[เรื่องสั้น] มาจากไหน ไอ้หน้ามึน? CH4 [23-03-17]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [เรื่องสั้น] มาจากไหน ไอ้หน้ามึน? CH4 [23-03-17]  (อ่าน 3056 ครั้ง)

ออฟไลน์ meelhek

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 47
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะ ครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรัก ชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้าม แจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะ ปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของ แต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้าม จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิด เดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม

6.การ พูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอม ให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้าม ลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อ ขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ด นิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยาย ที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง

16.นิยาย เรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วน หรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมด ออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้าม แจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

18.ใคร จะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17

เวปไซต์ แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่าง ประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-03-2017 22:29:27 โดย meelhek »

ออฟไลน์ meelhek

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 47
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0

CH1 ห้องน้ำ

ช่วงเปิดเทอมแรก เป็นที่รู้กันว่าบรรดาใต้ตึกเรียนรวมและตึกของคณะต่างๆ ต่างถูกจับจองเพื่อการซักซ้อมเชียร์ในกิจกรรมต่างๆที่จะมาถึง

อย่างคณะเทคโนโลยีสารสนเทศ สาขาเทคโนโลยีสารสนเทศ หรือที่เรียกสั้นๆว่าไอทีนั้นก็ได้ยึดใต้ตึกเรียนรวมที่1เป็นที่เรียบร้อย จุดประสงค์หลักเพื่อการฝึกซ้อมเชียร์ไปแข่งในงานกีฬารวมเด็กเทคโนโลยีที่จะถึงในไม่ช้านี้

สภาพของตึกในตอนนี้คือใต้ตึกซึ่งเป็นลานกว้างคึกคักไปด้วยเสียงเชียร์ลีดเดอร์ที่กำลังซ้อมเต้นอย่างแข็งขัน และคนอื่นๆที่นั่งจับกลุ่มคุยสัพเพเหระกันขณะนั่งทำพู่เชียร์และอุปกรณ์ประดับแสตน ส่วนชั้นอื่นๆซึ่งปกติจะเป็นห้องเรียนนั้นแทบจะมืดสนิท มีเพียงแค่ไฟทางเดินไม่กี่ดวงจนมีแต่แสงสลัวคอยส่องทาง

แต่ทางมหาวิทยาลัยยังปรานีเด็กๆที่ต้องทำงาน จึงบรรจงเปิดไฟหน้าห้องน้ำของทุกชั้นจนสว่างดร่ขัดกับส่วนต่างๆของตึกอย่างเห็นได้ชัด และนั่นทำให้การเข้าห้องน้ำของเหล่านักศึกษาที่ตรากตรำทำกิจกรรมยามค่ำคืนไม่ลำบากนัก และความน่าประหลาดมันอยู่ตรงนี้แหละ!

ห้องน้ำทุกชั้นถูกล็อคกุญแจทั้งหมดยกเว้นชั้นห้า ซึ่ง.. เด็กทำงานอยู่ข้างล่างต้องลำบากขึ้นไปเข้าห้องน้ำชั้นห้าเนี่ยนะ!

“เฮ้ย ปวดฉี่ว่ะ” โป้งเอ่ยขึ้นแล้วมองไปรอบๆกลุ่มที่ต่างคนต่างทาสีคัตเอาท์ตามส่วนที่ได้รับมอบหมายกันอยู่ แต่ไม่มีใครเงยขึ้นมาสบตาหรือพูดอะไรสักนิด จนโป้งต้องเอาเท้าเขี่ยไปที่เพื่อนที่นั่งข้างๆ

“ไอ้หนึ่ง ไปเข้าห้องน้ำกัน”

“อะไร โตเป็นควายแล้วไปเข้าห้องน้ำคนเดียวไม่เป็นเรอะ”

“เป็นสิวะ แต่…” โป้งว่าแล้วเงยหน้าขึ้นมองไปที่ชั้นสูงๆที่มีแต่แสงไฟสลัว ไปเข้าห้องน้ำน่ะไปเป็น แต่ไปห้องน้ำที่มีสภาพแบบนี้ ก็กลัวว่าจะมีผู้หญิงผมยาวที่ไม่รู้จักออกมาทักทายน่ะ

“เออ งั้นก็รีบไปรีบมา เนี่ยเหลืออีกตั้งเยอะ อยากกลับหอแล้วเนี่ย” หนึ่งพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่สบอารมณ์นัก และโป้งก็รู้ดีว่ามันอยากรีบกลับหอไปดูบอลที่ฉายตอนสามทุ่มมากแค่ไหน

แต่ดูท่าว่าหนึ่งจะลืมอะไรไปอย่าง เพราะว่าถ้าโป้งรู้ว่าฟุตบอลคือสิ่งโปรดปรานในชีวิตของหนึ่งมากเพียงใดฉันท์ใด หนึ่งก็ต้องรู้ว่าโป้งกลัวความมืดเป็นที่สุดฉันท์นั้น เรื่องพวกนี้คือไม่อยากรู้ก็ต้องรู้อ่ะ เพราะเป็นเพื่อนมาตั้งแต่มัธยม แชร์หอนอกด้วยกัน และหนึ่งเปิดดูบอลทุกแมชท์ในขณะที่โป้งต้องเปิดโคมไฟสว่างๆที่หัวเตียงนอนทุกคืน

ให้ตายเถอะเพื่อนเอ๋ย.. ไม่มีความเห็นใจกันจริงเหรอวะ…

“เร็วสิ ยึกยักอยู่ได้”

“เออๆ ไปก็ได้วะ”  โป้งลุกขึ้นอย่างเสียไม่ได้ แล้วมองขึ้นไปยังห้องน้ำชั้นห้าซึ่งเปิดไฟสว่างไสวอยู่อย่างไม่ไว้ใจ



ลิฟต์ขึ้นตึกอยู่ห่างจากจุดที่ทำกิจกรรมไม่ไกล แต่ถึงจะอยู่ในตึกเดียวกันก็ถูกจัดสร้างไว้ที่มุมอับ ซึ่งตอนกลางวันจะมีแสงแดดส่องลงมาจากหน้าต่างด้านบน แต่สำหรับตอนกลางคืน ไฟที่ใช้ตรงซอกนั้นก็เป็นหลอดไฟสว่างที่ดันติดๆดับๆ ดูๆไปแล้วยังน่ากลัวกว่าชั้นบนที่เปิดแค่ไฟสลัวเสียอีก

“โป้ง…”

เสียงผู้หญิง!

โอ้โห ยังไม่ทันขึ้นลิฟต์ก็มาทักทายกันเสียแล้ว โป้งยกมือพนมท่วมหัว ท่องบทสวดมั่วซั่วตามประสาวัยรุ่นที่ไม่ได้เป็นพุทธศาสนิกชนที่ดี แล้วรีบกดลิฟต์ยิกๆเหมือนกับจะเร่งให้มันมารับเร็วขึ้นได้ แล้วรีบก้าวขึ้นไปทันที ไม่ได้มองเลยว่ามีใครหรืออะไรกำลังตามมา



ไฟที่หน้าห้องน้ำเปิดสว่างไสวเสียจนแทบจะต้องหรี่ตา แต่ถึงอย่างนั้นในห้องน้ำกลับมืดสนิท ซ้ำยังมีเอฟเฟกต์ลมหวีดหวิวมาจากหน้าต่างบานเล็กด้านในให้น่ากลัวขึ้นไปใหญ่

โป้งยื่นเฉพาะแขนเข้าไปในห้องน้ำพลางภาวนาให้ไม่มีใครมาจับแขนเอาไว้ แล้วไฟก็ถูกเปิดขึ้นมาพร้อมกับความโล่งใจ ที่ดันก่อตัวเป็นคลื่นบางอย่างโครกครากในช่องท้อง

อืม.. ปวดอึ

เลยต้องเข้าห้องปิดสำหรับธุระหนักเสียอย่างนั้น ข้างในเงียบเชียบเสียจนคิดว่าน่าจะหยิบมือถือขึ้นมาด้วย ไม่น่าวางใส่กระเป๋าเรียนไว้ข้างล่างเลย ไม่รอบคอบซะจริง

โป้งนั่งทำสมาธิอยู่ไม่ถึงนาที จู่ๆก็ได้ยินเสียงคนเดินมาในห้องน้ำ วินาทีแรกขนหัวลุกไปแล้ว แต่พอคิดไปคิดมา ก็น่าจะเป็นเพื่อนผู้ชายสาขาเดียวกันนี่แหละ เพราะมันไม่น่ามีใครแล้ว

“เฮ้ย ใครวะ”

“เออ โป่งเหรอ”

“ใช่ๆ โป้งโว้ย” ถึงจะไม่ได้บอกชื่อ และก็ไม่ค่อยคุ้นเสียงสักเท่าไร แต่โป้งก็มั่นใจว่าเป็นเพื่นคนหนึ่งในสาขาแน่ๆ ก็เวลานี้สาขาเขายึดครองใต้ตึก แล้วใครมันจะขึ้นมาปลดทุกข์ตอนนี้กันล่ะ

“ยุ่งรึเปล่าวันนี้”

“โคตรอ่ะ เนี่ยยังระบายสีคัตเอาท์ไม่เสร็จเลย ไอ้หนึ่งบ่นแย่แล้ว แกเป็นไงบ้าง”

“ก็เหนื่อยอยู่ แล้วนี่จะกลับเมื่อไร มืดแล้วเนี่ย”

“ทำคัตเอาท์เสร็จก็กลับ แกอ่ะ”

“คงกินข้าวก่อนน่ะ ให้ซื้ออะไรเผื่อเปล่า”

“หืม ไม่ต้อง เดี๋ยวไปกินกะไอ้หนึ่ง แกไปกินด้วยกันเปล่า”

“ว่าจะไปกินร้านเจ๊น้ำน่ะ”

“อ้าว วันนี้ยิ่งอยากกินร้านเจ๊เพ็ญอยู่ เออไม่เป็นไรวันหลังๆ นี่งานแกจะเสร็จแล้วสิ ร้านเจ๊น้ำแม่งปิดเร็วนี่หว่า”

“อืม ตกลงเอาผัดซีอิ๊วนะ หมู? โอเค เจอกันเว้ยโป่ง บาย”

อะไรผัดซีอิ๊วหมูวะ?

เดี๋ยวนะ เมื่อกี้เขาคุยกะใครวะเนี่ย?

พอเรียบเรียงเหตุการณ์เมื่อครู่นี้ได้ ความร้อนก็ไล่ขึ้นมาจากปลายเท้าถึงใบหน้า ถ้าจะให้พูดตรงๆก็คือ อายไม่ไหวแล้ว!!

ก็คิดว่ามันแปลกๆตั้งแต่ถามว่าซื้ออะไรเผื่อมั้ยแล้วนะ แต่ก็คิดว่าไอ้หมอนี่กำลังจะทำงานเสร็จ ก็เลยจะขันอาสาไปซื้อข้าวมาให้เพื่อนๆที่หิวโหยเสียอีก ที่ไหนได้ เสียงปี๊บที่ดังขึ้นมาอย่างชัดเจนเมื่อกี้ ให้ตายเถอะ นี่เขากำลังคุยกับคนที่คุยโทรศัพท์อยู่งั้นเหรอ! มันเป็นใคร! ไม่ใช่เพื่อนของพวกเขาใช่มั้ย แล้วมาอยู่บนนี้ได้ยังไง มาทำให้เขาอายได้ยังไง!

ไอ้หมอนั่นไม่ได้เข้าห้องธุระหนักเหมือนตัวเอง แถมโป้งยังเปิดประตูห้องน้ำไว้โล่ง เพราะงั้นจะใช้เสียงประตูมาเป็นตัววัดว่าเจ้านั่นออกไปแล้วรึเปล่าก็ไม่ได้ แถมยังไม่ได้ยินฝีเท้าอีก นี่ตกลงยังอยู่ในห้องน้ำงั้นเหรอ?

ความเงียบเข้าปกคลุม ความเหม็นก็เช่นกัน โป้งทำธุระเสร็จสักพักแล้วแต่ไม่กล้าออกไป ด้วยกลัวคู่กรณีจะยังยืนดักอยู่ แต่ว่าการอบตัวเองในห้องส้วมแคบๆนี่ก็ไม่ใช่ความคิดที่ดีสักเท่าไร เพราะฉะนั้น

ออกๆไปซะจะดีกว่า…

โป้งกดชักโครกอย่างเบาที่สุดแม้จะไม่ได้ผลเพราะยังไงเสียงน้ำมันก็ดังเท่าเดิม และยิ่งดังมากกว่าเดิมด้วยเมื่ออยู่ในที่เงียบๆแบบนี้

เขายื่นหัวออกมาเป็นสิ่งแรก มองซ้ายขวาและฝ้าเพดาน เมื่อเห็นว่าไม่มีสิ่งผิดปกติแล้วจึงก้าวเท้าออกไปอย่างสบายใจ แต่ทว่า…

“โห รอตั้งนานแน่ะ”

โป้งหันขวับตามเสียงเรียกทันที ซึ่งมันก็ไม่ได้มาจากที่ไหนไกล ห้องน้ำติดกันกับห้องเขานั่นเอง! นักศึกษาที่โป้งไม่คุ้นเลยแม้แต่นิดก้าวออกมา ตัวสูงพอๆกันแท้ๆ แต่ทำไมเดินแล้วไม่มีเสียงก้าวเลย แล้วมาอยู่ใกล้ขนาดนี้ อดคิดไม่ได้ว่าเป็นผีรึเปล่า

“เฮ้ย เป็นคน ไม่ต้องตกใจ”

โป้งยิ่งอ้าปากค้างไปใหญ่เมื่อเจ้าคนแปลกหน้าพูดอย่างกับว่ารู้ความคิดของตน แถมยังพูดออกมาอย่างหน้าตายเสียอีก

“ชื่อโป้งเหรอ ตะกี้เราคุยกับเพื่อนชื่อโป่งนะ”

“อะ.. อืม” โป้งก้มหน้าลงด้วยความอับอาย ไม่เข้าใจว่าไอ้หมอนี่จะยืนอยู่รอให้เขาออกมาจากห้องน้ำทำไม น่าจะรู้แท้ๆว่าคนอยู่ในสถานการณ์แบบนี้มันอายมากแค่ไหน

“มันเป็นผู้ชาย แต่ชื่อลูกโป่ง ตลกดีเนอะ”

ยังจะพูดอีก!

โป้งเหลือบมองคนพูด ที่ดูท่าจะตั้งใจปล่อยมุขแท้ๆแต่กลับทำหน้านิ่งเหมือนเดิมไม่มีผิด แถมยังดูท่าไม่คิดจะไปไหนอีก ถ้างั้นเขาคงต้องออกไปก่อนสินะ

“เอ่อ ถ้าไม่มีไรแล้ว เราไปก่อนนะ” โป้งพูดแล้วเฟดตัวออกมาโดยนึกว่าตัวเองเป็นนินจาในการ์ตูน แต่ในเมื่อไม่ใช่ จึงถูกคว้าแขนไว้ได้อย่างง่ายดายเสียอย่างนั้น โป้งเงยหน้ามองคนจับ ที่เริ่มจะขมวดคิ้วนิดนึง นิดเดียวจริงๆ

“เดี๋ยวสิ นี่เรารอตั้งนานนะ”

“แล้วจะรอทำไมเล่า อยากให้เราอายเหรอ”

โป้งพูดอย่างเหลืออด ซึ่งฝ่ายนั้นทำแค่ขมวดคิ้ว มากกว่าเดิมอีกนิดนึง “เปล่า เราแค่อยากรู้จัก”

“อยากรู้จักเรา? ทำไม?” เป็นใครก็คงสงสัยทั้งนั้นแหละ เล่นออกจากห้องน้ำมาแล้วมีใครไม่รู้มาดักรอแบบนี้ อยากรู้จักที่ว่านี่คือชวนขายตรงรึเปล่า เห็นว่าอยู่ในห้องน้ำสองคนรอดยากสินะ

“เรามีเพื่อนที่ชื่อโปง โป่ง โป๊ง โป๋ง ไง ขาดแต่โป้งเนี่ย ขอเบอร์ เฟส ไลน์หน่อย เร็ว”

นอกจากเหตุผลจะแปลกๆแล้วยังมีบังคับอีกต่างหาก โป้งมองมือถือที่ยื่นมาตรงหน้าอย่างงงๆ ซึ่งฝ่ายนั้นก็ยัดใส่มือมาให้แล้วยืนดูหน้านิ่ง

“นี่ ถ้าเราเป็นขโมยจะทำไง”

“ไม่ใช่หรอก เด็กไอทีที่ทำคัตเอาท์ข้างล่างนี่นา เมื่อกี้ก็บอกอยู่”

ความอับอายขึ้นมาจุกที่คออีกครั้ง ไม่รู้จะพูดขึ้นมาทำไม อุตส่าห์เจอคาแรกเตอร์แปลกๆของเจ้าหมอนี่จนลืมไปแล้วแท้ๆ

“เออๆ ไม่ขโมยหรอก ว่าแต่แกชื่อไรอ่ะ อยู่ปีไหน เฮ้ยเป็นพี่เปล่าวะ โทษทีพูดหยาบ”

“ชื่อตาล ปีหนึ่งวิศวะคอม”

“ตาล?” โป้งทวนคำอย่างสงสัย เป็นผู้ชายแท้ๆแต่ชื่อตาล มันมีความหมายอะไรพิเศษรึเปล่านะ

“ใช่ น้ำตาล ลูกตาล แล้วแต่จะล้อ แต่จริงๆชื่อตาลเฉยๆ”

โป้งพยักหน้าแล้วหัวเราะเบาๆเมื่อนึกถึงเรื่องที่ตาลหน้ามึนพูดก่อนหน้านี้ “ชื่อแกก็เหมือนผู้หญิงเหมือนเพื่อนแกชื่อลูกโป่งเลยเนอะ ยังจะล้อเขาอีก”

“หึ ไม่เหมือนกันนะ โป่งมันลูกคนเดียว เกิดมาแล้วแม่ตั้งให้เหมือนผู้หญิงเลย แต่เรามีพี่ชื่อตอง แม่เราเลยให้ชื่อต.เต่า แต่ถ้าชื่อตู่ก็กลัวได้เป็นนายก เราอยากเป็นคนธรรมดามากกว่า”

คราวนี้โป่งถึงกับหัวเราะพรืดจนต้องปิดปาก มองตาลที่ยังหน้านิ่งแล้วยิ่งตลก ไม่รู้ทำไมคำพูดกับสีหน้าถึงไม่ไปด้วยกันเลย นี่มันพูดเพราะอยากเล่นมุขหรือเป็นแพทเทิร์นการแนะนำชื่ออยู่แล้วนะ

“แล้วพี่ชื่อตองนี่คือ แม่อยากให้สวยเหมือน ตอง ภัครมัย?”

“ตอนแรกก็ใช่ แต่ตอนนี้เป็นตองแค่เขียวอย่างเดียว ยืนอยู่ที่มืดนี่กลมกลืนเลยนะ”

มีการว่าพี่สาวตัวเองอีกต่างหาก! แถมยังมีการมาหยิบมือถือคืนแล้วเปิดรูปในแกลลอรี่ให้ดูอีก ซึ่งก็.. อืม.. ผิวคล้ำจริงๆด้วย แต่มันจำเป็นต้องเปิดเผยครอบครัวกับคนที่เพิ่งรู้จักขนาดนี้เลยเรอะ!?

“ถามจบยัง รีบๆเมมเบอร์ดิ”

“เดี๋ยว มีอีก ที่แกบอกว่ารู้จักคนชื่อโปง โป่งไรนั่นน่ะ ไล่ให้ฟังหน่อย คนบ้าอะไรรู้จักคนเป็นชื่อไล่วรรณยุกต์”

“เจ๋งใช่มั้ยล่ะ”

ไม่รู้ตาฝาดรึเปล่าแต่โป้งเหมือนรู้สึกเห็นตาลหน้ามึนยิ้มแล้วยืดอกนิดๆ มันเป็นเรื่องที่น่าภูมิใจขนาดนั้นเลยเหรอ?

“โปง คือโปงลางไง พ่อมันเป็นคนกาฬสินธ์ เคยอยู่วงโปงลาง ก็เลยตั้งชื่อว่าโปงลาง” ตาลพูดแล้วมองหน้าโป้ง ซึ่งคนฟังก็พยักหน้ารับ “โป่งคือลูกโป่ง โป้งคือแก ส่วนโป๊งนี่จริงๆไม่ใช่ชื่อมันหรอก แต่มันสกิดเฮดแล้วตัวอ้วน เพื่อนเลยล้อว่าโป๊งเหน่ง”

โป้งพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ และเงียบเพื่อฟังเจ้าหน้ามุนนี่พูดต่อ แต่ตาลกลับเงียบเสียอย่างนั้น “แล้วโป๋งล่ะ?”

“เราก็พูดไปงั้นแหละ ใครมันจะชื่อโป๋ง บ้าเปล่า”

“อ้าว กวนตีนนี่หว่า”

ตาลยักไหล่เล็กน้อยราวกับจะบอกว่าด่ามาก็ไม่แคร์ “แล้วเบอร์อ่ะ เมมยัง”

“นี่เอาจริงเหรอวะ”

“ไม่จริงจะยืนดมขี้รอเหรอ เร็วสิ”

ไม่รู้ทำไมพอได้ยินคำว่าดม..จากคนที่ก็ยังเป็นคนแปลกหน้ากันอยู่แล้วสะเทือนใจยังไงก็ไม่รู้ เพิ่งเจอกันแค่สิบนาที นี่สนิทกันถึงขั้นนี้แล้วเหรอ?

“เออๆ เมมก็ได้วะ”

“เฟส ไลน์ ทวิต ไอจี”

“มีแค่ไลน์กับเฟส”

“เอาเท่าที่มีนั่นแหละ ทั้งหมด เร็วๆ”

โป้งกดมือถือยิกๆ ไม่รู้ทำไมถึงต้องรีบตามที่ถูกเร่งด้วย “จะรีบไปไหนวะ แปปนึงสิ”

“รีบกินข้าวแล้วซื้อผัดซีอิ๊วไปให้โป่งไง ทำไมลืมเร็ว”

อยากจะเถียงออกไปเหลือเกินว่าใครมันจะไปจำทุกสิ่งอย่างที่คุยกันวะ แถมบทสนทนาช่วงนั้นยังเป็นบทสนทนาแห่งความผิดพลาดเสียด้วย

“ถึงจะลืมเรื่องนี้แต่อย่าลืมเรานะ”

แล้วจะมาเล่นมุขอะไรตอนนี้!

ถ้านี่เป็นการ์ตูนคงเห็นโป้งควันออกหูไปแล้วแน่ๆ เขาจึงรีบทำทุกอย่างแล้วคืนเครื่องให้เจ้าของโดยเร็ว ซึ่งตาลก็ดูจะมีสีหน้าพึงพอใจทีเดียว

“นี่ จะว่าไปแกมาอยู่นี่ได้ไงน่ะ” เกือบลืมเรื่องที่สำคัญที่สุดไปซะแล้วสิ จะว่าไปตึกนี้มืดหมดและมีแต่คนของพวกเขา อย่าบอกนะว่า ตัวจริงของเจ้านี่…

“อ๋อ พอดีลืมสมุดจดไว้นี่”

“เค้าไม่ได้ล็อคประตูเหรอ?”

“ไม่นะ ที่นี่เค้าล็อคแค่ห้องน้ำเท่านั้นแหละ ไปลองเปิดดูสิ”

โป้งส่ายหน้ารัวเร็ว จะให้ไปเช็คห้องเรียนที่มืดสนิทมีแค่ไฟสลัวๆด้านหน้าน่ะไม่เอาด้วยหรอก แต่เท่านี้ปริศนาทั้งหมดก็คลี่คลายแล้ว

“งั้นเราไปก่อนนะ”

“ก็ลงลิฟต์ไปด้วยกันดิ” ว่าแล้วก็ดึงแขนอีกฝ่ายออกมาเฉย โป้งไม่ทันแม้แต่จะขัดขืน ได้แต่เดินตามตาลที่ปิดไฟปิดประตูแล้วกดลิฟต์ให้

“แกเนี่ยพิลึกชะมัด”

“เหรอ”

พูดสั้นๆก่อนที่ประตูลิฟต์จะเปิดออก โป้งเหลือบมองใบหน้านิ่งมึนของตาลที่ไม่ได้พูดอะไรออกมาแล้วถอนหายใจเล็กๆ
มาจากไหนไม่รู้ คิดอะไรอยู่ก็ไม่รู้ แต่ก็ตลกดีเหมือนกันนะ…



“ไปจริงละนะ”

“เออ กลับดีๆ”

“ตั้งใจทำงานล่ะ”

โป้งพยักหน้ารับคนที่พูดแล้วเดินออกจากมุมลิฟต์ไป ทั้งๆที่เพิ่งรู้จักและคิดว่ามันเป็นคนแปลก แต่ตอนนี้กลับพูดคุยกันได้อย่างกับเป็นเพื่อนกัน หรือคนแปลกจะเป็นตัวเองกันแน่

ชายหนุ่มหลุดยิ้มออกมาเมื่อนึกถึงการรู้จักกันที่มันดูแปลกๆไปเสียหมด ก่อนจะเดินไปยังมุมคัตเอาท์ที่ทำค้างไว้ แล้วก็ต้องแปลกใจเมื่อเพื่อนๆที่ควรนั่งตั้งใจทำงานกลับมุงอะไรกันอยู่ก็ไม่รู้

“มีไรกันวะ”

“ไอ้โป้ง ฮ่าๆๆๆ” หนึ่งที่หัวเราะจนหน้าแดงไปหมดหันมาตบบ่าให้เพื่อนสนิทที่ยืนงงเข้าไปดูหน้าจอมือถือของเพื่อนผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งกำลังฉายภาพในห้องน้ำ มีตาลยืนยิ้มนิดๆมองไปยังห้องส้วมที่ปิดไว้ทั้งยังถือโทรศัพท์ในมือ และเสียงตัวเขาเองที่ตอบโต้กับมันอย่างธรรมชาติ

“เฮ้ย ใครไปถ่ายไว้วะ!!”

โป้งเผลอตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด ความอายที่หายไปแล้วแล่นขึ้นมาอีกครั้งจนร่างกายดีดตามสัญชาติญาณหวังไปตะครุบมือถือตัวการแล้วลบคลิปบ้านั่นทิ้งซะ แต่มือของใครบางคนก็รีบดึงมันออกไป ซึ่งคนๆนั้นก็เป็นกลุ่มเพื่อนด้วยกันเนี่ยแหละ แต่เพราะมันหยิบเอาไปแนบอกเลยไม่กล้าไปแย่งคืนมา ไม่งั้นเดี๋ยวโดนอะไรๆจะยุ่ง

“ฝน เอามาดิ นี่เราเสียหายนะอย่าช่วยคนถ่ายดิ”

“ไอ้โป้ง ฉันถ่ายเองแหละ”

กลายเป็นโป้งหน้าเหวอท่ามกลางเสียงหัวเราะของเพื่อนๆ รวมทั้งเพื่อนสาวตัวการ “นี่ฉันเห็นแกไปทางลิฟต์เลยเรียกจะไปด้วยก็ไม่รอ พอขึ้นไปก็ได้ยินเสียงแกคุยกะใครไม่รู้ พอไปแอบดูก็อย่างที่เห็น”

เสียงหัวเราะยังคงดังอย่างต่อเนื่อง และโป้งก็ถึงบางอ้อทันทีว่าเสียงผู้หญิงที่ไหนมาเรียกตอนขึ้นลิฟต์ เขากุมหน้าผาก รำพันในใจว่ารู้งี้น่าจะอยู่รอ ไม่งั้นเธอคงจะไม่ใจดีกับเขาหน่อยโดยที่ไม่เอามาแบล็คเมล์แบบนี้

“ลบ.. ลบเลยนะ..”

“ก็ได้นะ แต่ลงเฟสไปแล้วอ่ะ”

โป้งถลาไปควานหามือถือในกระเป๋าเรียนแล้วรีบเปิดเฟสบุ๊คทันที และสิ่งที่เด้งขึ้นมาก็เป็นอะไรที่ทำให้หงุดหงิดขึ้นไปอีก ไอ้ตาล จะมาไลค์ทำไม!

‘ตลกดีนะ’ แชทเองก็เด้งขึ้นมาทันทีเหมือนกัน คนในนั้นเป็นคนที่รู้จักกันดี.. เมื่อไม่กี่นาทีที่แล้ว

‘แกรู้ตัวสินะ ทำไมไม่บอกให้หยุด’

‘ก็มันตลกอ่ะ :p’

โป้งกำมือถือแน่นก่อนจะสบถออกมาอย่างเหลืออด “ไอ้ตาล… ไอ้เชี่ยเอ๊ย”

“ตาลนี่ใครอ่ะ คนเมื่อกี้ป่าว เค้าจีบแกเหรอ” ฝนพูดขณะกดเข้าไปดูเฟสบุ๊คของคนที่เพิ่งมากดไลท์และเป็นคนที่เธอไม่รู้จัก จึงรีบเช็คและรู้ทันทีว่าเป็นเพื่อนกับโป้ง แถมยังหน้าตาเหมือนคนในคลิปอีก ว่าก็ว่าเถอะ เธอตั้งใจแอบถ่ายเลยมองหน้าไม่ชัด น่าเสียดายที่ถ้าจีบกันจริง เธอน่าจะอยู่ฟังต่ออีกหน่อย ไม่น่ารีบลงมาตอนพวกนี้คุยโทรศัพท์เสร็จเลย

“เฮ้ยเปล่า ก็คุยกันเฉยๆ”

“จริงเหรอวะ ไหนๆ” หนึ่งคว้ามือถือจากฝนที่ไม่ได้ขัดขืนอะไรแล้วพิมพ์อะไรไปไม่รู้ โป้งเช็คมือถือว่าจะถูกแกล้งรึเปล่าแต่ก็ไม่มีอะไร จนเพื่อนสนิทและอีกสองสามคนที่มุงอยู่ยิ้มเจ้าเล่ห์พร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย

“ไอ้โป้งดูดิ”

“อะไรวะ” เขาดึงมือถือของฝนเข้ามาใกล้ ซึ่งมันปรากฏแชทที่หนึ่งเอาเครื่องฝนไปคุยกับตาล

‘เธอๆ จีบโป้งเหรอ’

‘ใช่ครับ :)

เท่านั้นแหละเสียโห่ฮิ้วก็ดังขึ้นเป็นวงรอบตัว โป้งแทบจะมุดดินหนีจากความอับอายที่เกิดขึ้นซ้ำซ้อนจนแทบรับมือไม่ทัน
แล้วแชทในเครื่องตัวเองก็เด้งขึ้นอีก ‘บอกเพื่อนโป้งไปละว่าจีบ ตามนี้นะ’

ตามนี้นะบ้าบออะไรล่ะ แบบนี้ก็เท่ากับเขาไม่มีทางเลือกเลยไม่ใช่รึไง! ไอ้บ้าหน้ามึนเอ๊ย มันเอาความคิดจะจีบผู้ชายที่เจอกันในห้องส้วมมาจากไหนวะ ต้องพูดว่าไอ้บ้ากี่ครั้งถึงจะสมควรแก่ความบ้าของมันดีเนี่ย

“หน้าแดงว่ะ”

“ไม่ได้แดงเว้ย เอ้า จะกลับไปดูมั้ยบอลน่ะ มาทำต่อเร็ว!” ต่อมรักงานโตขึ้นมาเสียอย่างนั้น พวกเพื่อนๆที่มุงล้อเลียนเลยจำใจต้องกระจายกันออกไป ให้โป้งทาสีเงียบๆด้วยหน้าสีแดงจัดต่อไป

และไม่ได้รู้ตัวเลยว่าถูกแอบถ่าย..

‘อะ คิดว่าอยากได้’

‘ขอบใจนะ’

ตาล น้องตอง ตอบรับคำขอเป็นเพื่อนจาก Nueng Nopparuj แล้ว…

___________________________________________________________________________________________

สวัสดีทุกคนค่ะ! กลับมาแล้วกับเรื่องสั้นเรื่องที่สอง ขอบคุณที่เข้ามาอ่านมากๆนะคะ
จริงๆก็ลังเลนะคะว่าจะลงห้องไหน แต่อันนี้กะว่าจะให้เหมือนการ์ตูนแก๊กจบในตอน เลยเอาลงห้องนี้ดีกว่า
คุ้นชื่อโป้งกันมั้ยคะ? แถ่นแท้น พี่โป้งดวงซวยจากเรื่องคุณหมาป่ากับศักดิ์ศรี นั่นเองค่า!
ใครไม่เคยอ่านฝากด้วยนะคะ ตอนพิเศษมีแน่นอน!
ฝากเรื่องยาวด้วยนะคะ Penquin Pitch! เป็นเรื่องราวของชมรมอะแคปเปลลามัธยมค่ะ แนวจริงจังที่ผิดกับเรื่องสั้นเลยค่ะ หวังว่าจะสนุกนะคะ

ปล เหตุการณ์นี้เคยเกิดขึ้นจริงกับเราค่ะ ซึ่งจริงๆมันไม่ฟรุ้งฟริ้งงี้หรอก อาย! อาย! อาย! ลูกเดียว

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
ต้องย้อนไปอ่านตามลิ้งค์กันเลยทีเดียว  :katai5:

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
อาฮะ..โป้งที่โดนพี่พัดต่อย ตาลนี่ไม่ใช่ผีแน่นะ เปิดตัวได้หลอนมาก 555   o22

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ตาล มาไป อย่างมึนๆ พร้อมกับความอับอาย ของโป้ง  :z3: :z3: :z3:

ออฟไลน์ meelhek

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 47
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
CH2 งานกีฬา

เรียกได้ว่าเป็นกิจกรรมที่ชวนง่วงหงาวหาวนอนมากที่สุดเลยก็ว่าได้กับการที่ต้องแหกตาตื่นขึ้นมาแต่เช้าเพื่อมาจัดแสตนและซ้อมรอบสุดท้ายอันน่าเบื่อ มิหนำซ้ำยังต้องคอยมานั่งปลุกเพื่อนสนิทที่มัวแต่ดูบอลจนตีสาม แทบไม่ได้หลับได้นอน นี่ก็จะหลับคาแสตนเชียร์อยู่แล้ว

“ไอ้หนึ่ง จะเริ่มแล้วนะเว้ย”

“เออน่า ยังไม่ถึงตาเราสักหน่อย” หนึ่งพูดแล้วผงกหัวลงอีกครั้ง โป้งถอนหายใจแล้วมองไปทางด้านขวาของหอประชุม
จะว่าไปตอนนี้ก็เริ่มกันแล้วด้วยซ้ำ เมื่อหลังจากคณะบดีหรือหัวหน้าภาควิชาอะไรสักอย่างที่ไม่ใช่วิชาเขาขึ้นไปกล่าวเปิดงาน จากนั้นสาขาวิชาที่อยู่ด้านขวามือของหอประชุมที่จับฉลากได้เป็นเบอร์แรกจึงเริ่มก่อน ถึงจะอยู่ไกลไม่น้อยแต่โป้งก็เห็นว่าทางนั้นเตรียมตัวมาดีที่เดียว โดยเฉพาะลีดที่ใส่กระโปรงพลิ้วสีขาว ทำเอาใจหนุ่มๆทั่วหอประชุมเต้นระรัว

“แหม แอบดูตาลอยู่เหรอ”

โป้งสะดุ้งแล้วชักสายตากลับมามองด้านล่าง ก่อนจะอ้าเข่าออกแล้วหนีบหัวเพื่อนผู้หญิงที่เงยหน้าขึ้นแซวจนเธอร้องโอดโอยเพราะผมเสียทรง

“โอ๊ย หยุดๆๆ”

“นี่! น้องๆตรงนั้นน่ะ!” เพราะเสียงโวยวายของฝนทำให้ทั้งสองคนโดนเพ่งเล็งจนได้ โป้งเก็บเข่าเท้าชิดพร้อมๆกับที่ฝนนั่งหลังตรงขึ้นมาทันที

แต่ก็เข้าใจความโหดของพี่ๆเค้าอยู่หรอก เพราะถ้าไม่ใช่เวลาแสดงของตัวเองแล้วทุกคนมัวแต่เล่นกัน ก็จะสร้างเสียงรบกวนจนทีมที่แสดงก็จะไม่มีสมาธิ เพราะงั้นถึงได้มีกฏขึ้นมาว่าถ้าสาขาไหนส่งเสียงดังจะโดนหักคะแนน ซึ่งในกรณีของโป้งเมื่อกี้ น่าจะยังได้แค่ใบเหลือง แต่ถึงอย่างนั้นก็โดนเพ่งเล็งจากเพื่อนทั้งหมดอยู่ดี

อ้อ ยกเว้นหนึ่งที่หลับอยู่คนนึงน่ะนะ บางทีโป้งก็อยากจะถามว่าไม่นับคนหลับหรือยังไง ถ้างั้นคนจะหลับทั้งสนามก็ได้งั้นสิ?
ถึงจะบ่นในใจก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา โป้งจึงสะกดอารมณ์ฉุนเฉียวแล้วมองไปยังฝั่งที่กำลังแสดงต่อ จริงๆแล้วตาลไม่ได้อยู่สาขานั้น แต่ที่ฝนแซวขึ้นมาเพราะตาลอยู่สาขาข้างๆเขานี่ต่างหาก แถมหมอนั่นยังเป็นลีดเสียด้วย ไม่เข้าใจรุ่นพี่วิศวะคอมเลยจริงๆว่าทำไมถึงเลือกเอาคนหน้าตายแบบนี้ไปเป็นเชียร์ ถึงมันจะหน้าตาดีก็เถอะ แต่นึกภาพตอนเชียร์ไม่ออกจริงๆ

แล้วดูเหมือนว่าเขาจะจ้องมองเชียร์ลีดเดอร์หนุ่มที่อยู่หน้าแสตนข้างๆนานเกินไป เจ้าตัวถึงได้หันขวับมามองเขาเสียอย่างนั้น ที่เขาว่าถ้ามีใครมองเราจะรู้สึกตัวมันเป็นเรื่องจริง หรือแค่เพราะหมอนี่มีพลังจิตพิเศษกัน

โป้งไม่ได้หลบตา ซ้ำยังจ้องกลับแบบไม่ยอมแพ้เสียด้วยซ้ำ ก็ดูหมอนั่นสิ หันมามองแท้ๆแต่ไม่มีหรอกส่งยิ้มให้ มองนิ่งๆเหมือนจะท้าทายแบบนั้นใครจะไปยอมแพ้กันล่ะ

“โป้ง ถึงตาเราแล้ว” แต่สุดท้ายโป้งก็ต้องยอมแพ้จนได้เมื่อเพื่อนข้างๆสะกิดให้รู้ว่าพวกเขาต้องเตรียมตัวแล้ว ชายหนุ่มละสายตาจากทีมข้างๆก่อนที่ทำหน้าที่ปลุกเพื่อนที่หลับคอพับให้เงยหน้าขึ้นมา

แต่ถึงอย่างนั้นตาลก็ยังมองมาไม่วางตา อะไรของมันกันเนี่ย…





สาขาของพวกเขาแสดงจบไปได้ด้วยดี ทั้งลีดสวยและลีดโจ๊กทุ่มสุดตัวจนคนดูฮากันทั้งสนาม ก็จะมีแต่คนที่โป้งชายตาไปมองนั่นแหละ ตาลเลิกจ้องเขาไปนานแล้ว และใช้เวลาไปกับการดูลีดตามที่ผู้ชมควรจะเป็น แต่ทั้งอย่างนั้น ก็ยังหน้าตายอยู่ดี เฮ้ย นี่กล้ามเนื้อใบหน้ามันมีปัญหารึเปล่านะ หลังจบงานเขาควรพาหมอนี่ไปหาหมอมั้ย!?

“เอ้า คอมเอนฯ พร้อม”

เสียงรุ่นพี่ปีสองของวิศวะคอมดังมาถึงแสตนของพวกโป้ง เขาไม่ได้อยากดูนัก แต่ก็เผลอมองตามตาลที่เดินเข้าที่เตรียมแสดงไปเสียได้ และโป้งเพิ่งสังเกตได้อย่างหนึ่ง ว่าตอนนี้สีหน้าของตาลไม่ได้นิ่งกวนตีนตามปกติ แต่กลับมีแววความเครียดอยู่ในดวงตา
อย่างที่ไม่เคยเห็น

‘สู้ๆนะ’ โป้งขยับปากอย่างไม่ออกเสียงให้คนที่เหลือบมามองตัวเขาพอดิบพอดี ตาลพยักหน้าแล้วส่งยิ้มเบาๆมาให้ก่อนจะกลับไปตีหน้านิ่งเตรียมเต้นลีด

แล้วทำไมเขาต้องใจเต้นด้วยเนี่ย!





“แหมๆๆๆๆ เพดานโรงยิมเป็นสีน้ำตาล แต่รอยยิ้มของตาล ทำให้โป้งเป็นสีชมพู”

โป้งเดินตามเหล่าเพื่อนๆที่ส่งเสียงล้อไม่หยุดหย่อน ขนาดไอ้หนึ่งเพื่อนรักที่มันหลับอยู่ดีๆตื่นมาไหงมาร่วมวงเร็วนักก็ไม่รู้ ไม่เข้าใจว่าการที่ผู้ชายคนหนึ่งมาหยอดมาจีบผู้ชายอีกคนหนึ่งนี่มันแปลกมากนักเหรอ ไม่ใช่วัยประถมมัธยมแล้วนะจะมาล้อกันอยู่ได้
แต่คำถามที่ว่าแปลกมั้ยของเขาก็คงได้รับคำตอบแล้วล่ะ เพราะแค่เขาโผล่เข้าสนามแข่งชักกะเย่อที่พวกสาขาของตาลแข่งเสร็จพอดี เพื่อนๆของทางนั้นก็ส่งยิ้มมาให้อย่างมีเลศนัยเหมือนกัน

“อ้าวนั่นโป้งนี่หว่า โป้ง ชี้ กลาง นาง ก้อย แค่ถ้าโป้งขอค่อยๆ ตาลก็จะทำเบาๆ”

แทบสะดุดพื้นลื่นหัวแตก!!

ไอทีมิอาจสู้วิศวะได้จริงๆ สกิลการแซวมันช่างต่างกันราวฟ้ากับดิน เอาที่เพื่อนโป้งแซวมารวมกันแล้วขยำๆยังไม่ได้มุขนึงของเพื่อนตาลเลยให้ตายเถอะ

นี่โป้งมองตาลผิดไปอย่าง นึกว่าคนอย่างมันจะไม่มีเพื่อนให้คุยเรื่องพวกนี้ด้วยซะอีก แล้วนี่มันคุยยังไงของมัน เพื่อนของมันนี่คือเข้าใจว่าจีบ=ได้กันแล้ว หรือยังไง? เฮ้ย นี่โป้งยังไม่ได้ตกลงปลงใจนะเว้ย ฝั่งนั้นบอกจะจีบๆก็มีแค่มุขเสี่ยวลอยมาตามแชทไปวันๆเท่านั้นเอง

“เฮ้ย อย่า…” ตาลว่าแล้วดึงตัวเพื่อนกลับไปยังเขตที่ทีมนั้นต้องแต่ง คือโป้งจะประทับใจมากถ้ามันพูดดังกว่านี้สักนิด ไม่ใช่เสียงเบาเหมือนลูกแมวกระซิบแบบนั้น ที่สำคัญ ปากว่าแต่ทำไมตามันยิ้มขนาดนั้นวะ! ถูกใจที่เพื่อนพูดรึไง ดูท่าเขาคงต้องบล็อคเฟสบุ๊คมันสักสองวันให้หลาบจำ

“เอ้า ไอทีปีหนึ่งทางนี้เลยครับน้อง” เสียงเรียกจากพี่ปีสองที่คุมแข่งชักกะเย่ออกเสียงเรียกทำให้โป้งไม่ได้สนใจตาลมากนัก ได้แค่ชูนิ้วกลางไปให้เท่านั้นเอง ซึ่งถึงแม้จะไม่สะใจเอาเสียเลย แต่การแข่งขันก็ต้องมาก่อน

คู่แข่งของพวกเขาเป็นพวกวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ ที่กำลังคิดว่าหลังแข่งจะไปถามสักหน่อยว่าคอมซายน์คณะวิทยาศาสตร์กับคณะเทคโนโลยีสารสนเทศของพวกเขาต่างกันยังไง แต่ตอนนี้ต้องคิดถึงการแข่งก่อน เพราะว่าพอเห็นขนาดตัวของคู่ต่อสู้แล้ว… อืม วิทยาศาสตร์นี่คัดมาแต่ตัวเด็ด เลือกส่งนักกีฬาด้วยหลักเหตุผลของแท้ ผิดกับพวกเขาที่ใครอยากแข่งก็แข่ง ดูตัวพวกนั้นสิ มีแต่หมีๆ ต่างกับไม้เสียบผีอย่างพวกเขาชะมัด

“ไงล่ะ อยากลงชักกะเย่อดีนัก” หนึ่งบอกโป้งที่ยืนมองคู่แข่งหน้าเจื่อน ดูจะไม่มีทางชนะเลย

“นี่ พวกแกมาถอดรองเท้าดิ” ฝนกวักมือเรียกให้สองคนที่ยืนคุยกันมาที่มุมหนึ่งซึ่งมีรองเท้าของพวกผู้หญิงรวมกันอย่างกับจะเล่นอีกาฟักไข่

“ถอดไมอ่ะ” หนึ่งถามอย่างสงสัย

“เท้าเปล่ามันยึดพื้นดีกว่าไง”

“ต้องจริงจังขนาดนั้น?”

“ไม่ทำก็ได้ แต่ถ้าทีมแพ้พวกเราโทษแกนะไอ้หนึ่ง” ทั้งฝนและพวกผู้หญิงคนอื่นต่างจ้องมาขนาดนั้น พวกผู้ชายเลยต้องถอดอย่างเสียไม่ได้ แม้โป้งจะแอบคิดในใจว่ารองเท้าเขาก็ดีพอยึดพื้นได้เหมือนกัน แต่ไม่เอาดีกว่า เข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม อย่างหนึ่งที่บ่นอุบอิบแต่มันก็ยอมถอดแต่โดยดี

“น้องสองทีมพร้อมนะครับ สาม สอง หนึ่ง เริ่ม!”

เชือกเส้นใหญ่ถูกกระชากอย่างแรงจากสองฝั่ง แน่นอนว่ากระแสไปทางทีมตรงข้ามตั้งแต่เริ่ม ทีมไอทีแต่ละคนจิกนิ้วเท้าลงพื้นอัตโนมัติ เพิ่งรู้ว่านอกจากเพิ่มแรงยึดแล้วการถอดรองเท้ายังช่วยเพิ่มการจิกด้วย

“แม่งเอ๊ย.. ไม่ไหว..”

“อย่าท้อสิวะไอ้โป้ง” กลายเป็นหนึ่งซะงั้นที่ฮึดสู้จนเหงื่อแตก มือนี่สั่นดิ๊กๆแถมหน้ายังแดงแจ๋

โป้งเลยต้องเพิ่มแรงดึง ไม่อย่างนั้นถ้าเส้นเลือดบนแขนไม่ปูดโปนเหมือนคนอื่นมีหวังคนด่าว่าอู้แหงๆ แต่ถึงจะดึงจนเส้นเลือดจะแตกแค่ไหน ตัวพวกเขาก็ค่อยๆไหลไปข้างหน้าอย่างควบคุมไม่ได้อยู่ดี

“โอ๊ย!”

เด็กหนุ่มร้องลั่นเมื่อฝั่งนั่นกะปิดจ๊อบ จึงผ่อนแรงลงนิดหนึ่งก่อนกระชากสุดแรงจนพวกเขาแทบล้ม แต่ถ้าแค่ล้มโป้งคงไม่ต้องร้องดังขนาดนั้นหรอก เพราะถ้าแค่นั้นฝนก็คงไม่ร้องออกมาหลังจากที่เห็นมันเข้าเหมือนกัน

“กรี๊ดดด ไอ้โป้งเล็บแตก!”

เพราะการถูกดึงอย่างแรงทำให้เล็บนิ้วโป้งปักเข้ากับร่องไม้จนหักออกมา เลือดสดๆไหลซึมลงพื้นไม้ของโรงยิม โป้งแทบเป็นลม สภาพเล็บหักครึ่งจนเลือดทะลักออกมาจากส่วนเนื้อน่าสยดสยองเสียจนไม่อยากมอง ไม่ค่อยเจ็บเท่าไรคงเพราะชาไปแล้ว แต่ความรู้สึกหนาววูบตามแบบฉบับคนใกล้เป็นลมยังคงอยู่จนลุกเองไม่ไหว

“เชี่ย ไอ้โป้งมันกลัวเลือด” ยิ่งหนึ่งพูดอย่างนั้น ฝ่ายพยาบาลก็รีบกรูเข้ามาพร้อมยาดมที่ถูกจับจ่อจมูกทันที พร้อมๆกับที่ถูกยกให้ขี่หลังใครสักคน ซึ่งโป้งไม่รู้หรอกว่าเป็นใคร แต่ยังไงซะก็คงเป็นพี่ๆสักคนนั่นแหละ

“โป้งไม่เป็นไรนะ”

แต่ทำไมเสียงพี่มันคุ้นจังวะ…





งานกีฬากร่อยไปทันทีที่ถูกหามส่งห้องพยาบาล น่าอนาถใจชะมัด เป็นลมกับอีแค่เล็บแตกเลือดไหล ยังดีที่ตอนนี้อยู่มหาวิทยาลัยแล้ว ตอนอยู่มัธยมนี่เจอแบบนี้ทีไรโดนเพื่อนล้อแทบตาย บางทีเพื่อนก็เล่นแผลงๆ ใครเลือดออกทีนี่หิ้วเขาไปดูกะหนามยอกเอาหนามบ่งเต็มที่ แต่ยังไงก็รักษาอาการนี้ไม่หายอยู่ดี

“ไม่ต้องกลัวนะ พี่เขาทำแผลให้อยู่”

โป้งกัดปากอดกลั้นความเจ็บปวด หน่วยพยาบาลบ้าอะไรมือหนักชะมัด แค่แอลกอฮอล์ก็แสบอยู่แล้ว ยังดีที่คนที่แบกเขามาอยู่ข้างๆและยื่นมือให้จับ ยอมทนให้เล็บเขาจิกมืออย่างกับคนท้องกำลังคลอด

“เสร็จแล้วๆ” ได้ยินเสียงอีกคนที่ดูท่าจะเป็นคนทำแผลเอ่ยขึ้น โป้งจึงค่อยผ่อนมือที่จับลงและนอนลงอย่างผ่อนคลายมากขึ้น

“ลืมตาได้แล้ว” เสียงคุ้นๆที่ว่ากระซิบข้างหู โป้งจึงค่อยๆลืมตาขึ้นมาและพบว่านิ้วเท้าของตนถูกพันผ้าอย่างดีจนมองไม่เห็นเลือดสักหยดแล้ว ถึงจะปวดๆอยู่บ้างแต่ก็ดีขึ้นอักโข เขาเอ่ยขอบคุณพี่ฝ่ายพยาบาลก่อนที่พี่คนนั้นจะขอตัวออกไปข้างนอกก่อน

“อะ น้ำ” โป้งรับมันมาจากคนที่แบกตัวเองมา แล้วค่อยเงยหน้ามองเพื่อเอ่ยคำขอบคุณ

“เฮ้ย ทำไมเป็นแกวะ!” ทำหน้าอย่างกับเห็นผีเมื่อเห็นหน้าคนที่ช่วยเหลือชัดๆ ถึงแม้ว่าตาลจะยังหน้านิ่งเหมือนเดิมก็ตามที ก็ว่าอยู่ว่าทำไมเสียงมันคุ้น

“นี่ไม่รู้เหรอว่าเราแบกมา”

“ไม่รู้ ไม่เห็นนี่ จำเสียงก็ไม่ได้” โป้งตอบตามจริง เพราะตัวเขากับตาลนั้นจริงๆแล้วตั้งแต่ในห้องน้ำนั่นก็เพิ่งเจอหน้ากันไม่กี่ครั้ง แค่เวลาเดินสวนในโรงอาหารหรือตลาด แถมไม่ได้คุยด้วยเสียงเท่าไรด้วย เพราะปกติตาลจะแชทมามากกว่า

“ใจร้าย” ตาลว่าแล้วเบะปากเล็กน้อยอย่างน้อยใจ

“ก็มันไม่รู้จริงๆนี่ ขอโทษ”

พอได้ยินอย่างนั้นแล้วโป้งสังเกตได้ว่าตาลมีสีหน้าดีขึ้น แต่ก็ไม่ได้ยิ้มให้เห็นชัด มีแค่ขยับมานั่งเบียดเบียนบนเตียงผู้ป่วยด้วย

“งั้นโป้งก็จำเสียงเราให้ได้สิ”

โป้งขมวดคิ้ว นึกในใจว่าไม่ได้คุยกันจะไปจำได้ยังไง “ถ้าอย่างนั้นก็คุย…”

เอ๊ะ เดี๋ยวสิ

เด็กหนุ่มค้างบทสนทนาไว้แค่นั้น คือจริงๆกะจะบอกว่า ถ้าอย่างนั้นก็มาคุยให้บ่อยขึ้นสิ แต่ถ้าพูดออกไปแบบนั้น มันจะ… ดูเหมือนอ่อยเกินไปมั้ยวะ

“อืม งั้นเดี๋ยวเราจะคุยกะโป้งบ่อยๆนะ”

อย่ามาต่อสิ่งที่คิดสิวะ!

โป้งก้มหน้างุด ฟังเผินๆก็ดูเหมือนคนที่พยายามจะสร้างมิตรกับเพื่อนใหม่อยู่หรอก ถ้าไม่ได้ออกมาจากบ้านของคนที่บอกว่าจะจีบอย่างโจ่งแจ้งแบบนั้นล่ะก็นะ

“ไม่ค่อยได้เจอนี่ เราไม่ชอบคุยโทรศัพท์ด้วย” เล่นตัวซะหน่อย

“เราก็ไม่ชอบ”

โป้งหันขวับมองหน้าคนพูดที่นิ่งเสมอต้นเสมอปลาย อะไรของมัน บอกว่าจะคุยบ่อยๆแต่ถ้าไม่โทรศัพท์มามันจะคุยยังไง

“มันเปลืองเนอะ เราจะใช้เฟสหรือไลน์คอลไปละกัน เห็นหน้าได้ด้วย” ตาลพูดพร้อมอมยิ้มนิดๆ มันดีขนาดนั้นเลยเหรอที่จะได้เห็นหน้ากันน่ะ ไม่ว่าจะมองยังไงนี่มันการกระทำของคนเป็นแฟนกันชัดๆ!

แล้วยิ่งตัวโป้งอยู่ห้องเดียวกะหนึ่งด้วย มีหวังโดนเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดถ่ายรูปมาล้อกับพวกชาวคณะให้ได้อับอายแหงๆ จะให้หนึ่งมันนอนก่อนก็ไม่ได้ เพราะมันดูบอลแทบทุกคืน แต่ถ้าจะถ่างตานอนหลังเพื่อนเพื่อคุยกับเพื่อนอีกคน(?)นี่มัน.. คือต้องลงทุนขนาดนั้นเลยเรอะ?

“ตกลงเนอะ ปะ ออกไปกันเถอะเพื่อนรอแย่แล้ว”

วาแล้วตาลก็เข้ามาดึงแขนไปพาดคอเพื่อช่วยพยุง เห็นตัวมันสูงกว่าไม่เท่าไรแต่ดันแข็งแรงกว่าตัวโป้งเยอะมาก นี่แค่ยกนิดเดียวเขาก็ลอยหวือตามแรงมันแล้ว มิน่าถึงแบกเขาขึ้นหลังมาแบบชิวๆได้

“เฮ้ย นี่มันชิดไปป่ะ” โป้งเอ่ยขึ้นเมื่อรู้สึกตัวว่านอกจากแขนของเขาจะพาดอยู่ที่คอของตาลจนไหล่เบียดไหล่แล้ว แขนของตาลยังมาโอบชิดจนลำตัวแนบกันไปหมดเสียอีก นี่ถ้าไม่ดูให้ดีคงนึกว่าพวกเขาจะไปแข่งวิ่งสามขา

“หรือจะขี่หลัง ก็ดีนะ เราจะเดินไปให้หนึ่งถ่ายรูป”

แค่ฟังพูดก็แทบอ้าปากค้างแล้ว โป้งนึกสถานการณ์เลวร้ายที่สุดแล้วก็… โอเค แบกไปแบบนี้ยังจะดีกว่า ถึงจะกระเทือนแผลไปบ้างก็เหอะ

“ก้าวพร้อมกันนะ ปะ”

โป้งพยักหน้าช้าๆแล้วค่อยก้าวเดินไปพร้อมๆกัน เขาเหลือบมองสีหน้านิ่งๆของตาลที่ดูจริงจังและระมัดระวัง มันคงเป็นห่วงเขามากจริงๆนั่นแหละ…

อ่า ใจเต้นดังชะมัดเลยให้ตายเถอะ


___________________________________________________________________________________________

สวัสดีค่ะ ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ!
มาแบบมึนๆ จบแบบมึนๆอีกแล้ว แล้วเจอกันตอนหน้านะคะ ไม่นานเกินรอ!

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
นะ นะ นะ น่ารักจุง รอตอนต่อไปจ้า  :กอด1:

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9

ออฟไลน์ golove2

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +277/-6
รอตอนต่อไปค่ะ

 :L2: :L2:

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
รอตอนต่อไปค่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Kei

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
น่าร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก :mew1:

ออฟไลน์ Bradly

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 200
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
รอตอนต่อไปค่าา  :mew1:

ออฟไลน์ meelhek

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 47
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
CH3 แผล

“หวานกันจริมๆเลยคู่นี้”

แคปชั่นถูกใส่ไว้ใต้ภาพที่รูมเมทของโป้งโพสไว้เมื่อคืน หลังจบงานกีฬาอันแสนวุ่นวาย ในภาพประกอบด้วยตัวโป้งและตาล กับท่าทางประคองกันอย่างเป็นห่วงเป็นใยเต็มที่ ยิ่งไอ้คนถ่ายมันจงใจถ่ายตอนที่ตาลหันมายิ้มให้เลยยิ่งดูสวีทหวานแหววไปกันใหญ่

โป้งที่นั่งส้วมยามเช้าตาสว่างขึ้นมาทันที ไม่ใช่แค่เพราะเห็นว่าหนึ่งมันแท็กตาลไปด้วย ซึ่งพอเพื่อนๆเข้ามาเม้นต์มันก็แซวตอบไปอย่างดี ชงกระแสกันสุดๆ ซึ่งอันนี้โป้งเห็นจนปลงแล้ว แต่ที่สะเทือนอารมณ์ยามเช้าของโป้งก็คือ…

“เพื่อนใหม่โป้งเหรอลูก” เม้นต์ของแม่เขาที่ถามอยู่ใต้รูป นึกอยากไปบีบคอไอ้หนึ่ง นี่มันไปเป็นเฟรนด์กับแม่เขาเมื่อไร! แล้วดูมัน
ตอบสิ

“แฟนโป้งครับแม่ :)

และคอมเม้นต์หลังจากนั้น…

“สวัสดีครับแม่ ชื่อตาลนะครับ แอดแม่ไปแล้วนะครับ -/\-”

ไอ้ตาล!! นี่เหิมเกริมขนาดนี้เลยเรอะ!!

ไม่ทันที่จะกดแชทไปด่าไอ้เจ้าบ้าที่เนียนเป็นแฟนกันหน้าตาเฉย เจ้านั่นดันกลับส่งข้อความชิงตัดหน้ามาก่อนแทน

‘หายเจ็บรึยัง’

โอ้โห ทำมาเป็นห่วง เหอะ ไปวางระเบิดใส่ในเฟสบุ๊คไว้แล้วยังไม่มาขอโทษอีก นี่ถ้าแม่โทรมาคาดคั้นเอาคำตอบจากเขาจะทำ
ยังไง ร้ายแรงกว่านั้น คือการที่พ่อแม่บึ่งรถจากโคราชมาสอบสวนเขาที่มหาลัยนี่แหละ!

‘แผลไม่เจ็บแล้ว แต่ใจอ่ะเจ็บ’

‘เจ็บที่ยังรัก เธอคนเดียว อยู่เรื่อยไป~’

แน่ะ แล้วตอบกลับทันทีแบบไม่คิดด้วยนะ!

ที่ตั้งใจจะพิมพ์ต่อว่า เจ็บใจที่ไปแก้ข่าวในเฟสบุ๊คไม่ทันจนคอมเมนต์แซวหลั่งไหลเป็นสายน้ำเพราะความผิดของแก เลยต้องสะดุดไปทันที เล่นต่อมาอย่างงี้จะให้ทำยังไง ตอนนี้นึกออกแค่พิมพ์อีโมไม่พอใจกลับไปเท่านั้น แต่ดูท่าทางนั้นจะไม่สะทกสะท้านเอาเสียเลย

“เฮ้ย น่าหงุดหงิดชะมัด” โป้งเอ่ยขึ้นเสียงดังขณะออกจากห้องน้ำ ไม่พูดเปล่าแต่ยังแกล้งปาหมอนอัดเจ้าคนที่นั่งดูข่าวกีฬายามเช้าอย่างสบายอกสบายใจ ไม่สะทกสะท้านอะไรเลยว่าทำเขาลำบากแค่ไหนแล้ว

“อะไรวะเนี่ย” หนึ่งบ่นขึ้นมาเมื่อหมอนปิดหน้าเข้าพอดิบพอดี และทำให้เขาพลาดดูช็อตซัลโวของนักฟุตบอลคนโปรด ถึงจะดูในเน็ตได้ แต่ดูในทีวีที่มีผู้ประกาศข่าวนั่งอวยมันสนุกกว่า เพราะงั้นถึงได้หยิบตุ๊กตาแมวติ๊งต๊องบนเตียงของโป้งมาเตะอัดใส่เจ้าของ
มันเป็นการแก้แค้น

“โอ๊ย ไอ้หนึ่ง เจ็บนะ!”

“แล้วตะกี้ไม่เจ็บเหรอ เฮ้ย จบแล้ว” ว่าแล้วส่ายหัวอย่างหงุดหงิดก่อนจะก็ปิดทีวี ไม่ถงไม่ถามสักคำว่าโป้งจะดูอะไรต่อรึเปล่า คนเจ็บจึงต้องตะกายไปเอารีโมทที่เตียงของอีกฝ่าย ในขณะที่หนึ่งลุกขึ้นเดินไปหน้าห้อง คว้ากระเป๋าตังค์และใส่รองเท้าเสร็จสรรพ ทำเอาโป้งสงสัยว่ามันจะไปไหนเช้าอย่างนี้

“ไปไหนวะ”

“หาข้าวกิน”

“ซื้อกลับมาฝากเลยนะ ไถ่โทษเมื่อคืน ทำไรไว้ยังไม่ได้คิดบัญชีเลยนะ”

หนึ่งหัวเราะพรวด “อะไร พูดอย่างกะกูปล้ำมึง รอไอ้ตาลก่อนละกัน”

“เชี่ยหนึ่ง!” โป้งปาหมอนแมวไม่กี้ไปที่ประตู แต่หนึ่งก็แลบลิ้นให้แล้วปิดมันไปก่อน ว่าก็ว่าเถอะ โป้งปาหมอนไปไม่ถึงประตูด้วยซ้ำ แถมยังต้องเดินไปเก็บกลับมาให้ปวดนิ้วเพิ่มอีก ถ้าใครมาเห็นเข้าคงได้ว่าน่าอนาถใจน่าดู




ก๊อกๆ ก็อกๆๆ ก๊อกๆ ก๊อกๆ ก๊อก

เสียงประตูที่ถูกเคาะตามจังหวะ 12 123 12 12 1ทำให้โป้งยืดตัวขึ้นมอง ถึงจะเห็นแค่บานประตูแห้งๆโดยไม่เห็นผู้เคาะก็เหอะ  แต่ก็เดาได้ว่าหนึ่งเพิ่งออกไปไม่นานเท่าไรคงจะลืมอะไรบางอย่างถึงกลับมาเอา และที่ไม่ยอมไขกุญแจเข้ามาเป็นเพราะอยากแกล้งให้เขาเดินไปเปิดให้แน่ๆ

ต้องไม่สนใจๆ

ก๊อก กอก ก๊อก กอกๆ ก๊อกๆ ก๊อก กอก

อื้อหือ คราวนี้มาเป็นเสียงเชียร์โป๊ะตึ่ง หนวกหูน่ารำคาญชะมัด โป้งภาวนาให้มีใครสักคนเปิดประตูมาด่ามันสักที ก่อนนี่จะนึกขึ้นได้ว่าวันนี้มันวันหยุด เด็กหอส่วนใหญ่ก็กลับบ้านไปหมดแล้ว

งั้นก็มีแต่ต้องอดทน…

แต่มันน่ารำคาญชะมัด!

“เปิดให้ก็ได้เว้ย!” โป้งสบถขึ้นมาอย่างเหลืออดก่อนจะพยายามเดินแบบไม่ให้นิ้วโป้งโดนพื้นไปที่ประตูแล้วกระชากมันออกอย่างแรง ปากเตรียมจะด่าคนเคาะแล้วแต่ก็ต้องหุบปากฉับ เมื่อคนตรงหน้าไม่ใช่คนที่คิดเอาไว้

“เปิดช้าจัง เจ็บมือไปหมดแล้ว” เจ้าหน้ามึนหันหลังมือมาให้ดูข้อนิ้วที่แดงก่ำ ก็เล่นเคาะแบบนั้นไม่เจ็บก็แปลกแล้ว
ส่วนตัวโป้งเห็นหน้าคนที่มากับมือแดงๆก็ตกใจอยู่หรอก แต่ตกใจมากกว่าว่ามันมาที่นี่ได้ยังไง ในเมื่อระบบของหอนี้ถ้าจะเข้ามาก็ต้องใช้การ์ด และการ์ดก็มีแค่ใบเดียว คืออันที่ติดอยู่กับกุญแจที่หนึ่งถือไป จะบอกว่าด้านล่างเปิดประตูไว้ก็ไม่น่าใช่ เพราะที่นี่ถึงจะเป็นหอชายแต่พี่ยามก็โหดเป็นบ้า

“ขึ้นมาได้ไงอ่ะ”

“หนึ่งให้การ์ดมา” ตาลว่าแล้วชูการ์ดที่ติดอยู่กับพวงกุญแจของหอ โป้งอ้าปากค้าง นี่มันไปนัดแนะอะไรกันตอนไหน

“เข้าไปได้ยัง หนักนะ” มืออีกข้างที่ไม่ได้ถือกุญแจชูถุงกับข้าวถุงใหญ่ที่ดูท่าจะร้อนน่าดู โป้งเห็นอย่างนั้นจึงเบี่ยงตัวให้ตาลเข้าห้องไป ในขณะที่ตัวเองรอปิดประตู

“แล้วเจอหนึ่งได้ไง มันบอกให้มาเหรอ” โป้งถามด้วยความสงสัย ก็ไม่เคยบอกเลยว่าอยู่หอไหนอยู่ห้องไหน ตาลมันจะมาถูกได้ไงถ้าไม่ใช่เพราะตัวเสี้ยม

“ก็ใช่ คือเราจะไปหาข้าวกินแล้วเจอหนึ่งพอดีอ่ะ มันเลยบอกว่าให้ฝากซื้อข้าวให้โป้งหน่อย”

เหตุผลดูเข้าที แต่โป้งก็ยังหรี่ตาอย่างจับผิด พลางคิดในใจว่ายังไงมันก็คงไปเตี๊ยมกันก่อนแน่ๆ แต่ตอนนี้จะยังไงก็ช่าง เพราะเขาหิวจนจะกินช้างได้ทั้งตัวแล้ว

“แล้วซื้อไรมากินอ่ะ” โป้งถามแต่ไม่รอคำตอบ กลับเข้าไปคุ้ยถุงกับข้าววแล้วหยิบแต่ละอย่างออกมา ก่อนจะทำหน้ายี้ “ต้มเลือดหมู!”

“อื้อ เจ้านี้อร่อยมากเลย” หน้านิ่งๆของตาลดูมีประกายระยิบระยับออกจากดวงตา เดาไม่ยากเลยว่าชอบมากแค่ไหน ซึ่งโป้งก็ชอบนะต้มเลือดหมูเนี่ย แต่ชอบกินที่ร้านมากกว่า

“มันเปลืองจาน…” โป้งบ่นอุบอิบแต่ก็ยอมเดินไปหยิบจาน นี่แหละเหตุผล ถ้ากินอะไรจานเดียวก็จะได้ล้างแค่จานเดียว สองคนสองจาน แต่ถ้าเป็นต้มเลือดหมูมันต้องแยกเป็นข้าวกับตัวต้ม สองคนสี่จาน ถึงจะดูว่าเพิ่มมาไม่เท่าไร แต่สำหรับเด็กผู้ชายที่ไม่พิศมัยในงานบ้านมันก็เป็นเรื่องที่น่าแขยงพอดู

“เดี๋ยวเราล้างให้”

“ไม่เป็นไร จานเราเอง”

ถึงจะพูดอย่างนั้นแต่ตาลก็เห็นว่าโป้งแววตาไม่ค่อยแจ่มใส จึงเดินเข้าไปแย่งคนที่กำลังจัดอาหารใส่จาน โดยการใส่ข้าวของตัวเองลงในชามต้มเลือดหมูไปเลย

“เฮ้ย ทำไรวะ!”

“ก็ลดจานที่ต้องล้างไง เดี๋ยวเราเอาจานข้าวที่ไม่ใช้ไปเก็บนะ” ว่าแล้วก็เดินเอาจานข้าวของตัวเองไปวางไว้ในลิ้นชักเก็บจาน
โดยไม่สนคำทักท้วงของโป้ง

“แบบนี้มันจะต่างอะไรกับข้าวต้มล่ะ”

“เอาน่ะ กินไปก็เหมือนๆกัน” ตาลพูดแล้วมองรอบห้อง หาที่จะนั่งกินข้าว ห้องโป้งกว้างและมีเฟอร์นิเจอร์หลายอย่างก็จริงแต่ไม่มีโต๊ะกินข้าว ที่พวกเขายืนจัดจานกันก็ยืนจัดกับโต๊ะคอมโดยการเอาโน๊ตบุ๊คไปไว้ที่เตียงก่อนเพราะกลัวเลอะ

โป้งเห็นอย่างนั้นก็เดาความคิดตาลออก จึงเดินไปหยิบโต๊ะญี่ปุ่นที่อยู่ซอกตู้มาให้ กางมันลงพื้นห้องหน้าทีวี ตาลพยักหน้าหงึกหงักเป็นเชิงว่าเข้าใจวิถีการกินข้าวของห้องนี้แล้วจึงทยอยหยิบจานชามไปวางที่โต๊ะ

“เท่าไรเนี่ย” โป้งถามเมื่อนึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้จ่ายเงินค่าข้าวอีกฝ่ายเลย ตาลนิ่งคิดไปนิดแล้วค่อยตอบ

“ของแกเป็นเงินหนึ่งอ่ะ”

ถึงจะไม่ได้บอกราคาแต่โป้งก็ไม่ได้ติดใจสงสัย เพราะถ้าเป็นเงินของหนึ่งจะเท่าไรก็ช่างเถอะ จ่ายเงินแทนให้กันเป็นปกติอยู่แล้ว พอคิดอย่างนั้นจึงเดินไปหยิบรีโมทบนเตียงมาแล้วนั่งลงตรงข้ามกับตาลที่สูดดมความหอมของน้ำซุปอย่างมีความสุข

“ช่วงนี้แกดูอะไร” โป้งถามตามประสาเจ้าบ้านที่ดี แต่จริงๆแล้วก็เพราะเขาไม่ได้มีรายการโปรดเป็นพิเศษจึงลองถามดูเผื่อมีอะไรน่าติดตามในช่วงนี้

“เอาจริงเหรอ” สีหน้าของตาลดูตื่นตระหนกกว่าปกติ โป้งขมวดคิ้วมุ่น กับแค่รายการทีวีมันจะมีอะไรน่าตกใจ

“เอาจริงสิ อยากดูอะไร ไม่ต้องเกรงใจนะ”

“พรีเคียวน่ะ”

“หา?”

“พรีเคียว ช่องเก้า”

โป้งกระพริบตาปริบๆอย่างงงกับคำศัพท์ ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยได้ยินชื่อพรีเคียว แต่จากที่บอกว่าช่องเก้าก็คงไม่พ้นรายการช่องเก้าการ์ตูนอย่างแน่นอน โป้งเป็นคนไม่ดูการ์ตูน มีเปิดมาดูผ่านๆบ้างแต่ไม่ได้รู้จัก แต่ถ้าให้เดาชื่อพรีเคียวแบบโง่ๆ มันมีคำว่าเคียวนี่ต้องเป็นการ์ตูนแนวยมทูตอะไรแบบนี้รึเปล่านะ?

งั้นเด็กสาวที่ถือคฑาฟรุ้งฟริ้งนี่ คงไม่ใช่ล่ะมั้ง?

“ยังไม่มาหรือจบไปแล้วล่ะเนี่ย”

“หือ ก็กำลังฉายอยู่นี่ไง” ตาลว่าแล้วตักข้าวคลุกต้มเลือดหมูใส่ปากพลางจ้องหน้าจอเขม็ง ถึงจะไม่ได้พูดอะไร แต่ประกายตาที่มากยิ่งกว่าตอนพูดถึงต้มเลือดหมูทำให้โป้งรู้ว่าตาลชอบพรีเคียวเอามากๆๆ เพิ่งจะเคยเห็นคนอินไปกับการ์ตูนสุดใจก็คราวนี้

“นี่ น้ำซุปเลอะแล้ว” โป้งว่าพลางหยิบทิชชู่ให้ตาลที่นั่งเหรอหรา มัวแต่จ้องจอจนไม่รู้ตัวเลยว่าน้ำซุปไหลออกจากปาก

“ขอบใจนะ”

แล้วโป้งก็เพิ่งเคยเห็นตาลในโหมดที่ไม่สนใจตัวเขาเป็นครั้งแรก ปกติจะต้องคอยแซวไม่ให้บทสนทนาชะงักแท้ๆ แต่โป้งก็ไม่ได้ไม่ชอบหรอกนะ คนสองคนอยู่ด้วยกันก็ต้องมีสเปซของกันและกันบ้าง คุยกันตลอดเวลาคงน่ารำคาญตาย แล้วการที่เห็นตาลดูเป็นเด็กๆแบบนี้ มันก้น่ารักดีเหมือนกัน

อ๊ะ คิดอะไรอยู่เนี่ย…

ขณะที่กินไปเพลินๆโป้งก็รู้สึกถึงแรงสั่นที่โต๊ะ พอเงยหน้าดูถึงได้เห็นตาลที่กินเสร็จแล้ววางชามลงกับโต๊ะอย่างแรงแล้วนั่งกำหมัดจ้องหน้าจอ คิ้วขมวดดูจริงจังมาก พอลองเงยหน้าดูถึงได้รู้ว่าสาวๆพรีเคียวพวกนั้นกำลังเพลี่ยงพล้ำ

“ไม่ตะโกนเชียร์อ่ะ”

“หือ?”

“เนี่ยไง บอกพรีเคียวว่าสู้ๆ” ถึงโป้งจะไม่รู้จักการ์ตูนแต่ก็พอรู้วัฒนธรรมญี่ปุ่นนะ เพราะเพื่อนที่คณะหลายคนก็บ้าไอดอลญี่ปุ่น เปิดเพลงไอดอลทั้งคนทั้งโวคัลลอยด์ในห้องคณะแล้วส่งเสียงเชียร์บ่อยๆ แล้วพรีเคียวก็หน้าตาน่ารักจิ้มลิ้ม การเชียร์คงไม่ต่างจากพวกไอดอลเท่าไร

“นี่มันการ์ตูนนะ เดี๋ยวจบตอนก็ชนะอยู่ดี เชียร์ไปทำไมล่ะ”

ตาลที่หันมาขมวดคิ้วบอกเสียงเรียบทำเอาโป้งหน้าแตกเพล้ง ก็ใครจะไปรู้ว่าไม่เชียร์ นึกว่าเชียร์เด็กน่ารักๆทุกคนแท้ๆ

“แต่เราเชียร์โป้งนะ” จู่ๆตาลก็หันขวับมาพูดเสียงดังจนโป้งที่ซดน้ำซุปต้มเลือดหมูอยู่เกือบปล่อยช้อนร่วง พอเงยหน้าขึ้นดูก็พบว่าพรีเคียวฉายจบไปเมื่อไรก็ไม่รู้ มิน่าถึงได้มีกะใจหันมาคุย

“หือ อะไร เชียร์อะไร เราไม่ได้ไปสู้กะใครสักหน่อย”

ตาลถอนหายใจแล้วส่ายหน้าเหมือนจะบอกว่าไม่ได้รู้เรื่องอะไรเล้ย จากนั้นจึงคลานเข่าสองสามทีไปเลื่อนตัวโป้งให้หันออกนอกโต๊ะญี่ปุ่นแล้วดึงขาข้างที่นิ้วโป้งเจ็บให้เหยียดออก

“เฮ้ย จะทำอะไรวะ” โป้งร้องลั่น พยายามขืนขาออกแต่ตาลกลับยึดไว้แน่น จะถีบก็ไม่กล้า จะดิ้นก็กลัวไปฟาดชามต้มเลือดหมู

“เชียร์ไง นิ้วโป้งสู้ๆ นิ้วโป้งสู้ตาย นิ้วโป้งไว้ลาย หายไวสู้ๆ” เพราะเป็นลีดด้วยตาลถึงได้ทำท่าเชียร์ลีดเดอร์ได้เป๊ะขนาดนั้น ถึงแม้ว่าสิ่งที่เชียร์มันจะไม่ใช่นักกีฬา แต่เป็นแค่นิ้วโป้งเจ็บๆใต้ผ้าพันแผลก็เถอะ

หลังจากร้องเต้นเสร็จตาลก็ไม่ได้ลุกไปไหน กลับใช้มือยึดจับขาไว้อีกครั้งแล้วยกมันขึ้นมานิดหน่อย ก่อนจะก้มหน้าลงไปเป่ามนต์ดังเพี้ยง ให้ลมเย็นๆที่ปลายเท้าไปเห่อร้อนเข้าที่หน้าของผู้ถูกกระทำ

“อะ.. ไอ้ตาล ไอ้บ้า” โป้งเอ่ยอย่างตะกุกตะกัก ใบหน้าขึ้นสีแดงแปร๊ดจนคนมองอดอมยิ้มไม่ได้ ตาลวางขาของอีกฝ่ายอย่างเบามือก่อนจะถอยออกมา

“ไม่ต้องห่วงนะ เดี๋ยวไม่เกินพรุ่งนี้หายปวดชัวร์ เราเป่าให้แล้ว”

“ไหนบอกว่าเชียร์”

“เชียร์ให้นิ้วโป้งแข็งแรง แล้วก็เป่ายาเร่งประสิทธิภาพไง อยากให้เราเป่าตรงไหนอีกเปล่า”

ไม่รู้ทำไมเหมือนเห็นสายตาของตาลดูกรุ้มกริ่มผิดปกติ โป้งจึงรีบปฎิเสธโดยทันที “ไม่ๆๆ ไม่เป็นไร”

“งั้นเราไปล้างจานให้นะ”

“เฮ้ยไม่ต้อง…”

“คนเจ็บนั่งไปเถอะ นะ”

โป้งพยักหน้าเมื่อเห็นแววตาอ่อนโยนของตาล เขานั่งนิ่งปล่อยให้ตาลเก็บจาน รวบรวมเศษอาหาร แล้วนำทั้งหมดไปล้างกับก๊อกน้ำที่ระเบียง

เขาลองขยับนิ้วที่ตาลร่ายมนต์ใส่เมื่อครู่ และพบว่ามันแทบไม่เจ็บแล้ว




“เดินคล่องไปมั้ยไอ้โป้ง เห็นใจนิ้วมึงบ้าง” หนึ่งเอ่ยทักเมื่อเห็นเขาเดินไปเดินมาเพื่อหยิบเสื้อผ้าไปเปลี่ยนในห้องน้ำ ไหนจะผ้าเช็ดตัวที่ระเบียง ไหนจะผ้าในตู้ ไหนจะออกมาหยิบแชมพูที่หมด แถมยังเดินด้วยความเร็วระดับแมลงสาบหนีตาย คือไม่ต้องรีบหยิบของห้องน้ำมันก็ไม่ได้หนีไปไหนหรอกมั้ง

“มันแทบไม่เจ็บแล้วนี่หว่า” โป้งยั้งคำว่าเพราะตาลร่ายมนต์ให้เพราะมันทั้งไร้สาระทั้งการเสี่ยงต่อการถูกแซว

ถึงอย่างนั้นหนึ่งก็รู้ดีว่าตาลพูดอะไรกับโป้งไว้บ้าง ก็ตามประสาเพื่อนจอมเผือกอ่ะนะ แค่กลับห้องมาไม่เห็นตาลก็ทักไปถามแล้วว่าทำอะไรกันบ้าง จะได้ล้อถูก ซึ่งตาลก็ตอบกลับมาหลายอย่าง และสุดท้ายคือ ‘ร่ายมนต์ให้แผลโป้งหาย’

แล้วโป้งมันคงคิดว่ามันได้ผลจริงๆล่ะมั้งน่ะ ทั้งๆมันไร้สาระสิ้นดี แผลแบบนั้นถ้าแห้งก็หายเจ็บ ทิ้งไว้อีกหน่อยก็หายปวดแล้ว ต่อให้ไม่มีใครมาร่ายมนต์ก็เดินปร๋อได้อยู่แล้ว

แต่หนึ่งไม่บอกหรอก เพราะอย่างน้อยโรคกลัวเลือดกลัวเจ็บแผลบ้าบอของมันจะได้ดีขึ้นเสียที

“จ๊ากกกกกก”

“เฮ้ย เป็นไรวะไอ้โป้ง” หนึ่งสะดุ้งลงจากเตียงทันทีที่ได้ยินเสียงเพื่อนจากในห้องน้ำ

“เชี่ยเอ๊ย น้ำโดนแผล แสบแสรดดด”

“มึงเอาผ้าพันแผลออกเหรอ?”

“เออ ก็นึกว่าจะไม่เจ็บแล้วนี่หว่า…”

“ง่าวเอ๊ย” หนึ่งว่าแล้วส่ายหัวเบาๆ ไม่สนใจคำด่าอีกหนึ่งชุดใหญ่ที่ลอยออกมาจากด้านใน เขาหยิบมือถือแล้วพิมพ์ยิกๆ

‘สงสัยต้องมาดูแลมันอีกวันแล้วว่ะ’

‘จริงอ่ะ? ด้วยความยินดี :)


___________________________________________________________________________________________

สวัสดีค่ะ ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ!
ฮื้ออ คราวนี้หายไปหลายวันเลยขอโทษจริงๆค่ะ งานเยอะมากT^T แต่ก็จะแต่งแล้วก็ลงเรื่อยๆนะคะ สู้!
สปอย คราวหน้าจะเป็นเรื่องของตาลบ้างแหละ...

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
น่ารักมุ้งมิ้ง โป้งเป็นเคะอ่อ..เป็นแฟนจำเป็นของหมอกไอ้เราก้อนึกว่า...   :hao3:

ออฟไลน์ golove2

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +277/-6
 :laugh: :laugh: :laugh:

แบบนี้แผลก็หายช้าซิโป้ง



ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
แหม หนึ่งนี่ไม่ค่อยอยากให้โป้งมีแฟนเลยนะ

ออฟไลน์ meelhek

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 47
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
CH4 ตาล

*หมายเหตุ เหตุการณ์ในตอนนี้เกิดขึ้นก่อนตอนที่2ค่ะ

เป็นการตัดสินใจที่จะว่ายากก็ยาก จะว่าง่ายก็ง่าย กับการตัดสินใจแอดเฟสบุ๊คคนที่ไม่รู้จักไป
บางคนอาจจะเลือกคนที่อยากรู้จักเพราะหน้าตา บางคนเลือกเพราะไลฟ์สไตล์ แต่สำหรับหนึ่ง เขาเลือกที่จะแอดใครบางคนไปเพราะคนๆนั้นอาจจะเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องมากมายกับเพื่อนสนิทของเขา

‘ขอบใจนะ’ คำตอบแรกและเป็นคำหยุดสนทนาของคนรู้จักคนใหม่ หนึ่งตัดสินใจทั้งส่งรูปของเพื่อนสนิทไปเพราะเห็นว่าดูน่าไว้ใจ น่าจะมาชอบเพื่อนเขาจริง แต่หลังจากนั้นเขากลับไม่เห็นหน้าของคนชื่อตาลนี่อีกเลย ถึงแม้โป้งจะบอกว่าคุยกับตาลอยู่ แต่คนปกติถ้าชอบมันก็ต้องมาหากันบ้างรึเปล่าวะ?

นี่แหละที่ทำให้ไม่ไว้ใจ…

พอคิดอย่างนั้นก็เลยใช้เวลาพักเที่ยงของวันหนึ่งเดินดุ่มๆไปที่ตึกวิศวะมันเสียเลย โดยบอกโป้งว่าจะไปซื้อของที่สหกรณ์ และมันก็ไม่สงสัยอะไร โป้งมันน่าเป็นห่วงตรงนี้ ไม่ค่อยดูรอบข้าง ไม่สงสัยระแวงใคร

ตึกวิศวะกว้างกว่าไอทีอักโข เพราะไอทีมีแค่สองสาขา แต่วิศวะมีเป็นสิบที่อัดกันอยู่บนตึกสูงตระหง่าน ท้้งอย่างนั้นกลับมีโรงอาหารในตึกเพียงที่เดียว ไม่รู้ว่าจะกินกันยังไง นี่ที่มาโรงอาหารตรงนี้เพราะหลอกให้โป้งมันถามตาลหรอกนะว่ามีเรียนวันไหนยังไง ถึงได้รู้ว่าวันนี้ตาลมักเลิกเลทไปเกือบเที่ยงครึ่ง และมีเรียนต่อทันทีตอนบ่ายโมง เพราะงั้นก็ไม่น่าจะไปกินอาหารที่ไหน

ถึงตอนเดินมาจะเพิ่งเห็นว่าข้างวิศวะมีเซเว่นก็เถอะ…

แต่ถึงอย่างนั้นหนึ่งก็เดาถูก เมื่อเห็นนักศึกษากลุ่มหนึ่งเดินเข้าโรงอาหารนั่นไป นี่เลยเที่ยงครึ่งมาแล้วเลยพอมีที่นั่งว่างจึงเนียนเข้าไปนั่งหันหลังให้กลุ่มของตาลได้

“เอาตามสั่งป่ะ”

“ราดนี่แหละ เดี๋ยวเข้าไม่ทันอีก” เพื่อนของตาลที่หนึ่งไม่รู้จักชื่อบ่นขึ้นมา แต่ถึงอย่างนั้นตาลก็ยังดื้อที่จะสั่งตามสั่งอยู่ดี ไม่รู้ว่ามันจะสำคัญรึเปล่า แต่หนึ่งก็ทดเอาไว้ในใจแล้วว่าตาลเป็นพวกเอาแต่ใจพอดู

“ช้าไม่รอนะเว้ย”

“เออๆ”

ตาลว่าแล้วนั่งกดมือถือเล่นขณะที่เพื่อนๆทุกคนได้ข้าวตามสั่งมาวางตรงหน้าเรียบร้อย แต่ถึงอย่างนั้นโต๊ะก็ไม่ได้เงียบเพราะตั้งตาตั้งตากิน กลับกันมันเป็นช่วงแซวคนไม่มีข้าวต่างหาก

“ว่างอยู่ก็เล่าไป คุยอะไรกับโป้งบ้าง” ถ้าซื้อหวยหนึ่งคงถูกรางวัลที่หนึ่ง นี่คิดว่าพวกวิศวะแมนๆจะไม่มานั่งสนใจเรื่องคนอื่นนะ
เนี่ย ที่ไหนได้ แต่ยังไงซะก็ดีแล้วเพราะการถ่อมาครั้งนี้จะได้ไม่เสียเที่ยว

“เชี่ยโป่ง เสือกจริง” ตาลเรียกชื่อเพื่อนที่แซวอยู่ และนั่นทำให้หนึ่งรู้สักทีว่าคนที่ดูสนิทกับตาลที่สุดชื่ออะไร แต่คำด่าที่ออกมาทำเอาหนึ่งชักหวั่นใจว่าจะพูดเรื่องโป้งให้เพื่อนฟังรึเปล่า

“ก็เรื่องเรียน ทั่วไปแหละ”

“แหม่ ไม่มีมุกเสี่ยวไม่ใช่เพื่อนตาลนะคร้าบ หยอดไรไปอี๊กกก”

“อันนี้เสือกจริงละ” ตาลว่าแล้วลุกขึ้นไปรับข้าวคะน้าปลากระป๋องตามที่แม่ค้าเรียก ไม่ลืมที่จะผลักหัวทั้งเพื่อนสนิทและเพื่อนข้างๆไปคนละที หนึ่งเหลือบมอง ตาลหน้านิ่งสนิทราวกับไม่มีความรู้สึกใดๆกับเพื่อนเขา ทั้งๆที่โป้งนี่โดนแซวทีหน้าแดงหูแดง โวยวายอีกต่างหาก

น่าโมโห…

พวกนั้นพูดกันเรื่องอื่นโดยไม่ได้สนใจเรื่องโป้งอีก หนึ่งดูนาฬิกา จะบ่ายโมงอยู่แล้ว อาจารย์ที่สอนคาบบ่ายเข้าสายบ่อยๆก็จริง แต่ไม่ใช่ว่านักศึกษามีสิทธิ์จะลองดี โดนหักคะแนนขึ้นมาขึ้นมาคงไม่คุ้ม

“หนึ่งป่ะ?” แต่พอจะลุกกลับมีใครบางคนมาแตะเข้าที่ไหล่ หนึ่งหันไปดูทันทีและพบกับหน้านิ่งๆของว่าที่เพื่อนเขย และคนหลายคนที่จ้องมาที่เขาราวกับเป็นตุ๊กตาตั้งโชว์

จังหวะพลาดไปหน่อย ดันลุกขึ้นมาตอนที่ตาลกำลังจะลุกไปซื้อน้ำพอดิบพอดี และตาลยังความจำดีพอที่จะดูออกด้วยว่านี่คือคนที่เคยเห็นในเฟสบุ๊คมาก่อน

“เอ่อ…”

“มาคนเดียวเหรอ โป้งอ่ะ” หนึ่งส่ายหน้าเป็นคำตอบ และนั่นทำให้หนึ่งได้เห็นสีหน้านิ่งๆที่แสดงความผิดหวังออกมาจากดวงตาของตาล

ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ถามไปเลยก็คงดีเหมือนกัน หนึ่งยกมือขอโทษอาจารย์อยู่ในใจที่อาจเข้าสาย และเมินเสียงโทรศัพท์ที่คาดว่าเป็นโป้งโทรมาตาม

“เรามาหาตาลนั่นแหละ”

“หือ.. เราเหรอ?” ตาลชี้เข้าตัวเองอย่างงงๆ ได้ยินเสียงเพื่อนแซวลอยมาว่าพ่อตามาตรวจลูกเขย แต่ถึงอย่างนั้นก็ดึงเก้าอี้ตรงข้ามหนึ่งและนั่งประจันหน้ากัน

“จะถามเรื่องโป้งเหรอ”

“ใช่ เราอยากรู้ว่านายชอบเพื่อนเราบ้างรึเปล่า”

“เราก็ไม่รู้ว่าเราชอบโป้งรึเปล่า”

เหมือนบรรยากาศหยุดนิ่ง หนึ่งเบิกตากว้าง และดูเหมือนจะไม่ใช่แค่หนึ่ง แต่เพื่อนๆทั้งโต๊ะของตาลต่างก็อุทานออกมาเสียงดัง มีเสียงแทรกเข้ามาว่าถ้าไม่ชอบแล้วคุยทำไมจากเพื่อนๆ หนึ่งก็คิดเช่นนั้น แต่ไม่ได้โวยวายอะไร ได้แต่กำหมัดแน่นใต้โต๊ะแล้วถามออกไปเสียงเรียบ

“แต่นายบอกว่าจีบโป้งอยู่”

“ถ้าจีบมันหมายถึงว่ากำลังทำความรู้จักล่ะก็ใช่”

“มันคือการทำความรู้จักกับคนที่ชอบ” หนึ่งว่าด้วยอารมณ์คุกรุ่นขึ้น ถึงจะยังดูนิ่งๆอยู่แต่กระแทกเสียงอย่างเห็นได้ชัด โป้งที่จับสังเกตได้รีบยกมือขึ้นแบบปางห้ามญาติแล้วเริ่มอธิบาย

“หนึ่งฟังเราก่อนนะ คือเราเจอกับโป้งที่ห้องน้ำใช่มะ ตอนนั้นมันตลกอ่ะ แค่ฟังเสียงก็น่าสนใจแล้ว พอเห็นหน้าแบบ.. เหรอหราๆมันก็ยิ่งน่าสนใจอ่ะ เราเลยอยากรู้จักคนๆนี้ให้มากขึ้น”

หนึ่งพยักหน้ารับ ตาลจึงอธิบายต่อ “เราก็เลยชวนโป้งคุยบ่อยๆ เราก็ชอบนะ เขาสนุกดี ตามมุกเราทันดี เวลาเขาเขินก็.. น่ารักดี” ว่าแล้วก็อมยิ้มนิดๆ ไม่รู้ว่านึกถึงโป้งอยู่รึเปล่าแต่หนึ่งก็ว่ารอยยิ้มนั้นดูจริงใจดี

แต่ก็ยังจะหาเรื่องติ “ถ้าชอบทำไมไม่เคยไปหาเลย มันแปลกนะ อย่างตอนเราจีบใครนี่เช้าถึงเย็นถึง”

ตาลพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ เข้าใจแล้วว่าทำไมหนึ่งถึงกังวลจนต้องถ่อมาหาเขาถึงที่ตึกคณะในวันนี้ พอลองคิดกลับกัน ถ้ามีใครมาบอกว่าชอบเพื่อนสนิทงั้นงี้แต่ไม่เคยมาให้เห็นหน้า ก็ต้องเป็นห่วงเป็นธรรมดา

“เราเรียนทุกวันเลยหนึ่ง ตอนเย็นก็ซ้อมเชียร์เหมือนพวกนาย เลยทำได้แค่ทักแชทไปนี่แหละ แล้วถ้าจะถามว่าทำไมไม่โทร คือ.. อย่างที่บอกว่าเราสนใจโป้งนะ แต่ไม่ได้ถึงขั้นหัวปักหัวปำอะไร เรารู้ว่าหนึ่งกลัวว่าเราไม่จริงใจ อะไรแบบนี้ใช่มะ”
หนึ่งพยักหน้ารับอย่างรุนแรงทันที ใครมองก็รู้ได้ทันทีว่าห่วงเพื่อนมากแค่ไหน

“เราสนใจโป้ง.. มากๆนะ เป็นคนเดียวที่ทำให้เราสนใจได้ขนาดนี้เลย ถึงเราจะบอกไม่ได้ว่าต่อไปจะเป็นยังไง แต่ให้เราค่อยๆเป็นค่อยๆไปได้รึเปล่า เปิดทางให้เรานะ”

คำพูดและสีหน้าที่เหมือนผู้ชายมาขอลูกทำเอาหนึ่งนิ่งไป เขาสังเกตว่ามือของตาลดูจะสั่นน้อยๆถ้าเทียบกับตอนที่เจอกันตอนแรก แววตาของหนึ่งอ่อนลง ถอนหายใจ

“ถ้าว่าอย่างนั้นก็ได้อยู่หรอก แต่ถ้าเกิดวันไหนไม่สนใจ… ก็เลือกวิธีที่จะทำให้โป้งมันเจ็บน้อยที่สุดแล้วกัน”

“พูดงี้คือโป้งชอบเราเหรอ?”

หนึ่งแทบสะอึก ตอบกลับแบบตะกุกตะกัก “เฮ้ย.. ชอบเชิบอะไร ไม่รู้ เพื่อนเราไม่ได้ใจง่ายนะเว้ย” ถึงจะพูดไปแบบนั้น แต่ท่าทางเขินอายบ้าง ยิ้มดีใจเวลาตอบข้อความบ้างของเพื่อนสนิทมันก็ดูออกได้ง่ายๆเลยว่ามีใจให้บ้างแล้ว แต่จะชอบขนาดไหนนี่ตัว
เขาก็ไม่รู้เหมือนกัน

“อืม.. แต่ว่านะ มือถือหนึ่งดังใหญ่แล้วไม่เป็นไรเหรอ” ตาลว่าแล้วชี้ไปที่กระเป๋ากางเกงที่สั่นตลอดเวลาของหนึ่ง เจ้าของเครื่องจึงรีบหยิบขึ้นมาทันทีและก็เป็นโป้งโทรเข้ามาตามคาด

“มีไรเนี่ย”

“อาจารย์มาแล้ว! อยู่ไหนเนี่ยกว่าจะรับ”

“ขี้อยู่ เดี๋ยวไปๆ” ได้ยินเสียงโวยวายมาเล็กน้อยว่าตามในห้องน้ำไม่เห็นส่งเสียงแต่หนึ่งก็ตัดสายไป แล้วดูนาฬิกาในมือถือ ก่อนที่จะเงยหน้ามองตาลและเพื่อนๆโดยรอบ

“นี่บ่ายโมงสิบแล้วนะ ไม่ไปเรียนจะดีเหรอ”

ความฉิบหายฉายชัดบนใบหน้าของแต่ละคน พวกเพื่อนตาลที่รีบกุลีกุจอหยิบกระเป๋ากันยกใหญ่ รวมถึงตัวตาลที่ตกใจแต่ก็ยังเดินไปหยิบกระเป๋าแบบนิ่งๆ

“แล้วเจอกันนะหนึ่ง”

“อืม”




ตาลคิดว่าโชคดีเหลือเกินที่เกิดมาเป็นคนหน้านิ่ง ไม่อย่างนั้นทุกอย่างในใจมันคงแสดงออกมาให้เพื่อนๆเห็นหมดแล้ว ทั้งความกังวลใจตอนที่เจอหนึ่งเข้ามาถาม ทั้งความหนักใจที่คิดว่าจะเอายังไงกับหัวใจตัวเองอยู่ในตอนนี้

“มึง ฝากจดหน่อยนะ เดี๋ยวกูงีบหน่อย” แม้แต่ลูกโป่งที่เป็นเพื่อนสนิทยังคิดว่าตาลกำลังตั้งใจเรียนอยู่เลย นี่อยากจะตอกกลับมันนะว่าไม่มีอารมณ์โว้ย

ตาลหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา เข้าไปที่่กล่องแชทของเฟสบุ๊ค กดเข้าไปที่ผู้ติดต่อด้านบนสุดก่อนจะไล่บทสนทนาขึ้นไปจนสุด ตั้งแต่วันแรกที่พวกเขาคุยกัน

ทำไมถึงสนใจโป้ง?

ถ้าแค่เพราะพูดกับคนอื่นในห้องน้ำเป็นวรรคเป็นเวรก็คงจะแค่ขำ แต่เพราะว่าโป้งน่ารัก หน้าตาโป้งไม่ได้หวานหรอก แต่ตัวเล็กนิดเดียว ตอนทำหน้าขู่หรือขมวดคิ้วนี่อย่างกับแมว อย่างนี้จะว่าเริ่มสนใจเพราะหน้าตาก็ได้ล่ะมั้ง

โป้งชอบเล่นกีฬา แต่ตาลไม่ชอบ

โป้งชอบดูซีรีส์ฝรั่ง แต่ตาลชอบดูการ์ตูนญี่ปุ่น

โป้งนอนเร็วมากและนอนเปิดไฟ แต่ตาลนอนในห้องที่ไม่ปิดไฟไม่ได้

นี่คือข้อมูลคร่าวๆที่เขารวบรวมมาจากการคุยกันในแชท จริงๆก็คุยกันรู้เรื่องหลายอย่างอยู่ เป็นพวกเรื่องทั่วไป การเรียน หรือข่าว แต่พวกรสนิยมนี่ก็มีเรื่องที่ไม่เข้ากันอยู่หลายอย่าง จนบางทีก็คิดว่า ถ้าจะเดินหน้า จะยอมรับความแตกต่างพวกนี้ได้มั้ย

นี่แหละเหตุผลที่ไม่ได้ไปดักเจออะไรบ่อยๆ ส่วนหนึ่งก็กลัว กลัวว่าถ้ามีสิ่งที่เข้ากันไม่ได้มากๆจะทำยังไง ถ้าแค่แชทกัน พอถึงอะไรที่ไม่เข้าใจก็เปิดเน็ตหาได้ หรือถ้าหมดเรื่องคุยก็เงียบเลยก็ได้ ไม่ต้องกลัวกระอักกระอ่วน แต่ถ้าเจอหน้า คุยกันจนหมดเรื่องคุย หรือคุยแล้วอึดอัด มันคงจะแย่น่าดู

แต่ตอนที่ไม่เจอกัน ก็ไม่ใช่ว่าตาลจะไม่คิดถึง ยิ่งโป้งโพสเฟสบุ๊คบ่อยๆ เห็นรอยยิ้มบ่อยๆ มันก็อดไม่ได้ที่จะอยากเจอ
ยิ่งตอนนี้ก็รู้แล้วว่าโป้งก็ดูจะมีใจ ถ้ายังยื้อคุยแค่แชทแบบนี้เรื่อยๆโป้งได้เบื่อตาย ถ้าวันหนึ่งถึงจุดที่ไม่ชอบกันแล้วจะทำยังไง ตัวตาลเองนี่แหละจะทนได้มั้ย

“ถอนหายใจไรนักหนาวะ นอนไม่หลับ”

“ก็ไม่ควรนอนในคาบอยู่แล้วป่ะวะ” ตาลว่าพลางถอนหายใจอีกหนึ่งเฮือก ทำไมเรื่องความรักมันถึงได้ยากแบบนี้ นี่ถ้าในกลุ่มมีคนเคยมีแฟนสักคนก็คงดี จะได้คุยด้วยได้หน่อย

“ก็ลองพุ่งสักทีสิวะ จะได้รู้สักทีว่าเข้ากันได้หรือไม่ได้ อยู่อย่างนี้มันน่ารำคาญว่ะ”

“เชี่ยโป่ง” มันรู้ความคิดของเขาได้ยังไง ตาลมองเพื่อนที่ยังกึ่งฟุบอยู่กับโต๊ะด้วยคิ้วขมวด โป่งยักคิ้วให้ เหมือนจะบอกว่ารู้เรื่องในใจของตาลหมดอยู่แล้ว

“เฮ้อ” ตาลถอนหายใจอีกครั้งหลังโป่งฟุบหน้าลงไป บางทีเขาคงจะขี้ขลาดเกินไปจริงๆ

ความรักก็เหมือนการลงทุน และการลงทุนมีความเสี่ยง โตมาขนาดนี้แล้วจะป๊อดไม่กล้าเสี่ยงได้ยังไงกัน

ตัดสินใจแล้ว ว่าหลังจากนี้จะไปหาโป้งบ่อยๆ

แต่ให้งานกีฬาเสร็จก่อนแล้วกันนะ….

__________________________________________________________________________________________

สวัสดีค่ะ ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะคะ!
หายไปนานเลยขอโทษจริงๆค่ะT^T แถมยังสั้นอีก คืออันนี้เราตุนไว้อ่ะ จริงๆอยากจะมาลงอาทิตย์ละครั้งเลยกะจะเขียนตุนๆไว้ให้เยอะๆก่อน แล้วจะทยอยลงนะค้า

ตอบคุณniyataanค่ะ โป้งเป็นเคะค่าาาาา อิมเมจโป้งประมาณ ชิชิโดะ เรียว จากPrice of Tennisค่ะ คือหน้าแมนๆ ดูแสบๆ แต่เตี้ย ถ้าใครไม่รู้จักหรือเกิดไม่ทัน(?)ก็ตามรูปเลยค่ะ


ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
ตอบคุณniyataanค่ะ โป้งเป็นเคะค่าาาาา 
ขอบคุณค่า อุตส่าห์มาตอบ  :pig4:

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9
ตาลคิดเยอะไปมั้ย กังวลมากไปรึเปล่า :hao3:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด