Step 5: ตีไข่ขาวห้าฟองด้วยเครื่องตีอเนกประสงค์
“ขอบคุณมากเลยครับ!”
เชฟใหญ่ไม่เคยคิดว่ารอยยิ้มอย่างมีความสุขจากก้นบึ้งของหัวใจของคนคนนึงจะทำให้หัวใจของเขาปั่นป่วนได้ถึงเพียงนี้
“บอกแล้วไงว่าฉันจ้างคนที่ความสามารถ”
วีรภัทรรับไหว้คนที่กล่าวขอบคุณเขาไม่หยุดมาตั้งแต่สิบนาทีแล้วพร้อมรอยยิ้ม เลิกคิ้วมองหัวหน้าเชฟของตนด้วยสายตาที่สื่อความหมายว่าถึงแม้จะประหลาดใจกับผลที่ออกมาแต่ก็พอใจกับตัวเลือกของเขา ชายหนุ่มยิ้มตอบด้วยแววตาที่สื่อความหมายชัดเจนว่า ‘ผมบอกแล้ว’
“เรื่องตารางงานกับค่าจ้างก็ให้ใหญ่เขาพาไปทำเรื่องแล้วกัน ฉันฝากด้วยนะ”
วีรภัทรจูงมือลูกชายกลับไปที่ห้องทำงานของตัวเอง ณัฐภาสหันกลับมาหาคนที่ทำให้ความฝันส่วนหนึ่งของเขาเป็ฯจริงในเวลาอันสั้นด้วยรอยยิ้มกว้างที่ยังประดับอยู่บนใบหน้า ใหญ่เซถอยไปด้านหลังเมื่อถูกเด็กหนุ่มโถมตัวเข้ากอดโดยไม่ทันตั้งตัว
“ขอบคุณมากนะครับพี่ใหญ่”
“เอ่อ...อื้ม นัทมีความสุขพี่ก็ดีใจ”
คนได้รางวัลถือโอกาสกอดตอบอีกฝ่าย แอบสูดเอากลิ่นหอมๆของขนมเค้กส้มจากร่างโปร่งให้ชื่นใจ ตลอดทางกลับไปที่คอนโดของเขา ใหญ่รู้สึกได้ว่าแขนเรียวที่โอบรอบเอวของตัวเองกอดเขาแน่นกว่าที่เคย
“โทษที่นะ ห้องรกไปหน่อย”
เชฟใหญ่ออกตัวเมื่อเปิดประตูเข้ามาในห้อง ถึงแม้ห้องของชายหนุ่มจะไม่ได้สะอาดเรียบร้อย แต่ณัฐภาสก็ไม่เห็นว่ามันจะรกอะไรมากมาย ห้องของเชฟใหญ่ขนาดใหญ่กว่าห้องของเขาที่หอไม่มาก แต่่ด้วยความที่มีแค่หนึ่งห้องนอนทำให้ดูกว้างกว่าเขาพอสมควร แต่สิ่งที่ทำให้ณัฐภาสตาวาวคือเครื่องครัวที่แสนจะอลังการงานสร้างไม่แพ้ในครัวของโรงแรมเลย
“ห้องผมรกกว่านี้อีก”
ณัฐภาสตอบอย่างไม่ใส่ใจ จริงๆหากไม่มีมธุวันและญาวิกา เขาอาจจะไม่ใส่ใจจะเก็บอะไรขนาดที่เขาทำความสะอาดอะไรมากมายด้วยซ้ำ
“เหรอ ชักอยากเห็นซะแล้วสิ”
เชฟใหญ่เอ่ยเสียงกลั้วหัวเราะ ร่างสูงพาแขกทัวร์ห้องของเขาที่ไม่ได้มีอะไรมากตามประสาห้องชายโสด ณัฐภาสมองไปรอบๆห้องของชายที่เขาชื่นชมบูชามาตลอดหลายปี ยังคงรู้สึกเหมือนเรื่องโกหกที่คนอย่างเชฟใหญ่จะมาสนใจคนอย่างเขา
เชฟใหญ่คนนั้นเป็นแฟนของเขา...
“นัท เป็นอะไรรึเปล่า? หน้าแดงๆนะ”
เชฟใหญ่ขมวดคิ้วถาม ณัฐภาสส่ายหน้า
“คงตื่นเต้นเรื่องงานไปหน่อยน่ะครับ แล้วคืนนี้จะให้ผมนอนที่ไหนครับ?”
สายตาของณัฐภาสจับจ้องไปที่โซฟานุ่มๆเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่เชฟใหญ่ไม่คิดจะให้โอกาสหลุดลอยไปง่ายๆ
“นอนกับพี่นี่แหละ เตียงพี่ใหญ่”
“จริงๆไม่รบกวนก็ได้นะครับ ผมนอนโซฟาได้” ณัฐภาสเอ่ยอย่างเกรงใจ
“ไม่รบกวนๆ มาๆเดี๋ยวพี่พาไปดูห้องนอน”
ร่างสูงตีเนียนกอดคอพาเด็กหนุ่มไปดูห้องนอนของตัวเอง ณัฐภาสวางกระเป๋าเสื้อผ้าลงปลายเตียงตามที่เชฟใหญ่บอก ก่อนจะหันกลับมาเจอเจ้าของห้องกำลังสอดเสื้อออก เผยให้เห็นมัดกล้ามแข็งแรงกำยำที่หลายคนอาจจะมองว่าบึกบึนจนน่ากลัว
แต่สำหรับณัฐภาส มันพอดีที่จะทำให้เขารู้สึกจั๊กจี้ในหัวใจอย่างห้ามไม่อยู่
แน่นอนว่าเขาไม่มีทางยอมให้อีกฝ่ายรู้เรื่องนี้
“อะไร จะไม่ตื่นเต้นหน่อยเหรอ?”
เชฟใหญ่เบ่งกล้ามโชว์พร้อมฉีกยิ้มอวดฟันขาว ณัฐภาสไหวไหล่ แสร้งทำเป็นไม่ใส่ใจทั้งที่หัวใจเต้นระรัวจนเขากลัวว่าคนตรงหน้าจะได้ยินเสียง
“แค่ผู้ชายแก้ผ้า ค่ายลูกเสือเห็นจนเบื่อแล้วครับ”
เชฟใหญ่เลิกคิ้วสูง ทีแรกเขาคิดว่าจะแกล้งหยอกให้อีกฝ่ายเขินอายเล่นๆ แต่มาอีหรอบนี้ไม่แกล้งต่อก็คงจะไม่ใช่เขาแล้วล่ะ
“ทะ…ทำอะไรครับ?!”
ร่างโปร่งร้องเสียงหลงขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นอีกฝ่ายกำลังถอดเข็มขัดต่อหน้าเขา
“อ้าว ก็เคยเห็นบ่อยแล้วไม่ใช่เหรอ? พี่ก็จะได้ไม่ต้องอายไง”
“อายบ้างเถอะครับ!”
ณัฐภาสโวยวาย ดันอีกฝ่ายให้เดินเข้าไปถอดเสื้อผ้าต่อในห้องน้ำ คนขี้แกล้งหัวเราะในลำคอ
“ไม่อยากรู้เหรอว่าทำไมพี่ถึงชื่อใหญ่...”
“ไม่อยาก!!”
ณัฐภาสที่ยัดอีกฝ่ายเข้าไปในห้องน้ำได้สำเร็จกระแทกประตูปิดตามหลังชายหนุ่มทันที แต่เสียงหัวเราะทุ้มต่ำนั้นยังดังลอดออกมาจากด้านหลังของประตู
ให้ตายเถอะ คนบ้าอะไรจะมั่นใจได้ขนาดนี้
ณัฐภาสส่ายหัวอย่างเพลียจิต
หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จโดยที่ไม่ถูกคนขี้แกล้งกวน ณัฐภาสก็ทิ้งตัวลงบนเตียงข้างคนที่นั่งเขียนอะไรยุกยิกใส่สมุดสีดำเล่มเล็กอยู่บนเตียง
“ทำอะไรอยู่เหรอครับ?”
ณัฐภาสถาม พลิกตัวนอนตะแคงมาหาอีกฝ่าย เชฟใหญ่ยิ้ม ก่อนจะยื่นสมุดเล่มนั้นให้คนถาม ณัฐภาสรับมาดูอย่างสงสัย ก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อเห็นสูตรอาหารที่ชายหนุ่มกำลังจดด้วยลายมือยุกยิกอ่านยาก
“สูตรอาหารใหม่เหรอครับ?”
“อือ เอาไว้สำหรับคู่มือเล่มต่อไปน่ะ”
เชฟใหญ่ว่า ณัฐภาสพลิกดูหน้าอื่นๆผ่านๆ รู้สึกเหมือนตัวเองไเห็นขุมทรัพย์ล้ำค่าก่อนที่คนทั้งโลกจะรู้ว่ามีมันอยู่ ถึงแม้จะตื่นตาตื่นใจกับของตรงหน้า แต่ความอ่อนเพลียจากเหตุการณ์ตลอดทั้งเย็นนี้เริ่มทำให้ร่างโปร่งอ้าปากหาวหวอด เชฟใหญ่ยิ้มขำ ดึงสมุดออกจากมือของคนรักอย่างนิ่มนวล
“ง่วงล่ะสิ? นอนได้แล้วเดี๋ยวพี่ปิดไฟให้”
“ฮ้าว...ไม่เป็นไรครับ ผมนอนได้ พี่เขียน..ต่อ....”
คนที่ยังพูดไม่จบหลับป๊อกไปราวกับสั่งได้ เจ้าของห้องส่ายหัวขำๆ ก่อนจะลุกไปปิดไฟแล้วกลับมาซุกตัวลงใต้ผ้าห่มกับร่างที่หลับสนิทไปก่อนหน้า
วันนี้พวกเขามาเดทกันเป็นครั้งแรก
จริงๆแล้วพอตื่นขึ้นมาในเช้าวันเสาร์ ณัฐภาสตั้งใจจะลาอีกฝ่ายกลับเลย แต่เชฟใหญ่เสียไอเดียนี้ขึ้นมาเสียก่อน โดยอ้างว่าอยากทำความรู้จักเขามากกว่านี้ ถึงแม้ณัฐภาสจะลังเล ทั้งเพราะไม่มีเสื้อผ้าดีๆใส่และไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจมาก่อน แต่เขาบอกตัวเองว่าไหนๆก็ว่างทั้งวันอยู่แล้ว แค่ไปดูหนังกับอีกฝ่ายไม่เห็นจะเป็นเรื่องใหญ่อะไร
“นัทอยากดูเรื่องอะไรเหรอ?”
คำถามยอดฮิตของคู่รักเมื่อมาถึงหน้าโรงหนังเริ่มขึ้น ณัฐภาสเงยหน้ามองตารางการฉาย ก่อนจะส่ายหน้าเมื่อไม่มีเรื่องไหนที่ตนอยากดูเป็นพิเศษ
“พี่ใหญ่เลือกเลยครับ เดี๋ยวผมไปซื้อป๊อปคอร์น เอารสอะไรครับ?”
“นัทเลือกเลย เดี๋ยวเจอกันหน้าโรงหนังนะ”
ณัฐภาสพยักหน้าแล้วเดินไปต่อแถวที่ร้านขายขนมและเครื่องดื่ม เขาจำได้ว่าเคยอ่านเจอว่าเชฟใหญ่ชอบป๊อบคอร์นชีสเหมือนเขา
ถ้างั้นซื้อกระป๋องใหญ่ไปกินด้วยกันเลยแล้วกัน
“อ้าว นัทนี่ มาดูหนังคนเดียวเหรอ? ไม่มีเพื่อนเหรอจ๊ะ?”
ณัฐภาสไม่อยากจะหันกลับไป เขาคิดว่าหากเขาไม่สนใจ ยัยคุ้กกี้ที่คอยตามหลอกหลอนเขาเหมือนเจ้ากรรมนายเวรจะถูกอัญเชิญกลับไปมิติพิศวงที่นางพำนักอาศัยอยู่เอง
“นัท? ไม่ได้ยินคุ้กกี้เหรอ?”
เสียงที่ดังขึ้นและแหลมขึ้นของคนที่เขาพยายามทำเหมือนไม่มีตัวตนเริ่มเรียกความสนใจจากคนรอบข้าง ณัฐภาสถอนหายใจ ก่อนจะหันกลับไปหาคนที่ยืนเหยียดยิ้มสะใจที่เห็นเขามาดูหนังคนเดียว
“นี่ ให้เราหาคนไปดูด้วยมั้ย อย่างคุ้กกี้นี่แค่กระดิกนิ้วก็มีคนมาแล้ว” เด็กสาวกระดิกนิ้วโชว์ ถ้าหากการถอนหายใจทำให้อายุสั้น ณัฐภาสคงจะใกล้ตายขึ้นทีละสิบปีทุกครั้งที่เจอผู้หญิงคนนี้
“นัท ตกลงเอาเรื่องนี้นะ...”
“พี่ใหญ่! บังเอิญจังเลย มาดูหนังเหมือนกันเหรอคะ~”
ลองนึกภาพงูเหลือมที่พุ่งเข้าจู่โจมเหยื่อตัวน้อยที่ยังไม่ทันได้ตั้งตัว ณัฐภาสคิดว่าภาพตรงหน้าเขาดูน่าสยดสยองกว่านั้นมาก
“เอ่อ...ครับ...”
เชฟใหญ่ยิ้มให้เด็กสาวตามมารยาท แต่นั่นยิ่งทำให้คนที่จู่ๆก็พุ่งเข้ามาควงแขนของเขาอย่างสนิทสสนมได้ใจ
“ไหนดูซิเรื่องไหน ว้าย คุ้กกี้ก็จะดูเรื่องนี้เหมือนกันเลย เอ ที่นั่งๆ โอ๊ะ นั่งตรงนี้ใช่มั้ยคะ เดี๋ยวคุกกี้ไปจองตรงไหนบ้างดีกว่าจะได้นั่งข้างพี่ใหญ่ ฮิๆ”
“เอ่อ...ได้ครับ”
เด็กสาวหายไปไวพอๆกับที่โผล่มา เชฟใหญ่มีสีหน้าสับสน ก่อนจะตัดสินใจไม่สนใจเรื่องที่เกิดขึ้นแล้วหันมาหาคนที่เขาตั้งใจจะมาดูหนังด้วยจริงๆ
“นัท…เป็นอะไรรึเปล่า?”
ร่างสูงทักเมื่อสังเกตเห็นว่าอีกฝ่ายยืนกอดอกมองเขาด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์
“ไม่ได้เป็นอะไรนี่ครับ” ณัฐภาสหันกลับไปสั่งป็อบคอร์นกับน้ำ เชฟใหญ่ที่ไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรผิดก้าวเข้าไปเพื่อจ่ายเงิน ณัฐภาสอุ้มถังป๊อบคอร์นขนาดใหญ่ไว้กับตัว แล้วเดินลิ่วๆไปรอที่จุดเช็คตั๋ว ทำเอาร่างสูงที่รอเงินทอนอยู่คว้าแก้วน้ำทั้งสองแก้ววิ่งตามไปแทบไม่ทัน
ณัฐภาสดูจะอารมณ์ดีขึ้นมากเมื่อพวกเขาเข้ามาในโรงหนัง
ใหญ่จองตั๋วที่นั่งโซฟาด้านบนที่สามารถนั่งได้แค่สองคนไว้ ซึ่งที่โซฟาที่ขนาบข้างเขาก็ถูกจองไว้ก่อนที่เขาจะมาซื้อตั๋ว เขาถึงได้มั่นใจว่าจะไม่ได้รับการรบกวนจากเด็กสาวที่ตะแง้วๆอยู่หน้าโรงหนังเมื่อครู่
ใช่ว่าเขาจะไม่รำคาญ แต่ใหญ่เรียนรู้จากประสบการณ์ในฐานะเชฟอายุน้อยที่จะต้องพบปะผู้คนมากมายมาตลอดหลายปี
ว่าการมีคนรักย่อมดีกว่ามีคนเกลียด โดยเฉพาะคนอย่างเขาที่ไม่ได้เรียนในสถาบันสอนทำอาหารหรือมีใบการันตีในช่วงแรกๆ ความประทับใจที่คนรอบตัวมีต่อเขาเป็นสิ่งสำคัญในอาชีพพอๆกับฝีมือ ทำให้บางครั้งการพูดสิ่งที่คนอื่นอยากได้ยินก็กลายเป็นเหมือนนิสัยติดตัวที่แก้ไม่หายของเขาไปแล้ว
“พี่ใหญ่ หนาว”
คนที่นั่งอยู่ข้างๆเขาโดยมีป็อบคอร์นถังใหญ่คั่นระหว่างกลางกระซิบ ร่างสูงยิ้ม ก่อนจะเอาผ้าห่มส่วนของตัวเองที่ทางโรงภาพยยนต์แจกให้คลุมร่างของคนที่มีผ้าห่มอยู่แล้วอีกชั้น ณัฐภาสหันมามองเขา ความมือสลัวของโรงหนังทำให้เข้าไม่มั่นใจว่าอีกฝ่ายกำลังทำหน้าแบบไหน
“พี่ใหญ่ไม่หนาวเหรอครับ”
“ไม่หรอก” ชายหนุ่มกระซิบตอบ ยกถังป็อบคอร์นขึ้นแล้วโอบเอวบางของคนที่โดนผ้าห่มห่อเป็นก้อนซูชิเขามาใกล้แล้วกอดไว้หลวมๆ “แค่นี้ก็ไม่หนาวแล้ว”
เขารู้ว่าณัฐภาสอยากโวยวาย แต่เขาเชื่อว่าเด็กหนุ่มมีวุฒิภาวะพอที่จะไม่ส่งเสียงรบกวนคนอื่นให้คนรอบข้างรู้สึกรำคาญ ดังนั้นใหญ่จึงถือเอาความเงียบของคนให้อ้อมกอดเป็นคำอนุญาตให้เขาได้แบ่งความอบอุ่นกับอีกฝ่ายไปจนจบการฉายภาพยนตร์
“ขอบคุณนะครับที่มาส่ง”
ณัฐภาสหันไปพูดกับร่างสูงหลังจากที่มอเตอร์ไซค์คันใหญ่มาจอดสนิทที่หน้าหอพักของเขา เชฟใหญ่พยักหน้า ตวัดขาลง
จากเจ้าม้าเหล็กคู่ใจเช่นกัน
“วันนี้พี่สนุกมากเลยนะ ขอบใจมากนะนัท”
“ผมก็...สนุกเหมือนกันครับ”
อีกฝ่ายหลบสายตาเขา พึมพำตอบเสียงเบาอย่างผิดวิสัย เชฟใหญ่ยิ้มเอ็นดูกับความเขินอายที่ไร้การปรุงแต่งนั้น ชายหนุ่มโน้มลงไปหาริมฝีปากเรียวเล็กสีหวานน่ารับประทานอย่างห้ามใจไม่อยู่ จังหวะเดียวกับที่ลูกแก้วสีน้ำตาลหันกลับมาหาเขา
ผิดคาด แทนที่จะถูกตอบแทนด้วยหมัดหลุ่นๆที่คุ้นเคย รสชาติหวานหอมเคลือบด้วยผงชีสจากป็อบคอร์นเมื่อครู่กลับทำให้เชฟหนุ่มมากฝีมือแทบคลั่งกับรสชาติที่ลิ้นร้อนไม่เคยได้สัมผัส
“ผม..ไปนะครับ”
หลังจากที่ร่างโปร่งถอนริมฝีปากออกโดยมีเสียงร้องประท้วงของร่างสูงดังขึ้นตามมา ณัฐภาสเอ่ยลาเสียงสั่น เชฟใหญ่พยักหน้า ถึงแม้จะเสียดาย แต่ชายหนุ่มรู้ดีว่าหากณัฐภาสยอมให้เขาชิมความหวานของริมฝีปากนุ่มหยุ่นนั้นต่อไป เขาจะต้องอดใจไม่ไหวแล้วทึ้งเสื้อผ้าของอีกฝ่ายออกหน้าหอพักนี่แหละ
“เจอกันนะ”
“ครับ”
ร่างโปร่งพยักหน้าหลุบตาลงมองพื้น ก่อนจะรีบหันหลังก้าวฉับๆกลับเข้าไปในหอของตัวเอง เชฟใหญ่มองตามแผ่นหลังนั้นไปจนสุดสายตา
ติดบ่วงลูกกวางน้อยซะแล้วไอ้ใหญ่เอ๊ย
----------------
อ้าวเชฟ จะขุดหลุมล่อเขาทำไมหล่นตุ้บไปเองงี้ล่ะคะ
น่าจะใกล้จบแล้วล่ะนะ แฝดจะกลับมาละ5555