#เรื่องสั้นตอนเดียวจบ# This Town •prequel• 27Mar2017
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: #เรื่องสั้นตอนเดียวจบ# This Town •prequel• 27Mar2017  (อ่าน 2460 ครั้ง)

ออฟไลน์ mukmaoY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3956
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-7
***************************************************************************************
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*****************************************************************************************
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-03-2017 20:57:33 โดย mukmaoY »

ออฟไลน์ mukmaoY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3956
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-7

This Town






"ปอถึงแล้วครับแม่"

["รอแป้บนึงนะ ศรมันคงใกล้ถึงแล้วแหละ"]

"ครับ งั้นปอวางแล้วนะ บ๊าย~"

เก็บมือถือใส่กระเป๋า ก้าวลงจากรถบัสแอร์เย็นฉ่ำ เพียงเพื่อสัมผัสกับไอร้อนระอุของจังหวัดที่ร้อนเป็นอันดับต้นๆของประเทศ
ผมเจอม้านั่งซึ่งเต็มไปด้วยก้นบุหรี่เกลื่อนกลาด แต่จำต้องนั่งรอ พลางหยิบโบรชัวร์สถาบันเสริมความงามขึ้นมาพัดเรียกลมเข้าตัว หวังคลายความร้อนได้บ้าง

"ปอ....?"
หันตามเสียงเรียกจากด้านหลัง
ผู้ชายร่างสูงใหญ่ ผิวคล้ำเข้ม หากทว่าฟันเรียงตัวเป็นระเบียบสีขาวสะอาด
ผมมองสำรวจอย่างลืมตัว กระทั่งเห็นเด็กสาวตัวน้อยเท่าเข่า หน้าตาจิ้มลิ้มยืนอยู่ข้างๆ

"ศรเหรอ...มาถึงไวจัง"
ผมลุกขึ้น แอบเหงื่อตกเพราะตื่นเต้นที่ไม่ได้เห็นเพื่อนสมัยมัธยมร่วมสิบปี รีบห้ามเมื่อศรทำท่าจะหยิบกระเป๋าเสื้อผ้าใบยักษ์ขึ้นสะพาย
แต่เขาก็ทำหน้างอแงจะเอาให้ได้

"ไม่ต้องหรอก มันหนัก"

"มันหนักไง เราเลยจะช่วย"

"ไม่ต้องๆ"
ผมกับเขายื้อยุดสายสะพายกันไปมา กระทั่งเสียงหนึ่งเอ่ย

"ไปกันยังอ่ะพ่อ หนูหิว~ ไหนบอกจะพาไปริมคลองงาย"

"เอ่อ....."
ผู้ใหญ่ต้องหยุดทะเลาะกัน เมื่อนึกได้ว่ามีเด็กอยู่ด้วย ศรที่หัวไวกว่าจึงคว้าเอากระเป๋าไปได้สำเร็จ แล้วส่งมือลูกสาวมาให้ผมจับ

"ฝากด้วยนะ"





.............






ริมคลอง....
เป็นร้านที่แม่ผมชอบพามากินบ่อยๆสมัยเด็ก ร้านอาหารไทยสไตล์บ้านนา อยู่ริมคลองชลประทานที่ไม่ค่อยสวยเท่าไหร่ อีกทั้งฝูงยุงที่ยิ่งดึกยิ่งเยอะ แต่ร้านนี้ก็ไม่เคยเงียบเหงาสักที

"โทษทีนะที่พามาปุบปับ สัญญากับลูกไว้น่ะ"
ผมพยักหน้าเข้าใจ
"บอกป้าใจแล้วด้วย"

"เดี๋ยวสั่งส้มตำกับลาบตับให้แม่ละกัน"
ผมพูดเพื่อให้ศรสบายใจ ไม่ได้ว่าอะไรเขาหรอก แต่สีหน้าเขาดูเกรงใจมาก จึงต้องช่วยเหลือกันไป
อีกอย่างดูเด็กข้างๆผมนี่สิ แค่เราจูงมือหน่อยเดียวก็ติดแจเลย

"น้องแมงปออยากกินอะไรคะ?"
ผมหันไปถามลูกสาวของเขา

เด็กน้อยวัยห้าขวบยิ้มแฉ่งอวดฟันหลอ
"อยากกินแหนมไก่ทอด"

"พูดค่ะด้วยสิปอ"

"หนูอยากกินแหนมไก่ค่า~"
เด็กน้อยไม่ประสาแกล้งพ่อด้วยการลากเสียงท้ายเสียยาว ผมขำกับความไร้เดียงสานั้น

เมื่อจดอาหารเสร็จก็ถึงเวลานั่งรอ....
ผมเป็นคนพูดไม่ค่อยเก่ง มนุษย์สัมพันธ์เรียกได้ว่าติดลบ ดังนั้นจึงแทบไม่พูดอะไร ยังดีที่มีน้องแมงปอเจื้อยแจ้วอยู่บ้าง จึงทำให้บรรยากาศไม่อึดอัด

"ปอไม่ได้กลับบ้านนานเหมือนกันนะ"
ศรเอ่ยขึ้น พลางรินน้ำอัดลมให้ผม
ผมรับมาแล้วขอบคุณเขา แต่ไม่ได้พูดตอบอะไร

"ลูกเราโตขึ้นเยอะเลย"

"เข้าอนุบาลหรือยัง"

"อยู่อนุบาล2แล้ว ...แล้วปอนึกยังไงถึงกลับล่ะ"

"...อยากพักน่ะ งานที่นู่นมันยุ่ง แม่ก็บ่น"

"ป้าใจแกก็บ่นไปงั้น แต่จริงๆแกมีความสุขจะตายที่ลูกได้ดิบได้ดี...ไม่เหมือนเรา"

ผมยิ้ม

"โชคดีจริงๆที่วันนี้มารับปอได้ ชวดมาหลายงาน ไม่งั้นก็ไม่ได้เจอกันสักที พอดีมะรืนไอ้อ้อยมันจัดเลี้ยงรุ่น ถ้าปออยากไป ก็ไปกับเราได้นะ"

"คงไม่ดีกว่า เราจำเพื่อนไม่ได้แล้ว เขินเปล่าๆ"
ผมตอบโดยแทบไม่ต้องคิด

"งั้นไม่เป็นไร"
อีกฝ่ายก็พูดเหมือนคิดไว้อยู่แล้วเช่นกัน

พอดีกับที่อาหารมา เราต่างจดจ่อกับจานของตัวเอง จึงไม่ได้คุยกันอีก




.
.
.
.



"บ๊ายบายพี่ปอ"

"บ๊ายบายครับน้องแมงปอ"

"ไว้เจอกันนะปอ เราจะมาหา"



...ศรขับรถกระบะออกไปหลังจากเถียงกับแม่เรื่องไม่เอาเงินอยู่นาน
เขามีรถกระบะคันใหญ่ จึงรับจ้างขนของ รับ-ส่งคนในหมู่บ้าน แต่บ้านผมอยู่คนละหมู่บ้านกับเขา แม่ถึงไม่เคยได้ใช้บริการสักที
พอมาวันนี้ได้ใช้ ศรก็กลับคำ ไม่รับเงินเสียอย่างนั้น

"ช่างเถอะแม่ คิดซะว่าเป็นเพื่อนปอ"

ผมแบกกระเป๋าเข้าบ้าน เปิดห้องเก่าของตัวเอง ...ภาพทุกอย่างค่อยๆผุดขึ้นมาราวน้ำหลาก กลิ่นอับอันเป็นเอกลักษณ์ชวนให้คิดถึงคืนวันเก่าๆ
นานแค่ไหนแล้วนะที่ไม่ได้กลับมา

วางกระเป๋าลงข้างเตียง นั่งลงบนฟูกที่ทำจากกากมะพร้าว บางทีนอนไปก็โดนมะพร้าวทิ่ม แต่ก็ไม่เคยได้เปลี่ยน
ผมเอนตัวนอนลง สูดกลิ่นแห่งความคิดถึง ...ความสุข ....ความเศร้า ที่เคยลืมเลือน....
เมื่อตระหนักได้ว่าวันนี้เราเข้มแข็ง ความทรงจำเหล่านั้นกลับกลายเป็นเรื่องตลกอย่างที่เขาว่าไว้จริงๆ





..........






เช้าวันต่อมา ศรไม่ได้ทำให้ผิดหวัง
เขามาหาตามที่บอกไว้จริงๆ เพียงแค่คราวนี้ไร้เงาลูกสาวตัวน้อยเพราะไปโรงเรียน

หนุ่มผิวเข้มถือปิ่นโตสามชั้นติดมือมาด้วย
"เราเอาข้าวมาแบ่ง ทำกินกันสองคนพ่อลูกมันกินไม่หมด"

"ดีนะที่ป้ายังไม่ได้ทำ"
แม่ผมดีใจใหญ่

เช้านี้เราจึงกินข้าวด้วยกันสามคน ผมมีความสุขเมื่อเห็นแม่ยิ้มได้
อีกอย่างเพราะจะไปเยี่ยมพ่อด้วย แกถึงอารมณ์ดีเป็นพิเศษ

"เราช่วยล้าง"
ศรลากเก้าอี้ไม้เตี้ยที่ไว้ใช้นั่งล้างจานมาตั้งข้างๆผม เขานั่งลงโดยไม่รอคำตอบ แล้วหยิบฟองน้ำจากมือผมไป

"แล้วเราจะทำอะไรล่ะทีนี้"

"ล้างน้ำเปล่าสิ ปอแพ้น้ำยาล้างจานไม่ใช่เหรอ ไม่ต้องล้างหรอก"

"..เราหายแล้ว"
แต่ก็ต้องขอบคุณเขาที่จำได้
เราจึงช่วยล้างจานกันอย่างเงียบๆ
ผมไม่มีอะไรจะคุย ส่วนเขา...ก็ไม่กล้าชวนคุย






หลังอาบน้ำ ชำระล้างร่างกายเสร็จเรียบร้อย ผมแต่งตัวในห้อง บอกให้เขารอข้างนอก ไม่รู้ว่าเจ้าตัวมีแพลนอะไรถึงไม่ยอมกลับบ้านสักที
เนื่องจากอยู่บ้านนอก จึงไม่แต่งผม ไม่แต่งตัวหรูหรา ใส่เพียงเสื้อยืดกับกางเกงสามส่วน ปล่อยผมหน้าม้าเต่อ
มองตัวเองในกระจก ...ยังคงเห็นเด็กวัยรุ่นอายุ 18 อยู่เลย
ทั้งๆที่ปาไปสามสิบแล้ว

เดินออกมาเจอกับรอยยิ้มสดใส เขาเป็นคนแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไร ไม่เคยทุกข์ร้อน ไม่เคยคิดมาก
นึกแล้วก็อิจฉา

"เราจะพาไปเขื่อน"

"ไม่ร้อนเหรอป่านนี้แล้ว"
เวลาเกือบเที่ยง ตะวันใกล้ตรงหัวเต็มที
ผมอยากปฏิเสธ เพราะใจจริงอยากนอนเล่นแถวนี้มากกว่า

"ไม่ร้อนหรอก มีบ้านพักริมเขื่อน เราจองไว้แล้ว"

"แพงหรือเปล่า"

"ใช้เส้นเอา ได้มาฟรี"

ถึงขนาดนี้ก็คงต้องตกลงแล้วแหละ


.
.
.
.



รถกระบะกลางเก่ากลางใหม่ขับผ่านแนวป่าเขียวขจี ผมลดหน้าต่างลงเพื่อรับอากาศบริสุทธิ์อย่างที่ไม่มีในเมืองกรุง
ศรเปิดเพลงสากลคลอเบาๆ เพลงดังในยุคที่พวกเรายังเป็นวัยรุ่น ภาพที่เขาฝึกแกะคอร์ดกีต้าร์ ภาพที่เราพากันร้องเสียงเพี้ยนโชว์ในงานโรงเรียน
ผมยิ้มให้กับความหลังที่หวนคืนมาใหม่

เท้าคางกับหน้าต่างรถ รับลมเต็มที่ กระทั่งพ้นแนวป่า...ปรากฏภาพเขื่อนเก็บน้ำเล็กๆของอำเภอ ตลกดีที่ผมรู้จักมันมาตั้งแต่เกิด แต่มาเที่ยวแค่ไม่กี่ครั้ง

"สวยขึ้นนะ"
ผมบอกศร
เขาดูตกใจเล็กน้อยที่ผมเป็นคนเริ่มบทสนทนาก่อน ทว่าครู่ต่อมาก็ส่งสายตาปลื้มปริ่มอย่างปิดไม่มิด

"เดี๋ยวไปนั่งชมบนบ้านจะสวยกว่านี้อีก"

"พาเรามาที่นี่แล้วไม่ห่วงงานเหรอ"

"เราหยุดหนึ่งวัน พักผ่อนบ้าง"

"อยากให้น้องแมงปอมาด้วยเนอะ"

"เอาไว้โอกาสหน้า มากันสามคนพ่อลูกแล้วกัน"
สะกิดใจกับคำว่า 'สามคนพ่อลูก'
แต่ก็ต้องปล่อยไป ผมไม่ได้สนิทกับเขาเหมือนก่อน อีกอย่างเราก็โตๆกันแล้ว จะทำเป็นเล่นๆมันก็เขินอยู่

ไม่น่าเชื่อนะว่าเวลาจะผ่านไปไวขนาดนี้ ....ลืมตาอีกทีอายุก็เข้าวัยเลขสาม
เขามีครอบครัว
ผมมีการงานที่ก้าวหน้า

ชีวิตคนเราไม่แน่ไม่นอน
อะไรที่เคยฝัน เคยสัญญา
บางครั้งเราก็เผลอลืมมันไป
ให้เลวร้ายที่สุด...เราก็แค่........ตั้งใจลืม







บ้านไม้สองชั้น ชั้นสองมีระเบียงกว้างยื่นออกไปให้ดูเหมือนใกล้น้ำ ผมถูกศรลากขึ้นมาข้างบน เขาแบกหมอนใบโตติดมาด้วย โยนลงบนพื้น ดันให้ผมนั่งลง

"เดี๋ยวเอาเบียร์มา รอแป๊บ"

ผืนน้ำเวิ้งว้างสุดลูกหูลูกตา แม้เทียบไม่ได้เลยกับเขื่อนระดับจังหวัด แต่ที่นี่กลับมีมนต์เสน่ห์อย่างที่ที่อื่นไม่มี ทั้งธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ ไร้แพ ไร้คนมากมายมากวนใจ บนพื้นดินไม่มีเศษขยะ ท้องฟ้าเป็นสีฟ้าสดใส

อ้ะ!

กระป๋องเบียร์เย็นเฉียบแนบแก้ม รีบเช็ดหยดน้ำออกจากหน้า

"แดงเลย"
นิ้วโป้งหยาบลูบแก้มเย็นเฉียบ รสสัมผัสหายไปชั่วพริบตา
 ผมจึงเปลี่ยนเรื่อง เสตามองกีต้าร์โปร่งที่อยู่อีกมือของศร

"จะเล่นเหรอ?"

"เล่นเอาบรรยากาศสักหน่อย"
ศรนั่งลง เปิดเบียร์ของตัวเองที่เป็นคนละยี่ห้อกับผม เบียร์ไทยของเขามันขมเกินไป คนละแนวอย่างที่ผมชอบ

ป๊อก!
เปิดกระป๋องของตัวเอง ยกขึ้นจิบ
บรรยากาศร่มรื่น กับเบียร์เย็นๆ ช่างเข้ากันอะไรอย่างนี้


ศรเกากีต้าร์ พลางตั้งสายใหม่






"โอเค....วัน ทรู ทรี!"

"Saying I love you

(พูดว่า 'ฉันรักเธอ')

Is not the words I want to hear from you

(ไม่ใช่คำที่ฉันอยากได้ยิน)

It's not that I want you

(ก็ไม่ได้หมายความฉันห้ามเธอพูดนะ)

Not to say, but if you only knew

(แต่ถ้าเธอรู้สักนิด)

How easy it would be to show me how you feel

(ว่ามันง่ายแค่ไหน กับการแสดงความรู้สึกของเธอออกมา)

More than words is all you have to do to make it real

('เหนือกว่าคำพูด' คือ 'การกระทำ')

Then you wouldn't have to say that you love me

(แล้วเธอก็ไม่จำเป็นต้องพูดว่ารักเลย)

'Cause I'd already know

(เพราะว่าเรื่องนั้นน่ะ...ฉันรู้อยู่แล้ว)"




"เพราะมาก"
ผมชม พลางดื่มเบียร์ไปอึกใหญ่

"จำได้มั้ยตอนม.6 ที่เราร้องดำน้ำมั่วไปหมด"

ผมพยักหน้า

"จำได้ โคตรอาย ....ทำไมเบียร์วันนี้มันแรงจัง"
อดบ่นไม่ได้ เมื่อรู้สึกว่าหัวตัวเองโคลงๆ หรือเพราะเราไม่ค่อยได้กินก็ไม่รู้ คงเพราะอาหารหลักตอนอยู่กรุงเทพฯคือกาแฟด้วย

"อย่าเพิ่งเมานะ มีอะไรจะให้ดู"

"ร้องแค่เพลงเดียว??"

"ก็เห็นปอจะหลับ เลยรีบเก็บกีต้าร์ก่อน"
ผมส่งเสียงรับรู้ แต่ตาก็จะปิดจริงๆ


ศรลุกออกไปไม่นานก็กลับมา
เขาโอบอุ้มกล่องใส่คุ้กกี้สีแดงอย่างที่คนชอบให้กันในวันปีใหม่ เสียงของข้างในดังขลุกขลัก พาใจเราเต้นแรง

ต้องโทษฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่ทำให้ผมไม่สามารถรักษาสีหน้าเฉยเมยได้

ร่างสูงนั่งลงข้างผมที่ตอนนี้ตัวอ่อนไม่มีกระดูก
เขายกฝากล่องโลหะขึ้น แล้วหยิบรูปถ่ายหลายใบออกมา

"ฝากเพื่อนให้มาเก็บที่นี่ กลัวอยู่บ้านแล้วมันจะหาย"

ภาพส่วนใหญ่คือผมกับเขา ....จำได้ว่าตอนนั้นเราเห่อกล้องฟิล์มมาก ออกเงินคนละครึ่งเพื่อซื้อกล้องราคาเป็นหมื่น ซึ่งในสมัยนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ยิ่งเป็นเด็กบ้านนอกธรรมดาๆ แล้วด้วย  ทำให้จำต้องถ่ายทุกอย่างที่เห็น ...ถ่ายทุกการกระทำของเราสองคน

"นี่ไง ...รูปงานโรงเรียน"
คนหนึ่งเล่นกีต้าร์ คนหนึ่งถือไมค์ห่างจากปากเป็นฟุต

"เก็บเลย อายว่ะ"

"ตลกดีออก"

ผมคว้ารูปมาถือไว้เอง หยีหน้าใส่หนึ่งทีแล้วเสียบลงใต้หมอน

"เห็นแล้วได้ยินเสียงเพี้ยนๆของตัวเองลอยมาเลย"

เขาหัวเราะ

"มีอีกนะ....รูปนี้สวย"
ภาพเตียงสีขาวโล่งๆ รอยยับย่นของมันตัดกับเงาหน้าต่างรูปเรขาคณิต กลายเป็นความแตกต่างที่ลงตัว
ผมผินหน้าออกมองผืนน้ำข้างนอกเพื่อพักสายตา

"ไม่ไปรับลูกเหรอ"

"เพิ่งบ่ายเอง โรงเรียนเลิกตั้งบ่ายสาม"
ว่าจบ ศรก็ลงนอนข้างกัน เขาหยิบรูปมาดูเรื่อยๆ บางรูปก็เป็นความทรงจำที่ลืมไปแล้ว ส่วนบางรูป...น่าแปลก....ที่เราไม่เคยลืม

ผมขี้เกียจฟื้นความหลังต่อ จึงพลิกตัวนอนตะแคงไปอีกทาง สติเริ่มหดหาย ทั้งเบียร์..ทั้งลม ตาเริ่มยกไม่ขึ้น

ไม่เห็นว่าศรทำอะไร ขอแค่เขาไม่กวนใจเราก็พอ



.
.
.
.
.




ออฟไลน์ mukmaoY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3956
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-7



ผมเป็นคนปากแห้ง ถ้าไม่ได้กินน้ำตลอด มันก็จะค่อยๆลอก

"เป็นอะไร? ปากแตกเหรอ?"
ศรละสายตาจากถนนมามองคนนั่งข้างๆที่กำลังลูบปากตัวเองไปมา

"เปล่า..."
มันนุ่มต่างหาก

"นี่ไปส่งเราก่อนหรือไปรับน้อง"

"รับปอก่อน ค่อยส่งปอ"

"หลายปอจริง"

"ถ้ามีอีกคนก็คงตั้งว่าโอปอล์"
ศรยิ้มกวน
"เป็นไงวันนี้นอนเต็มอิ่มมั้ย"

"อืม" พยักหน้า "ไม่ได้รู้สึกเฟรชแบบนี้มานาน"

"ปออยู่กรุงเทพฯนานจนไม่เหมือนพวกเราแล้ว"

ผมขมวดคิ้ว
"ทำไมต้องแยกประเภทคนด้วย? เราก็เป็นเรา....ก็แค่ไม่เหมือนเดิม ...ไม่มีใครเหมือนเดิมอยู่แล้ว"

"...จริงด้วยเนาะ"
ศรตอบรับเสียงเบาอย่างเด็กกลัวโดนครูดุ
ผมไม่พูดอะไรอีก ส่วนเขาก็เงียบตลอดทาง
กระทั่งรับน้องแมงปอกลับจากโรงเรียน ถึงได้พูดร่ำลากันนิดหน่อย




...............





ลาหยุด 1 สัปดาห์ เพียงเพื่อนอนเล่นอยู่กับบ้าน  ผมขับเป็นแค่จักรยานกับมอเตอร์ไซค์ จึงไปไหนได้ไม่ไกลนัก ส่วนใหญ่ก็ไปให้อาหารปลาที่วัด ซึ่งไม่น่าเชื่อว่ายังมีอยู่ เพราะแค่ตอนผมเด็กๆ ที่นี่ก็แทบร้างผู้คน มีเพียงกุฏิแม่ชีแก่ๆสองคนที่คอยดูแลบริเวณสระน้ำหลังวัด นึกไม่ออกเหมือนกันว่าทำไมตอนนั้นเราถึงไม่กลัวสิ่งลี้ลับเลย อยู่กับศรจนผีเก็บผ้าอ้อมไปหมดก็เคยมี
แต่คราวนี้สิ กลัวจนต้องชวนแม่มาด้วย แกก็ชอบอะไรแบบนี้นะ เลยไม่ขัดลูกชายหัวแก้วหัวแหวนอย่างผม

"อ้าว!"

"อ้าว!.."

เสียงแม่ดังขึ้นก่อน ตามมาด้วยเสียงของศร

ผมเห็นศรพร้อมกับแม่ แต่ด้วยความเป็นคนฟอร์มจัด จึงไม่อุทานให้เสียลุค

ศรหยิบถุงอาหารปลาในถังสังฆทานที่แม่ชีคนเดิมวางทิ้งไว้อย่างคุ้นเคย

"แม่ชีไม่อยู่เหรอป้าใจ"

"ไม่เห็นตั้งแต่มาแล้วลูก เออ..! ศรมาก็ดี อยู่เป็นเพื่อนปอมันหน่อย มันกลัวผี ป้าจะกลับไปทำกับข้าวรอ ใกล้เย็นพอดีเลย"

"ได้ครับป้า"

พอแม่ลับไป ศรจึงกล้านั่งลงข้างๆ

"มันเปื้อนขี้นกนะ"
ไม่รู้ว่าบาปหรือเปล่าที่ตั้งใจเตือนหลังจากที่เขานั่งไปแล้ว แต่ศรก็ไม่สน บอกเพียงไม่เป็นไร แล้วแกะถุงอาหารปลา

"ดีนะที่เมื่อคืนปอไม่ไปเลี้ยงรุ่น น่าเบื่อมาก"

"ถ้าเราไป คงยิ่งน่าเบื่อ"

"รำคาญพวกมันชอบอวดลูกกัน ทั้งๆที่ลูกเราน่ารักสุด"

ผมขำพลางถอนใจ
"สมควรแหละที่เบื่อ"

"ใช่มะ น้องแมงปอน่ารักจะตาย"

"อืมๆ"

"ปลาที่นี่คงจำหน้าปอได้ ดูสิมากันเต็มเลย"

"จำได้ก็บ้าแล้ว ตั้งสิบปี นี่เป็นรุ่นโหลนแล้วมั้ง"

"แล้วแม่ชีเขาจำปอได้ป่ะ"

ผมส่ายหน้า "ไม่ได้เจอตั้งนาน"

"แปลก...ปอหน้าเด็กจะตาย หน้าเหมือนเดิมขนาดนี้แม่ชียังลืมอีกเหรอ แล้วไปไหนเนี่ยวันนี้"

"สนิทกับท่านเหรอ"

"สนิทสิ มาให้อาหารปลาแทบทุกวัน น้องแมงปอก็ชอบมานะ"

"เหมือนเป็นสถานที่ลับนะว่ามั้ย...มีแค่ไม่กี่คนที่รู้"

ปลายนิ้วด้านสัมผัสหลังมือของผม มันแตะแผ่วเบาแล้วผละออก
"มันพิเศษตรงที่...มันเป็นที่ของเราสองคน"

"อ้าว..ศรเหรอลูก"
เราสองคนผละออกจากกันทันที ทั้งๆที่ไม่ได้ทำอะไรน่าเกลียด
เหมือนต่างฝ่ายต่างร้อนตัวไปเอง

แม่ชีเดินมา ท่านหยีตาเพ่งมองผม
"อ๋อ หนูที่มาเมื่อวาน"
ท่านหันมองผมกับศรสลับกัน

...ไม่กี่ครั้ง...ดวงตาเหี่ยวย่นก็ส่องแสงประกาย

"หนูนี่เอง....ดีจังเลยลูก ..ต่อไปนี้ก็มีความสุขกันได้สักที เวลาที่รอมามันคุ้มค่าใช่ไหมลูก"

ผมได้แต่ยิ้มเพราะตอบไม่ได้  ส่วนคนข้างๆก็ยืนพนมมือรับศีลรับพร



.
.
.
.
.


"กลับกรุงเทพฯเมื่อไหร่นะปอ?"

"วันเสาร์"

"....อีกแค่สองวันเอง...."

"เร็ว"

"ใช่...เร็วเนาะ แล้วคนทางนู้นไม่ว่าเหรอมาอยู่นี่ตั้งนาน"

"ไม่นะถ้ากลับไปเคลียร์งานได้"

"เปล่า...หมายถึงแฟน"

ผมหยุดเดิน จ้องตาเขา
"ไม่มี"

"อ่อ..."

"ไม่อยากมีหรอก มีไปก็กลัวเขาทิ้ง ระแวงเปล่าๆ ความรักน่ะมีแต่ทุกข์ ...อยู่คนเดียวนี่แหละดีที่สุด ...ว่ามั้ย?"

"อืม.."
เขาฝืนตอบ
ไร้ความสามารถอยู่เรื่องเดียวนี่แหละ
...การโกหก



..............



อยู่ๆบ้านผมก็มีสมาชิกเพิ่มมาสองหน่อ
น้องแมงปอไม่ยอมกลับไปกินข้าวบ้านตัวเอง โดยให้เหตุผลว่าเบื่อฝีมือพ่อ แกอ้อนแม่ผมจนตกเป็นเหยื่อไปอีกราย ส่วนผมเหยื่อรายแรกก็ช่วยแม่ทำแกงจืดหมูสับ อย่างที่น้องแมงปอชอบ

"พ่อก็ชอบแกงจืดค่ะ แต่พ่อชอบกินแบบใส่แตงกวาด้วยแหละ"
เด็กน้อยยืนดูผมหั่นเต้าหู้ แววตาปิดบังความหิวไม่มิด

"แม่มีแตงกวาเหลือป่ะครับ"

"เหลือสองลูกมั้ง"
พอได้คำตอบก็รีบเดินไปหยิบออกจากตู้ รีบล้างรีบหั่น เพราะน้ำซุปเดือดแล้ว

"หอมจังค่า"

"อร่อยแน่นอนฝีมือพี่"

"พี่ปอเก๊งเก่ง"

"ใช่ลูก ปอเขาทำกับข้าวอร่อย"
แม่ผมยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เชียวล่ะเรื่องอวดลูกชายเนี่ย
ถึงแม้งานในเมืองกรุงจะทำให้เราท้อบ้าง แต่พอเห็นว่าท่านภูมิใจ ผมก็มีกำลังใจลุกขึ้นสู้
แม้จำต้องเสียเป้าหมายของตัวเองไป ...แต่ผมก็นึกไม่ออกว่านอกจากแม่แล้ว ผมมีชีวิตอยู่ไปเพื่อใคร...เพื่ออะไร...






"อร่อยจัง"
ศรชมทั้งๆที่ข้าวยังเต็มปาก

"เขาว่าพ่อลูกเหมือนกันนี่ท่าจะจริง"
แม่แกล้งหยอก
"บ้านเราไม่ได้ครึกครื้นมานานแล้วนะ"

"ผมจะมาหาบ่อยๆครับ"
เขาสัญญาด้วยแววตามุ่งมั่น
ผมไม่มีความเห็นใดๆ หากแม่มีความสุขก็พร้อมยินดี เพราะพ่อก็ไม่ได้ว่างให้แม่ไปหาบ่อยๆ
เสียใจเหมือนกันที่เป็นคนทิ้งแม่ให้เหงา แต่เราก็ต้องทำงาน


.
.
.
.



"จะไม่ได้มาวันนึงนะ พี่หมูจ้างไปตัวเมือง ต้องค้างคืน"

"อืม"
ผมฟังเงียบๆ รับจานที่เต็มไปด้วยฟองจากเขาเพื่อเอามาล้างน้ำเปล่าต่อ

"แกไปทำธุระเรื่องที่หรืออะไรเนี่ยแหละ ต่อใบขับขี่อีก เลยต้องไปแต่เช้า ...นี่ก็ถามนะว่าออกตีสี่ได้มั้ย แกก็บอกขี้เกียจ ...ถ้ายังไงพรุ่งนี้เช้าจะพยายามมาหานะ"

"แล้วต้องไปกี่โมงล่ะ"

"ก็...เย็นๆ"

"แล้วทำไมมาไม่ได้?"
ไม่ได้อยากให้เขามานะ แค่อยากรู้เท่านั้น

"เราดันรับขึ้นน้ำอ้อยไว้น่ะสิ ต้องทำทั้งวัน"

"งานเยอะเลย...เหนื่อยหน่อยนะ"

"เหนื่อยหน่อยนะ~...อยู่กับฉัน ~
เมื่อสิ่งที่ฝันนั้นมันไม่ง่ายเลย~"

"เพี้ยน"

"เสียงเพี้ยน?"

"คนร้องต่างหากที่เพี้ยน"

"อ้าวว่าพี่พล-พลได้ไง"

"พะ-ละ-พล ต่างหาก!"
ผมเน้นทีละพยางค์

"ยังยิ้มได้นะ? ไม่เหนื่อยนะ?"
อะไร ...จู่ๆก็พูด

"ก็ยิ้มอยู่นี่ไง"
กลอกตาเหนื่อยหน่าย เขาไม่เห็นหรือไงว่าผมกำลังยิ้มกับมุกเด็กๆ ที่คนวัยสามสิบเลิกเล่นไปเป็นชาติ




.............





พรุ่งนี้ผมก็กลับแล้ว จองตั๋วรถไว้ตอนบ่าย ยังมีเวลาให้นอนอีกมาก
หยุดยาวครั้งนี้ได้อะไรมากกว่าที่คิด ...ถ้าหากผมตัดสินใจหยุดแบบนี้ตั้งแต่แรก เรื่องก็คงไม่ยืดเยื้อมานานขนาดนี้
เพิ่งเข้าใจว่า ...แม้อายุจะมากขึ้น แต่หัวใจไม่ได้เข้มแข็งตามอายุ
หัวใจของเราจะเข้มแข็งได้ ก็เพราะเรื่องที่มันต้องเผชิญต่างหาก ดังนั้นการที่เราเอาแต่เก็บตัว ไม่เผชิญปัญหา ไม่พบปะผู้คน ....มันก็ยังคงอ่อนแออยู่อย่างนั้น

“วันนี้ไม่ไปให้อาหารปลาเหรอลูก”
แม่หอบมัดต้นบอนมาหอบใหญ่ หวังทำแกงบอนเป็นมื้อเย็น เพราะท่านคิดว่าผมชอบ ทั้งๆที่จริงเราเลิกชอบไปนานแล้ว
ผมที่นอนเปลอยู่จำต้องพลิกตัวลงมาช่วยแกะเปลือกต้นบอน  ...จะว่ายังไงดีล่ะ ไม่เชิงแกะเปลือก เพราะมันไม่มีเปลือก แต่เป็นการเอามีดลอกเปลือกสีเขียวบางๆออกจนเหลือเพียงเนื้อสีขาวนิ่มคล้ายฟองน้ำข้างใน

“ว่าไง ถามไปยังไม่ตอบ”

“ขี้เกียจอ่ะแม่”

“ปอก็โตแล้วนะ มีแฟนหรือยังล่ะเรา”
เอาอีกแล้ว โดนถามทุกทีที่กลับบ้าน

“ไม่มีหรอกครับ เดี๋ยวแม่เหงา”

“โถ่ แม่จะเหงาได้ไง”

“มีความรักน่าเบื่อจะตาย รักหมารักแม่ดีกว่า”

“พูดอย่างนี้แสดงว่าเคยอกหักมาล่ะสิ ไปทำอีท่าไหนล่ะลูก”

“.....ไม่มีอะไรหรอกแม่.....ก็แค่...เราต่างกันเกินไป”
พยายามควบคุมน้ำเสียงไม่ให้สั่น แต่ช่างยากเหลือเกิน

“ต่างกันก็ดีสิ ต่างคนต่างก็เติมเต็มส่วนที่อีกคนไม่มี ไม่เห็นจะยาก”

“ปอไม่เหมือนแม่กับพ่อนะ ที่เลิกกันแล้วแต่ยังไปมาหาสู่กันได้สนิทใจอ่ะ  แม่ก็รู้ว่าปอนิสัยไม่ดี ถ้าเขาทำไม่ดีสักอย่าง ปอก็รู้สึกมองหน้าเขาไม่ติดแล้วครับ”

“เขาแค่ทำในสิ่งที่เราไม่ได้หวังไว้ ไม่ได้หมายความว่าเขาเป็นคนเลวสักหน่อย ...ถ้ายังรักเขาอยู่ ..ปอก็ไปง้อเขาซะ ดูเท่กว่านั่งยืดคอบนหลังช้างอีกนะลูก ไม่เมื่อยรึ?”

ผมบุ้ยปาก
“.....แกงบอนกินกี่คนเนี่ยแม่ เอามาเยอะจัง”

“ไอ้ลูกคนนี้นี่...ทำเป็นเปลี่ยนเรื่อง”
โดนตีหัวด้วยต้นบอนไปที

“เดี๋ยวปอก็คันหัวหรอกแม่อ่ะ”

“ไปง้อเขาซะ”

“จะง้อได้ไงเล่า ทิ้งมันมาตั้งสิบปี เสียฟอร์มหมด”

“ก็เป็นซะอย่างนี้”



.................................



“แกงน่ะมัดแน่นหรือยัง?”

“แน่นแล้วแม่”

“เอากล้วยไปมั้ยลูก?”

“ปอขึ้นรถทัวร์นะแม่ จะขนไปยังไงทั้งเครือ”

“รองเท้านี่ของปอหรือเปล่า?”

“ครับๆ”

“แม่บอกให้ศรไปส่งถึงคอนโดก็ไม่เชื่อ”

“เกรงใจเขาน่าแม่”

“เอ้ามาพอดี”

รถกระบะคันเดิมวิ่งฝ่าฝุ่นเข้ามาจอดหน้าบ้าน  น้องแมงปอกระโดดลงจากรถพร้อมด้วยเสียงดุของพ่อแก ร่างสูงใหญ่ก้าวลงจากฝั่งคนขับ  ศรยิ้มแห้งๆให้เล็กน้อยก่อนเปลี่ยนเป็นสีหน้าเรียบนิ่งผิดจากปกติ ซึ่งผมก็พอเดาออกว่าอะไรคือสาเหตุ

“ของเยอะนะครับเนี่ย ....ปอจะเอาขึ้นรถทัวร์ได้เหรอ”

“ก็นั่นน่ะสิ ป้าเลยอยากให้ศรไปส่งถึงกรุงเทพฯให้หน่อย จะเอาเท่าไหร่บอกมาเลยลูก”

“ไม่ต้องหรอกแม่ จองตั๋วไว้แล้ว เสียดายตังค์”

“ดื้อจริงๆเลยนะปอ ก็เราจะขนไปยังไง แกงนี่เดี๋ยวก็เหม็นรถ”

“งั้นไม่เอาไปก็ได้”

“ไม่ได้! แม่อยากให้ปอกิน ดูซิไปอยู่นู่นเคยกินอะไรบ้าง ผอมยังกับไม้เสียบผี”
ผมขี้เกียจเถียงแม่ เลยเดินเข้ามาหยิบน้ำดื่มในบ้าน

“เดี๋ยวผมคุยกับปอเองครับป้า”
ศรริทำตัวเป็นกาว กะมาเกลี้ยกล่อมผมที่ยืนกอดอกรออยู่หน้าตู้เย็น

“เดี๋ยวเราไปส่งที่ท่ารถเอง ยังไงป้าใจก็ไม่รู้อยู่แล้ว”
หืออ?? นี่หูผมเพี้ยนไปหรือไง?
เขาเผลอแตะแขนผมอย่างลืมตัว แล้วก้มหน้าลงมาพูดข้างๆหู
“โอเคนะ?”

ก้าวถอยจนแผ่นหลังสัมผัสตู้เย็น  ผมเม้มปากประหม่า ก่อนพยักหน้าตกลง


.
.
.
.
.


รถกระบะดับเครื่องลงยังลานจอดรถของสถานีขนส่งจังหวัด  น้องแมงปอหาวพร้อมบ่นพ่อตัวเองว่าฟังแต่เพลงเก่า  ซึ่งเขาก็ไม่ได้แก้ตัวอะไร แค่ยิ้มให้ลูก แล้วหันมายิ้มให้ผม

“จองตั๋วบ่ายใช่มั้ย งั้นนั่งรอในรถสักสิบนาทีกันนะ”

“ตรงนั้นมีเก้าอี้”

“ไม่....”
ศรจับมือผม น้ำเสียงของเขาเปลี่ยนไป
จากเคยสดใส กลับกลายเป็นออดอ้อนอยู่ในที

“เรามีอะไรจะให้....น้องแมงปอหยิบกล่องข้างๆหนูให้หน่อย”

สายตามองตามกล่องคุ้กกี้สีแดงตั้งแต่ที่มันอยู่ในมือเล็กๆของหลาน กระทั่งมันถูกส่งมาถึงมืออดีตเพื่อนรัก

“เอามาให้ เลือกไปสักรูปสิ”

“ไม่เป็นไร เก็บไว้เถอะ”
ผมมองตรงไปข้างหน้า
ครอบครัวกำลังล่ำลาลูกสาว
ชายหนุ่มกำลังกอดคนรัก
ศรถอนหายใจ
“ถามตรงๆได้ป่ะ”

“ลูกอยู่นะ”
พยายามเตือนสติเขา

แต่เขาส่ายหน้า “ลูกไม่ว่าหรอก”
ผมหันหลังมองน้องแมงปอที่นั่งเท้าคางจ้องเราตาแป๋ว ปากยิ้มเห็นฟันครบ 32 ซี่
“เราน่าจะลองคบกัน”
เขากล่อม

“ทำไมถึงคิดอย่างนั้น”

“แค่ปอยอมให้เรามารับที่นี่ ก็แสดงว่าปอให้อภัยเราแล้วใช่มั้ย ....เรายังมีหวังใช่มั้ย?”

“มันหลายปีแล้ว จะให้เล่นตัวงอแงมันก็ทำไม่ลง”

“ใช่....หลายปีพอที่จะเริ่มต้นใหม่”
ไปเอาคำพูดแบบนี้มาจากไหนนะ
พูดตรงๆว่าเขาค่อนข้างบ้านนอก ไม่ค่อยใช้คำสลับซับซ้อนชวนเลี่ยนอะไรอย่างนี้เท่าไหร่

“ถ้าเริ่มต้นใหม่แล้วมันไม่ดีล่ะ”
พูดเบาๆกับตัวเอง

“ตอนนี้ไม่เหมือนเมื่อก่อน เราเชื่อว่าเราทำให้มันดีได้....เราสองคน”

“สามต่างหากพ่อ มีหนูด้วย”

“ดูซิ...สอนลูก”
ผมบ่น สอนให้น้องใช้คำพูดแก่แดดแก่ลม ไม่รู้ว่ารู้เรื่องหรือเปล่าเหอะ

“ถ้าเราสอนลูกไม่ได้เรื่อง.....งั้นปอสนใจมาช่วยสอนแทนเรามั้ยล่ะ”

ผมจิ๊ปาก เสหน้าหนีออกนอกหน้าต่าง  ขณะที่มือขวายังถูกกอบกุม
เขานี่ช่างตื๊อจริงเลย
ชอบทำตัวเหมือนหมา รอเจ้าของกลับบ้าน ให้ข้าวให้น้ำ ชวนเล่นของเล่น
ซื่อสัตย์....แต่ก็พลั้งเผลอวิ่งออกนอกรั้วอยู่บ่อยๆ
กระทั่งมันหลงหายไป เจ้าของตามเท่าไหร่ก็ไม่เจอจนตัดใจ
หายไปนาน....หายไปนานมาก
...มันกลับมา พร้อมสายตาสำนึกผิด  เลียมือ เลียเท้า เพื่อขอความเห็นใจ
แค่นั้นไม่พอ  ยังพาลูกตัวเล็กๆมาให้เราใจอ่อนอีกตัว

ผมส่ายหน้าให้ตัวเอง
อดีตที่แทบต่อไม่ติด
แต่แค่อาทิตย์เดียวเขากลับทำให้ผมจมไปกับมันได้
แล้วที่อุตส่าห์หลบหน้ามาได้ตั้งหลายปีคืออะไรวะ
หรือเป็นเพราะเราเองนั่นแหละใจอ่อน ทั้งกลัวแม่ห่วง เลยยอมๆให้เขามารับ
เป็นไงล่ะที่นี้ ..ไปกันใหญ่

....หมดเท่เลยเรา

“จะบ่ายแล้ว”

“เฮ้อ.....”
ศรตั้งใจถอนหายใจดังๆ ...ผมรู้
เขาอยากให้ผมเห็นใจ

“ทำไงดีล่ะคะ”
น้องแมงปอถามผู้ใหญ่สองคนที่ไม่มีคำตอบให้

“ปอจะลงเลยมั้ยละ เดี๋ยวไม่ทันรถ”
เสียงหมดอาลัยตายอยาก
เขาปล่อยมือจากผม ....หึ! เป็นอย่างนี้ทุกครั้ง
ใช้คำว่าเพราะ ‘รัก’ ถึงยอมปล่อยมือ....แต่ปล่อยไปง่ายๆอย่างนี้  ไม่มีในพจนานุกรมของผมนะ

คนอะไร ชอบทำให้โมโหได้ทุกครั้ง
ขณะเดียวกัน......ก็ไม่เคยใช้คำว่า ‘เกลียด’ ได้ลง

“ไปส่งกรุงเทพฯเก็บเพิ่มเท่าไหร่?”

“ห้ะ?”

“เราต้องใช้เวลาคิดเยอะอ่ะ ไปส่งถึงกรุงเทพฯจะเป็นไรมั้ย”

“เอ่อ.....”

“หรือจะให้โทรบอกก็ได้นะ”
เริ่มเสียงแข็งเพราะชักรู้สึกเสียหน้า

“ไม่ๆๆๆ เดี๋ยวไปส่งถึงที่เลย ไม่เก็บเพิ่มด้วย”

“อืม....งั้นก็...รบกวนด้วย”

“ได้เลยครับผม!”

เฮ้อ....เบื่อไอ้งั่งนี่จริงๆเลย


-END-
............................................


สวัสดีค่า
ชื่อเรื่องก็มาจากเพลง This Town ฟังแล้วมันซึ้งในอกลึกๆ เจ็บเล็กๆดี
ก็แต่งแนวเดิมๆ5555 ไม่ค่อยมีอะไรให้เดาหรอก
แต่จะมีตอนพิเศษ1ตอน นะคะ
ส่วนเพลงในเรื่อง ชื่อเพลง More Than Words มีของหลายเวอร์ชั่น เราว่าเพราะทุกเวอร์ชั่นเลยค่ะ ถ้าแปลผิดก็ขออภัยด้วยนะคะ
 

ออฟไลน์ joyey6217

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 106
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
เปรียบเทียบได้เห็นภาพมาก เหมือหมาหนีออกจากบ้าน รอเเล้วรอเล่าก็ไม่กลับมา จนตัดใจ
แต่พอกลับมาได้ ก็มาเลียแข้ง เลียขา ให้ยกโทษให้ แถมมีลูกอ่อนมาให้อ่อนใจด้วยนะ
สถานะการณ์ของสองคนนี้เป็นแบบนี้ด้วยนะ แล้วก็ใจอ่อนเสียด้วยสิ
คนรอง้อก็รอน้านนาน กว่าจะมีโอกาสได้ง้อเนอะ
หรืออาจจะไม่กล้าง้อ เพราะคิดว่าตัวเองเป็นฝ่ายผิดสัญญา จนมีลูก (เเล้วจงใจตั้งชื่อลูกให้เหมือนรักแรกด้วยนะ)
เลยได้แต่รอแล้วรอเล่าเฝ้อแต่รอ ให้ปอกลับมา
ขอให้กลับไป (คบกัน) จะไม่เหมือนเดิมนะ 
ต่างฝ่ายก็ผ่านร้อนผ่านหนาวมาเยอะแล้ว มันเรียบง่ายดีนะ บางทีเพียงแค่เค้าคนนั้นกลับมาง้อ ก็พร้อมจะให้อภัยกลับไปอีกครั้ง


ออฟไลน์ Pawana

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 134
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
10.  ปียังต่อติด.   ชื่อน้องแมงปอน่าจะบ่งบอกแล้วนะว่า.  ยังรักอยู่.  อ่านสบายแบบบ้านๆๆๆ ดีคร๊าบบบ

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
อ่านเพลินดีค่า รอตอนพิเศษ   :mew1:

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4
 :3123: :3123: :3123:
 :กอด1: :กอด1: :กอด1:
 :L1: :L1: :L1:

ออฟไลน์ cchompoo

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-4
 :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ golove2

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +277/-6
 :กอด1: :กอด1:

 :L2: :L2:

ออฟไลน์ mukmaoY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3956
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-7
This Old Town
[This Town's prequel]





แสงไฟหน้าจากรถจักรยานยนต์ส่องสว่างเข้าไปในตัวบ้าน เผยให้เห็นดวงตาคมเย็นยะเยือกราวเสือร้ายที่กำลังรอขย้ำเหยื่อ
ใจผมสั่น มือก็สั่น ระหว่างค่อยๆก้าวลงจากรถก็พยายามควบคุมสีหน้าให้ดูเจ๋งที่สุด ชูคอยืดตรง หวังให้อีกฝ่ายเกรงกลัว
หารู้ไม่....ยิ่งเป็นการกวนบาทาท่านแม่เข้าไปใหญ่

"ไปไหนมา!! รู้ไหมมันกี่โมงกี่ยามแล้ว! แม่ตามหาให้ทั่ว ถามใครก็ไม่รู้ จะต้องให้ห่วง&&@¥$#^€&฿&"

แรงปะทะอันโหดร้ายทารุณทำเอาผมแทบลงไปนอนให้มอ'ไซค์ทับ

ท่านแม่ด่าอะไร ด่าถึงไหน...ผมไม่รู้หรอก ใครจะไปฟังทัน แค่ทำตาลู่ๆ เข้าไว้ก็พอ
ทำไงได้ เราผิดจริงนี่หว่า
เฮ้ย! แม่ถือก้านมะยมมาด้วย!

"แม่!!"
ผมยื่นมือไปก่อนเป็นอันดับแรก แต่แรงจากก้านมะยมหลายสิบอันก็กระทบฝ่ามือเข้าเต็มๆ
"โอ๊ย!! ปอเจ็บนะแม่ โอ๊ย!"
เสียงหวดสุดสยองดังหลายสิบที ผมกระโดดเป็นเจ้าเข้า พร้อมน้ำตาไหลพราก แม่หยุดตีเมื่อแกหมดแรงลง
ส่วนผมสิ มือสั่นขาสั่น ด้วยความแสบที่แพร่ไปทั่ว

"เข้าบ้าน!"

ผมสะอื้น เดินเข้าห้องตัวเองอย่างไม่สนใจแม่ ไม่มองหน้าแม่ด้วย
ยุคไหนแล้ว ทำไมต้องตีกันขนาดนี้เนี่ย!

"กับข้าวอยู่ในตู้ อย่าลืมออกมากิน"

เฮอะ! ไม่ออกไปให้เสียฟอร์มหรอก คืนนี้จะอดข้าวอดน้ำอยู่ในห้องเนี่ยแหละ!



.
.
.
.



หนีหน้าแม่มาหาผู้สมรู้ร่วมคิดตั้งแต่ตีห้า
ผมชอบเวลาที่มือหนาของเขาลูบต้นขา บางครั้งก็บีบแกล้งเรา บางครั้งก็พูดไปมองไป เหมือนหาลายแทงอะไรสักอย่าง
เขาเคยบอกว่าชอบปานรูปก้อนเมฆของผม เพราะมันเข้ากับปานรูปพระจันทร์ของเขา ราวกับว่าเราถูกกำหนดมาตั้งแต่ชาติที่แล้ว ตามความเชื่อละเมอเพ้อพกของเขานั่นแหละ ที่ว่ารอยปานคือรอยปูนที่ญาติเราในชาติก่อนทาไว้ตอนเราตาย
เขาคิดว่าเราตายคู่กัน จึงเกิดมาคู่กัน
...ตลกดี

"แล้วจะทำไงดีล่ะทีนี้"
นิ้วโป้งไล้วนรอบปานดำบนต้นขา น่าแปลก...แม้ไม่ได้มองเรา แต่กล้บรู้สึกถูกมองอย่างทะลุปรุโปร่ง

"คงต้องกลับบ้านเร็วขึ้น"

"ปอนั่นแหละอยากต่อยกสองเอง"

"ศรไม่ปลุกเราต่างหาก"

"คนมันเหนื่อยนี่หว่า"

"ขี้บ่น"
ผมบีบจมูกเขา

"ก็รักอ่า~"
หัวทุยถูไหล่อย่างออดอ้อน แม้บางครั้งผมจะเผลอมองเห็นเป็นควายขวิดทุกที

"เฮ้อ! อายุจะ18แล้ว ยังโดนแม่ตีอีก"

"ก็ถ้าปอบอกแม่ดีๆ เขาก็ไม่ว่ามั้ยล่ะ ชอบดื้อกับเขาด้วยนี่"

"ก็จะทำไมล่ะ บอกไปก็เท่านั้น ยังไงก็กลับบ้านป้ะ"

"วู้ว ดื้อจริงๆเลย ..."

"ไม่ดื้อกับศรคนเดียวแหละน่า"

"ให้มันจริง"







.............







ผมอาจจะเป็นโรคหัวใจวายเข้าสักวัน ในเมื่อช่วงนี้มีแต่เรื่องให้หัวใจทำงานหนักตลอด วันก่อนก็โดนแม่ตี วันนี้ยังต้องขึ้นแสดงงานโรงเรียนอีก
ว่าป่ะเวลาโตขึ้น งานโรงเรียนไม่สนุกเหมือนตอนเด็กๆเลย ตอนเด็กๆเราจะเต้นมั่วๆอะไรก็ได้ แต่พอโตขึ้น ก็ถูกคาดหวังว่าให้แสดงอะไรที่ดูมีสาระ หรือมีความสามารถหน่อย
เฮ้อ...แล้วคนที่ไร้ความสามารถด้านนี้จะเอาอะไรไปสู้เขาได้

"เหงื่อซ่กเลย"
แฟนลับๆของผมยื่นกระดาษทิชชู่ให้ แต่ผมแกล้งไม่รับ เขาจะได้เป็นฝ่ายเช็ดให้เราแทน


"เราไม่น่าเสนอตัวรับงานนี้เลยว่ะ"

"เอาน่า อีกไม่กี่โชว์เอง สู้สิ"
เขาพูดปลอบใจอยู่นาน ซึ่งไม่มีใครสนใจ ไม่มีใครรู้ว่าเราคบกัน จะมีก็แต่สงสัยนิดหน่อยในบรรดาเพื่อนสนิท เพราะเราไม่ทำประเจิดประเจ้อนอกบ้าน

"อยู่นี่เองศร ปอ ....ไอ้ต้อมมันตามหาแน่ะ"
เอื้อย เด็กแก่นประจำห้องเดินมาตาม เธอพ่วงน้องสาวที่ชอบทำตาวิบวับใส่แฟนผมมาด้วย บอกตรงๆว่ารำคาญมานาน อยากยัดเยียดน้องตัวเองให้ศรใจแทบขาด
ไม่เข้าใจเลยจริงๆ ไอ้ดำของผมมันหล่อตรงไหนวะ

"สวัสดีค่ะพี่ศร พี่ปอ"

"สวัสดีครับน้องเอม"

"เออกูฝากน้องไว้กับมึงแป้บนะ พวกมึงก็ไปหาไอ้ต้อมเลยละกัน มันจะถ่ายรูปให้"

"เออๆ"
ผมรีบสะกิดแขนแฟนเมื่อเห็นเขาตอบรับง่ายๆ
แต่มันหารู้เรื่องไม่

"เราถ่ายรูปกันเองได้นี่ศร"

"ก็เอารูปคู่ไง ถ่ายกันเองไม่สวยเท่าหรอก"
ได้แต่พยักหน้าหงึกหงักเห็นด้วย เพียงแต่ผมอยากให้น้องเอมไปให้พ้นๆก่อนมากกว่า

"น้องเอมกินอะไรมาหรือยัง"
เอ๋า!ไอ้นี่!
เปิดโอกาสอะไรจะขนาดนั้น? ผมตีแขนอย่างไม่เกรงใจน้อง ให้รู้กันไปเลยว่าไม่ชอบ

"อะไรปอ หิวเหรอ"

"เบื่อ อยากกลับแล้ว"

"บ้ารึไง แสดงก่อนสิ"

"งั้นพาเราไปเข้าห้องน้ำหน่อย"
ถ้าเราเข้าห้องน้ำชาย น้องเอมก็จะเข้าไม่ได้ เป็นไงล่ะแผนของผม

เขามองน้องทีมองผมทีอย่างคนตัดสินใจไม่ได้  เฮ้อ! ขี้เกรงใจไปซะหมด บางครั้งก็ดูหัวอ่อนจนน่ารำคาญ แต่ไม่สนใจก็ไม่ได้สิ ถ้าอยากให้เขาแกร่งกว่านี้ ก็ต้องคอยอยู่สอนเขา มัวแต่บ่นคงไม่ได้อะไรหรอก

"จะไม่ไหวแล้ว~"
ผมส่งลูกอ้อน

"เอ่อ...งั้น......"

"พาไปทีสิศร เราอยากให้ศรไปด้วย"

"ก็ได้ๆ ....น้องเอมกลับไปหาเพื่อนพี่ได้ไหมครับ?"

ต้องได้สิวะ น้องมันรู้จักเพื่อนเราทั้งห้อง

หันไปถลึงตาใส่ให้ไปให้พ้นๆ

"....ก็ได้ค่ะ"
ไม่รู้น้องมันไปเพราะศรขอหรือเพราะกลัวผมกันแน่



พอพ้นน้องชะอ่วมไปได้ ผมก็ลากเขามาที่ห้องน้ำ แอบคนเข้าห้องเดียวกันแล้วแลกจูบดูดดื่ม
ความสัมพันธ์ของเราก็เหมือนคู่รักทั่วไป มีความต้องการเจืออยู่บ้างตามประสาวัยรุ่น

"ฮ่า...." พ่นลมหายใจแรงเมื่อเราต่างผละออก

"คืนนี้นอนกับเรานะ"
คางสากคลอเคลีย น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความวิงวอนร้องขอให้ผมใจอ่อน

"เดี๋ยวกลับบ้านไปบอกแม่ก่อน...."


"เย่! ใจดีที่สุ--"
"แต่!!"

"....?"

"ถ้ายังอ่อยคนอื่น แล้วก็ยิ้มเรี่ยราด ปฏิเสธใครก็ไม่เป็น ...เราจะไม่ไป"

เขายิ้มกว้าง
"ไม่มีหรอกจ้า"

"แค่คืนนี้อ่ะดิ บอกมาหลายทีแล้วนะศร"

"โธ่! เราจะโชว์อยู่แล้วนะ อย่าเพิ่งอารมณ์เสียดิ ปะ...ไปรอหลังเวทีกัน เสร็จแล้วค่อยถ่ายรูปเนาะ"
จูงมือผมออกมา โชคดีที่ไม่มีใคร
"พรุ่งนี้จะเอาไปอัดเลย ฟิล์มเต็มแล้วมั้ง"

"ก็บอกแต่แรกว่าให้ซื้อสองม้วน"

"มันแพงนี่ เอาไว้เก็บเงินไปซื้อกล้องดิจิตอลดีกว่า"

"แพงพอกันแหละน่า"

"แต่จริงๆกล้องฟิล์มมันก็ชัดดีนะ"

"ใช่ไหมล่ะ"





...........






ระยะนี้ผมกับเขาไม่ค่อยลงรอยกันเท่าไหร่ เรื่องมันมีอยู่ว่า ศรขี้เกรงใจเกินไป ใครขอให้ทำอะไรก็ทำไปเสียหมด พอทำไม่ดีก็โดนว่า แล้วไงต่อรู้ไหม?
มันขอโทษเขา! ทั้งๆที่ไม่ใช่งานของมันเองแท้ๆ
แล้วคนที่มันต้องขอโทษคือใครรู้ไหม?
น้องเอมสุดสวยนั่นไง...

เบื่อไอ้ดำมากเลย ทั้งดำทั้งบื้อ อยู่ด้วยแล้วรำคาญ
แต่ถึงจะรำคาญ...ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่รัก

ผมรู้ตัว ...ว่าเป็นคนรักที่ไม่ดีเท่าไหร่ ชอบเอาแต่ใจและท่ามาก  จึงไม่เคยให้กำลังใจเลย เอาแต่ซ้ำเติมมันมากกว่า ครั้งนี้เขาเลยโกรธหนัก
ไม่รู้สิ...ความอดทนคงสิ้นสุดแค่นี้แหละมั้ง
ความรักวัยรุ่นก็งี้ ...ช่างมันเถอะ
เราเด็กเอง... เฮ้อ! ไอ้ปอมึงจะร้องไห้ทำซากอะไรวะ!?


จ๋อม!
ก้อนหินกระทบผืนน้ำ เกิดเป็นคลื่นวงกว้างกระจายเป็นระลอก
ผมหันหลังไปมองที่มาของหินก้อนนั้น
เป็นเขาที่ยืนมองเราอยู่ ในมือถือถุงใส่อัลบั้มรูป

"ไปเอามาแล้วเหรอ กี่บาทล่ะ"
ดีนะที่น้ำตาแห้งแล้ว ไม่งั้นขายขี้หน้าแย่

"รอบนี้เราจ่ายเอง"
ร่างสูงทรุดนั่งลงข้างกัน พลางหยิบถุงอาหารปลาที่ยังเหลืออยู่เต็มไป เขาเทอาหารเม็ดรวดเดียวจนหมดถุง แล้วหันมายิ้มมุมปาก นัยว่า 'หมดแล้วนะ มาคุยกัน'

"ขอดูรูปหน่อย"
แบมือรอรับ

"ไม่ให้"

"แล้วแต่"
ไม่สน

"....หื้ม..แล้วเรื่องที่จะไปเรียนกรุงเทพฯนี่เอาจริงใช่ป่ะ"

"ก็ลองสอบดูก่อน แต่คงไม่ยากหรอก ไม่ได้เข้าจุฬาฯสักหน่อย"

"....เราไม่ไปนะ"

"อืม...รู้อยู่แล้ว"
ถอนหายใจ มือเริ่มสั่น
ผมข่มใจให้นิ่ง รู้แล้ววันนี้ต้องมาถึง
คู่เราไม่มีทางตัน แค่มองไม่เห็นอนาคตมากกว่า
เราต่างกัน เราคิดกันคนละแบบ...นอกจากเรื่องที่เราชอบเหมือนกันแล้ว ...ก็ไม่มีอะไรที่เหมือนกันอีกเลย..
เราไม่เคยพยายามอยู่ด้วยกัน ไม่เคยออกนอกกรอบที่สังคมขีดไว้ไปมากกว่านี้
มีแค่คำว่ารักที่ยื้อเอาไว้ และแน่นอนเมื่อเราโตขึ้น ...แค่รักอย่างเดียว

.....ไม่พอ




.........




ถึงการคุยกันในวันนั้นจะไม่มีคำบอกเลิก แต่ก็เหมือนเป็นการบอกเลิกไปล่วงหน้าแล้ว

ผมกับศรยังคงคบกัน ไปมาหาสู่กันอยู่ตลอด โดยที่ไม่มีใครรู้เรื่องจนจบม.6 
ผมสอบติดราชภัฏฯในกรุงเทพฯ ส่วนเขาเรียนราชมงคลแถวบ้าน ครั้งสุดท้ายที่เจอหน้ากันคือเขาแอบมาส่งที่ท่ารถตู้ ยืนหลบหลังเสาเพราะกลัวแม่ผมเห็น ...แค่ยืนมองนิ่งๆอยู่อย่างนั้น แต่ภาพนั้นกลับฝังใจไม่ลืม



ตั้งแต่นั้นผมก็แทบไม่กลับบ้าน กลับมาทีก็อยู่ไม่เกินสองวันสักครั้ง  ด้วยความที่บ้านเราอยู่คนละฝั่งถนน คนละหมู่บ้าน ข่าวคราวจากเขาจึงแทบไม่ได้ยิน มีบังเอิญเจอเพื่อนเก่าแค่ไม่กี่ครั้ง มันก็เล่าบ้างว่าเขาแต่งงานแล้ว 
มีกลับมาครั้งล่าสุดที่แม่เล่าให้ฟังเพราะดันไปใช้บริการ แกตื่นเต้นยกใหญ่ที่ผมมีเพื่อนกับเขาบ้าง คงคุยกันเยอะ ถึงขนาดรู้ว่าเมียมันหนีไปมีผัวใหม่
ให้ตายเถอะ พอมาคิดดูแล้ว เราก็ไม่มีเพื่อนเลยจริงๆ


.
.
.

ไม่รู้นะว่าเราเกิดมาคู่กันอย่างที่ศรเพ้อไว้หรือเปล่า  ผมไม่เคยเชื่อเรื่องพรหมลิขิตสวรรค์อะไรนั่น ...ผมเชื่อ'คน'ลิขิตมากกว่า
ถ้าผมกับเขาเลือกที่จะอยู่ด้วยกัน...ต่อให้ถูกแยกกันไกลสุดหล้าฟ้าเขียว
'เรา' ก็จะหาทางมาอยู่ด้วยกันจนได้นั่นแหละ
มันอยู่ที่...กล้าพอไหมล่ะ?

จบ

........
ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านเรื่องสั้นแสนเรียบง่ายนี้
ราตรีสวัสดิ์ค่ะ
เจอกันใหม่เรื่องหน้านะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ yunjae123

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 948
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-1
อ่านได้เรื่อยๆ สบายๆ
ถึงจะห่างกันไปเป็นสิบปี
แต่ในใจต่างฝ่ายต่างไม่ลืมกัน
พอมาเจอกัน พูดคุยกันก็ต่อกันติดเหมือนเดิม
ยิ่งมีหนูน้อยปอมาช่วงเชื่อมด้วยแล้วก็ยิ่งดีเลย ^^
ถ้าช่วง ม.6 ทั้งศรทั้งปอ ได้คุยกัน ได้เคลียร์กันให้เข้าใจ
ความสัมพันธ์อาจจะดำเนินต่อไปด้วยดีก็ได้ (มั้ง) 5555+

ออฟไลน์ joyey6217

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 106
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
ชอบในความเรียบง่าย  สั้นๆแต่มากในความรู้สึกนะ 
ชอบงานเขียนแบบนี้
ตอนอายุ 18 ก็มีความคิด มีทัศนะ มองโลกแบบหนึ่ง
พอตอนโตขึ้นจนเป็นผู้ใหญ่วัยทำงานแล้ว การมองโลก ความคิดก็อีกแบบหนึ่ง
ไม่แปลกหรอกที่ความรักครั้งละอ่อนมันจะจบลง
ตอนเป็นเด็กเราจะมีความคิดอย่างหนึ่งที่ไม่ค่อยยอมลงให้ใคร ไม่ ฉัน จะทำอย่างนั้น
 ไม่ได้คิดที่จะปรับตัวละทิ้งตัวตนเพื่อที่จะรักษาความสัมพันธ์เอาไว้
บางทีพอมองย้อนกลับไป  ทำไม ตอนนั้นไม่ทำอย่างนั้น อย่างนี้วะ  มันอาจจะเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ก็ได้
ยามเมื่อลมพัดหวน ถ้าหากหัวใจยังจำเจ้าของเดิมและอยากกลับมาหาเจ้าของเดิม เมื่อจังหวะเวลาได้ เคมียังใช่ระหว่างกันและกันอยู่ เหลือแต่ว่ากล้าจะเริ่มต้นอีกทีไหม

ออฟไลน์ Legpptk

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 377
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด