันไปเอง ผมฟิตร่างกายมาพร้อมแล้ว เข้ายิมที่คอนโดทุกวันก่อนมาเลย เนี่ย...ผมวางแผนว่าช่วงปิดเทอมจะพากัปตันไปเที่ยวภูเขา เขาอยากไป" อะตอมเล่าพลางยิ้มมีความสุข

"โห แล้วจะเข็นขึ้นภูเขาไหวเหรอ" พี่ฝางสงสัย ทั้งพี่เอิร์ธและพี่ฝางมีบุคลิคคล้ายๆ กันบางอย่าง ออกไปโทนสนุกและขี้เล่น แววตาเจ้าชู้หน่อยๆ สิ่งที่ต่างที่ผมเห็นได้ชัดคือพี่ฝางดูสุขุมกว่าเล็กน้อย

"ไหวดิพี่ กัปตันอยากไปไหน ผมพาไปได้หมดแหละ" อะตอมหันมายิ้มให้ผม ผมยิ้มตอบบางๆ

"เออ...แล้วนึกยังไงมากับติ๊งล่ะ" พี่เอิร์ธเปลี่ยนเรื่อง

"อยากมาเที่ยว ผมชอบทะเล ใครชวนไปทะเล ผมไม่ค่อยพลาดหรอก" อะตอมตอบ

"จริงเร้อ ไม่ใช่เพราะว่า..." พี่เอิร์ธทำหน้าล้อเลียน

"เฮ้ยถามจริง จัดไปยัง" พี่ฝางกระซิบถาม

"ยังพี่" อะตอมหัวเราะเขินๆ

ผมพยายามปะติดปะต่อจากสิ่งที่ทั้งสามคนคุยกัน แต่ก็ยังไม่เข้าใจเท่าไหร่นัก

"อยากรู้เหรอ" พี่เอิร์ธหันมาถามผม ผมได้แต่ยิ้มๆ แต่ไม่พูดอะไร พี่เอิร์ธจึงพูดต่อด้วยสีหน้าทะเล้น "เห็นมันซื่อๆ อย่างนี้นะ เสร็จมันมาหลายรายแล้ว"

"คราวนี้ก็อาจจะเสร็จนะเว้ย เพราะเขาว่ามาเกาะเสม็ด...เสร็จทุกราย เขาวอนท์ซะขนาดนั้น จัดให้เขาหน่อยละกัน เอาให้หนักๆ เลย" พี่ฝางหัวเราะ พี่เอิร์ธก็หัวเราะตามเหมือนเป็นเรื่องขำๆ และธรรมดา

อะตอมทำหน้ายิ้มยาก จะขำก็ไม่ขำ เอาแต่คอยมองหน้าผมเป็นระยะๆ สงสัยจะกลัวผมคิดมาก แต่ผมก็พอเข้าใจเรื่องพวกนี้ หนุ่มสาวสมัยนี้ปากว่ามือถึง ถ้าผมไม่นั่งวีลแชร์ เผลอๆ ก็จะเป็นอย่างเขาเหมือนกัน อะตอมอยู่ในวงการแบบนี้ก็คงมีเรื่องแบบนี้บ้างเป็นธรรมดา แต่ก็แปลกที่มันไม่เคยเล่าให้ผมฟังเลย

แล้วถ้าอะตอมยังทำเรื่องแบบนี้อยู่ล่ะ ผมควรจะรู้สึกยังไงดี เพราะที่ผ่านมาอะตอมแสดงออกว่าชอบผม ถึงขั้นอยากจะขอเป็นแฟนด้วยซ้ำ แต่ช่วงหลังๆ ก็ดูเหมือนเพลาๆ ลงไป บางทีอาจจะได้คำตอบแล้วก็ได้ว่าผมไม่เหมาะกับเขา แม้ว่าฟังดูเศร้า แต่ผมก็ทำใจไว้ตั้งแต่แรกแล้ว

พอกินอาหารเช้าเสร็จ เราก็ยังนั่งคุยกันต่อสบายๆ กะว่าอีกหน่อยจะลงไปเล่นน้ำทะเลกัน รวมทั้งเดินเที่ยวตามจุดต่างๆ บนเกาะด้วย ระหว่างนั้นเอง ติ๊งกับเพื่อนที่ชื่อมายก็เดินแกมวิ่งเข้ามา สีหน้าดูตื่นเต้นด้วยกันทั้งคู่ ทั้งสองคนเป็นเพื่อนร่วมมหาลัยและเรียนคณะเดียวกัน มีบุคลิคปราดเปรียวและว่องไวตามประสาสาวสมัยใหม่

"อะตอม ไปขี่มอไซค์เล่นกัน ติ๊งเพิ่งไปเช่ามอเตอร์ไซค์มา ไปไหมๆ" มาถึงติ๊งก็ปรี่มาหาอะตอมก่อนใคร เช้านี้เธอใส่กางเกงขาสั้น เสื้อกล้ามสีขาวแบบผู้หญิง อวดผิวไหล่ แขน ขาและหลังพอสมควร ส่วนเพื่อนอีกคนก็แต่งตัวคล้ายๆ กัน

อะตอมหันมามองผมเป็นคนแรก คล้ายกับจะขออนุญาตหรือไม่แน่ใจบางอย่าง

"ติ๊งไปเช่ามาจากที่ไหนเหรอ" พี่เอิร์ธหันไปถาม

"ร้านใกล้ๆ ตรงนี้เอง เดินไปขวามือหน่อยก็ถึง" มายตอบแทนเพื่อน ก่อนถาม "พี่ฝางกับพี่เอิร์ธสนไหมล่ะ"

"สนๆ แต่เอาไว้บ่ายๆ ดีกว่า ตอนนี้อยากไปเล่นน้ำทะเลมากกว่า อีกสักพักก็จะไปแล้ว" พี่ฝางหันไปตอบ

"ไปเปล่าอะตอม ไปเหอะนะ สนุกดี เมื่อกี้ติ๊งกับมายขี่เล่นมารอบหนึ่งแล้ว บรรยากาศดีสุดๆ" ติ๊งหันมารบเร้าอะตอมต่อ

"มึงไปเปล่า" อะตอมหันมาถามผมด้วยสีหน้าไม่แน่ใจ หรืออาจจะเกรงใจผมก็ได้

"ไม่ไป มึงไปเหอะ" ผมพยักพเยิด เกือบเผลอพูดไปแล้วว่าแม่ห้ามผมขี่มอเตอร์ไซค์เด็ดขาด โชคดียั้งปากไว้ทัน ไม่งั้นสองสาวและสองหนุ่มร่วมทริปคงคิดว่าผมเป็นลูกแหง่

"ไปเหอะ เดี๋ยวพี่สองคนช่วยดูกัปตันเอง" พี่ฝางพยักพเยิด รอยยิ้มของทั้งพี่ฝางและพี่เอิร์ธดูแปลกๆ แต่สาบานได้ว่าผมไม่ค่อยชอบเท่าไหร่

"ไปดิ ไม่ต้องห่วงกูหรอก" ผมสำทับอีกคนและพยายามยิ้มเพื่อบอกว่าไม่เป็นไร โดยส่วนตัวผมก็ไม่อยากเป็นภาระเพื่อนหรอก ถ้ามาเที่ยวแล้วเพื่อนมัวแต่ห่วงผม ผมคงไม่มีความสุขที่จะมา

อะตอมยังคงมีท่าทางลังเล แต่เมื่ออีกฝ่ายเกาะแขนรบเร้าขนาดนั้น เขาก็คงต้องไป เป็นผมก็คงต้องไปเหมือนกัน

"ผมฝากพี่สองคนดูแลกัปตันแป๊บหนึ่งนะพี่ เดี๋ยวผมมา" อะตอมหันไปบอกพี่ฝางกับเอิร์ธ สองคนนั้นพยักหน้าตกลง ก่อนออกไปกับสองสาว อะตอมก็ไม่ลืมหันมาบอกผม "เดี๋ยวมานะเว้ย"

ผมพยักหน้ารับรู้ จากนั้นอะตอมก็เดินออกไปกับสองสาวซึ่งแทบจะเรียกว่าลากแขนไปก็ว่าได้ พี่เอิร์ธถึงกับหัวเราะออกมาทันที

"พนันกับกูไหมมึง ถ้ามันไม่เสร็จเขา เขาก็ต้องเสร็จมันแน่ๆ มึงว่าไหม"

"สงสัยจะแซนด์วิช ควบสอง หูย...อิจฉาว่ะ" พี่ฝางตาเป็นประกาย

"ถ้ามันรอดสองสาวนี้ไปได้นะเว้ย มันต้องเป็นเกย์เท่านั้น หรือไม่ก็เกลียดผู้หญิงขั้นรุนแรง"

"แล้วมันเคยรอดเหรอวะ" พี่ฝางหัวเราะร่วน

"อะตอม...เจ้าชู้ขนาดนั้นเลยเหรอพี่" หลังฟังพี่สองคนคุยกันสักพัก ผมก็อดสงสัยไม่ได้จนต้องเอ่ยปากถาม

"ก็ไม่เท่าไหร่ แต่สาวๆ ชอบมันเยอะ เข้ามาหามันตลอด มันก็เลยไม่เคยอดอยากปากแห้ง" พี่เอิร์ธหันมาตอบ

ถ้าไม่มีผู้หญิงเข้ามาหาแล้วเรียกว่าอดอยากปากแห้ง อย่างผมคงเรียกว่าขาดสารอาหารและเป็นซางตานขโมยไปแล้ว พอได้รู้ข้อมูลนี้ก็ทำให้ผมต้องคิดหนักทีเดียว ผู้ชายอย่างอะตอมจะรักผมได้จริงหรือเปล่า สิ่งยั่วยุที่พร้อมจะพาออกนอกลู่นอกทางมีมากมาย เขาจะอดใจไปได้สักกี่น้ำ แม้กระทั่งผมเองก็เถอะ

"อ้าว เป็นเพื่อนอะตอม...แล้วไม่รู้เรื่องนี้เลยเหรอ" พี่ฝางทำหน้าเหมือนไม่เชื่อ

ผมเผลอทำหน้าเหลอเล็กน้อย ก่อนรีบยิ้มบางๆ กลบเกลื่อน "อ๋อ...ก็พอรู้อยู่พี่ แต่ไม่เคยเห็นกับตา ก็เลยไม่แน่ใจ"

"ของพวกนี้ ใครเขาทำให้เห็นกันล่ะน้อง" พี่เอิร์ธพูดหยอก

"เออ แล้วเราล่ะ...มีแฟนยัง" พี่ฝางถาม

ผมส่ายหน้าพลางขำ "ยังพี่ ใครจะเอาผม ไม่มีหรอก"

"ไม่แน่เว้ย เราก็หน้าตาดีนะเนี่ย แล้วก็ดูคล่องมากด้วย อ้อ พี่จะบอกความลับให้ รู้ไหมว่าสาวๆ แพ้อะไรมากที่สุด" พี่เอิร์ธยิ้มมีเลศนัย

ผมทำท่านึก แต่ก็ไม่รู้เรื่องนี้เท่าไหร่หรอก ก็เลยตอบส่งเดช "เงินหรือเปล่าพี่"

"เฮ้ยไม่ใช่ ไม่เสมอไปหรอก อย่างพี่สองคนก็ใช่ว่าจะมีเงินเยอะนะ แต่สาวๆ ชอบ อยากรู้ไหมว่าเพราะอะไร" พี่เอิร์ธยักคิ้วสองข้างสองครั้งติดกันรัวๆ ดูตลกดี

ผมทำท่านึกอีก แต่คนไม่มีประสบการณ์อย่างผมก็จนปัญญา จึงต้องยอมรับความจริง "ไม่รู้พี่ ทำยังไงเหรอครับ"

พี่เอิร์ธกับพี่ฝางมองหน้ากัน ก่อนหัวเราะเอ็นดูในความไร้เดียงสาของผม สักพักพี่เอิร์ธก็เฉลย "คารมไง อย่างกัปตันก็ทำได้ ต้องรู้จักพูด รู้จักคุย รู้จักหยอด รู้จักแซะ ทำตัวตลกๆ เข้าไว้ เนียนๆ เข้าไว้ เดี๋ยวก็ได้ ไม่ยากหรอก ของแบบนี้ต้องฝึก แรกๆ ต้องยอมกินแห้วหน่อย พี่สองคนกินแห้วบ่อยจะตาย แต่พอทำบ่อยๆ เดี๋ยวก็ชำนาญ ลองถามอะตอมดูดิว่ามันทำไง หรือจะปรึกษาพี่สองคนก็ได้ มีไลน์แล้วนี่"

"เฮ้ยไอ้เอิร์ธ มึงจะทำให้น้องเขาเสียคนแล้วนะเว้ย" พี่ฝางปรามเพื่อนไม่จริงจังนัก แถมยังหัวเราะเหมือนเห็นเป็นเรื่องสนุกด้วย

"ไปเล่นน้ำกันดีกว่า" พี่เอิร์ธเปลี่ยนเรื่อง

"กัปตันไปไหม" พี่ฝางหันมาถาม

"ก็..." ผมทำท่าลังเล

"เฮ้ย เดี๋ยวพี่สองคนช่วย ไ่ม่ต้องเกรงใจ ไปเปลี่ยนชุดเลย เดี๋ยวมาเจอกันตรงล็อบบี้" พี่ฝางเอื้อมมือมาตบลงบนไหล่ผมเบาๆ คล้ายกับจะให้กำลังใจ

ผมพยักหน้าตกลงทันที เพราะใจจริงก็อยากเล่นน้ำทะเลมาตั้งนานแล้ว "ครับพี่"

"โอเค งั้นอีกยี่สิบนาทีเจอกันที่ล็อบบี้นะ" พี่ฝางเสนอ ก่อนถาม "อ้อ จะให้พี่สองคนไปส่งที่ห้องไหม"

"ไม่เป็นไรครับพี่ ใกล้ๆ แค่นี้เอง ผมเข็นไปไม่ถึงนาทีก็ถึงแล้ว" ผมบอก

จากนั้นเราสามคนก็แยกย้ายกันไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ห้องของตัวเอง อีกเกือบๆ ยี่สิบนาทีต่อมาก็ออกมาเจอกันที่ล็อบบี้ พี่เอิร์ธกับพี่ฝางใส่กางเกงขาสั้นสำหรับเล่นน้ำทะเลสีสันสดใส ไม่สวมเสื้อ ส่วนผมไม่สวมเสื้อ แต่ใส่กางเกงว่ายน้ำขาสามส่วนสีดำ ก็รู้สึกเขินๆ บ้างเล็กน้อย

ขณะที่เรากำลังจะลงไปที่ทะเล อะตอมก็วิ่งกระหืดกระหอบมาเข้ามาซะก่อน แต่ไม่มีสองสาวตามมาด้วย "ผมไปด้วยนะพี่ รอแป๊บหนึ่ง"

เราสามคนมองหน้ากันด้วยความสงสัย ก่อนพี่ฝางจะหันไปบอกคนที่วิ่งมา "เออๆ รีบมาละกัน"

อะตอมรีบวิ่งไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ห้องทันที ส่วนพวกเราสามคนก็ยืนคุยกันรอไปพลางๆ เมื่อเพื่อนกลับมาแล้ว ผมก็ยอมรับว่ารู้สึกดีไม่น้อย



TBC


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-11-2017 10:44:42 โดย HuskyLover »

ออฟไลน์ HuskyLover

  • นิยาย "วาย" ละมุน
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 95
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-3
EP14 (Part 2)
เกาะเสม็ดเสร็จทุกราย



<<<CAPTAIN>>>

อะตอมช่วยเข็นผมไปตามทางเดินลงชายหาดหน้ารีสอร์ท ตรงนี้เป็นสนามหญ้าจึงเข็นลำบากหน่อย ต้องยกล้อหน้าขึ้นและเข็นไปด้วย อะตอมช่วยผมบ่อยก็เลยชำนาญและทำเป็น ส่วนพี่ฝางกับพี่เอิร์ธคอยดูห่างๆ และเดินตามมาเงียบๆ

"มึงไม่เคยเล่นน้ำทะเลจริงๆ เหรอวะ" อะตอมยังสงสัยไม่หายเมื่อผมบอกว่าไม่เคยเล่นน้ำทะเลเลย เคยแต่ว่ายน้ำในสระที่บ้านและบางที่ ซึ่งต้องแบ่งโซนลึกกับไม่ลึก คงไม่ต้องถามว่าผมจะเลือกอยู่โซนไหน

"เออ แต่เคยไปเที่ยวทะเล"

"แสดงว่าครั้งนี้ก็เป็นครั้งแรกของมึงดิ"

"อืม"

"มึงรู้ไหมทำไมกูรีบมา" อะตอมเปลี่ยนเรื่อง

"จะไปรู้เหรอ" ผมมุ่นคิ้ว

"ก็กูอยากเป็นคนแรกที่พามึงลงน้ำทะเลไง ต่อไป...อะไรที่เป็นครั้งแรกของมึง กูต้องมีส่วนร่วมเว้ย" อะตอมพูดด้วยท่าทางภูมิใจ

"อ้าว แล้วถ้าเขาจะเปิดซิงครั้งแรก มึงก็จะมีส่วนร่วมด้วยเหรอวะ" พี่เอิร์ธหันมาถามติดตลก พอรู้จักกันมาได้สักพัก ผมก็รู้สึกว่าพี่เขาดูทะลึ่งๆ ชอบกล

"ชัวร์อยู่แล้ว เดี๋ยวผมเปิดซิงมันเป็นคนแรกเลยดีไหมพี่" อะตอมพูดทะลึ่งและหัวเราะไปด้วย

"เฮ้ย นี่มึงเปลี่ยนรสนิยมแล้วเหรอวะ" พี่เอิร์ธสัพยอก

"คงงั้นมั้งพี่" อะตอมรับสมอ้างทีเล่นทีจริง พวกเราพากันหัวเราะและไม่คิดอะไรจริงจังกับเรื่องนี้นัก

เมื่อล้อวีลแชร์ผมสัมผัสกับหาดทรายขาวละเอียด ล้อรถวีลแชร์ก็เริ่มมีปัญหากับพื้นทราย แต่ก็ไม่เหลือกำลังของอะตอม ไม่นานเขาก็พาล้อวีลแชร์ของผมมาสัมผัสน้ำทะเล ผมเบิกตาโตด้วยความตื่นเต้น จากที่เห็นว่ามันสวยอยู่แล้ว เมื่อได้สัมผัสของจริงก็ยิ่งเห็นว่าสวยกว่าเดิม กลิ่นไอทะเลลอยปะทะเข้าจมูกผมเต็มๆ มันบริสุทธิ์จนผมเผลอสูดอากาศหายใจลึกๆ และหลับตาพริ้ม คนพามายิ้มภูมิใจใหญ่

"มึงอยากสัมผัสน้ำทะเลยัง" ดูท่าอะตอมจะตื่นเต้นตามผมไปด้วย ทั้งๆ ที่มันมาเที่ยวทะเลนับครั้งไม่ถ้วนแล้ว

"มึงจะพากูลงไปทั้งวีลแชร์เลยเหรอ" ผมทำหน้าตกใจ

"ไอ้บ้า เดี๋ยวกูอุ้มมึงลง จะลงยัง" อะตอมถามอีกรอบ

ผมรีบพยักหน้า อะตอมจึงย่อตัวลงมาช้อนตัวผม ก่อนอุ้มและพาลงไปในน้ำเหมือนอุ้มเจ้าสาว พี่ฝางกับพี่เอิร์ธพากันยืนมองดูด้วยสายตาแปลกๆ อะตอมวางผมลงตรงที่น้ำไม่ลึกมาก ไม่นานความเปียกชื้นก็แล่นแทรกซึมมาตามเนื้อผ้าและผิวกาย สัมผัสน้ำทะเลแรกของผมจึงเกิดขึ้นโดยสมบูรณ์

"โห...เย็นว่ะ" ผมทำท่าเอามือกอดอก

"เดี๋ยวก็หายแล้ว มันจะหนาวแค่ตอนแรกๆ เท่านั้นแหละ เดี๋ยวร่างกายก็ปรับตัวได้" อะตอมปลอบ ก่อนบอก "อยู่นี่แป๊บหนึ่งนะเว้ย เดี๋ยวกูเอาวีลแชร์ไปเก็บให้"

"อืม" ผมหันไปยิ้มให้เพื่อน

อะตอมวิ่งฉิวขึ้นไปบนชายหาด เขาพับวีลแชร์ของผมแล้วเอาไปเก็บไว้ใต้ต้นไม้ต้นหนึ่งซึ่งอยู่ริมหาดพอดี ไม่นานก็วิ่งกลับมาหาผมและนั่งลงข้างๆ กัน

"ถ่ายรูปไหม อวดป๊ากับแม่มึงหน่อย" อะตอมบอกพลางหยิบโทรศัพท์ที่แขวนคอไว้ออกมา มีซองกันน้ำพลาสติกใสหุ้มไว้อย่างดี สามารถเลือกกดถ่ายรูปโดยใช้ปุ่มวอลลุ่มแทนได้ หรือจะใช้จอสัมผัสก็ได้ แต่ไม่สะดวกเท่าไหร่

ผมยังไม่ทันตอบ อะตอมก็เอียงหัวมาชิดกับผม ยื่นมือข้างที่ถือโทรศัพท์ออกไปข้างหน้า ก่อนกดถ่ายก็ไม่ลืมหันมาเตือนผม

"ยิ้มหน่อยสิวะ ครั้งแรกของมึงนะเว้ย ทำหน้าให้มันมันๆ หน่อย"

ผมยิ้มทันที เพราะขำที่มันพูดเมื่อกี้ อะตอมกดถ่ายไปสองสามรูป ด้วยความใจร้อนและอยากเอาขึ้นเฟสบุ๊คเลย มันจึงถอดโทรศัพท์ออกจากซองกันน้ำ จากนั้นก็รีบอัปรูปขึ้นไปพร้อมกับข้อความหนึ่ง

"สัมผัสน้ำทะเลแรกของกัปตัน โคตรตื่นเต้นเลย ดูหน้าเพื่อนผมสิ"

ไม่ถึงนาที เพื่อนๆ ญาติๆ และคนรู้จักก็มาคอมเมนต์กันใหญ่ ขนาดลมหนุนยังเข้ามาคอมเมนต์เลย สงสัยวันนี้น้องชายผมคงนอนดึก เพราะตอนนี้เกือบจะห้าทุ่มที่อเมริกาแล้ว

อะตอมยื่นโทรศัพท์ให้ผมอ่านคอมเมนต์สักพัก ก่อนเก็บโทรศัพท์ใส่ซองกันน้ำและคล้องคอไว้ตามเดิม

เมื่อหันไปมองรอบๆ ก็พบว่าพี่ฝางกับพี่เอิร์ธเล่นน้ำอยู่ไกลออกไปแล้ว ถ้ามาอยู่กับผมคงวิ่งเล่นสนุกสนานแบบนั้นไม่ได้ บางทีผมก็แอบนึกสงสารอะตอม ไม่รู้ว่าเขาอยากวิ่งเล่นผาดโผนตามประสาผู้ชายหรือเปล่า มาอยู่กับผมอย่างนี้คงน่าเบื่อไม่น้อย

"เออ หลังๆ เนี่ย แม่กูไม่ค่อยจ้ำจี้จ้ำไชกับกูเท่าไหร่ว่ะ เมื่อก่อนนะเว้ย โทรหากูทุกวัน ห่วงกูทุกเรื่องเลย แต่เดี๋ยวนี้...ไม่ค่อยโทรมาแล้ว สองสามวันโทรมาที" ผมเปรยให้เพื่อนฟังขณะนั่งให้คลื่นซัดเล่นสบายๆ

"อ้าว แล้วมึงไม่ชอบเหรอ" อะตอมเอียงคอ

"ชอบดิ ค่อยรู้สึกเป็นอิสระขึ้นมาหน่อย แต่กูก็สงสัยไงว่าทำไม"

"มึงไม่รู้จริงๆ เหรอ" อะตอมถามยิ้มๆ

ผมทำท่าครุ่นคิด "ไม่รู้ว่ะ แต่กูก็สังเกตนะ ตั้งแต่พามึงไปที่บ้านวันนั้น เขาก็ไม่ค่อยโทรหากูแล้ว"

"ไม่เห็นจะเข้าใจยากเลย เพราะแม่มึงเขามั่นใจว่ากูดูแลมึงได้ไง มึงไม่คิดอย่างนั้นเหรอ"

"อ๋อ..." ผมลากเสียงยาว "ก็น่าจะจริง"

อะตอมยิ้มภูมิใจ สักพักก็ชวนผมทำอุตริ "เฮ้ย มึงอยากลงไปลึกกว่านี้ไหม"

"แค่นี้น้ำก็จะท่วมหัวกูอยู่แล้ว" ผมปฏิเสธเพราะบริเวณที่ผมนั่งอยู่ ระดับน้ำทะเลสูงประมาณหน้าอกผมแล้ว ถ้าลงไปลึกกว่านี้ก็ท่วมหัวผมตายพอดี

"ขี่หลังกูไง มึงไม่อยากรู้เหรอว่าลงไปลึกๆ แล้วจะเป็นไง"

"ก็อยาก แล้วมันมีฉลามหรือเปล่าล่ะ"

"แถวนี้ไม่มีหรอก ถ้ามีเขาก็ติดป้ายเตือนไว้แล้ว"

"ลองดูก็ได้" ผมตอบตกลงและยิ้มดีใจ อะตอมก็ยิ้มดีใจเช่นกัน บางทีผมก็อยากเล่นโลดโผนหวาดเสียวตามประสาผู้ชายบ้าง แต่สภาพร่างกายไม่เอื้ออำนวยเท่าไหร่ โชคดีที่ได้มาเจออะตอม อะไรที่ผมไม่เคยทำก็ได้ทำไปหลายอย่างแล้ว

ผมลอยตัวมาเกาะคอของอะตอม พอเรียบร้อยอะตอมก็ยืนขึ้นและค่อยๆ พาผมเดินลงไปอย่างช้าๆ

"มึงฉีดสเปรย์กันแดดยัง" อะตอมชวนคุย

"ฉีดแล้ว" ผมตอบ

"ดีแล้ว เดี๋ยวผิวมึงเสีย กูไม่อยากเห็นผิวมึงคล้ำแดด"

"ทำไม" ผมถามสั้นๆ

"ก็ผิวมึงสวย กูชอบให้มันขาวๆ แบบนี้แหละ"

"แต่ยังไงมันก็คล้ำบ้างแหละ แดดแรงซะขนาดเนี้ย"

"เออ กูรู้ แต่อย่าให้คล้ำเยอะละกัน" อะตอมหัวเราะ

"เอ...แล้วติ๊งกับมายล่ะ" ผมเปลี่ยนเรื่อง นึกสงสัยที่จนป่านนี้ก็ยังไม่เห็นสองสาวตามมาเลย

"ขี่มอไซค์เล่นอยู่มั้ง" อะตอมตอบด้วยน้ำเสียงเหมือนไม่แยแส

"อ้าว แล้วมึงหนีมาได้ไง"

"กูต่อรองว่าจะขี่เล่นเป็นเพื่อนแป๊บหนึ่งไง ถ้าเขาไม่โอเค กูก็จะไม่ไปด้วย ติ๊งก็เลยยอม ขี่เล่นไม่ถึงห้านาที กูก็ลง แล้วก็วิ่งหนีมาเลย" อะตอมเล่าไปหัวเราะไป

"เอางั้นเลยเหรอ เขาไม่โกรธมึงแย่เหรอวะ" ผมนึกหน้าสองสาวนั้นไปด้วย โดยเฉพาะติ๊ง เธอคงผิดหวังน่าดูที่อะตอมหนีมา

"ไม่รู้เว้ย โกรธแล้วจะให้ทำไงวะ"

"แล้วทำไมมึงไม่เล่นกับเขาไปก่อนล่ะ เดี๋ยวค่อยมาเล่นน้ำทะเลก็ได้" ผมยังไม่วายสงสัย

"งั้นกูถามมึงอย่างนี้ละกัน สมมติกูเป็นมึง แล้วมึงก็เป็นกู ระหว่างไปขี่รถมอไซค์เล่นกับสองสาว กับพากูไปเล่นน้ำทะเลครั้งแรก มึงจะไปกับใคร" อะตอมถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง

"ไปกับสาวๆ ดิวะ" ผมสัพยอกพลางขำ

"ไอ้เหี้ย เดี๋ยวกูปล่อยมึงลงน้ำเลย" อะตอมขู่พลางทำท่าจะปล่อยผมลงอย่างที่พูด

"เฮ้ย กูล้อเล่นเว้ย" ผมรีบโวยวาย

"ตอบดีๆ ดิ" อะตอมขู่

"ก็เลือกเหมือนมึงนั่นแหละ" ผมยอมรับไปตามตรง อะตอมจึงยิ้มพอใจ

"ถ้ามึงรู้ว่าอะไรสำคัญกว่า มันก็เลือกไม่ยากหรอก จริงไหม"

"เออ"

อะตอมพาผมมาตรงที่น้ำค่อนข้างลึกแล้ว ระดับน้ำอยู่แถวๆ ราวนม เมื่อร่างกายอยู่ในน้ำแล้วผมก็ไม่หนักมากนัก เพราะมีน้ำพยุงไว้ ผมเพียงแค่เกาะไหล่ของอะตอมไว้เท่านั้น แต่จะว่าไปผมก็เริ่มกลัว เพราะไม่เคยอยู่ในน้ำลึกขนาดนี้มาก่อน

"มันลึกแล้วว่ะอะตอม"

"มึงกลัวเหรอ"

"ก็ไม่ขนาดนั้น" ผมเฉไฉเพราะไม่อยากให้เพื่อนมองว่าผมขี้แย

"มึงว่ายน้ำเป็นเปล่า" อะตอมหันมาถาม

"ก็พอได้ แต่ไม่ค่อยแข็งเท่าไหร่"

"ยังไม่แข็งอีกเหรอวะ แต่กูแข็งแล้วว่ะ จะลองจับดูไหม" อะตอมหันมายิ้มกวนๆ

"สัส ทะลึ่งนะมึง" ผมว่าเพื่อนไม่จริงจังนัก อะตอมหัวเราะยิ้มๆ คงมีความสุขที่ได้พูดหยอกผม

ตอนนี้ระดับน้ำเริ่มใกล้จะถึงคอแล้ว ผมเผลอกอดอะตอมจนแน่น คนถูกกอดคงรู้สึกได้จึงหันมามองผมและยิ้มบางๆ สายตาที่มองมามีกระแสความรู้สึกบางอย่างถ่ายทอดมาให้ ทั้งอบอุ่นและหวานซึ้ง

"เออ เดี๋ยวก็ขึ้นแล้ว" อะตอมเอื้อมมือมาลูบผบเบาๆ เป็นเชิงปลอบใจ

ไม่นานอะตอมก็หยุดอยู่กับที่ เพราะถ้าไปไกลกว่านี้น้ำคงท่วมหัว น่าแปลกที่ความกลัวของผมเริ่มหายไป กลายเป็นความสงบนิ่งและอบอุ่น แม้ว่าน้ำทะเลสีฟ้าซึ่งโอบล้อมรอบตัวจะเย็นสะท้าน แต่แสงแดดข้างบนก็ช่วยให้เราไม่รู้สึกหนาว เมื่อหันมองกลับไปยังชายฝั่งก็เห็นเพียงคนตัวเล็กๆ กระจายตามจุดต่างๆ ส่วนมากเป็นฝรั่ง มีเรือนักท่องเที่ยวอยู่สองสามลำลอยอยู่ไม่ไกลนัก

ภาพที่ปรากฎแก่สายตาช่างสวยงามราวกับภาพฝัน ผมได้ซึบซาบสิ่งทั้งหมดนี้ด้วยประสาทสัมผัสทั้งหมดที่มี ทั้งรูป รส กลิ่น เสียงและสัมผัส ถ้าไม่ใช่เพราะอะตอมพามาสัมผัสด้วยตัวเอง ผมก็คงไม่ได้ประสบการณ์แบบนี้หรอก ต่อให้นั่งเรือยอร์ชหรือเรือสำราญก็คงไม่เหมือนกัน สัมผัสน้ำทะเลครั้งแรกของผมจึงพิเศษกว่าที่ผมคิดไว้มากทีเดียว

"รู้ไหมว่าทำไมกูอยากพามึงมาลึกๆ" อะตอมถามขึ้นหลังจากเราเงียบกันไปสักพัก

"กูก็จะได้รู้ว่ามันลึกแค่ไหน รู้ว่ารู้สึกยังไงเวลาที่อยู่กลางทะเล รู้สึกถึงความเย็น คลื่น ลม กลิ่น แล้วก็...ความกลัว มองไปทางไหนก็มีแต่น้ำ เห็นแต่ชายฝั่งอยู่ไกลๆ มันเป็นภาพที่กูไม่เคยเห็นเลย ไม่เคยรู้สึก ไม่เคยสัมผัส ถ้าเล่นน้ำอยู่แค่ตรงชายหาด กูก็ไม่ได้ความรู้สึกแบบนี้หรอก" ผมบรรยายความรู้สึกของตัวเองด้วยเสียงเบาๆ แต่อะตอมคงได้ยินเพราะผมพูดอยู่ใกล้ๆ หูของมัน

อะตอมยิ้มพอใจ "ดีแล้ว กูดีใจที่มึงรู้สึกแบบนี้ กูอยากให้มึงรู้จักทะเล เพราะกูชอบทะเล จะว่าไปกูก็เหมือนทะเลนั่นแหละ ความรู้สึกที่มึงมีต่อทะเลตอนนี้ ก็น่าจะเหมือนกับความรู้สึกที่มึงมีต่อกูตอนนี้ หนาว เวิ้งว้าง กลัว แต่ก็อยากลงมาสัมผัส"

สิ่งที่อะตอมพูดฟังดูลึกซึ้งเกินวัย แต่มันก็เป็นคนแบบนี้แหละ ไม่ค่อยเหมือนวัยรุ่นวัยเดียวกันเท่าไหร่หรอก คงเป็นเพราะมันปากกัดตีนถีบมาตลอด ความคิดก็เลยเหมือนผู้ใหญ่ไปบ้าง

"อืม...ขอบคุณนะเว้ย กูคิดว่ากูรู้จักทะเลมากกว่าที่กูเคยรู้จักแล้วแหละ" ผมบอกพลางกระชับอ้อมกอดของผมแน่นขึ้นอีกนิด เห็นแก้มใสๆ ของอะตอมแล้ว ผมก็นึกอยากให้รางวัลมันด้วยการหอมเบาๆ แต่สุดท้ายก็ไม่กล้า จึงได้แต่ยื่นหน้าไปใกล้ๆ โดยไม่มีเหตุผลแน่ชัด

"เปลี่ยนจากคำขอบคุณ...เป็นจูบได้ไหมวะ" อะตอมถามหยอกเปลี่ยนบรรยากาศ

"เหี้ย เรื่องอะไร" ผมว่า อดยิ้มเขินๆ ไม่ได้

"ที่กูบอกพี่เอิร์ธกับพี่ฝางเมื่อกี้ กูพูดจริงๆ นะเว้ย" อยู่ๆ อะตอมก็พูดแบบนี้ขึ้นมา

"เรื่องอะไรวะ" ผมเอียงคอ

"อ้าว ที่กูบอกว่า...อะไรที่เป็นครั้งแรกของมึง กูต้องมีส่วนร่วมด้วยไง" อะตอมเฉลย

"อ๋อ...แล้ว..." ผมยังคงไม่เข้าใจความหมายที่ซ่อนไว้อยู่ดี

"ก็..." อะตอมออกอาการเขินล่วงหน้า ผมยิ่งอยากรู้และรอฟังอย่างใจจดใจจ่อ

ไม่นานอะตอมก็ยอมเฉลย "ถ้ามึงจะเปิดซิงครั้งแรก มึงต้องให้คนๆ นั้นเป็นกูนะเว้ย"

"เหี้ย" ผมว่ามัน แต่ดันหน้าแดงตามมันไปด้วย "กูจะขึ้นแล้ว"

"โอเคหรือเปล่าล่ะ ถ้าโอเค...กูถึงจะพามึงขึ้น" อะตอมถือโอกาสแกล้ง

"กูว่ายน้ำขึ้นไปเองก็ได้"

"เอาดิ" อะตอมท้า

แต่เอาเข้าจริงผมก็ไม่กล้า เพราะน้ำตรงนี้ลึกมาก ขนาดมีคนให้เกาะยังรู้สึกกลัวเลย ถ้าว่ายไปเองจะน่ากลัวขนาดไหน

"เร็ว ตกลงหรือเปล่า" อะตอมเร่งเร้า

"เออ" ผมรับคำไปเร็วๆ

"เฮ้ยจริงเหรอ" อะตอมตื่นเต้น มันรีบหันตัวมาหาผม คงลืมตัวว่าผมเกาะคอมันอยู่

ด้วยความกลัวว่าอะตอมจะหลุดมือไป ผมจึงรีบคว้าคอมันไว้และกอดแน่น แต่กลายเป็นว่าตอนนี้ผมกอดด้านหน้าของมัน ใบหน้าของเราแทบจะชนกันทันที ดีที่ว่าผมรู้ตัวก่อนจึงหยุดทัน ถึงอย่างนั้นเราสองคนก็ใกล้กันเกินไปจนรู้สึกประหม่าและใจเต้น

"พูดจริงใช่ไหม" อะตอมถามเหมือนกระซิบ

ผมเบี่ยงหน้าหลบเล็กน้อย ให้จ้องตากับมันใกล้ๆ แบบนี้ ร่างผมคงละลายหายไปกับน้ำทะเลจนได้ "เออ ถ้ามึงทำให้กูรักมึงได้ กูจะยอมให้มึงเป็นคนแรกของกู"

"จริงนะเว้ย" อะตอมทำท่าตื่นเต้นอีก

"เออ มึงจะถามทำไมหลายรอบวะ" ผมแกล้งทำเสียงดุ

"กูอยากถามให้แน่ใจนี่หว่า" อะตอมขำตัวเองเบาๆ "แล้วตอนนี้ล่ะ...ใกล้ความจริงไปกี่เปอร์เซ็นต์แล้ว ถึงห้าสิบเปอร์เซ็นต์ไหม"

ผมพยักหน้ายอมรับอย่างช้าๆ "ก็...ประมาณนั้น"

"งั้นก็เหลืออีกไม่เยอะสิ ได้...กูจะพยายามสุดความสามารถเลย มึงรู้ไหม...กูจะอดใจกับมึงไม่ไหวอยู่แล้ว ยิ่งตอนนี้นะ กูโคตรอยากจูบมึงเลย มากกว่าจูบกูก็โอเคนะ มึงรู้ใช่ไหมว่าทำไม" อะตอมยิ้มกรุ้มกริ่ม

ผมน่ะรู้อยู่แล้ว พอมากอดมันด้านหน้า ข้างล่างของเราจึงสัมผัสกันบ้าง ผมจึงรู้ว่าอาวุธลับของมันตอบสนองยังไง

"แต่กูจะไม่ทำตอนนี้หรอก กูจะห้ามใจตัวเองไว้ก่อน เอาไว้มึงพร้อมเมื่อไหร่ กูถึงจะทำ แต่ถ้ากูอดใจไม่ไหว มึงอย่าว่ากูนะเว้ย ห้ามกูด้วย แต่ถ้ามึงห้ามกูไม่ได้ กูก็ช่วยไม่ได้นะเว้ย" อะตอมยิ้มไปทั้งใบหน้า ความรู้สึกดีๆ ที่มันมีให้ผมตอนนี้แสดงออกมาทั้งทางสีหน้า แววตาและสัมผัสทั้งหมด

"ขึ้นฝั่งได้แล้ว" ผมเปลี่ยนเรื่องพร้อมกับย่นหน้าเล็กน้อย

อะตอมรีบพยักหน้าตกลงทันที "เออ กูก็หนาวจนหดหมดแล้ว"

"หดบ้าอะไรวะ" ผมสัพยอก ก่อนหัวเราะด้วยกันทั้งคู่ เพราะต่างก็รู้ๆ กันอยู่

เมื่อขึ้นมาบนฝั่ง ผมก็เห็นติ๊งกับมายสวมชุดทูพีชเล่นน้ำอยู่ริมๆ ฝั่งกับพี่ฝางและพี่เอิร์ธ ทุกคนหยุดทันทีเมื่อเห็นผมขี่หลังอะตอมขึ้นมาจากน้ำ

"เฮ้ย ไปไหนกันมาวะ หาไม่เจอเลย" พี่ฝางร้องถาม

"แถวๆ นี้แหละพี่ คนมันเยอะ ก็เลยไม่เห็น" อะตอมตะโกนบอก

"พากูไปนั่งบนเก้าอี้ชายหาดก็ได้ มึงจะได้เล่นน้ำกับพวกพี่ๆ เขา" ผมบอกอะตอมเบาๆ พอมันทำท่าจะค้าน ผมก็รีบเถียง "ไปเหอะน่า แค่นี้กูก็พอแล้ว เดี๋ยวมึงจะเหนื่อย กูอยากนั่งพักเฉยๆ แล้ว มึงอยากมาเล่นน้ำทะเลไม่ใช่เหรอวะ ถ้าไม่เชื่อกู จากห้าสิบเปอร์เซ็นต์จะเหลือแค่สามสิบนะเว้ย"

เมื่อโดนขู่อย่างนั้น อะตอมก็ยอมทำตามที่ผมบอกแต่โดยดี มันพาผมขึ้นมานั่งบนเก้าอี้ชายหาด ก่อนที่มันจะไปเล่นน้ำกับอีกสี่คน ส่วนผมก็นั่งดูคนเล่นน้ำบนชายหาดเงียบๆ เห็นอะตอมสนุกแล้ว ผมก็พลอยยิ้มมีความสุขไปด้วย ดูไปยิ้มไป จากห้าสิบเปอร์เซ็นต์ ไม่รู้ว่าตอนนี้เพิ่มไปอีกเท่าไหร่แล้ว

... ... ...

หลังจากเล่นน้ำ เราก็มีกิจกรรมให้ทำอีกหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นทัวร์เกาะ ดำน้ำ พายเรือคายัค เที่ยวศูนย์วิจัยและพัฒนาประมง หมดวันพอดี เป็นที่น่าสังเกตว่าติ๊งกับมายคอยตามประกบอะตอมไม่ห่าง บางทีติ๊งก็ให้มายมาช่วยเข็นผม เพื่อให้ติ๊งจะได้อยู่ใกล้ชิดกับอะตอม ถึงตอนนี้ก็คงชัดเจนว่าติ๊งกำลังคิดอะไร ก็เหลือแค่อะตอมเท่านั้นว่าจะสนองตอบหรือเปล่า

ตกเย็น พวกเราทั้งหมดมานั่งคุยกันที่สระว่ายน้ำของรีสอร์ท มีนักท่องเที่ยวนั่งคุยกันและว่ายน้ำบ้างประปราย ช่วงนี้ไม่ใช่ช่วงหน้าฤดูท่องเที่ยว นักท่องเที่ยวจึงค่อนข้างบางตา แต่ก็ไม่ถึงกับเงียบเหงา

ติ๊งกับมายว่ายน้ำเล่นในสระอยู่สองคน แต่สักพักก็ขึ้นมารบเร้าให้อะตอมลงไปเล่นด้วย อะตอมจึงต้องลงน้ำอย่างเสียมิได้ เหลือผม พี่ฝางและพี่เอิร์ธนั่งคุยกันสบายๆ บนเก้าอี้เอนนอน

"โห ไอ้อะตอมนี่มันโคตรใจแข็งเลยว่ะ ขนาดโดนสองสาวเบียดยั่วมาทั้งวันเลยนะเนี่ย ดูดิ เดี๋ยวโผเข้ากอด เดี๋ยวเกาะหลัง เดี๋ยวมาฉอเลาะออเซาะ ถ้าเป็นพี่นะ ป่านนี้ไม่เหลือแล้ว" พี่เอิร์ธวกกลับมาพูดเรื่องนี้อีกครั้ง หลังจากที่เคยพูดไปเมื่อเช้า

เราสามคนมองดูเหตุการณ์ในสระว่ายน้ำพร้อมกัน ก็เป็นอย่างที่พี่เอิร์ธว่า ติ๊งคอยตามคลอเคลียอะตอมไม่ห่าง เดี๋ยวโผมากอด เดี๋ยวมาเกาะหลัง ถ้าสิงร่างได้คงทำไปแล้ว

"ไม่ไปเล่นกับเขาเหรอ เผื่อเขาจะมาเบียดมั่ง" พี่ฝางหันมาถามเชิงสัพยอก

"เขาไม่มาเกาะผมหรอกพี่" ผมหัวเราะเบาๆ ก่อนถามกลับ "แล้วพี่สองคนล่ะ"

"เฮ้ย หมูเขาจะหาม จะเอาคานไปสอดทำไม" พี่เอิร์ธยิ้มอย่างมีเลศนัย ขณะสายตาก็จับจ้องเหตุการณ์ในสระไปด้วย

ผมก็ยอมรับว่ารู้สึกไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่ ถ้าผมโดนสองสาวยั่วยวนแบบนั้น ผมก็นึกไม่ออกว่าจะอดทนได้หรือเปล่า จึงอดนึกกังวลไม่ได้ว่าอะตอมจะไม่รอด แม้ว่าในใจจะรู้สึกกังวล แต่ผมก็เผลอคุยกับพี่ๆ สามคนจนลืมเหตุการณ์ในสระว่ายน้ำไปเลย พอหันมาดูอีกที อะตอมและสองสาวก็หายไปจากสระว่ายน้ำแล้ว ไม่รู้ว่าหายไปตั้งแต่ตอนไหน

"อ้าว หายไปไหนกันหมดแล้ววะ" พี่เอิร์ธถามพลางมองไปรอบๆ

"ไปอาบน้ำกันแล้วมั้ง" พี่ฝางเดา ก่อนเสนอ "ไปเปลี่ยนชุดกันดีกว่า บาร์จะเปิดแล้ว เดี๋ยวสามคนนั้นก็ตามมาเองแหละ นัดกันไว้แล้วนี่"

พวกเราสามคนตกลงกันตามนั้น พี่ฝางกับพี่เอิร์ธช่วยกันยกวีลแชร์ผมขึ้นบันไดตรงสระว่ายน้ำซึ่งมีอยู่สามขั้น จากนั้นเราก็แยกย้ายกันกลับห้องเพื่อเปลี่ยนชุดให้เรียบร้อยขึ้น ผมเข็นรถวีลแชร์มาที่ห้อง ก่อนจะเอาคีย์การ์ดแตะและเปิดประตูออก พลันก็แทบช็อคเมื่อเห็นเหตุการณ์บางอย่างในห้องพักของผมกับอะตอม

ภาพสองหนุ่มสาวกอดจูบกันอยู่บนเตียงปรากฎขึ้นในลานสายตาผม เพียงเสี้ยววินาทีหลังจากนั้นผมก็ปิดประตูห้อง ก่อนรีบเข็นรถเวีลแชร์ออกไปตามทางเดินซึ่งปูด้วยแผ่นซีเมนต์ มันขรุขระหน่อย ผมจึงต้องยกล้อหน้าขึ้นเพื่อให้เข็นได้ไวขึ้น

ไม่นานผมก็มาหยุดอยู่ที่สระว่ายน้ำเหมือนเดิม แต่ไม่ได้ลงไปข้างล่างเพราะมีบันได ผมเกาะขอบราวรั้วที่ทำเป็นแนวยาวไปตามทางเดินไว้ ไม่มีเพื่อนๆ ที่มาด้วยกันอยู่ตรงนี้แล้ว คนที่อยู่ส่วนมากจึงเป็นนักท่องเที่ยวที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับผม

เมื่อหยุดนิ่งกับที่ ผมก็พบว่าหัวใจผมเต้นแรง ภาพอะตอมกอดจูบกับติ๊งยังติดตาผมไม่หาย แต่ก่อนที่ผมจะดำดิ่งสู่ความรู้สึกนี้ไปมากกว่านั้น ผมก็ได้ยินเสียงฝีเท้าของใครบางคนวิ่งมาตามทางที่ผมมาเมื่อกี้ เมื่อผมหันไปมองตามเสียง ไม่กี่อึดใจเจ้าของร่างก็ปรากฎกายขึ้น ความรู้สึกผิดฉายชัดบนใบหน้าของเขาอย่างแรงกล้า ต่างคนต่างทำตัวไม่ถูกกันทั้งคู่ แต่ผมก็ยังพอมีแก่ใจยิ้มบางๆ ให้

"เสร็จแล้วเหรอ ไวจัง" ผมถามให้เป็นเรื่องขำๆ

"เฮ้ย...คือ..."

"ตกใจทำไม เรื่องธรรมดานี่ ทีหลังมึงก็บอกกูหน่อยดิวะ จะได้ไม่ไปกวน" ผมยิ้มกลบเกลื่อน

"กัปตัน...กู..." เสียงของอะตอมกลืนหายลงคอ แปลกที่ผมไม่อยากรู้เท่าไหร่ว่าเสียงที่หายไปคืออะไร

ผมถอนหายใจสั้นๆ เมื่อรู้สึกว่าหัวใจเต้นช้าลงแล้ว ผมจึงบอกคนที่มาถึง "มึงไม่ต้องคิดมากหรอก มันแค่ห้าสิบเปอร์เซ็นต์เอง ทั้งมึง...และกู มันยังไม่มีใครใช่ร้อยเปอร์เซ็นต์ไม่ใช่เหรอวะ กู...ยังไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์กับมึง มึง...ก็ยังไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์กับใจตัวเอง กูกับมึง...ยังมีโอกาสให้คนอื่นเข้ามานะเว้ย เพราะว่าคนที่ไม่ใช่...ยังไงมันก็ไม่ใช่"

"กัปตัน กูขอโทษ" อะตอมคุกเข่าลงตรงหน้าผม ทำหน้าเหมือนคนจะร้องไห้ หรือไม่ก็คงร้องไห้ไปแล้ว

"มึงอย่าเพิ่งพูดอะไรตอนนี้เลย เอาไว้คุยกันวันหลังดีกว่า กูกับมึง...ต้องชัดเจนกับตัวเองนะเว้ย ไม่งั้นคุยกันไปก็ไม่รู้เรื่องหรอก แล้วถ้าคำตอบไม่ชัด มึงกับกู...ก็จะเล่นกับความรู้สึกกันเองต่อไป มันไม่สนุกหรอก ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าดีกว่า พี่สองคนเขารออยู่"

พูดจบผมก็เข็นรถออกไป เบี่ยงหลบอะตอมเล็กน้อย มุ่งตรงไปยังห้องพักของตัวเองอีกครั้ง รู้สึกใจคอไม่ดีเท่าไหร่เพราะเมื่อกี้เพิ่งเห็นสิ่งที่ไม่อยากเห็น แต่ผมก็ต้องทำใจให้เข้มแข็งเข้าไว้

กระนั้นก็อดคิดไม่ได้ว่าเมื่อเกิดมาเป็นแบบนี้แล้ว ผมคงต้องยอมรับสภาพชีวิตไร้รักที่จริงใจอย่างนี้ต่อไป



TBC


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-11-2017 10:44:51 โดย HuskyLover »

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2590
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ kunt

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +42/-1
อ่าว อะต้อมมมม ทำไมทำกันแบบนี้ ไม่ละมุนละ ไม่ละ

ออฟไลน์ weedear

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-4
ทำไมทำแบบนี้้้้้้อะตอม

ออฟไลน์ ohm

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 424
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-2

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ก็อย่างที่ก้ปตันว่า มันแค่ห้าสิบ
อะตอม อย่าเพิ่งคิดมาก

จริงๆอะตอม ไม่ใช่เกย์แต่แรก
ยิ่งมาถูกสองสาวปลุกเร้า ยัวยวน ตลอดๆ
ก็ยากที่จะไม่เกิดอารมณ์
ขนาดพี่เอิร์ท พี่ฝางยังบอกห้ามใจยาก
แล้วอะตอมก็มีอารมณ์กับกัปตัน ตั้งแต่อยู่ในทะเลแล้ว

อะตอม รู้สึกเสียใจที่มีอารมณ์กับติ๊ง แล้วกัปตันเห็น
งั้นถ้ากัปตันไม่อยู่ในเหตุการณ์ ไม่มาด้วยในคราวนี้
อารมณ์ที่เกิด ก็คงเตลิดไปต่อ จนจบสินะ

อะตอม คงต้องถามตัวเองว่าจะเอายังไงกันแน่
เพราะถ้าเป็นเหมือนเดิม อะตอมมีสาวเข้าหาไม่ขาดอยู่แล้ว
แต่พออะตอม มาเข้าหากัปตัน ที่เคยได้มันไม่ได้
จะได้ก็ต่อเมื่อ กัปตันให้ถึงร้อย
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ fay 13

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5635
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +286/-44

ออฟไลน์ GuoJeng

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1268
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
โชคดีของอะตอมที่กัปตันไม่คิดไรมาก แต่กัปตันคงน้อยใจมั้งล่ะ งอนกันเลย 555
  ที่เที่ยวทางภูเขาที่มีทางสำหรับวีลแชร์ เคยเห็นรายการโทรทัศน์ของคุณกฤษณะ ทางช่องเนชั่นทีวี เขาไปเที่ยวอุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน จ.ลำปาง เขามีทางสำหรับคนใช้วีลแชร์ด้วยนะคับ
 รออ่านตอนต่อไป

ออฟไลน์ ทีมภูเขา

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 5
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0

ออฟไลน์ EoBen

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3306
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-6
คือกัปตันมองโลกในแง่ดีมาก

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกไง

ปากพูดอยุ่ตลอดว่าจริงจัง

แต่ก็เห็นล็อกแล็กทุกที

เลิกพูดเหอะ

ออฟไลน์ wutwit

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 259
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-2
ยังไม่ชัดเจนแบบนี้ อย่ามาให้ความหวังกัปตันนะ เคืองๆๆๆๆๆๆ

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ HuskyLover

  • นิยาย "วาย" ละมุน
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 95
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-3
EP15 (Part 1)
เป็นเมียก็ยอม



<<<ATOM>>>

ผมพากัปตันไปส่งที่บาร์ พี่ฝางกับพี่เอิร์ธพากันลงมาช่วยกันยกขึ้นไปบนชั้นสองด้วย พื้นที่ไม่ค่อยสะดวกสำหรับวีลแชร์เท่าไหร่นัก เพราะส่วนมากเป็นโต๊ะนั่งสูง แถมทางให้เดินก็ค่อนข้างแคบ ถึงอย่างนั้นเราก็พอหาโต๊ะนั่งได้ เมื่อมากันครบหน้าเราก็ทยอยสั่งอาหารและเครื่องดื่ม

จะว่าไปผมก็รู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่ที่ต้องมานั่งอยู่ตรงนี้ เพราะมองหน้าสองสาวไม่สนิทใจเลย ยิ่งเห็นก็ยิ่งรู้สึกผิดกับความหน้ามืดของตัวเอง ในขณะเดียวกันผมก็รู้สึกละอายใจเมื่อนึกถึงความรู้สึกของกัปตันด้วย คงไม่มีอะไรจะน่าละอายใจไปมากกว่าการเสียคำพูดของตัวเองอีกแล้ว

"เป็นไรวะมึง" พี่เอิร์ธถามพลางยื่นแก้วเหล้ามาให้ คงสังเกตดูผมสักพักแล้วจึงถามอย่างนั้น

"เปล่าพี่" ผมยิ้มแกนๆ กลบเกลื่อน เมื่อหันไปมองกัปตันก็เห็นเขาทำหน้าเฉยๆ แถมยังไม่ค่อยสบตาผมด้วย

"เปล่าได้ไงวะ เนี่ย มึงลองถามทุกคนดูสิว่ามึงหน้าเครียดหรือเปล่า" พี่เอิร์ธยังไม่วายสงสัย

"อ๋อ ไม่มีอะไรจริงๆ ครับพี่ ผมเผลอคิดเรื่องส่วนตัวนิดหน่อย" ผมแก้ตัวอีกรอบและยิ้มแห้งๆ

"เรื่องพ่อมึงเหรอ ก็ช่างเขาเหอะ เขามีเมียก็ดีแล้ว จะได้มีคนดูแลเขา มึงจะได้ไม่ต้องห่วงเขาไง" พี่ฝางพูดขึ้นมาบ้าง ผมเคยเล่าเรื่องนี้ให้ฟังเป็นเดือนๆ แล้ว แต่ยังอุตส่าห์จำได้

"ไม่ใช่หรอกพี่" ผมแย้ง

"อ้าว แล้วเรื่องอะไร เรื่องแฟนมึงเหรอ เออ มีปัญหาอะไรกันหรือเปล่าวะ เดี๋ยวนี้กูไม่เห็นมึงพูดถึงเขาเลย" พี่ฝางถามต่อ

"เขาเลิกกันไปแล้ว" ติ๊งชิงตอบ คงอยากมีส่วนร่วมในการสนทนาบ้าง แต่ผมก็ไม่อยากสนทนากับเธอนัก ไม่ใช่เพราะเธอผิดหรืออะไร ผมต่างหากที่ผิดเอง

"อ๋อ มึงอกหักเหรอ ถึงว่าล่ะมึงถึงได้ดูเครียดๆ งั้นมาชนแก้วกัน ตอนกูอกหักนะเว้ย มีแต่เหล้านี่แหละเป็นเพื่อน มันช่วยได้นะเว้ย เมาแล้วไม่ต้องคิดมาก ไม่ต้องฟุ้งซ่านด้วย เมาแล้วก็นอน ตื่นก็ไปทำงาน ไม่กี่วันก็ดีขึ้น เชื่อกู มาๆ ชนแก้วกันหน่อย" พี่เอิร์ธพูดพลางยกแก้วตัวเองขึ้นพร้อมกับเลื่อนไปรอบๆ เพื่อขอชนแก้ว

ผมพยักหน้าเออออไปตามเรื่องตามราว แม้จะไม่ใช่ข้อมูลที่ถูกต้อง แต่ก็ช่วยให้ผมไม่ต้องตอบคำถามที่น่าลำบากใจไปได้ ผมจึงยกแก้วชนกับทุกคน ดีที่กัปตันยังมีแก่ใจชนแก้วกับผมบ้าง หลังจากนั้นวงเหล้าของเราก็เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ

กัปตันดื่มเหล้าไปหลายแก้วทีเดียว คงจะเมาพอสมควรเพราะหน้าแดง ส่วนผมแค่จิบๆ เพราะไม่อยากเมา ไม่งั้นจะดูแลกัปตันไม่ได้ เมื่อทำบางอย่างพลาดไปแล้ว ผมก็ไม่อยากให้พลาดเรื่องอื่นซ้ำอีก แม้ว่าพี่ฝางกับพี่เอิร์ธจะคะยั้นคะยอเรื่อยๆ ผมก็แค่ยกขึ้นจิบพอเป็นพิธี

บรรยากาศเริ่มครึกครื้นเพราะเสียงเพลงและคนที่เริ่มทยอยมากันมากขึ้นจนแน่น ส่วนมากเป็นฝรั่ง ส่วนโต๊ะของเราก็คุยกันสนุกดี มีเสียงหัวเราะเรื่อยๆ ดูเผินๆ ก็ดูเหมือนปกติ แต่จะมีสักกี่คนสังเกตเห็นความผิดปกติระหว่างผม กัปตันและติ๊ง

ในช่วงจังหวะหนึ่ง กัปตันหันมาสบตากับผมโดยบังเอิญ สบตาอยู่นานกว่าปกติ ผมถือโอกาสนี้ส่งคำขอโทษและความรู้สึกผิดผ่านสายตาไปให้ ที่มันกินเหล้าเยอะขนาดนี้ คงเป็นเพราะผมแน่ๆ ต่อให้มันไม่เคยมีความรู้สึกอย่างนั้นกับผมแม้แต่เปอร์เซ็นต์เดียว แต่การผิดคำพูดก็อาจจะทำให้ขุ่นเคืองใจ รวมทั้งความเชื่อใจกันก็คงลดหายไปด้วย แต่วันนี้ความรู้สึกที่เขามีให้ผมมันมาถึงห้าสิบเปอร์เซ็นต์แล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นคงทำให้กัปตันเจ็บอย่างไม่ต้องสงสัย

ประมาณชั่วโมงเศษๆ เราก็ลงไปนั่งดื่มกันต่อที่ชายหาด ลงมาถึงกัปตันก็ร้องหากีตาร์ก่อนอย่างอื่น ผมจึงวิ่งกลับไปเอาที่ห้องมาให้ ตอนมาเราเอาติดรถมาด้วย ตามประสาคนชอบดนตรีก็คงอยากนั่งเล่นกีตาร์ริมทะเลสบายๆ อยู่แล้ว น่าเสียดายที่บรรยากาศไม่ได้เป็นอย่างที่เราตั้งใจไว้ตั้งแต่แรก

กัปตันเล่นกีตาร์และร้องเพลง คนอื่นๆ ร้องตาม บางช่วงก็ผลัดให้พี่ฝางกับพี่เอิร์ธเล่น ดูเผินๆ ก็เหมือนพวกเราสนุกกันมาก แต่คงไม่ใช่สำหรับผม ใจผมคงสงบไม่ได้หรอกถ้ายังไม่ได้คุยกับกัปตันให้เข้าใจ แต่ตอนนี้เราสบตากันน้อยเหลือเกิน น้อยจนผมรู้สึกว่าคนที่ผมคอยจ้องมองด้วยความเป็นห่วงตอนนี้ เป็นใครสักคนที่ผมไม่รู้จักหรือเปล่า

"เฮ้ย มึงดื่มเยอะไปเปล่าวะ" เมื่อถึงจุดหนึ่ง ผมก็อดที่จะปรามกัปตันด้วยความเป็นห่วงไม่ได้ ตั้งแต่ลงมาที่ชายหาด มันล่อเบียร์ไปหลายกระป๋องแล้ว

กัปตันเพียงแต่หยุดชะงักและแวบมองผม แต่ก็หาได้แยแสความเป็นห่วงของผมไม่ เขายกซดต่อหน้าตาเฉย ครู่เดียวก็วางลง ก่อนส่งเสียงที่เริ่มฟังดูอ้อแอ้ "พี่ ผมขอกีตาร์หน่อย ผมจะเล่นเพลงหนึ่งให้ฟัง"

พี่เอิร์ธส่งกีตาร์ให้กัปตัน เจ้าตัวรับไปและจัดวางให้อยู่ในตำแหน่งที่เล่นได้ถนัด ไม่นานก็เริ่มเล่นเพลงหนึ่ง ตั้งแต่อินโทรขึ้นมา ผมก็รู้สึกได้ถึงความเศร้า ยิ่งได้ฟังเนื้อหา ก็ยิ่งรู้สึกได้ว่าคนร้องคงอยากสื่อหรือปลดปล่อยอารมณ์บางอย่าง จนกระทั่งมาถึงท่อนฮุก

"แค่เพียงเผลอใจ เผลอใจมารักกัน ให้ฉันเข้าใจผิดไป เพิ่งจะรู้ตัว ที่เธอมาให้ใจ เพิ่งรู้ว่าเป็นแค่เพียง ความรักที่ไม่ตั้งใจ"

เสียงร้องเพลงและเสียงกีตาร์ที่กัปตันเล่นบาดลึก ผมไม่เคยได้ยินเพลงนี้มาก่อนเลย ไม่รู้ว่ากัปตันแต่งเองหรือเปล่า ถ้าใช่ กัปตันแต่งให้ใครกัน ให้ผู้หญิงคนนั้นที่เคยทำให้กัปตันเจ็บหรือเปล่า แล้วทำไมกัปตันถึงเอาเพลงนี้มาร้องตอนนี้ล่ะ คงจะเป็นเพราะใครไม่ได้...นอกจากผม!

ไม่รู้ว่าผมทนนั่งฟังเพลงนั้นโดยไม่ร้องไห้ได้ยังไง แต่ผมก็ฟังจนจบ ความรู้สึกสงสารท่วมท้นเต็มหัวใจ ถ้าไม่เกรงใจคนอื่นๆ ที่อยู่ตรงนี้ ผมคงจะกอดกัปตันไปแล้ว แต่เขาคงไม่ให้คนผิดคำพูดอย่างผมกอดหรอก หรือไม่ผมก็คงไม่มีสิทธิ์กอดเขาอีกต่อไป

เสียงปรบมือของคนฟังดังขึ้น ผมอาศัยจังหวะนี้ลุกขึ้นและหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแนบหู ก่อนทำท่าขอตัวและเดินออกไปยืนริมทะเลสีมืดดำห่างออกไป ไม่มีใครโทรมาหาผมหรอก ตรงกันข้าม ผมกำลังโทรหาใครบางคนต่างหาก

"พี่โดม สะดวกคุยไหมครับ" ผมกรอกเสียงลงไปเมื่ออีกฝ่ายรับสาย

"อ๋อ...เออ...สะดวก มีอะไรหรือเปล่า" เสียงจากอีกปลายสายตอบมา ฟังดูเหมือนลังเลอยู่ในที แต่ผมก็ไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะจับสังเกตได้มากขนาดนั้น

"ผมมีเรื่องอยากปรึกษาพี่โดมหน่อยครับ สักยี่สิบนาที พี่พอมีเวลาไหมครับ" ผมทอดสายตาไปเบื้องหน้าซึ่งมืดมิดจนแทบไม่เห็นอะไรนอกจากแสงดาวระยิบระยับ เสียงคลื่นซัดสาดตอนนี้ไม่ช่วยให้จิตใจผมผ่อนคลายเลยแม้แต่น้อย

"อ๋อ ได้ๆ" พี่โดมรับคำ ก่อนหันไปพูดอะไรสักอย่างซึ่งผมฟังไม่ชัด อาจจะขอตัวเพื่อนหรือใครสักคนออกมาคุยกับผมก็ได้

เมื่อพี่โดมพร้อม ผมจึงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อช่วงเย็นให้ฟัง

"ผมหน้ามืดน่ะพี่ มันเกิดขึ้นเร็วมาก รู้ตัวอีกที...ผมก็พลาดไปแล้ว ไม่มีอะไรจะแก้ตัวครับพี่ ผมผิดจริงๆ แล้วผมก็ดูออกว่า...กัปตันเสียใจ แต่เขาไม่พูด เขาไม่พูดกับผมเลย ผมสงสารเขาน่ะพี่ ผมจะทำยังไงดีครับพี่โดม" ขณะพูดผมก็หันกลับไปมองกลุ่มเพื่อนที่มาด้วยกัน กัปตันยังคงเล่นกีตาร์และร้องเพลงอยู่

"แม่งเอ๊ย มึงนี่ กูไม่รู้จะพูดยังไงว่ะ มึงไม่รู้เหรอว่าน้องกูมันเคยอกหักมาก่อน ความเชื่อมั่นในความรักของมันแทบจะเป็นศูนย์อยู่แล้วนะเว้ย" พี่โดมทำเสียงเหมือนไม่สบอารมณ์ ก่อนพูดต่ออย่างเซ็งๆ "กูแอบหวังว่ามึงจะช่วยให้น้องกูกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้นะเว้ย มึงกลับมาซ้ำเติมมันซะอีก ตอนนี้...ความเชื่อมั่นของกัปตันคงติดลบไปแล้ว กูช่วยไม่ได้จริงๆ ว่ะ"

"อย่างงั้นเลยเหรอพี่" ผมครางเบาๆ รู้สึกใจเสียไปเลย

"แล้วมึงคิดว่ามันควรเป็นอย่างงั้นไหมล่ะ" พี่โดมย้อนถาม แต่เมื่อใจเย็นลงแล้วจึงพูดด้วยน้ำเสียงที่ฟังดีขึ้น "ถ้ามึงรักน้องกูจริง...ไม่ใช่แค่สงสาร มึงก็ต้องทำจากติดลบให้กลับมาเป็นบวกให้ได้ แต่กูบอกไว้ก่อนเลยนะเว้ยว่ายาก เข็นครกขึ้นภูเขาว่ายากแล้ว เข็นรักขึ้นภูเขายากกว่าอีก มึงตัดสินใจเอาเองละกันว่าจะทำไหม อดทนไหวไหม โอกาสครั้งที่สองยากกว่าโอกาสครั้งที่หนึ่งนะเว้ย แล้วกูก็มั่นใจว่าโอกาสครั้งที่สามไม่มีแน่นอน เพราะฉะนั้น มึงหน้ามืดได้ครั้งนี้ครั้งเดียว ถ้ามีครั้งที่สอง...จบ!"

แค่ได้ยินคำว่า "จบ" ผมก็ใจหายวาบ ถึงอย่างนั้นผมก็เห็นด้วย ถ้ามีครั้งที่สองคงจบอย่างที่พี่โดมว่า แต่ถ้ามีอีกครั้ง กัปตันไม่จำเป็นต้องออกปากไล่ผมหรอก เพราะผมคงพิจารณาตัวเองได้ว่าควรทำยังไง

"ครับพี่ เอ่อ...พี่ช่วยเล่าเรื่องแฟนเก่าของกัปตันให้ผมฟังได้ไหมครับ ผมเคยลองถามเขาแล้ว แต่เขาเหมือนไม่ค่อยอยากเล่าเท่าไหร่" อยู่ๆ ผมก็เกิดอยากรู้เรื่องนี้ขึ้นมา เพราะถ้าผมเข้าใจเรื่องนี้ ผมก็น่าจะเข้าใจความรู้สึกของกัปตันตอนนี้ได้มากขึ้น

"มึงจะรู้ไปทำไมวะ" พี่โดมถามเสียงห้วน

"ผมอยากเข้าใจกัปตันมากขึ้นน่ะพี่ ผมอยากรู้ว่ารักแรกของเขา...ทำให้เขาเป็นแบบนี้หรือเปล่า"

"ก็มีส่วนแหละ แต่กูก็ไม่ค่อยรู้มากนะเว้ย กัปตันเขาไม่ค่อยเล่าให้ใครฟัง" พี่โดมออกตัว

"ไม่เป็นไรพี่ พี่เล่าเท่าที่พี่รู้ก็ได้ครับ" ผมอ้อนวอน

"เออ" พี่โดมทำเสียงเหมือนรำคาญ ก่อนเริ่มต้นเล่าเรื่องรักแรกของกัปตันให้ผมฟัง "สาวที่กัปตันแอบชอบ ก็เรียนโรงเรียนเดียวกันนั่นแหละ แต่กูจำไม่ได้ว่าเรียนชั้นเดียวกันหรือเปล่า กัปตันเคยเอารูปมาให้กูดูด้วย เขาก็สวยน่ารักดีนะ รู้สึกว่า...ตอนนั้นกัปตันจะแอบชอบเขาเป็นปีๆ เลย แต่ไม่กล้าบอก จนถึงวันวาเลนไทน์ กูก็เลยแนะนำให้กัปตันเอาดอกกุหลาบไปให้ ตอนแรกเขาก็ไม่กล้าหรอก แต่กูก็พยายามให้กำลังใจ เขาก็เลยลองดู ปรากฎว่าเขารับดอกกุหลาบไป จากนั้นไม่กี่วัน เขาก็มาคุยด้วย เริ่มสนิทกันมากขึ้น กัปตันเขาดีใจมากเลยล่ะ โทรมาเล่าให้กูฟังแทบทุกวัน รู้สึกว่าเดตแรก...เขาไปดูหนังด้วยกันหรือไงนี่แหละ คบกันเกือบๆ สองเดือนได้มั้ง กัปตันเขาแต่งเพลงให้สาวคนนั้นด้วย กูเคยฟังเหมือนกัน แต่นานแล้ว ทีนี้...อยู่ดีๆ วันหนึ่ง สาวที่กัปตันชอบก็มาขอเลิกคบ เพราะว่าเขามีแฟนอยู่แล้ว อยู่คนละโรงเรียน แล้วไอ้หมอนั่นมันก็มาว่ากัปตันด้วยว่า...ไม่เจียมสังขาร ไม่มีปัญญาดูแลผู้หญิงได้หรอก อะไรประมาณนี้แหละ มันฟังดูแย่ กูเลยไม่อยากจำ ช่วงนั้น...กัปตันหงอยไปเลย เศร้าไปหลายเดือน น่าสงสารเขามาก บางวันก็ร้องไห้ กูก็ได้แต่ปลอบใจ พยายามพาไปเที่ยว หาเวลามาอยู่เป็นเพื่อน แต่ก็ยังใช้เวลาหลายเดือนนะกว่าเขาจะตัดใจได้ แทบแย่เหมือนกัน"

น้ำตาผมไหลลงมาตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้ รู้แต่ว่าพอฟังพี่โดมเล่าจบก็มีความเปียกชื้นตามขอบตาและแก้มไปแล้ว ผมอดสะเทือนใจไม่ได้เลยที่วันนี้ผมคงทำให้กัปตันรู้สึกเหมือนวันนั้น มันน่าให้อภัยหรือเปล่าที่ผมทำแบบนี้

"จริงเหรอครับพี่โดม"

"เออ กูจะโกหกมึงทำไมวะ" พี่โดมทำเสียงเหมือนหงุดหงิด

ผมหันไปมองกัปตันอีกครั้ง เขายังคงร้องเพลงอยู่ แต่ผมไม่รู้สึกว่าเขามีความสุขเลย แววตาของเขาไม่ใช่แววตาของคนมีความสุขที่ได้ร้องเพลงเหมือนทุกครั้ง หลายๆ เพลงที่ร้องก็เป็นเป็นเพลงเศร้าๆ ด้วยซ้ำ แต่คนที่นั่งรายล้อมคงไม่รู้ว่าหัวใจคนร้องเพลงเจ็บแค่ไหน หรือกำลังเผชิญอะไรอยู่

หัวใจห้าสิบเปอร์เซ็นต์ที่ให้ผมมานั้นมีความหมาย แต่ผมก็ทำลายความหมายดีๆ ทั้งหมดนั้นด้วยความขาดสติของผมเอง เผลอๆ ตอนนี้อาจจะติดลบไปอย่างที่พี่โดมว่าแล้วก็ได้ ผมไม่น่าทำเรื่องแบบนี้เลย

"แค่นี้ก่อนนะครับพี่โดม"

ผมบอกแล้วรีบวางสาย เก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋ากางเกง ก่อนเดินตรงรี่เข้ามาหากลุ่มเพื่อนๆ ที่ยังคงนั่งร้องเพลงกันอยู่ น่าแปลกที่ไม่เห็นสองสาวแล้ว สงสัยคงจะกลับไปนอน เมื่อผมมาถึง กัปตันก็หยุดร้องเพลงพอดี มือหนึ่งของเขาเอื้อมไปหยิบกระป๋องเบียร์ขึ้นมาเตรียมกระดก ผมรีบเอามือแตะห้ามไว้

"พอเหอะ ไปนอนได้แล้ว"

กัปตันชะงักและมองหน้าผม พี่ฝางกับพี่เอิร์ธทำท่าอยากรู้ไปด้วย

"มึงดื่มเยอะแล้วนะเว้ย" ผมเตือนด้วยสายตาอ้อนวอนอีกครั้ง

กัปตันไม่พูดตอบ แต่ไม่นานก็ยอมวางกระป๋องเบียร์ลงแต่โดยดี ผมย่อตัวลงนั่งหน้าวีลแชร์และหันหลังให้กัปตัน รอสักพักใหญ่ๆ กัปตันก็ยอมก้มลงมากอดคอผม ผมค่อยๆ ลุกขึ้นยืน ก่อนหันไปบอกพี่ฝางกับพี่เอิร์ธ

"ผมฝากเอากีตาร์กับวีลแชร์ไปส่งที่ห้องผมให้หน่อยนะพี่"

"เออๆ เดี๋ยวเอาไปให้" พี่ฝางรับคำ เขาดูไม่เมาเท่าไหร่ เพราะคนที่เมาหนักกว่าใครคือกัปตันนี่แหละ

ผมพากัปตันขี่หลังเดินออกไป เขายังคงไม่พูดอะไรกับผมแม้แต่คำเดียว หัวใจผมจะขาดรอนๆ เสียให้ได้ เมื่อมาถึงห้องผมก็ให้กัปตันนอนบนเตียงของเขา ไม่นานก็หลับไป ผมนั่งมองร่างขาวจัดและถอนหายใจอย่างกลัดกลุ้ม รู้สึกถึงความทรมานในหัวใจตัวเองจนแทบทนไม่ไหว ผมคงทำกัปตันเจ็บหนักเข้าให้แล้ว เขาถึงไม่ยอมพูดกับผมเลยแม้แต่คำเดียว

ในโลกใบนี้ ผมจะหักอกหรือทำใครเจ็บบ้างก็คงไม่ใช่เรื่องแปลก แต่สำหรับกัปตัน ผมทำเขาเจ็บไม่ได้ แต่ผมก็ทำไปแล้ว

หวังว่า...กัปตันจะไม่ตัดสินผมจากความผิดพลาดครั้งนี้ไปตลอดชีวิต



TBC



// ขออภัยครับ โดนเพื่อนลากไปเที่ยว ตปท. เลยเวลาอัปเดตปกติ (วันอาทิตย์) มาหลายวันเลย อีก 50% มาดึกๆ วันนี้ครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-11-2017 10:45:00 โดย HuskyLover »

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ EoBen

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3306
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-6
ไม่รู้จะปลอบใจยังไงนะ

ทางนี้ก็ลดความเชื่อใจไปเต็มๆเหมือนกัน

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
หน้ามืดนี่ละ เป็นทั้งตัณหา และทำให้เป็นปัญหา
วัยรุ่น วัยฮอร์โมนพลุ่งพล่าน
แค่ยั่วๆแตะนิดแตะหน่อยก็ขึ้นละ แม้ไม่ใช่คนรัก
ขนาดสองหนุ่มที่มาด้วย
ยังยอมรับว่าสองสาวยั่วยวนอารมณ์เพศจริงๆ

อะตอม คงต้องใช้เวลานาน
ในการทำให้กัปตันหันมาหาใหม่
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
ค่ะ เลี่ยงมาได้ตั้งนาน ดันมาตบะแตกเอาตอนนี้ สมควรแล้วอะตอม

กัปตันคงนอยด์ไปสิ ก็ให้ไปแล้ว 50 กำลังจะเพิ่มให้อีก แต่ตอนนี้คงดับเบิ้ลติดลบ
สงสารกัปตันนะ นอยด์หลายเรื่อง ทั้งเรื่องร่างกาย แล้วยังต้องมาเจอเรื่องทำร้ายจิตใจอีก
ต่อให้เข้มแข็ง ทำใจไว้แค่ไหน ก็ต้องรู้สึกบ้าง

อะตอม เหมือนโดมบอก ถ้าทำไม่ได้ก็หยุดเหอะ อย่าเดินต่อเลย

ออฟไลน์ HuskyLover

  • นิยาย "วาย" ละมุน
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 95
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-3
EP15 (Part 2)
เป็นเมียก็ยอม



<<<ATOM>>>

เช้าวันต่อมา กัปตันก็ยังคงไม่คุยกับผม แม้ว่าจะยอมให้ผมช่วยในบางเรื่องก็ตาม แต่ก็ยังดูเงียบๆ อยู่ ช่วงสายๆ เราเดินทางกลับขึ้นฝั่ง จากนั้นก็แยกย้ายกันกลับ ผมกลับกับกัปตันซึ่งมีรถที่บ้านมารับ ส่วนอีกสี่คนที่เหลือไปรถของพี่ฝาง

ระหว่างทางกัปตันก็นั่งเงียบ คอยมองออกไปแต่นอกรถและดูซึมๆ เขาดูเงียบจนผมรู้สึกกลัวและไม่กล้าคุยด้วยเลย เราจึงนั่งเงียบกันไปตลอดทาง เป็นที่แปลกใจของคนขับรถยิ่งนัก เพราะขามาเราคุยกันตั้งแต่ออกจากบ้านจนถึงระยอง ถ้าลิงนั่งมาด้วยคงหลับคาที่ แต่ขากลับกลับเงียบจนเหมือนไม่มีใครนั่งมาด้วย พี่คนขับจึงต้องเปิดเพลงคลอไปตลอดทาง

เรามาถึงบ้านเกือบๆ เย็น คนขับรถส่งผมที่คอนโดก่อน จากนั้นก็พากัปตันกลับบ้าน คงจะกลับไปกินข้าวกับแม่และป๊า ผมไม่ได้ตามไปด้วย เพราะอยากให้ครอบครัวเขาได้มีเวลาอยู่ด้วยกันส่วนตัวมากกว่า อีกอย่างก็เพิ่งเกิดเรื่องด้วย

เมื่อขึ้นมาบนห้อง ผมก็เอาเสื้อผ้าที่ใส่แล้วออกจากกระเป๋าเป้และเอาไปซักในห้องน้ำ ที่จริงข้างล่างก็มีเครื่องซักผ้าให้บริการอยู่ แต่ผมชอบซักมือมากกว่า สะอาดกว่าแถมยังไม่ต้องเสียเงินเพิ่มด้วย ระหว่างนั้นก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ผมล้างมือและรีบวิ่งออกจากห้องน้ำมารับสาย เมื่อเห็นเบอร์คนโทรมาผมก็แปลกใจไม่น้อย แต่ลังเลไม่นานผมก็กดรับ

"อะตอมเหรอ" เสียงปลายสายถามมา ผมจำน้ำเสียงคุ้นหูนี้ได้ดีเสมอ แม้ว่าจะไม่ค่อยได้ยินในช่วงหลังๆ

"อืม มีอะไรหรือเปล่าอั้ม" ผมเรียกชื่อแฟนเก่าอย่างไม่เต็มปากนัก ตั้งแต่เลิกกันมา ผมแทบไม่เคยเรียกชื่อนี้อีกเลย

"อั้มมีอะไรจะบอกน่ะ เป็นเรื่องของกัปตัน แต่อั้มไม่กล้าบอกเขาตรงๆ อินก็รู้นะ แต่ไม่รู้เขาบอกกัปตันหรือเปล่า" น้ำเสียงของอั้มฟังดูเหมือนมีเรื่องไม่สบายใจ น่าจะมากพอสมควร ไม่งั้นเธอคงไม่กล้าโทรหาแฟนเก่าแน่ๆ

"เรื่องอะไรเหรอ" ผมรีบถามไปทันที รู้สึกสังหรณ์ใจว่าน่าจะเป็นเรื่องไม่ดี

เสียงอั้มถอนหายใจเบาๆ ดังขึ้น ไม่นานเธอก็พูด "จริงๆ อั้มก็ลำบากใจนะที่พี่ๆ เขาคิดแบบนี้ แต่อั้มว่ามันไม่ดีเลย ถ้ากัปตันรู้ เขาต้องเสียใจแน่ๆ เลย"

"ขนาดนั้นเลยเหรอ" ผมครุ่นคิดหน้าเครียด แม้ยังไม่รู้ว่าเป็นเรื่องอะไรก็ตาม

"พี่ปริมกับพี่สาน่ะ เขาดูไม่ค่อยชอบกัปตันเท่าไหร่ งานประกวดคิ้วท์บอย มันมีการแสดงร่วมกันของคนที่เข้าประกวดด้วยนะ แต่ว่า...พี่สองคนเขาไม่ให้พวกเราบอกกัปตัน พี่เขาบอกว่ากัปตันแสดงไม่ได้หรอก เพราะว่าเขาใช้วีลแชร์ ไม่รู้ดิ แต่อั้มคิดว่ามันน่าจะมีวิธี อีกอย่างมันจะปิดได้ยังไง วันงานกัปตันก็ต้องรู้อยู่ดีแหละ อั้มกลัวเขาคิดมากน่ะ เพราะเขาไม่มีส่วนร่วมในการแสดงเลย"

แม้ว่าอั้มจะมีนิสัยเอาแต่ใจและติดหรูไปบ้าง ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ผมกับเธอคบกันต่อลำบาก แต่เธอก็มีข้อดีอื่นๆ อีกหลายอย่างเหมือนกัน ถึงอย่างนั้น ผมก็คิดไม่ถึงหรอกว่าเธอจะโทรมาเล่าเรื่องนี้ให้ผมฟัง

"อั้มรู้ไหมว่าเหลืออีกกี่วันจะประกวด"

"อีกห้าวัน วันศุกร์นี้แล้วไง"

"งั้น...เดี๋ยวอะตอมจัดการเอง ตั้งห้าวัน น่าจะพอซ้อมทันอยู่"

"อะตอมจะทำอะไร" อั้มสงสัย

"ก็พากัปตันไปซ้อมไง" ผมบอกเสียงเรียบ

"เอางั้นเลยเหรอ" อั้มทำน้ำเสียงไม่แน่ใจ

"ใช่ อั้มรู้ไหมว่าเขาซ้อมวันไหน เวลาไหน ที่ไหน"

"อ๋อ เดี๋ยวส่งเข้าไปในไลน์ให้ละกัน ไม่ได้บล็อกอั้มใช่ไหม"

ผมชะงักไปเล็กน้อยเมื่ออั้มถามแบบนี้ น้ำเสียงของอั้มก็ฟังดูแปลกๆ ด้วย "เปล่า จะบล็อกทำไม"

"อ้อ นึกว่าบล็อกไปแล้วซะอีก งั้นเดี๋ยวอั้มส่งข้อมูลไปให้ แล้ว...อะตอมเป็นไง สบายดีไหม" อั้มเปลี่ยนมาถามเรื่องส่วนตัว

"ก็สบายดี แล้วอั้มล่ะ" ผมถามไปตามมารยาท ที่จริงก็ไม่ใจแล้งขนาดนั้นหรอก เพราะผมก็อยากรู้ว่าเธอสบายดีหรือเปล่า

"ก็เรื่อยๆ แล้วนี่...ไปเที่ยวทะเลกันมาเหรอ" อั้มคงจะเห็นผมอัปรูปขึ้นเฟสบุ๊ค ก็เลยรู้ว่าเราไปเที่ยวทะเลกัน แต่เธอคงไม่รู้หรอกว่าความรู้สึกที่ผมมีต่อกัปตันเป็นแบบไหน

"ใช่ เพิ่งกลับมาถึง"

"สนุกไหม"

"ก็โอเค อั้มก็รู้นี่ว่า...อะตอมชอบทะเล"

"อั้มก็ไม่เคยลืมทุกอย่างที่อะตอมชอบอยู่แล้ว"

เมื่อได้ฟังประโยคนี้ ผมก็ยิ่งรู้สึกถึงความแปลกของอั้มมากขึ้นจนต้องขมวดคิ้ว

"ที่จริง...อั้มก็...ยังนึกถึงอะตอมอยู่นะ พอมาคิดๆ ดูแล้ว อั้ม...งี่เง่าเองแหละ บางเรื่อง...อั้มก็น่าจะเข้าใจอะตอมมากกว่านี้ ตอนนั้น อั้มไม่เข้าใจจริงๆ นั่นแหละ แต่พอเราเลิกกันไป อั้มก็มีเวลาทบทวนตัวเองมากขึ้น ก็เลยเห็นหลายๆ อย่างที่...ไม่น่าทำ"

"อย่าคิดอย่างงั้นเลยอั้ม อะตอมก็ทำไม่ดีกับอั้มหลายอย่างเหมือนกันนะ แต่ว่ามันก็ผ่านไปแล้ว ถ้าอั้มให้อภัยอะตอมได้แล้ว เราก็ยังเป็นเพื่อนกันได้ ที่จริง...อะตอมก็ว่าจะคุยกับอั้มเรื่องนี้เหมือนกัน ถึงเราสองคนจะเลิกกันแล้ว ก็ไม่เห็นต้องเกลียดกันเลย จริงไหม"

"อืม ก็คงงั้น" อั้มหัวเราะเบาๆ สักพักก็ถามขึ้นมาใหม่ "แล้ว...ตอนนี้...อะตอมมีใครหรือยัง"

"อ๋อ...ก็...จะบอกยังไงดีล่ะ" ผมพลันรู้สึกเก้อเขินขึ้นมาโดยไม่รู้สาเหตุ

"แสดงว่ามีแล้วแน่ๆ เลย" อั้มสัพยอก ผมก็เลยต้องยอมรับ

"อืม ก็มองๆ ไว้อยู่ แต่ไม่ใช่เหตุผลที่เราเลิกกันนะ" ผมดักทาง

"รู้แล้ว" อั้มหัวเราะ ทำให้ผมรู้สึกได้ถึงบรรยากาศที่ผ่อนคลายมากขึ้นระหว่างเราสองคน

"แล้วอั้มล่ะ มีใครหรือยัง" ผมถามกลับบ้าง

"ยัง"

"จริงเหรอ แต่อะตอมได้ข่าวนะว่ามีหนุ่มๆ มาจีบเยอะเลย" ผมสัพยอกบ้างหลังจากที่เกร็งๆ มาสักพัก

"ก็มีแหละ แต่...ตอนนี้อั้มยังไม่สนใจน่ะ ยังไม่หายอกหักดีเลย"

ผมอึ้งไปอีกรอบ บอกไม่ถูกเหมือนกันว่ารู้สึกยังไงที่รู้เรื่องนี้ อั้มยังไม่หายอกหักดี แต่ผมดูเหมือนจะหายดีแล้ว เพราะผมทำใจมานานพอสมควร

"มันก็ทำใจยากเหมือนกันนะ เพราะว่า...เราก็คบกันมาตั้งหลายปี" น้ำเสียงนั้นฟังดูเศร้าๆ แต่ไม่นานก็มีเสียงหัวเราะมาแทนที่ "ช่างเหอะ อีกไม่นานก็คงดีขึ้นแล้วล่ะ ก็ไม่มีอะไรหรอก อั้มแค่โทรมาบอกเรื่องกัปตันเท่านั้นแหละ งั้นแค่นี้ก่อนนะ แม่เรียกแล้ว"

จู่ๆ อั้มก็ตัดบทไปดื้อๆ ผมจึงได้แต่เออออไปด้วย "อ๋อ ตามสบายเลย ขอบคุณอั้มมากนะที่โทรมาบอก"

"ไม่เป็นไร ไปละ เอาไว้เจอกัน บาย"

"บาย"

ผมวางโทรศัพท์ไว้บนโต๊ะตรงโซฟานั่งเล่นอย่างงงๆ ก่อนจะกลับเข้าไปซักเสื้อผ้าต่อ เสร็จแล้วก็ลงไปกินข้าวข้างล่าง กลับขึ้นมาผมก็นั่งเขียนแบบทางลาดที่ทำค้างไว้ด้วยโปรแกรมสเก็ชอัพต่อ แต่ทำได้ชั่วโมงเศษๆ ก็ชักง่วง เพราะเมื่อวานนอนดึกไปหน่อย เมื่อร่างกายไม่ไหวผมจึงเข้านอน เวลาที่ผนังห้องบอกว่าสี่ทุ่มกว่าแล้ว แต่กัปตันยังไม่กลับมาเลย อาจจะกลับมาพรุ่งนี้เช้าก็ได้

ผมหลับไปนานเท่าไหร่ไม่รู้ มารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนได้ยินเสียงกุกๆ กักๆ เมื่อลืมตาขึ้น ผมก็มองไปทางเตียงของกัปตันผ่านความมืดสลัว เห็นรถวีลแชร์ของกัปตันจอดอยู่ข้างๆ เตียง ส่วนเจ้าของขึ้นไปนอนบนเตียงแล้ว

หัวใจผมเต้นตึกตักด้วยความดีใจเมื่อรู้ว่ากัปตันกลับมา แต่จะลุกไปหาเลยก็ไม่กล้า ขนาดจะเอ่ยปากถามผมยังปากหนัก เพราะเขาเฉยเมยกับผมจนผมรู้สึกกลัว แต่ก็รู้ดีว่าผมไม่ควรนิ่งเฉยและปล่อยไว้แบบนี้ อย่างน้อย ผมก็ควรได้ขอโทษกัปตันจากใจจริงของผมบ้าง อย่างน้อยจะได้มองหน้ากันติดและเป็นเพื่อนกันต่อไปได้

ตาของผมเบิกโพลงในความมืดสลัว ไม่มีทางที่ผมจะข่มตาหลับลงได้ ความคิดในหัวแล่นพล่านวุ่นวายไปหมด พยายามคิดหาวิธีจะเข้าไปขอโทษนั่นแหละ แต่ก็นึกไม่ออกว่าจะเริ่มต้นยังไง ครั้นจะคิดนานไปก็คงไม่ดี ประเดี๋ยวกัปตันจะหลับไปซะก่อน

ว่าแล้วผมก็สลัดผ้าห่มออก ลุกขึ้นนั่งและมองไปยังเตียงข้างๆ ก่อนตัดสินใจลงจากเตียงและเดินไปยืนข้างเตียงของกัปตัน ผมชั่งใจอยู่นานทีเดียวจึงตัดสินใจเรียกเบาๆ

"มึงนอนยัง"

ไม่มีเสียงตอบกลับมา แต่มีเสียงคล้ายคนขยับตัวดังขึ้น

"คุยกันหน่อยได้ไหม" ผมถามโดยไม่รู้ว่าจะได้รับคำตอบหรือเปล่า

ไม่นานเท่าไหร่ ผมก็ได้ยินเสียงเบาๆ ตอบมา "อือ"

ผมฉีกยิ้มอย่างไว ก่อนนั่งลงบนเตียงของกัปตันและเอื้อมมือไปเปิดไฟตรงหัวเตียง กัปตันขยี้ตาและเลื่อนตัวขึ้นนั่ง มีรอยยิ้มน้อยๆ คล้ายเก้อเขินปรากฎบนใบหน้าด้วย แววตาห่างเหินเมื่อตอนกลางวันหายไปแล้ว

"กลับมาถึงตั้งแต่เมื่อไหร่" ผมถามเหมือนไม่รู้จะถามอะไรดี

"ห้าทุ่ม" กัปตันตอบเบาๆ

"ใครมาส่ง"

"ขับรถมาเอง กูเอารถไปไว้ที่บ้านไง จำไม่ได้เหรอ"

"เออ จริงด้วย กูลืม" ผมหัวเราะแหะๆ และเกาหัวตัวเองเบาๆ เป็นอาการของคนที่ทำตัวไม่ถูกนั่นเอง

"เรื่อง..." เสียงผมกลืนหายลงคอ พยายามนึกหาคำพูดที่จะพูด ผ่านไปสักพักจึงเริ่มใหม่ "เรื่องนั้นน่ะ ถ้ามึงโกรธกู มึงจะต่อยกูก็ได้นะเว้ย หรือทำอะไรก็ได้ กูอยากให้มึงระบายมันออกมา กูไม่กลัวเจ็บหรอก เพราะว่ากูผิด ผิดมากด้วย สมควรได้รับโทษ"

กัปตันนั่งเงียบ ไม่แสดงสีหน้าใดๆ มากนัก ถึงอย่างนั้นก็ไม่ถึงกับเรียบเฉยจนไร้ความรู้สึก แต่ผมนี่สิ พอพูดไปแล้วอารมณ์ก็พุ่งพล่าน เผลอๆ จะทนไม่ไหวซะเอง

"กูยอมให้มึงลงโทษกูนะกัปตัน อะไรก็ได้ที่มึงคิดว่าสมควร กูยอมทุกอย่าง ขอแค่..." ผมละคำพูดไว้ มองหน้ากัปตันนิ่ง คราวนี้กัปตันกล้าสบตากับผมโดยไม่ยอมหลบฉากไปไหน

"กูขอแค่มึงรับคำขอโทษของกู ไม่ต้องให้อภัยกูก็ได้ จะเอาหัวใจห้าสิบเปอร์เซ็นต์มึงคืนไปก็ได้ จะไม่เชื่อใจกูก็ได้ กูแค่อยากให้มึงรู้ว่า...กูเสียใจ เสียใจมากด้วย กูไม่เคยรู้สึกเสียใจกับใครขนาดนี้เลยนะเว้ยกัปตัน"

พูดจบ น้ำตาผมก็ไหลพราก ก่อนตามมาด้วยเสียงสะอื้นและร้องไห้ ผมอดใจไว้ไม่ไหวจริงๆ เพราะรู้ว่าทำเขาเจ็บ แถมยังเป็นการซ้ำเติมและสะกิดแผลเก่าอีกด้วย คนเราเมื่อเคยเจ็บกับเรื่องใดมาแล้ว พอมาเจออีกครั้งก็จะเจ็บซ้ำได้ไม่ยาก เพราะมีรอยให้สวมทับก่อนหน้า เหมือนฝาปากกาที่มาเจอกับปากกาของมัน สวมเข้าไปแล้วคลิกเข้ากันทันที

"กูขอโทษนะกัปตัน ขอโทษจริงๆ กูไม่มีคำแก้ตัว มึงจะด่ากูยังไงก็ได้ จะด่ากูว่าเลวก็ได้ ขออย่างเดียว...ให้มึงรับคำขอโทษของกู...นะกัปตัน" ผมคร่ำครวญต่อและทำหน้าขอความเห็นใจ

สีหน้าของกัปตันเข้มขึ้น มีอารมณ์บางอย่างแสดงออกมาชัดขึ้น ในที่สุดเขาก็ยอมพูดความรู้สึกของตัวเอง "กู...ไม่รู้จะบอกมึงยังไง ความรู้สึกของกู...มันพังไปแล้ว ให้กูยอมรับคำขอโทษของมึง กูไม่มีปัญหาหรอก แต่ปัญหาของกูไม่ใช่เรื่องนั้น เพราะปัญหาของกู...คือความรู้สึกของกูมันพังไปแล้ว กูไม่รู้จะเอามันกลับมายังไง"

"กัปตัน กูขอโทษ"

ผมดึงกัปตันมากอดไว้แน่นและร้องไห้สะอึกสะอื้น อดสะท้อนใจไม่ได้ที่เห็นกัปตันรู้สึกแบบนี้ ผมสงสารเขาจับจิตจับใจ นี่คือบทเรียนจากความหน้ามืดโง่ๆ ที่ผมต้องจำไปอีกนาน เพราะมันทำให้ความรู้สึกของคนที่ผมรู้สึกดีด้วยพังไปเลย เหมือนที่พี่โดมบอกไว้ไม่มีผิด

กลิ่นกายหอมเฉพาะตัวของคนตัวขาวลอยมาปะทะจมูก ผมซุกหน้าลงตรงไหล่ สูดดมกลิ่นนั้นไว้คล้ายกับอยากจะปลอบใจคนเจ็บด้วยสัมผัสแห่งรัก แม้กอดคราวนี้จะไม่ใช่เพราะความเสน่หารัญจวนใจ แต่ก็เป็นกอดที่มีความหมายสำหรับผม เพราะผมหวังว่ามันจะทำให้เขาหายเจ็บขึ้นมาได้บ้าง

ครู่หนึ่งผมก็เงยหน้าขึ้นจากไหล่หอมๆ ก่อนละล่ำล่ะลักบอก "กูจะเอากลับมาให้มึงเองกัปตัน กูจะเอากลับมาให้มึงเองนะเว้ย แต่มึงไม่ต้องห่วง ถ้ามึงได้คืนมาแล้ว มึงจะเอาไปให้ใครก็ได้ ไม่ต้องเป็นกูก็ได้ กูสัญญานะกัปตัน กูจะเอากลับมาให้มึง"

พูดจบผมก็กอดกัปตันและทิ้งตัวลงนอน พลิกร่างของกัปตันให้ขึ้นมาอยู่บนตัวผม ไม่ใช่ผมอยู่บนตัวเขาเหมือนที่ผ่านๆ มาอีกแล้ว กัปตันดูจะตกใจไม่น้อยเพราะใบหน้าเราอยู่ใกล้กันมาก แถมส่วนนั้นของเราก็ยังเบียดกัน ตอนแรกๆ ก็ยังไม่รู้สึกอะไรหรอก แต่เมื่อถูกกระตุ้นมันก็เริ่มตอบสนอง

ผมจับสองแก้มประคอง ก่อนใช้นิ้วหัวแม่มือไล่เกลี่ยรอยน้ำตาออกจากขอบตาอย่างเบามือ แม้มีไม่มาก แต่ผมก็ไม่อยากให้ใบหน้าหล่อใสนี้เปื้อนน้ำตาเลย สองคู่ดวงตาของเราสบกันนิ่ง ใกล้จนกระทั่งได้ยินเสียงลมหายใจ ถ้าฟังดีๆ ก็อาจจะได้ยินเสียงหัวใจเต้นด้วย

จะว่าไปผมก็ไม่รู้หรอกว่าผมต้องการอะไรจากสิ่งที่ทำอยู่ตอนนี้ หรือจะเป็นการปลอบใจ หรือต้องการขอโทษ หรืออยากแสดงความรัก แต่จะทำเพราะอะไรก็ช่างเถอะ ตอนนี้ผมรู้สึกดี แม้กระทั่งกัปตันเองก็ไม่มีท่าทีขัดขืนหรืออึดอัดเลย

นึกไปก็อยากให้ปากแดงเรื่อๆ นั้นจูบและจู่โจมลงมาที่ผมบ้าง อยากรู้เหมือนกันว่าถ้าผมโดนกัปตันจูบจะเป็นยังไง น่าเสียดายที่กัปตันยังคงนิ่งเฉย แต่ส่วนกลางลำตัวของเราเริ่มแข็งเครียด ไม่ใช่แค่ของผม แต่ของกัปตันก็แสดงอาการตอบสนองหนักหน่วงไม่แพ้กัน

"กู...ยอมเป็นของมึงก็ได้นะเว้ย ถ้ามึงต้องการ กูยอมให้มึง ยอมให้มึงคนเดียวเลย" ไม่รู้ว่าผมไปเอาความใจกล้าแบบนี้มาจากไหน เรื่องนี้แทบไม่อยู่ในหัวผมเลยด้วยซ้ำ จนกระทั่งคำพูดนี้หลุดจากปากผมไป

สีหน้าของกัปตันเปลี่ยนเป็นตกใจ ไม่นานก็เริ่มมีรอยยิ้มคล้ายกับกำลังรู้สึกขบขัน จนกระทั่งเปลี่ยนเป็นเขิน

"ไอ้บ้า" กัปตันสบถยิ้มๆ

"ถึงจะบ้า แต่กูก็พูดจริงนะเว้ย จะลองไหมล่ะ" ผมถามทีเล่นทีจริง แอบกลัวๆ เหมือนกันว่ามันจะไม่ปฏิเสธคำท้า ถึงอย่างนั้นก็อยากให้มันขยี้จูบผมสักครั้ง แต่มันก็ยังเฉยอยู่อีก ทั้งที่จริงผมคิดว่ามันน่าจะอยากลองเหมือนกัน

"ไม่เอา" คนปฏิเสธหน้าแดง

ผมนึกอยากจะหอมแก้มและจูบมันซะเองแล้วตอนนี้ แต่ก็ต้องยั้งใจไว้ก่อนเพราะผมเป็นคนผิด ที่สำคัญก็ไม่ควรเอาเซ็กซ์มาแก้ปัญหา เพราะหลังจากหมดสนุกแล้ว ปัญหาอาจไม่จบง่ายๆ

"แน่ใจนะ" ผมยิ้มเหมือนจงใจยั่ว สองแขนโอบกอดกัปตันแน่นขึ้น ใบหน้าเขาโน้มต่ำลงมาใกล้จนปลายจมูกเราแตะกัน สองขาของผมเกี่ยวกระหวัดท่อนล่างของกัปตันไว้ สองร่างจึงแนบชิดกันจนแทบเป็นเนื้อเดียว เพียงขยับกายเล็กน้อย แรงเสียดสีตรงเป้าที่เขม็งเครียดก็พาให้เสียวซ่านจนเผลอซี๊ดปาก

"เสียวว่ะ"

"เสียวอะไร" กัปตันถามเหมือนพาซื่อ แต่ที่จริงเขาคงรู้ เพราะท่าทางของกัปตันก็ดูหวั่นไหวไม่น้อย

"มึงไม่รู้สึกอะไรจริงๆ เหรอวะ" ผมแกล้งถาม

"นี่มึงอ่อยกูเหรอ" กัปตันยิ้มมีเลศนัย

ผมยักคิ้วใส่เป็นเชิงยอมรับ ก่อนถามซ้ำ "เอาเปล่า"

"เชี่ย นี่มึงสำนึกจริงๆ เหรอวะ"

"สำนึกดิ ถ้าไม่สำนึก...กูไม่ยอมขนาดนี้หรอก เอาไหม" ผมยั่วต่อ

"กูกลัวมึงท้อง" กัปตันเฉไฉ

"เดี๋ยวช่วยกันเลี้ยง กูเป็นนายแบบ มีงาน มีเงิน ไม่อดตายหรอก"

"ไอ้บ้า เพ้อเจ้อนะมึง" กัปตันว่าผมเสียงมุบมิบ แต่สีหน้าก็ยิ้ม

"เออ ไม่เอาก็ไม่เป็นไร แต่ว่า...กลับมาเป็นเพื่อนกันนะเว้ย เซ็ตซีโร่กัน" ผมยื่นข้อเสนอ

"ติดลบได้ไหม" กัปตันต่อรอง

"เออ ติดลบก็ได้ กูบอกมึงแล้วไง กูยอมหมดทุกอย่าง ขนาดให้เป็นเมียมึงกูก็ยอม"

กัปตันหัวเราะเพราะคงอดขำไม่ไหว ทำเอาหัวใจผมชื้นขึ้นอีกโข นี่คือสัญญาณเชิงบวกว่ามันให้อภัยผมแล้ว เอาเถอะ...ไม่ว่าจะเริ่มต้นจากศูนย์หรือติดลบ ผมก็พร้อมจะเริ่มต้นใหม่กับกัปตันเสมอ ที่สำคัญ ภารกิจของผมหลังจากนี้ ผมจะต้องช่วยทำให้หัวใจพังๆ ของกัปตันกลับมาเป็นหัวใจดีๆ ให้ได้ แม้จะต้องเข็นรักขึ้นภูเขาสูงเสียดฟ้าก็ยอม

"มึงไม่ต้องยอมขนาดนั้นหรอก อีกอย่าง...กูก็เข้าใจมึงอยู่ ถ้ากูเป็นมึงบ้างตอนนั้น กูว่ากูคงลากเขาเข้าห้องเหมือนกันแหละ อ่อยซะขนาดนั้น" กัปตันหัวเราะชอบใจ

มันดูน่ารักจนผมอดใจไม่ไหว ผมก็เลยเผลอกอดแน่นและหอมแก้มมันฟอดหนักๆ เข้าให้

"แล้วมึงไม่อยากลากกูมั่งเหรอ"

"รอให้ครบร้อยก่อนเหอะ เดี๋ยวกูจะลากมึงทุกวันเลย" กัปตันรับมุกต่อและยิ้มกว้าง กว้างจนผมไม่สงสัยแล้วว่าเราเซ็ตซีโร่เรียบร้อยหรือยัง ทำเอาผมตื้นตันใจไม่น้อย โชคดีแค่ไหนแล้วที่ผมไม่โดนพิพากษาว่าเลวไปตลอดชีวิต

"ขอบคุณมากนะครับ...พี่กัปตัน"

กัปตันหน้าเหวอ คงจะงงที่ผมเรียกมันว่าพี่ แต่มันอาจจะสงสัยก็ได้ว่ามันหูฝาดไปหรือเปล่า!



TBC


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-11-2017 10:45:12 โดย HuskyLover »

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ silverspoon

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +275/-12
อ่านแล้วยิ้มสลับน้ำตาเลย เรื่องนี้เป็นนิยายที่สมควรได้รับคอมเม้นท์ให้มากขึ้น

เพราะมีเนื้อหาที่ค่อนข้างสมจริง ของการเดินทางของความรักที่ตัวละครต้องพบอุปสรรคจากคนรอบด้านและอุปสรรคในตัวเอง

ออฟไลน์ weedear

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-4
น่ารักๆๆๆๆๆ
ขออย่ามีเรื่องไม่ดีอีกเลย

ออฟไลน์ ゚゚ღ✿ศิลินส์✿ღ゚゚

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 247
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-4
เห็นเรื่องนี้มาสักพักแต่เพิ่งเข้ามาอ่าน

พลาดอย่างแรงเลย!! สนุกมากค่ะ นักเขียนเขียนออกมาได้เก่งมาก เราชอบอารมณ์ของตัวละครจัง แบบรู้สึกว่าสมจริง อย่างตอนล่าสุดถ้าไม่มีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น หากวันหนึ่งวันใดกัปตันให้มากจนเกือบร้อยแล้วล่ะก็ เกิดแบบนี้ขึ้นตอนนั้นคงแย่กว่านี้ไม่ก็แตกหักไปเลยก็ได้ เกิดตอนนี้จะได้รู้ตัวแล้วจำเป็นบทเรียน ชอบอารมณ์ตอนนี้มากเลยทำเอาน้ำตาซึม

ปล.บวกเป็ดและบวกหนึ่งเป็นกำลังใจในตอนต่อไปนะคะ

ออฟไลน์ EoBen

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3306
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-6
กัปตันว่าไงเราก็ว่างั้นแล้วกัน

ขอบคุณค่ะ

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2590
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
ถึงกับยอมที่จะเป็นเมีย o13 o13
หวังว่าจะไม่ไปหน้ามืดอะไรกับใครอีกล่ะ

:pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:



ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
หายเคืองแล้ววว จะบอกว่ากัปตันไม่คิดอะไรก็ไม่ได้ คนรู้สึก ยังไงก็คิด

อะตอมพลาดแล้ว แล้วพลาดหลายครั้ง ถึงจะคนละเรื่อง แต่ดูอะตอมก็ยังไม่มั่นคงพอ
แต่ถ้าเรื่องนี้เป็นบทเรียน อะตอมก็ต้องพยายามให้สมกับที่จีบนะ

เฮ้อออ ข้อจำกัดมีเยอะเหลือเกิน กัปตันไม่ผิดสักหน่อย ถ้างั้น ทำไมไม่ให้สมัครแต่แรก คนเรานะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด