A Merman รักนี้สีน้ำทะเล Yaoi อัพบทส่งท้าย (21/06/60 )
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: A Merman รักนี้สีน้ำทะเล Yaoi อัพบทส่งท้าย (21/06/60 )  (อ่าน 23985 ครั้ง)

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8891
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ cchompoo

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-4

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7515
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
พี่ก้าน นี่มีไรในใจ  :katai1:
ล่วงเกินจ้าว แล้วแต่อะไรๆก็คิดแต่ปูนปั้น
ไม่ใช่ว่าเคยสัญญากับประกายดาวว่าจะดูแลปูนปั้นนะ

แล้วความลับก็แตก พี่ก้านรู้ว่าไคโอ เป็นเงือก :z3: :z3: :z3:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ WwW

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 330
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-0
ฝากติดตามด้วยจ้าา

 :hao3:

ออฟไลน์ WwW

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 330
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-0




ตอนที่ 16

เจ้าชายกับค่ายอาสา (6)

ช่วยร่วมมือ

 

“คือว่าเรื่องนี้ผมอธิบายได้นะพี่ก้าน  คือ…”

ร่างสูงไม่สนใจสิ่งที่ผมกำลังจะพูด  เขาบิดแขนออกจากการเกาะกุมแล้วเดินดุ่มๆเข้าไปหาเจ้าชายที่ลอยคออยู่ในน้ำตกด้วยสีหน้าช็อกโลกสุดๆ

เห็นตอนไหนไม่เห็น  ดันมาเห็นตอนกระโดดขึ้นจากน้ำแบบเต็มๆเสียด้วย

ไอ้เจ้าชายมึงก็นะ…  จะโผล่หัวขึ้นมาแบบคนปกติเขาไม่ได้หรือไง  มันจำเป็นต้องกระโดดโชว์ท่าทาง  โชว์หางอันสวยงามด้วยเรอะ!

“พี่ก้าน  เดี๋ยวสิ!”

ผมวิ่งตามไปติดๆ  พี่ก้านเดินนั่งยองๆลงตรงจุดที่ผมนั่งรอเจ้าชายเมื่อครู่  ในเมื่อเรื่องมันมาถึงขนาดนี้แล้ว  ก็คงมีแต่ต้องบอกความจริงเท่านั้นล่ะนะ

“เจ้าชายครับ  กลับร่างมนุษย์แล้วไปใส่เสื้อผ้าเถอะ  ผมจะอธิบายกับพี่ก้านเอง”

“กลับร่างมนุษย์?  เจ้าชาย?”

พี่ก้านทวนคำพลางมองผมอย่างสงสัย

เจ้าชายพยักหน้ารับก่อนจะมีแสงสว่างวาบมาจากใต้น้ำเพราะเจ้าชายของกลับร่างมนุษย์จากในนั้น  เขาค่อยๆว่ายาทางผมแล้วรับเสื้อผ้าก่อนจะว่ายไปขึ้นฝั่งอีกทาง

พี่ก้านมองตามตาไม่กะพริบแม้แต่ช็อตเดียว

“รูปปั้น…พี่ก้านหวังว่าเราคงมีคำอธิบายดีๆกับเรื่องทั้งหมดนะ”

ให้ตายสิ  อยากจะหายไปอยู่ดาวอังคารชะมัด  ชาตินี้ทั้งชาติชีวิตของผมคงจะไม่พบกับความสงบสุขอีกแล้ว!!!



 

ทุกสิ่งทุกอย่างถูกสาธยายให้พี่ก้านฟังจนหมดไม่มีเหลือ  ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์ตอนเรือล่ม  ไปจนถึงที่เจ้าชายช่วยชีวิตผมเอาไว้  การแต่งงาน  การก่อกบฏในแดนเงือก  และ…

พันธะสัญญาการผูกวิญญาณของเรา

พี่ก้านฟังไปก็ตาโตไป  ส่งเสียงร้องอู้หู  อ้าหาอย่างน่าหมั่นไส้

ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า  คนแรกที่รู้ความลับพวกนี้จะเป็นพี่ก้าน!

“แล้วรูปปั้นเคยคิดหรือเปล่าว่าถ้ากบฏพวกนั้นมันมาตามล่าเจ้าชายถึงที่นี่   มนุษยชาติจะเป็นยังไง?  พวกเราไม่ต้องเดือดร้อนไปด้วยเหรอ”

“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกน่า  ผมรู้ว่ามันอาจจะฟังดูเหลือเชื่อไปบ้าง  แต่ผมขอร้อง  พี่ก้านช่วยปิดเรื่องนี้เป็นความลับจนกว่าจะถึงเวลาที่เจ้าชายจะได้กลับไปยังดินแดนเงือกได้หรือเปล่า”

“ถึงพูดไปก็คงไม่มีใช่หรอกรูปปั้น  บนโลกนี้มีเงือกอาศัยอยู่จริงๆ  นึกว่ามีแต่ในนิทานปรัมปราเสียอีก  นี่ได้มาเห็นตัวเป็นๆเลย”

ท่าทางของพี่ก้านยังดูอึ้งไม่หาย

แหงล่ะ  เรื่องนี้ใครทำใจเชื่อได้ทันทีก็เก่งแล้ว  ขนาดตัวผมเอง  ทุกวันนี้ยังไม่อยากจะเชื่อเรื่องที่เกิดขึ้นเท่าไหร่เลย 

มนุษย์กับเงือกเนี่ยนะ…

แถมผมยังเกือบจะตกเป็นของเงือกหรือภาษาชาวบ้านก็คือปลาดีๆนี่เองอีก!

คิดยังไงก็อเมซิ่งสุดๆ!

“พี่รับปากก่อนสิว่าจะปิดเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ  เรื่องของเจ้าชายจะต้องไม่มีใครรู้อีกนอกจากพวกเรา  เพื่อความปลอดภัยของเจ้าชายและตัวพวกเราเอง  ผมไม่รู้ว่าพวกกบฏมันสืบเรื่องเจ้าชายได้มากน้อยแค่ไหนแล้ว  ถ้ามันรู้ว่าเจาชายหลบมาอยู่ที่นี่  อะไรจะเกิดขึ้นบ้างก็ไม่รู้”

“มันจะไม่ง่ายกว่าเหรอถ้าเราส่งเจ้าชายกลับคืนสู่ทะเลไปซะ  ทำแบบนี้มันเสี่ยงมากนะรูปปั้น   และพี่ก้านก็ไม่โอเคด้วยกับการที่เราต้องมาเสี่ยง”

“พี่ไม่โอเคแต่ผมโอเค  คนที่จะดูแลเจ้าชายได้ในตอนนี้มีแค่ผม  และผมจะไม่ทิ้งเขา”

ผมมองหน้าพี่ก้านอย่างจริงจัง

อีกฝ่ายเองมีท่าทีเหนื่อยใจอย่างเห็นได้ชัด  ผมเข้าใจดีว่าพี่ก้านเป็นห่วง  เพราะเรื่องนี้มันไม่ใช่เรื่องที่จะพบเห็นหรือเกิดขึ้นง่ายๆ  เพียงแต่…ถ้าผมทิ้งเจ้าชายไปด้วยเหตุผลว่ากลัวตัวเองจะเดือดร้อน  ผมคงไม่มีหน้าไปพบพ่อหลังจากตายไปแล้วหรอก

ยังไงเจ้าชายก็คือคนที่ช่วยชีวิตผมเอาไว้

ชีวิตต้องแลกด้วยชีวิต  ผมจะไม่ยอมให้เจ้าชายต้องเป็นอันตรายเด็ดขาด!

“พี่ก้านคงห้ามอะไรไม่ได้ใช่ไหม”

“ผมขอโทษ  แต่เรื่องนี้ผมขอตัดสินใจด้วยตัวเอง  ถ้าพี่จะไม่ช่วย  ขอแค่อย่ามาห้ามก็พอ”

“ได้ยังไงกันล่ะ  ตอนนี้เท่ากับพวกเราลงเรือลำเดียวกันแล้ว  หน้าที่ของพี่ก้านคือดูแลรูปปั้นให้ดี  เพราะงั้น…แค่สัญญามาก็พอว่าถึงเวลาจะไม่ทำอะไรเสี่ยงๆเด็ดขาด  ต้องมาบอกพี่ก้านเท่านั้น  ตกลงไหม?”

“พี่ก้าน…”

ผมมองพี่ชายต่างสายเลือดด้วยความซาบซึ้งใจ

ความหวังดีของพี่ก้านผมรับรู้ตลอดมา  นอกจากพ่อกับลุงกิ่งแล้ว  ก็มีพี่ก้านนี่แหละที่เปรียบเหมือนคนในครอบครัว  คอยดูแลเอาใจใส่ผม  เมื่อก่อนตอนแม่ยังมีชีวิตอยู่  ผมจำได้ลางๆว่าแม่เคยสอนผมเสมอว่าต้องรักพี่ก้านให้มากๆ  รักให้เหมือนพี่ชายแท้ๆ

วันนี้ผมเข้าใจแล้วล่ะว่าเพราะอะไรแม่ถึงบอกแบบนั้น

เพราะพี่ก้านรักและเป็นห่วงผมจากใจจริง  เป็นเหมือนพี่ชายแท้ๆของผม

“ข้าเข้าไปได้หรือยัง?”

เจ้าชายที่แต่งตัวเสร็จแล้วตะโกนถามจากต้นไม้อีกต้นที่อยู่ไม่ไกล

ผมกวักมือเรียกเขา  เจ้าชายกระโดลงจากโคนต้นไม้แล้วรีบเดินเข้ามาหาด้วยสีหน้าอึดอัด  คงจะกังวลอยู่ไม่น้อยที่ความลับดันมาแตกให้กับคนที่ตัวเองเกลียดขี้หน้า

แต่ทำไงได้ล่ะ

ผมเองก็ไมได้อยากให้มันเป็นแบบนี้สักหน่อย

“เป็นยังไงบ้าง”

“ไม่ต้องห่วงนะครับเจ้าชาย  พี่ก้านยอมเข้าใจ  และจะช่วยเราปิดเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ”

“จริงเหรอ?  เจ้ามนุษย์อวดดีคนนี้เนี่ยนะ?!”

“ไม่สบอารมณ์กับคำว่าเจ้ามนุษย์เลยแฮะ”

พี่ก้านสวนขึ้นพลางถลึงตาใส่เจ้าชายที่ชี้นิ้วไปทางพี่ก้านด้วยไม่อยากจะเชื่อเช่นกัน

ผมยกมือขึ้นตบหน้าผากตัวเอง  ไมเกรนขึ้นสมองกะทันหัน

ดูยังไงๆก็ไม่น่ารอด

“แล้วนี่จะทำยังไงกันต่อไป  แค่ให้อยู่ไปเรื่อยๆแบบบนี้เท่านั้นเหรอ?”

“ตอนนี้ก็คงต้องเป็นแบบนั้น  หน้าที่ของผมคือปกป้องเจ้าชายจนกว่าจะถึงเวลาที่เจ้าชายจะได้กลับไปสานต่อบัลลังก์ราชา”

ตอบพี่ก้านก่อนจะเงยหน้าส่งยิ้มให้เจ้าชาย

“เจ้าไม่ต้องกังวลไปหรอก  ข้าไม่ยอมให้ปูนปั้นต้องเดือดร้อนเพราะเรื่องนี้อย่างแน่นอน  เมื่อใดที่สงครามสงบ  ข้าจะกลับไปทันที”

“…”

“และจะกลับมาพาเจ้าไปด้วย  หากเจ้าต้องการ”

เจ้าชายต่อประโยคขึ้นมาเมื่อผมหน้าเจื่อนไปหลังจากที่เขาพูดเรื่องจะกลับไปแดนเงือก  ทำเอาฉีกยิ้มด้วยความดีใจแทบไม่ทันเลยทีเดียว

พึ่บพั่บๆๆๆๆ

“คัทๆๆๆ  พอได้แล้ว  จะจ้องตากันให้ท้องเลยหรือไง  เป็นปลาสายพันธุ์ไหนน่ะเรา  อย่าบอกนะว่าปลากัด!”

คนที่จ้องจะกัดชาวบ้านนั่นมันมึงมากกว่ามั้งไอ้พี่ก้าน!

ผมหรี่ตามองพี่ก้านที่ใช้มือมาโบกไปโบกมาตรงหน้าคั่นระหว่างผมกับเจ้าชาย   นานๆกูจะได้มีโหมดแบบนี้  มึงก็ยังจะขวางอีกเนาะ!

“ผมว่าเรากลับกัยดีกว่า  เดี๋ยวไอ้จ้าวกับพวกชาวบ้านจะเป็นห่วง”

“!!!”

พอพูดถึงไอ้จ้าว  สีหน้าของอีกคนก็เปลี่ยนไปในทันที

แต่ผมกำได้แค่มองและคาดเดาเอาเท่านั้นว่าเกิดอะไรขึ้นกับสองคนนี้  แม้จะอยากรู้เหตุผลของพี่ก้านก็ตาม  แต่ผมก็ไม่มีความกล้ามากพอที่จะไปถามเรื่องส่วนตัวของพวกเขา

ขอเสือกอยู่เงียบๆแล้วรอจังหวะล้วงความลับแบบเนียนดีกว่า

 





“กลับมาแล้วครับผมมมม!”

พี่ก้านตะโกนดังลั่นจนคนในหมู่บ้านที่ประชุมกันอยู่ที่บ้านผู้เฒ่าพากันหันมามอง  หนึ่งในนั้นมีไอ้จ้าวที่นั่งซึมกะทือหน้าตาเหมือนคนอดข้าวมาสามปีรวมอยู่ด้วย

มันตั้งท่ายิ้มกว้างพุ่งเข้ามาหาพี่ก้าน  ทว่าอีกฝ่ายกลับวิ่งเลยผ่านเข้าไปหาผู้เฒ่าแทน  ผมชะงักมองไอ้จ้าวที่ยืนนิ่งเหมือนคนไร้วิญญาณค้างอยู่ตรงทางเข้า

“ไอ้จ้าว…”

“ไม่ต้องมายุ่งกับกู!”

พลั่ก!

ว่าแล้วก็ผลักผมจนเกือบล้มก้นจ้ำเบ้าถ้าไม่ได้เจ้าชายรับเอาไว้  ไอจ้าววิ่งดุ่มๆกลับไปทางที่พักผมคนเดียว  ผมได้แต่มองมันกับพี่ก้านสลับกันไปมาด้วยรู้จะช่วยยังไงดี

“เรื่องของพวกเขา  ก็ปล่อยให้พวกเขาจัดการกันเองเถอะ  ข้ารู้ว่าเจ้าคิดอะไรอยู่”

“ผมรู้ว่าตัวเองไม่ควรเข้าไปยุ่ง  แต่เห็นแบบนี้แล้วมันหงุดหงิดจริงๆนะครับ  ถ้าเจ้าชายได้เห็นความสัมพันธ์ของสองคนนี้ตั้งแต่เด็กเหมือนผม  เจ้าชายจะเข้าใจเลยว่าทำไมผมถึงหงุดหงิด”

ไอ้จ้าวน่ะไม่เท่าไหร่  มันเป็นพวกปากร้ายแต่ใจดีและขี้สงสารจะตายไป  แต่ปัญหาคือพี่ก้านเนี่ยสิ  จนทุกวันนี้ผมยังไม่รู้สาเหตุที่เขาเปลี่ยนตัวเองมาแต่งหญิงแล้วก็ตีตัวออกห่างจากไอ้จ้าวเลย

เหมือนจะเข้าถึงง่ายที่สุด…

แต่ความจริงเป็นคนที่เข้าถึงยากที่สุดเลยต่างหาก  เฮ้อ!

“กลับกันมาเหนื่อยๆ  ไปอาบน้ำอาบท่ากันก่อนเถอะจ้ะ  เดี๋ยวป้ายกกับข้าวไปให้กิน”

“ขอบคุณมากเลยครับ”

ผมยกมือไหว้ขอบคุณป้าคนหนึ่งก่อนจะมองเจ้าชายแล้วกระซิบบอกให้เขาทำตาม

เจ้าชายยกมือไหว้ตามผมด้วยท่าทีเงอะงะ

“ขะ…ขอบคุณนะครับ”

“ไม่เป็นไรหรอกจ้าพ่อรูปงาม  ถ้าไม่บอกว่าเป็นคนเหมือนกันจะนึกว่าเทวดานะเนี่ย  หล่ออะไรปานนั้น”

ไม่พูดเปล่า  มือเหี่ยวย่นยังเอื้อมมาจับตัวเจ้าชายสุดรักสุดหวงสุดดวงใจของผมอีก

“ไปดีกว่าครับ  จะได้รีบไปทำงานกันต่อ”

คว้าแขนเจ้าชายพาเดินกลับไปทางที่พักทันที  ทำไงได้ล่ะ  เกิดสัมผัสตัวผู้หญิงมากๆแล้วรู้สึกฟินนาเล่จนอยากกลับไปคั่วผู้หญิงอีก  ผมก็ซวยน่ะสิ!

แต่เดี๋ยวก่อน

จำได้ว่าตอนแรกผมค่อนข้างเกลียดขี้หน้าเขาไปจนถึงขยะแขยงเลยนี่นา  แล้วไหงตอนนี้ถึงได้หวงเป็นจงอางหวงไข่แบบนี้เล่า!

โอ๊ยยย!   ก่อนจะไปเสือกเรื่องของไอ้จ้าวกับพี่ก้าน  เห็นทีคงต้องจัดการเรื่องของตัวเองให้เรียบร้อยก่อนเสียแล้ว!

“ใจเย็นๆสิ  เจ้าจะรีบลากข้าไปไหนเนี่ย”

“ไปอาบน้ำไงครับ  จะได้รีบกินข้าวรีบทำงาน”

“ทำไมต้องทำเสียงไม่พอใจข้าด้วย  ข้าทำอะไรผิดอีกหรือไง”

“ไม่รู้!”

“แต่…”

“ผมบอกไม่รู้ก็ไม่รู้ไงครับ!”

กูไม่รู้จริงๆ  มึงเลิกถามเหอะ!

อีกหน่อยผมคงกลายเป็นพวกขี้ระแวง  ทำตัวเหมือนเมียหลวงในละครที่คอยตามหึงหวงผัวจนสุดท้ายความรักก็ไปไม่รอด  และมือที่สามหรือภาษาชาวบ้านคือเมียน้อยก็จะคาบผัวไปแดก  ถ้าเป็นแบบนั้นขึ้นมาจริงๆผมจะทำยังไงดีล่ะ

ผมไม่อยากต้องกลายเป็นเมียหลวงหรอกนะเว้ย!

“เจ้าชายเข้าไปอาบน้ำก่อนเลยนะครับ  ผมจะคอยเฝ้าให้”

“ทำไมต้อง…”

“เพราะตอนนี้เราจะประมาทอีกไม่ได้  แค่พี่ก้านคนเดียวผมก็จะบ้าอยู่แล้ว  เพราะงั้น…ขอร้องล่ะ ฟังที่ผมพูดหน่อย”

“ข้าเข้าใจแล้ว  เลิกทำหน้าบูดแบบนั้นเสียที  ข้าเห็นแล้วไม่สบายใจ”

“งั้นก็เข้าไปอาบน้ำได้แล้วครับ”

ว่าพลางดันเจ้าชายเข้าไปในห้องน้ำและปิดประตูให้เสร็จสรรพ  ส่วนตัวผมก็ยืนเฝ้ายามอยู่ด้านหน้านั่นแหละ

  พลั่ก!!!

เสียงเปิดประตูกระท่อมที่อยู่ห่างไปเพียงเล็กน้อยดังราวกับประตูจะพัง  ผมหันไปมองหน้าคนเปิดก็พบว่าเป็นไอ้จ้าว  ใบหน้าบูดบึ้งและขอบตาที่แดงก่ำของมัน…

ไม่ต้องเดาก็รู้เลยว่าร้องไห้มา

“มองหาพ่อมึงเหรอ!”

ความสงสารของกูจะมลายหายไปก็เพราะความปากหมาของมึงนี่แหละ!

ผมเดินทิ้งห่างกระท่อมมาเล็กน้อยเพ่อจะคุยกับไอ้จ้าว  จะว่าไปไม่รู้ว่าทำไมผมถึงได้ปล่อยให้ความสัมพันธ์ของผมกับมันหมางเมินกันมาเนิ่นนานขนาดนี้  อาจเพราะตอนนั้นยังเด็กมาก  และผมไม่มีความกล้าพอที่จะเผชิญหน้ากับความจริง  ถึงได้ปล่อยให้วันเวลาค่อยๆทำลายมิตรภาพของผมกับไอ้จ้าวไปได้มากถึงขนาดนี้

“กูมีเรื่องอยากจะคุยกับมึง”

“แต่กูไม่มี”

“กูไม่ได้คิดอะไรกับพี่ก้าน”

“…”

“ไม่เคยคิดไปมากกว่าความเป็นพี่น้อง  สำหรับกู  พี่ก้าน  มึง  รวมถึงพี่ดาวคือครอบครัว  ครอบครัวที่กูไม่ต้องการสูญเสีย”

“แต่มึงเสียกูไปแล้ว”

“…”

“มึงเสียกูไปตั้งแต่วันที่มึงแย่งพี่ก้านไปจากกู!”

“กูบอกแล้วไงว่าไม่ได้แย่ง  ทำไมมึงถึงไม่เชื่อกูบ้าง”

“งั้นมึงรู้ไหมว่าทำไมพี่ก้านถึงหันมาแต่งหญิงแบบนี้”

ผมส่ายหน้าให้กับคำถามนั้น

มันเป็นเรื่องที่ผมสงสัยมาจนถึงทุกวันนี้ว่าเพราอะไร  ตอนแรกก็แค่คิดว่าสงสัยพี่ก้านจะเพิ่งค้นพบตัวเองว่าเป็นกระเทย  จนกระทั่งท่าทีของพี่ก้านที่มีต่อไอจ้าวมันเริ่มชัดขึ้น  ทำให้ผมต้องเปลี่ยนแปลงความคิดของตัวเองใหม่

พี่ก้านไม่ได้เป็นกระเทยหรืออะไรทั้งสิ้น

พี่ก้านยังเป็นคนเดิม  แต่ทำไมถึงหันมาแต่งหญิง  มันเกินกว่าที่ผมจะเข้าใจจริงๆ

“มึงรู้เหรอ?”

“รู้สิ  รู้ดีด้วย”

“เพราะอะไร?”

เป็นครั้งแรกที่ผมใส่ความจริงจังลงไปในน้ำเสียงเวลาคุยกับไอ้จ้าวขนาดนี้

อีกฝ่ายยังคงมองหน้าผมอย่างไม่ชอบหน้าเหมือนเดิม  ก่อนจะค่อยๆทิ้งตัวนั่งลงกับพื้น  เงยหน้ามองฟ้าอย่างหมดแรง

ท่าทางของมันเจ็บปวดจนผมอดปวดใจตามไม่ได้

“เพราะมึงไง”

“…”

“พี่ก้าน…ทำทุกอย่างก็เพื่อมึงทั้งนั้น”

 





“เดี๋ยวรูปปั้นเลื่อยไม้ออกมาตามแบบนี้เลยนะ  พี่ก้านจะไปช่วยพวกผู้หญิงมัดฟางตรงนู้นก่อน”

“อื้ม  ได้สิ   พี่ไปเถอะ”

หมับ!

“เป็นอะไรหรือเปล่า  หน้าตาดูไม่ค่อยดีเลยนะ”

พี่ก้านคว้าหมับเข้าที่หน้าผมแล้วยื่นหน้าเข้ามาใกล้เพื่อสำรวจหาพิษไข้

ผมมองพี่ก้านตาไม่กะพริบ  ในสายตาที่ส่งผ่านไปนั้นมีคำถามมากมายที่ต้องการคำตอบ  มีแต่คำว่าทำไม  เพราะอะไร  เพื่ออะไร  อยู่ในหัว

อึดอัดชะมัด…

“รูปปั้น…”

“พี่ก้าน  คือผม…”

 



‘พี่ก้านเขาทำเพื่อมึงไง  เพื่อให้คนที่ร้องไห้แทบตายตอนเสียแม่ไปได้มีแม่เหมือนคนอื่นๆ  เขายอมที่จะทิ้งความเป็นลูกผู้ชายแล้วหันมาแต่งหญิงเพื่อจะเป็นแม่ให้กับมึง  ยอมแม้กระทั่งทิ้งคำสัญญาที่เคยให้ไว้กับกูเพื่อมึง  ทำไมวะ  ทำไมพี่ก้านต้องทำเพ่อมึงขนาดนั้นทั้งที่ทั้งมึงและมันต่างก็ยืนยันกับกูว่าไม่ได้คิดอะไรเกินเลยต่อกัน  แต่ทำไมถึงมีกูคนเดียวที่ถูกทิ้ง! กูคนเดียวที่ไม่มีใครต้องการ  ทำไม!’

 



“หืม?  มีอะไร  ทำไมไม่พูดต่อล่ะ”

ใบหน้าหวานยิ้มเอียงคอทำท่าน่ารักเหมือนผู้หญิงทั่วๆไป  แม้ความจริงตัวเองจะตัวถึกและบึกบึนเพราะเป็นผู้ชายก็ตาม

น้ำตาร่วงผล็อยด้วยกลั้นไม่อยู่  ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าการที่พี่ก้านหันมาแต่งหญิงจนถูกนินทาไปทั่วหมู่บ้าน  รวมถึงผมเองยังเคยรังเกียจและออกปากไล่เขาเพราะคิดว่าเขาเป็นพวกแปลกๆ มันเป็นเพราะเขาทำเพื่อผม

พี่ก้านไม่เคยลืมสัญญาที่ให้ไว้กับผมในงานศพแม่

ที่บอกว่าจะเป็นแม่ให้ผมนั้น  เขาไม่ได้โกหก  แต่พี่ก้านรักษาสัญญาและทำตามนั้นในอีกสามปีต่อมา…

คนที่สัญญาไม่เคยลืม  แต่คนที่ถูกสัญญาด้วยอย่างผมกับลืมไปแล้ว  นั่นคงเป็นเพราะผมเด็กมากเกินกว่าจะมานั่งจำเรื่องราวทุกอย่างในชีวิตตอนนั้นได้

ทำไมล่ะพี่ก้าน  ทั้งที่ระหว่างเรามันเป็นเพียงแค่พี่น้องกันเท่านั้น  แล้วทำไม…ทำไมต้องยอมทำร้ายหัวใจตัวเองและคนที่รักเพื่อผม

ทำไม?

เพราะอะไร?

“รูปปั้น…”

“ปูนปั้น!  เป็นอะไรไป  เจ้า!  เจ้าทำอะไรปูนปั้น!”

เจ้าชายที่กำลังตอกไม้เพื่อสร้างรั้วอยู่ไม่ไกลวิ่งพรวดเข้ามากระชากผมออกจากพี่ก้าน  เจ้าตัวถึงกับเหวอทำอะไรไม่ถูก  รีบส่ายหน้าปฏิเสธยกใหญ่

“ฉันเปล่านะ  จู่ๆรูปปั้นก็ร้องออกมา  รูปปั้น  เป็นอะไรไปเหรอ  ไม่สบายหรือเปล่า?”

“ผม…ผม…”

“พี่ก้าน!  พี่ก้าน!”

เสียงเรียกพี่ก้านดังมาแต่ไกล  เรียกความสนใจจากทุกคนในที่นี่  เด็กในหมู่บ้านของพวกผมที่มาร่วมอาสาในครั้งนี้ด้วยอีกกลุ่มวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาด้วยสีหน้าท่าทางตกใจระคนกับดีใจ

“มีอะไรกัน  ทำไมวิ่งหน้าตาตื่นแบบนี้”

“ทะ…ที่…ที่หมู่บ้านของเรา  มะ…มีเรื่องใหญ่แล้ว”

“เรื่องใหญ่?”

ไอ้จ้าวที่กำลังเลื่อยไม้รีบเข้ามาสมทบด้วยเพื่อรอฟังว่าเกิดอะไรขึ้น

“เมื่อกี้พ่อโทรมาบอกผมว่า…ประกายดาว…”

“…”

“พี่ดาวกลับมาแล้ว”

ตุ้บ!

ค้อนในมือเจ้าชายร่วงปุไปบนพื้นพร้อมกับสีหน้าที่บ่งบอกได้ชัดเจนว่ากำลังได้ฟังเรื่องเหลือเชื่อ  มือที่จับผมไว้ในตอนแรกก็ร่วงผล็อยไปข้างกาย

“ว่าอะไรนะ พี่ดาวเหรอ?!”

“ใช่ครับคุณจ้าว  ตอนนี้ที่หมู่บ้านตื่นเต้นกันยกใหญ่  พ่อบอกว่าลุงเสริมไปเจอพี่ดาวนอนสลบอยู่ริมหาดในสภาพตัวเองเหมือนถูกน้ำทะเลพัดจนมาเกยตื้นที่ฟัง”

พี่ดาวนะไม่ใช่ปลาพะยูน!  มาเกยตงเกยตื้นพ่องมึงสิ!

“ดาว…”

“…”

“ประกายดาว!”

“เจ้า…! เอ่อ ไคโอ!”

ผมรีบวิ่งตามเจ้าชายที่ทะเล่อทะล่าวิ่งออกไปเป็นคนแรก

จะว่ายังไงดีล่ะ  ใจหนึ่งผมก็รู้สึกดีใจมากที่พี่ดาวยังไม่ตาย  แต่ว่าอีกใจหนึ่ง…

ผมกลับรู้สึกเหมือน…กำลังจะสูญเสียเจ้าชายไป

 

 



บับเบิ้ลบิวชวนคุย :

มาอัพแล้วจ้า  เอาล่ะสิ   คนที่คิดว่าตายไปแล้วอย่างประกายดาวกลับมา?  แบบนี้ความสัมพันธ์ของเจ้าชายและน้องปั้นจะเป็นยังไงต่อไปล่ะเนี่ย  เยื่อใยและความรักของเจ้าชายที่มีต่อประกายดูเหมือนจะยังหลงเหลืออยู่มากมายเสียด้วย  ขณะที่อีกคู่ก็ยังลุ่มๆดอนๆ  พี่ก้านที่ยืนยันหนักหนาว่าคิดกับน้องปั้นเป็นแค่พี่น้อง  แต่กลับทำทุกอย่างได้เพื่อน้องปั้นแบบนี้  ตกลงแล้วความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งหมดเกี่ยวข้องกันยังไง?  อินุงตุงนังอะไรอย่างนี้เนี่ยยยยย

ใครที่ยังตามอ่านอยู่ก็ขอบคุณมากนะคะ  สัญญาว่าอัพให้อ่านจนจบแน่นอน  ไม่ต้องห่วงว่าจะค้างคาอะไรเลย  จุ๊บๆๆๆ


ออฟไลน์ cchompoo

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-4
อิรุงตุงนังกับความสัมพันธ์อันซับซ้อน  :mew5: :mew5:

ออฟไลน์ WwW

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 330
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-0

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3420
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ WwW

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 330
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-0




ตอนที่ 17

เธอที่กลับมา

 

“เดี๋ยวพี่จะรีบให้ผู้ใหญ่ส่งคนมาช่วย  ฝากที่เหลือด้วยนะ”

พี่ก้านทิ้งท้ายให้กับพวกที่ยังอยู่อย่างรีบร้อน  พวกผมสี่คนตั้งใจจะกลับไปที่หมู่บ้านเพื่อดูพี่ดาวกันก่อน  ซึ่งหลังจากนั้นคงต้องให้คนอื่นมาทำหน้าที่แทน

ตอนนี้ไม่มีใครอยู่นิ่งๆได้เลยสักคน  แม้แต่ผมเอง

“รีบๆไปสักทีเจ้ามนุษย์!”

“เจ้ามนุษย์?”

ไอ้จ้าวที่นั่งอยู่ตำแหน่งเดิมคือซ้อนท้ายพี่ก้านทวนคำพูดของเจ้าชาย พี่ก้านเองก็หันขวับมามองอย่างจกใจเช่นกัน

“คือ…เขาพูดเล่นน่ะ  มึงอย่าสนใจเลย”

“นั่นสินะ  เป็นมนุษย์เหมือนกัน  จะมาใช้คำว่าเจ้ามนุษย์กับคนอื่นได้ยังไงล่ะเนอะ  ฮะๆๆ”

พี่ก้านช่วยผสมโรงเข้ามาอีกแรง

ผมเหลือบมองเจ้าชายที่ไม่ได้สนใจเลยว่าตัวเองกำลังจะทำให้คนอื่นสงสัย  จิตใจของเจ้าชายตอนนี้คงใจจดใจจ่อไปที่พี่ดาวเท่านั้น

จะว่าไป…ผมไม่เคยแสดงตัวว่ารู้จักกับพี่ดาวให้เขารู้เลยนี่นา

แล้วก็ไม่เคยออกตัวถามเขาด้วยว่ารู้จักกับพี่ดาวได้ยังไง

“นี่  เจ้าชาย”

กระซิบใกล้ๆหู  เจ้าชายที่นั่งแทบไม่ติดและกำลังสั่นเป็นเจ้าเข้ามีท่าทางกระวนกระวายจนผมชักจะเริ่มหมั่นไส้หันมามองพลางเลิกคิ้วสูง

“อะไรเหรอ?”

“เจ้าชาย…รู้จักพี่ดาวด้วยเหรอครับ”

“…”

นิ่งไป  ส่วนผมก็ทำเป็นไม่รู้เรื่องไปเรื่อยๆว่าผู้หญิงในความทรงจำที่เจ้าชายเคยเล่าให้ฟังก็คือพี่ดาว

“รู้จักสิ  เธอคือผู้หญิงที่ข้าเคยเล่าให้เจ้าฟังนั่นไงล่ะ  ว่าแต่เจ้าเถอะ  รู้จักกับประกายดาวได้ยังไง”

“เราโตมาด้วยกันน่ะครับ  พวกเราสี่คน  ผม  พี่ก้าน  ไอ้จ้าว  แล้วก็พี่ดาว”

“อะไรนะ?”

“โลกกลมจังเลยนะครับ  ที่ผู้หญิงที่เจ้าชายเฝ้ารอมาตลอด  เป็นเหมือนคนในครอบครัวของผมแบบนี้”

“ข้า…”

“ดีใจด้วยนะครับ  ที่พี่ดาวยังไม่ตาย  ผมเองก็ดีใจเหมือนกัน  แต่ก็คงดีใจไม่เท่าคุณหรอกมั้ง  ใช่ไหม?”

โธ่เว้ย!

อยากจะตบปากตัวเองชะมัด  ทำไมคำพูดคำจามันถึงได้ดูประชดประชันและแดกดันได้ขนาดนี้  ทั้งที่ผมเองก็ดีใจที่พี่ดาวปลอดภัย  แต่ผมก็ไม่สามารถหักห้ามอารมณ์คุกรุ่นในใจของตัวเองตอนนี้ได้เลย

ผมควรทำยังไงดี

ผมไม่อยากจะรู้สึกไม่ดีกับพี่ดาวเลย  ก็พี่ดาวน่ะ…

ออกจะแสนดีเสียขนาดนั้น

“ข้ารู้ว่าเจ้ากังวลอะไรอยู่  แต่ว่า…เชื่อข้าได้ไหม  ตอนนี้หัวใจของข้ามีเพียงเจ้าเท่านั้น”

นัยน์ตาหวานซึ้งจ้องมองผมราวกับต้องการทะลุทะลวงไปให้ถึงจิตใจ

ไม่อยากเชื่อว่าเพียงคำพูดไม่กี่คำจะทำให้ผมใจชื้นได้  ในเมื่อเจ้าชายยืนยันขนาดนี้  ผมก็ต้องเชื่อใจเขา  ถ้ามัวแต่เคลือบแคลงใจและระแวงสงสัย  ชีวิตคู้ของเราก็คงไปไม่รอด

อ๊ะ  เดี๋ยวสิ  แล้วทำไมกูต้องมานั่งคิดเรื่องชีวิตกูกับไอ้เจ้าชายลามกตัวนี้ด้วยล่ะเนี่ย!

บ้าไปกันใหญ่แล้วไอ้ปั้น!!!

 

ตลอดทางมีคำถามมากมายทั้งจากพี่ก้านและไอ้จ้าวถึงเรื่องพี่ดาว  แต่สิ่งหนึ่งที่ทุกคนรู้สึกเหมือนกันคือดีใจที่จะได้พบกับพี่ดาวอีก   หลังจากที่นึกว่าพี่ดาวได้จากไปแล้วมาถึงสองปีเต็ม  ถ้าอย่างนั้น…ที่ผ่านมา  พี่ดาวไปอยู่ไหนล่ะ?  แล้วทำไมจู่ๆวันหนึ่งถึงลอยมาตาทะเลกลับมาติดที่ชายหาดของหมู่บ้านได้อีก

ไม่สิ  นี่ผมกำลังสงสัยในตัวพี่ดาวและจับผิดพี่ดาวอยู่นะ

เลิกคิดๆๆๆ เลิกคิดเรื่องแย่ๆเดี๋ยวนี้

หมับ…

“อย่าคิดมากเลยนะ”

เจ้าชายเอื้อมมือมาจับมือผมเอาไว้ก่อนจะบีบเบาๆ  นั่นสินะ  ผมจะคิดมากทำไม  แค่พี่ดาวกลับมาได้อย่างปลอดภัยก็พอแล้ว

ไม่มีอะไรต้องคิดมากทั้งนั้น…

เอี๊ยด!!!

“ถึงสักที”

ทุกคนกระโดดลงจากรถกันอย่างพร้อมเพรียงทั้งที่รถยังจอดไม่สนิทดีเสียด้วยซ้ำ  พวกเราวิ่งตรงไปยังบ้านของผู้ใหญ่ดำซึ่งเป็นลุงแท้ๆของพี่ดาวและเป็นคนเลี้ยงพี่ดาวมาตั้งแต่เกิด  เพราะพี่ดาวสูญเสียพ่อกับแม่ไปตั้งแต่อายุได้เพียงสามเดือน  ท่านทั้งสองประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์  ตั้งแต่ผู้ใหญ่ดำก็เป็นคนเลี้ยงดูพี่ดาวมาตลอด  แม้ว่าพี่ดาวจะไม่ค่อยแข็งแรงและเจ็บออดๆแอดๆตั้งแต่เล็กก็ตาม

“ผู้ใหญ่!  ผู้ใหญ่อยู่ไหม!”

ไอ้จ้าวตะโกนเรียกผู้ใหญ่ดำที่หน้าบันไดบ้าน  ไม่นานประตูที่ชั้นสองก็เปิดออกพร้อมกับผู้ใหญ่ดำที่ออกมาต้อนรับ

“อ้าว  พวกเอ็ง  มากันแล้วเรอะ  ดีเลยๆ  มาช่วยข้าหน่อยเถอะ  หนูดาวน่ะ…”

“พี่ดาวเป็นอะไร?!”

ผมรีบวิ่งขึ้นบันได้ไปอย่างไม่คิดชีวิต  คนอื่นๆรีบตามขึ้นมา  ผู้ใหญ่ดำไม่ยอมพูดอะไร  เอาแต่ทำสีหน้าหนักใจแบบุสดๆ  นั่นทำให้ผมต้องวิ่งเข้าไปในห้องของพี่ดาวด้วยความเป็นห่วงทันที

“พี่ดาว!”

ร่างเล็กในชุดสีขาวบริสุทธิ์  เจ้าของเรือนร่างที่ผอมบางแล้วกับแผ่นกระจกใสที่เปราะบางและพร้อมจะแตกหักได้ทุกเมื่อ  เส้นผมสีดำยาวถึงกลางหลังปลิวไสวไปตามแรงลมที่พัดผ่านเข้ามาทางหน้าตา  นัยน์ตาหวานรับกับจมูกเรียวเล็กและริมฝีปากสีชมพูอ่อนที่ค่อนไปทางซีดหันมาทางพวกเราสี่คน

“พี่ดาว…”

พี่ดาวจริงๆด้วย  ไม่ใช่คนหน้าเหมือนหรือใครที่ไหน  แต่เธอคือพี่ดาวจริงๆ!

“พวกคุณ…เป็นใครเหรอคะ?”

“!!!”

“ล้อเล่นหรือไงดาว  นี่พวกฉันไง  ก้าน  น้องจ้าว  แล้วก็รูปปั้น  เธอจำไม่ได้เหรอ?”

พี่ก้านเดินเข้าไปใกล้พี่ดาวเป็นคนแรก  เธอมีสีหน้าตื่นตระหนกเล็กน้อยพร้อมกับเขยิบถอยหนีพี่ก้านไปจนติดกำแพง

“ขะ…ขอโทษค่ะ  แต่ฉันไม่รู้จักพวกคุณจริงๆ”

“ไม่เอาน่าพี่ดาว  ผมจ้าวไง  เด็กเกเรที่พี่คอยทำขนมอร่อยๆมาให้กินเมื่อตอนเด็กๆ  พี่จำไม่ได้เหรอ”

พี่ดาวไม่ตอบไอ้จ้าว  เธอมองไอ้จ้าวด้วยสีหน้าครุ่นคิดก่อนจะส่ายหน้าไปมา

“จำไม่ได้ค่ะ  ฉันขอโทษ  ฉันขอโทษ”

“ใจเย็นๆนะครับพี่ดาว  แล้วผมล่ะ  ผมปูนปั้น  ปูนปั้นที่พี่ดาวต้องคอยทำแผลให้เสมอเพราถูกแกล้งไงครับ  พี่ดาวจำผมได้ไหม”

ผมแนะนำตัวเองบ้าง  แต่ก็ยังรักษาระยะห่างเอาไว้ไม่เข้าใกล้จนเกินไปเพราไม่อยากให้พี่ดาวหวาดกลัว

“ไม่…”

“…”

“ฉันจำไม่ได้เลย  ขอโทษด้วยนะคะ”

พวกเราทั้งสามต่างก็มองหน้ากันอย่างหมดหนทาง  หรือนี่คือสาเหตุที่ทำให้ผู้ใหญ่ดำมีสีหน้าคร่ำเครียดตอนออกไปรับพวกเราเมื่อกี้

พี่ดาว…

สูญเสียความทรงจำ  เธอจำใครไม่ได้เลยสักคนเดียวแม้แต่ผู้ใหญ่ดำเองก็ตาม

“ประกายดาว”

อีกหนึ่งคนที่อยู่ในห้องด้วยมาตั้งแต่ต้นเอ่ยเสียงแผ่ว  เจ้าชายยืนหลบอยู่ข้างหลังพวกเราสามคนมาตั้งแต่เข้ามาในห้อง

ผมหันไปมองเจ้าชายด้วยความสงสาร  เขาอุตส่าห์ดีใจที่พี่ดาวยังไม่ตายและกลับมา  แต่ต้องมาเจอเหตุการณ์แบบนี้…

จะต้องเจ็บปวดแน่ๆ

“ไคโอ!”

พรึ่บ!

ผมเบิกตากว้าง  ยืนตัวแข็งเป็นหินเมื่อร่างกายบอบบางของพี่ดาววิ่งผ่านหน้าไปอย่างรวดเร็ว  โผเข้ากอดเจ้าชายด้วยท่าทางดีใจสุดๆ

“ไคโอจริงๆด้วย  ในที่สุดก็ได้เจอกันสักที”

“ประกายดาว  นี่เจ้าจริงๆใช่ไหม”

“อื้ม  ฉันเอง  ฉันคิดถึงนายเหลือเกิน  ที่นี่มีแต่คนที่ฉันไม่รู้จักเต็มไปหมด   ไคโอ…อย่าทิ้งฉันนะ  อยู่ข้างๆฉันนะ”

“แน่นอน   ข้าไม่มีวันทิ้งเจ้าแน่นอน  ข้า…”

“…”

“คิดถึงเจ้าแทบบ้าแล้ว”

เจ้าชายค่อยๆสวมกอดพี่ดาวกลับและโอบแน่นขึ้นเรื่อยๆตามความคิดถึงที่มี  ผมยืนมองภาพนั้นด้วยหัวใจที่เหมือนถูกกระชากลงไปในหุบเหวลึก

ที่บอกว่าไม่ต้องกังวล…

ที่บอกว่าในหัวใจตอนนี้มีแค่ผม…

ผมยังเชื่อมันได้อยู่หรือเปล่า

หมับ…

“ภาพนี้เด็กดีไม่ควรดูนะ”

พี่ก้านเอามือมาปิดตาผมไว้พร้อมกับกระซิบเบาๆ

ไม่ไหวเลย  อุตส่าห์คิดว่าจะต้องไม่เป็นไร  จะต้องทนได้  จะต้องไม่มีปัญหาแน่ๆ  แต่พอถึงเวลาจริงๆ  ผมกลับปวดร้าวไปทั้งหัวใจจนไม่รู้ว่าควรทำยังไงต่อดี

พี่ดาวจำใครไม่ได้เลยนอกจากเจ้าชาย

เพราะอะไรกันนะ?

“พ่อหนุ่มคนนี้รู้จักกับหนูดาวหลานฉันด้วยเรอะ”

ผู้ใหญ่ดำที่ยืนรออยู่ที่ประตูเดินเข้ามาถามด้วยความสงสัย

“ค่ะ   ไคโอเป็นคนรักของฉันเอง”

“คนรัก???”

พวกเราทวนคำกันอย่างตกใจ  พี่ดาวที่ตอนแรกดูจะมีท่าทีหวาดกลัวทุกคนยิ้มแย้มออกมาอย่างสดใส  ผมรีบเอามือพี่ก้านออกเพื่อจะมองพี่ดาวที่กำลังจะอธิบายทุกอย่าง

“ใช่ค่ะ  พวกเราเป็นคนรักกัน  คิดไม่ถึงว่าจะได้เจอกันอีก  ฉันดีใจมากๆเลยนะ”

“คือข้า  เอ่อ  ฉันรู้จักกับประกายดาวได้ก็เพราะตอนที่ประกายดาวคิดจะฆ่าตัวตายด้วยการกระโดดทะเลเมื่อสองปีก่อน  ฉันบังเอิญไปเจอเข้าก็เลยช่วยไว้  แต่ว่า…หลังจากนั้นไม่กี่เดือน  ประกายดาวก็หายตัวไป  เหลือไว้แค่ผ้าพันคอที่เธอชอบใส่ลอยอยู่ในทะเล  ตอนนั้นฉันคิดว่าเธอคงฆ่าตัวตายไปแล้ว  พยายามค้นหาศพเธอแต่ก็ไม่เจอ  คิดไม่ถึงเลยว่าที่ไม่เจอศพไม่ใช่เพราะถูกน้ำพัดไปไกล  แต่เป็นเพราะ…เธอยังไม่ตาย”

เจ้าชายอธิบายให้ผู้ใหญ่ดำฟัง  จนประโยคสุดท้ายเขาก็ก้มลงมองพี่ดาวที่กอดแขนเจ้าชายเอาไว้แน่นไม่ยอมห่างด้วยสายตาที่อบอุ่นไม่ต่างจากที่เขาใช้มองผม

หรือบางทีอาจจะ…อ่อนโยนมากกว่าที่ผมได้รับก็เป็นได้

“ขอโทษนะไคโอ  แต่ฉันจำอะไรไม่ได้จริงๆ  ฉันจำได้แค่นายเท่านั้น  จำได้แค่ว่าพวกเรารักกันมาก”

“ไม่เป็นไร  ถ้าเจ้าจำไม่ได้  ข้าจะค่อยๆช่วยให้เจ้าจำทุกอย่างได้เอง  มนุษย์พวกนี้ดีใจมากที่รู้ว่าเจ้ายังมีชีวิตดู  แสดงว่าเจ้าต้องสำคัญกับพวกเขา  และพวกเขาก็คงสำคัญต่อเจ้าเช่นกัน  และถ้าข้าเดาไม่ผิด  เขาจะต้องเป็นเพื่อนและน้องรักที่เจ้าพูดให้ข้าฟังบ่อยๆแน่”

“ทำไมไอ้บ้านี่ชอบพูดเหมือนตัวเองไม่ใช่มนุษย์อยู่เรื่อย”

ไอ้จ้าวโพล่งขึ้นมากลางวง  ผมอยากจะอ้าปากแย้งเพื่อช่วยเจ้าชายกลบเกลื่อนแต่ร่างกายตอนนี้ไร้เรี่ยวแรงไปหมด 

มือที่เคยสัมผัสผม  ตอนนี้กำลังสัมผัสพี่ดาว

อ้อมกอดที่ผมเคยได้รับ  ตอนนี้มันกลับไปเป็นของพี่ดาว

ทุกๆอย่างที่เจ้าชายเคยมอบให้ผม  เขาเองก็มอบมันให้กับพี่ดาวด้วย

“เอาเป็นว่าไว้ฉันกับน้องจ้าวจะมาเยี่ยมเธอใหม่นะ  พักผ่อนให้เยอะๆ  ถึงจะยังจำพวกเราไมได้ก็ไม่เป็นไร  สักวันเธอจะต้องจำได้แน่  เพราะพวกเราสี่คนไม่ใช่แค่เพื่อนเล่นสมัยเด็กกันเท่านั้น  มิตรภาพของเราไม่มีอะไรมาทำลายได้ทั้งสิ้น  ไปนะ”

“เฮ้ย!  เดี๋ยวสิวะ  มึงจะมึงก็ไปสิไอ้พี่ก้าน  จะมาลากกูออกไปด้วยทำแมวอะไร”

“มากับพี่เถอะครับ   อย่าให้ต้องใช้กำลังกันเลยนะ”

แล้วพี่ก้านก็ลากไอ้จ้าวที่ดิ้นทุรนทุรายโวยวายจะไม่ยอมไปท่าเดียวออกไป  เหลือทิ้งไว้แค่ผม เจ้าชาย พี่ดาวและผู้ใหญ่ดำ

“ปั้น  พ่อหนุ่มคนนี้เป็นเพื่อนปั้นใช่ไหม”

“ใช่ครับผู้ใหญ่  ทำไมเหรอ?”

“ถึงฉันจะยังงงๆแล้วก็ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่  แต่ดูเหมือนว่าหนูดาวจะจำเขาได้แค่คนเดียว  แล้วก็ดูไว้ใจเขาคนเดียวด้วย  คือว่า…”

“…”

“ถือเสียว่าทำเพื่อหนูดาว  สงสารหนูดาว  ฉันอยากจะขอให้พ่อหนุ่มคนนี้มาอยู่ที่บ้านฉันเพื่อคอยดูแลหนูดาวจนกว่าความทรงจำจะกลับมาได้ไหม?”

ผู้ใหญ่ดำเอ่ยด้วยท่าทีเกรงใจ

คิดเอาไว้แล้วล่ะว่าต้องลงเอยแบบนี้  แต่พอมันเกิดขึ้นจริงๆ   ก็ยากที่จะทำใจได้…

“ไม่ได้หรอก  ฉันทิ้งปูนปั้นเอาไว้คนเดียวไม่ได้”

เป็นเหตุการณ์ที่เหนือความคาดหมายแบบสุดๆ  เจ้าชายผละตัวออกมาจากพี่ดาวเข้ามาดึงผมเข้าไปใกล้แทน

“เจ้าชาย…”

“ผมจะมาหาประกายดาวทุกๆวันเพื่อคอยดูแลให้  แต่ว่า…ถ้าจะต้องให้ผมทิ้งปูนปั้นอยู่คนเดียว  ผมทำไม่ได้”

“แต่ว่า…”

“พอเถอะค่ะคุณลุง  หนูไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ  ไม่เป็นไรนะไคโอ  ฉันเข้าใจนาย  เด็กคนนี้…คงสำคัญกับนายมากสินะ”

พี่ดาวมองเลยมาทางผมพร้อมกับส่งยิ้มอย่างใจดี

“สำคัญสิ  สำคัญมากด้วย  ขอโทษนะที่มาอยู่ดูแลเจ้าตลอดเวลาไม่ได้”

“ไม่เอาน่า  อย่าทำเหมือนฉันเป็นคนป่วยสิ  ฉันยังแข็งแรงดีอยู่นะ  อีกอย่าง…ฉันอยากจะรู้จักเด็กคนนี้ให้มากขึ้นด้วย  คนที่ทำให้นายให้ความสำคัญมากกว่าฉัน  จะเป็นเด็กแบบไหนกันนะ?”

“พูดแบบนี้ทำเอาผมไปต่อไม่ถูกเลย  ยังไงพวกเราก็รู้จักกันมาตั้งแต่เด็กๆนะครับ  แค่พี่ดาวยังจำผมไม่ได้ก็เท่านั้นเอง”

“งั้นเหรอ  ชักอยากจำให้ได้แล้วสิ”

พี่ดาวยังคงยิ้มหวานเหมือนเดิมไม่ว่าสถานการณ์ในตอนนี้จะเป็นยังไง  เธอเดินกลับขึ้นไปนั่งบนเตียงด้วยสีหน้าอิดโรยกว่าตอนแรกเล็กน้อย

“เริ่มมึนหัวแล้วล่ะ  วันนี้ฉันขอพักก่อนได้ไหม?”

“ได้สิ  นอนพักเถอะ”

เจ้าชายตรงเข้าไปดันตัวพี่ดาวให้นอนลงไปบนเตียงก่อนจะดึงผ้าห่มขึ้นมาห่มให้

“พรุ่งนี้ข้าจะรีบมาหาเจ้า  พักผ่อนเยอะๆนะ  ไว้เจ้าหายดีเมื่อไหร่  เราค่อยคุยกันถึงเรื่องที่ผ่านมาว่าเจ้าไปทำอะไรอยู่ที่ไหนมาบ้าง”

“จ้ะ”

พี่ดาวรับคำก่อนจะค่อยๆหลับตาลง  ผมหันไปหาผู้ใหญ่ดำที่ยืนมองอยู่ด้วยความเป็นห่วงไม่ห่าง

“ยังไงผู้ใหญ่ก็คอยดูแลพี่ดาวอย่างใกล้ชิดด้วยนะครับ  พรุ่งนี้พวกผมจะรีบมาแต่เช้า”

“ไม่ต้องห่วงหนูดาวหรอก  ยังไงมันก็หลานฉัน  ฉันจะดูแลเอง”

“ครับ  ถ้างั้นผมขอตัวก่อน”

“ข้าไปนะ”

เจ้าชายเอ่ยกับพี่ดาวที่พยักหน้ายิ้มรับอีกครั้งก่อนจะเดินเข้ามาหาผม  พี่ดาวก็ยังคงเป็นพี่ดาวที่ใจดีอ่อนโยนเหมือนเดิม

แม้ว่าเธอจะเอ่ยปากบอกทุกคนว่าเป็นคนรักของเจ้าชาย  และเจ้าชายก็เป็นคนรักเธอ

แต่พี่ดาวก็ไม่ได้แสดงท่าทีร้ายกาจหรือไม่ชอบหน้าผมคนที่เจ้าชายบอกว่าสำคัญถึงขนาดยอมที่จะไม่มาอยู่ดูแลพี่ดาวเพื่อจะอยู่กับผม

ทำไมกันนะ  ทำไมผมถึงรู้สึกว่าตัวเองกำลังทำผิดอยู่…

“เป็นอะไรไป  กลับกันเถอะ”

เจ้าชายยิ้มกว้าง  จับมือผมและพาเดินออกจากบ้านของผู้ใหญ่ดำไปอย่างไม่มีท่าทีลังเล

หัวใจของผมเต้นแรงเมื่อถูกเขาให้ความสำคัญมากถึงขนาดนี้

“ขอบคุณนะครับ”

“หืม?”

“ขอบคุณที่เลือกอยู่กับผม”

“เจ้าพูดอะไรน่ะ  ข้าว่าข้าย้ำไปอย่างชัดเจนหลายรอบแล้วนะ  ว่าข้าคิดยังไงกับเจ้า  สำหรับข้าในตอนนี้…เจ้าคือคนสำคัญที่สุด”

“ผมก็เหมือนกัน  สำหรับผม…”

“…”

“คุณสำคัญที่สุด  สำคัญกว่าใครบนโลกนี้เลย”

เราต่างมองตากันอย่างหวานซึ้ง  จับมือกันเดินกลับไปที่บ้านโดยไม่สนใจสายตาของชาวบ้านที่มองมา

นาทีไม่มีอะไรที่ผมต้องแคร์มากไปกว่าคนข้างๆอีกแล้ว

 

Special  Part :

“ปล่อยนะเว้ย  บอกให้ปล่อยไงเล่า!”

ผมร้องโวยวาย  พยายามบิดข้อมือออกมาจากการเกาะกุมของไอ้พี่ก้านแต่ก็ไม่เป็นผล

พละกำลังต่างกันอย่างมากมายมหาศาลขนาดนี้ได้ยังไงวะ!

“จะลากไปถึงไหนเนี่ย!”

เอ่ยถามอย่างหัวเสียเมื่ออีกฝ่ายไม่มีทีท่าจะหยุดลากผมเสียที

พี่ก้านพาผมมายังศาลานั่งพักของหมู่บ้าน  ที่อยู่ติดริมทะเลพอดี  เขาปล่อยผมให้เป็นอิสระทันทีที่มาถึง

“พามาที่นี่ทำไม”

“พี่ก้านแค่มีเรื่องอยากจะคุยกับน้องจ้าวสองคน”

“เรื่องจะคุย?”

“เรื่องดาว”

“…”

“พี่ก้านรู้สึกเหมือน…ผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่ดาวที่พวกเรารู้จัก”

สีหน้าและท่าทางที่จริงจังของเขาทำเอาคำด่ามากมายที่เตรียมจะพูดต้องเป็นหมันไปเพื่อเข้าสู่โหมดจริงจังบ้าง

ผมเดินไปทั้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ในศาลาก่อนจะพยักหน้ารับคำพูดนั้น

“กูก็คิดแบบนั้นแหละ  เพียงแต่…มันยังไม่แน่ใจ  อาจเป็นเพราะพี่ดาวสูญเสียความทรงจำไปก็ได้  เลยทำให้มึงกับกูรู้สึกเหมือนพี่ดาวเป็นคนอื่น”

“มองโลกในแง่ดีจริงๆเลยน้า”

นิ้วมือยาวจิ้มเข้าที่แก้มผมอย่างหยอกล้อ

“อย่ามาแตะตัวกู  ขยะแขยง”

ว่าเข้าไปนั่น  ทั้งที่ในใจกำลังดีใจที่ไม่ถูกหมางเมินเหมือนเมื่อตอนเช้า   แต่ทำไงได้ล่ะ  ปากผมมันหนักเหมือนถูกถ่วงเอาไว้ด้วยก้อนอิฐเลยนี่หว่า!

“พี่ก็ขอให้พวกเราคิดมากไปจริงๆแล้วกัน  แต่ไม่ว่ายังไง  พี่ก้านก็ต้องหาทางพิสูจน์ให้ได้อยู่ดี  ว่าผู้หญิงคนนี้  คือประกายดาวตัวจริง”

“มึงจะทำอะไร?”

“ทุกเรื่องที่พวกเรารู้เกี่ยวกับดาว  พวกเราจะพิสูจน์จากจุดนั้นล่ะ”

“พวกเรา?”

“ใช่ครับ  พวก-เรา”

พี่ก้านจับบ่าผมพร้อมส่งยิ้มหวานอาบยาพิษ

มึงกำลังบังคับกูกรายๆว่าให้กูร่วมมือกับมึงเพื่อพิสูจน์ว่าผู้หญิงที่ปรากฏตัวมาในวันนี้คือพี่ดาวตัวจริงหรือเปล่างั้นสินะ?!

จะบ้าเรอะ  นี่ไม่ใช่การ์ตูนนะโว้ยยย   จะมีใครหน้าเหมือนคนอื่นเหมือนพิมพ์กันมาแบบนี้บ้างเล่า

ปี๊น!!!

เสียงบีบแตรดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วปฐพี  ผมและพี่ก้านหันไปมองทางต้นเสียงพร้อมกันก็พบว่าเป็นรถของป๊า  กระจกหลังถูกเปิดออกพร้อมกับป๊าที่ชะโงกหน้าออกมาจากรถด้วยสีหน้าโกรธจัด

“ป๊า!”

พรึ่บ!

พี่ก้านที่ยืนใกล้และจับบ่าผมไว้ในตอนแรกปล่อยมือออกพร้อมกับถอยหลังห่างออกไป  ไม่แม้ตาจะสบตากับผมหรือว่าป๊า

ไอ้ท่าทางเหมือนมีอะไรปิดบังและหวาดกลัวของพี่ก้านหมายความว่ายังไงกันแน่?

“อาจ้าว  ขึ้นรถเดี๋ยวนี้”

“ไม่เอา  ผมมีธุระต้องคุยกับพี่จ้าว  ป๊ากลับไปเหอะ”

“ป๊าบอกให้ขึ้นรถเดี๋ยวนี้!!!”

มาอีกแล้ว  คำสั่งจอมปิศาจที่ไม่ว่าใครก็ห้ามขัด  ผมเหลือบมองพี่ก้านที่จู่ๆก็เดินอกจากศาลาไปเสียเฉยๆก่อนจะรีบวิ่งตามไป

“พี่ก้าน  เดี๋ยวสิ  จะรีบไปไหน  เรายังคุยกันไม่…”

“น้องจ้าวกลับไปเถอะครับ  พี่ก้านก็จะกลับแล้ว  วันนี้เหนื่อยกันมามาก”

“แต่…”

“กลับไปเถอะ  ให้ปิศาจโกรธนานๆมันไม่ดีหรอก”

สายตาว่างเปล่าของพี่ก้านที่มองไปทางป๊าทำให้ผมใจไม่ดีเอาเสียเลย  เกิดอะไรขึ้นกันแน่นะ  พี่ก้านไม่เคยเรียกป๊าว่าปิศาจเหมือนที่ผม  พี่ดาว  หรือไอ้ปั้นเรียกมาก่อน

มีอะไรที่ผมไม่เคยรู้…

เกิดขึ้นหรือเปล่า?

 





 

บับเบิ้ลบิวชวนคุย :



มาอัพแล้วจ้า ตอนนี้ปริศนาซ่อนเงื่อนรวมถึงตัวละครสำคัญก็ปรากฏตัวเกือบจะครบหมดแล้วนะคะ  ประกายดาวผู้เป็นตัวแปรสำคัญสำหรับคู่ของเจ้าชายและน้องปั้น  ป๊าของจ้าวผู้เป็นตัวแปรของคู่พี่ก้านและน้องจ้าว  ว่าแต่…ในอดีตเคยมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นกันแน่  แล้วประกายดาวคนนี้ใช่ประกายดาวตัวจริงอย่างที่พี่ก้านกับน้องจ้าวสงสัยหรือไม่?  มีอะไรสามารถพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของเธอได้บ้างนะ?!

มาเอาใจช่วยทุกตัวละครในเรื่องนี้กันด้วยน้า  จุ๊บๆๆๆ


ออฟไลน์ cchompoo

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-4

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ WwW

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 330
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-0

ออฟไลน์ WwW

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 330
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-0


ตอนที่ 18

ยังผูกพัน…

 

หมับ…

“เข้าชาย  ไม่เอาน่า”

ผมร้องห้ามขณะที่มือหนาเริ่มไต่เข้ามาในเสื้อ  เผลอเป็นไม่ได้จริงๆเชียว  พอใจดีเข้าหน่อยก็กลายร่างจะปลาเป็นปลาหมึกขึ้นมาทันที!

นี่ถ้ามีหนวดหยุบหยับแบบปลาหมึก  พนันได้เลยว่าผมคงถูกรัดไปทุกสัดส่วน!

“ทีตอนอยู่ในถ้ำเจ้ายังยั่วข้าอยู่เลย  ตอนนี้ข้าพร้อมแล้วไง  เริ่มเลยไหมล่ะ?”

“แต่ผมไม่พร้อม!”

ไม่รู้อะไรดลใจให้ตอบไปแบบนั้น

ผมรู้สึกได้ว่ายังมีเรื่องของพี่ดาวค้างคาใจและทำให้ผมไม่สบายใจอยู่  วันนี้เจ้าชายเองก็ไม่ได้เอ่ยปากปฏิเสธเรื่องที่พี่ดาวแนะนำเขาต่อหน้าทุกคนว่าเป็นคนรักกัน  ผมไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาผูกพันลึกซึ้งกันมากน้อยแค่ไหน

ถึงยังไงสำหรับผม…

พี่ดาวก็สำคัญ  เจ้าชายเองก็สำคัญ

“รอก่อนเถอะครับ  พี่ดาวเองก็เพิ่งจะกลับมา  ผมไม่อยาก…”

“เจ้าไม่สบายใจเรื่องประกายดาวจริงๆสินะ”

เสียงทุ้มเอ่ยในความมืด

เจ้าชายขยับตัวชิดผมมากขึ้น  สวมกอดผมจากด้านหลัง  ซุกหน้าลงกับซอกคอและพรมจูบซ้ำแล้วซ้ำเล่า  วงแขนแกร่งโอบกอดผมเอาไว้…

“ข้ายอมรับ  ว่าประกายดาวกับข้าเคยรักและคบหากันจริง  แต่มันก็แค่ช่วงสั้นๆ  ตอนที่ข้าช่วยประกายดาวที่กระโดดน้ำทะเลเพื่อฆ่าตัวตายนั้น  ข้าไม่ทันได้คิดว่านางจะเป็นคนๆเดียวกับเด็กผู้หญิงที่ข้าเคยเล่นด้วยเมื่อครั้งเยาว์วัย  พอรู้ว่านางคือเด็กคนนั้น  คนที่ข้าเคยมีคำมั่นสัญญาด้วย  ความสัมพันธ์ของเราทั้งคู่ก็ก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว  แต่ว่า…จู่ๆนางก็หายตัวไปอีกครั้ง  มีแค่หลักฐานที่ทำให้ข้าคิดว่านางได้ฆ่าตัวตายด้วยการโดดทะเลเหมือนคราวก่อน  จะต่างกันก็ตรงที่…”

“…”

“ข้าไม่สามารถช่วยนางไว้ได้เหมือนในครั้งแรก  บอกตรงๆว่าการกลับมาของนางคราวนี้ก็ทำข้างงและสับสนอยู่ไม่น้อย  คนที่ข้าคิดว่าตายไปเกือบสองปี  จู่ๆก็มาปรากฏอยู่ตรงหน้าข้า  หนำซ้ำ…ยังปรากฏตัวในวันที่ความรู้สึกของข้าเปลี่ยนไป”

ประโยคนี้แผ่วเบาอยู่ข้างหู  หัวใจเต้นโครมครามกับฝ่ามือร้อนที่ลูบไล้ไปตามแขนผมอย่างอ่อนโยน

“ข้ายังผูกพันกับประกายดาว  และไม่อาจตัดทิ้งความรู้สึกนี้ไปได้  จนมันทำให้ข้ากลัวและกังวลว่าข้าอาจไปทำร้ายความรู้สึกของเจ้าโดยไม่รู้ตัว”

“เรื่องนั้นอย่ากังวลเลยครับ  พี่ดาวคือคนสำคัญของผม  เป็นผู้หญิงเพียงคนเดียวในกลุ่มของเรา  แน่นอนว่าพวกเราต้องรักพี่ดาวมากๆอยู่แล้ว”

“ข้าดีใจที่เจ้าเข้าใจ”

“ว่าแต่  เจ้าชายเคยเจอกับพี่ดาวตอนเด็กๆด้วยเหรอครับ  เมื่อไหร่กัน?”

“ข้าก็จำไม่ได้ทั้งหมดหรอก  ที่จำได้ก็มีแค่ตอนวัยเยาว์  ข้าเคยแอบหนีจากวังออกมาเที่ยวเล่นในโลกมนุษย์จนมาเจอกับประกายดาวเข้า  เราได้เล่นด้วยกันหลายวันเชียวล่ะ  ก่อนที่ข้าจะถูกจับได้และถูกสั่งห้ามไม่ให้มาที่โลกมนุษย์  ข้าถูกท่านพ่อลงโทษด้วยการกักบริเวณอยู่เป็นแรมปี  หลังจากนั้นพอข้ากลับไปยังที่ที่ข้าเคยเล่นกับนาง  ข้าก็ไม่เคยเจอนางอีกเลย”

“…”

“ข้าคิดว่านางคงลืมข้าไปแล้วแน่ๆ  เพราะถึงแม้เราจะมาเล่นด้วยกันบ่อยครั้ง  แต่ข้าก็ทำได้แค่แช่อยู่ในน้ำขณะที่นางนั่งอยู่บนโขดหิน   นางไม่เคยรู้ว่าข้าเป็นเงือก  จนสองปีก่อนที่ข้าช่วยชีวิตนางไว้นั่นแหละ  นางจำข้าได้  ข้าถึงได้รู้ว่าเด็กที่ข้าเคยเล่นด้วยในตอนนั้นก็คือนาง”

เจ้าชายเล่าทุกอย่างให้ผมฟังอย่างละเอียดยิบ

อย่างนี้เองสินะ  พี่ดาวมาก่อนผมหลายปี  รู้จักและมีคำมั่นสัญญาต่อกัน  พวกเขาผูกพันกันเกินกว่าที่ผมจะแทรกกลางเข้าไปได้

ไม่สิ  ผมไม่ควรแทรกกลางระหว่างพวกเขาเสียด้วยซ้ำ

“ผมถามตรงๆนะครับ  เจ้าชายกับพี่ดาวเคย…”

“…”

“อย่างที่เจ้าคิด”

“…”

“ข้ากับนางเคยมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งต่อกันครั้งหนึ่ง  ก่อนที่นางจะหายไปประมาณสามอาทิตย์”

อ่า…

แบบนี้เองสินะ  ความรู้สึกของคนที่รู้ว่าคนรักของตัวเองเคยมีอะไรกับคนรักเก่ามาก่อน  แม้ว่ามันจะเป็นเพียงแค่อดีต  แต่มันก็…

สะเทือนใจไม่น้อยเลย

“อย่าเงียบสิ  ถึงยังไงมันก็เป็นเรื่องที่ผ่านมาแล้ว  ตอนนี้ข้าเป็นของเจ้านะ  เราแต่งงานกันแล้ว  อย่าลืมสิ”

อารมณ์เหมือนเป็นเมียในทะเบียนสมรสเลยวุ้ยยย  แล้วก็ต้องนอนกอดทะเบียนสมรสขณะที่อีกคนได้ผัวไปนอนกกตัวเป็นๆ

อ๊ากกกกก  นี่กูจินตนาการไปถึงขั้นไหนแล้วเนี่ย!!!

“ข้าจะบอกทุกเรื่องเกี่ยวกับประกายดาวโดยไม่ปิดบังเจ้าอีก  ถ้าเจ้าอยากรู้อะไร  ข้าจะบอก  แต่ขออย่างเดียว  เชื่อใจข้า  เชื่อในความรู้สึกของข้าที่มีต่อเจ้า”

“…”

“ประกายดาวสำคัญก็จริง   แต่ทั้งหมดมันเป็นอดีตไปแล้ว  ตอนนี้ข้ามีเพียงเจ้า  และต้องการเพียงเจ้าเท่านั้น”

เจ้าชายพลิกร่างผมให้หันกลับไปหา  ความมืดและความเงียบทำให้ได้ยินเสียงหัวใจของเราทั้งคู่ที่เต้นแรงเสียจนดนตรีในงานวัดยังอาย

“อื้อ…”

คำพูดทุกคำมลายหายไปจนหมด  ริมฝีปากของอีกฝ่ายทาบทับลงมาอย่างนุ่มนวล  ความละมุนส่งผ่านปลายลิ้นจนอดไม่ได้ต้องตระกองกอดเขาเอาไว้

ผมเชื่อคุณ…

ผมจะเชื่อทุกสิ่งที่คุณพูด…

ไม่ว่าคุณจะเคยรักใคร  ไม่ว่าหัวใจคุณจะเคยเป็นของใคร  ไม่ว่าร่างกายนี้จะเคยถูกใครสัมผัสมา  แต่ว่า…ตอนนี้มันคือของผม

เจ้าชายเป็นของผมคนเดียวเท่านั้น

 

เคร้ง  กุก กัก

ผมตื่นแต่เช้ามาเตรียมอาหารให้เจ้าชายที่ยังนอนหลับอยู่  หลังจากที่เมื่อคืนเราสองคน…

เหนื่อยมากจนเผลอหหลับไปตอนจูบกัน!

หมดเลยอารมณ์ที่อุตส่าห์ช่วยกันสร้าง  มู้ดเสียหายหมดแล้ว!  ตั้งใจว่าเมื่อคืนจะยอมตกเป็นของเขาเสียหน่อย  แต่ก็ดันมาตายน้ำตื้นหลับคาจูบไปทั้งคู่  เฮ้อ!

“เจ้าตื่นมาทำอะไรแต่เช้าน่ะ  ฟ้าเพิ่งาว่างเองไม่ใช่เหรอ”

“อ๊ะ!  ขอโทษครับ  ผมทำเสียงดังจนคุณตื่นเหรอ”

รีบหันไปขอโทษขอโพยร่างสูงที่ลุกขึ้นมานั่งพลางเกาหัวแกรกๆและปิดปากหาวด้วยท่าทางง่วงสุดๆ

“ไม่หรอก  ข้าอยากจะนอนกอดเจ้า  แต่เจ้าไม่ได้นอนอยู่ข้างๆให้ข้ากอด  ข้าก็เลยตื่นน่ะสิ”

เจ้าชายตอบงัวเงีย

ผมยิ้มอ่อน  มองเขาที่หาวจนน้ำตาเล็ดอย่างเอ็นดู

“คุณนอนต่อเถอะครับ  ผมแค่ตื่นมาเตรียมข้าวเช้าเท่านั้นเอง”

“ไว้ค่อยเตรียมก็ได้  มานอนเถอะ  นอนกอดกันๆ”

“ไม่ดีกว่า  ผมไม่ง่วงแล้ว  คุณนอนไปเถอะ  เดี๋ยวข้าวเข้าเสร็จแล้วผมจะปลุก”

ผมตัดบท  หันกลับมาหั่นเนื้อไก่เป็นชิ้นๆต่อ   ตั้งแต่มีเจ้าชายมาอยู่ด้วยก็ต้องงดการกินอาหารทะเลไปโดยปริยายโดยเฉพาะพวกปลา

ทั้งที่ผมน่ะโปรดปรานอาหารทะเลจะตาย!

ฉึก!

“อ๊ะ!”

เอาจนได้!

เลือดสีแดงสดไหลย้อยออกมากจากนิ้วชี้  ผมหันซ้ายหันขวาเพื่อมองหาผ้าสะอาดที่จะเอามาซับเพื่อห้ามเลือดไว้ก่อน

“เจ้าบาดเจ็บนี่!”

“อ๊ะ  เจ้าชาย!”

หมับ! 

จ๊วบๆๆๆ

ผมตาค้างมองการกระทำของเจ้าชายที่จู่ๆก็พุ่งพรวดลุกจากที่นอนตรงเข้ามาหาผม  ดึงนิ้วที่เลือดออกของผมไปจับไว้แล้วจัดการดูดเลือดออก

“เดี๋ยวสิครับ!  นี่คุณเป็นแวมไพร์หรือเป็นเงือกกันแน่เนี่ย!”

“เงียบน่า!  เจ้าคิดยังไงถึงทำให้ตัวเองบาดเจ็บจนเลือดออกแบบนี้!”

ไม่คิดอะไรสักหน่อย  มันเป็นอุบัติเหตุเหอะ  ใครจะอยากเจ็บตัวกันฟะ!

แน่นอนว่าตอบคำตอบกวนตีนแบบนั้นออกไปไม่ได้  เขาอุตส่ห์เป็นห่วงผมถึงได้พุ่งหลาวราวกับเหาะได้มาหาแบบนั้น

ฮึกกก  ซึ้งใจจัง…

“ปั้น!  ปั้น!  อยู่ไหม”

เสียงเรียกจากด้านนอกเรียกความสนใจได้ดี  ผมกับเจ้าชายมองหน้ากันด้วยสงสัยว่าผู้ใหญ่ดำมาทำไมแต่เช้า

“ปั้น!  หนูดาวตกบันได  ตอนนี้อยู่ที่โรงพยาบาลแล้ว  ปั้น  ได้ยินไหม!”

“ประกายดาว!”

ตุ้บ!

มอของผมที่เจ้าชายประคองไว้อย่างทะนุถนอมในตอนแรกถูกปล่อยทิ้งทันทีที่ได้ยินข่าวว่าพี่ดาวตกบันได  เจ้าชายวิ่งพรวดออกจากบ้านไปหาผู้ใหญ่ดำที่ยืนรออยู่

ไม่สิ  นี่ไม่ใช่เวลาจะมาคิดมาก  เจ้าชายก็แค่เป็นห่วงพี่ดาวที่ตกบันไดจนถึงขั้นต้องเข้าโรงพยาบาลเท่านั้น  ใช่แล้ว  เพราะผมเองก็เป็นห่วงพี่กาวเหมือนกัน  เวลานี้คนที่มีแค่แผลมีดบาดเล็กน้อยอย่างผมจะมาทำตัวนิสัยไม่ดีหึงหวงกับเรื่องแค่นี้ได้ยังไง

“เจ้า  เอ่อ  ไคโอ  รอผมด้วย  ไคโอ!”

ผมตะโกนเรียกเจ้าชายที่ออกวิ่งไปไกลมากขึ้นทุกทีจนผมเริ่มจะวิ่งตามไม่ทัน

ไมได้นะ  ถ้าห่างกันเกินสองร้อยเมตรล่ะก็…

ถ้าเกินสองร้อยเมตรล่ะก็…!

หมับ!

“อั้ก!”

ความคิดยังไปไม่ถึงไหน  กัลปังหาที่คอผมก็แผลงฤทธิ์รัดคอผมแน่นจนหายใจไม่ออก  ร่างกายทรุดลงกับพื้น  สองมือจับต้นคอตัวเองเอาไว้หมายจะงัดเอาโซตรวนที่ล่ามผมอย่างกัลปังหานี่ออก

“อั้ก! แค่ก! แค่ก!”

มะ…ไม่ไหวแล้ว

ผมล้มตัวลงนอนกับพื้น  อากาศที่มีเริ่มจะหายไปทีละนิดๆ  ไม่คิดมาก่อนเลยว่ามันจะทรมานขนาดนี้

เจ้าชาย…

คุณอยู่ที่ไหน…

ถ้าผมเป็นถึงขนาดนี้  แล้วคุณล่ะ?

“ไอ้ปั้น!!!”

เสียงเรียกอันคุ้นเคยดังขึ้น  แต่ผมไม่มีแรงมากพอที่จะลืมตาดูว่าเจ้าของเสียงเป็นใคร   ทุกอย่างหมุนคว้างราวกับผมกำลังล่องลอยอยู่ในอากาศ

“ไอ้จ้าว!  ไอ้จ้าว!  สตาร์ทรถสิวะไอ้พี่ก้าน  พามันไปโรงพยาบาล!”

เจ้าชาย…

รอผมด้วย…

“รอ…ผม…”

ได้โปรด  ผมยังอยู่ตรงนี้  รอผมด้วย…

ผมทรมานเหลือเกิน…

 

“อื้อ…”

“ปูนปั้น!  ปูนปั้น  เจ้าฟื้นแล้วเหรอ?!”

เสียงของเจ้าชายดังเข้ามาในโสตประสาทหูเป็นคนแรก

ผมยังไม่สามรถตอบอะไรกลับไปได้เพราะยังมึนๆและงงๆว่ามันเกิดอะไรขึ้น  กลิ่นแปลกๆที่มีเฉพาะในโรงพยาบาลเท่านั้นมันชวนอ้วกสุดๆไปเลย

“ที่นี่…”

“รูปปั้นอยู่โรงพยาบาล  พี่ก้านกับน้องจ้าวบังเอิญไปเจอรูปปั้นนอนสลบท่าทางไม่ดีอยู่แถวไม่ไกลจากบ้านเท่าไหร่นัก  ก็เลยรีบพาส่งโรงพยาบาล”

“หมอบอกว่ามึงขาดอากาศหายใจไปหลายนาทีเลยทำให้หมดสติไป  ตอนแรกนึกว่าจะตายซะแล้วเพราหน้าเขียวอื๋อ  แต่พอเข้าใกล้โรงพยาบาล  จู่ๆสีหน้ามึงก็ดีขึ้นเหมือนว่าหายใจออกแล้ว  โชคดีแค่ไหนละที่นรกเขายังไม่ต้อนรับมึงน่ะ”

ไอ้จ้าวเข้ามาอธิบายต่อ

พอจะเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดแล้วล่ะ  พอเข้าใกล้เขตโรงพยาบาลผมก็สามารถหายใจได้สะดวกขึ้นนั่นคงเป็นเพราะอยู่ห่างจากเจ้าชายไม่เกินสองร้อยเมตรแล้ว  แต่ว่า…

“เดี๋ยวสิ  แล้วเจ้าชาย…!”

“ข้าอยู่นี่”

เสียงเจ้าชายดังมาจากทางซ้าย  พอหันไปมองก็พบว่าเจ้าชายยืนกุมมือผมเอาไว้  สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเจ็บปวด

“น้องจ้าวครับ  ไปเข้าห้องน้ำเป็นเพื่อนพี่ก้านหน่อยสิ”

“อะไรวะ  แค่เข้าห้องน้ำ  มึงเข้าเองไมได้หรือไง  จะกูไปช่วยจับน้องชายมึงหรือไง”

“ใช่แล้ว  ไปเถอะครับ”

แล้วพี่ก้านก็ใช้กำลังลากไอ้จ้าวออกไปได้สำเร็จ

ที่นี่เป็นห้องรวมก็จริง  แต่ดูเหมือนจะไม่มีคนป่วยมานอนพักก็เลยมีแค่ผมกับเจ้าชายเหลือกันอยู่สองคนเท่านั้น

ความเงียบเข้าปกคลุมชั่วอึดใจ…

“คุณ…ไม่เป็นอะไรใช่ไหมครับ  ไม่ได้หายใจไม่ออก  ไม่ได้ถูกกัลปังหารัดคอใช่ไหม?”

“ข้า…”

“โล่งอกไปที  ตอนนี้ผมโดนรัดคอ  ก็นึกเป็นห่วงคุณแทบแย่  กลัวว่าคุณจะเป็นอะไรไป  นี่แสดงว่าผมเข้าใกล้เขตโรงพยาบาลได้ทันสินะครับ  คุณถึงได้ยังปลอดภัยดี”

“ข้า…”

“…”

“ข้าขอโทษ  ขอโทษจริงๆ!”

“เจ้าชาย…”

“ข้าลืมไปเสียสนิทว่าพวกเราทำพันธะสัญญาผูกวิญญาณต่อกัน  ข้าทำให้เจ้าตกอยู่ในอันตราย  เจ้าเกือบต้องตายก็เพราะข้า  ข้าขอโทษ”

“คุณไม่ได้ตั้งใจสักหน่อย  ผมเข้าใจว่าคุณตกใจเร่องพี่ดาว  เพราะผมเองกตกใจและตั้งใจจะวิ่งตามคุณไปให้ทันเหมือนกัน  แต่ว่าสุดท้าย…”

“…”

“ก็ไม่ทัน…”

ผล็อย…

“ปูนปั้น…”

“ฮะๆ  บ้าน่า  ร้องไห้เหรอ  ผมเนี่ยนะ   ร้องไห้ด้วยเรื่องแบบนี้ คนอย่างผม…ผมน่ะเหรอ…”

“ปูนปั้น”

หมับ!

“ข้าขอโทษ  ข้าผิดเอง  ข้าขอโทษ  คงทรมานมากสินะ  เจ้าเจ็บปวดมากใช่ไหม”

เจ้าชายดึงผมเข้าไปกอดไว้แนบแน่น  กดศีรษะผมให้ซบลงบนแผงอกกว้างที่แสนอบอุ่นของเขา

“ฮึก…”

“อย่าร้องไห้สิ  ข้าขอโทษ  ข้าไม่ได้ตั้งใจ…”

“ผมกลัว  ผมกลัวว่าตัวเองจะต้องตายแล้วจะไม่ได้เจอคุณอีก  ผมยังไม่อยากตาย  ผมอยากอยู่กับคุณ  อยากอยู่กับคุณตลอดไป”

ผมกอดเข้าชายกลับ  น้ำตาไหลจนคิดว่าผมคงเอาน้ำตาสำหรับชาตินี้มาร้องไห้จนหมดแล้วแน่ๆ

“ข้ารู้  ข้ารู้”

“ฮึก…”

“โชคดีจริงๆที่เจ้าไม่เป็นอะไร  นับว่าสวรรค์ยังเมตตาข้าอยู่บ้าง  พอนึกถึงเรื่องพันธะสัญญาขึ้นมาได้  ตัวข้าก็อยู่ที่โรงพยาบาลแล้ว  และเจ้าก็ถูกมนุษย์สองคนนั้นพามาด้วยใบหน้าซีดเซียว  ตอนนั้นหัวใจข้าแทบสลาย  นึกว่าจะต้องเสียเจ้าไปแล้ว”

ร่างกายของเจ้าชายสั่นเทามาก  คล้ายกับเขากำลังหวาดกลัวและกังวลอยู่จริงๆ

“ผมไม่เป็นไรแล้วล่ะครับ  ผมปลอดภัยดี”

“ข้าสัญญา  ข้าจะไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก  จะไม่ทำให้เจ้าต้องตกอยู่ในอันตรายอีกแน่นอน”

“ครับ  ผมเชื่อคุณ”

ผมเงยหน้ามองเจ้าชายที่ก้มมองลงมาพอดี  ใบหน้าของเราสองคนค่อยๆเคลื่อนเข้าหากันจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจร้อนระอุ…

“…”

“รูปปั้น!!!”

พลั่ก!

ผมผลักเจ้าชายจนกระเด็นพร้อมกับล้มตัวลงนอนด้วยความตกใจพี่ก้านที่จู่ๆก็โผล่พรวดกลับเข้ามา

“เอ่อ…พี่ก้านเข้ามาขัดจังหวะอะไรหรือเปล่า?”

“ไม่มีอะไรหรอก   ว่าแต่พี่มีอะไรหรือเปล่า?”

“จริงสิ  เมื่อกี้ผู้ใหญ่ดำมาบอกว่าดาวอาการโคม่า  จู่ๆก็ชัก  ตอนนี้พวกหมอกำลังช่วยกันปั๊มหัวใจช่วยชีวิตอยู่  ไปดูดาวกันเถอะ!”

“ว่าไงนะ  พี่ดาว!”

“ประกายดาว!”

พวกเราสามคนรีบวิ่งไปทางห้องฉุกเฉินทันทีด้วยความเป็นห่วงพี่ดาว

ไอ้จ้าวที่เดินวนไปวนมาเป็นหนูติดจั่นอยู่หน้าห้องฉุกเฉินรีบเดินเข้ามาหาทันทีที่เงยหน้าขึ้นมาเห็นพวกผม  ขณะที่ผู้ใหญ่ดำนั่งร้องไห้เรียกชื่อพี่ดาวตลอดเวลา

“พี่ดาวเป็นไงบ้าง”

“ยังไม่รู้เลย  ไม่มีหมอคนไหนออกมาสักคน”

“แล้วจู่ๆดาวชักได้ยังไง”

“ได้ยินหมอคุยกันตอนเดินเข้าไปในห้องว่าอาการป่วยของพี่ดาวกำเริบยังไงนี่แหละ  กูไม่เข้าใจ  พี่ดาวป่วยเป็นอะไรวะ?”

นั่นสิ  ถึงตอนเด็กๆจะเข้าออกโรงพยาบาลและเจ็บออดๆแอดๆบ่อยๆ  แต่พวกเราก็ไม่มีใครรู้สักคนว่าพี่ดาวเป็นโรคอะไร

“ภูมิแพ้ตัวเอง”

“หา?”

“หนูดาวป่วยเป็นโรคแพ้ภูมิตัวเองมาตั้งแต่เล็กๆ  โดยติดมาจากพันธุกรรมทางฝั่งแม่  ตั้งแต่เล็กเลยต้องเข้าออกโรงพยาบาลบ่อยเพื่อรักษาไปตามอาการ  แต่ฉันมันก็แค่ผู้ใหญ่บ้านจนๆ  ไม่มีเงินที่จะพาหนูดาวไปรักษาโรงพยาบาลดีๆได้  หมอเคยบอกหลายครั้งว่าให้ทำใจ  จนกระทั่งสองปีก่อน  อาการของหนูดาวกำเริบหนักมาก  เธอมีผื่นขึ้นและร่างกายก็บวมไปแทบทุกจุด  จนสุดท้ายความเครียดก็ทำให้หนูดาวตัดสินใจฆ่าตัวตาย  แต่ฉันคิดไม่ถึงเลยว่าจริงๆแล้วหนูดาวจะยังไม่ตายและรอดมาจนถึงวันนี้  แล้วทำไม…ทำไม…ทั้งที่คิดว่าหนูดาวจะสามารถมีชีวิตอยู่ได้ตลอดไปแล้วแท้ๆ”

“ผู้ใหญ่…”

ผมมองผู้ใหญ่ดำที่ตัดพ้อต่อโชคชะตาออกมาอย่างสงสาร

ที่ผ่านมาผมไม่เคยรู้เลยว่าพี่ดาวต้องเจอและสู้กับอะไรบ้าง  เธอสู้กับความตายอยู่แทบจะทุกวินาทีในชีวิตของตัวเอง…

อย่าเป็นอะไรนะ

ต้องปลอดภัยนะครับพี่ดาว

“ไม่อยากจะเชื่อเลย  พี่ดาวที่สดใสและให้กำลังใจในการมีชีวิตกับกูเสมอ  จะต้องทนเจ็บปวดแบบนั้นคนเดียวมาตลอด”

ไอ้จ้าวพึมพำ  มันเดินโซซัดโซเซไปเกาะประตูห้องฉุกเฉินเอาไว้

“ต้องปลอดภัยนะ  พี่ดาวต้องกลับมาหาผมนะ”

“พี่ก้านสิ  ทั้งที่เป็นพี่คนโตในกลุ่มแท้ๆ  แต่กลับไม่เคยสังเกตเห็นเลยว่าดาวเป็นอะไร  คิดเอาแค่ว่าคงป่วยตามประสาเด็กผู้หญิง  บ้า…บ้าเอ๊ย!!!”

พี่ก้านระบายความโกรธของตัวองด้วยการเตะอากาศ  สีหน้าและแววตาเต็มไปด้วยความเจ็บปวดที่ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าพี่ดาวต้องเจอกับอะไรมาบ้าง

“หนูดาวน่ะขอให้ฉันเก็บเป็นความลับไม่ให้บอกพวกเธอทุกคนว่าป่วยเป็นอะไร  เพราะหนูดาวไม่อยากเห็นพวกเธอต้องมาเป็นกังวล  หนูดาวรักพวกเธอมากนะ  พวกเธอเป็นเพื่อนและครอบครัวคนสำคัญสำหรับหนูดาว”

ผมเงยหน้าขึ้นเพื่อสกัดกลั้นน้ำตาที่ทำท่าจะไหลอยู่รอมร่อเอาไว้

จะต้องไม่เป็นอะไร  พี่ดาวจะต้องไม่เป็นอะไร

สู้มันนะครับ…

สู้กับโรคร้ายพวกนั้นให้ได้  พี่ดาว…

 



 

บับเบิ้ลบิวชวนคุย :



มาอัพแล้วจ้า  ประกายดาวน่าสงสารกว่าที่หลายๆคนคิด  แต่เธอจะใช่ตัวร้ายอย่างที่สงสัยหรือไม่นั้นต้องติดตามต่อไปจนกว่าจะจบน้า  ช่วงนี้ก็กินมาม่าสลับกับลูกกวาดไปพลางๆก่อนละกันเนอะ 5555+

ปล. ตอนหน้าพบกับตัวละครอีกหนึ่งตัว  ที่จะมากระตุ้นต่อมหึงหวงของพี่ก้านจ้า


ออฟไลน์ WwW

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 330
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-0

ออฟไลน์ cchompoo

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-4
เนี่ยๆ อยู่ไปก็ทรมาณ ตายเถอะประการดาว
เจ้าชายนี่น่ารำคาญ พอเจ้านังดาว แกก็ลืมทุกอย่าง
นี่ยังไม่เข้าใจเลยขนาดไม่ได้รักแล้วนะเนี่ย  :katai1:

ออฟไลน์ WwW

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 330
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-0


ตอนที่ 19

เหนื่อยแล้ว… (พี่ก้าน+น้องจ้าว)

 

Special  Part :

‘มาแล้วจ้า  ขนมอร่อยๆสำหรับคนเก่งของพี่ดาว’

ประกายดาวในชุดแส็คสีขาวแขนตุ๊กตาน่ารักวัยสิบห้าปีเดินออกมาจากห้องครัวพร้อมด้วยคุกกี้แสนอร่อยน่าทาน  จ้าวที่ใบหน้าเต็มไปด้วยบาดแผลและรอยฟกช้ำวัยสิบขวบตาเป็นประกายทันที

‘พี่ดาวทำให้ผมเหรอ’

‘ใช่สิ  คนเก่งของพี่ดาวจะมีใครนอกจากจ้าวล่ะ’

ประกายดาวยิ้มอ่อนโยน  เด็กน้อยเห็นอย่างนั้นก็ใจชื้นที่บนโลกนี้ยังมีสถานที่อันอบอุ่นสำหรับตัวเองหลงเหลืออยู่

‘อย่างน้อยก็มีพี่ดาว  ที่ไม่ทิ้งผม  ไม่เหมือน…’

‘อย่าพูดแบบนี้สิจ้าว  แค่คิดก็ไม่ได้นะ   พี่ก้านน่ะรักจ้าวมาก  ทั้งรัก  ทั้งหวังดี  พี่เชื่อว่าพี่ก้านจะต้องมีเหตุผลแน่ๆถึงได้ตัดสินใจเปลี่ยนตัวเองแบบนั้น’

‘เหตุผลอะไรล่ะครับ  แล้วทำไมถึงไม่บอกเหตุผลนั้นกับผม  แม้แต่พี่ดาวเอง  ก็ไม่รู้ใช่ไหมล่ะ’

ประกายดาวหน้าเจื่อน  เธอยกมือขึ้นลูบหัวเด็กน้อยที่รักเหมือนน้องชายแท้ๆด้วยความเอ็นดู

‘สักวันเราต้องได้รู้ความจริงทุกอย่างแน่นอน  แต่ว่าก่อนจะถึงวันนั้น  พี่ดาวคนนี้จะอยู่เป็นเพื่อนจ้าวเองนะ’

‘แน่ใจนะครับ  ไม่ใช่พอวันหนึ่งก็ทิ้งผมไป  แล้วก็ทำทุกอย่างเพื่อไอ้ปั้นคนเดียวอีก’

‘คิดแบบนี้อีกแล้ว  อย่าโทษปั้นสิ  ปั้นไม่ผิดอะไรเลยนะ  อีกอย่าง…ถึงจะโทษปั้นไป  คนที่เจ็บและเสียใจก็คือจ้าวอยู่ดีไม่ใช่เหรอ   เพราะปั้นเป็นเพื่อนรักเพียงคนเดียวในชีวิตของจ้าว  ใช่ไหมล่ะ’

‘ไม่ใช่!’

เด็กน้อยตอบกลับเสียงแข็ง  แต่พอเจอแววตาแกมดุของประกายดาวเข้าไปก็เป็นอันต้องห่อเหี่ยวเพราะถูกจับไต๋ได้ 

‘ใช่ก็ได้’

‘ก็แค่นั้น’

หญิงสาวยกยิ้มที่สามารถเอาชนะความปากแข็งของจ้าวได้

‘แต่ผมจะไม่มีทางแสดงออกให้ไอ้ปั้นเห็นเด็ดขาด  ยังไงผมกับมันก็กลับมาเป็นเพื่อนกันไม่ได้อีกแน่นอน!’

จ้างประกาศกร้าว

ประกายดาวได้แต่ถอนหายใจและส่ายหัวไปมาเพราะดูท่าเด็กน้อยคนนี้จะเอาจริงเสียด้วย

 



“พี่ดาว  ผมขอโทษ  ขอโทษที่ไม่เคยรู้เลยว่าที่ผ่านมาพี่ต้องต่อสู้กับโรคร้ายพวกนี้มากแค่ไหน”

ผมปล่อยหมัดลงบนพื้นหญ้าหลังจากที่วิ่งหนีออกมาจากทุกคนที่ยืนรอฟังอาการของพี่ดาวอยู่หน้าห้องฉุกเฉิน

ทั้งที่หลังจากเกิดเหตุการณ์ที่ทำให้พวกเราสี่คนกระจัดกระจายไปคนละทาง  ผมเป็นเพียงคนเดียวที่ใกล้ชิดพี่ดาวมากที่สุด  แต่ว่า…ผมกลับไม่เคยรู้อะไรเลย

เวลาพี่ดาวเจ็บ…ผมไม่เคยเจ็บด้วย

เวลาพี่ดาวสู้…ผมก็ไม่เคยสู้ด้วย

ที่ผ่านมาพี่ดาวคอยอยู่เคียงข้างผมในขณะที่ตัวเองถูกทอดทิ้งให้อยู่คนเดียว  ผมไม่เคยนึกเอะใจเวลาที่พี่ดาวบอกว่าต้องไปโรงพยาบาลเพราะเป็นหวัด  ไม่เคยคิดเลยว่าคนบ้าอะไรเดือนหนึ่งจะเป็นหวัดแทบทุกอาทิตย์!

“บ้า!  มึงมันบ้า!  ไอ้จ้าว  ไอ้โง่เอ๊ย!!!”

ตุ้บ! ตุ้บ! ตุ้บ!

“เอ้าๆ  ต่อยต้นหญ้าแบบนั้นมันก็ตายหมดสิครับ  ถ้าอยากระบายความโกรธจริงๆล่ะก็…ไปต่อยกำแพงนู่น  อย่ามาทำร้ายต้นหญ้าไม่มีทางสู้สิ”

เสียงไม่คุ้นเคยดังขึ้น  ผมหยุดการกระทำของตัวเองแล้วหันซ้ายหันขวาเพื่อหาเจ้าของเสียงกวนตีนนั่น

“ผมอยู่นี่ต่างหากล่ะ”

ฟิ้วววว  ตุ้บ!

“!!!”

ร่างพร้อมเสียงของคนที่ไม่เคยเห็นหน้าค่าตามาก่อนหล่นปุมาอยู่ตรงหน้า

ถ้าจะพูดให้ถูกคือไอ้เวรนี่มันกระโดดลงมาจากต้นไม้ตรงหน้าผมต่างหาก!

“มึงเป็นใคร!”

“พูดจาไม่เพราะเลยนะครับ  ยังไงๆผมก็อายุมากกว่าคุณแน่ๆ  เรียกพี่หมากสิ  แล้วจะให้เงินกินขนมหมื่นห้า  แต่ถ้าเรียกอา  ลดมาห้าพัน  เรียกมึงเลิกกัน  ไม่ให้สักพันแน่นอนนนน~~”

“หา?”

ผมหรี่ตามองไอ้เวรตะไลตรงหน้าอย่างงงๆ

จู่ๆก็กระโดดลงมายืนตรงหน้าคนอื่นแล้วก็ร้องเพลงใส่เนี่ยนะ?

“ผมชื่อหมากครับ  เป็นหมอฝึกหัดอยู่ที่นี่  ยินดีที่ได้รู้จัก”

อีกฝ่ายยื่นมือมาให้เพื่อต้องการเช็คแฮนด์

ผมพินิจพิจารณามองเขาอีกครั้งอย่างถี่ถ้วน  รูปร่างสูงโปร่ง  ใบหน้าขาวสะอาดสะอ้านไร้สิวฝ้า  ผมก็ตัดสั้นอย่างดีดูเรียบร้อย  ใส่เสื้อกาวน์ของหมอที่โรงพยาบาลนี้  ก็แสดงว่า…

“มาฝึกงานเหรอ?”

“ครับผม  แต่พอดีมีเคสหนักค่อนข้างยากสำหรับผมเคสหนึ่ง  ก็เลยออกมานั่งสูดอากาศแถวนี้เพื่อคลายเครียดน่ะครับ”

“นั่งสูดอากาศบนต้นไม้เนี่ยนะ?   เป็นลิงหรือไงวะ”

“ลิงจั๊กๆ   รักจริงๆได้ไหมล่ะครับ”

ใบหน้าทะเล้นก้มลงมาใกล้อย่างก้อร่อก้อติก  ผมรีบถดตัวหนีเพราะยังไม่ชินกับการที่คนอื่นนอกเหนือจากป๊า  ไอ้ปั้นและพี่ก้านมาเข้าใกล้

“มุกเสี่ยว ไปเล่นไกลๆตีนเลยไป”

“ก็อยากจะไปไกลๆอยู่หรอกนะ  แต่ว่า…ผมเป็นหมอ”

“แล้วไงวะ?”

“ก็ต้องพาคนเจ็บไปทำแผลสิครับ”

“คนเจ็บ?”

“นี่ไง”

มือหนาถือวิสาสะจับมือข้างที่ใช้ต่อยพื้นเมื่อครู่ของผมขึ้นมาพร้อมกับยิ้มแป้น

เลือดสีแดงสดไหลซิบออกมาเต็มไปหมด

“ปล่อยนะเว้ย!”

“ไม่ปล่อยครับ  คุณต้องไปทำแผลก่อน  แล้วถ้าทำแผลเสร็จแล้วคุณจะไปไหน  ผมก็จะอนุญาต”

“กูจะไปไหนแล้วทำไมต้องรอให้มึงอนุญาตด้วยวะ  ปล่อย!”

“ไม่ครับ”

อีกฝ่ายยังคงยืนยิ้มแป้น  และถึงแม้ว่าผมจะออกแรงเต็มที่เพื่อบิดแขนตัวเองออกมาจากการเกาะกุมของเขาแต่มันก็ไม่ได้ผล

เวรเอ๊ย!

พลังช้างศาลพอๆกับพี่ก้านเลยนี่หว่า!

“ไปเถอะครับ  เดี๋ยวเลือดจะหมดตัวเสียก่อน”

“แผลแค่นี้  เลือดไม่…เฮ้ย!  มึงฟังกูบ้างสิวะ  ก็บอกว่าไม่ไปไง  เฮ้ยยยยย!”

อ๊ากกกก!

ตะโกนจนคอจะแตกอยู่แล้วแต่แม่งก็ไม่เข้าหูไอ้คนลากผมเลย!

สุดท้ายผมก็ถูกไอ้หมอหมา(ก)ลากเข้ามาทำแผลจนได้  ในนี้ท่าจะเป็นห้องที่มันใช้ไว้สำหรับตรวจคนไข้ที่มาหาหมอ  แต่ตอนนี้คงจะเป็นเวลาพักก็เลยไม่มีใครเลยแม้แต่พยาบาลผู้ช่วย

“แสบหน่อยนะครับ”

“ไม่ต้องพูดมาก  กูน่ะลูกผู้อกสามศอก  กะอีแค่ทำแผลไม่สะเทือนกู…อ๊ากกกก  ไอ้เหี้ย!  แสบ!!!”

ผมตั้งท่าจะชักมือหลบแต่ไอ้หมอหมากก็จับไว้แน่นเสียเหลือเกิน

“ไหนบอกว่าลูกผู้ชายอกสามศอก  แผลแค่นี้ไม่สะเทือนไงครับ?”

เลิกคิ้วสูงพลางทำสีหน้ายียวนขณะถาม

ผมอยากจะยกเท้าถีบมันให้หงายหลังจริงๆถ้าไม่ติดว่าถูกมันจับแขนไว้แน่น  เพราะถ้าผมถีบจนหมันหงายหลัง  มันก็ต้องฉุดผมจนล้มลงไปด้วยแน่ๆ

กูไม่โง่ขนาดนั้นหรอกเว้ย!

“กูไม่ได้เจ็บแผล  แต่กูแสบยามึงต่างหาก”

“เด็กน้อยจริงๆเล้ย”

“กูได้ยินนะ!”

“ผมตั้งใจพูดให้ได้ยินนี่นา”

ไอ้หมอหมากเงยหน้ามายิ้มแป้นว้อนบาทาผมเหลือทน

ตั้งแต่เจอกันเมื่อสิบนาทีก่อนจนถึงตอนนี้  ผมนับหนึ่งแทบจะถึงพันอยู่แล้วนะ  เกิดมาเพิ่งเคยเจอคนที่กล้ากวนตีนคนที่เพิ่งเจอได้อย่างมันเนี่ย!

“เอาล่ะ  เสร็จแล้ว  ไม่เจ็บเลยใช่ไหมล่ะครับ”

คำถามของมันทำให้ผมรีบก้มดูแผลที่มือตัวเอง

มะ…ไม่รู้ตัวเลย  ทั้งที่ตอนแรกยังแสบอยู่เลยแท้ๆ  แต่ว่า…ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?

“ด่าผมจนลืมความเจ็บปวดไปเลยสินะ  แต่ก็ดีแล้วล่ะ  ผมจะได้ทำแผลได้ง่ายๆ”

“นี่นาย…หรือว่า…กวนโมโหฉันเพราะตั้งใจจะให้ฉันลืมเรื่องที่แสบแผลใช่ไหม”

“เอ…ผมเป็นคนดีขนาดนั้นหรือเปล่าน้า”

“อย่ามากวนตีนกูนะ!”

อุตส่าห์จะไม่พูดคำหยาบด้วยแล้วเชียว  แต่สกิลความกวนตีนของไอ้เวรนี่มันมีมากเสียจนผมต้องโหดใส่มันไว้  ไม่งั้นจะถูกลูบคมได้ง่ายๆ

“เอาล่ะๆ  ผมไม่กวนโมโหแล้วก็ได้  แต่คุณน่ะ  ต่อไปอย่าระบายความโกรธใส่ต้นไม้ต้นหญ้าอีกนะครับ  น่าสงสารพวกมัน”

“แล้วจะให้นะบายกับใครล่ะ  กับนายดีไหม?!”

ผมถลึงตาใส่เขาอย่างเอาเรื่อง

“อืม…ก็ได้นะครับ ผมเองก็เพิ่งมาเป็นแพทย์ฝึกหัดที่นี่ได้แค่อาทิตย์เดียว  ยังไม่มีเพื่อนเลย  ถ้าคุณจะใจดียอมเป็นเพื่อนด้วยผมคงดีใจมาก”

“เฮ้ย!  ไม่ได้หมายความแบบนั้น?!”

“ถ้างั้นตามนี้นะครับ  มาหาผมแทนเวลาที่คุณรู้สึกโกรธและอยากจะระบาย  ผมจะรอ”

“ฝันไปเหอะ!”

ผมสั่นหน้าไปมา  รู้สึกว่าหมอนี่มันโคตรบ้าและไม่ควรเข้าใกล้อย่างแรง

คิดได้แบบนั้นก็รีบเปิดประตูห้องเพื่อจะกลับไปรวมกับทุกคนหน้าห้องฉุกเฉิน  แต่ยังไปไม่ถึงไหน  ข้อมือก็ถูกคว้าพร้อมกระชากตัวกลับไปและดันจนติดกำแพง!

ทะ…ท่านี้มัน!!!

“จะทำอะไรวะ!”

ถามเสียงแข็งเมื่อกำลังถูกคนตรงหน้าคุกคาม

ไอ้หมอหมากยกยิ้มกวนตีน  ขณะที่แขนข้างหนึ่งมันเอาท้าวไปกับกำแพงพร้อมก้มหน้าลงมาเพื่อปิดช่องทางการหนีของผม

กะ…ใกล้เกินไปแล้วโว้ยยยย!

“จะไปเฉยๆแบบนี้ได้ยังไง  ผมอุตส่าห์ทำแผลให้คุณฟรีๆนะ  คุณก็รู้นี่ว่าหมออย่างผมไม่ค่อยมีเวลาว่างนักหรอก”

“กูไปกราบขอร้องให้มึงทำแผลให้หรือไงล่ะ!”

“อืม…เปล่านี่”

“งั้นก็ไม่ขอบคุณเว้ย!”

“ถ้างั้นก็ไม่ให้ไปหรอก”

ใบหน้าของอีกฝ่ายก้มต่ำลงมาใกล้กว่าเดิม  ผมสัมผัสได้ถึงลมหายใจร้อนจากเขา  ทำเอาแค่จะกลืนน้ำลงคอก็ยังไม่กล้า

“หรือถ้าไม่อยากจะพูดคำว่าขอบคุณจริงๆ  ผมขอแค่ชื่อก็ได้”

“หา?”

“ชื่อของคุณ”

ผมลังเล

ถ้าบอกชื่อมันไปแล้วมันจะยอมปล่อยผมใช่ไหม?  ถ้าแค่ชื่อก็คงไม่เป็นไรหรอกมั้ง  ยังไงก็ไม่มีวันได้เจอกันอีกแน่ๆ 

เอาวะ!

“จ้าว”

“ข้าวจ้าว?”

“จ้าวเฉยๆเว้ย!  ไม่มีข้าว!”

มึงอย่าเอาชื่อตั้งแต่เกิดของกูมาเรียกนะ!  อุตส่าห์ลืมและตัดเหลือแค่คำว่าจ้าวแล้วเชียว  จะมาย้ำหาพระแสงเลเซอร์อะไรฟะ!

“ฮะๆๆ  โอเคครับคุณจ้าว  ยืนดีที่ได้รู้จักนะครับ  หวังว่าเราจะได้พบกันอีก”

“อย่าเจอกันอีกเลยนั่นแหละคือสิ่งที่กูหวังหลังจากได้เจอมึงแค่สามวินาที!”

“ใจร้ายแฮะ”

“…”

“แต่ก็น่าสนใจดี”

ไอ้รอยยิ้มที่เหมือนกับเจอของเล่นสุนกๆนั่นมันหมายความว่ายังไง!

เห็นกูเป็นเกมเพลย์เวอร์ชั่นล่าสุดอยู่เรอะ!

“ทำอะไรกันน่ะ!”

“โอ๊ะ!”

พลั่ก!

พี่ก้านที่ไม่รู้โผล่มาจากไหน  เข้ามาดึงไอ้หมอหมากออกห่างจากผมพร้อมกับเหวี่ยงจนกระเด็นไปไกล

ทั้งที่ผมแค่จะสลัดข้อมือให้หลุดจากมันยังทำไม่ได้  แต่ไอ้พี่ก้านที่ใส่กระโปรงบานสุดพลิ้วไหวนี่กลับทำได้ง่ายๆ

พระเจ้า…ลำเอียงฉิบหาย!

“ทำอะไรของพี่วะเนี่ย”

เอ่ยถามอย่างงงๆ  เดินเลี่ยงไอ้พี่ก้านเพื่อจะไปช่วยพยุงไอ้หมอหมากลุกขึ้น  แต่กลับถูกคว้าแขนเอาไว้

“ไม่ต้องไปช่วย  ไปกับพี่”

“เดี๋ยวดิ  อะไรของพี่เนี่ย  แล้วพี่ไปผลักหมอแบบนั้นได้ยังไงวะ  ลืมกินยามาหรือไง”

“น้องจ้าวนั่นแหละทำอะไร!  มายืนทำเรื่องบัดสีกันในโรงพยาบาลเนี่ยนะ?!”

“เรื่องบัดสี?  พูดเรื่องไรฮะ  ใครทำเรื่องบัดสี”

“ก็พี่ก้านเห็น!  ถ้าพี่ก้านมาไม่ทันก็คงจะจูบกันไปแล้วใช่ไหมล่ะ!”

“พอๆๆ  พูดไม่รู้เรื่องเข้าไปทุกทีแล้วมึงอ่ะ”

ผมสะบัดแขนออกมากอดอกตัวเองเอาไว้  ทำไมชีวิตกูต้องเจอแต่ผู้ชายงี่เง่าด้วยวะ!

“ใครเหรอครับคุณจ้าว  แรงเยอะชะมัดเลย”

ไอ้หมอหมากที่ลุกขึ้นมาได้แล้วเดินเข้ามาหา  แต่พี่ก้านไวกว่า  มันรีบฉกผมไปไว้ข้างหลังตัวเองทันทีที่ไอ้หมอหมากเดินเข้ามาใกล้ในรัศมีควบคุมของมัน

เอาเข้าไป…

“ผมชื่อก้าน  เป็น…”

“…”

“เป็น…”

“แค่คนในหมู่บ้านเดียวกันน่ะ  ไม่มีอะไรหรอก”

ผมตอบแทนเมื่อเห็นท่าทางคิดหนักในการแนะนำตัวของพี่ก้าน

จะบอกว่าเป็นแฟนหรือเป็นผัวกูก็คงพูดไม่ได้สินะ  เพราะมึงก็แค่เอากูแล้วก็ทิ้งเท่านั้นเอง!

“เห…แค่คนในหมู่บ้านเดียวกัน  แต่กลับมาทำท่าทางเหมือน…”

“เหมือนอะไร”

พี่ก้านจ้องตาไอ้หมอหมากอย่างเอาเรื่อง

ไอ้ห่าเอ๊ย  มึงไปแดกรังแตนที่ไหนมาเนี่ย!  ผมถอนหายใจให้กับความบ้าบอคอแตกของมัน  อยากจะไปให้พ้นจากตรงชะมัด  แค่เรื่องอาการป่วยของพี่ดาวกูก็จะบ้าตายแล้วเหอะ!

“หมา!...หวงก้าง  ยังไงล่ะครับ”

ไอ้หมอหมากยิ้มแป้น  ออกแนวไปทางยิ้มเยาะเสียมากกว่า

“ขอโทษเหอะนะ  ถ้ามึงสองคนจะกัดกันมึงก็กัดกันไปสองคนเถอะ  ปล่อยกูได้ละ  กูจะไปหาพี่ดาว”

ผมบิดข้อมือออกจากพี่ก้านแล้วเดินดุ่มๆหนีออกมา  ได้ยินเสียงไอ้หมอหมากตะโกนว่าบ๊ายบายไล่หลังมา

“เดี๋ยวสิน้องจ้าว!”

มึงยังจะตามกูมาอีกเรอะ!

พี่ก้านวิ่งตามผมมาติดๆ  ถึงจะพยายามเดินหนีแต่ก็ไม่ทัน  มือหนาคว้าแขนผมเอาไว้อีกครั้ง  ดึงรั้งจนเซเข้าหาตัวเขาอย่างเลี่ยงไม่ได้

“ปล่อย”

“ถ้าพี่ก้านปล่อย  รับปากได้ไหมว่าจะไม่ไปยุ่งกับไอ้หมอคนนั้นอีก”

“กูจะยุ่งหรือไม่ยุ่งกับใครมันก็เรื่องของกู  มึงเสือกอะไรล่ะ”

“ก็มันไม่เหมาะสม!  ใครเห็นเข้ามันจะไม่ดี”

“กูไม่ใช่สาวน้อยนุ่งกระโปรงบานเป็นสุ่มไก่แบบมึงนะ   กูเป็นผู้ชาย!  คุยกับผู้ชายด้วยกันมันดูไม่เหมาะสมตรงไหนกันฮะ!”

ผมตวาดใส่มันเสียงดัง

หน้าตาของไอ้พี่ก้านตอนนี้ดูว้าวุ่นและเต็มไปด้วยความกังวล  สายตาอ้อนวอนของมันทำให้ผมยิ่งสับสน

เลิกทำตัวสามวันดีสี่วันร้ายกับกูสักที  กูทำทุกอย่างตามใจมึงไม่ไหวหรอกนะ!

“พอเหอะ”

“น้องจ้าว…”

“มึงเป็นคนบอกเองว่าให้กูยอมแพ้เรื่องของมึงกับกูซะ  นี่ไง…กูจะยอมแพ้แล้ว  เพราะกูเหนื่อย  กูเหนื่อยแล้วพี่ก้าน  มึงได้ยินไหม  กูเหนื่อยแล้ว”

“พี่ก้านขอโทษ”

“ให้เวลากูหน่อยนะ  ตอนนี้การกระทำของมึงทำชีวิตกูเสียศูนย์ไปหมดแล้ว  กูไม่รู้เลยว่าต้องไปตั้งต้นเริ่มที่ตรงไหน  และถ้ามึงรู้สึกผิดอย่างที่มึงเฝ้าขอโทษกูล่ะก็…”

“…”

“ปล่อยกูจริงๆสักที”

“…”

“เลิกยุ่งกับชีวิตกูได้แล้ว!”

“น้องจ้าว!”

ผมไม่สนใจเสียงเรียกของมันอีกต่อไป  รีบวิ่งกลับไปที่ห้องฉุกเฉินเพื่อเฝ้ารออาการของพี่ดาว

ถ้าหันหลังกลับไป…ผมก็ต้องกลับไปเจ็บปวดแบบเดิมอีก

ถ้ายอมให้เสียงของมันเข้าถึงหัวใจได้…ผมคงไม่มีวันหลุดพ้น

พอแล้วล่ะ  พี่ก้าน…

ผมเหนื่อยแล้วจริงๆ  ผมไม่เหลือเรี่ยวแรงที่จะรั้งพี่เอาไว้อีกแล้ว

 

 

บับเบิ้ลบิวชวนคุย :

มาอัพแล้วจ้า  โอ๊ะโอ…หมอหมากนนี้เป็นใครกันนะ  ปรากฏตัวมาทีก็ทำเอาพี่ก้านของเราถึงกับไปไม่เป็นเมื่อเหมือนกำลังจะถูกแย่งเมียไปต่อหน้าต่อตา 55555+  หนำซ้ำหมอหมากยังดูทะเล้น ขี้เล่น แต่อบอุ่นใช่ย่อยออีกด้วย  ถ้าน้องจ้าวจะหวั่นไหวให้จริงๆก็จะไม่แปลกใจเลย

เอาล่ะ  บรรดาแม่ยกทั้งหลาย ถือป้ายไฟเชียร์ใครก็เม้นตบอกกันบ้างน้า

ออฟไลน์ WwW

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 330
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-0

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7515
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ก้าน ยังไงกัน  :katai1:
เดี๋ยวก็ผลักไส เดี๋ยวก็ยื้อยุดไว้
อย่างจ้าวว่าไว้จริงๆ
ไม่เข้าใจก้าน ทำตัวประหลาดเพื่อปั้น เพื่ออะไรกันแน่

ปั้น รักเจ้าชายไปแล้ว
แม้เจ้าชายจะทำให้ตัวเองเกือบตายเพราะวิ่งไปหาดาว
ถ้าเจ้าชายยังไม่ลืมดาว คนที่ทุกข์จะมีกี่คนเนี่ย
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ WwW

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 330
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-0


ตอนที่ 20

ค้นหาความจริง (1)

 



“โชคดีนะที่ปลอดภัย  แต่ก็ไม่รู้ว่าจะฟื้นเมื่อไหร่อยู่ดี”

ผมเอ่ยขึ้นหลังจากที่เมื่อสิบนาทีก่อนหมอเดินออกมาบอกว่าพี่ดาวพ้นขีดอันตราย  แต่เธอก็ยังไม่ฟื้นและยังคงต้องเฝ้าระวังอาการอยู่ในห้องไอซียูไปก่อน  ซึ่งงดการเยี่ยมไข้จากญาติ  พวกเราเลยทำได้แค่นั่งอยู่หน้าห้องเท่านั้น

“แต่อย่างน้อยพี่ดาวก็ปลอดภัย  แค่นี้ก็ดีแล้วล่ะ”

ไอ้จ้าวที่เพิ่งกลับเข้ามาพร้อมพี่ก้านหลังจากหายไปพักใหญ่พูดต่อ

ไม่รู้ผมคิดไปเองอีกหรือเปล่า  แต่สถานการณ์ระหว่างพี่ก้านกับไอ้จ้าวดูจะอึมครึมหนักกว่าทุกที  หรือที่หายออกไปด้วยกันมาจะเกิดอะไรขึ้น??

“มือมึงไปโดนอะไรมาวะ”

ผมถามเมื่อมองไปเห็นที่มือด้านขวาของมันมีผ้าพันแผลพันเอาไว้

“เรื่องของกูไหม?”

และมีเหรอที่ผมจะได้คำตอบจากคนอย่างมัน!

“ไหนๆดาวก็ปลอดภัยแล้ว พี่ก้านว่ารูปปั้นกลับไปนอนพักต่อเถอะนะ  หน้าตาเรายังซีดเซียวอยู่เลย”

“ผมไม่เป็นไรหรอกพี่  อยากรอพี่ดาวฟื้นมากกว่า”

“ข้าเห็นด้วยนะ  เจ้าควรกลับไปนอนพัก”

“นี่ตกลงไอ้หมอนี่มันหลุดมากจากยุคไหนกันแน่  ทำไมชอบใช้คำแปลกๆอย่างข้ากับเจ้าอะไรพวกนี้  ทำอย่างทะลุมิติมา….”

“พี่ก้านว่าเราไปหาซื้อของกินมาให้ทุกคนดีกว่านะครับ”

“เฮ้ย!  อะไรของมึงวะ  ทำไมชอบขัด…”

หมับ!

พี่ก้านตัดสินใจเอามืออุดปากไอ้จ้าวแล้วลากออกไป  ท่าทางอีกไม่นานความลับคงจะแตกอีกรอบ  เพราดูไอ้จ้าวมันจะจ้องจับผิดอยู่ไม่น้อยเลย

“เชื่อที่พวกเขาพูดเถอะปั้น  ไปนอนพักซะ  เดี๋ยวหนูดาวน่ะฉันฟังเฝ้าเอง”

“แต่ว่า…ผู้ใหญ่เองก็เหนื่อยเหมือนกันนะครับ”

“ฉันไม่เป็นไร  พาปั้นไปพักเถอะ”

ผู้ใหญ่ดำหันไปพูดกับเจ้าชาย  เล่นมัดมือชกกันแบบนี้ผมจะไปปฏิเสธอะไรได้ล่ะ

สุดท้ายผมก็ต้องยอมไปพักตามที่คนอื่นๆสั่ง  เจ้าชายเดินประคองผมกลับไปที่ห้อง  ระมัดระวังอย่างดีราวกับผมเป็นหญิงท้องแก่ใกล้คลอด  ทำเอาพยาบาลและคนที่เดินผ่านไปผ่านมาถึงกับกลั้นขำ

เอิ่ม…

กูอายเนี่ยมึงเข้าใจไหม!

“ค่อยๆเดินจะปูนปั้น  ถ้าหกล้มขึ้นมาจะแย่”

“ผมไม่ซุ่มซ่ามขนาดนั้นหรอกครับ  เลิกประคองผมสักที”

“ไม่ได้  เกิดเจ้าหน้ามืดเป็นลมหรือว่าหายใจไม่ออกขึ้นมาจะทำยังไงล่ะ  ล้มหัวฟาดพื้นก็มีสิทธิ์ตายได้นะ”

“แต่เราไม่ได้อยู่ห่างกันเกินสองร้อยเมตรสักหน่อย  ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นได้ไหม”

“เงียบแล้วเดินๆไปเถอะน่า”

โอ๊ยยยย  อยากจะบ้าตาย!

ผมก้มหน้าก้มตาจ้ำอ้าวเดินด้วยความเร็วแสงด้วยอยากจะถึงห้องเร็วๆก่อนที่จะขายหน้ามากไปกว่านี้

“เดินช้าๆสิ  เดี๋ยวล้ม”

กูจะเหาะแล้วโว้ยยยย!

 





กว่าจะมาถึงห้องได้  ผมนี่แทบเอาปี๊บคลุมกบาล  เจ้าชายค่อยๆประคองผมไปที่เตียงแล้วจัดท่าจัดทางให้ประหนึ่งผมเป็นเด็กง่อยทำอะไรด้วยตัวเองไม่ได้  ปิดท้ายที่ดึงผ้าห่มมาห่มให้ก่อนจะลากเก้าอี้มานั่งลงที่ข้างเตียง

“ไม่ไปเฝ้าพี่ดาวเหรอครับ”

“เฝ้าทำไมล่ะ  ประกายดาวมีผู้ใหญ่ดำอยู่เป็นเพื่อนแล้ว  ข้าอยากอยู่กับเจ้ามากกว่า”

มือหนาดึงมือผมไปจับแนบกับแก้มของตัวเอง  พอถูกเขาให้ความสำคัญแบบนี้  ความรู้น้อยเนื้อต่ำใจที่เคยมีมันก็หายไปจนหมด  แม้จะบอกตัวอยู่บ่อยครั้งว่า ‘โกรธบ้างสิ’   ‘หัดน้อยใจเสียบ้าง!’  แต่สุดท้าย…

คนที่รับรู้ว่าเจ้าชายพยายามกับเรื่องนี้มากแค่ไหนนั้นก็มีแค่ผม

รักผม…

แต่ก็ผูกพันกับพี่ดาว  ผูกพันเกินกว่าจะให้ทำเฉยเมยเหมือนพี่ดาวเป็นแค่อดีจก็คงจะทำไม่ได้

บางครั้ง…ความผูกพันมันก็แน่นแฟ้นยิ่งกว่าความรักเสียอีก

“ข้าอยากมองหน้าจ้าแบบนี้นานๆ  ชดเชยที่ก่อนหน้านี้ข้ากลัวว่าจะต้องเสียเจ้าไปแทบตาย”

“ผมไม่เป็นไรแล้วล่ะครับ  คุณอย่าห่วงไปเลย”

ผมยิ้มเพื่อให้เจ้าชายสบายใจ

หน้าตาเขายังดูอมทุกข์และเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดอยู่เลย  ไม่เอาสิ  เจ้าชายที่ผมชอบคอเจ้าชายที่สดใสแล้วก็ลามกคนนั้นต่างหาก

ไอ้ท่าทางเอาจริงเอาจังแบบนี้มันไม่ค่อยชินเลยแฮะ

“ถ้างั้นก็ให้ข้าอยู่กับเจ้าเถอะนะ  อย่าผลักไสข้าไปหาประกายดาวอีกเลย”

“ก็ผมนึกว่าคุณคงอยากไปหาพี่ดาวมากกว่า…”

“อะไรที่ข้าพูดออกมาจากปากของข้าเอง  นั่นไม่ใช่คำโกหก”

แววตาจริงจังทีเหมือนจะตำหนิผมอยู่ในที่ทำเอาไม่กล้าตอบอะไรกลับไป

จะให้ผมคิดยังไงกันล่ะ  ปากคุณพูดอีกอย่าง  แต่กรกระทำของคุณมันสวนทางกันหมด  ทั้งที่อยากจะเชื่อใจ  แต่สุดท้ายก็ทำไม่ได้  ผมทั้งระแวง  ทั้งกลัวว่าคุณจะทิ้งไป

ไม่มีอะไรที่ทำให้ผมสบายใจได้เลยในตอนนี้

“อ๊ะ! จริงสิ  ผมมีเรื่องสงสัย”

ว่าแล้วก็แกล้งเปลี่ยนเรื่องมันเสียเลย  อะไรที่ไม่สบายใจไม่ต้องเอามาพูดเลยจะดีที่สุด!

“อะไรรึ?”

“ทำไมกัลปังหาที่คอของคุณถึงไม่รัดคอคุณตอนที่เราห่างกันเกินสองร้อยเมตรล่ะ?   เพราะคุณดูไม่เป็นอะไรเลย”

“เรื่องนั้นข้าก็ไม่แน่ใจ  ที่คิดได้ก็คงมีแต่…กัลปังหาเป็นสิ่งที่มีอยู่ในทะเล  และคงจะรับรู้ได้ว่าข้าคือองค์รัชทายาทของแดนเงือก  พลังสำหรับผู้ที่จะเป็นราชาองค์ต่อไปอาจทำให้กัลปังหาหรือคำสาปไม่สามารถทำอันตรายข้าได้”

“บะ…แบบนี้ก็มีแต่ผมน่ะสิครับที่เสี่ยงตายหากอยู่ห่างจากคุณเกินสองร้อยเมตร!”

“เรื่องนั้นข้าก็ยังตอบไม่ได้หรอก  บางทีอาจใกล้ถึงเวลาของข้าแล้วก็ได้”

“เวลา?”

“เวลาที่พลังในตัวข้าจะตื่นขึ้นมาทั้งหมด  ซึ่งก็คือวันที่ข้าพร้อมที่จะขึ้นเป็นราชา”

ช่วยใส่เสียงเอฟเฟกต์สุดอลังการเว่อร์วังไปตรงประโยคเมื่อกี้ด้วยนะครับ

แบบนี้ก็แสดงว่า  เวลาที่ผมจะได้อยู่กับเจ้าชายเริ่มจะเหลือน้อยลงทุกทีแล้วน่ะสิ  แบบนั้นก็ยิ่งแย่เข้าไปใหญ่  ผมดันชินกับชีวิตที่ต้องมีเจ้าชายอยู่ข้างๆไปแล้ว

งานงอกเงยงดงามเหนือจะบรรยาย ฮึก!

“แล้ว…มีใครจากแดนเงอกติดต่อมาบ้างไหมครับ”

“ไม่เลย  เงียบเสียจนข้าอดเป็นกังวลไม่ได้”

“คุณแน่ใจเหรอครับว่าองค์ราชาจะจัดการได้”

“แน่ใจสิ  ท่านพ่อของข้าเป็นราชาปกครองแดนเงือกมานับร้อยปี”

“ร้อยปี?!!!”

“…”

“เดี๋ยวนะ  อายุพวกคุณถ้านับตามอายุมนุษย์มันจะตกปีละเท่าไหร่เนี่ย!”

“ถ้าที่ท่านพ่อเคยบอกก็…หนึ่งปีของพวกข้า  จะเท่ากับสิบปีของมนุษย์”

“สิบปี!!!”

ผมลืมเอานิ้วขึ้นมาคำนวณอายุตามแบบฉบับมนุษย์ของเจ้าชายทันที  แบบนี้ก็เท่ากับว่าความจริงแล้วเจ้าชายอะ…อายุ…

สองร้อยปี!

คุณทวดของคุณทวดกูเลยนะนั่น!

“ผมต้องตายแล้วเกิดใหม่อีกกี่รอบถึงจะครบสองร้อยปีกันล่ะเนี่ย”

“อีกอย่าง  พวกข้าอายุยืนมากเลยนะ  คงเพราะพวกแกกินแต่พืชผักในทะเลล่ะมั้ง  อีกอย่าง…เทพเจ้าแห่งท้องทะเลก็เลือกที่จะคุ้มครองเผ่าพันธุ์ของข้าด้วย  เพราะอย่างนี้แดนเงือกจึงถือกำเนิดขึ้น  และจะไม่มีวันสูญสิ้นอย่างแน่นอน”

เพราะงั้นถึงได้อยู่กันมาอย่างยาวนานจนถึงยุคของผมสินะ

“พอพูดถึงเร่องดินแดนของคุณ  ดูคุณจะมีความสุขมากเลยนะครับ  คิดถึงบ้านอยู่ใช่ไหม?”

“คงอย่างนั้น  ข้าไม่เคยต้องจากบ้านมานานขนาดนี้  อีกอย่าง…ข้าเป็นห่วงท่านพ่อด้วย  ท่านต้องต่อสู้กับพวกกบฏเพียงลำพังเพื่อปกป้องข้า”

“ผมเชื่อว่าประชาชนทุกตัวในแดนเงือกจะต้องยืนหยัดอยู่ข้างพ่อของคุณ  ท่านปกครองดินแดนนั้นด้วยความเมตตาตลอดมา  ทุกอย่างจะต้องจบลงด้วยดีครับ”

“วันใดที่พลังในตัวข้าตื่นขึ้นจนหมด  วันนั้น…ข้าจะรีบกลับไปช่วยท่านพ่อ  จัดการพวกบกฏที่คิดร้านต่อแดนเงือกให้หมดไป  ปูนปั้น…”

“ครับ?”

“อยู่เคียงข้างข้านะ  อยู่เป็นแรงใจให้ข้าตลอดไป”

“ถึงไม่บอก  ผมก็ไม่คิดจะไปไหนอยู่แล้วล่ะ”

เหมือนเป็นคำมั่นสัญญาอีกหนึ่งของเรา  ผมไม่รู้หรอกว่าวันข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง ไม่รู้ว่าความรู้สึกที่เรียกว่า ‘ชอบ’ ในตอนนี้จะมีอยู่ไปถึงเมื่อไหร่  แต่ในเมื่ออนาคตมันไม่แน่นอนและเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา  ผมก็อยากจะ…

ขอทำวันนี้ให้ดีที่สุด

อยู่กับเจ้าชายให้นานที่สุด  แค่นั้นก็พอ

 





ท่ามกลางความมืด  เจ้าชายและปูนปั้นที่ต่างก็หลับไปด้วยความเหนื่อยล้าไม่รู้เลยว่ามีใครคนหนึ่งกำลังเข้ามาใกล้พวกเขา  บุคคลลึกลับเดินมาหยุดอยู่ด้านหลังเจ้าชายที่นอนฟุบอยู่ข้างๆปูนปั้น

“ไม่ดีเลยนะเจ้าชาย  ที่เลือกผูกพันกับมนุษย์ผู้นี้”

เอ่ยด้วยน้ำเสียงเอ็นดูก่อนจะกระโดขึ้นไปนั่งบนเตียงคนไข้ที่ว่างเปล่า  แบมือออกก่อนจะมีดวงไฟสีฟ้าสว่างลอยอยู่บนฝ่ามือของเขา

ดวงไฟนั้นค่อยๆหายเข้าไปในตัวของเจ้าชายก่อนที่จะพุ่งออกมาจากตัว  ฉายภาพความทรงจำบางอย่างให้ดู!

“อย่างนี้นี่เอง  เข้าใจผิดไปคนละเรื่องเลยแฮะ”

“…”

“แต่ที่ยังสงสัยก็คือ…เด็ก…อยู่ที่ไหนกันนะ  องค์รัชทายาทลำดับที่สองอยู่ที่ไหนกันแน่?”

น้ำเสียงเครียดบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าเรื่องที่กำลังคิดอยู่นั้นใหญ่โตเพียงใด

“ในความทรงจำของผู้หญิงคนนั้นก็ไม่มี  ของเจ้าชายก็ไม่มี  ตกลงมันหมายความว่ายังไงกันแน่?”

“นั่นสิ  ข้าก็อยากรู้เหมือนกัน  ว่าหมายความว่ายังไง”

“อ๊ะ!!!”

 



“เอ้า  อ้ามมมม!”

“คะ…ครับ”

“อ้ำคำโตๆสิรูปปั้น  พี่ก้านทำมาสุดฝีมือเลยนะเนี่ย”

“โห  ก็มึงเล่นตักคำเท่าบ้านอย่างกับจะป้อนช้างแบบนั้น  เห็นปากไอ้ปั้นเป็นหลุมดำหรือไงวะ  เดี๋ยวมันก็สำลักตายแทนพอดี”

ขอบใจมากไอ้จ้าวที่ช่วยด่าแทนกู  กูนี่หมดคำจะพูดละ!

“ไอ้จ้าวพูดถูก  พี่ป้อนช้าๆหน่อยก็ได้  ผมไม่ได้หิวขนาดนั้น”

“ก็พี่ก้านอยากให้รูปปั้นโตไวๆ…”

“ผมสิบเก้าแล้วนะพี่!  ไม่ใช่สามขวบ  พูดอะไรกรุณาให้เกียรติอายุผมด้วย!”

“แหะๆ  ก็แหม…ยังไงรูปปั้นก็เด็กในสายตาพี่ก้านเสมอนั่นแหละ”

ผมส่าหน้าอย่างระอา

ตั้งแต่ตื่นมาก็ไม่เจอเจ้าชายแล้ว  ตอนแรกคิดว่าคงไปดูอาการของพี่ดาว  แต่ไอ้จ้าวที่มาถึงก็พุ่งตรงไปหาพี่ดาวก่อนเลยบอกว่าเจ้าชายไม่ได้อยู่ที่นั่น

ไปไหนของเขากันนะ?

“นี่  แล้วเรื่องนั้น  ตกลงจะบอกไอ้ปั้นได้หรือยัง”

ไอ้จ้าวที่ยืนกอดอกพิงกำแพงอยู่ถามขึ้น  พี่ก้านที่กำลังจะยัดข้าวคำต่อไปเข้าไปผมชะงัก  สีหน้าท่าทางกลืนไม่เข้าคายไม่ออกของมันทำให้ผมยิ่งสงสัย

“มีอะไรกันเหรอ”

“ถามแม่งดูดิ  กูก็ไม่รู้”

“พี่ก้าน…”

“ก็แบบว่า…”

คนหน้าหวานหันซ้ายหันขวาไม่ยอมพูดออกมาสักที

ผมดึงข้าวในมือพี่ก้านออกแล้วเอาไปวางบนโต๊ะข้างเตียง  จะต้องรู้ให้ได้เลยว่าพี่ก้านคิดจะทำอะไรอยู่   และมีอะไรเกิดขึ้นกันแน่!

“บอกผมมา”

“รู้แล้วๆ  อย่าดุพี่ก้านนักสิ”

“งั้นก็รีบเล่ามา!”

“คือ…พี่ก้านแค่สงสัยน่ะ  คะ…แค่สงสัยจริงๆนะรูปปั้น!”

ออกตัวแรงขนาดนี้กูว่ามึงคงไม่ได้แค่สงสัยแล้วล่ะ  แต่มั่นใจชัวร์ๆ!

“สงสัยอะไร”

“เรื่องดาว…คือพี่ก้านลองปรึกษากับน้องจ้าวดูแล้ว…”

“มึงไม่ได้ปรึกษากู  มึงแค่มาพูดให้กูฟังเฉยๆ!”

ไอ้จ้าวแทรก

“นั่นแหละๆ  พี่ก้านพูดให้น้องจ้าวฟังแล้วเกี่ยวกับเรื่องนี้  รูปปั้น…รูปปั้นไม่สงสัยเหรอว่าทำไมดาวถึงกลับมาได้หลังจากที่หายไปตั้งสองปี  แล้วมันจะประจวบเหมาะเกินไปไหมที่เธอดันมาความจำเสื่อม  ลืมพวกเราทุกคนแต่กลับจำเจ้าชะ…  เอ่อ…พี่ก้านหมายถึงไคโอได้แค่คนเดียว”

ตอนที่เรียกชื่อเจ้าชายออกมา  พี่ก้านเน้นเป็นพิเศษ  หมายความว่ากำลังจะสื่อว่าเรื่องนี้อาจเกี่ยวข้องกับเจ้าชายโดยตรงงั้นเหรอ?

“หมายความว่ายังไงกันแน่?”

“ถ้าหากเรื่องที่ไคโอบอกเป็นความจริง  ที่ว่าเคยช่วยเหลือดาวเอาไว้ตอนที่ดาวคิดฆ่าตัวตายในครั้งแรก  ก็หมายความว่าไคโอจะต้องเคยพาดาวไปที่ ‘บ้าน’ ของเขา”

พี่ก้านส่งซิกมาให้ทางสาย

หรือคำว่าบ้านจะหมายถึง…แดนเงือก!!!

“พี่ก้านกำลังจะบอกว่าพี่ดาวอาจจะรู้เรื่องที่เจ้าชาย…เป็นเงือก?”

ประโยคนี้ผมกระซิบอย่างเบาที่สุดเพื่อถามพี่ก้าน  มันพยักหน้ารับด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

“พอจะเข้าใจแล้วใช่ไหม  ว่าพี่ก้านหมายความว่ายังไง”

ผมไม่ตอบกลับ  แต่กำลังเรียบเรียงสิ่งที่พี่ก้านพยายามจะอธิบายอย่างอ้อมๆให้ผมได้ฟังเพราะมีไอ้จ้าวยืนหัวโด่อยู่ด้วยเลยต้องมีการใช้โค้ดลับในการคุยกันนิดหนึ่ง

พี่ก้านสงสัยว่ามีบางอย่างในตัวพี่ดาวที่แปลกๆ  แกละการกลับมาของพี่ดาวครั้งนี้ก็น่าสงสัย  โดยโยงไปถึงเรื่องที่เจ้าชายบอกว่าเคยช่วยเหลือพี่ดาวเอาไว้  เท่ากับว่าเปอร์เซ็นต์ที่พี่ดาวจะถูกพาไปแดนเงือกมีอยู่สูงมาก  และหลังจากนั้นตัวพี่ดาวเองก็หายไปจากแดนเงือกอีกครั้ง  ก่อนจะกลับมาโดยที่จำใครที่นี่ไม่ได้เลยยกเว้นเจ้าชาย  ซึ่งแม้แต่เจ้าชายเองก็ยังไม่อยากจะเชื่อกับการกลับมาอีกครั้งของพี่ดาว

ที่สำคัญ…เหตุผลที่เจ้าชายมาอยู่ที่นี่ก็เพื่อลี้ภัยจากพวกกบฏ  รอเวลาให้พลังในฐานาะองค์ราชาองค์ต่อไปตื่นเต็มที่จึงจะสามารถกลับไปได้  สองเรื่องราวที่เกิดขึ้นในเวลาไล่เลี่ยกัน…

หรือว่า…

“ไม่จริง  นี่พี่ก้านคิดว่า…!”

พี่ก้านส่งสายตาห้ามให้ผมหยุดพูดก่อนจะพยักพเยิดไปทางไอ้จ้าวที่ยืนมองผมสลับกับพี่ก้านไปมาด้วยความสงสัย

ผมรีบสงบปากสงบคำลงในทันที

พี่ก้านกำลังคิดว่า…พี่ดาวที่พวกเราเห็นในตอนนี้อาจไม่ใช่พี่ดาวตัวจริง  แต่เป็น…

กบฏปลอมตัวมางั้นเหรอ?!!!

ถ้าเป็นอย่างนั้นต้องแย่แน่ๆ  เท่ากับว่าพวกมันรู้แล้วว่าเจ้าชายลี้ภัยมาที่นี่  หนำซ้ำยังจอตัวเจ้าชายแล้วอีก  ทำยังไงดีล่ะ  ทำยังไงผมถึงจะรู้ได้ว่าผู้หญิงคนนี้คือพี่ดาวตัวจริงหรือเปล่า!

“โทษนะ  ถ้าจะสงสัยกันมากขนาดนี้ทำไมไม่พิสูจน์ไปเลยล่ะ”

ไอ้จ้าวแทรกขึ้น

“พิสูจน์?  ยังไงวะ?”

“เอ้า!  มึงคิดว่าบนโลกนี้นอกจากพวกมึงกับกูแล้ว  จะมีใครรู้จักพี่ดาวดีไปกว่านี้อีกหรือเปล่าล่ะ  พี่ดาวชอบอะไร  ไม่ชอบอะไร หรือว่ากลัวอะไรมากที่สุด  ก็มีแค่พวกเราเท่านั้นที่รู้”

ไอ้จ้าวยักคิ้วด้วยท่าที(อวด)ฉลาด

“นี่น้องจ้าวคิดจะให้พวกเราพิสูจน์ตัวตนของดาวด้วยวิธีนั้นเหรอ?”

“ใช่  ถ้าสิ่งที่ไม่ชอบกลับชอบ  สิ่งที่ชอบกลับไม่ชอบ และสิ่งที่กลัวกลับไม่กลัว  ก็มั่นใจได้เลยว่านี่น่ะ…ตัวปลอม”

“…”

“แต่ถ้าผลออกมาเป็นทุกอย่างเหมือนเดิม  และเธอคือพี่ดาวตัวจริง  มึงสองคนก็เลิกคิดมากได้แล้ว  ชักจะแฟนตาซีเกินไปแล้วพวกมึงอ่ะ”

“แล้วถ้าผลออกมาเป็นว่าเธอไม่ใช่ดาวของพวกเราล่ะ  น้องจ้าวจะทำยังไง”

คำถามของพี่ก้านทำเอาคนถูกถามนิ่งไป

ไอ้จ้าวเลิ่กลั่กก่อนจะค่อยๆแค่นหัวเราะออกมาเสียงดัง

“ฮะๆๆ  มันจะเป็นไปได้ยังไง  ไม่มีทางหรอก  ถึงจะให้ความรู้สึกแปลกๆเหมือนไม่ใช่พี่ดาว  แต่กูก็ไม่เชื่อว่าจะเป็นคนอื่นปลอมตัวมาอยู่ดี  เพราะมันไม่มีเหตุผลเลยถ้าใครคนหนึ่งจะต้องมาสวมรอยเป็นพี่ดาวแล้วมาที่นี่!  พี่ดาวไม่ใช่ทายาทเศรษฐีมีมรดกเป็นหมื่นล้านสักหน่อย”

“ไอ้จ้าว  ในโลกใบนี้น่ะ  สิ่งที่มึงไม่เคยเห็น  ก็ใช่ว่ามันจะไม่มีนะ  มันอาจจะมี  แต่มึงไม่เคยได้เห็นก็ได้”

“มึงอยากจะพูดอะไรกันแน่”

“เปล่าหรอก  กูยังเชื่อแบบมึงนั่นแหละว่านี่จะต้องเป็นพี่ดาว  แต่แค่พิสูจน์ดูอย่างที่มึงแนะนำเพราะพี่ก้านสงสัยก็คงไม่เป็นไร”

“งั้นโอเค  ตกลงตามนี้  หลังจากที่พิสูจน์ทุกอย่างเกี่ยวกับตัวพี่ดาวได้แล้ว  พวกมึงกับกูก็ไม่มีอะไรต้องเกี่ยวข้องกันอีก”

“มึงกับกูน่ะได้  แต่ว่ามึงกับ…”

ผมลากเสียงยาวพลางมองไปทางพี่ก้านที่สะดุ้งเฮือกทันทีเมื่อถูกพาดพิงถึง

“มองหน้าพี่ก้านอย่างนี้หมายความว่ายังไง  พี่ก้านว่าพี่ก้านกลับไปนั่งจัดดอกไม้ต่อที่บ้านดีกว่าเนอะ  ออกมานานละ  เดี๋ยวพ่อจะด่า”

“น่าสมเพช!  ตุ๊ดควายถึกเอ๊ย!”

มึงด่าได้เจ็บมาก  เอาเสียตัวต้นเหตุที่ทำให้พี่ก้านต้องกลายเป็นตุ๊ดควายถึกอย่างกูรู้สึกผิดไปเลย

แต่ว่านะ…

ปฏิบัติการลับเพื่อค้นหาความจริงเกี่ยวกับพี่ดาวของผมจะไปรอดไหมเนี่ย  เพราะสองผู้เข้าร่วมขบวนการมันเล่นจ้องจะแง่งๆใส่กันตลอดเวลาแบบนี้

เฮ้อ!!!

 





“จะเอาแบบนี้จริงๆเหรอวะ??”

ไอ้จ้าวหันกลับมาถามซ้ำอีกครั้งขณะที่พวกเรากำลังจะเริ่มการค้นหาความจริงครั้งที่ 1 ภายในห้องพักฟื้นผู้ป่วยของพี่ดาว  ทีไอ้จ้างลงทุนขอเงินป๊ามาจ่ายค่าห้องวีไอพีด้วยตัวเองหลังจากที่เธอได้ออกจากห้องไอซียูเมื่อเช้า

พวกเราส่งผู้ใหญ่ดำกลับไปพักผ่อนที่บ้านโดยบอกว่าจะอยู่เฝ้าพี่ดาวให้เอง  แต่อันที่จริงนั้นมีแผนการบางอย่างเพื่อตรวจสอบว่าเธอคนนี้ใช่พี่ดาวตัวจริงหรือไม่

และแน่นอน…

เจ้าชายหายไปหนึ่งวันเต็มๆ!  จนตอนนี้ก็ยังไม่กลับมา  ทำเอาผมใจไม่ดีนอนไม่หลับทั้งคืนไปเลย

“เอาน่าน้องจ้าว  พี่ก้านจำได้  ตอนเด็กๆที่เวลาพวกเราแก้ผ้าเล่นน้ำด้วยกัน  พี่ก้านเคยเห็นว่าดาวมีปานรูปหยดน้ำอยู่ที่แก้มก้นด้วย!”

“เรื่องนั้นมึงไม่ต้องย้ำหรอกเว้ย  กูก็จำได้  เพราะมึงเล่นล้อพี่ดาวจนร้องไห้งอนตุ้บป่องไปสามวัน!”

“แหะๆ  พี่ก้านก็แค่ล้อเล่นเฉยๆเอง  ใครจะคิดว่าจะทำให้ดาวโกรธขนาดนั้นล่ะ”

“นี่ๆ  หยุดเถียงกันก่อนทั้งสองคน  จะทำอะไรก็รีบๆทำเถอะ  เดี๋ยวมีคนมาเห็นเข้าพวกเราจะซวย”

ผมห้ามทัพ  พี่ก้านเลยจัดการดึงผ้าห่มที่เอาห่มพี่ดาวไว้ออกก่อนจะทำการตะแคงตัวพี่ดาวเล็กน้อยเพื่อให้ไอ้จ้าวถลกกางเกงผู้ป่วยลงได้

ใช่แล้ว…

ปฏิบัติการขั้นแรกของพวกเราก็คือ…ตามหาปาน!!!

“อะ…เอาจริงเหรอวะ  แบบนี้มันล่วงละเมิดทางเพศได้เลยนะเว้ย”

“เอาเหอะน่าไอ้จ้าว  รีบดูรีบปิดสิวะ  ยังไม่ทันได้มองเห็นอะไรหรอก”

ผมหันไปคุยกับมันโดยละสายตาจากหน้าที่ยามชั่วคราว

“ผะ…ผมขอโทษนะพี่ดาว  ไอ้ก้านกับไอ้ปั้นมันบังคับผม!”

“โธ่  น้องจ้าว  เร็วๆสิครับ  พลิกตัวผู้ป่วยนานๆมันไม่ดีหรอกนะ”

“เอาวะ!!!”

ไอ้จ้าวหลับตาปี๋ก่อนจะถลกกางเกงพี่ดาวลงจนเห็นก้นงอนงามขาวๆทั้งหมด  แต่ขอโทษเหอะ…

“ไอ้เหี้ยจ้าว!  มึงหลับตาแบบนั้นแล้วจะเห็นได้ยังไงเล่า  กูยืนห่างเป็นวาคงจะช่วยมึงมองได้หรอกนะ  ไอ้พี่ก้านก็ยืนอยู่อีกฝั่ง  ลืมตาดูเองสิเว้ย!”

“ก็กูไม่กล้านี่หว่า  นี่พี่ดาวนะเว้ย!”

“เอางี้นะครับน้องจ้าว  คิดเสียว่าก้นดาวเป็นซาลาเปาไง  ซาลาเปาจัมโบ้ที่พี่ก้านเคยพาไปกินตอนเด็กๆ”

“ซะ…ซาลาเปาเหรอ…”

“หรือมึงจะคิดว่าเป็นแก้วมังกร เป็นมะพร้าว  เป็นห่าอะไรก็ได้ที่มึงมองแล้วมึงสบายใจอ่ะ  เร็วๆเข้า  เดี๋ยวหมอก็จาะมาตรวจพี่ดาวแล้ว”

“เออๆๆๆ  เร่งจังเลยโว้ย  พวกมึงไม่ใช่คนที่ต้องมาดูเองนี่หว่า”

ไอ้จ้าวยืนสูดลมหายใจเข้าปอดต่ออีกเกือบนาที   จนผมนี่มองมันด้วยความลุ้นตามเลย

“เอาล่ะ!”

พรึ่บ!

แอ๊ด!

“ทำอะไรกันน่ะ!!!”

“เจ้าชาย!”

ฉิบหายแล้วไง!

มัวแต่มองไอ้จ้าวเลยเผลอลืมดูต้นทาง!

ไอ้จ้าวที่ลืมตาขึ้นมามองก้น (หาปาน) พี่ดาวพอดีหันขวับกลับมาต้นเสียงด้วยใบหน้าซีดเซียว  หลักฐานที่ว่ามันกำลังทำเรื่องอนาจารกับร่างกายของพี่ดาวก็คือสองมือของมันที่จับอยู่ที่ชายกางเกงของเธอนั่นแหละ

“ไอ้เหี้ยปั้น!!!”

กูขอโทษ!!!

 

 



บับเบิ้ลบิวชวนคุย :

มาอัพแล้วค่า  หายไปสองวันคิดถึงกันม้อยยยย   ตอนนี้พวกของปั้นเริ่มตามหาความจริงเรื่องประกายดาวกันแล้ว  อยากรู้จังเลยว่าความจริงที่ปิดซ่อนไว้ทั้งหมดคืออะไร  แล้วการตามหาความจริงในครั้งนี้  พวกเขาจะได้รับรู้เรื่องอะไรบ้าง?!

ความลับไม่มีในโลก  ไม่วันใดก็วันหนึ่งเรื่องทั้งหมดจะต้องถูกเปิดเผยออกมา  เหตุผลที่พี่ก้านต้องกลายเป็นคนแบบนี้คืออะไร  ประกายดาวที่กลับมาใช่ตัวจริงหรือไม่  แล้ว “ใคร” กันแน่คือคนในความทรงจำของเจ้าชาย  บุคคลปริศนาที่โผล่มาหาเจ้าชายในกลางดึกคือใคร??

จะเริ่มทยอยเฉลยปมปริศนาแล้วค่า  พลาดไม่ได้แล้วน้า ^^

ออฟไลน์ cchompoo

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-4

ออฟไลน์ WwW

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 330
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ WwW

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 330
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-0


ตอนที่ 21

ค้นหาความจริง (2)

ความจริงแห่งสายเลือด

 



“เอ่อ…คือ…คือว่า…”

“ถอยออกไป!”

พลั่ก!!!

เจ้าชายตรงเข้าไปผลักไอ้จ้าวเต็มแรงจนมันเซล้มลงไปกองกับพื้น

ผมรีบเข้าไปช่วยพยุงไอ้จ้าวขึ้นขณะที่เจ้าชายผลักพี่ก้านออกไปอีกคนแล้วจัดการใส่กางเกงกลับให้พี่ดาวตามเดิม

“คือว่าเจ้า เอ่อ  ไคโอ  มันไม่ใช่อย่างที่คุณคิดนะ”

“พวกเจ้าเล่นอะไรกันอยู่  ทำแบบนี้กับคนป่วยไม่ได้สติได้ยังไง?!”

“ไม่ใช่นะครับ  พวกเราแค่กำลัง…”

“กำลัง  กำลังอะไร  ที่ข้าเห็นพวกเจ้าสามคนกำลังล่วงเกินประกายดาว!”

“แมลงสาบน่ะ!”

พี่ก้านที่เพิ่งพยุงสังขารด้วยตัวเองลุกขึ้นมาได้รีบแทรก

ผมกับไอ้จ้าวมองหน้ากันเองก่อนจะหันไปทางไอ้พี่ก้านว่ามันจะแถอะไรอีก

“แมลง…สาบ?”

“ใช่ เป็นสัตว์ชนิดหนึ่งที่มีอานุภาพน่ากลัวยิ่งกว่าสัตว์ใดๆ  เวลามันสยายปีก  หัวใจของมนุษย์ที่ว่าแน่ก็ยังต้องสั่นคลอน  เป็นสัตว์ที่ร้ายกาจติดอันดับของโลกนี้เชียวล่ะ!”

สาบานทีว่าที่มึงบรรยายนั่นคือแมลงสาบไม่ใช่ไดโนเสาร์!

“เออ ใช่ๆๆ  แล้วตอนที่พวกเราเข้ามาเยี่ยมพี่ดาว  ก็บังเอิญเห็นแมลงสาบมันคลานเข้าไปในเสื้อผ้าพี่ดาวพอดี  ก็เลยจะรีบมาเอาออกให้ก่อนที่มันจะกัดพี่ดาวยังไงล่ะ!”

ไอ้จ้าวเสริมทับอีกคน

นี่ผมควรร่วมด้วยไหม?

“กัด?!  ถึงขั้นกัดเลยเหรอ  แล้วนี่พวกเจ้าหาเจ้าตัวนั้นเจอหรือยัง  ฮะ?  เจอไหม?”

“จะ…เจอแล้วครับ  เจอแล้ว  ไล่มันไปเรียบร้อยแล้วด้วย  ใช่ไหมไอ้จ้าว”

ผมเขยิบเข้าไปหาไอ้จ้าว  ดึงมือมันออกมาจากกางเกงของพี่ดาวแล้วจัดการสภาพของพี่ดาวให้เป็นแบบเดิม รีบกวักมือเรียกพี่ก้านให้มารวมตัวใกล้ๆกัน

“ว่าแต่คุณไปไหนมาทั้งวันเลยเหรอครับ  เมื่อคืนก็หายไป”

“ข้าไปธุระมาน่ะ  ไม่มีอะไรหรอก”

เจ้าชายยังคงมองพวกผมด้วยสายตาจับผิดอยู่

“วันนี้ข้าจะเฝ้าประกายดาวเอง  พวกเจ้าไปเถอะ”

“เอ๊ะ?”

“อ้อ…ฝากพวกเจ้าสองคนดูแลปูนปั้นด้วยนะ  คืนนี้ข้าคงไปเฝ้าไม่ได้”

เจ้าชายพูดต่อโดยไม่มองหน้าผมแม้แต่นิดเดียว

แปลก…บางอย่างในตัวเขาแปลกไป   ผมสัมผัสได้ถึงความเฉยเมยที่ทำให้หัวใจหนาวเย็นยิ่งกว่าน้ำแข็ง!

“ไม่ต้องห่วงนะ  พวกเราจะดูแลรูปปั้นเอง  ปะ…ไปเถอะรูปปั้น  น้องจ้าว”

พี่ก้านรีบดันผมกับไอ้จ้าวออกจากห้องอย่างเร็วจี๋  ผมหันไปมองเจ้าชายที่เอาแต่ยืนนิ่งก้มมองพี่ดาว

เกิดอะไรขึ้นกันแน่?

ทำไมจู่ๆถึงเปลี่ยนไปแบบนี้ล่ะ!!!

 





“เกือบตายแล้วไหมล่ะ!”

ทันทีที่เดินทิ้งห่างไกลออกมาจากห้องพักของพี่ดาว  ไอ้จ้าวก็เอ่ยปากพูดเป็นคนแรก  มันทรุดตัวนั่งลงกับพื้นอย่างหมดแรง  ใบหน้าอาบไปด้วยเหงื่อ

“พี่ก้านตื่นเต้นสุดๆไปเลย  อย่างกับอยู่ในหนังสายลับอะไรเทือกนั้น”

“เรื่องนั้นช่างมันเหอะ  รอดมาได้ก็บุญแล้ว  ว่าแต่ไอจ้าว  ตกลงมีปานไหมวะ?”

“นั่นสิๆ  ตกลงมีปานหรือเปล่าครับ?”

ไอ้จ้าวเงยหน้ามองผมกับพี่ก้านที่พากันหันไปจ้องรอเอาคำตอบจากมัน

“หึ  ไม่มี”

“อะไรนะ!!!”

“คือจะว่าไม่มีก็ไม่ใช่  พอดีตรงจุดที่มันเคยมีปานของพี่ดาว  ตอนนี้กลับมีแผลเป็นอะไรก็ไม่รู้  ครูดเป็นทางยาวไปจนถึงต้นขาเลยน่ะ  ก็เลยทำให้มองไม่ออกว่าตรงจุดนั้นเคยมีปานหรือเปล่า”

เวรกรรม!!!

ลงทุนทำถึงขนาดนั้นแต่กลับคว้าน้ำเหลวมาไว้ในมือแทน

“นี่ก็เรื่องบังเอิญงั้นเหรอ?”

พี่ก้านพึมพำเบาๆ

ก็นั่นน่ะสิ  สัญลักษณ์เดียวในตัวของพี่ดาวที่จะบ่งชี้ได้ว่าเธอคือตัวจริงหรือไม่กลับไม่สามารถพิสูจน์ได้แบบนี้…

เท่ากับว่า…

“เราต้องพิสูจน์ด้วยนิสัยของพี่ดาวเท่าที่พวกเรารู้แล้วสินะ”

ไอ้จ้าวพูดต่อประโยคสิ่งที่ผมคิดในใจ

“แล้วจะพิสูจน์ยังไงล่ะ  ในเมื่อประกายดาวยังไม่ฟื้นเลย”

“มีแต่ต้องรอให้พี่ดาวฟื้นขึ้นมาเท่านั้น”

“พี่ก้านไม่คิดว่าเราจะมีเวลามากขนาดมารอได้หรอกนะรูปปั้น”

คำพูดของพี่ก้านเรียกความสนใจจากไอ้จ้าวได้เป็นอย่างดี  มันหันขวับมามองผมและพี่ก้านสลับกันอย่างสงสัย

“มีเรื่องอะไรกันแน่  กูชักจะมั่นใจแล้วนะว่าไอ้สิ่งที่พวกมึงกำลังทำอยู่ตอนนี้  ต้องไม่ใช่แค่การสงสัยในตัวพี่ดาว  พวกมึงมีเรื่องปิดบังกูใช่ไหม?”

บรรลัยแล้วไง

ผมถลึงตาใส่ไอ้พี่ก้านข้อหาชอบปากพล่อยหลุดพูดอะไรออกมา

“ไม่มีอะไรหรอก  ไม่ใช่เรื่องใหญ่”

“ไม่ใช่เรื่องใหญ่แล้วทำไมรอไม่ได้!”

ตวาดเข้าอีกรอบ

เห็นกูเป็นโถส้วมหรือไง  มึงเก็บกดจากเรื่องของไอ้พี่ก้านทีไรก็มาลงมาระบายกับกูทุกที!!!

“ใจเย็นก่อนนะครับน้องจ้าว  เรื่องมันไม่ได้มีอะไรจริงๆ  พี่ก้านก็แค่ตื่นตูมไปเองเฉยๆ  เพราะเป็นห่วงดาวต่างหาก  ลองคิดดูสิ  ว่าถ้าคนที่เราเห็นอยู่ตอนนี้ไม่ใช่ดาวตัวจริงขึ้นมา  แล้วดาวของพวกเราล่ะ  อยู่ที่ไหน  เป็นยังไงบ้าง?”

จริงด้วย

ผมลืมคิดเรื่องนี้ไปเสียสนิทเลย   ถ้าคนที่อยู่เป็นตัวปลอม  แล้วพี่ดาวตัวจริงล่ะ  ไปอยู่ที่ไหน?  เกิดอะไรขึ้นกับพี่ดาวกันแน่

“เชื่อที่พี่ก้านพูดเหอะมึง”

ทั้งหมดนี้ก็เพื่อตัวมึงเองทั้งนั้น

ผมรู้ว่าพี่ก้านไม่อยากดึงไอ้จ้าวเข้ามาเกี่ยวในเรื่องนี้เท่าไหร่นัก  เพราะเราไม่รู้เลยว่าสงครามของพวกเงือกจะรุนแรงมากน้อยแค่ไหน  ถ้าหากมีอันตรายขึ้นมา   คนที่พี่ก้านอยากจะปกป้องเอาไว้ให้ได้มากที่สุดก็คงหนีไม่พ้นไอ้จ้าวนั่นแหละ

พี่ก้านน่ะ…มีวิธีปกป้องและดูแลคนที่ตัวเองรักในแบบของเขาเอง

แม้มันจะค่อนข้างเข้าใจยาก  แต่ผมก็เชื่อว่าผมมองพี่ก้านไม่ผิด  พี่ก้านคิดยังไงกับไอ้จ้าว  ผมคิดว่าผมรู้เรื่องพวกนั้นดีที่สุด

ไม่สิ  พี่ดาวเองก็คงรู้เช่นกัน

“ก็ได้  กูจะยอมเชื่อพวกมึงสักครั้ง  แต่ถ้าพวกมึงโกหกกูคราวนี้  บอกเลยว่าจะไม่มีโอกาสอีกเป็นครั้งที่สอง”

ไม่มีใครกล้าตอบอะไรไอ้จ้าวกลับไปเลย  เพราะถ้าตอบกลับคงได้โกหกอีกเป็นแน่

อ๊ากกก  กูขอโทษจริงๆที่ต้องปิดบังมึง   แต่กูไม่อยากดึงมึงเข้ามาเกี่ยวกับเรื่องน่าปวดหัวพวกนี้ไปด้วย  เพราแค่ไอ้พี่ก้านคนเดียว…

กูก็ปวดหัวลากยาวลงไปยันกระเพาะและลำไส้ใหญ่แล้ว!

“เอาเป็นว่าวันนี้น้องจ้าวกลับไปพักผ่อนก่อนดีกว่านะครับ  เดี๋ยวรูปปั้นพี่ก้านจะอยู่เฝ้าเอง”

“ไม่ต้องเลย  ผมนอนคนเดียวได้”

“ไม่ได้  เกิดชักหน้าเขียวอื๋อเหมือนคราวก่อนขึ้นมาจะทำยังไง  พี่ก้านนอนเฝ้าน่ะดีแล้ว”

“เออๆๆ แล้วแต่ละกัน  แต่ยังไงพี่ก็ต้องไปส่งไอ้จ้าวที่บ้านก่อนนะ  มันเริ่มจะมืดละ”

“มึงเห็นกูเป็นสาวน้อยวัยสิบห้าเหรอไอ้ปั้น  กูกลับเองได้!”

“กูกลัวมึงจะไปแกว่งเท้ากวนตีนใครเขาเข้าต่างหาก  โดนกระทืบตายขึ้นมามันน่าสมเพช!”

“ไอ้ปั้น!”

“ทำไมวะ!”

บอกเลยว่าถ้าตัวต่อตัวกับไอ้จ้าวล่ะก็ผมไม่กลัวหรอก  แต่ถ้าตอนมันอยู่กับพรรคพวกที่ใช้เงินพ่อซื้อมาล่ะก็ยอมรับกว่าโคตรกลัว

ยังไงกูก็ไม่ใช่ซูเปอร์แมนนะ  หนึ่งต่อสิบมีแต่ตายกับตายเหอะ!

“พี่ก้านจะไปส่ง”

“ถ้ามึงจะไปส่งเพราะไอ้ปั้นสั่งล่ะก็ไม่ต้อง  เพราะกูกลับเองได้”

“เปล่า  ไม่ใช่เพราะรูปปั้นสั่ง  แต่พี่ก้านอยากไปส่งน้องจ้าวเองต่างหาก”

ไอ้จ้าวชะงักไปเมื่อเจอคำพูดและสีหน้าจริงจังของพี่ก้านที่จ้องมันไม่วางตา

“ไม่ว่าอะไรก็ตามที่พี่แบกมันเอาไว้  ผมอยากให้พี่วางมันลงบ้างนะ  เผื่อมันจะสบายกว่านี้”

ผมกระซิบข้างหูพี่ก้านก่อนจะเดินทิ้งห่างออกมากลับไปยังห้องของตัวเอง  ปล่อยให้เรื่องของคนสองคนเขาเคลียร์กันเอาเอง

ถึงจะช่วยอะไรไม่ได้มาก  แต่ผมก็ขอเป็นกำลังใจให้พวกเขาอยู่ห่างๆแล้วกัน

 





Special  Part :

ไหงกลายมาเป็นแบบนี้ไปได้ล่ะเนี่ย

ท่ามกลางท้องฟ้าที่เริ่มเปลี่ยนเป็นสีส้ม  พระอาทิตย์กำลังค่อยๆจมหายไปในทะเล  ทางกลับบ้านของพ่อจะต้องเดินผ่านชายหาดที่ไม่ค่อยมีคน  บรรยากาศโรแมนติกเหมือนถูกเสกขึ้นมาพวกนี้คืออะไรกันวะ!

“เราไป…นั่งดูพระอาทิตย์ตกกันดีไหมครับ”

“ไม่”

ปฏิเสธทันควัน

คิดจะมาไม้ไหนกันแน่  เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายจนผมตามไม่ทันแล้วเนี่ย!

“เถอะน่า  อีกไม่ถึงสิบนาทีพระอาทิตย์ก็จะตกแล้ว  อยู่กับพี่ก้านจนถึงตอนนั้นมันคงไม่นานเกินไปจนทำให้น้องจ้าวอกแตกตายหรอกมั้งครับ”

“นาน!”

กดเสียงต่ำใส่หน้ามันก่อนจะเร่งจังหวะการเดินให้เร็วขึ้นเพราไม่อยากจะอยู่กันตามลำพังนานไปกว่านี้

หมับ!

“ก็บอกว่าให้ดูพระอาทิตย์ตกด้วยกันไง”

ร่างสูงก้าวสามก้าวถึงตัวผมคว้าตัวไว้ได้ทัน  ก่อนจะฉุดกระชากลากถูให้เดินตามมันไปนั่งใต้ต้นไม้  ซึ่งเป็นจุดที่มองเห็นวิวตอนพระอาทิตย์ตกดินได้สวยที่สุด

ที่รู้ก็เพราะว่า…

ตอนเด็กๆผมกับมันเคยตระเวนหาจุดที่ดูพระอาทิตย์ตกวิวแล้วสวยที่สุดด้วยกันแค่สองคน  พวกเราใช้เวลาหาอยู่แรมเดือนกว่าจะเจอสถานที่ตรงนี้  และมันก็เป็นสถานที่ที่มีแค่เราเท่านั้น…

…ที่รู้

“น้องจ้าวเคยบอกใครเรื่องจุดดูพระอาทิตย์ตกตรงนี้ของเราไหมครับ”

“ไม่ได้บอก  เพราะกูก็ลืมไปแล้ว”

“ไม่จริงหรอกครับ  เพราะเมื่อกี้พอโดนลากมาถึงนี่  ทั้งที่น้องจ้าวอยู่อีกฝั่งแท้ๆ  แต่กลับเดินอ้อมตัวพี่เพื่อจะมานั่งที่ตรงนี้”

“…”

“ที่เดิมของน้องจ้าว”

ใบหน้าหวานยิ้มละมุน  รอยยิ้มหวานล้ำเสียยิ่งกว่าใบหน้า

การโดนจ้องแบบนั้นทำเอาหัวใจเต้นแรงจนควบคุมไม่อยู่  ผมเลือกที่จะหันหน้าหนีมันแล้วไปจดจ้องอยู่กับพระอาทิตย์ที่กำลังจะลับขอบฟ้าลงไปในมหาสมุทรนั่นแทน

บรรยากาศเดิมๆ  ความรู้สึกเดิมๆกำลังจะโหมกลับมาทำร้ายผมอีกครั้ง

ไม่ว่าจะพยายามหนี  พยายามสลัดทิ้ง  แต่ความรู้สึกรักและหลงใหลที่มีมานานหลายปีมันฝังแน่นลงในใจผมราวกับถูกตอกตะปูไปเป็นแสนๆตัวเรียบร้อย

และมันไม่สามารถจางหายไปได้เพียงแค่เพราผมผิดหวังซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ความผูกพันของพวกเรา…มันมีมากจนน่ากลัวเหลือเกิน

ฟุ่บ…

“เฮ้ย!”

“แค่พระอาทิตย์ตกเท่านั้น!”

“…”

“พี่ก้านขออยู่แบบนี้…แค่ถึงตอนพระอาทิตย์ตกเท่านั้นก็พอ”

น้ำเสียงที่ดูเจ็บปวดและเหนื่อยล้าของพี่ก้านบีบหัวใจผมจนแทบแตกเป็นเสี่ยงๆ

เขาเอนตัวซบลงบนไหล่ของผม  สายตาที่เต็มไปด้วยความปวดร้าวมากมายคู่นั้นกำลังทอดมองไปยังพระอาทิตย์

แสงสีส้มที่อาบร่างของเราสองคนในตอนนี้  ขับให้พี่ก้านดูงดงามและโดดเด่นเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน

ไม่ว่าจะเมื่อก่อนหรือตอนนี้  เขาคนนี้จะโดดเด่นอยู่เสมอ

ท่ามกลางผู้คนมากมาย  รอยยิ้มที่สดใสและใจดี  แววตาที่อบอุ่นและอ่อนโยน  เสียงหัวเราะที่ไร้พิษภัยของพี่ก้านเป็นเสน่ห์ที่ทำให้ผู้คนเข้าหาเขา  และแน่นอน…

รวมถึงผมด้วย

“เหนื่อยจัง  ถ้าหยุดเวลาไว้ได้แค่ตอนพวกเรายังเป็นเด็กก็คงดีนะครับ”

“มึง…มีเรื่องไม่สบายใจสินะ  ตอนเด็กๆ  เวลามีเรื่องไม่สบายใจมึงก็หนีมาดูพระอาทิตย์ตกแบบนี้ทุกที”

“อ่า…นั่นสินะ  พี่ก้านทำแบบนั้นเสียจนติดเป็นนิสัยเลยลืมไปเลย  ไม่คิดว่าน้องจ้าวจะจำได้นะครับ”

“แหงล่ะ  เก้าในสิบเวลาที่มึงไม่สบายใจ  กูก็มักถูกมึงลากมาดูพระอาทิตย์ตกด้วยทุกที!”

“กลายเป็นว่า…คนที่อยู่ข้างๆพี่ก้านเวลาไม่สบายใจ…เกือบทุกครั้งก็คือน้องจ้าวนะครับ  มันเหมือนเป็นความเคยชินไปแล้ว”

วงแขนแกร่งสอดแขนเข้ามาเพื่อจะกอดแขนผมเอาไว้  ซุกหน้าลงกับท่อนแขนก่อนที่ผมจะรับร้ได้ถึงไออุ่นไหลซึมผ่านแขนเสื้อมา

“นะ…นี่มึง…”

“อย่าพูดนะ”

“…”

“ไม่ต้องพูดอะไรหรอกครับ”

พี่ก้านพึมพำในลำคอ

ผมขมวดคิ้วมุ่น  สงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับพี่ก้านกันแน่  ถึงจะรู้ว่าความจริงแล้วพี่ก้านเป็นคนทีอ่อนโยนและรักน้องๆมากจนถึงขั้นเสียน้ำตาให้ได้  แต่ผมก็ไม่เคยเห็นท่าทางที่ทุกข์ทรมานขนาดนี้ของเขามาก่อน

พี่ก้านเคยร้องไห้ให้ไอ้ปั้นตอนมันโดนเปลือกหอยในทะเลบาดจนต้องเย็บเกือบสิบเข็มเมื่อสี่ขวบ

พี่ก้านเคยร้องไห้ให้พี่ดาวที่อกหักตอน ม.ต้น เหตุผลเพราะสงสารพี่ดาวที่ไม่สมหวังในความรัก

และพี่ก้าน…มักร้องไห้ให้ผมเสมอเวลาที่ผมไม่มีความสุข

เกิดอะไรขึ้นกันแน่นะ  มันเกิดอะไรขึ้นกับพี่ก้านคนเดิมของผมคนนั้น

“ฮึบ!  พระอาทิตย์ตกแล้ว  หมดเวลาของซินเดอเรลล่าพี่ก้านแล้วสินะ”

ผมแทบหงายหลังล้มกลิ้งเมื่อจู่ๆคนข้างตัวก็ลุกพรวดขึ้นจนกระโปรงโบกสะบัดโดยหน้าผมเต็มๆ

ไอ้พี่ก้านถอยหลังไปยืนห่างผมหลายเมตรก่อนจะหันกลับมาฉีกยิ้ม  เป็นอะไรที่เหมือนภาพวาดจนผมบรรยายออกมาไม่ถูกเลยทีเดียว

พี่ก้านที่กำลังยิ้มจนตาหยี  แต่ผมกลับสัมผัสได้ว่าเป็นยิ้มที่เศร้าจนอยากจะร้องไห้ออกมามากกว่ายิ้มตาม…

“อีกนิดเดียวก็จะถึงบ้านน้องจ้าวแล้ว   พี่ก้านคงส่งได้แค่นี้  กลับบ้านดีๆนะครับ”

“เดี๋ยวสิ!  ไหนบอกจะไปส่งถึงบ้านไง”

ผมร้องเรียกเอาไว้  แต่คนที่เดินทิ้งห่างไปแล้วอย่างมันก็ไม่หันกลับมาทางผมเลย

มันหมายความว่ายังไงวะเนี่ย  ไอ้รอยยิ้มเศร้าเหมือนไม่อยากจากแต่จำใจต้องจากนั่นคืออะไรกันแน่!

“โธ่เว้ย!  มีเหี้ยอะไรทำไมไม่พูดออกมาวะ!  มึงจะเก็บไว้คนเดียวยันตายเลยหรือไงไอ้พี่ก้าน!!!”

ผมตะโกนไล่หลังไปเสียงดังลั่น  และคิดว่ามันจะต้องได้ยินเต็มสองรูหูแน่นอน

“กูมันไม่น่าเชื่อใจพอหรือไง  กูเด็กไปที่จะฟังปัญหาของมึงเหรอวะ  มึงถึงไม่ยอมบอกกู  ฮะ!!!  ว่าไงเล่า!  อย่าเงียบสิเว้ย!  มึงบอกกูมาเดี๋ยวนี้ไอ้พี่ก้าน  มึงบอกกูมา!!!”

ไม่ว่าจะตะโกนกลับไปแค่ไหน  พี่ก้านมันก็ไมได้ลดฝีเท้าของตัวเองลงเลย  ระยะห่างของเราเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆจนผมเริ่มกลัวว่าเสียงของผมจะไปไม่ถึงมัน

“พี่ก้าน!”

“…”

“พี่ก้าน!!!”

“…”

“ไอ้พี่ก้าน!!!”

“…”

“อ๊ากกกกกกกกกกก!!!”

ผมกำหมัดแน่น  หลับตาก่อนจะทิ้งตัวลงกับพื้นแล้วปล่อยหมัดลงบนผืนทรายไม่ยั้งเพื่อระบายอารมณ์ของตัวเอง

 





“ฮึก…ผม…ผมควรทำยังไงดีครับ  พ่อ…แม่…”

ชายหนุ่มร่างสูงในชุดผู้หญิงเอ่ยถามทั้งน้ำตา  ที่หน้าเขาคือโกศของชายหญิงคู่หนึ่งที่ถูกสร้างไว้ติดกัน

“พ่อกับแม่เข้าใจผมใช่ไหม  รู้ใช่ไหมครับว่าผมเจ็บปวดจนแทบจะตายอยู่แล้ว”

ก้านทุบไปที่หน้าอกด้านซ้ายของตัวเอง  ความมืดบริเวณโดยรอบช่วยพลางตัวเขาเป็นอย่างดี   ชายหนุ่มเอนซบไปที่โกศของผู้หญิงที่เขาเรียกว่า ‘แม่’ เมื่อครู่อย่างหมดแรง

“ผมจะไม่ไหวแล้ว  ผมเคยคิดว่าผมจะทนได้ขอแค่ได้เห็นหน้าเด็กคนนั้นไปตลอดก็พอ  แต่ไม่ใช่เลย  ยิ่งอยู่ใกล้  ก็ยิ่งทรมาน  ผมเหมือนตายทั้งเป็นเวลาที่เห็นเด็กคนนั้นต้องร้องไห้เพราะคนอย่างผม!”

เขายังคงระบายความเจ็บปวดที่สั่งสมมานานไปเรื่อยๆ  น้ำตาลูกผู้ชายหลั่งไหลออกมามากมาย  เป็นครั้งแรกที่เขาร้องไห้มากมายขนาดนี้

“ไม่ไหวแล้วล่ะครับ  พ่อ…แม่”

“…”

“ผมทำร้ายน้องจ้าวต่อไปไม่ได้อีกแล้ว  ฮึก…”

มืออันสั่นเทายกขึ้นปิดปากตัวเองเอาไว้เพื่อกลั้นเสียงสะอื้นสุดฤทธิ์  แต่ก็ไม่ห้ามความเจ็บปวดที่มีในตอนได้

เขาร้องไห้อย่างหนักจนดวงตาแทบจะละลายหายไปพร้อมๆกัน…

 





ตุ้บ…!

ผมทรุดตัวนั่งลงบนพื้นไม่ไกลจากวัดอย่างหมดแรง

ไม่จริง…

ที่ผมเห็นเมื่อกี้มันไม่จริง  หมายความว่ายังไง  หมายความว่ายังไงที่พี่ก้านเรียกพ่อกับแม่ของไอ้ปั้นว่าพ่อและแม่ของตัวเอง!!!

ในเมื่อพ่อของพี่ก้านก็คือลุงกิ่ง  และแม่ของพี่ก้านก็ตายไปตั้งแต่พี่ก้านยังเล็กๆตามที่ลุงกิ่งเคยเล่า  แล้ว…แล้วพ่อกับแม่ของไอ้ปั้น…

จะมาเป็นพ่อกับแม่ของพี่ก้านได้ยังไง!

“มันเรื่องอะไรกัน  เรื่องอะไรกันแน่…”

ผมไม่สามารถระงับอาการสั่นของตัวเองในตอนนี้ได้เลย  ถ้าสิ่งที่ได้ยินเมื่อกี้คือเรื่องจริง  ก็หมายความว่า…

พี่ก้านกับไอ้ปั้น…

เป็นพี่น้องสายเลือดเดียวกัน!!!

 

 

บับเบิ้ลบิวชวนคุย :



มาอัพแล้วจ้า  มาแล้วสำหรับการเฉลยปมแรก!!!  หมายความว่ายังไงกันนะ  พี่ก้านกับน้องปั้นเป็นพี่น้องสายเลือดเดียวกัน???  หรอนี่คือสาเหตุที่ทำให้พี่ก้านยอมทำทุกอย่างได้เพื่อนน้องปั้น?  แต่เอ๊ะๆๆๆ  ถ้างั้นเรื่องของน้องจ้าวล่ะ  พี่ก้านมีเหตุผลอะไรถึงต้องใจร้ายกับน้องจ้าวซ้ำแล้วซ้ำเล่าขนาดนี้  มาช่วยกันติดตามความจริงของเรื่องในตอนต่อไปๆๆๆด้วยเถอะค่ะ!

จุ๊บๆๆๆๆ

ออฟไลน์ cchompoo

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-4
เงื่อนงำเยอะขนาด  :katai1: :katai1:

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4102
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
ปมเยอะจัง

ออฟไลน์ WwW

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 330
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-0

ออฟไลน์ WwW

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 330
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-0


ตอนที่ 22

ค้นหาความจริง (3)

สายสัมพันธ์…

 



Special  Part :

เอายังไงต่อดี?

ผมนอนซึมกะทืออยู่ในห้องตัวเองมาทั้งวันแล้ว แต่ก็ไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงต่อไปดี  เรื่องที่ได้ยินมาเมื่อคืนจริงเท็จแค่ไหนก็ไม่มีทางรู้ได้เลยถ้าไม่ไปถามกับเจ้าตัวเอง  และถ้าหากมันคือเรื่องจริงขึ้นมา  ฟันธงได้เลยว่าไอ้ปั้นไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อนแน่ๆ  เพราะถ้ารู้…

มันคงดีใจมากที่อย่างน้อยบนโลกนี้ยังเหลือคนที่เป็นสายเลือดเดียวกันกับมันอยู่

“แบบนี้คงมีแต่ต้องสืบเองแหละวะ”

ผมบอกกับตัวเอง  เด้งออกจากเตียงแต่งตัวแล้วพุ่งออกจากบ้านทันที  สถานที่ที่จะไปก็คือ…

ร้านถ่ายรูปของไอ้พี่ก้าน!!!

 



วันนี้มันคงไปเฝ้าไอ้ปั้นอีกตามเคย  แต่ก็ถือว่าดีสำหรับผม  เพราะจะได้ทำอะไรได้ถนัดหน่อย  ยังไงผมก็ไม่ยอมให้เรื่องนี้มันจบลงไปพร้อมความสงสัยของผมแน่ๆ  จะต้องรู้ความสัมพันธ์ที่แท้จริงของไอ้พี่ก้านกับไอ้ปั้นให้ได้!

“อ้าว   คุณจ้าว  มาทำอะไรแถวนี้ล่ะครับเนี่ย”

“!!!”

สะดุ้งเฮือกเสมือนโจรที่กำลังจะแอบปีนเข้าบ้านคนอื่น

ผมหันไปมองลุงกิ่งที่ไม่รู้โผล่มาจากซอกไหนเดินเข้ามาทักผมหน้าตาเฉย  ก่อนจะเริ่มสังเกตใบหน้าลุงกิ่งอย่างพินิจพิจารณาอีกครั้ง

“อะ…เอ่อ  มีอะไรหรือเปล่าคุณจ้าว  ผมรู้ว่าผมหล่อถึงแม้จะแก่แล้ว  แต่เล่นมาจ้องกันใกล้ๆแบบนี้มันก็อดเขินไม่ได้นะครับ”

“เงียบน่าลุง  อยู่เฉยๆสักแป๊บนะ”

“คุณจ้าวจะทำอะไรเหรอครับ”

ผมไม่ตอบคำถามลุงกิ่ง  มองสำรวจไปเรื่อยๆเพื่อหาส่วนที่จะสามารถยืนยันได้ว่าลุงกิ่งคือพ่อของพี่ก้านจริงๆ  แต่ว่า…

ยิ่งสำรวจก็ยิ่งเห็นว่าไม่เหมือน!

ทั้งคิ้ว ทั้งตา ทั้งปาก  ทั้งจมูก  ไม่มีส่วนไหนที่เหมือนลุงกิ่งเลยนี่หว่า!

“แปลกนะ  ลุงเป็นพ่อของพี่ก้านแท้ๆ  แต่ทำไมหน้าไม่ค่อยเหมือนกันเลยล่ะ”

“!!!”

แสดงท่าทีมีพิรุธออกมาทันทีเมื่อเจอผมพูดแทงใจดำเข้าไปเต็มๆ  เหงื่อเม็ดเล็กผุดขึ้นอาบแก้มของลุงดิ่งลงมาเป็นทางยาว

“คะ…คงจะเหมือนแม่ของมันล่ะมั้งครับ  คุณจ้าวอย่าสนใจเรื่องนี้เลย”

“น่าเสียดายที่ฉันสนนะลุง  ไหนๆก็เจอกันแล้ว  ช่วยเล่าเรื่องพี่ก้านให้ฟังหน่อยได้หรือเปล่าล่ะ”

“ผมไม่รู้ว่าคุณจ้าวอยากจะพูดอะไรกันแน่นะครับ  แต่ไอ้ก้านน่ะมันลูกผมจริงๆ  ผมเลี้ยงมันมาเองกับมือของผม!”

“เลี้ยงมาเองก็ไม่ได้หมายความว่าจะต้องเป็นลูกสักหน่อย”

ผมยังไล่บี้ไม่เลิก

ยังไงวันนี้ก็ต้องรู้ความจริงให้ได้ล่ะเว้ยยยย!

“ผมขอตัวก่อนดีกว่าครับ  วันนี้คุณจ้าวคงเมามา”

ลุงกิ่งเบี่ยงตัวหลบเดินหนีกลับไปทางบ้านของตัวเอง  ดูจากท่าทางที่แสดงออกมาแล้ว  ไม่ผิดแน่ๆ

จะต้องมีความลับเร่องชาติกำเนิดที่แท้จริงของพี่ก้านซ่อนอยู่แน่นอน!

คล้อยหลังลุงกิ่งไปไกลผมก็ลงมืองัดประตูบ้านของไอ้พี่ก้านทันที  ภายในบ้านจะต้องมีอะไรซ่อนอยู่แน่นอน  ต้องมีสิ  หลักฐานที่จะบอกว่าพี่ก้านใช่หรือไม่ใช่ลูกของลุงกิ่งกันแน่!

“จริงสิ  ใบเกิด!”

ยิ้มอย่างดีใจเมื่อนึกอะไรดีๆขึ้นมาได้

แกร๊ก!

ประตูถูกปลดล็อกออกอย่างง่ายดาย  ฝีมือการงัดบ้านคนอื่นของผมยังใช้ได้ดีอยู่แฮะ  นั่นก็เพราะตอนเด็กๆผมต้องพยายามสะเดาะกุญแจห้องหลายต่อหลายครั้งเพื่อหนีมาเล่นกับพวกพี่ก้านจนกลายเป็นชำนาญทางด้านนี้ไปโดยปริยายยังไงล่ะ

“ชอบใช้กุญแจที่สะเดาะง่ายเหมือนเดิม”

บ่นทิ้งท้ายเล็กน้อยก่อนจะถือวิสาสะขั้นรุนแรงเข้าไปในบ้านพี่ก้าน

จะเรียกว่าบ้านก็คงไม่ถูกนัก  เพราะมันเป็นทั้งบ้านและร้านถ่ายรูปที่พี่ก้านเปิดไว้เพื่อทำเป็นอาชีพ  รอบๆร้านจึงเต็มไปด้วยรูปภาพมากมาย  ทั้งภาพวิว  และภาพคน

ผมเดินลึกเข้าไปด้านในเพื่อตามหาห้องนอนของมัน  ร้านนี้เป็นร้านชั้นเดียวที่ยาวพอสมควร  ตรงด้านหน้าจะเป็นโวนของร้านทั้งหมด  พอเดินแหวกม่านที่กั้นระหว่างโซนหน้าร้านกับบริเวณสำหรับใช้เป็นบ้านพักเอาไว้เข้ามาก็จะเจอห้องนั่งเล่นเล็กๆ  เดินแหมวกม่านไปอีกก็จะห้องครัว

อ้าวเฮ้ย!  นี่มึงข้ามขั้นจากห้องรับแขกเป็นห้องครัวเลยเรอะ

ผมส่ายหน้ากับการออกแบบบ้านของไอ้พี่ก้านก่อนจะเดินไปยังประตูด้านในสุดเพราะมั่นใจว่านั่นจะต้องเป็นห้องนอนของมันแน่ๆ  ทันทีที่เข้าไปก็ต้องพบกับความมุ้งมิ้งจนแทบอ้วกออกมาเป็นสีชมพูและคิตตี้!!!

คือมึงแค่แต่งตัวเป็นผู้หญิงเพื่อเป็นแม่ให้ไอ้ปั้นก็พอแล้วมั้ง  ไม่ต้องเนียนถึงขั้นเอาสีชมพูมาประดับห้องหรอกเว้ยยยย!

หาที่เปิดไฟในห้องอยู่นานกว่าจะเจอ  ลำพังแค่แสงที่ส่องผ่านมาทางหน้าต่างบานเกล็ดมันไม่พอหรอก  ผมลงมือค้นหาทุกอย่างที่มันน่าค้น  ไม่ว่าจะเป็นตู้เสื้อผ้า  ลิ้นชักตรงโต๊ะหนังสือ  หรือแม้กระทั่งฝ้าเพดาน  แต่…

“ไม่เห็นมีเหี้ยอะไรเลยยย!”

ทึ้งหัวตัวเองด้วยความหงุดหงิด

อุตส่าห์เสี่ยงคุกงัดบ้านคนอื่นเขามาเพื่อหาหลักฐาน  แต่กลับไม่มีอะไรให้หาสักอย่าง  แบบนี้กูจะเอาความจริงที่ไหนมารู้ล่ะเว้ย!

“โธ่เว้ย!”

กุกๆๆๆ

ด้วยความโมโหเลยระบายอารมณ์ด้วยการเตะอากาศเล่น  แต่กลับผิดพลาดเพราะดันมีของตกอยู่ที่พื้น  ก็เลยถูกลูกเตะของผมเตะเข้าจนกลิ้งไปใต้เตียง

ตายห่าล่ะ!  เกิดไอ้พี่ก้านมันกลับมาที่บ้านแล้วของทุกอย่างไม่ได้อยู่ที่เดิม  มันต้องสงสัยแน่ๆ!

ผมรีบก้มลงไปใต้เตียงเพื่อจะหยิบอะไรก็ตามที่ผมได้เตะเข้าไปเมื่อกี้ออกมา  แต่เพราะใต้เตียงมันค่อนข้างต่ำจนไม่สามารถสอดหัวเข้าไปมองได้ก็เลยต้องใช้เพียงมือควานหาไปเรื่อยๆแทน

กุก!

“หือ?”

อะไรบางอย่างที่ผมคิดว่าไม่น่าจะใช่สิ่งที่ผมเตะเข้าไปสร้างความสงสัยให้เป็นอย่างมาก  จนต้องรีบเขี่ยนมันออกมาดูว่าคืออะไร

มันคือกล่องไม้ขนาดสี่เหลียมผืนผ้าเก่ากึกและมีฝุ่นจับหน่อยๆ  ผมไม่เคยเห็นกล่องไม้นี้มาก่อนเลย  หรือว่ามันจะ…!

ว่าแล้วก็จัดการเปิดออกดูทันที  ตอนนี้มันคือความหวังเดียวสำหรับผม  ถ้าผมจะสามารถรู้อะไรได้บ้างจากของสิ่งนี้  ผมก็พรอ้มที่จะเปิดมัน  แม้ว่ามันอาจจะเป็นกล่องแพนโดร่าสำหรับผมก็ตาม

ภัยพิบัติ…

จะเกิดขึ้นกับผมต่อจากนี้หรือเปล่านะ

“นี่มัน…”

ภายในบรรจุรูปถ่ายอยู่เต็มไปหมด  ผมหยิบขึ้นมาดูไปทีละภาพก็พบว่าส่วนใหญ่จะเป็นรูปไอ้ปั้นตั้งแต่เล็กๆเรื่อยมาจนโตเป็นควาย  นอกจากนั้นก็ยังมีรูปของผมและพี่ดาวแทรกอยู่บ้าง  ติดก็ตรงที่ทุกรูปที่เป็นรูปผมนั้นมีเมจิกสีแดงวงที่หน้าผมไว้ด้วยรูปหัวใจ

“ไอ้บ้าเอ๊ย”

ให้ตายสิ  ผมหุบยิ้มไม่ได้เลย!

ไม่ใช่แค่รูปหรือสองรูปเท่านั้น  แต่หลังๆมากลายเป็นรูปของผมทั้งหมด  ไม่มีรูปไอ้ปั้นเลยแม้แต่ใบเดียว  ทุกรูปล้วนเป็นรูปแอบถ่ายผมในอิริยาบถต่างๆ  แน่นอนว่าเป็นรูปหลังจากที่ตัดสินใจตัดขาดจากมันแล้วเสียส่วนใหญ่

หมายความว่า…ไอ้พี่ก้าน…

เฝ้าดูผมมาตลอดเลยงั้นเหรอ?

“หืม?”

มีข้อความเขียนไว้หลังรูปผมด้วยแฮะ

 

‘วันนี้ก็น่ารักอีกแล้ว  น้องจ้าวเปลี่ยนทรงผมด้วย  แต่ไม่ว่าทรงไหนก็น่ารักสำหรับพี่ก้านเสมอแหละ’

 

ผมยิ้มไปและเริ่มพลิกรูปต่อไปเพื่ออ่านข้อความเรื่อยๆ  ไม่ใช่แค่ปีหรือสองปี  แต่รูปพวกนี้มันเริ่มตั้งแต่ที่รู้จักกันมา  และเริ่มเยอะขึ้นในช่วงที่ผมอายุแปดขวบจนถึงตอนนี้  ทั้งหมดก็สิบเอ็ดปี…

สิบเอ็ดปีที่ความสัมพันธ์ที่เคยแน่นแฟ้นของพวกเราทั้งสี่ต้องระหองระแหงไปตามกาลเวลา

สิบเอ็ดปีที่ผมไม่เคยรู้เลยว่าคนๆนี้ยังคงเฝ้าดูผมอยู่เสมอ

ถ้าไม่มีรูปพวกนี้  ผมคงลืมไปแล้วว่าเมื่อก่อนตัวเองสนิทกับไอ้ปั้นมากขนาดไหน  เสียงหัวเราะที่เคยดังไปพร้อมๆกับเสียงหัวเราะของไอ้ปั้น  เรื่องพวกนั้นน่ะ  ผมทิ้งมันไปหมดแล้วเพราะเอาแต่คิดว่าทำไมตัวเองถึงถูกทิ้ง

ผมไม่เคยรู้เลยว่าพี่ก้านต้องแบกรับอะไรเอาไว้บ้าง

เขาต้องเจ็บปวดและทุกข์ทนขนาดไหนที่ต้องเก็บเรื่องราวทั้งหมดเอาไว้คนเดียว

“อ๊ะ  นี่มัน…”

พอหยิบภาพทั้งหมดขึ้นมา  ปรากฏว่ามีกระดาษอีกแผ่นถูกวางไว้ด้านในสุดของกล่อง  ผมหยิบมันขึ้นมาดูแล้วพลิกอีกหน้าหนึ่งทันที

“มะ…ไม่จริง”

มืออันสั่นเทายกขึ้นปิดปากด้วยไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เห็น

ถึงจะทำใจมาก่อนหน้านี้บ้างแล้วว่าสิ่งที่ได้ยินเมื่อวานมันอาจจะเป็นเรื่องจริง  แต่พอได้เห็นหลักฐานเต็มๆแล้วมันก็อดคิดไม่ได้ว่าเพราะอะไร…

พี่ก้านถึงกลายมาเป็นลูกของลุงกิ่งไปได้

ทั้งที่ในใบเกิด  ตรงชื่อมารดาและบิดา  มันคือชื่อพ่อกับแม่ของไอ้ปั้นชัดๆ!

คำถามมากมายผุดขึ้นในหัวเต็มไปหมด  มีเหตุผลอะไรพี่ก้านถึงต้องปิดเรื่องที่ตัวเองเป็นพี่ชายแท้ๆของไอ้ปั้นเอาไว้  มีแต่เรื่องที่ไม่เข้าใจทั้งนั้นเลยโว้ย!!!

แอ๊ด…

“น้องจ้าว!!!”

เสียงร้องอย่างตกใจของไอ้พี่ก้านทำผมตกใจยิ่งกว่า  หลักฐานที่ว่าผมมาเสือกเรื่องของมันโดยพลการยังคามือของผมอยู่!

ร่างสูงรีบวิ่งมาดึงกล่องไม้ไปจากผมด้วยสีหน้าร้อนรน   ตายห่าแล้วไงไอ้จ้าว  จะแถต่อยังไงดีล่ะทีนี้!

“ทำไมทำแบบนี้ล่ะครับ!  พี่ก้านจำไม่เห็นได้ว่าเคยสอนให้น้องจ้าวทำตัวไร้มารยาทขนาดนี้ด้วย!”

“คือว่า  ไม่ใช่แบบนั้นนะ  กูแค่…”

“ออกไป!”

“พี่ก้าน”

“พี่บอกให้ออกไป!”

ยังคงตวาดไม่เกิน

นัยน์ตาเกรี้ยวกราดของมันกำลังจะทำให้ผมระเบิดลงบ้างแล้ว

ผมตรงเข้าไปหาคนหน้าหวานด้วยอารมณ์โกรธดั่งแผดเผา  เขย่าตัวมันเต็มแรงเพื่อเรียกสติของมันกลับมา

ได้เวลาที่ต้องพูดความจริงกันแล้วไอ้พี่ก้าน!

“ผมรู้ความจริงแล้ว  นี่ใช่ไหมคือสาเหตุที่พี่ยอมทำทุกอย่างได้เพื่อไอ้ปั้น  เพราะมันคือน้องชายแท้ๆของพี่ใช่ไหม!” 

“น้องจ้าวดูของในกล่องนี่แล้วเหรอ?”

พี่ก้านถามน้ำเสียงและหน้าตื่นตระหนก

“ใช่!”

“ทั้งหมดเลยเหรอครับ!”

“กูจะดูมากน้อยแค่ไหนก็ช่าง  แต่มึงตอบกูมาว่ามึงมีเหตุผลอะไรต้องปิดบังเรื่องพวกนี้  หรือมึงกลัวไอ้ปั้นมันจะรับไม่ได้ที่มีมึงเป็นพี่!  งั้นกูตอบให้เลยนะว่ามึงคิดผิด  คนอย่างไอ้ปั้นไม่มีทางรังเกียจมึงแน่  มีแต่จะดีใจเสียด้วยซ้ำ!”

ไอ้พี่ก้านยังคงเงียบไม่ยอมตอบอะไร  มันประคองกล่องไม้นั้นไว้อย่างดีประหนึ่งของมีค่าที่สุดในชีวิตของมันอยู่ในนั้น

“กูเปิดกล่องแพนโดร่าของมึงออกมาแล้ว  ถ้านี่คือความลับที่มึงปิดบังเอาไว้  คือเหตุผลที่มึงทำได้ทุกอย่างเพื่อไอ้ปั้น  งั้นเรื่องของกูล่ะ  เหตุผลอะไรที่มึงต้องทำให้กูเจ็บปวดซ้ำแล้วซ้ำเล่า!”

“ออกไปเถอะครับ  พี่ก้านไม่มีเรื่องอะไรจะคุยกับน้องจ้าวทั้งนั้น”

“ไม่!”

“…”

“วันนี้กูจะต้องได้รู้ทุกอย่างที่กูอยากรู้  จะต้องรู้ให้ได้ว่าทำไมมึงถึงทำร้ายกูได้เลือดเย็นขนาดนี้!”

“อ๊ะ!  น้องจ้าวครับ  ใจเย็นก่อนสิ  น้องจ้าว!”

“มึงก็บอกกูมาสิ!  บอกกูมาว่าเป็นเหี้ยอะไร!  หรือมึงยังมีความลับอะไรที่ปิดยังกูเอาไว้อีกฮะ  บอกกูมา  ไอ้พี่ก้าน  กูบอกให้บอกกูมา!!!”

“น้องจ้าว!”

โครม!!!

เพราะออกแรงเขย่าตัวอีกฝ่ายมากเกินไป  เลยทำให้พี่ก้านล้มตึงไปกับพื้นจนกล่องไม้กระเด็นไปอีกทาง

ผมเบิกตากว้าง  ตกใจเมื่อของในกล่องกระเด็นออกมาจนหมด  รีบหันหลังไปเก็บของสำคัญพวกนั้นกลับเข้ากล่องให้พี่ก้านตามเดิม  แต่ทว่า…

รูปใบหนึ่งที่ผมคิดว่ามันน่าจะถูกซ่อนเอาไว้ใต้เอกสารใบเกิดของพี่ก้านอีกทีดันหลุดกระเด็นออกมาด้วย  ผมจะไม่สะดุดตาเลยถ้าหากว่ารูปนี้…

“หมาย…หมายความว่า…ยังไง”

“น้องจ้าว…”

“บะ…บอกมา  รูปนี้…คืออะไร”

น้ำตาไหลพรากลงมา  ผมหันไปถามพี่ก้านทั้งน้ำตาพร้อมกับเสียงสะอื้นที่หลั่งออกมาไม่ขาดสาย  พี่ก้านรีบคลานเข่าเข้ามาหา  แต่ทันทีที่มือหนาสัมผัสกับร่างกาย  ผมก็ถอยหนีอัตโนมัติ

“น้องจ้าว  ฟังพี่ก้านก่อน  ฟังพี่ก้านอธิบายก่อนนะ”

“บอกมา   ได้โปรด  บอกมาเถอะ  ฮึก…”

ผมอ้อนวอน  ชูรูปใบนั้นพร้อมตั้งคำถามที่กรีดหัวใจตัวเองเหลือเกินออกไป

“น้องจ้าว  อย่าร้อง  อย่าร้องแบบนี้สิ”

“ถ้างั้นก็บอกมาสิว่ารูปนี้มันหมายความว่ายังไง!!!  ทำไมรูปตอนผมเกิดคนที่อุ้มผมอยู่บนเตียงในโรงพยาบาลถึงเป็นแม่ของพี่กับไอ้ปั้น! กับพ่อของผมที่ยืนยิ้มอยู่ข้างๆนั่นอีก  มันหมายความว่ายังไงกันฮะ!!!”

ผมโยนรูปนั้นใส่หน้าไอ้พี่ก้าน  ความจริงที่ผมกลัวกำลังเริ่มเกาะกินหัวใจ

ขอให้มันไม่ใช่…

ขอให้ไม่ใช่อย่างที่คิด…

ขอร้องล่ะ…

“ขอร้อง…  โกหกผมที  ไม่ใช่ใช่ไหม  ไม่ใช่แบบที่ผมคิดใช่ไหม  ฮือ…”

ผมทุบอกพี่ก้านที่พยายามดึงผมเข้าไปกอด  แต่เรี่ยวแรงมันกลับหายไปดื้อๆ  ผมทำอะไรไมได้เลยนอกจากร้องไห้ออกมา

“พี่ก้านขอโทษ  พี่ก้านขอโทษจริงๆ”

“ไม่จริง  ผมไม่เชื่อ…  ไม่เชื่อเด็ดขาด…”

“…”

“จะเป็นไปได้ยังไง  ถ้าเป็นแบบนี้…แล้วผมกับพี่…”

“…”

“เราจะรักกันได้ยังไง”

ฮึก…

ไม่ไหวแล้ว…

ถึงตอนนี้ผมเข้าใจทุกอย่างโดยที่พี่ก้านไม่ต้องอธิบาย

ทำไมพี่ก้านถึงยอมถอยเรื่องของเรา  ทำไมถึงต้องทำเย็นชาและผลักไสผม  มันเป็นเพราะ…พวกเราไม่สามารถรักกันได้

ความรักของพวกเรา…มันไม่สามารถเป็นไปได้เลย!!!

“ยังไงกูก็ไม่เชื่อ”

“น้องจ้าว”

“โชคชะตาเฮงซวย!  ทำไมต้องเล่นตลกกับชีวิตกูด้วย!”

“พอเถอะครับน้องจ้าว  พอเถอะ…”

“เพราะแบบนี้ใช่ไหมพี่ก้านถึงได้ยอมแพ้เรื่องของเรา  เพราะว่ารู้เรื่องนี้ใช่ไหม!”

พี่ก้านไม่ตอบ แต่ผมกลับมองเห็นความเจ็บปวดและความทุกข์ทรมานตลอดหลายปีของพี่ก้านอัดแน่นอยู่ในดวงตา 

ไม่…

ไม่เชื่อ…

ต้องไม่ใช่แบบนี้สิ  พวกเราจะกลายเป็นพี่น้องแม่เดียวกันไปได้ยังไง!  ตลกเกินไปแล้ว!

“น้องจ้าวจะไปไหนครับ!”

“อย่ามายุ่งกับกู  กูไม่เชื่อเด็ดขาด  กูไม่เชื่อว่ามึงกับกูจะเป็นพี่น้องกัน  จำใส่หัวไว้เลยนะ  มึงคือคนที่กูรัก!  มึงคือผู้ชายคนแรกที่กูมีอะไรด้วย!  และมึงกับกูจะไม่มีวันเป็นพี่น้องกันได้เด็ดขาด!”

“น้องจ้าว  น้องจ้าว!”

ผมวิ่งหนีออกมาจากบ้านของพี่ก้านอย่างไม่คิดชีวิต  ตรงไปยังทะเลที่เปรียบเหมือนจุดศูนย์

“กลางของทุกสิ่งในชีวิตผม

“อ๊ากกกกกกกกกกกก!”

ร้องตะโกนปลดปล่อยความเจ็บปวดออกมาจนหมดสิ้น

ผมวิ่งลงไปในน้ำทะเล  ถลาทรุดตัวลงด้วยหมดแรงที่จะยืนต่อ

“ทำไมต้องเป็นแบบนี้  ทำไม!!!!!”

โชคชะตาต้องการแกล้งผมงั้นเหรอ?

อยากเห็นผมเจ็บปวดจนตายไปเลยใช่ไหมถึงเล่นตลกใส่กันแบบนี้  ไม่รู้หรือไงว่าตลกแบบนี้ไม่มีใครเขาขำออกทั้งนั้น!

ภาพความทรงจำต่างๆนานาเข้ามาในหัวไม่หยุด  เท่ากับว่าไม่ใช่แค่ผมและพี่ก้านเท่านั้นที่มีสายเลือดเดียวกัน  แต่ยังมีไอ้ปั้นอีกคน…

พวกเราสามคนมีแม่คนเดียวกัน

ผมควรทำยังไงดี  ควรจัดการกับเรื่องพวกนี้ด้วยวิธีไหน!  ยิ่งรู้ว่าพี่ก้านต้องเก็บความลับพวกนี้และเจ็บปวดกับมันมานานแค่ไหนผมก็ยิ่งเกลียดตัวเอง  ที่ในเวลานั้น ผมเอาแต่เกลียดเขา  เอาแต่คิดว่าเขาเห็นแก่ตัวที่ทิ้งผมไป

โดยที่ไม่ต้องถาม  ผมรู้ได้ในทันทีว่าเพราอะไรพี่ก้านถึงต้องเก็บเรื่องพวกนี้เอาไว้คนเดียว  นั่นก็เพื่อผม  เพราะรู้ความรู้สึกที่ผมมีต่อเขาดี  ถึงได้พยายามจะปกป้องความรู้สึกของผมเอาไว้  เพราะถ้าหากผมรู้ว่าเราเป็นพี่น้องกันและไม่สามารถรักกันได้นั้น  แน่นอนว่าผมจะต้อง…

เจ็บปวดเจียนตายอย่างในวันนี้

ถ้าหากผมไม่ดื้อดึงที่จะสืบหาความจริงเรื่องของพี่ก้านกับไอ้ปั้น  ผมก็คงไม่ต้องเจอกับเรื่องราวพวกนี้  ผมผิดเองที่ฝืนเปิดกล่องแพนโดร่าออกมา  เพราะถ้าผมไม่เปิดกล่องต้องห้ามนี้  อย่างมากความสัมพันธ์ของเราก็คงจบลงด้วยความคิดของผมที่ว่าพี่ก้านรักไอ้ปั้นไม่ใช่ผม

คงไม่เจ็บปวดจนหัวใจแทบสลายเท่าความจริงที่รู้ในวันนี้!

“ไม่เอาแล้ว  ถ้าต้องเจ็บปวดขนาดนี้น่ะ  ไม่เอาแล้ว”

ผมลุกขึ้นจากน้ำ  ความเจ็บปวดอย่างกะทันหันทำให้สมองเริ่มไม่สั่งการและไร้ความรู้สึกเข้าไปทุกที  สองขาพาผมเดินไปยังหน้าผาที่ไม่ไกลจากหมู่บ้านนักราวกับร่างที่ไร้วิญญาณ  เดินเซไปเซมาราวกับว่าทุกสิ่งในชีวิตได้พังพินาศไปหมดแล้ว

ใช่…

มันพังไปหมดแล้ว

ความหวังเดียวที่ทำให้ผมอยากอยู่บนโลกนี้ต่อไป  สลายหายไปพร้อมกับความจริงที่ได้รับรู้ในวันนี้…

ถ้าหาก…ถ้าหากชาตินี้เราสองคนไม่สามารถรักได้จริง  อย่างนั้น…ผมขอได้ไหม…

ชาติหน้า…หากชาตินี้มีจริง  ขอให้ผมเกิดมาในฐานะที่สามารถรักกับพี่ก้านได้อย่างเปิดเผยและอยู่ด้วยกันได้ตลอดไป

“ฮึก…พี่ก้าน…”

ไม่ว่าจะหันไปทางไหน  ทุกที่ที่ผมมองไปก็มีแต่ภาพที่พี่ก้านแสดงสีหน้าเจ็บปวดออกมาทั้งนั้น

ผมไม่เคยรู้อะไรเลย  ไม่รู้ว่าพี่ก้านต้องทรมานมากแค่ไหน  เอาแต่เรียกร้องในสิ่งที่เขาไม่สามารถพูดมันออกมาได้  ทำให้เขาต้องเจ็บช้ำแล้วซ้ำแล้ว

ผมจะ…

“ชดใช้ให้พี่เดี๋ยวนี้”

สายลมแรงจากทะเลพัดเข้าปะทะกับร่างกายขณะที่ปลายเท้ายื่นออกมาจากหน้าผาครึ่งหนึ่ง  เบื้องหน้าคือทะเลที่มีคลื่นลมแรงเพราะยังไม่หมดหน้าพายุ

ผมจะไม่ยอมเป็นทาสของโชคชะตาที่ทำร้ายผมแบบนี้

พี่ก้าน…

ลาก่อน…

“ผมรักพี่ก้านนะ”

สองตาค่อยๆหลับสนิท  ในหัวใจว่างเปล่าไม่เหลืออะไรอีกแล้ว…

ตู้ม!!!

ซ่า…ซ่า…

ปลายยอดหน้าผาว่างเปล่า  คงเหลือไว้แค่เพียง…เสียงเกลียวคลื่นเท่านั้น

 

 

บับเบิ้ลบิวชวนคุย :

มาอัพแล้วจ้า!  ในที่สุดความลับที่พี่ก้านเก็บงำเอาไว้มานานแสนนานก็เปิดเผย  เหตุผลที่พี่ก้านต้องใจร้าย  เหตุผลที่ไม่สามารถตอบรับความรู้สึกของน้องจ้าวทั้งที่รักมากมายเหลือเกินก็เพราะ…สายเลือดที่หลั่งไหลอยู่ในตัวของทั้งสองคน  ครึ่งหนึ่งมาจากผู้หญิงคนเดียวกันนั่นก็คือแม่?!  อาการช็อกหลังได้รับรู้ความจริงทำให้น้องจ้าวของเราสติหลุดจนคิดสั้น  เรื่องราวจะเป็นยังไงต่อไป  ฝากติดตามด้วยจ้า ^^

ออฟไลน์ cchompoo

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-4

ออฟไลน์ WwW

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 330
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-0

ออฟไลน์ WwW

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 330
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-0


ตอนที่ 23

ค้นหาความจริง ( 4 )

ความลับของชาติกำเนิด

 

Double Special :

‘ลองท่านดูสิจ๊ะก้าน  น้าทำมาให้ก้านสุดฝีมือเลยนะ’

หญิงสาววัยกลางคนที่เป็นเจ้าของดวงหน้าสวยหวานและใจดีเอ่ยขึ้นพร้อมรอยยิ้ม  ก้านในวัยห้าขวบรีบรับมาด้วยความดีใจ

‘ขอบคุณมากนะครับน้าขวัญ”

‘ไม่เป็นไรจ้ะ  ถ้าก้านชอบ  น้าจะทำให้มาอีกนะ’

‘จริงเหรอครับ  ขอบคุณมากเลย  น้าขวัญทำให้ผมรู้สึกเหมือนตัวเองมีแม่…’

คำพูดของเขาทำให้เธอสะเทือนใจไม่น้อย  หญิงสาวเบือนหน้าหนีน้ำตาคลอ  เด็กน้อยกินขนมที่ได้มาอย่างเอร็ดอร่อยพลางยิ้มกว้างจนตาหยี

 

‘ขอโทษ  แม่ขอโทษนะลูก…’

 

สิบปีผ่านไป…

‘พ่อเรียกผมมาที่นี่ทำไมเหรอครับ?’

ก้านในวัยสิบห้าปีเอ่ยถามพลางมองไปรอบๆ

ในห้องมี ‘ปืน’  พ่อของปูนปั้นนั่งร้องไห้อยู่  ตรงหน้าเขามีเกล็ดปลาสีเขียวสวยวางอยู่หนึ่งเกล็ด

‘ที่พ่อเรียกเอ็งมา  ก็เพราะมีความจริงอยากจะบอกเอ็ง  มันความจริงเกี่ยวกับชาติกำเนิดที่แท้จริงรวมถึง…พ่อแม่ที่ให้กำเนิดเอ็งมา’

‘ไอ้กิ่ง  เอาจริงเหรอวะ?’

ปืนแย้งขึ้น   ก้านขมวดคิ้วมุ่น  ไม่เข้าใจเลยว่าพ่อของเขากำลังพูดเรื่องอะไร

‘ข้าตัดสินใจดีแล้ว  ไอ้ก้านมันควรจะได้กราบศพแม่ที่ให้กำเนิดมันมา’

‘แม่?  พ่อพูดอะไรน่ะ  ก็แม่ตายไปแล้วไม่ใช่เหรอ?’

เด็กหนุ่มยังไม่เข้าใจ  กิ่งส่ายหัวก่อนจะเดินไปหยิบเกล็ดปลาแสนงดงามนั้นขึ้นมา

‘นี่ต่างหากล่ะ  แม่ของแก’

‘พ่อจะเล่นตลกอะไรน่ะ  ผมไม่ขำด้วยหรอกนะ’

‘ข้าไมได้เล่นตลก  ข้าพูดจริงๆ  เอ็งน่ะ…ครึ่งหนึ่งในตัวของเอ็งความจริงแล้ว…เป็นเงือก’

‘!!!’

‘ขวัญตาคือแม่ที่แท้จริงของเอ็ง  และไอ้ปืนก็คือพ่อแท้ๆของเอ็งไม่ใช่ข้า   ตอนเอ็งเกิดมา  ขวัญตาได้ใช้พลังชีวิตครึ่งหนึ่งของตัวเองสะกดวิญญาณเงือกที่มีอยู่ครึ่งหนึ่งในตัวของเอ็งเอาไว้เพื่อปกป้องเอ็งจากพวกกบฏในแดนเงือก  เพราะแท้จริงแล้วแม่เอ็งมีเชื้อวายพระวงศ์ของแดนเงือก  ถูกตามล่าและหนีตายมาที่เมืองมนุษย์จนเจอกับไอ้ปืนพ่อของเอ็งเข้า  ข้ากับไอ้ปืนเป็นคนช่วยแม่เอ็งไว้เมื่อยี่สิบปีก่อน  จนแม่ของเอ็งกับไอ้ปืนรักกันแล้วให้กำเนิดเอ็งออกมา  แต่ตอนนั้นที่แดนเงือกสงครามยังไม่สงบ  และแม่ของเอ็งยังถูกตามล่าตัวอยู่  เธอเลยยกเอ็งให้เป็นลูกของข้า  เพื่อให้เอ็งไม่เป็นที่สนใจของพวกกบฏ  แม่และพ่อของเอ็งต้องทำเป็นคนอื่นเพื่อปกป้องเอ็งมาตลอดสิบห้าปี!’

กิ่งบอกความจริงทีเก็บงำมาตลอดสิบห้าปีกับก้านทั้งน้ำตา  ส่วนปืนก็ร้องห่มร้องไห้พร่ำขอโทษลูกชายคนโตที่เขาต้องทำแบบนั้น

‘พ่อกำลังจะบอกว่าผม…เป็นครึ่งมนุษย์  ครึ่งเงือก  งั้นเหรอครับ…’

‘ตอนแรกน่ะก็ใช่  แต่ว่าตอนนี้ไม่ใช่แล้ว  พลังชีวิตครึ่งหนึ่งของขวัญที่เคยมอบให้เอ็งเพื่อสะกดวิญญาณเงือกเอาไว้นั้น  ได้เผาผลาญทำลายมันไปจนหมดแล้ว  ตอนนี้เอ็งเป็นมนุษย์ธรรมดาๆคนหนึ่งเท่านั้น  เพียงแต่…’

‘เพียงแต่อะไรครับ?’

‘เพราะมอบพลังครึ่งหนึ่งให้กับแกไปแล้ว  พลังในการมีชีวิตของขวัญตาจึงหายไปด้วย  และเมื่อเธอให้กำเนิดลูกชายอีกหนึ่งคนซึ่งก็คือไอ้ปั้น  ทำให้เธอไม่มีพลังมากพอที่จะสะกดวิญญาณเงือกในตัวเจ้าปั้นไว้ได้  ทั้งในตัวของเจ้าปั้นเอง  ยังมีสายเลือดของเงือกเยอะกว่ามนุษย์ 70 เปอร์เซ็น’

‘พ่อจะบอกอะไรกันแน่  ผมกับรูปปั้นเป็นพี่น้องแท้ๆกัน  แค่นั้นใช่ไหม?’

เด็กหนุ่มถามเสียงสั่น  เกล็ดปลาในมือของกิ่งตอนนี้ทำให้เด็กหนุ่มใจไม่ดีเอาเสียเลย

‘ก้าน  ทำใจดีๆไว้นะ  เพราะพลังเงือกของเจ้าปั้นมีมากเกินไปจนเป็นอันตราย  ถ้าหากไม่ทำการหยุดมันเอาไว้  พวกกบฏที่เคยตามล่าเอ็งกับแม่ของเอ็งจะต้องจับสัมผัสได้และตามมาเจอในที่สุด  เพราะงั้น…แม่เอ็งถึงได้ใช้วิธีต้องห้ามในกลุ่มเงือก  ทำเรื่องที่อันตรายที่สุดเพื่อปกป้องลูกชายทั้งสองเอาไว้เป็นครั้งสุดท้าย’

‘นะ…น้าขวัญทำอะไรครับ…’

‘บูชายันห์วิญญาณ’

‘!!!’

‘ขวัญตายอมสละพลังชีวิตที่เหลืออยู่ทั้งหมดรวมถึงวิญญาณของตัวเองหลังความตาย  เพื่อที่จะผนึกวิญญาณเงือกของเจ้าปั้น  ป้องกันไม่ให้กบฏพวกนั้นตามหาพวกเอ็งทั้งสองคนเจอยังไงล่ะ’

‘…’

‘และนี่…คือสิ่งที่เหลืออยู่เพียงชิ้นเดียวจากร่างกายแม่ของเอ็ง  เกล็ดของขวัญตา’

กิ่งส่งมอบเกล็ดนั้นต่อให้ก้านทื่ยืนสกัดกลั้นน้ำตาเอาไว้เต็มที่  เขาแทบไม่อยากเชื่อสิ่งที่ได้ยิน  แต่ภาพความทรงจำที่ขวัญตาคอยดูแลเขามาตลอดตั้งแต่เด็กก็ทำให้เขาสัมผัสได้ว่า…

ความรักความอบอุ่นที่เคยได้รับจนรู้สึกเหมือนขวัญตาเป็นแม่นั้น  ไม่ใช่เป็นเพราะความสงสารจากเธอ  แต่เป็นเพราะ…

เธอคือแม่ที่แท้จริงของเขานั่นเอง

‘แม่รักลูกมากนะก้าน  เพราะรักมากถึงต้องทำแบบนั้น  อย่าโกรธแม่กับพ่อเลยนะลูก’

ปืนลุกขึ้นมาหาก้าน  เขายังเสียใจกับการจากไปของขวัญตาไม่คลาย  หากแต่ก็ยอมรับการตัดสินใจของเธอเช่นกัน  เพราะสำหรับเธอแล้ว…

ชีวิตของลูกชายทั้งสองสำคัญยิ่งกว่าสิ่งใดบนโลกนี้

‘แล้วพวกเราต้องทำยังไงต่อไปล่ะครับ  กบฏพวกนั้น…จะตามล่าพวกเราอีกหรือเปล่า’

‘ตอนนี้ในตัวของลูกกับปั้นไม่มีวิญญาณของเงือกเหลืออยู่แล้ว  พ่อคิดว่าไม่น่าจะมีอะไร  แต่ว่า…ก็ยังวางใจพลังในตัวปั้นไม่ได้อยู่ดี  น้องของลูกมีวิญญาณเงือกอยู่ในตัวมากกว่าวิญญาณมนุษย์  ถึงแม้แม่ของพวกลูกจะยอมสละชีวิตเพื่อผนึกเอาไว้  แต่ทุกสิ่งย่อมมีข้อยกเว้น’

‘ข้อยกเว้น?’

‘พลังที่แฝงอยู่ในตัวปั้นสามารถตื่นขึ้นมาได้อีกครั้ง  ถ้าน้องของลูก…โกรธจนถึงที่สุด’

‘แล้วถ้าพลังนั้นของรูปปั้นตื่นขึ้นมาจริงๆ  จะเป็นยังไงเหรอครับ?’

‘แม่ของลูกเคยบอกพ่อว่า  ลูกกับปั้นเป็นสายเลือดผสม  พลังจึงมีไปในทางใดทางหนึ่งมากกว่า  ในส่วนของลูกนั้น เพราะมีวิญญาณมนุษย์มากกว่า  ทำให้ลูกมีพลังในฐานะมนุษยมากกว่ามนุษย์ปกติทั่วไป  ส่วนของปั้น…’

‘…’

‘น้องมีวิญญาณเงือกมากกว่า  ถ้าหากพลังนั้นถูกปลุกขึ้นมา  ว่ากันว่าพลังของสายเลือดผสมจะทำลายล้างพลังขององค์ราชา  ถึงขั้นทำลายแดนเงือกให้หายไปได้ในเสี้ยววินาที  ที่สำคัญ…พลังในตัวปั้นไมได้ทำลายแค่องค์ราชาและแดนเงือกเท่านั้น  แต่ยังทำลายตัวเองอีกด้วย  หมายความว่า…ปั้นจะตายทันทีถ้าใช้พลังพวกนั้น’

‘ร้ายแรงขนาดนั้นเลยเหรอครับ!’

‘พวกเราจะให้ปั้นรู้เรื่องชาติกำเนิดของตัวเองไม่ได้อย่างเด็ดขาด  ทุกอย่างจะต้องเป็นความลัยและตายไปกับตัวพ่อเท่านั้น  ขวัญตาอุตส่าห์สละชีวิตเพื่อลูกทั้งสอง  พ่อก็จะขอสละชีวิตเพื่อพวกลูกเหมือนกัน!’

ก้านกำเกล็ดของแม่เอาไว้แน่น  เขาพอจะรู้หน้าที่ของตัวเองในตอนนี้แล้ว

เพื่อตอบแทนการตายของแม่…

เพื่อไม่ให้แม่ต้องตายฟรี…

ชีวิตที่เหลือของเขาหลังจากนี้  จะอยู่เพื่อปกป้องน้องชายของเขาเท่านั้น

 

กึก!  กึก!

‘น้องจ้าวครับ  น้องจ้าว!’

เด็กหนุ่มโยนหินก้อนเล็กขึ้นไปกระทบกับหน้าต่างห้องของเด็กน้อยวัยห้าขวบคนหนึ่ง  จ้าวที่หลับไปแล้วพอได้ยินเสียงก็สะลึกสะลือมาเปิดหน้าต่างออก

‘หืม  พี่ก้านเหรอ’

‘เดี๋ยวพี่ก้านจะปีนขึ้นไปหา  หลบไปครับ’

เด็กน้อยรีบหลบ  ก้านปีนขึ้นต้นไม้ต้นใหญ่ที่อยู่ตรงหน้าต่างห้องของจ้าวพอดี   เมื่อปีนขึ้นไปยืนบนกิ่งไม้เรียบร้อยก็กระโดดปุเข้าไปในห้องอย่างสวยงาม

‘พี่ก้าน  ตาบวมจังเลย  โดนต่อยมาเหรอครับ’

จ้าวเอ่ยถามเสียงอ่อนด้วยเป็นห่วง  เมื่อได้ยินคำถามใสซื่อจากเด็กน้อยตรงหน้า  ก้านก็เริ่มยิ้มออก  เขาอุ้มจ้าวขึ้นแล้วเดินไปนั่งบนเตียง  จับเด็กน้อยให้คร่อมทับตัวเองเอาไว้ก่อนดันให้ซบกับแผงอก  มอบกอดที่แสนอบอุ่นจนจ้าวแทบจะเคลิ้มหลับให้

‘พี่ก้านเพิ่งได้รู้เรื่องบางอย่างที่ทำเอาตกใจสุดๆไปเลยมาน่ะครับ’

‘เรื่องอะไรเหรอ’

‘น้องจ้าวยังเด็ก  ไม่ต้องรู้หรอกครับ  ที่พี่ก้านมาหาก็เพราะจิตใจของพี่ก้านไม่สงบเลย  แต่ถ้าได้อยู่กับน้องจ้าว  พี่ก้านก็จะมีสติมากขึ้น  ให้พี่ก้านอยู่ด้วยนะ’

‘ได้สิ  แต่พี่ก้านต้องจุ๊ๆไว้นะ  เดี๋ยวป๊าได้ยินแล้วจะดุจ้าวอีก’

‘ฮะๆ  ได้สิครับ  จุ๊ๆเนอะ’

ก้านยิ้มอย่างมีความสุข  เขาไล้นิ้วมือไปตามใบหน้าของเด็กน้อย  หัวใจสั่นไหวให้กับความน่ารักนี้จนแทบคุมตัวเองไม่อยู่

‘พะ…พี่ก้าน  ทำอะไรเหรอครับ  มันจั๊กจี๋นะ’

จ้าวพยายามเบี่ยงหน้าหลบเพราะถูกเด็กหนุ่มซุกไซร้จมูกไปทั่วใบหน้าและลำคอ

‘พี่ก้านรักน้องจ้าวนะครับ  รักมากเลย’

‘จ้าวก็รักพี่ก้าน  อ๊ะ…’

ลำคอถูกดูดกลืนจนเกิดความเจ็บแปลบๆจนต้องสะดุ้ง  ก้านยกยิ้มเมื่อเห็นสัญลักษณ์แสดงความเป็นเจ้าของของตัวเองติดอยู่ที่ลำคอขาวนั้นอย่างชัดเจน

‘จ้าว่าอย่างพี่ก้าน  จะทำได้ไหมครับ?’

‘ไม่ค่อยเข้าใจหรอกนะว่าพี่ก้านหมายถึงอะไร  แต่…พี่ก้านของจ้าวเก่งอยู่แล้ว  เชื่อจ้าวสิ’       

ความสุขเอ่อล้นไปทั้งหัวใจ

ขอเพียงแต่ยังมีเด็กคนนี้คอยอยู่เคียงข้างเขา  ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม  ผู้ชายที่ชื่อก้านคนนี้  ก็พร้อมที่จะฟันฝ่าด้วยพลังทั้งหมดที่มี!

 

สามปีต่อมา…

‘ฮัลโหลครับ  ครับน้องจ้าว  พี่ก้านกำลังจะไปหาครับ  รอก่อนนะ’

ก้านพูดใส่โทรศัพท์เมื่อคุณชายตัวดีในวัยแปดขวบใช้อำนาจเอาโทรศัพท์ของครูประจำชั้นมาใช้โทรหาเขาเพื่อเร่งให้ไปรับที่โรงเรียนเร็วๆ

ริจะรักเด็กเอาแต่ใจ  มันก็ต้องคอยตามใจอย่างนี้นั่นแหละ

คิดกับตัวเองก่อนจะยิ้มกว้างออกมาอีกครั้ง  น่าแปลกที่เขากลับไม่รู้สึกรำคาญหรือเหนื่อยใจเวลาที่อีกฝ่ายเอาแต่ใจและชอบอาละวาดใส่  กลับกัน  ก้านรู้สึกยิ่งรักและเอ็นดู  อยากจะอยู่ข้างๆคอยดูแลตลอดไปไม่ให้ห่าง

ดูท่า…เขาจะหลงเด็กคนนี้จนไปไหนไม่รอดเสียแล้วล่ะ

เอี๊ยด!!!

ทันทีที่เดินพ้นประตูโรงเรียนของตัวเองออกมา  ชายหนุ่มวัยสิบแปดปีอย่างเขาก็ถูกล้อมไปด้วยชายชุดดำที่ท่าทางน่ากลัว

‘พวกคุณเป็นใคร’

พลั่ก!!!

ไม่มีซึ่งบทสนทนา  ก้านถูกคนเหล่านั้นกรูเข้ามารุมสกำอย่างไร้เหตุผล  ชายหนุ่มพยายามปัดป้องตัวเองแต่ไม่เป็นผล  ผู้คนที่อยู่รอบๆไม่มีใครกล้าเข้ามาช่วยเรพาะรู้ดีว่าจะต้อวเป็นคนของผู้มีอิทธิพลอย่างมากส่งมาแน่นอน!

พลั่ก ตุ้บ ตั้บ!

‘อั้กกกก!’

เขาถูกเตะอย่างแรงจนกระเด็นไปติดกำแพง  ก่อนที่ชายชุดดำที่ดูท่าจะเป็นหัวหน้าจะเดินเข้ามากระชากคอเสื้อเขาขึ้น

‘จำไว้!  อย่าเข้าใกล้คุณชายจ้าวอีกถ้าไม่อยากตาย!’

‘อะ…อะไรนะ…’

ตอนนี้เขาพอจะรู้แล้วว่าใครคือคนที่ส่งชายชุดดำพวกนี้มาทำร้ายเขา  และสาเหตุของการทำเรื่องโหดร้ายแบบนี้คืออะไร!

 

ตึกๆๆๆๆๆๆๆ!

‘แฮ่ก  มะ…มาแล้วครับ  ขอโทษที่มาช้านะ’

‘ทำไมมาช้าล่ะ  มัวแต่ไปทำอะไรอยู่เนี่ย  จ้าวรอตั้ง…พะ…พี่ก้าน  หน้าไปโดนอะไรมาครับ!’

เด็กน้อยเบิกตากโตอย่างตกใจเมื่อเห็นสภาพของก้านที่เต็มไปด้วยบาดแผลทั้งตัว  ดวงตาบวมปูด  ที่ริมฝีปากมีเลือดไหล

‘พี่ก้านไม่เป็นไรหรอกครับ  ขอโทษนะที่มาช้า’

‘พูดอะไรแบบนั้นล่ะ  พี่ก้านเจ็บขนาดนี้  จ้าวจะไปโกรธได้ยังไง’

ว่าพลางร้องไห้เมื่อเห็นแผลทั่วตัวของชายหนุ่ม  จ้าวค่อยๆเขย่งเท้าเอื้อมมือจะจับแก้มของเขา  เมื่อเห็นอย่างนั้นก้าวขึงค่อยๆก้มหน้าไปหาและย่อตัวลงเพื่อให้เด็กน้อยสัมผัสเขาได้

‘ฮึก  เจ็บไหมครับ’

‘แค่เห็นหน้าน้องจ้าว  พี่ก้านก็หายเจ็บแล้ว’

‘จริงเหรอ’

‘จริงสิครับ’

ทั้งสองยิ้มให้กัน  ก้านตัดสินใจแล้วว่า…ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น  ต่อให้ต้องโดนซ้อมทุกวันจนตาย  เขาก็จะไม่ปล่อยมือเด็กคนนี้เด็ดขาด  จะทำทุกอย่างเพื่อให้ได้เด็กคนนี้มาอยู่เคียงข้างตลอดไป

 

‘ได้แผลมาอีกแล้วเหรอ  หมู่นี้พี่ก้านมีเรื่องกับคนอื่นบ่อยจังนะ’

เป็นอีกวันที่ก้านวิ่งหอบแดดมารับจ้าวด้วยสภาพบาดแผลเต็มตัว  พักหลังมานี้เด็กน้อยต้องพกอุปกรณ์ทำแผลมาโรงเรียนด้วยทุกวันเพื่อคอยทำแผลให้กับเขา

‘ขอโทษนะครับที่ทำให้เป็นห่วง  ไว้วันหลังพี่ก้านจะระวังตัวนะ’

‘อย่าไปมีเรื่องบ่อยนักสิครับ  เป็นแบบนี้แล้วผมกับไอ้ปั้นจะเอาพี่เป็นไอดอลได้ยังไง’

‘ครับๆ  จะไม่ทำตัวแบบนี้อีกแล้ว’

ว่าแล้วก็ขอหยิกจมูกเด็กน้อยสักทีด้วยความมันเขี้ยว  ขณะที่กำลังเฝ้ามองใบหน้าน่ารักของจ้าวที่กำลังทำแผลให้เขาอยู่  สายตาก็เหลือบไปเห็นใครคนหนึ่งยืนมองพวกเขาอยู่ไม่ไกล

ผู้ชายที่มีอิทธิพลมากที่สุดในอำเภอนี้…

พ่อของจ้าว!

 

ก๊อกก๊อกก๊อก

กระจกรถที่ติดฟิลม์สีดำสนิทถูกเคาะเรียก  คนด้านในจัดการเปิดประตูรถให้ก่อนที่คนเคาะจะถูกเชิญให้เข้ามาในรถ

‘วันนี้ไม่ส่งคนมาเล่นงานผมแล้วเหรอครับ’

ก้านเอ่ยถามทันทีที่เข้ามานั่งในรถได้

‘พ่อเลี้ยงการันต์’ หรือพ่อของจ้าวผู้มีฐานะร่ำรวยและอิทธิพลด้านมืดมากที่สุดคนหนึ่งในอำเภอแสยะยิ้มโหดร้าย

‘ฆ่าแกไปก็ตายเปล่า   ไอ้เด็กเมื่อวานซีน!’

‘แต่พ่อเลี้ยงก็ยังอุตส่าห์มาเสียเวลากับเด็กเมื่อวานซีนอย่างผมอีกนะครับ   รู้สึกเป็นเกียรติจริงๆ’

‘ฉันจะขอเข้าเรื่องแล้วกัน  เลิกยุ่งกับจ้าวซะ  ลูกฉันไม่เหมาะสมกับคนชั้นต่ำอย่างแกหรอก!’

‘จะเล่นบทพ่อตาโหดเหรอครับเนี่ย’

‘ไอ้ก้าน!  นี่ฉันพูดจริงทำจริงนะ  เลิกยุ่งกับจ้าวได้แล้ว  ลูกฉันเป็นผู้ชาย  จะยังไงมันก็ต้องมีเมียมีลูกสืบทอดตระกูลของฉัน!!!’

‘เรื่องนั้นให้น้องจ้าวเป็นคนตัดสินเองดีกว่าครับ  จะออกหัวหรอออกก้อย  ผมจะสมหวังหรือผิดหวัง  ยังไงมันก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของน้องจ้าวเท่านั้น  ไม่ใช่ของพ่อเลี้ยงหรือผม…’

ก้านตอบโต้ตาต่อตาฟันต่อฟันไร้ซึ่งความหวาดกลัวแม้คนตรงหน้าจะใหญ่คับฟ้าแค่ไหนก็ตาม  พ่อเลี้ยงการันต์ขบฟันแน่นจนกรามปูด  อารมณ์โกรธในใจปะทุยากที่จะดับมัน

‘แต่แกกับจ้าวรักกันไม่ได้!’

‘ผมขอยืนยันอีกครั้งว่าเรื่องนี้น้องจ้าวคือคนตัดสิน  ไม่ใช่พ่อเลี้ยง…’

‘แกกับจ้าวเป็นพี่น้องกัน’

‘!!!’

‘ที่แกกับจ้าวรักกันไม่ได้ก็เพราแกสองคนมีแม่คนเดียวกัน!!!’

พ่อเลี้ยงตะโกนกร้าวอย่างเหลืออด  โชคดีที่รถคันนี้เป็นรถเก็บเสียงและกันกระสุน  ลูกน้องที่ยืนเฝ้าอยู่ข้างนอกจึงไม่ได้ยินเรื่องที่พวกเขาคุยกัน

‘ถ้าพ่อเลี้ยงจะโกหกล่ะก็  ช่วยโกหกให้แนบเนียนกว่านี้หน่อยก็ดีนะครับ  เร่องพวกนี้ใครเชื่อก็โง่แล้ว’

‘ฉันพูดเรื่องจริง  เมียฉันหรือแม่ของจ้าวเป็นคนมีลูกยากเพราะมีปัญหาเรื่องมดลูกและไข่  แต่เราสองคนอยากมีลูกมากก็เลยไปขอให้ขวัญตาช่วยอุ้มบุญให้  จริงอยู่ว่าฉันกับขวัญตาไม่มีได้มีความสัมพันธ์กันทางกายหรือว่าจิตใจเลย  แต่ว่า…จ้าวเกิดมาจากสเปิร์มของฉันและไข่ของขวัญตา  เท่ากับว่าแกสองคนมีสายเลือดเดียวกันอยู่ดี!!!’

‘ไม่จริง  พ่อเลี้ยงโกหก’

‘นี่ไงหลักฐาน  ดูซะว่าคนที่อุ้มจ้าวตอนเกิดออกมาคือใคร!’

รูปใบหนึ่งถูกปาใส่หน้าก้าน  เด็กหนุ่มรีบหยิบรูปใบนั้นขึ้นมาดูก่อนจะพบว่ามันคือรูปของแม่เขาที่อุ้มจ้าวซึ่งยังเป็นทารถแรกเกิดและมีป้ายชื่อผูกอยู่ที่ข้อมือบนเตียงในโรงพยาบาล  โดยที่ข้างๆขวัญตาก็คือพ่อเลี้ยงการันต์ที่กำลังยิ้มอย่างมีความสุข

‘เป็นไปไม่ได้’

‘เพราะแบบนี้ฉันถึงได้คัดค้านความสัมพันธ์ของแกสองคน!  ฟังนะ  ถ้าครั้งนี้แกไม่ยอมเลิกยุ่งกับจ้าว  ฉันจะส่งจ้าวไปอยู่กับญาติที่อเมริกา  และแกจะไม่มีวันได้เจอหน้าลูกฉันอีก!’

‘อย่านะครับ!  อย่าพรากน้องจ้าวไปจากผม  สำหรับผมตอนนี้  น้องจ้าวคือแสงสว่างเดียวในชีวิต  คือความสุขเดียวที่ทำให้ผมยิ้มได้   ได้โปรด  อย่าเอาน้องจ้าวไป’

‘งั้นแกก็ต้องเลิกยุ่งกับลูกของฉันซะ  ก่อนที่ทุกอย่างจะถลำลึกมากไปกว่านี้  ยังไงซะ  แกกับจ้าวก็รักกันไม่ได้  เพราะพวกแกมีสายเลือดเดียวกัน!’

‘…’

‘อย่าให้เรื่องมันเลวร้ายมากไปกว่านี้เลย  ถ้าจ้าวรู้ว่าความจริงแล้วแกเป็นพี่ชาย  และไม่สามารถรักกันได้  จ้าวคงเจ็บปวดเสียใจมาก  ถ้าแกรักข้าวจริง  แกต้องไม่อยากเห็นจ้าวเจ็บปวด  ใช่ไหม?’

ก้านสับสน

ก่อนหน้านี้เขายอมตาย  ต่อให้ต้องถูกซ้อมทุกวันเขาก็ยอม  แต่เขาจะไม่ยอมท้อถอยและตัดใจจากจ้าวไปง่ายๆแน่  แล้วทำไม…

ทั้งที่ยอมถึงขนาดนั้นแล้ว  ทำไมโชคชะตาถึงยังไม่เห็นใจเขาอีก

‘เข้าใจแล้วครับ  แค่เลิกยุ่งกับน้องจ้าวก็พอสินะ’

‘ใช่…’

‘แต่พ่อเลี้ยงต้องสัญญา  ว่าจะไม่บอกเรื่องนี้กับน้องจ้าวเด็ดขาด  น้องจ้าวจะต้องไม่มีวันรู้เรื่องนี้ไปตลอดชีวิต’

‘ฉันสัญญา’

‘งั้นผมตกลง’

ก้านรับปากในที่สุด

เขาเปิดประตูลงจากรถ  เดินโซซัดโซเซไปที่หน้าประตูโรงเรียนก่อนจะทรุดตัวลงแล้วร้องตะโกนออกมาอย่างบ้าคลั่ง

‘อ๊ากกกกกกกก!’

ยอมแล้ว…

ยอมแพ้ต่อโชคชะตาแล้วจริงๆ

 

กลับมาปัจจุบัน

“น้องจ้าว!  น้องจ้าว!”

ผมออกตามหาน้องจ้าวจนทั่วหลังจากจิตใจเริ่มสงบ  แต่ไม่ว่าจะหาที่ไหนก็ไม่เจอ

ทำไมเรื่องถึงเป็นแบบนี้ไปได้  น้องจ้าวจะต้องเจ็บปวดและเสียใจมากแน่ๆที่รู้เรื่องนี้  เหมือนผมเมื่อตอนนั้น…

วินาทีที่เหมือนหัวใจแตกสลายจนไม่สามารถต่อมันกลับให้เหมือนเดิมได้อีก

ช่วงเวลาที่เจ็บปวดแทบขาดใจเหล่านั้น  ผมผ่านมันมาอย่างยากลำบากเหลือเกิน

ทั้งที่ได้เห็นกันทุกวัน  แต่กลับสัมผัสไม่ได้  ทั้งที่รักจนแทบจะเป็นบ้า  แต่กลับบอกความรู้สึกพวกนี้ออกไปไม่ได้

ผมทนอยู่กับความอึดอัดพวกนั้นมาสิบเอ็ดปีเต็ม…

แม้ว่าสุดท้ายผมจะหนีหัวใจตัวเองไม่พ้น  เผลอปล่อยตัวผูกพันทางกายกับน้องจ้าวไป  แต่นั่นก็เพราะ…ส่วนลึกของผมร่ำร้องหาเด็กคนนั้นมากมายเหลือเกิน

อยากจะเป็นเจ้าของ  อยากจะดูแลและปกป้องไปทุกวัน

สุดท้ายผมกลับกลายเป็นคนที่ทำร้ายน้องจ้าวได้อย่างเลือดเย็นที่สุดเสียเอง  ถ้าหากผมหักห้ามใจตัวเองให้มากกว่านี้  ถ้าไม่เผลอปล่อยตัวปล่อยใจไปกับความรักที่มีให้น้องจ้าวมากมาย  เด็กคนนั้นคง…ไม่ต้องเจ็บปวดมากขนาดนี้ก็ได้

บ้า!

บ้าเอ๊ย!!!

“อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกก!”

“น้องจ้าว!”

เสียงที่ตามหาดังมากจากทางชายหาด  ผมรีบเร่งฝีเท้าวิ่งไปทางนั้น ทว่าเมื่อไปถึงกลับไม่พบใครนอกจากเกลียวคลื่นที่ซัดเข้าฝั่ง

หายไปไหนกันนะ?  เสียงมันดังมากจากทางนี้แน่ๆนี่นา!

“อ๊ะ!”

สายตาเหลือบไปเห็นร่างเล็กที่คุ้นเคยกำลังเดินตรงไปที่หน้าผาในสภาพเหมือนคนไร้วิญญาณ   ผมเบิกตากว้างอย่างตกใจ  รีบวิ่งตามไปทันที

“แฮ่ก  แฮ่ก  น้อง…น้องจ้าวครับ…”

แทบไม่มีเสียงหลงเหลืออยู่  ผมเร่งสปีดฝีเท้าเต็มที่ทว่าน้องจ้าวก็ไปยืนอยู่ตรงยอดหน้าผาเสียแล้ว

ไม่ได้นะ…

อย่าทำอะไรโง่ๆนะน้องจ้าว!!!

“น้องจ้าว!  อย่านะ!”

ตู้ม!!!

“น้องจ้าว!!!”

ตู้ม!!!

ผมกระโดดลงน้ำทะเลที่มีคลื่นลมแรงราวกับมันกำลังโกรธใครอยู่ตามน้องจ้าวไปโดยไม่ได้คำนึกถึงชีวิตของตัวเองเลยแม้แต่น้อย

หากจะตาย…

เราก็จะตายด้วยกัน

 

 

บับเบิ้ลบิวชวนคุย :

มาอัพแล้วจ้า  ช่วงนี้จะเป็นช่วงเนื้อเรื่องของพี่ก้านกับน้องจ้าวเสียส่วนใหญ่นะคะ  จะจบปมของสองคนนี้ให้เรียบร้อยก่อนจะเริ่มกลับเข้าสู่คู่หลักของเรา  สรุปแล้วพี่ก้านกับน้องจ้าวเป็นพี่น้องกันจริงๆน่ะเหรอ???  ถึงแม้ว่าขวัญตาจะเป็นคนอุ้มบุญให้และใช้ไข่ของเธอผสมกับสเปิร์มของพ่อน้องจ้าวน่ะนะ?  ตกลงเรื่องเป็นยังไงกันแน่นนั้น  ต้องติดตามกันต่อไปจ้า  แต่ที่แน่ๆ…

พี่ก้านและน้องปั้นของเราครึ่งหนึ่งเป็นเงือกนะเออ!!!

เอ๊ะ  แบบนี้แล้วน้องจ้าวล่ะ???

ออฟไลน์ cchompoo

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-4

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2590
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด