Chapter 19: เด็กดีต้องรักนวลสงวนตัว
“...แล้วนี่ก็ห้องของ..ผม”
หลังจากที่ช่วยเป็นลูกมือของมารดาในครัวเรียบร้อยโดยมีคนรักช่วยเป็นแรงงานกิตติมศักดิ์ล้างผักขอดเกล็ดปลา หยิบจับวัตถุดิบอุปกรณ์ยื่นให้เขาอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง ทีมก็อาสาพาวีรภัทรเดินชมรอบบ้านเพื่อฆ่าเวลารอเทสต์กับเวย์มาถึง ทีแรกเขาจะเล่าสถานการณ์ทั้งหมดให้พี่ชายฟัง แต่สายตาของวีรภัทรห้ามไว้ทำให้เขาแค่รายงานกับพี่ชายว่ามารดาเรียกกลับมาทานข้าวที่บ้าน
ตอนนี้พวกเขาเดินผ่านทางเชื่อมของบ้านมาถึงบ้านอีกหลังซึ่งตอนนี้ทีมรู้ความจริงแล้วว่าเป็นบ้านที่วีรภัทรเกิดและโตมา บ้านหลังนี้เป็นที่สิงสถิตของทั้งสองแผดหลังจากที่พวกเขาแยกห้องได้ เทสต์จองห้องนอนใหญ่อย่างรวดเร็วทำให้ทีมถูกเนรเทศมาห้องนอนเล็กอีกห้องที่ถูกตกแต่งอยางเรียบง่ายด้วยโทนสีน้ำตาลเขียวดูสบายตาเป็นธรรมชาติ ทีมตกหลุมรักบรรยากาศอบอุ่นที่ห้องนี้มีให้ทำให้เขาไม่ใส่ใจว่าขนาดของมันจะเล็กกว่าห้องของเทสต์สองเท่า ร่างโปร่งตกแต่งห้องด้วยชั้นวางและโต๊ะไม้สไตล์คลาสสิคเข้ากับเตียงหกฟุตและตู้เสื้อผ้าไม้ฉลุลายที่เจ้าของห้องคนเก่าทิ้งไว้
“สวยดีนะ แต่ทำไมถึงไม่เป็นวอลเปเปอร์ล่ะ เธอชอบสีเรียบๆแบบนี้เหรอ”
วีรภัทรก้าวเข้ามาในห้องนั้นเป็นครั้งแรกในรอบสิบแปดปีหลังจากย้ายออกมา ร่างสูงมองไปรอบๆห้องอย่างพอใจในรสนิยมของคนรัก ถึงแม้ว่ามันจะดูเหมือนห้องของคนมีอายุมากกว่าเด็กอายุยี่สิบปีก็ตาม
“ครับ ผมว่ามันดูสบายๆดี เวลาอยู่ในนี้แล้วผมรู้สึกผ่อนคลาย ไม่ค่อยเครียด”
ทีมยิ้ม วีรภัทรทิ้งตัวลงนั่งบนเตียง ก่อนจะเอ่ยขึ้นพร้อมรอยยิ้ม
“ดีใจนะที่เธอชอบห้องนอนฉันขนาดนี้”
“เอ๊ะ...”ทีมมีสีหน้าประหลาดใจ
“รู้มั้ย ฉันเลือกทุกอย่างในห้องเองเลยนะตอนนั้น ทั้งวอลเปเปอร์ ตู้ เตียง โต๊ะ ฉันรู้สึกว่ามันให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในรีสอร์ทใกล้ชิดธรรมชาติ แต่พ่อกับแม่บอกว่าฉันชอบอะไรเหมือนคนแก่” ดวงตาคมฉายแววเศร้าหมองเมื่อนึกถึงบุพการีที่ล่วงลับไป ทีมนั่งลงระหว่างขาของคนรักอย่างเคยชิน แขนยาวของวีรภัทรโอบรอบเอวเขาไว้หลวมๆ
“คุณวีเหงามั้ยครับ...”
ทีมหลุดถามออกไปโดยไม่รู้ตัว ทั้งชีวิตเขามีทั้งป๊า ทั้งแม่ และมีเทสต์อยู่ตลอดทุกก้าวย่างของชีวิต เขาจินตนาการไม่ออกถึงวันที่ไม่มีใครอยู่เคียงข้าง
“ไม่เหงาหรอก ตอนนี้ฉันมีเธอแล้วไง”
วีรภัทรหอมแก้มขาวเนียนฟอดหนึ่งอย่างเอ็นดู ทีมอมยิ้ม ก่อนจะหลุดหัวเราะคิกออกมาอย่างมีความสุข ก่อนที่เสียงหวานจะหยุดลงเมื่อเห็นคนรักชะงักไป
“มีอะไรเหรอครับคุณวี?”
“เปล่า...ฉันแค่...พอเห็นเธอหัวเราะแบบนั้นแล้วมันนึกถึงหน้าเธอตอนเล็กๆขึ้นมาน่ะ”
ร่างสูงสารภาพเสียงเบา เขาเพิ่งรู้สึกถึงช่วงว่างระหว่างวัยของตนกับทีมจนกระทั่งตระหนักได้ว่าเขาเคยอุ้มอีกฝ่ายได้ด้วยมือข้างเดียวด้วยซ้ำ
“คุณวี...”ร่างโปร่งเรียกด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง
“ทีม…เธอโอเคกับเรื่องนี้จริงๆเหรอ”
วีรภัทรถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง พวกเขาไม่เคยคุยกันเรื่องนี้อย่างจริงๆจังๆเสียที ทุกครั้งจะเป็นเหมือนการพูดคุยหยอกล้อของคนทั้งคู่เสียมากกว่า แต่เขารู้ดีลึกๆในใจว่าปัญหานี้เป็นเรื่องที่ไม่สามารถมองข้ามไปได้
“ทำไมถึงถามแบบนั้นล่ะครับ?”
ทีมมีสีหน้าเจ็บปวดกับคำถามที่ดูไม่เชื่อใจในตัวเองของคนรัก วีรภัทรถอนหายใจ จับมือข้างหนึ่งของทีมขึ้นมากุม
“เธอยังมีโลกทั้งใบที่ยังไม่เคยได้ออกปสัมผัส มีคนอีกมากมายที่ดีกว่าฉัน อายุน้อยกว่าฉัน เข้าใจเธอมากกว่าฉัน...”
ร่างสูงจับมืออีกข้างของทีมขึ้นมากุมไว้อีกข้าง จ้องลึกเข้าไปในด้วยตากลมสีน้ำตาลที่ไหวระริก
“...ถึงมันจะยังดูไม่ชัดเจนในตอนนี้ แต่ตอนที่เธออายุสามสิบ ฉันจะอายุห้าสิบ ตอนที่เธออายุสี่สิบ ฉันจะอายุหกสิบ ตอนที่เธออายุห้าสิบปี ฉันอาจจะจำชื่อของตัวเองไม่ได้ด้วยซ้ำ....”
“คุณวี ถ้าวันพรุ่งนี้ผมจะโดนรถชนตาย คุณจะยังรักผมมั้ยครับ?”
คำถามย้อนของคนอายุน้อยกว่าทำให้ร่างสูงอึ้งไป
“อะไรนะ?”
“ถ้าคุณรู้ว่าอีกสองเดือนผมจะป่วยตาย คุณยังจะรักผมมั้ยครับ?”
“รักสิ”
ชายหนุ่มตอบอย่างไม่ลังเล ถึงแม้ว่าความคิดที่ว่าเขาอาจจะสูญเสียคนรักไปจะทำให้หัวใจของเขาเจ็บแปลบขนาดไหน แต่เขาก็รู้ว่าตัวเองจะไม่เสียใจที่ได้รักคนตรงหน้า
“ถ้าคุณวีเลือกที่จะรักผมทั้งที่มีเวลาอยู่กับผมแค่นั้น แล้วทำไมผมจะเลือกที่จะรักคุณวีไปอีกหลายสิบปีไม่ได้ล่ะครับ”
ร่างโปร่งยิ้มหวาน ก่อนจะลุกขึ้นจากเตียงแล้วทรุดตัวลงบนพื้นตรงหน้าของวีรภัทร ร่างสูงมีสีหน้าประหลาดใจมากขึ้นไปอีกเมื่ออีกฝ่ายแทรกร่างเข้ามานั่งระหว่างขายาวพร้อมรอยยิ้มน่ารักที่เขาหลงนักหนา
“จะทำอะไรครับที่รัก?” ชายหนุ่มถามทั้งที่พอจะเดาสถานการณ์ตรงหน้าออก
“ก็จะย้ำให้ป๋ารู้ไงครับ ว่าผมไม่ใช่เด็กแล้ว”
ลิ้นเรียวเล็กสีแดงเลียริมฝีปากบางช้าๆ ทีมเงยหน้าสบหน้าตาคนรักก่อนจะเอื้อมมือไปหาเข็มขัดหนังสีดำสนิทที่เขาเป็นคนเลือกเองกับมือเมื่อเช้า
“จะว่าไป...ทีมนี่ยังเหมือนตอนเด็กๆเลยนะ”ร่างสูงเอ่ยขึ้นลอยๆ ก้มมองร่างที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้าเขาดวงแววตามีขมุกขมัวด้วยม่านหมอกแห่งความต้องการ
“เหมือน? ยังไงเหรอครับ?” ทีมเงยหน้าขึ้นถามอย่างงุนงง เพราะไม่ว่าใครก็บอกว่าเขาโตขึ้นมาหน้าไม่ค่อยเหมือนตอนยังเล็กทั้งนั้น
“ก็…เอะอะชอบเอาของเข้าปากตลอด”
ชายหนุ่มเอ่ยแซว ร่างโปร่งใช้เวลาอยู่ครู่หนึ่งกว่าคำพูดเมื่อครู่จะเข้าสู่สมอง แต่แทนที่จะมีท่าทีเขินอาย ร่างโปร่งกลับหัวเราะคิกคักราวกับได้รับคำชม
ก๊อกๆๆๆ
“พ่อครับ พี่ทีม คุณป้าให้มาเรียกไปทานข้าวคร้าบ”
แต่ก่อนที่จะได้ทำอะไร เสียงร่าเริงของเวย์ดังขึ้นจากหน้าประตูพร้อมกับเสียงเคาะประตูดังรัวๆ ทีมผละออกจากร่างสูงด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์ ถอนหายใจเบาๆแล้วลุกขึ้นไปเปิดประตูทั้งที่ในใจนึกอยากจะเมินคนที่ยืนอยู่ข้างนอกแล้วทำกิจกรรม
ประจำวันของตัวเองต่อด้วยซ้ำไป
“พี่ทีมครับ คุณป้าบอกว่า....”
หากแววตาสามารถฆ่าคนได้ เวย์คงถูกสับเป็นหมื่นๆชิ้นแล้วถูกโยนให้ปลากินอย่างไม่ต้องสงสัย
เวย์ถอยกรูดออกจากหน้าประตูอย่างรวดเร็ว เปิดทางให้ชายหนุ่มรุ่นพี่ที่มีสีหน้าทะมึนเดินผ่านไปด้วยความกลัวจนร่างสั่นระริก วีรภัทรเดินตามคนรักออกมาด้วยสีหน้าเซ็งๆ เหลือบมองลูกชายที่ยังคงตัวสั่นเป็นลูกนก
“แกทำตัวเองนะ”
ทำไมเขาถึงต้องโดนทั้งพ่อทั้งแม่เลี้ยงกลั่นแกล้งด้วยเนี่ย!!!
เวย์อยากจะร้องไห้ออกมาดังๆ
“น้องเวย์โตเป็นหนุ่มแล้วหล๊อหล่อเนอะ”
ขวัญตาชมเด็กหนุ่มเปาะ ยิ่งความมีสัมมาคารวะและมือไม้อ่อนของอีกฝ่ายยิ่งทำให้เวย์เป็นที่เอ็นดูของทั้งบิดาและมารดาของเทสต์
“ใช่ ไม่เหมือนพ่อมัน”
ธัชธรรมออกความเห็น ไม่วายจิกกัดรุ่นน้องที่บังอาจทำให้ลูกชายคนเล็กที่แสนบริสุทธิ์ของเขาต้องแปดเปื้อน
“อ้าว ทำไมเลือกปฎิบัติงี้อ่ะครับพี่”
วีรภัทรประท้วงความไม่เป็นธรรมนั้นอย่างไม่พอใจ
“ก็พอมีน้องเวย์ ไอ้เทสต์ดูเป็นผู้เป็นคน มีความรับผิดชอบขึ้น เงินก็บริหารดีขึ้น นี่ได้ยินว่าทอดไข่เป็นแล้วด้วยนี่” เวย์พยักหน้าแข็งขันกับคำชมของธัชธรรมแทนคนรักที่ก้มหน้าก้มตากินไม่พูดอะไร “ส่วนมึงเนี่ย ทำอะไรบ้างนอกจากสอนเรื่องอกุศลให้ลูกกู”
“ป๊า!”ทีมร้องด้วยใบหน้าแดงก่ำ
“เห็นมั้ย ปกติน้องทีมเคยเถียงพ่อเถียงแม่ที่ไหน” ธัชธรรมว่า
“….”
วีรภัทรยกมืออย่างยอมแพ้ กะจะแกล้งพี่ชายของคนรักเสียหน่อยกลายเป็นตนโดนใส่อยู่ลูกเดียวเสียอย่างนั้น
ทีมเหลือบมองคนรักอย่างให้กำลังใจ ก่อนจะหันไปสนใจอาหารของตนต่อ
“แล้วน้องทีมกับพี่เทสต์เจอกับทั้งสองคนได้ยังไงเหรอจ๊ะ?”
ขวัญตาถาม แววตาเป็นประกายคาดหวังเรื่องราวกุ๊กกิ๊กน่ารักเหมือนที่เคยเห็นในละคร สองแฝดสำลักอาหารพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย ไอค่อกแค่กจนสองพ่อลูกต้องลูบหลังแล้วเอาน้ำให้ดื่ม
“เอ่อ...”
สองพี่น้องมองหน้ากันเลิ่กลั่กเมื่อเริ่มหายใจสะดวก แต่มารดาของพวกเขาไม่ยอมให้ลูกๆทั้งสองหลุดไปโดยง่าย
“ว่าไงจ๊ะ? เจอกันที่ไหนยังไงเอ่ย?”
“มหาวิทยาลัยครับ”
ทั้งสองประสานเสียงกัน นึกดีใจที่ความเป็นฝาแฝดที่คิดอะไรเหมือนๆกันช่วยพวกเขาไว้
“เหรอจ๊ะ?”
หญิงสาวพยักหน้าตามอย่างสนใจ เวย์เหลือบมองคนรักที่ดูจากสีหน้าแล้วไม่น่าจะโกหกรอด ก่อนจะเอ่ยแทรกขึ้นมา
“คือ…ผมเห็นว่าพี่เทสต์เขาน่ารักดีเลยเข้าไปคุยด้วย หลังจากนั้นก็เลยลองคบดู แค่นั้นแหละครับ แหะๆ”
“เทสต์เนี่ยนะ?”
บิดามารดาบังเกิดเกล้ามองหน้ากันอย่างไม่เชื่อคำพูดของเด็กหนุ่ม เทสต์ถอนหายใจ ก่อนจะตัดสินใจบอกความจริงส่วนหนึ่งที่เขาคิดว่าจะไม่ทำให้แม่หัวใจวายให้ทั้งสองรู้
“เวย์มันเห็นทีมให้อาหารหมาอยูู่แล้วนึกว่าเป็นผม เลยมาตามจีบ พอรู้ความจริง มันก็บอกว่ามันชอบผมมากกว่า ก็เลยเป็นแบบนี้แหละครับ”
ร่างโปร่งไหวไหล่
“ว่าไงนะ?”
วีรภัทรที่ยังไม่เคยรู้เรื่องนี้หันขวับไปหาลูกชายที่สะดุ้งเฮือกจากแรงอาฆาต ร่างสูงดูจะใจเย็นลงเล็กน้อยเมื่อคนรักแตะที่ต้นแขนของเขาเบาๆอย่างห้ามปราม แต่ก็ยังไม่วายส่งสายตาให้ลูกชายที่สื่อความหมายอย่างชัดเจนว่า ‘ฝากไว้ก่อนเถอะ’
“อ่า..เหรอจ๊ะ? แล้วน้องทีมล่ะ?”
เมื่อได้ยินเรื่องราวที่ออกมาจากปากอย่างทื่อๆ ขวัญตาก็ได้แต่หัวเราะแห้งๆ แล้วหันไปหาลูกชายคนเล็กที่เธอรู้ว่ามีความโร
แมนติกในจิตใจมากกว่าพี่ชาย
“คุณวีเขา..ช่วยผมจากพวกโรคจิต...”...ในผับตอนกลางดึก แล้วพอผมเผลอกินเหล้าเข้าไป คุณวีก็หิ้วผมกลับไปจัดการที่บ้านแทนโรคจิตพวกนั้น “...ก็เลยคุยกันมาเรื่อยๆน่ะครับ”
ทีมพยายามยิ้มอย่างจริงใจที่สุดให้มารดา แม้จะรู้สึกผิด แต่เขารู้ว่าแม่คงไม่สามารถยอมรับความจริงได้โดยไม่เกิดอาการหัวใจวายเฉียบพลัน
“ตายจริง ขอบใจมากนะจ๊ะวีที่ช่วยน้องทีมไว้ คนสมัยนี้นี่ใช้ไม่ได้เลยนะ ฉวยโอกาสกับคนที่อ่อนแอกว่า ยิ่งพวกข่าวมอมเหล้าสาวแล้วหิ้วเข้าโรงแรมเนี่ยเย๊อเยอะ ไม่รู้ว่าจิตใจมันทำด้วยอะไร”
ขวัญตาว่าอย่างใส่อารมณ์ เล่นเอาสองพ่อลูกถึงกับเหงื่อตก แต่ก็ทำได้เพียงยิ้มแล้วพยักหน้าเห็นด้วยอย่างแข็งขัน
หลังจากมื้ออาหารผ่านไป ทั้งสี่จึงขอตัวกลับ แต่ขวัญตาที่ไม่ได้เจอลูกชายมานานเอ่ยขอด้วยสีหน้าที่ทำให้คนมองต้องใจอ่อน
“ค้างที่นี่ซักคืนนะลูก พรุ่งนี้บ่ายแม่ก็ต้องกลับไปกับพ่อเขาอีกแล้ว พรุ่งนี้จะได้ทานอาหารเช้ากัน”
สุดท้ายพวกเขาก็มาลงเอยที่บ้านเก่าของวีรภัทรในคำคืนนี้จนได้
“ไม่นึกเลยนะครับว่าจะได้มาเห็นบ้านที่พ่อผมโตมา”
เวย์บอกคนรักอย่างตื่นเต้นเมื่อพวกเขาเข้ามาในห้องนอนใหญ่หลังจากวิ่งสำรวจบ้านจนเหนื่อยแล้ว
“ไปอาบน้ำได้แล้วไป ต้องอ่านหนังสือสอบไม่ใช่เหรอ?”
เทสต์ว่า โชคดีที่เสื้อผ้าของพ่อของเขาใหญ่พอที่จะให้เวย์ยืมใส่นอนทำให้พวกเขาไม่มีปัญหาในคืนนี้ ชีทเรียนบางส่วนของเวย์ก็อยู่ในแท็บเลตของร่างสูงเป็นส่วนใหญ่ทำให้สะดวกต่อการอ่านนอกสถานที่
“พี่เทสต์อาบด้วยกันมั้ยครับ”
เวย์ถาม แต่มือนี่ดึงแขนคนรักยิกๆไม่ให้ปฎิเสธแล้ว เทสต์อมยิ้ม ยอมให้อีกฝ่ายดึงเข้ามาใกล้แต่โดยดี ปล่อยให้คนรักช่วยดึงเสื้อออกจากศีรษะของตัวเอง แล้วช่วยปลดกระดุมให้ร่างสูงบ้าง
“อ่างห้องนี้แช่ด้วยกันไม่ได้นะ”
“ไม่เป็นไรครับ ยืนอาบก็ได้” เวย์ขยิบตาข้างหนึ่ง “พี่เทสต์ชอบท่านั้นมากกว่าไม่ใช่เหรอ”
“ไอ้เด็กลามก”
เทสต์หัวเราะ แต่ก็ไม่ได้ปฎิเสธข้อกล่าวหาแต่อย่างใด มือเรียวดึงสะโพกสอบเข้ามาใกล้ ซึมซาบอุณหภูมิร่างกายของร่างสูงอย่างที่เขาชอบทำ เขาไม่เคยบอกเวย์เรื่องนี้ แต่เด็กหนุ่มมักจะรู้เสมอว่าเขาต้องการอะไร เวย์วางมือลงบนแผ่นหลังของคนรักแล้วดึงอีดฝ่ายเข้ามาใกล้จนระยะห่างที่แทบจะไม่มีอยู่จริงแนบสนิทกัน
“ใครกันแน่ที่ลามกครับ”
ก็อกๆๆ
“พี่เทสต์ น้องเวย์ แม่เอานมอุ่นๆมาให้ดื่มก่อนนอนลูก”
ก่อนที่ริมฝีปากของทั้งสองจะสัมผัสกัน เสียงเคาะประตูห้องและเสียงของมารดาทำให้เทสต์ผละออกจากร่างสูงอย่างรวดเร็ว คว้าเสื้อที่อยู่บนพื้นมาใส่แล้วส่งสัญญาณมืออย่างเกรี้ยวกราดให้คนรักที่เปลือยท่อนบนเข้าไปในห้องน้ำก่อนจะเดินไปเปิดประตูให้มารดา
“ขอบคุณครับแม่”
“จ้า แล้วนี่น้องเวย์ไปไหนเอ่ย?”
หญิงสาวถามเมื่อชะเง้อเข้าไปในห้องไม่เห็นร่างสูง
“อาบน้ำครับ เดี๋ยวก็คงออกมา”
เทสต์รับถาดใส่แก้วนมสองแก้วมาจากมารดา แต่ก่อนจะปิดประตูขวัญตากลับเอื้อมมือมาง้างประตูไว้
“อย่าลืม...ป้องกันนะจ๊ะ”
“แม่ครับ!”
เทสต์หน้าแดง ขวัญตาอมยิ้มแล้วชี้ไปที่เสื้อของร่างโปร่งซึ่งเขาเพิ่งสังเกตว่าเป็นเสื้อของเวย์
“กู๊ดไนท์จ้ะ”
“ครับ....”
ร่างโปร่งรีบปิดประตู วางแก้วนมลงบนโต๊ะพร้อมกับถอนหายใจ
“พี่เทสต์...คุณป้าไปแล้วเหรอครับ?”
เวย์เปิดประตูออกมาจากห้องน้ำ เทสต์พยักหน้า หยิบผ้าเช็ดตัวที่วางอยู่บนเตียงโยนให้คนรักที่ยื่นมือมารับด้วยสีหน้างุนงง
“ไม่มาด้วยกันเหรอครับ”
“เหอะ หมดอารมณ์แล้ว”
ร่างโปร่งทิ้งตัวลงบนเตียง ยกมือปิดหน้าอย่างอับอายที่ถูกมารดามองออกอย่างทะลุปรุโปร่ง ถึงแม้จะเสียดาย แต่เวย์ก็พยักหน้า แล้วปิดประตูห้องน้ำกลับไป
“ไม่คิดเลยนะว่าจะได้กลับมานอนห้องนี้อีก”
วีรภัทรเอ่ยขึ้นเมื่อพวกเขากลับเข้ามาในห้องของทีมที่เคยเป็นห้องนอนของเขาอีกครั้ง ร่างโปร่งวางเสื้อผ้าที่บิดาให้ยืมมาบนเตียง เปิดประตูตู้เสื้อผ้าหยิบผ้าเช็ดตัวที่พับไว้อย่างเรียบร้อยออกมาวางลงข้างๆกัน
“คุณวี อาบน้ำก่อนมั้ยครับ...อ๊ะ!”
ทีมอุทานเบาๆเมื่อถูกคนรักรวบเข้าไปในอ้อมกอดจากด้านหลัง
“ทำไมเราไม่สานต่อที่เราทำค้างไว้ก่อนล่ะ หืม?”
“แล้ว...เราทำอะไรค้างไว้เหรอครับ”
ร่างโปร่งเอียงคอถามพร้อมรอยยิ้มมุมปาก ช้้อนตามองคนรักที่เลิกคิ้วสูง
“นั่นสินะ...ฉันคิดว่าเรากำลังทำเรื่องของผู้ใหญ่ค้างไว้รึเปล่า?”
ทีมร้องอย่างตกใจเมื่อถูกคนอายุมากกว่ารวบตัวขึ้นจากพื้นแล้วโยนลงบนเตียงด้วยแรงไม่เบานัก ร่างสูงขยับคร่อมเขาไว้
ก่อนที่เด็กน้อยของตนจะมีโอกาสได้ลุกขึ้นมา
“เป็นอะไรรึเปล่าครับคุณวี..อื้อ....”
ร่างโปร่งถามอย่างไม่แน่ใจเมื่อริมฝีปากร้อนเริ่มจู่โจมซอกคอของเขาอย่างโหยหา มือใหญ่สอดเข้าไปใต้เสื้อของเขา ทีมสะดุ้งเฮือกเมื่อปลายนิ้วของคนรักสะกิดยอดอกสีชมพูของตนเบาๆ
“คุณวี...ฮะ...”
ลิ้นร้อนไล้วนรอบยอดอกอีกข้างที่เริ่มชูชันผ่านเนื้อผ้า ทีมสะบัดหน้าขึ้นกัดริมฝีปากป้องกันเสียงน่าอายของตัวเอง เขาไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นอะไร ถึงแม้พวกเขาจะเล่นหยอกกันไปมาเป็นกิจวัตร และสุดท้ายก็จบลงที่เตียงทุกคืน แต่ชายหนุ่มไม่เคยจู่โจมเขาอย่างไม่ยอมให้ตั้งตัวติดแบบนี้
แม้จะสับสนมาก แต่ตอนนี้เขาก็มีอารมณ์มากเช่นกัน
“อะ..ฮ้า....”
ทีมหอบหายใจถี่ แผ่นอกแบนราบที่ยังคงถูกปลุกเร้าอย่างช่ำชองด้วยมือและริมฝีปากของคนรักกระเพื่อมขึ้นลงอย่างรุนแรง ร่างโปร่งถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อชายหนุ่มผละออกไปหลังจากที่เขาถูกกระตุ้นอย่างต่อเนื่อง ก่อนจะสะดุ้งเฮือกอีกครั้งเมื่อจู่ๆลิ้นร้อนสอดเข้ามาในหูอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว แล้วนิ้วเรียวยาวก็กลับมาหยอกล้อกับตุ่มไตแข็งขืนที่ยังอ้อนไหวจากการ
ถูกกระตุ้นเมื่อครู่
“คุณ..คุณวี...อ๊ะ...”
ร่างโปร่งรู้สึกว่าร่างกายของตนอ่อนยวบ ถึงแม้ปกติวีรภัทรจะรุนแรงไปบ้างแต่ร่างสูงก็ไม่เคยจู่โจมจุดอ่อนไหวทั้งหมดในร่างกายของเขาพร้อมกันแบบนี้ ทีมรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะหมดแรงจากการถูกทรมานให้รู้สึกดีอย่างไม่มีจุดให้หยุดพักแบบนี้
“ชอบมั้ยครับเด็กดี?”
เสียงทุ้มกระซิบ ทีมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตนตอบอะไรไป แต่คำตอบนั้นคงเป็นที่พอใจของร่างสูง เขาถึงได้รับรางวัลเป็นจูบอันดูดดื่มที่ทำให้เขาแทบหายใจไม่ทัน
“อือ…”
ร่างโปร่งส่งเสียงครางในลำคออยู่พึงพอใจ ยกแขนขึ้นโอบรอบคอของคนรักแล้วกดท้ายทอยของอีกฝ่ายให้ลงมาแนบชิด ตัดสินใจว่าจะตักตวงความสุขจากสิ่งนี้ให้คุ้มค่า
ความสุขสมที่อีกฝ่ายปรนเปรอให้ทำให้ทีมไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่านิ้วเรียวของอีกฝ่ายแทรกเข้ามาเมื่อไหร่ ร่างโปร่งเริ่มรู้สึกคับแน่นเล็กน้อยเมื่อรู้สึกถึงนิ้วที่สอง ก่อนจะร้องออกมาเบาๆเมื่อนิ้วที่สามแทรกเข้าไปปรับสภาพร่างกายของเขาให้พร้อมสำหรับกิจกรรมถัดไป
“อยากขึ้นมามั้ย...”
ชายหนุ่มกระซิบพร้อมรอยยิ้มรู้ทัน ก่อนจะพลิกให้ร่างโปร่งขึ้นมานั่งบนร่างของเขา ทีมมีสีหน้าเขินอาย แต่วีรภัทรรู้ดีว่าความอายไม่ใช่อุปสรรคของคนรักของเขา ร่างโปร่งขยับกดสะโพกลงมาบนร่างของเขาทีละนิดพร้อมกับนิ่วหน้าด้วยความเจ็บปวด โดยมือมือให้บีบคลึงสะโพกมนให้ผ่อนคลายเป็นระยะ
“อ๊ะ...อือ...”
ทีมค่อยขยับสะโพกของตนอย่างเนิบช้า ก้มลงประทับริมฝีปากกับริมฝีปากได้รูปของคนรัก เชื้อเชิญให้ลิ้นร้อนเข้ามาสำรวจหาความหอมหวานที่คุ้นเคย สะโพกสอบขยับสวนร่างโปร่งเป็นระยะเพื่อช่วยควบคุมจังหวะเพลงรักที่กำลังเริ่มบรรเลง
ก๊อกๆๆ
“น้องทีม แม่เอานมอุ่นๆมาให้ดื่มก่อนก่อนนอนลูก”
การเคลื่อนไหวทุกอย่างในห้องหยุดชะงัก ร่างทั้งสองที่อยู่บนเตียงมองหน้ากันเลิ่กลั่กอย่างตกใจ
“น้องทีม...วี... หลับกันไวจัง”
เสียงบ่นพึมพำของมารดาจากด้านนอกทำให้ทีมถอนหายใจอย่างโล่งอก ก่อนจะเบิกตาโพลงเมื่อคนรักชันตัวขึ้นนั่ง การเสียดสีที่เกิดขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัวทำให้เขาเผลอร้องออกมาเบาๆ
“อ๊ะ!”
“อ้าว น้องทีม ยังไม่หลับเหรอจ๊ะ”เสียงของมารดาดังขึ้นอีกครั้ง
“ครับแม่ ตะ..แต่วันนี้ทีมดื่มนมไปแล้ว แม่เอาไปเก็บเถอะครับ”
ร่างโปร่งได้แต่หวังว่าเสียงของตัวเองคงไม่สั่นจนผิดสังเกต โชคดีที่หลังจากนั้นวีรภัทรก็ไม่ได้คิดจะขยับอีก
“โอเคจ้า กู๊ดไนท์นะลูก”
“ครับแม่”
ทีมระบายลมหายใจที่กลั้นไว้โดยไม่รู้ตัวออกมาเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าขยับห่างออกไป แต่ก่อนที่พวกเขาจะได้เริ่มทำอะไรอีกครั้ง เสียงของขวัญตาก็ดังขึ้นเสียก่อน
“น้องทีม ดื่มนมแล้วอย่าลืมอาบน้ำอีกรอบนะจ๊ะ”
“ครับแม่”
ร่างโปร่งรับคำอย่างขอไปที ภาวนาให้มารดารีบกลับไปนอนก่อนที่เขาจะทนไม่ไหวและส่งเสียงอะไรออกไปมากกว่านี้ เมื่อเสียงฝีเท้าไกลออกไปจนไม่ได้ยิน ทีมจึงหันกลับมาหาคนรัก
“รอดตัวไปนะครับ”
“ฉันว่าไม่หรอก”วีรภัทรเกาศีรษะอย่างไม่รู้จะพูดอย่างไร “โดนจับได้เต็มๆเลยล่ะ”
“เอ๊ะ อะไรนะครับ?”
คนอายุน้อยกว่าขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ
“เมื่อกี้พี่ตาบอกกว่าดื่มเสร็จอย่าลืมอาบน้ำน่ะ”
“แต่ว่าไม่เห็นมีนม...โอ้....”
ทีมหหุบปากฉับเมื่อเข้าใจว่า ‘นมอุ่น’ ที่มารดาสื่อถึงคืออะไร ความคิดที่ว่าแม่ของเขารู้ว่าเขากำลังทำอะไรทำให้ร่างโปร่งรู้สึกขนลุกขนพองอย่างบอกไม่ถูก
“คุณวี...”
“ไว้ต่อคราวหน้าใช่มั้ย”
ชายหนุ่มเอ่ยอย่างเข้าใจ สุดท้าย ทั้งคู่จึงลงเอยด้วยการอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วล้มตัวลงนอนข้างกัน ทีมพลิกตัวหันมาหาร่างสูงที่นอนลืมตาอยู่ข้างๆก่อนจะถามสิ่งที่เขารู้สึกติดใจอยู่เมื่อครู่
“คุณวีครับ ผมถามได้มั้ย?”
“มีอะไรเหรอ?”ร่างสูงหันมาหาเขา
“คือตอนที่เข้ามาในห้อง...ทำไมคุณวีถึงได้...ดูอยากทำมากกว่าปกติล่ะครับ” ร่างโปร่งหน้าแดง แต่เขารู้สึกติดใจเรื่องนี้จริงๆ
คนถูกถามหัวเราะในลำคอ รั้งเอวบางเข้ามาใกล้
“พอเห็นคนแรกในชีวิตที่ฉันตกหลุมรัก อยู่ในห้องนอนห้องแรกของฉัน มันก็อดไม่ได้น่ะ”
“ผมต่างหากที่ต้องพูดคำนี้” ทีมแย้ง “เพราะคุณวีแท้ๆ ผมถึงชอบแต่ผู้ชายอายุมากกว่า”
“เดี๋ยวเถอะ ตอนนั้นใครจุ๊บใครก่อน อย่ามาโมเม”
ร่างสูงหัวเราะเบาๆในลำคอ รั้งท้ายทอยของคนรักให้ขยับเข้ามาใกล้ขึ้น
“พูดแบบนี้จะไม่รับผิดชอบเหรอครับ” ทีมแสร้งทำหน้ามุ่ยอย่างไม่พอใจ
“ใครว่าล่ะ จะล่ามไว้ไม่ให้หนีไปไหนเลย”วีรภัทรจุมพิตหน้าผากเนียนใส จับเส้นผมที่ปรกลงมาบนใบหน้าทัดหูคนรักอย่างอ่อนโยน
“ฝันดีครับที่รัก”
“ฝันดีครับป๋า”
ถึงแม้คืนนี้จะไม่ได้เป็นอย่างที่คิดไว้ แต่ร่างโปร่งก็ยังคงหลับตาพริ้มซุกกอดคนรักอย่างมีความสุข เป็นอันว่าจบเรื่องวุ่นวายไปได้อีกวัน
-------------
ยาวอยู่นะ ในสมกับที่หาย55555
ที่อันนี้Chapter 19 นับเลขChapterผิดเฉยๆไม่มีไรนะฮะ5555
อีกตอนเดียวก็จะจบ แต่ฝากติดตามตอนพิเศษของคู่แฝด อดีตคู่เชฟใหญ่กับเชฟนัท แล้วก็เรื่องอื่นๆของเราด้วยเน้อ จุ๊บๆๆๆๆๆ
//ปล. ยังจำศีลอยู่จ้า5555