"เวย์ ก้มอีกนิด พี่ขอเซ็กซี่ๆ ช้อนตามอง เล่นกลับกล้องหน่อย ดีมาก"
เมื่อเห็นร่างสูงตั้งใจทำงานโดยไม่ปริปากบ่น ทำตามที่ช่างภาพต้องการทุกอย่างเพื่อให้งานออกมาดี เทสต์ไม่อยากยอมรับเลยว่ามันดูเซ็กซี่กว่าการเห็นดวงตาคมสีรัติกาลช้อนมองกล้องด้วยสายตาที่ทำให้เขารู้สึกร้อนวูบแปลกๆเสียอีก
"ดีมาก เวย์นั่งลงไปบนทรายเลย คุณริน เข้ากล้องครับ"
นายแบบหนุ่มถอดเสื้อคลุมออก เผยให้เห็นร่างเปลือยท่อนบนที่สวมใส่เพียงกางเกงสีขาวขายาวเพียงตัวเดียว รอบกายมีสร้ายสร้อยประดับอัญมณีพันไขว้อย่างงดงามเป็นประกายงามต้องแสงอาทิตย์ ชายหนุ่มเดินเข้าไปในฉากที่เวย์นั่งรออยู่ก่อนแล้ว
"เวย์กางขาอยู่ ชันเข่าขึ้น ดี คุณรินนั่งระหว่างขาน้องเลยครับ ผมขอเซ็กซี่ ยั่วยวน เอนพิงน้องไปเลยครับ อย่างนั้น เวย์จับที่คางคุณริน เข้าเป็นทาสของเรา เขาเป็นคนที่เราจับมา ดีมาก สายตาสื่ออารมณ์มากกว่านี้ ขอดุกว่านี้ คุณรินดีมากครับ"
เทสต์รู้ดีว่าเขาไม่ควรหึง แต่ท่าทางล่อแหลมที่สองคนนั้นกำลังทำก็ทำให้เขาต้องเบือนหน้าหนีเป็นระยะ
"คุณรินหันหลังแล้วคร่อมบนตักเวย์ได้มั้ยครับ กอดคอน้องไว้หลวมๆแล้วหันมาครับ จิกกล้องหน่อยครับ เวย์ มองพี่เขาเหมือนเวลามามองคนที่ชอบ ขอแบบหลงใหล ต้องการ อยากได้ ดีมาก ดี"
ดวงตาสีม่วงสดที่ถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางค์โทนมืดขับให้อีกฝ่ายดูมีเสน่ห์น่าค้นหา ไม่นานนักคิวถ่ายของพวกเขาก็จบลง นายแบบหนุ่มร่างโปร่งลุกขึ้นจากร่างของคนอายุน้อยกว่าอย่างคล่องแคล่ว เอื้อมมือไปฉุดอีกฝ่ายให้ลุกตามขึ้นมา เทสต์เห็นคนผมยาวโน้มตัวเข้ามากระซิบอะไรบางอย่างที่หูของคนรักของเขา ก่อนที่เวย์จะหันมามองเขาด้วยสีหน้าแตกตื่นแล้วรีบวิ่งมาหา
"พี่เทสต์โกรธผมเหรอครับ?"
"ห๊ะ อะไร จะบ้าเหรอ อยู่ดีๆพี่จะไปโกรธเวย์ได้ไง" คนโดนกล่าวหาปฎิเสธเสียงสูง หลบสายตาด้วยกลัวอีกฝ่ายจะรู้ว่าโกหก
"ไม่ได้โกรธที่ผมทำเมื่อกี้ใช้มั้ยครับ" เวย์ถามด้วยสีหน้าเป็นกังวล ท่าทางของอีกฝ่ายทำให้เทสต์รู้สึกผิดที่ทำตัวไม่มีเหตุผล ชายหนุ่มลูบศีรษะที่ยังมีผ้าโพกอยู่อย่างเบามือ
"ไม่ได้โกรธ อย่าคิดมากสิ"
"ถ้าไม่โกรธก็ดีแล้วล่ะครับ"เสียงของนายแบบที่ชื่อรินดังขึ้นพร้อมกับเจ้าตัวที่เดินมาหาพวกเขา "ผมไม่อยากโดนเข้าใจผิด ถึงน้องเวย์จะน่ารักมากก็เถอะ"
"โธ่ พี่ริน ไม่ช่วยก็อย่าซ้ำเติมกันสิครับ เดี๋ยวพี่เทสต์ก็โกรธผมหรอก"
เวย์ปรามด้วยน้ำเสียงตื่นๆ นายแบบรุ่นพี่หลุดขำออกมาเล็กน้อย ตบบ่าร่างสูงดังปุ
"เอ้าๆ ไม่แกล้งแล้ว จริงสิ เวย์ได้เดินแบบพรุ่งนี้มั้ย?"
"ไม่อ่ะครับ ผมยังไม่ค่อยหายดีเท่าไหร่ จริงๆว่าจะกลับวันนี้เย็นไม่ก็พรุ่งนี้เช้า" เวย์ตอบ
"ถ้าอย่างนั้นรีบกลับวันนี้เลยดีกว่านะ พรุ่งนี้มรสุมใหญ่จะเข้า"
ร่างโปร่งเตือนด้วยน้ำเสียงจริงจัง ก่อนจะเดินกลับเข้าไปในเต๊นท์เพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า
"เอาไงดีครับ เรากลับเย็นนี้เลยดีมั้ย"
เวย์หันมาขอความเห็นจากคนรักเมื่อได้ยินดังนั้น เทสต์พยักหน้าเห็นด้วย
"ดีเหมือนกัน จะได้มีเวลาพักผ่อน งั้นพี่ไปเก็บข้อมูลทำรายงานก่อนแล้วกัน เวย์ก็ไปคุยกับสองคนนั้นด้วยแล้วกัน"
เทสต์ก้มลงมองนาฬิกาที่ยังไม่แปดโมงเช้าดี หากเขาทำงานเสร็จไวน่าจะมีเวลาไปเดินเล่นสบายๆก่อนจะกลับ
"ขอบคุณนะครับที่เสียสละเวลา"
เทสต์ยกมือไหว้ผู้จัดการของโรงแรมที่มาให้เขาสัมภาษณ์ด้วยตัวเองตอนที่เขาขอรบกวนเวลาพนักงานต้อนรับ การมีเส้นสายของเจ้าของโรงแรมช่วยนี่ก็เป็นเรื่องดีเหมือนกันแฮะ
"เสร็จแล้วเหรือครับพี่เทสต์"
เวย์ทัก ร่างสูงเพิ่งล้างคราบต่างๆออกจากตัวและเปลี่ยนมาใส่ชุดลำลองสบายๆเรียบร้อย พวกเขานัดกันทานข้าวที่ร้านอาหารของโรงแรมซึ่งอยู่อีกด้านของตัวอาคาร เวย์บอกว่าเขาคุยกับพ่อเรื่องกลับเย็นนี้เรียบร้อยแล้ว วีรภัทรบอกให้เจอกันที่ล็อบบี้ตอนสี่โมงเย็น ทั้งสองจึงตัดสินใจว่าเมื่อท้องอิ่มจะไปเดินเล่นรอบโรงแรมเสียหน่อย พวกเขาเดินผ่านด้านหลังลานแสดงงานแฟชั่นโชว์ที่ดูเหมือนว่าทุกคนกำลังเตรียมตัวเพื่อที่จะซ้อมใหญ่สำหรับงานวันพรุ่งนี้ เมื่อเสียงตวาดแหวของหญิงสาวคนหนึ่งดังขึ้น
"นี่มันอะไรกันเนี่ย?! ฉันบอกว่าเอาน้ำแร่ เข้าใจภาษาคนมั้ย'น้ำ-แร่'น่ะ เรื่องแค่นี้ไม่มีปัญญาทำรึไงยะ?!"
"ขะ...ขอโทษค่ะคุณนันท์นลิน หนูจะไปเอามาให้ใหม่..."
"ไม่ต้อง รำคาญ ฉันจะออกไปสูบบุหรี่"
"แต่ว่าเขากำลังจะเริ่มรันคิวแล้วนะคะ"
"เรื่องแค่นี้คิดว่าฉันไม่รู้รึไง ฉันจะทำอะไรมันก็เรื่องของฉัน อย่าสะเออะ"
"คนแบบนี้ก็มีด้วยแฮะ เวย์ดังแล้วอย่าเป็นแบบนั้นนะรู้มั้ย...เวย์?"
เทสต์บ่นกับคนรัก แต่เมื่อหันไปหาเด็กหนุ่มข้างกาย นายแบบหนุ่มกลับยืนนิ่งด้วยสีหน้าแววตาที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน เวย์กัดฟันกรอดจนเขาเห็นกรามที่ขึ้นสัน มือใหญ่กำแน่นจนเห็นข้อนิ้วสีขาว สีหน้าของเด็กหนุ่มในตอนนี้ทำให้แม้แต่เทสต์ยังรู้สึกกลัว
"เวย์..เป็นอะไรรึเปล่า"
ร่างโปร่งแตะที่ตนแขนของคนรักเบาๆอย่างกล้าๆกลัวๆ เวย์เพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองกำลังทำสีหน้าแบบไหนส่ายหน้า ก่อนจะหันมายิ้มให้เขา ถึงแม้ว่ารอยยิ้มนั้นจะดูฝืนๆก็ตาม
"หิวน่ะครับ เรารีบไปกันเถอะ"
เทสต์พยักหน้า ถึงแม้จะไม่เชื่อสิ่งที่อีกฝ่ายแก้ตัวก็ตาม ทั้งสองเดินต่อไปตามทางเดินเมื่อเสียงของหญิงสาวคนเดิมดังขึ้นจากด้านหลังด้วยน้ำเสียงที่ต่างจากเสียงตะโกนเมื่อครู่ราวฟ้ากับเหว
"เวย์...เวย์ใช่มั้ยลูก?"
ลูก?
เทสต์หันขวับกลับไปแทบจะในทันทีเมื่อได้ยินประโยคนั้น แต่เวย์คว้าต้นแขนของเขาไว้แล้วออกแรงดึงให้ร่างโปร่งเดินตามมาโดยไม่หันกลับไปมองหญิงสาวในชุดคลุมด้วยซ้ำ
'ผู้หญิงคนนั้นทิ้งผมไปตั้งแต่เกิดแล้วล่ะครับ'
หรือว่านางแบบคนนั้น...
"เวย์ เดี๋ยวก่อนสิลูก รอแม่ก่อน...โอ๊ย!"
เสียงร้องของนันท์นลินทำให้เทสต์หันกลับไป ภาพของนางแบบสาววัยสามสิบปลายๆในชุดคลุมและรองเท้าส้นสูงล้มก้นจ้ำเบ้าอยู่กับพื้นทำให้ต่อมคนขี้สงสารทำงาน ร่างโปร่งดึงแขนออกจากการเกาะกุมของร่างสูงแล้วเดินกลับมาหาหญิงสาวร่างสูงโปร่งที่มีเค้าโครงใบหน้าคล้ายคลึงกับลูกชายแม้จะไม่มากนัก เวย์ยอมหันกลับมาทางมารดาในที่สุด แต่เพียงเพราะเป็นห่วงคนรักเท่านั้น
"เป็นอะไรรึเปล่าครับคุณ ลุกไหวมั้ย?"
ทว่าเมื่อนันท์นลินเงยหน้าขึ้นมาเห็นเขา หญิงสาวกลับเบ้หน้า ปัดมือที่ยื่นมาช่วยอย่างรังเกียจ แล้วขยับลุกขึ้นมาเองอย่างทุลักทุเลในส้นสูงหลายนิ้วของเธอ
"อย่ามาแตะต้องตัวฉัน เสนียดมันจะติด"
คิ้วเรียวกระตุกกึกทันทีที่ได้ยิน เขาคิดผิดสินะที่มาสงสารยัยป้านี่
"อ๋อ ไม่ต้องขอบคุณก็ได้ครับป้า ผมยินดีช่วย"
"กรี๊ดดดด ใครเรียกแกป้ายะ อีเด็กขายตัว นอนกับผู้ชายคราวพ่อยังไม่พอ ยังเอาลูกเขามาเกลือกกลั้วกับความโสโครกของตัวเอง น่าไม่อาย"
คราวนี้เทสต์รู้ทันทีว่าอีกฝ่ายพูดถึงใคร คนตรงหน้าคิดว่าเขาเป็นน้องชาย และนั่นทำให้เทสต์รู้สึกมีน้ำโหมากกว่าเป็นคนถูกด่าเองเสียอีก
แต่เขาไม่อยากทำร้ายผู้หญิง แถมยังเป็นคนสูงอายุ ถึงแม้จะไม่น่าเคารพแค่ไหนก็ตาม
"ถ้าจะมาเพื่อพูดจาเสียๆหายๆกับคนของผม กรุณากลับไปเถอะครับ" เสียงเย็นเยียบดังขึ้นจากด้านหลัง เวย์ก้าวเข้ามาประชิดตัวเขาแล้วโอบเอวบางไว้ เทสต์รับรู้ได้ว่ามือที่วางอยู่บนเอวของเขาสั่นเล็กน้อย แต่ใบหน้าเรียบเฉยของเด็กหนุ่มไม่แสดงอาการอะไรที่บ่งบอกถึงอารมณ์ของเขาในตอนนี้ "อย่าทำให้ผมรู้สึกไม่ดีกับคุณมากกว่าที่เป็นอยู่เลย คุณนันท์นลิน"
"เวย์กำลังโดนหลอกนะลูก!"
"ไม่ต้องมาแกล้งห่วงผมหรอกครับ มันสายไปสิบแปดปีได้แล้ว" เด็กหนุ่มตอกกลับ "มีธุระอะไรก็พูดมาครับ ผมไม่มีเวลาทั้งวัน"
หญิงสาวกัดริมฝีปาก เหลือบมองมือที่โอบรอบเอวเทสต์อย่างขัดใจ แต่ตัดสินใจว่าธุระของตนสำคัญกว่า นันท์นลินพยายามยิ้มด้วยรอยยิ้มที่ดูอบอุ่นที่สุดในความคิดของเธอ ซึ่งดูเหมือนแสยะเขี้ยวมากกว่าในความคิดของเทสต์
"แม่อยากให้ลูกช่วยพูดกับพ่อได้มั้ย ว่าให้เลิกกลั่นแกล้งแม่ซักที แม่ต้องทำงานเลี้ยงปากเลี้ยงท้องเหมือนกันนะ เรื่องความแค้นในอดีตให้มันจบๆไปไม่ได้รึไง"
"ขอโทษนะครับ เรื่องนั้นผมคงทำไม่ได้" เวย์ตอบทันทีโดยไม่ต้องคิด "เพราะผมเชื่อว่าพ่อไม่ได้ทำอะไรแบบนั้น"
"เวย์! ผู้ชายคนนั้นเขากำลังหลอกลูกอยู่นะ! เขาอยากให้ลูกเชื่อว่าเขาเป็นคนดี..."
"เปล่า ผมไม่ได้คิดว่าเขาเป็นคนดีถึงขนาดจะให้อภัยคุณ" เด็กหนุ่มขัดขึ้นก่อนที่มารดาจะพูดจบ เทสต์สังเกตว่ารอบกายของพวกเขาเริ่มมีคนยืนมุงมากขึ้น สาเหตุน่าจะมาจากเสียงปรอทแตกของนันท์นลิน "แต่ผมเชื่อว่าผู้ชายที่ยอมทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตของเขาเพื่อให้คุณออกไปจากชีวิต เขาคงไม่อุทิศเวลาตลอดสิบแปดปีทำลายชื่อเสียงของคุณทั้งที่ปกติคุณก็ทำมันได้ด้วยตัวเองหรอกครับ"
"เวย์! ฉันเป็นแม่แกนะ!" คราบนางฟ้าที่หญิงสาวอุตส่าห์ปั้นแต่งได้หลายวินาทีสลายไปในพริบตา เด็กหนุ่มแค่นเสียงหึ ราวกับขบขันกับคำเรียกนั้นเสียเต็มประดา
"ครับ ผมทราบ ถึงแม้ผมจะเคยภาวนาขอให้มันเป็นแค่ฝันร้าย แต่ผมก็ทำใจยอมรับความจริงมานานแล้ว"
เทสต์ตะลึง ไม่คิดเลยว่าเขาจะมีวันได้เห็นคนรักพูดอะไรแบบนี้ออกมา นางแบบสาวเบิกตากว้าง ก่อนจะกรีดร้องออกมาสุดเสียงจนคนรอบข้างสะดุ้งตกใจ
"ดี! รักกันมากถึงขั้นใช้ผู้ชายคนเดียวกัน ฉันอยากจะรู้นักว่านักข่าวจะเล่นข่าวของพวกแกว่ายังไง ดีไม่ดีฉันอาจจะได้สิทธิ์การเลี้ยงดูแกแทนพ่อของแกก็ได้ แล้วแกจะได้รู้ว่านรกมีอยู่จริง!"
ร่างโปร่งรับรู้ได้ถึงแรงบีบเล็กน้อยของมือใหญ่ ถึงแม้เวย์จะยังคงไม่แสดงสีหน้า แต่ก็พอจะเดาได้ว่าคำขู่ของหญิงสาวทำให้เด็กหนุ่มกลัวขึ้นมา ถึงแม้จะพวกเขาจะไม่ได้เป็นอย่างที่หญิงสาวว่า แต่แค่ความคิดของการไปอยู่กับผู้หญิงนิสัยเสียตรงหน้าก็ทำให้เวย์ใจเสียได้แล้ว
ร่างโปร่งอ้าปากจะเถียง ทว่าเสียงที่คุ้นเคยของน้องชายฝาแฝดกลับดังขึ้นจากด้านหลังของเขาเสียก่อน
"ก็เอาสิครับ น่าสนุกดีเหมือนกัน..."
ทุกสายตาจับจ้องอยู่ที่ทีมซึ่งเดินตรงมาทางพวกเขาพร้อมกับวีรภัทรที่ตามมาติดๆ นันท์นลินตะลึงมองฝาแฝดทั้งสองไปมา สมองเหมือนจะยังประมวลผลไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น
"แก..."
"ผมก็อยากรู้นะครับ ว่าการที่คุณวีคบกับคนที่บรรลุนิติภาวะแล้วอย่างบริสุทธิ์ใจ ทำหน้าที่พ่อที่ดี มีปัจจัยสี่และความรักความเอาใจใส่ให้ลูกอย่างสม่ำเสมอ กับผู้หญิงที่โดนข้อหายาเสพติดตั้งแต่เริ่มเข้าวงการ ไม่ยอมเข้าสถานบำบัดตามที่ศาลสั่ง ถูกจับข้อหาเมาแล้วขับนับครั้งไม่ถ้วน ยังไม่รวมถึงเรื่องที่ขู่กรรโชกทรัพย์คุณวีไปสิบล้านบาทด้วยลูกในท้องของตัวเอง ศาลจะอยากให้ใครดูแลน้องมากกว่ากัน แล้วก็อย่าลืมนะครับ ว่าใครในที่นี้ที่จำเป็นต้องใช้ชื่อเสียงหากินมากกว่ากัน"
ทีมตบที่บ่าของเด็กหนุ่มเบาๆ มืออีกข้างยกโทรศัพท์มือถือที่มีแอพเครื่องอัดเสียงขึ้นมากดหยุดการบันทึก
"อีกอย่าง หลังจากคำพูดเมื่อกี้ คงจะยากนะครับที่ศาลจะยอมให้คุณได้สิทธิ์เลี้ยงดู"
"แก!!!"
"อย่าทำให้ตัวเองอับอายไปมากกว่านี้เลยครับคุณนันท์นลิน ผมไม่อยากให้คุณต้องเสียงานที่มีอยู่น้อยนิดของคุณไปมากกว่านี้" ร่างโปร่งยิ้มบาง "ผมไม่ชอบหาเรื่องใคร แต่ถ้าคุณมาข่มขู่คนของผม อย่าหาว่าผมไม่เตือนนะครับ"
จบคำพูดนั้น ทีมดึงให้พี่ชายของตนและเด็กหนุ่มที่ยืนอึ้งอยู่ให้เดินตามมา ปล่อยให้เสียงกรีดร้องดังลั่นของหญิงสาวเป็นรางวัลของชัยชนะอันหอมหวานในครั้งนี้
"มึง...รู้เรื่องพวกนั้นได้ยังไง?" เทสต์ถามน้องชายด้วยน้ำเสียงสั่นๆ เขายังหลอนเรื่องเมื่อครู่ไม่หาย
"ทีมเคยเจอเขามาแล้วครั้งนึง เลยให้ลุงสมหมายที่ป๊าให้ตรวจสอบประวัติพนักงานช่วยเช็คข้อมูลหน่อย เผื่อได้ใช้ประโยชน์"ร่างโปร่งอมยิ้มอย่างพึงพอใจ "ไม่คิดว่าจะได้ใช้เร็วขนาดนี้"
นะ...น่ากลัว
นั่นเป็นครั้งแรกในชีวิตที่เทสต์รู้สึกกลัวน้องชายของตัวเอง
"เวย์ โอเคใช่มั้ย"
พวกเขาได้ยินเสียงหวานนุ่มเอ่ยทักด้วยความเป็นห่วง รินที่อยู่ในชุดคลุมของตัวเองก้าวเข้ามาใกล้พวกเขาตอนไหนก็ไม่รู้ เวย์ส่ายหน้า พยายามยิ้มไม่ให้คนอื่นสบายใจ แต่เทสต์รู้สึกว่าอีกฝ่ายดูเศร้ายิ่งกว่าก่อนหน้านี้เสียอีก
"ไม่เป็นไรครับพี่ริน"
"มีอะไรคุยกับพี่ได้นะ" นายแบบหนุ่มเอ่ยด้วยน้ำเสียงเห็นใจ ก่อนจะหันไปหาวีรภัทร
"พี่วีสวัสดีครับ"
"อื้อ มากับเขาด้วยเหรอ?"
วีรภัทรถาม สายตาล่อกแล่กกวาดมองรอบกายราวกับกำลังหาใครสักคน ดวงตาสรม่วงสดมองตามคนอายุมากกว่าแล้วหลุดยิ้มออกมา
"ไม่ต้องห่วงหรอกครับ ผมเจอพี่เชษฐ์กับน้องมีนแล้ว สองคนนั้นเหมาะสมกันดีนะครับ"
"อ่า...นั่นสินะ" วีรภัทรยิ้มแห้ง
"ขอตัวนะครับ เดี๋ยวช่างแต่งหน้าจะหาไม่เจอ" รินยิ้ม ก่อนจะเดินหกลับไปด้านหลังเวที ทีมขมวดคิ้ว หันไปหาคนรักที่ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
"ใครเหรอครับ?"
“เด็กเก่าไอ้เชษฐ์มัน”
ชายหนุ่มตอบสั้นๆ เทสต์เลิกคิ้ว หันไปมองเด็กหนุ่มที่ดูจะนับถือรุ่นพี่คนนี้ไม่เบา แต่ดูเหมือนเวย์จะไม่ได้สนใจบทสนทนาเมื่อครู่เลย
"ถ้างั้นเราไปหาอะไรกินก่อนดีมั้ย เทสต์กินข้าวมารึยัง?" ทีมหันไปหาพี่ชาย
"ผม...ไม่ค่อยหิว ขอตัวก่อนนะครับ"
เวย์เอ่ยขึ้นมาเบาๆ เดินผ่านพวกเขาไปยังลิฟต์ของโรงแรมโดยมีเทสต์เดินตามไปติดๆ วีรภัทรจะเดินตามลูกชายไป แต่ถูกทีมรั้งไว้เสียก่อน
"อย่าเลยครับ ให้เทสต์คุยดีกว่า"
"พี่ชายเธอไว้ใจได้เหรอ" วีรภัทรเลิกคิ้ว เทสต์ดูจะไม่ใช่คนประเภทชอบพูดคุยเปิดใจสักเท่าไหร่
"น้องเขาไม่ต้องการคนคุยหรอกครับ" ร่างโปร่งว่า "ผมว่าเราไปหาอะไรกินกันดีกว่า"
ร่างสูงหันกลับไปมองร่างของลูกชายที่เดินเข้าลิฟต์ไปเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะตัดสินใจทำตามคำแนะนำของคนรัก
--------
ความว่องไวเน้~~~~